46 สารท่อี ยูร่ อบตวั เราลว้ นมีสมบัติทางกายภาพและสมบัติทางเคมที แ่ี ตกตา่ งกันซึง่ อุณหภูมิ ภายนอกมผี ลต่อสถานะของสารซงึ่ เป็นสมบตั ทิ างกายภาพของสารอยา่ งหนึ่งเชน่ น้ำแข็ง (ของแขง็ ) เมือ่ ได้รบั ความร้อนจะละลายกลายเปน็ นำ้ (ของเหลว) เมื่อนำ้ ได้รับความร้อนต่อเนอ่ื งจะเดือดและ ระเหยกลายเปน็ ไอ (แกส๊ ) เป็นตน้ ซ่งึ ความร้อนท่ีทำใหข้ องแข็งเปลย่ี นสถานะเปน็ ของเหลวเรยี กว่า ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวและเรียกความร้อนทที่ ำให้ของเหลวเปลีย่ นสถานะเป็นแกส๊ วา่ ความ ร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ สารทอ่ี ยรู่ อบตวั ล้วนประกอบด้วยธาตุและสารประกอบธาตุเปน็ สารท่ปี ระกอบด้วยอะตอม เพียงชนดิ เดียวเมื่อธาตุมากกว่า 1 ชนดิ มารวมกนั ทางเคมีในอตั ราส่วนโดยมวลคงที่จะได้สารประกอบ ท่ีมีสมบัตแิ ตกต่างจากธาตทุ เี่ ปน็ องคป์ ระกอบเดิมธาตแุ ละสารประกอบจงึ จดั เป็นสารบริสทุ ธ์ิ ธาตบุ างชนดิ ทม่ี เี ลขอะตอมสงู กวา่ 83 สามารถแผร่ งั สีได้อย่างตอ่ เนื่องเรียกว่าธาตุ กัมมนั ตรงั สเี กิดจากนวิ เคลยี สในอะตอมของธาตไุ ม่เสถยี รจงึ สลายตวั แลว้ เปลีย่ นไปเป็นธาตทุ ่ีมคี วาม เสถยี รมากขึ้นและปล่อยอนุภาคภายในนิวเคลยี สออกมาในรูปของสซี ึ่งรังสีท่แี ผ่ออกมาเรียกว่า กมั มันตภาพรงั สีซ่งึ มี 3 ประเภท ไดแ้ ก่ อนภุ าคแอลฟาอนุภาคบีตาและรังสีแกมมาซึง่ ก่อให้เกิด ประโยชนแ์ ละโทษต่อสง่ิ มชี วี ติ สารประกอบคือสารบริสทุ ธทิ์ เี่ กิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนดิ ข้ึนไปมารวมกันทางเคมี โดยอัตราส่วนโดยมวลคงท่แี ละมสี มบตั ิของสารแตกต่างไปจากสมบัตขิ องธาตุที่เป็นองคป์ ระกอบซง่ึ สามารถแยกออกเปน็ ธาตุได้ด้วยวธิ ีการทางเคมี สารผสมเกิดจากสารต้งั แต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไปมาผสมกนั โดยสารผสมบางชนิดผสมเป็นเน้อื เดยี วกัน เรยี กว่าสารละลายซ่ึงประกอบด้วยตัวละลายและตัวทำละลายซ่งึ ตัวทำละลายจะมีปริมาณมากกว่า และมสี ถานะเดียวกับสารละลายนอกจากนส้ี ารผสมบางชนิดผสมไมเ่ ปน็ เนื้อเดยี วกันเรียกวา่ สารเนอ้ื ผสมซึง่ มี 2 ประเภท ได้แก่ สารแขวนลอยและคอลลอยด์ สารผสมเกดิ จากสารตั้งแต่ 2 ชนดิ ขึน้ ไปมาผสมกันโดยสารผสมบางชนดิ ผสมเป็นเน้อื เดยี วกัน เรียกว่าสารละลายซงึ่ ประกอบดว้ ยตวั ละลายและตัวทำละลายซงึ่ ตัวทำละลายจะมปี ริมาณมากกวา่ และมสี ถานะเดียวกับสารละลายนอกจากน้ีสารผสมบางชนิดผสมไมเ่ ปน็ เนื้อเดยี วกนั เรียกว่าสารเน้ือ ผสมซ่งึ มี 2 ประเภทคอื สารแขวนลอยและคอลลอยด์
47 4. สาระการเรยี นรู้ 1 สมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ 2 สมบัติทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ 3 การทดสอบและใช้สารสนเทศที่ได้จากแหล่งขอ้ มูลตา่ งๆ รวมทั้งจัดกลุ่มเป็นธาตุโลหะ อโลหะ และ กง่ึ โลหะ 4 การวเิ คราะหผ์ ลจากการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุกัมตรังสี 5 การปฏิบัติในชั้นเรียนโดยการนำเสนอแนวทางการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุ กัมมนั ตรังสี 6 การเขียนกราฟเปรียบเทียบจดุ เดอื ด จุดเหลวของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสม 7 ความหมายข้อมลู จากกราฟ 8 ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม 9 การปฏบิ ัตกิ ารในช้ันเรียน โดยใช้เครือ่ งมือเพอ่ื วัดมวลและปรมิ าตรของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม 10 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ 11 การทดลองความสมั พันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบโดยใช้แบบจำลองและสารสนเทศ 12 โครงสรา้ งอะตอมทป่ี ระกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอเิ ล็กตรอน 13 การจัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารชนิด เดยี วกันในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส 14 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานความรอ้ นกับเปลย่ี นสถานะของสาร 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เฉพาะทเี่ กดิ ในหน่วยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน) ทักษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขยี น (Writing) ทกั ษะการ คดิ คำนวณ (Arithmetic)
48 ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทักษะด้าน การส่ือสาร สารสนเทศ และร้เู ท่าทันสอ่ื (Communication information and media literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Computing) ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปล่ียนแปลง (Change) ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ ำ (Leadership) 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) - แบบทดสอบก่อนเรียน - ใบงาน - แบบฝึกหดั ท้ายบท
49 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 สารรอบตวั ชั่วโมงที่ 1 - 5 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้) ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ 2. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน 3. ครูถามคำถามเพ่ือกระต้นุ ให้นกั เรยี นมคี วามสนใจในการเรยี นวา่ สารทีอ่ ย่รู อบตวั เรามี ความแตกตา่ งกันอย่างไร ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครถู ามคำถาม prior knowledge กระตนุ้ ความคดิ ของนกั เรยี น 2. ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลุม่ ออกเปน็ 4 กลุ่มโดยใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาเร่อื งสมบตั ขิ องสารจากหนังสือเรยี น วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 3 3. ครูนำน้ำส้มสายชูใส่ลงในบกี เกอร์ A และน้ำใส่ลงในบีกเกอร์ 8 มาใหน้ ักเรยี นศึกษาและตอบคำถาม ตอ่ ไปนี้ -นกั เรียนคิดวา่ สารในบีกเกอร์ A และ B เปน็ สารชนิดเดียวกันหรือไม่ 4. ครใู ห้นกั เรยี นตรวจสอบสารในบีกเกอร์ A และ B แลว้ ถามคำถามนักเรียน ดังนี้ -สาร A และ B ที่นักเรยี นตรวจสอบมลี ักษณะ -นกั เรยี นคิดว่าลกั ษณะโตเปน็ สมบตั ิทางกายภาพ -นกั เรียนคดิ ว่าลักษณะโดเป็นสมบัติทางเคมี 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปราย เรื่อง สมบตั ิของสาร โดยครูยกตัวอยา่ งใหน้ กั เรยี นเห็นจากการนำ สาร A และ B ทม่ี ีลกั ษณะภายนอกทีเ่ หมือนกันแต่ไม่ใชส่ ารเดยี วกันดังน้ันจึงจำเป็นต้องอาศยั สมบตั ิ ของสารเข้ามาตรวจสอบจึงทำใหร้ ู้วา่ สารทั้งสองเป็นสารต่างชนิดกัน 6. ครเู กรน่ิ นำเข้าส่เู รื่องถัดไปว่าการจำแนกสารจำเป็นต้องใชส้ มบัติของสารมาวเิ คราะห์ 7. ครยู กตวั อยา่ งการจำแนกสาร โดยใชส้ ถานะของสารซ่งึ เป็นสมบัติทางกายภาพมาให้นักเรียนศกึ ษา โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 4 8. ครูยกตวั อย่างสถานะของปรอท ซง่ึ เป็นสารท่ีมี 3 สถานะเชน่ เดียวกับนำ้ ใน Science focus มาให้ นักเรยี นได้ศกึ ษาในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หน้าท่ี 4 9. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาเร่ืองการจำแนกสารโดยใชเ้ นอ้ื สารและอนภุ าคของสารเปน็ เกณฑ์ จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าที่ 5
50 10. ครแู จกภาพแต่ละชุดใหแ้ ต่ละกลมุ่ โดยภาพแตล่ ะชดุ มี ดงั น้ี ส้มตำ น้ำผลไม้ปน่ั นำ้ เกลอื น้ำนม กาแฟ สลัด น้ำแป้ง ทองคำขาว นำ้ พรกิ แอลกอฮอล์เชด็ แผล นำ้ สม้ สายชู หมอกควันจากทอ่ ไอเสยี แกส๊ หงุ ต้ม เปน็ ตน้ 11. ครแู จกใบงานที่ 1.1 เรอื่ งการจำแนกสารเพื่อใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ร่วมกันจำแนกสารจากภาพแลว้ บนั ทึก ลงในใบงานที่ 11 ขนั้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มตัวแทนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอโบงานท่ี 1.1 เรอ่ื งการจำแนกสาร 2. ครูเสรมิ และเพ่ิมเติมความรู้ใหก้ บั ตัวแทนนักเรยี นท่ีออกมานำเสนอ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสมบัตขิ องสารการจำแนกสารเปรียบเทยี บการจดั เรยี งอนภุ าคและ การเคลอื่ นที่ของสารท้ัง 3 สถานะ ขยายความเขา้ ใจ (Expand) 1. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัดลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ ออกเป็น 3 กลุ่มโดยให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจบั ฉลากหัวข้อกจิ กรรม ดังน้ี -ของแข็ง -ของเหลว -แกส๊ 2. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรมเร่ืองของแขง็ ของเหลวและแก๊สตามหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 6 โดยให้แตล่ ะกลุม่ ทำกจิ กรรมภายใตห้ ัวขอ้ ท่ีนกั เรียนจบั ฉลากได้ดังน้ี -กลุม่ ของแขง็ ใหบ้ รรจุเม็ดโฟมเต็มขวด -กลุม่ ของเหลว ให้บรรจเุ ม็ดโฟมครง่ึ ขวด -กลมุ่ แก๊ส ให้บรรจเุ ม็ดโฟมน้อยกวา่ คร่ึงขวด 3. ครใู หน้ ักเรียนทำกจิ กรรมเรือ่ งของแข็งของเหลวและแก๊สตามหนงั สือแล้วบนั ทึกผลกจิ กรรมและ ตอบคำถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 ขั้นท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครสู ุ่มตวั แทนกลุม่ ออกมารายงานผลจากการทำกิจกรรมหน้าช้นั เรียน 2. ครูเฉลยคำตอบจากคำถามท้ายกิจกรรมในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 ถามคำถามทา้ ย กิจกรรมดังน้ี -ขวดน้ำทบ่ี รรจเุ มด็ โฟมของแต่ละกลมุ่ เปรยี บเสมอื นกับสถานะของสารใดบา้ ง
51 -หลงั จากเป่าลมเขา้ ไปในขวดลกั ษณะการเคลอื่ นท่ีของเม็ดโฟมแต่ละกล่มุ แตกต่างกันหรือไมอ่ ย่างไร 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเปรียบเทยี บการจัดเรยี งอนุภาคและการเคลือ่ นท่ีของสารทง้ั 3 สถานะ ข้นั ที่ 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครูใหน้ กั เรียนทำใบงานท่ี 1.2 เร่อื งสารรอบตัวโดยใหน้ ักเรียนกลบั ไปสำรวจสารรอบตัวภายในบ้าน ของนักเรียนแล้วจำแนกสารลงในใบงานพรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม 2. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดแบบฝึกหัดวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 ข้ันท่ี 5 การประเมินผล Evaluation 1. ครตู รวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ครตู รวจใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื งการจำแนกสาร 3. ครูประเมินการนำเสนอใบงานที่ 1.1 เรอื่ งการจำแนกสารโดยใช้แบบประเมินผลงาน 4. ครตู รวจใบงานที่ 1.2 เรอ่ื งสารรอบตวั 5. ครูประเมนิ การทำกจิ กรรมเรอ่ื งของแข็งของเหลวและแก้สโดยใชแ้ บบประเมนิ การปฏิบตั กิ าร 6. ครูประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ จากการศกึ ษาและทำใบงานเร่อื งการจำแนกสาร ช่ัวโมงท่ี 6 - 9 (ใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้) ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถาม prior knowledge กระตนุ้ ความคดิ ของนักเรียนวา่ กอ้ นน้ำแข็งทีว่ างท้ิงไวก้ ลางแจ้ง จะมีการเปล่ียนแปลงสถานะอย่างไร 2. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรียนดว้ ยการทดลองหน้าช้ันเรยี นเรอ่ื งการเปลี่ยนแปลงสถานะของนำ้ โดยครเู ตรียมอปุ กรณ์ ดงั น้ี -น้ำแข็ง 1 ถงุ -นำ้ ในบกี เกอร์ -ฮอทเพลท ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสารในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ หนา้ ท่ี 7-8 2. ครูสมุ่ ตวั แทนนกั เรียนออกมาหน้าช้นั เรยี นเพ่ือทำกจิ กรรมตามข้ันตอนดงั นี้เทนำ้ แข็งลงในบีกเกอร์ จากนั้นให้ความร้อนดว้ ยฮอทเพลทจนกระทง่ั นำ้ แขง็ ละลายจากนัน้ ให้ความร้อนต่อไปจนกระทั่งนำ้ ใน
52 บกี เกอรเ์ ดอื ดกลายเปน็ ไอนำ้ นบกี เกอร์ลงจากฮอทเพลทแล้วนำกระจกนาฬิกามาปดิ ปากบีกเกอร์ ขณะที่นำ้ เดือด 3. ครูใหน้ กั เรียนสังเกตและจดบนั ทกึ การเปล่ียนแปลงสถานะของน้ำลงในสมุดบนั ทกึ ของนักเรียน ข้ันที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครเู ขยี นคำถามทา้ ยกิจกรรมบนกระดาน ดงั น้ี - ความร้อนท่ีใช้ในการเปลยี่ นสถานะของนำ้ แข็งกลายเปน็ น้ำเรียกว่าอะไรและอุณหภูมทิ ่ีทำให้นำ้ แข็ง เปลยี่ นสถานะเรยี กวา่ อะไร - ความร้อนที่ใชใ้ นการการเปลยี่ นสถานะของของเหลวกลายเปน็ ไอเรียกว่าอะไรและอุณหภมู ทิ ่ีทำให้ นำ้ เปลย่ี นสถานะเรยี กวา่ อะไร - การเปลย่ี นสถานะของแก๊สกลายเป็นของเหลวเรยี กวา่ อะไรและอณุ หภมู ทิ ่ีทำให้ไอนำ้ เปลี่ยนสถานะ เรียกว่าอะไร - หากนำน้ำไปแช่ในอณุ หภูมิที่ 0 องศาเซลเซียสจนนำ้ กลายเป็นน้ำแข็งเรยี กอุณหภูมินวี้ ่าอะไร 2. ครใู หน้ ักเรยี นลอกโจทยแ์ ละตอบคำถามลงในสมดุ บน 3. ส่มุ ตัวแทน 4 คนออกมาเสนอคำตอบท้ายกจิ กรรมบนกระดานคนละข้อ 4. ครูเฉลยและอธบิ ายคำตอบบนกระดานที่ถูกตอ้ ง ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาตวั อยา่ งการเปล่ยี นสถานะของนำ้ ในธรรมชาตใิ นหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หน้าที่ 8 เพื่อขยายความเขา้ ใจของนักเรียน 2. ครใู ห้นักเรียนทำโบงานท่ี 1.3 เร่อื งความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสาร 3. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 2. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูใหน้ ักเรยี นจับแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คนทำกิจกรรม เรอื่ งอณุ หภมู ิกับการเปล่ียนสถานะตามหนังสือ เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 9 โดยสมาชกิ ในกลมุ่ มหี นา้ ท่ี ดังน้ี สมาชกิ คนที่ 1 เตรยี มอุปกรณ์ สมาชิกคนท่ี 2 และ 3 ทำการทดลอง สมาชกิ คนที่ 4 บนั ทึกผลลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 และนำข้อมลู มาแสดงเปน็ กราฟ สมาชกิ คนท่ี 5 นำเสนอผลท่ไี ดจ้ ากกจิ กรรม ขนั้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครูใหส้ มาชกิ คนที่ 5 ของแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลกิจกรรมเร่ืองอณุ หภมู ิกบั การเปลี่ยนสถานะ และช่วยเสรมิ และแกไ้ ขข้อมูลใหถ้ กู ต้อง
53 2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากกจิ กรรม 3. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม ดงั นี้ -เม่ือน้ำมาผสมกบั น้ำแข็งอณุ หภูมขิ องสารมีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร -หลงั จากให้ความร้อนแก่น้ำเปน็ เวลา 3 นาที นำ้ ในบกี เกอร์มกี ารเปล่ยี นแปลงอย่างไร แลว้ บันทกึ คำตอบลงในแบบฝึกหีดวทิ ยาศาสตร์ ข้นั ที่ 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดลงในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 ขน้ั ท่ี 5 การประเมนิ ผล Evaluation 1. ครูตรวจใบงานท่ี 1.3 เรื่องความรอ้ นกับการเปลย่ี นสถานะของสาร 2. ครตู รวจแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหัตวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 3. ครูประเมนิ ผลการทำกิจกรรม เรือ่ งอุณหภูมกิ ับการเปลี่ยนสถานะ โดยใชแ้ บบประเมนิ ปฏบิ ตั ิการ 4. ครูประเมนิ ผลการทำงานรายบุคคลจากการศึกษากจิ กรรมการทดลองของตวั แทนนักเรยี นเร่อื งการ เปลี่ยนสถานะของนำ้ สังเกต และจดบันทึกการทดลอง และการตอบคำถามท้ายการทดลองจากโจทย์ บนกระดาน ชว่ั โมงที่ 10 - 14 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้) ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรใู้ หน้ กั เรียนทราบ 2. ครถู ามคำถาม เพื่อกระตนุ้ ความคิดของนักเรยี นก่อนเข้าสู่บทเรยี นว่าอากาศท่ีอยรู่ อบตัวของ นกั เรียนมีธาตใุ ดเป็นองค์ประกอบ ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาเกี่ยวเรื่องสารบริสุทธจ์ิ ากหนังสือเรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 10 2. ครูเขียนคำถามบนกระดานให้นกั เรียนตอบคำถาม ดงั นี้ -สารบรสิ ุทธิค์ อื อะไรเพราะเหตุโดธาตจุ ึงจดั เปน็ สารบริสทุ ธ์ิประกอบด้วย -อะตอมคืออะไรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง 3. ครูนำกอ้ นดนิ น้ำมนั มาป้นั เป็นลูกทรงกลม 3 ลกู 3 สี ดงั นี้ -ลกู แรก สแี ดง คือนิวตรอน -ลกู ทส่ี อง สีฟ้า คือโปรตอน -ลกู ทีส่ าม สเี หลอื ง คืออเิ ล็กตรอน
54 4. ครใู หน้ ักเรียนสบื คน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั แบบจำลองอะตอมของธาตุหรือศกึ ษาจากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 10 ข้นั ที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตัวแทนนกั เรยี นออกมาสรา้ งและอธบิ ายแบบจำลองอะตอมโดยใชด้ ินนำ้ มนั ที่ครเู ตรียมมา โดยใชค้ วามรู้จากการสบื คน้ ข้อมลู 2. ครูตรวจแบบจำลองอะตอมท่ีนกั เรยี นปั้นและเพมิ่ เติมข้อมลู ที่นักเรยี นนำเสนอให้ถูกต้อง 3. ครูยกตวั อยา่ งแบบจำลองอะตอมของธาตุบางชนิดเช่นคารบ์ อนออกซเิ จนเปน็ ตน้ 2. การสำรวจและคน้ หา 1. ครเู กริ่นนำวา่ ธาตใุ นปจั จบุ ันมมี ากวา่ 117 ชนิด แลว้ ถามคำถามนักเรยี นวา่ เราจะรู้ได้อย่างไรวา่ ธาตุแตล่ ะชนิดคือธาตโุ ด 2. ครูให้นักเรยี นศึกษา เรื่องหลักการเขยี นสญั ลักษณ์ของธาตุจากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 11 3. ครนู ำตวั อย่างตารางธาตุ ที่แสดงสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุมาใหน้ กั เรียนศกึ ษา 4. ครูให้นักเรยี นศึกษา เรื่องการเขยี นสญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี รข์ องธาตจุ ากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หน้าที่ 12 5. ครูให้นกั เรียนศึกษาสมบตั ิของธาตุในตารางที่ 1.2 กับตารางธาตใุ นหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หนา้ ท่ี 12 ข้นั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรยี นออกมาเขียนสัญลักษณข์ องธาตหุ นา้ ชน้ั เรียน และอธิบายหลกั การเขียนสัญลักษณ์ ของธาตุชนดิ นั้น 2. ครอู ธบิ ายตารางท่ี 1.1 จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 11 ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ สญั ลกั ษณข์ องธาตุมากขนึ้ 3. ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 5 คนออกมาตอบคำถามคนละข้อจากตารางธาตุ ตอ่ ไปน้ี -จงหาสัญลักษณ์ธาตุทองคำและเขียนสญั ลักษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุ -จงหาสญั ลกั ษณ์ธาตุซนี อนและเขยี นสญั ลักษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุ -จงหาสญั ลกั ษณ์ธาตุเงินและเขยี นสัญลกั ษณ์นิวเคลยี รข์ องธาตุ -จงหาสญั ลักษณ์ธาตปุ รอทและเขียนสญั ลักษณ์นวิ เคลยี รข์ องธาตุ -จงหาสญั ลกั ษณธ์ าตุสังกะสีและเขยี นสญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี ร์ของธาตุ 4. ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง
55 3. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูถามคำถามต่อไปน้ี -แนวโน้มของธาตุในตารางสามารถแบง่ ธาตุออกเป็นกี่ประเภท แตล่ ะประเภทมลี กั ษณะ อย่างไร 2. ครูเตรยี มอุปกรณ์การทดลอง เรือ่ ง สมบัตขิ องธาตุ ดังน้ี -ตะปเู หลก็ -กำมะถัน -กระดาษทราย -สายไฟ -ถ่านไฟฉาย -หลอดไฟ จากนน้ั ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ทดสอบสมบัติของธาตตุ ามขัน้ ตอน ดงั น้ี -ใช้กระดาษทรายขดั ผิวธาตแุ ลว้ สังเกตความมนั วาว -ใหน้ กั เรยี นตอ่ วงจรไฟฟ้าดงั ภาพแล้วสงั เกตความสว่างของหลอดไฟ 3. ครใู หน้ กั เรียนตอบคำถามจากการทำกิจกรรม ตอ่ ไปนี้ - เมื่อใชก้ ระดาษขัดผิวตะปเู หลก็ ผวิ ของตะปเู หล็กมลี ักษณะอย่างไร - เม่ือนำตะปเู หลก็ ไปต่อกับวงจรไฟ หลอดไฟสวา่ งหรือไม่ -เมอ่ื นำกำมะถัน ไปต่อกับวงจรไฟ หลอดไฟสวา่ งหรือไม่ ขนั้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้นกั เรียนของแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหน้าช้ันเรยี นวา่ ธาตุ 2 ชนิดจดั อยใู่ นกล่มุ ใด เพราะเหตุใด 2. ครูตง้ั คำถามใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ระดมความคิดตอบคำถาม ตอ่ ไปนี้ -ธาตโุ ลหะและธาตุอโลหะมสี มบัตเิ หมอื นหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร -สมบัตขิ องธาตุโลหะสามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างจงยกตวั อยา่ ง
56 4. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูใหน้ กั เรยี นร่วมกนั ระดมความคิดวา่ ในปจั จบุ ันเรานำธาตุมาใชป้ ระโยชน์อะไรบา้ ง 2. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลุม่ ออกเป็น 4 กลมุ่ สืบค้นประโยชนข์ องธาตใุ ห้มากท่สี ุด ขั้นท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครสู ่มุ ตัวแทนกล่มุ ออกมาน้ำเสนอผลจากการสบื ค้นประโยชน์ของธาตุ 2. ครอู ธบิ ายและยกตวั อย่างธาตทุ ่มี ีความสำคัญต่อประเทศในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าที่ 14 ขน้ั ท่ี 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 ขั้นที่ 5 การประเมินผล Evaluation 1. ครูตรวจแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 2. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการสบื คน้ ประโยชนข์ องธาตุ 3. ครปู ระเมนิ การนำเสนอประโยชน์ของธาตโุ ดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ช่วั โมงท่ี 15 - 16 (ใช้รูปแบบการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความร)ู้ ข้นั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. แจง้ ผลการเรียนร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ 2. ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นเก่ียวกับเรื่องธาตุกัมมนั ตรงั สี โดยเปดิ วดี ีทัศน์ เรือ่ งผลกระทบ นวิ เคลยี ร์ฟุกชุ มิ ะ (แหลง่ ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=THc2-70ec) จากนน้ั ครูต้ัง คำถามจากวดี ที ัศน์ ดังนี้ -ครูถามนกั เรียนว่าจากข่าวผลกระทบนวิ เคลียร์ฟุกุชิมะเกิดการว่ั ไหลของสารใด -ครูถามนกั เรียนว่าสารกัมมนั ตรงั สสี ่งผลกระทบต่อสง่ิ มชี วี ิตอย่างไร 3. ครูถามนักเรียนวา่ นักเรยี นคิดว่าธาตุท่ีเปน็ องคป์ ระกอบของสารกัมมันตรังส่ีมลี ักษณะอย่างไร จงึ ทำ ให้เกดิ ผลกระทบต่าง ๆ ต่อสิ่งมีชีวิต
57 ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูจดั เตรียมขุดแบบจำลองนิวเคลียสของอะตอม 3 นวิ เคลยี ส ได้แก่ 1) นวิ เคลียสขนาดใหญ่ท่ีมจี ำนวนโปรตอนเทา่ กบั อเิ ลก็ ตรอน ครูจัดเตรียมโดยปนั้ ดินน้ำมันสี เขียวเป็นก้อนกลม 6 ลูกแตล่ ะลกู แทนเปน็ โปรตอน 1 อนุภาคและปั้นดนิ น้ำมันสีสม้ 6 ลูกแตล่ ะลูก แทนเปน็ นวิ ตรอน 1 อนุภาคจากนั้นนำก้อนดนิ น้ำมนั มาติดกัน (อยา่ ติดแน่นกนั จนเกินไป) 2) นิวเคลียสทม่ี ีจำนวนโปรตอนมากกว่านวิ ตรอน โดยครปู ั้นดนิ น้ำมันสเี ขยี วเป็นก้อนกลม 3 ลูกและปน้ั ดนิ น้ำมันสสี ้ม 2 ลูกจากน้ันนำกอ้ นดินน้ำมนั มาตดิ กนั (อย่าตดิ แน่นกนั จนเกนิ ไป) 3) นวิ เคลยี สท่มี ีจำนวนนวิ ตรอนมากกวา่ โปรตอนโดยครูปั้นดนิ น้ำมันสีเขยี วเป็นก้อนกลม 2 ลูกและปนั้ ดนิ นำ้ มนั สีส้ม 3 ลูกจากนัน้ นำกอ้ นดนิ น้ำมนั มาตดิ กนั (อย่าติดแนน่ กันจนเกินไป) 4) นิวเคลยี สขนาดปานกลางท่ีได้รบั พลงั งานกระตุ้นโดยครูป้นั ดนิ น้ำมนั สเี ขยี วเป็นก้อนกลม 2 ลูกและปน้ั ดินน้ำมันสสี ้ม 3 ลกู จากนั้นนำก้อนดินนำ้ มนั มาตดิ กนั (อยา่ ตดิ แน่นกันจนเกินไป) แล้ว วางบนเคร่ืองเขย่าสารโดยใชค้ วามเร็วในการเขยา่ นอ้ ยทส่ี ุด 2. ครูนำเสนอนิวเคลียสของธาตกุ มั มนั ตรงั สีให้นักเรียนดูแลว้ ดงึ กอ้ นดินน้ำมันสีเขียวและสเี หลืองสีสี ละ 2 กอ้ นออกจากแบบจำลองนิวเคลยี สขนาดใหญจ่ ากน้ันครูตง้ั คำถามนักเรยี นว่านิวเคลียสทค่ี รู เตรยี มท้ัง 4 นิวเคลยี สซ่งึ เปน็ นวิ เคลียสของธาตุกัมมันตรงั สีจะมีการแผ่รงั สชี นิดใดออกมาเพราะเหตุใด จึงคิดเชน่ นนั้
58 3. ครใู ห้นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ๆละ 5 คนออกมารบั ใบงานท่ี 1.4 เรื่องธาตกุ ัมมนั ตรังสีจากนน้ั ครใู ห้ นักเรียนศกึ ษาคำช้ีแจงในใบงานสบื ค้นเกยี่ วกบั ธาตุกมั มันตรงั สีในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 15 แลว้ ตอบคำถามในใบงานที่ 1.4 เรอ่ื งธาตกุ มั มนั ตรังสีตอนท่ี 1 ขั้นที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูให้ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอคำตอบในใบงานที่ 1.4 เร่ือง ธาตกุ มั มนั ตรงั สี ตอนที่ 1 หนา้ ชน้ั เรยี น จากน้ันครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องและความละเอียดของ ขอ้ มลู ท่ีแต่ละกล่มุ นำเสนอหน้าชน้ั เรียน 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปน้ี -ธาตกุ ัมมันตรงั สคี ืออะไร -กมั มันตภาพรังสีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง -อนุภาคแตล่ ะประเภทเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไรและมีลกั ษณะอย่างไร -ความสามารถในการทะลทุ ะลวงของรังสีแต่ละประเภทเป็นอยา่ งไร 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครูถามนักเรียนเพิ่มเดิมว่า จากการศึกษาลักษณะของธาตกุ ัมมนั ตรังสี นกั เรียนคิดวา่ ธาตุ กมั มันตรงั สีมปี ระโยชนต์ อ่ สิง่ มชี ีวติ หรือไม่ อยา่ งไร 2. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ สุ่มจบั ฉลากหัวข้อเก่ยี วกบั การนำความรูเ้ ก่ียวกับธาตุกัมมันตรงั สีไปใช้ ประโยชน์ ดงั น้ี หัวข้อที่ 1: การนำความรเู้ กยี่ วกับธาตุกัมมันตรังสีไปใช้ดา้ นอตุ สาหกรรม หวั ข้อที่ 2: การนำความรู้เกีย่ วกับธาตุกมั มนั ตรังสีไปใช้ดา้ นการแพทย์ หัวข้อที่ 3: การนำความรเู้ กย่ี วกับธาตกุ ัมมันตรังสีไปใชด้ า้ นการเกษตร หวั ข้อที่ 4: การนำความรู้เกย่ี วกบั ธาตุกมั มนั ตรังสไี ปใชด้ า้ นธรณวี ทิ ยา 3. ครถู ามนกั เรยี นวา่ นอกจากธาตุกมั มันตรงั สิจะสามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ได้แล้ว ธาตุกมั มันตรงั สีจะ ก่อให้เกดิ โทษต่อสงิ่ มชี ีวติ อย่างไรบา้ ง 4. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาผลของกัมมนั ตรงั สตี ่อส่งิ มีชวี ติ และส่ิงแวดล้อม ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม. 1 เล่ม 1 หรอื จากแหล่งเรียนรอู้ นื่ ๆ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั นำเสนอและอภิปราย ขั้นท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเกี่ยวกับการนำความรเู้ ก่ียวกบั ธาตุกัมมนั ตรังสไี ปใช้ ประโยชน์ จากน้ันให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ บนั ทกึ คำตอบลงในใบงานที่ 1.4 เร่อื งธาตุกัมมันตรงั สีตอนท่ี 2 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการทำกิจกรรม และการนำ ความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์
59 ขั้นท่ี 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครทู บทวนความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใช้แนวคำถาม ดังนี้ -ธาตกุ มั มันตรงั สี คืออะไร -ธาตุกมั มันตรังสีสามารถแผ่รังสีไดก้ ่ีประเภท อะไรบ้าง -กมั มนั ตรงั สีมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบ้าง -โทษของธาตุกมั มันตรังสมี ีอะไรบา้ ง 2. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 ขนั้ ท่ี 5 การประเมนิ ผล Evaluation 1. ครตู รวจใบงานที่ 1.4 เร่อื งธาตุกัมมันตรงั สี 2. ครูตรวจแบบฝึกหดั ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 3. ครูประเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุ่มจากการทำใบงานและการศกึ ษาประโยชนข์ องธาตุ กัมมันตรังสี 4. ครูประเมนิ การนำเสนอใบงานท่ี 1.4 เร่อื ง ธาตกุ ัมมันตรังสี โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนองาน ช่วั โมงที่ 17 – 18 (ใชร้ ปู แบบการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้) ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครแู จ้งผลการเรียนรูใ้ หน้ ักเรียนทราบ 2. ครูถามคำถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรยี น ดังนี้ -สารบรสิ ทุ ธิ์คืออะไร -เพราะเหตุใดธาตจุ ึงจดั เป็นสารบริสทุ ธิ์ 3. ครเู กรินวา่ อะตอมของธาตุสามารถสร้างพนั ธะระหว่างกันได้ จากนนั้ นำเสนอแบบจำลองสาร ตอ่ ไปน้ี 4. ครูถามนักเรียนเกยี่ วกบั แบบจำลองโครงสร้างสารที่ครูนำเสนอ ดงั น้ี -สารท่ีครูแสดงจัดเป็นสารบริสทุ ธห์ิ รอื ไม่ เพราะเหตุใด -สารท่ีครูแสดงมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากธาตุทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบของสารน้ันหรือไม่
60 ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คนจากนัน้ ใหน้ กั เรียนสง่ ตัวแทนกลมุ่ ออกมารับใบงานท่ี 1.5 เรื่อง สารประกอบ 2. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา เรื่องสารประกอบ ในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าที่ 18 หรือจาก แหล่งการเรยี นรู้อ่นื ๆ จากน้ันใหน้ กั เรียนบนั ทึกผลการสืบคน้ ลงในใบงานท่ี 15 เรอื่ งสารประกอบตอน ท่ี 1 ขนั้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น เก่ียวกับการบนั ทึกผลการสบื คน้ ลง ในใบงาน โดยนักเรียนกลุ่มอื่นร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกบั คำตอบของกลุ่มเพื่อนท่ีนำเสนอ 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากกจิ กรรม โดยครถู ามคำถามนักเรียน ดังน้ี -สารประกอบ คอื อะไร -อตั ราส่วนโดยมวลของธาตทุ ่ีรวมกนั เป็นสารประกอบเปน็ อย่างไร -สมบัตขิ องสารประกอบเปล่ียนแปลงไปจากสมบัตขิ องธาตุที่เปน็ องค์ประกอบเดิมหรือไม่ -สารประกอบชนิดใดทีส่ ามารถใช้สตู รโมเลกุลได้ ขน้ั ที่ 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครูถามนกั เรียนวา่ นอกจากตัวอยา่ งแบบจำลองโมเลกุลของสารประกอบท่ีครนู ำเสนอแลว้ นักเรยี น คดิ ว่ามีสารใดรอบตัวนกั เรียนท่ีเป็นสารประกอบอีกบ้าง 2. ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ศึกษาคน้ ควา้ เกีย่ วกบั สารประกอบท่ีอย่รู อบตวั นักเรยี นแล้วบันทึกผลการ สืบค้นลงในใบงานท่ี 1.5 เร่ืองสารประกอบตอนท่ี 2 ข้นั ท่ี 5 การประเมนิ ผล Evaluation 1. ครูตรวจแบบฝึกหดั ในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 2. ครตู รวจใบงานท่ี 1.5 เรอื่ งสารประกอบ 3. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ จากการทำใบงานที่ 1.5 เร่ืองสารประกอบ 4. ครปู ระเมินการนำเสนอใบงานที่ 1.5 เรื่องสารประกอบโดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
61 ชัว่ โมงที่ 19 - 22 (ใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความร)ู้ ข้นั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ ผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ 2. ครูนำสารมา 3 ชนดิ ได้แก่ นำ้ แดง น้ำนม น้ำโคลน แลว้ ให้นักเรยี นเปรียบเทยี บความเหมอื นและ ความแตกตา่ งของสารทั้งสามชนดิ 3. ครูเกริ่นนำถามคำถามนกั เรียนวา่ สารผสมคอื อะไร และให้นักเรยี นยกตวั อย่างสารผสมทน่ี กั เรยี น รจู้ ักมาคนละนดิ ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. การสำรวจและคน้ หา 1. ครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ศึกษา เรอื่ งสารละลาย จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หน้าท่ี 19 2. ครูแบง่ กลุม่ นักเรยี นออกเป็น 4 กลุม่ 3. ครเู ตรยี มอุปกรณก์ ารทดลองให้กับแต่ละกล่มุ ดังนี้ -เกลอื -น้ำกลัน่ -บกี เกอร์ขนาด 250 cm -แท่งคนสารข้อนตักสาร -กระบอกตวง -เครอื่ งช่ังสาร 4. จากนั้นครใู หน้ กั เรยี นช่ังเกลอื มา 10 กรัม ใสล่ งในบีกเกอรแ์ ล้วเตมิ นำ้ กลน่ั จนมีปริมาตรเปน็ 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร 5. ครูให้นักเรยี นสบื คน้ คำตอบของคำถามทา้ ทายความคิดขั้นสงู (H.O.TS. ) -จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่างการหลอมเหลวกบั การละลาย ขั้นที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครูถามคำถามเพ่ือทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนและอธบิ ายคำตอบ ดงั น้ี -หลงั จากเตมิ เกลือลงไปในน้ำ นักเรียนคดิ ว่าเกลือหายไปได้อย่างไร -สารทไ่ี ดห้ ลังจากเติมเกลือลงไปเรยี กวา่ อะไร -จากการทดลองนักเรียนคิดว่าสารใดเปน็ ตัวละลาย และสารใดเป็นตวั ทำละลาย -จากการทดลองสารละลายที่ไดม้ ีคุณสมบตั แิ ตกต่างจากสารต้งั ตน้ อย่างไร -นักเรยี นคิดวา่ สารประกอบแตกตา่ งอย่างไรกับสารละลาย
62 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครูใหน้ กั เรียนสืบค้นวธิ ีการคำนวณสารละลาย เพื่อใชเ้ ป็นความรใู้ นการทำกิจกรรม เรื่องการเตรยี ม สารละลาย ตามหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 20 แล้วบนั ทึกผลลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 ขั้นที่ 3 การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูสอนการคำนวณสารละลายในหนว่ ยรอ้ ยละโดยมวล ร้อยละโดยปริมาตร และรอ้ ยละโดยมวลต่อ ปรมิ าตรเพ่ือทำกจิ กรรมการเตรยี มสารละลาย 2. ครลู มุ่ นกั เรียนออกมาทำโจทย์หนา้ ช้ันเรียน ขัน้ ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครถู ามคำถามหลงั การทดลอง ดังน้ี -จากกจิ กรรมนักเรียนคดิ ว่าสารใดเป็นตวั ละสายและสารใดเปน็ ตวั ทำละลาย -จากกิจกรรม สขี องสารละลายดา่ งทับทิมทีเ่ ตรยี มใหแ้ ตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร 2. ครูลมุ่ นกั เรียน 6 คน ออกมาคำนวณความเข้มข้นของสารละลายท่ีเตรยี มไดจ้ ากกจิ กรรมเป็นหน่วย ร้อยละโดยมวล รอ้ ยละโดยปริมาตร และร้อยละโดยมวลต่อปรมิ าตร ตามลำดับ โดย 3 คนแรก คำนวณโดยใช้ปริมาณด่างทับทิม 5 กรัม และอีก 3 คนคำนวณโดยใช้ปรมิ าณต่างทับทมิ 10 กรัม 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลที่ไดจ้ ากการทำกิจกรรม 3. การสำรวจและคน้ หา 1. ครูใหน้ ักเรียนศึกษา เร่ืองสารแขวนลอย และคอลลอยด์ ในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 หนา้ ที่ 21 2. ครูเตรียมชุดสาธิตใหน้ ักเรียนศึกษา เรื่องสารผสม จากฐานกิจกรรม ดังนี้ -ฐานที่ 1 เตรียมนำ้ โคลน 500 mL ในบีกเกอรข์ นาด 1000 ml เตรยี มน้ำนม 500 mL ในบีกเกอร์ขนาด 1000 ml -ฐานท่ี 2 ปรากฏการณท์ ินดอลล์ เตรียมนำ้ นมผสมนำ้ ให้มปี ริมาตร 300 ml โนบีกเกอรข์ นาด 500 ml เตรียมน้ำเกลือให้มปี ริมาตร 300 ml ในบกี เกอรข์ นาด 500 ml ไฟฉาย 1 กระบอก -ฐานท่ี 3 อิมลั ชน่ั เตรยี มนำ้ มนั พชื นำ้ สม้ สายชู และไข่แดง ใส่ลงในหลอดทดลองอยา่ งละหลอด 3. ครแู จกใบงานที่ 1.6 เรอื่ งสารผสมจากนั้นให้นกั เรียนจับกลุม่ 3 คน โดยใหส้ มาชกิ ภายในกล่มุ ห้า กิจกรรมฐาน ต่อไปน้ี
63 -สมาชิกคนท่ี 1 ทำกิจกรรมฐานที่ 1 เรื่องความแตกต่างของสารเนื้อผสม -สมาชกิ คนท่ี 2 ทำกจิ กรรมฐานท่ี 2 เรือ่ งปรากฏการณ์ทินดอลล์ -สมาชกิ คนท่ี 3 ทำกิจกรรมฐานท่ี 3 เรือ่ งอมิ ัลชันโดยให้สมาชกิ คนท่ี 3 ของแต่ละกลุ่มออกมา รบั หลอดทดลอง 1 หลอดและหลอดดดู สารเพื่อใชท้ ำกจิ กรรม 4. ครใู ห้นกั เรยี นทำกจิ กรรมฐานตามขน้ั ตอนและบันทึกผลลงในใบงานท่ี 1.6 เรื่องสารผสม ขน้ั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครใู ห้สมาชกิ ภายในกล่มุ นำผลการทดลองทบ่ี ันทึกลงในใบงานมาแลกเปล่ยี นข้อมลู และอธิบายผล จากกจิ กรรมฐานให้สมาชิกภายในกลมุ่ เข้าใจ 2. ครสู ่มุ ตัวแทนกลุ่ม 1 คนออกมาสรปุ ผลจากใบงานที่ 1.6 เร่ืองสารผสม 3. ครูถามคำถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น ดังน้ี -สารผสมทุกชนิดจัดเป็นสารเนื้อผสม นกั เรียนเหน็ ด้วยกบั ข้อความนี้หรือไม่ อย่างไร -สารแขวนลอย ตา่ งจากคอลลอยด์อย่างไร -ปรากฏการณท์ ินดอลล์ คืออะไร -อิมัลช่นั และ อิมัลซิไฟเออรม์ ีความเกย่ี วข้องกนั อย่างไร ขั้นท่ี 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครใู ห้นักเรยี นรวบรวมข้อมูล เร่ืองสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม โดยทำในรปู แบบแผนผงั มโนทศั น์ที่ เขา้ ใจงา่ ยและสวยงามลงในกระดาษ A4 จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นสรปุ วา่ สารบริสทุ ธแ์ิ ละสารผสมมคี วาม แตกตา่ งกันอย่างไร 2. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ม. 1 เลม่ 1 ขั้นท่ี 5 การประเมนิ ผล Evaluation 1. ครูตรวจใบงานท่ี 1.6 เรื่องสารผสม 2. ครปู ระเมนิ ผังมโนทัศน์เรื่องสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม 3. ครูตรวจแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 4. ครูกจิ กรรมท้าทายความคิดขั้นสูงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 5. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล จากการสืบคน้ และศึกษา เรื่องสารละลาย 6. ครปู ระเมนิ พฤติกรรมการทำงานรายกลุม่ จากการทำกิจกรรรมฐาน เรือ่ งสารผสม 7. ครูประเมนิ ผลการนำเสนอใบงาน เรอ่ื งสารผสม โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน
64 ชว่ั โมงท่ี 23 - 26 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความร)ู้ ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ ผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ 2. ครูนำแกว้ มา 2 ใบ โดยใบหนึง่ ใส่น้ำเกลือ และอีกใบหนึ่งใสน่ ้ำธรรมดา จากนัน้ ครหู ย่อนลกู ปดั ลง ในแกว้ ทม่ี นี ้ำเกลอื และน้ำธรรมดา จากนนั้ ครใู หน้ ักเรียนเปรียบเทียบผลท่ีเกิดขึน้ เพ่ือให้นกั เรียนเห็น ถงึ ความแตกต่างของสารบริสทุ ธ์ิกบั สารผสม ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. การสำรวจและค้นหา 1. ครูให้นักเรียนสืบคน้ ข้อมูล หรอื ศกึ ษาจากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 หน้าที่ 22 ว่า เพราะเหตุใดลกู ปดั จึงจมในน้ำเกลือ แต่กลบั ลอยในน้ำธรรมดา เพื่อเกรนิ่ นำให้เรยี นรู้จักความ หนาแน่นจำเพาะของสาร ซ่ึงเปน็ สมบตั ทิ างกายภาพ 2. ครเู กร่นิ นำว่าสารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสมมีสมบตั ทิ างกายภาพ เช่น จุดเดอื ดจุดหลอมเหลวความ หนาแน่นเปน็ ต้น ทแ่ี ตกต่างกัน 3. ครใู ห้นักเรียนศึกษา เรื่องสมบตั ขิ องสารบริสทุ ธิ์และสารผสม ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรม์ . 1 เลม่ 1 หน้าที่ 22 ข้นั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครสู มุ่ เรียกนักเรยี นออกมาอธิบายผลจากการสืบค้นข้อมูลหนา้ ช้ันเรยี น 2. ครเู ฉลยคำตอบและเพมิ่ เติมความรใู้ ห้กับนักเรียนว่า เพราะเหตใุ ดลูกปัดจงึ ลอยในน้ำทะเล แตก่ ลบั จมในนำ้ ธรรมดา 3. ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมเกี่ยวกับความหนาแน่นจำเพาะของสารในกรอบ Sience focus 2. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 4 กล่มุ ศึกษากิจกรรม การตรวจสอบสารบริสุทธ์ิและสารละลาย ในตอนที่ 1 จากนัน้ ครูอธิบายขน้ั ตอนการทดลองในตอนที่ 1 อย่างละเอยี ดตามหนงั สือเรียน วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ท่ี 23 2. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทำกิจกรรมตอนที่ 1 เรื่องการหาจดุ เดอื ดของเอทานอล และสารละลายกลี เซอรอลในเอทาน แลว้ บนั ทกึ ผลลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1
65 3. การสำรวจและค้นหา 1. ครใู ห้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เดมิ ศกึ ษากจิ กรรม การตรวจสอบสารบริสุทธิแ์ ละสารละลายในตอนท่ี 2 จากนนั้ ครูอธิบายข้ันตอนการทดลองในตอนท่ี 2 อยา่ งละเอียดตามหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 23 2. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ เดมิ จากชั่วโมงท่ีแลว้ เพื่อทำกิจกรรมตอนท่ี 2 เรื่องการหาจดุ หลอมเหลว ของแนฟทาลีน และสารละลายกรดเบนโซอิค ในแนฟทาลีน แลว้ บันทกึ ผลลงในแบบฝกึ หัด วิทยาศาสตรม์ 1 เลม่ 1 ข้นั ท่ี 3 การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลจากกิจกรรมการตรวจสอบสารบริสทุ ธ์แิ ละ สารละลายทงั้ ในตอนที่ 1 และตอนท่ี 2 จากชว่ั โมงท่ีแลว้ 2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายผลกจิ กรรมการตรวจสอบสารบริสุทธิแ์ ละสารละลาย 3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม แลว้ บันทกึ ลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 ข้ันที่ 4 การขยายความรู้ Elaboration 1. ครูให้นักเรียนศึกษาสมบัติตอลลิเกทีฟของสารละลายใน science focus จากหนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 เพ่ือขยายความใจว่าเพราะเหตุใดสารบริสทุ ธิจ์ ึงมีจดุ เดอื ดต่ำกว่าสารผสม และสารบริสทุ ธิ์มีจดุ หลอมเหลวสงู กวา่ สารผสม 2. ครูให้นกั เรียนทำ self check และ Unit Question 3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบทา้ ยหน่วย 4. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบทา้ ยเล่มในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม. 1 เลม่ 1 5. ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน ข้ันท่ี 5 การประเมินผล Evaluation 1. ครูเฉลย self check และ unit Question แลว้ ใหน้ กั เรียนประเมนิ ตนเอง 2. ครตู รวจแบบฝึกหดั ทา้ ยเล่มจากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 3. ครตู รวจแบบฝกึ หดั ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรม์ . 1 เล่ม 1 4. ครูตรวจแบบทดสอบท้ายหนว่ ยท่ี 1 ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 5. ครูตรวจแบบฝึกหดั ท้ายเล่มในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ม. 1 เล่ม 1 6. ครูประเมนิ ผลงานจากการทำกจิ กรรมกลุ่มจาก group activity 7. ครปู ระเมนิ ผลการทำกจิ กรรมการตรวจสอบสารบริสทุ ธ์แิ ละสารละลายโดยใช้แบบประเมนิ การ ปฏบิ ตั กิ าร
66 8. ครปู ระเมนิ ผลการทำงานรายกลุ่ม จากการทำกจิ กรรมการตรวจสอบสารบรสิ ทุ ธิ์และสารละลาย 9. ครตู รวจแบบทดสอบหลังเรยี น 9. สือ่ การสอน 1. หนังสอื วิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 3. ใบงาน 1.1 เรอ่ื ง การจำแนกสาร 4. ใบงาน 1.2 เรื่อง สารรอบตัว 5. PowerPoint หรือภาพสารต่างๆ เช่น ส้มตำ น้ำผลไมป้ ่ัน นำ้ เกลอื นำ้ นม กาแฟ สลดั น้ำแข็ง ทองคำขาว น้ำพริก แอลกอฮอล์ นำ้ สม้ สายชู หมอก ควนั ท่อไอเสีย แก๊สหุงต้ม เปน็ ตน้ 6. อปุ กรณ์การทดลอง เร่ือง ของแข็ง ของเหลง และแกส๊ 7. อุปกรณ์การทดลอง เรอื่ ง การเปล่ียนสถานะของน้ำ 8. อปุ กรณ์การทดลอง เรอ่ื ง อณุ ภมู กิ ับการเปล่ียนสถาน 9. ใบงาน 1.3 เร่ือง ความร้อนกบั การเปล่ียนสถานะของสาร 10. ภาพสารตัวอย่าง 11. อุปกรณ์การทดลอง เรอ่ื ง สมบัติของธาตุ 12. ดินนำ้ มัน 13. ใบงาน 1.4 เรื่องธาตุกัมมันตรงั สี 14.แบบจำลองโครงสร้างของสาร 15. ใบงาน 1.5 เรอ่ื ง สารประกอบ 16. ภาพสารตงั อย่าง 17. อุปกรณ์การทดลอง เรื่อง สารผสม 18. ใบงาน 1.6 เร่ือง สารผสม 19. อุปกรณ์การทดลอง เรื่อง ความหนาแนน่ เชน่ นำ้ เกลือ นำ้ ธรรมดา คลปิ หนบั กระดาษ เป็นตน้ 20. อปุ กรณ์การทดลอง เรอ่ื ง การตรวจสอบสารบรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสม 10. แหล่งเรยี นรูใ้ นหรือนอกสถานที่ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องปฏบิ ตั กิ าร
67 11. การวัดและประเมินผล ช้นิ งาน/ภาระงาน วธิ ีวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ 1. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน ตรวจ แบบทดสอบ ตอบคำถามถกู ตอ้ งจงึ จะได้ คะแนน9–10= ดมี าก หน่วยท่ี 2 เรื่องสารรอบตัว แบบทดสอบ ก่อน-หลัง คะแนน คะแนน6–8= ดี 2. ใบงานท่ี 1.1เร่อื งการจำแนก สาร กอ่ น-หลงั เรยี น เรยี น คะแนน3–5= พอใช้ 3. ใบงานท่ี 1.2เรอื่ งสารรอบตวั คะแนน0–2= ปรบั ปรงุ 4. ใบงานที่ 1.3เรอ่ื งความร้อน ผา่ นเกณฑ์ในระดับดีขน้ึ ไป กับการเปลยี่ นสถานะของสาร ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบคำถามถูกต้องตามใบ คะแนน9–10= ดมี าก 5. ใบงาน1.4เร่อื งกัมมนั ตรังสี งานทม่ี อบหมาย คะแนน6–8= ดี คะแนน3–5= พอใช้ คะแนน0–2= ปรบั ปรงุ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดขี น้ึ ไป ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบคำถามถูกต้องตามใบ คะแนน9–10= ดมี าก งานทม่ี อบหมาย คะแนน6–8= ดี คะแนน3–5= พอใช้ คะแนน0–2= ปรบั ปรุง ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดขี ึ้นไป ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบคำถามถูกต้องตามใบ คะแนน9–10= ดมี าก งานทมี่ อบหมาย คะแนน6–8= ดี คะแนน3–5= พอใช้ คะแนน0–2= ปรบั ปรุง ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีขึ้นไป ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบคำถามถูกต้องตามใบ คะแนน9–10= ดมี าก งานทมี่ อบหมาย คะแนน6–8= ดี คะแนน3–5= พอใช้ คะแนน0–2= ปรบั ปรงุ
6. ใบงานท่ี 1.6เร่อื งสารประกอบ ตรวจใบงาน ใบงาน 68 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดขี น้ึ ไป พิจารณาความถูกต้องของ คะแนน9–10= ดีมาก ขอ้ มูลและความสวยงามใน คะแนน6–8= ดี การตกแตง่ แผ่นพับ คะแนน3–5= พอใช้ คะแนน0–2= ปรบั ปรงุ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดขี ้ึนไป จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เกณฑ์การให้ คะแนน หรอื ส่งิ ท่ตี ้องการจะวดั และ วธิ วี ดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ประเมินผล 1. นักเรยี นสามารถอธิบายสมบัติ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑต์ ั้งแต่ระดับปานกลาง ใหค้ ะแนน ขนั้ ไป ทางกายภาพบางประการของธาตุ รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่ระดบั ปานกลาง โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ได้ ตารางเกณฑ์การ ขัน้ ไป ให้คะแนน อยา่ งถูกต้อง พฤตกิ รรมการ เรยี นรู้ 2. นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ผล สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม จากการใชธ้ าตโุ ลหะอโลหะก่ึง รายบคุ คล โลหะและธาตุกมั มนั ตรงั สี ทม่ี ี ตอ่ สิง่ มชี ีวติ ส่งิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจและสงั คมจากข้อมูลที่ รวบรวมได้ 3. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑต์ ้งั แตร่ ะดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขัน้ ไป จดุ เดือดจดุ เหลวของสาบริสุทธิ์ รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ และสารผสมโดยการวัดอณุ หภมู ิ เขียนกราฟ แปลความหมาย ขอ้ มูลจากกราฟหรือสารสนเทศ ได้อย่างถกู ตอ้ ง
69 4. นักเรยี นอธบิ ายและ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑต์ ้งั แต่ระดับปานกลาง ให้คะแนน ข้นั ไป เปรยี บเทยี บความหนาแนน่ ของ รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ เรยี นรู้ ผา่ นเกณฑต์ ง้ั แต่ระดับปานกลาง สารบรสิ ุทธลิ์ ะสารผสมไดอ้ ยา่ ง ตารางเกณฑ์การ ขั้นไป ให้คะแนน ถกู ต้อง พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ต้ังแตร่ ะดบั ปานกลาง เรียนรู้ ขั้นไป 5. นักเรยี นสามารถบอกวธิ ีใช้ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนน เคร่อื งมือเพื่อวดั มวลและ รายบคุ คล พฤติกรรมการ เรียนรู้ ปรมิ าตรของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสาร ผสมได้อยา่ งถูกตอ้ ง 6. นกั เรียนสามารถอธิบาย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เกี่ยวกับความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง รายบุคคล อะตอมธาตุ และสารประกอบ โดยใช้แบบจำลองและสารสนเทศ ได้อย่างถูกต้อง 7. นกั เรียนสามารถอธบิ าย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่ระดับปานกลาง ให้คะแนน ขน้ั ไป โครงสร้างอะตอมท่ีประกอบด้วย รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ผา่ นเกณฑต์ ั้งแต่ระดับปานกลาง โปรตอนนวิ ตรอนและ ตารางเกณฑ์การ ขน้ั ไป ให้คะแนน อเิ ลก็ ตรอนโดยใช้แบบจำลอง พฤติกรรมการ เรียนรู้ 8. นกั เรยี นสามารถอธิบายและ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม เปรยี บเทียบการจัดเรยี งอนภุ าค รายบุคคล แรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค และการเคลอื่ นที่ของอนภุ าคของ สสารชนดิ เดยี วกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ โดย ใชแ้ บบจำลองไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 9. นกั เรียสามารถอธิบายระหว่าง สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่ระดับปานกลาง ให้คะแนน ขั้นไป ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งาน รายบุคคล พฤติกรรมการ เรียนรู้ ความร้อนกับการเปล่ียนสถานะ ของสสารโดยใช้หลกั ฐานเชงิ
70 ประจักษ์และแบบจำลองได้อย่าง ถูกต้อง 10. นกั เรยี นสามารถสงั เกตและ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑต์ ้งั แต่ระดับปานกลาง ให้คะแนน ขัน้ ไป การทดสอบและใช้สารสนเทศที่ รายบคุ คล พฤติกรรมการ เรยี นรู้ ไดจ้ ากแหล่งขอ้ มลู ต่างๆรวมทงั้ จัดกลมุ่ เปน็ ธาตุโลหะอโลหะ และก่ึงโลหะ 11. นกั เรยี นนำเสนอผลจากการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑ์การ ผ่านเกณฑ์ตง้ั แตร่ ะดับปานกลาง ใหค้ ะแนน ขัน้ ไป ใชธ้ าตโุ ลหะอโลหะกึ่งโลหะและ รายบุคคล พฤติกรรมการ เรียนรู้ ธาตกุ มั มันตรงั สี ที่มีตอ่ ส่งิ มชี ีวติ สิง่ แวดล้อมเศรษฐกิจ และสงั คมจากขอ้ มลู ท่ีรวบรวม ได้ 12. นักเรยี นเสนอแนวทางการใช้ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่ระดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขน้ั ไป ธาตโุ ลหะอโลหะกึ่งโลหะธาตุ รายบุคคล พฤตกิ รรมการ เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์ต้งั แต่ระดับปานกลาง กัมมนั ตรงั สีไดอ้ ย่างปลอดภัย ตารางเกณฑ์การ ขนั้ ไป ใหค้ ะแนน ค้มุ ค่า พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑต์ ั้งแต่ระดบั ปานกลาง เรยี นรู้ ขั้นไป 12.นกั เรียนสามารถวดั อุณหภูมิ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ตารางเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนน ผ่านเกณฑ์ตั้งแต่ระดับปานกลาง เขียนกราฟ แปลความหมาย รายบคุ คล พฤติกรรมการ ขั้นไป เรียนรู้ ข้อมูลจากกราฟหรอื สารสนเทศ ตารางเกณฑ์การ ให้คะแนน ได้อย่างถูกต้อง พฤติกรรมการ เรยี นรู้ 13. นกั เรียนพูดอภิปรายความ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม หนาแน่นของสารบรสิ ทุ ธแ์ิ ละ รายบคุ คล สารผสมได้อยา่ งถกู ต้อง 14. นักเรยี นสามารถใช้เครอื่ งมอื สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม เพอ่ื วัดมวลและปรมิ าตรของสาร รายบคุ คล บริสทุ ธิแ์ ละสารผสม
71 15. นกั เรียนนำเสนอ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑต์ ้งั แตร่ ะดบั ปานกลาง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอะตอม รายบุคคล ใหค้ ะแนน ขั้นไป ธาตุ และสารประกอบโดยใช้ พฤตกิ รรมการ แบบจำลองและสารสนเทศ เรยี นรู้ ผ่านเกณฑต์ ัง้ แตร่ ะดบั ปานกลาง ตารางเกณฑ์การ ขน้ั ไป 16. นกั เรยี นนำเสนอโครงสรา้ ง สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ให้คะแนน พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ตง้ั แตร่ ะดบั ปานกลาง อะตอมทป่ี ระกอบดว้ ยโปรตอน รายบคุ คล เรียนรู้ ขั้นไป นิวตรอนและอเิ ลก็ ตรอนโดยใช้ ตารางเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนน แบบจำลอง พฤติกรรมการ เรียนรู้ 17. นักเรียนสามารถนำเสนอการ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม จดั เรียงอนุภาคแรงยดึ เหนี่ยว รายบุคคล ระหว่างอนภุ าคและการ เคลอื่ นท่ขี องอนุภาคของสสาร ชนิดเดยี วกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สโดยใช้ แบบจำลองได้อย่างถูกตอ้ ง 18. นักเรยี นนำเสนอ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผ่านเกณฑ์ตง้ั แตร่ ะดบั ปานกลาง ให้คะแนน ขน้ั ไป ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลังงาน รายบุคคล พฤตกิ รรมการ ความรอ้ นกับการเปล่ียนสถานะ เรียนรู้ ของสสารโดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษแ์ ละแบบจำลองได้อยา่ ง ถกู ตอ้ ง 19. นักเรียนตระหนกั ถึงคุณค่า สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ตารางเกณฑก์ าร ผา่ นเกณฑต์ ง้ั แตร่ ะดบั ปานกลาง ใหค้ ะแนน ขั้นไป ของการใชธ้ าตุโลหะอโลหะก่งึ รายบคุ คล พฤตกิ รรมการ โลหะธาตุกัมมนั ตรงั สี โดยเสนอ เรียนรู้ แนวทางการใชธ้ าตุอยา่ ง ปลอดภยั คุ้มคา่
72 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน วธิ ีวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การให้ เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 1. ความสามารถในการส่อื สาร สังเกต แบบสังเกต ตารางเกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑ์ต้งั แต่ พฤตกิ รรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขน้ึ ปฏิบัตงิ าน สำคัญของผู้เรียน ไป รายบคุ คล 2. ความสามารถในการคิด สงั เกต แบบประเมินใบงาน ตารางเกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่ คะแนนสมรรถนะ ระดับปานกลางขน้ึ สำคญั ของผูเ้ รยี น ไป 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ สังเกต แบบสงั เกต ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑต์ ง้ั แต่ ชวี ติ พฤติกรรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางข้ึน ปฏบิ ัตงิ าน สำคัญของผู้เรยี น ไป รายบคุ คล 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี สงั เกต แบบสังเกต ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑต์ ง้ั แต่ พฤตกิ รรมการ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขน้ึ ปฏบิ ตั ิงาน สำคัญของผเู้ รยี น ไป รายบคุ คล
73 ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 วิธวี ดั เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ ารประเมิน 1. ทกั ษะการอ่าน(Reading) สังเกต คะแนน แบบประเมนิ ดา้ น ทักษะและ ตารางเกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑ์ต้งั แต่ กระบวนการ คะแนนของทักษะ ระดบั ปานกลางข้นึ แบบประเมินด้าน ทักษะและ ของผู้เรยี นใน ไป กระบวนการ ทศวรรษท่ี 21 แบบประเมินด้าน 2. ทกั ษะดา้ นการคดิ คำนวณ สงั เกต ทักษะและ ตารางเกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑ์ตงั้ แต่ (Arithmetc) กระบวนการ คะแนนของทกั ษะ ระดบั ปานกลางข้ึน ของผเู้ รียนใน ไป ทศวรรษที่ 21 3. ทักษะด้านความรว่ มมอื การ สงั เกต ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑต์ ้งั แต่ ทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration , teamwork and คะแนนของทกั ษะ ระดับปานกลางขน้ึ leadership) ของผู้เรยี นใน ไป ทศวรรษที่ 21 12. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ..................................
74 13. บันทกึ ผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนท้งั หมดจำนวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรูข้ อ้ ที่ จำนวนนักเรียนทผี่ า่ น จำนวนนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่าน จำนวนคน ร้อยละ จำนวนคน รอ้ ยละ 1 2 3 14. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. .................................. .......................................................................................................................................................... ...... 15. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................ ................................................... ............................................................................................................................. ................................... ลงชอื่ ........................................................................ () ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ....................................... ลงชื่อ................................................................ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ () ลงชือ่ .......................................................... รองผูอ้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ (………………………………………..)
75 ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา ได้ทำการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แล้วมีความคิดเห็นดงั นี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... .................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..
76 ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การจำแนกสาร คำชแ้ี จง : จงบันทึกสารจากภาพ และใชส้ มบตั ทิ างกายภาพของสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนกชนดิ ของสาร โดยขีดเครื่องหมาย ลงในช่องว่างท่ีกำหนดให้ สมบตั ทิ างกายภาพ ชื่อสาร สถานะ เน้อื สาร อนภุ าค ของ ของ แก๊ส สาร สาร สาร สาร คอลลอยด์ ละลาย แขวนลอย แข็ง เหลว เนอ้ื เดยี ว เนอื้ ผสม ชื่อ…………………………………………………นาสกุล……………………………….เลขท…่ี ….ชนั้ …………………
77 ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง สารรอบตัว คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นสำรวจส่ิงแวดล้อมที่อยู่รอบตวั มา 2 ชนิด และเปรยี บเทยี บความแตกต่างของสารตาม หวั ข้อทก่ี ำหนดให้ สถานทีส่ ำรวจ : สารชนดิ ท่ี 1 สารชนิดท่ี 2 สมบตั ทิ างกายภาพ สมบตั ทิ างเคมี ชอ่ื …………………………………………………นาสกลุ ……………………………….เลขที่…….ชัน้ …………………
78 ใบงาน 1.3 เรื่อง ความร้อนกบั การเปล่ียนสถานะของสาร คำช้แี จง : จงศึกษาภาพ และนำคำทก่ี ำหนดใหเ้ ติมลงในตาราง ของแข็ง แกส๊ ของเหลว การระเหย การควบแน่น การละลาย การแข็งตัว ตวั อักษร หมายถงึ A B C D E F G ช่อื …………………………………………………นาสกุล……………………………….เลขที…่ ….ชนั้ …………………
79 ใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง ธาตุกมั มันตรงั สี ตอนท่ี 1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาเก่ยี วกบั เร่อื ง ธาตกุ มั มนั ตรังสี แล้วตอบคำถามเกย่ี วกบั แบบจำลองนิวเคลยี สของธาตกุ ัมมันตรังสีทีค่ รูนำเสนอ นวิ เคลียสของ กมั มนั ตภาพรังสี ประจ/ุ การเบยี่ งเบนของ เหตผุ ล(ที่สนับสนุนวา่ ธาตกุ ัมมันตรังสี ที่แผอ่ อกมา กมั มันตภาพรงั สีในสนามไฟฟา้ นิวเคลยี สแผ่รงั สชี นดิ นน้ั ๆ ) คำถามหลงั กิจกรรม 1. ธาตกุ มั ตรงั สี คืออะไร ................................................................................................................................................. 2. แบบจำลองนิวเคลยี สท่ี 2 และ 3 จะมกี ารเปลยี่ นแปลงอย่างไรเมอ่ื แผร่ งั สีแลว้ .................................................................................................................................................
80 3. แบบจำลองนิวเคลียสที่ 4 จะมีการเปลีย่ นแปลงเลขมวลและเลขอะตอมหรอื ไม่หลงั จากมี การแผร่ ังสแี ลว้ ................................................................................................................................................. 4. กัมมนั ตรังสีแตล่ ะประเภทมคี วามสามารถในการทะลทุ ะลวงเป็นอย่างไร ................................................................................................................................................. ตอนที่ 2 คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่ละกล่มุ ศกึ ษาเกยี่ วกบั ประโยชนข์ องธาตุกมั มนั ตรงั สี แล้วตอบคำถาม ลงในใบงาน การใชป้ ระโยชนด์ า้ นอุตสาหกรรม ประโยชน์ ชอ่ื ธาตุกมั มนั ตรงั ส/ี กมั มนั ตภาพรงั
81 การใชป้ ระโยชน์ด้านการแพทย์ ประโยชน์ ชือ่ ธาตกุ มั มนั ตรงั ส/ี กมั มนั ตภาพรงั การใชป้ ระโยชนใ์ นด้านการเกษตร ประโยชน์ ช่ือธาตุกมั มนั ตรงั สี/กมั มนั ตภาพรัง การใชป้ ระโยชนใ์ นด้านธรณวี ทิ ยา ประโยชน์ ชอ่ื ธาตุกมั มนั ตรงั สี/กมั มนั ตภาพรัง ชื่อ…………………………………………………นาสกุล……………………………….เลขท…่ี ….ช้นั …………………
82 ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สารประกอบ ตอนที่ 1 คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นศึกษาเกยี่ วกบั สารประกอบ แลว้ บนั ทึกการสบื คน้ ลงในใบงาน รูปโมเดลสารประกอบ ชอื่ สารประกอบ สมบัตขิ อง สมบตั ิของธาตทุ ี่เน สารประกอบ องค์ประกอบ
83 คำถามหลงั กิจกรมม 1. สารประกอบ คืออะไร .......................................................................................................................................................... 2. สารประกอบมสี มบัติเหมือนกับธาตทุ ี่เปน็ องคป์ ระกอบของสารประกอบนัน้ หรือไม่ .......................................................................................................................................................... ตอนท่ี 2 คำช้แี จง : จงเขยี นชื่อและสูตรโมเลกุลของสารประกอบรอบตวั ของนักเรยี นมาอย่างน้อย 5 ชนดิ พร้อมระบุประโยชนแ์ ละโทษของสารประกอบชนิดนน้ั ช่ือสารประกอบ สูตรโมเลกลุ ประโยชน/์ โทษของสารประกอบ ชอ่ื …………………………………………………นาสกลุ ……………………………….เลขท่ี…….ช้ัน…………………
84 ใบงานที่ 1.6 เรอื่ ง สารผสม คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นทำฐานกิจกรรมต่อไปนี้ ฐานที่ 1 สารใดเปน็ สารแขวนลอย ขั้นตอนการทดลอง : สังเกตตะกอนท่ีเกิดขึ้นจากบีกเกอร์ทีม่ ีน้ำโคลน และบีกเกอรท์ ่มี นี ้ำนม สาร ลกั ษณะท่ีสงั เกตได้จาก จากการทดลองสารชนดิ ใดเปน็ สารแขวนลอย เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................... ฐานที่ 2 ปรากฏกการณ์ทนิ ดอลร์ ขั้นตอนการทดลอง : นำไฟฉายมาสอ่ งสารผสมทเ่ี ตรียมไวใ้ นบีกเกอร์ สงั เกตลพแสงท่ีสอ่ งผ่าน สาร ลกั ษณะที่สังเกตไดจ้ าก จากการทดลองสารชนิดใดเปน็ สารคอลลอยด์ เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................... จากการทดลองนำ้ เกลือเป็นผสมประเภทใด .......................................................................................................................................................... จากการทดลองนักเรียนมีวธิ แี ยกน้ำกลนั่ กับน้ำเกลอื อย่างไร ..........................................................................................................................................................
85 ฐานที่ 3 อมิ ัลชนั ขนั้ ตอนการทดลอง : 1. หยดน้ำมันพืชและน้ำสม้ สายชูลงในหลอดทดลอง 2. เขยา่ หลอดทดลอง สังเกตและบันทึก 3. หยดไขแ่ ดงลงในหลอดทดลอง ขอ้ 2 สังเกตและบนั ทึก สาร ลกั ษณะทส่ี งั เกตได้จาก ไข่แดงจดั เป็นสารประเภทใด ทำหนา้ อยา่ งไร .......................................................................................................................................................... คำถามท้ายกิจกรรม 1. สารผสมทกุ ชนดิ จัดเปน็ สารเนอื้ ผสม นักเรียนนกั เรยี นเหน็ ด้วยกบั ข้องความนหี้ รือไมอ่ ย่างไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 2. สารแขวนลอย ตา่ งจากคอลลอยดอ์ ยา่ งไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 3. ปรากฏการณท์ นิ ดอลล์ คืออะไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 4. อิมัลชัน และ อมิ ลั ชลั ชิไฟเออรม์ คี วามเกีย่ วขอ้ งกันอย่างไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ชื่อ…………………………………………………นาสกุล……………………………….เลขท่ี…….ช้ัน…………………
86 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 คำชแี้ จง : ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี กู ต้องทส่ี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. ขอ้ ใดไม่ใช่สมบตั ิทางกายภาพของสาร 6. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของธาตโุ ลหะ ก. ความแข็ง ก. นำมาทำเปน็ สายไฟ ข. ความหนาแนน่ ข. นำมาตีเปน็ แผน่ ค. ความเปน็ กรด-เบส ค. นำมาทำเครื่องประดบั ง. การไฟฟ้า ง. นำมาทำเป็นดา้ มจับหม้อหุงตม้ 2. จงเรียงลำดบั แรงยึดเหนียวระหว่างอนุภาค 7. กัมมันตภาพรงั สชี นิดใดมสี มบตั ิเปน็ แม่เหล็กไฟฟ้า ของสารสถานะใดน้อยที่สดุ ก. รงั สีแอลฟา ก. ของแข็ง ข. รังสีแกมมา ข. ของเหลว ค. รังสบี ีตาบวก ค. ของไหล ง. รังสีบีตาลบ ง. แกส๊ 8. ขอ้ ใดกล่าวถึง สารประกอบ ได้ถูกตอ้ ง 3 ขอ้ ใดเปน็ การใช้ประโยชน์จากความร้อนแฝงของการ ก. เกิดจากสารมากกวา่ หนง่ึ ชนดิ มารวมกัน กลายเปน็ ไอ ข. มีสมบตั เิ หมือนกับธาตุที่มาประกอบ ก. การตากผ้า ข. การทำไอศกรีม ค. เป็นสารบรสิ ทุ ธ์ิท่ีเกดิ จากธาตุมากกวา่ หนึ่งชนดิ ค. การเกดิ เมฆ ง. ฟวิ สต์ ัดวงจรไฟ ง. เปน็ สารผสมทเี่ กดิ จากธาตุมากกวา่ หนงึ่ ชนิด 4. ขอ้ ใดไม่ใช่สารบรสิ ทุ ธ์ิ 9. น้ำเกลือมีสารใดเป็นตัวทำละลาย ก. ต่างคลี ก. นำ้ ข. ทองคำขาว ข. เกลอื ค. โซดาไฟ ค. นำ้ และเกลือ ง.ต่างทบั ทิม ง. ไม่สามารถระบไุ ด้เนอ่ื งจากขอ้ มูลไม่เพยี งพอ 5. ขอ้ ใดเปน็ ธาตโุ ลหะ ธาตุอโลหะ และธาตุก่ึงโลหะ 10. ขอ้ ใดเปน็ วิธีจำแนกสารบริสุทธอ์ิ อกจากสารผสม ตามลำดับ ก. หาจุดเดอื ด-จดุ หลอมเหลว ก. O P At ข. หาจุดควบแนน่ ข. Cu Br Sb ค. หาจดุ เยือกแข็ง ค. Si Ge Sn ง. หาตัวทำละลาย ง. Hg As Pb
87 แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกตอ้ งท่สี ดุ เพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดเปน็ สมบัตทิ างกายภาพ และสมบัติทางเคมขี อง 6. ข้อใดกลา่ วถึงสมบตั ิของธาตุได้ถูกต้อง แท่งเหล็ก ตามลำดบั ก. เกดิ สนมิ เหลก็ เป็นของแข็ง ก. ธาตุทแ่ี ผ่รังสีไดม้ ักเปน็ ธาตุท่ไี ม่เสถยี ร ข. เกิดสนิมเหลก็ นำความร้อน ค. นำความรอ้ น เปน็ ของแขง็ ข. ธาตถุ งึ โลหะสว่ นมากมสี มบัตเิ ป็นสารกึ่งตวั นำ ง. นำความร้อน เกิดสนมิ เหลก็ 2. ข้อใดกลา่ วถงึ สถานะของสารไมถ่ ูกต้อง ค. ธาตุถึงโลหะไมส่ ามารถแผ่รังสีได้ ก. เกลือเป็นของแขง็ ที่มแี รงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าคสงู ข. ปรอทเป็นของแขง็ ท่ีมอี นุภาคอยู่ใกล้กนั ง. ธาตอุ โลหะมกั มจี ุดเดือดและจดุ หลอมเหลวตำ่ ค. อนภุ าคของแกส๊ ออกซิเจนเคลอ่ื นท่ีอิสระ ง. นำ้ มีรปู ร่างไม่คงท่ี แต่มปี ริมาตรคงที่ 7. จงเรยี งลำดับอำนาจทะลุทะลวงของกัมมนั ตภาพรังสจี าก 3. จงเรียงลำดบั ขนาดอนุภาคของสารจากเลก็ ไปใหญ่ ก. นำ้ นม น้ำเกลือ น้ำโคลน นอ้ ยไปมาก ข. น้ำโคลน นำ้ นม นำ้ เกลอื ค. น้ำเกลอื น้ำนม น้ำโคลน ก. รังสีแอลฟา> รงั สบี ตี า> รังสีแกมมา ง. น้ำเกลอื น้ำโคลน น้ำนม 4. ข้อใดมีอุณหภมู ิทีส่ ัมพนั ธ์กัน ข. รังสแี กมมา> รังสีบตี า> รงั สแี อลฟา ก. จดุ เดือด-จุดหลอมเหลว ข. จดุ เดือดจดุ -เยือกแขง็ ค. รังสีแอลฟา> รงั สีแกมมา> รงั สบี ตี ารัง ค. จดุ ควบแน่น-จุดเดือด ง. จุดควบแนน่ -จุดเยอื กแขง็ ง. สแี กมมา> รงั สแี อลฟา> รังสีบตี า 5. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นธาตุก่งึ โลหะ ก. Si 8. ขอ้ ใดเปน็ สูตรเคมีของด่างคลี ตา่ งทับทิม และโซดาไฟ ข. Pb ค. Sb ตามลำดบั ง. ง. Po ก. KOH, NaOH, KMnO4 ข. KMnO4, NaOH, KOH ค. KMnO4, KOH, NaOH ง. KOH, KMnO4, NaOH 9. สารละลายขอ้ ใดมีนำ้ เปน็ ตัวทำละลาย ก. ทองคำขาว ข. กาแฟ ค. แอลกอฮอล์ 70% ง. อากาศ 10. สาร A มีจุดเดือดคงทีซ่ ึ่งต่ำกว่าสาร B และสาร A มีจดุ หลอมเหลวสงู กวา่ สาร B สาร A และ B คือข้อใด ก. นำ้ เกลอื น้ำ ข. น้ำนำ้ เกลอื ค. นำ้ เช่ือมนำ้ ง. นำ้ นำ้ ตาล
88 เกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้รายบคุ คล พฤติกรรมการเรยี นรู้ ลำดับ ชอื่ - นามสกุล ความเขา้ ใจ คิด คำนวณ นำความรู้ไปใช้ 543215432154321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ระดบั คณุ ภาพ : ดมี าก (5) ดี (4) ปานกลาง (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) เกณฑก์ ารประเมิน : มีผลการประเมินในระดบั ปานกลางขนึ้ ไป จงึ จะผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ลงช่ือ....................................................................ผปู้ ระเมนิ วนั ท่.ี ............./............................/.................
89 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมถนะสำคัญของผู้เรยี น พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ดมี าก(5) คะแนน ดี (4) ปานกลาง(3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง(1) 1. ความสามาถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถในการ การสอื่ สาร การสอ่ื สารได้ดี การส่อื สารได้ การสื่อสารได้ การสื่อสารได้ สอ่ื สารไม่ดี เยย่ี มชดั เจน คอ่ นข้างดี ค่อนข้างไมด่ ี 2. ความสามารใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน ไมม่ ีมีความสามารถ การคิด การคิด การคิด การคดิ การคดิ ตดั สินใจ ในการคิด การตดั สินใจได้ดี การตดั สินใจไดด้ ี การตดั สินใจได้ ได้ไม่ดีเทา่ ที่ควร การตดั สินใจ เย่ยี ม 3. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ไม่มีความสามารถใน การใชท้ กั ษะชีวิต การใช้ทกั ษะชีวติ การใช้ทักษะชีวิต การใชท้ กั ษะชีวติ การใชท้ ักษะชวี ติ การใชท้ กั ษะชีวติ ได้ดเี ยย่ี มในทุก ไดด้ ี ได้ ได้ไมด่ เี ทา่ ท่ีควร ถานการณ์ 4. ความสามารถใน มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ไมม่ คี วามสามารถใน การใชเ้ ทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี การใชเ้ ทคโนโลยี การใชเ้ ทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี ได้ดเี ย่ยี ม ไดด้ ี ได้ ได้ไม่ดเี ทา่ ทคี่ วร
90 เกณฑ์การใหค้ ะแนนทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ทกั ษะของผู้เรียน ดีมาก (5) คะแนน ดี (4) ปานกลาง (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) 1. ทกั ษะการอ่าน( มีความสามารถ มคี วามสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน ไม่มีความสามารถ Reading) ในการอ่านได้ ในการอ่านได้ การอ่านได้ การอ่านไดไ้ มด่ ี ในการอ่าน อยา่ งดีเยย่ี ม อยา่ งดี และ ค่อนข้างดี และ เท่าท่คี วร เข้าใจได้ดีมาก เขา้ ใจได้ดี เขา้ ใจได้ 2. ทักษะดา้ นการคิด มีความสามรถใน มคี วามสามรถใน มคี วามสามรถใน มคี วามสามรถใน ไมม่ ีความสามรถใน คำนวณ(Arithmetc) การคดิ คำนวณ การคิดคำนวณ การคิดคำนวณได้ การคิดคำนวณได้ การคดิ คำนวณ ได้ดีเย่ียมมี ไดด้ ี มคี วาม ค่อนขา้ งดี ไม่ดเี ทา่ ท่ีควร ความเปน็ ระบบ เหมาะสม และเหมาะสม 3. ทักษะดา้ นความรว่ มมือ มีทักษะดา้ น มที กั ษะด้าน มที กั ษะดา้ นความ มที ักษะดา้ นความ ไมม่ ที กั ษะดา้ น การทำงานเปน็ ทีมและ ความรว่ มมือของ ความรว่ มมือของ ร่วมมอื ของการ ร่วมมือของการ ความรว่ มมือของ ทำงานเป็นทมี การทำงานเป็นทีม ภาวะผ้นู ำ การทำงานเปน็ การทำงานเป็น ทำงานเป็นทีม และมภี าวะผู้นำได้ และภาวะผนู้ ำ ไมด่ ีเท่าที่ควร (Collaboration , ทีมดเี ยยี่ มและมี ทีมและมภี าวะ และมภี าวะผ้นู ำ teamwork and leadership) ภาวะผู้นำอยา่ ง ผูน้ ำได้ดี คอ่ นข้างดี ชดั เจน
91 แผนการเรียนรรู้ ายหนว่ ย หนว่ ยที่ 2 การดำรงชีวิตของพืช
92 แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง การดำรงชวี ิตของพชื เวลา 22 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมชี วี ติ หน่วยพนื้ ฐานของสง่ิ มชี ีวิต การลำเลยี ง สารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ทขี่ องระบบต่างๆของสัตว์และมนษุ ยท์ ่ี ทำงานสมั พนั ธก์ ัน ความสมั พันธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวยั วะต่างๆ ของพชี ท่ีทำงานสัมพันธก์ นั รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชีว้ ัด ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ จั จัยทจ่ี ำเป็นในการสังเคราะหด์ ้วยแสงและผลผลติ ทีเ่ กิดข้ึนจากการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ ว 1.2 ม.1/7 อธบิ ายความสำคัญของการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืชตอ่ สิง่ มีชีวิตและ สงิ่ แวดล้อม ว 1.2 ม.1/8 ตระหนักในคุณค่าของพืชท่ีมตี ่อส่งิ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม โดยการร่วมกันปลกู และดแู ลรกั ษาต้นไม้ในโรงเรยี น ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลักษณะและหนา้ ท่ีของไซเลม็ และโฟลเอม็ ว 1.2 ม.1/10 เขยี นแผนภาพท่ีบรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพชื ว 1.2 ม.1/11 อธบิ ายการสืบพันธ์แบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของพชื ดอก ว 1.2 ม.1/12 อธบิ ายลักษณะของโครงสรา้ งของดอกท่ีมสี ่วนทำใหเ้ กดิ การถา่ ยเรณู รวมทง้ั บรรยายการปฏสิ นธิของพชื ดอก การเกดิ ผลและเมล็ด การกระจายเมลด็ และการงอกของเมลด็ ว 1.2 ม.1/13 ตระหนักถึงความสำคัญของสัตวท์ ่ีช่วยในการถา่ ยเรณูของพชื ดอก โดยการไม่ ทำลายชีวติ ของสัตว์ท่ีชว่ ยในการถ่ายเรณู ว 1.2 ม.1/14 อธิบายถึงความสำคญั ของธาตุอาหารบางชนดิ ท่ีมผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตของ การดำรงชวี ิตของพืช ว 1.2 ม.1/15 เลอื กใชป้ ๋ยุ ที่มีอาหารเหมาะสมกับพืชในสถานการณท์ ี่กำหนด
93 ว 1.2 ม.1/16 เลือกวธิ กี ารขยายพนั ธุพ์ ืชให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนษุ ย์ โดยใช้ ความรเู้ ก่ียวกบั การสืบพันธุข์ องพชื ว 1.2 ม.1/17 อธบิ ายความสำคัญของเทคโนโลยีการเพาะเนอื้ เย่อื พชื ในการใชป้ ระโยชนใ์ น ดา้ นตา่ งๆ ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถึงประโยชน์ในการขยายพันธพ์ุ ืชโดยการนำความรู้ไปใชใ้ น ชีวติ ประจำวนั 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) -นกั เรียนสามารถปจั จยั ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงและผลผลติ ทีเ่ กดิ ขึ้นจากการสังเคราะหด์ ว้ ย แสงโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษไ์ ด้ -นักเรยี นสามารถอธิบายความสำคญั ของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อส่ิงมชี วี ิตและ ส่ิงแวดลอ้ ม -นักเรยี นสามารถบอกวิธีการปลูกและการดูแลรักษาตน้ ไม้ในโรงเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง -นักเรียนสามารถบอกลกั ษณะของไซเล็มและโฟลเอม็ ได้อย่างถกู ต้อง -นกั เรยี นสามารถอธิบายการสบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศ และไม่อาศยั เพศของพืชดอก -นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของโครงสร้างของดอกได้อย่างถูกต้อง -นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการปฏิสนธขิ องพืชดอกไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง -นักเรียนสามารถบอกการเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมล็ด และการงอกงามของเมลด็ -นกั เรยี นสามารถอธบิ ายถงึ ความสำคัญของธาตุอาหารบางชนิดทม่ี ผี ลต่อการเจริญเติบโตของ การดำรงชีวติ ของพืช ดา้ นทักษะ (P) -นักเรียนสามารถพดู อภิปรายเรื่องการสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศ และไมอ่ าศยั เพศ -นักเรียนสามารถนำความรู้ในเรือ่ งการสงั เคราะห์ด้วยแสงไปใชไ้ ด้ -นักเรยี นมีส่วนร่วมในปลกู และดแู ลรกั ษาตน้ ไม้ในโรงเรยี น -นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพที่บรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซเลม็ และโฟลเอม็ ของ พชื -นักเรยี นสามารถเลือกใช้ป๋ยุ ท่ีมีอาหารเหมาะสมกบั พชื ในสถานการณ์ทกี่ ำหนด -นกั เรยี นอธบิ ายวธิ กี ารขยายพนั ธ์ุพืชใหเ้ หมาะสมกับความต้องการของมนุษย์ โดยใช้ความรู้ เกีย่ วกับการสบื พันธข์ุ องพืชได้อยา่ งถูกต้อง
94 -นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความสำคัญของเทคโนโลยีการเพาะเนอื้ เย่ือพืชในการใชป้ ระโยชน์ ในดา้ นต่างๆได้อยา่ งถูกตอ้ ง ด้านเจตคติ (A) -นกั เรยี นตระหนกั ในคุณคา่ ของพืชท่ีมีตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม โดยการร่วมกนั ปลกู และ ดูแลรักษาต้นไมใ้ นโรงเรยี น -นักเรยี นตระหนกั ถึงความสำคัญของสัตว์ที่ช่วยในการถ่ายเรณูของพชื ดอก โดยการไม่ทำลาย ชีวิตของสัตวท์ ่ีช่วยในการถา่ ยเรณู -ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ในการขยายพันธุพ์ ชื โดยการนำความรูไ้ ปใชใ้ นชีวิตประจำวัน 3. สาระสำคัญ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) เปน็ กระบวนการผลิตอาหารของพืช โดยพืชจะใช้สารคลอโรฟลิ ลท์ ่ีอยใู่ นใบดดู กลืนพลังงานแสงจากดวงอาทติ ย์มาเปลี่ยนให้เป็นพลงั งาน เคมีในรปู ของสารอนิ ทรยี ์จำพวกนำ้ ตาลโดยมนี ้ำและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เปน็ สารตั้งและได้ ผลิตภัณฑ์เปน็ น้ำตาลกลูโคสน้ำและแกส๊ ออกซเิ จนซึ่งสิ่งมีชวี ิตนำแกส๊ ออกซิเจนมาใช้ในกระบวน หายใจ พชื สามารถผลติ อาหารได้จากกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเพอ่ื เป็นแหลง่ พลงั งานใหก้ ับ พืชเพ่ือใช้ในการเจริญเติบโตเช่นการเพิ่มจำนวนเซลล์การขยายขนาดของเซลลแ์ ละการเปลย่ี นแปลง รปู รา่ งของเซลล์ไปทำหน้าท่เี ฉพาะต่าง ๆ พืชใบเล้ยี งเดียวและพืชใบเล้ียงคู่มลี กั ษณะที่แตกตา่ งกัน เนือ่ งจากขน้ั ตอนการเจรญิ เติบโตของรากและลำต้นในพชื ทงั้ สองชนดิ แตกตา่ งกนั นอกจากน้พี ืช ต้องการธาตอุ าหารท่จี ำเป็นหลายชนิดสำหรบั การเจริญเติบโตและการดำรงชวี ิตของพชื การสืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศเปน็ การขยายพันธข์ุ องพืชท่ีไม่ได้มาจากการปฏสิ นธริ ะหวา่ ง สเปิร์มกบั เซลลไ์ ขท่ ำให้พชื ตน้ โหมม่ ีลกั ษณะคลา้ ยกบั ต้นเดมิ ทุกประการโดยมนษุ ย์อาศยั หลกั การน้มี า ขยายพันธ์ุพชื เพอ่ื ใหพ้ ืชมีลักษณะตามทต่ี ้องการโดยการนำสว่ นต่าง ๆ ของพชื เชน่ รากลำต้นและโบ เป็นต้นมาทำให้เกิดเป็นต้นใหม่ ไดแ้ ก่ การปกั ชำการตดิ ตาการตอนก่งิ การทาบกิง่ เปน็ ตน้ เพือ่ เพ่ิม มูลคา่ ให้กับตน้ พชื หรอื ปรบั ปรุงพันธใุ์ หด้ ีขึ้นนอกจากน้ีพืชสามารถใชโ้ ครงสร้างพเิ ศษจากรากลำตน้ และโบขยายพันธไุ์ ด้ พืชดอกมีดอกเปน็ อวยั วะสืบพันธุ์ภายในมสี ว่ นประกอบทีท่ ำหนา้ ท่ีสรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศผู้ (สเปริ ม์ ) และเซลล์สบื พันธเุ์ พศเมยี (เซลล์ไข)่ ซึง่ การปฏสิ นธิระหวา่ งสเปริ ม์ กับเซลลไ์ ข่จะเกดิ ขึน้ ภายในรังไข่แลว้ เจริญเป็นเมล็ดอยภู่ ายในผลเมื่อถึงเวลาขยายพันธ์ุเมลด็ ท่ีอยู่ภายในผลจะแตกออก และกระจายไปยังทตี่ ่าง ๆ เม่ืออยู่ในสภาวะแวดล้อมและมีปจั จยั ทเี่ หมาะสมเมล็ดจะงอกตน้ ออ่ นทม่ี ี ลกั ษณะที่หลากหลายหรือแตกต่างไปจากตน้ พ่อและต้นแม่
95 เทคโนโลยีชวี ภาพของพืชเป็นการนำเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยกุ ต์ใช้กับพืช เพื่อให้เป็นประโยชนแ์ ละเพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของมนุษย์เชน่ การขยายพันธุพ์ ืชดว้ ยการเพาะเล้ยี ง เน้ือเย่ือซึ่งเป็นการนำช้นิ ส่วนเน้ือเยอื่ ของพืชมาเลีย้ งในอาหารสงั เคราะห์การปรับปรงุ พนั ธพ์ุ ชื และการ ตดั แปรพนั ธกุ รรมของพืชโดยใช้ยืนจากส่ิงมชี วี ิตอน่ื มาแทรกลงในสารพันธกุ รรมของพืชเพื่อใหไ้ ดผ้ ล ผลติ ที่มปี รมิ าณและคุณภาพมากขึ้น สาระการเรยี นรู้ 1. การอธบิ ายปจั จัยการสงั เคราะหด์ ้วยแสงโดยใช้หลักฐาน 2. การอธบิ ายผลผลิตท่ีเกดิ ข้ึนจากการสงั เคราะหด์ ้วยแสงโดยใช้หลักฐาน 3. การอธบิ ายความสำคัญของการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชตอ่ สิ่งมีชวี ิตและสิง่ แวดล้อม 4. การอธบิ ายวธิ ีการปลกู และการดแู ลรักษาต้นไม้ภายในโรงเรยี น การปฏิบัติงานรายกลุ่มร่วมกันปลูกและดูแลรักษาตน้ ไม้ภายในโรงเรียน 5. การอธบิ ายลักษณะและหน้าทีข่ องไซเล็มและโฟลเอม็ 6. การเขียนแผนภาพทศิ ทางการลำเลยี งสารในไซเลม็ และโฟลเอ็มของพืช 7. การอธบิ ายการสืบพนั ธ์ของพืชดอก 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เฉพาะที่เกดิ ในหน่วยการเรียนรนู้ )ี้ ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทกั ษะของผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน) ทักษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขยี น (Writing) ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic) ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135