Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore KwamSuk

KwamSuk

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-03-05 07:54:14

Description: KwamSuk

Search

Read the Text Version

51 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ท่านจะเห็นได้ว่า ความตระหนี่ดังกล่าวมาท้ังหมดน้ี จะมีผล กระทบกระเทือนและก่อให้เกิดความริษยา คือภาวะท่ีเห็นใครดีแล้วทน ไม่ได้ ทั้งน้ีก็สืบเนื่องมาจากความเห็นแก่ตัว เม่ือมีความเห็นแก่ตัว ความตระหน่ี และความรษิ ยา ผลทตี่ ามมากค็ อื ความทกุ ข์ ความเดอื ดรอ้ น และคนที่เดือดร้อนท่ีสุดก็คือคนผู้ที่ริษยาเขาน่ันเอง ขอให้ท่านพิจารณา ดูให้ดีนะครับ คนที่เห็นแก่ตัวเป็นคนท่ีน่าสงสารที่สุด เพราะว่าเขามี ความทกุ ขอ์ ยตู่ ลอดเวลา เขาจดุ เพลงิ เผาจติ ใจของตวั เองไมไ่ ดว้ า่ งเวน้ เลย ยิ่งเห็นแก่ตัวมาก ความทุกข์ก็ยิ่งทวีขึ้นตามสัดส่วนของความเห็นแก่ตัว กลายเป็นโรคแสลงความดี คือเห็นความดีของคนอ่ืนเป็นเรื่องท่ิมแทง หัวใจของตัวเอง ธรรมดาคนเราย่อมอนุโมทนาต่อความดีของคนอ่ืน มันกส็ บายใจ ถา้ เห็นความดขี องคนอื่นเป็นเร่ืองท่มิ แทงหัวใจของตวั เอง ก็ต้องเดือดร้อนมาก เหมือนคนเป็นโรคถ้ากินยาได้ก็ยังพอหายโรคได้ แต่ถ้าคนไข้แสลงยา กินยาอะไรก็ไม่ได้ โอกาสจะรอดมันก็น้อย หรือ แพ้ยาแก้แพ้ อย่างนี้จะท�ำอย่างไร คนปกติแพ้อะไรมา กินยาแก้แพ้ อาการกค็ ่อยยังชัว่ ขึ้น แตถ่ ้าเกดิ แพย้ าแกแ้ พข้ นึ้ มา จะเอาอะไรมาช่วยได้ AWText-KarmSuk-new.indd 51 8/25/13 10:24 AM

52 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ฉะน้นั คนเห็นแกต่ ัวและรษิ ยาผู้อ่นื ก็มักจะเอาดไี ดย้ าก ท�ำดไี ม่ข้ึน เหตุ ท่ีท�ำดีไม่ขึ้นก็เพราะว่ามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในทางท่ีแส่หาโทษของ คนอืน่ นนิ ทาวา่ ร้ายผู้อ่นื แล้วตวั เองกแ็ ย่ลงทุกที ต�่ำลงทกุ ที สภาพจติ มนั ตกตำ�่ เวลาเรามคี วามรสู้ กึ นยิ มชมชอบผอู้ น่ื นกึ ถงึ คนทเ่ี รานยิ มชมชอบ นกึ ถงึ ความดีการปฏิบัตดิ ขี องเขา อนุโมทนาตอ่ เขา ปตี ิก็เกดิ คนทร่ี ษิ ยา คนดี ก็ไม่รจู้ ะวา่ อย่างไรแล้ว ในทางตรงกันข้าม ผู้ท่ีไมเ่ หน็ แกต่ ัวจะมีความสุขอยทู่ กุ ๆ กรณี เพราะวา่ เขาเปน็ คนใจกวา้ ง มองอะไรกม็ องกวา้ ง เขาไมเ่ ดอื ดรอ้ นเพราะ ฝนตก เพราะเขาคดิ วา่ แมเ้ ขาไมต่ อ้ งการฝน แตพ่ นี่ อ้ งชาวนาและชาวสวน เป็นอันมาก กำ�ลังเรียกร้องหาฝนอยู่เพ่ือปลูกพืชผักของตน เขาจะไม่ เดอื ดรอ้ นเพราะแดดออกจดั เพราะเขาคดิ ถงึ บคุ คลอนื่ วา่ มคี นจำ�นวนมาก ทีก่ ำ�ลังตอ้ งการแดดเพ่อื ตากผ้า ตากขา้ วเปลือก หรอื ทำ�อะไรๆ กับแดด เขาคิดเห็นแต่ความสุขของผู้อ่ืน แม้จะถูกด่า ถูกนินทา เขาก็คิดว่าถ้า บุคคลผู้ด่าผู้นินทา จะมีความสุขข้ึนเพราะคำ�ด่าคำ�นินทานั้น เขาก็ยินดี AWText-KarmSuk-new.indd 52 8/25/13 10:24 AM

53 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ นอกจากนี้ การประสบเคราะห์กรรม โชคร้าย ความล้มเหลวต่างๆ เมอื่ เกดิ ขนึ้ เขากค็ ดิ ไดว้ า่ ถา้ สงิ่ เหลา่ นท้ี ำ�ใหเ้ ขามคี วามอดทนขน้ึ เขม้ แขง็ ยง่ิ ขนึ้ และมใี จสูงขึ้น เขาก็ยนิ ดรี บั เคราะหก์ รรมอันนัน้ เอาไว้ ส่ิงท่ีมนุษย์ควรกลัวมากที่สุดไม่ใช่โชคร้าย ไม่ใช่เคราะห์กรรม แต่คือความสุข ความสมหวังและลาภยศ ท่ีเป็นเคร่ืองมอมเมาจิตใจให้ มืดมนและดึงจติ ให้ต�่ำลง ผมมีเอกสารอยู่ชิ้นหน่ึง จะขอนำ�มาเล่าสู่กันฟัง นำ�มาจาก นติ ยสารหมอชาวบา้ น ประจำ�เดอื นมิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๑ ท่านผูเ้ ขยี น คอื นายแพทยส์ รุ เกยี รติ อาชานานภุ าพ จากศูนยเ์ วชศาสตรช์ ุมชน คณะ แพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี AWText-KarmSuk-new.indd 53 8/25/13 10:24 AM

54 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว “ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ทำ�ใหเ้ กดิ อะไรขนึ้ ในรา่ งกาย นกั วทิ ยาศาสตร์ ตา่ งกย็ อมรบั อยา่ งแนน่ อนแลว้ วา่ การชว่ ยเหลอื คนอน่ื อยา่ งไมเ่ หน็ แกต่ วั นน้ั สง่ ผลดตี อ่ สุขภาพของผู้กระทำ� เหตผุ ลเป็นเพราะว่า คนท่ที ำ�ดีต่อผอู้ ืน่ จะได้ รบั ความรกั ความนบั ถอื จากผู้อน่ื และเกิดปีติสขุ ในการกระทำ�อนั นนั้ การเกดิ ปีติสุขน้ัน ก็เป็นผลมาจากการท่ีสมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมาน่ันเอง เกิดข้ึนเช่นเดียวกับหลังการว่ิงเหยาะๆ หรือทำ�สมาธิ ด้วย เหตุน้ี คนทที่ ำ�ดตี อ่ ผู้อืน่ จงึ มีจติ ใจทเี่ ปน็ สขุ และปราศจากความเครียด ซ่งึ ย่อมสง่ ผลดีตอ่ ภมู ติ า้ นทานโรค รวมทง้ั สขุ ภาพของคนนน้ั ดว้ ย เพียงแต่คิดจะทำ�ดี ก็ดีต่อสุขภาพแล้ว นักจิตวิทยาแห่ง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำ�การศึกษาวิจัยโดยให้นักศึกษากลุ่มหน่ึง ดภู าพยนตร์ แสดงถงึ เรอ่ื งราวของแมช่ เี ทเรซา่ แมพ่ ระทท่ี ำ�งานชว่ ยเหลอื คนยากจนและผู้ป่วยในชุมชนเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ผู้ซ่ึงเคย ได้รับรางวลั แมกไซไซเม่อื หลายปกี อ่ น หลงั จากดภู าพยนตร์จบ ก็ได้ทำ� การเจาะเลือดนักศึกษา นำ�ไปตรวจระดับของภูมิต้านทานโรค ปรากฏวา่ AWText-KarmSuk-new.indd 54 8/25/13 10:24 AM

55 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ภูมิต้านทานของนักศึกษาเหล่าน้ี ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้กระทำ�ดี มี ระดับเพ่ิมพูน เพิ่มสงู ขนึ้ กว่าปกติ... น่ีเพียงแต่อนุโมทนาต่อการกระทำ�ความดีของผู้อ่ืน (ปัตตานุ โมทนามยั ) เทา่ นั้น “...ดังน้ันจึงกล่าวได้ว่า แม้จะไม่ได้ลงมือกระทำ�ดี เพียงแต่ ชืน่ ชมหรอื คิดจะทำ�ดี กม็ ีส่วนเสรมิ สร้างภูมิตา้ นทานโรคแล้ว...” นี่คือข้อความจากนิตยสารหมอชาวบ้าน ตามท่ีอ้างแล้ว ฉะน้ัน ผมไดเ้ ขียนเอาไวบ้ ่อยว่า การร่วมมอื กับผอู้ ื่นทำ�ความดี เท่ากบั การทำ�เอง ท่านลองนึกดูในทางกลับกัน ถ้าไปร่วมมือกับโจรตำ�รวจจับแน่ เพราะผู้ รว่ มมอื ยอ่ มถกู หาวา่ เปน็ โจรดว้ ย แตถ่ า้ รว่ มมอื กบั คนทำ�ความดี กเ็ ทา่ กบั ทำ�เองเหมือนกัน ถ้าเราทำ�มากไม่ได้เพราะกำ�ลังมีน้อย ถ้ามีคนอื่นเป็น ตัวต้ังตัวตี เรากค็ อยรว่ มมอื กับเขา AWText-KarmSuk-new.indd 55 8/25/13 10:24 AM

56 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมในเชิงกุศล ย่อมจะช่วย เสริมสร้างสุขภาพของคนเรา พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระจุนทะว่า “ดกู อ่ น จุนทะ เพยี งแตค่ ิดจะทำ�ความดเี ทา่ นั้น ก็ดแี ล้ว ไม่ตอ้ งกล่าวถงึ จะลงมือกระทำ�ด้วยกาย วาจา” เพราะฉะน้ัน ขอให้เราได้มาทำ�ความดี เพ่ือสุขภาพท้ังทางกายและทางจิต และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดย ทวั่ ไปดว้ ย ขอ้ ความจากนิตยสารหมอชาวบา้ น ยงั กลา่ วต่อไปวา่ “...เพ่ือสุขภาพของคุณ จงลดความเห็นแกตัวและความ เคยี ดแคน้ ชิงชังลงเสีย แพทย์ไดค้ น้ พบว่า คนท่ีมีนสิ ยั โกรธง่าย ก้าวรา้ ว มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันมากกว่าปกติ และคนที่ไม่ยอม ฟงั คนอื่น จ้องแตจ่ ะโตแ้ ยง้ เป็นนิตย์ ก็มีโอกาสเปน็ โรคความดันเลือดสูง มากกวา่ ปกติ...” AWText-KarmSuk-new.indd 56 8/25/13 10:24 AM

57 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ผมขอเสริมนะครับ ท่จี รงิ การปฏิบัติตรงนีท้ ำ�ไดง้ ่าย ไม่ยากเลย แตค่ นสว่ นมากกท็ ำ�ไมไ่ ด้ สงิ่ ทค่ี วรทำ�คอื ฟงั คนอน่ื ใหม้ ากและพดู ใหน้ อ้ ย ฟังเหตุผลของเขาให้มาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แทนที่เราจะรีบพูดอะไร ออกไป ทำ�นองจ้วงแทงลงไปเลย เราควรถามให้เขาอธิบายเหตุผลของ เขาก่อน วา่ ทำ�ไมจึงทำ�อยา่ งน้ัน พอเราเข้าใจเหตุผล เรากน็ งิ่ ได้ เพราะ เราฟงั เขาได้ แตบ่ างคน พอมใี ครทำ�อะไรไมถ่ กู ใจ กด็ า่ วา่ ออกไปเลยตามท่ี ตวั อยากจะพดู อยากจะทำ� วธิ กี ารนไี้ มถ่ กู ตอ้ ง หรอื บา้ งกพ็ ดู เพอ่ื ใหส้ ะใจ ตวั เอง มนั กไ็ ด้ แตว่ ่ามนั ไม่มีผลดี เพราะฉะนัน้ เราควรฟังเสยี กอ่ นว่า เขามเี หตผุ ลอะไร เขาจงึ ทำ�อยา่ งนนั้ บางทเี ขามเี หตผุ ลทเี่ ราคดิ ไมถ่ งึ หรอื ไมท่ นั คดิ เพราะวา่ ไมใ่ ชเ่ ร่อื งของเรา และอกี ทอ่ นหนง่ึ ทวี่ า่ คอยจอ้ งแตจ่ ะแยง้ เปน็ นติ ย์ ไมม่ ี Harmony คือ ไม่กลมกลืนกันไป เราควรจะโต้แย้งเฉพาะท่ีมันจำ�เป็นจริงๆ เช่น ถ้าในทางพทุ ธศาสนา ถา้ มีใครสอนอะไรทผ่ี ดิ หลกั ธรรมของพระพทุ ธเจา้ เราโต้แย้งได้ แต่ถ้าเขาไม่ได้สอนผิดหลักธรรมเป็นแต่เพียงว่าไม่ตรงกับ AWText-KarmSuk-new.indd 57 8/25/13 10:24 AM

58 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ความเห็นของเรา เราก็ควรปล่อยไป แต่ถ้าขัดแย้งกับหลักธรรมของ พระพทุ ธเจา้ เราก็โตแ้ ยง้ ได้ บอกว่าพระพทุ ธเจา้ ท่านแสดงเอาไว้อยา่ งนี้ พระไตรปฎิ กกม็ ี พระอรรถกถาจารยก์ อ็ ธบิ ายไวอ้ ยา่ งน้ี ถา้ เขายงั ไมเ่ หน็ ดว้ ย เรากน็ ิ่งเสยี คนทชี่ อบโตแ้ ย้งเปน็ นิตย์และไม่ฟงั คนอ่ืน มโี อกาสเปน็ โรค ความดันเลอื ดสงู มากกวา่ ปกติ เพราะเครยี ด “...คนที่ชอบเคียดแค้นชิงชัง ไม่เป็นมิตรกับผู้อ่ืน ตกอยู่ใน บ่วงกรรมอันน่าสงสาร กล่าวคือย่ิงไม่เป็นมิตรกับผู้อ่ืน ก็ยิ่งแยกตัวเอง ออกจากคนอ่นื และย่ิงหมกมนุ่ กับตวั เองตามลำ�พัง ซึ่งกย็ ้อนกลบั มาเพิ่ม ความรูส้ กึ ไม่เป็นมิตรกบั ผูอ้ ่นื มากยิ่งข้นึ ไปเรอื่ ยๆ ไมร่ ู้จักจบสิน้ ซง่ึ ยอ่ ม เกิดโทษต่อสุขภาพของเขาอย่างแน่นอน การจะตัดบ่วงกรรมดังกล่าวให้ ขาด มอี ยูท่ างเดยี ว คอื ฝึกทำ�ดตี อ่ ผ้อู ่นื ...” อันน้ีดีมากนะครับ “การจะตัดบ่วงกรรมให้ขาด มีอยู่ทางเดียว คือฝึกทำ�ดีต่อผู้อื่น” มีคนเป็นจำ�นวนมากท่ีไปทำ�พิธีตัดกรรมตามวัดวา AWText-KarmSuk-new.indd 58 8/25/13 10:24 AM

59 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ อารามตา่ งๆ หลายแห่ง เห็นพิธีทเี่ ขาทำ� คนทต่ี อ้ งการตัดกรรมกเ็ ข้าไป น่ังรวมกลุ่มกัน พระท่านก็เอาผ้าขาวโยนมาคลุมท้ังกลุ่ม แล้วท่านก็ว่า คาถาอะไรของท่าน ว่าจบแล้วก็ดึงผ้าขาวออกก็เป็นอันว่าตัดกรรมแล้ว มนั งา่ ยเหลอื เกนิ แตต่ อ้ งเสยี คา่ ตดั กรรมหลายบาทอยู่ นน่ั ไมใ่ ชท่ างปฏบิ ตั ิ มันอาจทำ�ใหเ้ กิดความรสู้ ึกอนุ่ ใจไดบ้ า้ งเลก็ นอ้ ย แต่ถา้ โลหติ เปน็ พิษ ไป ใช้ยาทายอ่ มไมไ่ ดผ้ ล จะตัดกรรม ก็ต้องหม่ันทำ�ความดี เอากรรมดีนัน่ แหละไปตัดกรรมท่ีไม่ดี ทำ�ความดีก็ทำ�กับตัวเองบ้าง ทำ�กับผู้อ่ืนบ้าง หรอื สรา้ งความดใี หเ้ กดิ ขน้ึ ในจติ ใจของตน จากนนั้ กข็ ยายความดไี ปสผู่ อู้ น่ื “...นายแพทย์ Paul Nitz แห่งคณะแพทยศาสตร์ ซานฟราน- ซสิ โกได้ทดลองรกั ษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหวั ใจอุดตนั ๒ คน ซงึ่ ต่างก็ เกลียดชังกัน โดยให้ทั้งสองคนผลัดกันซักรีดเส้ือผ้าให้แก่กันและกัน ปรากฏวา่ เมอ่ื ทำ�ไดส้ กั พกั หนงึ่ ระดบั ไขมนั คลอเรสเตอรอลในเลอื ด (ซงึ่ มี ผลรา้ ยตอ่ ผทู้ เ่ี ปน็ โรคหวั ใจ) ของคนไขท้ ง้ั สองลดลง และอาการเจบ็ หนา้ อก เนอ่ื งจากโรคหัวใจก็ทเุ ลาลงไดอ้ ย่างนา่ อศั จรรยใ์ จ...” AWText-KarmSuk-new.indd 59 8/25/13 10:24 AM

60 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว นี่คือให้เขาทำ�ความดีต่อกัน เมื่อทำ�แล้วก็เกิดความสุขใจข้ึน ผลร้ายทเี่ กยี่ วกบั สุขภาพกล็ ดลง ไขมนั ก็ลดลง “...การลดละความเห็นแก่ตัวและความไม่เป็นมิตรลง ย่อมจะ ส่งผลดีต่อร่างกายของคนเราได้อย่างแน่นอน เพราะฉะน้ัน จงลดละ ความเหน็ แกต่ ัว จงเหน็ แก่ผอู้ ืน่ ...” มลี กู ศษิ ยห์ ลายคนของผม เปน็ คนอธั ยาศยั ดมี ากๆ คดิ ถงึ แตผ่ อู้ น่ื พอพดู ถงึ เขากท็ ำ�ใหร้ สู้ กึ มปี ตี ิ เขาคดิ ถงึ แตค่ วามตอ้ งการของคนอน่ื จะทำ� อะไรบางอยา่ ง พอนกึ ถงึ คนอน่ื แลว้ กร็ ะงบั เสยี เหน็ แกค่ วามสขุ ของคนอน่ื ทำ�นองวา่ ถา้ เราทำ�แลว้ คนอนื่ เขาไมไ่ ดส้ ขุ กไ็ มท่ ำ� เปลย่ี นไปทำ�สงิ่ ทค่ี นอนื่ เขาจะได้สุข อันนี้เป็นอุปนิสัยที่ดี แล้วก็ทำ�ให้เขาเป็นคนมีความสุขอยู่ เปน็ ประจำ� หน้าตาย้ิมแย้มแจ่มใสรา่ เริง มีความสขุ อยู่ตลอดเวลา อันนี้ คือผลสะทอ้ นกลบั มาจากการทเี่ ขาเหน็ แก่คนอืน่ AWText-KarmSuk-new.indd 60 8/25/13 10:24 AM

61 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ “...จริยธรรมพื้นฐานที่มีอยู่ในทุกศาสนาข้อนี้ (ก็คือข้อที่ว่า จง ลดละความเหน็ แกต่ วั และจงเหน็ แกผ่ อู้ นื่ ) ไดถ้ กู สนั่ สะทอ้ นดว้ ยคา่ นยิ มแหง่ วัตถุนิยมและธุรกิจนิยมในยุคปัจจุบัน อันรังแต่จะสร้างความทุกข์ความ ระส�ำ่ ระสาย ทง้ั ภายในบคุ คลและสงั คมทง้ั หมด จนร้สู กึ วา่ ถึงทางตนั ...)” คา่ นยิ มแหง่ วตั ถนุ ยิ มและธรุ กจิ นยิ ม คอื ทำ� ใหค้ นเหน็ แกเ่ งนิ มากกวา่ เห็นแก่คน เห็นแก่ตัวเลขในบัญชีธนาคารมากกว่าเห็นแก่ความสุขหรือ สวัสดิภาพของคน ท่ีจริงเงินเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรหรอก แต่พอเห็นแล้ว รู้สึกวา่ มมี าก กภ็ มู ิใจ สบายใจของเขา ถ้าเขาเปน็ ผู้จดั การบรษิ ทั สกั แห่งหนง่ึ เขาจะคิดแตเ่ พียงวา่ ท�ำอยา่ งไรคนในบรษิ ัทจงึ จะเป็นเคร่ืองมือท�ำเงินใหเ้ ขา ไดม้ ากทสี่ ดุ และใชค้ นในบรษิ ทั เปน็ เครอื่ งมอื ในการทำ� เงนิ ใหเ้ ขามากทสี่ ดุ ทำ� ไม เขาไมห่ ดั คดิ บา้ งวา่ ทำ� อยา่ งไรคนในบรษิ ทั จงึ จะมสี ขุ ภาพดี มคี วามสขุ ในชวี ติ ตามสมควรแก่อตั ภาพของเขา คอื เห็นแก่คนในบรษิ ทั มากกว่าเงิน เพราะวา่ คนทจ่ี ะชว่ ยทำ� เงนิ ใหเ้ ขาได้ กค็ อื คนในบรษิ ทั นน่ั แหละ ถา้ ไมม่ คี นในบรษิ ทั แลว้ เขาจะท�ำเงนิ ได้อย่างไร ถา้ หดั คิดอยา่ งนี้ได้บ้าง คนในบริษัทก็จะอยูส่ บาย AWText-KarmSuk-new.indd 61 8/25/13 10:24 AM

62 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว จะขอยกตวั อยา่ งเรอื่ งในอดตี ทเี่ ขาพดู กนั แทบจะทกุ คนเรอ่ื งบรษิ ทั รถเมลข์ าวนายเลศิ ซง่ึ ไดถ้ กู เลกิ ไปสมยั รฐั บาลรวมรถเมล์ กม็ กี ารกลา่ วขวญั ถึงกัน (ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์ของตัวเอง) ว่าทางบริษัทเอาใจใส่กับคน ในบรษิ ัทมาก กเ็ ห็นได้จากรถโดยสารนน่ั แหละครับ พนกั งานทุกคนสุภาพ เรียบร้อย และอ่อนน้อมถ่อมตน เอาใจใส่ผู้โดยสาร มีจิตใจอ่อนโยนและ อะไรอีกหลายอยา่ งครับ รวมความว่า ทกุ คนชมวา่ ดี อันน้แี สดงว่า บริษัท เขาเอาใจใส่กับคนของเขามาก อนั นกี้ ็ยกข้นึ พอเป็นตวั อยา่ งนะครบั “...ขอ้ เทจ็ จรงิ ทไ่ี ดเ้ สนอมาทงั้ หมดนี้ ซงึ่ ชช้ี ดั วา่ ความเหน็ แกต่ วั เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ทั้งทางกายและทางใจ และความเห็นแก่ผู้อ่ืนเป็น บอ่ เกดิ แหง่ สุขภาพ น่าจะให้ความสว่างแกส่ ังคมของเรา ขอใหค้ นท่ีทำ�ดี ต่อผู้อ่ืนอยู่แล้ว จงมีกำ�ลังใจที่จะทำ�ดีต่อไป ผู้เขียนหวังว่า สักวันหน่ึง คนท่ีรักสุขภาพของตัวเองจะได้หันมาช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว ดุจเดียวกับแฟช่ันวิ่งเพ่ือสุขภาพและอาหารเพื่อสุขภาพท่ีได้เกิดข้ึนก่อน หน้าน้ีแลว้ ...” AWText-KarmSuk-new.indd 62 8/25/13 10:24 AM

63 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ และคุณหมอได้สรุปลงในตอนสุดท้ายว่า “...จงหมั่นออกกำ�ลงั กาย จงระวังในการบริโภคอาหาร และจง ช่วยเหลือผู้อ่ืนอย่างไม่เห็นแก่ตัว คงจะกลายเป็นสุขบัญญัติที่ทุกคน พงึ ปฏิบัติเปน็ กจิ วัตร” นี่ก็คือข้อความทั้งหมดท่ีคุณหมอได้เขียนเอาไว้เก่ียวกับเรื่องนี้ น่าสนใจมากนะครบั และขออนโุ มทนาต่อข้อเขียนของคุณหมอสุรเกียรติ อาชานานุภาพ ซึ่งผมได้นำ�มาเป็นอุปกรณ์ในการบรรยายธรรมในคราวน้ี ด้วย ถา้ จะเปน็ บุญกศุ ลอันใด กข็ อใหค้ ณุ หมอไดร้ บั ผลบุญอนั นน้ั ดว้ ย ต่อไปผมก็จะขอสนทนาต่อในเร่ืองการหาความสุขจากการ ไมเ่ หน็ แกต่ วั โดยจะขอพดู ถงึ การใหท้ าน ในการใหท้ าน เราควรมงุ่ ไปทกี่ าร กำ�จัดความเห็นแก่ตัว มากกว่าให้เพื่อได้ คือขอให้คำ�นึงว่าคนที่รับจาก เราไปเขาควรจะได้อะไร มากกว่าเราจะได้อะไร และถ้าเราจะได้อะไรมา AWText-KarmSuk-new.indd 63 8/25/13 10:24 AM

64 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ก็ขอให้เป็นเพราะเราทำ�เหตุเอาไว้ มันเป็นอัตโนมัติหรือ Automatic ถา้ ชาวพุทธเราต้ังจติ ไว้แบบนี้ ปัญหาที่ถามกนั มากมายในรายการธรรมะ ทางวทิ ยุ เรอ่ื งทำ�บญุ อทุ ศิ กศุ ลใหผ้ ตู้ ายถงึ หรอื ไมถ่ งึ ทำ�บญุ อะไรแลว้ จะได้ อะไร ถ้าทำ�บุญอย่างนอี้ ยา่ งนัน้ จะได้ผลบุญมากหรือน้อย ปญั หาเหล่านี้ จะได้ยุติกันเสียที ถ้าเราตั้งจิตไว้ให้ถูก ปัญหาเหล่าน้ีจะยุติได้ และไม่ เปน็ ชอ่ งทางใหผ้ เู้ หน็ แกต่ วั มาทำ�มาหากนิ บนบา่ หรอื บนหวั ของพทุ ธบรษิ ทั การให้เป็นสงั ฆทานกเ็ พอื่ ประโยชนแ์ ก่สว่ นรวม ไม่ใช่เพ่ือประโยชนข์ อง ผู้ให้ฝ่ายเดียว เมื่อผใู้ หป้ รารถนาจะทำ�สังฆทาน ก็ขอให้ตง้ั ใจวา่ ทำ�เพ่อื สงั ฆะ “สงั ฆะ” กห็ มายถึง หมู่ พวก กล่มุ เช่น ถา้ ท่านบรจิ าคของแกโ่ รงเรยี น นนั่ คอื สังฆะ เปน็ ประโยชนแ์ กค่ นท้งั หมดในโรงเรยี น ทง้ั เด็ก ท้ังครู เมอ่ื ทำ�แล้ว ไม่ต้องถามเลยวา่ ท่านจะได้อะไร เพราะมันไดอ้ ยู่แลว้ ทา่ นไดม้ ุง่ กำ�จดั ความเหน็ แกต่ วั ไมใ่ ชใ่ หเ้ พอ่ื ได้ ถา้ เผอื่ ชาวพทุ ธเราตงั้ ใจใหเ้ ปน็ แบบน้ี หมนุ ใจใหต้ รงแบบนี้ ปญั หาตา่ งๆ จะยตุ ลิ งไดเ้ ยอะเลย เวลาจะใหก้ ต็ ง้ั ใจ AWText-KarmSuk-new.indd 64 8/25/13 10:24 AM

65 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ มุ่งไปที่คนรับ ว่าเขาจะได้อะไร จะเป็นประโยชน์ต่อเขาได้มากแค่ไหน ไม่ต้องนึกถึงวา่ จะเป็นประโยชน์กับเราอย่างไร เพราะผู้ใหน้ ้นั ถึงอยา่ งไร ก็ได้อยู่แล้ว อย่าไปคิดบัญชีให้มันละเอียดนักเลย ว่าเราจะได้สักเท่าไร ไดส้ กั กเี่ ปอรเ์ ซน็ ต์ พดู อยา่ งนี้ อาจมคี นถามวา่ อา้ ว...ถา้ เชน่ นน้ั จะทำ�บญุ ทำ�ทานอะไรก็ไม่ต้องเลือกเลยหรือ ให้เร่ือยไปเลยหรือ ก็ไม่ใช่อย่างน้ัน ถา้ ทำ�อยา่ งนนั้ บางทอี าจเปน็ การไปสนบั สนนุ คนเลวเขา้ กเ็ ปน็ ได้ เงอ่ื นไข ยอ่ มมอี ยู่ นนั่ คอื อยา่ คดิ ท�ำ ดดี ว้ ยการสนบั สนนุ คนเลว อยา่ สนบั สนนุ คนอ่ืนให้เป็นคนไม่ดี เพราะจะท�ำ ให้มีคนไม่ดีมากขึ้นในสังคม ซึ่ง เป็นการไมถ่ ูกต้อง เพราะไมเ่ หน็ แกต่ วั จงึ อยเู่ หนอื ทกุ ข์ ดพู ระอรหนั ตเ์ ปน็ ตวั อยา่ ง นะครบั ดเู ปน็ ตวั อยา่ งนะครบั ไมใ่ ชด่ เู ฉยๆ ดเู ปน็ ตวั อยา่ งเพอื่ จะไดด้ ำ� เนนิ ตาม ถา้ เราไมส่ นใจทจี่ ะด�ำเนินตามพระอรหันต์ เราจะตอ้ งตกอย่ใู ตก้ าร ครอบงำ� ของความทกุ ขต์ ลอดไป เราพอใจเชน่ นน้ั หรอื ถา้ เปน็ อยา่ งนนั้ เรา กค็ วรจะสมนำ�้ หนา้ ตวั เองทสี่ มคั รใจจะอยใู่ นกองทกุ ขโ์ ดยไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไร AWText-KarmSuk-new.indd 65 8/25/13 10:24 AM

66 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว เหมือนกับคนที่เปื้อนโคลนไปหมดทั้งตัว มองเห็นสระน้�ำใสสะอาดอยู่ เบือ้ งหนา้ แต่ไม่รจู้ กั เดินไป มวั แตค่ อยใหส้ ระเคล่อื นมาหาตัวเอง อยา่ งน้ี โงห่ รือฉลาดกัน เป็นไปไดไ้ หม ท่สี ระน�ำ้ ใสสะอาดทีอ่ ยู่ขา้ งหน้าจะเคลอื่ น มาหาตวั เอง แตก่ ม็ คี นเปน็ จ�ำนวนมากทอ่ี ยใู่ นลกั ษณะนี้ สระกเ็ หน็ ๆ อยู่ น่ันแหละ แต่ไม่ยอมเดินไป ไม่เข้าหา ก็ไม่สามารถช�ำระตนให้พ้นจาก ขีโ้ คลนขต้ี มเหลา่ นัน้ ได้ อย่างนีก้ ็ตอ้ งโทษความโงข่ องตัวเอง ศิลปะแห่งการเอาชนะความทุกข์ เป็นศิลปะท่ีสูงสุดในบรรดา ศิลปะท้ังหลาย เพราะฉะนนั้ คนท่ปี ระสบความสำ�เร็จในดา้ นน้ี คอื มีชวี ติ ท่ีมีความทุกข์น้อยท่ีสุด ย่อมได้รับความเคารพนับถือเป็นอันมาก เป็น อภปิ ชู นยี บคุ คล เปน็ ทย่ี อมรบั บชู า แตจ่ ะมวั บชู ากนั แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี วทำ�ไม ทำ�ไมไมท่ ำ�เองเสยี ดว้ ย คอื ถอื ทา่ นเปน็ แบบอยา่ งและลงมอื ทำ�เองดว้ ย ถา้ มวั แตบ่ ชู าเฉยๆ เมอ่ื ไรเราจะไดเ้ ปน็ อยา่ งทที่ า่ นเปน็ จะไดถ้ งึ อยา่ งทที่ า่ นถงึ สังคมไทยเราและคนไทยเรามักจะนิยมการบูชาด้วยการกราบไหว้และ สกั การะดว้ ยดอกไมธ้ ปู เทยี น แตไ่ มน่ ยิ มการบชู าดว้ ยการทำ�อยา่ งทที่ า่ นทำ� AWText-KarmSuk-new.indd 66 8/25/13 10:24 AM

67 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ เช่นท่ีพระพุทธเจ้าท่านยกย่องและได้เคยตรัสกับพระอานนท์ซ่ึงใครๆ กท็ ราบดี พระทา่ นกเ็ ทศนก์ นั อยบู่ อ่ ยๆ “การบชู าดว้ ยการปฏบิ ตั นิ นั่ แหละ อานนท์ เรายกยอ่ งวา่ เปน็ การบชู าอยา่ งยงิ่ ” แตพ่ อถงึ คราวปฏบิ ตั กิ นั จรงิ ๆ กก็ ลบั ชกั ชวนกนั บชู าดว้ ยอามสิ ดว้ ยดอกไมธ้ ปู เทยี น กราบไหว้ ทำ�อะไร กันใหญ่โตมโหฬาร แต่ไม่ยอมปฏิบัติ เหมือนท่ีท่านอาจารย์พุทธทาส เคยพูดไว้ว่า “คนสมัยน้ีดีแต่ไหว้ พอบอกให้ประพฤติธรรมก็กำ�หู” หมายถงึ ไมฟ่ ัง อยา่ วา่ แตจ่ ะปฏิบตั ิอะไรเลย แมแ้ ต่ฟงั ก็ไม่ฟงั แลว้ ร้อง ออกมาว่า “ทุกข์จริงหนอ หนักจริงหนอ” แต่พอบอกทางให้ทำ�เพื่อ กำ�จดั ทุกข์ให้เบาลง ก็กลบั ไม่ทำ� ใจมันดือ้ แล้วจะไปโทษใคร ความสุขท่ีตั้งอยู่บนความทุกข์ของผู้อ่ืน นักปราชญ์ท่านถือว่า เป็นความสุขชั้นต�่ำมาก หมายถึงการไปเบียดเบียนผู้อ่ืนแล้วได้ความสุข เป็นความสุขท่ีนักปราชญ์หรือบัณฑิตท่านรังเกียจ เป็นไปเพ่ือความ เบยี ดเบยี นทรุ นทรุ าย ความเหน็ แกต่ วั เปน็ โรครา้ ยทคี่ อยดงึ สงั คมใหต้ ำ่� ลง ฉันใด ความไม่เห็นแก่ตัวก็เป็นคุณธรรมสูงส่งที่จะค�้ำจุนสังคมให้สูงขึ้น AWText-KarmSuk-new.indd 67 8/25/13 10:24 AM

68 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ฉันนั้นเหมือนกัน ความไม่เห็นแก่ตัวเป็นธรรมที่ละเอียดประณีต และให้ ความสขุ อันชมุ่ ฉำ�่ แก่บคุ คลผ้ดู ำ� เนนิ ตาม โดยการหดั มองถงึ ความจำ� เป็นและ ความปรารถนาของผู้อื่น ให้เห็นเป็นเรื่องส�ำคัญเท่าๆ กันหรือย่ิงกว่าความ จ�ำเป็นและความปรารถนาของตนเอง ด้วยการมองให้ไกลและกว้าง ก็จะ มองเห็นความทุกข์ยากลำ� บากของมวลมนุษย์และสัตว์ท้ังหลาย ผู้มีทุกข์ทน อยู่ทุกตารางนิ้วของพ้ืนพิภพ ว่าก�ำลังต้องการผู้ช่วยเหลือท้ังทางร่างกาย และจิตใจ ทกุ ๆ มุมของโลกมีแต่เสียงคร่�ำครวญอยากจะออกจากความทุกข์ ครำ�่ ครวญเรยี กรอ้ งหาความสขุ ใครเปน็ ผปู้ ลน้ และยอื้ แยง่ ความสขุ ของเขาไป ส่วนหน่ึงคือตัวของเขาเอง และส่วนหนึ่งคือสังคม ดวงใจเป็นจ�ำนวนมาก แหง้ ผาก มนี ยั นต์ าทขี่ นุ่ หมอง นองดว้ ยนำ�้ ตาแหง่ ความผดิ หวงั ความทกุ ขย์ าก ล�ำบากของคนบางคนอาจจะเกิดจากความสุขแบบเห็นแก่ตัวของคนบางคน กไ็ ด้ เมอื่ เปน็ ดงั นี้ ไมน่ กึ บา้ งหรอื วา่ ถา้ เราเหน็ แกต่ วั เพยี งคนเดยี ว นน่ั หมายถงึ การเจตนาก่อทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่เพ่ือนมนุษย์เป็นร้อยๆ คน และความสุขท่ี เราได้มาเป็นความสุขที่ไม่มีรางวัลทางจิตใจเลย มีแต่ความเห้ียมเกรียมและ ความทารณุ โหดรา้ ย ซง่ึ ฝังลึกอยใู่ นดวงจติ ที่มีแตจ่ ะมดื มนลงไปทกุ วนั AWText-KarmSuk-new.indd 68 8/25/13 10:24 AM

69 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ การลดความเหน็ แกต่ ัวลง เป็นการแบ่งความสขุ ใหแ้ กผ่ อู้ ื่น และ ในเวลาเดยี วกนั กเ็ ปน็ การรกั ษาความสขุ ของตนใหย้ ง่ั ยนื และประณตี ยงิ่ ขน้ึ คนสว่ นมากคุ้นเคยอยู่กับความสุขท่ีได้อะไรๆ มา ถ้าลองหัดหาความสุข ดว้ ยการเสยี สละดบู า้ ง ความสขุ จากการทท่ี า่ นไมไ่ ดอ้ ะไรทม่ี องเหน็ ทางวตั ถุ แต่เป็นความชุ่มช่ืนทางวิญญาณ จะเห็นว่าเป็นความสุขที่เยือกเย็นกว่า ประณีตกวา่ ชมุ่ ชนื่ กว่าและย่ังยืนกว่า บางทีทำ�อะไร ก็ใหส้ รา้ งความรสู้ ึก ข้นึ ในใจวา่ ทำ�โดยไมม่ ีผกู้ ระทำ� (Doing without doer) การกระทำ�ที่ ไม่มผี ู้กระทำ� อย่างที่กล่าวไวใ้ นคัมภีรบ์ าลวี ่า “การโก น กริ ยิ า ว วิชชฺ ต”ิ การกระทำ�มีอยู่แต่ผู้ทำ�ไม่มี น่ันก็คือการละลายตัวตนแห่งผู้กระทำ� เหลอื อยแู่ ตก่ ารกระทำ� และยกผลแหง่ การกระทำ�นนั้ ใหแ้ กส่ งั คมและโลก เราไมไ่ ดอ้ ะไรกไ็ มเ่ ปน็ ไร ไดน้ อ้ ยหนอ่ ยกไ็ มเ่ ปน็ ไร แตส่ งั คมได้ มวลชนได้ ถา้ จติ ใจคดิ เผอื่ แผไ่ ปอยา่ งนี้ ถา้ คนจำ�นวนมากรสู้ กึ กนั อยา่ งนี้ กจ็ ะเหมอื น ต้นไม้ท่ีแผ่กิ่งก้านมาประสานกัน ให้ร่มเงาแก่ผู้เดินทาง ความสุขก็จะ แผ่ทั่วถึงไปในสงั คมได้ เป็นโลกพระศรอี ารยิ ์แต่ไม่ตอ้ งคอยพระศรอี าริย์ เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ สร้างสงั คมให้เป็น “ศรอี าริยสงั คม” AWText-KarmSuk-new.indd 69 8/25/13 10:24 AM

70 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ความสัมพันธ์ของทุกชีวิตจึงเป็นเหมือนร่างแหหรือตาข่ายท่ีไม่ อาจแยกออกจากกนั ได้ มนษุ ยเ์ ราอยใู่ นสงั คม จะไมส่ ามารถแยกมาตรฐาน ไม่สามารถแยกตนออกจากสงั คมได้ ถ้าเราไม่ช่วยใหส้ งั คมดีข้ึน เรากจ็ ะ ยกมาตรฐานของตัวเราเองให้ดีข้ึนไม่ได้ด้วย นั่นคือเราไม่สามารถท่ีจะดี คนเดยี วได้ เราตอ้ งพยายามใหต้ นเองและสงั คมทเี่ ราอยดู่ ขี น้ึ พรอ้ มๆ กนั ไป เป็นการป้องกันความริษยาจากคนรอบข้างไปในตัว จะเข้าสู่ลัทธิท่ีทาง ปรชั ญาเขาเรยี กวา่ All-truism คอื ความไม่เห็นแกต่ ัวอนั บริสุทธผ์ิ ดุ ผ่อง เรือ่ งนเ้ี ปน็ เรอ่ื งทปี่ ฏบิ ตั ิยาก แตเ่ ราก็ไมค่ วรทิ้งเสียเลยทีเดียว เราควรจะ พยายามแม้จะยากแต่ไมไ่ ดห้ มายความว่าทำ�ไมไ่ ด้ เปน็ เรื่องที่ทำ�ได้ และ เปน็ การเอาชนะความเห็นแก่ตัวของเราเองดว้ ย AWText-KarmSuk-new.indd 70 8/25/13 10:24 AM

71 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ก่อนที่ท่านจะสามารถเปล้ืองหนี้ได้ ท่านจะต้องพยายามลด ความเหน็ แกต่ วั และรจู้ กั เอาชนะตนเอง เพราะวา่ คนทดี่ อื้ ทสี่ ดุ กค็ อื ใจของ เราเอง เรามโี อกาสมากทส่ี ดุ ท่ีจะเอาชนะ ถา้ เราชนะตัวเองไม่ได้ ถึงจะ ชนะคนอน่ื ตง้ั รอ้ ยตง้ั พนั ตง้ั แสน กไ็ มน่ า่ ภาคภมู ใิ จและเราจะหาความสงบ ภายในไมไ่ ดเ้ ลย มแี ตจ่ ะฉดุ กระชากลากถใู หเ้ ราถลู ถู่ กู งั ไป เรา่ รอ้ น กระวน กระวายอยูเ่ สมอ ไม่มีเวลาหยุดหย่อน เพราะฉะนั้น ก่อนอืน่ เราจะตอ้ ง พยายามเอาชนะตวั เอง ถา้ สามารถเอาชนะตวั เองได้ คนอนื่ กไ็ มต่ อ้ งพดู ถงึ โดยเฉพาะอย่างย่ิงคนประเภทนี้ เขาไม่ต้องการเอาชนะใครอื่นอยู่แล้ว พยายามแต่จะเอาชนะตัวเองเท่านัน้ ท่านลองสังเกตดนู ะครับ มนุษย์ทกุ ยุคทุกสมัยมาคุกเข่าลง จุดธูปเทียนบูชาสักการะคนอย่างพระพุทธเจ้า คนอยา่ งท่านมหาตมะคานธี เพราะอะไร เพราะทา่ นเหลา่ นีร้ ูจ้ ักเอาชนะ ตวั เอง และตงั้ หนา้ พยายามทจี่ ะทำ�ประโยชนโ์ ดยไมเ่ หน็ แกต่ วั ในทส่ี ดุ โลก ก็ต้องกลับเปน็ หนที้ า่ นเหลา่ น้อี ยา่ งไมม่ ีวนั ทจี่ ะปลดเปล้ืองได้ง่าย AWText-KarmSuk-new.indd 71 8/25/13 10:24 AM

72 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ขอให้เราพยายามปลูกฝังความรู้สึกข้ึนในใจว่า คนทุกคนเป็น เจ้าหนี้ของเรา และคนทีอ่ ยู่ต่อหน้าเรานั่นแหละ เป็นคนสำ�คัญเราจะได้ ปฏิบตั ิตอ่ เขาด้วยความออ่ นโยน ละมนุ ละไม และตั้งใจบำ�เพ็ญประโยชน์ และใหค้ วามสขุ แกค่ นทุกคนทเ่ี รามโี อกาสคบหาสมาคมเข้าใกล้ พยายาม ปลูกฝังความหวังดี พิทักษ์รักษาให้ความสุข ความช่ืนบานแก่คนท่ีเรา คบหาสมาคมตามสมควร ตามท่ีเขาควรจะได้รับ เม่ือทำ�ได้เช่นน้ีก็ถือว่า เราไดใ้ ช้หนี้สังคม ใช้หนี้เพือ่ นมนษุ ย์ไปบ้างตามสมควร ดว้ ยการกระทำ� อย่างนี้ ชวี ติ ของเรากจ็ ะมีความสขุ มากข้ึน เมื่อต้ังปัญหาขึน้ มาว่า ความสขุ คืออะไร มีคำ�ตอบอย่ใู นหนงั สอื ตำ�ราต่างๆ ว่าความสุขคือความสบายกายสบายใจ เป็นการให้คำ�จำ�กัด ความท่ีเกือบจะไม่มีทางดิ้น หรือไม่ต้องอธิบายอะไรอีกต่อไป ในคัมภีร์ วสิ ทุ ธมิ รรคทา่ นไดใ้ หค้ ำ�จำ�กดั ความเอาไวว้ า่ “การขดุ เสยี ฆา่ เสยี ซง่ึ อาพาธ ท้งั ทางกายและทางจติ ชอ่ื ว่าความสุข” ตามความหมายนีม้ ุ่งจะอธบิ ายวา่ อาพาธทางกายย่อมจะเบียดเบียนกายให้ได้รับความทุกข์ อาพาธทางจิต AWText-KarmSuk-new.indd 72 8/25/13 10:24 AM

73 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ กจ็ ะทำ�จิตให้ไร้ความสุขเชน่ เดียวกนั ในทางจติ วิทยาถอื วา่ รา่ งกายและ จิตใจมีผลกระทบกระเทือนซึ่งกันและกัน คนท่ีร่างกายอ่อนแอมีโรคภัย คอยเบียดเบียนอยู่เสมอ นานเข้าก็ทำ�ให้จิตใจพลอยท้อแท้ง่ายไปด้วย ก็เป็นการแน่นอนว่า ในขณะท่ีร่างกายถูกโรคเบียดเบียน จิตใจก็จะ กระวนกระวายอยู่บ้าง มากหรือน้อยอย่างไรก็ข้ึนอยู่กับกรณีแวดล้อม และคณุ ธรรมทางจิตใจ พทุ ธศาสนาไมไ่ ดม้ องขา้ มปญั หาเรอ่ื งโรคทางกายนไี้ ปเสยี ทเี ดยี ว พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พุทธสาวกรักษาความสะอาดและอ่ืนๆ อีกมาก เพอื่ ปอ้ งกนั โรค ดงั มหี ลกั ฐานปรากฏทง้ั ในพระวนิ ยั และพระสตู ร พระพทุ ธ ภาษติ ซง่ึ มคี นไดย้ นิ ไดฟ้ งั กนั อยมู่ ากในเรอื่ งนก้ี ค็ อื “อาโรคยฺ ปรมา ลาภา” ลาภทั้งหลาย มีความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง หรือ ความไม่มีโรคเป็น ลาภอย่างย่ิง เวลาพดู หรือเขยี นภาษิตนไ้ี ม่ควรเขียนวา่ “อาโรคยา ปรมา ลาภา” เพราะเป็นภาษาที่ไมถ่ ูกตอ้ ง ทถี่ ูกตอ้ งคือ “อโรคฺยปรมา ลาภา” อันน้ีเป็นภาษาศาสตร์ที่ต้องอธิบาย แต่ว่าจะไม่อธิบายในที่นี้ แต่เป็น AWText-KarmSuk-new.indd 73 8/25/13 10:24 AM

74 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว หลักฐานแสดงว่าพระพุทธศาสนามองเห็นว่าการไม่มีโรคเป็นเร่ืองดีและ การมีโรคเป็นเร่ืองร้ายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะร้ายที่สุด ถ้าสามารถ ทำ�ใจให้ดี แต่ว่าโดยท่ัวไปก็เป็นเครื่องบั่นทอนความเจริญอยู่ไม่ใช่น้อย เหมอื นกัน มองไปอกี ดา้ นหนึ่ง ความกระวนกระวายใจ ความร้อนใจ และ ความตึงเครียดทางอารมณ์ (Emotional tension) ย่อมจะก่อให้เกิด ผลกึ กระทบกระเทอื นแกร่ า่ งกายอยา่ งแนน่ อน เพราะวา่ รา่ งกายและจติ ใจ มคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างใกลช้ ดิ AWText-KarmSuk-new.indd 74 8/25/13 10:24 AM

75 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ สุขค ว า ม จากการไมย่ ดึ มัน่ ถอื ม่นั AWText-KarmSuk-new.indd 75 8/25/13 10:24 AM

76 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ความสขุ จากการไมย่ ดึ มัน่ ถอื มนั่ โดยทั่วไป ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยความยึดม่ัน เร่าร้อนอยู่ด้วย ความต้องการอันไม่มีขอบเขต ไม่มีที่ส้ินสุด ถูกความอยากเผาลนให้ เรา่ รอ้ นอยภู่ ายใน แมส้ งิ่ ทเี่ ขาเขา้ ใจวา่ เปน็ ความสขุ หรอื ความสนกุ สนาน เพลดิ เพลิน กม็ คี วามทุกขเ์ จือปนอยูด่ ว้ ย แตม่ นษุ ยก์ ็ยังต้องการ วตั ถุแห่งความยดึ ของบุคคลนั้น พระพทุ ธองคท์ รงแสดงไว้ ๔ ประการ เรยี กว่า อุปาทาน ๑. กามุปาทาน ความยดึ ตดิ ในกาม ๒. ทฏิ ฐุปาทาน ความยึดติดในทิฐิ ๓. สลี พั พตุปาทาน ความยึดตดิ ในศลี และพรต หรือพธิ รี ตี องตา่ งๆ ๔. อตั ตวาทปุ าทาน ความยึดติดในตวั ตน AWText-KarmSuk-new.indd 76 8/25/13 10:24 AM

77 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ขอขยายความเพื่อใหเ้ ขา้ ใจกวา้ งออกไปดงั นี้ ๑. กามปุ าทาน = ความยดึ มัน่ ในกาม กาม แปลได้ ๒ อยา่ ง คือ ความใคร่อยา่ งหนึง่ สงิ่ ท่ีน่าใคร่นา่ ปรารถนาอย่างหน่งึ อย่างหลังทา่ น เรยี กว่า วัตถุกาม อยา่ งแรกเรยี ก กเิ ลสกาม รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ อนั น่าใครน่ า่ ปรารถนา นา่ พอใจ นั่นเองเป็น วัตถุกาม คือเป็นท่ีต้ังแห่งกาม เป็นสิ่งเร้าให้เกิดความใคร่ ส่วนตัวความใคร่เอง ท่านเรยี ก กเิ ลสกาม มนุษยท์ ้ังหลายไดต้ กอยภู่ ายใต้อ�ำนาจครอบงำ� ของกามท้ัง ๒ น้ี อย่างไร เห็นๆ กนั อยู่แล้ว มนษุ ย์และสัตว์ท้ังหลายยดึ มนั่ อยูว่ ่าความสุข ของเขาจะมไี ดก้ ต็ อ้ งอาศยั กาม คอื ตอ้ งไดเ้ หน็ รปู ไดฟ้ งั เสยี ง ไดด้ มกลนิ่ ได้ลมิ้ รส และได้ถูกตอ้ งส่งิ ที่น่าใคร่ น่าปรารถนา นา่ พอใจ ปราศจากส่ิง เหลา่ นเี้ สยี แลว้ เขาจะมคี วามสขุ ไมไ่ ด้ แมต้ วั ความใครเ่ องซงึ่ มสี ภาพเปน็ AWText-KarmSuk-new.indd 77 8/25/13 10:24 AM

78 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว สง่ิ เรา่ ร้อน กระวนกระวาย ทำ� ปญั ญาใหม้ ืดมน ทำ� จติ ใหต้ กต่�ำ เขากย็ งั เข้าใจผิดไปว่าเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขของเขา ท้ังนี้อาจเป็นเพราะเขา ไมเ่ คยไดร้ บั ความสขุ ใดทเ่ี หนอื กวา่ นหี้ รอื แปลกไปกวา่ นี้ เชน่ ความสขุ อนั เกดิ จากความสงบ หรอื เกดิ จากคณุ ธรรม เหมอื นเดก็ ทพี่ อใจแตใ่ นความสขุ อนั เกดิ จากการเลน่ ทรายหรอื โคลนตม แตพ่ อเขาเปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ เขากเ็ ลกิ พอใจในความสุขอย่างนั้น แต่พอใจในความสุขท่ีสะอาดกว่าประณีตกว่า เขาจะไปจบั ตอ้ งทรายหรอื โคลนตมกด็ ว้ ยความจำ� เปน็ อยา่ งหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ เช่นเกี่ยวกับการงานเป็นตน้ แล้วก็รบี ล้างมอื ลา้ งตวั ใหส้ ะอาด ในทำ�นองเดยี วกนั คนทจ่ี ติ ใจยงั เยาว์ ยงั ไมไ่ ดร้ บั การพฒั นาทาง จิตใจย่อมพอใจหมกมุ่นมัวเมาอยู่ในกาม หมกตัวอยู่ในกามด้วยความ สำ�คญั ผดิ และยดึ ม่ันอยวู่ า่ “กามนเ้ี ท่านน้ั เปน็ บอ่ เกดิ แห่งความสขุ ” แม้ ถูกหนามแห่งกามท่ิมแทงเอา ถูกไฟคือกามเผาลนเอาก็ยังไม่รู้สึก สำ�คัญผิดไปอีกว่าเป็นเพราะเหตุอ่ืนและโทษสิ่งน้ันสิ่งนี้ ท่ีแท้เป็นเร่ือง ของความใครใ่ นกามคณุ ของตนเอง เป็นเรอ่ื งความยดึ มน่ั ของตนเอง AWText-KarmSuk-new.indd 78 8/25/13 10:24 AM

79 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ตัวอย่าง ชายหนุ่มรักหญิงสาว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นความใคร่ ในกามคณุ เสยี มากกวา่ ความรกั แทร้ กั บรสิ ทุ ธ์ิ แตเ่ ขายงั เขา้ ใจผดิ วา่ ความรกั ของเขาบรสิ ทุ ธ์ิ เขารักดว้ ยต้องการเชยชมรูป เสยี ง กลิ่น รส และผัสสะ ทางกายที่จะพึงได้จากหญิงน้ัน แม้จะมีเรื่องคุณธรรมและความเห็นอก เห็นใจเจืออยู่ด้วยก็ตาม ข้อพิสูจน์ว่าเขารักใคร่ด้วยอำ�นาจกามคุณก็คือ ถา้ หญงิ นนั้ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั ชายอนื่ ในแงเ่ สนห่ า เขาจะโกรธมาก อาจทำ�ลาย ชวี ติ ของหญงิ นนั้ เสยี กไ็ ด้ นห่ี รอื รกั แท้ รกั บรสิ ทุ ธ์ิ ความจรงิ มนั คอื กามคณุ ที่เขาพากันเรียกเสียใหม่ว่าความรัก เพราะความรักของเขาเต็มไปด้วย ความยดึ มนั่ หวงแหน คบั แคน้ เรา่ รอ้ น รษิ ยา และทำ�ใหเ้ กดิ โทสะงา่ ยทส่ี ดุ ในกรณที หี่ ญิงสาวรกั ชายหน่มุ ก็เหมือนกัน ในรายท่ีแต่งงานกันจนมีลูกด้วยกันแล้ว ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงไป รักคนอืน่ อีกกถ็ ือเปน็ เร่ืองเดือดร้อนมาก ความริษยา ความชิงชงั ความ อาฆาตเคียดแค้นเกิดข้ึนอย่างสุดจะพรรณนาได้ จนถึงกับทำ�ร้ายทุบตี และประหารชีวิตของฝ่ายหน่ึงเสียก็มี ความเคียดแค้นเหล่าน้ันสืบเนื่อง AWText-KarmSuk-new.indd 79 8/25/13 10:24 AM

80 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว มาจากความใคร่ ความยึดมั่นในกามข้อพิสูจน์ก็คือในรายท่ีเรามิได้มี ความใคร่ ความยึดมั่นในกามก็ไม่ทำ�ให้เราเดือดร้อนได้ ไม่ว่าเขาผู้น้ัน จะไปทำ�อะไร อยา่ งไร กบั ใครทไ่ี หน บางทีการทำ�การแกแ้ คน้ สรา้ งเวร สร้างกรรมของเขาจนเสียชีวิตและตนเองต้องเป็นอาชญากรน้ัน เป็น เกียรติยศนักหรือ ลูกของคนซึ่งมีพ่อหรือแม่เป็นอาชญากรน้ันเป็น เกียรติยศนักหรือ การต้องไปติดคุกติดตะรางถึง ๒๐-๓๐ ปีน้ัน เป็น เกยี รตยิ ศหรือ ถา้ มองชีวิตในระยะยาวจะเหน็ ว่าไมค่ วรทำ� เมื่อเหตุการณ์ อย่างนน้ั เกดิ ขนึ้ กค็ วรละ อุปาทานในกามเสยี และถอื เป็นโอกาสปลกี ตน ออกจากกามซงึ่ เปน็ ของรอ้ น เขา้ หาความสงบเยน็ ในธรรมหรอื การบำ�เพญ็ คุณงามความดีให้สูงขนึ้ ไป จนใจพ้นจากความยึดมน่ั แล้วจะเหน็ คุณของ การทำ�อย่างนดี้ ว้ ยตนเอง กามได้แฝงมาในรูปต่างๆ ผ้มู ีปญั ญาจักษนุ ้อยกไ็ ม่อาจมองเห็น ประจกั ษไ์ ด้ เสยี งเพลงนน้ั ถา้ ฟงั เนอื้ รอ้ งใหด้ แี ลว้ จะเหน็ วา่ เปน็ เสยี งครวญ แหง่ กามในลกั ษณะตา่ งๆ เชน่ เจบ็ แคน้ , ไมส่ มหวงั , เสยี ดาย, หวงั ความสขุ AWText-KarmSuk-new.indd 80 8/25/13 10:24 AM

81 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ความชื่นบานแต่ยังไม่ได้สมหวัง, ร�ำพันถึงผู้จากไปด้วยอาลัยอาวรณ์... ล้วนแต่เป็นเสียงคร่�ำครวญท้ังสิ้น เสียงเพลงคือเสียงคร่�ำครวญ เสียง ร้องไห้ เสียงพิลาปร�ำพัน โลกเต็มไปด้วยความเศร้า ความระทมขมขื่น ไดย้ นิ กนั อยทู่ ว่ั ไป แตค่ นสว่ นมากส�ำคญั ผดิ วา่ เปน็ เสยี งแหง่ ความรน่ื รมย์ ประหน่งึ วา่ ตนเปน็ โรคซาดิสท์ (Sadist) มองเห็นความทุกขท์ รมานของ ผู้อน่ื เปน็ สงิ่ รืน่ รมย์ของตน และชอบท�ำใหผ้ อู้ นื่ เจบ็ ปวด เพ่อื ความพอใจ ของตน อยา่ งไรก็ตาม กามคณุ น่แี หละคือเสน่ห์ของโลก เพราะมนั เปน็ เหยอื่ ของโลก (โลกามสิ ) ทำ�นองเดยี วกบั เหยอ่ื ทต่ี ดิ อยกู่ บั เบด็ หมุ้ เบด็ อยู่ นั่นแหละคอื เสน่ห์ของเบ็ด ปราศจากเหย่ือแลว้ จะไม่มีปลาตวั ใดติดเบ็ด เพราะเหยอื่ ปลาจงึ ตดิ เบด็ ไดก้ นิ เหยอื่ เพยี งนดิ เดยี ว กลนื เบด็ เขา้ ไปดว้ ย ปลาโงจ่ งึ ถกู พรานเบด็ ลากไปไดต้ ามปรารถนาและวดั ขนึ้ บก ตอ้ งทรุ นทรุ าย ทุกข์ทรมานไปจนกว่าจะส้ินชีวิตและเป็นเหยื่อของพรานเบ็ดนั่นเอง เพราะใครเ่ หย่อื จนตนเองต้องตกเป็นเหย่อื AWText-KarmSuk-new.indd 81 8/25/13 10:24 AM

82 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ลองนึกดูเถิดว่า คนในโลกท่ีพอใจติดเหยื่อของโลกแล้วต้อง ทนทกุ ขท์ รมานอยใู่ นโลกนป้ี ระมาณเทา่ ใด นา่ สงสารเพยี งใด นา่ ชว่ ยเหลอื เพียงใด อย่างน้อยช่วยให้เขาได้รู้ว่าเหย่ือน้ันมีเบ็ดเกี่ยวอยู่ด้วย ขอให้ กนิ เหยอื่ ดว้ ยความระมดั ระวงั ถา้ ฉลาดขนึ้ กจ็ ะกนิ แตเ่ หยอื่ ไดโ้ ดยไมต่ ดิ เบด็ ทำ�ให้พรานเบ็ดต้องเก้อ ยกเบ็ดขน้ึ ดูบ่อยๆ เห็นแตเ่ บด็ เหยอื่ หายไป แตจ่ ะมใี ครสกั กค่ี นเลา่ ในโลกนท้ี เ่ี ปน็ เชน่ ปลาฉลาด รอบรู้ และ ทฉ่ี ลาดขน้ึ ไปกวา่ นน้ั กส็ ามารถรไู้ ดว้ า่ เหยอ่ื อนั ใดมเี บด็ เหยอ่ื ใดไมม่ เี บด็ เลอื กกนิ เฉพาะเหยอ่ื ทไ่ี มม่ เี บด็ กจ็ ะสามารถรกั ษาตวั ใหป้ ลอดภยั โดยตลอด ความกำ�หนัดในกามเป็นอาสวะ (ส่ิงหมักดอง) อย่างหนึ่ง ซ่ึง หมักหมมอยู่ในจิตสันดานของสัตว์โลก ยากท่ีจะละหรือปลดเปล้ืองได้ ทงั้ นเี้ พราะมคี วามสขุ เลก็ ๆ นอ้ ยๆ คอยเปน็ เหยอื่ ลอ่ ใหห้ ลง เปน็ หลมุ พราง ใหก้ ้าวเขา้ ไป เมอื่ ติดหล่มคอื กามแล้ว กย็ ากที่จะถอนตนขนึ้ มา แลว้ กา้ ว ให้พน้ ไปได้ AWText-KarmSuk-new.indd 82 8/25/13 10:24 AM

83 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ส�ำหรับผู้ส�ำเหนียกรู้ถึงโทษของกามแล้วพยายามออกจากกาม แต่ยังออกไม่ได้ด้วยเหตุใดเหตุหน่ึง เช่น พันธกรณีเกี่ยวกับความรับ ผิดชอบหรอื ก�ำลังใจยงั ไม่พอ เป็นต้น ก็ไมน่ า่ วติ ก เพราะถึงอยา่ งไร คน พวกนจ้ี ะตอ้ งออกไปไดว้ นั หนง่ึ เมอ่ื พนั ธกรณสี น้ิ สดุ ลงหรอื อบรมจติ และ ปญั ญาจนกำ� ลงั ใจและกำ� ลงั ปญั ญาเพยี งพอแลว้ แตค่ นทไ่ี มเ่ คยสำ� เหนยี ก รู้ถึงโทษของกามเลย ศึกษาเรียนรู้แต่เร่ืองคุณของกาม ได้ยินได้ฟังแต่ กถาอันเป็นเหตุให้ความกระหายในกามเริงแรงข้ึน มีกิจกรรมอันย่ัวยุ กามารมณ์อย่ไู ม่เวน้ วัน การศึกษา การท�ำงานและการเก่ยี วข้องในสังคม ลว้ นมงุ่ เอาความสำ� เรจ็ ทางกามเปน็ ผลทมี่ งุ่ หมาย ในฐานะเปน็ ความสำ� เรจ็ ของชวี ติ ถา้ อยา่ งนแ้ี ลว้ เขาจะออกจากกามไปไดอ้ ยา่ งไร คงจะตอ้ งยดึ มนั่ เอากามารมณเ์ ปน็ จดุ หมายปลายทางของชีวติ เป็นแน่แท้ ในขณะทก่ี ำ� ลงั แสวงหาอยู่นั้น ดวงจิตของเขาก็จะถูกเฆ่ียนด้วยแส้คือความผิดหวัง ระทมขมขนื่ โชกดว้ ยนำ้� ตาครง้ั แลว้ ครงั้ เลา่ ถงึ กระนน้ั เขากย็ งั คงกระเสอื ก กระสน แสวงหากามอยนู่ นั่ เอง เพราะอานภุ าพของกามปุ าทานคอื ยดึ มน่ั วา่ “กามนแี่ หละเปน็ บอ่ เกดิ แหง่ ความสุขอันแท้จรงิ ” AWText-KarmSuk-new.indd 83 8/25/13 10:24 AM

84 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว กามในฐานะเป็นบ่วงที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “กามปาสะ” หรือกามบาสนั้น มีลักษณะคล้องและผูกมัดสัตว์ท้ังหลายไว้ในภพให้ เวียนว่ายตายเกดิ อยใู่ นสังสารวัฏแห่งกามภพนี้ การผูกมดั มีลักษณะทผ่ี กู หยอ่ นๆ ก็จรงิ แต่แก้ไดย้ าก-ยากมาก ทเี ดยี ว ผตู้ อ้ งการแกจ้ ะตอ้ งใชก้ ำ�ลงั ใจมาก ใชก้ ำ�ลงั สมาธอิ ยา่ งแรง เพราะ แก้ไม่ได้ด้วยวิธีธรรมดา เหมือนปมบางอย่างที่แก้ได้ยากมันยุ่งไปหมด ต้องใช้ดาบฟัน ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกปมชนิดน้ีว่า Gordian Knot* อยา่ งทีพ่ ระเจา้ อเลกซานเดอรม์ หาราชทรงทำ� *เล่ากันว่าเป็นปมที่กษัตริย์กอรดิอุส (Gordius) แห่งไฟรเกีย (Phrygia) ผูกไว้ในสมัย โบราณ กลา่ วกันว่าใครแก้ปมนี้ได้จะไดเ้ ปน็ ใหญ่ในเอเชีย อเลกซานเดอรม์ หาราช ทรงใชด้ าบ ของพระองคต์ ดั ปมนี้ ดงั นน้ั คำ� วา่ “ตดั กอรเ์ ดยี น นอ้ ท” จงึ กลายเปน็ สำ� นวนหมายความวา่ การ แกป้ ญั หายุ่งยากโดยฉบั พลนั ด้วยการใช้ก�ำลงั อธิบายนจี้ ากพจนานกุ รมองั กฤษฉบับของ A.S. Hornby หน้า ๕๓๙ AWText-KarmSuk-new.indd 84 8/25/13 10:24 AM

85 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ กามคุณในฐานะเป็นพวงดอกไม้ของมาร-มารคือสิ่งท่ีล้างผลาญ คณุ ความดี และท�ำใหเ้ สยี คนได้งา่ ย มารอาศัยพวงดอกไมท้ ้ัง ๕ คอื รปู เสยี ง กล่นิ รส และสมั ผัสทางกาย น่ีแหละเทย่ี วยัว่ ยวนมนษุ ย์ และสตั ว์ ในกามโลกท้งั มวลใหห้ ลงเพลดิ เพลนิ เดนิ เขา้ ไปสู่หลุมพรางของตน แลว้ กกั ขงั ห�้ำหัน่ ย่ำ� ยีเอาไดต้ ามใจปรารถนา นกั จิตวทิ ยาท่ีมองเหน็ ว่ามนุษย์ เปี่ยมล้นอยู่ด้วยกามุปาทานน้ัน เห็นจะไม่มีใครเกิน ซิกมันต์ ฟรอยด์ เขาเหน็ วา่ มนษุ ยต์ กอยภู่ ายใตก้ ารครอบงำ� ของกามโดยสน้ิ เชงิ ไมว่ า่ พฤต-ิ กรรมใดๆ ของมนษุ ยล์ ว้ นมาจากแรงกระตนุ้ ของกามทง้ั สน้ิ การประดษิ ฐ์ ตา่ งๆ ศลิ ปะต่างๆ ในโลก ลว้ นเปน็ แรงกระตนุ้ มาจากกามารมณ์ท้งั นัน้ คนทเ่ี หน็ ดว้ ยกบั ฟรอยดก์ ม็ มี าก ตามสายตาของฟรอยดด์ เู หมอื น วา่ มนษุ ยไ์ มส่ ามารถเอาชนะกามกเิ ลสไดเ้ ลย แตต่ ามสายตาของนกั ปราชญ์ ทางปรชั ญาและศาสนา เหน็ วา่ บคุ คลสามารถเอาชนะกามารมณห์ รอื กามคณุ ได้ โดยวิธีฝึกฝนควบคุมอินทรีย์ (Organs) ต่างๆ ของตนจนล่วงพ้น ความพอใจในกามคณุ ได้ ในขณะเดียวกนั กเ็ อาชนะความไม่พอใจไดด้ ้วย AWText-KarmSuk-new.indd 85 8/25/13 10:24 AM

86 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว การต้ังอยู่ในอุเบกขาวางใจเป็นกลาง ไม่เอียงไปข้างรักหรือข้างชัง เมื่อ เป็นดังน้ีย่อมได้รับความสดชื่นแจ่มใสที่แท้จริง นักปราชญ์ทางน้ีเห็นว่า จะสดชืน่ อะไรในเมอื่ ใจถกู ราคะ โทสะ และโมหะเผาลนอยู่ ต่อเมอ่ื พ้น จากราคะ โทสะ และโมหะ แล้วจึงเรียกว่าสดชนื่ แท้จริง การควบคมุ อนิ ทรยี ์ (Sense-Organs) คอื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ การทำ�จติ ใหม้ น่ั คงดว้ ยกำ�ลงั สมาธแิ ละการพฒั นาปญั ญาใหร้ งุ่ เรอื งจน สามารถมองเห็นโทษของกามคุณอย่างชัดเจนอย่เู สมอๆ ทางน้แี หละจะ สามารถเอาชนะกามกเิ ลสได้ ไมก่ ลบั มาเวยี นวา่ ยตายเกดิ ในกามโลกนอ้ี กี ความเรา่ รอ้ นทางใจ อนั มกี ามคณุ เปน็ เหตนุ น้ั ปรากฏใหเ้ หน็ อยา่ ง ชดั เจนทว่ั ไปทงั้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แกต่ นเองและเกดิ แกผ่ อู้ นื่ นา่ จะเปน็ สงั เวควตั ถุ (เรอ่ื งชวนสังเวชสลดจติ ) เพือ่ ถอนใจออกไปจากกามปุ าทานได้ สำ�หรับ ผู้มีปัญญาจักษุดำ�เนินชีวิตอยู่ในทางสว่าง แต่สำ�หรับผู้ไร้ปัญญาจักษุ เดินอยใู่ นทางมดื และไรป้ ระสบการณ์ กค็ งมองไมเ่ ห็นอะไรอย่นู ัน่ เอง AWText-KarmSuk-new.indd 86 8/25/13 10:24 AM

87 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ๒. ทิฏฐปุ าทาน = ความยดึ ม่นั ในทฏิ ฐิ วตั ถแุ หง่ ความยดึ มั่น อีกประการหนึ่งของคนท่วั ไปคือทิฏฐิ = ความเหน็ หรือ ทฤษฎี โดยท่ีมัก จะมองปญั หาเพยี งดา้ นเดียวเหน็ เพียงด้านเดยี ว แลว้ เหมาเอาด้วยความ เขลาว่าทั้งหมดเป็นอย่างน้ัน เช่นเรื่องที่กล่าวถึงพวกตาบอดคลำ�ช้าง ในพระไตรปิฎกเล่มท่ี ๒๕ ข้อ ๑๓๘ เล่าว่า พระราชาในนครสาวัตถี รับสั่งให้ราชบุรุษนำ�เอาพวกตาบอดแต่กำ�เนิดมารวมกันท่ีหน้าพระลาน หลวง แลว้ ใหค้ ลำ�ชา้ ง แตไ่ มใ่ หค้ ลำ�ทงั้ ตวั ใหค้ ลำ�เพยี งคนละสว่ นเทา่ นน้ั เม่ือเสร็จแล้วจึงถามว่า ช้างเหมือนอะไร คนที่คลำ�ถูกหางก็บอกว่าช้าง เหมอื นไม้กวาด คนท่คี ลำ�ถูกขากว็ ่าชา้ งเหมือนเสาเรอื นเปน็ ตน้ ทุ่มเถียง กันด้วยเสียงดังว่า คำ�ของเราเท่าน้ันจริง ของผู้อื่นเท็จ โกรธกันจนถึง กบั จะชกกนั พระราชาประทบั ทอดพระเนตร ทรงพระสรวลดว้ ยความพอ พระทัยแล้วให้นำ�คนตาบอดพวกนน้ั ออกไป AWText-KarmSuk-new.indd 87 8/25/13 10:24 AM

88 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว พระพทุ ธเจา้ ตรสั เลา่ เรอื่ งนใ้ี หภ้ กิ ษทุ งั้ หลายฟงั เมอ่ื ภกิ ษทุ ง้ั หลาย มากราบทลู วา่ ออกไปบณิ ฑบาตในเมอื งสาวตั ถี ไดย้ นิ พวกสมณะเจา้ ลทั ธิ ทั้งหลาย นั่งเถียงกันด้วยเสียงดังว่า ทิฏฐิ หรือทฤษฎีของเขาเท่านั้น ถูกต้องของคนอ่ืนไม่เป็นจริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ศาสดาคณาจารย์ เหล่านั้นล้วนแต่มองเห็นเพียงด้านเดียวแล้วยึดม่ันในทิฏฐิของตน แล้ว วิวาทกันเหมอื นพวกตาบอดคลำ�ชา้ งฉะนนั้ พวกศาสดาคณาจารย์ท้ังหลายในสมัยนั้น ส่วนมากใช้วิธีเก็ง ความจริงทางปรชั ญา (Philosophical speculation) แล้วยืนยันทฤษฎี ของตนโดยมิได้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง จึงมองปัญหาแคบด้านเดียว มืดมัวและเดา แต่ถึงกระนั้นก็ยังยึดมั่นทฤษฎีของตนไว้ด้วยความเขลา เปน็ การปิดก้นั ตนเองมิใหก้ ้าวไปขา้ งหนา้ และขงั ตวั เองอยใู่ นห้องแคบๆ คอื ทฏิ ฐขิ องตน ถา้ เปน็ ทฏิ ฐอิ นั ชวั่ ชา้ ลามกกจ็ ะยง่ิ เปน็ โทษใหญ่ ไมเ่ ปน็ โทษ เพยี งแกต่ นเองเทา่ นนั้ แตจ่ ะเปน็ โทษแกผ่ เู้ ชอ่ื ตาม ถอื ตามและปฏบิ ตั ติ าม อกี เปน็ อนั มาก พระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวว้ า่ ทรงมองไมเ่ หน็ สงิ่ ใดมโี ทษมากเทา่ AWText-KarmSuk-new.indd 88 8/25/13 10:24 AM

89 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ มจิ ฉาทิฏฐิ คนผเู้ ป็นมิจฉาทฏิ ฐเิ กดิ มาเพื่อใหโ้ ทษแก่โลก ทรงมองไม่เห็น ส่ิงใดมีคุณมากเท่าสัมมาทิฏฐิ ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิเกิดมาเพื่อประโยชน์แก่ โลกเพ่อื ประโยชนแ์ กค่ นหมูม่ าก ผศู้ กึ ษาพระพุทธศาสนาบางคน มองพระธรรมของพระพทุ ธเจ้า เพียงดา้ นเดียวเหมอื นกนั แล้วติดอยเู่ ฉพาะในส่วนนนั้ ปฏิเสธสว่ นอืน่ ๆ เสยี สน้ิ ทงั้ ๆ ที่ตามความเป็นจรงิ แล้ว พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงธรรมเปน็ อเนกปรยิ าย (Many-sided views) เพอ่ื ประโยชนแ์ กบ่ คุ คลทกุ ระดบั ชนั้ ตามภมู ปิ ญั ญาของเขาเทา่ ทเ่ี ขาพอจะรไู้ ด้ และนำ�ไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ประโยชน์ แกต่ นตามสมควรแก่ฐานะ AWText-KarmSuk-new.indd 89 8/25/13 10:24 AM

90 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว แต่นักการศึกษาสมัยใหม่บางคน สำ�คัญตนว่าเป็นผู้เข้าใจ พระพทุ ธศาสนาดี ถกู ต้อง ตรง เล่อื มใสพระพุทธวจนะสตู รใดสูตรหน่ึง ตอนใดตอนหนึ่ง แล้วปฏิเสธส่วนอื่นซึ่งมิใช่ส่วนนั้นทั้งหมด ว่ามิใช่ พทุ ธศาสนา บางคนเล่อื มใส กาลามสูตร หรือ เกสปุตตสตู ร อันว่าด้วยเรอ่ื ง ความเชือ่ ว่าไม่ควรรบั เชอื่ เพราะอยา่ งน้ันๆ ๑๐ ประการ รวมทัง้ ไมค่ วร เชอ่ื ในฐานะทผี่ นู้ น้ั เป็นครูของเราด้วย ในท่ีสดุ กไ็ ม่เช่ืออะไรเลย เขามิได้ เออื้ เฟอ้ื ต่อคำ�สอนอน่ื ๆ ของพระพุทธองค์ทสี่ อนใหม้ ีศรทั ธา = เช่อื สิ่งที่ ควรเชื่อ บุคคลท่ีควรเชื่อ เขามิได้นึกว่ากาลามสูตรนั้น พระพุทธองค์ ทรงแสดงเปน็ กรณพี ิเศษ เฉพาะเรอื่ งเฉพาะคราวเท่านน้ั แกบ่ คุ คลกลุ่ม นนั้ เทา่ นัน้ AWText-KarmSuk-new.indd 90 8/25/13 10:24 AM

91 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ บางคนไปติดจูฬมาลุงกโยวาทสูตร ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงแก้ ปญั หาเรอ่ื งโลก และเรอ่ื งชวี ติ วญิ ญาณหลงั จากตายแลว้ เปน็ อยา่ งไร แลว้ ยืนยันม่ันคงด้วยอ้างพระสูตรนี้อยู่สูตรเดียวว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงสน พระทัยเรื่องตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด แต่ท่ีทรงแสดงไว้ในท่ีอ่ืนมากมาย เกย่ี วกบั การเวยี นวา่ ยตายเกดิ เขาไมส่ นใจ ไมร่ บั ฟงั ฝงั ใจอยแู่ ตพ่ ระสตู ร นน้ั เทา่ นนั้ ยดึ มนั่ ดว้ ยทฏิ ฐวิ า่ นเ้ี ทา่ นนั้ ถกู ตอ้ งอยา่ งอนื่ เหลวทง้ั สน้ิ (อทิ เมว สจฺจํ โมฆมญฺญํ) อันพระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า สัจจาภินิเวส จัดเป็น คันถะ = เคร่ืองผกู มดั อยา่ งหนงึ่ ในบรรดาคนั ถะ ๔ ประการ กลา่ วคือ อภชิ ฌา ความโลภอยากไดข้ องผอู้ น่ื พยาบาท การปองร้ายผ้อู ืน่ สลี พั พตปรามาส ความยดึ ม่นั ในวตั รอนั ไร้เหตุผลขาดปญั ญา อิทังสจั จาภินิเวส ความยดึ มนั่ วา่ น้ีเท่าน้นั จริงอย่างอ่นื เหลวไหล ท้งั สน้ิ อนั เปน็ ทรรศนะทีแ่ คบ มืดมน ทำ�ให้ร้อนกายร้อนใจ เหมือนคน ขุดบอ่ ลึกแตแ่ คบ ย่ิงลึกย่งิ มดื และร้อนเมอื่ ลงไปอยู่ในนั้น AWText-KarmSuk-new.indd 91 8/25/13 10:24 AM

92 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว กล่าวโดยทั่วไป ในวงสมาคม ใครก็ตามที่เอาแต่ใจตัว ยึดมั่นแต่ ความเห็นของตน ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นบ้างน้ัน มักเป็นท่ี เบ่ือหน่ายของเพื่อนฝูง เป็นที่ระอาของผู้หวังดี เรียกกันว่าเป็นคนหัวดื้อ หัวรั้น มีทิฏฐิมานะจัด ไม่มีคนนิยม ขาดเพ่ือนเห็นใจและเพ่ือนร่วมทุกข์ ร่วมสุข ใครไปแตะต้องความคิดเห็นของเขาไม่ได้ ถ้าทิฏฐิของเขาเป็น มิจฉาทิฏฐิด้วยแล้ว ก็จะดึงเขาด่ิงลงไปในห้วงเหวแห่งหายนะอย่างไม่ต้อง สงสัย ตรงกนั ขา้ มกับคนท่ไี ม่ยึดมัน่ ในทิฏฐขิ องตนฝ่ายเดยี ว หม่นั ปรึกษา ไต่ถามท่านผู้รผู้ ้ชู ำ�นาญทีเ่ คยเดินทางมาก่อน เม่ือตนและผใู้ หญเ่ ห็นชอบ แลว้ จงึ ทำ�ลงไปดว้ ยความมน่ั ใจไดร้ บั การสนบั สนนุ หากจะมผี ดิ พลาดบา้ ง ก็ได้รับความเห็นใจในฐานะเป็นส่ิงสุดวิสัย การปรึกษาหารือกับท่านผู้รู้ ทำ�ให้ได้ทรรศนะท่ีกว้างไกล ท่านอาจช้ีให้เห็นสิ่งท่ีเรายังมองไม่เห็น ชี้ ขอ้ บกพร่องชอ่ งโหว่ทเ่ี รามไิ ดเ้ ฉลยี วใจ ท่านอาจชใ้ี ห้เราเหน็ ปญั หาหลาย ดา้ น ถา้ ปรกึ ษากบั เพอ่ื นฝูงทีม่ ที ัง้ สติและปัญญาเท่าๆ กนั กเ็ หมือนไม่ได้ ปรกึ ษา แตถ่ ึงกระน้ัน ถ้าถามความเห็นเขาบ้าง เขาอาจมีคำ�พูดบางคำ�ที่ สะกิดใจเรา ทำ�ให้เรานึกบางส่ิงบางอย่างได้ อาจกลับตัวได้หรือล้มเลิก AWText-KarmSuk-new.indd 92 8/25/13 10:24 AM

93 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ ทฏิ ฐิอันไมด่ ีเสีย อย่างไรกต็ าม ไมค่ วรตามความคิดเหน็ ของผ้อู น่ื เสียจน ขาดความเปน็ ตวั ของตัวเอง คลอนแคลน ไม่มัน่ คง ถูกชักจงู ไดง้ า่ ยขาด เหตผุ ลอันพอตรองเห็นได้ดว้ ยตนเอง หรือขาดหลักอนั เป็นทพ่ี กั พิงของ ตนเองกลายเปน็ คนเชอื่ งา่ ยขาดเหตผุ ล คอยแตต่ ามเสยี งเขาวา่ เสยี เรอื่ ยไป ทางทดี่ ที ส่ี ดุ กค็ อื เดนิ ทางสายกลาง มหี ลกั ของตนเองพอสมควร และฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืนบ้าง ยืดหยุ่นในสิ่งท่ีควรยืดหยุ่น ยืนหยัด ดว้ ยความเชอื่ มนั่ ในสงิ่ ทคี่ วรยนื หยดั ขณะเดยี วกนั กค็ อยพจิ ารณาความจรงิ อย่เู สมอ เมอ่ื ความจริงเปลยี่ นไปแลว้ กค็ วรจะเปล่ยี นความคิดเหน็ หรอื ความปักใจนั้นเสียด้วย เป็นบุคคลประเภท สัจจานุโลม ตัวอย่างเช่น เราเคยเหน็ บคุ คลผหู้ นง่ึ เปน็ คนชว่ั เพราะเขาทำ�ชว่ั นานาประการ ทำ�ใหเ้ รา ปกั ใจวา่ เขาเปน็ คนเลว แตต่ ่อมาเขากลับตัวเปน็ คนดี ทำ�ดี พูดดี คิดดี เราก็เห็น คนอ่ืนก็เห็น มีข้อพิสูจน์หลายประการว่าเขาเป็นคนดีแล้ว เรากค็ วรถอนความปกั ใจเดมิ วา่ เขาเปน็ คนเลว มามคี วามเหน็ ตามเปน็ จรงิ วา่ เขาเปน็ คนดี อยา่ งนเ้ี รยี กวา่ สจั จานโุ ลม ในทางตรงกนั ขา้ มกเ็ หมอื นกนั AWText-KarmSuk-new.indd 93 8/25/13 10:24 AM

94 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว คนทเี่ คยดตี อ่ มาอาจเปน็ คนชวั่ ได้ เมอ่ื เหตปุ จั จยั ปรงุ ใหเ้ ขาชวั่ สงิ่ ทง้ั หลาย ทง้ั ปวงไมเ่ ทยี่ งอยอู่ ยา่ งน้ี จงึ ไมค่ วรยดึ มนั่ ในความเหน็ จนเกนิ ไป โดยเฉพาะ ความยึดม่ันในทิฏฐิท่ีผิดและชักชวนผู้อื่นให้มีทิฏฐิเช่นน้ันด้วยย่อมมีโทษ มาก ดงั ทพี่ ระพทุ ธองค์ตรสั ว่า “คนพวกหน่ึงเกิดมาเพ่ือให้ทุกข์ให้โทษแก่คนมาก แก่เทวดา และมนุษย์ท้งั หลาย นนั่ คอื พวกมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นวิปริต ทำ�บคุ คล เป็นอันมากให้ออกจากธรรมของสัตบุรุษ (คนดี) ให้ต้ังอยู่ในธรรมของ อสัตบุรุษ (คนเลว) ๑ ” “สว่ นคนอกี พวกหนึ่ง เกดิ มาเพ่ือประโยชน์สขุ แก่คนมาก เพือ่ ประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย น่ันคือ ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิมี ความเห็นถูกต้องทำ�บุคคลเป็นอันมากให้ออกจากอสัทธรรม ให้ดำ�รงอยู่ ในสทั ธรรม” ๑ องั คุตตรนกิ าย เอกนบิ าต ๒๐/๔๔ ๒ องั คตุ ตนิกาย ทกุ นิบาต เล่ม ๒๐ ขอ้ ๒๘๒ AWText-KarmSuk-new.indd 94 8/25/13 10:24 AM

95 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ “คราวหนึ่ง มีพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อ อารามทัณฑะ ถาม พระมหากัจจายนะ (สาวกผู้ใหญ่รูปหน่ึงของพระพุทธเจ้า) ว่าคฤหัสถ์ ทะเลาะวิวาทกันเพราะเหตุใด สมณะทะเลาะวิวาทกันเพราะเหตุใด พระมหากัจจายนะตอบว่า คฤหัสถ์ทะเลาะกันเพราะตกอยู่ในอำ�นาจ ของกามราคะ บรรพชิตหรือสมณะทะเลาะกันเพราะตกอยู่ในอำ�นาจ ของทฏิ ฐริ าคะ (ความกำ�หนัดพอใจในทิฏฐิ) ๒ พราหมณ์ถามว่า ใครล่วงพ้นได้แล้วซึ่งกามราคะและทิฏฐิราคะ พระมหากัจจายนะตอบว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซ่ึงเวลาน้ันประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี พราหมณ์เล่ือมใสประกาศตนเป็น อุบาสกนบั ถือพระรัตนตรยั ตลอดชีวติ ” AWText-KarmSuk-new.indd 95 8/25/13 10:24 AM

96 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ๓. สีลพั พตปุ าทาน = ความยดึ มนั่ ในศีลและพรต พจนานกุ รม พทุ ธศาสตร์ โดยพระราชวรมุนี (ปยุตฺโต ป.ธ.๙ พธ.บ.) ได้ให้ความหมาย ไว้ว่า “สีลัพพตุปาทาน๑ ความยึดมั่นในศีลและพรต คือหลักความ ประพฤติ ขอ้ ปฏิบตั ิ แบบแผน ระเบยี บ วธิ ี ขนบธรรมเนยี มประเพณี ลัทธิพิธีต่างๆ ถือว่าจะต้องเป็นอย่างน้ันๆ โดยสักว่าทำ�สืบๆ กันมา หรือปฏิบัติตามๆ กันไปอย่างงมงายหรือโดยนิยมว่าขลัง ศักด์ิสิทธ์ิ มิได้เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจตามหลักความสัมพันธ์แห่งเหตุผล Clinging to mere rule andritual” ศีลหรือหลักของความประพฤตินั้น ท่านผู้รู้บัญญัติขึ้นเพ่ือให้ เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม ความเปน็ ไปของมนษุ ย์ และประโยชนท์ ม่ี นษุ ย์ จะพงึ ไดจ้ ากขอ้ บญั ญตั นิ นั้ ๆ ตามความจำ�เปน็ และเหมาะสมแกส่ งั คมนนั้ ในกาละนั้นและเทศะนัน้ เมื่อกาลเวลาลว่ งไป สภาพแวดล้อมของมนษุ ย์ เปลยี่ นไป สถานการณต์ า่ งๆ เปลยี่ นไป ความจำ�เปน็ ในการทจ่ี ะรกั ษาหลกั ๑ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ หนา้ ๑๒๕ ข้อ ๑๘๒ AWText-KarmSuk-new.indd 96 8/25/13 10:24 AM

97 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ แหง่ ความประพฤตบิ างประการกห็ มดไปดว้ ย ผใู้ ดยงั ยดึ มนั่ ในหลกั เดมิ อยู่ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไขยืดหยุ่นให้เหมาะสม ผู้นั้นย่อมประสบความ ลำ�บากเปลา่ กลายเปน็ ถอื อยา่ งงมงายไรเ้ หตผุ ล ไมไ่ ดป้ ระโยชนอ์ ะไรจาก การถอื เชน่ นนั้ ถา้ เขายงั ถอื มนั่ อยตู่ ามตวั หนงั สอื หรอื ตามทถี่ อื สบื ๆ กนั มา ก็แปลว่า เขาถือม่ันด้วยอุปาทาน หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ มีแต่จะ เบยี ดเบยี นตนใหเ้ ดอื ดร้อนและเปน็ เรอ่ื งรุงรัง ไรส้ าระ วตั ร หรอื พรต ก็ทำ�นองเดียวกัน ทา่ นผู้รู้ไดค้ ดิ ขึ้นวางไว้เปน็ แบบแผน เมื่อทำ�กันต่อมาก็กลายเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี อาจ เหมาะสมและสมควรเฉพาะในสมยั ของทา่ น และบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายไดจ้ รงิ ในสมัยของท่าน แต่พอล่วงกาลผ่านสมัยมาแล้ว ความจำ�เป็นเช่นนั้น ไมม่ กี ารทจ่ี ะรกั ษาลทั ธปิ ระเพณี ขนบธรรมเนยี มอนั นน้ั ไว้ กไ็ มจ่ ำ�เปน็ อกี ตอ่ ไป ใครยังยึดมัน่ อยู่อย่างเดมิ ก็เสยี เวลา เสียประโยชน์เปลา่ ไม่มีผล อะไรแต่ประการใด เราควรรูแ้ ละศึกษาเร่ืองเหลา่ นนั้ ในฐานะเปน็ ร่องรอย ของชวี ติ ไมใ่ ชเ่ อามายดึ มนั่ ถอื มนั่ ดว้ ยอปุ าทานวา่ เคยทำ�กนั มาอยา่ งนแ้ี ละ ต้องทำ�กันต่อไป AWText-KarmSuk-new.indd 97 8/25/13 10:24 AM

98 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ในอดตี สมยั พุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรแู้ ลว้ ทรงแลเหน็ ว่า มลี ทั ธิธรรมเนยี มพราหมณ์เป็นอนั มาก ท่เี ปน็ ไปเพื่อการเบยี ดเบียน เชน่ การฆ่าสัตว์บูชายัญ ที่เป็นยัญใหญ่ถึงกับฆ่าเด็ก หรือฆ่ากษัตริย์ก็เคยมี ทรงปฏิเสธยัญเช่นนั้น ทรงส่ังสอนเสียใหม่ให้บูชายัญโดยการสงเคราะห์ เออื้ เฟอ้ื กนั ชว่ ยเหลอื ชวี ติ สตั วแ์ ทนการฆา่ สตั ว์ ผมู้ ปี ญั ญาจกั ษพุ อตรองเหน็ เหตุผลได้ก็เลิกการบูชายัญอย่างเก่า มาบูชายัญอย่างใหม่ตามแบบของ พระพทุ ธองค์ คอื เมตตาปรานีต่อสตั ว์ การประพฤติวัตรหรือพรตอันเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเอง ของนักบวชสมัยนั้นก็มีมาก เช่นการเปลือยกาย การคลุกตัวด้วยขี้เถ้า ตลอดเวลา การลงคลาน ๔ ขาอย่างสนุ ัข การยนื ขาเดียว การนอนบน หนาม ฯลฯ ทรงเหน็ วา่ วัตรเช่นนัน้ ไม่มีประโยชน์ เป็นทุกข์เปลา่ ๆ ไม่มี ผลดแี กใ่ คร ทรงสอนใหป้ ระพฤตวิ ตั รอยา่ งกลางๆ ไมห่ ยอ่ นเกนิ ไป ไมต่ งึ เกินไป เช่นทรงอนุญาตการนุ่งห่มเพียงเพื่อปกปิดความละอายและ ปอ้ งกนั หนาวรอ้ น อนญุ าตทอ่ี ยอู่ าศยั เพยี งพอกนั แดดกนั ฝน อนญุ าตอาหาร AWText-KarmSuk-new.indd 98 8/25/13 10:24 AM

99 อ . ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ เพียงพอเล้ียงชีพไปได้และฝึกจิตให้สะอาดผ่องใส ทรงสอนอย่างตรงไป ตรงมา มเี หตผุ ล เปน็ ประโยชนท์ ง้ั ทางโลกทางธรรม มองให้ใกลเ้ ขา้ มาถึงสมัยปจั จุบัน ส่งิ ท่เี รียกวา่ สีลพั พตปรามาส หรือ สีลัพพตุปาทาน น้ันมีอยู่เป็นอันมาก การนับถือพระรัตนตรัยน้ัน จุดมุ่งหมายท่ีแท้จริงก็เพื่อ การถ่ายแบบ ในทางที่ดี การมีพระรูปของ พระพุทธเจ้าไว้สักการะบูชาก็เพื่อเอาวัตถุมาช่วยจิตใจ คือ จะได้น้อม ระลึกถึงพระคุณของพระองค์ว่าทรงมีพระคุณอย่างน้ันๆ เช่น ทรงมี พระมหากรณุ าเพยี งไร มีความบริสุทธ์ิเพียงไร มีพระปญั ญาอย่างไร แล้ว น้อมเอาพระคุณเหล่าน้ันมาสู่ตน หรืออบรมตนให้มีคุณธรรมคุณสมบัติ อย่างน้ันบ้าง ถ้าเคารพนับถือไปในแง่ขลังและศักดิ์สิทธ์ิย่อมไม่พ้น สีลพั พตุปาทาน AWText-KarmSuk-new.indd 99 8/25/13 10:24 AM

100 ค ว า ม สุ ข จ า ก ค ว า ม ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ตั ว ไมว่ า่ พระใหญ่หรือพระน้อย เดิมทกี ็สรา้ งข้ึนเพือ่ จุดประสงค์ใน การถา่ ยแบบ เพอื่ เปน็ สอื่ กลางใหส้ ง่ กระแสใจไปยงั พระพทุ ธองคห์ รอื เพอื่ ระลกึ ถงึ พระคุณของท่าน ซ่ึงอยู่เบ้อื งหลงั ของรูปนน้ั แต่ตอ่ มาได้เปลี่ยน ไปเป็นเพ่ือขลังและศักด์ิสิทธิ์กันเสียเป็นส่วนมากจึงเข้าไปเก่ียวข้องกับ พระพทุ ธรปู ในฐานะเดยี วกบั เทวรปู ของพราหมณ์ มกี ารบนบานศาลกลา่ ว อ้อนวอนขอผลประโยชน์ ไปตดิ กันอยู่เพียงแค่นั้น การปฏิบตั ิตามธรรม ซงึ่ เปน็ เนอ้ื หาของพระพทุ ธศาสนาไดถ้ กู ปลอ่ ยปละละเลยเปน็ อนั มาก จงึ ไม่ได้รับผลของการนับถือพระพุทธศาสนาเท่าที่ศาสนาอันดีน้ีจะอำ�นวย ประโยชน์ให้ได้ ความวุ่นวายความเดือดร้อนของสังคมอันประจักษ์แก่ ตาของเราทั้งหลายอยู่เวลาน้ีย่อมเป็นสักขีและฟ้องให้เห็นว่า การนับถือ พระพทุ ธศาสนาแบบกราบๆ ไหวๆ้ ไมไ่ ยดตี อ่ การปฏบิ ตั ติ ามหลกั คำ�สอน ของพระพทุ ธองคม์ ผี ลรา้ ยอยา่ งไร ไมไ่ ดป้ ระโยชนค์ มุ้ กบั การลงทนุ ลงแรง เพียงไร เป็นการลงทุนท่ีเสยี เปล่าเพยี งไร AWText-KarmSuk-new.indd 100 8/25/13 10:24 AM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook