94 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ ทอ้ งฟา้ ในวนั ทถี่ า่ ยภาพนี้ค่อนข้างจะคร้ึมและแสงเปลี่ยนไปมาแบบ ฮวบฮาบ เม่ือแสงแดดส่องตรง เงามืดก็ทาบลงที่ผู้ขับขี่ ทาให้หน้าผู้ ขับขใี่ นภาพทถ่ี า่ ยดว้ ยแสงมาตรฐานดูมืด แต่เม่ือเมฆบดบัง ภาพก็ดู ไม่ส่งอารมณ์และมีความเปรียบต่างต่า ผมจึงใช้แฟลชเพ่ือแก้ไข ปญั หานี้ ตาแหนง่ ของตัวแบบ กล้อง และแฟลช Speedlite
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 95 A: ประมาณ 4 เมตร ถ่ายภาพผีเส้อื หางแฉกด้วยซงิ ค์ความเร็วสูง ผมใช้แฟลชเพื่อให้สีเหลืองของเจ้าผีเสื้อแสนสวยที่กาลังหลงใหล ดอกบานช่ืนดูสดและมีชีวิตชีวา ตัวผีเส้ืออาจเบลอหากใช้ความเร็ว ชัตเตอร์ตามที่แฟลชซิงค์ได้ ผมจึงใช้ High-speed Sync โดยต้ังค่า โหมดการเปิดรับแสงของกล้องเป็นแบบแมนนวล และตั้งค่า ความเร็วชัตเตอร์เป็น 1/800 วินาทีและค่ารูรับแสงเป็น f/11 เมื่อ ใช้ High-speed Sync กับตัวแบบเคล่ือนไหว เราขอแนะนาให้คุณ ตัง้ ค่าการรบั แสงในพนื้ ทแี่ บ็คกราวด์ใหต้ ่าลงเลก็ น้อย EOS 10D/ EF15mm f/2.8 Fisheye/ Aperture-priority AE (1/800 วินาที, f/11)/ ISO 200/ WB: แสงแดด/ Speedlite 550EX (E-TTL, ซิงคค์ วามเร็วสงู ) ภาพโดย: Kazuo Unno
96 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ เคล็ดลบั - เพ่ือให้สามารถใช้แฟลชร่วมกับความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ได้ ให้ใช้โหมด High-speed Sync - ตั้งคา่ กลอ้ งให้การเปดิ รับแสงลดลงเลก็ นอ้ ย สภาพการถ่าย ผีเสื้อหางแฉกกาลังโผบินท่ามกลางมวลดอกไม้จากดอกหน่ึงไปอีก ดอกหน่ึงเพ่ือหาน้าหวานจากเกสรดอกไม้ ในวันที่ฟ้าค่อนข้างครึ้ม การถา่ ยภาพโดยอาศัยแสงจากดวงอาทติ ย์อย่างเดียวอาจทาให้ภาพ ผีเสอ้ื ออกมามืดเกินไป และไม่สามารถให้สีที่ต้องการได้ ผมอยากใช้ แฟลชเพ่ือแก้ปัญหาน้ี แต่การเลือกความเร็วชัตเตอร์ท่ีสูงที่สุดที่ แฟลชธรรมดารองรับอาจทาใหต้ วั แบบเบลอได้ ตาแหน่งของตัวแบบ กล้อง และแฟลช Speedlite A: ประมาณ 0.15 เมตร ขัน้ ตอนการใช้งาน High-speed Sync
เทคโนโลยกี ารถายภาพ 97 1. เลือกเลนส์ เลือกเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดท่ีให้ความสว่าง หากคุณต้องการใส่ เอฟเฟก็ ตโ์ บเก้ ในภาพถา่ ย 2. เลอื กโหมด High-speed Sync กดปุ่ม High-speed sync/Shutter curtain synchronisation แล้วกดปุ่มน้ีบนตัวแฟลชเพื่อเลือกใช้ High speed Sync สาหรับ แฟลชทไี่ มม่ ปี ุม่ ดังกลา่ ว เลือกเมนู [ควบคุมแฟลช] ภายในกลอ้ ง แล้วเปลี่ยนการตั้งค่าการซิงค์สาหรับ แฟลชเสริม
98 เทคโนโลยีการถา ยภาพ 3. เลือกโหมดการถา่ ยในกล้อง หมนุ วงแหวนเลือกโหมดเพ่ือเลือกโหมดการถ่าย เลือก Tv หากคุณ ให้ความสาคัญกับความเร็วชัตเตอร์ และเลือก Av หากต้องการ สร้างเอฟเฟก็ ต์โบเก้ 4. ตง้ั ค่ารรู บั แสงและความเร็วชตั เตอร์ ต้ังค่าความเรว็ ชตั เตอรแ์ ละค่ารูรับแสงตามจุดมุง่ หมายในการ ถา่ ยทอดภาพ
เทคโนโลยีการถา ยภาพ 99 5.3 การถ่ายภาพแสดงการเคล่อื นไหว เทคนิคการถา่ ยภาพเคลื่อนไหว การถ่ายภาพเคล่ือนไหว หมายถึง การถ่ายภาพของวัตถุท่เี คลอ่ื นไหว เช่น คนว่ิง กระโดดโลดเตน้ เลน่ ชิงชา้ กระโดดสงู ว่ายนา้ ป่นั จักรยาน รถกาลังแล่น หรือการแข่งขันกีฬาดา้ นความเรว็ ประเภทต่าง ๆ การถา่ ยภาพวตั ถุท่ีเคล่ือนไหว ดังกลา่ วอาจจะทาได้ใน 3 ลักษณะ คอื 1. การจับภาพวตั ถทุ ี่กาลงั เคล่ือนไหวใหห้ ยดุ น่งิ (Stop – action) การถา่ ยภาพในลกั ษณะนี้ตอ้ งตงั้ ความเรว็ ชตั เตอร์ให้สูง เชน่ 1/250, 1/500 หรือ 1/1000 วนิ าที ตามความเหมาะสม กบั ความเร็วของวตั ถุท่กี าลงั เคลอื่ นท่ี เมื่อตั้งความเร็วชตั เตอร์ สงู ๆ จาเปน็ ตอ้ งเปดิ ช่องรับแสงให้กวา้ งข้ึน เพื่อชดเชยใหแ้ สง การถา่ ยภาพวัตถุที่กาลังเคล่ือนไหวให้หยดุ น่งิ ไดน้ ัน้ จะตั้งความ เรว็ ชัตเตอรเ์ ท่าใดย่อมข้นึ อยู่กับองค์ประกอบ 4 ประการ คือ 1) ความเร็วของวัตถุที่กาลงั เคลือ่ นไหว 2) ทิศทางการเคลื่อนไหวของวตั ถุ 3) ระยะทางจากกล้องถึงวตั ถุ 4) ความยาวโฟกสั ของเลนส์
100 เทคโนโลยีการถายภาพ 2. การถ่ายภาพวัตถุท่ีเคล่ือนไหวดูแล้วให้รู้สึกว่าเหมือนกาลัง เคลอ่ื นไหวการถ่ายภาพในลักษณะนี้ ตอ้ งต้งั ความเรว็ ชตั เตอร์ ให้ช้า ๆ เช่น 1/30 วินาที, 1/15 วินาที หรือ 1/8 วินาที เป็นต้น เม่ือ ตั้งความเร็วชัตเตอร์ช้า ก็ต้องเปิดช่องรับแสงให้เล็กลง ภาพท่ีได้จะ ปรากฏว่าส่ิงท่ีกาลังเคล่ือนไหวจะดูพร่า ทาให้เห็นว่าวัตถุนั้นกาลัง เคลื่อนท่ีส่วนวัตถุหรือสิ่งท่ีอยู่น่ิงจะคมชัด และการถ่ายภาพลักษณะน้ี ควรจบั ถอื กล้องให้น่งิ และมนั่ คง หรอื ควรใช้ขาตง้ั กลอ้ งช่วย
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 101 3. การถา่ ยภาพวตั ถุทีก่ าลังเคล่ือนไหวใหเ้ หน็ วตั ถชุ ดั ส่วนฉากหลัง พรา่ มวั เปน็ ทางยาวการถา่ ยภาพในลักษณะนี้ จะตอ้ ง แพนกล้อง (Paning) ตามวัตถทุ กี่ าลังเคล่อื นไหว พรอ้ ม ๆ กับการกดไกชัตเตอร์ ความเรว็ ชตั เตอรค์ วามต้งั ให้ช้า เชน่ 1/60วนิ าที,1/30วนิ าทีหรือช้ากวา่ ท้งั นขี้ ้นึ อยูก่ บั ความเร็วของวัตถุที่เคล่อื นทดี่ ว้ ยการปรับระยะชัดให้ปรับ ไปตรงจุดทวี่ ตั ถุ เคลือ่ นท่ผี า่ น 5.4 การสา่ ยกล้องตามวตั ถุ PANNING เป็นการใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่า ถ่ายภาพเคล่ือนไหวเหมือนกับ ภาพ acti-on แต่จะใช้เทคนิคการแพนหรือการส่ายกล้องตามวัตถุ ท่ีเคลื่อนที่ และกดชัต-เตอร์ขณะที่ส่ายกล้อง ทาให้วัตถุท่ีต้องการ เนน้ นิง่ เห็นรายละเอยี ดมากย่งิ ข้ึน แต่ฉากหน้าและฉากหลังที่นิ่งอยู่ กบั ที่ลู่ตามวัตถุ เปน็ ทน่ี ยิ มมากในการถ่ายภาพกฬี าประเภทต่างๆ นักวิง่ ลมกรด การถ่ายภาพใช้ความเรว็ ชัตเตอร์ 1/2 วินาที รรู ับแสง F 22 สา่ ยกลอ้ งตามนักกีฬา พร้อมกดชตั เตอร์
102 เทคโนโลยกี ารถายภาพ 5.5 การถา่ ยภาพระยะใกล้CLOSE UP เป็นการถ่ายภาพระยะใกล้เพื่อเน้นรายละเอียด หรือการถ่ายภาพ วัตถุขนาดเล็ก สามารถถ่ายโดยใช้ฟิลเตอร์ Close up ซ่ึงมี ลักษณะเป็นเลนสข์ ยาย จาหน่ายเป็นชดุ ชุดละ 3 อัน สามารถต่อ กันได้ แต่ต้องระวังในการถ่ายเพราะภาพจะชัดเฉพาะตรงกลาง ภาพ สว่ นด้านขอบของภาพจะไม่ชัดเพราะความโค้งของเลนส์ ย่ิง ใชฟ้ ิลเตอรห์ ลายตวั ยง่ิ ลดความคมชัดของภาพลง ถ้าต้องการคุณภาพดี ควรใช้เลนส์มาโคร หรือเลนส์ถ่ายใกล้ จะ ให้รายละเอียดของภาพมากยง่ิ ขึ้น การถ่ายภาพต้องระวังอย่าให้สั่นไหวเด็ดขาด ควรใช้ขาต้ังกล้อง และสายลั่นชัตเตอร์เข้าช่วย หรือพยายามใช้ความเร็วชัตเตอร์ท่ี สงู จะช่วยไดม้ าก 5.6 การถ่ายภาพเงาดา SILHOUETTE เป็นเทคนิคการถ่ายภาพยอ้ นแสง โดยจะไมเ่ หน็ รายละเอยี ดของ วตั ถุ ควรถ่ายในชว่ งเชา้ หรือชว่ งเย็นท่ีแสงแดดเริ่มอ่อน อย่าวัด แสงกบั ดวงอาทติ ย์ตรงๆ ควรวดั แสงที่ท้องฟ้า เฉยี ง 45 องศากับ ดวงอาทติ ย์ และลดรูรบั แสงใหแ้ คบลง 2-4 Stop หรือถา้ เปน็ เวลา เยน็ มาก สามารถมองดวงอาทติ ยด์ ว้ ยตาเปลา่ ได้ ก็วดั แสงท่ีดวง อาทติ ย์ไดเ้ ลย
เทคโนโลยีการถา ยภาพ 103 การถา่ ยภาพประเภทนี้ต้องระวังเร่ืองฉากหนา้ และฉากหลัง ดว้ ย เพราะจะทาใหร้ บกวนภาพทาใหภ้ าพดรู กตา ความเร็วชตั เตอร์ 1/250 วินาที รรู บั แสง F 11 5.7 การถา่ ยภาพไฟกลางคนื NIGHT PICTURE หรอื การถ่ายภาพไฟกลางคืนท่สี วยงาม จะได้ภาพทแี่ ปลกตา วธิ ีการถา่ ยภาพ 1.ติดต้ังกล้องกับขาตั้งกล้องให้ม่ันคง พร้อมติดต้ังสายล่ันชัตเตอร์ ใหพ้ ร้อม 2.ส่องกล้องหาทิศทางในการถา่ ยภาพ ใหไ้ ด้มมุ ที่เหมาะทีส่ ดุ
104 เทคโนโลยีการถายภาพ 3.คาดคะเนสภาพแสง เพ่ือกาหนดเวลาและรูรับแสง (ถ้าเป็นไฟ ตามถนนปกติ จะใชป้ ระมาณ 5.6 หรอื 8) 4.ตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ B ลั่นชัตเตอร์ค้างไว้ให้รถว่ิงผ่านจนเป็นที่ พอใจ ประมาณ 10-60 วินาที หรือถ้าท้ิงช่วงเวลานาน จะใช้ผ้า ดาคลุมหน้าเลนสไ์ ว้กอ่ นก็ได้ การถา่ ยภาพไฟกลางคืน ควรถ่ายเผื่อหลายๆ ภาพ ใช้เวลาในการ บันทึกภาพและขนาดรูรับแสงต่างๆ กัน และจดบันทึกไว้จะดี ที่สดุ และควรฝกึ หดั เป็นประจาเพราะตอ้ งอาศัยความชานาญสูงใน การถ่ายภาพประเภทนี้ ภาพแสงแห่งความหวงั ความเรว็ ชตั เตอร์ 15 วนิ าที รรู บั แสง F 8 เลนส์ 35-70 มม.
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 105 5.8 การถ่ายภาพที่มโี ทนสดี ามาก LOW KEY ภาพทีม่ โี ทนสดี ามาก และมสี ีตัดกันสูง ภาพจะดูลึกลับ สะดุด ตา นา่ สนใจ อาจใช้แสงจากธรรมชาติโดยแสงเข้าในทิศทาง เดยี ว หรอื กระทบวตั ถทุ ่ีจะถ่ายเพียงด้านเดยี ว โดยวดั แสงท่ีจุด กระทบของแสง คือ วัดแสงใกล้ๆ กับวัตถุ แล้วถอยกล้องออกมา ถ่าย โดยไมต่ ้องปรบั รูรบั แสงหรือความเร็วชัตเตอร์อกี ภาพคนลูกทุ่ง แสงจากหลอดทังสะเตน วดั แสงทใ่ี บหน้า ผูเ้ ป็นแบบ ความเรว็ ชตั เตอร์ 1/15 วนิ าที รูรับแสง F 1.4 เลนส์ 35-70 มม.
106 เทคโนโลยีการถายภาพ 5.9 การถ่ายภาพบุคคล 1. ใช้แสงธรรมชาติ แสงธรรมชาตชิ ว่ ยใหเ้ ราไดผ้ ลลพั ธใ์ นการถา่ ยภาพบุคคลทีด่ ีมาก น้าหนกั ของแสงอาทติ ย์ทน่ี มุ่ นวลตามช่วงเวลา ความอม่ิ ตัวของสี เราสามารถเลือกใช้แสงจากหน้าต่างก็ได้ หรือใชแ้ สงออ่ น ๆ ทคี่ อ่ ย ๆ สาดเข้ามาอย่างบางเบา ทาให้เราถ่ายภาพได้อารมณ์ทีน่ มุ่ นวล ทาให้แบบดนู า่ หลงใหล และประกายแสงแดดท่ีอ่อนโยนเวลาโดน ผมของแบบ ทาใหผ้ หู้ ญิงดมู เี สน่ห์ น่ามองมาก เคลด็ ลับในการถ่ายภาพบุคคลโดยใช้แสงธรรมชาติ, – Photo by Benjaminrobyn Jespersen on Unsplash
เทคโนโลยีการถายภาพ 107 2. เลือกใช้พื้นหลังท่ีดูคลีน รายละเอียดน้อย ไม่รกจนรบกวนตัว แบบ บอ่ ยคร้ังทเ่ี ราเผลอเลือกใช้ฉากหลังท่ีมันดูโดดเด่น ต่ืนเต้น น่าสนใจ แตถ่ ้ามองดี ๆ พื้นหลังอย่างนั้นอาจจะเข้ามารบกวนตัวแบบ หรือแย่งความโดด เด่นจากตัวแบบได้ การท่ีภาพบุคคลส่วนใหญ่ถ้าเราสังเกตดี ๆ จะ เลือกพ้ืนหลังท่ีดูคลีน รายละเอียดน้อย ไม่รกจนทาให้ตัวแบบถูก รบกวน เคล็ดลับในการถ่ายภาพบุคคล – Photo by Ren QingTao on Unsplash
108 เทคโนโลยีการถายภาพ เมื่อฉากหลังดูเกลี้ยง จุดสนใจจะตกไปอยู่ท่ีตัวแบบ เราสามารถ โฟกัสเน้นไปที่อารมณ์ของแบบได้มากข้ึน อารมณ์ของใบหน้า แวว ตา ท่าทาง สามารถถูกถ่ายทอดไปยังคนดูได้อย่างเต็มท่ีโดย ปราศจากการรบกวนจากฉากหลงั แตก่ ข็ น้ึ อย่กู บั โจทย์ท่ีเราวางไว้นะ ไม่ได้บอกว่าห้ามเล่นกับฉากหลัง เลย เพราะภาพบุคคลที่เล่นกับฉากหลังก็มีเหมือนกัน ซ่ึงเราจะเล่า ในข้อต่อไป เพียงแต่ว่าอยากให้เห็นในแง่มุมที่ว่าบางครั้งฉากหลังก็ แยง่ จุดเด่นจากตัวแบบเราไปเหมือนกัน 3. เลือกใชพ้ ้ืนที่โดยรอบสรา้ งเรื่องราว จุดสนใจ ให้กับการถ่ายภาพ บคุ คล บางครั้งพน้ื หลงั ก็สามารถเล่าเรอื่ งราวไดเ้ หมือนกัน ข้อน้ีเป็นมุมมอง อีกทางเลือกหน่ึงสาหรับคนที่อยากถ่ายภาพบุคคลโดยให้พื้นหลัง เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวท่ีเราให้ความสาคัญของเนื้อหาในภาพ ข้ึนมา เราอาจจะเล่นกบั ลายกราฟิต้ีด้านหลังก็ได้ ซ่ึงอยู่ที่คอนเซ็ปต์ วา่ เราอยากได้อะไรในภาพ เคล็ดลบั ในการถ่ายภาพบุคคล – Photo by Annie Spratt on Unsplash
เทคโนโลยีการถายภาพ 109 4. ฝกึ ท่ีจะพูดคยุ กบั แบบ เพอ่ื ให้แบบผ่อนคลาย และสามารถโพสท์ ทา่ ได้โดยทีไ่ ม่เขนิ เพื่อผมเคยบน่ ผมเสมอว่า การถ่ายภาพบุคคลมันเป็นการพูดคุยและ รู้จักแบบ ตอนน้ันผมยังไม่เข้าใจแต่ตอนน้ีตาสว่างละ เม่ือเราเข้าใจ ธรรมชาติของแบบและตัวแบบเองเกิดความสบายใจ ไว้ใจ เขาก็จะ ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง และเม่ือน้ันท่าโพสต์ท่ีเป็นตัวตนของ เขาจะเผยให้เราได้เห็น การท่ีเราไม่รู้จักทักษะนี้เลย บ่อยคร้ังมันทา ใหภ้ าพถา่ ยออกมาดูกระด้าง ดูโพสต์ตามแบบปกติทั่วไป บางทีภาพ มันดูเฟค ๆ หรือเกร็งไปหน่อย ที่จริงแล้วถ้าเรารู้จักลักษณะของตัว แบบ ตวั แบบ ผอ่ นคลายกับการถา่ ยรูป คนที่ไดผ้ ลประโยชน์ที่มากทส่ี ุดก็ช่างภาพ
110 เทคโนโลยีการถา ยภาพ 5. กาหนดจุดแตกต่างในภาพให้เกิดความน่าสนใจ แบ่งเฟรมในภาพด้วยการใช้กฎสามส่วนก็ได้ เพื่อให้เกิดน้าหนัก และจุดสนใจในการถ่ายภาพบุคคล ทาให้เราสามารถถ่ายภาพที่จะ สอ่ื สารกบั คนดไู ด้ง่ายข้นึ การมองไปที่จดุ สนใจตามท่เี ราต้องการ เคล็ดลบั ในการถ่ายภาพบุคคล – By oldgreen 6. โฟกัสที่ดวงตา ความมหศั จรรยข์ องการถ่ายภาพบคุ คลกค็ ือเราจะมองหาดวงตา ของนางแบบโดยอัตโนมัติ และทกุ ส่ิงทกุ อย่างรอบ ๆ จะถูกลด ความสาคญั ดว้ ยการเบลอฉากหลงั หรืออะไรก็แล้วแต่ ดงั นั้นดวงตา จะเปน็ ตวั กาหนดอารมณข์ องคนดไู ดเ้ ลย ว่าแบบรู้สึกยังไง กาลงั สอ่ื สารอะไรกับคนทด่ี ภู าพ
เทคโนโลยีการถา ยภาพ 111 Photo by Rodolfo Sanches Carvalho on 7. ถ่ายโดยไมใ่ ห้แบบมองกล้องดู (คนไทยเทคนคิ นี้ชิล ๆ มาก) เป็นการถ่ายภาพแบบไม่ให้แบบมองเข้ามาที่ตัวกล้อง ซึ่งจะทาให้ ผูช้ มนน้ั มองตามสายตาแบบ ทาให้เราเนน้ เรื่องราวหรืออารมณ์ภาพ ไดเ้ ยอะขน้ึ ย่ิงถา้ เรากาหนดโจทย์ดี ๆ Photo by Thought Catalog on Unsplash
112 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 8. ใช้กรอบภาพจากธรรมชาตใิ นการสรา้ งจุดสนใจ เทคนิคการใชก้ รอบภาพเล่าเร่ือง อาจจะถ่ายภาพสะท้อนจาก กระจกเงาเลก็ ๆ ซงึ่ เรามักจะเห็นประจาตอนทถ่ี ่ายหนา้ เจ้าสาว เวลาแต่งหน้า หรอื เราจะถา่ ยผา่ นเฟรมหน้าตา่ งกไ็ ด้ การทาแบบนี้ จะทาให้ภาพถกู พุ่งความสนใจไปที่กรอบและเราพยายามส่ือสาร ดว้ ยเรอ่ื งราวที่อยู่ในจดุ นน้ั Photo by Allef Vinicius on
เทคโนโลยีการถา ยภาพ 113 9. เล่นกับแสงและเงา ขอยอมรับตามตรงวา่ ตอนท่ีเร่ิมถ่ายภาพผมมีคติท่ีเกลียดเงาในภาพ มาก ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจเรื่องการถ่ายภาพเท่าไหร่นัก แต่ท่ีจริง แล้วการเกิดเงาในภาพทาให้ภาพดูมีมิติ มีคอนทราสต์ในภาพ นอกจากนี้สังเกตได้ว่าภาพท่ีมีเงาช่วยดึงดูดสายตาเราได้นานกว่า ปกติ ทาให้เราตั้งใจดู อีกทั้งยังเป็นสไตล์ภาพที่ส่ือสารด้านอารมณ์ ได้ดีมากอีกด้วย ลองจัดองค์ประกอบพร้อมเล่นกับแสงและเงาดู ครบั Photo by Muhd Asyraaf on Unsplash
114 เทคโนโลยีการถา ยภาพ 10. ถา่ ยภาพหลาย ๆ มุมที่ตา่ งกนั บ้าง เปลี่ยนมุมมองโดยถา่ ยภาพลักษณะเดียวกนั ในมุมท่ีต่างกนั บา้ ง เรา จะเหน็ เลยวา่ จะไดภ้ าพอีกรูปแบบนึง ซง่ึ เวลาถา่ ยภาพบุคคลเรา อาจจะถ่ายภาพในมมุ ที่ถนดั และมุมทเ่ี ราต้องการแลว้ แต่ถา้ หากมี เวลาเพ่ิมอยากให้ลองขยับ ปรับมุมมองในจุดอ่ืนเพ่ิมขึ้นมาอีกหนอ่ ย จะไดฝ้ ึกมมุ มองใหมท่ เ่ี พม่ิ มากขึน้ Photo by Ilya Yakover on Unsplash
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 115 5.10 การถ่ายภาพสรา้ งสรรค์ 1. การถ่ายภาพด้วยมือถือให้สวยขึ้น ด้วยการเล่นกับมุมมอง และ มิตใิ หม่ ๆ มีหลายวิธีในการถ่ายภาพวัตถุแบะการจับภาพจากมุมมองที่ น่าสนใจ ทาให้ภาพท่ีเราคุ้นเคยดูน่าสนใจขึ้นมาได้ครับ แทนท่ีเรา จะถา่ ยภาพจากทีส่ ูงอย่ตู ลอด ลองเปล่ยี นถา่ ยภาพจากมุมต่าเสยขึ้น ไปหาตัววัตถุหลักก็ได้ อาจจะลองเข้าใกล้ดูครับ เพ่ือสร้างมิติท่ีดู ย่ิงใหญ่ใหม้ ากขน้ึ source, iphonephotographyschool
116 เทคโนโลยกี ารถายภาพ ก็เหมือนกับการถ่ายภาพด้วยกล้อง Mirrorless หรือ DSLR นั่น แหละครับ การที่เราถ่ายภาพจากมุมต่าจะทาให้ภาพของแบบหลัก ดูใหญ่โตและมีพลัง นอกจากน้ียังช่วยให้เราสามารถเก็บ รายละเอียดด้านหน้าได้เพ่ิมมากขึ้น ทาให้มิติภาพสาหรับภาพ Landscape ดูดีด้วยนะ หรือจะนามาประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพ สะทอ้ นได้ดว้ ย source : iphonephotographyschool จะเหน็ ได้ว่าการถ่ายภาพมุมต่าใช้ได้ดีกับภาพสะท้อนน้า และยังทา ใหล้ ิฟท์ดูย่ิงใหญ่ขึ้นด้วย ถ้าใครยังไม่เคยลองใช้เทคนิคนี้ แนะนาว่า ลองนาไปใชถ้ ่ายตามสถานท่ที อ่ งเทย่ี วได้เลย source : iphonephotographyschool ภาพด้านบนเป็นภาพท่ีถือว่าองค์ประกอบดีแล้วก็สวยนะ แต่ที่ แนะนาตัวอย่างใจภาพนี้คือการถ่ายจากมุมสูงลงไป จะสังเกตว่าถ้า
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 117 เทียบกับตอนแรกที่ให้ถ่ายรูปดูแล้ว การถ่ายภาพจากมุมด้านล่าง เสยขนึ้ ไปดา้ นบนจะทาให้แบบหลกั ดยู งิ่ ใหญ่กว่าครบั แต่ถ้าต้องการถ่ายภาพจากมุมสูงลงไปล่ะจะทาให้ภาพสวยได้ไหม คาตอบคือทาได้นะ เราสามารถถ่ายภาพจากมุมสูงลงมาโดยใส่ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ บบนก้ี ไ็ ด้ source : iphonephotographyschool นอกจากนี้การถา่ ยภาพด้วยมุมตา่ เรายงั สามารถที่จะใสเ่ รอื่ งราวไป ได้ เช่นเอาคนไปเป็นตวั กลางสาหรบั เล่าเรือ่ งว่าคน ๆ น้กี าลังมอง ข้ึนไปยังตน้ ไม้ทีใ่ หญก่ ว่าเขาได้ ทาใหภ้ าพดูมีเนื้อหามากขึน้ คนดู เรม่ิ จนิ ตนาการความคดิ ไปกบั ภาพของเรามาก
118 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ
เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ 119
บทที่ 6 เทคนคิ การจัดแสงเพื่อถา่ ยภาพ
ในสตูดโิ อ
122 เทคโนโลยกี ารถายภาพ บทที่ 6 เทคนคิ การจดั แสงเพ่อื ถา่ ยภาพในสตดู ิโอ 6.1 ความรูพ้ ืน้ ฐานเกี่ยวกบั แสงและสีของการถา่ ยภาพ ความหมายและความสาคัญของสี เราเรียนรู้เร่อื งศิลปะมาจนสามารถบอกได้แล้วว่า ศิลปะคืออะไร ศิลปะแตกตา่ งจากธรรมชาติอยา่ งไร คราวนี้เรา ลองหลับตานึกภาพดูซิ ว่าถ้าโลกเราไม่มีสีเลย ทุกอย่างท่ีอยู่รอบตัวเรามีแต่สีขาวกับสีดา ไฟ จราจรมแี ตข่ าวกบั ดา แตง่ ตัวด้วยเส้ือผ้าสีขาวกับดา ต้นไม้ ดอกไม้มีแต่ สีขาวกับดา จะเป็นอย่างไร เราคง อึดอัด หดหู่ดูไม่มีชีวิตชีวา ฉะนั้น “สี” จึงเป็นปัจจัยสาคัญอย่างหน่ึงในชีวิตของเรา เพราะสีช่วยให้ชีวิต ของเราดูสดใส ร่าเริง หรือเศร้าหมองก็ได้ช่วยให้เราเข้าใจส่ิงแวดล้อม รอบตวั ได้งา่ ยข้นึ เราจึงจาเปน็ ต้องร้จู กั กบั “ส”ี ก่อน เพราะในชีวิตของ เราหรือในงานศิลปะ สี ช่วยให้เกิดความงาม ความรู้สึก เพราะสีมี ความหมายเฉพาะตัวของแต่ละสีอยู่ แต่ก่อนท่ีเราจะศึกษาบทเรียน เร่ือง “ ศิลปะการใช้สี ” เรามาทาความเข้าใจรู้จักความหมายและ ความสาคัญ ของสีที่มีต่อวิถีชีวิตของเราอย่างไรก่อนเพื่อให้เกิดความ เขา้ ใจทลี่ ึกซ้งึ ยิง่ ขึ้น
123 ความหมายของสี สี หมายถงึ แสงทมี่ ากระทบวัตถุแล้วสะท้อนเขา้ ตาเราทาให้ เหน็ เปน็ สีตา่ งๆ การทเ่ี รามองเหน็ วตั ถุเปน็ สใี ดๆ ได้ เพราะวตั ถุ น้ันดูดแสงสีอ่ืนสะท้อนแต่สีของมันเอง เช่น วัตถุสีแดง เมื่อมีแสงส่อง กระทบก็จะดดู ทุกสสี ะทอ้ นแต่สีแดงทาให้เรามองเห็นเปน็ สีแดง เรารับรู้สีได้เพราะเมื่อสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ไอแซก นิวตัน ได้ค้นพบ ว่าแสงสีขาวจากดวงอาทิตย์เม่ือหักเหผ่านแท่งแก้วสามเหลี่ยม ( prism) แสงสีขาวจะกระจายออกเป็นสีรุ้งเรียกว่า สเปคตรัม มี 7 สี ได้แก่ มว่ ง คราม น้าเงนิ เขียว เหลือง ส้ม แดง การจดั แสงเพือ่ การถ่ายภาพ แสงและการจัดแสงเบ้ืองต้น การถ่ายภาพนิ่งหรอื วดิ ีโอ หากมีความรูเ้ รื่องแสงเบ้อื งตน้ จะทาให้สามารถประยกุ ต์ใช้กับการทางานในสถานการณ์ตา่ งๆได้ และงานท่ีออกมาจะสวยงามมากขึน้ โดยเฉพาะงานถา่ ยภาพและ วดิ โี อบคุ คล โดยส่งิ หลกั ทีต่ ้องคานึงเสมอในการจดั แสง คือ “มติ ิ และความโดดเดน่ ” “มิติ” ในทนี่ ีห้ มายถึงความมีมติ ขิ องภาพ เพราะปกติน้นั ตาของ มนุษยจ์ ะมองภาพเป็น 3 มิติ แตเ่ ม่อื เราถา่ ยภาพผลงานทอี่ อกมาจะ อย่ใู นรูปแบบ 2 มิติ ถ้าหากขาดแสงเงาที่ดีจะทาใหภ้ าพไร้มติ หิ รือท่ี เรยี กกนั ส้ันๆว่า “ภาพแบน” ดงั นนั้ การคานึงถงึ แสงเงาทเ่ี กิดข้นึ
124 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ หรือการจดั ไฟให้เกดิ แสงเงาท่ีดี จะทาให้งานที่ออกมามีมิติ น่าสนใจ “ความโดดเดน่ ” หมายถึงการดูทศิ ทางของแสงหรือจัดแสงเพื่อให้ ตวั แบบโดดเด่นออกมาจากฉากหลงั เพราะจะทาใหค้ นทดี่ งู าน เข้าใจได้ง่ายขนึ้ วา่ เราต้องการถา่ ยเน้นไปท่ใี ด แหลง่ กาเนดิ แสง แสงจากธรรมชาติ ซง่ึ หมายถึงแสงอาทติ ย์ การถ่ายภาพส่วนใหญ่ แล้วก็อาศัยแสงจากดวงอาทิตยเ์ ป็นหลัก ซ่งึ แสงจากดวงอาทติ ย์ใน แต่ละช่วงเวลาจะมที ิศทางและสที ี่แตกตา่ งกนั – ช่วงแสงไวไลท์ หรือช่วงเวลาโพล้เพลห้ รอื พระอาทิตย์กาลังจะขึน้ หรอื ตกไปแลว้ เวลาประมาณ 05.30-06.30 น. และชว่ งเวลา 18.00-19.00 น. จะมีแสงน้อย ทอ้ งฟา้ จะมีสีสันต่างๆ นา้ เงิน มว่ ง ชมพู ฯลฯ ดงั นน้ั การถ่ายภาพมักจะใช้ขาตั้ง ถา้ ถ่ายบุคคลจะต้องใช้ ไฟเข้าช่วยถึงจะมองเหน็ ใบหน้าตวั แบบ
125 – ชว่ งแสงสที อง หรอื ช่วงเวลาเช้าตรู่และตอนเย็นก่อนพระอาทติ ย์ ตก เวลาประมาณ 6.30-8.30 น. และ 16.00-18.00 น. แสงอาทิตย์จะเรมิ่ เปลี่ยนเปน็ สีทองหรอื สสี ม้ จะเป็นชว่ งทชี่ า่ งภาพ นิยมเกบ็ ภาพกัน จะไดภ้ าพท่ีมคี วามนุ่มนวล ดูมีมิติ ได้อารมณ์ มองดสู บายตา สภาพอากาศก็กาลงั ดีไมร่ ้อนจนเกนิ ไป แต่บางครง้ั ภาพอาจจะมีเงาดามากเกนิ ไป(Contrastสูง) ชา่ งภาพบางคนกจ็ ะ จดั แสงชว่ ยในการเปดิ เงาด้วย
126 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ – ช่วงแสงใส เป็นช่วงที่แสงพระอาทิตย์ไม่มีสีส้ม และท้องฟ้าเป็นสี นา้ เงิน ฟ้า (ยกเวน้ ฝนตก) จะอย่ทู ี่เวลาประมาณ 9.00-11.00 น. และ 14.00-15.30 น. ช่วงนพ้ี ระอาทิตยจ์ ะมีตาแหนง่ ใหแ้ สงใน ทศิ ทางที่เหมาะกับการถา่ ยภาพบคุ คลให้สีสันทีถ่ ูกต้อง
127 – ช่วงแสงเที่ยง เป็นช่วงท่ีแสงของพระอาทิตย์จะแรงมาก หรือที่ เรียกกันทั่วไปว่า “แสงแข็ง” โดยจะอยู่ท่ีเวลาประมาณ 11.30- 13.30 น. ซ่ึงช่วงเวลานี้ นอกจากจะให้แสงท่ีแรงและร้อนแล้ว ทิศทางของแสงยังมาจากด้านบน ทาให้เกิดเงาข้ึนท่ีใต้ตา จมูกและ ปาก ซง่ึ เป็นเงาท่ีไม่พึงประสงค์ ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพและวีดีโอ เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพบุคคล ถ้าจะถ่ายควรถ่ายในร่ม ให้แสงสะท้อนเข้ามาทางหน้าต่างแทน แสงประดิษฐ์ หรือแหล่งกาเนิดแสงท่ีมนุษย์สร้างข้ึน เช่น หลอดไฟ กองไฟ เทียน แฟลช ฯลฯ โดยส่วนมากแสงเหล่านี้จะสามารถ ควบคุมได้ทั้งความแรงและทิศทาง แต่การใช้แสงประดิษฐ์จะมี อุณหภูมิสีท่ีแตกต่างกัน อาจจะต้องใส่ใจเรื่องการตั้งค่ากล้องมาก ข้ึน Tip: การใชช้ นดิ หลอดไฟทแ่ี ตกตา่ งกัน จะทาให้กลอ้ งไม่สามารถหา ค่าอุณหภมู ิสีที่ถูกตอ้ งได้
128 เทคโนโลยีการถายภาพ รูปแบบของการจัดแสง ทิศทางของแสง ทิศทางแสงทีแ่ ตกต่างกันจะส่งตอ่ มติ ิของภาพ หรอื ให้อารมณ์ภาพ แตกตา่ งกนั ได้ ดังน้ันในการถ่ายภาพสิง่ ทค่ี วรพิจารณาอกี อย่างคือ ความเหมาะสมของทิศทางของแสง โดยเราสามารถแบ่งทศิ ทางของ แสงออกเปน็ 5 ทิศทางใหญ่ๆ ดงั นี้ ทิศทางจากด้านบน คือแหล่งกาเนิดแสงจะอยู่บนหัวเรา จะทาให้ เกิดเงาตกกระทบทางด้านล่างของวัตถุ แม้แสงในทิศทางนี้จะไม่ นยิ มใช้ถ่ายงาน แต่ในหลายๆคร้ังก็สามารถนามาใช้ได้ โดยมักใช้ใน ฉากท่ีตอ้ งการให้ตวั แบบมเี งาขน้ึ ทีผ่ ม หรือ สรา้ งออร่าดเู ปน็ ผูส้ งู ส่
129 ทิศทางแสงจากด้านหน้า แสงท่ีส่องมาจากทางด้านหน้าของวัตถุท่ี จะถ่ายมาจากทิศทางเดียวกันกับกล้องถ่ายภาพ หรือที่เรียกกันว่า “ถา่ ยตามแสง” ทาให้ตัวแบบได้รับแสงสว่างได้ท่ัวด้านหน้า วัตถุจะ ไม่มีเงาทาให้ได้ภาพมีลักษณะเรียบแบนไม่มีความลึก ความหนา เหมาะสาหรบั การถา่ ยภาพที่ต้องการเนน้ ให้เห็นรายละเอียด ทศิ ทางแสงจากด้านข้าง แสงท่มี าจากด้านขา้ งนี้ จะทาให้ภาพมีมิติ แตจ่ ะทาใหเ้ กดิ แสงเงาทางด้านตรงขา้ มของแสง โดยปกติมกั จะใชอ้ ุปกรณส์ ะท้อนแสง หรือสรา้ งแสงที่อ่อนกว่าเพื่อ เปดิ เงาให้เห็นรายละเอยี ด และส่วนมากจะวางไว้ที่มุมราวๆ 45 องศาจากหน้าตรง
130 เทคโนโลยกี ารถายภาพ ทิศทางแสงจากด้านหลัง แสงท่ีส่องมาจากด้านหลังของวัตถุท่ีจะ ถ่าย อยู่ตรงกันข้ามกับกล้องถ่ายภาพ ทาให้มองเห็นวัตถุแยกออก จากพื้นฉากหลังชัดเจน บางครั้งก็จะเรียกว่าแสง “Rim light” แต่ อาจจะต้องระวงั รายละเอยี ดด้านหน้าของตัวแบบมืดเกินไป อาจจะ มกี ารจัดแสงชว่ ยหรือใช่อุปกรณ์สะท้อนแสงเพื่อให้เห็นรายละเอียด ในส่วนนี้
131 ทิศแสงจากด้านลา่ ง แสงท่สี ่องมาจากดา้ นลา่ งของตัวแบบ จะใช้ เปดิ เงาด้านล่างของตัวแบบ หรือใช้ในงานถ่ายฉากสยองขวญั ผีหลอก หรือเปดิ เงาใตค้ าง แมจ้ ะไม่นิยมใช้แต่กส็ ามารถจัดแสงให้ ใชง้ านได้ตามความเหมาะสม Tip: ปจั จุบนั ชา่ งภาพมืออาชพี จะใช้การจัดแสงทซ่ี บั ซ้อนเพ่อื ให้ไดภ้ าพที่ มมี ติ ิ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ ใหเ้ ปน็ ไปตามความต้องการ
132 เทคโนโลยีการถายภาพ การจดั แสงเบ้อื งต้น แม้ปจั จุบันจะมีเทคนิคการจดั แสงทซี่ บั ซ้อนมากมาย แตเ่ ทคนคิ พ้นื ฐานก็ยังได้รบั การยอมรับและใช้งานอยูเ่ สมอๆ เพราะสามารถ ทาได้งา่ ย ไมซ่ บั ซอ้ น และใชอ้ ุปกรณ์ไม่มาก นนั่ คือกฎ Three- Point Lighting Three-Point Lighting การจดั แสงแบบ Three-Point Lighting (การจัดแสงสามจุด) เป็น การจัดแสงทใี่ ช้กันใน Studio ตา่ งๆซึง่ สว่ นใหญจ่ ะใชใ้ นการถ่ายคน โดยภาพที่ได้จะดูโดดเดน่ มีมิติ ไมร่ าบเรยี บไปกบั พื้นหลัง โดย ตาแหน่งไฟ 3 ตาแหน่ง คอื Key Light, Fill Light และ Rim Light แต่ละตาแหนง่ มหี นา้ ที่ ดังนี้ Key Light ทาหน้าที่เป็นตัวหลักที่ให้แสงสว่างกับวัตถุ จะอยู่ ดา้ นซา้ ยหรอื ขวาจากกลอ้ งก็ได้ จะทามุมไม่เกิน 15 – 45 องศาจาก หนา้ ตรงของแบบ และระดับความสูงของไฟจะสูงกวา่ ใบหน้าของตัว แบบประมาณ15-45องศา สอ่ งกดลงมาทต่ี ัวแบบ Fill Light เม่ือเราถ่ายวีดีโอโดยใช้ Key Light อย่างเดียวมักจะเกิด contrast (ส่วนต่างแสงและเงา) เราจึงต้องใช้ Fill Light เป็นตัว ช่วยเพ่ือลบเงาท่ีเกิดขึ้นจากการใช้ Key Light ซ่ึงมักจะใช้ไฟท่ีมี กาลังอ่อน หรืออุปการณ์สะท้อนแสงช่วย โดยจะตั้งไว้ด้านตรงข้าม กับ Key Light และอย่ใู นระดบั สายตาของตวั แบบ
133 Rim Light/Back Light จะทาให้เกิดแสงจากด้านหลังเวลาถ่าย วีดีโอออกมาทาให้ตัวแบบดูโดดเด่นข้ึนจากฉากหลังการวาง ตาแหน่งของไฟจะวางอยู่ข้างหลังวัตถุทางด้านข้าง และอยู่สูงกว่า วัตถุและส่องทามุมประมาณ 45 องศาส่องลงมายังศรีษะ ไหล่ และ หลัง การวัดแสง ระบบวัดแสง และการวัดแสง เป็นส่ิงสาคัญท่ีต้องเรียนรู้และทา ความเขา้ ใจ แม้ว่าในทุกวนั นี้ การเข้าใจเร่ืองระบบวัดแสง หรือ การ วัดแสงจะดูมีความสาคัญน้อยลงในยุค Mirrorless เพราะแค่ทา ความรู้จักกับการชดเชยแสงก็สามารถเห็นความเปล่ียนแปลงของ แสงท่ีมืดลง สว่างขึ้นได้จากหลังจอเลย ทาให้สะดวกขึ้น แต่ก็อย่า ลืมว่าหากคุณต้องการท่ีจะเรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพแบบจริงจังมาก ขึ้น และถ้าหากต้องการท่ีจะต่อยอดไปในเลเวลท่ีสูงข้ึนเรา จาเป็นต้องทราบความรู้เหล่าน้ี เพื่อเป็นการปูพื้นและมีความ ชานาญในการวัดแสงมากขึน้ นน่ั เองครบั การวัดแสงคืออะไร ทาไมตอ้ งวดั แสง ? ก่อนจะไปเรียนรู้เร่ืองระบบวัดแสงว่าแต่ละแบบทางานยังไง เรา ต้องรเู้ รื่องการวัดแสงกอ่ นครับ เคยมยั้ เวลาถ่ายภาพแล้วมืดไป หรือ สว่างไป ไม่ได้ดั่งใจ การวัดแสงก็เพ่ือให้ได้แสงพอดีนั่นเอง รู้หรือไม่ ว่ากล้องทาการวัดแสงทุกคร้ังก่อนถ่ายภาพ เพ่ือให้ได้แสงท่ีกล้อง
134 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ เข้าใจว่ามันพอดีท่ี EV0 แต่ปัญหามันอยู่ที่ระบบวัดแสงของกล้องท่ี กล้องมองว่าพอดี จะหาเทากลาง18% ซ่ึงยังไม่ต้องสนใจว่าเทา กลาง18% คอื อะไร เอาเปน็ กลอ้ งจะวัดแสงเปน็ สเี ทา แปลว่าถ้าคุณ ถ่ายสีดามันจะไม่ดาจริง และ ถ้าถ่ายสีขาวมันจะไม่ขาวจริง จะ กลายเป็นสเี ทา Source : thedigitaltrekker อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าระบบวัดแสงของกล้องรู้จักแค่สีเทา จะ วัดแสง EV0 ที่กล้องคิดว่าพอดีเป็นสีเทา ขยายความเพ่ิมเติมว่า กล้องจะวัดแสงจากการสะท้อนจากวัตถุที่เราจะถ่ายมาท่ีเซ็นเซอร์ วดั แสง ยกตัวอย่างว่าถ้าเราถ่ายวัตถุท่ีมีสีดาซ่ึงสีดาการสะท้อนแสง ค่อนข้างน้อย กล้องก็จะมองว่าตอนนี้แสงค่อนข้างน้อยกล้องจะ พยายามดันแสงให้สว่างข้ึน นั่นจะทาให้สีดาไม่ดาจริง ตรงกันข้าม ถ้าเราถ่ายวัตถุสีขาวซ่ึงสะท้อนแสงได้เยอะ กล้องก็จะคิดว่าตอนนี้
135 สวา่ งมาก กล้องกจ็ ะพยายามลดการรับแสงลงทาใหส้ ขี าวไม่ขาวจริง เช่นกันครับ นั่นคือเหตุผลที่ต้งเข้าใจเรื่องวัดแสง เพื่อชดเชยแสงให้ ถกู ตอ้ งครับ ระบบวดั แสงมีอะไรบ้าง ทางานยังไงบา้ ง ? ระบบวัดแสงของกล้องถ่ายรูปท่ัวไปจะมีคล้าย ๆกัน แตกต่างก็ชื่อ เรียกแต่ละย่ีห้อว่าจะใช้คาไหนเรียก แต่หลัก ๆ แล้วมีเหมือน ๆ หรอื คลา้ ย ๆ กนั ครบั ซ่งึ หลกั ๆ มีดังนี้ 1.วัดแสงแบบเฉล่ยี ทงั้ ภาพ (Multi Zone Metering) นับว่าเป็นระบบวัดแสงที่นิยมที่สุด อาจจะเพราะว่ามันเป็นค่า เบือ้ งตน้ ของกล้องทุกตัว ฮ่า ๆ หลักการทางานคือ กล้องแต่ละตัวมี ตัวเลขและขนาดโซนหลากหลายรูปแบบแบ่งออกเป็นโซนตัวเลข
136 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ หลาย ๆ แบบอยู่ท่ัวบริเวณของภาพ หลังจากนั้นโปรเซสเซอร์จะ ประเมินค่าท้ังหมดเพ่ือการวัดแสงท่ีถูกต้อง พูดง่าย ๆ ก็วัดจากทั้ง ภาพนัน่ แหละ เฉลี่ยให้ทั้งภาพไม่มืดหรือสว่างเกินไป ฉะน้ันเม่ือคุณ อยใู่ นระบบวัดแสงแบบเฉลยี่ ทัง้ ภาพ 2.วดั แสงแบบเฉลีย่ หนักกลางภาพ (Center-weighted average metering) น่ีคอื รปู แบบการวดั แสงทเ่ี กา่ แกท่ ีส่ ุด ตามชอ่ื ท่ีบอกไว้ คือมันวัดแสง เฉลี่ยจากกรอปภาพทั้งหมด แต่จะเน้นหนักตรงกลางภาพ โดยเฉพาะ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ฉลาดเท่าการวัดแสงจากแบบเฉล่ียทั้ง ภาพแต่ความนิยมในอดีตก็ทาให้ระบบวัดแสงแบบน้ียังคงอยู่ใน กล้องถ่ายรูปแทบทุกตัว เพราะตากล้องท่ีถ่ายภาพมานานอาจจะ ถนดั กับการวัดแสงแบบนมี้ ากกว่านัน่ เอง
137 3.วดั แสงเฉพาะจดุ หรอื เฉพาะส่วน (Spot Metering) การวัดแสงเฉพาะจุดคือการวัดแสงแบบจุดเดียวในภาพ ซึ่งทุกวันน้ี ส่วนใหญจ่ ะตามจุดทีก่ ล้องโฟกัสเลย แต่ก็อาจจะมีกล้อง D-SLR รุ่น เก่า ๆบางรุ่นท่ีจะวัดท่ีจุดโฟกัสจุดกลางท่ีเดียว แม้ว่าคุณปล่ียนจุด โฟกัสไปที่อ่ืนแล้วก็ตาม การวัดแสงเฉพาะสุดเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ครับสาหรับเม่ือต้องถ่ายภาพท่ีมีแสงแย่ ๆ ระบบวัดแสงแบบน้ีจะ แม่นยามาก แต่ผู้ใช้ก็อาจจะต้องมีความรู้และต้องมีประสบการณ์ เพราะมันต้องอ่านค่าจากโทนสีกลางเสมอ ไม่เช่นน้ันก็จะไม่ได้ค่าที่ ถูกตอ้ ง
138 เทคโนโลยกี ารถา ยภาพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145