Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนการเงิน-ชุดคู่มือการสอนการพัฒนาฯ-เทคโนภาคฯขอนแก่น

หนังสือเรียนการเงิน-ชุดคู่มือการสอนการพัฒนาฯ-เทคโนภาคฯขอนแก่น

Published by Super M, 2021-10-18 07:17:59

Description: หนังสือเรียนการเงิน-ชุดคู่มือการสอนการพัฒนาฯ-เทคโนภาคฯขอนแก่น

Search

Read the Text Version

1

2 บทที่ 1 กิจกรรมเปิ ดใจละลายพฤติกรรมสร้างความสมั พนั ธ์ สาระสาคญั กิจกรรมละลายพฤติกรรม คือกระบวนการที่จดั ข้ึนเพ่ือให้ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมไดม้ ีโอกาสแสดงความเป็ นตวั เองทาความรู้จกั และเปิ ดเผยตวั เองออกมาใหส้ มาชิกแต่ละคนในกลุ่มไดร้ ู้จกั กนั มากข้ึน ซ่ึงโดยธรรมชาติแลว้ เมื่อมนุษยไ์ ดเ้ ขา้ มาสู่สถานท่ีใหม่หรือ สงั คมใหม่ มกั จะสร้างกาแพงของตวั เองเพอ่ื ป้ องกนั ตวั เองดว้ ยสาเหตุต่างๆตามธรรมชาติ ทาใหเ้ กิดการปิ ดก้นั ตวั เองก่อนการปรับตวั เพือ่ เขา้ สู่สภาพแวดลอ้ มใหม่ๆนน่ั เอง กิจกรรมละลายพฤติกรรมจึงเป็ นเคร่ืองมือใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมไดม้ ีโอกาส ทาความรู้จกั โดยการทา กิจกรรมร่วมกนั และเปิ ดเผยความเป็ นตวั เอง ซ่ึงจะก่อให้เกิดความเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั มีความรู้สึกวา่ เป็ นพวกเดียวกนั เสริมสร้าง บรรยากาศท่ีเป็ นมิตรไดเ้ ร็วกวา่ การใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมปรับตวั เขา้ สู่สภาพแวดลอ้ มใหม่ๆเอง ซ่ึงกระบวนการละลายพฤติกรรม ถือวา่ มี ความสาคญั เป็ นอยา่ งยงิ่ ก่อนเร่ิมกิจกรรมต่างๆ ในการจดั การอบรม วตั ถปุ ระสงค์ ของกิจกรรมละลายพฤติกรรม 1.เพื่อส่งเสริมการรู้จกั กนั ของผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 2.เพ่อื ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมไดม้ ีโอกาสเปิ ดเผยความเป็นตวั เอง 3.เพอ่ื ก่อใหเ้ กิดความเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั 4.เพ่ือเสริ มสร้างบรรยากาศที่เป็ นมิตร เป้ าหมาย 1.ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมรู้จกั กนั 2.ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมเปิ ดเผยความเป็ นตวั เอง 3.ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมเกิดความเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั 4.เกิดบรรยากาศที่เป็ นมิตร

3 ตวั อยา่ งและวธิ ีการเล่นเกมส์นนั ทนาการละลายพฤติกรรมแบบต่างๆ 1. ผลดั กนั บอกชื่อ ใหเ้ ด็กๆนงั่ เป็ นวงกลม ใหค้ นแรกบอกช่ือตนเองดงั ๆ 1 คร้ัง จากน้นั ใหค้ นท่ีสองบอกชื่อของเพ่ือนคนแรก แลว้ บอก ชื่อตนเองดงั ๆ คนท่ีสามทาเช่นเดียวกบั คนท่ีสอง คือ บอกช่ือเพ่ือนคนท่ี 1 2 และชื่อตนเอง คนที่ส่ีบอกชื่อคนท่ี 1 2 3 และตนเอง คนท่ี หา้ บอกชื่อคนท่ี 1234 และตนเอง จากน้นั ใหเ้ ร่ิมใหมเ่ พอ่ื ไม่ใหจ้ ายากเกินไป 2. “รามา” เรียก “กิตติ” ใหส้ มาชิกนงั่ เป็ นวงกลม ใหค้ นแรกเรียกช่ือตนเองแลว้ เรียกช่ือเพ่อื นคนหน่ึงท่ีเขาจาได้ จากน้นั ใหค้ นท่ีสองทา เช่นเดียวกนั ตวั อยา่ ง “รามาเรียกกิตติ” “กิตติเรียกมาลี” “มาลีรักสนธิ” ทาเช่นน้ีเร่ือยไปจนทุกคนไดร้ ับการเรียกช่ือ 3. “ปิ งปอง” ใหส้ มาชิกนงั่ เป็ นวงกลม เม่ือผูน้ าเขา้ ไปหาใครแลว้ บอกวา่ “ปิ ง” ให้คนน้นั บอกชื่อเพื่อนที่อยทู่ างซา้ ยมือของตน ถา้ ผูน้ า บอกวา่ “ปอง” ใหค้ นน้นั บอกช่ือคนที่อยขู่ วามือของตน ถา้ ผนู้ าบอกวา่ “ปิ งปอง” ใหค้ นน้นั บอกชื่อตนเอง 4. “เรือล่ม” ให้สมาชิกอยู่กระจัดกระจายไปทว่ั ห้องหรือเดินเป็ นวงกลมพร้อมๆกบั เพลงสนุกๆ จากน้ันผูน้ าสั่งว่า “เรือจะล่ม...ให้ กระโดดลงแพ แพละ....คน” ใหผ้ นู้ าตดั สินใจเลือกเองวา่ กี่คน 5. “ฉนั เป็ นใคร” ใหผ้ นู้ าแจกกระดาษเล็กๆแจกให้สมาชิกคนละแผ่น จากน้ันให้แต่ละคนเขียนคุณสมบตั ิของตนเอง 2 ประการลงใน กระดาษท่ีแจกให้ เช่น สูง – ขาว จากน้นั ใส่ลงในตะกร้าแลว้ แจกเพ่ือนทุกคน ผนู้ าใหเ้ วลา 1 เพลงเพื่อจะไดไ้ ปหาเพ่ือนที่มีคุณสมบตั ิ ตามที่ไดน้ ้นั 6. “ทาท่าอยา่ งน้ีๆ” ใหส้ มาชิกคนแรกแนะนาตนเองโดยบอชื่อตนเองดงั ๆกบั กลุ่มพร้อมกบั ทาท่าอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เช่น สวสั ดี จากน้นั ให้คนท่ีสองบอกช่ือของเพื่อนคนแรกและทาท่าทางของเขา และตามดว้ ยการบอกช่ือของตนเองพร้อมทาท่าทางใหม่ของตนเอง คนที่ สามกต็ ามเช่นกนั เม่ือครบ 5 คนใหเ้ ร่ิมใหม่ 7. “ใครเอย่ ” เกมน้ีจะตอ้ งจาช่ือกนั ใหไ้ ดด้ ีๆจึงสนุก โดยแบ่งเด็กๆออกเป็ นสองกลุม่ แลว้ ใหผ้ นู้ าเอาผา้ ห่มมาก้นั ระหวา่ งสองกลุ่มน้ี แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุม่ ส่งสมาชิกหน่ึงคนมาอยชู่ ิดกบั ผา้ ห่ม จากน้นั ใหผ้ นู้ าท้งั สองลดผา้ ลงอยา่ งรวดเร็ว สมาชิกท้งั สองคนจะตอ้ งเรียกช่ือของอีก ฝ่ ายหน่ึงใหไ้ ดเ้ ร็วท่ีสุด ใครเรียกชื่อฝ่ ายตรงขา้ มไดช้ นะ ทาเรื่อยๆไปจนกวา่ จะไดค้ ะแนนตามที่ตอ้ งการ 8. “หาคนตามป้ ายชื่อ” เอาป้ ายชื่อของสมาชิกมารวมกนั แลว้ สุ่มแจก จากน้นั ใหไ้ ปหาเจา้ ของป้ ายชื่อน้นั ๆ 9. “ใส่หมวก” ใหส้ มาชิกนงั่ เป็ นวงกลม ผนู้ าส่งหมวกใหค้ นที่หน่ึง ใหค้ นท่ีไดห้ มวกปรบมือสามคร้ัง กระทืบเทา้ สามคร้ัง บอกชื่อของ เพ่อื นที่อยขู่ วามือของตนเอง ถา้ ใครบอกชื่อเพื่อนไมไ่ ดใ้ หท้ ุกคนสลบั ที่นงั่ กนั แลว้ เริ่มเกมกนั ใหม่ 10. “จบั บอลบอกช่ือ” ใหผ้ นู้ าโยนลกู บอลชายหาดใหส้ มาชิกคนท่ีหน่ึง แลว้ บอก ประเภทของสิ่งของอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เช่น รถยนต์ คน ที่ไดร้ ับบอลจะตอ้ งบอกช่ือตนเองพร้อมกบั บอกอะไรก็ไดท้ ี่เก่ียงขอ้ งกบั ประเภทท่ีไดร้ ับ เช่น สมพงษ-์ ลอ้ รถ จากน้นั ใหส้ ่งบอลใหเ้ พ่อื น คนใดกไ็ ดพ้ ร้อมกบั บอกประเภทของอะไรกไ็ ด้ อาจจะเป็ น กีฬา คนที่ไดบ้ อลกต็ อ้ งบอกชื่อตนเองและกีฬาหน่ึงประเภท 11.เกม สร้างบา้ นแปลงเมือง จานวนผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 50-100 คน แบ่งกลมุ่ ละ 8-10 คน อุปกรณ์ กระดาษ A4 ท่ีใชแ้ ลว้ ประมาณ 100 แผน่ ระยะเวลา 15 นาที เม่ือสมาชิกในทีมมาพร้อมแลว้ ใหผ้ นู้ ากิจกรรมอา่ นคาสง่ั ใชก้ ระดาษที่มอบให้ 1 ปึ ก จดั ตกแต่งใหเ้ ป็ นปราสาท ราชวงั ท่ีสวยงามใหเ้ วลา 10 นาทีจบั เวลาและเตรียมสรุปตามวตั ถปุ ระสงค์

4 12. เกม เรียกพลงั ความพร้อม ความเขา้ ใจ ผนู้ าเกมช้ีแจงกติกามารยาทในการดาเนินกิจกรรมในช่วงเวลาที่ตกลงกนั วา่ จะมีคาศพั ท์ เมื่อผนู้ าเกมใชค้ าพดู ต่อไปน้ีจะหมายความวา่ อยา่ งไรและตอบว่าอยา่ งไร เช่น ผูน้ าเกมพูดวา่ ……(ระบุคาเฉพาะ) ให้ทุกคนพูดวา่ เฮ้ !! พูดชื่อสินคา้ ให้พูดวา่ เย่ียมแลว้ ผูน้ าเกมก็ ทดสอบความพร้อม ความเขา้ ใจของผเู้ ลน่ ได้ ศพั ท์ที่จะใชเ้ รียกความพร้อมของกลุ่มไดก้ ็มีอีก เช่น ผูน้ าเกมพดู วา่ ซา้ ย ใหผ้ อู้ บรมพูดวา่ จ๋า และพดู วา่ ขวา ใหต้ อบวา่ น่ารักผูน้ าเกมก็ ทดสอบพดู ขวาขวา ซา้ ย ขวา ซา้ ยเป็ นตน้ แลว้ ผนู้ าเกมช้ีแจงวา่ นี่เป็ นขอ้ ตกลงในการดาเนินกิจกรรมในโครงการน้ี 13. เกมนง่ั ลอ้ มวง แทบ็ ไดม้ าจากช้นั เรียนวชิ า Acting อาจารยเ์ รียกวา่ เป็ นเกม \"เช็คสติ\" เพิ่งไดม้ าใหม่ๆ รีบจดไวเ้ ด๋ียวลืม ให้ทุกคนหยิบของมาคนละ 1 ชิ้น เป็ นของอะไรก็ไดท้ ่ีโยนได้ แตกหักเสียหายได้ (เช่น ท่ีมดั ผม ซองใส่ดินสอ ซองใส่มือถือ นิ่มๆ ประมาณน้นั ) แลว้ ส่งของวนไปเรื่อยๆ ตามจงั หวะ\"แท็บ แท็บ แท็บทะละแล็บแท็บแทบ็ \"ก็คือแท็บแรกส่งของ แทบ็ ที่สองก็ส่งของ แต่ แทบ็ ทะละแลบ็ แทบ็ ตอ้ งเอาของเคาะลงกบั พ้นื ตรงที่ตวั เองนงั่ สลบั ซา้ ยขวาเป็ นจงั หวะ ก่อนที่จะส่งอีกคร้ังเป็ นหนที่สามซ่ึงจงั หวะน้ีจะ ทาใหค้ นท่ีสติไม่ดีพอไขวเ้ ขวและสบั สนวา่ เม่ือไหร่จะส่ง อะไรประมาณน้ีเวลาจบั คนแพก้ ด็ ูวา่ ขา้ วของของใครมากองอยตู่ รงหนา้ มาก ที่สุด เพราะถา้ ส่งไม่ทนั จงั หวะของจะยงั มีอยทู่ ่ีตวั เอง ไมไ่ ดส้ ่งไป และคนที่ส่งของวนมาใหอ้ ีก ของกจ็ ะติดแหงกอยขู่ า้ งหนา้ นี่แหละ แรกๆ กช็ า้ ๆก่อน หลงั ๆ คอ่ ยเร่งจงั หวะเร็วข้ึน เพือ่ ความสนุก 14 . เกมส์ หากวา่ เรากาลงั สบายผนู้ ากิจกรรมตกลงกบั ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม ถา้ ร้องเพลงหากวา่ เรากาลงั สบาย เพลงบอกใหท้ าอะไรให้ทา ตาม 2 จงั หวะเน้ือเพลงมีดงั น้ี “หากพวกเรากาลงั สบายจง.......พลนั ” “หากพวกเรากาลงั สนุกหมดเรื่องทุกใดๆท้งั สิ้นจง...... พลนั ” 15. เกมส์ จาควายเกมน้ี คือนง่ั ลอ้ มวงแลว้ จาช่ือเพ่ือนใหไ้ ดท้ ุกคนให้คนเริ่มพดู ช่ือตวั เอง คนที่สองกพ็ ูดช่ือของคนแรกและช่ือตวั เอง คน ท่ีสามก็พูดชื่อคนแรกและคนท่ีสองและชื่อตวั เอง เพ่ิมจานวนวนไปเร่ือยๆๆ เคราะห์กรรมจะตกอยกู่ ะคนสุดทา้ ยท่ีตอ้ งจาใหร้ อบวงแต่ เลน่ จริงๆ พอไปสกั 6-7 คนกเ็ ร่ิมไขวเ้ ขวแลว้ 16.เกม จิ๊กซอสมั พนั ธ์ แบ่งกลมุ่ ละ 8-10 คนตวั ตอ่ จิ๊กซอ 500 ชิ้นเท่าจานวนกลมุ่ ที่แบ่งไว้ ระยะเวลา 10 นาที ผนู้ ากิจกรรมแบ่งผเู้ ลน่ ออกเป็ นกล่มุ ๆ แลว้ แจกตวั ต่อจ๊ิกซอ 500 ชิ้น ใหก้ ลุ่มละ 1 ชุด ใหแ้ ต่ละกลุม่ วางแผนตอ่ ให้เสร็จ เม่ือกลุ่มใดต่อเสร็จให้ปรบมือพร้อมกนั ให้เวลากลุ่มละไม่เกิน10 นาทีเมื่อหมดเวลาก็มีการเดินตรวจ และใหค้ ะแนน 17. เกม ฝงู วานร จดั ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมเรียงกนั เป็ นวงกลม หรือรูปตวั ยู ตามความเหมาะสม ผนู้ ากิจกรรมแจง้ กฎและกติกาในการเลน่ และกาหนดผทู้ ่ีจะเร่ิมเป็ นคนแรก ผเู้ ล่นคนแรกจะร้องวา่ “ลิง 1 ตวั ” ผูเ้ ล่นคนต่อไปจะอยูต่ ิดกบั คนแรกจะซา้ ยหรือขวาก็ไดจ้ ะตอ้ งกระโดดทาท่าลิงไปขา้ งหนา้ 1 คร้ัง พร้อมร้องวา่ “กระโดด 1 คร้ัง”คนที่สามก็จะกระโดดทาท่าลิงไปขา้ งหนา้ 1 คร้ังพร้อมร้องเสียงลิง 1 คร้ัง “เจี๊ยก”เป็ นอนั ครบลิง 1 ตวั โดยท่ีผนู้ ากิจกรรมจะกาหนดเองตามความเหมาะสมกบั คนเลน่ วา่ จะใชล้ ิงกี่ตวั

5 18.เกมส์ที่ใชใ้ นการฝึ กอบรม ท่องสูตรคูณ/เซเวน่ อพั เป็ นเกมนบั เลขที่กาหนดกติกาตา่ งๆ ให้นบั เลขวนไปเร่ือยๆ แต่มีขอ้ ห้าม เช่น ท่องสูตรคูณแม่ 5 ถา้ มีคาวา่ 10 ใหต้ บมือแทน หรือถา้ นบั ไปถึงเลข 7 ให้พูดวา่ \"เซเวน่ อพั \" หรือนบั ไปถึงเลขท่ี 3 หารลงตวั ตอ้ งหันหนา้ แทนการนบั ฯลฯ แลว้ แต่จะกาหนดกติกาความสนุกอยู่ ตรงที่นบั ยงั ไงก็ไมค่ รบไม่จบสกั ที ตอ้ งมีคนผดิ คนเผลออยปู่ ระจา 19.เกมส์ท่ีใชใ้ นการฝึ กอบรม รักนะ-จะบา้ เหรอเกมน้ีใชก้ ารหนั หนา้ +การพดู คาวา่ \"รักนะ\" กบั \"จะบา้ เหรอ\" หนั หนา้ ไปทางไหนกไ็ ด้ แต่ตอ้ งจาวา่ ถา้ หนั ซา้ ย พดู รักนะ หนั ขวาพดู จะบา้ เหรอ บางทีอาจจะหันขวากนั ไปหมด ก็จะบา้ เหรอๆๆๆ อะไรประมาณน้ี บางทีเราจะสับสนกนั เองวา่ หันซา้ ยพูดอะไร หันขวาพดู อะไรเกม ลอ้ มวงเป็ นพ้ืนฐานในการทากิจกรรมอ่ืนๆ ตอ่ ๆไป แลว้ ก็เล่นง่ายดว้ ย 20. เกมโยนเหรียญลงแกว้ เหรียญ 10 บาท 3 เหรียญ ถงั พลาสติกขนาดใหญใ่ ส่น้า ¾ ส่วนแกว้ น้าใส 1 ใบ ใหส้ มาชิกทีละคน โยนเหรียญลงในแกว้ โยนลง 1 เหรียญ ได้ 10 คะแนนโยนครบ 3 เหรียญใหส้ มาชิกคนตอ่ ไปโยนจนครบท้งั กลุ่ม รวมคะแนนของสมาชิกทุกคนในกลุ่ม เปรียบเทียบกบั กลุ่มอ่ืนๆกลุ่มไหนคะแนนมากท่ีสุดเป็ นฝ่ ายชนะ

6 บทท่ี 2 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑. แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มีพระราชดารัสช้ีแนะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของ ประชาชนในทุกระดบั ใหด้ าเนินไปในทางสายกลางและกา้ วทนั ต่อยคุ โลกาภิวฒั น์ พร้อมกบั การสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติใหม้ ี ความสานึกในคุณธรรม จริยธรรม ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต ความอดทน ความเพียร ใชส้ ติปัญญาในดาเนินชีวติ หากมีความเพียรแลว้ ความ โลภ ความเห็นแกตวั ความคิดทุจริตกจ็ ะมลายไปจากจิตใจ ๒. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ๒.๑ อธิบายความรู้เก่ียวกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ ๒.๒ วเิ คราะห์แนวทางปฏิบตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ ๒.๓ ประยกุ ตห์ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยถอดบทเรียนมาใชใ้ นการดาเนินชีวติ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ เศรษฐกิจพอเพียง ๓.๒ เม่ือแสงเทียนดบั ๔. ข้นั ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม ๔.๑ ครูเปิ ดเพลง “อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง” พร้อมภาพประกอบการทรงงานของพรบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ในหลวง รัชกาลท่ี ๙ ๔.๒ ครูสอบถามความรู้พ้นื ฐาน “หลกั ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” กบั นกั ศึกษา และอธิบาย – สนทนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ ๔.๓ ครูเปิ ด V.D.O “การถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เร่ือง การใชจ้ ่ายในชีวติ ประจาวนั โรงเรียน วดั วงั วเิ วการาม” ๔.๔ ครูใหน้ กั ศึกษาอ่านบทความ “เมื่อแสงเทียนดบั ” แลว้ ใหน้ กั ศึกษาถอดบทเรียนการดาเนินชีวติ บนความถกู ตอ้ ง ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๔.๕ ทุกคนในกลุม่ ระดมสมองร่วมกนั ศึกษาวเิ คราะห์และดาเนินกิจกรรมตามท่ีกาหนดให้ ๔.๖ ทุกกลุ่มส่งตวั แทนนาเสนอและเปิ ดโอกาสให้มีการชกั ถาม ครูไดอ้ ธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้งานทุกกลุ่มมีความสมบูรณ์มาก ยง่ิ ข้ึน ๔.๗ นาผลงานผเู้ รียนติดป้ ายนิเทศและลงเวบ็ ไซตข์ องสถานศึกษาเพือ่ เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน ๕. ส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์และแหลง่ เรียนรู้ ๕.๑ เพลงประกอบภาพคลิป V.D.O เรื่อง “อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง” ๕.๒ Power point ๕.๓ กระดาษปรู๊ฟ ปากกาเคมี ๕.๔ สื่อ ส่ิงพิมพ์ ๖. การวดั และประเมินผล ๖.๑ แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล

7 ๖.๒ แบบประเมินผลการสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ๖.๓ การประเมินผลการปฏิบตั ิตนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๖.๔ แบบประเมินตนเอง

8 ใบความรู้ ชื่อหน่วย ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเรื่อง เศรษฐกจิ พอเพยี ง จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ๑. วเิ คราะห์แนวทางการปฏิบตั ิตนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ ๒. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็ นแนวทางในการดาเนินชีวติ อยา่ งสุจริตได้ คาชี้แจง ผเู้ รียนอา่ นเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ศึกษาและวเิ คราะห์แลว้ นาความรู้ไปตอบคาถามตามท่ีกาหนดให้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็ นปรัชญาที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดารัสช้ีแนะแนวทาง ในการดาเนินชีวติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ต้งั แต่ก่อนมีวกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและเม่ือภายหลงั ไดท้ รงเนน้ ย้าแนวทางการ แกไ้ ขเพื่อใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยืนภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์และการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นปรัชญาท่ีช้ีถึงแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นาและการบริหารประเทศ ในการดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจใหก้ า้ วทนั โลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็ นที่จะตอ้ งมีระบบภูมิคุม้ กนั ในตวั ที่ดี พอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปล่ียนแปลงท้งั ภายนอกและภายใน ท้งั น้ีจะตอ้ งอาศยั ความรู้ ความรอบคอบ ความ ระมดั ระวงั อยา่ งยิ่งในการนาวิชาต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผน และการดาเนินการทุกข้นั ตอน และขณะเดียวจะตอ้ งเสริมสร้างพ้ืนฐาน จิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ที่รัฐนกั ทฤษฎีและนกั ธุรกิจในทุกระดบั ใหม้ ีจิตสานึกคุณธรรม มีความซื่อสัตยส์ ุจริต และให้ ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพียรมีสติปัญญาและความรอบคอบ เพ่ือใหส้ มดุลและพร้อมตอ่ การรองรับ การเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวางทางดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ มและวฒั นธรรม

9 ๑. กรอบแนวคิด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็ นปรัชญาการดารงอยใู่ นการปฏิบตั ิ (Economic Life Guiding Principle) โดยมีพ้ืนฐานมาจากวิธีชีวติ ด้งั เดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลาเป็ นการ มองโลกเชิงระบบที่มีลกั ษณะพลวตั (Dynamic) มุ่งเนน้ การรอดพน้ จากภยั และวฤิ ต เพ่อื ความมง่ั คง และความยง่ั ยนื ของการพฒั นา (Sustainability) ๒. คุณลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นแนวทางปฏิบตั ิในทางท่ีควรจะเป็ น (Normative Prescription)สามารถนามาประยกุ ต์ใชก้ บั การ ปฏิบตั ิตนไดใ้ นทุกระดบั (Scalable) โดยมีแนวคิดทางกลาง (Middle Path) เป็ นหัวใจสาคญั ของกรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ทางสายกลางในที่น้ีหมายถึงวธิ ีการ (Means) หรือ การกระทาที่พอประมาณบนพ้ืนฐานของความมีเหตผุ ล และสร้างภูมิคุม้ กนั ที่จะนาไปสู่การพฒั นาแบบเศรษฐกิจพอเพยี ง ๓. คานิยาม “ ความพอเพียง ” (sufficiency) ประกอบดว้ ยคุณลกั ษณะ ๓ ประการ และเงื่อนไง ๒ ประการ ซ่ึงมีความสมั พนั ธค์ วบคูก่ นั ไป นาไปสู่แนวทางการปฏิบตั ิที่ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาที่ยงิ่ ยนื ตอ่ สงั คมโดยแก่ ไดแ้ ก่ ๓.๑ ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง ความพอดีท่ีไม่มากเกินไป และไม่นอ้ ยเกินไปในมิติต่างๆ ของการกระทา หรือความพอใจในสิ่งสมควรใรปริมาณท่ีเหมาะสม ไม่นอ้ ยเกินไปจนก่อใหเ้ กิดความขดั สนและไม่มากเกินไปจนฟ่ มุ เฟื อยจนเกิดกาลงั ของตน ๓.๒ ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึงการตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอประมาณในมิติตา่ งๆ จะตอ้ งเป็ นไปอยา่ ง มีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั และขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบและถูกตอ้ ง บนพ้ืนฐานของความรู้คู่คุณธรรม ๓.๓ การมีภูมิคุม้ กันในตวั ท่ีดี (Self – Immunity) หมายถึง การเตีรยมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบท่ีคาดว่าจะเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆ การกระทาท่ีสามารถเรียกวา่ พอเพยี ง (Systematic and Dynamic Optimum) มิใช่กาคานึงถึงเหตุการณ์และผลใน ปัจจุบนั เท่าน้นั แต่จาเป็ นตอ้ งคานึงถึงความเป็ นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตดว้ ย ๔. เงื่อนไข การตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ความพอเพียงน้นั ตอ้ งประกอบดว้ ยสิงต่อไปน้ี เงื่อนไขท่ี ๑ ความรู้ (Set of Knowledge) ประกอบดว้ ย ความรู้ ความรู้เก่ียวกบั วชิ าการต่างๆ อยา่ งรอบดา้ น ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาให้เช่ือมโยงสัมพนั ธ์กนั (เพื่อการวางแผน) และความระมดั ระวงั ใน การนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดผลในทางปฏิบตั ิทุกข้นั ตอน เง่ือนไขที่ ๒ คุณธรรม (Ethical Qualification) ประกอบดว้ ยคุณธรรมที่จะตอ้ งเสริมสร้างให้จิตใจมีความตระหนักใน คุณธรรมและความซื่อสตั ย์ และมีคุณธรรมในการดาเนินชีวติ โดยเนน้ ความอดทน ความเพยี ร สติปัญญา และความรอบคอบ

10 ๕. แนวทางปฏิบตั ิและผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ การนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชจ้ ะทาให้เกิดวิธีการพฒั นา (Development Path) และผลการพฒั นา (Development Goal) ท่ีสมดุล (Balance) และพร้อมรับตอ่ การเปล่ียน แปลงในทุกดา้ นท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม ความรู้ เทคโนโลยี นาไปสู่ความยงั่ ยืนของการพฒั นาหรือความดารงอย่อู ย่าง ตอ่ เน่ือง (Sustainability) เกิดความสมดุลใน ๔ มิติ คือ ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม และดา้ นวฒั นธรรม จึงอาจกล่าวโดยสรูปไดว้ า่ ปัญหาทุจริตเกิดจากพฤติกรรมของคนในสงั คม หากคนในสงั คมไมว่ า่ จะเป็ นผนู้ าดารงตาแหน่งใด หรือประกอบอาชีพใดก็ตาม เป็ นผูท้ ีมีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาวิชาชีพ รู้บทบาลหนา้ ที่ของตน ทาหนา้ ที่ของตนอยา่ งซื่อสัตยส์ ุจริต รู้จกั แยกประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวมและดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแลว้ สังคมน้ันก็จะอยู่ รวมกนั อยา่ งเป็ นปกติสุขดว้ ยความช่วยเหลือเก้ือกลู ไร้การละเมิดสิทธิ การเอารัดเอาเปรียบกนั และปราศจากการทุจริต

แบบทดสอบหลงั การเรียน 11 ๑. ใหผ้ เู้ รียนนาขอ้ ความท่ีกาหนดไวไ้ ปเติมลงหนา้ ขอ้ ท่ีมคี วามหมายสอดคลอ้ ง เงื่อนไขคณุ ธรรม ๔ มิติ พอประมาณ มีเหตผุ ล ภมู ิค้มุ กนั ในตวั ทดี่ ี เงื่อนไขความรู้ วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรมไทย ……………………..๒.๑ การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพยี งน้นั ตอ้ งพจิ ารณาเหตุปัจจยั เกี่ยวขอ้ ง .................................๒.๒ ความพอดีตามอตั ภาพและความเหมาะสมกบั บริบทและภูมิสงั คม .................................๒.๓ ตอ้ งอยตู่ ามพ้นื ฐานท่ีถูกตอ้ งตามหลกั วชิ า หลกั กฎหมาย และหลกั ศีลธรรม .................................๒.๔ สิตเป็ นความระลึกรู้ในส่ิงที่ทาเกิดความย้งั คิดพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง .................................๒.๕ ความพอดีไมน่ อ้ ยเกินไปไม่มากเกินไป .................................๒.๖ จะเป็นการคาดคะเนปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตพร้อมหาวธิ ีแกไ้ ข .................................๒.๗ เตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดข้ึนในดา้ นต่างๆ .................................๒.๘ รู้ทฤษฎี หลกั การและขอ้ มูลที่เกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองที่คดิ และทา .................................๒.๙ มิติเก่ียวขอ้ งกบั ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลายหลายทางชีวภาพเป็ นสิ่งจาเป็นในการดาเนินชีวติ .................................๒.๑๐ สภาวะภายในจิตใจมนุษยท์ ่ีเป็ นไปในทางที่ถกู ตอ้ งดีงาม .................................๒.๑๑ สามารถในไปใชใ้ นการคิด การวานแผนและการปฏิบตั ิใหเ้ หมาะสม ดาเนินไปในสายกลาง .................................๒.๑๒ ความซ่ือสตั ย์ ความขยนั ความอดทด ความเพียง มีสติและรู้จกั การแบ่งปัน …………………….๒.๑๓ เตรียมแผนสารองแกป้ ัญหาและหาทางออกไว้ จะช่วยผอ่ นหนกั เป็ นเบาได้ .................................๒.๑๔ เป็ นความเช่ือมโยงขององคป์ ระกอยตา่ งๆ จนเห็นภาพรวมของเรื่องน้นั และเกิดความสมดุล .................................๒.๑๕ เป็ นทกั ษะที่ควรไดร้ บั การฝึ กฝนเพราะเป็ นฐานในการคิดและการปฏิบตั ิงานทุกอยา่ ง .................................๒.๑๖ มิติเชิงกายภาพท่ีมนุษยส์ ร้างหรือประดิษฐข์ ้ึน เช่น ท่ีอยอู่ าศยั วสั ดุอปุ กรณ์ รวมท้งั เงิน .................................๒.๑๗ มิติท่ีตอ้ งอยรู่ วมกนั มีความสมั พนั ธก์ นั ช่วยเหลือเผือ่ แผ่ มีกฎเกณฑ์ เคารพกฎหมาย .................................๒.๑๘ ความรู้สึก รู้กวา้ ง รู้ชดั รู้เท่าทนั และมีสติระลึก เป็ นความรู้ในระดบั สูง .................................๒.๑๙ เป็ นมิติที่เก่ียวขอ้ งกบั คา่ นิยมของคนในสงั คมที่เปลี่ยนแปลงเหมาะสมคงเอกลกั ษณข์ องชุมชนไว้ .................................๑.๒๐ มิติเก่ียวขอ้ งกบั การดารงชีวติ ศาสนา ความเช่ือ ภูมิปัญญา ขนบธรรมเนียมตา่ งๆ

12 ๒. ผเู้ รียนคน้ ควา้ หาขอ้ มลู เก่ียวกบั พระบรมราโชวาทและพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั แลว้ นามาเขียนลงในตาราง ดา้ นขวามือโดยใหม้ ีเน้ือหาสอดคลอ้ งกบั ขอ้ ความท่ีกาหนด พระราชดารัส ขอ้ ความ พระบรมราโชวาท ๑. ความซ่ือสตั ย์ สุจริต ๒. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓. นกั เรียน นกั ศึกษา ๔. ขา้ ราชการ ๕. ศาสนา

13 ๓. ผเู้ รียนอา่ นเร่ือง “เม่ือแสงเทียนดบั ” แลว้ ใหถ้ อดบทเรียนการดาเนินชีวติ บนความถกู ตอ้ ง ซื่อสตั ยส์ ุจริตตามปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เมอื่ แสงเทยี นดบั นางเบญจมาศเป็ นขา้ ราชการครู สอนอยทู่ ่ีโรงเรียนแห่งหน่ึง ไดห้ ลอกลวงนายวชิ ิตสามารถฝากบุตรชายใหเ้ ขา้ เรียนที่ โรงเรียนมีช่ือเสียงในตวั จงั หวดั ได้ แต่ตอ้ งมีการใชจ้ ่ายในการวง่ิ เตน้ คร้ังน้ีเป็นจานวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นายวชิ ิตหลงเช่ือยอมมอบเงิน ใหน้ างเบญจมาศ ต่อมาปรากฏวา่ บุตรชายนายวชิ ิตไมส่ ามารถเขา้ เรียนที่โรงเรียนดงั กล่าว นายวชิ ิตไดข้ อเงินคืน แต่นางเบญจมาศไม่ ยอมคืนเงินให้ นายวชิ ิตไดไ้ ปฟ้ องศาลดาเนินคดีอาญาฐานฉอ้ โกง ซ่ึงศาลไดม้ ีคาพิพากษาถึงที่สุดวา่ นางเบญจมาศ มีความผิดตามฟ้ องให้ ลงโทษจาคุก ๒ ปี แลว้ หน่วยงานตน้ สงั กดั ของนางเบญจมาศไดส้ อบสวนแลว้ เห็นวา่ นางเบญจมาศมีความผดิ ทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ตาม พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบุลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๙ มาตรา ๙๔ ฐานกระทาการอนั ไดช้ ่ือวา่ เป็ นผปู้ ระพฤติชวั่ อยา่ งร้ายแรงจึงมคี าสง่ั ไล่นางเบญจมาศออกจากราชการ เงื่อนไขความรู้ เงื่อนไขคุณธรรม ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล ความมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ที่ดี ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. ............................................................. ................................................................ ............................................................. นาไปสู่

14 วตั ถุ สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. .............................................. ..............................................

15 ตวั อยา่ งการถอดบทเรียนตาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ การซักผา้ ดว้ ยเคร่ืองซักผ้า ควรเลือกใช้สารซักฟอกท่ีเหมาะสม สาหรับเคร่ืองซักผา้ โดยเฉพาะเทา่ นน้ั ซ่ึง จะชว่ ยประหยัดค่าใชจ้ ่ายและรกั ษา เครือ่ งซักผา้ ใหค้ งสภาพใช้งานไดน้ าน มเี หตผุ ล มภี ูมคิ มุ้ กันในตัวทด่ี ี ก่อนซักผ้าควรวางแผนการ การใช้เครื่องซกั ผา้ ควร ทางานให้พรอ้ ม เพอ่ื ความรวดเร็วใน เลอื กใช้สารซักฟอกท่ีดแี ละ การทางานและลดความผดิ พลาดท่ี ปฏบิ ัติตามคาแนะนาใน อาจเกิดขึน้ คู่มือการใชง้ านอย่าง เคร่งครดั ควรต้งั เวลา ความเรว็ และอุณหภมู ทิ ี่ เหมาะสม เง่อื นไขความรู้ นาไปสู่ เง่อื นไขคุณธรรม การตากผ้าจะช่วยยดื อายขุ องผ้าและทา มีความตรงต่อเวลา มคี วามรับผดิ ชอบ ใหเ้ ส้ือผา้ ไมช่ ารดุ เสียหายไดง้ ่าย ซอ่ื สัตย์ ขยนั และอดทน ในการทางานเพือ่ ให้งาน สาเรจ็ ได้ด้วยดี สังคม เศรษฐกจิ วฒั นธรรม สิ่งแวดลอ้ ม ใส่เสอื้ ผา้ ท่สี ะอาด การซักรดี ผา้ วธิ กี ารจัดเก็บผา้ ที่ การทาผ้าให้แห้งดว้ ย สะอา้ น และรัดกมุ เพ่อื ให้ สามารถเพ่มิ รายได้ใหก้ บั ไมต่ ้องรดี โดยพับเกบ็ ไว้ใน วธิ นี ธ้ี รรมชาตโิ ดยการนาไป เหมาะสมในการออกสงั คม ตนเองและครอบครวั โดย ต้เู ส้ือผา้ กล่องหรือตะกรา้ ใสเ่ สือ้ ผ้าทีม่ ิดชิดให้ ผึ่งแดดหรอื ผ่ึงลม เปิดร้านซกั รีด เรยี บร้อยถือเปน็ วัฒนธรรม ของคนสมัยก่อน

16 ตวั อยา่ งหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณา ในการถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ คือ พอประมาณกับนักเรยี น ในด้านวยั ศกั ยภาพ เวลา สถานท่ี งบประมาณ มเี หตุผล การมีภมู คิ ุ้มกันในตวั ที่ดี คอื ประโยชนท์ นี่ ักเรยี นไดร้ ับจาก คือ ผลทเ่ี กดิ จากนักเรยี นทีต่ ิด การปฏิบัตเิ ร่อื งน้ันๆ ตวั อย่างยั่งยนื เงือ่ นไขความรู้ หวั ข้อทีก่ าหนด เงื่อนไขคณุ ธรรม คอื ความร้ตู ามหวั ขอ้ คือ เรือ่ งทเ่ี กี่ยวกบั การเรยี นในห้องเรียน เรื่องท่ี คือ สติ ปญั ญา ทก่ี าหนด ตอ้ งอาศัย อดทน เสียสละ เกี่ยวข้องกับชวี ติ ประจาวนั เอ้ือเฟอ้ื ซื่อสตั ย์ ความรู้ใดบา้ ง มีวนิ ยั ประหยดั ลงสู่ 4 มิติ วตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดล้อม วฒั นธรรม อาจเป็นชิ้นงานหรือ การมีความสมั พนั ธ์กบั สง่ิ แวดล้อมรอบตวั ท้องถ่ินที่ปฏบิ ตั ิสบื ตอ่ ลกั ษณะทเี่ กดิ กับ คนอืน่ และสงั คม นกั เรียนทงั้ ทม่ี ชี วี ิต กนั มารุ่นสรู่ ุ่น นกั เรียน เชน่ การออก กาลังกายก็ได้ร่างกาย และไมม่ ชี ีวติ ทีแ่ ขง็ แรง

17

18 บทที่ 3 การทาบญั ชีครัวเรือน สาระการเรียนรู้ 1.ความหมายของการทาบญั ชี 2.ความหมายของบญั ชีครัวเรือน 3.ประโยชนข์ องการทาบญั ชีครัวเรือน 4.หลกั ในการจดั ทาบญั ชีครัวเรือน 5.ปัญหาของการจดั ทาบญั ชีครัวเรือน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.เพอื่ ใหอ้ ธิบายความหมายของการทาบญั ชีได้ 2.เพอื่ ใหอ้ ธิบายความหมายของบญั ชีครัวเรือนได้ 3.เพื่อใหส้ ามารถบอกประโยชนข์ องการทาบญั ชีครัวเรือนได้ 4.เพื่อใหส้ ามารถบนั ทึกและจดั ทาบญั ชีครัวเรือนได้ 5.เพอ่ื ใหบ้ อกปัญหาของการจดั ทาบญั ชีครัวเรือนได้ บญั ชีครัวเรือน วฒั นธรรมหน้ีในสังคมไทยเริ่มเปล่ียนแปลงคุณค่า ความหมาย ความสาคญั ภูมิปัญญา เงื่อนไข ปัจจยั แบบแผน พฤติกรรม ผลผลิต ผลลพั ธ์ไปจากเดิม เม่ือสังคมไทยเริ่มรับวฒั นธรรมหน้ีสมยั ใหม่เขา้ มาใชม้ ากข้ึน เนื่องจากวฒั นธรรมหน้ีสมยั ใหม่ ไม่ไดถ้ ูกนามาใชใ้ นนิยามของการพ่ึงพาอาศยั กนั และกนั อย่างพอเพียง สมดุล และเป็ นธรรมตามแบบพ้ืนฐาน หากแต่ถูกนามาใชเ้ พื่อ การคา้ กาไร แสวงหาผลประโยชน์ที่กดขี่เอารัดเอาเปรียบให้ดีที่สุดเท่าที่จะทาได้ ท้งั หน้ีบุญคุณและหน้ีสิน และเช่ือมโยงภาวะหน้ี เหล่าน้ันสู่การถือครองสิทธิท่ีผูกขาดอานาจต่างๆ ทางเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง การบริหารจัดการ และการใชป้ ระโยชน์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มอย่างไม่เป็ นธรรม โดยนาเขา้ ภูมิปัญญา เง่ือนไข ปัจจยั แบบแผนพฤติกรรม ระเบียบกฎเกณฑ์ กฎหมาย ระบบและกลไกวฒั นธรรมหน้ีสมยั ใหมเ่ ขา้ มาใช้ ซ่ึงมีความสลบั ซบั ซอ้ นแตกตา่ งจากวฒั นธรรมหน้ีแบบพ้ืนบา้ น จนยากที่ ชาวบา้ นจะเรียนรู้ เขา้ ใจ และรู้เทา่ ทนั ได้ ทาใหส้ งั คมเกิดการพ่ึงพาอาศยั กนั และกนั ในลกั ษณะท่ีไมพ่ อดี ไม่พอเพยี ง ไมส่ มดุลและไม่ เป็ นธรรม ส่งผลใหเ้ กิดเหตกุ ารณ์สาคญั ตา่ งๆ ที่เป็ นปัญหาสงั คมข้ึนเป็นระยะๆ

19 การทาบญั ชีครัวเรือนหรือการจดบญั ชี จะทาใหเ้ ราทราบวา่ มีรายไดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หนสามารถลดค่าใชจ้ ่ายรายการใดออกไปได้ บา้ ง น่าจะทาใหส้ ร้างความสมดุลระหวา่ งรายไดแ้ ละคา่ ใชจ้ ่ายใหเ้ หมาะสมแก่ฐานะทางการเงินเฉพาะตวั ไดด้ ีพอสมควร ผลพวงของการ ทาบญั ชีครัวเรือนยงั ปลกู ฝังใหเ้ กิดการเกบ็ ออม เรียนรู้ท่ีจะใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และการพ่ึงพาตนเองอยา่ งยง่ั ยนื ก็จะเกิดข้ึนตลอดไป บญั ชีครัวเรือนทาขึน้ เพอื่ อะไร วตั ถุประสงคเ์ พื่อกระตุน้ ให้เกิดการทาบญั ชีครัวเรือน และปรับเปล่ียนพฤติกรรมหลงั การจดั ทาบญั ชีครัวเรือนเพ่ือการออม การทาบญั ชี คือ การจดบนั ทึกขอ้ มลู เกี่ยวกบั รายรับและรายจ่าย หรือบนั ทึกรายการทรัพยส์ ิน ไดแ้ ก่ ขา้ วของเงินทอง บญั ชีครัวเรือน คือ การบนั ทึกรายรับรายจ่ายประจาวนั และรวมถึงการบนั ทึกขอ้ มูลดา้ นทรัพยส์ ินต่างๆ ส่วนการออม คือประหยดั เก็บหอมรอบริบ เช่น ออมทรัพย์ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการทาบญั ชีจะทาให้ทราบวา่ มีจานวนรายรับ - รายจ่ายจากที่ไหน เท่าใดในแต่ละวนั เดือน และปี เพื่อจะได้ เห็นภาพรวมว่า มีรายจ่ายเกินรับเท่าใด รายการใดจ่ายนอ้ ยจ่ายมาก จาเป็ นมากน้อยเพียงใด เช่น ซ้ืออาหาร ดอกเบ้ีย ซ้ือยา ซ้ือเส้ือผา้ ซ่อมแซมบา้ น การศึกษา เป็ นตน้ เม่ือนามาบวกลบกนั แลว้ ขาดดุล - เกินดุลไปเท่าใด บญั ชีครัวเรือนกจ็ ะเป็ นประโยชน์ต่อการวางแผน รายไดร้ ายจ่ายท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ในทางเศรษฐศาสตร์ เงินหรือรายรับท่ีไดม้ าน้นั บุคคลควรมีการจดั การออกเป็ น 3 ส่วน ส่วนหน่ึง ไวใ้ ชจ้ ่าย ส่วนหน่ึงไวใ้ ชเ้ พอ่ื การลงทุน และอีกส่วนไวใ้ ชเ้ พื่อการออมในอนาคต หากครัวเรือนใดที่สมาชิกหา เงินมาได้แลว้ มีการบันทึกการใช้จ่ายท้ังหมดก็จะทาให้เห็นภาพว่า ตอ้ งจัดสรรเงินอย่างไรจึงจะถือว่า พอประมาณ ขออา้ งอิงตามหลกั เศรษฐศาสตร์อีกคร้ังวา่ “ของฟรีไม่มีในโลก”ดงั น้นั ทุกอยา่ งจึงมีค่าใชจ้ ่าย จึง ตอ้ งนามาคานวณเป็ นรายจ่ายและรายรับ แมก้ ระทงั่ การออมแบบผอ่ นรายเดือน อยา่ งเช่นในประเทศสิงคโปร์ มี การบงั คบั ใหอ้ อมเพื่อดูแลสุขภาพตนเองในยามสูงอายุ (Medisave) เป็ นการออมท่ีรัฐบงั คบั ประชาชน ดงั น้นั รัฐจะไม่ตอ้ งจ่ายเงินเพ่ือ สุขภาพ หากแต่ละคนไดว้ างแผนในอนาคตเรื่องการออมไว้ ซ่ึง จะทาใหช้ ีวติ ในยามสูงอายมุ ีเงินพอที่จะจบั จ่ายรักษาตน ประเทศชาติก็ เช่นกนั หากผูน้ ารัฐบาลมีการระดมการออม สร้างค่านิยมการอดออม เพื่อให้กระแสเงินสะพดั ภายในประเทศ ประเทศก็ไม่ตอ้ งมีหน้ี สาธารณะมาก และทา้ ยท่ีสุดกไ็ มต่ กเป็ นภาระภาษีแก่ราษฎรมากนกั ความรู้เก่ียวกบั การทาบญั ชีครัวเรือน จากสภาวะสังคมปัจจุบนั ท่ีเต็มไปดว้ ยกระแสวตั ถุนิยม และความฟ่ ุมเฟื อย ฟ้ ุงเฟ้ อ จนทาให้คนไทยหลงเดินทางผิดไปตาม กระแสนิยมจนกลายเป็ นปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหน้ีสินที่ไม่มีวนั จบสิ้น อยา่ งไรก็ตามคนไทยยงั มีทางออก ซ่ึงการจะดารงชีวติ ให้อยู่ รอดภายใตส้ งั คมในปัจจุบนั แนวทางหน่ึงท่ีประชาชนไทยควรยดึ ถือคือการพ่งึ ตนเอง รู้จกั ความพอประมาณ และไมป่ ระมาท ตามแนว ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ท่ีทรงมองเห็นถึงความสาคญั ของการสร้างภูมิคุม้ กนั ให้กบั ตวั เอง รู้จกั ความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ คานึงถึงหลกั เหตุผลและการประมาณตนเอง พร้อมกบั ทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท โดยเฉพาะการใชจ้ ่ายเงินอนั เป็ นปัจจยั สาคญั ในการดาเนินชีวติ

20 การทาบญั ชี คือ การจดบนั ทึก ขอ้ มูลเกี่ยวกบั เงื่อนไขปัจจยั ในการดารงชีวติ ของตวั เอง และ ภายในครอบครัว ชุมชน รวมถึงประเทศ ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการบนั ทึกจะเป็ นตวั บง่ ช้ีอดีตปัจจุบนั และ อนาคตของชีวติ ของตวั เอง สามารถนาขอ้ มูลอดีตมาบอกปัจจุบนั และอนาคตได้ ขอ้ มลู ท่ีได้ ท่ีบนั ทึก ไว้ จะเป็ นประโยชนต์ ่อการวางแผนชีวติ และกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ในครอบครัว บญั ชีครัวเรือน มิไดห้ มายถึง การทาบญั ชีหรือบนั ทึกรายรับรายจ่ายประจาวนั เท่าน้นั แต่อาจ หมายถึงการบนั ทึกขอ้ มูลดา้ นอื่น ๆ ในชีวิต ในครอบครัว เป็ นตน้ ของเราไดด้ ว้ ย เช่น บญั ชีทรัพยส์ ิน พนั ธุ์พืช พนั ธุ์ไม้ ในบา้ นเราใน ชุมชนเรา บญั ชีความรู้ความคิดของเรา บญั ชีผทู้ รงคุณ ผูร้ ู้ในชุมชนเรา บญั ชีเด็กและเยาชนของเรา บญั ชีภูมิปัญญาดา้ นต่าง ๆ ของเรา เป็ นตน้ หมายความวา่ สิ่งหรือเรื่องราวตา่ ง ๆ ในชีวติ ของเรา เราจดบนั ทึกไดท้ ุกเรื่อง หากประชาชนทุกคนจดบนั ทึกจะมีประโยชน์ต่อ ตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศ จะเป็ นแหล่งเรียนรู้ ครอบครัวเรียนรู้ ชุมชนเรียนรู้ และประเทศเรียนรู้การเรียนรู้เป็ นท่ีมาของ ปัญญา ปัญญาเป็ นที่มาของความเจริญท้งั กาย สงั คม ใจ และจิตวิญญาณของมนุษยจ์ ะเห็นวา่ การทาบญั ชี หรือการจดบนั ทึกน้ีสาคญั ยิ่งใหญ่มาก บุคคลสาคญั ในประเทศหลายท่านเป็ นตวั อยา่ งท่ีดีของการจดบนั ทึก เช่น ท่านพุทธทาส ในหลวง และสมเด็จพระเทพ ลว้ นเป็ นนกั บนั ทึกท้งั สิ้น การบนั ทึก คือ การเขียน เมื่อมีการเขียนยอ่ มมีการคิด เม่ือมีการคิดยอ่ มก่อปัญญา แกไ้ ขปัญหาไดโ้ ดยใชเ้ หตุผล วเิ คราะห์พิจารณา ไดถ้ ูกตอ้ ง นนั่ คือ ทางเจริญของมนุษย์ การทาบญั ชีครัวเรือนในดา้ นเศรษฐกิจ หรือการบนั ทึกรายรับรายจ่ายที่ทางราชการพยายามส่งเสริมใหป้ ระชาชนไดท้ ากนั นน่ั เป็ นเร่ืองการบนั ทึกรายรับรายจ่ายประจาวนั ประจาเดือนวา่ มีรายรับจากแหล่งใดบา้ ง จานวนเท่าใด มีรายจ่ายอะไรบา้ ง จานวน เท่าใด ในแต่ละวนั สัปดาห์ เดือน และ ปี เพ่ือจะไดเ้ ห็นภาพรวมวา่ ตนเองและครอบครัวทีรายรับเท่าใด รายจ่ายเท่าใด คงเหลือเท่าใด หรือ เงินไม่พอใชเ้ ท่าใด คือ รายจ่ายมากกวา่ รายรับ และสารวจวา่ รายการใดจ่ายนอ้ ยจ่ายมาก จาเป็ นนอ้ ยจาเป็ นมาก จาเป็ นนอ้ ย อาจ ลดลง จ่ายเฉพาะที่จาเป็ นมาก เช่น ซ้ือกบั ขา้ ว ซ้ือยา ซ้ือเส้ือผา้ ซ่อมแซมบา้ น การศึกษา เป็ นตน้ ส่วนรายจ่ายท่ีไมจ่ าเป็ นใหล้ ด ละ เลิก เช่น ซ้ือบุหรี่ ซ้ือเหลา้ เลน่ การพนนั เป็ นตน้ เมื่อนารายรับ รายจ่าย มาบวกลบกนั แลว้ ขาดดุลเกินดุลไปเท่าใด เม่ือเห็นตวั เลข จะทา ให้เราคิดไดว้ า่ สิ่งไม่จาเป็ นน้นั มีมากหรือน้อยสามารถลดไดห้ รือไม่ เลิกไดไ้ หม ถา้ ไม่ลดไม่เลิกจะเกิดอะไร กบั ตวั เอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ หากเราวางแผนการรับการจ่ายเงินของตนเองได้ เท่ากบั วา่ รู้จกั ความเป็ นคนไดพ้ ฒั นาตนเอง ใหเ้ ป็ นคนมีเหตุมีผล เป็นคนรู้จกั พอประมาณ เป็นคนรักตนเอง รักครอบครัว รักชุมชน และรักประเทศชาติมากข้ึนจึงเห็นไดว้ า่ การทาบญั ชีครัวเรือน ใน เร่ืองรายรับรายจ่าย ก็คือวถิ ีแห่งการเรียนรู้เพ่ือพฒั นาชีวติ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง นน่ั เอง เพราะปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง คือ ปรัชญาชีวิตท่ีถูกตอ้ งเหมาะสม พอดี สอดคลอ้ งถูกตอ้ งตามกฎธรรมชาติท่ีมีท้งั ความเป็นเอกภาพและดุลย ภาพอยเู่ สมอ

21 การทาบญั ชีครัวเรือนเป็ นการจดบนั ทึกรายรับรายจ่ายประจาวนั ของครัวเรือน และสามารถนาขอ้ มลู มาวางแผนการใชจ้ ่ายเงิน ในอนาคตไดอ้ ย่างเหมาะสม ทาให้เกิดการออม การใช้จ่ายเงินอย่างประหยดั คุม้ ค่า ไม่ฟ่ ุมเฟื อย ดงั น้ันการทาบัญชีชีครัวเรือนมี ความสาคญั ดงั น้ี 1. ทาให้ตนเองและครอบครัวทราบรายรับ รายจ่าย หนีส้ ิน และเงนิ คงเหลอื ในแต่ละวนั รายรับ หรือ รายได้ คือ เงิน หรือสินทรัพยท์ ี่วดั มูลค่าได้ ที่ไดร้ ับจากการประกอบอาชีพ หรือผลตอบแทนที่ไดร้ ับจากการให้ผูอ้ ่ืนใช้ สินทรัพย์ หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น รายไดจ้ ากคา่ จา้ งแรงงาน เงินเดือน ดอกเบ้ียรับจากเงินฝากธนาคาร หรือ จากเงินใหก้ ยู้ มื รายไดจ้ ากการขายสินคา้ หรือบริการ เป็ นตน้ รายจ่าย หรือ ค่าใชจ้ ่าย คือ คือ เงิน หรือสินทรัพยท์ ่ีวดั มูลค่าได้ ท่ีจ่ายออกไปเพ่ือใหไ้ ดส้ ิ่งตอบแทนกลบั มา ส่ิงตอบแทนอาจ เป็ นสินคา้ หรือบริการ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้าค่าไฟฟ้ า (คา่ สาธารณูปโภค) ค่าน้ามนั คา่ หนงั สือตารา เป็ นตน้ หรือรายจ่าย อาจไมไ่ ดร้ ับส่ิง ตอบแทนคือสินคา้ หรือบริการกไ็ ด้ เช่น เงินบริจาคเพ่ือการกศุ ล เงินทาบุญทอดกฐิน ทอดผา้ ป่ า เป็ นตน้ หน้ีสิน คือ ภาระผูกพนั ที่ตอ้ งชดใชค้ ืนในอนาคต การชดใชอ้ าจจ่ายเป็ นเงินหรือของมีค่าที่ครอบครัวหรือตนเองมีอยู่ หน้ีสิน เป็ น เงินหรือสิ่งของที่มีคา่ ท่ีครอบครัวหรือตนเองไดร้ ับมาจากบุคคลหรือแหล่งเงินภายนอก เช่น การกยู้ มื เงินจากเพ่อื นบา้ น การกยู้ มื เงิน จากกองทุนต่างๆ การซ้ือสินคา้ หรือบริการเป็ นเงินเช่ือ การซ้ือสินทรัพยเ์ ป็ นเงินผอ่ นชาระ หรือการเช่าซ้ือ เป็ นตน้ เงินคงเหลือ คือ เงิน หรือ ทรัพยส์ ินท่ีวดั มูลค่าได้ หลงั จากนารายรับลบดว้ ยรายจ่ายแลว้ ปรากฏรายรับมากกวา่ รายจ่ายจะทาให้ มีเงินคงเหลือ หรือในหลกั ทางบญั ชีเรียกวา่ กาไร แตห่ ากหลงั จากนารายรับลบดว้ ยรายจ่ายแลว้ ปรากฏวา่ รายจ่ายมากกวา่ รายรับจะทาให้ เงินคงเหลือติดลบหรือทางบญั ชีเรียกวา่ ขาดทุน นนั่ เอง 2. นาข้อมลู การใช้จ่ายเงนิ ภายในครอบครัวมาจดั เรียงลาดบั ความสาคญั ของรายจ่าย และวางแผนการใช้จ่ายเงนิ

22 โดยพิจารณาแต่ละรายการในแต่ละวนั มีรายจ่ายใดท่ีมีความสาคญั มาก และรายจ่ายใดไม่จาเป็ นให้ตดั ออก เพ่ือให้การใช้ จ่ายเงินภายในครอบครัวมีพอใชแ้ ละเหลือเกบ็ เพ่ือการออมทรัพยส์ าหรับใชจ้ ่ายสิ่งท่ีจาเป็ นในอนาคต บญั ชีครัวเรือนถือเป็ นส่วนสาคญั ในการปฏิบตั ิตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยยดึ หลกั 3 ขอ้ คือ การพอประมาณ ถา้ รู้รายรับรายจ่าย ก็จะใชแ้ บบพอประมาณ แต่ มีเหตุผล รู้วา่ รายจ่ายใดจาเป็ นไม่จาเป็ น และเม่ือเหลือจากใชจ้ ่ายก็เก็บออม นนั่ คือภูมิคุม้ กนั ท่ีเอาไวค้ ุม้ กนั ตวั เราและครอบครัว บญั ชีครัวเรือน สามารถจดั ไดห้ มด จึงนบั วา่ มีประโยชน์มาก ขอ้ ควรระวงั ในการจดั ทาบญั ชีครัวเรือน คือ ลืมบนั ทึกบญั ชี ทาใหข้ าดความตอ่ เนื่องในการบนั ทึก และส่งผลใหไ้ มอ่ ยากบนั ทึก ผจู้ ดั ทา เขา้ ใจผิดในรายการบญั ชี ไม่เขา้ ใจรายการที่เป็ นรายรับ จึงไม่ไดบ้ นั ทึกบญั ชี เช่น ลกู ส่งเงินมาใหพ้ อ่ แม่สาหรับใชจ้ ่ายทุกวนั สิ้นเดือน แต่ พอ่ แม่ไม่ไดบ้ นั ทึกบญั ชีรายรับเนื่องจากเขา้ ใจวา่ เงินที่ไดร้ ับมาน้นั มิไดเ้ กิดจากการประกอบอาชีพของตนเองหรือ เขา้ ใจผิดรายการ หน้ีสินแตบ่ นั ทึกวา่ เป็ นรายรับ ทาใหม้ ิไดเ้ กบ็ เงินไวส้ าหรับจ่ายชาระหน้ีในอนาคต เช่น ยมื เงินจากเพือ่ นบา้ นมาใชจ้ ่ายภายในครอบครัว ถึงแมจ้ ะไดร้ ับเงินมาแตร่ ายการดงั กล่าวไมถ่ ือวา่ เป็ นรายรับเนื่องจากตนเองมีภาระผกู พนั ท่ีตอ้ งชดใชใ้ นอนาคต ซ่ึงอาจตอ้ งชดใชเ้ งินตน้ พร้อมดว้ ยดอกเบ้ียดว้ ย จากสาเหตุดงั กลา่ วอาจทาใหค้ รอบครัววางแผนการใชจ้ ่ายเงินผิดพลาด ส่วนขอ้ ผิดพลาดอีกประการหน่ึงคือ การเขียนชื่อรายการผิด การบนั ทึกตวั เลขผิด การบวกหรือการลบจานวนเงินผิดอาจเกิด จากการลืมจดบนั ทึกรายการบญั ชี หรือบนั ทึกรายการซ้าๆ กนั หลายรายการ ปัญหาดงั กล่าวแกไ้ ขโดยการคานวณจานวนเงินกระทบ ยอดเงินคงเหลือในบญั ชีกบั ยอดเงินฝากธนาคารที่ครอบครัวมีอยจู่ ริง หรือยอดเงินที่เก็บไวส้ าหรับใชจ้ ่ายจริง หากพบวา่ ยอดเงินคงเหลือ ในบญั ชีเท่ากบั ยอดเงินคงเหลือในบญั ชีเงินฝากธนาคาร แสดงว่าการจดั ทาบญั ชีถูกตอ้ ง แต่หากกระทบยอดแลว้ ยอดเงินท้งั สองไม่ เท่ากนั อาจเกิดจากการบนั ทึกบญั ชีผิดพลาด หรือเงินสดของครอบครัวสูญหาย การวางแผนการใชจ้ ่ายเงินใหเ้ หมาะสมระหวา่ งรายรับและรายจ่าย ครอบครัวตอ้ งมีรายรับมากกวา่ รายจ่าย หากพบวา่ รายรับ นอ้ ยกวา่ รายจ่าย ตอ้ งหาแนวทางนาเงินมาใชจ้ ่ายใหเ้ พียงพอ โดยอาจตอ้ งกยู้ มื เงินมาใชจ้ ่าย แต่การกยู้ มื เงินไม่ใช่แนวทางแกไ้ ขปัญหา ดงั กลา่ วได้ เพียงแต่ช่วยใหก้ ารใชจ้ ่ายมีสภาพคลอ่ งชว่ั ขณะเท่าน้นั และในระยะยาวยงั ส่งผลใหค้ รอบครัวมีภาระหน้ีสินจานวนมาท้งั เงิน ตน้ และดอกเบ้ียซ่ึงจะเพมิ่ จานวนมากข้ึนตามระยะเวลาที่ยาวนานในการกูย้ มื เงิน เป็ นปัญหาท่ีแกไ้ ขไดย้ าก สาหรับการแกไ้ ขปัญหาการ ขาดสภาพคลอ่ งในการใชจ้ ่ายเงินหรือปัญหารายรับไม่เพยี งพอกบั รายจ่ายน้นั มีแนวทางดงั น้ี 1. การตดั รายจ่ายท่ีไม่จาเป็ นออก เพ่ือลดภาระการจ่ายเงินออกจากครอบครัว เช่น รายจ่ายเก่ียวกบั การพนนั ส่ิงเสพติดของมึนเมา รายจ่ายฟ่ มุ เฟื อย เป็ นตน้ เป็ นการสร้างนิสยั มิใหใ้ ชจ้ ่ายฟ่ มุ เฟื อย 2. การลดรายจ่ายท่ีจาเป็ นลง เพื่อสร้างนิสยั การประหยดั อดออม การใชท้ รัพยากรที่มีอยจู่ ากดั อย่างคุม้ ค่า เช่น การปลูกผกั ผลไมไ้ ว้ รับประทานเอง เพ่ือช่วยลดค่าอาหาร และค่าเดินทางไปตลาด อีกท้งั ทาให้สุขภาพดีอีกดว้ ย ลดการใชน้ ้ามนั เช้ือเพลิงแลว้ หันมาออก กาลงั กายโดยการปั่นจกั รยาน หรือ การเดิน การวงิ่ แทนการขบั รถจกั รยานยนต์ หรือรถยนต์ เป็ นตน้ 3. การเพิ่มรายรับ หารายไดเ้ สริมนอกเวลาทางานปกติ เช่น การใชเ้ วลาวา่ งรับจา้ งตดั เยบ็ เส้ือผา้ การขายอาหารหลงั เลิกงาน การปลูกผกั หรือเล้ียงสตั วไ์ วข้ าย เป็ นตน้

23 4. การทาความเขา้ ใจกนั ภายในครอบครัว เพอ่ื ใหท้ ุกคนร่วมมือกนั ประหยดั รู้จกั อดออม การใชท้ รัพยากรต่างๆ ลด ละ เลิก รายจ่ายหรือสิ่งที่ไมจ่ าเป็ น และช่วยกนั สร้างรายรับใหเ้ พียงพอ เหมาะสมกบั เศรษฐกิจปัจจุบนั ประโยชน์ของการทาบญั ชีครัวเรือน การทาบญั ชีครัวเรือนจะทาใหเ้ ราทราบวา่ ในแต่ละเดือน ครอบครัวมีรายรับ-รายจ่ายอะไรบา้ ง คนเราส่วนมากมกั จะหลงลืม (ไม่สนใจที่จะจดจา) เวลาใชจ้ ่ายเงินออกไปหรือรับเงินเขา้ มา พอเวลาผ่านไป 2-3 วนั ก็ลืมแลว้ ดงั น้ัน บญั ชีครัวเรือนจะช่วยเตือน ความจาใหเ้ รารู้ถึงการใชจ้ ่ายเงิน เพอื่ นามาเป็ นขอ้ มูลในการวางแผนการใชจ้ ่ายเงินของครอบครัวเพ่ือแกไ้ ขปัญหาหน้ีสิน ใหค้ รอบครัวมี ความเป็ นอยทู่ ่ีดีข้ึนได้ 1.เพ่ือจดบนั ทึกรายการการดาเนินกิจการเรียงลาดบั ก่อนหลงั 2.ง่ายต่อการตรวจสอบ 3.เป็ นการควบคุมรักษาทรัพยส์ ินของกิจการ 4.ป้ องกนั ความผิดพลาดในการดาเนินกิจการ 5.สามารถปรับปรุงแกไ้ ขทนั 6.ทาใหท้ ราบฐานะของกิจการ 7.เป็ นประโยชน์ในการตรวจสอบผลกาไร-ขาดทุนไดท้ ุกเวลา

24 วธิ ีการเริ่มการทาบัญชีครัวเรือน การทาบญั ชีครัวเรือน เร่ิมจากการหาสมุดมาสักเล่มหน่ึงอาจเป็ นสมุดท่ีเด็ก ๆ ใชแ้ ลว้ เหลือหนา้ กระดาษวา่ ง ๆ ก็นามาทาเป็ นบญั ชีครัวเรือนได้ ปากกาหรือดินสอสาหรับเขียนลงในสมุด บญั ชีครัวเรือน สาหรับชาวบา้ นหรือคนที่อ่าน-เขียนหนงั สือไม่ค่อยคล่องก็อาจใชใ้ หล้ ูก ๆ ช่วยเขียน ให้ การทาบญั ชีครัวเรือนในแต่ละวนั ใชเ้ วลาไม่นาน ประมาณ 5-10 นาทีก็เสร็จแลว้ เวลาท่ีเสียไป แค่ 5-10 นาทีต่อวนั แต่ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการทาบญั ชีครัวเรือนน้นั มีคา่ มากมายมหาศาลนกั ในการช่วยวางแผนการเงินของครอบครัว และสามารถประยกุ ตไ์ ปจนถึงการนาไปใชแ้ กไ้ ขปัญหาหน้ีสินได้ ขอใหย้ อมสละเวลาในแต่ละวนั เพ่อื ความเป็ นอยขู่ องครอบครัวท่ีดีข้ึน บญั ชีครัวเรือนสามารถจดั ทาไดห้ ลายรูปแบบแต่อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีการบนั ทึกขอ้ มูลรายรับและรายจ่ายปกติเป็ นตาราง 5 ช่อง ประกอบดว้ ย ช่องแรกวนั เดือนปี เพ่ือบนั ทึกวนั ท่ีเกิดรายการน้นั ช่องท่ีสองรายการ เพ่ือบนั ทึกเหตุการณ์ ช่องที่สามรายรับ เพ่ือบนั ทึก จานวนเงินที่ไดร้ ับช่องที่ส่ีรายจ่าย เพื่อบนั ทึกจานวนเงินท่ีจ่ายออกไป และช่องสุดทา้ ยยอดคงเหลือ เป็ นช่องสรุปยอดเงินคงเหลือในแต่ ละวนั การจดั ทาบญั ชีครัวเรือน มขี ้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) แยกประเภทของรายได้ และคา่ ใชจ้ ่าย แต่ละประเภทออกมา อาจใชส้ มดุ บญั ชีที่มขี ายตามร้านทวั่ ไป หรือหาสมุดมาตีเสน้ แบ่ง ออกเป็ นแถวในแนวต้งั และแนวนอน เพือ่ จดรายการ ๒) กาหนดรหสั ประเภทของรายได้ และ ค่าใชจ้ ่าย เพ่อื ใชส้ รุปประเภทของค่าใชจ้ ่าย ๓) เริ่มจากยอดเงินสดยกมา หรือ เงินทุนต้งั ตน้ แลว้ บวก ดว้ ยรายได้ หกั ดว้ ยคา่ ใชจ้ ่าย และแสดงยอดคงเหลือไว้ ๔) นารายการที่เป็นบญั ชีประเภทเดียวกนั รวมยอดเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ แยกไปสรุปไวต้ า่ งหาก โดยสรุปยอดตามแตต่ อ้ งการ เช่น เป็ น รายวนั รายสปั ดาห์ รายปักษ์ หรือรายเดือน เป็ นตน้ หลกั การบนั ทกึ ทางบญั ชี หลกั การบนั ทึกบญั ชีครัวเรือนคืออาจจะเร่ิมจากการมองรวมภาพใหญ่ก่อนวา่ ในเดือนหน่ึงๆ หรือปี หน่ึงๆ มีรายการอะไร ดงั น้ี - รายการค่าใชจ้ ่ายใหญๆ่ อะไรบา้ ง ที่ค่อนขา้ งคงที่ เช่น หรือเงินค่าเรียนหนงั สือบุตร หรือเงินค่าวตั ถุดิบในการผลิตสินคา้ เช่น คา่ ป๋ ุย ค่า พนั ธุ์พืช และมีรายการยอ่ ยๆ ที่เกิดประจาวนั อะไรบา้ ง เช่น ค่าอาหาร ค่าน้าค่าไฟฟ้ า (คา่ สาธารณูปโภค) ค่าน้ามนั เงินทาบุญทอดกฐิน ทอดผา้ ป่ า เป็ นตน้ - หน้ีสินก็เป็ นค่าใชจ้ ่ายรายการใหญ่ที่เป็ นภาระผกู พนั ที่ตอ้ งชดใชค้ ืนในอนาคต ไดแ้ ก่ ค่าดอกเบ้ียเงินที่ไปกแู้ ละตอ้ งใชค้ ืนรายเดือน หลายปี จากการกูย้ ืมเงินจากเพ่ือนบา้ น จากกองทุน หรือธนาคารต่างๆ หรือ การซ้ือของดว้ ยเงินเชื่อ การดว้ ยเครดิต หรือดว้ ยเงินผ่อน ชาระหรือการเช่าซ้ือ การจานา จานอง ขายฝาก เป็ นตน้

25 - เงินคงเหลือ คือ เงินหรือทรัพยส์ ินที่วดั มูลค่าได้ หลงั จากนารายรับหกั รายจ่ายแลว้ ถา้ รายรับมากกวา่ รายจ่าย จะเกิดเงินคงเหลือ หรือใน หลกั ทางบญั ชีเรียกวา่ “กาไร” แต่หากหลงั จากนารายรับหักรายจ่ายแลว้ พบวา่ รายจ่ายมากกวา่ รายรับจะทาใหเ้ งินคงเหลือติดลบ หรือ ทางบญั ชีเรียกวา่ “ขาดทุน”นนั่ เอง การวเิ คราะห์บญั ชีครัวเรือน ใหน้ าบญั ชีครัวเรือนที่ผา่ นมาในระยะเวลา 1 เดือน มาพิจารณาดูวา่ รายรับ-รายจ่าย มีความสมดุลกนั หรือไม่ รับมากกวา่ จ่าย หรือจ่ายมากกวา่ รับ โดยเฉพาะครอบครัวที่มปี ัญหาเรื่องหน้ีสิน รายจ่ายมกั จะมากกวา่ รายรับ จึงตอ้ งใหค้ วามสาคญั ในการพจิ ารณา รายจ่ายใหด้ ีวา่ พอจะมีรายการไหนท่ีพอจะลดหรือตดั ออกได(้ รายการที่ฟ่ มุ เฟื อย) กใ็ หห้ าทางปรบั ลดหรือตดั รายการรายจ่ายเหลา่ น้ี ออกไป ขอ้ ควรระวงั ในการจดั ทาบญั ชีครัวเรือน คือ ลืมบนั ทึกบญั ชี ทาใหข้ าดความต่อเนื่องในการบนั ทึก และส่งผลใหไ้ มอ่ ยากบนั ทึก ผจู้ ดั ทา เขา้ ใจผิดในรายการบญั ชี ไม่เขา้ ใจรายการท่ีเป็นรายรับ จึงไมไ่ ดบ้ นั ทึกบญั ชี เช่น ลูกส่งเงินมาใหพ้ อ่ แมส่ าหรับใชจ้ ่ายทุกวนั สิ้นเดือน แต่ พอ่ แมไ่ มไ่ ดบ้ นั ทึกบญั ชีรายรับเนื่องจากเขา้ ใจวา่ เงินที่ไดร้ ับมาน้นั มิไดเ้ กิดจากการประกอบอาชีพของตนเองหรือ เขา้ ใจผิดรายการ หน้ีสินแตบ่ นั ทึกวา่ เป็ นรายรับ ทาใหม้ ิไดเ้ กบ็ เงินไวส้ าหรับจ่ายชาระหน้ีในอนาคต เช่น ยมื เงินจากเพอ่ื นบา้ นมาใชจ้ ่ายภายในครอบครวั ถึงแมจ้ ะไดร้ ับเงินมาแต่รายการดงั กลา่ วไม่ถือวา่ เป็ นรายรับเน่ืองจากตนเองมีภาระผกู พนั ท่ีตอ้ งชดใชใ้ นอนาคต ซ่ึงอาจตอ้ งชดใชเ้ งินตน้ พร้อมดว้ ยดอกเบ้ียดว้ ย จากสาเหตดุ งั กล่าวอาจทาใหค้ รอบครัววางแผนการใชจ้ ่ายเงินผิดพลาด ปัญหาของการจดั ทาบญั ชีครัวเรือน ปัญหาท่ีสาคญั ของการจดั ทาบญั ชี มีดงั น้ี 1. การลืมบนั ทึกบญั ชี ทาใหข้ าดความต่อเนื่องในการบนั ทึก และส่งผลใหไ้ ม่อยากบนั ทึก 2. ผจู้ ดั ทาเขา้ ใจผิดในรายการบญั ชี ไม่เขา้ ใจรายการท่ีเป็ นรายรับ จึงไม่ไดบ้ นั ทึกบญั ชี เช่น ลูกส่งเงินมาให้พ่อแม่สาหรับใชจ้ ่ายทุกวนั สิ้นเดือน แตพ่ อ่ แม่ไมไ่ ดบ้ นั ทึกบญั ชีรายรับ เนื่องจากเขา้ ใจวา่ เงินที่ไดร้ ับมาน้นั มิไดเ้ กิดจากการประกอบอาชีพของตนเองหรือ เขา้ ใจผิด รายการหน้ีสิน เช่น ยมื เงินมาใช้ แตบ่ นั ทึกวา่ เป็ นรายรับ ทาใหม้ ิไดเ้ ก็บเงินไวส้ าหรับจ่ายชาระหน้ีในอนาคต 3. การเขียนช่ือรายการผดิ การบนั ทึกตวั เลขผิด การบวกหรือการลบจานวนเงินผิดอาจเกิดจากการลืมจดบนั ทึกรายการบญั ชี หรือบนั ทึก รายการซ้าๆ กนั หลายรายการ ปัญหาดงั กลา่ วแกไ้ ขโดยการคานวณจานวนเงินกระทบยอดเงินคงเหลือในบญั ชีกบั ยอดเงินฝากธนาคารที่ ครอบครัวมีอยจู่ ริง หรือยอดเงินท่ีเก็บไวส้ าหรับใชจ้ ่ายจริง หากพบวา่ ยอดเงินคงเหลือในบญั ชีเท่ากบั ยอดเงินคงเหลือในบญั ชีเงิน ฝากธนาคาร แสดงวา่ การจดั ทาบญั ชีถูกตอ้ ง แตห่ ากกระทบยอดแลว้ ยอดเงินท้งั สองไมเ่ ท่ากนั อาจเกิดจากการบนั ทึกบญั ชีผิดพลาด หรือ เงินสดของครอบครัวสูญหาย

26 แนวทางในการแกไ้ ขลดปัญหารายรับไม่เพยี งพอกบั รายจ่ายน้นั มีดงั น้ี - การตดั รายจ่ายที่ไมจ่ าเป็ นออก เพอ่ื ลดภาระการจ่ายเงินออกจากครอบครัว เช่น รายจ่ายเกี่ยวกบั การพนนั การแทงหวย ซ้ือลอตเตอร่ี สูบบุหรี่ ด่ืมสุรา ของมึนเมา รายจ่ายฟ่ มุ เฟื อย เป็ นตน้ - การลดรายจ่ายที่จาเป็ นลง เพ่ือสร้างนิสยั การประหยดั อดออม การใชท้ รัพยากรท่ีมีอยจู่ ากดั อยา่ งคมุ้ ค่า เช่น การปลกู ผกั สวนครัวไว้ รับประทานเอง เพ่อื ช่วยลดค่าอาหาร และคา่ เดินทางไปตลาด ลดการใชน้ ้ามนั เช้ือเพลิงดว้ ยการหนั มาเดิน การปั่นจกั รยานแทนการขบั รถ - การเพมิ่ รายรับ หารายไดเ้ สริมนอกเวลาทางานปกติ เช่น การใชเ้ วลาวา่ งรับจา้ งทาอาหาร ทาขนม ทาหตั ถกรรม ตดั เยบ็ เส้ือผา้ หรือเล้ียง เป็ ดเล้ียงไก่ เป็ นตน้ - การทาความเขา้ ใจกนั ภายในครัวเรือนเพอ่ื ใหท้ ุกคนร่วมมือกนั ประหยดั อดออม เลิกใชจ้ ่ายในรายการบญั ชีที่ไม่จาเป็ น และช่วยกนั สร้างรายรับใหเ้ พียงพอ การวางแผนการใช้จ่ายเงนิ เมื่อมีการบนั ทึกการใชจ้ ่ายของครอบครัวเป็ นรายเดือนแลว้ ขอ้ มูลการใชจ้ ่ายจะตอ้ งนามา คานวณสรุปวา่ เป็ นอยา่ งไร ครอบครัวควรมีรายไดม้ ากกวา่ รายจ่าย ถา้ รายจ่ายมากกวา่ ก็ตอ้ ง หาวธิ ีการแกไ้ ขโดยด่วน โดยมีขอ้ ควรพิจารณาดงั น้ี 1.การตดั รายจ่ายที่ไมจ่ าเป็ นออก เพือ่ ลดภาระการจ่ายเงินออกจากครอบครัว เช่น รายจ่ายเก่ียวกบั การพนนั ส่ิงเสพติดของมึนเมา รายจ่าย ฟ่ มุ เฟื อย เป็ นตน้ เป็ นการสร้างนิสยั มิใหใ้ ชจ้ ่ายฟ่ มุ เฟื อย 2.การลดรายจ่ายที่จาเป็ นลง เพ่ือสร้างนิสัยการประหยดั อดออม การใชท้ รัพยากรที่มีอยจู่ ากดั อยา่ งคุม้ ค่า เช่น การปลูกผกั ผลไมไ้ ว้ รับประทานเอง เพื่อช่วยลดค่าอาหาร และค่าเดินทางไปตลาด อีกท้งั ทาใหส้ ุขภาพดีอีกดว้ ย ลดการใชน้ ้ามนั เช้ือเพลิงแลว้ หันมาออก กาลงั กายโดยการป่ันจกั รยาน หรือการเดิน การวงิ่ แทนการขบั รถจกั รยานยนต์ หรือรถยนต์ เป็ นตน้ 3.การเพิ่มรายรับ หารายไดเ้ สริมนอกเวลาทางานปกติ เช่น การใชเ้ วลาวา่ งรับจา้ งตดั เยบ็ เส้ือผา้ การขายอาหารหลงั เลิกงาน การปลกู ผกั หรือเล้ียงสตั วไ์ วข้ าย เป็ นตน้ 4.การทาความเขา้ ใจกนั ภายในครอบครัวเพือ่ ใหท้ ุกคนร่วมมือกนั ประหยดั รู้จกั อดออม การใชท้ รัพยากรตา่ งๆ ลด ละ เลิก รายจ่ายหรือ ส่ิงท่ีไมจ่ าเป็ น และช่วยกนั สร้างรายรับใหเ้ พียงพอ เหมาะสมกบั เศรษฐกิจปัจจุบนั การเรียนรู้การจดั การการเงินและการออม การเรียนรู้เพอื่ การจดั สรรเงินอยา่ งถูกตอ้ งโดยนาขอ้ มูลการใชจ้ ่ายเงินภายในครัวเรือนมาจดั เรียงลาดบั ความสาคญั ของรายจ่าย และ วางแผนการใชจ้ ่ายเงิน โดยพจิ ารณาแตล่ ะรายการในแตล่ ะวนั มีรายจ่ายใดที่มีความสาคญั มาก และรายจ่ายใดไมจ่ าเป็ นใหต้ ดั ออก เพอ่ื ให้ การใชจ้ ่ายเงินภายในครอบครัวมีพอใชแ้ ละเหลือเกบ็ เพ่ือการออมทรัพยส์ าหรับใชจ้ ่ายสิ่งท่ีจาเป็ นในอนาคต อยา่ งไรกต็ าม หากพบวา่

27 รายรับนอ้ ยกวา่ รายจ่าย ตอ้ งหาแนวทางนาเงินมาใชจ้ ่ายใหเ้ พยี งพอ โดยอาจตอ้ งกยู้ มื เงินมาใชจ้ ่าย แต่การกยู้ มื เงินไมใ่ ช่แนวทางแกไ้ ข ปัญหา ในระยะยาวยงั ส่งผลใหค้ รอบครัวมีภาระหน้ีสินจานวนมาท้งั เงินตน้ และดอกเบ้ีย การจดั ทาบญั ชีครัวเรือน หรือ บญั ชีรายรับรายจ่ายน้ี ไมใ่ ช่เป็ นแต่เพยี งการจดบนั ทึกรายการต่างๆ ที่เป็ นเงินเท่าน้นั แต่ยงั เป็ น การสร้างความสามคั คีภายในครอบครัว รู้จกั ช่วยเหลือแบ่งปันกนั ในสงั คม มีการเรียนรู้ซ่ึงกนั และกนั ซ่ึงเกิดจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ ไดร้ ับจากการจดบนั ทึกขอ้ มลู ที่เป็ นประโยชน์ ทาใหป้ ระชาชนทุกคนรู้จกั การบริหารจดั การดา้ นการเงินและการวางแผนการทางานทุก อยา่ งเพือ่ ใหบ้ รรลุเป้ าหมายได้ การทาบญั ชีครัวเรือนทาใหค้ รอบครัวมีความสุขใชช้ ีวติ โดยยดึ หลกั ความพอเพียง มีเหตมุ ีผล รู้จกั พ่ึงพา ตนเอง มคี วามพอประมาณ การเงินมีสภาพคล่อง รู้จกั การเกบ็ ออม ทุกคนรู้ถึงแหลง่ ที่มาของรายรบั และการใชไ้ ปของคา่ ใชจ้ ่ายในแต่ละ วนั สามารถนาขอ้ มูลการใชจ้ ่ายมาวางแผนบริหารการเงินในอนาคตได้

28 แบบทดสอบหลงั การเรียน ข้อที่ 1 จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกทส่ี ุดเพยี งข้อเดยี ว ค. รถยนต์ ขอ้ 1 ขอ้ ใดคือความหมายของการบญั ชี ง. ขอ้ ก และ ข ถูก ขอ้ 5 ขอ้ ใดหมายถึงสินทรัพยไ์ มห่ มุนเวยี น ก. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ก. เงินสด ข. การจดบนั ทึก ข. ท่ีดิน ค. การจาแนกและสรุปขอ้ มูลในรูปตวั เงิน ค. อาคาร ง. ถกู ทุกขอ้ ง. ขอ้ ข และ ค ถูก ขอ้ 2 สินทรัพยห์ มายถึงขอ้ ใด ขอ้ 6 ขอ้ ใดหมายถึงหน้ีสินหมนุ เวยี น ก. ส่ิงท่ีมีตวั ตนหรือไมม่ ีตวั ตน มีมลู คา่ ซ่ึงบุคคล ก. เจา้ หน้ี ข. ค่าโทรศพั ทค์ า้ งจ่าย หรือกิจการเป็ นเจา้ ของหรือสามารถถือเอา ค. เงินกรู้ ะยะยาว ประโยชนจ์ ากกรรมสิทธ์ิได้ ง. ขอ้ ก และ ข ถกู ข. ภาระผกู พนั ของกิจการอนั เกิดจากการดาเนินงาน ขอ้ 7 ขอ้ ใดหมายถึงหน้ีสินไมห่ มนุ เวยี น ซ่ึงจะตอ้ งชาระคืนในภายหนา้ ก. เงินกยู้ มื ระยะยาว ค. ทุนของเจา้ ของกิจการท่ีนามาลงทุน ข. เจา้ หน้ีการคา้ ง. การลดลงของประโยชนเ์ ชิงเศรษฐกิจในรอบ ค. เงินกยู้ มื 6 เดือน ระยะเวลา ง. คา่ หอพกั คา้ งจ่าย ขอ้ 3 หน้ีสินหมายถึง ขอ้ งใด ขอ้ 8 ส่วนของเจา้ ของหมายถึงขอ้ ใด ก. ส่ิงท่ีมีตวั ตนหรือไมม่ ีตวั ตน มีมูลคา่ ซ่ึงบุคคล ก. สิ่งท่ีมีตวั ตนหรือไมม่ ีตวั ตน มีมลู คา่ ซ่ึงบุคคล หรือกิจการเป็ นเจา้ ของหรือสามารถถือเอา ประโยชนจ์ ากกรรมสิทธ์ิได้ หรือกิจการเป็ นเจา้ ของหรือสามารถถือเอา ข. ภาระผกู พนั ของกิจการอนั เกิดจากการดาเนินงาน ประโยชนจ์ ากกรรมสิทธ์ิได้ ซ่ึงจะตอ้ งชาระคืนในภายหนา้ ข. การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบ ค. ทุนของเจา้ ของกิจการท่ีนามาลงทุน ระยะเวลา ง. การลดลงของประโยชนเ์ ชิงเศรษฐกิจในรอบ ค. ทุนของเจา้ ของกิจการท่ีนามาลงทุน ระยะเวลา ง. ผลตอบแทนท่ีกิจการไดร้ ับจากการขายสินคา้ ขอ้ 4 ขอ้ ใดหมายถึงสินทรัพยห์ มนุ เวยี น หรือบริการ ก. เงินสด ข. เงินฝากธนาคาร

29 ขอ้ 9 ขอ้ ใดหมายถึงรายจ่าย ก. มลู คา่ เงินที่ใชเ้ ป็ นคา่ บริการหรือสินคา้ ท่ีตอ้ งจ่าย เม่ือทากิจกรรมใด ๆโดยอาจจ่ายในรูปของเงินสด หรือเครดิต ข. การใชจ้ ่ายที่เกิดข้ึนในชีวติ ประจาวนั ค. ผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการประกอบกิจการ ง. ขอ้ ก และ ข ถกู ขอ้ 10 ขอ้ ใดหมายถึงรายได้ ก. ผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการประกอบกิจการ ข. ผลตอบแทนที่ไดร้ ับจากการทางาน ค. ผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการขายทรัพยส์ ิน ง. ถกู ทุกขอ้

30 ข้อ 2 ให้นกั ศึกษาระบุว่ารายการใดเป็ นสินทรัพย์ หนสี้ ิน และส่วนของเจ้าของ ประเภท รายการ 1. เงินสด 2. เงินฝากธนาคาร 3. เจา้ หน้ีการคา้ 4. บา้ น 5. เงินกรู้ ะยะยาว 6. ทุน-นายสมชาย 7. สัมปทาน 8. ลิขสิทธ์ิ 9. ที่ดิน 10. ค่าไฟฟ้ าคา้ งจ่าย

ข้อ 3.ให้นักเรียนบันทกึ รายรับ – รายจ่าย ประจาเดือนของนักเรียน 31 บัญชีรายรับ-รายจ่าย คงเหลอื วนั /เดือน/ปี รายการ รายรับ รายจ่าย

32 บทที่ 4 การใช้แอฟเคชั่นในการช่วยจดั ทาบญั ชี สาระสาคญั ในปัจจุบนั เทคโนโลยีเขา้ มามีบทบาทในชีวิตประจาวนั ของมนุษยม์ ากข้ึน ไดม้ ีการพฒั นาคิดคน้ ส่ิงอานวยความ สะดวกสบายต่อการดาชีวติ เป็ นอนั มาก ท้งั เทคโนโลยเี ขา้ มาเสริมปัจจยั พ้นื ฐานการดารงชีวติ ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี แต่ในทางกลบั กนั น้นั ก็ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและบทบาทหนา้ ที่ของบุคคลในสถาบนั ครอบครัว ผลท่ีตามมาคือความเป็ นอยแู่ ละความรู้สึกนึกคิด ของเด็กและเยาวชนไดร้ ับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ไดร้ ับค่านิยมจากคนดงั อาทิ ดารา นางแบบ เน็ตไอดอล ทาให้เกิด ประเด็นปัญหาท่ีน่าห่วงตามมามากมาย ซ่ึงปัญหาหน่ึงท่ีสังคมตระหนกั เป็ นอยา่ งมากต่อเยาวชนไทย ก็คือ ปัญหาการจบั จ่าย ฟ้ งุ เฟ้ อ ฟ่ มุ เฟื อย ซ่ึงเป็ นปัญหาอนั ดบั ตน้ ๆของเยาวชนไทยในยดุ ปัจจุบนั ซ่ึงในบทน้ีจะไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั การวางแผนทางการเงินควบคู่ไปกบั เรียนรู้การใชค้ ูม่ ือการใชแ้ อปพลิเคชนั Wally บน โทรศพั ทส์ มาร์ทโฟนท้งั ระบบ Android และ ios ตวั ช่วยท่ีจะทาใหร้ ะบบการเงินของคุณดีข้ึนและเป็ นเศษรฐีในอนาคต…….!!! จุดประสงค์ 1. นกั ศึกษามีความรู้เกี่ยวกบั การทาบญั ชีรายรับรายจ่ายครัวเรือน 2. นกั ศึกษาสามารถบนั ทึกบญั ชีรายรับรายจ่ายครัวเรือนผา่ นแอปพลิเคชนั พอเพยี ง ได้

33 การทา บญั ชีรายรับรายจ่าย ประจาวนั ส่วนตวั ของเราเองน้นั มีประโยชน์เป็ นอยา่ งมาก ซ่ึงจะช่วยให้เรา รับรู้เงินสดคงเหลือประจาวนั การวางแผนใชจ้ ่ายเงิน การสร้างวนิ ยั ในตนเอง สมุดบญั ชีจะเป็ นแผนใหเ้ ราไดร้ ู้ อนาคตทางการเงินของเรา และยงั ทาใหเ้ ราไดร้ ู้ขอ้ ผดิ พลาดในการใชจ้ า่ ยเงินของเดือนท่ีผา่ นมาอีกดว้ ย เราจะจดบญั ชีรายรับราย-จ่ายไดอ้ ยา่ งไรใหง้ ่ายและสะดวกแน่นอนวา่ การจดทุกรายการใชจ้ า่ ย แมแ้ ต่เล็กๆนอ้ ยๆ น้นั ดูเป็นสิ่งที่น่าเบ่ือหากเราตอ้ งทามนั ไปตลอด และยอมรับหรือไมว่ า่ บางคร้ังเรากค็ ิดวา่ มนั ไม่จาเป็น แต่ถ้าหากวนั หน่ึงเรามีคาถามวา่ เงินเราหายไปไหน? คาตอบท่ีของปัญหาน้ีก็คือการจดบนั ทึกรายรับ และรายจ่ายของเรานนั่ เอง ส่ิงสาคญั คือเราตอ้ งบนั ทึกวา่ เราจา่ ยค่าอะไรไปบา้ ง แลว้ มาตรวจสอบดูวา่ ค่าใชจ้ ่ายท่ี เกิดข้ึนน้นั มนั มีความจาเป็ นหรือไม่ ดงั น้นั การบนั ทึกรายรับ-รายจ่ายจะเป็ นการป้ องกนั การใชจ้ ่ายท่ีมากเกินไป นนั่ เอง ย่ิงไปกว่าน้นั เรายงั สามารถเห็นไดด้ ้วยว่าเราซ้ืออะไรไปบา้ งในแต่ละเดือน และอะไรบา้ งท่ีไม่จาเป็ น หรือเป็นของฟ่ ุมเฟื อย การบนั ทึกรายรับรายจ่ายน้ันไม่ไดม้ ีรูปแบบท่ีตายตวั เราสามารถจดบนั ทึกในสมุดโน๊ต หรือจะใช้ โปรแกรม Excel ก็ได้ นอกจากน้ี ในปัจจุบนั ยงั มีแอพพลิเคชน่ั ที่ช่วยใหก้ ารบนั ทึกรายรับ-รายจ่ายเป็ นเรื่องท่ีง่าย กวา่ เดิม เพียงแค่หยบิ สมาร์ทโฟนออกมา เรากบ็ นั ทึกไดแ้ ลว้ “พอเพยี ง” แอพพลิเคชนั่ ท่ีชื่อวา่ “พอเพียง” ทางานบนระบบ Android โดยเม่ือมีการนามาบนั ทึก ระบบจะช่วยให้ เราทราบสถานะทางการเงิน มีการสรุปยอดรายเดือน หรือตามช่วงวนั ที่ที่เราตอ้ งการระบุเอง รวมถึงการแจง้ ยอดเงินคงเหลือปัจจุบนั เช่ือว่าหลายๆคนคงเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้ เงินเดือนรายรับทไ่ี ด้มากไ็ ม่ใช่น้อยๆ แต่ทาไม ถึงใช้เดือนชนเดอื น ไม่มีเงนิ เกบ็ เลย เดอื นเดือนหน่ึงเราใช้ไปกบั อะไร ..... ? ปัญหาเหล่านีจ้ ะหมดไป เพียงแค่ลงบันทกึ รายรับรายจ่าย ด้วยแอปพลเิ คช่ัน พอเพยี ง บัญชีรายรับรายจ่าย หน้าตาของแอปพลเิ คช่ัน พอเพยี ง บญั ชีรายรับรายจ่าย จะเป็ นดังนี้

34 ข้นั ตอนการทาบัญชีผ่านแอพพเิ คช่ันมดี ังนี้ 1. เขา้ Play Store แลว้ พิมพค์ าวา่ พอเพียง บญั ชีรายรับรายจ่าย 2.กดติดต้งั แอปพลีเคชนั่ บนโทรศพั ทม์ ือถิอ

35 3. กดท่ีป่ ุมบนั ทึกประจาวนั

36 4. จะปรากฏ ชนิดการบนั ทึก ถา้ ตอ้ งการบนั ทึกรายรับใหเ้ ลือกท่ีรายรับ 5. เลือกวนั ท่ีตอ้ งการลงบนั ทึกรายรับ

37 6. ทาการเรียกเหตุผลของรายรับ 7. ถา้ ตอ้ งการบนั ทึกรายจา่ ยใหเ้ ลือกป่ ุมรายจา่ ย 8. ทาการเลือกวนั ที่ตอ้ งการบนั ทึกรายจ่าย

38 9. ทาการเลือกเหตุผลในการบนั ทึกรายจ่าย 10. ถา้ ตอ้ งการเช็ดขอ้ มลู การเงินใหเ้ ลือกป่ ุมขอ้ มูลการเงิน

39 11. ถา้ ตอ้ งการเช็คยอดเงินคงเหลือในบญั ชีใหเ้ ลือกป่ ุมยอดเงินในบญั ชี 12. กจ็ ะปรากฏเงินคงเหลือ

40 13.ถา้ ตอ้ งการรู้การเดินบญั ชีใหก้ ดที่ป่ ุมรายการเดินบญั ชี 14. กจ็ ะปรากฏการเดินบญั ชีซ่ึงในการตรวจสอบการเดินบญั ชีกจ็ ะมีใหเ้ ลือกท้งั รายเดือนรายวนั

41 15. ถา้ ตอ้ งการเช็ดหรือสรุปรายรับใหค้ ลิกที่ป่ ุมสรุปตามรายรับ 16. ถา้ ตอ้ งการเช็ดหรือสรุปรายรับใหค้ ลิกที่ป่ ุมสรุปตามรายจา่ ย

42 17. ถา้ ตอ้ งการปรับปรุงแกไ้ ขบญั ชีหรือขอ้ มูลใหเ้ ลือกที่ป่ ุมปรับปรุงรายการ 18. ถา้ ตอ้ งการเพิม่ เหตุผลรายรับรายจ่ายใหเ้ ลือกท่ีป่ ุมเพ่มิ เหตุผลรายรับรายจา่ ย

43 19. จะปรากฏชนิดการบนั ทึกเพือ่ ใหส้ ามารถเพ่ิมเหตุผลรายรับรายจ่าย 20. จะปรากฏชนิดช่องการบนั ทึกเพอื่ ใหส้ ามารถเพ่มิ เหตุผลรายรับรายจ่าย

44 21. ถา้ หากตอ้ งการนาขอ้ มูลการทารายรับรายจ่ายออกมาเป็นเอกสารหรือส่งผา่ น E-Mail ใหเ้ ลือกป่ ุมการสารอง/ นาเขา้ ฐานขอ้ มูล 22. ก็จะปรากฏการเลือกการนาขอ้ มลู ออกตามภาพ

45 แบบทดสอบหลงั การเรียน ใหน้ กั เรียนนาโทรศพั ทโ์ หลดแอพพิชน่ั ดงั กล่าวและใหบ้ นั ทึกรายรับ – รายจ่าย ผา่ นแอพพเิ คชน่ั น้ี อยา่ งนอ้ ย 1 เดือน

46 บทที่ 5 ผเู้ ขียน : ผศ.วทิ ยา ด่านธารงกลู การเขียนแผนธุรกิจอยา่ งง่าย แผนธุรกิจ(Business Plan) แผนธุรกิจ (Business Plan) เป็ นเครื่องมือท่ีมีความสาคญั ย่งิ สาหรับผปู้ ระกอบการท่ีริเริ่มจะก่อต้งั กิจการ แผนน้ีเป็ น ผลสรุปหรือผลรวมแห่งกระบวนการคิดพิจารณา และการตดั สินใจท่ีจะเปลี่ยนความคิดของผูป้ ระกอบการออกมาเป็ นโอกาส ทางธุรกิจ มีผเู้ ปรียบเทียบวา่ แผนธุรกิจเปรียบเหมือนแผนที่ในการเดินทาง ท่ีจะช้ีแนะข้นั ตอนตา่ งๆ ทีละข้นั ตอนในกระบวนการ ก่อต้งั กิจการ แผนจะใหร้ ายละเอียดต่างๆ ท้งั เรื่องของการตลาด การแข่งขนั กลยทุ ธ์ในการดาเนินธุรกิจ การคาดคะเนทางการเงิน ท่ีจะช้ีนาผปู้ ระกอบการไปสู่ความสาเร็จหรือช้ีใหเ้ ห็นถึงจุดอ่อนและขอ้ ควรระวงั ดว้ ยเช่นกนั ถา้ เปรียบวา่ แผนที่ท่ีดียอ่ มจะใหร้ ายละเอียดถนนหนทาง และทิศทางที่ชดั เจนแลว้ แผนธุรกิจกไ็ ม่ตา่ งกนั ในการที่จะให้ รายละเอียดอยา่ งเพียงพอที่จะทาใหผ้ ูร้ ่วมลงทุนตดั สินใจไดว้ า่ ธุรกิจน้นั ควรจะร่วมลงทุนดว้ ยหรือไม่ จากแผนธุรกิจจะทาใหผ้ ู้ ร่วมลงทุนเขา้ ใจวตั ถุประสงคข์ องธุรกิจอยา่ งชดั เจน เขา้ ใจแนวคิดและปรัชญาของธุรกิจ แผนปฏิบตั ิการ ปัญหาอุปสรรค และ หนทางท่ีเตรียมการเพื่อไปสู่ความสาเร็จ ถึงแมว้ า่ ผปู้ ระกอบการจะใชเ้ งินลงทุนของตวั เอง ไม่ตอ้ งการผรู้ ่วมลงทุนหรือเงินกจู้ าก สถาบนั การเงิน แผนธุรกิจก็ยงั จาเป็ นอยดู่ ีเพ่อื ใหผ้ ปู้ ระกอบการมีแผนที่ในการบอกทิศทางของการดาเนินกิจการในอนาคต แผนธุรกิจสาคญั อยา่ งไร สาหรับผปู้ ระกอบการแลว้ แผนธุรกิจเป็ นเอกสารที่มีความสาคญั ยงิ่ กวา่ เอกสารใดๆ ท่ีเคยมีการรวบรวมมา ความสาคญั เหล่าน้ี ไดแ้ ก่ 1. แผนธุรกิจสาคญั ในฐานะที่จะใหร้ ายละเอียดของการเร่ิมตน้ ธุรกิจ แผนธุรกิจทาใหผ้ ปู้ ระกอบการมีเป้ าหมายที่ชดั เจน กาหนด แนวทางของความคิด และช่วยใหผ้ ปู้ ระกอบการแน่วแน่ต่อการใชท้ รัพยากรและกาลงั ความพยายามเพื่อไปสู่เป้ าหมาย 2. แผนธุรกิจสาคญั ในฐานะเป็ นเคร่ืองมือท่ีจะแสวงหาเงินทุนจากผรู้ ่วมลงทุน จากกองทุนร่วมลงทุน และจากสถาบนั การเงิน ตา่ งๆ 3. แผนธุรกิจสาคญั ในฐานะที่เป็ นเสมือนพมิ พเ์ ขียวท่ีใหร้ ายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ท้งั กิจกรรมในการจดั หาเงินทุน กิจกรรม ในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ กิจกรรมการตลาด และอื่นๆ ในการบริหารกิจการใหม่ แผนธุรกิจยงั ใชเ้ พื่อกาหนดการปฏิบตั ิงานที่ ตอ่ เนื่องในอนาคตของกิจการอีกดว้ ย แผนธุรกิจควรมีอะไรบา้ ง เน่ืองจากแผนธุรกิจที่ดียอ่ มช่วยในการวดั ถึงความเป็ นไปไดข้ องกิจการท่ีจะลงทุน แผนจึงควรประกอบดว้ ยการวเิ คราะห์อยา่ ง ละเอียดในตวั แปรหรือปัจจยั ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. สินคา้ หรือบริการท่ีจะขาย 2. กลุ่มลกู คา้ ท่ีคาดหวงั 3. จุดแขง็ และจดุ ออ่ นของกิจการท่ีจะทา 4. นโยบายการตลาด เช่น นโยบายดา้ นราคา การส่งเสริมการตลาด การกระจายสินคา้ 5. วธิ ีการหรือกระบวนการในการผลิต รวมถึงเคร่ืองจกั ร อุปกรณท์ ี่ตอ้ งใช้

47 6. ตวั เลขทางการเงิน นบั ต้งั แตร่ ายไดท้ ่ีคาดวา่ จะได้ ค่าใชจ้ ่าย กาไร ขาดทุน จานวนเงินลงทนุ ท่ีตอ้ งการ และกระแสเงินสดท่ีคาด วา่ จะไดม้ าหรือใชไ้ ป แผนธุรกิจที่ดี เม่ืออ่านแลว้ ควรจะตอ้ งตอบคาถามเหลา่ น้ีได้ 1. การก่อต้งั ธุรกิจเป็ นรูปร่างชดั เจนขนาดไหน เสร็จสมบูรณ์แลว้ หรือยงั 2. ธุรกิจน้ีน่าลงทนุ ไหม 3. ธุรกิจมีแนวโนม้ หรือโอกาสที่จะประสบความสาเร็จต้งั แต่เมือ่ แรกต้งั มากนอ้ ยขนาดไหน 4. ธุรกิจน้ีมีความไดเ้ ปรียบหรือความสามารถในการแขง่ ขนั ในระยะยาวมากนอ้ ยเพยี งใด 5. สินคา้ ท่ีจะผลิตมีวธิ ีการผลิตท่ีมีประสิทธิภาพเพยี งใด 6. สินคา้ ท่ีผลิตสามารถวางตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเพียงใด 7. วธิ ีการผลิตและการวางตลาดสินคา้ น้นั มที างเลือกอื่นๆ ท่ีประหยดั ไดม้ ากกวา่ หรือไม่ 8. หนา้ ท่ีต่างๆ เช่น การผลิต การจาหน่าย การจดั การทางการเงิน การจดั การคน มีการจดั การที่ดีและเหมาะสมเพียงใด 9. จานวนและคุณภาพของพนกั งานท่ีตอ้ งการมีเพยี งพอหรือไม่ โดยสรุปแลว้ แผนธุรกิจท่ีมีการรวบรวมและเขียนข้ึนอยา่ งดีน้นั ไมเ่ พยี งแตใ่ หข้ อ้ มลู ที่เป็ นขอ้ เท็จจริงเท่าน้นั ตวั แผนตอ้ งสามารถ เป็ นเครื่องมือส่ือสารท่ีดี ที่จะส่งผา่ นความคิด ผลการวจิ ยั และแผนที่จะนาเสนอใหก้ บั ผอู้ า่ น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เจา้ ของเงิน ตอ้ ง เป็ นพ้ืนฐานสาคญั ของการบริหารและดาเนินกิจการที่จะจดั ต้งั ข้ึน นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งเป็ นเคร่ืองมือในการวดั ผลความกา้ วหนา้ ของกิจการ รวมถึงการประเมินถงึ ความเปลี่ยนแปลงท่ีจาเป็ น ดงั น้นั นบั ไดว้ า่ การวางแผนธุรกิจเป็ นเรื่องท่ีตอ้ งพิถีพิถนั ใชเ้ วลา ใชค้ วามพยายาม เสียคา่ ใชจ้ ่าย แต่ผลลพั ธ์ที่ไดก้ ลบั มา คือ ความแตกตา่ งระหวา่ งความสาเร็จและความลม้ เหลวของกิจการทีเดียว องคป์ ระกอบของแผนธุรกิจ แมว้ า่ องคป์ ระกอบของแผนธุรกิจจะไม่ไดม้ ีกาหนดไวต้ ายตวั หากแต่องคป์ ระกอบหลกั ซ่ึงนกั ลงทุนพจิ ารณาวา่ เป็ น ส่ิงสาคญั และตอ้ งการรู้ จะประกอบดว้ ยส่ิงเหลา่ น้ี คือ 1. บทสรุปสาหรับผบู้ ริหาร 2. ประวตั ิโดยยอ่ ของกิจการ 3. การวเิ คราะห์สถานการณ์ 4. วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายทางธุรกิจ 5. แผนการตลาด 6. แผนการจดั การและแผนกาลงั คน 7. แผนการผลิต/ปฏิบตั ิการ 8. แผนการเงิน 9. แผนการดาเนินงาน 10. แผนฉุกเฉิน

48 องคป์ ระกอบที่ 1 เน้ือหาในบทสรุปผบู้ ริหารควรจะกล่าวถึงส่ิงตอ่ ไปน้ี 1. อธิบายวา่ จะทาธุรกิจอะไร และแนวคิดของธุรกิจน้นั เป็ นอยา่ งไร พยายามอธิบายใหเ้ ห็นวา่ สินคา้ หรือบริการที่จะทาน้นั จะเปล่ียนแปลงวถิ ีชีวติ หรือวถิ ีการใชส้ ินคา้ หรือบริการไปจากเดิมอยา่ งไร บอกดว้ ยวา่ ธุรกิจจะก่อต้งั เมื่อไร สินคา้ /บริการมีคุณสมบตั ิพเิ ศษอะไรในแง่รูปลกั ษณ์ ประโยชนใ์ ชส้ อย เทคโนโลยี ฯลฯ ที่จะ ไดเ้ ปรียบเหนือคูแ่ ข่ง หากธุรกิจดาเนินการมาเป็ นระยะเวลาหน่ึงแลว้ บอกดว้ ยวา่ ขนาดของธุรกิจใหญข่ นาดไหน มคี วามเติบโต กา้ วหนา้ ในช่วงที่ผา่ นมาอยา่ งไร 2. โอกาสและกลยทุ ธ์ สรุปวา่ อะไรคือโอกาส ทาไมจึงน่าในใจ และจะใชโ้ อกาสน้นั ดว้ ยวธิ ีอยา่ งไร ขอ้ มูลส่วนน้ีอาจนาเสนอในรูปขอ้ เทจ็ จริงของตลาด เงื่อนไขตลาด สภาพของคู่แขง่ (เช่น คู่แขง่ ขนั ไม่ปรับปรุงสินคา้ มานานแลว้ คูแ่ ข่งขนั กาลงั เพลี่ยงพล้า แนวโนม้ ของอุตสาหกรรมและอื่นๆ ท่ีแสดงวา่ โอกาสทางการคา้ กาลงั เปิ ดให)้ 3. กล่มุ ลกู คา้ เป้ าหมายและการคะเนลูกคา้ เป้ าหมาย ระบุและอธิบายยอ่ ๆ ถึงลกั ษณะตลาด ใครเป็ นกลุม่ ลกู คา้ หลกั จะจดั วางตาแหน่งผลิตภณั ฑอ์ ยา่ งไร จะวางแผนการเขา้ ถึงลกู คา้ อยา่ งไร รวมถึงขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั โครงสร้างของตลาด ขนาดและอตั ราการเติบโตของกล่มุ ลูกคา้ ยอดขาย และส่วนแบ่งตลาด ที่คาดหมาย 4. ความไดเ้ ปรียบเชิงแขง่ ขนั ของธุรกิจ ระบุถึงความไดเ้ ปรียบและความเหนือกวา่ ในการแขง่ ขนั เช่น ความไดเ้ ปรียบจากตวั ผลิตภณั ฑ์ การไดเ้ ปรียบจากการเขา้ ตลาด ก่อน ความไดเ้ ปรียบจากการที่คู่แข่งขนั อยใู่ นภาวะออ่ นแอ ตลอดจนเงื่อนไขอ่ืนๆ ของอุตสาหกรรมน้นั ๆ 5. ความคุม้ ค่าเชิงเศรษฐกิจและความสามารถในการทากาไร บทสรุปใหเ้ ห็นถึงความคุม้ ค่าของการลงทุน เช่น กาไรข้นั ตน้ กาไรจากการดาเนินงาน ระยะเวลาของการทากาไร ระยะเวลาการ คุม้ ทุน ระยะเวลาท่ีกระแสเงินสดจะเป็ นบวก การคาดหมายอตั ราผลตอบแทนจาการลงทุน และการคาดคะเนผลตอบแทน ทางการเงินอืน่ ๆ 6. ทีมผบู้ ริหาร สรุปความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และทกั ษะของผทู้ ี่เป็นตวั หลกั ในการก่อต้งั และบริหาร พรอ้ มสมาชิกในทีม บอกยอ่ ๆ ถึงความสาเร็จในอดีต โดยเฉพาะที่เกี่ยวกบั การทากาไร การบริหารงานและคน 7. ขอ้ เสนอผลตอบแทน ระบุส้นั ๆ ถึงเงินลงทุนหรือเงินกทู้ ่ีตอ้ งการ จะเอาเงินไปทาอะไร จะตอบแทนเจา้ ของเงินอยา่ งไร ผลตอบแทนของการลงทุนของ เจา้ หนา้ ท่ีหรือผรู้ ่วมลงทุนจะเป็นเท่าใด องคป์ ระกอบท่ี 2 : ประวตั ิยอ่ ของกิจการ ส่วนน้ีคือการใหข้ อ้ มลู เบ้ือตน้ เก่ียวกบั ประวตั ิความเป็ นมาของการก่อต้งั กิจการ ท้งั ในดา้ นรูปแบบการจดั ต้งั หรือจดทะเบียน ตลอดจนแนวคิดและที่มาของการเลง็ เห็นโอกาสทางการตลาด การคิดคน้ และพฒั นาสินคา้ /บริการ ที่ตอ้ งการนาเสนอใหก้ บั ลกู คา้ กลุม่ เป้ าหมาย นอกจากน้ีควรใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั เป้ าหมายระยะท่ีตอ้ งการใหเ้ ป็นในอนาคต

49 องคป์ ระกอบที่ 3 : การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ ข้นั ตอนแรกของการจดั ทาแผนธุรกิจ คือ การพยายามทาความเขา้ ใจถึงสภาพแวดลอ้ มของการดาเนินธุรกิจในปัจจุบนั และ แนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของปัจจยั สาคญั ๆที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การแข่งขนั ความน่าสนใจโดยรวมของ อตุ สาหกรรม ตลอดจนความสามารถในการทากาไร และความพร้อมในดา้ นต่างๆ ของกิจการ ดงั น้นั การวเิ คราะห์สถานการณ์จึง เป็ นงานอนั ดบั แรกท่ีสาคญั ที่ผปู้ ระกอบการควรกระทา เพ่อื ใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการกาหนดทิศทาง กลยทุ ธ์ และแผนการดาเนินงาน ของกิจการ การวเิ คราะห์สถานการณ์หรือเรียกอยา่ งยอ่ ๆ วา่ SWOT ANALYSIS 1. การวเิ คราะห์ปัจจยั ภายใน หมายถึง การตรวจสอบความสามารถและความพร้อมของกิจการในดา้ นตา่ งๆ ท้งั น้ีโดยมุ่งเนน้ การ วเิ คราะหใ์ นส่วนที่เป็ น จุดแขง็ (Strengths) และ จุดอ่อน (Weaknesses) ของกิจการ 2. การวเิ คราะห์ปัจจยั ภายนอก หมายถึง การประเมินสภาพแวดลอ้ มในการดาเนินธุรกิจที่ผปู้ ระกอบการไมส่ ามารถควบคุมหรือ เปลี่ยนแปลงได้ ดงั น้นั จึงตอ้ งพยายามเขา้ ใจในสถานการณ์ปัจจุบนั และแนวโนม้ การเปล่ียนแปลงในอนาคตของสภาพแวดลอ้ ม ดงั กล่าว เป็ นไปในลกั ษณะท่ีเป็นโอกาส (Opportunities) หรือ อุปสรรค (Threats) ในการดาเนินธุรกิจ ผลลพั ธจ์ ากข้นั ตอนของการวเิ คราะห์สถานการณ์ คือ บทวเิ คราะห์ความเป็ นไปและแนวโนม้ การเปลี่ยนแปลงของการดาเนิน ธุรกิจท่ีเป็ นประโยชน์ในการกาหนดกลยทุ ธด์ า้ นต่างๆ ของกิจการ องคป์ ระกอบที่ 4 : วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายทางธุรกิจ วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายทางธุรกิจ หมายถึง ผลลพั ธ์ทางธุรกิจท่ีกิจการตอ้ งการไดร้ ับในช่วงระยะเวลาของแผน ซ่ึงโดยทว่ั ไป เป้ าหมายทางธุรกิจอาจเป็ นเป้ าหมายโดยรวมของกิจการ และเป้ าหมายเฉพาะดา้ นในแตล่ ะแผนกหรือลกั ษณะงาน เช่น เป้ าหมาย ทางการตลาด เป้ าหมายทางการจดั การ เป้ าหมายทางการผลิต และเป้ าหมายทางการเงิน เป็ นต้น นอกจากน้ีเป้ าหมายทางธุรกิจ อาจแบ่งเป็ นเป้ าหมายระยะส้นั คือ ภายใน 1 ปี เป้ าหมายระยะกลาง ประมาณ 3-5 ปี และเป้ าหมายระยะยาวท่ีนานกวา่ 5 ปี ลกั ษณะของเป้ าหมายของธุรกิจที่ดีมี 3 ประการ คือ 1. มีความเป็ นไปได้ หมายความวา่ กิจการมีโอกาสท่ีจะบรรลเุ ป้ าหมายได้ หากไดม้ ีการดาเนินงานอยา่ งเตม็ ที่ตามแผนธุรกิจท่ีวาง ไว้ การกาหนดเป้ าหมายทางธุรกิจควรประเมินจากสภาพแวดลอ้ มในการดาเนินธุรกิจท้งั ภายนอกและภายในกิจการ กล่าวคือ ไม่ ควรต้งั เป้ าหมายที่เล่ือนลอยเกินความจริงจนทาไม่ได้ และก่อใหเ้ กิดความทอ้ แท้ แต่ก็ไม่ควรต้งั เป้ าหมายท่ีง่ายจนเกินไปจนไม่ ตอ้ งทุ่มเทความพยายามใดๆ ก็สามารถที่จะบรรลุเป้ าหมายไดโ้ ดยง่าย เป้ าหมายที่ดีจึงควรเป็ นผลลพั ธ์ที่ทาไดย้ ากแต่มีความ เป็ นไปได้ 2. สามารถวดั ผลไดอ้ ยา่ งเป็ นรูปธรรม หมายถึง มีความชดั เจนที่สามารถประเมินไดว้ ่า กิจการบรรลุตามเป้ าหมายน้นั หรือไม่ ท้งั น้ี โดยทวั่ ไป ควรจะตอ้ งกาหนดระยะเวลาใหช้ ดั เจนวา่ จะตอ้ งบรรลุถึงเป้ าหมายน้นั ภายในระยะเวลาเท่าใด 3. เป็ นไปในทิศทางเดียวกนั หมายถึง เป้ าหมายยอ่ ยๆ ในแต่ละฝ่ ายควรมีความสอดคลอ้ งและเป็ นไปในทิศทางเดียวกนั พร้อมท้งั ใหแ้ น่ใจวา่ เป้ าหมายระยะส้นั ๆ เป็ นไปเพ่ือสนบั สนุนและส่งเสริมเป้ าหมายในระยะปานกลางและระยะยาว กลา่ วคือ ไม่มงุ่ หวงั เพียงกาไรหรือผลลพั ธ์ในระยะส้นั มากจนเกินไป โดยเฉพาะหากผลในระยะส้นั น้นั จะก่อใหเ้ กิดผลเสียไดใ้ น ระยะปานกลางและระยะยาว

50 องคป์ ระกอบท่ี 5 : แผนการตลาด แผนการตลาด คือ การกาหนดทิศทางและแนวทางในการทุ่มเทความพยายามทางการตลาด ตลอดจนกลไกในการตรวจสอบและ ประเมนิ ผลกิจกรรมการตลาดไวล้ ่วงหนา้ โดยใชป้ ระโยชนจ์ ากความเขา้ ใจท่ีไดร้ ับจากการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ในองคป์ ระกอบ ที่ 3 มาพจิ ารณาร่วมกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายทางธุรกิจท่ีกาหนดไวใ้ นองคป์ ระกอบท่ี 4 ดงั น้นั การวางแผนการตลาดจึงเป็ นการกาหนดกลยทุ ธแ์ ละวธิ ีในการดาเนินกิจกรรมทางการตลาด เพอ่ื ใหก้ ิจการสามารถบรรลุ วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายท่ีมงุ่ หวงั โดยคานึงถึงการใชท้ รัพยากรทางการตลาดใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดในการตอบรบั กบั ความ เป็ นไปและแนวโนม้ การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ มในดาเนินธุรกิจท้งั ภายนอกและภายในกิจการ เน้ือหาของแผนการตลาดตอ้ งตอบคาถามหลกั ๆ ใหก้ บั ผปู้ ระกอบการอยา่ งนอ้ ยดงั ต่อไปน้ี 1. เป้ าหมายทางการตลาดท่ีตอ้ งทาใหไ้ ดใ้ นระยะเวลาของแผนคือเรื่องอะไรบา้ ง 2. ใครคือลกู คา้ กลมุ่ เป้ าหมาย ท้งั กลุ่มเป้ าหมายหลกั และกล่มุ เป้ าหมายรอง 3. จะนาเสนอสินคา้ /บริการอะไรใหก้ ลุ่มเป้ าหมาย ในราคาเท่าใด และดว้ ยวธิ ีการใด 4. จะสร้างและรักษาความพึงพอใจใหก้ บั กลุ่มเป้ าหมายเหลา่ น้นั ไดด้ ว้ ยวธิ ีการใดบา้ ง 5. ถา้ สถานการณ์ไม่เป็ นไปตามท่ีคาดหวงั ไว้ จะปรับตวั หรือแกไ้ ขอยา่ งไร ในการตอบคาถามดงั กลา่ วขา้ งตน้ ผปู้ ระกอบการจาเป็นตอ้ งใชค้ วามรู้ ความสามารถ ตลอดจนประสบการณ์และวจิ ารณญาณที่ดี ในการกาหนดเป้ าหมาย กลยทุ ธ์ และวธิ ีการทางการตลาดสาหรับกิจการตามองคป์ ระกอบที่สาคญั ของแผนการตลาด ซ่ึงมี เน้ือหาหลกั 4 ส่วน ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. เป้ าหมายทางการตลาด 2. การวเิ คราะห์กลุ่มเป้ าหมาย 3. กลยทุ ธ์และกิจกรรมทางการตลาด - กลยทุ ธ์การตลาดเพือ่ ความไดเ้ ปรียบในการแขง่ ขนั - กลยทุ ธ์เพอื่ การเติบโตทางการตลาด - กลยทุ ธส์ ่วนประสมทางการตลาด 4. การควบคุมและประเมนิ ผลทางการตลาด องคป์ ระกอบท่ี 6 : แผนการจดั การและแผนคน ในส่วนน้ีผจู้ ดั ทาแผนจะตอ้ งระบุโครงสร้างขององคก์ ารใหช้ ดั เจน โดยแสดงแผนผงั โครงสร้างขององคก์ รวา่ ประกอบไปดว้ ย หน่วยงานอะไรบา้ ง หน่วยงานแต่ละหน่วยมีความรบั ผิดชอบอะไร รวมถึงตาแหน่งผบู้ ริหารหลกั ๆ ขององคก์ าร โครงสร้างของ คณะกรรมการและการถือหุน้ การเขียนในส่วนน้ีควรจะทาใหผ้ อู้ า่ นเห็นวา่ คณะผบู้ ริหารรวมตวั กนั ในลกั ษณะเป็ นทีมท่ีดีในการ บริหาร มีความสมดุลในดา้ นความรู้ ความสามารถที่ครบถว้ น ท้งั ดา้ นเทคนิคและการบริหาร มีความชานาญและประสบการณ์ ในกิจการที่ทา รายละเอียดในส่วนน้ีประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี คือ 1. โครงสร้างองคก์ ร 1.1 ตาแหน่งงานหลกั ๆ ขององคก์ าร คนท่ีจะมาดารงตาแหน่ง พร้อมท้งั แผนผงั องคก์ าร 1.2 หากผบู้ ริหารคนใดคนหน่ึง ไมส่ ามารถปฏิบตั ิหนา้ ท่ีไดเ้ ตม็ เวลา ตอ้ งระบุวา่ ใครจะเป็ นผชู้ ่วยในงานน้นั เพอื่ ทาใหง้ าน สมบูรณ์