Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore santabot

santabot

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-03-09 07:25:47

Description: santabot

Search

Read the Text Version

ท่ีจริงคนท่ีเขามีการศึกษาน้อยกว่าเรา เป็นเพราะเขาม ี โอกาสน้อยกว่าก็ได้ แต่มันสมองและความเฉลียวฉลาด บางท ี ก็ไม่ได้ด้อยกว่าคนที่ดูถูกเขาหรอก ลองดูมันสมองชนบท เด็ก  บา้ นนอกนนี่ า่ ดนู ะครบั  แตเ่ ขาไมม่ โี อกาสไดเ้ รยี น พอไดเ้ รยี นก็  เฉลยี วฉลาดเยอะ ทเ่ี ปน็ ผ้ใู หญ่บรหิ ารคณะสงฆ์อยู่เวลานี้ กค็ น  ชนบทท้ังน้ัน แม้แต่ข้าราชการผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน คนกรุงเทพฯ  มีน้อย เพราะฉะนนั้ ไมค่ วรจะดถู กู กนั  ดว้ ยเหตทุ เี่ ขามกี ารศกึ ษา  น้อยกว่า พระพุทธเจ้าบางทีท่านน่ังเอาจีวรคลุมพระเศียรอยู่ใต ้ ตน้ ไม ้ มคี นเขา้ ไปถามพระองคว์ า่  ตระกลู อะไร ชาตอิ ะไร พระ-  พทุ ธเจา้ ตรสั วา่  มา ชาต ิ ปจุ ฉฺ  จรณญจฺ  ปจุ ฉฺ  อยา่ ถามเรอ่ื งชาติ  ตระกูลเลย จรณญฺจ ปจุ ฉฺ  ถามเรอ่ื งความประพฤติดีกวา่  ท่ีจริง  ท่านก็ไม่ได้มีปมด้อยเร่ืองชาติตระกูล บอกว่าไฟที่เกิดจากเช้ือ  ต่างๆ แม้จะเกิดจากไม้บ้าง แกลบบ้าง อ่ืนๆ บ้างมันก็ล้วนแต่  เปน็ ไฟ หงุ ขา้ วสกุ เหมอื นกนั  สำ� เรจ็ ประโยชนท์ ใ่ี ชไ้ ฟได ้ มนั ตา่ งกนั   ทเี่ ชื้อเท่านนั้ 50 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

อาจารยท์ องขาวเล่าว่า “มีเรอ่ื งเล่ากนั มาในสมยั รัชกาลท่ ี ๖ ตอนท่านเรียนท่ีอังกฤษ ก็ได้ทราบว่าท่านเป็นคนสนุกสนาน  กับนักเรียนไทย แต่ต่อมาเม่ือท่านได้รับสถาปนาเป็นสยาม-  มกุฎราชกุมาร ท่านก็ไม่ค่อยเล่นแล้ว ท่านก็ชักถือตัว ผู้ที่ดูแล  ก็กราบทูลมาถึงรัชกาลที่ ๕ ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชม ี ความประพฤตเิ ปลยี่ นแปลงไป ตอ่ มารชั กาลท ่ี ๕ กไ็ ดเ้ ขยี นโคลง  บอกว่า ฝูงชนก�ำเนดิ คล้าย คลงึ กัน ใหญ่ยอ่ มเพศผวิ พรรณ แผกบา้ ง ความรู้อาจเรียนทนั กนั หมด ยกแต่ชว่ั ดีกระดา้ ง อ่อนแก ้ ฤาไหว เปน็ บทพระราชนพิ นธท์ ที่ รงเตอื นใหร้ ะลกึ ถงึ วา่ อยา่ ถอื เนอื้   ถอื ตวั  ตอนนนั้ รชั กาลท ี่ ๕ ทรงเสดจ็ ไปประเทศองั กฤษ และเปน็   วนั ทรงคลา้ ยวนั ประสตู ขิ องเจา้ ฟา้ มหาวชริ าวธุ  ทรงเอาไดอารมี่ า  บอกวา่  พระบดิ าเขยี นพระโคลงใหใ้ นวนั นน้ั  ทรงทราบอยแู่ ลว้ วา่   มผี ไู้ ปฟอ้ ง หลงั จากนน้ั มาพระองคก์ เ็ ปลยี่ นนสิ ยั กลบั ไปอยา่ งเดมิ   อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 51

เป็นผู้ท่ีสม�่ำเสมอกับทุกคน จนต่อมาได้ครองราชย์ เล่นละคร  แล้วทา่ นก็ไม่ได้เป็นตวั พระ แตเ่ ปน็ ตวั เสนา” เรยี กวา่  เตอื นครง้ั เดยี ว ไดผ้ ลไปตลอด นเ่ี รยี กวา่ มา้ ดนี ะ  ครบั  มา้ อาชาไนย บางคนก็ดูหมิ่นเขาว่ามียศน้อยกว่า ถ้าเขาคิดได้ว่าที่เขา  มียศน้อยกว่าเพราะว่าเขาทำ� งานทีหลัง ถ้าเร่ิมพร้อมๆ กัน เขา  อาจจะมากกว่าก็ได้ หรือถ้าเขาเริ่มมาก่อน อาจจะมีตำ� แหน่งท ่ี สูงกวา่ ก็ได้ บางคนแยกตวั ไป ไมย่ อมกนิ ขา้ วกบั ใคร พวกนม้ี อี หงั การ  สงู  แกไ้ ขล�ำบาก นอกจากไปโดนอะไรแรงๆ เขา้  จงึ จะยอ้ นกลบั   มาได้ ในสมยั พทุ ธกาล นายฉนั นะกอ็ ตมิ านะแรง วา่ เปน็ ผใู้ กลช้ ดิ   พระพทุ ธเจา้  ออกบวชกต็ ามเสดจ็  ใครสง่ั สอนอะไรกไ็ มฟ่ งั  นค่ี อื   อติมานเี หมอื นกนั 52 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

บางคนก็ไปดูหมิ่นคนอ่ืนในเร่ืองต�ำแหน่งฐานะน้อยกว่า  ถ้านึกว่าสาขางานทเ่ี ขาช�ำนาญ มนั มเี พยี งแคน่ นั้  เขากน็ อ้ ยกวา่   เปน็ ธรรมดา บางคนนคี่ ตวิ บิ ตั  ิ คอื เขาอยใู่ นทท่ี ตี่ ำ� แหนง่ มนั มแี คน่ นั้   แลว้ เขาขนึ้ ไปมากกวา่ นน้ั ไมไ่ ด ้ ตอ้ งนกึ ถงึ เรอ่ื งนด้ี ว้ ย วา่ เอะ๊ ทำ� ไม  คนนจ้ี งึ ฐานะตำ่� ตอ้ ย บางทที เี่ ขามอี ยแู่ คน่ นั้  อยา่ งเปน็ ฆราวาสถงึ   จะเกง่ แคไ่ หนกไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ สงั ฆราช แมแ้ ตเ่ จา้ คณะจงั หวดั  เจา้ คณะ  ต�ำบลก็ไม่ได้เป็น ในทางกลับกัน พระเก่งเท่าไหร่ก็เป็นพันเอก  ไมไ่ ด ้ มนั มขี ้อจำ� กดั อยู่ เพราะฉะนั้นคนท่ีเขาคิดเป็น เขาก็จะคิดอย่างน้ี ก็ไม่  ดถู กู ใคร อยา่ งเวลาปรบั คณะรฐั มนตร ี ถา้ ถกู ปรบั ออกกจ็ ะทรุ น  ทรุ ายกัน ทจี่ ริงถ้าเผือ่ เขาคิดไดท้ ้ังสองดา้ นก็จะไม่มีปัญหาอะไร  คือทุกอย่างที่เขาเป็นอยู่มันมีท้ังคุณท้ังโทษ ถ้าส่วนที่เป็นคุณ  มันหายไป สว่ นทเ่ี ปน็ โทษกห็ ายไปด้วย มนั ก็เทา่ น้นั วันก่อนมีการวิจารณ์เรื่องสมัครผู้ว่าฯ บอกว่านายก  รฐั มนตร ี แลว้ อยๆู่  มาสมคั รเปน็ ผวู้ า่ ฯ มนั ไมเ่ อาไหน อยา่ งนก้ี ม็  ี การที่ใหญ่แลว้ มาเล็กก็ถอื วา่ เป็นเรอื่ งธรรมดา คอื ตอ้ งใหญ่เปน็   อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 53

เลก็ เปน็  แฟบเปน็ พองเปน็  มนั ถงึ จะอยไู่ ด ้ เรอื เวลาน้�ำขนึ้ กข็ นึ้ ไป  ตามนำ้�  เวลานำ�้ ลงกล็ งไปตามนำ�้  ถา้ เผอื่ นำ้� ขน้ึ แลว้ มนั ไมข่ น้ึ กจ็ ม  ถ้าเผื่อน�้ำลงแล้วไม่ลง ก็ค้างเต่ิงอยู่ท่ีไหนไม่รู้ มันอยู่ไม่ได้ ต้อง  ใหญเ่ ปน็ เลก็ เปน็  อยทู่ ไ่ี หนกอ็ ยไู่ ด ้ โอ ้ อยา่ งนเี้ ราเคยเปน็ มาแลว้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนเอาไวใ้ นสงั ยตุ ตนกิ าย “ภกิ ษทุ งั้ หลาย  ถา้ เธอเหน็ คหบดมี งั่ คง่ั สมบรู ณ ์ เหน็ พระราชามหากษตั รยิ  ์ เหน็   ใครตอ่ ใคร ขอใหค้ ดิ วา่ อยา่ งนเี้ รากเ็ คยเปน็ มาแลว้  ในสงั สารวฏั   ทย่ี าวนานน ้ี ถา้ ไปเหน็ คนยากจนเขญ็ ใจ คนทพุ พลภาพ กำ� พรา้   ยากจน ก็ให้นึกอย่างน้ีเราก็เคยเป็นมาแล้ว โดยท่ีสุดแม้จะไป  เหน็ สนุ ัขข้ีเร้ือน อย่างนเี้ รากเ็ คยเปน็ มาแล้ว” มันเพื่อนเก่าเราท้ังน้ัน ข้างบนข้างต่�ำเราเคยเป็นมาแล้ว  ก็เลยไม่ริษยาและก็ไม่ดูหมิน่ ดถู ูกใคร อาจารยท์ องขาวเลา่ วา่  “ไดท้ ราบวา่  สมเดจ็ พระพทุ ธาจารย ์ โตท่านเดินไปผ่านเจอสุนัขนอนขวางทาง ท่านบอกว่า พ่อเจ้า  ประคุณเอ๊ยขอลูกผ่านไปหน่อยเถอะ คนก็ว่า เอ้า ท�ำไมไปท�ำ  54 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

อย่างนั้นล่ะ ท่านก็บอกว่า “ไม่แน่หมาตัวน้ีอาจจะเป็นพระโพธิ-  สตั วก์ ไ็ ด”้  นกี่ ็แสดงวา่ ทา่ นก็ไมม่ ีอติมานะ มีอยู่คราวหน่ึง ที่วัดของท่าน ตอนเย็นๆ ก็จะเตะตะกร้อ  ชาวบ้านไปฟ้องท่านก็เฉย มาวนั หนง่ึ  ทา่ นเขา้ วงั ไดจ้ วี รผา้ ไหมมา ตอนเยน็ ทา่ นกเ็ อา  ผ้าไตรใส่พานไปไว้กลางวงตะกร้อเลย แล้วกราบ บอกว่าโอ๊ย  พอ่ เจา้ ประคณุ เอย๊  เตะตะกรอ้ สวยเหลอื เกนิ  ลกู ไมม่ อี ะไรจะให้  รางวลั  ขอถวายไตร ตงั้ แต่นัน้ พระเลกิ เตะตะกรอ้ เลย” นคี่ อื เอาชนะด้วยอบุ าย บางคนกด็ ถู กู คนยากคนจน เหน็ คนจนกเ็ หยยี ดหยาม ถา้   คนทค่ี ดิ เปน็  เขากจ็ ะคดิ วา่ เขาอาจมดี  ี มคี วามพยายามเหนอื เรา  กไ็ ด ้ แตเ่ นอื่ งจากเขาทำ� งานทหี ลงั  หรอื ไมม่ มี รดกจากบรรพบรุ ษุ   ก็ได้ ฉะน้ันเขาก็ยังยากจนอยู่ คิดได้อย่างน้ีก็ไม่ดูถูกคนจน ย่ิง  รวยนค่ี นจนเปน็ ฐานใหเ้ ขา ไดอ้ าศยั แรงงานคนจนเปน็ ฐานใหท้ ำ�   อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 55

อะไรตอ่ อะไรได้ ถา้ คนรวยเท่าเขาหมดแล้ว จะไปจา้ งใคร ถ้าคิดเป็นจะมองอะไรได้เห็นชัด ปัญหาอยู่ตรงที่คิดไม ่ ออกเพราะกิเลสตัวนี้มันปิดหูปิดตาหมด บางคนเกิดมาสวย ก ็ หลงตัวเองแล้วดูหมิ่นคนขี้เหร่ แต่ถ้าเขาคิดเป็น เขาต้องคิดว่า  เออ คนขี้เหร่ดี มันท�ำให้เราดูสวยย่ิงข้ึน และเขาก็อาจมีคุณ-  สมบัตอิ ่นื ๆ เหนอื เรากไ็ ด้ มันอยู่ท่ีความคิดเป็น ถ้าคิดเป็นแล้ว กิเลสตัวนี้จะลดลง  ไดง้ า่ ย เพราะในสงั คมเราตอ้ งมคี นทกุ จำ� พวก คนกวาดถนน คน  ขนขยะ ท�ำอะไรทุกอย่าง คนขับรถเมล์ คนขับแท็กซี่ คนเป็น  นายกฯ ต้องหลากหลายแล้วแต่ว่าใครจะไปอยู่ตรงไหน เท่าน้ัน  เอง แต่ว่าทุกคนก็ท�ำหน้าที่ให้สังคมน้ีอยู่ได้ ต่างคนต่างก็ท�ำ  หน้าท ี่ ถา้ เขาทำ� หนา้ ทีไ่ ดด้ ที สี่ ดุ  อันน้ันแหละคือเกียรตขิ องเขา เพราะฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ จงึ สรปุ เอาไวว้ า่  คนจะดหี รอื เลว  เพราะชาติตระกูลก็หามิได้ คนจะดีหรือเลวก็เพราะการกระทำ�   ของตน น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ กมฺมุนา  56 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

วสโล โหติ กมมฺ ุนา โหติ พฺราหฺมโณ ชาตติ ระกลู กเ็ หมอื นกนั  บางคนกเ็ กดิ ในตระกลู ต�่ำ แตว่ า่   เขาเปน็ บคุ คลอาชาไนยได ้ เหมอื นไฟทเี่ กดิ จากเชอื้ ทก่ี ลา่ วมาแลว้   ฉะนัน้ การคิดเป็น และการไมด่ ูหมนิ่ ผู้อ่นื จึงส�ำคญั ในสมัยพุทธกาล พระอุบาลีก็เป็นช่างตัดผม ท่านราธะก็  เป็นคนยากจน พระยสะก็เป็นลูกเศรษฐี แต่เข้ามาบวชแล้วก็  กลมกลืนกัน ท่านไม่มีความรังเกียจกันว่าคนนั้นเป็นอย่างน้ัน  เขา้ มาบวชแลว้ ละลายพฤตกิ รรมหมด ทา่ นเขา้ ถงึ หวั ใจของพทุ ธ-  ศาสนา ว่าพระพุทธเจ้าเองก็ต้องการปกครองสงฆ์ให้เป็นแบบ  อย่างของสังคม เป็นสังคมตัวอย่าง จึงไม่ให้มีวรรณะ เหลือแต่  ความเป็นสมณศากยบตุ ร ในฐานะท่ีเป็นมนุษย์ เกียรติของมนุษย์เป็นสิ่งท่ีสูงสุดซึ่ง  ใครจะเหยียดหยามไม่ได้ อย่างคนที่ไม่มีอะไรเลย ขี้เมาหยำ� เป  โดยคุณธรรมแล้วเขาไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าลองไปขับรถ  ชนเขาส ิ กฎหมายเอาเรือ่ ง ในฐานะท่ีเขาเป็นมนุษยค์ นหนง่ึ อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 57

เหนือเช้ือชาติ เหนือส่ิงอ่ืนใดก็มีความเป็นมนุษย์ ต้องให ้ เกียรติในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์ ถึงเขาจะเป็นอะไรไม่เป็นอะไร  แตศ่ กั ดิ์ศรที ี่เขามอี ยู่ ก็คอื ความเปน็ มนษุ ย์ ปัจจุบันมีค�ำว่าสิทธิมนุษยชน ทุกคนมีสิทธิ์เสมอเหมือน  กันหมด แต่ทางพุทธเรากว้างกว่าน้ันอีก คือเวลาแผ่เมตตา จิต  จะแผก่ วา้ งออกไปถงึ สตั วโ์ ลกทกุ ชนดิ  บอกวา่ สตั วท์ ง้ั หลายทเ่ี ปน็   เพอื่ นทกุ ข ์ เกดิ  แก ่ เจบ็  ตาย ดว้ ยกนั ทง้ั หมดทงั้ สนิ้  เราแผอ่ อกไป  จนถงึ สตั วท์ กุ ชนดิ ทกุ จำ� พวก ไมค่ วรจะเบยี ดเบยี นกนั  ใหอ้ ยเู่ ปน็ สขุ ในกรณยี เมตตสตู ร มอี ยตู่ อนหนงึ่ ทพ่ี ดู เอาไวด้ ที ว่ี า่  น ปโร  ปรํ นิกุพฺเพถ นาติ มญฺเญถ กตฺถจิ นํ กิญฺจิ คนอื่นไม่ควรจะ  ขม่ เหงคนอน่ื ในที่ใดๆ เลย พฺยาโรสนา ปฏิฆสญฺญา นาญฺญมสฺส ทุกฺขมิจฺเฉยย ไม่  ควรปรารถนาทุกข์แก่ผู้อ่ืน เพราะความโกรธ ความเคียดแค้น  ชิงชัง 58 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ฉะน้ันเราควรจะสวดเมตตสูตรกัน จะท�ำให้เรามองเห็น  คนอ่ืนมีคุณค่าเหมือนกันหมด เราใช้ค�ำว่าสัตว์ทั้งหลาย คือ  ท้ังหมดใน ๓๑ ภูมิ ตัวเองรักสุขเกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็  อย่างน้ัน ก็ไม่ควรจะไปรังเกียจรังแกท�ำร้ายซึ่งกันและกัน ไม่ด ู หมิ่นซงึ่ กนั และกัน ใหเ้ กยี รตติ ามฐานะของเขา เช่น มีคนใช้อยู่ในบ้าน ก็ให้เกียรติตามฐานะของเขา ไม่ใช ่ จะไปยกมือไหว้เขา แต่ว่าเราให้เกียรติท่ีเขาเป็นเช่นน้ัน  พระพทุ ธเจา้ จงึ บอกวา่ ให ้ “ใหท้ านโดยเคารพ” แมแ้ ตใ่ หก้ บั สตั ว์  เดรัจฉาน ก็ให้ด้วยความต้ังอกตั้งใจ ด้วยความเอ้ืออาทร ด้วย  จติ ใจทเ่ี ปย่ี มดว้ ยเมตตา ไมใ่ ชต่ อ้ งไปเคารพสนุ ขั อะไรทำ� นองนน้ั   ใหโ้ ดยเคารพ คอื วา่ มจี ติ ใจออ่ นโยน เออื้ อาทรตอ่ มนั  ใหโ้ ดยเคารพ  คอื ใหด้ ว้ ยเมตตา เออื้ อาทรวา่ เพอ่ื นทกุ ข ์ เกดิ  แก ่ เจบ็  ตายดว้ ยกนั มนี ายทหารหญงิ คนหนงึ่  ตอนเชา้ หงุ ขา้ วใสถ่ งุ มาเตม็ เลย  ขบั รถมาเผอ่ื จะเจอสนุ ขั ทไี่ หนบา้ ง ถา้ เจอกจ็ อดเอาขา้ วไปใหก้ นิ   แสดงวา่ ใจดี ใจถงึ  ท�ำได้ยาก นานๆ จะมีสักคน อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 59

นโปเลียนเป็นคนที่ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์มากเลย ท่าน  อาจจะมาจากระดบั ต่�ำ ทา่ นเขา้ ใจมนษุ ยด์ พี อสมควร ทา่ นจะให้  เกียรติคนท่ีท�ำงานหนัก พวกกรรมกร เป็นต้น ไปเยี่ยมโรงงาน  ก่อนจะกลับ ท่านจะโค้งให้คนงานเป็นการอ�ำลา หรือแม้เวลา  เดินอยู่ในวัง ถ้ามีคนแบกของหนักผ่านมา ท่านก็หลีกทางให้ ม ี คนบอกว่าหลีกให้เขาทำ� ไม เขาเป็นคนงาน ท่านบอกไม่ได้ เขา  ทำ� งานหนัก คนท�ำงานหนักเป็นคนมีเกยี รติเสมอ หลวงพอ่ ปญั ญานนั ทะ ทา่ นเดนิ ทางไปใต ้ ทา่ นนง่ั รอรถไฟ  อยู่ คนงานที่กวาดท�ำความสะอาดอยู่ท่ีสถานีรถไฟ บ่นบอกว่า  พวกนี้มาท�ำให้สกปรก ทิ้งข้าวทิ้งของเต็มไปหมด น่าเบ่ือหน่าย  หลวงพอ่ กถ็ ามวา่  โยม เขาจา้ งโยมมาทำ� อะไร เขาตอบวา่  มาทำ�   ความสะอาด หลวงพอ่ กบ็ อกวา่  แลว้ ถา้ พวกนเี้ ขาไมม่ าทำ� สกปรก  ไว ้ เขาจะจา้ งโยมมาทำ� งานไหม นที่ า่ นจจี้ ดุ ด ี สมยั ทไ่ี ปพมา่ กบั ทา่ นโลกนาถ ไปขอพกั ทวี่ ดั   พระไทยดว้ ยกนั ไมใ่ หพ้ กั  เลยไปพกั ทว่ี ดั พระจนี  พระจนี ตอ้ นรบั   ดี ท่ีหลับที่นอนดี ต่ืนเช้ามาเล้ียงข้าวต้มดี พอจะลากลับ ท่าน  60 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ยกมอื ไหว ้ เพอื่ นพระดว้ ยกนั บอก อา้ ว ไหวไ้ ดย้ งั ไง เขาเปน็ พระจนี   ท่านบอกว่า ไม่ได้ไหว้พระจีน ไหว้คุณธรรมของท่าน พระไทย  ไมใ่ หพ้ กั เลย อยา่ วา่ แตจ่ ะเลีย้ งข้าวต้ม ท่านปญั ญาทา่ นมีคำ� พูดทีค่ มๆ เวลามอี ะไรเกิดขนึ้ อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 61



๖ สนั ตุสสโก เปน็ ผสู้ ันโดษ ข้อน้ีเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย พอพูดคำ� ว่าสันโดษ ทุกคน  ก็รู้แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมาย ในทางปฏิบัติก็ไม่รู้จะปฏิบัติ  อย่างไร จนถึงกับผมเคยฟังผ้พู ูดออกทวี บี างคราวก็พดู บอกวา่ เมืองไทยนี่พัฒนาบ้านเมืองไม่ได้ พัฒนาการเมืองไม่ได ้ เพราะวา่ มหี ลกั ธรรมทางพทุ ธศาสนา วา่ พทุ ธศาสนาเปน็ อปุ สรรค  ในการพัฒนาการเมือง พัฒนาบ้านเมือง หลักธรรมท่ีวิทยากร  ผู้นั้นยกขนึ้ มาพูดกม็  ี ๒ หัวข้อ คือ

ข้อ ๑ สันโดษ ว่าสันโดษสอนให้คนพอใจในสภาพท่ีเป็น  อย ู่ ไมก่ ระตอื รอื รน้  เปน็ เหตใุ หค้ นพวกหนง่ึ ฉกฉวยทางการเมอื ง  และเสวยผลแหง่ การได้โอกาสนั้น ข้อ ๒ เร่ืองกฎแห่งกรรม การสอนเร่ืองกฎแห่งกรรมน ี้ ทำ� ใหเ้ ชอื่ กรรมแลว้ ยอมรบั สภาพทต่ี ำ�่ ตอ้ ยของตน ไมด่ น้ิ รนตอ่ ส้ ู เปน็ เหตใุ หพ้ วกทด่ี นิ้ รนตอ่ สไู้ ดอ้ ำ� นาจ และครองอำ� นาจอยตู่ ลอด  เวลา นี่คอื ความไม่เขา้ ใจหรอื เขา้ ใจผดิ ของพิธีกรคนน้ัน ผมจะคุยเรอื่ ง สันโดษ ก่อน สนั โดษ เปน็ หลกั ธรรมทเี่ ปน็ พน้ื ฐานใหค้ นงดเวน้ ทจุ รติ ป้องกันอทินนาทาน และป้องกันคอรร์ ปั ชน่ั ทุกรูปแบบ ถ้าคนประพฤติธรรมข้อสันโดษ ประกอบอาชีพสุจริต  มสี มั มาอาชวี ะ ค�ำวา่ สนั โดษในทนี่ ตี้ อ้ งหมายความวา่  การพอใจ  64 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ในสุจริต มีความหมายของสันโดษอยู่ค�ำหน่ึงคือ สมํ ตุฏฐิ คือ  พอใจในสจุ รติ  สนตฺ  ํ ดฎุ ฐฺ  ิ พอใจในสงิ่ ทเี่ ปน็ ของตน ไมพ่ อใจของ  ผู้อื่น ถา้ ทำ� ไดอ้ ยา่ งน ี้ ขโมยกไ็ มม่  ี เมอื่ ขโมยไมม่  ี คอรร์ ปั ชนั่ ไมม่ ี  มนั กเ็ ปน็ พนื้ ฐานใหเ้ ราพฒั นาบา้ นเมอื งไปเทา่ ไหร ่ ประกอบดว้ ย  สมั มาอาชวี ะ สมั มาวายามะ เขา้ มา มนั กไ็ ปไดเ้ รว็  ไมม่ เี ครอื่ งถว่ ง มาดอู กี ดา้ นหนงึ่ วา่  เราลงทนุ ทางเศรษฐกจิ สญู เปลา่  เพอื่   ป้องกันคนไม่สันโดษมีเท่าไหร่ เหล็กดัดท่ัวประเทศ เหมือนอยู ่ ในกรง เราทำ� เพอ่ื อะไร ถา้ ไมจ่ ำ� เปน็ ใครอยากจะทำ�  กท็ ำ� เพอ่ื ปอ้ งกนั   ขโมย ขโมยคือพวกไม่สันโดษ ไม่ สมํ ตุฏฐิ ไม่ยินดีในของของ  ตน เรากต็ อ้ งทำ� เหลก็ ดดั ทวั่ ประเทศ แลว้ กญุ แจกแ็ พงเหลอื เกนิ   กุญแจก็ท�ำเพ่ือป้องกันขโมย ยังมีร้ัวอีก เรามีการลงทุนทาง  เศรษฐกิจที่สูญเปล่า เพื่อป้องกันทรัพย์สินสูญหายเยอะแยะไป  หมด อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 65

มรี ถยนต ์ กต็ อ้ งมเี ครอื่ งกนั ขโมย เปน็ การเพม่ิ รายจา่ ย ถา้   คนมสี นั โดษ อาจจะไมต่ อ้ งมกี ารฟอ้ งรอ้ ง ไมต่ อ้ งมอี ยั การ หรอื   ไมต่ อ้ งมคี กุ  ไมต่ อ้ งมกี รมราชทณั ฑ ์ ต�ำรวจกอ็ าจจะมแี ตต่ �ำรวจ  จราจร แล้วเอาเงินท้ังหมดน้ีไปพัฒนาบ้านเมืองได้ คดีฟ้องร้อง  ในศาลเวลาน้ ี ๘๐% เป็นเรอ่ื งของอทนิ นาทาน ฉะนั้นสันโดษน่ีเป็นการป้องกันอทินนาทาน ป้องกันการ  คอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ดังนั้นขอให้เข้าใจเถอะว่าสันโดษเป็น  สิ่งที่ดีกับสังคมและดีกับตัวบุคคลเอง มันท�ำให้มีความสุข  สำ� ราญใจอยเู่ รอื่ ยๆ เสมอๆ คอื อมิ่ ใจ ไดอ้ ะไรมากพ็ อใจ เหมอื นกบั   หม้อน�้ำที่มันเต็มอยู่ด้วยน�้ำ มันชุ่ม แต่ถ้าหม้อน�้ำที่มันแห้ง ก็ เหมอื นกบั คนทไ่ี ดอ้ ะไรมากไ็ มพ่ อใจ ไมม่ คี วามพอใจ จติ ใจมนั ก ็ รอ้ นอย่เู ร่อื ย กระวนกระวายอยู่เรอื่ ย ไม่สันโดษ แต่ท่านไม่ได้ห้ามความเพียรพยายาม เพราะว่าท่านสอน  สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ ท่านสอนว่าไม่ให้สันโดษในกุศล-  ธรรม นเ่ี ปน็ เรอ่ื งทชี่ าวพทุ ธควรทำ� ความเข้าใจกันใหด้ ี 66 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ถา้ เราพฒั นาประเทศโดยไมม่ สี นั โดษ เราอยา่ พฒั นาดกี วา่   เพราะโครงสร้างมันส่ันคลอนไปหมด มันจะพัฒนาไปสู่ระบบ  การโกงกินกันเป็นทีม และระบบการรับสินบน ขูดรีดโดยไม่ม ี ยางอาย ใครมือยาวสาวได้สาวเอา ไม่แยแสกับความอดอยาก  แรน้ แคน้ ของผอู้ นื่  นค่ี อื การพฒั นาโดยไมม่ สี นั โดษเปน็ ตวั ควบคมุ   มันจะมที จุ ริตเตม็ ไปหมด ขอพูดเร่ืองกรรมหน่อย เพราะว่าพิธีกรคนนั้นเขาพูดถึง  เรอื่ งกรรมวา่  คำ� สอนในพทุ ธศาสนาในเรอื่ งกรรมน ้ี เปน็ อปุ สรรค  ในการพัฒนาประเทศ ทำ� ให้คนไม่มีคณุ ภาพ เพราะวา่ คนที่เช่ือ  เรอ่ื งกรรมน ี้ ยอมรบั สภาพของตวั  เชน่  ชาวนาทย่ี ากจน พอคดิ วา่   เราเปน็ ชาวนาทย่ี ากจน เพราะเหตทุ ช่ี าตกิ อ่ นท�ำกรรมไวไ้ มด่ มี า  ไมไ่ ดใ้ หท้ านมา ตอ้ งมาเปน็ คนยากจน เพราะฉะนน้ั ตอ้ งกม้ หนา้   รับกรรมไป ไม่ต้องด้ินรนขวนขวาย เป็นการเปิดโอกาสให้คนท ่ี ดิน้ รนขวนขวายเขา้ ครอบครอง มีอำ� นาจอยู่ตลอดเวลา มลี ทั ธทิ ว่ี า่  บพุ เพกต เหตวุ า เปน็ ลทั ธทิ เ่ี ชอ่ื วา่  จะทกุ ขส์ ขุ   จะดีชั่วอย่างไรก็แล้วแต่กรรมเก่า ถ้าเป็นอย่างนี้พระพุทธเจ้า  อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 67

ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ท่ัวไปเรามักย้�ำกันมากว่า คนที่เกิดมายากจน เพราะไม ่ เคยใหท้ าน คนทีเ่ กดิ มาร่�ำรวย เพราะให้ทานไวเ้ ยอะ สมมตุ วิ า่ เราคดิ วา่ เรอื่ งนเ้ี ปน็ เรอ่ื งจรงิ  แตไ่ มใ่ ชจ่ รงิ ทง้ั หมด  สมมตุ วิ า่ สาเหตทุ ท่ี ำ� ใหค้ นยากจนมอี ย ู่ ๑๐ สว่ น อนั นย้ี อมรบั วา่   เป็นส่วนหนึ่ง คือ ๑ ใน ๑๐ อีก ๙๐ ท�ำไมไม่พูดว่าเขายากจน  เพราะเขาขี้เกียจท�ำการงาน เขาฝักใฝ่อบายมุขทุกชนิด ซึ่งเป็น  การปฏิบัตผิ ดิ หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา และระบบสงั คมไดเ้ ออื้ อำ� นวยใหเ้ ขาเงยหนา้ อา้ ปากไดไ้ หม  ระบบสังคมได้เอารัดเอาเปรียบเขาหรือเปล่า ท�ำนองน้ีนะครับ  ซงึ่ สามารถจะแจงออกไปไดเ้ ปน็  ๑๐ อย่าง ๒๐ อยา่ ง ถ้าเขาตั้งตัวไว้ดี ตั้งตัวไว้ชอบ อัตตสัมมาปณิธิ แล้วรวม  กับกฎอนิจจัง ไม่เท่ียง คือว่าจนได้ แต่ถ้าต้ังตนไว้ชอบก็เปล่ียน  เปน็ รวยได ้ ถา้ ประกอบเหตปุ จั จยั ด ี และระบบสงั คมเออ้ื อ�ำนวย  68 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ให้เขาต้ังเนอ้ื ตัง้ ตวั ได ้ ไมเ่ ป็นระบบท่ีเอารัดเอาเปรียบ ท�ำนองน้ี  กส็ ามารถทำ� ให้คนที่เกดิ มาจน พอมีพอกินได้ ระบบสงั คมนกี่ ต็ อ้ งเอามาพจิ ารณาดว้ ย ไมใ่ ชเ่ อาแตต่ อกยำ้�   กันวา่ เกดิ มาจน เพราะวา่ ชาติก่อนไมไ่ ดใ้ หท้ านเอาไว้ ความเป็นอยู่ดีหรือไม่ดีของคนในสังคม ขึ้นอยู่กับเหต ุ ปจั จบุ นั เปน็ สว่ นใหญ ่ ไมใ่ ชเ่ หตใุ นอดตี เปน็ สว่ นใหญ ่ ถา้ แบง่ เปน็   ๔ ส่วน เหตใุ นอดีตกเ็ ป็น ๑ ปจั จุบันเป็น ๓ ผมยกตัวอย่างจากหลักธรรม ธรรมท่ีเป็นเหตุให้บุคคล หมุนไปสคู่ วามเจรญิ มี ๔ ข้อ คอื ๑. ปฏริ ปู เทสวาสะ อย่ใู นถ่นิ ทีเ่ หมาะตอ่ กจิ การนน้ั ๒. สปั ปุริสปู สงั เสว หรอื  สัปปุริสูปัสสยะ คบคนดี ๓. อตั ตสมั มาปณิธิ ตัง้ ตนไว้ชอบ ๔. บพุ เพกตปุญญตา ได้ทำ� บญุ ไว้กอ่ น อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 69

ตามหลกั ธรรมน ี้ เหตปุ จั จบุ นั  ๓ สว่ น เหตใุ นอดตี  ๑ สว่ น  เขาไดอ้ ยใู่ นถนิ่ ทเ่ี หมาะกบั กจิ การ เขาทำ� นา นานน้ั ดนิ ดไี หม มนี ำ�้   หรอื เปลา่  แหง้ แลง้ เกนิ ไปหรอื เปลา่  น�้ำทว่ มหรอื เปลา่  ท�ำนองนี้  พืชพันธุ์ต่างๆ มันดีไหมท่ีจะท�ำให้นาดี ตัวประกอบมันดีไหม  ปจั จยั ต่างๆ มันตอ้ งพร้อม หรอื คา้ ขาย ประการท ่ี ๑ กต็ อ้ งทำ� เลด ี ตอ่ มากก็ ลั ยาณมติ ร  ตวั เองกต็ อ้ งตงั้ ตนไว้ชอบ เป็นคนดดี ว้ ย นก่ี ช็ แี้ จงใหเ้ หน็ วา่  คำ� สอนเรอ่ื งหลกั กรรมของพทุ ธศาสนาน ้ี ถา้ เราเขา้ ใจไมถ่ กู ตอ้ ง กจ็ ะทำ� ใหค้ นเหน็ วา่ คำ� สอนเรอ่ื งกรรมหรอื   กฎแหง่ กรรมน ี้ ทำ� ใหค้ นยอมรบั สภาพตามทต่ี นเปน็ อย ู่ และกไ็ ม ่ ด้ินรนขวนขวาย งอมืองอเท้า ท�ำใหถ้ ูกกดขี่ ท่ีส�ำคัญ ความเช่ือเรื่องกรรม ท�ำให้คนเว้นความช่ัวได ้ อย่างตั้งอกตั้งใจท่ีจะเว้น และตั้งหน้าต้ังตาท�ำความดีด้วยความ  สนิทใจ ความเต็มใจ ไม่ลังเลท่ีจะท�ำความดี นี่ก็เป็นคุณเป็น  ประโยชนแ์ ก่สังคมมากมาย 70 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ฉะนั้นถ้าคนในสังคมท�ำได้ในเรื่องสันโดษและเชื่อเรื่อง  กรรมในท�ำนองทถ่ี กู ต้อง ก็จะท�ำให้ประเทศมคี วามสงบรม่ เย็น อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 71



๗ สภุ โร การเปน็ ผเู้ ลีย้ งง่าย เทา่ ทพี่ บหลกั ตดั สนิ ธรรมวนิ ยั  ๘ ประการ กม็ อี ยขู่ อ้ หนง่ึ   ใน ๘ ข้อคือ ธรรมใดเป็นไปเพื่อความเป็นผู้เลี้ยงง่าย ธรรมนั้น  เป็นธรรมวินัย เป็นค�ำสั่งสอนของพระศาสดา ธรรมใดเป็นไป  เพ่ือความเป็นผู้เล้ียงยาก ธรรมนั้นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่  คำ� ส่ังสอนของพระศาสดา ความเป็นผู้เลี้ยงง่าย อย่างไรเรียกว่าเป็นผู้เล้ียงง่าย ถ้า  เปน็ เดก็ กเ็ ปน็ นยั หนง่ึ  เดก็ เลยี้ งงา่ ย เดก็ เลยี้ งยาก กไ็ มต่ อ้ งพดู ถงึ   ไมใ่ ช่ในความหมายน้ี

ความเปน็ ผเู้ ลย้ี งงา่ ย โดยใจความส�ำคญั กค็ อื เปน็ ผอู้ ยงู่ า่ ย  กินงา่ ยตายยาก อยู่ยากกินยากตายเรว็  ก็เปน็ คนง่าย ภรรยานายทหารคนหนงึ่ ถามวา่  เอะ๊  อยกู่ นั มา ๓๐ ป ี ไม่  เคยบ่นเรอ่ื งอาหารเลย เขาตอบว่า เธอทำ� ให้กินก็ดแี ล้ว อย่างน้ี  ก็เลี้ยงง่าย มีพระพุทธภาษิตอยู่แห่งหนึ่งที่น่าจะน�ำมาพิจารณาเร่ือง  เลย้ี งงา่ ย เลยี้ งยาก สุชีวํ อหิริเกน กากสูเรน ธํสินา ปกฺขนฺทินา ปคพฺเภน  สงฺกิ ลิฏเฐน ชีวิตํ หิริมตา จ ทุชฺชีวํ นิจฺจํ สุจิคเวสินา อลีเน  นาปคพฺเภน สุทฺธาชีเวน ปสฺสตา คนไม่มีหิริ กล้าเพียงดังกา มีปกติก�ำจัดคุณของคนอ่ืน  แลน่ ไปเอาหนา้  คะนองกายวาจา เปน็ ผเู้ ศรา้ หมอง ยอ่ มเปน็ อยงู่ า่ ย  ส่วนผู้มีหิริ แสวงหาปัจจัยที่สะอาดอยู่เสมอ ไม่หดหู่ ไม่คะนอง  มอี าชวี ะบรสิ ุทธ์ิ เหน็ แจ้งอย ู่ ยอ่ มเป็นอย่ยู าก 74 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

น่ีไม่ใช่เลี้ยงง่าย เป็นอยู่ง่าย เลี้ยงยากแต่เป็นอยู่ง่าย คือ  ถ้าเปน็ อย่างน้ีแล้วละกส็ ะดวกสบาย ส่วนคนมีหิริ แสวงหากรรมอันสะอาดอยู่เป็นนิจไม่หดหู ่ ไม่คะนองกาย วาจา เล้ียงชีพด้วยปัจจัยที่บริสุทธิ์ เห็นอาชีวะ  หมดจดวา่ เปน็ สาระ ยอ่ มเปน็ อยยู่ าก แตเ่ ลย้ี งงา่ ย หมายความวา่   ค่อนขา้ งจะแร้นแคน้  คือว่าไมก่ ล้าดังกา ภาษติ ทยี่ กมาน ้ี พดู ถงึ พระ ทเี่ ปน็ คนเลย้ี งยาก แตว่ า่ เปน็   อยู่ง่าย คือสะดวกสบาย เช่น มรี ถ มกี ุฏสิ ะดวกสบาย เป็นต้น ทว่ี า่ กลา้ ดงั กา หมายความวา่  กามนั กลา้ ทจ่ี ะลกั ขโมย คอื   ทำ� เปน็ ไมส่ นใจเนอื้ หรอื ปลาทช่ี าวบา้ นเขาตากเอาไว ้ นง่ั เฉย แต ่ พอเจ้าของเผลอ ก็โฉบลงมาทันที จับเอาก้อนเน้ือหรือปลาเต็ม  ปากแลว้ ก็บนิ ไป ฉันใด คนกลา้ เพยี งดงั กา กเ็ หมอื นกนั  อาจจะ  ท�ำทีไม่สนใจต่อเงินทองบางอย่าง ในเมื่อไม่มีโอกาส แต่พอมี  โอกาสเมือ่ ใดก็ทำ� ทุจริตทนั ท ี นห่ี มายถึงชาวบา้ นนะครบั อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 75

พระอรรถกถาจารย์กพ็ ูดถึงบรรพชติ ว่า เข้าไปในบ้านกับ  ภกิ ษทุ ง้ั หลาย กำ� หนดทต่ี ง้ั ของอาหาร เมอ่ื ภกิ ษผุ มู้ คี วามละอาย  เทย่ี วบณิ ฑบาตในบา้ น ไดอ้ าหารพอยงั อตั ภาพใหเ้ ปน็ ไปแลว้ ไปส่ ู โรงฉนั  พจิ ารณาแลว้ ดม่ื ยาคแู ลว้  ทำ� กรรมฐานไวใ้ นใจ สาธยาย  พระพทุ ธพจน ์ ปดั กวาดโรงฉนั  แตบ่ คุ คลผกู้ ลา้ เพยี งดงั กาไมท่ �ำ  อะไร มงุ่ หนา้ ตรงไปยงั บา้ น เขา้ ไปสเู่ รอื นหลงั หนง่ึ  บรรดาเรอื นที ่ ก�ำหนดเอาไว้แล้ว เม่ือชาวบ้านแย้มประตูไว้ ท�ำการของตนอยู ่ เอามอื ข้างหนึง่ ผลกั บานประตเู ขา้ ไปข้างใน เจ้าของเรือนเห็นภิกษุนั้นแล้วแม้ไม่ปวารณา ก็นิมนต์ให้  น่ังบนอาสนะ ถวายข้าวยาคูที่ตนมีอยู่ เขาบริโภคตามต้องการ  แล้ว ถือเอาส่วนท่ีเหลือแล้วก็หลีกไป บุคคลดังน้ีเรียกว่ากล้า  เพยี งดังกา นพ่ี ดู ตามตำ� ราทที่ า่ นใหไ้ ว ้ ตอ้ งขออภยั พระคณุ เจา้ ทเี่ ปน็ พระ  สำ� รวมระวงั  มอี นิ ทรยี สงั วรดแี ลว้  อยา่ ไดก้ ระทบกระเทอื นใจแต่  อย่างใด 76 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

อเนสนา แสวงหาหรอื อาชีพทีไ่ มบ่ ริสทุ ธิ์มี ๕ อยา่ ง คอื ๑. กุหนา หลอกลวง ๒. ลปนา พดู จาพิร้ีพไิ ร ๓. เนมติ กตา พดู จาหวา่ นล้อม ๔. นิเปสิกตา พดู ท้าทายใหเ้ จ็บใจเพอ่ื ให้เขาให้ ๕. ลาเภนะ ลาภัง ชิคิงสนตา ต่อลาภด้วยลาภ หรือหา  กำ� ไรทางอ้อม ๑  กุหนา หลอกลวง ทา่ นใหด้ ูกุหนวัตถุ ๓ อยา่ ง  ๑. แกล้งปฏิเสธปัจจัย ทั้งๆ ท่ีอยากได้อยู่ เพื่อให้เขา  เหน็ วา่ เปน็ ผไู้ มม่ คี วามตอ้ งการ แลว้ ในทสี่ ดุ กร็ บั  ท�ำทเี หมอื นวา่   เพ่ืออนุเคราะห์เขา เช่น โยมเอาของมาถวาย ก็ไม่รับ เขาก ็ คะยน้ั คะยอ ยงิ่ ปฏเิ สธมากโยมกย็ ง่ิ เลอ่ื มใส ในทสี่ ดุ กบ็ อกวา่ เอา้   รับก็รบั  ก็ดูเหมือนว่าอนเุ คราะห์เขา แตใ่ จจรงิ อยากได้ ๒. พดู เลยี บเคยี งหรอื พดู ออ้ มคอ้ มใหเ้ ขาเขา้ ใจวา่  คณุ วเิ ศษ  สงู สดุ มอี ยใู่ นตน เชน่  ทท่ี า่ นยกตวั อยา่ งไวใ้ นตำ� ราวา่  “เมอ่ื มคี น  มาหา ถา้ เปน็ เจา้ ของกฏุ ทิ อี่ ยกู่ ว็ า่  ผใู้ ดอยใู่ นวหิ ารของทา่ น ผนู้ น้ั   อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 77

เปน็ โสดาบนั  เปน็ สกทาคาม ี หรอื วา่ ไดฌ้ าน ไดว้ ปิ สั สนา ท�ำนองน ี้ พูดเลียบเคียง ไม่บอกตรงๆ” ถ้าสมมุติว่า โยมเจ้าของกุฏิมาหา พระก็บอกว่า “กุฏิท่ี  โยมสร้างนี่ พระท่ีอยู่ส่วนมากอย่างน้อยก็ได้ฌาน” พูดเลียบ  เคยี งใหเ้ ขาเขา้ ใจวา่ ผทู้ อี่ ยนู่ ไ่ี มใ่ ชพ่ ระธรรมดา แตท่ จ่ี รงิ กห็ มายถงึ   ตนนั่นแหละ ๓. แตง่ อริ ยิ าบถใหน้ า่ เลอ่ื มใส ทำ� เปน็ เครง่  จรงิ ๆ แลว้ ไม ่ ไดเ้ ครง่  คือต่อหน้าอยา่ งหนง่ึ  ลับหลังอกั อย่างหนงึ่ ๒  ลปนา พดู จาพริ ้ีพิไร  ท่านยกตัวอย่างว่า ชอบทักขึ้นก่อน คือชอบคุย ขี้คุย  เสนอตัว ชอบพูดว่าคนใหญ่คนโตมาหาตัว น่ีเรียกว่าเสนอตัว  วธิ กี ารนพี้ วกหมอดชู อบใช ้ การพดู เอาใจกเ็ ป็นลปนาเหมอื นกนั   พดู ยกยอ พดู ผกู มดั  พดู ประจบ พดู เหมอื นแกงถว่ั คอื พลา่ มมาก  เพอ้ เจ้อมากแต่จริงน้อย 78 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

๓  เนมิตกตา ธรรมนิมติ   เช่น บอกใบ้ เป็นท�ำนองว่าเห็นเขาถืออะไรมา ก็ถามว่า  ถืออะไรมา เขาตอบว่าถืออาหารมา ก็พูดบอกใบ้ว่าพระควรจะ  ไดฉ้ นั บา้ ง หรืออย่างโยมมา บอกว่าจะมานิมนต์พระไปฉันท่ีบ้าน  พระกบ็ อกวา่  “หน่งึ อาตมาแลว้ สองใครหรอื โยม” นค่ี อื บอกใบ้ ตอ่ มากพ็ ดู เคาะ เชน่  ถามวา่ ถอื อะไรมา ตอบวา่ ถอื นมมา  พระบอกว่าคงไม่ใช่ เพราะถ้าใช่ พระคงได้ฉันบ้าง เรียกว่าพูด  เคาะ พูดเลียบเคียง หน้ากฐินมีกันบ่อย พูดเลียบเคียงให้ไป  ทอดทีว่ ัด ท�ำนองว่าท่ีวดั ยงั ไมม่ ีใครทอดกฐนิ ๔  นิเปสิกตา พดู ข่ม เพื่อให้เขาเจบ็ ใจแลว้ ก็ให้ เช่น “บ้านนี้เม่ือก่อนน้ี ผู้หลักผู้ใหญ่เคยท�ำบุญให้ทาน  อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 79

พอมาถงึ รนุ่ หลานนไ้ี มเ่ หน็ มใี ครท�ำ” นก่ี พ็ ดู ใหเ้ ขาเจบ็ ใจ เพอ่ื ให้  เขาให้ พูดใส่ร้าย พูดเยาะเย้ย พูดประชด พูดหวานต่อหน้า  นนิ ทาลบั หลัง นีก่ อ็ ยใู่ นนิเปสกิ ตา ๕  ตอ่ ลาภดว้ ยลาภ  คือให้ของเลก็ นอ้ ย เพือ่ หวังว่าจะไดข้ องมาก ทางหลักศาสนา ถือว่าผู้ท่ีประกอบอเนสนา เป็นผู้เล้ียง  ยากไมใ่ ชค่ นเล้ยี งง่าย ไมอ่ ย่ใู นสภุ โรหา่ งไกลจากสนั ตบท ในกรณที บี่ อก “โยม อาตมาฉนั นำ�้ พรกิ ปลาท”ู  อยา่ งนถี้ า้   ไมใ่ ชญ่ าติ ไมใ่ ชป่ วารณา ก็เป็นอเนสนา เพราะทำ� ไมไ่ ดอ้ ยู่แลว้ ในกรณที พี่ ระทา่ นเดนิ ทางไปถงึ เวลาเพล กเ็ ขา้ รา้ นอาหาร  รา้ นกจ็ ะถามวา่ จะฉนั อะไร พระกบ็ อกวา่ กว๋ ยเตย๋ี วตม้ ยำ�  ถา้ โดย  กริ ยิ าของพระ กไ็ มค่ วรจะระบ ุ ควรแลว้ แตเ่ ขาจะจดั มาถวาย แต ่ 80 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ถา้ เปน็ ซอ้ื ฉนั เอง กบ็ อกได ้ เพอ่ื เขาจะไดจ้ ดั ใหถ้ กู  ซอื้ ฉนั เองบอก  ได้ไม่เปน็ อเนสนา สุภโร เป็นคุณธรรมสู่สันตบทคือความสงบ ฆราวาสยิ่ง  ท�ำได้ง่าย เพราะเล้ียงตนอยู่แล้ว ท�ำอย่างไรจึงจะเป็นคนเลี้ยง  งา่ ย กนิ อยธู่ รรมดาๆ กนิ เพอื่ อย ู่ ไมใ่ ชอ่ ยเู่ พอื่ กนิ  กนิ อยแู่ ตพ่ อด ี ไมไ่ ด้มจี ุดม่งุ หมายในการกินดีอยูด่ ี สว่ นชวี ติ พระตอ้ งอาศยั ชาวบา้ น กย็ ง่ิ ตอ้ งทำ� ใหเ้ ขาเลย้ี งงา่ ย มีอยู่ข้อหน่ึงในหลักธรรมท่ีให้พระพิจารณา ปรปฏิพทฺธา  เม ชีวิกา ชีวิตของเราเน่ืองด้วยผู้อ่ืน ฉะน้ันเราต้องทำ� ตัวให้เขา  เล้ียงง่าย เป็นหลกั ธรรมที่ใหพ้ ระสงฆ์พิจารณาเนอื งๆ ถือว่าเป็นคุณธรรมที่ท�ำให้ยิ่งน่าเคารพมากขึ้น คือไม่ไป  ยุ่งกบั เร่ืองการกิน กินมากเกินเหตุเกินควร อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 81



๘ อัปปกจิ โจ เป็นผมู้ ีกจิ นอ้ ย อนั นตี้ อ้ งนกึ ถงึ วา่  ทา่ นพดู วา่ เปน็ ทางสสู่ นั ตบทนะครบั  คอื   สนู่ พิ พาน สนั ตบทกค็ อื นพิ พาน ถา้ ไมพ่ จิ ารณาใหด้  ี จะดเู หมอื น  ว่าสอนให้คนขี้เกียจ ความจริงไม่ใช่ แต่เพ่ือให้มีจิตผ่องแผ้วไป  นิพพานได้เรว็  เพราะเปน็ ทางส่นู พิ พาน มกี จิ มาก คอื วนุ่ ไปหมด รบั นมิ นต ์ มกี ารกอ่ สรา้ ง มกี จิ ธรุ ะ  เยอะแยะ โอกาสท่ีจะไปบำ� เพ็ญสมณธรรมก็ไม่มี หาความสงบ  ได้ยาก

ท่านมุ่งไว้ส�ำหรับผู้ท่ีก�ำลังปฏิบัติเพ่ือจะก้าวขึ้นสู่โลกุตร-  ธรรมพอได้บรรลุแล้ว ท่านก็จะกลับมาสู่สังคม มาท�ำงานให้  สงั คมอกี เหมือนเด็กนักเรียน งานอย่างอ่ืนก็พักไว้ก่อน เรียนจบ  แลว้ คอ่ ยมาทำ� งานหนกั ขึ้น มกี จิ นอ้ ย ไมใ่ ชก่ ารเกยี จครา้ น เพราะพระพทุ ธเจา้ ไมท่ รง  สรรเสรญิ คนเกยี จครา้ น ทรงตำ� หนติ ลอด ผทู้ มี่ กั หลบั  ผทู้ คี่ ยุ มาก  มกั หลับ มีการงานมาก ยอ่ มหา่ งไกลจากการสนิ้ อาสวะ น่ีพระ-  พุทธเจ้าท่านตรสั เอาไว้ เป็นการยืนยันว่า การมีกิจน้อย น่ีทรงมุ่งถึงผู้ท่ีจะปฏิบัติ  ธรรมเพอ่ื บรรลสุ ันตบท มแี หง่ หนงึ่ ทนี่ า่ สนใจทว่ี า่  นทิ ทฺ าสลิ  ี คนทช่ี อบหลบั  สภาสลิ  ี ชอบคุย อนุฏฺฐาตา จ โย นโร เกียจคร้านไม่ขยันลุกข้ึน อลโส  เกียจคร้าน โกธปญฺญาโณ มักโกรธ ก็เป็นทางของความเสื่อม  84 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

ต ํ ปราภวโต มขุ ํ ทา่ นมงุ่ สำ� หรบั ผทู้ ก่ี ำ� ลงั อยใู่ นชว่ งบำ� เพญ็ ตนเพอื่ บรรลสุ นั ตบท อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 85



๙ สลั ลหุกวุตติ ประพฤตติ นเป็นผเู้ บากาย เบาใจ คอื ไมท่ ำ� ตนใหเ้ ปน็ คนหนกั อกหนกั ใจอยเู่ สมอ ภาระอะไร  ทไ่ี มจ่ ำ� เปน็  กต็ ดั ทง้ิ ไปบา้ ง มธี รุ ะอะไรทหี่ ลกี ไมพ่ น้ กท็ ำ� ไป แตไ่ ม่  เกบ็ มาหนกั อกหนกั ใจ จนกนิ ไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั  ไมข่ วนขวายไขวค่ วา้   เอาภาระทยี่ งั มาไมถ่ งึ  ใหร้ งุ รงั สมองรงุ รงั ใจ ภาระใดทม่ี าถงึ กท็ ำ� ไป  ไมไ่ ขว่ควา้ หาภาระที่ยังมาไม่ถึง และไมผ่ ลักภาระทีม่ าถึงแลว้ เมอ่ื เบากายเบาใจ จติ กผ็ อ่ งใส เปน็ กมั มะนยี งั  ควรแกก่ าร  งาน มสี มาธไิ ดเ้ รว็  มองชวี ติ ปลอดโปรง่  ไมร่ งุ รงั  สบาย ถงึ จะเปน็   ฆราวาสก็ท�ำตัวให้เบากายเบาใจได้ โดยวิธีท่ีว่าอะไรไม่จำ� เป็น  กต็ ดั ทง้ิ ไป เอาทจ่ี ำ� เปน็ ไว ้ นอกจากตวั เราเองจะเบากายเบาใจแลว้   คนอื่นใกล้ตัวเราก็พลอยเบากายเบาใจไปด้วย



๑๐ สันตรนิ ทรโี ย มีอนิ ทรยี ส์ งบ จะตรงกันข้ามกับอกี ตัวหน่ึงคือ ปาก ตนิ ทฺ ฺรโิ ย มีอนิ ทรยี ์  ปรากฏคอื มอี นิ ทรยี ไ์ มส่ งบ ถา้ เผอ่ื ทา่ นผฟู้ งั ไปอา่ นพระไตรปฎิ ก  เขาพูดถึงพระที่ไม่เคร่ง พระที่ลอกแลก เขาจะใช้ค�ำว่า ปาก-  ตนิ ทฺ รฺ ิโย สนั ตรนิ ทรโี ย กายสงบ คอื  ตา ห ู จมกู  ลน้ิ  กาย ฝกึ มาด ี จนเชอ่ื ง เหมือนม้าหรือช้างทเ่ี ขาใช้งานแล้วเขาฝึกมาดี มันจะด ู ดกี วา่ สตั วท์ ่ียงั ไม่ได้รับการฝึก มันจะสงบและสง่า

บางทีม้าศึกน่ี เขาจะทดลองมัน เดินทางไกลให้กระหาย  น�้ำ เอาน�้ำมาไว้ใกล้ๆ แล้วตีกลองศึกขึ้นมา มันจะผละจากน้�ำท ่ี มันกินทันที พงุ่ ไปยังเสยี งกลอง เขาฝกึ มาดี หรือช้างของพระเจ้าปเสนทิโกศลไปติดหล่ม ท�ำยังไงก็  ไมข่ น้ึ  ปโุ รหติ กใ็ หไ้ ปตกี ลองศกึ  พอไดย้ นิ กลองศกึ  กม็ เี รยี่ วแรง  ถอนตัวขน้ึ มาจากหลม่ ได้ หรอื ทา่ นเจา้ คณุ พระธรรมปฎิ ก ทา่ นบอกวา่ ไมส่ บาย พอ  ไปให้ท่านเทศน์ ใกล้เพลแล้วท่านบอกว่า พอได้พูดแล้วไม่ต้อง  ฉันก็ได้ น่ีท่านก็มีลักษณะเป็นเหมือนช้างศึกม้าศึก คือคนที่ท�ำ  ประโยชน ์ พอทำ� ไปกป็ ตี ลิ มื เหนอ่ื ย มคี วามอม่ิ ใจในหนา้ ทก่ี ารงาน คนที่มีอินทรีย์สงบ เริ่มต้นก็จะส�ำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖ ตา  ห ู จมกู  ลน้ิ  กาย ใจ ฝกึ ใหม้ นั ทำ� ไดต้ ามทอี่ ยากจะทำ�  เรยี กวา่ มี  อินทรยี ท์ ่ีได้รับการฝึกดีแล้วและสงบได้ 90 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

พระพุทธภาษิตที่น่าสนใจตอนหน่ึงว่า อินทรีย์ของสัตว์  ในโลกนี้ ท้ังท่ีเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ท่ีไม่ได้ฝึก  ไม่เป็นประโยชน์ มีอินทรีย์ก็ต้องรักษาอินทรีย์ สำ� รวมอินทรีย์  เพอื่ ใหเ้ ป็นประโยชน์ อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 91



๑๑ นปิ โก ผมู้ ปี ญั ญารักษาตน ปัญญามหี ลายแบบ ๑  สชาติกปัญญา ปัญญาท่ีติดมาแต่ก�ำเนิด บุคคลประเภทท่ีมีปัญญาท ่ี สบื เนอื่ งมาจากกรรมเกา่  ไดส้ ะสมปญั ญาบารมมี ามาก กต็ ดิ มา  ตง้ั แตก่ ำ� เนดิ  ทเ่ี รยี กวา่ มไี อควิ สงู  คนเราเกดิ มาฉลาดไมเ่ หมอื นกนั   สชาติกปัญญา แสดงถึงความฉลาดมาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าเขาได ้ เรยี นนอ้ ย ความฉลาดนนั้ อาจจะนอ้ ยลง หมายความวา่ ไมม่ ตี วั เสรมิ   เปน็ ไปเองเทา่ ทม่ี มี าแตก่ �ำเนดิ  intelligent จะเลง็ ไปทาง mental  ability ความสามารถทางจิตท่ีจะรู้อะไรได้มาก ถ้าเผ่ือว่าคนมี  สชาตกิ ปญั ญามาด ี แลว้ กม็ าไดศ้ กึ ษาเลา่ เรยี นดดี ว้ ย อกี คนไมม่  ี

สชาติกปัญญา ได้แต่โยคปัญญาอย่างเดียว คือความรู้ท่ีได้จาก  การเลา่ เรยี น การสดบั ตรบั ฟงั  มนั กส็ คู้ นทเ่ี ขามที ง้ั สองอยา่ งไมไ่ ด้ คนสมองดี จะจ�ำได้หมายรู้เร็ว แต่คนมีปัญญาดี จะคิด  เหตุผลไดท้ ะลปุ รโุ ปรง่  คนปัญญาดีเรยี กว่าเฉลยี วฉลาด คนท่ีสมองดี ปญั ญาด ี ความเพยี รดี ก็จะไปไดไ้ กลมาก ความฉลาดของคนไม่เท่ากัน เหมือนความสูงของต้นไม ้ อย่างเอากระถินกับต้นสักปลูกด้วยกัน มันสูงไม่เท่ากัน หรือ  ลูกลิงกับลูกช้าง โตเต็มที่ของลิงกับช้างมันผิดกัน ฉะนั้นการท ่ี ได้อะไรสะสมมาแต่ชาติก่อนก็มีส่วนเยอะเหมือนกัน และก็มา  เพิม่ เอาในชาตนิ ดี้ ว้ ย พระปัญญาบารมีของพระพุทธเจ้า ตามที่เราได้ศึกษากัน  มา อย่างในชาติที่เป็นมโหสถ ก็มีปัญญามาตั้งแต่เด็กๆ ผู้ใหญ ่ สู้ไมไ่ ด้ ผู้ใหญค่ ดิ ไม่ออกท่านคิดออก 94 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

๒  โยคปญั ญา โยคะ แปลวา่  ประกอบหรอื กระท�ำ ปญั ญาทเี่ กดิ จากการ  ประกอบ การกระทำ� ในปจั จบุ นั  ขยนั หมน่ั เพยี รหมน่ั ฟงั หมน่ั คดิ   หม่ันอบรมฝึกฝน ปัญญาชนิดนี้ ถ้าเผ่ือคนฟังเท่ากันคิดเท่ากัน  อบรมเทา่ กนั ก็จะได้รับมาเทา่ ๆ กนั ๓  เนปกั กปญั ญา นี่คือนิปโก ปัญญาที่รู้จักรักษาตัวไม่ให้ตกไปในความช่ัว  ผ้มู ีปญั ญาอยา่ งน้ ี จะตอ้ งประกอบด้วยโกศล ๓ อยา่ ง คอื ๑. อายโกศล ฉลาดรู้เรื่องความเจรญิ ๒. อปายโกศล ฉลาดรู้เรื่องความเสื่อม อะไรคือความ  เจริญ อะไรคือความเสื่อม ๓. อุปายโกศล ฉลาดรู้อุบายที่จะหลีกจากความเส่ือม  ดำ� เนนิ ไปสู่ความเจริญ ค�ำวา่  อบุ าย ในภาษาธรรมะ แปลวา่  วธิ กี าร อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 95

เวลาเราเรียนหนังสือ เราเน้นไปที่พุทธิศึกษา คือสอนให้  คนเกง่  แตไ่ มไ่ ดส้ อนใหค้ นด ี สอนใหร้ เู้ รอ่ื งความเจรญิ  ความเสอ่ื ม  ทจ่ี ะรจู้ กั หาวธิ หี ลกี จากความเสอื่ มไปหาความเจรญิ กย็ งั นอ้ ยอย่ ู เรื่องความดีความชั่ว ความถูกความผิด ความควรไม่ควร อะไร  พวกนม้ี นั ต้องเรียนกนั ตา่ งหาก สงั เกตดคู นทำ� ความดกี นั ไมค่ อ่ ยเปน็  เราขาดการสอนเรอื่ ง  เนปกั กปญั ญา มาตรฐานความสำ� เรจ็ ในชวี ติ  เรามงุ่ เอาทางวตั ถุ  กันเกินไป ใครที่ได้วัตถุมากก็กลายเป็นความส�ำเร็จในชีวิตใน  สายตาของสังคมไป ทจ่ี รงิ มันไมใ่ ช ่ แตม่ นั กเ็ หน็ ยาก วัตถตุ า่ งๆ  มนั เหน็ งา่ ยกเ็ ลยเอาไวก้ อ่ น ทจี่ รงิ มนั ไมใ่ ช ่ ทใ่ี ชก่ ค็ อื ความสงบสขุ   ในชวี ติ  และการไดท้ ำ� ประโยชนก์ บั ผอู้ น่ื  อนั นน้ั เปน็ ความสำ� เรจ็   ในชวี ติ ทด่ี กี วา่ ตั้งเยอะเลย 96 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

๔  นเิ พธกิ ปัญญา หมายถึงปัญญาท่ีแจ้งทะลุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแทงทะลุ  อรยิ สจั  ๔ แจม่ แจง้ ความเปน็ จรงิ  ซงึ่ ประกอบดว้ ยรอบ ๓ อาการ ๑๒ ทม่ี าคกู่ บั นเิ พธกิ ปญั ญาอยเู่ สมอคอื  อทุ ยตั ถคามนิ ปี ญั ญา  คอื ปญั ญาทรี่ คู้ วามเกดิ และความดบั ของสังขารและนามรูป เปน็ คนละอยา่ งกนั  แตจ่ ะมาคกู่ นั เสมอ ทา่ นจะแสดงอทุ -  ยตั ถคามนิ ปี ญั ญากอ่ นคอื รจู้ กั ความเกดิ  ความดบั ของสงั ขารและ  นามรูป เป็นญาณต่างๆ ต่อมาก็ถึงแทงทะลุอริยสัจ คือนิเพธิก-  ปญั ญา แทงทะลอุ รยิ สจั ตามความเปน็ จรงิ  ซงึ่ ประกอบดว้ ยรอบ  ๓ ไตรปริวฏั  อาการ ๑๒ ในแนวทางของพระศาสนา ในการท่ีจะเสริมสร้างปัญญา  ทง้ั  ๔ น ้ี มวี ธิ กี ารยงั ไง กม็ วี ธิ กี ารตา่ งๆ กนั ไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ   ท่ีเป็นหัวข้อธรรมรวมที่ใช้ได้กับปัญญาท่ัวๆ ไป ก็คือปัญญาวุฒ ิ ธรรม คือธรรมที่ท�ำให้ปัญญาเจริญ หรือเป็นไปเพ่ือความเจริญ  ปัญญามี ๔ อย่าง อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 97

๑. สปั ปริสูปสงั เสวะ การคบคนด ี คบคนดีกไ็ ดป้ ญั ญา เยอะ ๒. สัทธัมมสั สวนะ ฟังธรรม ฟงั คำ� สงั่ สอนของคนดี ๓. มีโยนโิ สมนสกิ าร ๔. ธมั มานธุ มั มปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบตั ธิ รรมสมควรแก่ธรรมน้นั ปฏิบัติอย่างไร อันนมี้  ี ๒ ความหมาย ๑. ปฏบิ ตั ธิ รรมใหเ้ หมาะสมแกฐ่ านะของตน วา่ อยใู่ นฐานะ  อย่างไร ควรจะท�ำอย่างไร ปฏิบัติธรรมแค่ไหนจึงจะเหมาะสม  แกฐ่ านะของตน อยา่ งจะใหท้ าน กร็ วู้ า่ ฐานะของตนเปน็ อยา่ งไร  ควรจะให้ทานเท่าใด รักษาศีลก็เหมือนกัน รักษาให้เหมาะแก่  ฐานะของตน ไม่อย่างน้ันอยู่ไม่ได้หรืออยู่ล�ำบาก ถ้ามีอาชีพ  เป็นชาวประมง ก็ถือศีลข้อ ๑ ไม่ได้ ก็ไปถือข้ออ่ืนให้เคร่ง ถือ  อทนิ นาทานใหเ้ ครง่  อย่าไปขโมยของคนอื่น 98 ผคุ ณู้ มสุ่ งม บสั ตั นิ ข อตงบ ท

อยา่ งนายอรยิ ะพรานเบด็  ตกปลาอย ู่ พระพทุ ธเจา้ ถามวา่   เธอชอ่ื อะไร เขาวา่ ชอ่ื อรยิ ะ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่  ถา้ ยงั ท�ำอยา่ งนี้  อยยู่ ังไมใ่ ช่ชอื่ อริยะ ถ้าพระจะไปเทศน์ชาวประมง ก็เทศน์เรื่องอ่ืนไม่ต้องไป  เทศน์ให้เลิกฆ่าสัตว์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิร-  ญาณวโรรสท่านเคยต�ำหนิพระท่ีไปเทศน์ให้ชาวประมงฟัง แล้ว  ท่านไปเทศนเ์ รอ่ื งปาณาตบิ าต ทา่ นกเ็ รยี กมาเตอื น ทา่ นบอกวา่ เทศนอ์ ยา่ งนไี้ มไ่ ด ้ เหมอื น  กบั ไปหกั ดา้ มพรา้ ดว้ ยหวั เขา่  ท�ำไดอ้ ยา่ งไรมนั เปน็ อาชพี ของเขา  ไปเทศนเ์ ขากค็ งเวน้ ไมไ่ ด ้ ศาสนามคี ณุ กบั เขาอยา่ งไร เขากร็ อู้ ย ู่ เขาจงึ ไดล้ งทนุ บำ� รงุ ศาสนา อตุ สา่ หน์ มิ นตพ์ ระไปเทศน ์ กม็ เี รอ่ื ง  อืน่ จะเทศน์เยอะแยะไป ทา่ นกต็ ิงแบบน้ี ๒. ปฏิบัติธรรมน้อยคล้อยตามธรรมใหญ่ หมายความ  วา่ ในศาสนาจะมหี ลกั ใหญอ่ ย ู่ เหมอื นกฎหมายรฐั ธรรมนญู  กฎ-  หมายลกู ต้องไม่ขดั กบั กฎหมายรัฐธรรมนูญ อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook