ฝึกท่ีไหนก็ได้ น่ังโคนต้นไม้ก็ได้ น่ังในท่ีสัปปายะ เหมาะสม ในครัวก็ได้ถ้ามันเหมาะสม ในห้องน้�ำก็ได้ บางคนเขาบรรลุธรรมในขณะนง่ั พงิ โอง่ ก็มี ค�ำถาม ๗ คนที่น่ังกรรมฐาน มองเห็นกรรมของคนอื่น และ สามารถบอกวิธีแก้ไขให้ผู้อื่นได้ แต่เขาจะรู้เห็นกรรม ของตนเองท่ีจะเกิดข้ึนและหลีกเลี่ยงกรรมนั้นได้หรือ ไมค่ รับ ค�ำตอบ ไม่ได้ การจะไปบอกกรรมของคนอื่น ต้องถามก่อนว่า คนเขาศรัทธาหรือไม่ ถ้าเขาไม่ศรัทธา คนที่รู้จริงเขา จะไมบ่ อกไมส่ อน แตค่ รทู ไี่ มด่ ชี อบสอนไปเรอื่ ย ครดู เี ขา ไม่แสวงหาศิษย์ ศิษย์ท่ดี ตี ้องแสวงหาครู ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 101
จะเล่าเร่ืองจริงให้ฟังเรื่องหน่ึง มีผู้หญิงโทรศัพท ์ มา “อาจารย์คะ มีหนุ่มมาชอบหนูหลายคน แต่มีอยู่ คนหน่ึงขอหนูแต่งงาน อาจารย์ช่วยตัดสินให้หน่อย ว่าหนูควรแต่งดีหรือไม่คะ” ผู้บรรยายบอกว่า “หนูฟัง กอ่ นนะ พระพทุ ธเจา้ โคดมทา่ นตรสั ไวอ้ ยา่ งน ้ี มนษุ ยม์ ี สมบัติเป็นห่วงผูกขา ไปไหนมาไหนยาก มีสามีภรรยา เป็นห่วงผูกข้อมือ ไม่อิสระ มีบุตรธิดาเป็นห่วงผูกคอ หนจู ะเลอื กผกู ตรงไหนกเ็ อาทชี่ อบๆ นะลกู ” ผบู้ รรยาย ไม่ถามว่าเขาตัดสินใจยังไง เพราะคนท่ีรู้จริงย่อม ไมเ่ ขา้ ไปกา้ วลว่ ง ลกู เรยี นนน่ั ลกู เรยี นน ่ี ลกู ท�ำนน่ั ลกู ท�ำนี่ ไม่ควรท�ำ คนท่ีรู้จริงต้องปล่อยให้เขาเลือกด้วย ตัวเอง มันจึงจะถูกต้อง เพราะชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้า ใหค้ นอน่ื บอก ชวี ติ จะไปไมร่ อด พอ่ แมท่ บี่ อกใหล้ กู เรยี น น่ันเรียนน่ีน้ันไม่ฉลาด และจะพาลพาลูกไม่ฉลาดตาม ไปดว้ ย คนทร่ี จู้ รงิ เปน็ อยา่ งไร ดพู ระพทุ ธเจา้ เปน็ ตวั อยา่ ง พระทด่ี อ้ื ทส่ี ดุ ในสมยั พทุ ธกาลคอื ใคร เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ 102 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
มีคนเลี้ยงม้าคนหนึ่ง ตอนหลังมาบวช ชื่อ ฉันนะภิกษุ มีอัตตาเต็มท่ี ใครจะพบพระพุทธเจ้า ต้องผ่านพระ ฉันนะก่อน ปากคอระราน ด่าว่าพระอัครสาวกและ พระมหาเถระอยบู่ อ่ ยๆ อตั ตาเยอะ เพราะถอื ตวั วา่ เปน็ คนเลี้ยงม้าของเจ้าชายสิทธัตถะมาก่อน ไม่มีใครสอน ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้า ในพรรษาสุดท้าย ก่อนจะเสด็จ ดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าเรียกพระอานนท์ไป สง่ั ความ “อานนท ์ เมอื่ ตถาคตลว่ งลบั ไปแลว้ ใหห้ มสู่ งฆ ์ ลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนะภิกษุ” พรหมทัณฑ์ หมายถึง ไมเ่ ขา้ ไปพดู ดว้ ย ไมต่ กั เตอื น ไมว่ า่ กลา่ วสงั่ สอน ไมค่ บหา สมาคม เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ ปรนิ พิ พานแลว้ มกี ารสงั คายนา พระพุทธศาสนาครั้งแรก ซ่ึงพระอานนท์ร่วมด้วย พอ แลว้ เสรจ็ พระอานนทจ์ งึ แจง้ หมสู่ งฆว์ า่ กอ่ นพระพทุ ธ- เจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้สั่งกับข้าพเจ้าไว้ว่า ให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนะภิกษุ หมู่สงฆ์ก็มีมติให ้ พระอานนทน์ ำ� สงฆ์หมูห่ น่ึงไปลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนะ ภิกษ ุ ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 103
ครั้งน้ัน พระอานนท์อยู่ ณ แคว้นมคธ อันเป็น สถานที่ท�ำปฐมสังคายนา ส่วนฉันนะภิกษุอยู่ ณ โฆสิ- ตาราม เมืองโกสัมพี คร้ันพระอานนท์เดินทางไปถึง พระฉันนะก็เข้ามากราบ พระอานนทพ์ ูดกับพระฉนั นะ ว่า “บัดนี้ สงฆ์ได้ลงพรหมทัณฑ์แก่ท่านแล้ว” เมื่อได ้ ทราบความหมายของพรหมทณั ฑ ์ พระฉนั นะรอ้ งขน้ึ วา่ “โอ นี่หมายความว่าหมู่สงฆ์ได้ก�ำจัดข้าพเจ้าออกจาก หมู่แล้วใช่ไหม” แล้วถึงกับเป็นลมสลบไป เม่ือฟื้นตื่น 104 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
ขนึ้ มา กพ็ บตวั เองอยคู่ นเดยี ว ไมม่ ใี ครเหลยี วแล จงึ ไป ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ไปให้ พระมหาเถระสอนหลักธรรมให้ แต่ก็ไม่บรรลุธรรม จึงกลับมาหาพระอานนท์ “ท่านอานนท์ โปรดเมตตา ข้าพเจ้าด้วย โปรดสอนธรรมท่ีท�ำให้พ้นทุกข์” พระ อานนท์สอนปฏิจจสมุปบาทให้ “เพราะเหตุน้ีมี ส่ิงน ้ี จงึ ม”ี ท่บี าลกี ลา่ วว่า อวชิ ชาปจั จะยา สังขารา (เพราะ อวชิ ชาเปน็ ปจั จยั สงั ขารจงึ ม)ี สงั ขาราปจั จะยา วญิ ญา- นัง (เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี) เป็นต้น ทุกข์ท้ังหลายล้วนเกิดขึ้นจากอวิชชาเป็นตัวแรก พระฉนั นะนำ� ธรรมนไ้ี ปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ไมน่ านกบ็ รรลุ อรหัตตผล จากน้ันก็กลับมาหาพระอานนท์ “ท่าน อานนทโ์ ปรดเพกิ ถอนพรหมทณั ฑแ์ กข่ า้ พเจา้ ดว้ ย” พระ อานนท์ตอบว่า “ผู้ใดพัฒนาจิตจนเข้าถึงอรหัตตผล แล้ว พรหมทัณฑ์เป็นอันถูกเพิกถอนโดยปริยาย” ไม่ม ี โทษเหลอื อีก ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 105
ค�ำถาม ๘ ในฐานะที่อาจารย์มีประสบการณ์ทางโลกและทาง ธรรมสูงมาก ในการปฏิบัติธรรม จ�ำเป็นหรือไม่ท่ ี ผู้ปฏิบัติจะต้องมีหูทิพย์ตาทิพย์ เพราะครูบาอาจารย์ บอกวา่ รแู้ ลว้ จะได้อะไร ให้มุง่ ปฏบิ ตั ิอย่างเดียว ค�ำตอบ จดุ ประสงคส์ งู สดุ ของการปฏบิ ตั ธิ รรม คอื การพน้ ทกุ ข ์ การเขา้ นพิ พาน แตเ่ มอ่ื ปฏบิ ตั สิ มถกรรมฐานจนกระทงั่ จิตถึงความตั้งมั่นสูงสุด เป็นฌาน จะเกิดอภิญญา คือ ความรู้สูงสุดท่ีเป็นฝ่ายโลกียะ ถามว่าดีหรือไม่ ก็เป็น สงิ่ ด ี แตอ่ าจทำ� ใหก้ ารปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนาลา่ ชา้ ยกตวั อยา่ ง ตัวผู้บรรยายในครั้งท่ีไปปฏิบัติธรรมกับท่านเจ้าคุณ โชดก หลงั จากเขา้ ฌานได ้ กเ็ กดิ ตาทพิ ย ์ ไดเ้ หน็ เทวดา งดงามมาก เมอื่ ไปสอบอารมณ ์ กร็ ายงานทา่ นเจา้ คณุ อาจารย์ว่าได้เห็นเทวดา สวยงามมาก ท่านเจ้าคุณ บอกว่าอย่าไปดูเล่นอยู่ ต้องก�ำหนด “เห็นหนอๆ” ให ้ 106 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
หายไป สิ่งใดท่ีท�ำให้เราต้องเวียนตายเวียนเกิด ท่าน เจา้ คณุ โชดกจะเตอื นเสมอวา่ ตอ้ งกำ� จดั ไปใหไ้ ด ้ ทกุ วนั นี้ ผู้บรรยายรู้ตัวเลยว่า ในอดีตเคยหลงเล่นอภิญญา ยาวนานถึง ๗ ชาติ เพ่ิงมาเปลี่ยนเป็นปัญญาเห็นแจ้ง ในชาติท่ี ๘ น้ีเอง ท่านเจ้าคุณโชดกเปล่ียนให้ หลงมา ยาวนาน ไม่ได้ท�ำให้พ้นทุกข์เลย เวียนตายเวียนเกิด ไมร่ ู้จบ จนมาถงึ ชาตนิ ีจ้ ึงมองเหน็ ทาง เหน็ มรรคทนี่ ำ� ส่คู วามพ้นทุกข์ เพราะฉะนน้ั การทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรมแลว้ ไมเ่ กดิ อภญิ ญา ไมใ่ ชเ่ รอื่ งผดิ ปกต ิ มนั เปน็ เรอ่ื งประสบการณข์ องแตล่ ะ บุคคล สมาธิข้ันต้นเขาเรียก ขณิกสมาธิ ขั้นที่สอง เรียกว่า อุปจารสมาธิ สมาธิระดับน้ีน�ำไปใช้พัฒนา ปัญญาเห็นแจ้งได้ แต่บางคนท่ีช�ำนาญ จะสามารถใช ้ ขณิกสมาธิไปพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งได้ ไม่จ�ำเป็นต้อง ข้ึนไปถึงระดับฌาน แต่คนที่ส่ังสมประสบการณ์มา มากหลายภพหลายชาติ ก็สามารถใช้โลกียอภิญญา ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น พระมหาโมคคัลลานะ เวลา ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 107
ท่านบรรยายธรรม ท่านใช้ ๒ อยา่ งควบคู่กัน คือฤทธ์ ิ (โลกยี อภิญญา) และอนสุ าสนีปาฏิหาริย์ ยังผลให้ผคู้ น ศรัทธากันมาก ส่วนพระสารีบุตรท่านใช้อนุสาสนี- ปาฏหิ ารยิ ก์ บั อาเทศนาปาฏหิ ารยิ ์ (รใู้ จคน) ผคู้ นกศ็ รทั ธา กนั มาก ผบู้ รรยายกท็ ำ� ตามแบบอยา่ งของพระสารบี ตุ ร ไปบรรยายท่ีไหนก็มีคนเข้าฟังกันมาก เพราะว่าขณะ บรรยายธรรม ผู้ฟังคิดอะไรอยู่เป็นเชิงค�ำถาม มัน เหมอื นเปน็ เรดารจ์ บั คลน่ื ได ้ ถา้ เปน็ เรอื่ งทตี่ รงกบั เรอ่ื ง ที่กำ� ลังบรรยายอยู่ ก็จะตอบกลับไปทันที คนก็ศรัทธา มาก แต่พระพุทธเจ้าโคดมท่านใช้หมดทุกอย่าง ท่าน เก่งมาก 108 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
ค�ำถาม ๙ คนที่ท�ำพิธแี กก้ รรมให้คนอนื่ แก้ได้จริงหรอื ไมค่ รับ คำ� ตอบ เรอื่ งแกก้ รรม ผบู้ รรยายอยากจะบอกพวกเราทเี่ หน็ ถกู ตามธรรม พระพุทธเจ้าโคดมกับพระเทวทัตสร้างเวร สร้างกรรม จองเวรผูกพยาบาทกันมา หลายภพชาต ิ ท่ีพระองค์เกดิ เป็นพระโพธิสตั ว์ ก็ประสบเหตพุ ยาบาท จากพระเทวทตั เรอ่ื ย ยกตวั อยา่ ง ชาตทิ ไ่ี ปเกดิ เปน็ พญา ช้างฉัททันต์ ก็ถูกพระเทวทัตยิงตาย ชาติท่ีไปเกิดเป็น พญานาคราชจัมเปยยกะ ก็ถูกพระเทวทัตท่ีเป็นหมอง ู จับไปเล่นกล ชาติสุดท้ายที่เกิดเป็นพระเวสสันดร ก ็ ยังถูกพระเทวทัตซ่ึงเป็นชูชกตามไปขอลูก ๒ คนอีก พระพุทธเจ้าท่านต้องบ�ำเพ็ญบารมีถึง ๓๐ ทัศ พระ เทวทัตก็ได้จองเวรมาเรอ่ื ย จนกระท่งั พระชาติสดุ ท้าย ทม่ี าตรสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ มาเกดิ เปน็ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ และปฏิบัติธรรม ๖ ปี เมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ยังไม่พ้นการ จองเวรของพระเทวทัต คร้ังหน่ึงพระพุทธเจ้าพักอยู่ท่ ี ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 109
กุฏิบนยอดเขาคิชฌกูฏ เมื่อเดินลงมา พระเทวทัตกล้ิง ก้อนหินลงมาหมายให้ทับพระพุทธเจ้าให้สิ้นพระชนม์ แตห่ นิ แตกออกก่อน เป็นสะเก็ดกระเด็นมาบาดนว้ิ เท้า ของพระพทุ ธเจา้ เลอื ดออก หรอื อกี ครงั้ หนงึ่ ปลอ่ ยชา้ ง นาฬาคีรีตกมันหมายให้แทงพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่อาจ ทำ� อะไรทา่ นไดเ้ พราะทา่ นมธี รรมคมุ้ รกั ษา แตเ่ รากค็ ง เห็นแล้วว่าเรื่องจองเวรนี้มันแก้ไม่ได้ ขนาดพระพุทธ- เจา้ ยงั แกไ้ มไ่ ด ้ หรอื พระอคั รสาวก พระมหาโมคคลั ลานะ ฆา่ พอ่ ฆา่ แมท่ ตี่ าบอดดว้ ยการทบุ ตแี ลว้ ผลกั ตกเขาตาย หวงั จะไมเ่ ลยี้ งด ู หลงั จากบรรลธุ รรมแลว้ กรรมตามให้ ผล โดนโจรทุบตีเสียน่วม แต่ท่านใช้อิทธิฤทธ์ิประสาน กายขึ้นมา แลว้ ไปเฝา้ พระพทุ ธเจา้ เพ่ือลาไปนพิ พาน เพราะฉะนน้ั หนเ้ี วรหนก้ี รรมทใี่ ครเขาพดู วา่ แกไ้ ด ้ มันถูกของผู้พูด แต่ไม่ถูกของผู้รู้จริงเช่นพระพุทธะ หรือผู้บรรยาย ส�ำหรับผู้บรรยายแล้ว มีทางเดียว จะ หมดไดต้ อ้ งใชห้ นใี้ หห้ มด ทา่ นผฟู้ งั ลองพสิ จู นง์ า่ ยๆ ถา้ ไปกเู้ งนิ มาจากธนาคาร ๑ แสนบาท ใชค้ นื แลว้ ๕ หมน่ื 110 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
อีก ๕ หม่ืนที่เหลือบอกผู้จัดการธนาคารว่ายกเลิกกัน ขอให้ยกหน้ีให้ เป็นใครเขาก็ไม่ยอม หน้ีเวรหน้ีกรรม กเ็ ชน่ เดยี วกนั ถา้ เขาไมย่ กให ้ กต็ อ้ งชดใช ้ เพราะฉะนน้ั ที่เกิดมาชาติใหม่ โคจรมาเจอกัน มายืมเงินเราไปแล้ว ไมใ่ ช ้ นนั่ แหละ กรรมเกา่ ของเราละ่ เคยไปเอาของเขา มาแลว้ ไมใ่ ชเ้ ขา ตวั ผบู้ รรยายเอง ครง้ั ทบ่ี วชทวี่ ดั มหา- ธาต ุ วนั หนงึ่ เดนิ จงกรมอย ู่ มแี มวตวั หนงึ่ มาไตข่ า ทแี รก คิดจะเตะให้พ้นไป แต่ระลึกขึ้นได้ว่าตอนสงครามโลก เคยจบั แมวโยนตน้ ไม ้ มนั กก็ างเลบ็ ออก รอ้ งแงว้ ๆ เรา สนุกบนความทุกข์ของแมว แมวตัวน้ันตายไปแล้ว แต่ จิตวิญญาณของมันยังผูกพยาบาท ชาติน้ีมาเกิดเป็น แมวอกี กต็ ามมาไตข่ า หนเี้ วรกรรมตอ้ งชดใช ้ จงึ จะหมด ผบู้ รรยายไม่หนี ยอมรับความจริง ใช้มนั ไปเร่อื ยๆ ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 111
ค�ำถาม ๑๐ เปน็ คำ� ถามจากครคู รบั ทา่ นอาจารยบ์ อกวา่ อวชิ ชาคอื ความรู้ที่พวกเราร่�ำเรียนมาทุกวันนี้ จากการฟัง คิด อา่ น เขยี น แลว้ ถา้ เดก็ ๆ ไมเ่ รยี น ไมท่ ำ� งาน ไมม่ คี วาม รใู้ ชป้ ระกอบอาชีพเลีย้ งกาย แล้วจะใหท้ ำ� อย่างไร ค�ำตอบ เม่ือเราเกิดเป็นมนุษย์ มีงานใหญ่ให้เราต้องท�ำอยู่ ๒ งาน หนึ่ง งานทางโลก เพราะเราเกิดมาเป็นสมาชิก ของสังคม ของครอบครัว ของประเทศชาติ เราก็ต้อง ทำ� ความดตี ามทเี่ รามคี วามสามารถ คอื ใชป้ ญั ญาความร ู้ ทเ่ี ราเรยี นทางโลก ทำ� งานใหก้ บั โลกใหเ้ ตม็ ท ่ี ใหด้ ที ส่ี ดุ ขณะเดยี วกนั เมอ่ื เราตายแลว้ เราตอ้ งไปเกดิ ใหม ่ ตวั ใคร ตัวมัน ดังน้ัน เม่ือเรายังมีชีวิตอยู่ เราจึงต้องท�ำงาน ภายใน พัฒนาศักยภาพ คือสั่งสมบุญเอาไว้ให้เยอะๆ ฉะนนั้ มนษุ ยเ์ ราจงึ มงี าน ๒ งาน งานทางโลกกต็ อ้ ง พัฒนาให้สูงสุด ถ้าตราบใดเรายังต้องท�ำงานให้กับ สังคม เราต้องใช้ความรู้ท�ำงาน แต่ขณะเดียวกัน เรา 112 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
ก็ต้องท�ำงานภายในเพื่อท�ำจิตของเราให้มีบุญมากๆ เพราะเราจะไปเกิดในสุคติภูมิ หรือจะพ้นทุกข์ หรือจะ เปลย่ี นจากสภาวะปถุ ชุ นเปน็ อรยิ บคุ คล กล็ ว้ นดว้ ยบญุ ทงั้ นนั้ เพราะฉะนน้ั ทถี่ ามมา ผบู้ รรยายกต็ อบวา่ ตอ้ ง ไม่ทง้ิ งานทางโลกด้วย แตต่ อ้ งบอกว่าเปน็ อวิชชา เปน็ ความหลงจรงิ ๆ ผบู้ รรยายกผ็ า่ นเรอ่ื งนมี้ า เรยี นไปจน สูงสุด ยิ่งเข้าป่าไปลึกเลย ถ้าไม่ได้ปัญญาตัวสุดท้ายน ี่ เห็นทีจะไปเป็นเดรจั ฉาน ตอ้ งขออภัยทา่ นผฟู้ งั แต่มนั เปน็ อย่างนน้ั จริงๆ ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 113
คำ� ถาม ๑๑ เวลาดฉิ นั ไหวพ้ ระสวดมนตห์ รอื นง่ั สมาธ ิ จะเกดิ อาการ หาวทุกคร้ัง จะว่างว่ งก็ไมใ่ ช ่ เกิดจากอะไรคะ ค�ำตอบ กิเลสมารมันมีอ�ำนาจเหนือใจ ตัวท่ีขัดขวางการท�ำ ความด ี (สวดมนต์หรือน่ังสมาธิ) เขาเรียกว่ามาร จะ ชนะมารได้ ก็ต้องพัฒนาจิตให้มีก�ำลังสติและปัญญา กล้าแข็ง ต้องพัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยเฉพาะ พละ ๕ เปน็ พลงั ของจติ ไดแ้ ก ่ ศรทั ธา วริ ยิ ะ สต ิ สมาธ ิ ปญั ญา หา้ ตวั นตี้ อ้ งพฒั นาใหม้ กี ำ� ลงั กลา้ แขง็ และปรบั สมดุลปัญญากับศรัทธาให้มีก�ำลังใกล้ๆ กัน สมาธิกับ วิริยะให้มีก�ำลังใกล้ๆ กัน สติให้ใหญ่เข้าไว้ ถ้าท�ำได้ อย่างนี้ จะมีอ�ำนาจเหนือมาร มารมีท้ังหมด ๕ ตัว หนงึ่ กเิ ลสมาร เชน่ ตวั ทชี่ วนใหห้ าว สอง ขนั ธมาร เชน่ นั่งแล้วปวด เป็นเหน็บชา สาม อภิสังขารมาร คือ จิต ปรุงแต่งแล้วนอนไม่หลับ สี่ เทวปุตตมาร คือ เทวดา เป็นมารมาขัดขวางไม่ให้เราพ้นไปจากกามภพ เพราะ 114 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
ท่านมีอ�ำนาจอยู่ในกามภพ และสุดท้าย มัจจุมาร คือ ความตาย ถ้าลมหายใจไม่เข้าไม่ออก ก็หมดโอกาสท�ำ ความด ี ผบู้ รรยายผา่ นมาทงั้ หา้ ตวั ดว้ ยกำ� ลงั ของพละ ๕ พฒั นาอย ู่ ๓๕ ป ี ตอ้ งทำ� ทกุ วนั ใครหาวๆๆๆ เปน็ เพราะ จิตแพ้อำ� นาจของกิเลสมาร ต่อไปน้ีต้องพัฒนาจิตให้ม ี ก�ำลังสติกล้าแข็ง มีปัญญาเห็นแจ้ง หาวเด๋ียวมันก็ดับ ในทสี่ ดุ กเ็ ลิกหาว ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 115
ค�ำถาม ๑๒ การตง้ั สจั จอธษิ ฐานขา้ มภพชาตเิ ปน็ เรอ่ื งของสญั ญาท่ ี ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวแล้วจะ ไดม้ าอยหู่ รอื ปฏบิ ตั ธิ รรม เพอ่ื สง่ิ ใดสงิ่ หนงึ่ ในปจั จบุ นั มีไหมครับ คำ� ตอบ ถ้าใครผู้ใดพัฒนาจิตจนเข้าถึงอภิญญา ๕ ได้ ก็จะรู้ว่า ที่เราได้พบ ได้เห็น ได้มาฟังน่ี เราเคยฟังมาก่อนนะ เคยศรัทธากันมาก่อน เคยเข้าใกล้ เคยสนทนากันมา ก่อน ไม่ใช่ว่าโคจรมาเจอกันโดยบังเอิญ มันล้วนมีเหต ุ มีผล มีคนหน่ึงอยู่ที่หนองคาย วันน้ันอาจารย์จะไป บรรยายทจ่ี งั หวดั อดุ รธาน ี ทา่ นมานอนคอย ๑ คนื พอ เจอกนั ตา่ งคนต่างมองกนั แล้วก็จำ� กันได้ เพราะท่าน ผนู้ น้ั กม็ อี ภญิ ญาตาทพิ ยเ์ หมอื นกนั จงึ รวู้ า่ เคยเปน็ เพอื่ น กนั สมยั บวชเปน็ ฤาษที ร่ี มิ แมน่ ำ�้ คงคาโนน่ ผบู้ รรยายยงั บอกทา่ นวา่ ใหไ้ ปเลยนะ ไมต่ อ้ งคอย เพราะผบู้ รรยาย ยังมีสัจจะที่อธิษฐานไว้ว่าต้องช่วยเพื่อนให้พ้นจาก 116 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
อบายภูมิ โดยการก�ำจัดความโลภ ความโกรธ ความ หลง ไมใ่ หม้ อี ำ� นาจเหนอื ใจใหไ้ ดเ้ สยี กอ่ น ไมใ่ ชโ่ พธสิ ตั ว์ หรอก แตเ่ ปน็ สัจจะทอ่ี ธษิ ฐานไว้ จงึ ต้องท�ำให้ได้ คำ� ถาม ๑๓ พอพดู ถงึ คำ� วา่ “โพธสิ ตั ว”์ เมอื่ คนื ไดด้ รู ายการ เรอ่ื งจรงิ ผา่ นจอ เกยี่ วกบั ลามะหนมุ่ ทเ่ี ขาเคยไปท�ำเรอ่ื งราวเมอ่ื หลายปกี อ่ น ทนี่ ง่ั วปิ สั สนาอยใู่ นปา่ และไมท่ านอาหาร เขาไปสมั ภาษณม์ า บอกวา่ เขาอาจจะเปน็ พระโพธสิ ตั ว์ หรอื เปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทา่ นอาจารยค์ ดิ วา่ เปน็ ไปได้จริงหรือไม่คะ คำ� ตอบ ค�ำว่า “อาจจะ” ไม่มีในพุทธศาสนา เพราะทุกอย่าง มเี หตมุ ผี ล คำ� วา่ “อาจจะ” นน้ั ไมใ่ ช ่ ผทู้ ร่ี จู้ รงิ ไมม่ คี �ำวา่ “อาจจะ” หรือ “บังเอิญ” หรือ “น่าจะเป็น” ทุกอย่าง ต้องมีเหตุมีผลทั้งนั้น ทีนี้ ใครด�ำรงเพศเป็นโพธิสัตว ์ ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 117
หรือเป็นพุทธสาวก ดูได้จากพฤติกรรมของคนผู้น้ัน ลกั ษณะของพระโพธสิ ตั วก์ ด็ อู ยา่ งพระเจา้ อยหู่ วั ของเรา ให้และช่วยเหลือทุกอย่าง น่ีคือลักษณะของพระโพธ ิ สตั ว ์ แตถ่ า้ ปฏบิ ตั เิ พอื่ หวงั นำ� ตนพน้ ทกุ ข ์ อนั นนั้ เปน็ พทุ ธ สาวก 118 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
โพธิสัตว์ในสมัยเรานี้ ก็มีเช่น ครูบาบุญชุ่ม ท่าน เคยลาพทุ ธภมู แิ ลว้ ถงึ ๓ ครงั้ คอื ไมม่ งุ่ เปน็ พระพทุ ธเจา้ แลว้ แตพ่ ระอนิ ทรอ์ งคน์ ้ี (คอื มฆมาณพทเี่ ปน็ โสดาบนั ) ไม่ยอมให้ลา เพราะพระพุทธเจ้าองค์ก่อนพยากรณ์ไว ้ แลว้ วา่ ทา่ นจะตอ้ งเปน็ พระพทุ ธเจา้ ในอนาคตแนน่ อน แบบน้ีเรียกว่า นิยตโพธิสัตว์ แต่ถ้าโพธิสัตว์องค์ใด เหน่ือยหน่ายการบำ� เพ็ญบารมีอันยาวนานเพื่อจะเป็น พระพุทธเจ้า ก็ลาพุทธภูมิไป เรียกว่า อนิยตโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ที่ลาพุทธภูมิจะมีลาภสักการะบริวารมาก ฉะนนั้ เราจะเหน็ วา่ อนยิ ตโพธสิ ตั วส์ ามารถท�ำอะไรได้ ใหญโ่ ตมโหฬาร เชน่ สรา้ งวดั ดอู ยา่ งวดั ทา่ ซงุ ทจ่ี งั หวดั อุทัยธานี วัดบ้านเด่นท่ีแม่แตงในจังหวัดเชียงใหม่ พระสายพทุ ธสาวกทำ� ไมไ่ ด ้ ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 119
คำ� ถาม ๑๔ ในประเทศไทย นอกจากครบู าบญุ ชมุ่ และพระเจา้ อยหู่ วั แลว้ ยงั มโี พธสิ ตั วอ์ งคไ์ หนอกี คะ ทถี่ ามค�ำถามนเี้ พราะ อยากทราบวา่ ในโลกปจั จบุ นั ทวี่ นุ่ วายมากๆ กบั วกิ ฤต ตา่ งๆ ทพ่ี บกนั อย ู่ ยงั มบี คุ คลแบบนจ้ี รงิ หรอื ไมค่ ะ ไมไ่ ด้ อยากเป็นพระโพธิสัตว์ แต่อยากศึกษาเพื่อเป็นแรง บันดาลใจว่า มันท�ำได้จรงิ และเป็นเรอ่ื งจรงิ คะ่ คำ� ตอบ มจี รงิ ทำ� ไดจ้ รงิ นอกจากครบู าบญุ ชมุ่ และในหลวงแลว้ ก็ยังมีอยู่ท่ีจังหวัดพะเยา แต่อย่าไปเอ่ยช่ือท่านเลย ผู้บรรยายก็ศรัทธาท่าน มีครั้งหนึ่ง ท่านเล่าว่า พระ สงฆต์ หี วั ทา่ นแตก เลอื ดไหล ทา่ นเปน็ เจา้ อาวาส ทา่ น ส่ังพระลูกวัดทุกรูป ห้ามไปตอบโต้พระท่ีมาตีหัวท่าน เพราะทา่ นตอ้ งการบำ� เพญ็ บารม ี หลวงปตู่ อื้ ทม่ี รณภาพ ไปแลว้ กเ็ ปน็ โพธสิ ตั ว ์ อกี องคเ์ คยอยทู่ ปี่ า่ ภพู าน เสยี ชวี ติ ไปแล้ว ท่านบรรลุธรรมแต่ไม่สอนคน หรือในอดีต ใน แผน่ ดนิ ไทยกม็ พี ระยาลไิ ท เจา้ กรงุ ศรสี ชั นาลยั พระเจา้ 120 ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ต น เ อ ง
อยู่หัวรัชกาลท่ี ๓ ก็ใช่ ท่านท�ำอะไรแล้วอธิษฐานขอ เปน็ พระพทุ ธเจา้ ทกุ ๆ ครงั้ ครบู าศรวี ชิ ยั กเ็ ปน็ โพธสิ ตั ว์ เด่นชดั มาก ชีวิตทา่ นทรหดสมบกุ สมบัน ถา้ ใครอยากเปน็ โพธสิ ตั วต์ อ้ งทำ� อยา่ งน ี้ อนั ดบั แรก สรา้ งมหาทาน เชน่ เลยี้ งพระทง้ั วดั เปน็ เวลา ๗ วนั พอ ครบวนั ท ี่ ๗ แลว้ อธษิ ฐานขอใหเ้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ ในกาล ขา้ งหนา้ จากนนั้ ตอ้ งดำ� เนนิ ชวี ติ ตามแบบโพธสิ ตั ว ์ คอื ใหท้ ุกอย่าง ชว่ ยทุกอยา่ ง ทนตอ่ ความอดอยาก ความ ลำ� บากตรากตร�ำ เจรญิ บารมีใหค้ รบ ๓๐ ทศั ด ร . ส น อ ง ว ร อุ ไ ร 121
รายนามผรู้ ว่ มศรทั ธาพมิ พ์ หนังสอื การพัฒนาศกั ยภาพตนเอง ล�ำดับ ชอ่ื -สกุล จ�ำนวนเงิน ๑ คณุ วรรณภา คงสวัสด์ศิ ักดิ์ ๔๕,๒๐๐ ๒ คุณสิริการย์ วบิ ลู ศกั ด์ิ ๔๐,๐๐๐ ๓ คุณอจั ฉริยา แสงงาม ๓๐,๐๐๐ ๔ คณุ ปรีชา ล้มิ จั่ว ๑๓,๐๐๐ ๕ คุณคเชนทร์ การุณรงั ษวี งศ์ ๑๒,๔๒๐ ๖ คณุ สมชาย สูงเด่น ๑๐,๐๐๐ ๗ ร้านวาสนาเบเกอรี่ ๘,๔๐๐ ๘ คณุ จุรีย์ หนูแก้ว ๗,๒๐๐ ๙ คณุ สมุ นา ไผเ่ ขม็ ศิรมิ งคล ๖,๒๕๐ ๑๐ คณุ วรานนท์ เกยี รติพานชิ ๕,๐๐๐ ๑๑ คุณเรวัตร-คุณวลั ยา แสงนลิ และครอบครัว ๕,๐๐๐ ๑๒ คณุ ปรียา ภูวพานิช ๔,๓๐๐ ๑๓ คุณนรนิ ทร์-คณุ ธรี ประภา เศวตประวิชกลุ ๔,๐๐๐ ๑๔ คุณพริ ุณ จิตรยง่ั ยืน ๔,๐๐๐ ๑๕ คุณปราณี เมฆวิมล และอาจารยจ์ นิ ดา มาสมบรู ณ์ ๓,๗๒๐ ๑๖ คุณอโยธยั งดงาม และครอบครัว ๓,๕๐๐ ๑๗ สหกรณเ์ ครดติ ยเู นีย่ น ทา่ ยาง ๓,๕๐๐ ๑๘ พญ.วมิ ล ชนิ กุลกจิ นิวัฒน์ ๒,๓๒๐ ๑๙ คณุ รังสิต-คณุ อญั ชนา อดุ มผล ๒,๐๐๐ ๒๐ คุณปัญญา ๒,๐๐๐ ๒๑ ผู้ไมป่ ระสงค์ออกนาม ๒,๐๐๐ ๒๒ คณุ ณรงคฤ์ ทธิ์ อุปถมั ภ์ และครอบครวั ๒,๐๐๐ ๒๓ คุณนรินทร์-คุณธรี ประภา เศวตประวชิ กุล ๒,๐๐๐ ๒๔ คณุ พริ ณุ จิตรยั่งยนื ๒,๐๐๐ ๒๕ คณุ อ�ำพล ๒,๐๐๐
ล�ำดบั ชอื่ -สกุล จ�ำนวนเงนิ ๒๖ คณุ วรญั ญา แวงสวสั ดิ์ ๒,๐๐๐ ๒๗ คณุ พวงทิพย์ นิลประดบั แกว้ ๒,๐๐๐ ๒๘ คณุ เลก็ ดิสอน ๒,๐๐๐ ๒๙ ร้านนานภัณฑ์ปากน้ำ� , ๒,๐๐๐ ศูนยก์ วดวชิ าและศิลปะสถาปัตย์ tutor-one ๒,๐๐๐ ๓๐ คุณโชคชัย วิลาวัลย์ และครอบครวั ๒,๐๐๐ ๓๑ คณุ วลัยทพิ ย์ ปิตจิ อมวงศ์ และกลั ยาณมติ ร อ.ตะพานหิน ๒๐๐๐ ๓๒ คุณรังสิต-คณุ อญั ชนา อุดมผล ๑,๑๘๐ ๓๓ คณุ องั กรู -คณุ สริ ิกร ภาวสุทธิไพศิฐ ๑,๐๐๐ ๓๔ คณุ ทวีวฒั น์ เรอื งทวีทรัพย์ ๑,๐๐๐ ๓๕ คณุ ปาณสิ รา บนุ นาด ๑,๐๐๐ ๓๖ คณุ ศิริพร วสุวราภรณ์ ๑,๐๐๐ ๓๗ พ.ญ.วิมล ชินกุลนจิ นวิ ัฒน์ ๑,๐๐๐ ๓๘ คณุ รังสมิ า คงเพง็ ๑,๐๐๐ ๓๙ คณุ อุทัยวรรณ ขนุ เจรญิ ๑,๐๐๐ ๔๐ จ.ส.อ.สรุ พล เรืองโกษา ๑,๐๐๐ ๔๑ คณุ กลั ยา ชาตะเมธกี ุล และครอบครวั ๑,๐๐๐ ๔๒ คณุ ศรัณยช์ ยั จองวจิ ติ รกุล ๑,๐๐๐ ๔๓ คุณณรงค์ฤทธ-ิ์ คณุ รัชดา-ด.ช.นวพรรษ อุปถัมภ์ ๑,๐๐๐ ๔๔ คุณอำ� นวย ลิมปสิ ุต และครอบครัว ๑,๐๐๐ ๔๕ คณุ สมหมาย เตม็ ประสิทธศ์ิ ักด์ิ ๑,๐๐๐ ๔๖ คุณศิรชิ ัย ลือกติ ิไกร ๔๗ พ.ต.อ.รณรงค์ วิมกุ ตานนท์ ๙๘๐ ๔๘ คุณจไุ รรตั น์ จงออ่ น ๙๐๐ ๔๙ คุณฐติ ิชล บรู ณะบญั ญตั ิ ๘๒๐ ๕๐ คุณอมรรตั น์ เปรื่องบุญ ๗๒๐ ๕๑ ผอ.นิกร เสาร์ฝัน้ ๗๐๐ ๕๒ พ.ต.ต.เดชชาภากร หริ ญั วัฒน์ ๗๐๐ ๕๓ คณุ กรรณกิ าร์ ยงั นอ้ ย ๖๐๐ ๕๔ คณุ สมชาย ตง้ั ประสทิ ธโิ ชค ๕๑๐
ล�ำดับ ช่อื -สกุล จ�ำนวนเงิน ๕๕ คุณชมพนู ทุ มติ รสงเคราะห์ ๕๐๐ ๕๖ คณุ ปราณี ฉตั รสมพร ๕๐๐ ๕๗ คุณบรรหาร ๕๐๐ ๕๘ คณุ สุมาณี เลิศวฒุ ิวงศา และครอบครวั ๕๐๐ ๕๙ ดร.อนนั ต์ ภาวสุทธไิ พศิฐ ๕๐๐ ๖๐ คุณศริ ิลักษณ์ รตั นเกียรติ ๕๐๐ ๖๑ คณุ วรรณรตั น์ จันพริ กุล และด.ช.ปรมีย์ ทรัพย์มี ๕๐๐ ๖๒ ดร.อนนั ต์ ภาวสทุ ธไิ พศิฐ ๕๐๐ ๖๓ คณุ ลักขณา อธกิ ิจ ๕๐๐ ๖๔ คุณสุวรรณา ชินกำ� ธรวงศ์ ๕๐๐ ๖๕ คณุ ปญุ ย์วารี ๕๐๐ ๖๖ คณุ อรุ ตั น์ คลังทอง ๕๐๐ ๖๗ คุณวรรธนวรรณ แกว้ เภตรา ๕๐๐ ๖๘ คุณจิณณ์ ศริ ิบุญศรทั ธา ๕๐๐ ๖๙ อ.ศศเิ พญ็ วมิ กุ ตานนท์ ๕๐๐ ๗๐ คณุ ชี ประยงค์ ๕๐๐ ๗๑ คณุ จิดาภา (พ่จี ันทร)์ ๕๐๐ ๗๒ คณุ สชุ าดา มกุ เตียร์ ๕๐๐ ๗๓ คณุ วรัญญาภทั ร์ ปัญญา ๕๐๐ ๗๔ คณุ จนิ ตนาการย์ กงั วารธรรม ๔๕๐ ๗๕ คุณวริษฐพร กลงึ วจิ ิตร ๔๐๐ ๗๖ คณุ สวุ ชิ า พูลเกษ ๓๖๐ ๗๗ คณุ รตั นา สินธรี ภาพ ๓๖๐ ๗๘ คุณปราโมทย์ ศลิษฏ์อรรถกร ๖๐๐ ๗๙ คณุ วรษิ ฐพร กลงึ วจิ ติ ร ๔๐๐ ๘๐ คุณอทุ ยั วรรณ บุญเจริญ ๓๑๐ ๘๑ พระชยั พร จนฺทวโํ ส ๓๐๐ ๘๒ คุณพัชรา ธรรมลิขิตชยั ๓๐๐ ๘๓ คณุ พีรศกั ดิ์ชัย ดาศริ ิ ๓๐๐ ๘๔ คณุ อุกฤษฎ์-คุณเขษมศักดิ์ อายตวงษ์ ๓๐๐
ล�ำดับ ช่ือ-สกลุ จ�ำนวนเงิน ๘๕ คณุ เบญจนุช รัตนมณี ๓๐๐ ๘๖ คุณศริ ิรัตนา-คณุ วรรณกร อ่อนรอด และคณุ หัทยา ยกยงิ่ ๓๐๐ ๘๗ พ.ต.ท.ศกั ดา ทองพิทักษ์ ๓๐๐ ๘๘ พ.ต.ท.หญิงประณตี เพงิ ระนัย ๓๐๐ ๘๙ อูม่ งั กรการช่าง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ๓๐๐ ๙๐ คณุ นนทกร สักกะพลางกรู ๓๐๐ ๙๑ คณุ วาสนิ ี สักกะพลางกรู ๓๐๐ ๙๒ ด.ญ.ปวณี ก์ ร สกั กะพลางกูร ๓๐๐ ๙๓ คณุ สวุ ทิ ย์ แซจ่ วิ ๒๘๐ ๙๔ คณุ ทคิ ำ� พา พรหมวโร ๒๖๐ ๙๕ คณุ วาทินี สธุ นการ ๒๕๐ ๙๖ คณุ สมชาย ตั้งประสทิ ธโิ ชค ๒๕๐ ๙๗ คุณธรี ะ ชินสทุ ธ์ิ ๒๔๐ ๙๘ คณุ ฉลองชยั -คณุ วรรณกร คงบันเทิง ๒๑๐ ๙๙ คุณอษุ า สงา่ งาม ๒๐๐ ๑๐๐ คุณทอ้ -คณุ สุนันทา แหลมไพศาล ๒๐๐ ๑๐๑ ร.ต.ท.หญงิ วรษิ ฐพร กลึงวิจิตร ๒๐๐ ๑๐๒ คุณสริ ิฟพัค์ อภมิ าหาสมทุ ร ๒๐๐ ๑๐๓ พระภิกษนุ ิรนาม ๒๐๐ ๑๐๔ คุณมาลวี รรณ์ บุญวงศ์ ๒๐๐ ๑๐๕ คุณธรี ะ ชนิ สุทธิ ๒๐๐ ๑๐๖ คุณทอ้ -คณุ สนุ ันทา แหลมไพศาล ๒๐๐ ๑๐๗ คุณจารวุ ฒั น์ วเิ ศษสงวน ๒๐๐ ๑๐๘ คณุ ชชั วาล-คุณสดุ าทพิ ย์ ชยั ประภา ๒๐๐ ๑๐๙ คณุ มานะ นาวิน ๒๐๐ ๑๑๐ คุณวสุมนธ์ วงศรรี ตั นพร ๒๐๐ ๑๑๑ คุณกรชาล-คณุ บุหลนั กวนิ ภูมเิ สถียร ๑๖๐ ๑๑๒ คุณวิชัย ตนั ตนิ ิกลุ ชัย ๑๖๐ ๑๑๓ คณุ สิทธิชยั -คณุ ประภาภรณ์ ปญั ควิ จณาณ ๑๕๐ ๑๑๔ คณุ เสาวลักษณ์ เพียงอภชิ าติ ๑๕๐
ล�ำดบั ชอ่ื -สกลุ จ�ำนวนเงิน ๑๑๕ คุณมาเชง็ ภกั ดรี ัตนมิตร ๑๔๐ ๑๑๖ คณุ พลรตั น์ จันทร์เทพ ๑๔๐ ๑๑๗ คุณจินนภา ชนะภยั ๑๔๐ ๑๑๘ คุณศุภโชค ประธาน ๑๔๐ ๑๑๙ คณุ กลุ นษิ ฐ์ สทุ วปี ราโมธานนท์ ๑๔๐ ๑๒๐ คุณสพุ ัตรา กลน่ิ ระคนธ์ ๑๓๐ ๑๒๑ คุณสศธิ ร สร้อยสงิ ห์ ๑๒๐ ๑๒๒ คณุ ภคกรณ์ รจุ าธนนนั ท์ ๑๒๐ ๑๒๓ คณุ ดนัย รตั นรอด ๑๒๐ ๑๒๔ คุณสุจิตรา กอศกั ด์ิวัฒนา ๑๒๐ ๑๒๕ คณุ มานะ นาวนิ ๑๒๐ ๑๒๖ คณุ ธนภตั วฒุ ิพงศ์ ๑๒๐ ๑๒๗ คณุ ประกิต เล็งอดุ มลาภ ๑๒๐ ๑๒๘ พ.ต.อ.บญุ เสรมิ -คุณยพุ ดี ศรชี มภู ๑๒๐ ๑๒๙ คุณพัชรนิ ทร์ ผ่องแผ้ว ๑๒๐ ๑๓๐ คณุ นพรัตน์ ชื่นเกษม ๑๑๐ ๑๓๑ ด.ญ.เวธกา สุขแสนไกรศร ๑๑๐ ๑๓๒ คณุ นุช ๑๑๐ ๑๓๓ คณุ ศริ ิพร เนตรงามวงศ์ ๑๑๐ ๑๓๔ คุณสทุ ธนิ ี ภาวสทุ ธไิ พศิฐ์ ๑๐๐ ๑๓๕ อ.อารี ภาวสทุ ธิไพศิฐ์ ๑๐๐ ๑๓๖ ด.ญ.นภัสวรรณ ภาวสุทธไิ พศฐิ ์ ๑๐๐ ๑๓๗ คุณปรีดา เลง็ อุดมลาภ ๑๐๐ ๑๓๘ คณุ ศนิชา ดษุ ฎวี โิ รจน์ ๑๐๐ ๑๓๙ คณุ สธุ นิ ี ภาวสุทธไิ พศฐิ ์ ๑๐๐ ๑๔๐ อ.อารี ภาวสุทธิไพศฐิ ์ ๑๐๐ ๑๔๑ ด.ญ.นภสั วรรณ ภาวสุทธไิ พศิฐ์ ๑๐๐ ๑๔๒ นต.ชชั ชัย ทองชืน่ ๑๐๐ ๑๔๓ คุณนทั รภทั ร ปาลกะวงศ์ ณ อยธุ ยา ๑๐๐ ๑๔๔ คุณศริ ิวรรณ ชวาลา ๑๐๐
ล�ำดับ ชอ่ื -สกลุ จ�ำนวนเงนิ ๑๔๕ คณุ ชญานิศ แกว้ กระจาย ๑๐๐ ๑๔๖ คณุ ฤทธวิ งศ์ สาลที อง ๑๐๐ ๑๔๗ คุณอำ� นาจ สมบรู ณ์ทรัพย์ ๑๐๐ ๑๔๘ คุณแกว้ ใจ สัจจกี ลู ๑๐๐ ๑๔๙ คุณวเิ นตร เลศิ วีระศริ ิกลุ ๑๐๐ ๑๕๐ คุณมยุรี ทองใบ ๑๐๐ ๑๕๑ คุณอาทติ ยา เอ้ือชัยกุล ๑๐๐ ๑๕๒ คณุ วิชัย ตันตินกิ ุลชัย ๑๐๐ ๑๕๓ คณุ ดรุณี ดำ� ดี และครอบครวั ๑๐๐ ๑๕๔ คณุ อ�ำนาจ ปลอดโปรง่ ๑๐๐ ๑๕๕ คณุ พีระศักดิ์ชัย ดาศริ ิ ๑๐๐ ๑๕๖ คณุ ชานียา ธรรมสงั วาลย์ ๑๐๐ ๑๕๗ คณุ ธนญช์ รนัฎฐ โชตวิ ีรวงศ์ ๑๐๐ ๑๕๘ คณุ มาลรี ตั น์ โสดานิล ๑๐๐ ๑๕๙ คณุ วชิ ยั ส้มโอชา ๑๐๐ ๑๖๐ พ.ต.อ.บุญเสรมิ ศรีชมภู และครอบครัว ๑๐๐ ๑๖๑ คณุ อุษา สงา่ งาม ๑๐๐ ๑๖๒ คุณนยั รตั น์ ทวนี ันททรัพย์ ๑๐๐ ๑๖๓ คณุ สทิ ธชิ ัย ปญั คิวจณาณ์ ๑๐๐ ๑๖๔ พ.ต.อ.กิตตพิ งษ์ วิเศษสงวน ๑๐๐ ๑๖๕ คณุ พวงทิพย ไตรต้งั วงศ์ ๑๐๐ ๑๖๖ คุณกฤษดา ดีดพณิ ๑๐๐ ๑๖๗ คณุ ชชั ชยั ทองช่ืน ๑๐๐ ๑๖๘ คุณอุษา สงา่ งาม ๘๐ ๑๖๙ คุณมณทิรา เกษมกรกิจ ๘๐ ๑๗๐ อ.จนั ทรา ทองเคียน ๗๐ ๑๗๑ คุณอรุ ตั น์ คลงั ทอง ๖๐ ๑๗๒ คุณนภาพร ชัยสวัสดิ์ ๖๐ ๑๗๓ คณุ นภางค์ ตกึ ปากเกร็ด ๖๐ ๑๗๔ คุณพรทิพย์ พฒุ สขุ ๖๐
๑ล๗�ำด๕ับ คณุ ปราโมทย์ จงสถิตย์ถาชวือ่ ร-สกลุ จ�ำนวนเงิน๖๐ ๑๗๖ คณุ กรเอก ขจรกรสริ ิ ๖๐ ๑๗๗ คณุ วรรัตน์ ชัยสวสั ด์ิ ๖๐ ๑๗๘ คุณขาเช็ง ภกั ดีรตั นวัตร ๖๐ ๑๗๙ คณุ วรรัตน์ ชัยสวัสด์ิ ๕๐ ๑๘๐ คณุ สุนีย์ แซ่โอ้ว ๕๐ ๑๘๑ คณุ เสรี จักษา ๕๐ ๑๘๒ คณุ ขวญั ภาคยทุ ธ ๕๐ ๑๘๓ คณุ ปราณี มหารำ� ลึก ๕๐ ๑๘๔ คุณวชิ ยั ตันตนิ กิ ุลชยั ๕๐ ๑๘๕ คณุ แกว้ ใจ สจั จีกลู ๕๐ ๑๘๖ คณุ ธญั พร ภู่บงั บอน ๔๐ ๑๘๗ คณุ ปัญญา ศรพี รมมา ๔๐ ๑๘๘ คณุ อ�ำนาจ สมบรู ณ์ทรัพย์ ๔๐ ๑๘๙ คุณสงวน วเิ ท ๔๐ ๑๙๐ คณุ ทศพล ธรรมศรมี งคล ๔๐ ๑๙๑ คณุ สุพิศ เปรมมาก ๓๐ ๑๙๒ คุณสันติ พรหมบตุ ร ๓๐ ๑๙๓ คุณนภาพร นกแก้ว ๓๐ ๑๙๔ คณุ เสง่ียม ประคองสขุ ๓๐ ๑๙๕ คุณทศพล ธรรมศรีมงคล ๒๐ ๑๙๖ คณุ สุนยี ์ แสงสรุ ยิ รงั สี ๒๐ ๑๙๗ คณุ ยพุ ิน แกว้ กนั เนตร ๒๐ ๑๙๘ ด.ญ.นงนภสั ภาวสทุ ธไิ พศิฐ ๒๐ ๑๙๙ คณุ วรลักษณ์ อร่ามประยูร ๒๐ ๒๐๐ คุณเกยี รตสิ ิน ลมิ บตุ ร ๒๐ ๒๐๑ ด.ญ.นงนภสั ภาวสุทธิไพศฐิ ๒๐ ๒๐๒ คุณขันติ ลมิ้ สัมมาภรณ์ ๒๐ ๒๐๓ คุณเพมิ่ พงศ์-ด.ช.เอกสหสั ธนพิพัฒน์สัจจา ๒๐ รวมศรัทธาท้ังสนิ้ ๒๘๓,๗๒๐ บาท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128