ความรูเ กย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไ ขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 50/ 105 ระเบียบ แยกเปนสัดสวนเฉพาะ และวางสูงจากพ้ืนอยางนอย 60 เซนติเมตร และสามารถรักษาความเย็นไดนาน โดยเฉพาะนํ้าแข็งท่ีใชบริโภคควรแยกเฉพาะ หามนําอาหารหรือเคร่ืองดื่มมาแชในนํ้าแข็งท่ีใชบริโภค เพ่ือปองกันการ ปนเปอนเช้ือโรคมาสูน้ําแข็งมีอุปกรณท่ีมีดามยาวสําหรับคีบหรือตักประจํา หามใชมือหรือจานจวงตักโดยตรง ที่สําคัญ ที่เกบ็ นา้ํ ดื่ม น้ําแข็ง ตอ งอยูหางจากอางลางมือหรือทลี่ า งภาชนะอุปกรณอ ยา งนอ ย 1 เมตร 4.5 นมและผลิตภัณฑจากนม นมเปรี้ยว ไอศกรมี เก็บในภาชนะสะอาดท่ีมีฝาปด ไมร่ัวซึม และตองเก็บในอุณหภูมิท่ี เหมาะสมกบั ประเภทของนม คือ นมประเภทพาสเจอรไรสและนมเปรี้ยว ตองเก็บในตู แชเย็นอุณหภูมิ 4-10 องศาเซลเซียส และระยะเวลาจําหนายไมเกิน 3 วัน นับตั้งแตวัน บรรจุในภาชนะกอนด่ืม ควรสังเกตวันหมดอายุหรือควรบริโภคกอน นมประเภทสเต อริไรสหรือวิธียูเอชที ตองเก็บไวในที่เปนสัดสวนเฉพาะ สะอาด และสูงจากพื้นอยาง นอย 60 เซนติเมตร อยูในอุณหภูมิหองธรรมดาท่ีมีอากาศถายเทไดดี ไมควรโดน แสงแดดโดยตรง และสามารถปองกันสัตว แมลงนําโรคได ระยะเวลาจําหนายไมเกิน 6 เดือน นบั ตั้งแตว นั ผลติ หรอื สงั เกตจากวนั หมดอายุบนภาชนะ ไอศกรีมจะแชแข็งในตูแชแข็ง อุณหภูมิต่ํากวา –2.2 องศาเซลเซียส เพ่ือ ปอ งกันการหลอมละลาย ระยะเวลาจําหนายไมเ กิน 5-7 วนั 4.6 อาหารปรุงสาํ เรจ็ อาหารปรุงสําเร็จตองเก็บในตูหรือภาชนะที่สะอาด มีฝาปดปองกัน สัตวนําโรคได สูงจากพ้ืนอยางนอย 60 เซนติเมตร และจะตองอยูหางจากท่ีลางมือ หรืออางลางภาชนะอุปกรณอยางนอย 1 เมตร เพื่อปองกันการกระเซ็นของน้ําสกปรก มาปนเปอ นอาหารปรงุ สาํ เร็จ 4.7 เครื่องปรุงอาหาร ควรเก็บในภาชนะสะอาด มีฝาปดมิดชิด และเก็บในท่ีเย็น ไมอับชื้น สามารถปองกันแมลงและสัตวอื่นได โดยเฉพาะภาชนะใสนํ้าสมสายชู น้ําปลา และ ชอนท่ีใชตักตองทําดวยแกวหรือกระเบ้ืองเคลือบขาว หรือ สแตนเลส มีฝาปด และ ตั้งสงู จากพ้นื อยา งนอย 60 เซนตเิ มตร 4.8 การเก็บภาชนะบรรจแุ ละอุปกรณ ปจจัยหน่ึงที่มีผลกระทบตอความสะอาดปลอดภัยของอาหาร คือ ภาชนะท่ีใสอาหารและอุปกรณที่ใชในการประกอบอาหาร ฉะน้ันเพ่ือใหภาชนะ อุปกรณส ะอาด ปลอดภยั จะตอ งรูถึงวิธีการสําคัญ 3 ประการ คือ
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขครัง้ ที่ 00 RF-GC-02 หนาท่ี 51/ 105 ก. ตองรูจักเลือกใชภาชนะอุปกรณที่ทําจากวัสดุที่ไมเปนพิษ และ ใชใ สอ าหารไดเหมาะสมกับประเภทหรอื ชนดิ ของอาหาร ข. ตองรจู กั การลางภาชนะอปุ กรณท ถี่ ูกตองตามหลกั การสุขาภิบาลอาหาร ค. ตอ งรจู ักเก็บและใชภาชนะอปุ กรณใ หถกู ตอง 4.8.1 หลกั การในการเลอื กภาชนะอปุ กรณ มดี ังนีค้ อื 1) ภาชนะอุปกรณน้ันตองไมทําหรือประกอบดวยวัสดุที่เปนพิษ เชน ไมทําจากวัสดุท่ี ใชแลว หรือไมมกี ารตกแตงสใี นสวนท่ีจะสัมผสั อาหาร 2) ภาชนะอุปกรณนั้นตองมีความแข็งแรง ทนทาน คือ ไมชํารุดสึกหรอหรือแตกกระเทาะ เปนสนิม งา ย และตองทนตอ การกดั กรอนของอาหารทม่ี รี สเปรยี้ วจัด เค็มจดั 3) รปู แบบตองทาํ ความสะอาดงา ยและปลอดภัยตอ การนําไปใช คือ มีผิวเรียบ ไมมีรองหรือซอก ปาก ไมแ คบ กน ไมล ึก ในกรณีทม่ี สี วนประกอบหลายช้ิน ตองสามารถถอดออกทาํ ความสะอาดไดงา ย 4) ภาชนะอุปกรณควรมีรูปแบบท่ีปองกันการปนเปอนได อุปกรณท่ีใชตักควรมีดามยาว หรือภาชนะ ท่ีเก็บน้าํ ด่ืมควรออกแบบใหมที ร่ี ินออกเฉพาะ เปน ตน 4.8.2 ภาชนะทเ่ี หมาะสมสาํ หรับใชบรรจุอาหาร ไดแ ก 1) ภาชนะแกว ใชไดกับอาหารทุกประเภท โดยเฉพาะอาหารท่ีมีรสเปรี้ยวจัด เค็มจัด เชน อาหารยํา อาหารหมักดอง น้ําสมสายชู น้าํ ปลา ควรเปนแบบเรียบ ไมมีการตกแตงสี ไมมีซอกมุมท่ีทําความสะอาดยาก ถาเปนแกว นา้ํ ควรเปน ประเภทปากไมแ คบ กนไมลึก 2) ภาชนะกระเบ้ืองเคลือบ ใชไดกับอาหารทุกประเภท ควรเปนกระเบ้ืองเคลือบขาวหรือที่มีการ ตกแตงสีลวดลายใตนํ้ายาเคลือบ สังเกตโดยเอามือลูบท่ีลวดลายจะรูสึกเรียบ กระเบื้องเคลือบท่ีดีเม่ือเคาะจะเกิดเสียงดัง กังวาลใส ควรเลือกใชเฉพาะภาชนะเคลือบที่ไมมีลวดลายภายใน และกอนใชควรนําไปแชนํ้ารอนผสมน้ําสมสายชู ประมาณ 30 นาที แลวนําภาชนะน้ันไปลางนํ้าใหสะอาดอีกคร้ังหน่ึงเพ่ือลดปริมาณสารตะก่ัวท่ีอาจติดอยูท่ีผิวภาชนะ ออก 3) ภาชนะเหล็กไรสนิม ใชไดกับอาหารเกือบทุกชนิด ยกเวนอาหารที่มีรสเปรี้ยว เพราะจะทําใหเกิด คราบสีดําซึ่งขัดลางออกยาก การเลือกซ้ือควรเลือกประเภทที่มีอัตราสวน เหล็ก : โครเมียม : นิเกิล = 64 : 18 : 8 (โดยท่ัวไป คอื 18 : 8) เพราะมคี วามแขง็ แรง ทนทาน ไมเปนสนิม ทนการกัดกรอนไดดี ควรเปนแบบเรียบ ไมมีรองหรือ ตะเขบ็ ทท่ี ําความสะอาดยาก 4) ภาชนะอลูมิเนียม ใชไดกับอาหารเกือบทุกชนิด ยกเวนอาหารที่มีรสเปร้ียว เพราะจะทําใหเกิด คราบสดี ํา ขดั ลางยาก ประเภทท่เี ปน แผน บางนยิ มใชห ออาหารเกบ็ ความรอนไดนาน ควรเลอื กแบบทท่ี ําความสะอาดงา ย ไมมรี องหรอื ตะเขบ็
ความรเู กี่ยวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขคร้ังที่ 00 RF-GC-02 หนาท่ี 52/ 105 5) ภาชนะเหลก็ เคลือบอนี าเมล ซ่งึ ตองผานการอบดวยความรอนสงู เพ่ือใหสีติดแนน ตองเก็บริมหรือ ขอบโดยมว นหรือพับเขาไป ใชไ ดก บั อาหารทกุ ชนิด แตตอ งอยใู นสภาพดี ไมแตกกระเทาะ 6) ภาชนะพลาสตกิ ประเภทเมลามนี เปน พลาสติกท่ีมีรูปทรงถาวร ผานการผลิตโดยใชความรอนแลว ไมเหมาะทจี่ ะใชก บั อาหารทม่ี รี สเปร้ยี วจดั เคม็ จัด อาหารทม่ี ไี ขมันมาก รวมทั้งอาหารทรี่ อ นจดั ดวย ควรเลอื กใชป ระเภท พลาสติกเมลามีนทไี่ มใสสีหรอื มสี อี อน 7) ภาชนะประเภทไม ไดแก เขียง ตะเกียบ ควรเลือกใชไมไมทาสี เปนเน้ือแข็งหรือแกนไม ไม แตกรา วหรือเปน รอง ใชไดก ับอาหารทุกประเภท เพยี งแตภาชนะไมจ ะตอ งอยูในสภาพดี ไมอ ับชืน้ จนเกิดราขึน้ ได 4.8.3 หลักการเกบ็ ภาชนะอปุ กรณ การเกบ็ ภาชนะอปุ กรณ มีวัตถุประสงคเ พ่ือดแู ลรักษาความสะอาดของภาชนะอุปกรณที่ผานการลางให สะอาดแลว หรือที่สะอาดอยูในระหวางที่ยังไมไดนําไปใชงาน เพื่อใหพนจากการปนเปอนของฝุนละออง ส่ิงสกปรก ตางๆ สัตวน ําโรค และสารเคมที เี่ ปนอันตราย รวมทั้งการปนเปอนที่เกิดจากการหยิบจับภาชนะอุปกรณที่ไมถูกตอง การ เก็บภาชนะอปุ กรณท ี่ถูกตอ งตามหลักการสุขาภิบาลอาหารมดี ังน้ี คือ 1) เก็บภาชนะอุปกรณท่ีผึ่งแหงดีแลวเทาน้ัน ไมนําอุปกรณท่ียังเปยกอยูมาเก็บ เพราะจะทําใหบริเวณ ท่เี กบ็ ชืน้ แฉะ และปอ งกันมใิ หสัตวนําโรคมาเกาะกนิ นํา้ ท่ตี กคางอยูบนภาชนะอุปกรณห รือบริเวณที่เก็บ 2) บริเวณท่ีเก็บจะตองสะอาด ไมเปยกช้ืน ไมมีสัตวนําโรคมารบกวนและไมเก็บในบริเวณเดียวกับท่ี ใชเ ก็บสารเคมีทเ่ี ปน อันตราย 3) ลกั ษณะการเกบ็ (1) ชอน สอม หรือตะเกียบ ใหเก็บในตะกราสูงโปรง โดยใหเอาสวนท่ีใชหยิบจับหรือตักอาหารลง ลา ง และใหสว นท่เี ปนดามข้ึนบน (2) จาน ชาม หรือแกว ใหค ว่าํ ไวบ นตะแกรงหรอื ตะกราท่ีสะอาด (3) เครือ่ งครัว เครื่องใช ก. ชนิดที่มีหูแขวน ไดแก หมอ กระทะ ใหหันเอาสวนท่ีใชใสอาหารเขาผนัง เอากนหมอ หรือกระทาํ หนั ออก โดยแขวนไวบ นราวตะปทู ี่ตอกตดิ กับฝาผนังท่ีสะอาด ไมมีฝุนละออง หรือหยากไย ข. ชนิดท่ไี มมหี แู ขวน ไดแก ตะหลิว ทัพพี ใหเ กบ็ เรยี งใหเ ปนระเบยี บ ถามีดา มจบั ใหห ันดา ม จับไปทางเดียวกัน หรือใสตะแกรงไว ถา ไมมดี า มจับกใ็ หค วาํ่ ไว (4) ภาชนะอปุ กรณทีใ่ ชเ พยี งครง้ั เดียว ตองมวี สั ดหุ อ หมุ ใหมดิ ชดิ 4) ภาชนะอุปกรณท่ีไมไดแขวนไวใหนําไปเก็บในตูที่สะอาด ไมอับช้ืน ปกปดมิดชิด ปองกัน สัตวนํา โรคได หรอื ถาไมม ตี เู ก็บก็ใหเ ก็บในทีส่ งู จากพน้ื ไมนอยกวา 60 เซนติเมตร ในที่สะอาด ไมช้ืนแฉะ และไมมีสัตวนําโรค มารบกวน
ความรูเ ก่ียวกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขครัง้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 53/ 105 4.8.4 หลักการใชภาชนะอุปกรณ กอ นการใชภาชนะอปุ กรณ จะตองตรวจสอบความสะอาดของภาชนะอุปกรณท่ีจะนํามาใช และจะตอง หยบิ ใชในสภาพท่ีสามารถปองกนั การปนเปอ นได โดยมีหลักการดงั น้คี อื 1) กอ นการใช (1) ไมมีคราบไขมัน ฝุนละออง หยากไย หรือสิ่งสกปรกตางๆ ซ่ึงมองเห็นได และถานํามาจุมนํ้า เมอ่ื ยกขึ้นจะตอ งมีแผนนํา้ เกาะตดิ อยสู ักครูห น่งึ ถาสวนใดท่นี า้ํ เกาะไมต ดิ แสดงวามคี ราบไขมันจับอยู (2) อยูใ นสภาพดี ไมแ ตกราว รอน กะเทาะ หรืออยใู นสภาพท่ีซอ มแซมดแี ลว (3) การติดตั้งอุปกรณท่ีมีขนาดใหญ ตองยกสูงจากพ้ืนไมนอยกวา 6 นิ้ว ไมปดทึบและเวน ระยะหางระหวางอุปกรณอ่ืนๆ ดวยกัน และหางจากฝาผนังดวยเพื่อนํานวยความสะดวกในการทําความสะอาดพื้นฝา ผนังและตัวอุปกรณอื่นไดท ่ัวถงึ (4) ภาชนะอุปกรณท ใ่ี ชเพียงครั้งเดียว มีวัสดหุ มุ หอ ปกปดมิดชดิ 2) ระหวางใช (1) หลกี เลี่ยงการจับตองภาชนะอปุ กรณ สวนทีส่ ัมผสั อาหาร (2) ตองใชใหเหมาะสมกับชนิดของอาหาร ไดแก ไมใชพลาสติกกับอาหารรอน หรือมีรสเปร้ียว หรอื เค็มจดั และไมใชโ ลหะสแตนเลสหรืออลูมิเนียมกับอาหารทมี่ ีรสเปรย้ี วหรือเคม็ จัด (3) ไมว างชอ น ทัพพี กบั พื้นโตะโดยตรง ใหรองดวยจาน (4) ไมใชเขียงปะปนกันระหวางเขียงปรุงอาหารดิบและสุก และมีฝาชีครอบไวระหวางท่ีไมได ห่ันหรือสบั (5) ไมใชช อนชมิ อาหารตักจากหมอหรอื กระทะโดยตรง และไมช มิ จากทัพพหี รอื กระจา (6) ไมใ ชแ กวท่ีใชด่ืมจว งตกั นา้ํ ดม่ื หรอื นาํ้ แข็งโดยตรง (7) ภาชนะอปุ กรณทใี่ ชเพยี งคร้ังเดียว ประเภทภาชนะ จาน ชาม หรือถวยกระดาษเคลือบข้ีผึ้ง ให เปดใชท่ีกนหอ สวนหลอดกาแฟใหเปดใชท่ีขางหอเพ่ือใหจับต่ํากวาปลายหลอดประมาณ 1 นิ้ว ท้ังน้ีเพ่ือปองกันไมให จับถูกสวนที่สัมผัสอาหารหรือปาก เม่ือใชแลวตองท้ิง หามนํากลับมาใชอีก แมจะนํามาลางก็ตาม เพราะกระดาษเคลือบ ขผ้ี ้งึ จะเกบ็ ความสกปรกไดดแี ละเสยี รูปงาย (8) ไมนําภาชนะอุปกรณท่ีใชในกิจกรรมอาหารไปใชประโยชนอยางอื่น เชน ใสยาเบื่อลอ แมลงวัน
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขคร้งั ที่ 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 54/ 105 ขอปฏิบัติเพือ่ ความปลอดภัยในการบรโิ ภคอาหาร 1. รักษาความสะอาด โดยลางมือทุกครั้งกอนจับอาหาร ระหวางการเตรียมอาหาร หลังออกจากหองนํ้า ลาง ทาํ ความสะอาดอปุ กรณเ ตรียมอาหารและพื้นครวั 2. แยกอาหารสดออกจากอาหารท่ีปรุงสุกแลวเสมอ เพราะอาจมีการถายเทเช้ือจุลินทรียจากอาหารดิบไปสู อาหารสุกในขณะปรุงอาหารหรือเก็บอาหารได 3. ปรงุ อาหารใหส กุ ทว่ั ถงึ โดยใชค วามรอ นไมนอยกวา 70 องศาเซลเซียส 4. เกบ็ รกั ษาอาหารไวในอณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสม โดยเก็บอาหารทป่ี รงุ สุกแลวทอ่ี ณุ หภมู นิ อ ยกวา 5. องศาเซลเซียส หรือมากกวา 60 องศาเซลเซียส และไมควรเก็บไวที่อุณหภูมิหองเกินกวา 2 ชั่วโมง สวน อาหารสด เชน พืชผัก ผลไม เก็บไวในที่ท่ีมีอุณหภูมิไมเกิน 10 องศาเซลเซียส สวนเน้ือสัตวเก็บไวในท่ีท่ีมีอุณหภูมิไม เกินกวา 4 องศาเซลเซยี ส 5. ใชน ํา้ สะอาดและวัตถุดิบท่ปี ลอดภัยในการปรุงอาหาร โดยเลอื กอาหารสดทม่ี คี ุณภาพ 6. การเลือกซ้ืออาหารถงุ อาหารควรอยใู นภาชนะท่ีมฝี าหรอื มีอะไรปดปองกนั ฝุนละออง
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 55/ 105 บทท่ี 4 หลกั การเลือกสถานทจ่ี ําหนาย สถานท่ีบรกิ ารอาหาร อาหารจะปลอดภัย แหลงผลิตแหลงจําหนายอาหารนั้นๆ เปนส่ิงสําคัญ เช้ือโรค พยาธิและสารเคมีท่ีเปนพิษ ซ่ึงจะปนเปอนลงในอาหารโดยอาจผานส่ือกลางตางๆ ไดแก ตัวอาหารดิบ ผูสัมผัสอาหาร ภาชนะอุปกรณ สัตวและ แมลงนาํ โรคและสถานทใ่ี นขน้ั ตอนการขนสงการเตรียม การปรงุ การเกบ็ การจําหนายและการเสิรฟ ดังน้ัน เพื่อปองกัน เชื้อโรค พยาธิและสารเคมีเปนพิษปนเปอนในอาหาร ผูประกอบการจะตองปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร คือการ จัดการและควบคุมส่ิงตางๆ ใหสะอาดและปลอดภัย รวมทั้งควบคุม ดูแลผูปฏิบัติ ผูเสิรฟ ผูปรุง การประกอบ การเก็บ และการจําหนา ยใหถ ูกสุขลกั ษณะดวย ดังน้ัน เพ่ือความปลอดภัยของผูบริโภค ผูบริโภคควรสังเกตกอนเขาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ หรืออาหาร แนวทางหรอื หลักการงายๆ ทีค่ วรนาํ ไปใชใ นการเลอื กสถานที่จาํ หนา ย และสถานที่บริการอาหาร ดงั น้ี ตลาดสด ตลาดสด เปนองคประกอบหน่ึงของหวงโซอาหาร และอยูในชวงกลางของเสนทางสูสุขภาพดี (from Farm to Table) เปนศูนยรวมสินคานานาชนิดจากหลากหลายแหลงผลิต ซึ่งอาจมีสารปนเปอนที่เปนอันตรายตอสุขภาพ โดย สาเหตุจากสถานท่ีสกปรก การขนสงที่ไมไดมาตรฐาน ตลอดจนตัวพอคาแมคาเองที่ใสสารปรุงแตงปลอมปนเพ่ือหวัง ผลจากการแขงขันทางการคา หรือโดยไมรูวาเปนอันตราย ทําใหประชาชนท่ีนิยมบริโภคอาหารนอกบานมีโอกาสเสี่ยง ภัยมากยิ่งข้ึน ผูบริโภคจึงควรเลือกซ้ืออาหารและสินคาใน “ตลาดสดนาซื้อ” หรือ ตลาดสดท่ีมีการควบคุมดูแลดาน ความสะอาดและความปลอดภยั ของอาหาร ซง่ึ มีลักษณะพึงสงั เกต 3 ดา น คือ 1. ดานสขุ าภิบาลส่งิ แวดลอม ครอบคลมุ ดงั นี้ 1.1 โครงสรางแข็งแรงมั่นคง การจัดระเบียบรานคา เชน ทางเดินมีความกวางเหมาะสม จัดวางแผงขาย สินคาเปนหมวดหมู ตั้งสูงกวาพื้นไมนอยกวา 60 เซนติเมตร ไมเปดโลง และมีการบํารุงรักษาโครงสรางตางๆ ภายใน ตลาดใหอ ยใู นสภาพท่ใี ชง านได และถูกสขุ ลักษณะ
ความรูเ ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครั้งที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 56/ 105 1.2 การจดั การขยะ เชน ทุกแผงมีท่ีรองรับขยะมูลฝอยประจําแผงท่ีถูกหลักสุขาภิบาล มีที่พักรวมขยะมูล ฝอยทถี่ ูกหลกั สขุ าภบิ าลอยา งเพียงพอ ทาํ ความสะอาดอยเู สมอ และมกี ารแยกประเภทขยะมูลฝอย อยางเหมาะสม 1.3 การควบคุมสัตว แมลงนําโรค เชน มีการปองกัน ควบคุมสัตวและแมลงพาหะนําโรค อยางนอยปละ 2 ครง้ั มีสัตวและแมลงพาหะนําโรคไมเกินเกณฑมาตรฐาน 1.4 มีระบบบําบัดนํ้าเสียเบ้ืองตน หรือปลอยนํ้าเสียลงสูทอสาธารณะของทองถิ่นที่ใชการได และน้ําเสีย ที่ผานการบําบัดตองไดมาตรฐาน หรือสงน้ําเสียไปบําบัดในระบบบําบัดนํ้าเสียรวมของทองถ่ิน และมีท่ีตักขยะมูลฝอย และบอ ตกั ไขมันอยูในสภาพที่ไมช ํารุด และสามารถใชง านได 1.5 สิ่งอํานวยความสะดวก เชน มีนํ้าด่ืมท่ีสะอาดไวบริการอยางเพียงพอ มีหองสวมหญิง - ชาย ท่ี ปสสาวะชาย อางลางมือ สะอาด ใชการได มีจํานวนไมนอยกวาเกณฑ และต้ังอยูในที่เหมาะสมนอกบริเวณแผงขาย สินคา รวมทงั้ มีชนิดและจาํ นวนเครือ่ งดบั เพลิงทเี่ หมาะสม ติดตง้ั ในบริเวณทีเ่ หน็ งาย และสะดวกตอการนํามาใชง าน
ความรูเก่ยี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขคร้งั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 57/ 105 1.6 บุคลากร โดยผูขายของและผูชวยขายของตองแตงกายเรียบรอย มีสุขวิทยาสวนบุคคลท่ีดี และ ปฏิบัตใิ หถ กู สขุ ลกั ษณะในการใชกรรมวิธกี ารปรุงประกอบและจําหนา ยอาหาร 2. ดา นความปลอดของอาหาร มีการตรวจสอบสารปนเปอ นอันตราย 5 ชนดิ คอื 2.1 บอแร็กซ (สารใหค วามกรอบ) 2.2 สารกนั รา (ซาลซิ ลิ ิค) 2.3 สารฟอกขาว (ไฮโดรซัลไฟต) 2.4 ฟอรม าลิน (ยาดองศพ) 2.5 ยาฆาแมลง (สารประเภทฟอสเฟต, คารบ าเมท) 2.6 สารเรงเนอื้ แดง(สารซาลบูทามอล) และจะตอง ไมพบสารปนเปอ นเหลาน้ัน 3. ดา นการคุมครองสุขภาพผูบรโิ ภค สังเกตไดจ าก 3.1 จัดจุดแสดงแผนปาย หรือนิทรรศการใหความรู ประชาชนเก่ียวกับการเลือกซ้ืออาหาร พิษและอันตรายจากสาร ปนเปอนชนิดตางๆ การเลือกบริโภคอาหารอยางไร หางไกลโรค และ อาหารปลอดพษิ ชีวิตปลอดภัย 3.2 จัดจุดทดสอบสารปนเปอนอาหาร 5 ชนิด พรอมติด ปา ยบอกชัดเจน 3.3 จดั ใหม บี คุ ลากรผา นการอบรมการทดสอบสารปนเปอ นไวประจําจดุ ทดสอบ 3.4 จัดใหม ีเครื่องชัง่ กลางไวบ รกิ าร
ความรูเ กยี่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขคร้ังท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 58/ 105 ซุปเปอรม ารเ ก็ต xx-x-xxxxx-x-xxx ซุปเปอรมารเก็ต เปนสถานท่ีเก็บ เตรียมและจําหนายสินคาตางๆ รวมท้ังอาหารแบบบริการตนเอง โดยท่ี อาหารและสนิ คาจะถกู วางแยกตามจดุ ประสงคการใช ผบู รโิ ภคสามารถเลอื กซอื้ สินคาไดต ามชนิดและปริมาณที่ตอ งการ อาหารจากแหลงผลิตตางๆ จะขนสง และรับซื้อเขามายังซุปเปอรมารเก็ต ซ่ึงในระหวางการขนสง หรือเคล่ือนยายอาหาร นี้ เปนปจจัยกอใหเกิดการปนเปอนของอันตรายสูอาหาร ผูบริโภคจําเปนตองพิจารณาถึงลักษณะของซุปเปอรมารเก็ตท่ี เหมาะสม ซ่ึงจะทําใหไดอาหารทมี่ คี ภุ าพและมคี วามปลอดภัยตอ การบริโภค ดังนี้ • โครงสราง 1. ไมต้งั อยใู นทนี่ า จะเปน อันตรายตอสุขภาพ 2. พนื้ ผนัง ถาวร เรียบ ไมมีน้ําขัง สะอาด 3. ทางระบายนา้ํ ไหลสะดวก 4. ไมม ีสตั วเ ลีย้ ง สตั วพาหะนาํ โรค 5. แสงสวา งเพยี งพอ การระบายอากาศดี 6. เครอ่ื งใช อปุ กรณ ชนั้ วางผลิตภัณฑ แข็งแรง/สะอาด ไมเปนสนมิ ไมชาํ รุด • ตวั อาหาร 1. วางจากพ้นื สูงอยางนอย 45 เซนติเมตร 2. จัดวางเปน ระเบียบไมวางแนนเกนิ ไป 3. สะอาด อยูใ นภาชนะบรรจทุ ่ีมีคุณภาพ สะอาด ไมชาํ รดุ 4. อาหารที่วางจาํ หนา ยไมห มดอายุ 5. มปี า ยช่อื /ราคาสนิ คา มองเห็นไดชดั เจน 6. มกี ารหมุนเวียนสินคา โดยใชระบบ FIFO (First – In – First – Out) สินคา มากอนถูกขายกอ น
ความรูเ ก่ยี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขคร้งั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 59/ 105 7. มฉี ลากถกู ตองตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยา งนอ ยตองระบุ - ชอื่ /ท่ีอยูผูผ ลิต - นํา้ หนกั สทุ ธิ - วนั เดอื น ป ท่ผี ลติ /หมดอายุ มินิมารท xx-x-xxxxx-x-xxx ปจจุบนั คนไทยไดปรับเปล่ียนวิถีชีวิตจากภาคเกษตรไปเปน แบบเมืองหรือก่ึงเมือง กอปรกับไดร ับวฒั นธรรม ตะวันตกมากขึ้น ทําใหมีรานคาประเภทสะดวกซ้ือในลักษณะมินิมารท (Minimart) มีการจําหนายสินคาหลากหลาย ต้ังแตของใชตางๆ ไปจนถึงสินคาประเภทอาหาร ท้ังอาหารพรอมบริโภคและเครื่องด่ืม หากมิไดควบคุมดูแลในดาน สุขลกั ษณะท่ีดี อาจเปน แหลงแพรกระจายโรคได ซงึ่ ลักษณะของมินมิ ารทท่ีดีทผ่ี บู รโิ ภคจะสามารถสงั เกตไดมดี ังนี้ 1. การจดั และการดแู ลรักษาสถานทีใ่ ชทํา ประกอบหรือปรงุ อาหารหรือท่ีใชส ะสมอาหาร 1.1 อาคารตองมคี วามมน่ั คง แขง็ แรง พ้ืน ผนัง เพดาน มสี ภาพดี สะอาด 1.2 มีช้ันวางสินคา ทําดวยวัสดุที่ทําความสะอาดงาย มีสภาพแข็งแรง ช้ัน ลางสุด มีความสูงจากพื้นอยางนอย 15 ซม. มีลักษณะโปรง เพ่ือใหสามารถทําความ สะอาดใตชั้นวางสินคาได ยกเวนกรณีบริเวณที่วางสินคาท่ีมีนํ้าหนักมาก อาจใชช้ันท่ีมี ลักษณะทึบ 1.3 จัดใหมีแสงสวางที่เพียงพอตอการประกอบกิจการ มีระบบการระบาย อากาศท่ีเหมาะสม ไมอับช้ืน 1.4 หากมีการเตรียมอาหาร สถานท่ีเตรียมอาหารตองสะอาด มีแสงสวาง เพียงพอ มีการระบายอากาศท่ีเหมาะสม ที่เตรียมทําอาหารตองสูงจากพ้ืนอยางนอย 60 ซม. สูง จากพ้นื ไมน อ ยกวา 60 ซม. และมกี ารระบายนํา้ ไดด ี 1.5 มีการปองกัน และควบคุมสัตวแ ละแมลงนาํ โรค
ความรูเก่ยี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 60/ 105 2. หลกั เกณฑเกยี่ วกับสขุ ลกั ษณะสวนบุคคลของผจู าํ หนายอาหาร ผปู รุงอาหารและผใู หบรกิ าร 2.1 ผูส มั ผัสอาหารตองมสี ุขภาพแขง็ แรง โดยตองมีใบรับรองแพทยวา ไมเปนโรคติดตอหรือโรคที่สังคมรังเกียจ หรือไมเปนและมีสุขวิทยาสวนบุคคลที่ดี ขณะเตรียมปรุงอาหารและเคร่ืองดื่มตองแตงกายสะอาด สวมเสื้อมีแขนใสผากัน เปอน และสวมหมวกหรอื ตาขา ยคลมุ ผม 2.2 เจาของหรือผูดูแลหรือผูประกอบการและผูสัมผัสอาหารตองผานการ ฝก อบรมดา นสขุ าภบิ าลอาหาร 3. หลักเกณฑเก่ียวกับสุขลักษณะของอาหาร กรรมวิธีการจําหนาย ทํา ประกอบ ปรุง เก็บรักษาหรือสะสม อาหาร 3.1 จัดวางสินคาใหเปนสัดสวนแยกตามประเภทสินคา โดย เฉพาะสินคา ที่เปนสารเคมี เชน นํ้ายาทําความสะอาดครัวเรือน สารเคมีกําจัดแมลงสําหรับใชใน ครัวเรือน ตองแยกเก็บเปนสัดสวนเฉพาะหามปะปนกับสินคาประเภทอาหาร เพื่อ ปอ งกันการปนเปอ นกับอาหาร 3.2 ไมวางผลิตภัณฑอาหารสัมผัสกับพื้น สินคาประเภทอาหารท่ีบรรจุใน ภาชนะไมสนิท หรืออาหารท่ีมีการปรุงประกอบ ตองอยูสูงจากพื้นอยางนอย 60 ซม. อาหารและเคร่ืองดื่มท่ีพรอมบรโิ ภคตอ งบรรจใุ นภาชนะทสี่ ะอาดมฝี าปด 3.3 เก็บรักษาอาหารแหงและอาหารในภาชนะปดสนิท ที่อุณหภูมิหอง สวนสินคาท่ีตองควบคุมอุณหภูมิ ตองเก็บในตูเย็นโดยจัดวางสินคาอยางเปนระเบียบ เปนสัดสวนไมแนนจนเกินไป และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม เชน สินคาประเภทนม ผลิตภัณฑนม และเคร่ืองด่ืมที่ผานการ ฆาเชื้อดวยระบบพาสเจอรไรสตองอยูใน อุณหภูมิตํ่ากวา 5 องศาเซลเซียส ไอศกรีมและอาหารประเภทแชแข็งตองเก็บที่อุณหภูมิ ตาํ่ กวา -18 องศาเซลเซยี ส 3.4 มีอุปกรณที่มีดามยาวสําหรับตักน้ําแข็ง และภาชนะที่ใชสําหรับขนถาย นํ้าแข็ง ตองสะอาด และ จดั เกบ็ อุปกรณอ ยา งถกู สุขลกั ษณะ 3.5 สนิ คาประเภทอาหารท่ีวางจาํ หนา ย ตอ งจดั ใหม ีระบบหมุนเวยี นตามลําดับอายผุ ลิตภัณฑ 3.6 ไมว างจําหนา ยสินคา ทบ่ี รรจุในภาชนะทช่ี ํารุด เสยี หายหมดอายุ หรอื ทมี่ ีลกั ษณะผดิ ปกติ 3.7 แยกสินคาที่หมดอายุหรือชํารุดหรือรอการสงคืนในบริเวณเฉพาะ และแยกสวนจากสินคาปกติโดยมี ปายหรอื เครือ่ งหมายบอกชดั เจน 3.8 ดูแลรักษาบริเวณท่ีวางสินคาใหสะอาดและมีสภาพดี รวมท้ังบริเวณที่เตรียมอาหารตองทําความ สะอาดทกุ ครงั้ กอ นและหลังใชง าน
ความรูเก่ยี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครงั้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 61/ 105 4. หลกั เกณฑเ ก่ียวกบั สุขลักษณะของภาชนะอุปกรณ นาํ้ ใชและของใชอ ื่นๆ 4.1 มนี าํ้ ใชท ส่ี ะอาด สาํ หรับลา งอาหารและอุปกรณ 4.2 ในกรณีท่ีใชเคร่ืองปรับอากาศตองดูแลบํารุงรักษาใหอยูในสภาพดี สะอาด ไมมีหยดนาํ้ หรือสง่ิ สกปรกตกลงมาปนเปอนอาหาร 4.3 วัสดุ ภาชนะอุปกรณท่ีใชเตรียมและจําหนายอาหาร ตองเปนวัสดุท่ีปอ ลดภยั มีสภาพดี สะอาด ลา งทาํ ความสะอาดไดงายและมีการลา งและเกบ็ อยางถูกสุขลกั ษณะ 4.4 โครงสรางภายในตูเย็นหรือตูแช ตองทําดวยวัสดุท่ีมีผิวเรียบ มีสภาพดี สะอาด สามารถควบคุมอุณหภูมิใหคงที่กําหนดได และตูแชแข็งตองไมมีนํ้าแข็งเกาะ หนาเกนิ 1 นิว้ ประตแู ละขอบยาง ตเู ย็น/ ตแู ช/ หอ งเยน็ ตอ งมีสภาพดี สะอาด 4.5 มีที่รองรบั มูลฝอยทีส่ ะอาด ถูกหลักสขุ าภิบาล 4.6 มีเคร่ืองดับเพลิงที่ใชการไดดี ต้ังอยูในตําแหนงท่ีสามารถหยิบใชได สะดวกรวดเรว็ และพนกั งานสามารถใชไ ดอ ยา งถูกตอง 4.7 ในกรณี ท่ีจัดใหมีหองสวม ตองจัดใหมีอางลางมือที่ใชการไดดี ละมี สบสู าํ หรบั ลา งมือดวย ทัง้ น้ี ประตูหองสว มตองไมเปด โดยตรงสูบรเิ วณทเ่ี ตรียมอาหาร 4.8 มที อ หรือรางระบายน้ําทิง้ ระบายไปสทู บี่ าํ บัดกอนปลอ ยลงสูทอนํ้าท้ิง สาธารณะหรือระบบบําบัดน้ําเสียรวม ในกรณีท่ีมีการปรุง ประกอบอาหารที่มีไขมันหรือนํ้ามันตองมีบอดักไขมันที่ใช การไดดี และมกี ารกําจัดไขมันเปน ประจาํ แผงลอย แผงลอย หรือ การจาํ หนา ยอาหารในท่ีหรือทางสาธารณะเปนการคาขายบนพ้ืนท่ี ซ่ึงเปนของสวนรวมโอกาส ที่อาหารจะไดร บั การปนเปอนจากอันตราย และกอนใหเ กิดความไมป ลอดภยั ตอผบู รโิ ภคไดสูง ผูบริโภคจึงตองใหความ ใสใ จในการพจิ ารณาเลอื กสถานทีจ่ ําหนา ยอาหารแผงลอยท่ีเหมาะสม เพอ่ื ความปลอดภยั ในการบริโภค ดงั นี้ 1. แผงลอยจําหนายอาหารทําจากวัสดุที่ทําความสะอาดงาย มีสภาพดี เปนระเบียบ อยสู ูงจากพ้นื อยางนอย 60 ซม. 2. อาหารปรงุ สุกมกี ารปกปด หรือมีการปอ งกนั สัตวแมลงนาํ โรค
ความรเู กีย่ วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 62/ 105 3. สารปรุงแตง อาหาร ตอ งมีเลขทะเบียนตาํ รับอาหาร (อย.) 4. นํ้าดื่ม ตองเปนนํ้าสะอาด ใสในภาชนะที่สะอาด มีการปกปด มีกอกหรือ ทางเทรนิ นํ้า 5. เครื่องด่ืม ตองใสภาชนะที่สะอาด มีการปกปด และมีที่ตักท่ีมีดามยาว หรือมีกอ ก หรือทางเทรินน้ํา 6. นํ้าแข็งที่ใชบริโภค ตองสะอาด เก็บในภาชนะท่ีสะอาด มี ฝาปด อยูสูง จากพื้นอยางนอย 60 ซม. ท่ีตักนํ้าแข็งมี ดามยาว และตองไมนําอาหาร หรือส่ิงของอยาง อื่นไปแชไวใน น้าํ แขง็ 7. ลางภาชนะดวยน้ํายาลางภาชนะ แลวลางดวยนํ้าสะอาด 2 คร้ัง หรือลาง ดว ยน้ําไหล และอุปกรณก ารลางตองวางสงู จากพืน้ อยางนอย 60 ซม. 8. ชอน สอม ตะเกียบ วางตั้งเอาดามข้ึนในภาชนะโปรงสะอาด หรือวางเปน ระเบียบ ในภาชนะโปรง สะอาดและมีการปกปด เกบ็ สงู จากพนื้ อยา งนอย 60 ซม. 9. มกี ารรวบรวมมลู ฝอย และเศษอาหารเพ่ือนําไปกาํ จัด 10.ผูสัมผัสอาหารแตงกายสะอาด สวมเสื้อมีแขน ผูปรุงตองผูกผากันเปอนที่ สะอาด สวมหมวกหรอื เนท็ คลุมผม 11.ใชอปุ กรณหยิบจับอาหารท่ปี รุงสาํ เรจ็ แลว 12.ผสู ัมผัสอาหารท่มี ีบาดแผลที่มือตองปกปดแผลใหมิดชดิ รานอาหาร รานอาหาร คือ สถานที่ปรุงประกอบและจําหนายแกผูบริโภค ซ่ึงนับวามีความสําคัญตอสุขภาพอนามัยของ ประชาชน เพราะถาหากรานอาหารมีสภาพหรือมีการปฏิบัติที่ไมถูกสุขลักษณะจะเปนสาเหตุใหอาหารไดรับการ ปนเปอนจากเชอ้ื โรคหรอื ส่ิงสกปรก รานอาหารก็จะเปนแหลงแพรเช้ือโรคและสารเคมีพิษไปสูผูบริโภคได ผูบริโภคจึง ตองใหความสําคัญในการเลือกบริโภคอาหารจากรานอาหารที่มีเคร่ืองหมาย “Clean Food Good Taste” หรือ “อาหาร สะอาดรสชาติอรอ ย” ซ่งึ รา นอาหารจะตองมีการจัดการดา นสุขาภบิ าล ดังนี้
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครง้ั ที่ 00 RF-GC-02 หนา ที่ 63/ 105 1. สถานทร่ี บั ประทาน เตรียม-ปรงุ -ประกอบอาหาร ตอ งสะอาดเปนระเบยี บ และจดั เปน สัดสว น ตองจัดและดแู ลรักษาบรเิ วณสถานทรี่ ับประทานอาหาร และสถานท่ีเตรียม ปรุงประกอบ จําหนายอาหารให สะอาดเปน ระเบียบอยเู สมอ 1.1 พ้ืน ควรมีลักษณะผิวเรียบ ไมล่ืน ไมแตกราวหรือเปนรองและไมมี เศษขยะ 1.2 ผนัง และเพดาน ควรทาสีออน เพ่ือชวยใหบริเวณรานสวาง ไมมืด ทึบ และสามารถมองเห็นส่ิงสกปรกไดงาย โดยเฉพาะบริเวณท่ีเตรียมปรุงอาหารควร ทําดวยวัสดุผิวเรียบ ทําความสะอาดงาย เชน สแตนเลส อลูมิเนียม โฟเมกา กระเบื้อง เคลอื บ อยูใ นสภาพดี ไมชาํ รุด และตอ งรกั ษาความสะอาดอยูเสมอ 1.3 วัสดุอุปกรณตางๆ ตองจัดใหเปนระเบียบ สามารถทําความสะอาดไดท่ัวถึง และ จัดบริเวณในการ ปฏิบัติงานใหเปนสัดสวน ไมปะปนกัน เพื่อปองกันการปนเปอนของอาหารและในบริเวณที่ปรุงควรมีพัดลมดูดอาหาร หรอื ปลองระบายควันชว ยระบายอากาศ และตอ งไมร บกวนบริเวณใกลเ คยี งดวย 2. ไมเ ตรยี มปรงุ อาหารบนพ้ืน และบริเวณหนา หรือในหองน้ํา หองสวม และตองเตรียมปรุงอาหารบนโตะท่ี สูงจากพน้ื อยางนอย 60 ซม. ตองไมเตรียม หรือวางอาหาร ภาชนะใสอาหาร รวมถึงการหั่น การลาง การเก็บ อาหาร บนพ้ืน และบริเวณหนาหรือในหองน้ําหองสวม ตลอดจนในบริเวณที่อาจทําให อาหารปนเปอน สิ่งสกปรกได ตองเตรียมและปรุงอาหารบนโตะที่สูงจากพื้นอยางนอย 60 ซม. และโตะท่ีใชเตรียมปรุงอาหารตองทําดวยวัสดุผิวเรียบ สามารถทําความสะอาดไดงาย เชน สแตนเลส โฟเมกา 3. ใชสารปรุงแตงอาหารที่มีความปลอดภัย มีเครื่องหมายรับรองของทางราชการ เชน ทะเบียนตํารับอาหาร (อย.) เครอ่ื งรบั รองมาตรฐานของกระทรวงอตุ สาหกรรม (มอก.) ตองไมใชสารปลอมปน สารท่ีไมใชอาหาร หรือสารท่ีไมปลอดภัยในการ บรโิ ภค มาปรงุ ประกอบอาหาร 3.1 ภาชนะทใี่ ชใสเคร่อื งปรุงรส เชน นํ้าสมสายชู นํ้าปลา และน้ําจ้ิม ซึ่งมี ฤทธ์ิ กัดกรอนไดตองใสในภาชนะท่ีทําจากวัสดุท่ีทนการกัดกรอนไดดี ไดแก แกว กระเบ้อื งเคลือบขาว และตองมีฝาปด สาํ หรับชอ นตกั ควรใชชอนกระเบ้ืองเคลือบขาว ถาใชส แตนเลส ควรเปนชนิด 18-8 สวนเครื่องปรุงรส หรือสารปรุงแตงอาหารท่ีไมมีฤทธ์ิกัด กรอ นเชน นํา้ ตาล พริกปน ควรเก็บในภาชนะทีส่ ะอาดไดง า ย มฝี าปด หรือใชฝาชีครอบ
ความรเู กีย่ วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไขคร้งั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 64/ 105 4. อาหารสดตอ งลา งใหส ะอาดกอนนํามาปรุง หรือเก็บ การเก็บอาหารประเภทตางๆ ตองแยกเก็บเปนสัดสวน อาหารประเภทเน้อื สัตวดบิ เก็บในอุณภูมิที่ไมส งู กวา 7.2 องศาเซลเซียส อาหารสด เชน เน้ือสัตว ผักสด ผลไม ตองลางใหสะอาดกอนนํามาปรุงหรือเก็บ การเก็บอาหาร ประเภท ตางๆ ตองแยกเก็บเปนสัดสวน ไมปะปนกัน โดยอาหารประเภทเนื้อสัตวดิบตองเก็บในอุณหภูมิ ไมสูงกวา 7.2 องศา เซลเซียส และควรจะมกี ารแยกเก็บอาหารประเภทตางๆ ดงั นี้ 4.1 ผักสดกอนลา งทําความสะอาด 4.2 ผกั สดหลงั จากลา งทาํ ความสะอาดแลว 4.3 ผลไมส ดกอนลาง 4.4 ผลไมส ดหลังจากลา งทําความสะอาดแลว 4.5 เนื้อสตั วส ดท่ีไมใ ชอ าหารทะเล 4.6 เน้ือสัตวส ดประเภทอาหารทะเล 4.7 อาหารทพี่ รอ มบรโิ ภค 5. อาหารท่ปี รงุ สาํ เร็จแลว เก็บในภาชนะทส่ี ะอาดมกี ารปกปด วางสูงจากพ้นื อยางนอย 60 ซม. อาหารปรุงสําเร็จ หรืออาหารที่พรอมที่จะรับประทานได โดยไมผานขั้นตอนของการ ใหความรอนหรือการฆาเชื้อโรคอีก ตองเก็บไวในภาชนะท่ีสะอาด มีการปกปดอาหารไว ตลอดเวลาเพอื่ ปองกันสัตว แมลงนาํ โรค และฝนุ ละออง และต้ังวางสูงจากพ้นื อยา งนอย 60 ซม. 6. นํ้าแข็งท่ีใชบริโภคตองสะอาด เก็บในภาชนะที่สะอาดมีฝาปด ใชอุปกรณท่ีมีดามสําหรับคีบ หรือตัก โดยเฉพาะ วางสูงจากพนื้ อยางนอ ย 60 ซม. และตองไมม ีส่ิงของอยางอนื่ แชรวมไว น้ําแข็งท่ีใชบริโภค ตองเปนน้ําแข็งที่ผลิตขึ้นเพื่อใชในการบริโภค โดยเฉพาะเมื่อละลายแลวควรเปนนํ้าท่ีสะอาด ไมมีตะกอน ภาชนะท่ีใสตองเปนภาชนะ ทสี่ ะอาด ไมเปนสนิม มีฝาปด สามารถเก็บความเย็นไดดี ตองมีอุปกรณสําหรับคีบหรือ ตักที่มีดามยาวเพียงพอ สามารถหยิบจับไดโดยมือไมสัมผัสกับนํ้าแข็งหรือไมทําใหเกิด การปนเปอน และตอ งไมมสี ิ่งของอื่นแชป นอยกู ับนํ้าแขง็ 7. ลางภาชนะดวยน้ํายาลางภาชนะ แลวลางดวยน้ําสะอาด 2 ครั้ง หรือลางดวยนํ้าไหล และท่ีลางภาชนะตอง วางสงู จากพื้นอยางนอ ย 60 ซม. ภาชนะท่ีใชใสอาหารทุกประเภทตองลางใหสะอาด แยกภาชนะท่ีใสของหวานและ ของคาว กาํ จดั เศษอาหาร แลว ลา งดว ยน้าํ ยาลา งภาชนะ ขดั ถูคราบสกปรกของอาหารและ ไขมนั ออก แลวลา งออกดว ยนาํ้ สะอาดอีก 2 ครง้ั โดยนํ้าที่ใชล า งจะตอ งเปลีย่ นใหส ะอาดอยเู สมอ หรือลางดวยนํ้าไหลโดยเปดกอกใหน้ําไหลผานภาชนะแลวลางใหสะอาด เมื่อลางเสร็จแลวควรคว่ําใหแหง ในที่โปรง สะอาดและสูงจากพ้ืนอยางนอ ย 60 ซม.
ความรูเก่ยี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 65/ 105 8. เขียงและมีด ตองมีสภาพดี แยะใชระหวางเนอ้ื สัตวสกุ เนอ้ื สตั วด ิบ และผัก ผลไม เขียงตองมีสภาพดี ไมแตกราว ไมเปนรอง สะอาด ไมมีรา ไมมีคราบไขมัน หรือ คราบสกปรกฝงแนน เขียงและมีดจะตองแยกใชระหวางเนื้อสัตวดิบ เน้ือสัตวสุก ผัก ผลไม โดยไมใชปะปนกัน เพราะถาใชปนกันจะทําใหมีการปนเปอนของเช้ือโรคจากอาหารดิบ ไปสูอาหารสุกและผักผลไมได ควรลางใหสะอาดทั้งกอน หลัง และระหวางการใชงานเปน ระยะ และผึ่งใหแหงใน ที่โปรง โดยวางใหไดรับแสงแดดไมควรใชผาหรือฝาหมอปด เพราะจะ ทําใหอ บั ชืน้ ควรใชฝาชีครอบเพอ่ื ปอ งกนั สตั วและแมลงนาํ โรค 9. ชอน สอม ตะเกียบ วางต้ังเอาดามขึ้นในภาชนะโปรงสะอาด หรือวางเปนระเบียบในภาชนะโปรงสะอาด และมกี ารปกปด เกบ็ สูงจากพื้นอยา งนอย 60 ซม. ชอน สอม ตะเกียบ ที่ลางสะอาดแลว ตองเก็บวางในลักษณะต้ังใหสวนที่เปนดามจับไวดานบน ในภาชนะทโ่ี ปรงสะอาด ภาชนะไมกวางเกินไป หรือเก็บวางเรียงเปนระเบียบ โดยวางเรียงนอน ไปในทางเดยี วกัน และในการหยิบจบั ตองจับเฉพาะดามเทา นั้น 10. มลู ฝอย และนํ้าเสยี ทุกชนดิ ไดร บั การกาํ จดั ดว ยวธิ ที ี่ถกู หลกั สขุ าภบิ าล มีการเก็บและรวบรวมขยะมูลฝอยใหเรียบรอยและมิดชิด ไมรั่วซึมเพื่อ ปองกันเศษขยะและนํ้าจากขยะซึมรั่วออกนอกถัง และเพื่อความสะดวกในการรวบรวม ควรใชถุงพลาสติกสวมไวดานในถังขยะดวย เวลาเก็บไปกําจัดควรผูกปากถุงใหแนน เสียกอนและตองมีฝาปดถังขยะใหมิดชิดดวย การระบายนํ้าเสีย ตองมีรางระบายนํ้าเสีย จากจุดตางๆ ท่ีใชการไดดี โดยเฉพาะบริเวณหองครัว และบริเวณที่ลางภาชนะอุปกรณ ตอ งมีรางระบายนํา้ ท่มี สี ภาพดี ไมแตกราว ไมอุดตัน มีการดักรองเศษอาหาร และควร ติดต้ังบอดักไขมันในขนาดท่ีเหมาะสม กอนระบายนํ้าเสียลงสูทอระบาย หรือระบบบําบัด นํ้าเสีย ไมระบายนํ้าเสียลงสูแหลงนํ้าสาธารณะ เชน แมนํ้า ลําคลอง ฯลฯ โดยตรง ท้ังนี้ ตอ งตักเศษอาหารและคราบไขมนั ทิ้งเปนประจาํ 11. หอ งสว มสําหรับผูบรโิ ภคและผสู ัมผัสอาหารตอ งสะอาด มีอางลา งมือท่ใี ชก ารไดด ี และมีสบูใชตลอดเวลา หองสวมควรแยกออกจากหองครัวเปนสัดสวนเฉพาะ โดยประตูของหองสวมตองไมเปดตรงสูบริเวณที่ เตรียมปรุงอาหาร ที่ลาง ที่เก็บภาชนะอุปกรณ และท่ีเก็บวางอาหารทุกชนิด เพ่ือเปนการปองกันการปนเปอนของเชื้อ โรคตองดูแลรักษาความสะอาดหองสวมที่อยูในบริเวณรานอาหารทุกหอง ทั้งหองสวมสําหรับผูบริโภค หองสวม สําหรับผูสัมผัสอาหารและพนักงานของรานอาหารตองสะอาด ไมมีคราบสกปรกไมมี กล่ินเหม็น มีน้ําใชเพียงพอ นอกจากน้ตี อ งมอี า งลางมือทใ่ี ชก ารไดดี และจัดใหม ีสบสู าํ หรับลางมอื ใชต ลอดเวลา (ควรใชส บูเหลว เพราะสบูกอนอาจ มีสงิ่ สกปรกตดิ อยูท่กี อ นสบไู ด ถา ใชสบูก อ นตองลา งสบูใหสะอาดดวย)
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไขครั้งที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 66/ 105 12.ผสู ัมผัสอาหารแตงกายสะอาด สวมเสอื้ มแี ขน ผูปรงุ ตอ งผกู ผากันเปอ นทีส่ ะอาด สวมหมวกหรอื เน็ทคลุมผม ผปู รุง ผูเสริ ฟ ผเู ตรียมอาหาร ผูลางภาชนะ หรือผูที่ทํางานเกี่ยวของกับอาหารทุก คนตองแตงกายสะอาด สวมเส้ือมีแขน ผูปรุงตองผูกผากันเปอนท่ีสะอาด หรือมีเครื่องแบบ เฉพาะ ท่ีสะอาด และสวมหมวกหรือเน็ทท่ีสามารถเก็บรวบผมไดเรียบรอยเพื่อปองกันเสนผม และสิ่งสกปรกปนเปอ นอาหาร 13. ผูสัมผัสอาหารตองลางมือใหสะอาดกอนเตรียมปรุง ประกอบ จําหนายอาหารทุกคร้ัง ใชอุปกรณในการ หยบิ จับอาหารทปี่ รงุ สําเรจ็ แลว ทกุ ชนดิ ผูสัมผัสอาหารทุกคนตองลางมือดวยน้ําและสบู หรือนํ้ายาลางมือใหสะอาดอยูเสมอ โดยเฉพาะกอนเตรียม ปรุง ประกอบและจําหนายอาหารทุกครั้ง และตองลางมือใหสะอาดทันทีหลัง ออกจากหองสวม หรือหลังจากจับตองสิ่งสกปรก เชน ผาข้ีริ้ว ขยะ การแกะเกาผิวหนัง การปดปาก ขณะไอจาม เปนตน สําหรับอาหารที่ปรุงสําเร็จหรืออาหารที่พรอมรับประทาน หามใชมือหยิบจับ หรือสมั ผสั อาหารโดยตรง ตองใชอปุ กรณท่ีสะอาดปลอดภัยในการหยิบจับอาหาร เชน ทัพพี ทีค่ ีบ 14. ผสู ัมผัสอาหารท่มี ีบาดแผลที่มอื ตองปกปด แผลใหมิดชดิ หลกี เล่ียงการปฏิบัตงิ านทม่ี ีโอกาสสัมผัสอาหาร ผูสัมผัสอาหารที่มีบาดแผลตองปกปดแผลใหมิดชิด โดยเฉพาะบาดแผล หรือฝที่มีหนองจะตองหยุด หรือหลีกเล่ียงการปฏิบัติงานที่มีโอกาสสัมผัสอาหาร ถาไม สามารถหยุดปฏิบัติงานไดควรเลี่ยงไปปฏิบัติงานหนาที่อ่ืนแทนจนกวาบาดแผลจะหาย สนิทจึงกลับมาปฏิบัติงานตามปกติ นอกจากน้ีผูสัมผัสอาหารตองตัดเล็บส้ันและไมสวม เครือ่ งประดบั น้ิวมือและขอมือ เพราะจะเปนแหลง สะสมสิ่งสกปรกและเชอ้ื โรคได 15. ผูสัมผัสอาหารที่เจ็บปวยดวยโรคท่ีสามารถติดตอไปยังผูบริโภค โดยมีนํ้าและอาหารเปนสื่อ ใหหยุด ปฏบิ ตั งิ านจนกวาจะรักษาใหห ายขาด ผูสัมผัสอาหารที่มีอาการเจ็บปวยดวยโรคที่สามารถติดตอไปยังผูบริโภคได ไดแก วัณโรค อหิวาตกโรค ไทฟอยด บิด อุจจาระรวง ไขสุกใส หัด คางทูม ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และโรคผิวหนังที่นารังเกียจ ตอง หยุดปฏิบัติงานและไดรับการรักษาจนกวาจะหายเปนปกติ ไมสามารถแพรเช้ือโรคไดและไมเปนท่ีนารังเกียจแลวจึง กลับมาปฏิบัติงานตามปกตไิ ด
ความรูเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไขครงั้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 67/ 105 บทที่ 5 หนวยงานท่ีเกี่ยวขอ ง ท่ีผบู รโิ ภคสามารถรอ งเรียนเมอ่ื เกดิ ปญ หา เมื่อพบวาผลิตภัณฑอาหารท่ีผูบริโภคเลือกซ้ือมาแลวเกิดปญหา หรืออาจกอใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ ผูบริโภคควรปกปองสิทธิของตนเอง ไมวาจะเปนสิทธิท่ีจะไดรับขาวสาร รวมท้ังคําพรรณนาคุณภาพที่ถูกตองและ เพียงพอเก่ียวกับสินคาหรือบริการ มีอิสระในการเลือกหาสินคาหรือบริการ ไดรับความปลอดภัยจากการใชสินคาหรือ บริการ สิทธิที่จะไดรับความเปนธรรมในการทําสัญญา และไดรับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายเม่ือมีการละเมิด สิทธิของผูบริโภค ซึ่งชองทางหรือหนวยงานที่เก่ียวของในการคุมครองดูแลสิทธิผูบริโภคที่เกี่ยวของในการบริโภค อาหารมี 2 หนว ยงานหลัก คอื สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสํานักงานคณะกรรมการคมุ ครองผูบรโิ ภค สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปนสวนราชการมีฐานะการปกปองและคุมครองสุขภาพประชาชน จากการบริโภคผลิตภัณฑสุขภาพ โดยผลิตภัณฑสุขภาพเหลาน้ันตองมีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย มีการสงเสริม พฤติกรรมการบริโภคท่ีถูกตองดวยขอมูลวิชาการที่มีหลักฐานเช่ือถือไดและมีความเหมาะสม เพ่ือใหประชาชนได บรโิ ภคผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพทป่ี ลอดภัยและสมประโยชน โดยมอี ํานาจหนาทดี่ ังตอ ไปนี้ 1. ดําเนนิ การตามกฎหมายวา ดวยอาหาร กฎหมายวาดวยยา กฎหมายวา ดว ยเครื่องสําอาง กฎหมายวาดวยวัตถุ อนั ตราย กฎหมายวาดวยวัตถทุ อี่ อกฤทธติ์ อ จิตและประสาท กฎหมายวาดวยยาเสพติด ใหโทษ กฎหมายวาดวยเครื่องมือ แพทย กฎหมายวา ดว ยการปองกันการใชส ารระเหย และกฎหมายอ่ืนทเี่ ก่ียวขอ ง 2. พัฒนาระบบและกลไก เพือ่ ใหมกี ารดําเนินการบงั คับใชกฎหมายทอ่ี ยูใ นความรบั ผิดชอบ 3. เฝา ระวังกํากับและตรวจสอบคณุ ภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑสถานประกอบการ และการโฆษณา รวมท้ัง ผลอันไมพึงประสงคของผลิตภัณฑ ตลอดจนมีการติดตามหรือเฝาระวังขอมูลขาวสารดานผลิตภัณฑสุขภาพจาก ภายในประเทศและภายนอกประเทศ 4. ศึกษา วิเคราะห วิจัยและพัฒนาองคความรู เทคโนโลยี และระบบงานคุมครองผูบริโภคดานผลิตภัณฑ สขุ ภาพใหม ีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล 5. สงเสริมและพัฒนาผูบริโภค ใหมีศักยภาพในการเลือกบริโภคผลิตภัณฑสุขภาพที่ถูกตอง เหมาะสม ปลอดภยั และคุม คา รวมท้ังเพ่ือใหผ ูบ รโิ ภคนั้นมกี ารรองเรียนเพื่อปกปอ งสิทธขิ องตนได 6. พัฒนาและสงเสริมการดําเนินงานคุมครองผูบริโภคดานผลิตภัณฑสุขภาพ โดยการมีสวนรวมของภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และเครือขายประชาคมสุขภาพ
ความรูเกีย่ วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไ ขคร้งั ที่ 00 RF-GC-02 หนาท่ี 68/ 105 7. ปฏิบัติการอ่ืนใดตามท่ีกฎหมายกําหนดใหเปนอํานาจหนาท่ีของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรอื ตามท่ีกระทรวงหรือคณะรัฐมนตรมี อบหมาย การดําเนินงานควบคมุ ทางดา นตา งๆ จะตองดาํ เนินใหเปนไปตามพระราชบัญญัติ และมติของ คณะกรรมการ ตามกฎหมายที่เก่ียวของ และเลขาธิการฯ รองเลขาธิการฯ เจาหนาท่ีของกองท่ีเก่ียวของ โดยผูรับผิดชอบโดยตรงในการ ดูแลการเอารดั เอาเปรยี บหรือความไมปลอดภัยในการบริโภคอาหารของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือ กอง ควบคุมอาหาร ซ่ึงมบี ทบาทและหนาที่ ดงั น้ี 1. ควบคุม กาํ กบั ดูแล อาหารใหไ ดม าตรฐานและเปน ไปตามกฎหมาย 2. ศึกษาวิจัยและจัดทํามาตรฐาน หลักเกณฑ กฎระเบียบ และมาตรการที่เกี่ยวกับการควบคุม กํากับ ดูแล คณุ ภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของอาหาร 3. พัฒนาศกั ยภาพผูประกอบการดา นการผลิต นําเขา และจําหนา ยอาหารใหไดคณุ ภาพตามมาตรฐาน 4. พัฒนาระบบการตรวจสอบ กํากับดูแล เฝาระวังอาหาร สถานประกอบการดานอาหาร และการ โฆษณาอาหารใหเ ปนไปตามกฎหมาย และเปนมาตรฐานเดียวกนั ทง้ั ประเทศ 5. ใหความรู คาํ แนะนาํ ทางวิชาการ และพัฒนาขอมลู เพอื่ ใหบรกิ ารขอมูลขา วสารดา นอาหาร 6. ปฏิบัติงานรวมกบั หรือสนับสนุนการปฏิบตั ิงานของหนว ยงานอ่นื ทีเ่ กย่ี วขอ งหรอื ไดร บั มอบหมาย • ก า ร คุ ม ค ร อ ง ผู บ ริ โ ภ ค ใ น ส ว น ภู มิ ภ า ค ข อ ง สํ า นั ก ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร อ า ห า ร แ ล ะ ย า การคุมครองในสวนสวนภูมิภาคจะมีเจาหนาที่ ไดแก ผูวาราชการจังหวัด นายแพทยสาธารณสุขจังหวัด เภสัชกรกลุมงานคุมครองผูบริโภคและเภสัชสาธารณสุข รวมท้ังเจาหนาที่ของ กทม. ที่ อย. ไดมอบใหเปนพนักงาน เจาหนาที่ในการดําเนินการคุมครองผูบริโภคดานอาหารตาม พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 เพ่ือสามารถตรวจสอบดูแล คณุ ภาพมาตรฐานและความปลอดภยั ของผลิตภัณฑอ าหารทจ่ี ําหนายในทอ งตลาด และทําหนาทเี่ ปน พนกั งานเจา หนา ทท่ี ี่ จะปฏิบัติใหเ ปนไปตามกฎหมายตอ ไป • การติดตอรอ งเรียน ที่อยู สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา 88/24 ถนนตวิ านนท อําเภอเมือง จงั หวัดนนทบุรี 11000 หมายเลขโทรศัพท 02-590-7354-5 สายดว น 1556 Web site www.fda.moph.go.th • การดําเนินการรองเรียนในสว นภูมภิ าค (ตา งจงั หวัด) ผูบริโภคสามารถรองเรียนไดท่ีกลุมงานคุมครองผูบริโภคและเภสัชสาธารณสุข ณ สํานักงานสาธารณสุข จงั หวดั
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 69/ 105 ข้นั ตอนการรบั เรอ่ื งรองเรยี นของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เจาหนาท่ีรบั เรอ่ื งรอ งเรียน ชแ้ี จง ขอมลู /บนั ทกึ การรับเร่ืองรองเรียนรอ งเรยี น ขอ มูลเพียงพอหรือไม ไมเ พียงพอ ยุติเรื่อง เพียงพอ ชีแ้ จงขอมูล/ ได ยุติเรือ่ ง กอง พศ.ดําเนินการไดหรอื ไม ไมไ ด อยูใ นความรบั ผิดชอบของ อย. หรือไม ใช กองผลิตภัณฑ/ กลมุ ตส./หนวยงานภายใน อย.ทีเ่ ก่ยี วของ ดาํ เนินการ แจงผรู องเรยี น แจงผลการดาํ เนินการกอง พศ. /ยตุ ิเรอื่ ง สรุปสถติ ิ/วิเคราะห ทาํ ประชาสัมพันธ แจง ผรู อ งเรยี น/ยุติเรือ่ ง (กรณีหนวยงานยังไมไ ดแ จงผล)
ความรเู ก่ยี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขครงั้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 70/ 105 สํานักงานคณะกรรมการคุมครองผบู ริโภค สํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภค เปนหนวยงานซึ่งมีฐานะเทียบเทากรมสังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุมครองผูบริโภค พ.ศ. 2522 ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติคุมครองผูบริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 อํานาจและหนาท่ีของสํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภคตามพระราชบัญญัติน้ันมีอยู 7 ประการ ซ่งึ ไดป ฏิบตั ิการเพือ่ ชว ยเหลอื ผูบรโิ ภคดังน้ี 1. รับเรื่องราวรองทุกขจากผูบริโภคท่ีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย อันเนื่องมาจากการกระทําของผู ประกอบธรุ กจิ เพือ่ เสนอตอคณะกรรมการคุมครองผูบริโภค พิจารณาดําเนนิ การตอ ไป 2. ติดตามและสอดสองพฤติการณของผูประกอบธุรกิจ ซ่ึงกระทําการใดๆ อันมีลักษณะเปนการละเมิดสิทธิ ของผูบริโภค และจัดใหมีการทดสอบหรือพิสูจนสินคาหรือบริการใดๆ ตามท่ีเห็นสมควรและจําเปน เพื่อคุมครองสิทธิ ของผบู ริโภค 3. สนับสนุนหรือทําการศึกษาและวิจัยปญหาเก่ียวกับการคุมครองผูบริโภครวมกับสถาบันการศึกษา และ หนว ยงานอนื่ เพื่อทีจ่ ะไดด าํ เนินการชวยเหลือผูบริโภคไดตรงกับปญหาและความตองการ ตัวอยางในการดําเนินการใน ขอ นที้ ีผ่ า นมา ไดแก การศกึ ษาขอ มูลเกี่ยวกบั การใชยาปราบศัตรพู ชื และการสาํ รวจทัศนคตเิ กยี่ วกบั การคุมครองผบู รโิ ภค เปน ตน 4. สงเสริมและสนับสนุนใหมีการศึกษาแกผูบริโภค ในทุกระดับการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและ อันตรายที่อาจจะไดรับจากสินคาหรือบริการ เพื่อใหผูบริโภคสามารถคุมครองตนเองในเบ้ืองตนกอน นอกเหนือจาก ความชว ยเหลือจากรัฐบาล 5. ดาํ เนนิ การเผยแพรวชิ าการและใหค วามรูและการศึกษาแกผูบ รโิ ภค เพื่อสรางนิสัยในการบริโภคที่เปนการ สงเสริมพลานามัย ประหยดั และใชท รัพยากรของชาตใิ หเ ปน ประโยชนม ากทสี่ ดุ 6. ประสานงานกับสวนราชการ หรือหนวยงานของรัฐท่ีมีอํานาจหนาที่เก่ียวกับการควบคุมสงเสริม หรือ กําหนดมาตรฐานของสนิ คา หรอื บรกิ าร ไดแ ก สนิ คา ท่ไี มไ ดคุณภาพมาตรฐานและบรกิ ารท่เี สียประโยชนแกผ ูบรโิ ภค 7. ปฏบิ ัตกิ ารอืน่ ๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมอบหมาย ท่ีสําคัญและเปนประโยชน อยางย่ิง คือ การแจงหรือโฆษณาขาวสารเก่ียวกับสินคาหรือบริการท่ีอาจกอใหเกิดความเสียหายหรือเส่ือมเสียแกสิทธิ ของผบู ริโภค
ความรูเ กยี่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครงั้ ที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 71/ 105 • การดาํ เนินงานคุม ครองผูบริโภคในสวนภมู ิภาคของสํานกั งานคณะกรรมการคุม ครองผูบรโิ ภค ปจจุบันแตละจังหวัดจะมีองคกรทาํ หนาท่ีคุมครองผูบริโภค รวม 2 องคกร ไดแก 1. คณะอนกุ รรมการคุม ครองผบู รโิ ภคประจาํ จงั หวัด และคณะอนุกรรมการผูมอี ํานาจเปรียบเทยี บความผิดที่ เกดิ ขน้ึ ในจังหวัดอน่ื นอกจากกรุงเทพมหานคร โดยมีผูวาราชการจังหวัดเปนประธานซึ่งทําหนาท่ี พิจารณาเรื่องราวรอง ทกุ ขหรือคํารองเรียนทั่วๆ ไปในเรื่องเก่ียวกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือไมไดรับความเปนธรรมในการซ้ือสินคาเครื่อง อุปโภคบริโภคหรือบริการท่ีมีการซ้ือขายกันในทองตลาด แจงหรือโฆษณาขาวสารเก่ียวกับสินคาหรือบริการที่อาจ กอใหเกิดความเสียหายหรือเส่ือมเสียแกสิทธิของผูบริโภค รวมทั้งประสานงานกับสวนราชการหรือหนวยงานของรัฐ ที่มีอํานาจหนาที่เกี่ยวกับการควบคุม สงเสริมหรือกําหนดมาตรฐานของสินคา เครื่องอุปโภคบริโภคหรือบริการ ตลอดจนใหด าํ เนินคดีในความผดิ เกี่ยวกบั การละเมดิ สทิ ธิของผบู ริโภค • การตดิ ตอรองเรียน ท่ีอยู สํานักงานคณะกรรมการคุมครองผูบริโภค 78 ถนนราชดําเนินนอก ทําเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 10300 หรือ ตูปณ. 99 กรุงเทพฯ 10300 สายดวน โทร. 1166 Web site www.ocpb.go.th • การดําเนนิ การรองเรียนในสว นภมู ภิ าค (ตางจังหวัด) ผบู รโิ ภคสามารถรองเรยี นไดท คี่ ณะอนุกรรมการคุมครองผูบริโภคประจําจังหวดั ณ ศาลากลางจังหวัด
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร RF-GC-02 ขนั้ ตอนการรบั เร่ืองรองเรียนจากผูบริโภค ของสํานกั ง ประชาชนยืน่ เร่อื งรอ งเรียน 1 วัน 7 วัน มหี นังสอื - แจง หนวยงานทเ่ี กยี่ ว ณ ศูนยรับเรื่องรอ งเรียน 1166 - เชญิ คูกรณีเจรจาไก กองท่รี บั ผดิ ชอบ แจง ผูรอง - ขอทราบขอเท็จจริง 7 วัน 1 วัน แจงใหผูบริโภคทราบ กองฯ เจาของเรื่อง 7 วัน กองนติ ิการ – กรณีฟอ งแทน - กรณเี ปรียบเทยี บความผดิ
ฉบับท่ี 01 แกไ ขคร้ังที่ 00 หนา ที่ 72/ 105 งานคณะกรรมการคุมครองสทิ ธผิ บู รโิ ภค วขอ ง กรณีเจรจาไกลเกลย่ี ได 5 วนั กลเ กลย่ี กรณีหนว ยงานท่เี กยี่ วของ แจง ผลใหผ บู ริโภคทราบ แจงผล กรณเี จรจาไกลเกลยี่ ไมได 5 วนั - ตรวจสอบขอเท็จจรงิ - รวบรวมเอกสารหลกั ฐาน กรณีนาจะเปน การฝาฝน - เสนอผบู งั คับบัญชา พ.ร.บ. คมุ ครองฯ เสนอ คคบ.พิจารณา 10 วัน 10 วนั มีมติ เสนอ - คณะกรรมการเฉพาะเร่อื ง/ - คณะอนุกรรมการพิจารณามีมติ
ความรูเ กยี่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครงั้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 73/ 105 นอกจากนี้ยังมีองคกรอิสระตางๆ ท่ีดําเนินงานเกี่ยวกับผูบริโภค มีบทบาทพิทักษและสงเสริมการใชสิทธิ ของผูบริโภค มุงหวังใหผูบริโภคไดมีการใชสิทธิของตนเองเพิ่มข้ึน และนํามาซึ่งการพิทักษสิทธิของผูบริโภค แกไข ปญหาของผูบรโิ ภคโดยรวมทงั้ ในสว นกลางและตา งจงั หวัดทีผ่ บู ริโภคสามารถดําเนินการตดิ ตอรอ งเรยี นได ดังนี้ 1. มลู นธิ เิ พ่อื ผูบรโิ ภค ท่ีอยู : มูลนธิ เิ พื่อผูบรโิ ภค 211/2 ซ.งามวงศว าน 31 ถ.งามวงศว าน อ.เมอื ง จ.นนทบุรี 11000 โทรศพั ท : 0-2952-5060 -1 โทรสาร : 0-2580-9337 Web site : www.consumerthai.org 2. สมาคมพิทกั ษป ระโยชนผบู รโิ ภค 3. ชมรมคมุ ครองผูบริโภค จ.เชยี งใหม ที่อยู : คณะเภสชั ศาสตร มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม จ. เชียงใหม 50200 โทรศพั ท : 053-944-380 และ 09-850-6590 4. ชมรมคมุ ครองผบู รโิ ภคเชียงราย ท่อี ยู : 70 อาคารวาย.เอ็ม.ซ.ี เอ เชยี งราย ถ. พหลโยธนิ ต. ริมกก อ. เมือง จ. เชยี งราย 57100 โทรศัพท : 053-702-763-4 และ 01-993-5223 5. ชมรมรวมพลงั ผูบรโิ ภค สนามชยั เขต จ.ฉะเชงิ เทรา ท่อี ยู : 187/13 หมู 1 ต. ลาดกระทิง อ. สนามชยั เขต จ. ฉะเชงิ เทรา 24160 โทรศัพท : 038-597-12-30 ตอ 102, 103 6. เครอื ขายผบู รโิ ภค สุรนิ ทร ท่ีอยู : 53/1 ต. ในเมือง อ. เมือง จ. สุรนิ ทร 32000 โทรศพั ท : 044-515-590 และ 044-513-762 7. เครอื ขา ยพิทกั ษส ิทธิผบู รโิ ภค จ.มหาสารคาม ทอี่ ยู : 98/29 ถ. ศรีสวัสดิด์ าํ เนิน อ. เมือง จ. มหาสารคาม 44000 โทรศพั ท : 043-742-995 และ 09-422-3472 8. เครือขายพิทกั ษส ิทธิผูบรโิ ภคจงั หวัดขอนแกน 9. เครือขา ยพิทักษสทิ ธผิ บู ริโภคจังหวดั บรุ รี มั ย 10. โครงการคุมครองผูบรโิ ภค จ.สตูล ท่ีอยู : 160 หมู 2 ต. ละงู อ. ละงู จ. สตลู 91110 โทรศัพท : 01-959-4858
ความรูเกี่ยวกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไขคร้ังที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 74/ 105 11. โครงการบริโภคเพื่อชีวิตจังหวัดสงขลา ท่อี ยู : 132/2 ซ. 10 ถ. ราษฎรอ ุทิศ อ. หาดใหญ จ. สงขลา 90110 โทรศัพท : 074-236-685 และ 254-542 13. โครงการเสรมิ สรา งความเขม แข็งผูบรโิ ภคจังหวดั สรุ าษฎรธ านี ทอ่ี ยู : 144/21 หมู 4 ถ. ธนเกษม ต. มะขามเตีย้ อ. เมอื ง จ. สรุ าษรธานี 84000 โทรศพั ท : 077-286-033 จะเห็นไดวาชองทางในการรองเรียนปญหาตางๆ ท่ีเกิดจากการบริโภคมีอยูมากมายหลายหนวยงานท้ังใน สวนกลางและสวนภูมิภาค ซ่ึงหนวยงานเหลาน้ีทําไดเพียงเฝาระวังเทานั้น ซ่ึงอาจไมครอบคลุมและคนพบปญหาการ เอารัดเอาเปรียบของผูประกอบการไดท้ังหมด จําเปนตองไดรับขอมูลจากการรองเรียนของผูบริโภคซึ่งเปนผูไดรับ ปญหาโดยตรง ดังนั้นผูบริโภคจึงตองปกปองสิทธิตนเอง โดยการตรวจสอบผลิตภัณฑอาหารท่ีตนบริโภค และ รอ งเรียนมายังหนวยงานตางๆ เพื่อดาํ เนินการตอ ไป
ความรเู กีย่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 75/ 105 บทท่ี 6 ความรทู ว่ั ไป อาหารฉายรงั สี ความเปนมาของอาหารฉายรังสี การรับประทานอาหารท่ีปลอดภัยเปนส่ิงสําคัญอยางย่ิงตอสุขภาพของมนุษย การผลิตอาหารใหปลอดภัยเปน ส่ิงจําเปนอยางยิ่งในสังคมยุคปจจุบัน เนื่องจากมีการใชเทคโนโลยีใหมๆ มาประยุกตใชเพ่ือใหอาหารมีความปลอดภัย มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีการฉายรังสีอาหารมีแนวโนมท่ีจะใชเพิ่มขึ้น เนื่องจาก การสูญเสียอาหารเพ่ิมมากข้ึนจากการ ทําลายของสัตวและแมลงในผลิตผลการเกษตร การปนเปอนจากจุลินทรีย สารเคมี โดยเฉพาะอยางยิ่งการใชสารเคมี เพือ่ การเก็บรักษาอาหาร เชน การรมดวยสารเคมี เปน ตน การใชเ ทคโนโลยีการฉายรังสีอาหารจึงมีความจําเปนเพิ่มมาก ข้ึน เนือ่ งจากขอ จํากดั ของการหามใชส ารเคมใี นการผลติ ผลติ ผลทางการเกษตรเพื่อควบคุมและปองกันแมลง ดังนน้ั การ ใชเทคโนโลยีการฉายรังสีจึงเปนทางเลือกที่นาสนใจทางหนึ่ง กอนอื่นควรจะทําความเขาใจวาเทคโนโลยีดังกลาวมี ความปลอดภัยอยางไร และส่ิงสําคัญท่ีควรตองทราบเพื่อทําความเขาใจในเรื่องนี้ คือ ความหมายของนิยามศัพทตางๆ ซึง่ จะขอสรปุ เพยี งนยิ ามที่จาํ เปน ตอ การทําความเขา ใจในเรอื่ งนีเ้ พียงบางนยิ ามเทาน้นั ดังน้ี ปรมาณหู รอื อะตอม (atom) คือ ชิ้นสวนทีเ่ ล็กที่สุดของสสารท่ียังคงสมบตั ิของธาตอุ ยูไ ด กัมมันตภาพรังสี (radioactivity) เปนปรากฏการณการสลายตัวท่ีเกิดขึ้นเองของนิวเคลียสของอะตอมที่ไม เสถียร ตามปกติแลวการที่อะตอมสลายตัวมักมีการแผรังสีติดตามมาดวย เชน รังสีแอลฟา บีตา และแกมมา เปนตน โดยท่ัวไปมักเรียกสัน้ ๆ วา “กมั มนั ตภาพ” หรอื “ความแรงรงั ส”ี (activity) สารกัมมนั ตรงั สี (radioactive substance) หมายถึง วัสดุทส่ี ามารถแผรงั สีไดดว ยตนเอง รังสี (radiation) หมายถึง พลังงานท่ีแผกระจายจากตนกําเนิดออกไปในอากาศหรือตัวกลางใดๆ ในรูปของ คลื่นแมเหล็กไฟฟา เชน รังสีความรอน รังสีเอกซ รังสีแกมมา ฯลฯ และรวมไปถึงกระแสอนุภาคท่ีมีความเร็วสูงดวย เชน รังสแี อลฟา รังสีบตี า และรงั สีนิวตรอน ทัง้ น้ีอาจจําแนกรังสีดังกลา วตามคุณสมบตั ิทางกายภาพไดเ ปน 2 กลมุ คือ 1. รังสีที่ไมกอไอออน (non-ionizing radiation) ซ่ึงไดแก รังสีคลื่นแมเหล็กไฟฟา เชน ความรอน แสง เสียง คล่นื วทิ ยุ อัลตราไวโอเลต และไมโครเวฟ 2. รังสีที่กอใหเกิดไอออน (ionizing radiation) ซึ่งไดแก รังสีเอกซ รังสีแกมมา รังสีแอลฟา รังสีบีตา และ รังสีนวิ ตรอนหรอื รังสปี รมาณู (atomic radiation)
ความรูเ กีย่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไ ขครงั้ ที่ 00 RF-GC-02 หนา ที่ 76/ 105 อะไรคือความแตกตางระหวา งอาหารฉายรังสกี ับอาหารท่ีมสี ารกัมมนั ตรงั สี อาหารฉายรังสี (irradiated foods) คือ การนําอาหารที่บรรจุในภาชนะหรือหีบหอที่เหมาะสม ไปผานการฉาย รังสีแกมมา หรือรังสีเอกซ หรืออิเล็กตรอน เพ่ือวัตถุประสงคตางๆ เชน ยับยั้งการงอก ทําลายจุลินทรียที่ทําใหเกิดโรค เปนตน การฉายรังสอี าหารเปนกระบวนการผลติ เชนเดียวกบั กระบวนการผลติ อาหาร โดยการใชค วามรอนหรอื การแช แข็ง การฉายรังสีอาหารก็เปนการใชคลื่นแมเหล็กไฟฟาเชนเดียวกับการใชคลื่นแสงในการทําแหง ใชคลื่นความรอน (อินฟาเรด) ในการอบและยาง ใชคล่ืนไมโคร (ไมโครเวฟ) ในการอุนหรือหุงตม แตคลื่นแมเหล็กไฟฟาน้ีเปนคล่ืนท่ีมี ความยาวคลื่นสนั้ กวา และความถ่ีสงู กวาคล่นื แมเหล็กไฟฟาท่ีใชอยู โดยทั่วๆ ไป อาหารที่ผานการฉายรังสีจะไมมีรังสี หรือสารกมั มันตรังสีตกคา งแตประการใด จึงไมเปนอนั ตรายตอ ผูบรโิ ภค ถงึ แมว าจะกอ ใหเ กิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี บาง แตก็ยังนอยกวาท่ีเกิดข้ึนจากการใชกระบวนการอ่ืนซ่ึงยอมรับและใชอยูในปจจุบัน เชน การใชความรอน การใช สารเคมี และการแชแ ขง็ เปนตน อาหารทม่ี สี ารกมั มันตรงั สี หมายถงึ อาหารทม่ี กี ารปนเปอนของสารกัมมันตรังสี ซ่ึงอาจเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ การทดลองอาวธุ การระเบดิ ของโรงไฟฟา นวิ เคลียรท่ปี ระเทศรัสเซีย เปนตน ความปลอดภยั ของอาหารฉายรงั สี องคการอนามัยโลก (WHO) องคการอาหารและเกษตรแหงสหประชาชาติ (FAO) และทบวง การพลังงาน ปรมาณูระหวางประเทศ (IAEA) ไดสรุปผลการทดสอบความปลอดภัยของอาหารฉายรังสี ในป พ.ศ. 2523 วา อาหาร ใดๆ ก็ตามที่ผานการฉายรังสีในปริมาณเฉล่ียไมเกิน 10 กิโลเกรย ไมกอใหเกิดโทษอันตราย ไมกอใหเกิดปญหาทาง โภชนาการและจุลชีววิทยา และไมจําเปนตองทดสอบความปลอดภัยอีกตอไป และจากขอสรุปนี้ องคการมาตรฐาน อาหารระหวางประเทศของเอฟเอโอ/ดับบลิวเอชโอ/โคเด็กซ ซึ่งมีสมาชิกมากกวา 170 ประเทศ ก็ไดมีการกําหนด มาตรฐานอาหารฉายรังสีและวิธีปฏิบัติในการฉายรังสีอาหารในป พ.ศ. 2526 เพ่ือใชเปนแนวทางปฏิบัติในการฉายรังสี อาหาร และในปจจุบันก็มีหลายประเทศ ประมาณ 41 ประเทศ ท่ีมีการกําหนดกฎหมายเก่ียวกับอาหารฉายรังสีใชใน ปจ จบุ ัน ดว ยเหตุผลดา นความปลอดภัยที่กลา วมาแลว ขา งตน ประโยชนข องการฉายรงั สีอาหาร 1. ควบคมุ การงอกของพชื ผกั ในระหวา งการเกบ็ รกั ษา เชน หอมหวั ใหญ กระเทียม เปนตน 2. ควบคมุ การแพรพ นั ธขุ องแมลงในระหวางการเกบ็ รกั ษา 3. ยืดอายุการเก็บรักษาของอาหารสด ชวยทําลายแบคทีเรีย ทําใหสามารถเก็บรักษาอาหารไดนานข้ึน เชน การฉายรงั สีอาหารทะเล มะมวง เปน ตน 4. ทาํ ลายเชอ้ื โรคและพยาธใิ นอาหาร เชน การฉายรงั สีแหนม เปน ตน
ความรเู กี่ยวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไ ขครัง้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 77/ 105 การควบคมุ อาหารฉายรังสีในประเทศ • ประวัตคิ วามเปนมา การควบคุมอาหารฉายรังสีในประเทศไทยเร่ิมต้ังแตป พ.ศ. 2514 โดยในขณะน้ันไดมีประกาศกระทรวง สาธารณสขุ ทเี่ กย่ี วขอ งอยู 2 ฉบบั ไดแ ก 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2515) เรื่อง กาํ หนดอาหารฉายรงั สีเปน อาหารที่ควบคมุ 2. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับท่ี 17 (พ.ศ. 2516) เร่ือง กําหนดหอมหัวใหญอาบรังสีเปนอาหารที่ ควบคมุ กาํ หนดคณุ ภาพหรือมาตรฐาน หลกั เกณฑ และวธิ ีการผลิต ตอมาในป พ.ศ. 2522 ไดมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวของกับการควบคุมอาหารฉายรังสี เพ่ือ ทดแทนประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับเดิม เน่ืองจากในขณะนั้นไดมีการเปล่ียนแปลงพระราชบัญญัติเกี่ยวกับ อาหารใหม จึงเปนผลใหประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกโดยพระราชบัญญัติอาหารฉบับเดิมถูกยกเลิกไปทั้งหมด และเร่ิมใชพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จนถึงปจจุบันนี้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขท่ีออกตามพระราชบัญญัติ อาหาร พ.ศ. 2522 ในขณะนน้ั ไดแ ก 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2522) เรื่อง กําหนดอาหารฉายรังสีเปนอาหารควบคุม เฉพาะ 2. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2522) เร่ือง กําหนดหอมหัวใหญอาบรังสีเปนอาหาร ควบคุมเฉพาะ สืบเน่ืองจากสถานการณการควบคุมอาหารฉายรังสีเปล่ียนแปลงไป ประกอบกับองคการมาตรฐาน อาหาร ระหวางประเทศ (Codex) ไดม กี ารประกาศกาํ หนดมาตรฐานของอาหารฉายรงั สไี ว ซง่ึ องคการการคา โลกไดกําหนดใหใช มาตรฐานอาหารระหวางประเทศเปนมาตรฐานกลาง ในการตกลงซื้อขายระหวางประเทศ เพื่อ มิใหเกิดขอโตแยงได สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข จึงไดพิจารณาเห็นควรปรับเปลี่ยนมาตรฐานอาหารฉาย รังสีใหมใหสอดคลองกับสากล และไมใหเกิดปญหาในทางปฏิบัติ ดังน้ันในป พ.ศ. 2529 กระทรวงสาธารณสุขจึงได ประกาศยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 2 ฉบับ ที่ออกในป พ.ศ. 2522 และไดประกาศใชประกาศกระทรวง สาธารณสุข ฉบับท่ี 103 (พ.ศ. 2529) เรื่อง กําหนดวิธีการผลิตอาหารซ่ึงมีการใชกรรมวิธีการฉายรังสี ประกาศ ณ วันที่ 18 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2529 • ผูฉายรงั สี ผูฉายรงั สี หมายความวา ผทู ไ่ี ดรบั อนุญาตใหท าํ การฉายรงั สีอาหาร ดังนน้ั จากคาํ นิยามดังกลาวจึงมีความหมายวา ผูใดก็ตามท่ีจะทําการฉายรังสีอาหาร จะตองไดรับอนุญาตจาก สว นราชการที่เกี่ยวขอ งเสียกอนจงึ จะดาํ เนนิ การฉายรงั สีอาหารได
ความรเู ก่ยี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 78/ 105 • สาระสาํ คัญของประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกลา ว พอสรุปไดด ังน้ี 1. นิยาม การฉายรงั สีอาหาร หมายความวา กระบวนการถนอมอาหารโดยการใชร ังสี 2. ควบคุมกรรมวธิ กี ารฉายรังสีอาหาร 2.1 การฉายรังสีอาหารตองปฏิบัติตาม Recommended International Code of Practice for the Operation of Radiation Facilities Used for the Treatment of Foods (CAC/RCP 19-1979, Rev. 1) หนา 1-7 ในเอกสาร Codex Alimentarius Commission Volume XV (CAC/Vol.XV-Ed.1) และจะตองดําเนินการในสถานท่ีและใชเครื่องมือท่ี ไดร บั อนุญาตแลว 2.2 ชนดิ ของรงั สี ตองไดจากแหลงของรังสีทเ่ี ปนตนกําเนิดดงั ตอไปน้ี - รังสแี กมมาจากเครื่องฉายรังสที ี่มโี คบอลท- 60 (60Co) หรอื ซเี ซยี ม-137 (137Co) หรือ - รังสีเอกซจากเคร่ืองผลิตรังสีเอกซที่ทํางานดวยระดับพลังงานท่ีตํ่ากวาหรือเทากับ 5 ลาน อิเลก็ ตรอนโวลท หรือ - รังสีอิเล็กตรอนจากเคร่ืองผลิตรังสีอิเล็กตรอนท่ีทํางานดวยระดับพลังงานท่ีต่ํากวา หรือเทากับ 10 ลานอิเลก็ ตรอนโวลท 2.3 กําหนดชนิดของอาหารท่ีจะนํามาฉายรังสี วัตถุประสงคของการฉายรังสี และปริมาณรังสีที่ไดรับ เฉลี่ยสูงสดุ ท่อี นุญาตใหใ ชไ ด ดงั น้ี ชนดิ ของอาหาร วตั ถปุ ระสงค ปริมาณรงั สเี ฉล่ยี สูงสดุ - ไก ที่อนุญาต (กโิ ลเกรย) - เมลด็ โกโก - ยืดอายกุ ารเก็บรักษา 7 - ลดปรมิ าณจลุ นิ ทรยี ท ําใหเ กดิ โรค 7 - พทุ ราแหง - ควบคุมการแพรพนั ธุของแมลงระหวางการเกบ็ รักษา 1 - มะมว ง - ลดปรมิ าณจุลินทรยี ในเมลด็ ทห่ี มกั ไว ทัง้ ทีผ่ า นความรอ น 5 - หอมหัวใหญ หรอื ไมผ า นความรอ น 1 - มะละกอ - ควบคมุ การแพรพนั ธขุ องแมลงในระหวางการเก็บรกั ษา 1 - มนั ฝร่ัง - ควบคุมการแพรพ นั ธุของแมลงในระหวางการเก็บรักษา 1 - ชะลอการสุก 1 - ลดปรมิ าณจลุ ินทรยี โดยใชรว มกับการใชค วามรอ น 0.15 - ยับยัง้ การงอกในระหวางการเก็บรักษา 1 - ควบคมุ การแพรพันธขุ องแมลง 1 - ชะลอการสกุ 0.15 - ยบั ยงั้ การงอกในระหวา งการเก็บรกั ษา
ความรูเก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขคร้ังที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 79/ 105 ชนดิ ของอาหาร วตั ถปุ ระสงค ปรมิ าณรงั สีเฉลีย่ สงู สุด ทีอ่ นญุ าต (กโิ ลเกรย) - ถวั่ - ควบคมุ การแพรพ ันธขุ องแมลงในระหวางการเก็บรักษา 1 - ขา ว - ควบคุมการแพรพนั ธขุ องแมลงในระหวางการเกบ็ รกั ษา 1 ชนิด วัตถปุ ระสงค ปริมาณรังสีเฉลีย่ สูงสุด ของอาหาร ท่ีอนุญาต (กโิ ลเกรย) - เคร่ืองเทศ - เพอ่ื ควบคุมการแพรพันธขุ องแมลง 1 เครื่องปรุงรส หอมแหง - ลดปรมิ าณจลุ นิ ทรีย 1 และ หอมผง - ลดปริมาณจุลนิ ทรียท ท่ี ําใหเ กิดโรค 10 - สตรอเบอรรี่ - ยืดอายเุ วลาการเก็บรกั ษา โดยการลดจุลินทรียท ่ีทําใหเ ส่ือมเสียลงบางสว น 3 - ปลาและผลิตภัณฑ - ควบคุมการแพรพันธขุ องแมลงในปลาแหง ระหวางการ 1 ปลา เกบ็ รักษาและจําหนา ย - ขา วสาลแี ละ - ลดปรมิ าณจุลินทรียใ นปลาที่บรรจุภาชนะหรือยงั ไมบ รรจุภาชนะ 2.2 ผลติ ภณั ฑ - ลดปริมาณจุลินทรียท่ีทําใหเกิดโรคในปลาที่บรรจุภาชนะหรือยังไมบรรจุ 2.2 จากขาวสาลี ภาชนะ - ควบคุมการแพรพันธขุ องแมลงในผลติ ภัณฑท่เี ก็บรกั ษา 1 - กุงแชแขง็ - ลดปริมาณจลุ ินทรยี ทท่ี าํ ใหเกดิ โรค 5 - แหนม - ทําลายพยาธแิ ละจุลนิ ทรียทีท่ ําใหเ กิดโรค 4 - กระเทียม - ยับย้ังการงอก 0.15 - หมูยอ - ทําลายพยาธแิ ละจุลนิ ทรยี ทีท่ ําใหเกดิ โรคและยดื อายุเวลาการเก็บรกั ษา 5 - ไสก รอก - ลดปรมิ าณจุลนิ ทรยี ท่ที ําใหเกดิ โรค 5 การฉายรงั สีอาหารท่ไี มเปนไปตามท่ีกําหนดไวในตารางขางตน เชน ชนิดอาหาร วัตถุประสงคในการฉายรังสี ปริมาณรังสีเฉลี่ยสูงสุด ผูผลิตอาหารฉายรังสี/ผูทําการฉายรังสีอาหาร ตองขออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยากอน เม่ือไดรับอนุญาตแลวจึงจะสามารถดําเนินการได ทั้งนี้ ผูฉายรังสีอาหารจะตองควบคุมใหอาหารท่ี ฉายรงั สี ไดร ับปริมาณรงั สเี พยี งพอตามวัตถปุ ระสงค และเปน ไปตามที่ไดร ับอนญุ าต 2.4 เงอื่ นไขการฉายรงั สอี าหารทีผ่ า นการฉายรังสมี าแลว สามารถดําเนนิ การไดดงั ตอ ไปน้ี 2.4.1 อาหารทีผ่ า นการฉายรงั สีแลวจะนํามาฉายรังสซี ํา้ อีกไมได ยกเวน - อาหารทีป่ กตมิ คี วามช้นื ต่ํา เชน ผลิตภัณฑประเภทธญั พชื ถ่วั อาหารแหง และอาหารอื่นในทํานองเดียวกัน น้ี โดยมีวตั ถุประสงคเ พ่อื จะกาํ จัดแมลงท่ีเขา ไปภายหลงั จากท่ีไดมกี ารฉายรังสีแลว
ความรูเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครง้ั ที่ 00 RF-GC-02 หนา ที่ 80/ 105 2.4.2 อาหารท่ไี ดรบั การฉายรังสีกรณีหนึ่งกรณีใดดังตอไปนี้ ไมถอื วาเปนการฉายรงั สีซํา้ - อาหารทผี่ ลติ ขน้ึ จากวตั ถุดิบ ซ่งึ วัตถุดบิ นนั้ ไดผ านการฉายรงั สีในระดับต่ํามาแลว และอาหารท่ีผลิตขึ้นนั้น ถูกนํามาฉายรังสีใหมเพื่อวัตถุประสงคอ่ืน เชน เคร่ืองเทศถูกฉายรังสีเพ่ือควบคุมการแพรพันธุของแมลง จากน้ันนํามา ทําเปนเครื่องปรุงรสแลวนําไปฉายรังสีใหม เพ่ือลดปริมาณจุลินทรีย เปนตน หรืออาหารท่ีมีสวนประกอบที่ผานการ ฉายรังสีแลวนอ ยกวารอยละ 5 ถูกนํามาฉายรงั สี - อาหารท่ไี มสามารถไดร ับปริมาณรงั สตี ามกําหนดในครง้ั เดียว เพ่อื ใหไดว ัตถปุ ระสงคตามท่ีตองการ ท้ังนี้ การฉายรังสีซ้ําในแตละครั้งน้ันปริมาณรังสีเฉลี่ยที่อาหารไดรับ ตองไมเกินปริมาณรังสีเฉลี่ยสูงสุด ตามทีก่ าํ หนดไว หรอื ตามท่ีสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเห็นชอบ แลวแตกรณี โดยปริมาณรังสีเฉลี่ยท้ังหมด เม่อื รวมกนั แลวตอ งไมเกนิ 10 กิโลเกรย 3. ควบคมุ สุขลกั ษณะของอาหารท่ีจะนํามาฉายรังสี อาหารท่ีจะนํามาฉายรังสี เชน ผลิตผลทางการเกษตร อาหารท่ีผานกระบวนการผลิตมาแลว หรืออาหาร สาํ เรจ็ รูปใดๆ ก็ตาม จะตอ งเตรียมและ/หรือผลิต บรรจุ ใหถูกสุขลักษณะเพื่อความปลอดภัย ในเบื้องตน เพราะการฉาย รังสีอาหารไมใชกรรมวิธีท่ีจะสามารถทําใหอาหารท่ีผลิตหรือเตรียมโดยไมถูก สุขลักษณะเปนอาหารที่ปลอดภัยได ดังนนั้ ในเบือ้ งตน ขน้ั ตอนการเตรยี ม/ผลิตมคี วามจาํ เปน อยา งยิ่งท่ีจะตองทําอยางถกู สุขลักษณะของการผลติ ทดี่ ี อน่ึง ประกอบกับขณะน้ีกระทรวงสาธารณสุขไดออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 193) พ.ศ. 2543 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเคร่ืองใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร โดยกําหนดใหอาหารทั้งหมด รวม 54 ชนิดดงั ตอ ไปน้ี เปนอาหารที่กาํ หนดวธิ ีการผลติ เครอื่ งมอื เครื่องใชใ นการผลิต และการเก็บรกั ษาอาหาร 1) อาหารทารกและอาหารสตู รตอเน่อื งสําหรับทารกและเดก็ 2) อาหารเสรมิ สาํ หรับทารกและเดก็ เล็ก 3) นมดัดแปลงสําหรับทารกและนมดดั แปลงสูตรตอ เน่ืองสาํ หรบั ทารกและเดก็ เล็ก 4) นํ้าแข็ง 5) นา้ํ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุทีป่ ด สนทิ 6) เครอื่ งดืม่ ในภาชนะบรรจทุ ่ปี ดสนิท 7) อาหารในภาชนะบรรจทุ ป่ี ด สนิท 8) นมโค 9) นมเปรีย้ ว 10) ไอศกรีม 11) นมปรุงแตง 12) ผลติ ภณั ฑของนม 13) วัตถเุ จอื ปนอาหาร 14) สีผสมอาหาร
ความรูเ กย่ี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 81/ 105 15) วัตถทุ ่ีใชปรงุ แตง รสอาหาร 16) โซเดยี มซยั คลาเมตและอาหารท่มี โี ซเดยี มซัยคลาเมต 17) อาหารสาํ หรบั ผทู ่ีตอ งการควบคมุ นา้ํ หนกั 18) ชา 19) กาแฟ 20) นาํ้ ปลา 21) นํา้ แรธรรมชาติ 22) น้าํ สม สายชู 23) น้ํามนั และไขมัน 24) น้ํามันถั่วลิสง 25) ครีม 26) น้าํ มนั เนย 27) เนย 28) เนยแข็ง 29) กี 30) เนยเทียม 31) อาหารกงึ่ สําเรจ็ รูป 32) ซอสบางชนิด 33) นํ้ามันปาลม 34) นาํ้ มนั มะพราว 35) เครอื่ งดมื่ เกลอื แร 36) น้ํานมถ่ัวเหลืองในภาชนะบรรจุที่ปดสนิท (ยกเวนท่ีมีสถานท่ีผลิตที่ไมเขาลักษณะเปนโรงงานตาม กฎหมายวาดว ยโรงงาน) 37) ชอ็ กโกแลต 38) แยม เยลลี มารม าเลด ในภาชนะบรรจุทป่ี ดสนทิ 39) อาหารที่มีวตั ถุประสงคพิเศษ 40) ไขเ ย่ยี วมา 41) รอยลั เยลลีและผลิตภัณฑร อยลั เยลลี 42) ผลติ ภณั ฑป รงุ รสท่ไี ดจากการยอยโปรตีนของถ่ัวเหลอื ง 43) นาํ้ ผ้งึ (ยกเวน ทมี่ สี ถานทีผ่ ลิตทไ่ี มเขา ลกั ษณะเปน โรงงานตามกฎหมายวาดวยโรงงาน) 44) ขาวเตมิ วติ ามิน
ความรูเกี่ยวกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 82/ 105 45) แปงขาวกลอง 46) น้าํ เกลอื ปรุงอาหาร 47) ซอสในภาชนะบรรจุท่ีปดสนิท 48) ขนมปง 49) หมากฝรั่งและลกู อม 50) วนุ สาํ เรจ็ รูปและขนมเยลล่ี 51) ผลิตภณั ฑกระเทยี ม 52) ผลิตภณั ฑจากเน้ือสตั ว 53) วตั ถุแตง กลนิ่ รส 54) อาหารแชเยือกแข็งทีไ่ ดผ านการเตรียม (prepared) และหรอื การแปรรปู (processed) ซึ่งจากขอกําหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกลาว ทําใหผูผลิตอาหารดังกลาวท้ัง 54 ชนิดเพ่ือ จําหนาย จะตองปฏิบัติตามวิธีการผลิต เคร่ืองมือเคร่ืองใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารตามที่กําหนดไวใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกลาว ท้ังน้ี หมายถึงผูผลิตอาหารเพื่อจําหนายทั้ง 54 ประเภท จะตองผานการตรวจ สถานทีผ่ ลิตอาหารจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากอ น จึงจะทําการผลิตเพือ่ จาํ หนายได 4. ควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารทจ่ี ะนาํ มาฉายรังสี อาหารที่จะนาํ มาฉายรังสี จะตอ งมมี าตรฐานดงั ตอไปน้ี 1) ไดม าตรฐานตามทกี่ ําหนดไวในประกาศกระทรวงสาธารณสุขเฉพาะเรอ่ื งนนั้ ๆ 2) ไดมาตรฐานทว่ั ไปที่กาํ หนดในเร่ืองความปลอดภยั ไดแ ก - การใชว ตั ถุเจือปนอาหาร - มาตรฐานอาหารที่มสี ารปนเปอ น - อาหารทม่ี สี ารพิษตกคาง - วตั ถุท่หี า มใชใ นอาหาร - อาหารทม่ี ียาสัตวต กคา ง - อาหารที่หา มนาํ เขา หรอื จําหนา ย จากขอกําหนดท่ีไดกลาวมาแลวจะเห็นไดวา อาหารฉายรังสีจะเก่ียวของกับผูผลิตอาหารที่จะนํามาฉาย รังสีและผูฉ ายรงั สี ซง่ึ ขอ กําหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับท่ี 103 (พ.ศ. 2529) เรื่อง กําหนดกรรมวิธีการ ผลิตอาหารซ่ึงมีการใชกรรมวิธีการฉายรังสี จะบังคับสําหรับผูทําการฉายรังสีเปนสวนใหญ สําหรับผูผลิตอาหารท่ีจะ นํามาฉายรงั สจี ะตองศึกษาและปฏบิ ตั ติ ามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับอืน่ ท่ีเก่ียวของ
ความรูเ กยี่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครั้งที่ 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 83/ 105 5. ควบคุมการแสดงฉลาก 5.1 อาหารท่ีจะนํามาฉายรังสีหากถูกควบคุมในเรื่องของการแสดงฉลาก ตามประกาศกระทรวง สาธารณสุขฉบับอ่ืน ตองปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนั้นๆ ดวย เชน แหนม เปนผลิตภัณฑที่ไดจาก เน้ือสัตว ซึ่งมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 243) พ.ศ. 2544 เร่ือง ผลิตภัณฑจากเนื้อสัตว กําหนดการแสดง ฉลากของผลิตภัณฑจากเนื้อสัตวท่ีจําหนายตอผูบริโภค ตองมีขอความและรายละเอียดที่กําหนดไวตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุขดงั กลา ว 5.2 กําหนดใหอาหารท่ีฉายรังสีตองมีขอความนอกเหนือจากที่ตองแสดงตามประกาศกระทรวง สาธารณสขุ ทเ่ี ก่ยี วของแลว ยังตอ งแสดงขอความและรายละเอียดดงั ตอไปนี้ 5.2.1 ชอ่ื และที่ตงั้ ของสํานักงานใหญของผูผลิตและผูฉายรงั สี 5.2.2 วัตถุประสงคในการฉายรังสี โดยแสดงขอความวา “อาหารท่ีไดผานการฉายรังสีเพื่อ ……. แลว” (ความทเ่ี วนไวใ หร ะบุวัตถุประสงคของการฉายรังสี) 5.2.3 วนั เดอื นและปท ี่ทาํ การฉายรังสี 5.2.4 เครอ่ื งหมายวาอาหารนัน้ ๆ ไดผา นการฉายรงั สีแลวตามรปู แบบทกี่ าํ หนด รูปวงกลมขอบหนาสีเขียว ขอบของครึ่งวงกลมชวงบนไมติดกัน แตแบงเปนสวนเทาๆ กัน มีชองวาง ระหวางขอบนอกแตละสวน 5 ระยะเทาๆ กัน ขอบของครึ่งวงกลมชวงลางจะเปนขอบหนาทึบตลอด ภายในเน้ือท่ีครึ่ง วงกลมชวงบนมีวงกลมทึบขนาดเล็กสีเหลือง สวนภายในเนื้อท่ีครึ่งวงกลมชวงลางจะมีเครื่องหมายรูปวงรีโปรง 2 วง แยกกนั ปลายดานหน่งึ ของแตละวงเช่อื มตอกัน โดยเสน รอบวงรีเปน สีเขียว
ความรูเ กยี่ วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครง้ั ที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 84/ 105 ผลิตภัณฑห นอ ไมป บ ปรบั กรด ผลติ ภัณฑห นอไมปบเปน ท่ีนยิ มบริโภคทัว่ ประเทศเพราะมีอายุการเกบ็ รกั ษานาน โดยยงั มลี กั ษณะใกลเคียงกับ ของสด จากการสํารวจพบวา หนอไมปบที่ผลิตเปนชนิดกรดตํ่า ซึ่งผูผลิตสวนใหญเปนกลุมแมบาน ที่ไมมีความรู ทางดานเทคโนโลยีการผลิต และขาดอุปกรณที่จําเปนในการฆาเชื้อเพื่อทําลายจุลินทรียกอโรค ไดแก เชื้อคลอสท ริเดียม โบทูลินัม ซ่ึงสรางสารพิษท่ีเปนอันตรายรายแรง ซ่ึงเมื่อเร็วๆน้ี ไดเกิดเหตุการณโรคอาหารเปนพิษที่รายแรง ท่ีสุดในประวัติศาสตรของไทย โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549 ที่ อ. บานหลวง จ.นาน พบผูปวยจากโรคโบทูลิซ่ึม จํานวน 209 ราย มีอาการโคมา 17 ราย ตองสงตัวเขารับการรักษาในกรุงเทพอยางเรงดวน โดยระดมสารตานพิษ (Antitoxin) จากตางประเทศเพื่อชวยเหลือผูปวย มูลคากวา 33 ลานบาท ผูวาฯนาน ประกาศให จ. นานเปนเขตอุบัติภัย พรอ มทงั้ ประกาศหามเคลอื่ นยา ยหนอ ไมปบ ออกนอกพืน้ ท่ี ทาํ ไมตอ งผลิตหนอ ไมปบ ปรบั กรด จากความรุนแรงของโรคโบทูลิซึ่มซ่ึงเกิดจากการบริโภคหนอไมปบจึงมีความจําเปนเรงดวนท่ีจะตองมีการ สงเสริมการผลิตหนอไมปบที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับศักยภาพของกลุมแมบาน ซ่ึงเปนเทคโนโลยีอยางงาย โดยการปรับกรด หนอไมปบปรับกรดเปนผลิตภัณฑที่มีความปลอดภัยตอผูบริโภค มีวิธีการผลิตที่งาย ใชเครื่องมือการผลิตขั้น พื้นฐาน เหมาะสําหรับผูประกอบการขนาดเล็ก ผลิตภัณฑหนอไมปบปรับกรดมีการเติมกรดมะนาวหรือกรดซิตริกทําใหมีความ ปลอดภัยจากจุลินทรียท่ีสรางสารพิษ Botulinum toxin นอกจากนั้นผลิตภัณฑยังมีสีสันสวยงาม มีกล่ินหอมของหนอไม สดตม สวนผูบริโภคท่ีไมชอบรสเปรี้ยว กอนรับประทานใหนําหนอไมปบปรับกรดไปตมในนํ้าเดือด เปนเวลา 15-20 นาที 2 ครัง้ รสเปร้ยี วก็จะหายไป และปลอดภยั ในการบริโภคยงิ่ ข้นึ
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 85/ 105 คลอสทริเดียม โบทลู ินัม คืออะไร คลอสทริเดียม โบทูลินัม เปนเชื้อจุลินทรียที่อยูตามพ้ืนดิน เจริญไดในสภาวะที่ไมมีอากาศ สปอรทนความรอนไดถึง 121 องศาเซลเซียสซึ่งสามารถงอกไดในสภาวะที่เหมาะสมเชนในอาหารบรรจุกระปองหรือบรรจุปบและสามารถสรางสารพิษชนิด โบทู ลนิ ัม ทอกซนิ ท่ีทาํ ใหผบู รโิ ภคไดรบั สารพษิ ดังกลา วมีอาการของโรค โบทลู ิซ่ึม คือ เหน็ ภาพซอ น คล่นื ไส อาเจียน เปนอมั พาต หายใจขัด และอาจเสียชีวิต แตเชื้อชนิดนี้มีจุดออนตรงที่ ไมสามารถเจริญไดในอาหารที่มีความเปนกรดสูง หรือ คาความเปน กรด-ดาง (pH) นอ ยกวา 4.6 ดังน้นั หนอไมป รับกรดซงึ่ มกี ารเติมกรดอยา งเพยี งพอ pH 14 pH สงู กวา 4.6 จะปองกันการเจรญิ และสรางสารพิษของเชอื้ นี้ได pH 4.6 มโี อกาสเกิดอนั ตราย pH 1 จากเชือ้ โบทูลนิ ัม อาหารปลอดภัย คลอสทริเดยี ม โบทลู ินัม กระบวนการผลติ หนอไมป บ ปรับกรด 4.6 ♥หลกั การ นาน ตองปรบั หนอไมใหอ ยูในสภาพเปรี้ยวหรือใหมีความเปนกรด-ดาง (pH) ไมเกิน แลวนําไปตมในน้ําเดือดได วัดอุณหภูมิหนอไมชิ้นบนสุดใหมีอุณหภูมิ อยางนอย 75°C 5 นาที ♥อุปกรณเพม่ิ เติมท่จี าํ เปน ตองใช ตํ า แ ห น ง 1. พีเอชมิเตอรชนิดทศนิยม 2 พรอมน้าํ ยาทใ่ี ชในการปรับมาตรฐาน 2. เทอรโ มมเิ ตอรช นดิ กานเหล็ก 3. ตาชง่ั ที่มคี วามละเอยี ดเหมาะสมตามลักษณะการใชง าน 4. อปุ กรณท่ีใชใ นการตม การเลอื กซือ้ หนอ ไมปบปรบั กรด 1. เลือกซอื้ หนอ ไมปบ ท่มี ฉี ลากถกู ตอง โดยตอ งระบสุ ถานที่ผลิต วันเดอื นปทีผ่ ลติ รวมทั้งวันหมดอายุ และมีตราสญั ลักษณเครื่องหมาย อย.รับรอง 2. เลือกซื้อหนอ ไมปบ ท่บี รรจปุ บ ใหม ไมมีรอยบัดกรีตะกวั่ ท่ฝี าปบ ตวั ปบ ไมม ีรอยบบุ บวม รว่ั 3. ไมเลือกซื้อหนอไมปบทก่ี นปบ ดาํ เนอ่ื งจากเปน การฆาเชื้อโดยใหป บ ถูกเผาไหมโ ดยตรงกับเปลวไฟอาจทําให มสี ารเคลือบละลายมาปนเปอนกับหนอ ไมไ ด
ความรูเ ก่ยี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขครง้ั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 86/ 105 วิธีการเตรียมกอ นการบรโิ ภคหนอไมป บ ปรับกรด • หากไมตองการรสเปร้ียวใหตมหนอไมในน้ําเดือดอยางนอย 15-20 นาที จํานวน 2 ครั้ง และเท น้าํ ท้ิงกอ น เพื่อลดความเปร้ยี วของหนอ ไมป รับกรดลง • หากเปน หนอไมป บ ทไี่ มท ราบแหลงท่ีมา หรอื มกี ล่ินบูดเนา และมรี สเปรยี้ วก็ไมค วรบริโภค เพราะ อาจเปนอันตรายตอ สุขภาพ ขนั้ ตอนการผลิตหนอ ไมป บ ปรับกรด 1.หนอไมส ด 2.แกะเปลือก ลา งและตกแตง 3.ตมในน้ําสะอาดจนหนอไมส กุ 4.บรรจชุ ้นิ หนอ ไมล งในปบทสี่ ะอาด (ปบ ละ 12 กก.) 5.เติมน้ําท่ีผสมกรดซติ รกิ 21 เขมขน 0.65% จนเต็มปบ 1. ช่งั กรดซติ รกิ 65 กรัม 6.นําปบไปตมในหมอท่ีมนี าํ้ 2 สวน 3 ของหมอ และปดฝาหมอ 3 2. ชัง่ น้ํา 10 กก. ไ3.ดลน ะ้ําลผาส3ยมใกหรเ ขดา 0ก.6ัน5%2 7.ตมจนนาํ้ ในหมอ เดอื ดแลวจงึ จบั เวลา 1 ชั่วโมง (วัดอณุ หภูมิ หนอ ไมช ้ินบนสุดใหมีอุณหภูมิ อยางนอย 75°C นาน 5 นาทีโดยใช เทอรโมมเิ ตอรกานโลหะ) 8.ปดผนึกฝา 9.ทาํ ปบ ใหเย็นในน้ําสะอาด 10.หนอไมบรรจุปบ
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนา ท่ี 87/ 105 นา้ํ มนั ทอดซํา้ ความสาํ คัญและท่มี าของปญ หา วถิ กี ารดาํ รงชีวิตของคนไทยในปจจบุ ันเปลยี่ นแปลงไปมาก โดยเฉพาะอยางยงิ่ ประชาชนในเมืองหลวงที่มีชีวิตเรง รีบ สวนใหญมักไมมีเวลาปรุงอาหารรับประทานเอง ดังนั้นการรับประทานอาหารนอกบานหรือการซ้ืออาหารสําเร็จรูป กลับไปรบั ประทานทบี่ านจงึ เปน เรอื่ งปกตขิ องชาวเมอื งหลวง เน่ืองจากมีรานขายอาหารสําเร็จรูปมากมายใหเลือกซ้ือเลือก รบั ประทานตามใจชอบ โดยรานอาหารเหลา นี้เปดใหบรกิ ารท่ัวไป ตงั้ แตภ ัตตาคารชัน้ นํา รานอาหารท่ัวไป รานอาหารจาน ดวน รา นอาหารในหางสรรพสินคา และรวมไปถึงรานอาหารขางถนนตามแหลงชุมชนตางๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและ ตางจังหวัด หากรานคาเหลานี้ไมใหความสําคัญหรือใสใจในคุณภาพของวัตถุดิบท่ีใชปรุงอาหารและการใชวัตถุดิบอยาง ถกู ตอ ง เชน การเลือกใชช นดิ ของน้าํ มนั และความยาวนานในการใชนาํ้ มนั ในการทอดอาหารวามีผลกระทบตอสุขภาพของ ผบู ริโภคหรือไมแ ลว ผูบริโภคตองพึง่ พาเหลา น้คี งไมม หี ลักประกนั ความปลอดภยั ในสุขภาพ ผลของการใชน้ํามันท่ีผานการทอดอาหารซ้ําหลายๆ คร้ังตอสุขภาพในประเทศไทย เปนปญหาหนึ่งท่ีผูบริโภคให ความสนใจ สงสัย และกําลังรอคําตอบในแนวทางการแกไขจากรัฐบาล แมวาปญหาการนํานํ้ามันปรุงอาหารมาใชทอด อาหารซ้ําหลายคร้ังโดยไมมีการเปลี่ยนนํ้ามันใหมเปนเร่ืองที่ปฏิบัติกันมานานในครัวเรือน การที่ใชทอดอาหารเพียงครั้ง เดียวแลวทิ้งนั้นประชาชนมักจะเสียดาย จึงมักเก็บน้ํามันท่ีผานการทอดอาหารมาแลวนํามาใชซํ้าอยางนอยหนึ่งคร้ัง แต ปจจุบันปญหานี้ควรไดรับการแกไข เน่ืองจากวิทยาการทางวิทยาศาสตร เทคโนโลยีและการแพทยทันสมัยขึ้น ทําให นักวิทยาศาสตรทราบวาน้ํามันปรุอาหารท่ีผานความรอนสูงมีการเปล่ียนแปลงทางกายภาพและทางเคมีที่อาจกอใหเกิด อันตรายตอสุขภาพของผูบริโภคไดจากการรับประทานอาหารทอดที่ใชน้ํามันที่ไมไดมาตรฐาน ปญหาน้ีเห็นไดชัดเจนข้ึน เม่อื มีผปู ระกอบการอาหารทอดมากขน้ึ จากการสงั เกตการณผ ูประกอบการอาหารประเภททอดริมถนนบางรายทําการทอด อาหารโดยการเติมนาํ้ มนั ปรงุ อาหารใหมล งไปในน้ํามันเกาทีผ่ านการทอดมาแลว และไมม กี ารเปล่ียนน้ํามันใหม หรืออาจมี การเปล่ียนน้ํามันทใ่ี ชท อดอาหารใหมหลงั จากผานการใชแลว หลายคร้ัง ความรูท ว่ั ไปเก่ยี วกับนาํ้ มนั ประกอบอาหาร หากไปดูน้ํามันบริโภคท่ีมีอยูในทองตลาดขณะนี้จะเห็นไดวา แหลงที่มาของนํ้ามันแบงไดเปน 2 กลุม คือ นํ้ามัน หรือไขมันสัตว และ น้ํามันพืช การใชนํ้ามันพืชมีแนวโนมวาจะใชมากข้ึน เพราะสะดวกกวา ราคาถูกกวา นอกจากนี้ยัง ปลอดภยั กับสขุ ภาพมากกวา ไขมันหรือนํ้ามันจากสัตวท่ีใชกันท่ัวไปในโลกน้ี มีอยูหลายชนิด ท่ีใชมากที่สุดคือ ไขมันจากวัวควาย ท่ีเรียกวา tallow รองมาคือ ไขมันหมู หรือ lard นอกจากน้ียังมีไขมันจากไก เปด จามรี และสัตวอ่ืนๆ ไขมันจากสัตวเหลาน้ีมีปญหา นักโภชนาการจงึ แนะนําใหเ ลี่ยงหรอื บริโภค
ความรเู กีย่ วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไ ขครัง้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 88/ 105 ไขมันหรือน้ํามันจากสัตวมีสารคอเลสเตอรอลปนอยูในปริมาณไมนอย การเจียวไขมันสัตวมักไมไดไขมัน หรือ ไตรกลีเซอไรดบริสุทธิ์ แตจะมีไขมันบางกลุมปนมาดวย ท้ังคอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิปด นอกจากนี้ยังมีไขมันเล็กๆ อีก หลายตัว กลุม ทีส่ รา งปญ หามากทสี่ ดุ คอื คอเลสเตอรอล เนอื่ งจากจะทาํ ใหเกดิ โรคหัวใจและหลอดเลอื ดไดมากทีส่ ดุ ไขมันหรือน้ํามันจากสัตวมีกรด ไขมันอิ่มตัวคอนขางสูง นอกจากน้ียังมีกรดไขมันไมอ่ิมตัวท่ีมีช่ือวา อะรัคชิ โดนิกปนอยูดวย กรดไขมันตัวน้ีพบเฉพาะในไขมันสัตวมากบางนอยบาง แตไมพบในนํ้ามันพืช ไขมันทั้งชนิดอิ่มตัว และอะรัคชิโดนิก อาจไปเรงใหเกล็ดในรางกายแข็งตัวไดงาย ทําใหเส่ียงตอการเกิดปญหาหัวใจวายหรือสมองวาย ตามมา ปญหาอีกอยางหนึ่งของไขมันจากสัตว คือ เสี่ยงที่จะมีสารปนเปอนไดคอนขางมาก กระบวนการผลิตนํ้ามัน จากสัตวตางจากนํ้ามันพืชตรงท่ีมักไมผานกระบวนการทําใหบริสุทธ์ิ ทําใหสารปนเปอนไมถูกขจัดออก หากมีโลหะ หนักหรือสารพิษปนเปอน มันก็คงยังอยูอยางนั้นไมหายไปไหน นั่นคือ ไขมันจากปลาทะเล ซึ่งมีกรดไขมันโอเม กาสาม แตคงไมมีใครนําเอาไขมันปลามาใชในการปรุงอาหาร ดังน้ัน กอนท่ีจะกลาวถึงนํ้ามันทอดซ้ําไมแนะนําใหใช ไขมนั หรือนาํ้ มันจากสตั วอ ยางเดด็ ขาด จะขอกลา วถงึ นา้ํ มันทอดซํา้ ที่เปน นาํ้ มนั พชื เทา นั้น นํ้ามันพืชไมมีคอเลสเตอรอล ไมวาจะเปนน้ํามันพืชชนิดไหนก็ตาม หลายปมาแลวเคยมีการโฆษณากันออก ทางส่ือบานเราวา น้ํามันพืชบางชนิดมีคอเลสเตอรอลโดยนําเอาน้ํามันพืชกลุมนี้ไปแชไวในตูเย็นจนน้ํามันพืชเปนไข จากนัน้ กน็ าํ เอาไขท่ีเกิดข้ึนไปเปรียบเทียบกบั คอเลสเตอรอล ทําใหผูบ ริโภคเขาใจวา ไขพวกนี้คอื คอเลสเตอรอลนนั่ เอง น้ํามันพืชหลายชนิดมีปญหาเร่ืองความไมคงตัว หากโดนความรอนและแสงสวางจากภายนอกบอยๆ อาจเสียสภาพได งา ย จงึ มกี ารแนะนาํ ใหน ําเอานํ้ามันกลุมน้ีไปแชไวในตูเย็น นักโฆษณาไทยสามารถเปลี่ยนจุดออนของนํ้ามันพืชพวกน้ี ใหกลายเปน จดุ แขง็ ไดยอ มแสดงวา เกง โดยหารไู มว า การโฆษณาทาํ นองนเ้ี ปนการหลอกลวงผูบรโิ ภคโดยแท คนไทยเคยชินกับการใชนํ้ามันทอดซํ้าเปนจํานวนมาก โดยเฉพาะพอคาแมคาที่ทอดปาทองโก ทอดไก กลวย แขก ขนมไขนกกระทา แมลงทอด และอีกสารพัด บอยคร้ังท่ีเราจะเห็นวาน้ํามันทอดดําปดป ใชทอดซํ้าแลวซ้ําอีกแทบ จะไมยอมเปล่ยี นน้ํามันทใี่ ชทอดกนั เลย ปจจุบันน้ํามันพืช มีความสําคัญตอชีวิตประจําวันมาก เนื่องจากคุณแมบานสวนใหญ เลือกใชน้ํามันพืชเปน หลักในการประกอบอาหาร เน่ืองจากหาซ้ือไดสะดวกกวานํ้ามันหมู ที่เคยใชรับประทานมาแตเกากอน และยังมีคุณคา มากกวา ทา นผูอานอาจจะเคยทราบวาน้ํามันพืชมีประโยชนกวาน้ํามันหมู แตทานจะทราบหรือไมวา นํ้ามันพืชน้ันมีอยู หลายชนดิ แตละชนดิ มขี อดี ขอเสยี ตางกนั หากเราเลอื กใชอ ยา งเหมาะสม ก็จะเกิดประโยชนอยา งยง่ิ คอื ไดท ้ังอาหารที่ อรอย ปลอดภัย และปองกนั โรคไดดว ย
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขครั้งท่ี 00 RF-GC-02 หนาท่ี 89/ 105 ชนิดของกรดไขมันในนํา้ มนั แบงออกเปน 2 ชนิด - กรดไขมนั อิม่ ตัว น้ํามันพืชชนิดที่เปนไข จะประกอบไปดวยกรดไขมันชนิดอ่ิมตัวอยูเปนจํานวนมาก เปนไขมันที่อยูในไขมัน สัตว, ไขมันจากมะพราว และน้ํามันปาลม มีคุณสมบัติที่เปนไขไดงาย ยอยยาก โดยเฉพาะอยางยิ่งในเด็กทารก จะยอย ไดไมดีนัก นอกจากนี้ยังทําใหโคเลสเตอรอลในเลือดสูง แตก็มีขอดี คือ นํ้ามันชนิดนี้จะทนตอความรอน ความชื้นและ ออกซิเจน ไมเหม็นหืน และเวลาท่ีใชทอดอาหารจะทําใหอาหารกรอบอรอยนารับประทานสามารถทอดอาหารได นานๆ เพราะนํา้ มนั จะไมค อ ยเสยี - กรดไขมันไมอ มิ่ ตัว น้ํามันชนิดท่ีไมเปนไข ประกอบดวย กรดไขมันชนิดไมอ่ิมตัวอยูในเปอรเซ็นตท่ีสูง พบมากในน้ํามันพืช ไขมันชนิดนี้ ยอยงาย รางกายนําไปใชสรางเซลตางๆ จึงเหมาะสมกับเด็กที่กําลังเจริญเติบโต และยังชวยลด โคเลสเตอรอลในเลือด ดังน้นั ผูทีม่ ปี ญ หาโคเลสเตอรอลในเลอื ดสูง จึงควรเลอื กใชนา้ํ มันชนิดนี้ การสูญเสียคณุ ภาพนา้ํ มนั ในขบวนการทอดทาํ ใหเกดิ สารประกอบโพลาร การสูญเสียคณุ ภาพนํ้ามันในขบวนการทอด อากาศ ความรอน นา้ํ และ อาหาร oxydation FRYING OIL polymerisation hydrolysis Oxidised products Triglycerides polymers FFA สีของอาหาร การอมนํา้ มัน การเกดิ ควนั รสชาติ คุณภาพการทอด คุณภาพการทอด
ความรูเก่ยี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไขคร้ังท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 90/ 105 อันตรายจากน้าํ มันทอดซา้ํ ถึงข้ันเปน มะเร็ง จากกระแสความนิยมบริโภคอาหารประเภททอด ซึ่งมีท้ังท่ีทอดขายตามแผงลอยและรถเข็น เชน กลวยทอด มันทอด ทอดมัน ปาทองโก จนถึงรานอาหารฟาสฟูด ประเภท ไกทอด เฟรนซฟราย แมแตบะหม่ีกึ่งสําเร็จรูป ขนม กรอบขบเข้ียวตางๆ ท่ีผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบวามีการใชน้ํามัน ทอดอาหารซํ้าๆ กันหลายครั้ง โดยเติมน้ํามันปรุงอาหารใหมลงไปในนํ้ามันเกาท่ีผานการทอดมาแลวและไมมีการ เปล่ียนนํ้ามันใหม หรืออาจมีการเปลี่ยนน้ํามันที่ใชทอดอาหารใหมหลังจากการทอดไปเปนเวลานานๆ หลายวัน จน นํ้ามันที่ผานการทอดอาหารน้ันเปลี่ยนจากสีเหลืองใสเปนสีดําและเน้ือคอนขางเหนียวขน ซึ่งไดมีการนํานํ้ามันที่ทอด ซ้ําแลวไปจําหนายตอใหผูคารายยอยอ่ืนๆ ทั้งนี้จากรายงานการวิจัย (ทิพยเนตร อริยปติพันธ และคณะ) พบวานํ้ามันที่ ผานการทอดซํ้าหลายๆ คร้ังน้ัน จะมีคุณภาพที่เส่ือมลงทั้งสี กล่ิน รสชาติเปลี่ยนไป จุดเกิดควันลดลงและมีความหนืด มากข้นึ ท่ีสาํ คญั จะเกิดสารประกอบที่สามารถสะสมในรา งกาย และสงผลกระทบตอการทํางานของเซลลได จากขอมูล การศึกษาในสัตวทดลอง พบสารบางชนิดท่ีเกิดจากการเสื่อมสภาพของนํ้ามันจากการทอดเปนสารกอการกลายพันธุ และทําใหเกิดมะเร็งบนผิวหนัง รวมทั้งมีสารจากน้ํามันทอดซ้ําซึ่งสามารถทําใหเกิดการกลายพันธุในเช้ือแบคทีเรีย โดยสารดังกลาวเปนสารที่กอใหเกิดเนื้องอกในตับ ปอด และกอใหเกิดมะเร็งในเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง แมวา โอกาสของการเกิดอันตรายดังกลาวจะมีอยูไมมาก แตก็จําเปนที่จะตองควบคุมใหอยูในระดับที่ปลอดภัย ดังน้ันเพ่ือให Mobile Uผnูบitริโภคไดรับขอมูลที่ถูกตองในการบริโภคอาหารทอด และมีความระมัดระวังมากขึ้น อย. จึงไดทําการศึกษาวิจัย รวมกับศูนยวิจัยวิทยาลิพิดและไขมัน คณะสหเวชศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ทําการสํารวจตัวอยางนํ้ามันทอด อาหารจากรานแผงลอยและรถเข็น ไดแก นํ้ามันทอดปาทองโก นํ้ามันทอดเตาหู นํ้ามันทอดไก นํ้ามันทอดลูกชิ้นหรือ ทอดมนั และนํ้ามันทอดกลวยหรือมันหรือเผือกจํานวน 187 ตัวอยาง นํ้ามันทอดอาหารจากรานอาหารจานดวน จํานวน 64 ตัวอยาง และนํ้ามันทอดบะหม่ีจากโรงงานอุตสาหกรรมบะหม่ีก่ึงสําเร็จรูปจํานวน 3 ตัวอยาง พบนํ้ามันท่ีทอดซ้ํา เส่ือมคุณภาพและอาจเปนอันตรายตอสุขภาพถึงรอยละ 13 เพราะฉะน้ัน อย. จึงมีมาตรการเขมงวดทางกฎหมาย โดย หามจําหนายนํ้ามันทอดซํ้าแกรานอาหารหรือผูปรุงอาหารอ่ืนๆ เพื่อนําไปใชตอเด็ดขาด ผูประกอบการที่นํานํ้ามันใช แลว มาขายใหก บั พอคาแมคารายยอ ย ถือวา มคี วามผดิ ฐานจาํ หนายอาหารผดิ มาตรฐานมีโทษปรับไมเกิน 5 หม่ืนบาท สารโพลารค อื อะไร ? สารโพลารทั้งหมด หรือ Total polar compounds เปนสารประกอบมีขั้วในน้ํามันทอดอาหารซึ่งเกิดระหวาง กระบวนการทอด โดยท่ัวไปนํ้ามันปรุงอาหารท่ีผลิตใหมมีไตรเอซิลกลีเซอรอลซ่ึงเปนสารประกอบไมมีขั้วประมาณ รอยละ 95 – 99 เมื่อน้ํามันผานการทอดอาหารที่อุณหภูมิสูงประมาณ 170 – 180 องศาเซลเซียส เปนระยะเวลานาน ความช้ืนของอาหารและออกซิเจนจากอากาศเรงการเส่ือมสลายของนํ้ามัน โดยปฏิกิริยาทางเคมีที่สําคัญ 3 อยาง คือ ปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส ปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และปฏิกิริยาโพลิเมอรไรด ซึ่งมีผลตอคุณภาพทางกายภาพของน้ํามัน เชน สี กล่ิน และรสชาติเปลี่ยนไป จุดเกิดควันลดลง และความหนืดมากข้ึน นอกจากนั้นยังทําใหนํ้ามันซึ่งเปนสารไมมีข้ัว แตกตัวเปนสารโพลารซ่ึงมีขั้ว เชน กรดไขมันอิสระโมโนเอซิลกลีเซอรอล ไดเอซิลกลีเซอรอล ซึ่งเกิดจากการแตกตัว
ความรูเ กย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขคร้งั ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 91/ 105 ของนํา้ มันทอดอาหารไมมีอันตรายตอ รางกาย แตไ วตอการออกซิเดชัน่ ซงึ่ เหนี่ยวนําใหเกิดปฏิกิริยาเคมีอ่ืนๆไดเปนสาร โพลารแ ละนอนโพลารม ากมาย ทําใหเ กดิ การเสือ่ มสลายของนาํ้ มันทอดอาหารมากขนึ้ และอาจมผี ลเสียตอสขุ ภาพได วิธกี ารเลอื กซือ้ นาํ้ มนั ประกอบอาหารอยา งถกู วธิ ี 1. น้าํ มันพืชท่ีดีตองไมใ สเกินไป เชน นํ้ามันปาลมปกติก็ตองมีสีเขมบาง เพราะน่ันคือมีสารเบตาแคโรทีนที่มี ประโยชนในการปองกันโรคมะเร็ง ปองกันโรคหัวใจ (น้ํามันพืชท่ีใสน้ันผานการฟอกสีจนหมดคุณคาทางอาหารไป หลายตวั ) 2. นํ้ามันพืชที่มีราคาแพงไมใชวาจะมีคุณภาพหรือดีกวานํ้ามันพืชราคาถูก เพราะฉะนั้นอยาวัดคุณภาพดวย ราคา 3. ดูท่ีกนขวดตองไมมีสิ่งแปลกปลอม เชน ผงสีดําหรือตะกอนขุนขาว เพราะหมายถึงการผลิตท่ีไมได มาตรฐาน 4. ดูวามีฉลากครบถวนหรือไม บอกวัตถุดิบที่นํามาผลิตวาเปนพืชชนิดไหน ถ่ัวเหลือง ขาวโพด หรือวาปาลม สถานท่ีผลิตดว ยเผ่ือมปี ญ หาจะไดต ามตวั ผผู ลิตถกู 5. อาหารประเภทผัดควรใชนํ้ามันพืชที่มีกรดไขมันไมอ่ิมตัวเชิงซอนสูง เชน น้ํามันถั่วเหลือง น้ํามันขาวโพด นํา้ มนั เมลด็ ดอกทานตะวนั นา้ํ มันดอกคําฝอย แตอาหารทอดควรใชนํ้ามันพชื หรอื นาํ้ มนั ท่ีมีกรดไขมนั ไมอ ม่ิ ตัวเชิงซอ น ต่ํา เพราะการทอดใชไฟแรงและระยะเวลายาวนาน เชน นํ้ามันมะพราว นํ้ามันปาลมโอเลอิน และน้ํามันจากไขมันวัว น้าํ มนั ไก แตไมนิยมใหใชไขมันจากสัตว เพราะโอกาสทีจ่ ะทําใหเ กดิ ไขมันอดุ ตันเสนเลอื ดสูง คําแนะนําในการใชน ้ํามนั ทอดอาหาร เพื่อความปลอดภัยของผูบริโภคควรมีหลักปฏิบัติในการใชนํ้ามันทอดอาหาร ทั้งในระดับผูบริโภค ระดับ ผูประกอบการอาหารทอดรายยอย และระดับโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร และภัตตาคารอาหารจานดวน เพื่อใหนํ้ามัน ปลอดภัยตอ การบริโภค อีกท้งั ปอ งกนั การใชนาํ้ มันทอดอาหารผดิ วธิ ี เพอ่ื ชะลอการเสือ่ มสลายของนํ้ามนั ใหชาลง ดังนี้ 1. น้าํ มนั ปรงุ อาหาร ควรเปนนํ้ามนั จากพชื หลกี เล่ยี งการใชนํ้ามนั สตั ว เพ่ือมิใหเพมิ่ ความเสีย่ งของโรคหัวใจ 2. นาํ้ มันทอดอาหารควรเปน นํา้ มนั ที่คงตัวและเกดิ ควันชา เชน นาํ้ มันปาลมโอเลอนิ (จากเนอ้ื ปาลม) 3. ไมควรใชนํ้ามันถั่วเหลือง น้ํามันขาวโพด นํ้ามันดอกคําฝอย น้ํามันดอกทานตะวัน น้ํามันหมู น้ํามันวัว และไขสตั วอ น่ื ๆ ในการทอดอาหาร เพราะนา้ํ มันดังกลาวไมคงตัว จึงเสือ่ มสภาพเร็ว 4. หากนํ้ามันทอดอาหารมีลักษณะอยางใดอยางหน่ึงตอไปนี้ ใหเปลี่ยนน้ํามันทอดอาหารใหมทันที ไมควร เติมน้ํามันใหมลงไปเจือจาง เชน กล่ินเหม็นหืน เหนียวขน สีดํา เกิดฟอง ควัน เหม็นไหม ไอน้ํามันทําให ระคายเคืองตาและลาํ คอเมื่อโดนความรอน 5. ควรกรองอาหารทงิ้ ระหวางและหลงั การทอดอาหาร โดยเฉพาะอยา งยิ่งอาหารทอดท่ีมีการชุบแปง ปริมาณ มาก ควรใชตะแกรงหรือผาขาวบางกรองเศษอาหารและผงขนาดเล็กออกจากนํา้ มนั ทอดอาหาร
ความรูเ ก่ยี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไ ขคร้ังท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 92/ 105 6. ควรซับนํ้าสวนเกินบริเวณผิวหนาอาหารดิบกอนทอด เพ่ือลดการแตกตัวของน้ํามันทําใหชะลอการเสื่อม สลายตัวของน้าํ มันทอดอาหาร 7. ควรทอดอาหารครั้งละไมมากเกินไป เพ่ือใหความรอนของน้ํามันทอดอาหารกระจายท่ัวถึงและใชเวลาใน การทอดนอ ยลง 8. ไมควรทอดอาหารดวยไฟแรงเกินไป อุณหภูมิที่เหมาะสมของนํ้ามันประมาณ 160-180 องศาเซลเซียส หากทอดไฟแรงน้ํามันจะเส่ือมสลายตัวเร็ว แตถาไฟออนเกินไปจะอมน้ํามัน และรักษาระดับน้ํามันใน กระทะใหเทาเดมิ เสมอ 9. ปดแกสทันทีหลังทอดอาหารเสร็จ หากอยูระหวางชวงพักการทอดควรราไฟลงหรือปดเครื่องทอด เพื่อ ชะลอการเส่ือมสลายตวั ของนํา้ มันทอดอาหาร 10. ควรเปล่ียนน้ํามันทอดอาหารใหปลอยข้ึน หากทอดอาหารประเภทเนื้อสัตวที่มีสวนผสมของเกลือหรือ เครอื่ งปรงุ รสปรมิ าณมาก 11. ควรลางทําความสะอาดกระทะทอดอาหารหรือเคร่ืองทอดทุกวัน เน่ืองจากนํ้ามันเกาสามารถไปเรงการ เส่อื มสภาพของนํา้ มนั ทอดอาหารทีเ่ ตมิ ลงไปใหม มาตรการควบคุมความปลอดภัยจากการนาํ น้ํามนั ใชทอดซํ้ามาทอดอาหารเพอ่ื จําหนาย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2547 รัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณสุข นางสุดารัตน เกยุราพันธุ ไดลงนามใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 283) พ.ศ. 2547 เร่ืองกําหนดปริมาณสารโพลารในนํ้ามันท่ีใชทอด หรือ ประกอบอาหารเพอื่ จําหนา ย หลักการและเหตุผล ดวยปรากฏขอมูลวาน้ํามันที่นํามาทอดอาหารเพื่อจําหนาย เมื่อมีการใชทอดซ้ํา หรือนําไปประกอบอาหาร อาจมีสารโพลารปริมาณสูง และอาจกอใหเกิดอันตรายตอผูบริโภค ดังนั้นจึงสมควรกําหนดปริมาณสารโพลารใน นาํ้ มันทีใ่ ชท อดหรอื ประกอบอาหารเพอื่ จาํ หนาย คําจํากัดความ นํา้ มนั หมายความวา น้าํ มันและไขมนั ท่ีไดจากพืชหรือสตั ว และใชเ ปน อาหารได การกําหนดคณุ ภาพหรอื มาตรฐาน นา้ํ มนั ทใี่ ชท อดหรอื ประกอบอาหารเพ่อื จําหนา ย มสี ารโพลารไดไ มเกินรอ ยละ 25 ของนํ้าหนัก กําหนดการบงั คับใชประกาศ ประกาศน้ีใหใชบังคับต้ังแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป (ราชกิจจานุเบกขา ฉบบั ประกาศทวั่ ไป เลม ที่ 121 ตอนพเิ ศษ 125 ง. ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547)
ความรเู ก่ียวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบับท่ี 01 แกไ ขครัง้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 93/ 105 บทลงโทษ เพ่ือประโยชนแกการควบคุมอาหาร รัฐมนตรีใชอํานาจประกาศฉบับน้ี ตามมาตรา 6(3) แหงพระราชบัญญัติ อาหาร พ.ศ. 2522 โดยกาํ หนดคุณภาพหรือมาตรฐานของนา้ํ มันทใี่ ชท อด หรือประกอบอาหารเพอื่ จาํ หนา ย นํา้ มนั ท่ใี ชทอด หรือประกอบอาหารเพอ่ื จาํ หนาย ท่ีไมถกู ตอ งตามคุณภาพหรอื มาตรฐานทรี่ ัฐมนตรีประกาศไว (มีสารโพลารไดไมเกินรอยละ 25 ของน้ําหนัก) จึงจัดเปนอาหารผิดมาตรฐาน ตามมาตรา 28 แหงพระราชบัญญัติ อาหาร พ.ศ. 2522 อาหารผิดมาตรฐานดังกลาว หามมิใหผูใดผลิต นําเขาเพื่อจําหนาย หรือจําหนายตามมาตรา 25(3) ผูใดฝาฝน มาตรา 25(3) ตอ งระวางโทษปรับไมเกนิ หา หมน่ื บาท ตามมาตรา 60 ประกาศกระทรวงสาธารณสุขท่เี กี่ยวของกับนาํ้ มันหรอื ไขมนั /น้าํ มันทอดอาหาร 1. น้ํามันหรือไขมันในภาชนะท่ีปดสนิท (นํ้ามันใหม) ตองมีคุณภาพหรือมาตรฐานตามประกาศกระทรวง สาธารณสุข ดงั น้ี (1) นา้ํ มนั และไขมนั : ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบบั ท่ี 205) พ.ศ. 2543 (2) นาํ้ มนั ถ่วั ลิสง : ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2522) และ (ฉบับท่ี 233) พ.ศ. 2544 (3) นา้ํ มนั ปาลม : ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบบั ท่ี 56 (พ.ศ. 2524) , (ฉบบั ที่ 184) พ.ศ. 2542 และ (ฉบับที่ 234) พ.ศ. 2544 2. นํ้ามันหรือไขมันที่ไดจากพืชหรือสัตวท ี่ใชทอดอาหารหรือประกอบอาหาร ตองมีคุณภาพ หรือมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 283) พ.ศ.2547 เร่ือง กําหนด ปริมาณสารโพลารใ นนํา้ มนั ทีใ่ ชทอดหรือประกอบอาหารเพือ่ จาํ หนา ย
ความรเู กี่ยวกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครงั้ ที่ 00 RF-GC-02 หนาที่ 94/ 105 แนวทางการดาํ เนินการกรณีการตรวจสอบอาหารที่ใชน า้ํ มันทอดซํา้ เกณฑการพิจารณา กรณคี วามผดิ และบทลงโทษ 1.) กรณีผูผลิตเพ่ือจําหนาย นําเขาเพื่อจําหนาย หรือจําหนาย น้ํามันที่ใชทอดหรือ ก ร ณี ฝ า ฝ น ท่ี เ ข า เ ก ณ ฑ ประกอบอาหารเพื่อจาํ หนาย ดาํ เนินคดี ตรวจสอบโดยใหเก็บตัวอยางสงวิเคราะห ณ หองปฏิบัติการ หากรายงานผลจาก ผลิตเพื่อจําหนาย นําเขา หองปฎิบัติการพบวามีสารโพลารเกินรอยละ 25 ของน้ําหนัก ซึ่งไมเขามาตรฐานตาม เพื่อจําหนาย หรือจําหนาย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 283) พ.ศ. 2547 เรื่องกําหนดปริมาณสารโพลาร อาหารผิดมาตรฐาน ตามมาตรา ในน้ํามนั ท่ใี ชทอดหรอื ประกอบอาหารเพือ่ จําหนาย ใหด าํ เนนิ คดี 28 ฝา ฝนมาตรา 25(3) โทษตาม 2.) กรณีผูผลติ อาหารโดยใชนาํ้ มันทใ่ี ชท อดหรอื ประกอบอาหารเพ่อื จาํ หนาย มาตรา 60 ตองระวางโทษปรับ 2.1 คร้งั แรก ตรวจสอบโดยใชเครอ่ื งวัดคา Polar ในน้าํ มันท่ีใชท อดอาหาร ไมเกนิ หา หม่ืนบาท - หากพบขอ บกพรองใหค ําแนะนาํ และใหความรู เพือ่ ปฏิบตั ใิ หถ กู ตอ ง - ตดิ ตามตรวจสอบผผู ลติ /ผจู าํ หนายนา้ํ มันกรณีพบวาซ้ือน้าํ มนั ทอดซา้ํ มาใช 2.2 ครัง้ ตอ ไป ตรวจสอบโดยใชเคร่ืองวัดคา Polar ในน้าํ มนั ทีใ่ ชทอดอาหาร - หากพบขอบกพรองใหมีหนังสือแจงปรับปรุงกรรมวิธีการผลิตอาหารโดยไมใหใช นํ้ามนั ทอดซา้ํ หรือใหใชน ้าํ มันทมี่ คี ุณภาพมาตรฐาน - ติดตามตรวจสอบผูผ ลติ /ผูจาํ หนา ยนํ้ามนั กรณพี บวาซ้ือน้าํ มนั ทอดซ้าํ มาใช การตรวจวิเคราะหเ พือ่ หาคาโพลารใ นน้าํ มันทอดอาหารโดยใชเ ครอื่ ง 3MTM PCT 120 บทนํา น้ํามันและไขมันปรุงอาหารมีการเสื่อมคุณภาพตลอดเวลาทอดอาหาร การตรวจสอบคุณภาพน้ํามันจะดูจาก Triglycerides ซ่ึงเปนเปนสารประกอบหลกั ในนํ้ามันประกอบอาหารท่ีเปนจําพวกไขขาว ขอกําหนดคุณภาพของนํ้ามันท่ี ใชเ ปนอาหารได คอื มโี พลารไ มเกนิ รอ ยละ 24 – 25 ซึ่งเปน เกณฑมาตรฐานทนี่ ิยมใชกนั ในประเทศแถบยโุ รป เครื่องทดสอบ 3MTM PCT 120 สามารถใชว ดั คณุ ภาพนํ้ามันทอดหรือประกอบอาหารตามหลักการหาสารโพลาร ที่เกิดข้ึน ลักษณะผลติ ภัณฑ (จาํ ลองตามวธิ ีมาตรฐาน ISO 8420) เครื่องทดสอบ 3MTM PCT 120 1 ชดุ การใชงานประกอบดวย 1. ตวั เคร่ืองใหค วามรอ นแกนา้ํ มันทดสอบ 2. แผนทดสอบ 5 แผน/เคร่อื ง 3. ชอนตักน้าํ มนั 1 คัน 4. ชุดเติม (ประกอบดว ยแผนทดสอบ 20 แผน ตอหลอด)
ความรเู กย่ี วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบับที่ 01 แกไขครัง้ ที่ 00 RF-GC-02 หนาท่ี 95/ 105 ตัวเครื่องใหความรอนมีตัวควบคุมขบวนการ จะทําการควบคุมใหตัวอยางนํ้ามันทดสอบมีคาคงที่แนนอนที่ อุณหภูมิ 171 องศาเซลเซียส ณ เวลา 35 นาที หลังการเปดใหเครื่องทํางานและสามารถอานคาทันทีจากจุดสีนํ้าเงินบน แผน ทดสอบ แผนทดสอบทําจากกระดาษสีขาวเคลือบดวยซิลิกาเจลและมีจุดสีนํ้าเงินดานลางทําดวยเม็ดสีพิเศษ โดยจะ เคลื่อนที่ไปตามคาโพลารของสารท่ีเกิดข้ึนเม่ือทําการทดสอบสมบูรณ ทานสามารถอานคาไดทันทีที่วางแผนทดสอบ บนดานหนาของเครือ่ งทดสอบ เครื่องทดสอบ 3MTM PCT 120 สามารถใชวัดคุณภาพน้ํามันปรุงอาหารไดทุกชนิดไมวาจะเปนนํ้ามันจากพืช น้ํามันจากสัตว รวมท้ังนํ้ามันผสม และสามารถใชไดกับอาหารทอดทุกประเภท เพียงนํ้ามันควรจะอยูในสถานะ ของเหลว ณ อุณหภูมิตางๆ เครื่องทดสอบ 3MTM PCT 120 ออกแบบใหความรอนคงท่ี ณ อุณหภูมิท่ีทําการทดสอบที่ เหมาะสมในการทดสอบ งายตอ การใชงาน ไมม กี ารผดิ พลาด ถกู หลักอนามัย ใหผลแมน ยํา ตรงตามมาตรฐาน HACCP การขอปายรบั รองความปลอดภัยดา นอาหาร (Food Safety) กระทรวงสาธารณสุขไดมอบหมายใหกรมวิทยาศาสตรการแพทยหรือหนวยงานท่ีไดรับมอบหมายจาก กระทรวงสาธารณสุข จะใหการรับรอง และใหเครื่องหมาย (Logo) “อาหารปลอดภัย (Food Safety) แกผูประกอบการท่ี จําหนา ยอาหาร โดยมหี ลักเกณฑ ดังน้ี 1.1 ผูประกอบการตองมีแหลง จาํ หนา ยอาหารแนน อน แบง เปนแระเภทตา ง ๆ ไดดงั น้ี 1.1.1 ซปุ เปอรมารเ กต็ ในหางสรรพสนิ คา 1.1.2 ตลาดสด 1.1.3 ภัตตาคาร/รานอาหาร/สโมสร ฯลฯ 1.2 ประเภทอาหารทใี่ หการรบั รองจะเปนอาหารท่ัวไปท่ไี มมเี ลขทะเบียน อย. กํากบั ไดแก 1.2.1 อาหารทว่ั ไป 1.3 ประเภทสารเคมแี ละจลุ นิ ทรียทีจ่ ะใหการรับรองอาหารขอ 2 มดี งั น้ี 1.3.1 สารบอแรกซ , ยาฆาแมลง , สารฟอกขาว , สารกนั เชอ้ื รา (กรดซาลิซิลิค) , สารฟอรมาลีน (นํ้ายา ดองศพ) , สารเรง เนอ้ื แดง (Salbutamol) , คลอแรมเฟนคิ อล , ไนโตรฟูแรน และจลุ ินทรยี 1.3.2 รายการอ่นื ๆ ดงั ตารางที่ 1 ขน้ั ตอนการรับรอง 1 การเขา รวมโครงการ 1.1 เจาของสถานประกอบการ (ซุปเปอรมารเก็ต / ภัตตาคาร / รานอาหาร / ตลาดสด) หรือผูรับมอบ อํานาจใหดําเนินการในกิจการจําหนายอาหารตามขอบขายดังกลาวขางตน กรอกใบสมัครเขารวมโครงการ ตาม แบบฟอรม F 10 00 003 ในเอกสารแนบทา ย 1 พรอ มทั้งแนบแผนทีต่ ้งั ของผูประกอบการ 1 ชดุ
ความรูเกย่ี วกบั ความปลอดภัยดา นอาหาร ฉบบั ท่ี 01 แกไ ขคร้ังท่ี 00 RF-GC-02 หนาที่ 96/ 105 2 สถานท่ยี ืน่ ใบสมคั ร 2.1 สว นกลาง ยน่ื ใบสมัครทีก่ รมวิทยาศาสตรก ารแพทย , สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา , กรมอนามัย , กรม สนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ นนทบุรี และสํานกั อนามัย กรุงเทพมหานคร 2.2 สวนภมู ิภาค ยืน่ ใบสมัครทศี่ นู ยวทิ ยาศาสตรการแพทย กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย , สาํ นกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั , เทศบาลและประชาคมทองถ่นิ ในพ้ืนที่ 3 การตรวจสถานทแ่ี ละสมุ เกบ็ ตวั อยางอาหาร เจาหนาท่ีตรวจความครบถวนของเอกสารใบสมัคร แลวจะแจงนัดวันตรวจสถานท่ี และสุมเก็บ ตัวอยา งอาหารมาตรวจตามวตั ถปุ ระสงค ที่ยนื่ ขอการรับรองโดยดาํ เนนิ การตอไปน้ี 3.1 ตรวจสุขลักษณะทวั่ ไป กระทรวงสาธารณสุขหรือหนวยงานท่ีไดรับมอบหมายจาก กระทรวงสาธารณสุขดังกลาวแลว จะสง คณะเจาหนาท่ีไปตรวจสุขลักษณะทั่วไป ณ สถานประกอบการ ไดแก การดูแลความสะอาดของสถานที่ปรุงอาหาร และสถานทีจ่ าํ หนาย การบรรจุ การเกบ็ รกั ษาอาหารไวรอจําหนาย ตามเกณฑท ี่กําหนดไวในตารางที่ 3 3.2 การสุมเกบ็ ตัวอยา งอาหาร การสุมเก็บตัวอยางอาหารตามวัตถุประสงคที่ขอรับรอง สวนปริมาณตัวอยางที่ตองเก็บ กําหนดใน ตารางที่ 5 และดําเนนิ การตรวจวเิ คราะหอาหาร ดงั น้ี 3.2.1 อาหารท่ีสามารถตรวจวิเคราะหไดดวยชุดทดสอบ เชน บอแรกซ อาจจะดําเนินการในรถ เคล่อื นท่ีของกระทรวงสาธารณสุข หรอื อาจจะนาํ มาตรวจในหองปฏบิ ตั กิ ารโดยใชช ุดทดสอบอาหารกไ็ ด 3.2.2 อาหารท่ีตองตรวจวิเคราะหดวยวิธีการทางหองปฏิบัติการ เชน สารเรงเนื้อแดง ใหเก็บ ตวั อยา งเพอ่ื สงไปยังหองปฏิบัติการของกรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย หรือหนวยอ่ืนท่มี ีศักยภาพพรอ มที่จะตรวจได 4 เกณฑการตดั สนิ กระทรวงสาธารณสุข หรือ หนว ยงานทีไ่ ดร ับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสขุ จะดําเนินการตรวจทางดาน สุขลักษณะท่ัวไป ตามเกณฑท่ีกําหนด ในตารางที่ 3 ของสถานท่ีปรุง , จําหนาย , เก็บรักษา และสุมเก็บตัวอยางอาหาร ณ สถานประกอบการ จํานวน 3 คร้ังติดตอกัน (เดือนละครั้ง) ถาผลการตรวจทางดานสุขลักษณะทั่วไปหรือผลิตภัณฑ อาหารที่ขอรับรองไมผานเกณฑติดตอกัน 3 คร้ัง จะตองเริมดําเนินการใหมต้ังแตตน จนกวาจะผานเกณฑ 3 ครั้ง ตอเนื่องกนั จึงถือวาผานเกณฑก ารตดั สนิ 5 การใหใบรับรอง เม่ือผลการตรวจวิเคราะหอาหารและขอมูลดานสุขลักษณะของสถานท่ีปรุงจําหนาย เก็บรักษาอาหารผาน เกณฑกําหนดและอาหารท่ีจําหนายมีคุณภาพความปลอดภัยตามที่กําหนดท้ัง 3 คร้ังตอเนื่องแลว กระทรวงสาธารณสุข จะออกใบประกาศนียบัตรและเครื่องหมาย “อาหารปลอดภัย” (FOOD SAFETY) ใหผูประกอบการตามรายการอาหารท่ี
ความรูเก่ียวกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครงั้ ที่ 00 RF-GC-02 หนา ที่ 97/ 105 ย่ืนขอรับรองถารานอาหารในศูนยอาหาร ไดผานเกณฑกําหนดทั้งหมดทุกราน ทางกระทรวงสาธารณสุข จะออก ใบรับรองในภาพรวมของศูนยอาหารหรอื หา งสรรพสนิ คาน้นั ได 6 การใชข อ มลู การรบั รองจากหนว ยงานราชการอน่ื เขา รว มในการรบั รอง ในกรณีที่อาหารบางชนิดไดมีการรับรองบางรายการจากหนวยงานราชการอื่นอยูแลว กระทรวงสาธารณสุข จะใชผลการรับรองนนั้ ประกอบกับรายการอ่ืนท่กี ําหนดในตารางท่ี 1 เชน เน้ือหมู ถา ไดร บั การรบั รองการปลอดสารเรง เนื้อแดงและยาปฏิชีวนะจากกรมปศุสัตวแลว กระทรวงสาธารณสุขจะตรวจเฉพาะสารบอแรกซ แลวใหการรับรอง “อาหารปลอดภัย” (FOOD SAFETY) 7 ระยะเวลาในการดาํ เนนิ งาน ขั้นตอน ระยะเวลา 1. ตรวจสขุ ลักษณะท่วั ไปและสมุ ตวั อยา งอาหาร คร้ังท่ี 1 ภายใน 1 สัปดาหห ลังจากรับเอกสารใบสมคั ร 2. ตรวจสขุ ลักษณะท่วั ไปและสุมตัวอยา งอาหาร ครงั้ ท่ี 2 ภายในสัปดาหที่ 4 หลงั จากสมุ ตวั อยางครัง้ ท่ี 1 3. ตรวจสขุ ลักษณะทว่ั ไปและสุม ตวั อยางอาหาร ครั้งท่ี 3 ภายในสัปดาหท ี่ 4 หลังจากสุม ตวั อยางครัง้ ที่ 2 4. ออกใบประกาศนียบัตร ภายใน 1 สัปดาหหลังจากผลการประเมินทั้ง 3 ครั้ง ผา นเกณฑแลว ขอปฏิบัตหิ ลงั การรับรอง 1. ผูไดรับการรับรองเครื่องหมาย “อาหารปลอดภัย” (FOOD SAFETY) จะตองดําเนินการดูแล และกําหนด แนวทางท่ีไมใหอาหารท่ีมีความเส่ียงตอสุขภาพเขามาจําหนายในสถานประกอบการของตนเอง และหากมีการเปล่ียน แหลงรับซ้ือวัตถุดิบตามท่ีไดเคยแจงขอรับรองไว จะตองรีบแจงใหหนวยงานท่ีไปยื่นขอรับการรับรองทราบ หากไม แจงกระทรวงสาธารณสุขขอสงวนสทิ ธท์ิ ี่จะขอถอนหรอื ยกเลกิ ใบประกาศนยี บัตรทันที 2. ตองไมนําผลการรับรองไปใชโฆษณาในทางที่จะทําใหผูบริโภคเกิดความสับสน หรือทําใหเกิดความเขาใจ ผิดในการไดเครื่องหมายรบั รอง 3. ผไู ดร ับเครือ่ งหมายแลว จะตองดาํ เนนิ การตออายุใบรับรองทุกป 4. หลังจากไดรับเคร่ืองหมายรับรองแลว 6 เดือน กระทรวงสาธารณสุขหรือหนวยงานท่ีไดรับมอบหมายจาก กระทรวงสาธารณสุข จะดาํ เนนิ การสมุ ตรวจติดตาม หากพบวาอาหารท่ไี ดเ ครอ่ื งหมายรบั รองแลว มีความเสย่ี งอนั ตราย ตอสุขภาพจะดาํ เนินการแจง ใหผ รู ับเครอ่ื งหมายรบั รองทราบ เพ่ือแกไขขอบกพรอง ถาพบกระทําผิดเปนคร้ังที่ 2 จะพัก ใบรับรอง 5. หากถกู พกั ใบรบั รอง กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศทางสอื่ มวลชนใหทราบท่ัวกัน และผูถูกพักใบรับรอง จะตอ งยุติการกลา วอางหรือแสดงใหล กู คาเขา ใจผิดวายังคงไดร บั การรบั รองจากกระทรวงสาธารณสุข
ความรเู กีย่ วกบั ความปลอดภยั ดา นอาหาร ฉบบั ที่ 01 แกไขครัง้ ท่ี 00 RF-GC-02 หนา ที่ 98/ 105 การตรวจติดตามหลงั การรับรอง กระทรวงสาธารณสุขหรือหนวยงานท่ีไดรับมอบหมาย จากกระทรวงสาธารณสุข จะดําเนินการสุมเก็บ ตัวอยางอาหารหลังจากใหการรับรองไปแลว 6 เดือน โดยไมแจงวันที่จะไปเก็บตัวอยางใหทราบลวงหนาและจะ ดําเนินการสุมตรวจปละครั้งหรือมากกวา ถาอาหารนั้น ๆ มีความเสี่ยงสูงโดยผูประกอบการตองเสียคาใชจายในการ ตรวจ ในอตั ราเดยี วกนั กับทขี่ อรบั รองในครง้ั แรก ใบประกาศนียบัตร/เครอ่ื งหมายสัญลักษณ เม่ือผูประกอบการไดผานเกณฑการรับรอง “อาหารปลอดภัย” (FOOD SAFETY) ตามท่ีกระทรวง สาธารณสุข กาํ หนด ส่งิ ทผ่ี ูป ระกอบการจะไดรับประกอบไปดวย 1. ใบประกาศนยี บัตร “อาหารปลอดภยั ” 2. เคร่ืองหมายสัญลักษณ “อาหารปลอดภัย” ขนาด ประมาณ 30x40 ซม. ทําจากพลาสติก พมิ พ 4 สี พรอมสายสําหรบั แขวน สทิ ธิประโยชนพ ึงไดข องผจู ําหนาย 1. ผูประกอบการที่ไดรับใบประกาศนียบัตรและเคร่ืองหมาย “อาหารปลอดภัย” (FOOD SAFETY) จาก กระทรวงสาธารณสขุ สามารถนําไปใชป ระกาศโฆษณาได 2. กระทรวงสาธารณสุข จะประกาศรายช่ือผูท่ีไดรับการรับรอง เพ่ือเผยแพรผานส่ือมวลชล และบันทึกใน homepage ของกระทรวงสาธารณสุข คา ใชจ า ยในการขอรบั รองและตอ อายุใบรบั รองประจาํ ป 1. ผูเขารวมโครงการ “ความปลอดภัยดานอาหาร” จะตองเสียคาใชจายในการขอรับรอง และคาตออายุ ใบรับรองประจําป ตามรายละเอียดคาใชจายในตารางท่ี 2 โดยมีการตรวจในการขอตออายุในประกาศฯ 1 ครั้ง และ ตรวจติดตามอกี 1 ครั้ง หลงั จากไดร บั ใบประกาศฯ (6 เดือน) ในการขอตอ อายุแลว 2. การตออายุใบรับรองน้นั ผปู ระกอบการตอ งแจงความจาํ นงไปยังกระทรวงสาธารณสุข หรือ หนว ยงานท่ไี ดรบั มอบหมาย กอนท่ใี บรับรองจะหมดอายุ 1 เดือน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107