Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ecology Udomrit Thaworn

Ecology Udomrit Thaworn

Published by อุดมฤทธิ์ ถาวร, 2019-06-30 04:16:40

Description: Ecology Udomrit Thaworn

Keywords: นิเวศวิทยาม,Ecology

Search

Read the Text Version

Hydrologic cycle water cycle

วฏั จกั รคารบ์ อน (carbon cycle)

วัฏจกั รคาร์บอน (carbon cycle) วัฏจักรคาร์บอน (carbon cycle) จดั เปน็ ธาตทุ ีม่ อี งคป์ ระกอบหลกั ของสงิ่ สิ่งมชี ีวติ เปน็ องคป์ ระกอบของสารชวี โมเลกลุ ทกุ ชนดิ ในร่างกาย ธาตคุ าร์บอนในธรรมชาตจิ ะอยูใ่ นรปู ของฟอสซิลทอ่ี ยู่ ใต้ดินหรือทอ้ งทะเล โดยเมือ่ มนษุ ย์มกี ารใชพ้ ลังงานนม้ี าใช้กจ็ ะเกิดการเผาไหม้ และปล่อยกา๊ ซ คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกสู่ชั้นบรรยากาศ และกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซดท์ ่สี ะสมอยูใ่ นบรรยากาศกจ็ ะถกู ดึง เขา้ มาในระบบของสิ่งมีชีวิตใหม่อีกครัง้ ผ่านเพยี งแคก่ ระบวนการเดยี วคอื กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ย แสงโดยสิง่ มชี วี ติ ทส่ี ามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ จากน้ันคาร์บอนไดออกไซด์จะถกู ถา่ ยทอดไปยงั ผูบ้ รโิ ภค ตา่ งๆ และเก็บสะสมไวใ้ นร่างกายจนกว่างสงิ่ มชี ีวติ จะตายลง และถกู ยอ่ ยสลาย ทบั ถมกนั เป็นเวลานาน จนทา้ ยท่สี ดุ จะได้ออกมาเป็นฟอสซลิ และเช้ือเพลิงที่ถูกนามากลบั หมนุ เวยี นใหมอ่ กี ครั้งหน่ึง ผู้ผลิตจะรับคาร์บอนในรปู ของ CO2 เพอ่ื นาไปใช้ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสง เมื่อสตั ว์กนิ พชื ก็จะได้รับสารประกอบเหล่านี้ไปใชป้ ระโยชนแ์ ละสร้างเป็นเนอื้ เยอื่ เมื่อพืชและสัตวต์ ายลง แบคทีเรีย เห็ดรา จะยอ่ ยสลายซากพืชซากสัตว์ ตลอดจนสง่ิ ขบั ถา่ ย ให้เปน็ CO2 และน้า กลับคืนสู่ บรรยากาศ รวมท้งั การเผาไหมข้ องเช้ือเพลิงกจ็ ะได้ CO2 คนื ส่บู รรยากาศได้อีก ทงั้ พชื และสัตวจ์ ะคืน คาร์บอนสู่บรรยากาศในรูปของ CO2 โดยกระบวนหายใจ

วฏั จกั รคารบ์ อน (carbon cycle)

วฏั จกั รคารบ์ อน (carbon cycle)

วฏั จกั รคารบ์ อน (carbon cycle)

Nitrogen cycle วัฏจักรไนโตรเจน (Nitrogen cycle) ไนโตรเจน (N) ในบรรยากาศมีประมาณรอ้ ยละ 78  แตส่ ง่ิ มีชีวิตสว่ นใหญ่ ไมส่ ามารถนาแกส๊ นี้มาใชไ้ ด้โดยตรง โดยเฉพาะพืชจะใช้ได้ก็ต่อเม่อื อย่ใู นรูป สารประกอบพวก เกลือแอมโมเนยี เกลือไนไตรท์ และ เกลือไนเตรต ซง่ึ พชื จะนาไปสรา้ ง สารประกอบตา่ งๆ ภายในเซลล์ วัฏจกั รไนโตรเจนประกอบดว้ ย กระบวนการทีส่ าคัญ คือ  Nitrogen-fixing bacteria  Ammonifying organism  Nitrifying bacteria  Denitrifying bacteria

Nitrogen cycle  Nitrogen-fixing bacteria เป็นกระบวนการแรกของวัฎจกั รทมี่ ีการตรึงไนโตรเจน (N2) ให้มาอยใู่ นรูปของแอมโมเนยี (NH3) แบคทเี รยี ที่ทาหนา้ ทนี่ ี้เรียกว่า nitrogen-fixation bacteria ตัวอยา่ งเชน่ แบคทีเรยี ไรโซเบียมในปมรากถ่ัว เปน็ ต้น และข้นั ตอนน้ีเกดิ จาก วิธีการทางกายภาพ เชน่ การเกดิ ฟ้าผ่าก็ได้ แต่มบี ทบาทน้อย  Ammonifying organism เปน็ การเปลยี่ นแอมโมเนีย (NH3) ให้อย่ใู นรูปของแอมโมเนยี ไอออน (NH4+) เกดิ ขึน้ ในแบคทีเรยี กล่มุ ammonifying bacteria ซึ่งเปน็ กลไกการเปลี่ยน แปลงของเสียทีเ่ กดิ จากการขบั ถ่ายของสตั วห์ รือการยอ่ ยสลายซากของสิ่งมชี วี ติ  Nitrifying bacteria เปน็ กระบวนการทม่ี ีการเปลย่ี นแอมโมเนียไอออน (NH4+) ไปเปน็ ไนไตรต์ (NO3-) และไนเตรต (NO3) ตามลาดับโดยอาศยั การทางานของแบคทีเรยี nitrifying bacteria สารตัวกลางท่ีเกิดกระบวนการนค้ี อื การดูดซึมของพชื เพ่ือนาไปสร้าง เป็นโปรตีน กรดนิวคลอี ิกตา่ งๆ ตอ่ ไป  Denitrifying bacteria เปน็ กระบวนการทม่ี กี ารเปลี่ยนสารพวกไนเตรต กลบั ไปอยู่ ในรูปของไนโตรเจน (N2) ใหม่ แบคทีเรยี กล่มุ นี้เรยี กวา่ denitrifying bacteria ซง่ึ เปน็ แบคทีเรียทห่ี ายใจแบบไม่ใช้ออกซเิ จน

Nitrogen cycle • Nitrogen-fixing bacteria ตรงึ ไนโตรเจน เปลีย่ น N2 ในอากาศ เป็น NO3- หรือ NH4+ • Ammonifying organism ได้แก่ decomposer ตา่ งๆ ทง้ั ฟงั ไจ และแบคทเี รยี ทจี่ ะย่อยสลายโปรตีนในซากพชื ซากสตั ว์ให้เป็น NH4+ • Nitrifying bacteria เปลย่ี น NH4+ NO2- (ไนไตรท)์ NO3- (ไนไตรท)์ เปน็ จุลินทรีย์กลุม่ เดยี วในวัฎจกั รนท้ี เี่ ปน็ chemoautotroph คอื นา้ พลังงานจากปฏกิ ิรยิ าเคมีมาสร้างอาหารได้ • Denitrifying bacteria เปล่ียน NO3- ให้กลับเป็น N2

Nitrogen cycle • เกิดโดยขบวนการ Electrochemical fixation/photochemical fixation เกิดจากปฏิกิรยิ าฟ้าแลบ ฟ้าผา่ • การตรึงไนโตรเจนโดยขบวนการทางชีววทิ ยา - Symbiotic Bacteria Rhizobium - Free-living nitrogen fixer Azotobacter Clostridium Blue-green algae • ขบวนการ Ammonification กรดอะมิโน โปรตีน แอมโมเนยี โดย Ammonifying bacteria เชน่ Pseudomonas Proteus • ขบวนการ Nitrification แอมโมเนีย ไนไตรท์ ไนเตรต • ขบวนการ Denitrification ไนเตรต กา๊ ซไนโตรเจน

Nitrogen cycle

Nitrogen cycle

Nitrogen cycle

Changes in Ecosystems : Ecological Succession

Ecological Succession Ecological Succession กลุ่มของส่ิงมีชีวิตในแต่ละบริเวณสามารถเกิด การเปล่ียนแปลงจากกลุ่มของสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปยังอีกกลุ่มส่ิงมีชีวิตหนึ่งได้ โดยการ เปล่ียนแปลงนเ้ี รียกว่า ecological Succession ชุมชีพพืชเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางท่ีแน่นอนจนถึงจุดสุดท้าย สมมติฐานท่ี สาคัญคือ พืชชนิดท่ีเข้าสู่พ้ืนที่ก่อนชนิดอื่น (ส่วนใหญ่เป็นพืชตระกูลหญ้า วัชพืช) ปรบั เปลย่ี นสภาพแวดลอ้ มใหแ้ ตกตา่ งไปจากเดิม พืชชนิดที่ข้ึนมาทีหลัง สามารถแข่งขัน และครอบครองพน้ื ท่ไี ดใ้ นทสี่ ดุ ซง่ึ ลาดบั ขัน้ การเปล่ียนแปลงแทนท่ีน้ันไม่สามารถเกิดข้ึน ใหม่ได้ยกเว้นชุมชีพถูรบกวน (disturbance)อีก ลักษณะชุมชีพข้ันสุดท้าย (climax community : ลักษณะของระบบนิเวศคงท่ี สิ่งมีชีวติ มีความสมบูรณ์ พลังงานท้ังหมด จะถกู นาไปใช้โดยพชื และสตั ว)์ ของชมุ ชีพหน่ึงนั้นคาดว่าถูกกาหนดโดยสภาพภูมิอากาศ และดิน

Ecological Succession เปรียบเทยี บลักษณะบางประการของพืชในช่วงเวลาท่แี ตกต่างกนั ของการเปลย่ี นแปลงแทนท่ี พืชในชว่ งแรกของการ พืชในช่วงหลังของการ เปล่ียนแปลงแทนที่ เปลี่ยนแปลงแทนที่ (r-selected species) (k-selected species) 1. เมล็ดมาก 1. เมลด็ น้อย 2. เมล็ดขนาดเลก็ 2. เมล็ดขนาดใหญ่ 3. กระจายเมล็ดโดยลม หรือ 3. กระจายดว้ ยแรงโนม้ สัตว์ ถ่วง 4. โตเร็ว 4. โตชา้ 5. ขนาดเล็ก 5. ขนาดใหญ่ 6. ทนแสง 7. ไมท่ นแสง (ทนร่ม)

Ecological Succession Natural change การเปลีย่ นแปลงท่ีเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ นา้ ท่วม ดนิ ถลม่ ต้องใชร้ ะยะเวลานานในการ แทนที่ การเปล่ยี นแปลงจะเป็นไปตามขนั้ ตอนเรม่ิ ต้นจาก สงิ่ มชี ีวติ เกดิ ข้นึ ในพน้ื ที่นน้ั ๆ

Ecological Succession Artificial changes การเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึน เนือ่ งจากการ กระทาของมนษุ ย์การเกษตร เช่น การใช้ยาฆา่ แมลง การใชป้ ๋ยุ

Ecological Succession * Type of succession ประเภทของการเปลย่ี นเปลย่ี นแปลงแทนที่ การเปล่ียนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ (primary succession) เป็นการ เปล่ียนแปลงแทนที่ที่ไม่เกิดข้ึนจากบริเวณที่ไม่เคยมีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่ก่อนเลย อาจ เฉพาะก้อนหิน เกาะใหม่ๆ หรือาจเกิดจากท่ีชุมชีพผ่านกระบวนการท่ีรุนแรงมาก่อน เชน่ ภูเขาไฟระเบิดทร่ี ุนแรงและสง่ิ มีชวี ติ เกอื บหายหมด ตัวอย่างเช่น หน้าตดั ดนิ ที่ถูก เปดิ ขนึ้ จากการตดั ถนน พืชบกุ เบิกคือมอส และไลเคนส์ ไลเคนส์ >> มอส >> หญา้ หรอื วัชพชื >> ไม้พมุ่ >> ไมล้ ม้ ลุก >> ไมย้ ืนต้น

Ecological Succession primary succession

Ecological Succession primary succession

Ecological Succession การเปล่ยี นแปลงแทนท่ีแบบทุติยภูมิ (secondary succession)การ เปลี่ยนแปลงแทนทท่ี เี่ กิดจากบริเวณทีเ่ คยมสี ่ิงมชี ีวติ อยูแ่ ล้ว แต่ตอ่ มาเกิดการ เปลีย่ นแปลงขน้ึ มาทาให้สง่ิ มีชวี ิตหายไปจากบรเิ วณนน้ั อาจเกดิ จากปจั จัยบางอยา่ ง เช่น เกิดไฟปา่ ทาไรเ่ ลอ่ื นลอย สร้างเข่ือน ภัยธรรมชาติ พืชผู้บุกเบกิ คอื ไมล้ ้มลุก ไมพ้ ุ่ม หญ้า

Ecological Succession secondary succession

Ecological Succession

Ecological Succession

ทรพั ยากรธรรมชาติ (ป่ าไม้) ป่ าไม้กบั แหล่ง ปัจจยั ส่ีในการ ดารงชีวิตของ มนุษย์

ทรพั ยากรธรรมชาติ (ป่ าไม้) ป่ าไมก้ บั อาหาร ป่ าไม้กบั เครื่องนุ่งห่ม ป่ าไมก้ บั ยารกั ษาโรค ป่ าไม้กบั แหล่งท่ีอย่อู าศยั

ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป่ าไม้ :ใหอ้ ะไรแกเ่ รา เกบ็ กกั น้า เป็ น ดูดซบั และ อนุรกั ษ ์ แหลง่ ตน้ น้า ลา เกบ็ กา๊ ซ ป้ องกนั การ ปลอ่ ยน้าใหไ้ หธาลร CO2 พงั ทลดานิ ยขอทจงกัารใหขเอ้ กงดิ Nวฏ2ั ลงมารวมกนั O2 และ ธาตุ เป็ นลาธาร ลา ป่ าไม้ รอสกั ามษหบาขาูรคอรณวงทาพ์จี่มสชืาอรเาดุป้ ็งมน รกั ษานอ้าณุ หภูมิ ของโลก และ ความสมดุล อนิ ทรยี ว์ ตั ถุ ของสเปภ็ นาแพหลง่ ทอี่ ยู่ และความชนื้ ภูมอิ ากอาาศศยั ของ สงิ่ มชี วี ติ เกดิ สง่ เสรมิ ของดนิ เป็ นแหลง่ การ ทอ่ งเทยี่ ว ความ อาหารและที่ หลากหลาย อยู่ของสตั วป์ ่ า ทางชวี ภาพ ความสมดลุ ของ

ประโยชนท์ างตรง • ไมท้ นี่ ามาใชส้ อย กอ่ สรา้ งตา่ งๆ • ฟื นและถา่ นทใี่ ชเ้ ป็ นเชอื้ เพลงิ • สมนุ ไพรตา่ งๆ ทนี่ ามาทาเป็ นยารกั ษา โรค • สว่ นตา่ งๆ ทใี่ ชท้ าเป็ นเครอื่ งเขนิ น้าหอม น้ามนั ผสมสี สบู่ สารกาจดั ศตั รูพชื • เปลอื ก แกน่ และผลของไมช้ นิดตา่ งๆ สาหรบั ฟอกหนงั และสี

ประโยชนท์ างออ้ ม ไม่สามารถคานวณเป็ นมูลคา่ ได้ แตม่ คี วามส  ชว่ ยใหม้ นี ้าไหลตลอดปี  ชว่ ยบรรเทาความรุนแรงของอทุ กภยั  ชว่ ยป้ องกนั การพงั ทลายของหน้าดนิ  ชว่ ยบรรเทาความรุนแรงของลมพายุ  ชว่ ยรกั ษาระดบั ความชมุ่ ชนื่ ของ อณุ หภูมใิ นอากาศ  เป็ นทอี่ ยูอ่ าศยั ของสตั วป์ ่ า  เป็ นทพี่ กั ผ่อนหย่อนใจประกอบกจิ กรรม

วิกฤติของปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การทาลายป่ าไม้และสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพ

iii-132 iii-132 Effects of human on Tropical forest

ทรพั ยากรดนิ ความสาคญั ของทรพั ยากรดนิ ทีม่ ี ตอ่ มนุษยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 1. เ ป็ น แ ห ล่ ง ที่ใ ห้ปั จ จัย สี่ เ ช่ น อ า ห า ร ย า รัก ษ า โ ร ค เ ค รื่อ ง นุ่ ง ห่ ม ที่อ ยู่ อ า ศ ัย แ ก่ มนุษยแ์ ละสงิ่ มชี วี ติ ตา่ งๆ 2. เป็ นแหล่งคา้ ยนั ใหแ้ ก่พืช เพือ่ วา่ พชื จะสามารถดูดสารอาหาร พวกอนินทรยี ส์ ารหรอื ป๋ ุยต่างๆ นาไปใชใ้ นการเจรญิ เตบิ โตได้ 3. เป็ นแหลง่ นนั ทนาการแกม่ นุษย ์ เช่น แพะเมืองผีที่จงั หวดั แพร่

สาเหตดุ นิ ถูกทาลายและผลกระทบตอ่ มนุษยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 1. มนุ ษย ์ โดยทีม่ นุ ษยท์ า 2. ธรรมชาติ ดนิ ทเี่ สอื่ มสภาพโดย ก า ร ป ลู ก พื ช แ บ บ ธรรมชาติ เชน่ ดนิ กรด ดนิ ด่าง ซา้ ซาก ทาไรเ่ ลอื่ นลอย ดนิ ทราย ดนิ พรุ เป็ นตน้ ซงึ่ มี ใ ส่ ป๋ ุ ย เ ค มีม า ก เ กินไ ป เ พีย ง 20เ ป อ ร เ์ ซ็น ต เ์ ท่ า นั้ น ไม่มีการปรบั ปรุงดินใน ส่งผลให้ประเทศต้องสู ญเสีย ขณะที่ใชด้ ิน ส่งผลให้ ทรพั ยากรที่จะใชเ้ ป็ นปั จจยั สี่ คุณภาพดินขาดความ มากขึ้นหรือใช้ทรพั ยากรไม่ อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ไ ม่ เปตร็ มบั ปทรี่นุง้ันดินเ อทงี่มดีปัังญนห้ันาเดรงั ากคลว่ารว เ ห ม า ะ ส ม ต่ อ ก า ร ใหส้ ามารถใหผ้ ลผลติ แก่มนุษย ์ เพาะปลูกพืชต่อไป ซงึ่ โดยใช้หลกั การจดั การระบบ สาเหตุนี้มีปรมิ าณมาก ถงึ 80 เปอรเ์ ซน็ ต ์ นิ เ ว ศใ ห้ส อ ด ค ล้อ ง ก ับ ห ลัก นิ เ ว ศ วิ ท ย า เ พื่ อ ท า ใ ห้ ดว้ ยกนั ทาใหม้ นุ ษยม์ ี องคป์ ระกอบของระบบนิเวศทง้ั ที่ ปั จ จัย สี่ ไ ม่ เ พี ย ง พ อ มี ช ีวิ ต แ ล ะ ไ ม่ มี ช ีวิ ต ส า ม า ร ถ น อ ก จ า ก นี้ ดิ น มี ส า ร แสดงบทบาทหน้าที่ต่างๆของ ต ก ค้า งไ ด้แ ก่ ป ร อ ท

แนวทางการอนุรกั ษท์ รพั ยากรดนิ แบบ ยง่ั ยนื 1. ปแมลรนบะัุษดปยนิรเ์ุงทปโ็ นโมี่ดดสสี ยยาากเรยหาพตรดึ ษิใปุ โหหรลเบ้ั หกลปดิะรหกัปุงนัญดกกั นิ หาปทานรมี่ เเอชปีปื้ัญอน่นนหุ รดาในกิหตั เาเ้ษคหมม็ มธว์ ารดทิ ะรนิ สมยเมปชตาราอ่ ยีต้ กวแิ าลดระนิ พรุ เนพิเวาศะปโลดูกยสมาแี หนรวบั ทเปา็ นงอแนหุรลกั่งษอาแ์ หบาบรยสง่ั ายหนื รดบั งกั นาี้รหมุนเวยี นในระบบ 1.1. ดนิ เคม็ โเพดยอื่ กปารรบั ใสp่กHรดดกนิ ใาหมเ้ะปถ็ นนั กลลงไาปงใเนหดมนิ าเะคสม็ม(ตpอ่ Hการ มากกวา่ 7) เพาะปลูกพชื 1.2 ดนิ เปรยี้ ว โดยการใส่ปูนขาวหรอื ปูนมารล์ ลงไปในดนิ ที่ เป็ นกรด (pH นอ้ ยกวา่ 7) 1ส.3าหดรนิบั ดพนิ รุทโเดี่ ปย็ นกดานิ รใพสร่ปุ ูนขาวพรอ้ มทงั้ ระบายน้าตลอดเวลา (pH มากกวา่ 7) 1ป.4รอดทนิ ตทะกมี่ วส่ีั ปานรพเปษิื้ อโนลใหนะดหนินมกั กีปานรเปื้ อน หมายถงึ ดนิ ทมี่ สี าร ปรบั ปรุงดนิ กอ่ นทาการเพาะปลูกโดยการใส่ปูนขาวลงไปเพอื่ ปรบั pH ใหเ้ ป็ นดา่ งออ่ นๆ สาหร ั 2.ยสไพถบัมขี่ ชืนย่ใองสอ้ัหงลมกถม้ บาัูกนโแรกดุษดถดยั ยูดวกเซ์ซปาามรึละปปูกโลรดพูอกยชื ทพกหรชื ตมะคะแุนกลสเว่ั ุมวนสยีด้าะนหนสิ มรเปใพอื ลนอื่กูกเรนรพกัะือ้ แชษื เสยาแลอืธ่บมพาบตขชื ุอนทั้ าบใี่หชนัาไเร้ ปดใ็ นนปดปลันจิ ูกจยั

ปรากฏการณส์ ภาวะโลก รอ้ นในธรรมชาติ ภู มิอ า ก า ศ ข อ ง โลกเกดิ จากการไหลวน ของพลงั งานจากดวง อาทติ ย ์ พลงั งานนี้ส่วน ใหญ่เขา้ มาสู่โลกในรูป แสงแดด ประมาณ รอ้ ยละ 30 ของ พลงั งานทเี่ ดนิ ทางมาสู่ โลกได้ สะทอ้ นกลบั ไปสู่ หว้ งอวกาศ แต่อกี รอ้ ย ละ 70 ไดถ้ ูกดูดซบั โดย ผ่านชนั้ บรรยากาศลง

การใชพ้ ลงั งานกบั วกิ ฤตภิ าวะ ่คำอุณห ูภมิท่ีผิดปกติไป อุณหภูมิของโลก โลกรอ้ น ค่ำเฉลยี่ รำยปี สาเหตุของภาวะโลกรอ้ น: แกส๊ ทที่ า ค่ำเฉลยี่ รำย 5 ปี ใหเ้ กดิ ภาวะเรอื นกระจก •แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดท์ เี่ กดิ จาก ปี ค.ศ. การเผาไหม้ ตา่ งๆ •แกส๊ มเี ทนจากการเผาไหม้ เชอื้ เพลงิ ถา่ นหนิ และ แกส๊ ธรรมชาติ (เกดิ ขนึ้ จากสาเหตุ อนื่ ๆ เชน่ มูลสตั ว ์ เลยี้ ง การปลูกขา้ ว) •แกส๊ ไนตรสั ออกไซดจ์ ากการสนั ดาป น้ามนั เชอื้ เพลงิ (เกดิ ขนึ้ จากสาเหตุอนื่ ๆ เชน่ การใช้ ป๋ ุย มูลสตั วท์ ยี่ อ่ ยสลาย) •คลอโรฟลโู อโรคารบ์ อน เป็ นสาร สงั เคราะหท์ ใี่ ชใ้ นอตุ สาหกรรม และ

แผนทปี่ ระเทศ ไทยใหม่ หากอณุ หภูมโิ ดยเฉลยี่ ของ โลกเพมิ่ สูงขนึ้ โดยเฉลยี่ เพยี ง 1.0 องศา เซลเซยี ส แ•ผอนะไทรใี่ ทหามใข่ หอเ้ กงดปิ รเหะเตทกุ ศาไรทณย เ์ ชน จไะดเ?ป้ ็ นอย่างไร?

อณุ หภูมทิ สี่ ูงขนึ้ แมเ้ พยี ง 1 องศาเซลเซยี ส อาจไมเ่ ป็ นทสี่ งั เกต เพราะ อณุ หภูมทิ เี่ ปลยี่ นแปลงระหวา่ งวนั เราสามารถสงั เกตความแตกต่างได้ ชดั เจนกวา่ แตน่ ี่แหละคอื ตวั การทที่ าใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงอากาศใน

Global warming สงิ่ ทเี่ ราวติ กกนั มากทสี่ ุดคอื เรอื่ งระดบั น้าทะเลทสี่ ูงขนึ้ จาก การละลายของน้าแข็งทขี่ ว้ั โลก

Greenhouse gases

ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างไร

การลดลงของช้นั โอโซนในบรรยากาศ

ชนั้ ของโอโซนในบรรยากาศโลกชนั้ สตราโต โอโซนทอี่ ยู่ในบรรยากาศของโลกชนั้ สตราโตสเฟี ยรช์ ว่ ย ป้ องกนั สงิ่ มชี วี ติ ทุกชนิด เพราะเป็ นเกราะกาบงั โลกจากอนั ตรายของรงั สยี ูว-ี บี

โอโซนสาคญั อยา่ งไร? รังสียวู -ี บี UV-B radiation เป็นอนั ตรายตอ่ สิ่งมีชีวิต UV-a UV-b สาเหตสุ าคญั ของโรคมะเรง็ ผ

กา๊ ชเรอื นกระจก • เป็ นสงิ่ ขวางกนั้ แสงอนิ ฟราเรดในบรรยากาศที่ โลกสะทอ้ นกลบั จากพืน้ ผิวสู่บรรยากาศได้ เหมอื นกบั แสงสวา่ ง • ปรากฏการณท์ คี่ วามรอ้ นถูกกกั เก็บไวใ้ นชนั้ บรรยากาศนี้ เป็ นทรี่ ูจ้ กั กนั ว่า \"ปรากฏการณ์ เรอื นกระจก\" (Greenhouse Effect) เ นื่ อ ง จ า ก เ ป็ น ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ที่มีลัก ษ ณ ะ คล้ายคลึงกบั สภาพที่เกิดขึน้ ภายในเรือน กระจกที่ใชส้ าหรบั ปลู กพืชในประเทศเขต หนาว

กา๊ ซเรอื นกระจกคอื อะไร • กา๊ ซเรอื นกระจก (Greenhouse Gas) เป็ นกา๊ ซทมี่ คี ุณสมบตั ใิ นการดูดซบั คลนื่ รงั สีความรอ้ น หรอื รงั สีอินฟาเรตไดด้ ี กา๊ ซเหล่านี้มีความจาเป็ นต่อการรกั ษา อณุ หภูมใิ นบรรยากาศของโลกใหค้ งที่

กา๊ ซเรอื นกระจกทถี่ ูกควบคมุ โดย พธิ สี ารเกยี วโต 1. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด ์ (CO2) 2. กา๊ ซมเี ทน (CH4) 3. กา๊ ซไนตรสั ออกไซด ์ (N20) 4. กา๊ ซไฮโดรฟลูออโรคารบ์ อน (HFC) 5. กา๊ ซเพอรฟ์ ลูออโรคารบ์ อน (CFCS) 6. กา๊ ซซลั เฟอรเ์ ฮกซะฟลูออไรด ์ (SF6) ทง้ั นี้ ยงั มกี า๊ ซเรอื นกระจกทเี่ กดิ จากกจิ กรรม ของมนุษยท์ สี่ าคญั อกี ชนิดหนึ่ง คอื สารซี เอฟซี (CFC หรอื Chlorofluorocarbon)

กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด ์ (CO2) • เป็ นกา๊ ซที่ส่งผลกระทบ ต่ อ บ ร ร ย า ก า ศโ ล ก ม า ก ทสี่ ุด ซงึ่ ประเทศไทยเองก็ มีการปล่อยกา๊ ซชนิ ดนี้ ออกมาในบรรยากาศไม่ น้อยหน้าประเทศอนื่ โดย มที มี่ าจากการเผาผลาญ เชอื้ เพลงิ ฟอสซลิ ไม่วา่ จะ เ ป็ น ถ่ า น หิ น น้ า มั น เ ชื้อ เ พ ลิง ห รือ ก๊า ซ ่

ลาดบั ประเทศทปี่ ล่อยควนั พษิ ของ โลกมปี รมิ าณสะสมมาตงั้ แตป่ ี 1950 1. สหรฐั อเมรกิ า 7. อนิ เดยี 15,500 186,100 ลา้ นตนั ลา้ นตนั 2. สหภาพยโุ รป 8. แคนาดา 14,900 127,800 ลา้ นตนั ลา้ นตนั 3. รสั เซยี 68,400 ลา้ น 9. โปแลนด ์ 14,400 ตนั ลา้ นตนั 4. จนี 57,600 ลา้ นตนั 10. คาซคั สถาน 5. ญปี่ ่ ุน 31,200 ลา้ น 10,100 ลา้ นตนั ตนั 11. แอฟรกิ าใต้ 8,500 ลา้ นตนั 12. เม็กซโิ ก 7,800


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook