แด่ จาก
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ สำ� นักสงฆถ์ �้ำเขาพระ ต.อา่ วลกึ ใต้ อ.อา่ วลกึ จ.กระบ่ี หนังสอื ดีล�ำดับท่ี : ๒๓๐ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : มถิ ุนายน ๒๕๕๖ จ�ำนวน : ๕,๐๐๐ เล่ม ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถ.ประโคนชัย ต.ปากนำ้� อ.เมอื ง จ.สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท์ ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓, ๐๒-๗๐๒-๙๖๒๔ โทรสาร ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓ www.kanlayanatam.com ออกแบบและศิลปกรรม : ชฎาบญุ บุญสิริวรรณ ด�ำเนนิ การผลิตโดย ชมรมกัลยาณธรรม เพลตและจดั พมิ พท์ ี่ Canna Graphic โทรศัพท์ ๐๘๖-๓๑๔-๓๖๕๑ สพั พทานงั ธัมมทานัง ชินาติ การใหธ้ รรมะเปน็ ทาน ย่อมชนะการให้ท้งั ปวง www.kanlayanatam.com
คำ� น�ำ...ชมรมกลั ยาณธรรม ข้าพเจ้าเคยได้รบั MP3 และ DVD พระธรรม เทศนาของหลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ จาก กัลยาณมิตร ฟังและชมแล้ว เกิดความเข้าใจการ ปฏิบัติภาวนามากข้ึน มีความศรัทธาประทับใจ ในแนวการสอนของท่านมาก ได้จัดท�ำเผยแผ่เป็น ธรรมทานออกไปในวงกว้าง ด้วยหวังให้เพื่อนผู้รัก การปฏิบตั ิได้มีแนวทางทีถ่ ูกตรง ลดั ส้นั เพือ่ เดนิ ไป สคู่ วามพน้ ทกุ ข ์ พบแสงสวา่ งทางปญั ญาไปตามลำ� ดบั บดั น ้ี กลั ยาณมติ รทา่ นเดยี วกนั ไดม้ อบหนงั สอื “ดูความรู้สึก” หนังสือเล่มเล็กที่เปี่ยมสาระคุณค่า สอื่ ธรรมภาคปฏบิ ตั ทิ ลี่ ดั สนั้ เขา้ ใจงา่ ย แนะนำ� กลยทุ ธ
ทหี่ ลวงพอ่ เคยลองผดิ ลองถกู มานาน เพอ่ื เราสามารถ ยน่ ยอ่ เวลา พบทางปฏบิ ตั ทิ เี่ หน็ ผลประจกั ษไ์ ดช้ ดั เจน บุญกุศลใดอันเกิดจากธรรมทานน้ี ขอน้อม ถวายเปน็ พทุ ธบชู าและนอ้ มบชู าอาจรยิ คณุ แดห่ ลวง พ่อสมบูรณ์ ฉตตฺ สุวณฺโณ ครูบาอาจารย์ผู้เป็นแบบ อย่างของนักสู้ อาจหาญมั่นคงในธรรม และเป็น ประจักษ์พยานแห่งอานุภาพของธรรมอันประเสริฐ หวังอย่างยิ่งว่าสาธุชนทุกท่านจะได้รับสารประโยชน์ จากธรรมทหี่ ลวงพอ่ ไดพ้ สิ จู นแ์ ลว้ และมอบเปน็ มรดก ธรรมแด่ทุกท่านด้วยเมตตา กราบขอบพระคณุ และอนโุ มทนาบญุ อย่างยิง่ ทพญ.อัจฉรา กลิ่นสุวรรณ์ ประธานชมรมกัลยาณธรรม
สารบัญ หน้า หายใจให้สบาย ๗ รู้กาย...เพือ่ ใช้กายดงึ จิต ไม่ให้คดิ ปรงุ แต่ง ๙ เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาควบคู่กัน ๑๑ เห็นกายจะเหน็ จติ เหน็ จิตจะเห็นกาย ๑๓ เมอ่ื สติต่อเน่ืองจรงิ ๆ ก็เรยี บร้อย ๑๕ เหน็ ทกุ สิง่ เป็นเพยี งปรากฏการณ์ ๑๗ จิตเกล้ยี ง ๑๙ ต้องไม่ลมื เหน็ จติ เราตลอดเวลา ๒๑ จบั จดุ จากชวี ติ จริง ๒๓ ใช้ปัญญาสอดส่องมองดจู ติ ไว้ ๒๕ รู้เท่าทนั รู้กัน รู้แก้ ๒๗ จติ ท่มี ีวหิ ารธรรมหล่อเลี้ยง ๒๙ เพียงแค่เราเหน็ ความรู้สกึ ให้ได้ ๓๑ ข้อส�ำคัญต้องเพียร ๓๓ ต้องเห็นอาการจริง ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ๓๕
สารบญั หนา้ ฉลาดขึ้นในแต่ละครงั้ ทเ่ี ห็นความเป็นจรงิ ๓๗ มีอายตนะแต่เชอ่ื มไม่ถงึ ๓๙ ท�ำชาตนิ ้ีให้เป็นมหาชาติของเรา ๔๑ ระวงั ค�ำว่า “พิจารณา” ๔๓ ข้อส�ำคญั ต้องเห็นตวั หลุดตัวพ้น ๔๕ ให้เหน็ เป็นผู้รู้กับสิ่งท่ถี กู รู้ ๔๗ ดไู ปเร่อื ยๆ เข้าใจไปเรอ่ื ยๆ จิตจะเล่ือนขั้นเอง ๔๙ ทุกข์ท้ังปวง...เกิดจากความคิดปรงุ นเ่ี อง ๕๑ เอาผลกนั เลย ๕๓ อยู่กับความมีเรามานานพอแล้ว ๕๕
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 7 ๑ หายใจใหส้ บาย การเริ่มปฏิบัติธรรมน้ัน หลักส�ำคัญก็คือ การดูกายและการดคู วามรู้สึก ซ่ึงกค็ อื ดูจติ เริม่ ต้น หายใจเขา้ ยาวๆ ลกึ ๆ หายใจออกรสู้ กึ อยา่ งไร ดคู วาม รู้สึกรู้สึกสงบหรือไม่สงบ รู้สึกสบายหรือไม่สบาย ถ้าไม่สบายก็ปรับให้สบาย หายใจอย่างไรถงึ จะรู้สึก ปลอดโปรง่ โลง่ อกโลง่ ใจด ี จติ มคี วามอดั อนั้ กดขม่ ไหม พอเห็นความรู้สึกแล้วปล่อยความรู้สึก มันจะโล่ง วา่ ง โปรง่ เบา แลว้ ลองดกู ายซ ิ วา่ มกี ารเกรง็ เนอื้ เกรง็ ตวั ไหม ถา้ มกี อ็ ยา่ ไปเกรง็ ทางความรสู้ กึ ละ่ มเี กรง็ ไหม
ดูความรู้สึก 8 ถา้ รจู้ กั ปลอ่ ยความรสู้ กึ มนั จะเบา ไมใ่ ชเ่ ราเกรง็ หรอก เราคลี่คลายผ่อนคลายได้ นแ่ี หละเขาเรยี กว่า ภาวนา แปลวา่ ทำ� ให้มนั ดี เราหมั่นดูกายดูใจไว้ให้ต่อเนื่อง บริหารปรับผ่อน ให้กลมกลืนกัน ให้เลือดลมเดินสะดวก หายใจ ปลอดโปร่ง หาความพอดีว่าหายใจอย่างไรจึงจะพอ เหมาะพอดี เรียกว่าท�ำหน้าท่ี ธรรมะคือรู้หน้าท่ี ต้องพยายามทำ� ให้ต่อเนื่อง ถ้าไม่มคี วามต่อเนื่อง ก็ ดูให้รู้ว่า น่ี ไม่ต่อเนือ่ งนะ อย่าลมื อนั น้ี ต้องเจริญ อย่าให้ลืม
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 9 ๒ รกู้ าย...เพื่อใชก้ ายดงึ จิต ไม่ให้คิดปรงุ แตง่ ใหด้ อู ยา่ งน ้ี เดยี๋ วน ้ี กายของเรายนื หรอื นงั่ อยกู่ ร็ ู้ ท�ำอะไรอยู่ก็รู้ พนมมือก็รู้ ความรู้สึกเป็นอย่างไร ก็เหน็ ชัดๆ ใช่ไหม ตอนน้ีเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร หรือว่างๆ เฉยๆ ไม่มีอะไร อันนี้ดูแล้วให้รู้ไว้ว่า นี่แหละภาวะเดิมคืออันน้ี ก็รักษาความเป็นอย่างนี้ อย่าให้เป็นอย่างอืน่ เราดอู ะไร รู้สกึ อย่างไรไม่ต้อง ปรุงเพิ่ม มันจะปรุงไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยว่ามันจะมี อะไรเกิดขึ้น หรือมันเกิดข้ึนเพราะอะไร ให้เรารู้ ให้เราอยู่กับอันนี้ ประคองจิตอันนี้ ประคองรู้ ให้มนั
ดูความรู้สึก 10 รู้ชัดอยู่ตรงนี้ ถ้ามันเผลอตรงนี้ปุ๊บ มันจะคิด จะปรุงทนั ที ในผู้ฝึกมันจะปรงุ อยู่เรือ่ ย ซึ่งแก้ไขง่ายๆ โดย มาดูอิริยาบถตัวเอง ตอนน้ีเป็นอย่างไร หายใจ เข้าออกสบายไหม ยืดเนอ้ื ยืดตวั ให้สบาย นเ่ี ป็นการ ฝกึ ใหร้ เู้ นอื้ รตู้ วั อยกู่ บั เนอ้ื อยกู่ บั ตวั นน่ั เอง จะทำ� งาน จะไปไหน ก็อย่าลืมอันนี้ ฝึกมันจนชินก็ไม่ลืม จะ ท�ำอะไรก็จะเห็นจิตของเรา เราจะประคับประคอง ไม่ให้มนั เกิดการปรุงแต่งข้นึ โดยใช้กายเป็นสื่อเพือ่ ดึงจิตไม่ให้ปรุง ต้องอาศัยท่ีเรารู้ตัวน่ีแหละ จึงจะ เหน็ ได้ เหน็ กายเหน็ ใจใหต้ อ่ เนอื่ ง ใหม้ นั เหน็ อยา่ งนี้ ให้แขง็ แรงไว้
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 11 ๓ เปน็ ท้งั สมถะ และวปิ ัสสนาควบคกู่ นั ในคนท่ีได้ความสงบ เพราะฝึกสมถะมานาน กต็ ้องระวงั คนทร่ี ู้จักใช้ความสงบ เพื่อเป็นกำ� ลงั ใน การดูความรู้สึกให้ต่อเน่ืองนานๆ ก็เป็นประโยชน์ ดีอยู่ แต่คนท่ีไม่รู้จะเข้าไปติดใจความสงบ การท�ำ ความสงบทมี่ คี วามเปน็ เรา คอื เปน็ เราสงบมนั จะไม่ เหน็ สงบแบบไม่รู้ตัว มันรู้แต่ไม่เห็น ตรงท่ีไม่เห็น ก็เลยมีเรา แต่เมื่อเห็นความรู้สึกได้ก็ไม่มีเรา ไม่มี ตัวตนก็ว่าง เป็นธรรมชาตลิ ้วนๆ การเห็นความรู้สกึ อันนี้แหละเรียกว่า สมถะ-วิปัสสนา มีควบคู่กัน
ดูความรู้สึก 12 ทั้งสองอย่างทั้งสมถะกับวิปัสสนา เพราะการเห็น ความรู้สึก คือตัวสร้างก�ำลังด้วย และเป็นไปเพ่ือ ปลอ่ ย เพอื่ วางดว้ ย จบ๊ิ จบ๊ิ จบ๊ิ จบ๊ิ
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 13 ๔ เหน็ กายจะเห็นจิต เห็นจิตจะเหน็ กาย การรู้กายมนั จะสอ่ื ถงึ จติ คือเห็นกายต้องเหน็ จติ ดว้ ย อนั นตี้ อ้ งดใู หถ้ กู ถา้ ดไู ดถ้ กู ตอ้ งเหน็ กายจะ เห็นจิต เห็นจิตจะเห็นกาย เราต้องเห็นความรู้สึก ของเรา ไม่คิดปรงุ ไหลไป จนกายกไ็ ม่รู้ จติ ก็ไม่รู้ อนั นแ้ี หละหลง ถา้ เหน็ ความรสู้ กึ ของเราแลว้ วางเสยี เราก็สงบลง ทีน้ีจะนึกจะคิดอะไรก็ได้ ไม่ใช่คิดนึก ไม่ได้แต่เรารู้ว่าก�ำลังคิดอะไรอยู่ คือจะคิดอะไรมัน จะเหน็ ความคดิ แมจ้ ะนกึ ถงึ เรอ่ื งนน้ั เรอ่ื งน ี้ เรากร็ ตู้ วั ของเราอยู่ ไม่มที างหลงได้เลย
ดูความรู้สึก 14 เราตอ้ งฝกึ อนั นี้ อยา่ ไปทำ� อยา่ งอน่ื เลย เราตอ้ ง อยู่เหนอื มัน ไม่ให้มันลากเราไป ถ้าเราเหน็ อยู่อย่าง นก้ี ็คือเรารู้ตัวเรา เหน็ ตวั เรา เหน็ จติ เหน็ ใจ พอจิตมี การเขยอื้ นกร็ ู้ พอรกู้ ว็ าง พอวางกส็ งบ อาการสงบเรา กเ็ หน็ อย ู่ มนั มอี ะไรผดิ ปกตเิ รากร็ ทู้ นั ที เชน่ โอ้ เผลอ อกี แลว้ อนั นห้ี มายถงึ การฝกึ สติ เนน้ คำ� วา่ รตู้ วั ไมใ่ ช่ ไปทำ� ความสงบ ฟังให้ดๆี ใจเฉยๆ ก็ให้เห็นว่าไม่มี อะไร เราจะพูด คดิ ท�ำอะไร หรอื ใครมายัว่ ยุยงั ไง เราก็ยงั เหน็ จติ ของเรา นี่ เรารู้ตัวอยู่ รู้จกั จริงๆ เรา จะควบคมุ จติ ของเราได้ ไมใ่ ชก่ ารบงั คบั จติ นะ เพยี ง แต่รู้อะไรเป็นอะไร จะรู้จกั วางเฉย
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 15 ๕ เมอ่ื สตติ อ่ เนอื่ งจรงิ ๆ กเ็ รยี บร้อย บางขณะที่เราเผลอไป ไม่ว่าจะยาวหรือส้ัน กต็ าม เม่อื เรากลบั มารู้ตัว ความคิดก็ถกู ตัดทอนไป ในทันที พอรู้สึก มนั กห็ ลดุ มันจะหยดุ มันหยุดได้ เด๋ียวน้ีเลย คือความรู้สึกของเรามันสงบ เราจะพูด จะคุยหรือจะฟัง ก็ยังเห็นจิตสงบอยู่ แต่สติปุถุชน คนธรรมดาจะไมเ่ ปน็ แบบน ี้ คนทว่ั ไปจะเกดิ ความคดิ ปรุงไปเรื่อย แล้วก็รู้สึกว่า มันยดึ มนั เกาะ มันเก่ยี ว ผูกพัน หมกมุ่น
ดูความรู้สึก 16 การทเ่ี ราเหน็ ความรสู้ กึ อยา่ งน ้ี เรยี กวา่ อรยิ ชน เป็นคนมีศีล คือมีความเป็นปกติ จิตปกติ เกล้ียง ไม่มีอะไร กจ็ ะมรี ะเบยี บวนิ ัย เป็น อรยิ กันตศีล จิต ของเราอนั นท้ี ำ� อะไรกจ็ ะถกู ตอ้ ง นมุ่ นวล รเู้ รอ่ื งรรู้ าว อะไรจะมายงั ไงกร็ กู้ อ่ นแลว้ ฝกึ ดไู ปบอ่ ยๆ ถา้ ยงั ไมร่ ู้ กต็ ้องดูไปเรอ่ื ยๆ ดไู ปในขณะที่ ทัง้ หลง ท้ังลืม ทั้งรู้ น่ันแหละ แต่ทีเ่ ราจะได้กค็ อื ประสบการณ์จากตวั เรา เราจะรู้ถขี่ น้ึ จนเมื่อสติมนั ต่อเนื่องจรงิ ๆ ก็เรียบร้อย คอื เมือ่ นน้ั จติ จะยอมรับความจริงว่า อะไรๆ กเ็ ป็น เช่นนั้นเอง จิตก็จะปล่อยจะคลาย มันจะถอนออก ไม่อยากไปยดึ อะไร
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 17 ๖ เห็นทกุ ส่ิงเปน็ เพียง ปรากฏการณ์ ดูกันเดี๋ยวนี้เลย ดูซิ ศึกษาเดี๋ยวน้ีดีกว่า ดูปัจจุบันเห็นในปัจจุบัน อันนี้ของจริง ดูปัจจุบัน เด๋ียวนี้ ไม่มีอะไร ก็รู้ว่าไม่มีอะไร มีอะไร ก็รู้ว่ามี อะไร และยังเห็นอีกด้วยว่าส่ิงน้ันๆ ก็เป็นเพียง ปรากฏการณ์ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าเรารู้จัก ดใู ห้ออกจรงิ ๆ แยกให้ออกว่าไม่ใช่ตวั เรา ไม่ใช่ของ เรา มนั กเ็ ป็นอนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา สพั เพ สงั ขารา อนิจจา สพั เพ สงั ขารา ทุกขา สัพเพ ธมั มา อนัตตา ต้องให้เห็นส่ิงเหล่านี้ มันไม่เที่ยง บางครั้งเราอาจ
ดูความรู้สึก 18 เผลอปรุง กใ็ ห้เป็นเรือ่ งของมัน เราก็เฉย อยู่เหนอื ความรสู้ กึ เดยี๋ วมนั กด็ บั ไปเอง แตส่ ว่ นมากจะเปน็ เรา รู้สึก มีความเป็นเราเข้าไปแล้ว นั่นแหละเกิดแล้ว ภพ ชาติ ความยึดมน่ั ถอื ม่นั ได้เกิดแล้ว ขณะท่ีไม่เห็นความรู้สึกน่ันแหละเรียกว่าเผลอ แล้ว เรียกว่าลืมตัวแล้ว ต้องให้เหน็ ตัวเองอยู่ตลอด เวลา ต้องฝึก จะพ้นทกุ ข์ได้หรอื ไม่ กอ็ ยู่ตรงที่ฝึก มากหรอื นอ้ ย ถา้ เหน็ ตวั เองอยตู่ ลอดเวลาไมเ่ ผลอเลย กไ็ มท่ กุ ขเ์ ลย ทกุ ขจ์ ะเกดิ ไมไ่ ด้ ขอใหร้ คู้ วามรสู้ กึ จรงิ ๆ หรือขณะน้ีจะสัมผัสดูก็ได้ พอรู้ตัวก็ไม่มีความทุกข์ เลย เกลยี้ ง ไมม่ อี ะไร ไมม่ คี วามยนิ ดยี นิ รา้ ย หายใจ เขา้ ยาวๆ เราจะเหน็ ชดั หายใจเขา้ ยาวๆ นตี่ รงนี้ คอื วิธที บทวนให้รู้ปัจจุบัน
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 19 ๗ จิตเกลยี้ ง ถา้ จบกจิ จรงิ ๆ แลว้ ถงึ มนั จะเผลอบา้ งกไ็ มเ่ กดิ อะไรข้ึน เกิดอะไรไม่ได้ มันไม่มีอะไรจะเกิด ไม่มี อะไรดับ เพราะเราเคยชินต่อปรากฏการณ์น้ีแล้ว เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว แต่ส่วนมากเราจะไม่ค่อยเผลอ หรอก เรารู้อยู่ มันจะเผลอไม่ได้ มนั จะเป็นของมัน เอง มันจะเหน็ ของมนั อยู่อย่างนี้ แตจ่ ะจบกจิ หรอื ไม ่ เรากเ็ หน็ จติ ตามทมี่ นั เปน็ ไป เราเห็นจิตของเรามนั เป็นไปยงั ไง มันไม่มีไป ไม่มีมา
ดูความรู้สึก 20 ไม่มีเกิด ไม่มีดบั แสดงว่ามนั จบ ไม่มียนิ ดียนิ ร้าย ไมร่ บั รองหรอื ปฏเิ สธ ไมม่ ขี ดั แยง้ ไมม่ อี ะไรในจติ เรา มันจะบริสุทธ์ิ มันจะเกลี้ยง จบหรือไม่จบอยู่ตรงนี้ กแ็ คน่ เี้ อง เราจะไปทำ� อะไร กใ็ นเมอ่ื ไมม่ อี ะไรเกดิ ขนึ้ เกดิ อะไรไม่ได้ เพราะจิตมนั มีความรู้
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 21 ๘ ต้องไม่ลืมเห็นจิตเราตลอดเวลา แมใ้ นขณะทตี่ อ้ งมปี ฏกิ ริ ยิ าตอ้ งพดู คยุ กบั ผคู้ น หรือเราจะท�ำอะไรก็ท�ำไป แต่เราก็ไม่ลืมท่ีจะเห็น จิตเรา เห็นความรู้สึกของเรา เพราะเมื่อเราเห็น ความรู้สึก จิตของเราจะว่าง เราจะต้องไม่ลืมอันนี้ เราจะฝึกให้รู้อยู่อย่างนี้ เห็นจติ เห็นใจตลอดเวลา ยนื เดนิ นั่ง นอน ไปไหนมาไหน ก็เหน็ จิต สงบอยู่ จะท�ำงาน ก็เห็นความสงบอยู่ ปกติอยู่ เรา จะพดู จะคยุ กิน เคีย้ ว ดมื่ เข้าห้องน�ำ้ จะท�ำอะไร
ดูความรู้สึก 22 ทุกอย่าง มันเหน็ จิตจนไม่ลืมจิตเลย แล้วมันจะผิด ปกติเมื่อไรหรือผิดปกติอย่างไร เราก็จะรู้ได้ทันที ถา้ ผดิ ปกติ กเ็ รยี กวา่ ผดิ ปกตแิ ลว้ เรากจ็ ะรวู้ ธิ ี เพอื่ ท่ี จะไม่ให้จิตผิดปกติ เรียกว่า เราประคับประคอง รกั ษาจติ อนั นห้ี มายถงึ วา่ ฝกึ ใหมๆ่ เรากต็ อ้ งประคบั ประคองไปก่อน ต้องค่อยดไู ว้ แต่ถ้ารู้แล้ว ช�ำนาญ แล้ว มันจะเป็นไปเอง ปล่อยให้เป็นไปเอง แค่เรา คอยรู้ มันจะรู้ของมนั เอง
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 23 ๙ จบั จดุ จากชีวิตจรงิ การเก็บอารมณ์โดยการไม่พบไม่พูดกับใคร ไม่ใช่เรื่องจ�ำเป็น ให้เราดูจิตตอนที่ก�ำลังพูดคุยนั่น แหละ ใหส้ งั เกตเปรยี บเทยี บดเู วลาทเ่ี ราเหน็ จติ ตลอด เวลา โดยไม่มีความคิดเห็น เราจะเห็นจิตที่สงบอยู่ แต่เวลาท่ีเผลอไป จิตมันเป็นอย่างไรก็ต้องให้เห็น ความแตกต่าง จับจุดตรงที่ถ้าเผลอมันจะเกิดกิเลส มีความผิดปกติ และความไม่สงบกจ็ ะตามมา
ดูความรู้สึก 24 ถึงแม้ว่าการพดู คุย จะมโี อกาสหลดุ และพลาด มากกว่าที่จะเก็บอารมณ์อยู่คนเดียว แต่การฝึกกับ ของจริงจะดีกว่า ท่ผี มปฏบิ ตั ิมากไ็ ม่เคยเก็บอารมณ์ และไม่เคยสอนแนะให้ใครให้เก็บอารมณ์ด้วย ผม จะให้ดูของจริง เพื่อให้เราอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างใน ชีวิตจริง ให้มันต่ืนเนื้อต่ืนตัวแข็งแรงไว้ ให้มัน คลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว ตนื่ จติ ตน่ื ใจเขา้ ถงึ ความรคู้ วามตน่ื กิเลสอะไรก็เข้าไม่ได้ เม่ือเราพลิกจิตต่ืนโพลงรู้ตัว อะไรจะเข้าได้ พอเราดูจิตมากๆ เข้า อารมณ์อะไร เข้ามา มันจะผลักออก
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 25 ๑๐ ใชป้ ญั ญาสอดส่องมองดูจติ ไว้ ขณะที่เราจะพดู จะคยุ กพ็ ยายามดูจิตไว้ ดูซิ ความรสู้ กึ เปน็ ยงั ไง คอยดไู ว ้ อยา่ ใหม้ คี วามคดิ อะไร อยา่ ไปมเี จตนาอะไรๆ ใหจ้ ติ เฉยๆ ไว้ อยา่ งตอนนฟี้ งั อยู่ ก็ฟังเฉยๆ จะพดู จะคยุ กย็ งั พดู คุยอยู่ แต่เรา ยังเห็นจิตเราสงบ ในจติ เราไม่มีอะไร พดู คยุ กบั ใคร ก็ได้ แต่ในจติ เราไม่มีอะไร คำ� ว่าไม่มอี ะไร คอื มนั ไมม่ ที กุ ข์ ไมย่ นิ ดยี นิ รา้ ยอะไร ถา้ ระหวา่ งนน้ั มคี วาม คดิ ความปรงุ เกดิ ขน้ึ เมอื่ ใดเรากจ็ ะรทู้ นั ที เพราะเรา คอยระวงั อยู่ มนั กจ็ ะเกดิ ไมไ่ ด ้ อนั นห้ี มายถงึ ฝกึ จาก
ดูความรู้สึก 26 ของจริง อย่าไปเกบ็ อารมณ์ มันไม่มีอะไร แต่ถ้าจะเกบ็ อารมณ์ เรากเ็ ก็บโดยการมาเดนิ จงกรมดีกว่า สร้างจังหวะเน้นเร่ืองดูการเคล่ือนไหว ไมต่ อ้ งฝกึ สมถะ เรายกขนึ้ สวู่ ปิ สั สนา ใชป้ ญั ญาแลว้ เอาปัญญาดูจิตน่ันเอง โอ สงบอยู่ จิตสงบ ไม่ใช่ เราสงบ แต่ส่วนมากถ้าฝึกสมถะมา จะเป็นเราสงบ แล้วก็เพลิน ไม่อยากรู้อะไร พออะไรมากระทบก็ เลยดูไม่ทนั
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 27 ๑๑ รเู้ ทา่ ทนั รู้กนั รแู้ ก้ วปิ สั สนาตอ้ งเหน็ ตามความเปน็ จรงิ มนั ไมต่ อ้ ง ไปสร้าง ไม่ต้องไปทำ� ใช้ดเู อา มีอะไรเกิดขึน้ กด็ ูให้ รู้ว่า อ้อ เป็นอย่างนเ้ี อง เฉยๆ ไม่ยินดยี ินร้าย หรือ บางที อ้าว เผลอไปคดิ ปรงุ จนเกิดโลภะ โทสะขน้ึ มา เราก็เห็นว่าจิตมีความผิดปกติแล้วนะ เราก็ดูเฉยๆ ให้รู้ว่า อ้อ นี่ทุกข์ ทีหลังเราก็คอยระวังไว้ ไม่ให้ เผลอคิดปรงุ อีก
ดูความรู้สึก 28 เพราะเราต้องการจะดบั ทกุ ข์ ไม่ให้มที ุกข์เกดิ เราจะดเู พอ่ื ใหร้ จู้ กั ความเปน็ จรงิ ตรงนี้ ตอ้ งรเู้ ทา่ ทนั รู้กัน รู้แก้ ความทุกข์จะเกิดไม่ได้ ถึงรู้ไม่ทันก็ยัง พอแก้ได้ โดยให้รู้จักเปลย่ี นอารมณ์หรอื คลายออก ถอนออก แล้วกลับมาดคู วามรู้สึก
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 29 ๑๒ จติ ท่ีมีวหิ ารธรรมหลอ่ เลย้ี ง หายใจเข้ายาวๆ รู้ว่างๆ เกล้ียงๆ หัดตรงนี้ อ้าว...ถ้าเผลอไปกร็ ะวงั อกี จะเดนิ จะก้ม จะเงย ให้ เห็นความรู้สึกตลอดเวลา ตาดู หูฟังเสียง จะพูด จะคิด จะท�ำ ไม่ลมื ไม่เผลอ ไม่ต้องไปเกบ็ อารมณ์ หรืองดพูด ด�ำเนินชีวิตให้มันกลมกลืน ให้มัน เชื่อมโยงกับโลกเหมือนเดิม ยังรู้ ยังเห็นอะไรได้ ทั้งหมด โดยไม่ต้องตัดขาดจากอะไร เพราะถ้าไป ตดั มนั เรากจ็ ะตอ้ งกลบั ไปฝกึ ตรงนนั้ ใหมอ่ กี เราฝกึ กับของจริงไปเลยจะดกี ว่าเรว็ กว่า
ดูความรู้สึก 30 วิธีง่ายๆ ก็ให้เราสบายๆ หายใจเข้าออกเป็น ยงั ไง ปลอดโปรง่ โลง่ อก โลง่ ใจดไี หม จติ ใจเราดไี หม ถา้ จติ เราดกี ย็ ง่ิ อยกู่ บั ตวั มนั จะไมเ่ ผลอ จติ จะมที อี่ ยู่ เรยี กวา่ วหิ ารธรรมหลอ่ เลย้ี ง เปน็ เครอ่ื งอยขู่ องตวั เอง หายใจยังไงให้มันอ่ิมอกอิ่มใจ ให้มันพอดี ไปไหน มาไหนก็เบาเนือ้ เบาตวั จะเห็นอยู่ว่าจิตอยู่กบั ตวั ไม่ ไปไหน โดยไม่ต้องไปอาศัยอะไร ไม่ต้องไปของ้อ ความมี ความเป็นอะไร จะท�ำงานท�ำการอะไร เรารู้ หนา้ ทก่ี ท็ ำ� ไป ทำ� แลว้ จติ กไ็ มม่ อี ะไร รวู้ า่ ตอ้ งทำ� อะไร กท็ ำ� แต่ทำ� แล้วกว็ าง ไม่ยึดมน่ั ถือมน่ั อะไร
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 31 ๑๓ เพยี งแคเ่ ราเห็นความรูส้ ึกให้ได้ แต่ก่อน ผมก็เคยทำ� ความสงบแบบที่นงั่ ให้นิ่ง มันก็มีความเป็นปกติอยู่ได้นานเหมือนกันนะ แต่ คล้ายๆ ว่ามันไม่เกิดปัญญา คือเราจะไปติดใจอยู่ กับความสงบ ทีนี้พอไปอยู่กับคนอื่น เราก็จะรู้ว่า เราไม่ค่อยสงบเลย หลงโทษคนน้ันคนน้ี ว่าเขามา ท�ำให้เราเสียความสงบ ก็เลยอยากให้คนอ่ืนสงบๆ กันหน่อยทเี รายงั สงบได้เลย
ดูความรู้สึก 32 แต่ตอนน้ีไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว จะอยู่ท่ีไหน อยู่กับใคร เราจะดูความรู้สึกเราได้หมด ไม่ต้องไป เรียกร้อง ขอร้องให้ใครต้องอย่างน้ันต้องอย่างน้ี ก่อนน้ีเราจะเรียกร้อง ต้องการให้โลกมันเรียบร้อย เปน็ ระเบยี บตามแบบทเ่ี ราชอบ เราเปน็ ไปเพอื่ ทจ่ี ะเอา มแี ตเ่ ราจะเอาจะเปน็ เพราะมนั ยงั มอี ตั ตา โทษคนนน้ั คนนี้ เดี๋ยวน้ีไม่โทษใคร พอเรารู้ตวั มันกไ็ ม่มีอะไร ไม่เรียกร้องแล้ว อะไรก็ได้แล้ว ผมมาเข้าใจ เกิด ปัญญาว่า อะไรๆ มันก็เป็นของมันอย่างน้ี รู้จัก ธรรมชาตติ ามความเป็นจริง มนั กไ็ ม่มตี ัวเรา เพยี ง แค่เราเหน็ ความรู้สกึ ให้ได้ แค่ตรงน้ีเท่านัน้ เอง
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 33 ๑๔ ข้อสำ� คัญตอ้ งเพียร ตามดูความรู้สึกไปเถอะ มันจะจางไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอยู่อย่างนี้ มันก็จะเห็นความจางคลาย นี่...เรากเ็ หน็ ได้ว่าจิตไม่ไปติดไปยดึ ความรู้สึก ไม่ไป ผูกพันไปหมกมุ่นกับอะไร จิตก็ว่าง ว่างจากความ ผกู พัน เฉยๆ ไม่มอี ะไร ไม่ยนิ ดยี ินร้าย เพยี รดไู ป เร่ือย ค่อยๆ ดไู ป ตอนน้ีมันเป็นยังไง ไม่ให้มันเป็น อยา่ งนน้ั เพราะอะไร เรากเ็ ขา้ ใจขนึ้ เอง ใหเ้ รารวู้ า่ ทกุ ข์ ค่อยๆ หมดไป ข้อส�ำคัญต้องเพียร ต้องรีบท�ำให้ มนั จบ ต้องเพียรเพ่ือจะรู้จติ รู้ใจ รู้เท่ารู้ทัน เพยี ร
ดูความรู้สึก 34 เพ่ือรู้ทางกาย ทางใจ รู้นอก รู้ใน ตามดคู วามรู้สกึ แต่อย่าตามดูความคดิ เพราะ ถ้าตามดูความคิด ก็จะเกิดมีความคิดมากมาย หลายเร่ืองไม่จบไม่ส้ิน เราก็ต้องมาฝึก อย่าให้มี ความคิด ความเห็น วิธีฝึก ก็เดินจงกรม หายใจเข้า หายใจออก ให้เห็นความรู้สึก ไม่มีความคิดเห็น ขยับเน้ือ ขยับตัวเรา จะดูกายดูอะไรก็ยังเห็นว่าจิตของเรา ไม่มคี วามคดิ เห็น ดใู ห้รู้เท่าทันอย่างนี้ มันจะคิดไป ไม่ได้ ฝึกนยี่ ังต้องใช้เวลานะ ไม่ใช่รู้แค่น้ี ต้องทำ� ให้ ต่อเนอ่ื งจริงๆ ผมต้องใช้เวลาตัง้ ๖-๗ ปี
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 35 ๑๕ ต้องเห็นอาการจรงิ ๆ ว่าไมใ่ ช่เรา ไมใ่ ช่ของเรา ทเ่ี รายงั เหน็ จติ มนั แลน่ เขา้ แลน่ ออก เปน็ เพราะ ไม่ฝึกให้ตลอดเวลา ทีน้ีก็ต้องพยายามให้มันเห็น ความรู้สึกไว้ตลอดเวลา อันน้กี ็ต้องรู้เอง ฝึกอย่างนี้ เรื่อยๆ จนมันอยู่ตัว ที่จิตยังมีแล่นไปมาเพราะยัง ฝึกไม่อยู่ตัว เราก็พยายามฝึกยังไงให้มันอยู่ตัว เท่าน้ันเอง พออยู่ตัวแล้วก็จะเข้าใจเองว่า มันจะ ไม่มีตัวเราของเรา มันจะแยกของมันออกให้เรา เห็นได้
ดูความรู้สึก 36 เราก็ต้องเอาหลักของพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่ใช่ ตวั เรา ไมใ่ ช่ของเรา ความจรงิ แล้ว สง่ิ ทเ่ี ราดเู ราเหน็ ล้วนเป็นอนิจจัง ไม่เท่ียง เป็นทุกขัง ทนอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน เป็นเพียงอาการเกิดดับ เท่าน้ัน เกิดแล้วมันก็ดับ เห็นอาการของมัน เห็น ปฏิจจสมุปบาทว่ามันเช่ือมโยงกัน อาศัยเหตุปัจจัย เกิดข้ึนแล้วมันก็ดับไป คือเห็นตัวของมันเองเป็น อนจิ จัง ทุกขัง เมอ่ื เหน็ อย่างน้ไี ด้จึงเหน็ อนัตตา อันนี้ไม่ใช่เร่ืองที่จะเห็นกันได้ง่ายๆ ต้องเกิด จากการใช้เวลาพิจารณาดู ไม่ใช่เราไปคิดเอานึกเอา เราต้องเห็นอาการของมันจริงๆ ไม่ใช่เป็นการคิด หรือการคาดคะเนหรอื ว่าเราไปอ่าน ไปฟัง เขาว่ามา แล้วเราจำ� เอามาปรงุ จนเหน็ ตามที่เขาพูด
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 37 ๑๖ ฉลาดขนึ้ ในแตล่ ะคร้ัง ทเี่ ห็นความเปน็ จรงิ การเหน็ อาการเกดิ ดบั แบบนี้ จะเกดิ หลายรอบ และแต่ละครั้งท่ีเราเห็นความเป็นจริง เราก็จะเกิด การเปล่ียนแปลง เราจะฉลาดข้ึน เข้าใจอะไรๆ ขน้ึ มนั จะเล่ือนจติ ของเราให้สูงข้ึนทีละน้อย จนถงึ ท่ีสุด เหน็ อะไรกอ็ ่านออกหมดโดยไม่ต้องคิด ทีแรกตอนท่ียังไม่ถึงท่ีสุด ก็ยังต้องค่อยๆ อ่าน แต่พอมันจบ มองปุ๊บก็เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ไปยนิ ดียนิ ร้ายอะไร มนั เป็นของมนั เอง ไม่ใช่เรา
ดูความรู้สึก 38 ต้องหลุด ต้องพ้นอะไร พอรู้ความจริง พอเห็น ความจริง มันก็ไม่มีอะไร ทุกสิ่งเป็นธรรมดา คือ เหน็ เป็นธรรมดา ตอนท่ีมันเบาบางลง มันก็ไม่เห็นขาด แต่พอ มันจบ มันเห็นขาดจริงๆ มันหลุดออกจากกัน จะ เหน็ ความหลุดกระทบล่อน กระทบกนั มนั ไม่มอี ะไร เกิดข้ึน ไม่มีอะไรดับ แม้จะมีทั้งเหตุมีท้ังปัจจัย มีอะไรพร้อมหมด แต่มันเกิดไม่ได้ท้ังหมด ก็เห็น ที่จติ เรา ไม่ได้ไปเหน็ ท่ีไหน
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 39 ๑๗ มีอายตนะแต่เชอื่ มไม่ถงึ ต้องค่อยๆ เห็นไป ก็อย่างท่ีบอกต้องใช้เวลา ผมก็ยังต้องใช้เวลาตั้ง ๖-๗ ปี นับจากขณะท่ี พอเริ่มเห็นจิตอย่างน้ีนะ เห็นแล้วเราก็ต้องมาเจริญ อันนแ้ี หละ เราต้องมาฝึกให้เห็นจติ อยู่อย่างต่อเนื่อง ดคู วามรู้สกึ จะไปไหน มาไหน ก็ต้องให้เหน็ ความ รู้สึกอยู่ตลอดเวลา พอเห็นความรู้สึกเราก็จะรู้ได้ว่า มันว่าง มันไม่มีอะไร แต่ทีนีพ้ อมนั จะมอี ะไรเกิดขนึ้ ก็รู้ทันทวี ่า อ้าว เราเผลอไปแล้วนี่ เราจะเข้าใจตรงน้ี แล้วจะยิ่งประคับประคองไว้ให้ไม่เผลอ รู้ว่าจะท�ำ
ดูความรู้สึก 40 อย่างไรจงึ ไม่เผลอ เราจะเหน็ ได้ว่าขณะท่เี รารู้สกึ กับ เหน็ ความรู้สึก มนั ต่างกันอย่างน้ี ต่อจากนั้นก็มาทดลองท�ำไปจนให้มันหลุด จากกัน หลุดออกจากความรู้สึก เมื่อหลุดแล้วจะ เป็นยังไง ทำ� ยงั ไงมันก็ไม่เกิดอีก เกดิ ไม่ได้ มนั จะ ไม่ไปเชื่อมกับอะไรอีกแล้ว แต่ขณะที่ยังติดกันอยู่ ขณะท่ียังเชื่อมอยู่ การจะให้มันขาดออกจากกัน ก็ต้องคอยประคับประคอง จนให้มันเห็นถึงที่สุด ของมัน มันจะขาดออกจากกัน เหมือนเชือกที่ขึง สองข้าง ตัดตรงกลางแล้วจะมาต่อกันอีกไม่ได้ มี อายตนะแตม่ นั เชอ่ื มไมถ่ งึ เราจะเหน็ ไดท้ จ่ี ติ เรา วา่ อายตนะมนั เชอื่ มไมถ่ งึ กนั อยา่ งนี้ ไมใ่ ชฟ่ งั จากคำ� พดู เราต้องเหน็ ทีจ่ ิต
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 41 ๑๘ ทำ� ชาติน.้ี .. ให้เป็นมหาชาตขิ องเรา ส�ำคัญที่สุดเลยชีวิตเราเกิดมาท�ำไม...ก็เกิดมา ใหร้ จู้ กั อนั นไี้ ง ถา้ ไมร่ จู้ กั เรยี กวา่ เสยี ชาตเิ กดิ ฉะนน้ั ชาตนิ ข้ี องเราเรยี กวา่ มหาชาติ ไมต่ อ้ งรอบำ� เพญ็ ชาติ หนา้ หรอก เอาใหม้ นั ไดช้ าตนิ เี้ ดย๋ี วนเี้ ลย เหน็ เดย๋ี วน้ี ก็ไม่มีแล้วใช่ไหม ถ้าเราเห็นอย่างนี้เรื่อยๆ ก็เห็น ปจั จบุ นั อยา่ ไปนกึ ถงึ เรอื่ งอดตี อนาคต ปลอ่ ยใหห้ มด แล้วจะไม่มีความคิดอะไร รู้ก็รู้แต่จิตแต่ใจ ไม่ได้รู้ อะไรอ่ืน ไม่ได้จำ� อะไร เกล้ียง ไม่มีอะไร ไม่มสี ัญญา อารมณ์อะไร ความรู้อะไรในจิตไม่มี เขาเรยี กว่าว่าง
ดูความรู้สึก 42 ว่างจากอะไร ไม่มีอะไร เห็นจิตของเรา ดูจิตในจิต คือสติปัฏฐานสี่ อนั เดยี วกนั นน่ั แหละ เหน็ กายเหน็ เวทนากต็ อ้ งขณะ เดยี วกัน เห็นท่วั ถงึ ดูได้ทวั่ ถงึ เรากำ� ลงั นัง่ ดทู ัง้ ตวั เห็นได้ใช่ไหม ดูใจก็เห็นด้วยกันทั้งใจท้ังกายนี่ คำ� ว่าท่ัวถึง รู้ทว่ั ถึง เห็นท่วั ถึง ให้มันถงึ จรงิ ๆ ไม่ว่าวิธีของใครสายไหนก็แล้วแต่ ท่ีสุดของ ที่สุดต้องมารู้อย่างน้ีก็แล้วกัน อย่าไปบอกว่าสาย ไหนได้ สายไหนไม่ได้ จะเป็นสายไหนกต็ าม มนั ก็ ไมใ่ ชว่ า่ จะรไู้ ดท้ กุ คน ถา้ ไมร่ ใู้ หถ้ งึ อยา่ งนม้ี นั ไมม่ ที าง
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 43 ๑๙ ระวังค�ำว่า “พิจารณา” ที่ว่าพจิ ารณาให้เกิดปัญญา น่ี บางทตี ้องระวัง อย่าเอาค�ำว่าพิจารณามาพิจารณาอีก มันจะเลย เปน็ สงั ขาร ในขณะทเ่ี ราเหน็ การทเี่ รารอู้ ะไรเปน็ อะไร ในนน้ั เสรจ็ นั่นคือพิจารณาแล้ว พจิ ารณา คอื เรา เขา้ ไปเหน็ นน่ั แหละ เพราะเรากจ็ ะรวู้ า่ อะไรเปน็ อะไร มนั เสรจ็ อยู่ในตัว ผมจะไม่พูดให้ใครไปพิจารณา เพราะผมเคย โดนกับตัวเองมาแล้ว พิจารณาจนมันไหลเลยไป
ดูความรู้สึก 44 เปน็ กระดกู อะไรตอ่ อะไร มนั กลายเปน็ ความคดิ ไป แลว้ บางทมี นั ซอ้ น แลว้ คนกไ็ มร่ ดู้ ว้ ย มนั ไปไกลเลย รู้กับไม่รู้ต่างกันมากนะ อย่างพิจารณาอสุภะ ถ้ารู้ ก็พิจารณาอสุภะเพื่อให้จติ ใจสงบ แต่ถ้าไม่รู้กจ็ ะไป พจิ ารณาอสภุ ะเพอื่ ใหเ้ กดิ ปญั ญา คนกต็ อ้ งเขา้ ใจให้ มันถูกด้วย
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 45 ๒๐ ขอ้ ส�ำคญั ตอ้ งเหน็ ตัวหลดุ ตัวพ้น ก่อนนี้ที่เราต้องใช้กรรมฐาน ๔๐ ผมท�ำถูก ท่ีไหนล่ะ รู้สึกว่ากรรมฐานท�ำไมมันยุ่งยากอย่างน้ี ผมเสยี เวลาตงั้ สบิ กวา่ ป ี ทำ� ไดแ้ คพ่ อฟงั เขารเู้ รอ่ื งบา้ ง เท่านั้น ผมก็คิดว่าผมรู้ ผมเข้าใจ ทุกข์ก็เบาลงนะ แต่ว่ามันไม่ใช่ มันไม่หลดุ ไม่พ้น เราก็เลยศึกษาอะไรต่ออะไรไปเร่ือย จนได้มา ฝึกการเจริญสติอันนี้ ข้อส�ำคัญต้องเห็นตัวหลุด ตัวพ้น ค�ำว่าวิมุตติกับค�ำว่าสมมติ ส่วนมากคนจะ
ดูความรู้สึก 46 ไปติด แต่เราไม่ติดอะไร จิตไม่ติดอะไร ไม่ใช่แค่ คิดเอา นึกเอา ว่าเราไม่ยดึ ติดอะไร แต่คอื เห็นจติ ของเรามันหลุดจากอะไรๆ มนั ไม่ตดิ มนั ไม่ยดึ อย่าง นเ้ี อง ไม่ใช่เรานะ ไม่ใช่เรา ไม่ติดไม่ยดึ นะ แต่เห็น ความรู้สกึ ของเรา ไม่ติดไม่ยึด เหน็ ไหมว่าลึกซ้งึ
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 47 ๒๑ ให้เห็นเป็นผ้รู ้กู ับส่งิ ท่ีถูกรู้ ตอ้ งทำ� ใหต้ อ่ เนอ่ื ง มสี ตใิ หต้ อ่ เนอื่ ง ใหเ้ รารตู้ วั ไว้ พอรู้ตัวแล้วก็ต้องดูว่าสงบหรือไม่สงบ ในจิตมี อะไรไหม ปกตไิ หม ตอ้ งเขยี่ ตลอดเวลา มนั ไมเ่ ทย่ี ง แปบ๊ เดยี วเปลยี่ นแลว้ มนั เปลย่ี นอยตู่ ลอดเวลา ดไู ม่ ทนั มนั เลย มนั เรว็ จริงๆ โอ้โฮ้ มีแต่อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา งั้น...เราต้องคอยเช็คตลอดเวลาใช่ไหม ท�ำ จนเห็นตลอดเวลา ต้องดูให้เห็นตลอดเวลา ถ้ามัน
ดูความรู้สึก 48 ยงั ไม่เห็นตลอดเวลา เรากต็ ้องฝึกจนมนั เห็นตลอด เวลา อย่าไปท�ำอย่างอ่ืน ต้องให้เห็นความรู้สึกอยู่ ตลอดเวลา สบายกไ็ ด้ ไม่สบายกไ็ ด้ มันไม่สบายก็ รู้ว่าไม่สบาย กเ็ ฉยๆ ไว้ อย่าให้เป็นตวั เรารู้สึก จะ กลายเป็นว่ามีตวั เราเข้าไปต้ัง กายเราไม่สบายหรือใจเราไม่สบาย เราก็รู้ได้ เด๋ียวนไ้ี ม่สบายเราก็รู้ว่าไม่สบาย เราดูเฉยๆ ให้เหน็ เป็นสองสิ่ง คือ สิ่งที่ถูกรู้ กับ ผู้รู้ ให้เห็นอย่างน้ี ไม่ใช่ว่าเป็นเรารู้สกึ อย่างน้ันมนั มเี ราเข้าไปตงั้
หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ 49 ๒๒ ดูไปเรอื่ ยๆ เขา้ ใจไปเร่อื ยๆ จติ จะเลอ่ื นขั้นเอง ถ้าจบกิจแล้ว...ที่เคยไม่สบายใจก็จะไม่เป็น เพราะท่ีไม่สบายใจ แสดงว่ายังไม่หมดสงสัย เมื่อ หมดสงสัย มันจะไม่มอี ะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ ไม่มี หรอกความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน จิตจะเรียบร้อยเป็น ปกติ แต่เร่ืองนี้อย่าไปมุ่งเอาอย่างอื่น อย่าไปติด ตำ� รา อยา่ ไปคดิ วา่ เปน็ พระอรหนั ต ์ เปน็ พระอนาคามี หรอื เป็นอะไร ทงิ้ ไปให้หมด เอาทตี่ ัวจรงิ ๆ มนั ไม่ใช่ เป็นอะไร ให้เหน็ ธรรมชาตอิ ย่างเดยี วพอแล้ว เหน็ ความไมม่ ที กุ ขก์ พ็ อแลว้ ขอใหเ้ ราดอู ยา่ งนไ้ี ปเรอื่ ยๆ
ดูความรู้สึก 50 เราจะเข้าใจไปเรอ่ื ยๆ จติ จะเลอื่ นชั้นไปเอง ไม่ต้อง บงั คับ มนั กเ็ ลือ่ นไปเอง ท่ีท�ำกันมานี่ ผู้ที่ถึงความเป็นธรรมชาติมี ไม่มากหรอก คือมองแล้วคนไม่จรงิ จงั คนทจ่ี รงิ จัง ก็ท�ำไม่ถูกไม่ตรงทาง ถ้าท�ำไม่ตรงแล้วไม่มีทาง ก็ อาจจะให้เขาพอคลายทกุ ข์ได้บ้าง แต่ท่ีถึงทีส่ ดุ จรงิ ๆ จะมีน้อย ทไี่ ม่เยอะเพราะบางทกี ม็ เี หตหุ ลายอย่าง แต่เอาเถอะ เราดูเรารู้ท่ีตัวเรานี่แหละ ไม่ว่า อะไรทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมาเห็นท่ีตัวเราเท่านั้น เราทำ� ไปแล้วเราจะเข้าใจ เราจะอ่านออก พอจิตเรา สงบเป็นปกติ ให้เข้าถึงความปกติจริงๆ มนั เหน็ ชัด เหมือนน้�ำที่ใส จะมีอะไรก็เห็นชัดหมด เห็นหมด แลว้ ถงึ ตอนนน้ั มนั จะหมดสงสยั มนั เหน็ อะไรหมด รู้อะไรเป็นอะไร เลยหมดสงสยั
Search