(หนา้ ปก)
ก คำนำ หนังสืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ เร่ือง ภูมนิ ามอำเภอบ้านแพง จัดทำขน้ึ เพอื่ ประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นหนังสืออ่านเพิ่มเติมวิชาภาษาไทย สาระที่ 1 การอ่าน และสาระที่ 5 วรรณคดี และวรรณกรรม เนื้อหาประกอบไปด้วยภูมินามหมู่บ้านของอำเภอบ้านแพง ให้ความรู้เกี่ยวกับมูลเหตุ แห่งการตั้งชื่อหมู่บ้านอำเภอบ้านแพง ซึ่งประกอบด้วย ภูมินามตำบลไผ่ล้อม ภูมินามตำบลโพนทอง ภูมินามตำบลนางัว ภูมินามตำบลหนองแวง ภูมินามตำบลนาเข และภูมินามตำบลบ้านแพง ได้ศึกษา ถงึ การต้งั ช่อื จำนวนทง้ั หมด 6 ตำบล 62 หม่บู า้ น ภมู นิ ามอำเภอบา้ นแพงทำให้ทราบมูลเหตแุ หง่ การต้งั ชื่อหม่บู ้าน ตำบลในอำเภอบา้ นแพง สอดแทรกความรู้ ความเชื่อและสภาพความเป็นอยู่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน อันเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังควร ศึกษา และควรอนรุ ักษส์ ืบทอดให้คงอยูค่ กู่ บั อำเภอบ้านแพงตอ่ ไป หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์เล่มนี้ สำเรจ็ ลลุ ่วงไปดว้ ยดโี ดยได้รบั ความอนเุ คราะห์จาก รองศาสตราจารยธ์ นรัชฎ์ ศิริสวสั ด์ิ อาจารย์ทปี่ รกึ ษามหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช ทก่ี รณุ าให้ขอ้ เสนอแนะ ปรับปรุงการใช้ภาษา และคำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจน ผใู้ ห้ขอ้ มูลด้านภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ มูลเหตแุ ห่งการตง้ั ช่อื หม่บู า้ น ผู้เชีย่ วชาญด้านการใชภ้ าษา ผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นคำแม่นาง และผู้เก่ยี วขอ้ งทกุ ทา่ นทม่ี ีส่วนร่วมในการจัดทำ หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เล่มนี้ ทก่ี รณุ าตรวจสอบเนือ้ หา รูปเลม่ ชว่ ยเหลือ แนะนำ จนหนังสือเล่มน้ีสำเร็จลุล่วง ไปดว้ ยดี ขอให้นกั เรยี นอา่ นภูมินามอำเภอบ้านแพงดว้ ยความสนกุ สนาน เพื่อเพิ่มพนู ความรูค้ วามคดิ สตปิ ญั ญา เห็นคุณค่าของภูมินามอำเภอบ้านแพง ตลอดจนให้ความรักและภาคภูมิใจในท้องถ่ินของตนตามเจตนารมณ์ ของหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เล่มน้ที กุ ประการ ฐานสิ ร ประสิทธ์ิ กุมภาพนั ธ์ 2565
1 บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเก่ียวกบั อำเภอบา้ นแพง 1. ประวตั ิความเป็นมาของอำเภอบา้ นแพง บ้านแพง เป็นอำเภอหน่ึงที่นา่ สนใจของจังหวดั นครพนม อำเภอแห่งนี้ มีความเป็นมาและมีจุดเด่นท่นี ่าสนใจหลายประการ ในทีน่ ขี้ อกลา่ วถึง ภูมินามของอำเภอ บ้านแพง จำนวน 6 ตำบล ไดแ้ ก่ ตำบลบา้ นแพง ตำบลนาเข ตำบลโพนทอง ตำบลนางัว และตำบลไผล่ อ้ ม เพ่อื เปน็ การรกั ษาประวัติศาสตร์ทอ้ งถิน่ และเพื่อให้คนรนุ่ หลังไดเ้ กดิ ความรกั และความภาคภมู ใิ จกบั ความเปน็ มาของท้องถน่ิ ตนเอง ซงึ่ มีรายละเอียดดงั นี้ ในอดตี เมอ่ื ประมาณ 200 ปีมาแลว้ มชี นเผา่ ญอ้ ยอ้ หรอื ไทญ้อ มาต้ังถ่ินฐานใหมท่ ่ีเมอื งไชยบรุ ี ปากน้ำสงครามริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลไชยบรุ ี อำเภอทา่ อเุ ทน จังหวดั นครพนม ในปัจจบุ ันในสมัย รัชกาลท่ี 1 ประมาณ ปี พ.ศ.2351 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ในสมยั รัชกาลท่ี 3 ไทญ้อ ท่เี มืองไชยบุรี ได้ถกู กองทพั เจ้าอนุวงศ์กวาดตอ้ น ตั้งเมอื งอยู่ ณ เมอื งปุงลงิ ฝั่งซ้าย แมน่ ้ำโขง แตไ่ ด้กลับมาต้ังเมืองใหม่ ทางฝั่งขวาแม่นำ้ โขง ตั้งเปน็ เมอื งท่าอุเทน เมื่อ พ.ศ. 2373 คือ บรเิ วณท่าอเุ ทน จังหวัดนครพนม ในปัจจุบัน ต่อมาชาวไทญ้อช่ือเฒา่ จอม และเฒ่างึม้ อพยพมาจากเมืองปุงลิงค์ หรือเมอื งหลวงป่งลิง ฝ่ังซา้ ยของ แม่น้ำโขง แขวงคำม่วน สาธารณรัฐ ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ในปจั จุบัน ไดม้ าต้งั ถ่ินฐานบนฝง่ั แม่น้ำโขงตรงเกาะดอนแพง หรือหาดดอนแพงท่ีตง้ั อำเภอบา้ นแพงในปจั จุบนั
ต่อมามีคนอพยพมาเพิม่ และสืบเช้อื สายมาจนถงึ ปัจจุบัน เนอ่ื งจากบริเวณ หมบู่ า้ นนี้มีตน้ ไม้ชนิดหนง่ึ ท่ีเรยี กว่า ต้นแพง ชาวบา้ นจึงเรยี กชื่อหมู่บา้ น ตามตน้ ไม้ชนดิ นีว้ ่า “บ้านแพง” ข้ึนอยเู่ ต็มเกาะเป็นจำนวนมาก เวลาตอ่ มา ลำน้ำโขงระหว่างบา้ น แพง ได้เช่ือมติดกบั เกาะดอนแพง เนือ่ งจากการทบถมของทราย ทไ่ี หลมาตามกระแสของแมน่ ำ้ โขง ทำใหเ้ ป็นพ้นื ทีแ่ ผ่นดนิ เดยี วกนั รฐั บาลฝรง่ั เศส จึงยอมโอนพ้ืนทีข่ องหาดดอนแพง ใหแ้ กก่ ารปกครองของรัฐบาลสยามเมอื่ ประมาณปี พ.ศ.2471 เปน็ ตน้ มา เดมิ หมู่บ้านของ “บา้ นแพง”ขน้ึ อยใู่ นเขตการปกครองของ เมอื งไชยบรุ ี ตำบลไชยบุรี อำเภอทา่ อเุ ทน ในปัจจุบนั ต่อมาปี พ.ศ. 2452 ทางราชการได้ยา้ ยทีต่ ้ัง ทวี่ ่าการอำเภอไชยบรุ มี าต้ังอยู่ท่ี หมู่บ้านแพง โดยเรยี กตามชื่อเดิมวา่ อำเภอไชยบุรี ต้งั อำเภออยู่ได้ ประมาณ 3 ปี จึงไดย้ า้ ยไปตงั้ ทีต่ ำบล พนอม อำเภอท่าอุเทน ต่อมาประมาณปเี ศษ จึงย้ายกลับไป ต้ังท่ีหมู่บา้ นไชยบุรตี ามเดมิ แตเ่ มอ่ื อีกประมาณ 2 ปตี ่อมาท่ีตัง้ บริเวณนน้ั ไมเ่ หมาะสม เนอื่ งจาก มกี ารปรับปรงุ เขตระหวา่ งจังหวดั นครพนม กับจังหวดั หนองคายทางราชการจึงยา้ ยท่ีวา่ การอำเภอไชยบุรไี ปตงั้ ที่ตำบลบึงกาฬ จังหวดั หนองคายในสมยั นน้ั ส่วนหม่บู า้ นแพง มฐี านะเปน็ ตำบลซงึ่ อยู่ในเขตปกครอง ของท่าอุเทนตามเดมิ เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. 2491 ไดร้ บั การยกฐานะเปน็ อำเภอบา้ นแพง ในปี พ.ศ. 2499 ไดจ้ ดั ตัง้ สขุ าภิบาล
บา้ นแพง และเมอ่ื วนั ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 ไดเ้ ปลยี่ นแปลงฐานะสขุ าภิบาล บา้ นแพงเปน็ เทศบาลตำบลบา้ นแพง และได้เป็นอำเภอบา้ นแพง จนถึงปัจจุบันประชากร กลุ่มแรก ๆ ท่ีเข้ามาอาศยั อย่ใู นบรเิ วณหมบู่ ้านบ้านแพงเป็นชาวไทญอ้ สังเกตได้จาก นามสกุลของชาวอำเภอบ้านแพงส่วนใหญ่มักใชน้ ามสกุลว่า อ้วนแกว้ อภยั โส ภาโสม แพงสาร เมื่อมผี ู้คนมาท่องเทีย่ วในเขตอำเภอบ้านแพงไดก้ ล่าวถึงบา้ นแพง ไว้ในเพลง “ถิน่ บา้ นแพง” ว่า ถนิ่ บา้ นแพงดินแดนแห่งน้ีเหมือนมีมนต์ หากใครไดย้ ลก็คงสุขใจใฝฝ่ นั ฝงั่ โขงเหมอื นทางสวรรค์ ดัง่ มแี สงจนั ทร์มาส่อง ผอ่ งสกาวเพรศิ พริ้งแพรวพราวชวนมอง มเี กาะแกง่ หินนำ้ เปน็ ฟอยฟอง เหมือนดังเปลวทองแห่งทางสวรรค์ สาวแสนสวยเกล้ามวยเดด็ กล้วยไม้ป่า เช้าเย็นเจา้ ทำไร่ยา บนเกาะดอนแพงแหล่งสขุ า สดุ หสู ดุ ตาเพลินใจ โอภ้ ูลังกาสูงเทยี มเทยี บฟา้ นภาลัย ทัว่ แนวพงไพรนัน้ มดี อกไมห้ ลากสี อยากชวนแม่นวลฉวี คนดีนอ้ งไปชมเลน่ มาเท่ียวตาดขาม น้ำใสไหลงามกระเซน็ มีเกาะโหดหนิ แมกไม้ร่มเยน็ เหมอื นเปน็ วมิ านแห่งธารสวรรค์ ขอขานไขถ้าใครได้ไปท่นี ัน่ บ้านแพงต้อนรับฉบั พลัน ดว้ ยจิตไมตรีดีต่อกนั สวรรคน์ นั้ คอื “บา้ นแพง” วชิ ติ คำหนั อรรค ผูป้ ระพันธ์ 2. อาณาเขต อำเภอบ้านแพง เปน็ อำเภอหน่ึง ของจงั หวัดนครพนม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ของจังหวัดนครพนม ห่างจากตัวจังหวัดนครพนม ประมาณ 93 กโิ ลเมตร สภาพพนื้ ท่ีสว่ นใหญ่ เป็นที่ราบล่มุ กว้างใหญ่อยู่ระหวา่ งแม่น้ำโขง กบั แมน่ ำ้ สงคราม มีทิวเขาภูลงั กาประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร ลักษณะเป็นแนวยาว ขนานไปกบั ลำแมน่ ้ำโขงจากทศิ ใตไ้ ปทิศเหนือ
ระยะหา่ งกันประมาณ 8 กโิ ลเมตร มปี ่าไมเ้ บญจพรรณขึน้ อยหู่ นาทึบเป็นเขตป่า สงวนแห่งชาติ และมอี าณาเขตติดต่อ ดังนี้ ทศิ เหนือ ติดตอ่ กับ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ทิศตะวันออก ติดตอ่ กับ ประเทศสาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว โดยใชร้ ่องน้ำลึกแม่น้ำโขงเป็นแนวเขต ทศิ ใต้ ติดต่อกบั อำเภอศรีสงคราม อำเภอทา่ อเุ ทน จงั หวัดนครพนม ทิศตะวนั ตก ติดต่อกับ อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม 3. ประชากรการปกครองและทรพั ยากร ประชากรของอำเภอบา้ นแพงปจั จุบนั มีประมาณ 30,000 คน มีทั้งคนไทย ในพนื้ ท่แี ละผู้ทอ่ี พยพมาจากพน้ื ทใี่ กลเ้ คียง เชน่ ลาว เวียดนาม (ญวณ) และจนี ซึง่ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ เปลยี่ นเป็นเชือ้ ชาติไทยและเปน็ สัญชาตไิ ทยแล้ว การปกครองของอำเภอ บ้านแพง แบง่ เขตการปกครองออกเปน็ ตำบล หมบู่ ้าน ดังน้ี คือ 1. ตำบลบา้ นแพง 2. ตำบลนางวั 3. ตำบลไผ่ล้อม 4. ตำบลนาเข 5. ตำบลโพนทอง 6. ตำบลหนองแวง มีเทศบาล 1 แห่ง คือ เทศบาลตำบลบา้ นแพง มีองค์การบรหิ ารส่วนตำบล 5 แห่ง แตล่ ะตำบลจะมีหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละแห่งมกี ารต้ังชอ่ื หรือภูมินามทนี่ ่าสนใจมากทรัพยากรดนิ ของอำเภอบา้ นแพงมีลกั ษณะดินเป็นแบบดนิ งอก ริมตลง่ิ ส่วนใหญ่อย่ใู นบริเวณหาดดอนแพง ซึง่ พ้ืนทส่ี ว่ นใหญจ่ ะใชเ้ ปน็ พื้นที่เพาะปลกู ใบยาสบู มะเขือเทศ และพืชเศรษฐกจิ อ่ืน ๆ เป็นต้น ทรพั ยากรนำ้ อำเภอบา้ นแพง มีแหล่งน้ำทส่ี ำคญั ที่ชาวบ้านในเขตพืน้ ที่ได้ใช้ อปุ โภคบรโิ ภค ได้เลี้ยงชีพ ทำมาหากนิ ได้แก่ หนองเครือเขาและแม่น้ำโขงท่ีเปน็ เส้น พรมแดนกน้ั ระหว่างอำเภอบา้ นแพงกับสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว อีกทัง้ หว้ ยลังกา และทส่ี ำคญั ใช้เปน็ แหล่งนำ้ ขนาดใหญ่ ในการทำการเกษตร ทงั้ ทางบก และทางน้ำ การประมงของชาวอำเภอบ้านแพงของตำบล หมู่บา้ น ที่อยู่บริเวณรมิ ฝง่ั แม่นำ้ โขง ทรพั ยากรป่าไม้ ของอำเภอบา้ นแพง ได้แก่ อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูลังกา เปน็ ภเู ขา ทับซอ้ นกนั 3 ลกู ทอดยาวตามแนวทิศเหนอื กับทิศใตแ้ ละสลับดว้ ยเทอื กเขาขนาดเล็ก หลายลกู สลบั ซับซ้อนกัน พรอ้ มทงั้ ทอดยาวตามลำน้ำโขง เทอื กเขาเหล่าน้เี ป็นต้นกำเนิด ของลำห้วยหลายสายในพืน้ ที่รอบๆ เขตอุทยานแห่งชาตภิ ูลังกา ภลู ังกาเปน็ ต้นกำเนิด ของหว้ ยตา่ งๆ หลายสาย เช่น หว้ ยลังกา หว้ ยแล้ง หว้ ยทราย ห้วยพะธาย ห้วยขาม และหว้ ยทรายใต้ เป็นตน้ ใหช้ าวบ้านทำเกษตรกรรมและไหลลงสแู่ ม่นำ้ โขงท่อี ำเภอ บา้ นแพง จงั หวดั นครพนม อกี ทงั้ เกิดเป็นสถานท่ีท่องเทยี่ วทีส่ ำคญั ไดแ้ ก่
1. นำ้ ตกตาดขาม 2. น้ำตกตาดโพธ์ิ 3. ถ้ำนาคี 4. เจดียก์ องข้าวศรีบญุ เนาว์ 5. ถำ้ อาจารยว์ ัง 6. หนองเครอื เขา นอกจากน้อี ำเภอบ้านแพงพบทรายในแมน่ ้ำโขงมสี ารจำพวกแร่กลีบหินปูนอยู่ มีทรายบริสุทธ์แิ ถบอำเภอบา้ นแพง ทรายจากแม่น้ำโขงมีดนิ เหนียวและเกลือผสมอยู่ เกิดเป็นทา่ ทราย 3-4 แห่ง ในบริเวณอำเภอบ้านแพง 4. วัฒนธรรมและความเชอื่ ด้านวถิ ชี วี ิต และความเปน็ อยขู่ องชาว อำเภอบา้ นแพงน้นั มีความ เป็นอย่ทู เ่ี รียบง่าย รักสงบ มคี วามสามคั คี มนี ำ้ ใจและ ชอบเข้าวดั ทำบญุ บรเิ วณ อำเภอบ้านแพงเหมาะแก่การ ตง้ั ถ่นิ ฐานเปน็ อำเภอขนาดเล็ก และหา่ งไกลจากจังหวดั นครพนมมากท่ีสุด แตเ่ ปน็ อำเภอบ้านแพง อำเภอหน่งึ ในจงั หวัดนครพนม ทม่ี ีความอดุ ม สมบรู ณท์ างดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ และยงั มแี หลง่ ทอ่ งเท่ียวสมั ผัสธรรมชาติ รมิ แมน่ ำ้ โขง การทำประมง ลมุ่ นำ้ โขงในดา้ นของอาชพี ท่ีมเี ศรษฐกิจทดี่ ี ซึ่งรายได้สว่ นใหญม่ าจาก การเกษตร อกี ทง้ั เป็นแหล่งปลกู ยาสูบท่ีมมี าตงั้ แต่สมัยบรรพบุรษุ ปจั จุบนั ใบยาสูบยงั เป็น พชื เศรษฐกจิ ของชาวอำเภอบา้ นแพง นยิ มปลกู สายพันธุเ์ ตอร์กิซและพันธุเ์ วอร์ยิเนยี เม่อื หมดฤดูกาลก็จะปลูกมะเขอื เทศ อ้อย พรกิ ฯลฯ เปน็ ตน้ หมุนเวยี นกนั ทงั้ ปี วิถีชุมชน ท่มี ีความหลากหลายทางเชอื้ ชาติ ศิลปหัตถกรรมพ้ืนบา้ นทีย่ ังยึดถือขนบธรรมเนยี ม ประเพณีสืบทอดกันมาตง้ั แต่โบราณ ประชากรชาวไทยอ้ มกั จะอาศยั อยกู่ ระจายทั่วไป ในแถบภาคอสี านเหนอื เฉพาะพ้ืนท่ที ่มี ีชาวไทย้ออาศยั อยู่อย่างหนาแนน่ ไดแ้ ก่ อำเภอบ้านแพง อำเภอทา่ อุเทน อำเภอศรีสงคราม ซ่งึ เป็นอำเภอทใี่ กลเ้ คยี งกัน ชาวไทยอ้ ชอบตง้ั ถ่นิ ฐานอยู่ใกลแ้ มน่ ำ้ ซ่ึงชอ่ื เมืองชาวไท เชน่ ท่าลาด นาเขทา่ หัวหาด หาดแพง เป็นตน้ ลกั ษณะบา้ นเรอื นของชาว ไทย้อ คลา้ ยกบั บา้ นเรือน ของชาวไทยลาวทั่วไป คอื ตัวเรอื นเป็นเรอื นใตถ้ ุนสูง มีชายคาทเี่ รยี กว่า เซยี มีชานติดกับ
ครวั มเี ล้าข้าวอยทู่ างดา้ นหลงั บ้าน ถา้ เปน็ บ้านของชาวไรช่ าวนาท่วั ไป กจ็ ะมงุ ด้วยหญ้า แฝก ฝาผนังเป็นฟากสับสานลานสอง แตบ่ ้านท่มี ฐี านะดกี จ็ ะมุงดว้ ยกระเบื้องเกร็ดหรือ สงั กะสี และเปลี่ยนฝาผนังเป็นไมก้ ระดาน ซงึ่ มีให้เห็นในปจั จบุ ัน ชาวญ้อ นิยมสรา้ ง บ้านเรอื นอยกู่ นั เปน็ กลุ่มสงั คมยอ่ ยในวงศญ์ าติพ่ีน้องของตน และเม่ือมีจำนวนมากข้นึ ก็ กลายเปน็ หมบู่ า้ น หรือทเ่ี รยี กวา่ “คุ้ม” และมวี ดั ประจำคมุ้ หรือวัดประจำหม่บู ้านของพวก ตน 4.1 ด้านวถิ ีชวี ิตและความเปน็ อยู่ ชาวไทย้อมีการตัง้ ถนิ่ ฐานอยู่ ใกล้แมน่ ้ำ เช่น แมน่ ้ำโขง แม่นำ้ สงคราม ภมู ิ ปัญญาของชาวญอ้ ท่เี ป็นเอกลักษณ์สำหรับใน เรอื่ งอาหารการกนิ ทข่ี น้ึ ช่อื ของหมู่บ้านน้ี อีกทั้ง ยังได้รบั วฒั นธรรมหลายเชอ้ื ชาติ ไดแ้ ก่ ลาว ญวณ จีน อาหารท่นี า่ สนใจในอำเภอบา้ นแพง คือ เชน่ คอื การทำปลาร้า ปลาสม้ ขาหมูยัดไส้ ของชาวญวณเลาะกระดูก ให้เหลอื เท้ากับหนงั หมู ใส่หมสู ับ เห็ดหอม หูหมู ซอย มนั หมู และพริกไทดำ ยัดส่วนผสมเข้าไปในขาหมทู ่เี ลาะและคว้านเอากระดกู เอน็ และเนอ้ื ออก เย็บปิดดา้ นบนด้วยดา้ ย แล้วน่ึงอีก 12 ชั่วโมง อกี ทง้ั แหนมหมูทีม่ กี รรมวิธี หมกั เนื้อหมูสับ หนงั หมู กระเทียม เคร่ืองปรุงรสหอ่ ดว้ ยใบตอง ทง้ิ ไว้ 2-3 วัน เพอื่ ใหม้ รี สเปรี้ยว และขนมที่รจู้ ัก กนั ดกี ค็ ือ ขนมเทยี นแกว้ ทำจากแปง้ มัน สำปะหลัง ไส้ถั่วเขียวซกี ตามด้วยเคร่ืองปรงุ รส นำ้ ตาลทราย พริกไทยปน่ เกลอื ปน่ แล้วผดั ใหเ้ ข้ากัน กวนแป้งจากนน้ั นำมาห่อไส้ และหอ่ ใบตองแลว้ นำมานึ่ง 4.2 ด้านประเพณีท้องถน่ิ ทส่ี ำคญั มปี ระเพณที ีน่ า่ สนใจ ไดแ้ ก่ ประเพณีแพเซ้ิงลอยกระทง ประเพณบี ุญบงั้ ไฟพญานาค และประเพณงี าน ไหวศ้ าลเจ้าพอ่ คำแดง 4.3 ดา้ นภาษา ชาวอำเภอบา้ นแพงมเี ช้ือชาติพนั ธุ์ย้อ ไทยอ้ ญ้อ เปน็ ประชากรกลมุ่ ใหญ่ กลมุ่ หน่ึงในจังหวัดนครพนม มภี าษาพูดเหมอื นภาษาไทยลาว ถ่ินฐานเดิมของไทญ้อ อย่ทู ี่ เมอื งหงสา แขวงไชยบรุ ี ของประเทศลาวหรือลา้ นชา้ งของไทยสมยั กอ่ นชาวญอ้ มภี าษาพูด
ตรงทฐ่ี านเสยี งอกั ษรสูง และเสยี ง จัตวา จะเน้นหนักในลำคอ นำ้ เสียงสูง ออ่ นหวาน ฐานเสียง สระ เอือ ใอ ประโยคว่า อย่ทู างได เป็น อย่ทู างเลอ เจ้าสิ ไปไส เป็น เจา้ นะไปกะเลอ เป็น ตน้ อดตี เคยใชอ้ ักษรธรรม หรืออกั ษรไทยน้อย เชน่ เดยี วกบั ชาวอีสาน แตป่ ัจจุบันใช้ อกั ษรไทยทัง้ สิ้น 4.4 ด้านการละเล่น มีการละเลน่ ทน่ี ่าสนใจ ได้แก่ การละเล่นพน้ื เมอื ง เซิ้ง เป็นการรำแบบชาวอสี าน ตามจังหวะ จะเปน็ บทเพลงท่มี ี จงั หวะเร็ว และการรำไทญ้อ รำพ้ืนบ้านชาวอสี าน เปน็ ตน้ จดั ในชว่ งเทศกาลวันสำคัญต่าง ๆ 4.5 ดา้ นความเช่ือ ชาวอำเภอบา้ นแพงจะมีงานประจำปี ได้แก่ งานไหวศ้ าลเจ้าพอ่ คำแดง ซึ่งเปน็ สงิ่ ศักดสิ์ ทิ ธิป์ ระจำหมู่บา้ นเช่ือว่าจะปกป้องคุ้มครอง ไมใ่ หม้ ภี ยั อันตราย การเกษตร อุดมสมบรู ณม์ คี วามอยดู่ ีกินดีใครได้รบั ความเดือดร้อน จะบนบานศาลกลา่ วขอความ ช่วยเหลือไดด้ ่ังใจที่ตอ้ งการ จัดในชว่ งเดอื นธันวาคมของทุกปี บุญบง้ั ไฟพญานาคเปน็ ปรากฏการณ์ ธรรมชาตทิ ่ีจะเกิดขนึ้ ทุกวนั ขึ้น 15 ค่ำ เดอื น 11 ของทุกปี ตรงกบั วนั ออกพรรษา จะมลี กู ไฟผุดข้นึ จากนำ้ ข้นึ ส่ทู ้องฟา้ ตามตำนานเชอื่ ว่าเปน็ เรื่องราว ของพญานาค ท่ีอยู่ในเมอื งบาดาลมนี ิสัยดุรา้ ยแต่เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ มาโปรดสัตว์ เกิด ความเล่อื มใสในพทุ ธศาสนาและอยากออกบวชแตเ่ ป็นสตั ว์ออกบวชไมไ่ ด้ เมื่อพระพุทธเจ้า เสด็จขนึ้ ไปท่ีสวรรคช์ ัน้ ดาวดงึ ส์ จนครบ 1 พรรษา กลับโลกมนษุ ย์ ในวันขน้ึ 15 คำ่ เดอื น 11 พญานาคทอ่ี ยเู่ มอื งบาดาล จึงไดจ้ ดั ทำ “บง้ั ไฟพญานาค” เพ่อื จดุ เฉลมิ ฉลอง และได้กลายมาเปน็ ประเพณี จนทกุ วนั น้ีความเชือ่ ในพระพทุ ธศาสนา
นับถอื และเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนา อย่างเคร่งครัด นิยมสรา้ งวัดประจำ หมู่บ้าน และพระธาตุต่าง ๆ เพอื่ ใช้ เป็นสถานทศี่ กึ ษา หาความรแู้ ละ ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา เพราะมคี วามเชอื่ เก่ยี วกับกฎแหง่ กรรมวา่ การทำบุญจะนำไปสสู่ วรรค์ ความเชอ่ื เร่ืองผี ชาวอำเภอบา้ นแพง จะมีศาลเจา้ พอ่ คำแดง ซง่ึ เป็นศาล ประจำหมูบ่ ้าน เพอื่ ทำพิธีกรรมขอพชื ผลทางการเกษตรอดุ มสมบูรณ์ จัดขึน้ ปีละ 2 ครั้ง คอื เดือนมิถุนายน ชว่ งฤดูทำนา และเดอื นมกราคมฤดเู กบ็ เก่ียวขา้ วของทุกปี อีกท้งั ยังมี ความเชื่อว่าปกปักรักษาชาวอำเภอบา้ นแพงใหอ้ ยูด่ ีมีความสขุ ตลอดมา นอกจากความน่าสนใจทก่ี ล่าวมาข้างต้น อำเภอบ้านแพงยังมีการตง้ั ชื่อ ตำบลและหม่บู ้านทนี่ า่ ศกึ ษา ในบทตอ่ ไปจะขอกล่าวถึงภมู นิ ามของแต่ละตำบล โดยแบ่ง ตามประเภทของภมู ินาม เพือ่ ให้เหน็ ลกั ษณะเดน่ ของการตัง้ ชอ่ื ดังกล่าว 5. ภมู ินามของอำเภอบา้ นแพง 5.1 ภมู นิ ามท่ีตง้ั ชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและต้ังช่ือตามพืชพนั ธุไ์ ม้ เชน่ บา้ นดอนตว้ิ บา้ นนายาง บา้ นดอนบาก บ้านดอนสะฝาง 5.2 ภูมนิ ามทต่ี ้ังชือ่ ตามลกั ษณะภมู ิประเทศ เชน่ บ้านท่าลาด บา้ นหวั หาด บ้านโนนสูง 5.3 ภมู นิ ามทต่ี ้ังชื่อตามพชื พันธ์ุไม้และตั้งช่อื ตามอาณาเขตของสถานที่ เชน่ บ้านแพงใต้ บ้านแพงเหนอื บ้านแพงกลาง 5.4 ภมู ินามทตี่ ั้งชื่อตามพืชพันธุ์ไมแ้ ละตั้งชื่อตามลักษณะพ้นื ที่และ สภาพแวดล้อม เช่น บา้ นม่วงชี บ้านไผล่ ้อม บา้ นนาโพธิ์ 5.5 ภูมินามทตี่ ั้งชอ่ื ตามพชื พนั ธุ์ไมแ้ ละตั้งชอื่ เพอื่ ความเป็นสิริมงคล เช่น บ้านพชื มงคล บ้านรม่ โพธ์ิทอง 5.6 ภูมนิ ามที่ตั้งช่ือตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและต้งั ชอ่ื ตามเสยี งทผ่ี ิดเพ้ียนไป เชน่ บา้ นเนนิ คนงึ บ้านโคกสวาท บ้านโคกพะธาย 5.7 ภูมินามทีต่ ้งั ชอ่ื ตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ตั้งช่ือตามสัตว์ท่มี ีความเกี่ยวขอ้ ง และตงั้ ช่ือตามอาณาเขตของสถานท่ี เชน่ บา้ นนางวั เหนอื บา้ นนางัวกลาง บา้ นนางวั ใต้
5.8 ภูมนิ ามท่ีตัง้ ชอ่ื ตามเหตุการณข์ ณะแรกตง้ั หมบู่ า้ น เชน่ บา้ นโพนทอง บ้านชัยชนะ 5.9 ภูมินามท่ตี ัง้ ชอื่ ตามชื่อสัตวท์ ม่ี คี วามเกีย่ วขอ้ งและตั้งช่อื ตามตามคำบอกเลา่ ตำนาน นทิ าน เช่น บ้านคำนกกก บ้านนากระแต้ 5.10 ภูมนิ ามที่ตั้งช่ือตามพชื พนั ธุไ์ ม้ เชน่ บ้านพชื ผล บ้านโพธ์ิไทร 5.11 ภูมนิ ามทต่ี ั้งชอ่ื ตามลักษณะภูมปิ ระเทศและตั้งชอ่ื ตามอาณาเขตของสถานที่ เชน่ บา้ นโคกยาว บา้ นบงึ ใต้ 5.12 ภมู นิ ามทต่ี ้ังชอ่ื ตามลักษณะภูมิประเทศและตงั้ ช่ือตามสัตวท์ ี่มคี วาม เกีย่ วข้อง เช่น บา้ นนางัว บ้านนางวั ทุ่ง 5.13 ภูมนิ ามท่ีตั้งชื่อตามลักษณะภูมิประเทศและต้ังชอ่ื ตามความเช่ือเพื่อ เปน็ สริ มิ งคล เชน่ บา้ นคำเจรญิ บา้ นโนนสมบรู ณ์ 5.14 ภูมนิ ามทต่ี ั้งชื่อตามลักษณะพ้นื ทีแ่ ละสภาพแวดล้อมและตัง้ ชื่อตามความเชอื่ เพื่อเป็นสิริมงคล เช่น บ้านนาดีหัวภู บ้านทุ่งสวา่ ง 5.15 ภมู นิ ามทต่ี ัง้ ชื่อตามลักษณะภูมิประเทศตั้งช่อื ตามพชื พนั ธุ์ไมแ้ ละตง้ั ชอ่ื ตาม อาณาเขตของสถานที่ เชน่ บา้ นนาเขเหนือ บ้านนาเขน้อย 5.16 ภูมนิ ามที่ตั้งช่ือตามลักษณะภูมปิ ระเทศต้ังชอื่ ตามพืชพันธไุ์ มแ้ ละตง้ั ชื่อตาม สถานท่ีก่อตงั้ เชน่ บ้านแพงวิทยา 5.17 ภูมินามที่ตง้ั ชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ิประเทศและตั้งชื่อตามเหตกุ ารณข์ ณะแรกตั้ง หมู่บ้าน เชน่ บา้ นโคกสายทอง 5.18 ภมู นิ ามทต่ี ง้ั ชือ่ ตามภมู ิประเทศและต้งั ช่อื ตามประวตั ศิ าสตร์ท้องถ่นิ เช่น บา้ นดอนแพง 5.19 ภมู ินามทต่ี ั้งชื่อตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและต้งั ชอ่ื ตามบคุ คลสำคญั เชน่ บ้านนาพระชยั 5.20 ภมู นิ ามที่ตั้งชอื่ ตามลักษณะภมู ิประเทศและตั้งชื่อตามคำบอกเลา่ ตำนาน นทิ าน เชน่ บ้านโนนสถิตย์
5.21 ภมู นิ ามทต่ี ง้ั ชื่อตามบคุ คลสำคัญ เชน่ บา้ นไชยศรี 5.22 ภมู ินามที่ตัง้ ชอ่ื ตามลักษณะการประกอบอาชพี เชน่ บ้านนาเรยี ง 5.23 ภมู นิ ามที่ต้งั ชอื่ ตามลักษณะการประกอบอาชพี และตัง้ ชือ่ ตามความเชอ่ื เพอ่ื เปน็ สริ มิ งคล เชน่ บา้ นทุ่งเจริญ 5.24 ภมู ินามที่ตงั้ ชื่อตามอาณาเขตของสถานทีแ่ ละตงั้ ชือ่ ตามบคุ ลสำคัญ เชน่ บ้านน้อยทองคำ 5.25 ภูมินามที่ตง้ั ชอ่ื ตามชอ่ื สตั ว์ทมี่ ีความเกี่ยวขอ้ งต้งั ช่อื ตามคำบอกเล่า ตำนาน นิทาน และตงั้ ช่ือตามอาณาเขตของสถานที่ เช่น บา้ นคำนกกกเหนือ จะเหน็ ไดว้ ่าอำเภอบ้านแพง มภี มู ินามหรือการตั้งช่อื ตำบล ซงึ่ เราจะได้ศกึ ษา ภูมนิ าม ของหมบู่ า้ นในอำเภอบ้านแพง และซ่งึ เนื้อหาของบทเรียนจะแบ่งออกเป็น 6 ตำบล ซ่งึ จะกล่าวในบทต่อ ๆ ไป ดงั นี้
กจิ กรรมท้ายบทท่ี 1 1. กิจกรรมคำถามท้ายบท คำช้แี จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี 1. อำเภอบ้านแพงมจี ำนวนกีต่ ำบล ช่อื ตำบลอะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เพราะเหตใุ ด ชาวบ้านจึงต้งั ชือ่ วา่ “อำเภอบา้ นแพง” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. อำเภอบ้านแพงมีความเก่ยี วข้องกับประวตั ศิ าสตร์ท้องถ่นิ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จากบทเพลง “ถนิ่ บา้ นแพง” ไดก้ ล่าวถึงสถานทีใ่ ดบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..………………………… 5. ในฐานะท่ีนักเรียนเป็นชาวอำเภอบ้านแพง มีความรู้สึกภาคภมู ใิ จในอำเภอตนเองอย่างไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กจิ กรรมทา้ ยบท 1. ใหน้ กั เรยี นสืบคน้ สถานทท่ี อ่ งเที่ยวที่นา่ สนใจของอำเภอบา้ นแพงแลว้ นำมาเลา่ ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หน้าชนั้ เรียน
บทที่ 2 ภูมินามตำบลบา้ นแพง ตำบลบ้านแพงมีหมบู่ า้ นทม่ี คี วามสำคญั เกยี่ วกบั เรือ่ ง ภูมินามของอำเภอบ้านแพง จำนวนมากและตำบลบ้านแพงน้เี ปน็ ชอื่ เดียวกนั กับอำเภอบ้านแพง ซ่ึงตำบลบ้านแพง มี 12 หมบู่ ้าน ไดจ้ ำแนกประเภทภูมินามจำนวน 6 ประเภท ได้แก่ ภูมินามท่ตี ้ังชอ่ื ตามพชื พนั ธ์ุไมแ้ ละอาณาเขตของสถานท่ี ภมู ินามท่ีตง้ั ชอ่ื ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและพชื พนั ธุ์ไม้ ภูมินามท่ีตง้ั ช่อื ตามลกั ษณะภูมิประเทศ และตามเสยี งของคำเดิมท่ผี ิดเพย้ี นไป ภมู นิ าม ทตี่ ้งั ช่อื ตามพืชพันธุ์ไม้และชื่อสถานท่กี อ่ ตง้ั ภูมนิ ามทต่ี ้งั ชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศพน้ื ท่ี และสภาพแวดล้อม ภูมินามท่ีตง้ั ช่ือตามลักษณะพ้ืนที่ และสภาพแวดล้อมและพชื พนั ธุไ์ ม้ ภูมนิ ามที่ตั้งชื่อตามลักษณะภมู ิประเทศ ภมู ินามทีต่ ง้ั ชอ่ื ตามลกั ษณะ ภูมิประเทศและ อาณาเขตของสถานที่ ซ่งึ จะขอกล่าวถงึ รายละเอยี ด ดังนี้ 1. ภมู นิ ามทีต่ ง้ั ช่ือตามพืชพันธ์ุไมแ้ ละอาณาเขตของสถานท่ี ในตำบลบา้ นแพง มหี มู่บา้ นท่ตี ง้ั ชื่อหมู่บ้านตามพนั ธุ์ไม้ต่าง ๆ และอาณาเขตของสถานท่ี 4 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ บ้านแพงใต้ บ้านแพงกลาง บ้านแพงเหนอื และบ้านแพงกลางใต้ 1.1 บ้านแพงใต้ หมบู่ า้ นนี้มีอยู่ 2 หมดู่ ้วยกันคอื หม่ทู ่ี 1 คอื บา้ นแพงใต้ ชาวบ้านได้อพยพ ถนิ่ ฐานออกมาจากบา้ นแพง กลางใต้ เนือ่ งจากการขยาย ประชากรและหาแหลง่ ทด่ี นิ ทำกินการเกษตร ได้แก่ ทำนา ปลูกมะเขอื เทศ ปลกู ใบยาสบู เปน็ ส่วนมาก หมู่บา้ นแห่งน้ี มวี ัดโพธิ์ศรี หรอื วดั โพธ์ิศรีบา้ นแพงใต้ เป็นวดั ประจำหมูบ่ ้าน สรา้ งข้ึน
เม่ือ พ.ศ. 2409 สิง่ กอ่ สร้างทีเ่ ปน็ โบราณสถานสำคัญคอื กุฏทิ สี่ รา้ งในปี พ.ศ. 2460 สมัยพระสมิ มา เจ้าอาวาสรูปแรก ไดร้ บั อิทธพิ ลศลิ ปะตะวนั ตกแบบโคโรเนยี ล มแี นวคิด และการก่อสร้างจากชา่ งญวณในรุ่นปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 2 ส่วนบริเวณหมู่ที่ 11 บ้านแพงใต้นี้ได้แยกออกจากบ้านแพงกลาง สภาพพื้นท่ี ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ซึ่งเหมาะแก่การทำการเกษตร ชาวบ้านส่วนใหญ่ มีอาชีพ ทำการเกษตร เช่น ทำนา ทำไร่ยาสูบ ไร่มะเขือเทศ และไร่ข้าวโพดหวาน อีกทั้งยังมี สถานใี บยาบ้านแพงตั้งอยูใ่ นบริเวณหมู่บ้าน และมีงานประจำปีเดอื นมิถนุ ายนช่วงฤดูทำนา และเดือนมกราคม ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว คือ งานไหว้ศาลสองนางพี่น้อง เชื่อว่า จะปกป้อง คุ้มครองไม่ให้มีภยั พืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ สาเหตุของการต้ังช่ือว่าบ้านแพงใต้
เน่อื งจากบรเิ วณท่ีต้ังของหมบู่ ้านมีตน้ แพง ข้นึ อยเู่ ปน็ จำนวนมากซึ่งหมู่บ้านอยู่ทางทิศใต้ ของตำบลบ้านแพง ชาวบ้านจึงเรียกหมบู่ ้านนีว้ า่ “บา้ นแพงใต้” 1.2 แพงกลาง หมู่ที่ 2 บ้านแพงกลางน้นั ไดก้ อ่ ตงั้ มาประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว พืน้ ท่ดี ินในอดีต เปน็ ดินทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์เต็มไปด้วยแรธ่ าตทุ างธรรมชาติ สภาพปา่ ไม้ ในสมัยก่อนเตม็ ไปด้วยปา่ ไมน้ อ้ ยใหญ่ โดยมีผ้ใู หญบ่ ้านคนแรก คือ นายวสิ ม ภาสอน เมอ่ื ชาวบ้านตอ้ งการสร้างโรงพยาบาล จึงต้องถากถางป่า เพื่อปรับปรุงบรเิ วณน้ี
เพอื่ สรา้ งและพัฒนาปลกู บา้ นตง้ั ถน่ิ ฐานของผทู้ ่อี พยพมา ปจั จุบนั บริเวณน้ี ตง้ั อยู่ใจกลางเทศบาล ตำบลบ้านแพง ซงึ่ เปน็ ทางยาว ตั้งแตท่ ิศตะวนั ออกไปจนถงึ ทิศ ตะวนั ตก ขนาบขา้ ง 2 ดา้ น ตดิ กบั หมทู่ ่ี 13 บ้านแพงกลาง เปน็ ทีต่ ้งั โรงพยาบาลบา้ นแพง และวทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นแพง บริเวณตลาดสดเทศบาลบา้ นแพง มโี บราณสถานคอื วัดสิงห์ทอง ทเ่ี ปน็ วัดประจำ หมู่บา้ น แตเ่ ดมิ นัน้ เป็นชมุ ชนท่ีมีพ้ืนที่กว้างขวางมาก เปน็ หมบู่ ้านที่หลายชนเผา่ มาอาศยั และเป็นศนู ยก์ ลาง การคา้ ขายของชาวไทย ลาว จนี และญวณ มาจนถึง ปจั จุบัน ชาวบา้ น จึงเรียกช่ือหม่บู ้านนีว้ ่า “บ้านแพงกลาง” 1.3 บ้านแพงเหนอื เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2405 กอ่ นสถาปนารัตนโกสนิ ทรร์ าว ๆ 20 กว่าปี ชาวบา้ นต้นตระกลู เปน็ ชาวเผ่าญอ้ จากเมืองหงษา แขวงไชยบรุ ี ประเทศลาว ล่องแพมา ตามลุ่มแม่น้ำโขงปัจจุบันบา้ นแพงเหนือหมู่ท่ี 3 ต้ังอยู่บรเิ วณทศิ เหนือของหม่บู ้าน ตำบลบา้ นแพง ซ่ึงมกี ารขยายครวั เรอื นของชาวบา้ นแยกออกมา เพือ่ ทำมาหากนิ และสร้าง
บ้านเรอื นมากขึน้ จึงตง้ั ช่อื ตามทิศทางของหมู่บ้านวา่ “บา้ นแพงเหนือ” ชาวบา้ นส่วน ใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกร เหมือนหม่บู า้ นใกลเ้ คียงและเปน็ ถนนท่ีมที ำเลเศรษฐกิจการ คา้ ขายที่ดแี ห่งหนง่ึ ของตำบลบา้ นแพง 1.2แพงกลางใต้ บ้านแพงกลางใต้ หมู่ที่ 10 เป็นหมบู่ ้านขนาดเล็ก ได้แยกหมู่บ้านออกมา จากบ้านแพงเหนือเม่อื ประมาณ ปี พ.ศ.2504 ความเกา่ แกข่ องชมุ ชนยาวนานกว่า 51 ปี การประกอบอาชพี ส่วนใหญข่ องหมบู่ ้านนี้คือการทำการเกษตร ไดแ้ กท่ ำนา ปลกู ยาสูบ ขา้ วโพด มะเขอื เทศ เป็นตน้ ประชาชนสว่ นใหญน่ บั ถือศาสนา พุทธ รักสงบ มีชวี ติ ความเป็นอยู่ ท่เี รียบง่าย มวี ัดกลาง เป็นวัด ประจำหมูบ่ ้าน มีบ้านเรอื น ทตี่ ้งั อยูใ่ นบริเวณเดียวกัน เปน็ กล่มุ ยอ่ ยภายในหม่บู า้ นเรียก เป็นช่ือคุ้มตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ คุ้มชุมชน สัมพันธ์ คุ้มอยู่ดมี ีสุข คมุ้ ประชารวมใจ ค้มุ เกษตรพอเพียง คุม้ รว่ มใจสามัคคี คมุ้ ไทย เขม้ แข็ง และคมุ้ สามคั คีธรรม เป็นตน้ สาเหตุแหง่ การตั้งชอ่ื บา้ นแพงกลางใต้
นัน้ มาจากบรเิ วณทต่ี ้ังหม่บู ้านเคยเป็นดงตน้ แพงมากอ่ น และอาณาเขตของหม่บู า้ นต้ังอยู่ ระหวา่ งหมบู่ า้ นแพงกลางและหมบู่ า้ นแพงใต้ จะสังเกตเหน็ ไดว้ า่ คำแรกช่อื หมู่บา้ นในกลุ่มน้ี บอกสภาพภูมศิ าสตร์ ว่าเป็นพืชพันธุ์ไม้ คือ ต้นแพง ครอบคลุมพื้นที่และมีอยู่มากในบริเวณนี้ คำหลังบอกถึง อาณาเขตของตำบลนเ้ี ป็นที่สังเกตได้ เนือ่ งจากเป็นหมู่บ้านที่ขยายตัวจากหมู่บ้านเดิมและ ใช้คำขยายให้ทราบว่ามาจากหมู่บ้านใด ทิศทางใด คือ ใต้ กลาง เหนือ กลางใต้ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึง การขยายพื้นที่ทำกินเพราะในหมู่บ้านเดิม หรือชุมชนเก่ามีประชากร เพิ่มขึ้น ที่นา เสื่อมคุณภาพลงหรือการประกอบอาชีพฝืดเคือง ความอุดมสมบูรณ์ของ แหล่งน้ำธรรมชาติลดลง คนในหมู่บ้านกจ็ ะหาพื้นที่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ ออกไปหาพื้นท่ที ำ มาหากินมากขึ้น เพื่อเร่ิมต้งั บา้ นเรอื นเกดิ เปน็ ชุมชนใหม่ 2. ภูมนิ ามท่ตี ั้งชือ่ ตามลกั ษณะภมู ิประเทศ ในตำบลบ้านแพง มหี มบู่ ้านที่ตั้งชอ่ื หม่บู ้านตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ 3 หมูบ่ า้ น ไดแ้ ก่ บา้ นทา่ ลาด บา้ นท่าลาดทงุ่ และบ้านหัวหาด 2.1บ้านท่าลาด เดมิ ชื่อหมูบ่ า้ น เปือยจกิ ก่อตั้งเมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. 2408 โดยมีพอ่ เฒา่ ก่ำและแม่เฒ่าจนั แดง เข้ามาต้ังถน่ิ ฐานเป็นครอบครัวแรกได้อพยพมาจากบ้านนาน้ำ ประเทศลาว เขตชายแดนฝั่งโขง ตรงกันข้ามกบั หมูบ่ า้ นทา่ ลาด เวลาต่อมา พ่อเฒา่ อุ่น แม่เฒ่า คำพอ่ เฒา่ หลง แม่เฒ่านวล ชาวบ้านต่างกนั อพยพมาสรา้ ง บา้ นเรือน พอ่ เฒ่าอนุ่ ก่ำเสรฐิ เป็นผู้ใหญ่บา้ นคนแรก โดยมที า่ นขนุ ภาโสม เป็นกำนัน ในสมัยนัน้ ปกครอง ทัง้ 3 ตำบล คอื ตำบลบา้ นแพง ตำบลหนองแวง และตำบลนาทม สภาพพื้นทขี่ องหมูบ่ ้าน ทอดยาวไปตามลำแม่นำ้ โขง ดินดีอุดมสมบรู ณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก
แต่เมื่อถงึ ฤดูน้ำหลาก น้ำโขงทว่ มลำหว้ ยลงั กา ทำใหพ้ ื้นทก่ี ารเกษตรได้รบั ความเสยี หาย เพราะมพี ื้นที่ลาดตำ่ ชาวบ้านไดเ้ ลา่ ว่าสมยั ก่อน นำววั ควายลงไปกินนำ้ ที่แมน่ ำ้ โขงทกุ ๆ วนั ทำให้ถนนหนทางเละเทะ เป็นทางทม่ี แี ตโ่ คลนตม อยตู่ ดิ รมิ ฝั่งแม่นำ้ โขง จึงเรียกสถานทท่ี ่ีเปน็ ทางลงไปแมน่ ้ำโขงว่า ทา่ อีกทง้ั ทางลงไป ยังชายฝงั่ แม่น้ำโขง เป็นทางลาดชนั จึงเป็นท่ีมาการตั้งช่ือของหมบู่ ้านวา่ “บ้านทา่ ลาด” 2.2 บา้ นทา่ ลาดทุ่ง ในอดีตมชี าวบา้ นจากบ้านท่าลาด ได้อพยพถิน่ ฐานมตี ัง้ บา้ นเรอื นในพ้นื ที่ วา่ งเปล่าแหง่ น้ี ทำมาหากินในหมบู่ ้านนเี้ พราะมีพื้นทกี่ ว้างขวาง สว่ นใหญช่ าวบา้ นจะ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา เล้ยี งวัว เล้ยี งควายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากท่งุ นาที่เรียง สวยสองขา้ งทางชาวบ้านจึงได้ตง้ั ชื่อหมบู่ า้ นนวี้ ่า “บา้ นท่าลาดทุ่ง”
2.3 บา้ นหวั หาด เดมิ บรเิ วณนี้แหง่ นเี้ ปน็ ป่าที่รกมาก มหี นองน้ำล้อมรอบ ได้แก่ หนองจอก หนองหล่ม และหนองเครอื เขา ซง่ึ เป็นพืน้ ที่ทม่ี คี วามอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านได้อพยพมาจาก ทอ่ี ื่นและพ้นื ที่ใกลเ้ คยี ง ตา่ งชว่ ยกนั มาถากถาง เพ่ือใช้พืน้ ทีเ่ ป็นทีอ่ ยอู่ าศัยและแหลง่ ทำมา หากนิ เชน่ ทำนา ทำไร่ เดมิ หมูบ่ า้ นแหง่ น้ีช่ือวา่ บ้านหนองแข้ เพราะในอดีตมแี ข้ (จระเข้) อาศัยอยู่ในหนองนำ้ อยู่เป็นจำนวนมาก แตใ่ นหลายปีต่อมาจระเขเ้ ริ่มหายและตาย จากไปชาวบ้าน จึงได้เปลี่ยนช่อื ของ หมู่บ้านตน ตามลักษณะของภมู ิเทศ ทีเ่ ปน็ เกาะดอนเนินดินงอกใหมจ่ าก แมน่ ้ำโขงว่า “บ้านหวั หาด”
กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี 2 1. กจิ กรรมคำถามทา้ ยบท คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. อาชพี หลกั ของชาวอำเภอบ้านแพงส่วนใหญป่ ระกอบอาชพี อะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เพราะเหตใุ ด ชาวบา้ นจึงตั้งชือ่ หมบู่ ้านตามทศิ ทางอาณาเขตของสถานที่น้ัน ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ภมู นิ ามทต่ี งั้ ชือ่ ตามลักษณะภูมิเทศมีกี่หมู่บา้ น ชอื่ อะไรบา้ ง แต่ละหมู่บ้านมีลักษณะเป็น อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… กจิ กรรมทา้ ยบท 1. ให้นกั เรยี นศึกษานอกสถานที่ที่วัดโพธ์ศิ รี (วัดแพงใต้) แลว้ เขียนบรรยายความรสู้ ึกทไี่ ด้ ไปเย่ียมชม
บทที่ 3 ภมู ินามตำบลนางัว ภมู นิ ามของตำบลนางวั มีภมู นิ ามจำนวน 7 ประเภท ได้แก่ ภูมนิ ามทต่ี ั้งชื่อ ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศตั้งช่อื สัตวท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ งและต้งั ชือ่ ตามอาณาเขตของสถานท่ี ภูมนิ ามที่ต้งั ชื่อตามลักษณะ ภมู ปิ ระเทศและต้งั ชอื่ ตามสตั วท์ ม่ี ีความเก่ียวข้อง ภมู ินามทีต่ ้ัง ชื่อตามพืชพนั ธ์ุไมแ้ ละต้งั ชอ่ื ตามความเชื่อเพ่ือเปน็ สริ มิ งคล ภมู ินามทตี่ งั้ ชอ่ื ตามพชื พันธไุ์ ม้ และที่ตั้งชือ่ ตามลกั ษณะภมู ิประเทศ ภูมินามที่ต้งั ช่ือตามพชื พนั ธุไ์ ม้ ภูมินามที่ตั้งชื่อตาม ลกั ษณะการประกอบอาชพี และต้งั ช่อื ตามความเชอ่ื เพอ่ื เปน็ สิรมิ งคล ซ่ึงจะขอกลา่ วถึง รายละเอยี ด ดังนี้ 1. ภมู นิ ามท่ตี ้ังช่ือตามลักษณะภูมิประเทศตงั้ ชอ่ื ตามสัตว์ทีเ่ กยี่ วข้อง และตง้ั ชือ่ ตามอาณาเขตของสถานที่ ในตำบลนางัว มหี ม่บู า้ นทตี่ ั้งชือ่ ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศตง้ั ชือ่ ตามสตั ว์ ท่เี กีย่ วขอ้ งและต้ังชอื่ ตามอาณาเขตของสถานที่ 3 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ บ้านนางัวเหนอื บา้ นนางวั กลาง และบ้านนางวั ใต้ 1.1บา้ นนางัวเหนือ หม่ทู ี่ 1 บ้านนางวั เหนือ ไดแ้ ยกมาจากบ้านนางัว เม่อื ราว ๆ 100 กวา่ ปมี าแล้ว โดยมชี าวบ้าน อพยพมาหาทด่ี ินและแหลง่ ทำกนิ แหง่ ใหม่ ซ่ึงตั้งอยูท่ างทิศเหนอื ของบา้ นนางัว จึงคงชอื่ เดมิ ของ หมบู่ า้ นทย่ี ้ายมา ตัง้ ช่อื ตามอาณาเขต ทศิ ทางของหมู่บ้านโดยเรยี ก เป็นช่อื ใหม่วา่ “บ้านนางวั เหนือ” จนถึงปจั จบุ นั มีวัดมาลัยเหนือ เป็นวดั ประจำหมู่บ้าน
1.2บ้านนางวั กลาง นางวั กลาง มี 2 หม่บู ้าน ได้แก่ หม่ทู ่ี 2 และหมู่ท่ี 10 ไดแ้ ยก ออกมาจากบ้านนางวั เปน็ หมู่บา้ น ทอ่ี ยตู่ รงกลางระหว่างนางัวเหนือ และนางัวใต้ โดยชาวบ้าน ได้หาแหล่งท่ดี นิ ทำกิน และใช้ทำเลของพ้ืนทีห่ มบู่ า้ นน้ี ในการคา้ ขายผลผลติ ทางเกษตร ของชาวบ้านในหมู่บา้ น จึงเรียกว่า “บา้ นนางัวกลาง” บรเิ วณหมบู่ ้าน เปน็ สถานท่ีตัง้ ของโรงเรยี นบ้านนางัว ซ่ึงเป็นโรงเรียนขนาดเลก็ ประจำตำบล 1.3 บา้ นนางวั ใต้ หมูท่ ่ี 3 บ้านนางวั ใต้ ได้แยกมาจากบา้ นนางัว หมทู่ ี่ 2 ซึง่ อยทู่ างทศิ ใต้ ของหมู่บา้ นเดิม เปน็ บริเวณท่อี ดุ มสมบรู ณ์ ชาวบ้านอพยพครอบครัวและสัตวเ์ ลี้ยงต่าง ๆ เชน่ วัว ควาย ไวช้ ่วยทำ การเกษตรเพื่อหาทีอ่ ยู่อาศยั และทำการเกษตร มีสำนกั สงฆ์ วังยาง เปน็ วดั ประจำหมูบ่ า้ น เป็นทส่ี งั เกตได้วา่ ตำบลนางัว ไดแ้ ก่ บ้านนางัวเหนือ นางัวกลาง และนางัวใต้ ตั้งช่อื หมูบ่ า้ นตามลกั ษณะภูมิประเทศ ทม่ี ีท้องทงุ่ นาสีเขียวกว้างใหญ่ ในหมูบ่ า้ น ซ่งึ เปน็ บริเวณท่ตี ้ังของหมู่บ้านทีส่ งั เกตได้ชัดเจน ตั้งชื่อตามสตั ว์ทีเ่ กี่ยวข้อง และการต้ังช่ือตามอาณาเขตของสถานท่ีในหมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ คำว่า เหนอื กลาง ใต้ เนอ่ื งจากเปน็ หม่บู า้ นท่ีขยายตวั จากหมูบ่ า้ นเดมิ จึงคงชือ่ เดิมของหมู่บ้านไว้ และใชค้ ำขยายใหท้ ราบวา่ เปน็ หมูบ่ ้านที่แยกออกมาจากหมู่บา้ นใด เชน่ บา้ นนางัวเหนอื บา้ นนางัวกลาง และบา้ นนางัวใต้ เป็นตน้
2. ภูมินามทต่ี ้ังชอ่ื ตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและตั้งชือ่ ตามสัตว์ที่มีความ เกี่ยวขอ้ ง ในตำบลนางวั มีหมูบ่ ้านท่ตี ง้ั ชอ่ื ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและต้ังชอ่ื ตามสตั ว์ ท่มี คี วามเกยี่ วขอ้ ง 2 หมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ บ้านนางวั และบ้านนางัวทงุ่ 2.1 บ้านนางัว เมือ่ ประมาณปี พ.ศ. 2380 ชาวบา้ นไดอ้ พยพมาจาก บา้ นบงึ ดงบา้ นเก่า ในจังหวดั มหาสารคาม และอพยพมาจากประเทศลาว เป็นจำนวน 15 หลงั คาเรือน ผู้นำชุมชนเห็นว่าบรเิ วณนมี้ ที ำเล ที่ดี เหมาะแกก่ ารตั้งหลักแหล่ง ท่ีอยอู่ าศยั เพราะพื้นทเี่ ปน็ ท่ี ราบลมุ่ มีลำห้วยผ่านหลายสาย พน้ื ท่ตี ิดกบั ภูเขาลงั กาทำให้เกดิ ความอุดมสมบรู ณ์เตม็ ไปทว่ั ทงั้ หมูบ่ ้าน อกี ท้ังมที งุ่ หญ้ากวา้ งใหญ่ เหมาะแกก่ ารเลย้ี งสัตว์ วัว ควาย ได้จำนวนมาก ๆ พ้ืนที่สว่ น ใหญ่ทำนา ทำสวน ทำไร่ยาสูบ จึงต้งั ชอื่ หมู่บ้านสัน้ ๆ วา่ “บ้านนางวั ” จนถงึ ปัจจบุ นั 2.2 บา้ นนางวั ทุ่ง เดมิ บา้ นนางัวทุ่ง หมทู่ ี่ 10 ไดแ้ ยกหมบู่ า้ นออกมาจาก บา้ นนางัว เน่อื งจากมีทีน่ า กวา้ งใหญท่ ่ัวหมู่บ้าน ชาวบ้าน จงึ ไดม้ าตั้งถ่นิ ฐานเพอ่ื หาแหล่ง ทดี่ ินทำกนิ โดยจงู ววั และควาย มาด้วย ในสมัยก่อนไดใ้ ช้วัวควาย เป็นยานพาหนะและใชไ้ ถนา
ทำการเกษตรต่าง ๆ สาเหตกุ ารตั้งช่ือหมู่บา้ นนี้ คอื การนำช่อื ของหมู่บา้ นเดิมท่อี พยพ คงไว้และนำลักษณะภูมิประเทศที่รายลอ้ มด้วยทุง่ นาสีเขยี ว มาตั้งชือ่ หมู่บ้านใหม่ เปน็ “บา้ นนางัวทุง่ ” ลักษณะภมู ิประเทศบ่งบอกถึงลกั ษณะภูมิศาสตรข์ องสถานที่ตัง้ หมบู่ า้ นเชน่ คำว่า นา เพอ่ื ใช้เป็นเครอื่ งสังเกตและใหค้ วามหมายว่าสภาพทำเลท่ตี ัง้ ของหม่บู ้าน เป็นพ้ืนท่ที ำกิน เปน็ ตน้ และต้ังชอื่ ตามสตั ว์ทมี่ ีความเก่ียวข้อง ไดแ้ ก่ คำวา่ งัว เปน็ ภาษาอสี าน แปลว่า ววั บ่งบอกถึง หมบู่ ้านนน้ี ยิ มเลีย้ งสัตว์ เพือ่ ใชป้ ระกอบอาชพี ทางการเกษตร 3. ภมู นิ ามที่ตัง้ ชือ่ ตามพืชพนั ธุ์ไม้และตั้งชอ่ื ตามความเช่ือเพ่ือเป็นสิริมงคล ในตำบลนางัว มีหมู่บ้านทต่ี งั้ ชอ่ื ตามพืชพันธ์ไุ ม้และตง้ั ชื่อตามความเชื่อ เพอ่ื เปน็ สิริมงคลมี 2 หมูบ่ า้ น ได้แก่ บา้ นพืชมงคล และบ้านร่มโพธิท์ อง 3.1 บ้านพืชมงคล บ้านพชื มงคลเป็นหมบู่ า้ นเล็ก ๆ มจี ำนวนประชากรน้อยท่ีสุด ของตำบลนางัว มชี าวบา้ นประมาณ 100 หลงั คาเรอื น หมู่บ้านน้ีได้แยกออกจากบา้ น พืชผล ซง่ึ สาเหตกุ ารต้ังชื่อหมู่บ้านว่าพชื มงคล นั้นเนอื่ งจากการเกษตร ปลกู ข้าว พริก ใบยาสูบสวยงามและได้ผลผลติ ที่ดี ทำให้ชาวบา้ นมีรายได้เลยี้ งครอบครวั หมบู่ ้านน้ีจงึ มี ความเชื่อว่าบรเิ วณนี้ ปลูกพชื พันธทุ์ าง การเกษตรสวยงาม และไดร้ าคาดีถอื วา่ เปน็ มงคลต่อการประกอบ อาชพี ชาวบ้านจึงเรยี ก หม่บู ้านนวี้ ่า “บา้ นพืชมงคล” อีกทั้งยังมแี หล่งนำ้ ทส่ี ำคญั ได้แก่ หนองคัน และมีวัดพชื มงคลธรรมรกั ษ์เปน็ วดั ประจำหม่บู า้ น ซงึ่ เปน็ ศูนย์รวมจิตใจ ของหม่บู ้านพืชมงคล
3.2 บ้านร่มโพธิท์ อง ในสมัยก่อนราว ๆ 90 กวา่ ปที แี่ ลว้ ชาวบ้านทีอ่ พยพมาจากถิ่นฐานอืน่ ไดพ้ บเหน็ ต้นโพธิต์ ้นใหญ่ อยู่ในบริเวณวดั ศรีวชิ ัย ในปัจจบุ ัน และเป็นทีน่ บั ถือศรัทธา ของชาวบ้านตั้งแตบ่ รรพบรุ ุษของหมู่บา้ นนี้ จึงตัง้ ชอื่ เพือ่ เป็นสริ มิ งคลใหแ้ กผ่ ู้คนท่ีอาศัย ในหม่บู า้ น และเรียกหมูบ่ ้านนี้วา่ “บา้ นรม่ โพธท์ิ อง” จนถงึ ปัจจุบนั พันธไ์ุ มส้ ว่ นใหญใ่ นตำบลนางัว มักจะเป็นพืชเศรษฐกจิ เชน่ พรกิ มะเขอื เทศ ขา้ วโพด เป็นต้น จงึ นำมาต้งั เปน็ ชื่อหมู่บ้านต้ังแตด่ ้ังเดมิ อีกทง้ั หมูบ่ ้านสว่ นใหญ่น้ันจะ เปน็ หมูบ่ า้ นท่ีเกิดใหม่ มวี วิ ัฒนาการทางภาษามากขึน้ ทำใหร้ จู้ กั ทจี่ ะนำคำท่มี ีความไพเราะ และความหมายดีเป็นสิริมงคลแกห่ ม่บู ้าน ซ่งึ เปน็ ขอ้ สังเกตถงึ ความเชอ่ื อย่างหนงึ่ ของ ชาวบ้านว่าจะมชี ีวิตทด่ี ีอยู่แล้วร่มเยน็ มีความเจรญิ และมีความสขุ เชน่ บา้ นพืชมงคล บ้านร่มโพธิ์ทอง เปน็ ตน้ 4. ภมู ินามที่ตัง้ ช่ือตามลกั ษณะภมู ิประเทศและตงั้ ช่อื ตามพืชพันธไ์ุ ม้ ในตำบลนางัว มหี มู่บ้านที่ตั้งชือ่ ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและตง้ั ช่ือ ตามพชื พันธุ์ไม้ มี 2 หมูบ่ ้าน ไดแ้ ก่ บา้ นดอนบาก และบ้านแพงโคก 4.1 บ้านดอนบาก บ้านดอนบากหมทู่ ี่ 6 เปน็ หม่บู า้ นทปี่ ระชากรอยู่หนาแนน่ ท่สี ดุ ของตำบลนางัวประมาณ 200 กวา่ ครวั เรือนและเป็นทต่ี ง้ั ทำการองคก์ ารบริหารส่วนตำบล นางัว
ตามประวัติเล่าวา่ ในอดีต เม่ือประมาณปี พ.ศ.2502 มคี รอบครัว ท่ีอพยพมาจากบา้ นนางวั มีผู้ใหญ่บา้ น คนแรก คือ นายเฮอื ง พรหมศรี ช่วยกัน ถางป่าทที่ ำกนิ สรา้ งถิน่ ฐานท่อี ยู่อาศัย พบวา่ บรเิ วณพ้นื ทีน่ ี้อยู่ในเขตอุทยาน แห่งชาตภิ ลู ังกาดา้ นทิศตะวันออกในปัจจุบนั ซึ่งมสี ภาพป่าทอ่ี ุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นนำ้ ลำธารท่ีสำคญั คือห้วยขามและหว้ ยแลง้ มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น ฝูงลงิ ป่า เปน็ ต้น (ท่ีมา : http://painaidii.com) และยงั มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพ ส่งิ แวดลอ้ มพนั ธุ์ไมป้ ่าขนาดใหญห่ ลากหลายพนั ธุ์ ลำธารหลายสายบนยอดเขาไหลมา ทำใหห้ มู่บา้ นนมี้ นี ำ้ ตกตาดขาม ซง่ึ เป็นลานหนิ เล็ก ๆ สำหรับพกั ผอ่ น มนี ้ำตกไหล เป็นช้ัน ๆ สว่ นชน้ั ล่างจะมีแอ่งนำ้ ขังตลอดทั้งปี จงึ เป็นสถานทที่ อ่ งเทย่ี วธรรมชาตทิ ่ีสำคัญ ของตำบลนางัว สาเหตุการต้ังชื่อหมูบ่ ้าน พบวา่ มดี งต้นบากหรอื ตน้ กระบาก ซึ่งเป็นพนั ธุ์ไม้ยนื ต้นขนาดใหญ่ ขนึ้ อยู่เปน็ จำนวนมาก ในบรเิ วณของ หมูบ่ ้าน โดยเฉพาะบริเวณวัดป่าสามัคคี ชาวบ้านจงึ ตั้งช่อื วา่ “บา้ นดอนบาก” ผลของต้นบากค่อนข้างกลม ปีก 5 ปกี โคนปกี เช่ือมตดิ กนั เวลาร่วงจะหมนุ สวยงามมาก บ่งบอกถึงความอดุ ม สมบรู ณ์ของธรรมชาตใิ นหมู่บา้ น แต่ในปัจจบุ ันกำลงั เป็นพนั ธปุ์ า่ ไมท้ ่หี า ไดย้ ากและจำนวนลดลง (ท่ีมา : http://nkp2day.com)
4.2 บ้านแพงโคก บ้านแพงโคก หมทู่ ี่ 7 เป็นหมบู่ า้ นนี้ มีสภาพพน้ื ทีเ่ ป็นเนนิ เต้ีย ๆ ในอดตี เคยมีต้นแพงรอบ ๆ หม่บู า้ น ชาวบา้ นต้ังชือ่ หมู่บ้านน้ีว่า “บา้ นแพงโคก” ตัง้ แตน่ ั้นมา มีแหลง่ น้ำทส่ี ำคัญของหมู่บ้าน ไดแ้ ก่ ลำหว้ ยลังกา ลำห้วยนาไวใ้ ชป้ ระโยชน์ ในการทำการเกษตร ของชาวบา้ น มีโรงเรียนบา้ นแพงโคกอยู่ในหมู่บ้าน เปน็ โรงเรียนขนาดเล็ก ลักษณะภูมปิ ระเทศของหมบู่ า้ นเปน็ ทนี่ า่ สงั เกต ได้แก่ คำวา่ โคก ดอน เปน็ ต้น บง่ บอกถึงสภาพพืน้ ทเ่ี ปน็ พื้นท่ีราบสูง และพบว่าการต้งั ช่ือตามพชื พนั ธไุ์ ม้ป่า จากแหลง่ ธรรมชาติ ได้แก่ ต้นบากหรอื ตน้ กระบาก และต้นแพงทม่ี ีอยมู่ ากในบรเิ วณ หมู่บา้ น 5. ภูมินามที่ต้งั ช่ือตามตามพชื พนั ธ์ไุ ม้ ในตำบลนางวั มีหมูบ่ ้านท่ีตง้ั ชอื่ ตามตามพืชพนั ธุ์ไม้ เพียงหมู่บ้านเดียว คอื บ้านพชื ผล 5.1 บ้านพชื ผล
บา้ นพชื ผล หมูท่ ่ี 4 นั้นเปน็ หมู่บา้ นที่มีขนาดเล็ก มปี ระชากรอาศัยอยู่ ประมาณ 100 หลงั คาเรือน มีโรงเรียนประจำหมบู่ ้าน คอื โรงเรยี นบ้านพชื ผล เป็นโรงเรยี นขนาดเล็ก มีนักเรยี นประมาณ 70 กวา่ คน เดิมเรียกช่อื หมู่บา้ นดงหมากเผด็ (ภาษาอีสาน) หมายถึง ดงพริก เป็นแหล่งดินดอี ุดมสมบรู ณเ์ หมาะแกก่ ารเพาะปลกู ชาวบ้านจงึ อพยพมาเพื่อทำการเกษตรทำสวน ทำนา และปลูกใบยาสบู เปน็ หลกั มลี ำห้วยลังกา มีหนองฟ้าเลือ่ น เปน็ แหล่งน้ำทางธรรมชาตอิ ยใู่ นหมบู่ า้ น มีวัดพืชมงคลธรรมรักษ์ เป็นที่เลื่อมใสศรทั ธาของชาวบ้าน แตใ่ นยุคสมัยทีส่ ังคม ท่ีเปล่ียนไป ลูกหลานในหม่บู ้านหลงลืมประเพณแี ละวัฒนธรรมด้ังเดิม “งานประเพณบี ุญกองขา้ ว” หรอื บุญกุ้มขา้ วใหญท่ ำกนั หลังฤดกู าลเกบ็ เกีย่ ว หรือชว่ งหลังปใี หม่ จุดมุ่งหมายเพือ่ ร่วมกนั บริจาคเงนิ แตจ่ ะบริจาคเป็นขา้ วเปลอื ก ซึ่งหมายถึง บญุ กองขา้ วใหญ่น่ันเองพชื เศรษฐกจิ ของหม่บู า้ น แสดงใหเ้ หน็ ว่าตำบลนางัว มกี ารประกอบอาชีพ ทางเกษตรกรรม โดยเฉพาะ การทำสวน เน่ืองจากชือ่ หมบู่ า้ น ประกอบดว้ ย คำวา่ พืชผล ไดแ้ ก่ การปลูกพรกิ มะเขอื เทศ ข้าวโพด เปน็ ตน้ ทำให้เกิดอาชพี ให้ชาวบ้านเปน็ แหล่งทด่ี นิ สร้างรายได้ทำกินจนถึงปัจจุบนั 6. ภูมนิ ามท่ตี ้ังช่อื ตามลกั ษณะการประกอบอาชีพ ในตำบลนางวั มีหม่บู า้ นท่ีตงั้ ชือ่ ตามลกั ษณะการประกอบอาชพี เพียงหมู่บ้านเดยี ว คือ บา้ นนาเรียง 6.1 บ้านนาเรียง บา้ นนาเรยี ง หมูท่ ่ี 8 ตง้ั อยทู่ ่ีตำบลนางัว มจี ำนวนพื้นทข่ี อง หมู่บ้านมากทสี่ ดุ ในตำบลนางวั ตาม ประวัตคิ ำบอกเล่าของชาวบ้าน มีอยวู่ า่ เมอื่ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๓ ได้มี นายโพธิสาร นายมงั นามสกลุ คำธิ นายอนิ นายผ้งึ เทพเศรษฐา และนายแก้ว ไชยคำ ไดน้ ำครอบครัว (ท่มี า : http://painaidii.com) ญาติพน่ี อ้ งหมบู่ ้านขอนขว้าง แขวงบอลิคำไชย
สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว อพยพครอบครัว และนำสัตว์เลีย้ งต่าง ๆ เช่น วัว ควาย หนโี รคหา่ (อหวิ าตกโรค) ทร่ี ะบาดหนักจนผูค้ นและสัตว์ล้มตาย เปน็ จำนวนมากในสมัยน้ัน ออกเดินทางข้ามแม่น้ำโขงซ่งึ ตรงกันขา้ มกับบา้ นนาเข มาต้ังถิน่ ฐานบา้ นเรือนบรเิ วณโนนหนองเหี้ย เพราะมีตวั เห้ีย (ตะกวด) อาศยั อยจู่ ำนวนมาก ปัจจบุ ันคอื บริเวณที่ตั้งของโรงเรยี นบา้ นนาเรียงทุ่งเจรญิ ซึ่งมที ดี่ นิ กวา้ งขวาง เต็มไปด้วยป่าไมน้ านาพันธ์ุ ต้นกระกูลใหญ่ของหมบู่ า้ นน้ีคือตระกลู คำธิ ตระกลู เทพเศรษฐา ตระกูล ไชยคำ ชาวบ้านช่วยกันถางป่าเพ่อื ใชเ้ ปน็ ท่ดี นิ ทำกนิ และป้องกันสัตว์ ป่าพวกเสอื ช้าง มาทำลายพันธุพ์ ืชทีป่ ลูกไว้ ในเวลาตอ่ มาประมาณ 4-5 ปี เกดิ เหตไุ ฟไหม้ บา้ นของนายผง้ึ อกี ทั้งยงั มีเหตุ น้ำท่วมหมูบ่ ้าน ทำใหน้ ายโพธิสาร ซงึ่ เป็นผู้นำหมู่บา้ นในขณะนั้น มีความเชอื่ ว่า เปน็ ลางรา้ ย ของหม่บู า้ นจึงได้อพยพผู้คน และสัตว์เลย้ี งมาอยูบ่ า้ นโคกเหนือ ดา้ นทศิ ตะวันตกจากที่ตง้ั ถน่ิ ฐาน เดิมประมาณ ๕๐๐ เมตร เป็นทีด่ อนเนนิ สงู เรยี กกันอีกชอื่ หน่ึงวา่ “บ้านหนองขเ้ี หย้ี ” เพราะในหนองนำ้ มีมูลตะกวด เป็นจำนวนมาก ตอ่ มาชาวบา้ นได้เปล่ยี นชือ่ หมู่บา้ นเพราะช่อื เดมิ ไมเ่ ปน็ มงคลจึงตัง้ ชอ่ื
หมูบ่ ้านใหม่เปน็ “บ้านนาเรียง” ดว้ ยพน้ื ทบี่ รเิ วณรอบ ๆ หมบู่ า้ นนั้นมีท้องทุ่งนาสเี ขยี ว เรยี งรายกนั ไปตามเชงิ เขาภู ลังกา มีวัดนาเรยี ง (ถ้ำคิ้ว) เปน็ วัดประจำหมบู่ ้าน ซง่ึ เปน็ ที่เคารพและเลอ่ื มใส ศรทั ธาเปน็ อย่างมาก การต้ังชอ่ื หมบู่ า้ น ดังกลา่ วพบข้อสังเกตวา่ บอกถงึ สภาพภมู ศิ าสตร์ ของบรเิ วณหม่บู ้านว่าเปน็ พ้ืนท่ีทำกินของชาวบ้าน โดยเฉพาะทำการเกษตร ไดแ้ ก่ ทำนา เปน็ ส่วนมาก
7. ภูมนิ ามทตี่ ้ังชื่อตามลักษณะการประกอบอาชีพและตั้งชือ่ ตามความเช่อื เพอื่ เปน็ สริ มิ งคล ในตำบลนางวั มีหมูบ่ า้ นที่ต้ังช่อื ตามลักษณะการประกอบอาชพี และตง้ั ชอื่ ตามความเช่ือเพอ่ื เปน็ สิริมงคล เพยี งหมบู่ า้ นเดยี ว คอื บา้ นทงุ่ เจรญิ 7.1 บา้ นท่งุ เจริญ บา้ นท่งุ เจรญิ ในอดตี เม่อื ประมาณ 25 ปที ผี่ า่ นมา หม่บู า้ นนี้ ได้แยกออกจากบ้านนาเรียง โดยมี นายเพชร คำธิ นาย เก่ง หลา้ อ่อนสา เรือตรวี รี ะ ทรงธรรม นายวุฒชิ ัย ไชย นาน เปน็ ผ้ดู ำเนินการ แบง่ แยกหมบู่ ้าน เม่ือประมาณ ปี พ.ศ. 2538 เนื่องจากมีสภาพพน้ื ที่ เป็นภเู ขาสูงซึง่ เปน็ เขตพื้นที่อุทยานแหง่ ชาติภลู ังกา เปน็ พ้ืนท่ีป่าไมเ้ ขตอนุรักษ์ บางสว่ น เป็นพืน้ ที่ราบสูงติดกับเขาภลู งั กา ทำให้มีแหล่งนำ้ ธรรมชาตทิ สี่ ำคญั ไดแ้ ก่ ลำหว้ ยลังกา หนองสิม เป็นบ่อนำ้ ท่กี ว้างท่ีสดุ เปน็ ทำเลท่ีดใี นการประกอบอาชีพของชาวบ้านในพื้นท่ี สว่ นใหญน่ น้ั ประกอบอาชีพ การเกษตร เชน่ ทำนาและเลี้ยงสตั ว์ เต็มไปด้วยทุง่ นาสเี ขียวสวยงาม รอบ ๆ หมบู่ ้าน
กวา้ งขวางสุดลกู หูลูกตาของชาวบ้าน อีกทั้งหมู่บ้านได้รบั การพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่อง จงึ เปน็ เหตุแห่งการต้ังช่อื ว่า “บา้ นทงุ่ เจรญิ ” และยังมวี ดั สมประสงคว์ นาราม เปน็ วัด ประจำหม่บู า้ น ภายในบริเวณวดั สงบร่มเย็น มพี ระธาตุศรีเมอื งแพง เป็นทเี่ คารพศรัทธา ของผู้คนในหมู่บ้าน คำหน้าชื่อหมู่บา้ นบอก ถึงสภาพภมู ศิ าสตรบ์ รเิ วณหมู่บา้ น ว่าเป็น ท้องท่งุ นา เนือ่ งจากชาวบ้านได้เกิดการ ขยายประชากร อพยพครอบครัว เพอ่ื หาทดี่ ินทำกินใหม่ อีกท้งั นำคำมาตั้งเปน็ ชื่อของหมู่บา้ นเพือ่ ความเป็นสิรมิ งคล แก่ผู้อย่อู าศัย บง่ บอกถงึ เปน็ ความเชอ่ื ตั้งแต่บรรพบุรษุ ของไทย เช่น คำว่า เจรญิ เป็นตน้ จะส่งผลใหผ้ ู้ท่อี ยู่อาศัยอย่ใู นหมบู่ ้านน้นั มีความสุข ความเจรญิ น่ันเอง
กิจกรรมท้ายบทที่ 3 1. กจิ กรรมคำถามทา้ ยบท คำช้แี จง จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. คำว่า “งวั ” ในภาษาอสี าน หมายถงึ สตั ว์ชนิดใด ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. “ต้นกระบาก” มลี ักษณะเป็นอยา่ งไรและเหตใุ ดจึงท่ีสำคัญตอ่ แหลง่ ธรรมชาติ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ประเพณีบญุ กองข้าวหรือบญุ ก้มุ ข้าวใหญ่ คืออะไร มคี วามสำคัญตอ่ ชมุ ชนอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… กจิ กรรมท้ายบท 1. ให้นกั เรียนศกึ ษานอกสถานท่ี “พระธาตศุ รเี มืองแพง” แล้วเขยี นบรรยายความรูส้ ึก ทไ่ี ด้ไปเยี่ยมชม
บทที่ 4 ภมู ินามตำบลโพนทอง ตำบลโพนทอง อยู่ในเขตปกครองขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลโพนทอง มอี าณาเขตตดิ ต่อกบั ตำบลนางวั ตำบลนาเข และอำเภอนาทม จำนวน 11 หมบู่ า้ น ซ่งึ แตล่ ะหมบู่ า้ น มีท่มี าของภูมินามแตกต่างกนั ไป ภมู ินามของตำบลโพนทอง มภี มู ินามจำนวน 8 ประเภท ไดแ้ ก่ ภูมินาม ที่ตัง้ ช่ือตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและพชื พันธุ์ไม้ ภมู นิ ามท่ตี ้ังชอ่ื ตามลกั ษณะภูมิประเทศ และเสียงของคำเดิมท่ผี ดิ เพี้ยนไป ภูมนิ ามท่ีตั้งช่อื ตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและคำบอกเล่า ตำนาน หรอื นทิ าน ภมู นิ ามที่ตั้งชอ่ื ตามเหตุการณ์ขณะต้ังหมูบ่ า้ น ภูมินามท่ีตง้ั ชอ่ื ตาม ลักษณะพ้ืนทแี่ ละสภาพแวดลอ้ มและเพ่ือความเป็นสริ มิ งคล ภูมนิ ามทีต่ ้ังช่อื ตามพชื พนั ธ์ุไม้ และตั้งช่อื ตามพ้นื ทแ่ี ละสภาพแวดล้อม ภูมินามท่ตี ้ังช่ือตามลักษณะภูมปิ ระเทศและอาณา เขตของสถานที่ ภูมนิ ามทีต่ ้ังชอ่ื ตามบคุ คลสำคญั ซึง่ จะขอกล่าวถงึ รายละเอยี ด ดังนี้ 1. ภมู ินามที่ตงั้ ชื่อตามลักษณะภูมิประเทศและตง้ั ช่ือตามพชื พันธไุ์ ม้ ในตำบลโพนทอง มีหม่บู า้ นที่ตง้ั ชื่อตามลักษณะภูมิประเทศและตงั้ ชอ่ื ตาม พืชพันธุไ์ ม้ 2 หมบู่ า้ น ได้แก่ บา้ นดอนสะฝาง บา้ นดอนมะยม และบา้ นป่าหว้าน 1.1 บ้านดอนสะฝาง บ้านดอนสะฝาง เป็นหมบู่ ้านทีม่ ีขนาดใหญ่ อยใู่ นตำบลโพนทอง ตามประวตั คิ วามเป็นมา แตเ่ ดิมเล่ามาว่า เมื่อประมาณ 150 ปที ีแ่ ลว้ ไดม้ ีชาวบ้าน อพยพมาจากประเทศลาว 4-5 ครัวเรือน จำนวน 40 คน โดยมีนายไข สาบก เปน็ ผู้นำชาวบ้าน อพยพ มาจากประเทศลาว ฝง่ั ซ้ายของแม่นำ้ โขง
จากหมู่บา้ นทมี่ ชี อื่ ว่าบา้ นบก (ตรงขา้ มกบั บ้านท่าลาด ในปัจจุบนั ) หนภี ยั สงคราม จากการลา่ อาณานคิ ม รวมไปถึงความยากจน ข้ามแม่น้ำโขงมา เพือ่ สำรวจ หาบริเวณพื้นทีต่ ้งั ถนิ่ ฐาน ที่อยู่เพ่ือเป็นแหลง่ ทำมาหากนิ จนกระทง่ั ไดพ้ บเนนิ ดินท่ีมคี วามสูง หรอื ดอน เปน็ ทร่ี าบสูง ห่างไกลจากแมน่ ้ำโขง และมตี ้นไม้ชนดิ หน่ึงชาวบ้านเรียกกนั ว่า ต้นสะฝาง ลกั ษณะเปน็ ไมย้ นื ต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญม่ ีดอกสเี หลือง จัดเปน็ พืช สมุนไพรทอี่ ย่ใู นวงศถ์ ว่ั มลี กั ษณะเน้อื ไม้ สองอย่าง คือ ฝางเสนและฝางสม้ ข้ึนอยู่ เปน็ จำนวนมากบนพ้นื ท่เี นนิ สูงแหง่ น้ี ชาวบ้านนิยมนำมาทำเป็นกระดานฝา และไมพ้ ้ืนเพ่อื สรา้ งท่อี ย่อู าศัย จึงเปน็ ท่มี า ของการต้ังช่ือหมบู่ ้าน “บ้านดอนสะฝาง” คำว่า ดอน เปน็ ภาษาถ่นิ หมายความว่า เปน็ ท่ีเนินสงู มลี กั ษณะคลา้ ยเกาะ ลอ้ มรอบ ดว้ ยทีร่ าบลุม่ เวลาตอ่ มาชาวบา้ นอ่ืน จากยโสธรตระกูล แสนศรี ไดอ้ พยพมาเช่นกัน หม่บู ้านดอนสะฝางส่วนใหญ่ ชาวบา้ นใชจ้ ะนามสกลุ สาบก และ แสนศรี อกี ทง้ั ยงั มีชาวบ้านถิน่ อน่ื ๆ ต้งั ถ่ินฐานบา้ นเรอื นที่อยอู่ าศยั มากข้นึ จนถึงทุกวนั นี้
1.2 บา้ นดอนมะยม เป็นหมู่บ้านทีม่ ีขนาดเลก็ ไดแ้ ยกออกมาจากบ้านดอนสะฝาง เน่อื งจากชาวบา้ นอพยพหาแหลง่ ทด่ี ินทำกินใหม่และบา้ นดอนสะฝาง เปน็ หมู่บา้ นที่มีประชากรมากท่ีสุด ในตำบลโพนทอง จึงได้พากันอพยพ ครอบครวั มาบริเวณน้ี สภาพพนื้ ที่ของหมูบ่ า้ นนี้ เปน็ ดอนเนินดินสงู และยงั มตี น้ มะยม อยู่ในบรเิ วณแหง่ นี้ จึงเป็นทีม่ า ของการต้ังช่ือหมบู่ า้ นนวี้ า่ “บา้ นดอนมะยม” มาจนทุกวันน้ี และยงั มวี ัดภูลงั กาใต้ ซึ่งเปน็ วัดประจำหมู่บา้ นตดิ กับภูลงั กา อกี ทั้งยังมแี หลง่ ทอ่ งเทย่ี วในเขตวดั คือ ประตโู ขงหิน คล้ายประตูท่เี กดิ จากหินธรรมชาติ น้อยใหญ่ปั้นแตง่ อย่างสวยงาม บนเขาภลู ังกา
1.3 บ้านปา่ หวา้ น บา้ นป่าหว้าน มีสองหมู่บ้านด้วยกัน คือ หมู่ท่ี 7 และหมูท่ ่ี 9 เป็นหม่บู ้านท่แี ยกออกมา จากหมู่บา้ นโพนทอง โดยมชี นเผ่าข่า ชาวลาว ลาวไดอ้ พยพเข้ามาทีหลงั เดมิ สภาพพน้ื ท่ีบรเิ วณน้ี เปน็ ดงป่าว่านสมนุ ไพร เป็นจำนวนมาก เกอื บทุกชนิด จึงเหมาะแกก่ ารสรา้ ง ถน่ิ ฐานท่ีอยสู่ ร้างบ้านเรือนบรเิ วณรอบ ๆ สวนว่านจึงไดน้ ำเอาช่ือ ว่าน ที่เปน็ พชื สมุนไพร ต้ังชอื่ หมบู่ า้ นวา่ “บา้ นป่าหว้าน” ตั้งแตน่ ้นั มา ปัจจุบันหมู่บา้ นนี้ มีโรงเรยี นบ้านปา่ หว้าน ซึ่งเป็นโรงเรยี นขยายโอกาส อกี ท้ังยังมีวดั บา้ นปา่ หวา้ น เปน็ วดั ประจำหมบู่ า้ นจนถงึ ทกุ วนั นี้ 2. ภมู นิ ามท่ีตง้ั ชอ่ื ตามลักษณะภูมปิ ระเทศและตั้งช่ือตามเสียงคำเดมิ ท่ผี ดิ เพยี้ นไป ในตำบลโพนทอง มีหมู่บ้านที่ตง้ั ชอ่ื ตามลักษณะภูมปิ ระเทศและต้ังชื่อ ตามเสียงคำเดิมที่ผิดเพยี้ นไป 2 หมูบ่ า้ น ไดแ้ ก่ บา้ นโคกสวาท และบา้ นโคกพะธาย 2.1 บ้านโคกสวาท หมทู่ ี่ 6 บา้ นโคกสวาท แยกออกมาจากบา้ นโคกพะธาย ไดก้ ่อตง้ั หมู่บ้านเม่อื ประมาณ ปี พ.ศ.2513 อยู่ 2 ชนเผา่ ทีอ่ พยพ
เขา้ มาในหมูบ่ า้ น คือ มชี นเผ่าญ้อและเผ่าภูไท บรเิ วณแห่งน้มี พี ื้นทป่ี า่ ติดกับภูลงั กา มาตงั้ ถ่นิ ฐานสร้างบา้ นเรอื นอยูบ่ ริเวณนี้ โดยมีนายสี วงศ์สีลา เปน็ ผ้ใู หญ่บา้ นคนแรก บา้ นโคกสวาทมีลำห้วย จากต้นนำ้ ภูลงั กา เช่น ห้วยลงั กา สระน้ำ หนองแวง เป็นต้น เดิมภูลังกา ชาวบา้ นในสมัยกอ่ นเรียกวา่ หินสะละคึ ตามตำนานเล่าว่า เปน็ ห้างยงิ สัตว์ของปพู่ ้มิ เหน็ หมปู่ า่ ตัวเท่าช้างใช้ธนูยิงไม่โดน แต่ลกู ธนโู ดนภเู ขาป่องทะลเุ กิดเป็น หนองหมูในปจั จุบนั อาณาเขตทศิ ใต้ตดิ กับบา้ นโคกยาว ทศิ เหนือตดิ กับบา้ นโคกพะธาย ทิศตะวันออกติดกับบ้านนาดหี ัวภู ทิศตะวนั ตกตดิ กับอำเภอนาทม เดมิ คำว่า โคก หมายถึง ท่ดี ินทีน่ นู ขนึ้ สงู ขน้ึ เป็นเนนิ เตย้ี ๆ ซงึ่ สภาพพืน้ ที่ของหมบู่ า้ นแห่งนจ้ี ะมีลกั ษณะเปน็ โคก ตง้ั อยใู่ นท่ีราบสูงตดิ เขาลงั กา ซ่ึงมียา สมนุ ไพรและของป่ามากมาย คำว่า สวาท มาจากการมองเห็นภูลังกา ทงั้ สองข้างทางท่ีมที ิวทัศนส์ วยงามดแู ล้ว สบายตา สมยั กอ่ น เรยี ก สวาทตา มีแสง สว่างจ้าจากดวงอาทติ ย์ คำว่า สว่าง จงึ เพ้ียนเสียง มาเปน็ สวาท ชาวบา้ น
จงึ เรียกช่ือหม่บู า้ นตามคำนิยมนี้ว่า “บา้ นโคกสวาท” อีกท้ังยังมีการฟ้อนรำ พน้ื บา้ นอสี าน ตามประเพณสี ำคัญต่าง ๆ เชน่ งานประเพณี สงกรานต์ เปน็ ตน้ อาหารท้องถนิ่ เช่น หล่ามไหล หมายถงึ การเอาปลาไหลยดั เขา้ ไปในกระบอกไม้ ไผ่ใส่เครือ่ งปรงุ มพี ริก หอม กระเทียม ไปเผาไฟให้สกุ อ่ัวกบ คำวา่ อัว่ หมายถึง การเอาเครือ่ งปรงุ ยัดเข้าไป แกงหอย แกงหลอบหล็อย เป็นชอื่ พันธุ์ชนิดหน่ึง ของหน่อไม้ หนอ่ ไมห้ ลอบหล็อย เปน็ ภาษาอสี าน หรอื เรียกกนั วา่ หนอ่ ไมร้ วกหนิ เกดิ มา จากไผ่รวกหนิ ลำตน้ ไผม่ ีลกั ษณะคล้ายสขี องหนิ สีเทา ลำตน้ ไผร่ วกหนิ ชาวบา้ น มกั จะนำมาทำเปน็ ดา้ มไมก้ วาด ซ่ึงเป็นพชื พื้นบา้ นทีห่ าได้ตามภูลังกาเพยี งแห่งเดยี วเท่าน้ัน มีลกั ษณะแตกตา่ งจากหน่อไมท้ ่ัวไป ในหนง่ึ ปจี ะมเี ฉพาะในช่วงฤดูฝน และแกงหน่อแขม เปน็ พืชท่ีข้ึนเองตามธรรมชาติ ในปา่ ภูลงั กาเชน่ เดียวกนั นำมาประกอบอาหารประเภท แกง ผดั นำ้ มันหอย รสชาตกิ รอบอร่อย และน้ำพรกิ แมงตับเตา่ เมนูนี้ เปน็ อาหารที่หากนิ ค่อนขา้ งยาก จะมีเฉพาะช่วงฤดูฝน แมงตับเต่า จะมกี ลน่ิ หอมชาวอีสานนิยม ปรงุ รส อาหารดว้ ยน้ำปลาร้า รับประทานกบั ขา้ วเหนยี วเป็นหลัก ผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ ในหม่บู า้ น ไดแ้ ก่ ไม้กวาดดอกหญา้ (แขม) อยู่ในชมุ ชนเป็นวัตถุดบิ หลกั ลูกประคบจากยาสมนุ ไพร ผ้าพนื้ เมือง เปน็ ต้น
2.1 บ้านโคกพะธาย บ้านโคกพะธาย ตั้งอย่หู มู่ท่ี 3 อยรู่ ะหวา่ งหมู่บา้ นโคกสวาท และหมู่บ้านดอนมะยม ข้ึนเขตการปกครองขององค์การบริหารสว่ นตำบลโพนทอง ในสมัยก่อนนน้ั บรเิ วณ หมู่บ้านนม้ี พี ้นื ท่ีเป็นปา่ และอยู่ท่สี งู เรยี กวา่ โคก ตอ่ มาชาวบา้ น ไดม้ าตัง้ บา้ นเรือน จึงมีประเพณขี องหมู่บ้าน เพอ่ื สร้างความสามัคคี การทำบญุ เป็นหมูค่ ณะ ในสมยั ก่อน คอื ประเพณี ปะทราย ซ่งึ มกี ารตง้ั ชอื่ ของคำที่ผดิ เพี้ยนไปจากปะทราย เป็นคำว่า พะทาย ท่เี ป็นประเพณนี ิยม ในเทศกาลสงกรานต์ คือ การขนทรายเข้าวดั แล้วนำมาปะหรือพอก โคนเสาทีจ่ ดั เตรยี มให้ ชาวบา้ นจงึ เรยี กชือ่ หม่บู ้านซ่ึงเคยเป็นประเพณีอีสานสมยั ก่อน วา่ “บ้านโคกพะธาย” จนถงึ ปัจจบุ นั มีวัดขันตธิ รรมมธโรหรอื วัดถ้ำพระซง่ึ เป็นวัด ประจำหมบู่ ้าน ส่วนทางขนึ้ เขาภูลังกามบี นั ได 337 ขน้ั จะมปี ราชญ์ชาวบ้านบอกเลา่ ถึง ยาสมุนไพรบนภลู ังกาแห่งน้ี อกี ทัง้ ยังมีพระพุทธรูปท่อี ยู่ด้านบน มที วิ ทศั นม์ มุ สงู ทสี่ วยงาม และมองเหน็ ประเทศลาวฝ่ังแม่นำ้ โขง
3. ภมู ินามท่ตี งั้ ช่อื ตามตามเหตุการณ์ขณะแรกตั้งหมบู่ า้ น ในตำบลโพนทอง มีหมบู่ า้ นท่ตี ัง้ ชอ่ื ตามเหตุการณข์ ณะแรกต้งั หมบู่ ้าน 2 หมบู่ ้าน คอื บา้ นโพนทอง บ้านชัยชนะ 3.1 บ้านโพนทอง บา้ นโพนทอง มี 2 หมบู่ ้าน คือหม่ทู ่ี 1 และหม่ทู ่ี 8 ในอดตี ประมาณ 100 กวา่ ปี มาแลว้ เดิมชอ่ื หมู่บา้ น หนองหลม่ ปจั จุบันเปน็ หนอง นำ้ สาธารณะและเป็นบรเิ วณปา่ ชา้ ของบ้านโพนทอง แตเ่ มื่อประมาณปี พ.ศ. 2478 นายอบมา พุทธกัง ชาวบ้านหนองซน อำเภอนาทม จงั หวัดนครพนม เป็นครอบครวั แรกทีเ่ ขา้ มาถากถางป่าบริเวณ หนองหล่มหรือหนองแซะ ใหเ้ ปน็ ท่ีอยู่อาศัย และเป็นแหลง่ ที่ดนิ ทำมาหากนิ สมัยก่อนพ้ืนทแ่ี หง่ นเ้ี ป็นป่าท่อี ดุ มสมบรู ณ์ มสี ัตวป์ า่ หลายชนิด ไดแ้ ก่ ช้าง เสอื เก้ง กวาง ลงิ ค่าง เปน็ ต้น เม่ือเวลาตอ่ มาได้มคี รอบครัว ของนายคำภา เดชทะศร นายเพง็ ทองสาม นายเภา ภูมติ า นายบุญทัน ไชยสุระ ซ่งึ เปน็ ชาวบ้านโพนทอง ตำบลรามราช อำเภอท่าอเุ ทน จังหวัดนครพนม อพยพมาตั้ง ถิ่นฐานที่อยู่อาศัยเช่นเดยี วกัน เม่อื ก่อนการปกครองหมบู่ า้ นขึ้นกบั ตำบล นาเข แต่งต้ังใหน้ ายบญุ ทนั ไชยสรุ ะ เป็นหัวหน้าชาวบา้ น บา้ นหนองหล่ม ตำแหนง่ ผู้ชว่ ยผู้ใหญบ่ า้ น ในเวลาต่อมา จากนนั้ ชาวบ้านโพนทอง เดมิ และหมู่บา้ นใกลเ้ คยี ง ได้แก่ บ้านรามราช บา้ นโพนกอ่ บ้านโพนค้อ บา้ นหนองไฮ บา้ น มว่ ง บา้ นนาสีดา อำเภอทา่ อเุ ทน อพยพมาต้ัง บ้านเรอื นหาแหล่งทด่ี ินทำกนิ บริเวณน้ี ทำใหห้ มบู่ ้านมขี นาดใหญ่ข้ึน แต่สภาพพน้ื ทข่ี อง หมบู่ ้านเปน็ พนื้ ทีต่ ่ำทำใหเ้ กดิ นำ้ ท่วมในช่วงฤดฝู น จงึ ไดอ้ พยพย้ายถิ่นที่อยู่ มาตง้ั หมูบ่ ้าน ใหม่ ซึง่ เปน็ สถานทีต่ ้ังในปจั จุบัน และต้งั ช่ือหมูบ่ ้านว่า “บา้ นโพนทอง” สว่ นสาเหตุ
การต้ังชื่อหมูบ่ ้านว่า บา้ นโพนทอง เพราะนายบุญทนั ไชยสรุ ะ เป็นชาวบ้านโพนทอง ตำบลรามราช อำเภอทา่ อเุ ทน จึงนำชือ่ หมู่บา้ นเดิมของผนู้ ำหมูบ่ า้ นมาตั้งเป็นชอื่ หม่บู า้ นนี้ เม่อื ปี พ.ศ. 2513 ทางราชการได้ยกฐานะเป็นตำบลโพนทอง มีนายยงค์ เสน พันธ์ เปน็ ผู้ใหญ่บ้าน หมทู่ ่ี 1 บ้านโพนทอง ได้รับเลือกต้งั เปน็ กำนันคนแรก ชาวบา้ นได้ช่วยกันรว่ มมือสรา้ งวัดขนึ้ เมือ่ ปี พ.ศ. 2479 ชื่อวา่ วัดหนอง หล่ม โดยมหี ลวงพ่อสา ไชยสุระ เปน็ เจา้ อาวาสองค์แรก แต่เม่อื ปี พ.ศ.2490 พระอาจารยส์ าคร เจา้ อาวาสองค์ต่อมาไดย้ ้ายวดั จากเดมิ มาสร้างบรเิ วณสถานท่ปี จั จบุ ัน เนอ่ื งจากบริเวณทต่ี ้ังวดั เดมิ น้ำทว่ มในฤดูฝน เปล่ยี นช่อื วัดใหมว่ ่า วัดเจริญศิลป์ ชาวบ้าน ใชเ้ ปน็ สถานท่ที ำกิจกรรมทางศาสนารว่ มกัน ภายในพบศาลหลักบา้ น เปน็ ท่กี ่อตัง้ ของ หมบู่ ้านและเป็นท่ีเคารพ และศรทั ธา ของชาวบ้านโพนทอง จนถงึ ปัจจบุ ัน
3.2 บ้านชัยชนะ บา้ นชยั ชนะ เปน็ หมูบ่ า้ นที่มีขนาดเล็กตดิ กบั อำเภอนาทมชาวบ้าน ไดอ้ พยพออกมาจากหม่บู า้ นโคกยาวซงึ่ เปน็ เขตแดนตดิ กัน เพ่อื หาแหลง่ ทีด่ ินทำกนิ นำโดยนายเดชณะ แดงโม่ ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ นในปัจจบุ นั ชกั ชวนนายเฟอื่ ง มาถากถาง หมู่บ้านและตั้งถ่ินฐานบา้ นเรอื น ปัจจบุ ันมีชาวบา้ นประมาณ 45 ครัวเรอื น มีความอดุ ม สมบรู ณ์เพราะใกล้กบั ภลู ังกา จงึ มีลำห้วยทราย และลำหว้ ยตาดน้ำนอง เปน็ แหล่งน้ำสำคัญ ในหมบู่ ้านมนี ้ำตก ทรายทอง ซง่ึ เปน็ น้ำตก ขนาดเล็กภายในบรเิ วณ ท้ายหมบู่ ้านชาวบา้ น ประกอบอาชพี การเกษตร ปลูกสวนยาง เป็นอาชีพหลัก รองลงมาคอื ทำนา เลยี้ งสัตว์ต่าง ๆ เชน่ ววั ควาย เป็นต้น ในอดตี เมอ่ื ปี พ.ศ. 2533 ชาวบา้ นได้รวมกลุ่มกันเพอ่ื เรยี กร้องสทิ ธใิ นโครงการ จดั สรรทด่ี ินเพื่อการเกษตรกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปน็ เวลามากกว่า 3 ปี และมีผนู้ ำสมัชชาคนจนมาช่วยร้องเรียนและเรยี กรอ้ งความเปน็ ธรรมให้ผู้คนในหมูบ่ า้ น จนกระทง่ั ต่อสูค้ ดจี นสำเรจ็ เหมือนเป็นชัยชนะของคนในชมุ ชนและเม่ือประมาณ ปี พ.ศ. 2536 ชาวบา้ น จงึ ต้งั หมบู่ ้านแห่งนวี้ ่า “บา้ นชยั ชนะ”
4. ภูมินามที่ตั้งชื่อตามลกั ษณะภมู ิประเทศและตัง้ ชื่อตามคำบอกเล่า ในตำบลโพนทอง มีหมบู่ า้ นท่ีตง้ั ชอื่ ตามลักษณะภูมิประเทศและต้ังช่ือ ตามคำบอกเล่าเพยี งหมู่บา้ นเดียว คือ บ้านโนนสถิตย์ 4.1 บา้ นโนนสถิตย์ หมู่บ้านโนนสถิตย์ เป็นหมบู่ า้ นที่แยกออกมาจากบ้านโคกยาว เมอื่ ประมาณ 10 กวา่ ปีทแี่ ลว้ เปน็ หมู่บา้ นเขตรอยต่อฝั่งทิศตะวนั ตกตดิ กับบา้ นชยั มงคล ตำบลหนองซน อำเภอนาทม ซง่ึ สภาพพน้ื ที่ของหมู่บ้านน้ีเปน็ เนนิ สงู ทางยาว ชาวบา้ น ไดอ้ พยพมาจับจองพนื้ ท่ีทำมาหา กินบริเวณนคี้ ำวา่ สถิต หมายถงึ อยู่ ตงั้ อยู่ สันนษิ ฐานว่าเปน็ การ ตง้ั ถิ่นฐานอยู่ถาวรของชาวบ้าน จึงเรียกกนั ว่า “บา้ นโนนสถิตย์” โดยมวี ดั เทพสถติ ย์ เปน็ วดั ประจำหมู่บา้ นนี้ ชาวบ้านไดต้ ้ัง กลมุ่ จักสานเคร่ืองใช้จากไมไ้ ผ่ ได้แก่ กระตบิ ข้าว หมวก หวดน่ึง ข้าวเหนียว อุปกรณด์ ักจับปลา เป็นต้น
5. ภูมินามท่ีต้ังชือ่ ตามลักษณะพน้ื ท่แี ละสภาพแวดล้อมและตัง้ ช่ือตามความ เช่ือเพือ่ เปน็ สริ มิ งคล ในตำบลโพนทอง มีหมูบ่ ้านท่ตี งั้ ชือ่ ตามลักษณะพืน้ ที่และสภาพแวดล้อม และตั้งช่ือตามความเชอื่ เพื่อเปน็ สิรมิ งคล มเี พยี งหมูบ่ า้ นเดยี ว คือ บา้ นนาดีหัวภู 5.1 บ้านนาดีหัวภู บา้ นนาดีหวั ภู หม่ทู ่ี 2 อย่ใู นเขตการปกครองของ องคก์ ารบริหารส่วนตำบลโพนทอง เปน็ หมูบ่ า้ นทม่ี ปี ระชากรนอ้ ยทสี่ ดุ ของตำบลโพนทอง เดิมนนั้ ช่อื วา่ บ้านนาดีโซ่ เพราะมีชนเผ่า โซ่มาอาศัย ซึง่ บรเิ วณน้ีเป็นป่าทึบขนาดใหญ่ เตม็ ไปดว้ ยสัตวป์ ่านานาชนิด จนกระท่งั ครอบครวั ของนายเชียงคำ แพงเนตร จากบา้ น เหล่ายาว (บ้านพะทาย) และบ้านเหลา่ กว้าง(บา้ นนากระแต้) มาจบั จองถางป่าเพ่ือเป็น ท่ดี นิ ทำกนิ ทำไรท่ ำสวนและทำนาในเวลาต่อมา ชาวบ้านเหน็ วา่ พนื้ นมี้ ีความอดุ มสมบรู ณ์ จงึ สร้างบา้ นเรอื นขึน้ ความเจริญในหมูบ่ า้ นยงั นอ้ ยมากเนอื่ งจากถนนทางเข้าหมบู่ ้าน ยังเปน็ ทางแคบ ๆ และเต็มไปด้วยป่า จากนั้นชาวบา้ นจงึ เพิม่ ข้ึนเรอื่ ย ๆ บ้านนาดีหัวภู มีทมี่ าด้วยสาเหตจุ าก บริเวณน้ีมีท่ีดนิ ทำนาอดุ มสมบูรณเ์ หมาะแกก่ ารเพาะปลกู และพนื้ ท่นี อี้ ยู่ข้างหนา้ ของภูลงั กาทำให้มีทิวทศั นท์ ี่สวยงาม บรเิ วณหมู่บา้ นยังมี โรงเรียนบา้ นนาดหี วั ภู ซึง่ เปน็ โรงเรียนขนาดเลก็ อยกู่ ลางหมู่บ้าน ชาวบ้านสว่ นใหญ่นบั ถือ ศาสนาพุทธ มีวัดศรีบุญเรอื ง เปน็ วัดประจำหมู่บ้านแหง่ นี้
6. ภมู ินามท่ีต้ังชอ่ื ตามพชื พนั ธไ์ุ ม้และตง้ั ช่อื ตามลักษณะพ้ืนทีแ่ ละ สภาพแวดลอ้ ม ในตำบลโพนทอง มีหมบู่ า้ นทตี่ ้งั ชอื่ ตามพชื พันธ์ไุ มแ้ ละต้ังชอ่ื ตามลกั ษณะ พ้นื ท่ีและสภาพแวดลอ้ ม เพยี งหมบู่ ้านเดียว คอื บ้านมว่ งชี 6.1บ้านมว่ งชี บ้านมว่ งชี หมทู่ ี่ 4 ขึน้ เขตการปกครอง ขององค์การบรหิ ารสว่ นตำบล โพนทอง ม่วงชีเดมิ มชี ่ือว่า “บ้านห้วยฮอ่ งข่า” คำวา่ ฮ่อง เปน็ ภาษาถ่ินอีสาน หมายถงึ รอ่ ง นำ้ และตามริมหว้ ยท่ไี หลผา่ น หมบู่ ้านเต็มไปด้วยต้นขา่ โขม เปน็ ขา่ ปา่ ชนิดหนงึ่ แต่เม่อื ปี พ.ศ. 2460 นายที สาบก ลูกหลานชาวบา้ นนาเรยี ง ไดถ้ ากถางทด่ี นิ ทำกินและสร้างท่ีอยู่อาศัย ในหมู่บา้ นนี้เป็นครอบครวั แรก ต่อมาได้มอี ีกหลายครอบครัวอพยพมาท่แี หง่ น้ี ได้แก่ นายแก้ว ฝ่ายราศี นายพรม ฝ่ายราศี จากหมู่บ้านไม้ล้ม สกลนคร นายกุ บุตรบญุ นายงอ จ่มู า นายทองคำหอม อีกทั้งชาวบา้ นจงั หวัดศรษี ะเกษ รอ้ ยเอด็ สุรนิ ทร์ ไดอ้ พยพ ยา้ ยถิน่ ฐานมาเชน่ เดียวกัน สภาพพ้นื ท่ีของหมูบ่ ้านเปน็ ทรี่ าบลมุ่ นำ้ ท่วม เปน็ บางพืน้ ที่ บา้ นมว่ งชที ศิ เหนือสุดของตำบลโพนทอง ทิศตะวนั ตกของหมู่บ้านติดกบั เขาภลู ังซึ่งเหมาะ แกก่ ารทำการเกษตร เชน่ การทำนา ทำไร่ อีกท้งั ยงั มวี ดั ถ้ำกีต่ ดิ กบั เขาลังกา ในอดตี ประมาณ ปี พ.ศ. 2502 เปน็ หมบู่ า้ น หม่ทู ี่ 26 ของเขตตำบลบา้ นแพง อำเภอทา่ อเุ ทน ตอ่ มาได้ เปลย่ี นชื่อหมู่บา้ นใหม่วา่ บา้ นหนองมว่ งชี เวลา ตอ่ มาเม่ือปี พ.ศ. 2513 มกี ารจัดต้ังตำบลข้ึนใหม่
คอื ตำบลโพนทอง ไดแ้ ยกมาจากตำบลบา้ นแพง และมีช่ือเป็นทางการว่า บา้ นม่วงชี ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพง จงั หวดั นครพนม โดยมผี ้ใู หญ่บ้านคนแรก คือ นายคำ จันทะรี และปี พ.ศ. 2556 นางทติ ย์ ท้าวสนทิ เปน็ ผใู้ หญ่บ้าน จนถงึ ปัจจุบนั เนื่องจากท่ตี ัง้ ของหมู่บา้ นน้ัน อยู่ใกล้กับ หนองนำ้ ซ่งึ มีตน้ มะมว่ งชี ขนาดใหญ่ข้ึนอยู่รมิ หนอง (ม่วงชีเปน็ ชอ่ื พันธุ์มะมว่ งป่าชนิดหนึง่ ) จงึ เปน็ มูลเหตขุ องการตง้ั ช่อื หมู่บา้ นวา่ “บ้านมว่ งชี” นับต้งั แตน่ ั้นมา บรเิ วณหม่บู ้านฝั่งทิศเหนอื จะมโี รงเรยี นม่วงชี เป็นโรงเรยี นประจำหมู่บา้ น สร้างขึน้ ปี พ.ศ.2526 ส่วนบริเวณท้ายหมบู่ า้ นจะมี “วดั ถำ้ กี่” เป็นวดั ทเ่ี คารพและศรัทธาของ หมูบ่ า้ นและปฏิบัติธรรม เป็นวดั ทีต่ ้ังอยู่ใต้ ภลู ังกา โดยวดั นีม้ ตี ำนานเกา่ แก่เล่าขานจาก ชาวบา้ นวา่ มกี ่ีทองคำเครือ่ งทอผ้าโบราณ อีสานซ่อนในถำ้ หินบนภเู ขายงั มีเรื่องเล่า สมัยพทุ ธกาลอีกวา่ ชาวเมอื งโบราณท่ีน่ี ใช้กีท่ องคำทอผ้าถวายพระพุทธเจา้ คร้งั เสด็จทรงเผยแผ่พระธรรมคำสอนในชมพู ทวปี อนิ โดจีน หลงั จากนัน้ กม็ กี ลุ่มนกั ลา่ สมบตั ิสมัยโบราณจะมาขโมยเอากท่ี องคำ ชาวเมอื งโบราณทีน่ ่จี ึงนำกท่ี องคำข้นึ ไป ซกุ ซอ่ นในถำ้ หนิ บนภูเขาก่อนรา่ ยเวทมนตรร์ ะเบดิ หนิ ปิดถ้ำท่ซี อ่ นกท่ี องคำจนวนั เวลา ล่วงเลยมาถงึ ปจั จุบันยงั ไมม่ ใี ครพบกท่ี องคำทีซ่ ุกซอ่ นอยู่ จดุ เดน่ ทแี่ ปลกและสดุ หวาดเสียว ท่สี ุดของวัดแห่งนี้ คือจะมีก้อนหนิ ขนาดใหญ่จำนวนมาก ตัง้ อย่บู รเิ วณลานวดั สวยงาม เป็นศิลปะของธรรมชาติ
Search