2 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เ ป ล่ี ย น ใ จ 3
ชมรมกัลยาณธรรม หนังสอื ดลี �ำดบั ท่ี ๑๒๕ พิมพค์ รง้ั ท่ ี ๒ เมษายน ๒๕๕๓ จำ�นวนพมิ พ์ ๗,๐๐๐ เล่ม จดั พมิ พโ์ ดย ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั ต�ำบลปากนำ�้ ภาพปก/ภาพประกอบ อ�ำเภอเมือง จงั หวัดสมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ จัดรูปเลม่ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๖๓๕-๓๙๙๘ ตัดค�ำ จัน-เจา้ -ค่ะ คนข้างหลัง จัดพิมพ์โดย อะต้อม บริษทั ขมุ ทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์ จ�ำกัด ๕๙/๘๔ หมู่ ๑๙ ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทววี ฒั นา กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๗๐ สัพพทานงั ธมั มทานงั ชนิ าติ การให้ธรรมะเปน็ ทาน ยอ่ มชนะการใหท้ ง้ั ปวง www2w.kwanwla.vyisaanlพaot.รaomะrgไ.cพoศmา ล วิ ส า โ ล
ขอมอบเป็นธรรมบรรณาการ แด่ จาก เ ป ลี่ ย น ใ จ 3 Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
ค�ำปรารภในการพมิ พค์ ร้งั ทสี่ อง คนเรามักคิดว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อทุกสิ่ง ทกุ อยา่ งเปน็ ไปตามใจตน ดงั นนั้ เมอ่ื สง่ิ ต่างๆไมเ่ ปน็ ไปดงั่ ใจจงึ มีความทุกข์ และพยายามทุกวิถีทางที่จะปรับเปลี่ยนส่ิงต่างๆ ใหถ้ กู ใจตน แนวคดิ ดงั กลา่ วแพรห่ ลายอยา่ งมากในสงั คมทถี่ กู ครอบง�ำดว้ ยลทั ธบิ รโิ ภคนยิ ม เพราะลทั ธบิ รโิ ภคนยิ มใหส้ ญั ญา แก่ผู้คนว่ายิ่งมีสิ่งเสพส่ิงบริโภคมากเท่าไรก็ย่ิงมีความสุขมาก เท่าน้ัน ขณะท่ีการโฆษณาตามสื่อต่างๆ มักตอกย้�ำว่าเราจะ 4 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
มีชีวิตท่ีดีขึ้นหรือเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ทันทีหากเปลี่ยนมาใช้ สินค้าชนิดน้ันชนิดน้ี ย่ิงเราถูกปลูกฝังให้เชื่อในเทคโนโลยีว่า สามารถเอาชนะธรรมชาตไิ ด ้ ไมว่ ่าชวี ติ จะยากล�ำบากเพียงใด อุปสรรคท้ังปวงย่อมแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยี เทคโนโลยีจึง กลายเป็นค�ำตอบของทุกปัญหา และกลายเป็นสินค้าท่ีสร้าง ความหวังแก่ผู้คน เป็นการเสริมลัทธิบริโภคนิยมให้นา่ ศรัทธา มากขนึ้ ในสังคมเช่นน้ีผู้คนย่อมเอาความสุขของตนผูกไว้กับ สง่ิ ภายนอก คิดแต่จะเปล่ยี นสง่ิ นอกตวั ให้ถูกใจตน จนละเลย ที่จะปรับเปล่ียนจิตใจตน ท้ังๆท่ีสุขหรือทุกข์นั้นแท้จริงอยู่ที ่ ใจเราเอง ไม่วา่ จะปรับส่ิงแวดล้อมรอบตัวให้สุขสบายเพียงใด มีทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใด แต่หากไม่รู้จักพอ ก็ย่อม ไม่มีความสุข ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย แต่พอใจสิ่งท่ีมี ก ็ มีความสุขได้ น้ีคือภูมิปัญญาจากพุทธศาสนาที่มีความส�ำคัญ มากโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่หลงไปตามกระแสบรโิ ภคนยิ ม เปล่ียนใจ เป็นหนังสือที่ตั้งใจเชิญชวนให้ผู้คนกลับมา มองทตี่ นเอง และตระหนกั วา่ หากเราสามารถปรบั เปลย่ี นจติ ใจ ของตนได้ ความสุขก็เกิดขึ้นได้ทันที แต่จะท�ำเช่นนั้นได้ต้องม ี ปญั ญารู้เทา่ ทนั ลทั ธิบริโภคนยิ มที่มาในรปู แบบตา่ งๆ เ ป ล่ี ย น ใ จ 5
เ ป ล่ี ย น ใ จ พิ ม พ ์ ค ร้ั ง แ ร ก เ มื่ อ ป ี ๒ ๕ ๕ ๐ บั ด น้ี ช ม ร ม กลั ยาณธรรม มคี วามประสงคจ์ ะขอพมิ พซ์ ำ�้ อกี ครงั้ เพอื่ เผยแพร ่ เป็นธรรมทานแก่ผู้มาร่วมงานแสดงธรรม ที่จะจัดข้ึนเป็น ครั้งท่ี ๑๗ ในวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ศกนี้ ณ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร ์ (ท่าพระจนั ทร)์ เพอื่ น้อมถวายเปน็ พระราชกศุ ล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้าอนุญาตด้วย ความยินดีท่ีมีส่วนร่วมในการบ�ำเพ็ญบุญกิริยาดังกล่าว และ ขออนุโมทนาในกศุ ลเจตนาดังกลา่ วดว้ ย พระไพศาล วิสาโล ๖ เมษายน ๒๕๕๓ 6 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ค�ำปรารภในการพมิ พ์ครง้ั แรก จติ นนั้ เปลยี่ นแปลงอยเู่ ปน็ นจิ แตบ่ อ่ ยครง้ั เรามกั ปลอ่ ย ให้จิตผันแปรไปตามอ�ำนาจของส่ิงแวดล้อม เม่ือได้ยินค�ำ สรรเสริญก็ยินดีแต่เม่ือมีคนต�ำหนิก็ขุ่นเคือง แดดร้อนก็เป็น ทุกข์ ฝนตกก็หงุดหงิด ชีวิตจึงหาความสุขสงบได้ยาก เพราะ ตอ้ งประสบกบั สง่ิ ตา่ งๆทไี่ มเ่ ปน็ ดงั่ ใจอยเู่ สมอ ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั ใน ปัจจุบันมีเง่ือนไขและเหตุปัจจัยทางสังคมมากมายที่พยายาม เข้ามาบงการชีวิตจิตใจของเรามากข้ึน หนึ่งในน้ันคือลัทธิ บริโภคนิยมซ่ึงก�ำลังเป็นกระแสที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง แม้ดู เหมอื นจะปรนเปรอความสขุ และสนกุ สนานอยา่ งไมม่ ขี ดี จ�ำกดั แต่กลับท�ำให้ผู้คนเป็นทุกข์และกลัดกลุ้มกังวลใจไปทั่วทุก หัวระแหง เ รา ส า ม า ร ถเ ป ลี่ย น จิ ตใ จ ไป ใ นทา ง ที่ดี ง ดงา ม แ ล ะ เป็นสุขได้ แต่ต้องเริ่มต้นด้วยการมีสติ รู้เท่าทันตนเอง ควบคู่ ไปกับการรู้เท่าทันสิ่งแวดล้อม การรู้เท่าทันตนเองท�ำให้เรา ไมพ่ ลดั หลงเขา้ ไปในความรสู้ กึ นกึ คดิ ทเ่ี ปน็ โทษ หรอื ปลอ่ ยใจ ปรุงแต่งไปตามแรงกระตุ้นของส่ิงต่างๆ ส่วนการรู้เท่าทัน ส่ิงแวดล้อม ช่วยให้เราเกี่ยวข้องกับมันอย่างระแวดระวัง ไมเ่ ผลอตกเขา้ ไปอยใู่ นอำ� นาจฝา่ ยลบของมนั ขณะเดยี วกนั ก็ รจู้ กั ใชม้ นั ใหเ้ ปน็ ประโยชน ์ เพอ่ื ความเจรญิ งอกงามของชวี ติ เ ป ล่ี ย น ใ จ 7
เมื่อเรามีสติรักษาใจ ปัญญาจะเข้ามาช่วยพัฒนาจิตใจ ไปในทางทดี่ งี าม ไมเ่ ผลอเขา้ ไปยดึ ตดิ สงิ่ ตา่ งๆ ดว้ ยอ�ำนาจของ ความหลง เปน็ การเปลยี่ นแปลงจากภายในโดยไมต่ กเปน็ ทาส ของสง่ิ แวดลอ้ ม ชวี ติ ทอี่ สิ ระและงดงามเกดิ ขนึ้ ไดเ้ พราะเหตนุ ี้ “เปล่ียนใจ” เป็นหนังสือที่เกิดข้ึนจากความริเร่ิมของ คณุ ยทุ ธชยั เฉลมิ ชยั โดยขอน�ำบทความสบ่ี ทของขา้ พเจา้ ทเี่ คย ตีพิมพ์ในสานแสงอรุณ มารวมพิมพ์เพื่อเผยแพร่แก่ผู้สนใจ ทั้ ง นี้ โ ด ย มี เ รื่ อ ง “ อ ยู ่ อ ย ่ า ง พุ ท ธ ใ น ยุ ค บ ริ โ ภ ค นิ ย ม ” เ ป ็ น บทความหลัก แม้ทั้งส่ีบทความจะมีท่วงท�ำนองและจุดเน้น ทตี่ า่ งกนั แตจ่ ดุ รว่ มทเ่ี ปน็ แกนกลางกค็ อื การใหค้ วามสำ� คญั กบั มติ ดิ า้ นจติ ใจ เพราะถงึ ทส่ี ดุ แลว้ จะสขุ หรอื ทกุ ขอ์ ยทู่ ใี่ จนนั่ เอง และใจนั้นเปน็ ส่ิงท่พี ฒั นาใหเ้ จรญิ งอกงามได ้ ขออนโุ มทนาในด�ำรขิ องคณุ ยทุ ธชยั และคณะทป่ี รารถนา จะแบง่ ปนั สง่ิ ดๆี ทมี่ ปี ระโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื เพอ่ื ใหเ้ กดิ ก�ำลงั ใจในการ ท�ำความดที ง้ั ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื โดยเฉพาะในโอกาสขน้ึ ปใี หม ่ ทจ่ี ะมาถงึ น ้ี หวงั วา่ บทความทง้ั สนี่ นั้ จะสามารถเปน็ สอ่ื กลางน�ำ สิ่งดๆี มาให้แก่ผอู้ ่านสมเจตนาของผจู้ ดั พมิ พ์ พระไพศาล วิสาโล ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ 8 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เปล่ยี นแดดร้อน เปน็ รม่ เงา เปล่ียนปฏิกลู ใหเ้ ปน็ ดอกไม้ เปลี่ยนทุกขใ์ ห้เปน็ สุข พรจาก พระไพศาล วสิ าโล เ ป ล่ี ย น ใ จ 9
สารบญั ของดีท่ีควรหวัง • ๑๓ คำ� ถามสามวนั สุดทา้ ย • ๒๑ บันทึกรายทางกลางอเมริกา • ๓๓ เซ็นตห์ ลุยส ์ • ๓๓ บรองซ ์ • ๓๗ นวิ ยอรก์ • ๔๑ คารเ์ มล • ๔๕ แกรนด์แคนยอน • ๔๘ เรดรอ็ ค • ๕๑ 10 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
อยูอ่ ย่างพทุ ธในยคุ บรโิ ภคนิยม • ๕๗ กระแสลมท่มี าแรง • ๕๙ บริโภคนยิ ม ๔ ความหมาย • ๖๓ มิติดา้ นจิตใจของบรโิ ภคนยิ ม • ๗๐ ทุกสง่ิ คอื สิ่งเสพ • ๗๔ สามระดับของบริโภคนยิ ม • ๗๗ ผลกระทบตอ่ ธรรมชาต ิ สงั คม และชีวติ • ๘๓ ศาสนาบริโภคนยิ ม • ๘๙ ที่ทางของศาสนาในยคุ บรโิ ภคนิยม • ๙๙ อยูอ่ ยา่ งพทุ ธในยคุ บริโภคนิยม • ๑๐๔ สร้างสังคมเขม็ แขง็ ฟืน้ พลังใหพ้ ุทธศาสนา • ๑๑๔ ประวตั ิพระไพศาล วสิ าโล • ๑๒๑ เ ป ลี่ ย น ใ จ 11
12 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
มคี วามแตกต่างกันมาก ระหวา่ งการมีสง่ิ ดๆี เกิดขนึ้ ชีวติ กับการมีการเปลีย่ นแปลงทดี่ ีๆ เกดิ ขนึ้ ในใจ อย่างหลังนีอ้ าจเกดิ ขึน้ โดยไมจ่ �ำเปน็ ต้องมีส่งิ ดีๆ เกิดข้ึนกับชีวติ ของเรากไ็ ด้ เ ป ลี่ ย น ใ จ 13
14 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ของดี ทคี่ วรหวัง ตีพมิ พค์ ร้ังแรกใน “สานแสงอรุณ” ปที ี่ ๑๑ ฉบบั ท่ ี ๑ มกราคม-กุมภาพนั ธ ์ ๒๕๕๐ เทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งความหวัง เม่ือปีใหม่ ใกล้เข้ามาเราก็มักต้ังความหวัง ว่าจะได้พบส่ิงใหม่ๆท่ีท�ำให้ ชีวิตน้ีดีขึ้นกว่าปีเก่า ด้วยเหตุนี้เราจึงปรารถนาท่ีจะได้รับ ค�ำอวยพร เพ่ือเป็นก�ำลังใจ และเพ่ือให้ความหวังปรากฏ เปน็ จริง ไมช่ ้าก็เรว็ ส�ำหรับคนจ�ำนวนไมน่ ้อย เทศกาลปใี หม่ ยังเป็นหลักหมายส�ำหรับการละท้ิงความขุ่นข้องหมองใจ ไว้ข้างหลังและเป็นโอกาสที่จะมองไปข้างหน้าอย่างมี ความหวงั เ เปป ลล่ี ยี่ ย นน ใ จ 15
เราหวังอะไรจากปีใหม่ ส�ำหรับคนปัจจุบันส่ิงที่เป็น ยอดปรารถนา คอื ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ความมงั่ มศี รสี ขุ ชอ่ื เสยี ง เกยี รตยิ ศ ความส�ำเรจ็ รวมไปถงึ สขุ ภาพพลานามยั แตถ่ า้ มอง ให้ลึกลงไปแล้ว การมีส่ิงดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตของเรามิใช่เป็น หลักประกันเสมอไปว่าเราจะมีความสุขหรือมีชีวิตท่ีดีขึ้น คน จ�ำนวนไมน่ อ้ ยเมอ่ื ประสบความส�ำเรจ็ มที รพั ยส์ นิ มงั่ คง่ั ชอื่ เสยี ง เกียรติยศเพิ่มพูน ก็หามีความสุขเพ่ิมข้ึนไม่และบ่อยคร้ังชีวิต ของเขากไ็ มด่ ขี นึ้ ไปจากเดมิ กลบั จะตกตำ่� ดว้ ยซำ้� มเี งนิ มากขนึ้ แต่ชีวิตครอบครัวล้มเหลว กลับเปลา่ เปลี่ยวอ้างว้าง มีฐานะ ต�ำแหน่งที่สูงส่งแต่หาความสงบสุขไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไร ดังนั้นการหวังแค่ให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตของเราย่อม ไม่เพียงพอ และไม่ใชป่ จั จัยส�ำคญั แห่งชวี ิตทีผ่ าสุกด้วย ถ้าเราหวัง ก็ควรหวังให้มีความเปลี่ยนแปลงท่ีดีๆใน จติ ใจของเรา มคี วามตา่ งกนั มากระหวา่ งการมสี งิ่ ดๆี เกดิ ขนึ้ ในชีวิต กับการมีความเปล่ียนแปลงท่ีดีๆ เกิดข้ึนในจิตใจ อย่างหลังน้ีอาจเกิดขึ้นโดยไม่จ�ำเป็นต้องมีสิ่งดีๆเกิดข้ึนกับ ชวี ติ ของเรากไ็ ด ้ การมสี ง่ิ ดๆี เกดิ ขนึ้ ในชวี ติ หรอื การไดป้ ระสบ สิ่งดีๆ (และมากๆ) อาจท�ำให้เรามีความสุขเพียงช่ัวคราว แต่ตามมาด้วยปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ถูกล็อตเตอร่ีรางวัล ท่ี ๑ แต่สุดท้ายลงเอยด้วยการติดเหล้า เพราะเอาแต่เท่ียว 16 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ไม่หยุดหย่อน หรือบ้านแตกสาแหรกขาด เพราะแก่งแย่ง ทรพั ยส์ มบตั ิกนั ในทางตรงข้าม หากเกิดความเปลี่ยนแปลงท่ีดีในจิตใจ แล้ว เช่น มีสติ มีปัญญา จิตใจหนักแน่นม่ันคง แม้ว่าเราจะ ประสบกบั สง่ิ ทเี่ ปน็ ลบ เชน่ มโี รคภยั ไขเ้ จบ็ งานการไมป่ ระสบ ความส�ำเร็จ เงินทองร่อยหรอฝืดเคือง ก็ยังสามารถรักษาใจ ให้เป็นปกติอยู่ได้ อีกท้ังยังรู้จักหาประโยชน์จากเหตุการณ ์ เหลา่ น้ันได้ การตกงานอาจหมายถึงโอกาสที่จะได้หางานใหม ่ ที่เหมาะกับตนเอง การล้มป่วยอาจหมายถึงโอกาสหยุดงาน และมเี วลาปฏบิ ตั ธิ รรมมากขนึ้ ถงึ จะเปน็ มะเรง็ กอ็ าศยั มะเรง็ นั่นแหละพาเข้าหาธรรมะ ถ้ามีความเปล่ียนแปลงท่ีดีเกิดขึ้นในจิตใจของเราแล้ว ความผันผวนปรวนแปรในชีวิต หรือความเปล่ียนแปลงท่ ี ไม่พึงประสงค์ก็ท�ำอะไรเราไม่ได้ คนเราไม่สามารถควบคุม สงิ่ แวดลอ้ ม จนแนใ่ จไดว้ า่ จะตอ้ งมแี ตส่ งิ่ ดๆี เกดิ ขนึ้ กบั ชวี ติ ของ เรา แตส่ ง่ิ ทเ่ี ราสามารถควบคมุ ไดค้ อื การปรบั เปลย่ี นจติ ใจหรอื เสริมสร้างคุณภาพภายใน เพ่ือเป็นฐานท่ีม่ันคงในการเผชิญ สง่ิ ตา่ งๆอยา่ งเทา่ ทนั เมอ่ื ไดโ้ ชค ประสบสงิ่ ดๆี กไ็ มห่ ลงระเรงิ เมื่อประสบเคร าะห์ หรือเกิดส่ิงเลวร้ ายขึ้นก็ไม่จมอยู่กับ เ ป ลี่ ย น ใ จ 17
ความทกุ ขจ์ นเสยี ศนู ย์ ถ้าเราหม่ันฝึกจิตให้ดี จนมีสติเท่าทันตนเอง มีปัญญา รู้ซ้ึงถึงความเป็นจริงของโลก สามารถเข้าถึงความสุขจาก ภายใน ไมห่ วน่ั ไหวตอ่ โลกธรรมทง้ั บวกและลบแลว้ ไซร ้ ความ ผันผวนปรวนแปรในชีวิตและโลกก็มิอาจบ่ันทอนจิตใจ หรือ ท�ำร้ายเราได้ เทศกาลปใี หมน่ ้ี หากจะหวงั กข็ อใหห้ วงั วา่ จะเกดิ ความ เปลยี่ นแปลงทดี่ ๆี ขนึ้ ในจติ ใจของเรา สว่ นจะมอี ะไรดๆี เกดิ ขนึ้ ในชีวิตของเราหรือไม่ ให้ถือเป็นเร่ืองรอง ถ้ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้น ก็ถือเป็นรางวัลของชีวิต แต่ถึงแม้ว่าชีวิตจะประสบกับสิ่ง เลวร้าย เราก็จะไม่ทกุ ข์ เพราะจติ มเี ครื่องค้มุ กนั อยา่ งไรกต็ าม จติ ใจเราจะเกดิ ความเปลย่ี นแปลงในทาง ท่ีดีได้ มิได้ข้ึนอยู่กับความหวังของเราหรือค�ำอวยพรของ คนอื่น แต่เกิดจากการกระท�ำของเราเอง ความเปลี่ยนแปลง ที่ดีๆจะเกิดข้ึนในจิตใจได้ก็ด้วยการฝึกฝน และหม่ันสร้าง คุณภาพใหม่ให้แก่จิตใจอย่างสม�่ำเสมอ ด้วยการท�ำความด ี เจรญิ สติ บม่ เพาะปญั ญา 18 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
มเี รอื่ งเลา่ ในชาดกวา่ คราวหนงึ่ พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาติ เปน็ ดาบส ซงึ่ บ�ำเพญ็ เพยี รจนพระอนิ ทรอ์ ยเู่ ฉยไมไ่ ด ้ ตอ้ งเสดจ็ ลงมาประทานพร ดาบสปรารถนาอะไรก็ได้ พระอินทร์จะ บันดาลให้สมหวัง แต่ดาบสกลับตอบว่า ขออย่างเดียวก็พอ คือขอให้พระอินทร์อย่าเสด็จมาหาอีกเลย เพราะจะท�ำให ้ เราไม่รู้จักพ่ึงตนเอง คอยแต่จะพ่ึงอ�ำนาจดลบันดาลของ พระอินทร์ นี่คือท่าทีชาวพุทธที่ดี คือถึงที่สุดแล้วเราต้อง พึง่ ตนเองไม่ควรพึ่งใคร ไมว่ า่ สิ่งศักด์ิสิทธห์ิ รือโชค ดงั นน้ั พรทค่ี วรตง้ั จติ ปรารถนาในวนั ขนึ้ ปใี หมก่ ค็ อื ขอให้ เรามคี วามเพยี รในการพฒั นาคณุ ภาพจติ ของตนอยา่ งไมร่ จู้ กั ทอ้ มีความมั่นใจและเปี่ยมด้วยความหวังว่าจะสามารถสร้าง ความเปลยี่ นแปลงทด่ี งี ามใหเ้ กดิ ขน้ึ แกจ่ ติ ใจของเรา จนพรอ้ ม ท่ีจะเผชิญกับทุกอย่างข้างหน้าแม้จะเป็นส่ิงเลวร้ายก็ตาม เพราะเช่ือวา่ จติ ท่ีพัฒนาแล้วย่อมสามารถเปล่ียนรา้ ยใหก้ ลาย เ ป ็ น ดี เ ป ลี่ ย น ทุ ก ข ์ ใ ห ้ เ ป ็ น สุ ข เ ป ลี่ ย น โ ท ษ ใ ห ้ เ ป ็ น คุ ณ ไ ด ้ ดุจเดียวกับต้นไม้ที่สามารถเปล่ียนแดดร้อนให้เป็นร่มเงา ทเี่ ยน็ สบาย และเปลย่ี นปฏกิ ลู ใหเ้ ปน็ ดอกไมอ้ นั งดงามไดฉ้ ะนนั้ เ ป ลี่ ย น ใ จ 19
20 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
หากเราล�ำดับความส�ำคัญของ งานต่างๆในชีวติ อย่างถกู ต้อง แลว้ ให้เวลากับงานเหลา่ นัน้ อยา่ งสอดคล้องกับความสำ� คญั ของมนั เรากจ็ ะไมว่ ิตกกงั วลกบั อนาคต เพราะไดท้ ำ� สงิ่ ทสี่ มควรทำ� ครบถว้ นแลว้ โลกจะแตกหรือไม่ กลายเปน็ เร่ืองขีป้ ะต๋ิวไปเลย เ ป ล่ี ย น ใ จ 21
22 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ค�ำถาม สามวันสดุ ทา้ ย ตีพมิ พค์ รง้ั แรกในจลุ สาร “เพื่อนธรรมชาต”ิ มลู นธิ ิสุขภาพไทย ฉบบั มกราคม – มีนาคม ๒๕๔๒ และ “สานแสงอรณุ ” ปีท ี่ ๓ ฉบับท่ ี ๑ มกราคม – กมุ ภาพนั ธ ์ ๒๕๔๒ ถา้ อกี ๓ วนั โลกจะแตก จะท�ำอยา่ งไรดกี บั เวลาทเ่ี หลอื อ ยู ่ ไ ห น ๆ ก็ ลื อ กั น ใ ห ้ แ ซ ด แ ล ้ ว ว ่ า โ ล ก จ ะ แ ต ก ภ า ย ใ น ป ี นั้ น ปีน้ี ถ้าแตกจริงๆ จะได้รู้ว่าควรท�ำอะไรบ้าง ไม่ต้องแตกต่ืน ลนลานจนลืมตัว โจทย์ข้อนี้จะตอบเล่นๆดูก็ได้ แต่ถ้าใส่ใจ ใครค่ รวญกอ่ นตอบ ก็จะไดป้ ระโยชนก์ ับตัวเองไม่มากกน็ อ้ ย เ เปป ลล ่ี ย่ี ย นน ใ จ 23
ค�ำถามน้ีเคยเอาไปถามหนุ่มๆสาวๆหลายคนจ�ำนวน มาก บอกว่าจะเร่งท�ำบุญ กลับไปหาพ่อแม่ ร่�ำลาญาติมิตร ขอขมาลาโทษ ที่ตอบว่าจะเสพสุขให้เต็มที่ รีบหาคู่ อยู่กับ คนรัก ก็มีไม่น้อย แม้จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่อย่างหน่ึงท่ ี เหมอื นกนั กค็ อื ทกุ คนอยากจะท�ำอะไรตอ่ อะไรตงั้ หลายอยา่ ง จนไม่มีทางจะท�ำให้ครบหรือเสร็จได้ภายใน ๓ วัน บางคน ก็เลือกท�ำไม่กี่อย่างแต่ขัดแย้งกันเอง เช่น อยากเข้าวัดปฏิบัติ ธรรมด้วย อยากหาเมียด้วย ขืนท�ำท้ังสองอย่าง ไม่ว่าจะท�ำ พร้อมๆกันหรือสลับคนละวันก็คงจะได้ผลคือ “เบลอร์” อัน ทจี่ รงิ เวลาแค ่ ๓ วนั อยา่ วา่ แตท่ �ำ ๒ อยา่ งทว่ี า่ เลย แคอ่ ยา่ งเดยี ว กไ็ ดท้ �ำเพยี งนดิ หนอ่ ยเทา่ นน้ั เพราะเปน็ เรอ่ื งทต่ี อ้ งใชเ้ วลาทงั้ คู่ คุณล่ะ ตอบได้หรือยังว่าจะท�ำอะไรบ้าง ลองเขียน รายการส่งิ ท่อี ยากท�ำภายใน ๕-๑๐ นาที คณุ อาจพบว่า ส่ิงที ่ อยากท�ำในวาระสุดท้ายของโลก (และชีวิตของคุณ) น้ันม ี มากมาย ไม่ต่างจากหนุ่มสาวข้างบน และถึงแม้ในที่สุด คณุ ตดั สนิ ใจเลอื กท�ำสง่ิ ทสี่ �ำคญั ทส่ี ดุ เพยี ง ๒-๓ อยา่ ง เวลา ๓ วนั ก็อาจไม่พอ ส�ำหรบั การท�ำทุกอย่างให้เสร็จดังใจ สรปุ กค็ อื เวลา ๓ วนั นน้ั นอ้ ยเกนิ ไปทจ่ี ะท�ำอะไรใหค้ รบ ถว้ นได้ 24 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
แตจ่ รงิ หรอื ทว่ี า่ เวลา ๓ วนั นน้ั นอ้ ยเกนิ ไป ในชวี ติ จรงิ เ ว ล า ๓ วั น ต ้ อ ง ถื อ ว ่ า ม า ก ที เ ดี ย ว มี ก่ี ค น ใ น โ ล ก น้ี ท่ี รู ้ ตั ว ล่วงหน้าถึง ๓ วัน ว่าวาระสุดท้ายของตนก�ำลังจะมาถึง ย่ิง คนที่รู้ และมีโอกาสใช้เวลาที่เหลือน้อยนั้นให้คุ้มค่าย่ิงมีน้อย ลงไปอีก นักโทษประหารอาจเดาได้ว่าตัวเองมีเวลาหลงเหลือ อยใู่ นโลกนอี้ กี นานเทา่ ใด แตก่ ไ็ มม่ เี สรภี าพจะท�ำสงิ่ ทตี่ อ้ งการ แล้ว ผู้ป่วยมะเร็งระดับ ๓ อาจรู้ว่าตนจะต้องตายในเร็ววัน แต่กไ็ มม่ ีเร่ียวแรงจะท�ำอะไรได้ ทกุ คนได้แต่คาดเดา ถงึ ทส่ี ดุ แลว้ ไมม่ ใี ครในโลกนที้ ร่ี ลู้ ว่ งหน้าวา่ ตวั เองจะตาย เมื่อไร อย่าว่าแต่เวลา ๓ วันเลย หากรู้ล่วงหน้าแค่ ๑ ชั่วโมง ก็นับว่าโชคดีอย่างย่ิงแล้ว มีหลายคนขอเวลาน้อยกว่านั้นอีก แต่กย็ ังถกู ปฏิเสธ หลังจากที่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท เสียเวลาไปนับ สิบปี นักวิทยาศาสตร์ญ่ีปุ่นทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถท�ำนาย แผ่นดินไหวล่วงหน้าได้แม้เพียงแค่ ๑ นาที เพราะฉะนั้นจะ ไมด่ กี วา่ หรอื หากเราขนเอาสง่ิ ทอ่ี ยากทำ� ในชว่ ง ๓ วนั สดุ ทา้ ย มาท�ำเสียแต่วันนี้ “วันน้ี” คือห้วงเวลาท่ีเราเป็นเจ้าของ ส่วน “พรุ่งนี้” ไม่มีใครรู้ว่าตัวจะได้เห็นหรือไม่ ที่แน่ๆก็คือ หากเราเร่ิมเสียแต่วันนี้ เราอาจมีเวลามากกว่า ๓ วันที่จะท�ำ เ ป ล่ี ย น ใ จ 25
ส่งิ ต่างๆท่อี ยากท�ำ ปญั หากค็ อื จะเอาสง่ิ ทอี่ ยากท�ำในชว่ ง ๓ วนั สดุ ทา้ ยนนั้ มาท�ำเสียแต่วันนี้ได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็มีอะไรต่ออะไร ต้องท�ำมากมายจนแทบหาเวลาว่างไม่ได้อยู่แล้ว มาถึงตรงน้ ี หลายคนกพ็ บวา่ ทตี่ วั เองมภี ารกจิ ทจี่ ะตอ้ งทำ� มากมายในชว่ ง ๓ วนั สดุ ทา้ ย กเ็ พราะไมม่ เี วลาวา่ งพอทจี่ ะทำ� ในขณะนนี้ น่ั เอง น่าคิด ว่าชีวิตของเราวุ่นวายขนาดนั้นเชียวหรือ ใคร ก็ตามท่ีตัดสินใจเลือกท�ำอะไรในช่วง ๓ วันสุดท้ายของชีวิต ส่ิงนั้นจะต้องส�ำคัญมากๆต่อเขา ยิ่งตัดให้เหลือเพียงแค่ ๒-๓ อยา่ ง มนั กย็ งิ่ ส�ำคญั เหลอื จะกลา่ ว ถา้ เชน่ นน้ั เปน็ ไปไดอ้ ยา่ งไร ว่าเราจะไมม่ เี วลากบั ส่งิ ส�ำคัญท่ีสดุ ในชวี ิตของเราเลย เราเคยลองเทยี บเคยี งหรอื ไมว่ ่า สง่ิ ทเี่ ราอยากท�ำในชว่ ง ๓ วันสุดท้าย กับส่ิงที่เราก�ำลังท�ำอย่างวุ่นวายในเวลานี้อะไร ส�ำคญั กวา่ กนั หลายคนพบวา่ “งาน” อยา่ งแรกนนั้ ส�ำคญั กวา่ “งาน” อย่างหลังมาก จนบางทีเทียบกันไม่ได้ ค�ำถามก็คือ อะไรท�ำให้เราละเลย “งาน” อย่างแรกไป ค�ำตอบที่มักจะได ้ กค็ อื งานอยา่ งหลงั นน้ั “เรง่ ดว่ น” กวา่ หาไมก่ เ็ พราะถกู ปจั จยั ภายในและภายนอกพดั พาไป 26 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ในชีวิตของเรานั้น มีงานหรือกิจกรรมอยู่ ๔ ประเภท ใหญ่ ประเภทแรกคือ งานด่วนและส�ำคญั ประเภทท่ี ๒ งานดว่ นและไม่สำ� คัญ ประเภทที่ ๓ งานไม่ด่วนและไม่ส�ำคัญ และประเภทสุดท้าย งานไม่ด่วนแต่ส�ำคัญ คนจ�ำนวน ไม่น้อย วันๆหมดไปกับงานประเภทแรก และก็มีมากทีเดียว ท่ีส้ินเปลืองเวลาไปกับงานประเภทท่ี ๒ และ ๓ คนสองกลุ่ม ทว่ี า่ แมจ้ ะมบี คุ ลกิ นสิ ยั และจดุ มงุ่ หมายในชวี ติ ตา่ งกนั แตก่ ็ เหมอื นกนั อยา่ งหนงึ่ คอื ชวี ติ ไมม่ เี วลาใหก้ บั งานประเภทท ่ี ๔ งานไมด่ ว่ นแตส่ �ำคญั งานดว่ นและสำ� คญั หมายถงึ การแกป้ ญั หา เฉพาะหนา้ เชน่ เพือ่ นร่วมงานขัดแยง้ กนั ต้องเข้าไปไกลเ่ กลย่ี เส้นตายก�ำลังจะมาถึงต้องรีบป่นั งานให้ทนั สขุ ภาพทรุดโทรม จนล้มป่วยต้องพักงานไปหาหมอ คอมพิวเตอร์เกิดเสียต้อง เอาไปซอ่ ม มเิ ชน่ นน้ั ท�ำงานตอ่ ไมไ่ ด ้ รวมถงึ การท�ำงานเลย้ี งตวั และครอบครวั งานดว่ นและไมส่ ำ� คญั เชน่ ตอ้ งรบี เลกิ งานเพอ่ื ไปดูฟุตบอลโลกให้ทัน รีบไปซ้ือของราคาถูกก่อนหมดเขต ค�่ำน้ีต้องไปงานเลี้ยงรุ่นประจ�ำปี งานไม่ด่วนและไม่ส�ำคัญ เช่น โทรศัพท์คุยเล่นกับเพ่ือน ดูโทรทัศน์คลายเครียด ตอบ จดหมายเพื่อนท่ีเพ่ิงมาถึงเม่ือวาน งานไม่ด่วนแต่ส�ำคัญ เช่น การออกก�ำลังกาย การอ่านหนังสือเพ่ิมพูนความรู้ การ เ ป ล่ี ย น ใ จ 27
วางแผนงานแต่เน่ินๆ การให้เวลากับครอบครัว การฝึกสมาธ ิ ภาวนา เบื้องต้นเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ค�ำว่า “ส�ำคัญ” ในที่น้ีหมายถึงความส�ำคัญต่อชีวิต โดยมุ่ง “คณุ คา่ แท”้ ยงิ่ กวา่ “คณุ คา่ เทยี ม” ส�ำหรบั สาวรนุ่ การไดเ้ ปน็ เจา้ ของกระเป๋าหลยุ สว์ ติ ตองนน้ั ถอื วา่ เปน็ เรอ่ื งส�ำคญั ส�ำหรบั เธอ แตไ่ มอ่ าจเรียกไดว้ ่าเป็นสิ่งส�ำคญั ส�ำหรบั ชวี ติ ลองพิจารณาดูอาจจะพบว่า งานประเภทสุดท้ายนั้น มกั จะถกู ละเลยไป ทง้ั ๆทสี่ �ำคญั แตเ่ นอ่ื งจาก “ไมด่ ว่ น” กเ็ ลย ถกู ผลดั ไปวนั พรงุ่ น ี้ ครน้ั วนั พรงุ่ นมี้ าถงึ กม็ งี านดว่ น (ทงั้ ส�ำคญั และไม่ส�ำคัญ) โผล่เข้ามา จึงต้องผลัดไปวันมะรืน มีนัดกับ รายการชิงชนะเลิศฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหนา้ จอโทรทัศน์ เป็น อันต้องเล่ือนต่อไปอีก เป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่า จนลืมไปก็มี มานึกข้ึนได้ก็ตอนมันกลายเป็นปัญหาท่ีต้องรีบสะสาง เช่น ล้มป่วยเพราะไม่ยอมออกก�ำลังกายสักที หรือไม่ ลูกก็ติดคุก ข้อหาเสพยาบ้าไปแลว้ เพราะพ่อไมม่ ีเวลาให้ลกู เลย 28 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
อะไรตอ่ อะไรทเ่ี ราอยากทำ� ชว่ ง ๓ วนั สดุ ทา้ ยกอ่ นโลก แตก มนั อยใู่ นงานประเภทท ี่ ๔ นแี่ หละ งานประเภทนแี้ หละ ทใี่ ครๆ มกั จะนกึ ถงึ ยามทา้ ยๆของชวี ติ เชน่ เปน็ โรคหวั ใจแลว้ ถึงค่อยนึกเสียดายที่ไม่ยอมว่ิงจ๊อกก้ิงตอนเป็นหนุ่มสาว เป็น ไม้ใกล้ฝั่งแล้วจึงค่อยนึกถึงการท�ำสมาธิภาวนา แต่บ่อยคร้ัง แมย้ งั ไมท่ นั แก ่ แตก่ ส็ ายไปแลว้ ผเู้ ปน็ ลกู บอ่ ยครง้ั มานง่ั เสยี ใจ ทไี่ มม่ เี วลาอยใู่ กลช้ ดิ พอ่ แมย่ ามทา่ นมชี วี ติ อย ู่ เนอื่ งจากเอาแต ่ ท�ำมาหากิน จนชว่ งเวลาส�ำคญั ไดผ้ า่ นเลยไปไมห่ วนกลบั เราแต่ละคนมีเวลาส�ำหรับส่ิงส�ำคัญส�ำหรับชีวิต (หรือ งานประเภทที่ ๔) เสมอ แต่มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ของเราได ้ ตอ่ เมอื่ เราตอ้ งยอมทงิ้ บางอยา่ งไป หรอื ท�ำบางอยา่ ง ให้น้อยลง บางอย่างที่ว่าก็คือ งานด่วนและไม่ส�ำคัญกับงาน ไม่ด่วนและไม่ส�ำคัญ อย่าให้ความด่วนของงานอย่างแรก (ท ่ี ไม่ส�ำคัญ) มาหลอกล่อเราจนเกินไป ท�ำใจแข็ง เมินมันไปเสีย บ้าง ชวี ิตไมส่ ึกกรอ่ นหรอก แม้แต่งานด่วนและส�ำคัญก็เช่นกัน ลดลงเสียบ้าง ชีวิต จะเป็นสุขมากข้ึน ขืนเอาแต่ท�ำงานประเภทนี้ท้ังวันท้ังคืน ไม่นานคงเป็นโรคเครียด ความดันสูง ท้องผูก กระเพาะเป็น แผล งานประเภทน้ีท�ำให้คนตายมาเยอะแล้ว แต่จะลดมันได้ เ ป ล่ี ย น ใ จ 29
อย่างไร คุณคงถามในใจเมื่อมันทั้งด่วนท้ังส�ำคัญ ลดได้หาก เราหนั มาใหค้ วามส�ำคญั กบั งานทไ่ี มด่ ว่ นแตส่ �ำคญั ลองสบื สาว ดจู ะพบวา่ ทงี่ านดว่ นและสำ� คญั รมุ เรา้ เรารอบตวั กเ็ พราะเรา ละเลยงานประเภทท่ี ๔ งานประเภทหลังนี้ ในแง่หน่ึงก็คือ การปอ้ งกันปญั หา ถา้ เราให้เวลากบั การปอ้ งกันปญั หาแล้ว ปญั หากม็ ใี หแ้ กน้ อ้ ยลง งานประเภทแรกลว้ นเปน็ งานประเภท แก้ปัญหาเท่านั้น ซ่ึงเกิดข้ึนก็เพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับการ ปอ้ งกนั มาตง้ั แตแ่ รก การหมนั่ ออกก�ำลงั กาย ท�ำสมาธภิ าวนา ให้เวลากับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน สิ่งเหล่าน้ีถ้าเราท�ำ วันละนิดละหน่อยแต่ต่อเน่ือง จะช่วยลดปัญหาต่างๆได้ 30 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
มากมาย ท�ำใหง้ านดว่ นและส�ำคัญพลอยลดลงดว้ ย ทั้งหมดนี้ เปน็ เรอื่ งคณุ ภาพชวี ติ คณุ ภาพคน และคณุ ภาพความสมั พนั ธ์ ซง่ึ ต้องอาศยั เวลา เช่นเดียวกับการเติบโตของต้นไม้ หากเราล�ำดับความส�ำคัญของงานต่างๆในชีวิตได้อย่าง ถูกต้อง และให้เวลากับงานเหล่านั้นอย่างสอดคล้องกับความ ส�ำคญั ของมนั เรากจ็ ะไมว่ ติ กกงั วลกบั อนาคต เพราะไดท้ �ำสงิ่ ท ่ี ควรท�ำครบถว้ นแลว้ เรยี กวา่ เปน็ ผพู้ รอ้ มทกุ ขณะ โลกจะแตก หรือไม ่ กลายเปน็ เรือ่ งขป้ี ะตว๋ิ ไปเลย ครง้ั หนง่ึ เคยมคี นถามนกั พรตผหู้ นง่ึ ดว้ ยค�ำถามคลา้ ยๆ กนั นวี้ า่ “ทา่ นครบั ทา่ นคดิ วา่ ทา่ นจะทำ� อะไรบา้ ง หากจะตอ้ ง ตายภายใน ๓ วัน” “เราก็ทำ� อย่างท่ีท�ำอยู่ทกุ วันนัน่ แหละ” ทา่ นตอบ คุณละ่ พรอ้ มจะตอบอย่างนักพรตท่านนี้แล้วหรือยงั เ ป ลี่ ย น ใ จ 31
32 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เซ็นต์หลุยส ์ ความเงยี บเกือบสงัดเปน็ ส่ิงหนง่ึ ท่สี ะดดุ ใจมาก ตัง้ แต่นาทแี รกทเ่ี ข้ามาสมั ผสั บรองซ์ ความไม่มรี ะเบยี บอิสระเสรีนีแ่ หละ เปน็ ส่วนหน่ึงของความมชี ีวติ ชวี า นวิ ยอรก์ สิง่ ที่ก�ำลังมากลืนกนิ ท่วี ่างในบ้านของพวกเขา ก็คอื หนงั สอื ทีแ่ สนโปรดปรานนัน่ เอง คาเมล ศลี ขอ้ ที่ ๒ นั้นไม่ได้หมายถงึ เพียงการเวน้ จาก การลกั ทรพั ย์ของผูอ้ ื่นที่เขาไม่ไดใ้ ห.้ .. แกรนดแ์ คนยอน แกรนด์แคนยอนคือเสยี งประกาศก้อง ของธรรมชาต ิ ท่เี ตอื นใหเ้ ราเจียมเนอ้ื เจยี มตวั เรดร็อค ธรรมชาตไิ มว่ า่ จะขี้เหร่อยา่ งไรก็มแี รงดงึ ดดู ให้มนุษยเ์ ขา้ หาเสมอ เ ป ล่ี ย น ใ จ 33
34 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
บันทึกรายทาง กลางอเมริกา ตีพมิ พค์ รงั้ แรกใน “สานแสงอรณุ ” ช่วงตง้ั แตป่ ที ่ ี ๑ ฉบบั ที่ ๖ พฤศจกิ ายน – ธันวาคม ๒๕๔๐ ถึงปที ่ี ๒ ฉบบั ที่ ๕ กันยายน – ตลุ าคม ๒๕๔๑ เซน็ ต์หลยุ ส์ ค ว า ม ส ง บ ท ี่ ร ้ อ น ผ่ า ว อ ย ู่ ภ า ย ใ น ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เซ็นต์หลุยส์เป็นเมืองแรกท่ีเรากับหลวงพ่อค�ำเขียน มาพักก่อนท่ีจะเดินทางต่อไป โดยมีนิวยอร์กเป็นจุดหมาย สดุ ท้าย เพอื่ สอนกรรมฐานตามค�ำนมิ นตข์ องวดั จีนท่นี นั่ เ เปป ลล่ี ย่ี ย นน ใ จ 35
ทเ่ี ซน็ ตห์ ลยุ ส ์ (หรอื พดู ใหถ้ กู คอื เมอื งฟลอรสิ เซนตซ์ ง่ึ อย ู่ ตดิ กบั เซน็ ตห์ ลยุ ส)์ เราทงั้ สองไดว้ ดั พระศรรี ตั นารามเปน็ ทพี่ กั วัดนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจไปว่ารอบวัดจะ อกึ ทกึ หรอื พลกุ พลา่ นไปดว้ ยผคู้ น “ชมุ นมุ ชน” หรอื “ชมุ ชน” ตามที่คนไทยท่ัวไปเข้าใจน้ันเอามาใช้กับท่ีน่ี (หรืออีกหลาย เมืองในอเมริกา) คงไม่ได้ เพราะบ้านเรือนของผู้คนรอบๆวัด แมจ้ ะตง้ั เรยี งรายกนั แตก่ เ็ งยี บสงบเอามากๆ นานๆถงึ จะเหน็ คนเดนิ ตามถนนหรอื ออกมานอกบา้ น มกี แ็ ตร่ ถทแ่ี ลน่ ผา่ นไปมา เปน็ ชว่ งๆ และดูจะไม่รีบไม่รอ้ นเอาเสยี เลย อันที่จริงไม่ใช่เฉพาะบริเวณรอบๆวัดเท่าน้ัน ท่ีไหนๆ ในเมืองน้ีก็เป็นเช่นน้ี รวมท้ังเมืองอื่นๆตามทางที่ผ่านมาก็มี ลักษณะเดียวกัน ความเงียบเกือบสงัดเป็นส่ิงที่สะดุดใจมาก ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาสัมผัส อย่าว่าแต่เมืองเล็กๆอย่าง แก้งคร้อเลย (อ�ำเภอหน่ึงในจังหวัดชัยภูมิ) แม้แต่หมู่บ้านใน ชนบทอันไกลโพน้ ก็ยังเงียบสทู้ น่ี ไ่ี มไ่ ด้ ที่นี่ไม่มีเสียงเพลงเล็ดลอดให้เราได้ยิน เสียงแผดล่ัน ของมอเตอร์ไซค์ก็หาปรากฏไม่ มองออกไปนอกวัด ทุกอยา่ ง นงิ่ สนทิ ไมไ่ หวตงิ ยกเวน้ รถยนตแ์ ละใบไมไ้ หว ครน้ั ถงึ วนั หยดุ ถ้าหวังจะเห็นคนออกมาเดินเล่นสังสรรค์กับเพื่อนบ้านก็คง 36 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ผิดหวัง ดูราวกับว่าผู้คนที่น่ีไม่ได้ไปสนุกสนานเที่ยวเตร่ท่ีไหน กับเลย หากอยู่กันแต่ในบ้าน มองไปทางไหนก็เห็นผู้คนก�ำลัง สะสางงานบ้าน ท�ำความสะอาด ตัดหญ้า หรือซ่อมแซมบ้าน เรอื นกนั อย ู่ สภาพเชน่ นจี้ ะเอามาเปรยี บเทยี บกบั กรงุ เทพฯไมไ่ ด ้ เลย ล�ำพังเสียงแผดล่ันจากรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ก็นับว่า พอแรงแลว้ ยงั มเี สยี งเพลง เสยี งวทิ ยแุ ละผคู้ นเอด็ ตะโรกนั อกี ตา่ งหาก ส่วนสายตาก็ถูกกระตนุ้ ด้วยภาพผ้คู น ที่ไหนๆก็มีแต่ผู้คน กระท่ังกลางคืนก็ยังหาความสงบ ไม่ได้ง่ายนัก ส�ำหรับคนที่เจนตาเจนใจกับความวุ่นวายใน กรุงเทพฯอย่างเรา ความสงบของที่นี่จึงชวนให้สะดุดใจ ด ู เหมือนภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเราก�ำลังบอกว่า ความ เงียบกับความเจริญมัง่ ค่งั ในทางวตั ถ ุ ไม่ใช่ส่ิงตรงกนั ขา้ ม เมื่อเราเอาตัวเข้ามาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ อดคดิ ไมไ่ ดว้ า่ ชวี ติ ของคนทน่ี กี่ น็ า่ จะสงบสขุ ตามไปดว้ ย คนเรา ถ้าไม่เบียดเสียดแย่งท่ีนั่งบนรถเมล์ หรือที่ว่างบนผิวถนน วนั แลว้ วนั เลา่ ไมต่ อ้ งดน้ิ รนหาเรอ่ื งออกไปเทย่ี วเตรห่ รอื ครนุ่ คดิ วางแผน ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปช็อปปิ้งหรือดูหนังท่ีไหนด ี เสรจ็ งานเสรจ็ การกก็ ลบั มาอยกู่ บั ครอบครวั ชวี ติ กน็ า่ จะสงบสขุ ได้ เ ป ลี่ ย น ใ จ 37
แต่เอาเข้าจริงๆ เราก็ไม่แน่ใจว่า เขาเหล่าน้ีจะมีชีวิต ท่ีสงบสุขหรือไม่ การเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ไปวุ่นวายกับใคร แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีสงบเงียบ ก็ไม่ใช่หลักประกัน เสมอไปว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขได้ หากว่าเอาตาเอาใจไปเปิดรับ พวั พนั กบั สง่ิ กระตนุ้ เรา้ อยา่ งอน่ื ๆ เชน่ โทรทศั นใ์ นบา้ น สงั คม สมัยใหม่อุดมไปด้วยส่ิงต่างๆ มากมาย ที่ท�ำให้ใจเรายุ่งเหยิง กระเจิดกระเจิงไปได้ แม้จะอยู่คนเดียวโดยไม่ต้องไปสุงสิง เกี่ยวข้องหรือแย่งชิงกับใคร โลกไร้พรมแดนไร้ขอบเขตท ่ี โทรทัศน์ (รวมถึงคอมพิวเตอร์และส่ืออิเล็กทรอนิคส์อื่นๆ) น�ำมาให้เราจนถึงห้องนอนนั้น บางครั้งก็ปลุกจิตกระตุ้นใจ จนเหน่ือยอ่อนยิ่งกว่าการพูดคุยกับเพ่ือนบ้านหรือเที่ยวเตร ่ สนกุ สนานดว้ ยซำ้� ยงั ไมต่ อ้ งพดู ถงึ ความสบั สนวนุ่ วายจากการ อยู่คนเดียวเปล่าเปล่ียวไร้เพ่ือน หรือความเร่าร้อนกระสับ กระส่ายจากการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับผู้อ่ืน เพ่ือถีบตนให ้ เหนอื กวา่ ใครๆ ท้ังในทางทรพั ย์สิน เกียรติยศ และอ�ำนาจ ในโลกทเี่ จรญิ ดว้ ยโภคทรพั ย ์ ความทกุ ขด์ งั กลา่ วเกาะกนิ ผู้คนเป็นอันมาก จนกลายเป็นปัญหาสากล ด้วยเหตุน้ีความ เงียบสงบท่เี ราเหน็ และไดส้ มั ผสั ทนี่ ่ี อาจไม่ตา่ งจากผวิ เขยี วใส ของฟักตม้ ที่เคลือบคลมุ ไสใ้ นอนั รอ้ นผ่าวเอาไว้ก็ได้ 38 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
บรองซ์ เ มื อ ง มี ชี วิ ต ๒๙ มิถนุ ายน ๒๕๔๐ ถ้าแกล้งลืมความกระฉ่อนในทางอาชญากรรมไป ชว่ั คราว บรองซ ์ จดั วา่ เปน็ ยา่ นทมี่ ชี วี ติ ชวี าทเี ดยี ว โดยเฉพาะ ยา่ นที่อยใู่ กล้วัดจีน ซ่งึ เป็นบรเิ วณทผ่ี ูค้ นจับจ่ายซ้อื หาของกัน ค่อนข้างมาก ความมีชีวิตชีวาน้ันไม่ได้หมายถึงความขวักไขว ่ เสมอไป กินซ่าของโตเกียว หรือถนนออชาร์ดของสิงคโปร์ก ็ เนืองแนน่ ดว้ ยผคู้ น แตก่ ลบั หาความมชี วี ติ ชีวาไมค่ ่อยได้ เ ป ลี่ ย น ใ จ 39
ความมีชีวิตชีวาของบรองซ์ อยู่ตรงท่ีผู้คนรู้สึกสบายๆ ไมไ่ ดต้ ง้ั หนา้ ตง้ั ตาเดนิ อยา่ งเดยี ว แตบ่ างทกี ท็ กั ทายผคู้ น ขนาด คนแปลกหนา้ อยา่ งเรากย็ งั มคี นมาทกั ท�ำไมท้ �ำมอื หรอื เอย่ ปาก ถามว่าเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นคนด�ำที่ชีวิตไม่ค่อยเร่งร้อน เทา่ ไร บางคนกเ็ ดนิ ไปรอ้ งเพลงไป เผลอๆกม็ จี กั รยานแลน่ สวน มาบนทางเท้า กดกร่ิง หรือส่งเสียงให้คนรู้วา่ ฉันก�ำลังมาแล้ว ชว่ ยหลกี ทางดว้ ย เรยี กวา่ มอี สิ ระเสรกี นั เตม็ ท ี่ ไมใ่ ชบ่ นทางเทา้ เท่านั้น บนถนนก็เช่นกัน อยากจะข้ามถนนตรงไหนก็ข้าม ถ้าไม่มีรถแล่น ไม่ต้องสนใจล่ะว่าจะเป็นทางม้าลายหรือไม่ ถึงจะมีสัญญาณไฟตรงมุมถนนบอกว่ายังไม่ถึงเวลาข้ามถนน แตถ่ ้าถนนว่าง ฉนั กจ็ ะข้ามละ่ ใครทท่ี �ำแบบนท้ี แี่ อลเอ เวลา มานิวยอร์กแล้วจะรู้สกึ ว่าไมค่ อ่ ยมีระเบียบเทา่ ไหร่ ความไม่มีระเบียบ อิสระเสรีนี้แหละเป็นส่วนหนึ่งของ ความมีชีวิตชีวา และท�ำให้ฮ่องกง หรือนิวเดลีตา่ งกับสิงคโปร์ หรือโตเกียว เช่นเดียวกันกับท่ีท�ำให้เมืองสงบๆอย่างคาเมล ตา่ งจากบรองซ์ ความหลากหลายก็เป็นผงชูรสให้เกิดชีวิตชีวาขึ้น บน ทางเท้าและถนนจะเห็นสีสันและเสื้อผ้าหลากชนิดแตกต่าง กันไป บ้างก็ใส่กระโปรง บ้างใส่ขาส้ัน รถยนต์ก็มีหลายแบบ 40 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
ทง้ั สปอรต์ และบโุ รทงั่ โตเกยี วไมค่ อ่ ยมภี าพแบบนใ้ี หเ้ หน็ เทา่ ไร โดยเฉพาะในเวลาท�ำงาน เพราะผู้ชายแทบทุกคนจะใส่สูท ซงึ่ กม็ กั เปน็ สกี รมทา่ สว่ นเสอ้ื ผา้ ของผหู้ ญงิ กจ็ ะมคี วามหลากหลาย กว่า แต่ที่ใส่เคร่ืองแบบก็มีไม่น้อย และถ้ามองให้ดีก็มีอยู่ใน แบบแผนเดียวกัน บนท้องถนนของบรองซ์และเมืองนิวยอร์ก ผู้คนสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้มากโดยไม่ต้อง ระวงั สายตาของคนอนื่ หรอื ระแวงแรงกดดนั จากผคู้ นรอบขา้ ง ตรงนี้เองที่เป็นปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้โตเกียวหรือสิงคโปร ์ ต่างจากฮ่องกงหรือนิวยอร์ก และอาจเป็นประการส�ำคัญที่ ท�ำใหม้ าเลเซียตา่ งกบั ไทย เพิ่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ในมติชน สุดสัปดาห์ แกต้ังข้อสังเกตว่ า ส าเหตุท่ีคนม าเลเซียและ สงิ คโปรม์ าเทย่ี วหาดใหญก่ นั เยอะ ชนดิ ทเ่ี มอื งทอ่ งเทยี่ วอย่าง เชยี งใหมเ่ ทยี บไมต่ ดิ กเ็ พราะหาดใหญ ่ (หรอื เมอื งไทย) เปน็ ทๆ่ี เขามีเสรีภาพที่จะท�ำอะไรก็ได้ตามใจอยาก เร่ืองเท่ียวผู้หญิง ก็อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด การเอาทุเรียนมากินโดยไม่ต้อง เกรงว่ากล่ินจะไปรบกวนคนในโรงแรม ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ของหาดใหญ่ ซ่ึงไม่มีในมาเลเซีย หรือสิงคโปร์ เราเดาว่าคน จากสองประเทศนั้น คงรู้สึกว่าหาดใหญ่และเมืองไทยนั้น มีชวี ิตชวี ามากกว่า เ ป ลี่ ย น ใ จ 41
แน่ละว่า ถ้าจะพูดถึงความมีระเบียบ ความสวยงาม เรยี บรอ้ ย มาเลเซยี สงิ คโปรเ์ หนอื กวา่ ไทยมาก แตส่ งิ่ ทข่ี าดหาย ไปคือความมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม ยังไม่อยากจะเชื่อว่า ถ้าจะให้มีชีวิตชีวาแล้ว ก็ต้องปล่อยให้บ้านเมืองเลอะเทอะ สกปรก ผู้คนแย่งกันขึ้นรถเมล์หรือแซงคิวกัน ในนิวยอร์ก มารยาทอยา่ งคนเมอื ง หรอื Civility กย็ งั มอี ยมู่ าก และเหนอื กว่าไทยอยู่หลายขุม แม้จะเสื่อมลงไปกว่าเมื่อก่อน กระนั้นก ็ ยงั มวี แ่ี ววแหง่ ชวี ติ ชวี าอย ู่ แตก่ ย็ อมรบั วา่ ชวี ติ ชวี าสว่ นหนง่ึ นน้ั มาจากความหลากหลาย ท่ีเติมแต่งเข้ามาจากคนผิวสีต่างๆ ท้งั ด�ำและเหลืองด้วยไม่น้อย 42 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
นิวยอรก์ ค ว า ม ส ุ ข ข อ ง ห น อ น ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ในเมอื งนวิ ยอรก์ มคี นจ�ำพวกหนง่ึ ซงึ่ นบั วนั จะหาทน่ี อน ยากข้ึนทุกที คนพวกน้ีไม่ใช่คนจนเลย บ้านก็มี แต่ก�ำลังถูก “กนิ ท”่ี มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ ฟงั ดกู น็ า่ อนาถ แตท่ จ่ี รงิ คนเหลา่ นยี้ อม “ถูกกระท�ำ” ด้วยความสมัครใจ เพราะส่ิงที่ก�ำลังมากลืนกิน ทว่ี า่ งในบา้ นของพวกเขา กค็ อื หนงั สอื ทแี่ สนโปรดปรานนน่ั เอง นวิ ยอรก์ เปน็ สวรรคส์ �ำหรบั หนอนหนงั สอื นอกจากจะม ี หนังสือร้อยแปดพันเก้าสุดจะจินตนาการแล้ว ยังมีราคาถูก แสนถูกหากหาซื้อเป็น บางร้านขายแต่หนังสือลดราคา ซึ่ง ส่วนใหญ่ยังไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน และจ�ำนวนไม่น้อยเพ่ิง เ ป ล่ี ย น ใ จ 43
ออกจากโรงพิมพ์มาไม่นาน ร้านประเภทน้ีไม่ใช่ร้านหนังสือ เล็กๆเลย ใหญ่มหึมา บางร้าน เช่น สแตรนด์ คุยว่ามีหนังสือ ถูกนับล้านเล่ม เอามาเรียงต่อกันได้ยาวถึง ๘ ไมล์ทีเดียว บางทีก็หาหนังสือราคาถูกได้ตามแผงลอยแบกะดิน ซึ่งมีให้ เห็นเป็นคร้ังคราว ใครที่พอมีเงินอยู่บ้าง หาหนังสือใหม่มา เป็นรางวัลให้แก่ตัวเองได้ทุกวัน วันละหลายเล่มโดยไม่ถึงกับ กระเปา๋ ฉีก แต่ปัญหาก็คือบ้านพักในนิวยอร์กแพงเหลือเกิน น่ี ขนาดมกี ฎหมายควบคมุ คา่ เชา่ ในเมอื งน ี้ (เพงิ่ หมดอาย ุ ๕๐ ปี เมื่อไม่กี่อาทิตย์น้ี แต่ถูกชาวบ้านกดดันให้ต่ออายุอีกระยะ หนึ่ง) คนๆหนึ่งมีห้องไม่กว้างเท่าไรนัก ที่จริงก็อาจจะกว้าง อยู่หรอกถ้าเทียบกับแฟลต หรือคอนโดมิเนียมหลายแห่งใน กรุงเทพฯ แต่ท่านเล่นขนหนังสือมาใส่ห้องวันแล้ววันเล่า จนเปน็ เรอื่ งธรรมดาหากจะพบวา่ แมแ้ ตใ่ นหอ้ งนำ�้ และหอ้ งครวั ก็ มี ห นั ง สื อ เ รี ย ง รา ย แ ล ้ ว ใ น ที่ สุ ด ก็ ลุ ก ลา ม มา ถึ ง ห ้ อ ง น อ น จนบางคู่บางครอบครวั ตอ้ งใช้เตยี งพับกนั เลย พวกนหี้ ลายคนเปน็ นกั สะสมหนงั สอื แบบเอาเปน็ เอาตาย ข่าวเล่าว่าบางคนมีเฉพาะหนงั สอื ปรงุ อาหารถงึ ๔,๕๐๐ เลม่ ส่วนสถาปนิกบางคนก็มีหนังสือสถาปัตยกรรมอย่างเดียว 44 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
๑๐,๐๐๐ เล่ม ส่วนคนท่ีติดใจนโปเลียน ก็มีหนังสือและ สง่ิ ของทกุ ชนดิ ทเ่ี กยี่ วกบั คนๆน ้ี ไมว่ ่าจะเปน็ เหรยี ญนโปเลยี น เซรามกิ คนโปเลยี น ทหารตกุ๊ ตานโปเลยี นหรอื หนา้ กากนโปเลยี น คนกลุ่มนี้ท่ีจริงก็ไม่ได้อยู่ท่ีนิวยอร์กเท่าน้ัน หากอยู่ทุกที่ (แม้แต่กลางป่าภูโค้งก็มีอยู่อย่างน้อยหน่ึงคน) น่าแปลก ต ร ง ที่ ว ่ า ค น เ ห ล ่ า นี้ ไ ม ่ ไ ด ้ เ ป ็ น ญ า ติ โ ก โ ห ติ ก า อ ะ ไ ร กั น เ ล ย ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักกันด้วยซ�้ำ แต่กลับมีนิสัยคล้ายคลึงกัน ราวกับเปน็ สปชี สี เ์ ดยี วกัน ความสุขของคนพวกน้ีอยูท่ ่ีการได้หนงั สือเล่มใหม่มาใน ครอบครอง ถามวา่ หนงั สอื มากมายเหลา่ น ้ี เขามเี วลาอา่ นบา้ ง หรอื เปลา่ สว่ นใหญค่ งตอบวา่ ไดอ้ า่ นบา้ งนดิ หนอ่ ยเทา่ นนั้ แหละ คิดดูก็น่าแปลกท่ีซ้ือมาท้ังๆที่รู้ว่าคงไม่ได้อ่าน แต่ถ้าถามเขา กค็ งไดร้ บั ค�ำตอบวา่ “กจ็ ะอา่ นมนั ทำ� ไมในเมอ่ื เปน็ ของเราแลว้ ” แอนโทน ี เบอรเ์ จส นกั เขยี นชอ่ื ดงั ชาวองั กฤษเคยพดู ถงึ สาเหต ุ ท่ีไม่ค่อยได้อ่านหนังสือที่ซ้ือมาว่า ไม่มีเหตุผลอะไรดีไปกว่า เหตุผลทีว่ า่ มันเปน็ ของเราแลว้ พูดอกี นยั หน่งึ คือ เราจะอา่ น ก็ต่อเมื่อเป็นหนังสือของคนอ่ืนเท่าน้ัน เพราะมันอยู่กับเราได ้ เพยี งช่วั คราว เ ป ล่ี ย น ใ จ 45
คนจ�ำพวกน้จี ะวา่ ไปกไ็ ม่ใชค่ นแปลก เพราะลึกๆคนเรา ก็เปน็ เชน่ นี้ไมใ่ ช่หรือ ความสุขของคนเราอยู่ที่การ ได้ ไม่ใช่ อยทู่ ก่ี าร ม ี ถงึ เรามเี งนิ พนั ลา้ นอยใู่ นธนาคาร แตน่ นั่ กไ็ มท่ �ำให ้ เรามคี วามสขุ เทา่ กบั การไดเ้ พมิ่ มาอกี หนง่ึ ลา้ น หรอื หนงึ่ แสนบาท ของใหม่ท่ีไม่ได้อยู่ในมือเรานั้น ล้วนมีเสน่ห์มากกว่าของเก่า ท่ีเราเป็นเจ้าของแล้ว เพราะเหตุนี้เอง หนังสือเล่มใหม่จึง ดงึ ดดู ใจหนอนหนงั สอื เสมอ และเมอ่ื ไดม้ าแลว้ เสนห่ ข์ องมนั ก็จะเสื่อมคลายไปเรือ่ ยๆ (เวน้ เสียแต่จะลงทุนลงแรงอ่านมนั จนเห็นคุณค่าท่ีแท้จริงของมัน) ขณะเดียวกันความสุข ความ พึงพอใจ ท่ีเคยพุ่งขึ้นก็กลับลดลงสู่ระดับเดิมและแล้วเขาก็ สอดสา่ ยสายตาหาหนงั สอื เล่มตอ่ ไป จะเป็นหนังสือ เงินทอง คู่ครอง รถยนต์ หรืออะไรก็ แลว้ แต ่ สงิ่ ใหมท่ ไี่ ดม้ านน้ั ยอ่ มทำ� ใหเ้ ราสขุ ใจไดม้ ากกวา่ สง่ิ ทมี่ ี อยู่แล้วในก�ำมือเสมอ ความทุกข์ของผู้คน จะว่าไปแล้วก็อยู ่ ตรงนี้แหละเป็นเหตุใหญ่ ต่อเมื่อรู้จักสันโดษ พอใจในส่ิงท่ีม ี ชวี ิตกจ็ ะง่ายขึน้ เยอะ 46 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
คาเมล ทุ ก ข ล า ภ ๒๓ มิถนุ ายน ๒๕๔๐ ชายวัยกลางคนขับรถมาหยุดที่หน้าวิหาร ขณะท่ีเรา ก�ำลังมีการฝึกกรรมฐานภาคค�่ำประจ�ำวัน ทีแรกนึกว่าเขาจะ มาร่วมฝึกด้วยกันเหมือนคนอ่ืนๆ แต่พอเราเดินเขา้ ไปหา เขา ก็ละล่�ำละลัก พูดพลางร้องไห้พลาง สักครู่เราก็จับความได้ว่า เขาเจอเงนิ ๑,๓๐๐ เหรยี ญ แตไ่ มร่ จู้ ะท�ำอยา่ งไรกบั เงนิ กอ้ นน้ ี ทแี รก เรากไ็ มค่ อ่ ยแนใ่ จว่าตวั เองฟงั ถกู หรอื ไม ่ เพราะจะทกุ ข ์ ท�ำไมถ้าเจอเงิน แต่พอเขาท�ำท่าทางให้เราดู โดยควักเงินโยน เ ป ลี่ ย น ใ จ 47
ลงพนื้ แลว้ เกบ็ ใสก่ ระเปา๋ กเ็ ลยแนใ่ จวา่ ตวั เองเขา้ ใจถกู ตอ้ งแลว้ ชายคนนเี้ ลา่ วา่ เขาก�ำลงั ขาดเงนิ เพราะไมไ่ ดท้ �ำงานมา ๒ เดอื น แล้ว พอเจอเงินก้อนใหญ่ก็เกิดอยากได้ขึ้นมา แต่มโนธรรม บอกเขาว่า ท�ำอย่างนั้นไม่ได้ ก็เลยเกิดความขัดแย้งข้ึนมา ในใจอย่างแรง ท่าทางเขากลุ้มใจมาก เพราะเราได้กล่ินเหล้า คงรู้สึกผิดท่ีอยากจะฮุบเงินก้อนนี้ไว้ใช้เอง เราแนะว่า ควร หาทางคนื เงนิ แกเ่ จา้ ของ เขาบอกวา่ ไมร่ จู้ ะคนื เงนิ อยา่ งไร เพราะ เปน็ เงนิ สดไมร่ ะบชุ อื่ เจ้าของ เขาเองทง้ั สบั สนและทกุ ขใ์ จมาก จนตอ้ งขับรถมาท่วี ดั เพื่อหาคนปรกึ ษา ว่าจะท�ำอย่างไรดี น่าแปลกท่ีเขานึกถึงวัดในย่านน้ี เพราะดูท่าทางแล้ว กเ็ ปน็ ชาวบา้ นธรรมดา ทน่ี า่ จะคนุ้ กบั โบสถค์ รสิ ตม์ ากกวา่ คยุ กบั เขาสกั พกั เขากเ็ รม่ิ สบายใจขน้ึ ใจกเ็ รม่ิ โนม้ เอยี งไปทางดา้ น มโนธรรม เขาบอกวา่ ถา้ เอาเงนิ กอ้ นนม้ี าใช ้ มนั กไ็ มค่ มุ้ กบั การ ท่ีท�ำให้เขาทุกข์เลย ไม่ใช่แค่ทุกข์ใจเท่านั้น กระท่ังท้องไส้ก ็ ปัน่ ปว่ นดว้ ย จนต้องไปหาเหลา้ เพ่ือระงับทุกข์ แตก่ ไ็ ม่หาย ในที่สุดเขาก็ตกลงใจว่าจะไปท่ีธนาคารเพ่ือตามหา เจ้าของ เพราะเขาเจอเงินท่ีนั่น เราถามว่าถ้าไม่เจอเจ้าของ จะท�ำอย่างไร เขาก็ตอบว่าจะเอาไปบริจาคเพ่ือสาธารณ- ประโยชน ์ พอตดั สนิ ใจไดแ้ ลว้ กข็ ับรถกลบั 48 พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
เจอคนทท่ี กุ ขใ์ จมามาก แตย่ งั ไมเ่ คยเจอเรอ่ื งแบบน ี้ คดิ ดกู น็ า่ เหน็ ใจ คนทต่ี กงานมา ๒ เดอื นและก�ำลงั เดอื ดรอ้ นเรอื่ ง เงนิ แบบน้ี เสยี งร�ำ่ ร้องอยากครอบครองเงนิ กอ้ นนคี้ งจะดงั ลน่ั ในจิตใจ เหตุผลต่างๆคงจะผุดออกมามากมาย เพ่ือยืนยันว่า ตวั เองมคี วามชอบธรรมทจี่ ะใชเ้ งนิ กอ้ นน ้ี แตม่ โนธรรมของเขา ก็แรงกล้า ส�ำนึกในศักด์ิศรียังมีอยู่ เขาบอกว่ารู้สึกละอายใจ มากที่เก็บเงินก้อนน้ีใส่กระเป๋าทันทีท่ีเจอ ถ้าเขาไม่เดือดร้อน เรอ่ื งเงนิ ความขดั แยง้ ภายในใจคงไมร่ นุ แรงถงึ เพยี งน ้ี แตส่ �ำหรบั คนเป็นอันมาก เร่ืองนี้ไม่เห็นจะเป็นปัญหา เพราะความคิด ท่ีจะคืนเงินไม่เคยมีอยู่ในจิตใจ ถ้าถามว่าเขารู้สึกผิดหรือไม ่ ที่ท�ำเช่นน้ี เขาคงตอบว่าตัวเองมีสิทธิใช้เงินก้อนน้ี เพราะเจอ ได้ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เงนิ ที่ขโมยมา จะผดิ ศลี ทต่ี รงไหน แต่เราลืมไปแล้วหรือว่า ศีลข้อที่ ๒ น้ันไม่ได้หมายถึง การเวน้ จากการลกั ทรพั ยเ์ ทา่ นน้ั หากหมายถงึ การเวน้ จากการ เอาทรพั ยข์ องผอู้ นื่ ทเี่ ขาไมไ่ ดใ้ หเ้ รา อเมรกิ นั คนนไ้ี มเ่ คยรจู้ กั หรอื แม้แต่ได้ยินศีล ๕ แต่เขาก็รู้สึกผิดที่อยากครอบครองเงนิ ก้อนน้ี ในเม่ือเป็นเงินท่ีเจ้าของไม่ได้คิดจะให้เขา แสดงว่าเขา เขา้ ใจในสาระของศลี ขอ้ ท ่ี ๒ เปน็ อยา่ งด ี ในขณะทคี่ นถอื พทุ ธ เป็นอันมาก กลับเขา้ ใจคลาดเคลอ่ื น เ ป ลี่ ย น ใ จ 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131