96 ทกั ษะด้าน การส่ือสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั สอ่ื (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing) ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลย่ี นแปลง (Change) ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ ำ (Leadership) 7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ใบงาน - แบบฝึกหดั ท้ายบท 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 3 การดำรงชีวิตของพืช ชว่ั โมงท่ี 1 – 4 (ใชร้ ปู แบบการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความร้)ู ขัน้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนร้ใู ห้นักเรียนทราบ 2. ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเพื่อวดั ความรู้เดิมของนักเรียนก่อนเข้าสบู่ ทเรียน 3. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกีย่ วกับเร่ืองทจ่ี ะเรยี นวันน้ีโดยนำตน้ ไมข้ นาดเล็ก เชน่ ตน้ กระบองเพชรและขวดโหลท่ีมีปลากัด มาใหน้ ักเรยี นเปรียบเทียบความแตกต่างในการดำรงชีวติ ระหวา่ งพืชกบั สัตว์ แล้วถามคำถามวา่ พืชดำรงชวี ิตอยู่ได้อยา่ งไรโดยไม่มกี ารเคลือ่ นที่ แล้วให้นกั เรียน ระดมความคิดในการตอบคำถาม ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและค้นหา 1. ครถู ามคำถาม prior knowledge วา่ พชื ใช้กระบวนการใดในการสร้างอาหาร 2. ครถู ามคำถามเพื่อโยงเขา้ สู่หวั ข้อที่จะเรียนแล้วใหน้ ักเรียนระดมความคิดในการตอบคำถาม ดังน้ี -อาหารของพืช คืออะไร -พืชหาอาหารไดอ้ ย่างไร 2. ครูใหน้ กั เรยี นจับกลุ่มกลมุ่ ละ 4-5 คนศึกษาเร่ืองการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงจากหนงั สือเรียน วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 47 แล้วให้นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.1 เร่ืองการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
97 ขน้ั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ กั เรียนส่งตวั แทนกลุ่ม 4-5 คนออกมานำเสนอใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื งการสงั เคราะห์ด้วยแสงของ พืช ขั้นท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครหู มอบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครถู ามคำถามทบทวนความรู้ว่า พืชใช้ส่วนโตโนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 2. ครูเกรน่ิ นำว่าพชื ส่วนใหญ่จะใช้ใบโนการสังเคราะห์แส งจากน้ันครูนำใบไมต้ ัวอยา่ งมาใหน้ กั เรยี น พิจารณาและอภปิ รายลักษณะของใบไมร้ ่วมกัน 3. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 4 กลมุ่ โดยใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ศกึ ษาเซลล์ใบไมใ้ นแต่ละชนั้ และ มคี วามสมั พนั ธอ์ ย่างไรตอ่ กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 48 กลมุ่ ท่ี 1 ศึกษาเร่ืองเซลล์ของใบไม้ช้นั ที่ 1 กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องเซลล์ของใบไม้ชน้ั ที่ 2 กลุ่มที่ 3 ศึกษาเร่ืองเซลล์ของโบไม้ชั้นที่ 3 กลมุ่ ที่ 4 ศึกษาเร่ืองเซลลข์ องใบไมช้ นั้ ที่ 4 4. ครใู ห้นักเรยี นจับกลมุ่ ใหม่ 4 คน โดยสมาชกิ ในกล่มุ ประกอบด้วยสมาชิกท่ีมากจากกลุ่มท่ี 1 2 3 และ 4 มาสรปุ และอภิปรายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเซลล์ของใบไมใ้ นแตล่ ะขั้นกับกระบวนการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงลงในกระดาษ A4 เรื่องโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องเซลล์ใบไม้ ข้นั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ ักเรยี นส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอโครงสร้างและหนา้ ท่ีของเซลล์ใบไม้ ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครมู อบหมายการบ้านใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1
98 3.การสำรวจและคน้ หา 1. ครถู ามคำถามเกรนิ่ นำก่อนเขา้ สูบ่ ทเรียน วา่ นักเรยี นคิดว่ามปี ัจจัยใดบ้างทีส่ ำคัญต่อกระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 2. ครูใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ข้อมูล หรอื ศกึ ษาปจั จยั ท่สี ำคญั ต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงในหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 49 3. ครใู ห้นักเรยี นจบั กลมุ่ เดมิ ท่ีเคยแบง่ จากชวั่ โมงทแ่ี ลว้ ศึกษาและทำกจิ กรรมเรอื่ ง ปจั จยั บางประการ ที่จำเป็นต่อกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ตามหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 50 แลว้ บันทกึ ผลลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 ข้ันท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตัวแทนของแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลท่ีได้จากการทำกิจกรรม 2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลของทีเ่ กดิ ขึ้น จากกิจกรรมเร่อื งปัจจัยบางประการทีจ่ ำเป็นต่อ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง 3. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามท้ายกจิ กรรม และครูเฉลยคำตอบดังน้ี -เพราะเหตุใดการทดลองต้องเกบ็ ผกั บุ้งไว้ในห้องมืด 1 คืน -เมือ่ ทดสอบดว้ ยสารละลายไอโอดนี กับโบผักบุง้ ทงั้ 3 ใบให้ผลต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร -หากทดสอบใบผักบุง้ ด้วยสารละลายไอโอดนี แลว้ สารละลายไอโอดีนเปล่ียนเป็นสนี ำ้ เงิน จะ สรปุ ผลกจิ กรรมอย่างไร ข้นั ที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรยี นศึกษาผลของอณุ หภูมิต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชใน science focus จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าที่ 50 เพ่ือขยายความเข้าใจของนักเรยี นว่ามีหลาย ปจั จยั ทม่ี คี วามเกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 2. ครมู อบหมายการบ้านใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 3. ครมู อบหมายให้นักเรยี นทำรายงาน เร่อื งปจั จยั ท่ีจำเปน็ ต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 4. ครูให้นักเรยี นทำกจิ กรรมท้าทายความคิดขั้นสูง เร่ือง การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ลงใน แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 4.การสำรวจและคน้ หา 1. ครูถามคำถามเกรนิ่ นำก่อนทำกจิ กรรม ดังน้ี -ผลผลติ ทเี่ กดิ ขึ้นจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชมอี ะไรบา้ ง
99 -แก๊สออกซิเจนมคี วามสำคัญอยา่ งไรตอ่ สิง่ มชี วี ติ 2. ครูให้นกั เรียนจบั กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-6 คน ศกึ ษาข้ันตอนการทำกิจกรรม เรื่องผลผลติ ทเี่ กิดจาก กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ให้แตล่ ะกล่มุ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ที่จากนั้น ครอู ธิบายขนั้ ตอนการทำกจิ กรรมอยา่ งละเอยี ด 3. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ วางแผนกำหนดหน้าท่ีของสมาชิกภายในกลุ่ม แล้วลงมือปฏิบตั ิกจิ กรรม เร่อื งผลผลิตที่เกดิ จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง แลว้ บันทกึ ผลลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 4. ครูให้นกั เรียนสืบค้นประโยชน์ และความสำคญั ของต้นไม้ จากสือ่ มเี ดียหรือศกึ ษาจากหนังสอื เรยี น วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 52 ขนั้ ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตัวแทนกลมุ่ ของแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลของกิจกรรม 2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลของท่เี กิดข้นึ จากกจิ กรรม เร่อื งผลผลติ ทเ่ี กิดจากกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง ครูให้นกั เรียนตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 จากน้ันครูเฉลยคำตอบท้ายกิจกรรม ดงั นี้ -ผลการทดลองท้ังสองเหมือนกันหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร -สาเหตุทที่ ำให้ระดับน้ำในหลอดทดลองลดลงคืออะไรเพราะเหตใุ ด -แกส๊ ทไ่ี ดจ้ ากการทดลองคืออะไรมีวธิ ที ดสอบอยา่ งไร ขั้นท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครใู ห้นกั เรยี นตระหนักถึงความสำคญั ของต้นไมโ้ ดยใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 4 กลุ่มทำกิจกรรม ท่ีช่วยอนุรกั ษ์ต้นไม้ และตระหนกั ถงึ ความสำคัญของต้นไม้ เช่น ทำโปสเตอรร์ ณรงค์การปลูกป่า ทำใบ ความรู้ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากต้นไม้ไปปลูกป่า หรือช่วยกนั ปลูกตน้ ไมภ้ ายในโรงเรียนเป็นตน้ และออกมา นำเสนอแนวทางการอนุรักษต์ ้นไม้ ทแ่ี ตล่ ะกลุ่มปฏิบัตหิ น้าช้ันเรยี น 2. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หัดในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 3. ครใู หน้ กั เรียนทำรายงาน เร่ือง ผลผลิตทเ่ี กิดจากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ขั้นที่ 5 การประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครูตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ครตู รวจแบบฝึกหดั ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 3. ครูตรวจใบงานที่ 3.1 เร่อื งการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช
100 4. ครตู รวจกิจกรรมทา้ ทายความคิดขั้นสูง H.O.T.S. เร่ือง การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื ใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 5. ครปู ระเมินรายงาน เร่ือง ปจั จยั ท่จี ำเป็นตอ่ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง โดยใชแ้ บบประเมิน ชน้ิ งาน 6. ครูประเมินรายงาน เรื่อง ผลผลติ ท่ีเกิดจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใชแ้ บบประเมิน ชนิ้ งาน 7. ครปู ระเมิน การทำกิจกรรม เรอื่ ง ปจั จยั ทจี่ ำเปน็ ต่อกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง โดยใชแ้ บบ ประเมินการปฏบิ ัติการ 8. ครูประเมนิ การทำกิจกรรม เรื่อง ผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง โดยใช้แบบ ประเมินการปฏิบัตกิ าร 9. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุม่ จากการศึกษาและการทำใบงานที่ 3.1 เร่อื งการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 10. ครูประเมนิ การนำเสนอใบงานโดยใชแ้ บบประการนำเสนอผลงาน 11. ครูประเมินการนำเสนอแนวทางการอนรุ ักษ์ตน้ ไม้ โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน ชั่วโมงท่ี 5 – 9 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความร)ู้ ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครแู จง้ ผลการเรยี นรูใ้ ห้นกั เรียนทราบ 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนวา่ พชื จะนำน้ำและแร่ธาตุท่ีอยภู่ ายในดินไปใชไ้ ด้ อยา่ งไร 3. ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนักเรียน โดยการนำผักกาดมาแชน่ ้ำสีผสมอาหาร 7 สี (สรี ุ้ง) เป็นเวลา 2 ช่ัวโมงก่อนนำมาให้นักเรยี นสังเกตทิศทางการลำเลียงนำ้ แล้วถามคำถาม ดังนี้ -พืชใช้สว่ นใดทำหนา้ ท่ดี ูดนำ้ -ทิศทางการลำเลยี งนำ้ เปน็ อย่างไร ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูถามคำถามทบทวนความร้เู ดมิ ของนกั เรยี น ดังนี้ -กระบวนการออสโมซสิ คืออะไร -กระบวนการแพร์แบบแอคทีฟทรานสปอร์ต คอื อะไร 2. ครแู จกใบงานที่ 3.2 เรื่องการลำเลียงน้ำและแรธ่ าตุของพชื 3. ครอู ธิบายขั้นตอนการทำใบงานท่ี 3.2 เรื่อง การลำเลยี งนำ้ และแร่ธาตขุ องพืชอยา่ งละเอียด 4. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาโครงสรา้ งของท่อลำเลยี งน้ำ และแร่ธาตุจากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 53 แล้วลงมือทำใบงานที่ 32
101 ขัน้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ กั เรียน 3-4 คน ออกมานำเสนอผลจากการทำกิจกรรมจากใบงานท่ี 3.2 เรื่อง การลำเลียง น้ำและแรธ่ าตขุ องพชื 2. ครอู ธิบายเสริมและเพิม่ เติมขอ้ มูล เกย่ี วกับผลของแรงดึงจากการคายนำ้ ต่อการลำเลียงสารของพืช ในหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 53 3. ครูใหน้ ักเรยี นจับคแู่ ลกเปล่ียนข้อสรปุ เร่ือง ผลของแรงดึงจากการคายน้ำต่อการลำเลียงสารขน้ั ข้ันท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝกึ วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. ครขู ยายความเข้าใจเก่ยี วกับการคายน้ำของพืช โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาประเภทของการคายนำ้ จาก กรอบ science focus ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 53 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครูถามคำถามทบทวนความรเู้ ดมิ ของนักเรียนว่า การคายนำ้ ของพืชเกดิ ขึ้นทใ่ี ดและสว่ นใดของพืช 2. ครเู กรนิ่ นำว่าอัตราการคายนำ้ ของพืชจะสงู หรือต่ำขนึ้ อยกู่ บั ปจั จยั หลาย ๆด้าน จากน้ันครใู ห้ นกั เรยี นศกึ ษา ปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อการคายน้ำ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 53 3. ครูให้นกั เรยี นศึกษาข้นั ตอนการทำกิจกรรม เร่ืองการลำเลยี งนำ้ ของพืช ตามหนงั สือเรียน วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าที่ 54 4. ครใู หน้ กั เรยี นจบั กลุ่ม 5-6 คน ทำกิจกรรม เร่ืองการลำเลียงน้ำของพืช แล้วบนั ทึกผลกิจกรรมลงใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 ขั้นท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู มุ่ ตวั แทนกลุ่มออกมานำเสนอผลท่ไี ดจ้ ากกจิ กรรมเร่ืองการลำเลียงน้ำของพชื 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลของท่ีเกิดขึ้นจากกจิ กรรม เรื่อง การลำเลยี งนำ้ ของพชื 3. ครูใหน้ กั เรียนตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 จากนน้ั ครเู ฉลย คำตอบท้ายกจิ กรรม ดงั น้ี -ต้นกระสงั มีทิศทางในการลำเลียงนำ้ อยา่ งไร -การติดสขี องลำตน้ ท่ผี ่าแนวตามยาวและผา่ แนวตามขวางแตกต่างกันอยา่ งไร)
102 3. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาขน้ั ตอนการทำกิจกรรม เร่ืองเซลลค์ ุม ตามหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 55 2. ครูใหน้ กั เรียนจับกลุ่ม 5-6 คน ทำกิจกรรม เร่อื งเชลลค์ ุม แล้วบันทกึ ผลกิจกรรมลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 ขน้ั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอผลที่ได้จากกิจกรรม เร่ือง เซลลค์ มุ 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายผลของทีเ่ กิดขึน้ จากกจิ กรรม เรื่อง เซลลค์ ุม 3. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม จากนั้นครูเฉลยคำตอบทา้ ยกิจกรรม ดังนี้ -ลกั ษณะของผิวใบไม้ดา้ นบนและด้านลา่ งแตกตา่ งกนั อยา่ งไร -จากการศึกษาเนื้อเยื่อผวิ ใบด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศนน์ ักเรียนพบเซลลใ์ ดท่ีมลี ักษณะแตกตา่ งไป จากเซลลอ์ ืน่ บ้างหรือไม่แลว้ เซลล์ชนดิ น้ีคืออะไรพบมากที่บรเิ วณใด 4. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้นกั เรียนจับคู่ศกึ ษา เรอื่ ง การลำเลยี งอาหาร จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หน้าที่ 56 โดยให้คนหนง่ึ ศึกษาลักษณะของเนื้อเยื่อลำเลยี ง ทท่ี ำหน้าท่ลี ำเลยี งอาหาร อกี คนหนงึ่ ศกึ ษาเรื่อง ทิศทางการลำเลยี งอาหาร จากนน้ั ใหต้ า่ งฝ่ายต่างอธบิ าย เรื่องที่ตนเองไดศ้ ึกษาเพ่ือแลกเปล่ยี นขอ้ มูล กบั คู่ของตนเอง 2. ครูอธบิ าย เรือ่ งอาหารสะสมในสว่ นตา่ ง ๆ ของพืชจากกรอบ Science focus ในหนงั สอื เรียน วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 56 ขัน้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ ตัวแทนนกั เรียนให้ออกมาเขียนแผนผัง การลา้ เลียงนำ้ และอาหาร หน้าชน้ั เรียนจากนัน้ ให้ ตัวแทนเลอื กเพ่ือนในช้ันเรยี น 1 คน ออกมาอธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งการลำเลียงน้ำและอาหาร 2. ครลู มุ่ นกั เรยี นออกมา 3-5 คู่ ออกมาสรปุ เร่ือง การลำเลียงอาหาร หนา้ ช้ันเรียน โดยใหน้ ำเสนอ ความเกยี่ วข้องของลักษณะของเน้อื เยอ่ื ลำเลยี งกับหนา้ ที่ จากนั้นครูช่วยเสรมิ ความรใู้ ห้กับนกั เรียน
103 ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 5. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูนำใบไม้ตัวอย่าง ของพืชใบเลย้ี งเด่ียว เช่นหญ้าไผ่ เป็นตน้ และพชื ใบเล้ยี งคู่ เชน่ ต้นมะมว่ งถวั่ เปน็ ตน้ มาใหน้ กั เรียนดูความแตกตา่ งระหว่างพืชใบเลย้ี งเดี่ยวกบั พชื ใบเลีย้ งคู่ 2. ครใู หน้ กั เรียนศึกษา science focus เรอ่ื ง โครงสรา้ งของระบบท่อลำเลียงในพืชใบเลี้ยงเดียวและ พืชใบเล้ยี งค่ใู นหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 57 ขนั้ ท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัด ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม. 1 เลม่ 1 2. ครนู ำภาพสไลด์ตวั อยา่ ง โครงสรา้ งของระบบท่อลำเลียงในรากและลำตน้ ของตน้ ไผ่และต้นถว่ั มาให้ นักเรียนส่องดดู ว้ ยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้นกั เรยี นไดเ้ หน็ ความแตกต่างอย่างชดั เจนของระบบท่อ ลำเลียงในลำตน้ และรากของพชื ใบเลย้ี งเดียวและพชื ใบเลี้ยงคู่ ข้ันท่ี 5 การประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครูตรวจใบงานท่ี 3.2 เรื่อง การลำเลยี งนำ้ และแรธ่ าตุของพืช 2. ครตู รวจแบบฝกึ หัด ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 3. ครูประเมินพฤติกรรมการปฏิบตั ิการ จากการทำกิจกรรม เรื่อง การลำเลียงนำ้ ของพืช โดยแบบ ประเมินการปฏิบัติการ 4. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการปฏิบตั ิการ จากการทำกิจกรรม เรอ่ื ง เซลล์คมุ โดยใชแ้ บบประเมินการ ปฏบิ ัตกิ าร 5. ครูประเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุ่มจากการทำกิจกรรม 6. ครปู ระเมินพฤติกรรมการทำงานรายบุคคลจากการศึกษาและสบื ค้นการลำเลยี งสารของพชื ช่ัวโมงที่ 10 – 12 (ใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความร้)ู ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ ผลการเรียนร้ใู ห้นักเรียนทราบ 2. ครูถามคำถาม กระต้นุ ความคิดของนักเรยี นวา่ สง่ิ ใดบ้างที่บง่ บอกว่าพชื มีการเจรญิ เติบโต
104 ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุม่ ออกเปน็ 4 กลุ่ม จากน้นั ครูแจกเมลด็ ถวั่ เขยี วให้กบั นักเรยี นแต่ละกล่มุ พร้อมกบั แจกใบงานท่ี 3.3 เรือ่ ง การเจรญิ เติบโตของพืช ให้กับนกั เรยี น 2. ครูใหต้ วั แทนกลมุ่ สืบคน้ ศึกษา วธิ กี ารเพาะเมล็ดถั่วเขียว จากสอ่ื อินเตอร์เน็ต 3. ครแู จกอุปกรณ์การเพาะเมล็ดถว่ั เขยี ว ดงั น้ี -ขวดพลาสตกิ -กระดาษทิชชู 4. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม ปลกู ต้นถว่ั เขยี ว และศึกษาการเจรญิ เติบโตของพืช ในหนังสือเรยี น วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 58 แล้วให้นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.3 เร่ือง การเจริญเติบโตของพืชใน ตอนที่ 1 ขน้ั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู ่มุ ตัวแทนกล่มุ ออกมานำเสนอ ผลการเพาะเมลด็ ถว่ั เขียว 2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายผลเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธข์ องกระบวนการเจรญิ เตบิ โตของพืชกับ การเจรญิ เตบิ โตของต้นถ่ัวเขยี ว 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครูถามคำถามเกรินนำ ว่าจากการทน่ี ักเรียนเพาะเมลด็ ถ่ัวเขียวนกั เรียนคดิ วา่ ปัจจยั ใดบ้างที่มีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื 2. ครูแจกกระดาษใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นวา่ น้ำและแสงมผี ลต่อการเจริญเติบโตของพืช อย่างไร จากน้ันใหน้ กั เรยี นแลกกระดาษคำตอบกบั เพ่ือนแลว้ ตรวจคำตอบของเพ่ือนจากการอภิปราย รว่ มกันระหว่างครูกบั นักเรยี น 3. ครนู ำภาพต้นไม้ชนดิ เดียวกัน แตเ่ จริญเตบิ โตในภมู ิภาคทต่ี า่ งกัน แล้วตัง้ คำถามจากภาพ ดงั นี้ -จากภาพต้นไม้ 2 ต้นมีความแตกต่างกนั หรือไม่แตกต่าง -นกั เรียนคดิ วา่ ปจั จยั ใดทที่ ำให้ต้นไมช้ นดิ เดยี วกัน มลี ักษณะการเจริญทแี่ ตกตา่ งกัน -หากนักเรยี นต้องการแก้ปญั หาตน้ ไมใ้ นรูป ท่ีขาดแร่ธาตุในดินนกั เรียนจะแกป้ ญั หาอยา่ งไร 4. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาประเภทของปุ๋ย และข้อดี-ข้อเสียของป๋ยุ แตล่ ะประเภท จากหนงั สือเรียน วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 59 5. ครูตัง้ คำถามให้นักเรียนแสดงความคิดเหน็ ว่า นักเรียนเห็นด้วยหรือไมว่ ่าปุ๋ยเปรยี บเสมือนกับ ผลิตภัณฑอ์ าหารเสริมอยา่ งไร 6. ครูให้นกั เรยี นทำใบงานที่ 3.3 เร่ือง การเจริญเติบโตของพืช ในตอนท่ี 2
105 ขั้นที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอใบงานท่ี 3.3 เร่ือง การเจรญิ เตบิ โตของพืช ตอนท่ี 2 2. ครอู ธบิ ายความรู้เพ่มิ เติมใหก้ บั นกั เรยี นโมงที่ 3 3. การสำรวจและค้นหา 1. ครูนำภาพ PPT เกยี่ วกบั พืชท่ีมีลกั ษณะผดิ ปกตมิ าให้นักเรียนศึกษา จากน้ันใหน้ กั เรียนรว่ มกนั สืบคน้ วา่ ตน้ ไมใ้ นภาพขาดธาตอุ าหารชนดิ ใด 2. ครใู ห้นักเรียนศึกษาเกย่ี วกับ เรื่อง ธาตอุ าหารทพ่ี ืชต้องการใช้ในการเจริญเติบโต ในหนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 60 3. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุม่ เพื่อออกแบบการทดลองเก่ียวกับ เร่อื ง ธาตอุ าหารทจ่ี ำเป็น ต่อการเจริญเติบโตของพชื โดยให้นักเรยี นออกแบบวา่ ตอ้ งการทดลองเกีย่ วกับธาตุชนดิ ใด วตั ถปุ ระสงค์ของการทดลองอุปกรณก์ ารทดลอง วธิ ีทดลอง ตารางบนั ทึกผล และผลที่ได้จากการ ทดลองลงในกระดาษ A4 4. ครใู หน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มออกเปน็ 3 กลุ่ม ทำกิจกรรม เร่ือง การเลอื กใช้ปยุ๋ ใหเ้ หมาะสมกบั พืช ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 61 ข้ันที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู มุ่ เลขท่ีของนกั เรยี นในห้อง เพ่ือตอบคำถามดงั นี้ -ธาตุอาหารทพี่ ชื ต้องการมีกีป่ ระเภท -ธาตอุ าหารหลกั แตกต่างกบั ธาตุอาหารรองอย่างไร -ธาตุอาหารหลักประกอบ ได้แก่ อะไรบ้าง 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการออกแบบการปฏบิ ตั กิ ารเกีย่ วกบั ธาตุอาหารทจี่ ำเปน็ ต่อการเจรญิ เตบิ โตของพืช โดยนำเสนอธาตทุ ี่ต้องการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ วิธีการทดลอง ตาราง บนั ทึกผล และผลท่ีได้จากการทดลอง จากน้ันครพู ิจารณาการออกแบบและเสนอแนวทาง นอกเหนือจากทน่ี กั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอ 3. ครสู ุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอ ผลจากการทำกิจกรรม เรื่อง การเลือกใชป้ ๋ยุ ใหเ้ หมาะสมกับพืชที่ นักเรยี นจบั ฉลากได้ 4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายผลกจิ กรรม เรอ่ื ง การเลือกใช้ปุ๋ยใหเ้ หมาะสมกับพืช 5. ครอู ธิบายความรู้เพิม่ เติมข้อมลู ท่ีนักเรยี นออกมานำเสนอ
106 ขน้ั ท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครใู หน้ ักเรยี นทำป้ายนิเทศ เรอ่ื ง สถานที่ทีเ่ หมาะสมตอ่ การปลกู พรกิ โดยใหน้ ักเรยี นออกแบบ สถานที่และเสนอวธิ กี ารเลือกใชป้ ุย๋ ในการปลกู ตน้ พรกิ ให้ไดผ้ ลผลิตจำนวนมากพรอ้ มนำเสนอใน รูปแบบป้ายนเิ ทศทสี่ วยงาม 2. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 ขัน้ ท่ี 5 การประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครตู รวจใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การเจรญิ เติบโตของพืช 2. ครปู ระเมินการนำเสนอโบงานท่ี 3.3 เร่อื ง การเจริญเติบโตของพชื โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน 3. ครตู รวจแบบฝกึ หดั ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 4. ครูประเมินปา้ ยนิเทศ เรอ่ื ง สถานทีท่ ่ีเหมาะสมต่อการปลูกต้นพริก โดยใชแ้ บบประเมนิ ชนิ้ งาน 5. ครูประเมินพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คลจากการทำป้ายนเิ ทศ เรื่อง สถานท่ที เี่ หมาะสมต่อการ ปลกู พรกิ 6. ครูประเมนิ การออกแบบการปฏิบตั กิ ารจากการทำกจิ กรรม เรอื่ ง ธาตอุ าหารทจ่ี ำเปน็ ต่อการ เจริญเติบโตของพืช โดยใชแ้ บบประเมินประเมินการออกแบบการปฏบิ ัติการ 7. ครปู ระเมนิ การทำกจิ กรรม เร่ือง การเลอื กใชป้ ยุ๋ ใหเ้ หมาะสมต่อกับพืช โดยใช้แบบประเมินการ ปฏิบตั กิ าร 8. ครูประเมินพฤติกรรมการทำงานรายกลมุ่ จากการทำกิจกรรม เรือ่ ง การเลอื กใช้ป๋ยุ ให้เหมาะสมต่อ กบั พืช ชวั่ โมงที่ 13 – 14 (ใช้รูปแบบการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความร้)ู ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครแู จ้งผลการเรียนรู้ให้นักเรยี นทราบ 2. ครถู ามคำถาม กระตุ้นใหน้ กั เรยี นคดิ วา่ สว่ นใดของพชื ท่ีมนษุ ยน์ ำมาใชข้ ยายพันธ์ุ 3. ครูกระตนุ้ ความสนใจนกั เรียนโดยครูเขียน key word บนกระดาน ต่อไปน้ี -ต้องการขยายพันธุ์พชื ประเภทไม้ดอกไม้ -ตอ้ งการขยายพนั ธ์ุพชื ประเภทไม้พ่มุ ไมย้ นื ตน้ -ต้องการปรบั ปรุงพนั ธุ์พิชให้ดีกว่าเดิม โดยนำต้นพันธดุ์ ีมาทำหน้าที่เปน็ ลำตน้ -ตอ้ งการกหุ ลาบหลายสีใน 1 ตน้ ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันเสนอวธิ ีขยายพันธ์ุพชื จาก key word บนกระดาน
107 ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ 4 กล่มุ แลว้ สง่ ตวั แทนออกมาจับฉลากหวั ขอ้ ต่อไปนี้ -การปกั ชำ -การติดตา -การตอนกง่ิ -การทาบก่ิง 2. ครใู หน้ ักเรยี นสืบค้นข้อมลู วิธแี ละข้ันตอนการขยายพันธ์ุพชื ตามหัวข้อทแ่ี ต่ละกลุ่มจบั ฉลากไดจ้ าก ส่ือมีเดยี หรอื หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 62-64 แลว้ สรุปเป็นรายงานรูปเลม่ พร้อม กบั เลือกตน้ ไม้มา 1 ชนดิ และขยายพันธุด์ ้วยวธิ ีดงั กลา่ ว ขั้นที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอ ผลจากการขยายพันธุ์พืช ตามหวั ข้อท่จี บั ฉลากพร้อมกบั นำเสนอ ข้ันตอน และวธิ ีการขยายพันธ์แุ ละนำตน้ ไม้ท่ีได้รับการขยายพันธุ์ด้วยวิธีดังกลา่ วมาแสดงหนา้ ชัน้ เรยี น 2. ครเู สริมความรูแ้ ละเพ่มิ ขอ้ มลู ท่นี กั เรยี นออกมานำเสนอ ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู ห้นกั เรียนสบื คน้ วิธกี ารขยายพันธพ์ุ ชื แบบไม่อาศยั เพศอื่นๆ นอกเหนือจากการปกั ชำการตอนกิง่ การตดิ ตาการทาบกิ่ง เป็นตน้ ขน้ั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ่มุ ตัวแทนนักเรยี นออกมานำเสนอวิธีการขยายพันธพุ์ ืช ด้วยวธิ อี ืน่ หน้าชนั้ เรยี น 2. ครูนำภาพตวั อยา่ งและอธบิ ายการขยายพันธ์พุ ชื ดว้ ยโครงสร้างพิเศษในกรอบ science focus ใน หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หน้าท่ี 64 เพื่อให้นกั เรยี นเห็นลกั ษณะของพืชที่เกิดการ ขยายพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศชัดเจนมากข้ึน
108 ขัน้ ท่ี 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 ขัน้ ที่ 5 การประเมินผล (Evaluation) 1. ครตู รวจแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. ครปู ระเมินรายงาน เร่ือง การขยายพันธพ์ุ ืชแบบไม่อาศัยเพศ โดยใช้แบบประเมินช้นิ งาน 3. ครปู ระเมินการนำเสนอผลงานการขยายพันธุ์พชื แบบไม่อาศัยเพศ 4. ครูประเมินพฤติกรรมการทำงานรายกลุ่มจากการขยายพนั ธุ์พืชแบบไม่อาศยั เพศ ชั่วโมงท่ี 16 – 20 (ใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความร)ู้ ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ ผลการเรียนรูใ้ ห้นกั เรียนทราบ 2. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความสนใจนักเรยี น ว่าพืชมีอวัยวะทใี่ ช้สืบพันธ์หุ รือไม่ อวัยวะน้ันคอื อะไร 3. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ 4 กลุ่ม จากนัน้ ให้แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมาจับฉลากและรบั ดอกชบาหรือดอกพู่ระหง ที่ครูเตรียมมาให้นักเรยี นศึกษา โดยฉลากท่ีครนู ำมาใหน้ ักเรียนสมุ่ ไดแ้ ก่ เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี กลีบเล้ียง และกลบี ดอก ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มศึกษาองค์ประกอบของดอกไม้ตามฉลากท่ีตวั แทนกล่มุ จบั ได้จากหนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 65 2. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาเร่ืองประเภทของดอกไม้ จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 65 ข้ันที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ นักเรียนออกมานำเสนอองค์ประกอบของดอกไม้ พร้อมช้ีองคป์ ระกอบของดอกไม้ 2. ครูให้แต่ละกลุ่มเล่นเกมตอบคำถามทายองค์ประกอบของดอกไม้ โดยมีกติกา ดังน้ี -ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหน้าห้อง 1 คน เพ่ือเขยี นคำตอบบนกระดาน โดยปากกา เขยี นกระดานมเี พียงแทง่ เดยี ว ดงั น้ัน ตัวแทนแต่ละกล่มุ จะต้องทำหน้าที่แย่งชิงปากกา -สมาชิกท่ีเหลือ ทำหน้าทร่ี ะดมความคิด เพ่ือบอกคำตอบให้กบั ตัวแทนกลุ่มในเวลาทจี่ ำกัด กอ่ นที่ครูจะใหส้ ญั ญาณกบั ตวั แทน เพ่ือมาแย่งชงิ ปากกา -กลุม่ ทตี่ อบผิดจะไมม่ ีสทิ ธติ อบซำ้ อีก
109 -กลมุ่ ที่ตอบได้มากทีส่ ดุ จะถือวา่ กล่มุ นั้นเป็นฝา่ ยชนะ ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษา เรื่อง การถ่ายละอองเรณู จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 66 2. ครูตั้งคำถามใหน้ ักเรียนคดิ ตอ่ ไปวา่ เกสรเพศผ้จู ะผสมกับเกสรเพศเมยี ได้อยา่ งไร ขน้ั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นออกมานำเสนอโครงสรา้ งของตอกไม้ ทีเ่ ออื้ อำนวยใหเ้ กิดการถ่ายเรณู 2. ครยู กตวั อย่างดอกบัวผุด และนำภาพมาแสดงให้นักเรยี นเหน็ ตัวอยา่ งการถ่ายเรณูของดอกบวั ผดุ 3. ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ ในกรอบ science focus เกยี่ วกับประเภทของการถา่ ยเรณู จากหนงั สือเรียน วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าที่ 66 3. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษา เรื่อง กระบวนการสบื พนั ธุข์ องพืชดอก จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 67 2. ครใู หน้ กั เรียนเตรียมเมล็ดถัว่ เขียวหรอื เมล็ดข้าวโพด เพ่ือนำมาศึกษาในช่วั โมงเรียนถัดไป 3. ครูให้นักเรยี นศึกษาตัวอย่างพชื ไม่มีเมลด็ จาก Science focus จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เริ่ม 1 หนา้ ท่ี 67 ข้นั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 2 กล่มุ จากนน้ั ครูแจกชุดคำกระดาษให้กับ 2 กลุ่มที่มี key word เหมอื นกนั ท้งั สองกลุ่ม ไดแ้ ก่ ละอองเรณู, ยอดเกสรเพศเมีย, หลอดละอองเรณู, เซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศผู้ โพลาร์นวิ เคลียส, รังไข่และเซลลไ์ ข่ 2. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะนำ key word มาเรียงลำดับให้เป็นขน้ั ตอนการปฏิสนธิของพืชให้ถกู ต้อง 3. ครสู ุม่ ตัวแทนกลมุ่ 1 คน ออกมาอธบิ ายการเรยี งลำดบั key word ของกลมุ่ ตนเอง 4. หลังจบการนำเสนอทัง้ 2 กลุ่ม ครชู ว่ ยเสริมและแนะนำขัน้ ตอนที่ถกู ต้อง
110 ข้นั ที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม. 1 เลม่ 1 4. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษา เร่ือง การแพร่พันธ์ุของเมลด็ พืช จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าที่ 68 2. ครใู หน้ กั เรยี นนำเมล็ดถ่ัวเขียวหรือเมล็ดข้าวโพดทเ่ี ตรียมมาศกึ ษา โครงสร้างของเมลด็ โดยแบง่ กลมุ่ นกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่ ดงั น้ี -กลมุ่ เมลด็ ถั่วเขียวสำหรบั นกั เรยี นทนี่ ำเมลด็ ถ่ัวเขียวมา -กลุ่มเมล็ดขา้ วโพดสำหรบั นักเรยี นทีน่ ำเมล็ดขา้ วโพดมา 3. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ศึกษาโครงสรา้ งเมลด็ ของแต่ละกลุ่มทเ่ี ตรยี มมาจากหนังสอื เรียน วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 68 แล้วให้แต่ละกลุ่มทำผงั สรปุ เรอ่ื งโครงสร้างเมล็ดของพชื โดยให้ นกั เรียนอธิบายและวางโครงสรา้ งของเมลด็ พชื พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม ขน้ั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ ตวั แทนจากกลุ่มถ่ัวเขียวและกลมุ่ ขา้ วโพดกลุ่มละ 3 คน ออกมาอธบิ ายลักษณะโครงสร้างของ เมลด็ โดยหนา้ ทขี่ องตวั แทน 3 คน มดี งั น้ี -คนท่ี 1 วาดรูปโครงสร้างของเมล็ดบนกระดาน -คนที่ 2 ระบุองคป์ ระกอบแต่ละส่วนของพชื จากคนที่ 1 -คนท่ี 3 อธบิ ายโครงสร้างหน้าทขี่ องเมลด็ 2. ครูเสรมิ ความรูเ้ พิ่มเติมและแก้ไขขอ้ มลู ทนี่ ักเรยี นนำเสนอใหถ้ ูกตอ้ ง 5. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู ห้นักเรียนศึกษา ปจั จัยการงอกของเมลด็ พชื จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 69 จากนนั้ ครใู หน้ ักเรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็น 2 กลมุ่ 2. ครูนำภาพการงอกของเมล็ดถั่วเขยี วและเมล็ดขา้ วโพดอย่างละกลุ่มใหน้ ักเรยี นศึกษา แลว้ ให้แต่ละ กลุ่ม ผังสรุป เรอื่ ง การงอกเมล็ดของพืช แล้วให้นกั เรียนอธิบายและวาดภาพการงอกของเมลด็ พืช พรอ้ มตกแต่งใหส้ วยงาม
111 ข้นั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มกลมุ่ ละ 3 คน ออกมาอธิบายลกั ษณะการงอกของเมล็ด ดังน้ี -คนที่ 1 วาดรูปตน้ อ่อนที่งอกจากเมล็ดบนกระดาน -คนที่ 2 ระบุองคป์ ระกอบแต่ละสว่ นของพชื จากคนท่ี 1 -คนท่ี 3 อธิบายข้นั ตอนการงอกของเมลด็ 2. ครเู สริมความรู้เพิ่มเติมและแก้ไขขอ้ มูลท่ีนักเรยี นนำเสนอให้ถูกต้อง ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 ข้ันท่ี 5 การประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครูตรวจแบบฝึกหัดในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. ครูประเมนิ ผงั สรุป เรื่อง โครงสรา้ งเมลด็ ของพืช โดยใชแ้ บบประเมินชน้ิ งาน 3. ครูประเมินผังสรุป เรอื่ ง การงอกเมลด็ ของพืช โดยใชแ้ บบประเมินขึน้ งาน 4. ครูประเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุ่ม จากทำช้ินงานโครงสร้างเมลด็ ของพืช 5. ครูประเมินพฤติกรรมการทำงานรายกลมุ่ จากทำช้นิ งานการงอกเมล็ดของพชื 6. ครูประเมินการนำเสนอองค์ประกอบของดอกไม้ โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 7. ครูประเมินการนำเสนอ ผงั สรุป เรอ่ื ง โครงสรา้ งเมลด็ ของพืช 8. ครูประเมนิ การนำเสนอ ผังสรปุ เรอื่ ง การงอกเมลด็ ของพชื ชว่ั โมงที่ 20 – 22 (ใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความร)ู้ ข้ันที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถาม วา่ นกั เรียนมีวธิ ีใดบา้ งในการขยายพนั ธ์ุพืชหากไม่มีเมลด็ พนั ธ์ุพืชชนิดนั้น เพ่อื กระตนุ้ ความคิดของนักเรียนก่อนเรม่ิ บทเรียน 2. ครถู ามความคิดเห็นนักเรยี นว่านักเรียนเคยสงสยั หรอื ไม่ว่า มนษุ ย์มีวิธีการอย่างไรในการเพมิ่ ผลผลติ จากพืชใหไ้ ด้เพยี งพอต่อความต้องการของมนุษย์ 3. ครนู ำภาพนำเสนอตัวอยา่ ง PPT เก่ียวกบั การนำความรู้ทางวทิ ยาศาสตรม์ าประยกุ ต์ใช้กับพืช เพือ่ กระตุน้ ความสนใจของนักเรียนและแสดงใหน้ ักเรียนเห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชวี ภาพใน ปัจจุบัน
112 ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและค้นหา 1. ครูใหน้ กั เรียนศึกษา เร่ืองการเพาะเลี้ยงเนอ้ื เย่ือพืช จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 70 2. ครใู หน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 3-4 คน โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ หาข้อมูลและข่าวที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเพาะเลีย้ งเนื้อเยอ่ื พชื โดยแต่ละกลุม่ จะต้องมีข้อมลู หรือข่าวไมซ่ ำ้ กนั 3. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนหาขา่ วเก่ียวกับเทคโนโลยีชวี ภาพในการดดั แปรพนั ธกุ รรมพชื เพอื่ ใชท้ ำ กิจกรรมในชวั่ โมงถดั ไป ข้ันที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูถามคำถามทา้ ทายความคิดขั้นสูง (H.O.T.S. ) ว่าการขยายพันธพุ์ ืชดว้ ยการเพาะเมล็ดให้ผล แตกต่างกับการเพาะเล้ยี งเนื้อเยื่อพืชอยา่ งไร 2. ครสู ุ่มตัวแทนกลมุ่ ของแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอข้อมลู และขา่ วหน้าช้ันเรยี น โดยขอ้ มูลทจี่ ะ นำเสนอมี ดงั นี้ -พชื ท่นี ำมาเพาะเล้ยี งเนอื้ เย่ือ คืออะไร -วัตถุประสงค์ในการเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่ือพืชชนิดนี้ คืออะไร -ระยะเวลาในการเพาะเลยี้ งเนอ้ื เย่อื พชื ชนดิ น้ี นานเท่าไหร่ -ข้นั ตอนการเพาะเลีย้ งเน้ือเยื่อพืชมีอะไรบ้าง -ผลทไ่ี ด้มปี ระโยชน์ต่อสงั คม และเศรษฐกจิ อย่างไร 3. ครูชว่ ยอธิบายขอ้ มลู ในสว่ นท่นี กั เรยี นนำมาเสนอไม่ทราบหรือเปน็ ข้อมลู ทเี่ กินความรู้พ้ืนฐาน สำหรับนกั เรยี นชัน้ ม. 1 เชน่ อปุ กรณ์ในการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อบางชนิด ฮอรโ์ มนพืช เป็นตน้ 4. ครอู ธิบายความหมายของแคลลสั ในกรอบ Science focus ให้นกั เรียนเข้าใจมากขนึ้ ว่า แคลลสั คอื กลุม่ เซลล์ที่เจรญิ ต่อเน่ือง โดยไม่เปล่ียนแปลงรปู ร่างหรือหน้าที่จนกวา่ จะไดร้ บั การกระตุ้นหรอื อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดลงในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1
113 2. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู ห้นักเรยี นสืบคน้ หรือศึกษา การดัดแปรพนั ธกุ รรมของพืช ในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 72 2. ครใู ห้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นขอ้ มลู ขา่ วสารเกย่ี วกบั การใช้เทคโนโลยีตดั แปรพนั ธุกรรมพชื 3. ครใู หน้ ักเรียนศึกษา เลขบนฉลากทต่ี ิดกับพชื ผลทางการเกษตรทจ่ี ำหน่ายในหา้ งสรรพสินค้าใน กรอบ Science in real life ในหนงั สอื วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 72 ขัน้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุม่ ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน เพ่ือแลกเปลย่ี นข้อมลู หรือข่าวทสี่ มาชิกนำมาแล้ว สรปุ ข่าวของสมาชิกภายในกลุ่มลงในกระดาษ A4 1 แผน่ ภายใต้หัวข้อเรื่อง เทคโนโลยีการดัดแปร พันธกุ รรมของพชื 2. ครมู อบหมายงานกิจกรรมกลมุ่ (Group activity) จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 72 และกำหนดวันสง่ ผลงานกิจกรรมกลมุ่ ภายในเวลาท่ีกำหนด 3. ครใู ห้ตัวแทนกลุ่มกลุ่มละ 2 คน ออกมานำเสนอข้อมูลและขา่ วหนา้ ชน้ั เรียน โดยข้อมูลที่จะ นำเสนอมี ดงั น้ี -พชื ที่นำมาดดั แปรพนั ธกุ รรมคือพชื ชนิดใดบ้าง -วัตถุประสงคใ์ นการตดั แปรพันธกุ รรมของพชื แต่ละชนดิ เหมอื นและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร -ใช้ยนื จากสงิ่ มีชีวิตโดมาตัดต่อใหก้ ับพืชแต่ละชนดิ -ขนั้ ตอนครา่ ว ๆ ในการดดั แปรพนั ธุกรรมพชื แตล่ ะชนิดเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร -ผลท่ีได้มีประโยชนต์ ่อสงั คมและเศรษฐกิจอย่างไร 4. ครูช่วยอธิบายขอ้ มลู ในส่วนท่ีนกั เรียนนำมาเสนอไม่ทราบหรือเปน็ ข้อมลู ทีเ่ กนิ ความรู้พนื้ ฐาน สำหรับนักเรียน ม. 1 เช่น อปุ กรณ์ในการดดั แปรพนั ธุกรรมของพชื บางชนดิ การตดั ต่อยืนสาร พันธกุ รรมฮอร์โมนพชื เป็นต้น 3. สำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้นกั เรียนทำป้ายนิเทศ เรือ่ ง ฟารม์ ในฝันของฉัน โดยนำความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการศึกษาหรอื สืบค้น ข้อมลู เกี่ยวกบั เทคโนโลยีชวี ภาพมาใช้กบั ฟาร์ม โดยใช้เทคโนโลยชี ีวภาพที่มากกวา่ 1 วิธเี พ่อื ออกแบบ ฟาร์มในฝันของตนเองให้ไดผ้ ลผลิตตามวตั ถปุ ระสงค์
114 ขั้นท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู หน้ ักเรยี นออกมานำเสนอ รูปและเทคโนโลยชี ีวภาพที่ใช้กับฟารม์ ของตนเอง คนละ 10 นาที โดยขอ้ มลู การนำเสนอมี ดังน้ี -ฟารม์ ของนกั เรยี นมีพชื ชนดิ ใดบ้าง -วัตถุประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีชีวภาพกับฟาร์มของตนเอง คอื อะไร -เทคโนโลยชี ีวภาพท่ใี ชก้ บั พชื ในฟารม์ มอี ะไรบ้าง ใหผ้ ลอย่างไร 2. ครูชว่ ยอธิบายขอ้ มลู เพ่ิมเติมในส่วนท่ีนกั เรียนนำเสนอ 3. ครเู ฉลยและอธบิ ายคำตอบ self check และ Unit Question ขั้นที่ 4 การขยายความรู้ (Elaboration) ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครูให้นักเรยี นประเมินตนเอง self check และท้า Unit Question 2. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม. 1 เลม่ 1 3. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน 4. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ยท่ี 3 5. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบท้ายเลม่ ขนั้ ท่ี 5 การประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ป้ายนเิ ทศ เร่ือง ฟารม์ ในฝนั ของฉัน 2. ครปู ระเมินการนำเสนอผลงาน เรอ่ื ง ฟาร์มในฝันของฉัน 3. ครตู รวจแบบฝกึ หดั ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 4. ครูประเมนิ ผลงานกจิ กรรมกลุ่ม group activity 5. ครปู ระเมิน self check และ Unit Question 6. ครตู รวจแบบทดสอบหลงั เรยี น 7. ครูตรวจแบบทดสอบท้ายหนว่ ยที่ 3 8. ครูประเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุ่มจากการทำกิจกรรม 9. ครปู ระเมินการนำเสนอข้อมลู หรอื ขา่ วการเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ่ื โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน 10. ครูประเมนิ การนำเสนอข้อมูลหรือขา่ วการดดั แปรพนั ธุกรรมของพืช โดยใช้แบบประเมนิ การ นำเสนอผลงาน
115 9. ส่อื การสอน 1. หนังสือวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 2. แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 3. ใบงงานท่ี 3.1 เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื 4. ใบงงานที่ 3.2 เรอ่ื ง การลำเลียงนำ้ และแรธ่ าตขุ องพืช 5. ใบงานท่ี 3.3 เรอื่ ง การเจริญเตบิ โตของพืช 6. ดอกไมต้ ัวอย่าง เชน่ ดอกชบา ดอกพู่ระหง เปน็ ต้น 7. เมลด็ ถว่ั เขียน/เมลด็ ข้าวโพด 10. แหล่งเรียนรูใ้ นหรือนอกสถานที่ 1. ห้องเรียน 2. หอ้ งปฏบิ ัติการ
116 11. การวัดและประเมนิ ผล ชิ้นงาน / ภาระงาน วธิ วี ดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมนิ 1. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน ตรวจ แบบทดสอบ ตอบคำถามถูกต้องจงึ จะ คะแนน 9–10= ดมี าก หนว่ ยท่ี 3 เร่ืองการดำรงชวี ติ แบบทดสอบ ของพชื กอ่ น-หลงั กอ่ น-หลัง ไดค้ ะแนน คะแนน 6–8= ดี เรียน 2. ใบงานท่ี 3.1 เรื่องการ ตรวจใบงาน เรยี น คะแนน 3–5= พอใช้ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ตรวจใบงาน คะแนน 0–2= ปรบั ปรงุ 3. ใบงานท่ี 3.2เร่ืองการ ลำเลยี งน้ำและแรธ่ าตขุ องพชื ตรวจใบงาน ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีขึ้นไป 4. ใบงานที่ 3.3เรื่องการ ใบงาน ตอบคำถามถกู ตอ้ งตาม คะแนน 9–10= ดมี าก เจรญิ เติบโตของพืช ใบงานท่ีมอบหมาย คะแนน 6–8= ดี คะแนน 3–5= พอใช้ คะแนน 0–2= ปรบั ปรุง ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดขี ึ้นไป ใบงาน ตอบคำถามถูกต้องตาม คะแนน 9–10= ดีมาก ใบงานทม่ี อบหมาย คะแนน 6–8= ดี คะแนน 3–5= พอใช้ คะแนน 0–2= ปรบั ปรงุ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดีขน้ึ ไป ใบงาน ตอบคำถามถกู ต้องตาม คะแนน 9–10= ดมี าก ใบงานทีม่ อบหมาย คะแนน 6–8= ดี คะแนน 3–5= พอใช้ คะแนน 0–2= ปรบั ปรุง ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดขี ้นึ ไป
117 จุดประสงค์การเรยี นรู้ เกณฑก์ ารให้ คะแนน หรือสง่ิ ที่ตอ้ งการจะวดั และ วิธวี ัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน ประเมินผล 1. นกั เรยี นสามารถปจั จัยในการ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑ์ตง้ั แตร่ ะดับปานกลาง ให้คะแนน ขน้ั ไป สังเคราะหด์ ว้ ยแสงและผลผลติ ท่ี รายบุคคล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ เกิดขน้ึ จากการสังเคราะหด์ ว้ ย แสงโดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ได้ 2. นกั เรียนสามารถอธิบาย สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑต์ ัง้ แตร่ ะดับปานกลาง ให้คะแนน ขั้นไป ความสำคัญของการสังเคราะห์ รายบุคคล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑต์ ้งั แตร่ ะดบั ปานกลาง ดว้ ยแสงของพชื ตอ่ สิ่งมชี วี ิตและ ตารางเกณฑ์การ ขนั้ ไป ใหค้ ะแนน ส่งิ แวดลอ้ ม พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ต้ังแต่ระดบั ปานกลาง เรียนรู้ ขั้นไป 3. นกั เรยี นสามารถบอกวิธีการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนน ผา่ นเกณฑ์ตัง้ แตร่ ะดบั ปานกลาง ปลูกและการดูแลรักษาตน้ ไมใ้ น รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ ขนั้ ไป เรียนรู้ โรงเรียนได้อย่างถกู ตอ้ ง ตารางเกณฑ์การ ผา่ นเกณฑต์ ั้งแต่ระดบั ปานกลาง ใหค้ ะแนน ขั้นไป 4. นักเรยี นสามารถบอกลกั ษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม พฤตกิ รรมการ เรยี นรู้ ของไซเลม็ และโฟลเอม็ ได้อยา่ ง รายบคุ คล ตารางเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนน ถูกต้อง พฤติกรรมการ เรียนรู้ 5นักเรียนสามารถอธบิ ายการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม สบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศและไม่ รายบุคคล อาศยั เพศของพืชดอก 6. นักเรยี นสามารถอธบิ าย สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ลกั ษณะของโครงสรา้ งของดอกได้ รายบคุ คล อย่างถูกตอ้ ง
118 7.นักเรียนสามารถอธิบายการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑต์ ั้งแต่ระดับปานกลาง ปฏิสนธิของพชื ดอกได้อย่าง รายบุคคล ให้คะแนน ขน้ั ไป ถกู ตอ้ ง พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑต์ ั้งแต่ระดับปานกลาง 8. นักเรยี นสามารถบอกการ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ขน้ั ไป ใหค้ ะแนน เกดิ ผลและเมล็ดการกระจาย รายบคุ คล พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ต้ังแตร่ ะดับปานกลาง เมล็ด และการงอกงามของเมล็ด เรียนรู้ ขัน้ ไป ตารางเกณฑก์ าร 9. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายถงึ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ให้คะแนน ผ่านเกณฑ์ตั้งแตร่ ะดับปานกลาง พฤตกิ รรมการ ขนั้ ไป ความสำคญั ของธาตอุ าหารบาง รายบุคคล เรียนรู้ ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑ์ตั้งแตร่ ะดับปานกลาง ชนดิ ท่ีมผี ลต่อการเจริญเตบิ โต ใหค้ ะแนน ขน้ั ไป พฤตกิ รรมการ ของการดำรงชวี ิตของพืช เรยี นรู้ ผ่านเกณฑ์ต้ังแต่ระดบั ปานกลาง ตารางเกณฑ์การ ขน้ั ไป 10. นักเรียนสามารถนำความรใู้ น สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ให้คะแนน พฤตกิ รรมการ ผา่ นเกณฑต์ ั้งแต่ระดบั ปานกลาง เรือ่ งการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงใช้ได้ รายบคุ คล เรียนรู้ ขนั้ ไป ตารางเกณฑก์ าร 11. นักเรียนมสี ว่ นรว่ มในปลกู สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ใหค้ ะแนน พฤตกิ รรมการ และดูแลรักษาต้นไมใ้ นโรงเรยี น รายบคุ คล เรียนรู้ ตารางเกณฑ์การ 12. นักเรยี นสามารถเขยี น สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ใหค้ ะแนน แผนภาพที่บรรยายทศิ ทางการ รายบคุ คล พฤติกรรมการ ลำเลยี งสารในไซเล็มและโฟลเอม็ เรียนรู้ ของพืช 12.นกั เรียนสามารถเลือกใช้ปยุ๋ ที่ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีอาหารเหมาะสมกับพืชใน รายบุคคล สถานการณท์ ่กี ำหนด
119 13. นักเรียนอธบิ ายวธิ ีการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑ์ต้งั แต่ระดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขั้นไป ขยายพนั ธ์ุพชื ใหเ้ หมาะสมกับ รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ความต้องการของมนษุ ย์ โดยใช้ ความร้เู กยี่ วกับการสบื พนั ธขุ์ อง พชื ได้อย่างถูกต้อง 14. นักเรียนสามารถอธบิ าย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑต์ งั้ แตร่ ะดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขั้นไป ความสำคญั ของเทคโนโลยกี าร รายบุคคล พฤตกิ รรมการ เรยี นรู้ เพาะเน้อื เย่ือพชื ในการใช้ ประโยชน์ในด้านต่างๆได้อยา่ ง ถกู ต้อง 15. นักเรียนตระหนักในคุณค่า สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่ระดับปานกลาง ใหค้ ะแนน ขั้นไป ของพืชทม่ี ตี อ่ ส่ิงมีชวี ติ และ รายบคุ คล พฤติกรรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑต์ ั้งแต่ระดับปานกลาง สง่ิ แวดล้อมโดยการรว่ มกันปลกู ตารางเกณฑ์การ ข้นั ไป ใหค้ ะแนน และดแู ลรกั ษาต้นไม้ในโรงเรยี น พฤติกรรมการ เรียนรู้ 16. นกั เรียนตระหนักถึง สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ความสำคญั ของสตั ว์ทีช่ ่วยใน รายบุคคล การถ่ายเรณขู องพืชดอกโดยการ ไม่ทำลายชวี ติ ของสัตวท์ ช่ี ว่ ยใน การถ่ายเรณู 17.ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ในการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑ์ตง้ั แตร่ ะดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขน้ั ไป ขยายพันธ์พุ ชื โดยการนำความรู้ รายบุคคล พฤติกรรมการ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน เรยี นรู้
120 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น วิธวี ดั เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้ เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร สงั เกต แบบสังเกต ตารางเกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่ พฤตกิ รรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดับปานกลางข้ึน ปฏิบัติงาน สำคญั ของผู้เรียน ไป รายบคุ คล 2. ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑต์ ง้ั แต่ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขึน้ สำคญั ของผู้เรียน ไป 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะ สังเกต แบบสงั เกต ตารางเกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑต์ ั้งแต่ ชวี ติ พฤตกิ รรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขึ้น ปฏบิ ัติงาน สำคญั ของผ้เู รียน ไป รายบคุ คล 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบสังเกต ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑต์ ง้ั แต่ พฤตกิ รรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขน้ึ ปฏบิ ตั งิ าน สำคญั ของผเู้ รียน ไป รายบุคคล
121 ทักษะของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 วธิ วี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การให้ เกณฑก์ ารประเมิน 1. ทักษะการอ่าน(Reading) สังเกต คะแนน แบบประเมินดา้ น ทักษะและ ตารางเกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑต์ งั้ แต่ กระบวนการ คะแนนของทกั ษะ ระดบั ปานกลางขนึ้ แบบประเมินดา้ น ทักษะและ ของผเู้ รียนใน ไป กระบวนการ ทศวรรษท่ี 21 แบบประเมินด้าน 2. ทักษะด้านการคิดคำนวณ สังเกต ทกั ษะและ ตารางเกณฑก์ ารให้ ผา่ นเกณฑต์ ัง้ แต่ (Arithmetc) กระบวนการ คะแนนของทักษะ ระดบั ปานกลางขึน้ ของผเู้ รยี นใน ไป ทศวรรษท่ี 21 3. ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือการ สังเกต ตารางเกณฑก์ ารให้ ผา่ นเกณฑต์ ัง้ แต่ ทำงานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ ำ (Collaboration , teamwork and คะแนนของทกั ษะ ระดับปานกลางข้ึน leadership) ของผ้เู รยี นใน ไป ทศวรรษท่ี 21 12. กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ..................................
122 13. บนั ทึกผลหลังการสอน สรุปผลการเรียนการสอน นกั เรยี นทง้ั หมดจำนวน.....................คน จดุ ประสงค์การเรียนร้ขู ้อที่ จำนวนนกั เรียนที่ผ่าน จำนวนนกั เรียนท่ไี มผ่ า่ น 1 จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน รอ้ ยละ 2 3 14. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... .......................................................................................................................................................... ... 15. ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................. ลงชือ่ ........................................................................ () ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ....................................... ลงชอื่ ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงชื่อ.......................................................... รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (………………………………………..)
123 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แลว้ มีความคดิ เหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... ................................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผู้อำนวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..
124 ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพชื คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นเตมิ คำทกี่ ำหนดใหล้ งในภาพให้สมบูรณ์ และเตมิ คำลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง นำ้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แสง แก๊สออกซิเจน น้ำตาล ใบ เคมี สารประกอบอินทรยี ์ ผู้ผลติ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง คอื กระบวนการท่พี ืชเปลย่ี นพลงั งาน......................................................................ให้ กลายเป็นพลงั งาน......................................................ในรูปของสารประกอบ.........................................................โดย กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมกั เกดิ ขึน้ ท่บี รเิ วณ.................................................เน่อื งจากภายในมี สารประกอบ.............................................อยภู่ ายในคลอโรพลาสต์ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงมี............................................และ.................................เป็นสารตงั้ ตน้ แลว้ ได.้ ..........................และ..............................เป็นผลิตภณั ฑ์ ซ่งึ เป็นส่ิงสาคญั ในการดารงชีวติ ของ ส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ จงึ กลา่ วไดว้ า่ พชื ทาหนา้ ท่เี ป็น........................................ในระบบนเิ วศ ช่ือ…………………………………………………นาสกลุ ……………………………….เลขท่…ี ….ชน้ั …………………
125 ใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง การลำเลียงน้ำละแร่ธาตุของพชื ตอนที่ 1 คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนวาดภาพและบรรยายท่อลำเลียงไซเอม็ .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ตอนท่ี 2 คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพจิ ารณาภาพท่ีกำหนดให้ แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ 1. นกั เรยี นคิดว่าน้ำเข้าสู่ลำต้นผ่านทางรากไดอ้ ย่างไร 2. พชื จะนำแร่ธาตทุ ่ีอย่ภู ายในดนิ ไปใช้ได้อยา่ งไร 3. จากรูป กระบวนการคายน้ำมีความเก่ียวขอ้ งอย่างไรกับกระบวนการลำเลียงสาร ชือ่ …………………………………………………นาสกุล……………………………….เลขที่…….ชั้น………………
126 ใบงานที่ 3.3 เรือ่ ง การเจริญเตบิ โตของพืช ตอนท่ี 1 คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นบันทึกผลการเจริญเติบโตของต้นถวั่ เขียวภายใน 1 สัปดาห์ ระยะเวลา ความสงู ของตน้ (CM) จำนวนใบ 0 2 4 7 ผลกิจกรรมมีความเกย่ี วข้องอยา่ งไรกบั กระบวนการเจรญิ เติบโต ............................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ตอนที่ 2 คำช้แี จง : จงตอบคำตอบต่อไปน้ี 1. ปัจจัยใดมผี ลต่อการงอกของเมลด็ ถ่วั เขียว ............................................................................................................................. ................................................. 2. นำ้ มคี วามสำคญั ต่อการเจรญิ เตบิ โตของตน้ ถัว่ เขยี วอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. เมือ่ นำตน้ ถว่ั เขียวไปเพาะลงดิน นกั เรียนคดิ วา่ ในดนิ มธี าตอุ าหารทเ่ี หมาะสมเพียงพอต่อการเจรญิ เติบโต ของตน้ ถว่ั เขยี วหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. 4. หากดินทน่ี กั เรียนนำมาใช้ปลกู ถ่วั เขยี วไมร่ ว่ นซุย ไม่อมุ้ น้ำ นักเรยี นจะเลอื กใชป้ ยุ๋ ประเภทใด ............................................................................................................................. ................................................. 5. หากนักเรียนตอ้ งการให้ตน้ ถว่ั เขยี วได้รับธาตอุ าหารในทันที นักเรียนจะเลือกปยุ๋ ประเภทใด ............................................................................................................................. ................................................. ชื่อ…………………………………………………นาสกลุ ……………………………….เลขท…่ี ….ช้นั ……………
127 เกณฑ์การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนรรู้ ายบคุ คล พฤติกรรมการเรียนรู้ ลำดับ ช่ือ - นามสกลุ ความเขา้ ใจ คดิ คำนวณ นำความร้ไู ปใช้ 543215432154321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ระดบั คุณภาพ : ดีมาก (5) ดี (4) ปานกลาง (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) เกณฑ์การประเมนิ : มผี ลการประเมนิ ในระดับปานกลางข้ึนไป จงึ จะผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ลงชอ่ื ....................................................................ผปู้ ระเมนิ วันท.ี่ ............./............................/.................
128 เกณฑ์การให้คะแนนสมถนะสำคัญของผ้เู รียน พฤติกรรมบง่ ช้ี ดมี าก(5) คะแนน ดี (4) ปานกลาง(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1. ความสามาถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถในการ การสือ่ สาร การสอ่ื สารไดด้ ี การสอื่ สารได้ การสื่อสารได้ การสอื่ สารได้ สื่อสารไม่ดี เยีย่ มชดั เจน คอ่ นขา้ งดี คอ่ นข้างไม่ดี 2. ความสามารใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ไมม่ มี คี วามสามารถ การคิด การคดิ การคิด การคิด การคิดตดั สนิ ใจ ในการคดิ การตดั สินใจได้ดี การตดั สินใจได้ดี การตัดสินใจได้ ได้ไมด่ ีเทา่ ทีค่ วร การตัดสนิ ใจ เยย่ี ม 3. ความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน ไม่มคี วามสามารถใน การใช้ทักษะชวี ิต การใชท้ ักษะชวี ิต การใชท้ ักษะชีวติ การใช้ทักษะชวี ิต การใชท้ ักษะชีวิต การใช้ทกั ษะชีวิต ได้ดเี ยี่ยมในทกุ ไดด้ ี ได้ ไดไ้ มด่ เี ทา่ ทค่ี วร ถานการณ์ 4. ความสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน ไม่มีความสามารถใน การใชเ้ ทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี การใชเ้ ทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี การใชเ้ ทคโนโลยี ไดด้ ีเย่ียม ได้ดี ได้ ไดไ้ ม่ดเี ท่าทีค่ วร
129 เกณฑก์ ารให้คะแนนทกั ษะของผูเ้ รียนในศตวรรษที่ 21 ทักษะของผูเ้ รยี น ดีมาก (5) คะแนน ดี (4) ปานกลาง (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) 1. ทกั ษะการอา่ น( มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน ไมม่ คี วามสามารถ Reading) ในการอ่านได้ ในการอา่ นได้ การอา่ นได้ การอา่ นได้ไมด่ ี ในการอ่าน อย่างดเี ย่ียม อย่างดี และ คอ่ นขา้ งดี และ เทา่ ที่ควร เข้าใจได้ดมี าก เขา้ ใจไดด้ ี เข้าใจได้ 2. ทักษะด้านความรว่ มมือ มที ักษะดา้ น มีทกั ษะดา้ น มที ักษะดา้ นความ มีทกั ษะดา้ นความ ไม่มีทกั ษะดา้ น การทำงานเปน็ ทีมและ ความรว่ มมือของ ความรว่ มมอื ของ ร่วมมือของการ รว่ มมือของการ ความรว่ มมือของ ภาวะผนู้ ำ การทำงานเปน็ การทำงานเปน็ ทำงานเป็นทีม ทำงานเปน็ ทีม การทำงานเปน็ ทีม ทีมดีเยีย่ มและมี ทีม และมีภาวะ และมีภาวะผ้นู ำ และมีภาวะผนู้ ำได้ และภาวะผนู้ ำ (Collaboration , ภาวะผู้นำอย่าง ผ้นู ำไดด้ ี ค่อนขา้ งดี ไมด่ เี ท่าทีค่ วร teamwork and ชัดเจน leadership)
130 บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2561). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาธิการขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 และ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ฯ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560. สืบคน้ เมื่อ 7 พฤษภาคม 2564. จาก : https://drive.google.com/file/d/1_ALwE9xuCL3Fjet3XI4gYjBj8p_1zLaA/view Plook Teacher. (2563), การเรยี นแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5 E's of Inquiry Based Learning). สืบคน้ เม่ือ 3 พฤษภาคาม 2564, จาก : https://www.trueplookpanya.com/blog/content/82385/-blog-teamet-
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135