Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ecology Udomrit Thaworn

Ecology Udomrit Thaworn

Published by อุดมฤทธิ์ ถาวร, 2019-06-30 04:16:40

Description: Ecology Udomrit Thaworn

Keywords: นิเวศวิทยาม,Ecology

Search

Read the Text Version

The biomes

The biomes สนุ ัขจงิ้ จอกสนี า้ ตาล กระต่ายปา่

The biomes สะวันนา (Tropical Savanna) • เปน็ ทุง่ หญา้ ทพี่ บไดใ้ นทวีปแอฟรกิ า อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และ ทางตะวนั ออกเฉียงใต้ของเอเชีย • อากาศรอ้ น สว่ นใหญ่เปน็ หญ้าและมตี น้ ไม้ ข้ึนเป็นหยอ่ ม ๆ มกั มไี ฟป่าเกิดขึ้นเสมอ ในฤดรู อ้ น • ตัวอยา่ งในไทย ป่าท่งุ ใหญน่ เรศวร ตาก

The biomes ควายปา่ ยรี าฟ ชา้ งปา่ แอฟรกิ นั

The biomes เบลค์บอ็ ค บลวู เิ ดอบสี มา้ ลาย

The biomes Desert ทะเลทราย • พบไดท้ ่ัวโลก เชน่ ทะเลทรายซาฮาราใน แอฟรกิ า ทะเลทรายโกบีในจนี • ปริมาณน้าฝนทไี่ ดร้ บั ตอ่ ปี นอ้ ยกว่า 25 cm • บางแห่งรอ้ นมากอณุ หภูมสิ งู ถงึ 60 oC ตลอดวัน บางแหง่ ค่อนข้างหนาวเยน็ • พืชไบโอมนี้ มีการปอ้ งกันการสูญเสยี นา้ โดยใบลดรูปเปน็ หนาม ลาต้นอวบ สะสม นา้ พืชทนแลง้ (xerophyte) ไม่พบไม้ ใหญ่

The biomes Desert ทะเลทราย • ทร่ี จู้ กั กันทั่วไปได้แก่ - ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) ในแอฟรกิ า - ทะเลทรายโกบี (Gobi) ในจนี - ทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) แคลฟิ อร์เนีย สหรฐั อเมริกา • กระบองเพขร • อนิ ทผาลัม

The biomes แหลง่ โอเอซสี (oasis) ในทะเลทราย ทะเลทรายซาฮารา

The biomes หนูจงิ โจ้ กิ้งก่าทะเลทราย

The biomes Tundra ทุนดรา • เป็นฤดหู นาวที่ยาวนาน ฤดูร้อนช่วงส้ัน ๆ • ชัน้ ของดนิ ทอี่ ยูต่ ่ากว่าผิวดินจะจับตัวเป็น น้าแข็งอยา่ งถาวร พบทางตอนเหนอื ของ ทวปี อเมริกาเหนือ และยูเรเซยี • พบพชื และสัตว์อยนู่ ้อยชนิด เป็นพวกไม้ ดอก ไม้พุ่ม และไลเคน ปริมาณนา้ ฝนน้อย • ในชว่ งฤดรู ้อนสัน้ ๆ นา้ แข็งทผี่ วิ หน้าดนิ จะ ละลายท่วมขังอยูบ่ นผวิ ดนิ เพราะซึมผา่ น ลงไปไม่ได้ ทาให้ปลกู พืชไดใ้ นระยะสนั้ • อุณหภมู ิ -30 oC ในฤดหู นาว ฤดูรอ้ นแค่ 10 oC (ร้อนส้นั หนาวยาว)

The biomes ทนุ ดรา : ธารนา้ แขง็ ในพาตาโกเนยี

The biomes หมขี ้ัวโลก สุนัขจง้ิ จอกหิมะ

The biomes ไม้เรือนยอดสูง 100-240 ฟตุ ปกคลมุ เหนอื หลงั คาปา่ ใบมี ขนาดเล็กเพ่อื ลดต้านลม เน่ืองจากลมแรง ลาต้นผิวเรยี บ ระบบรากตื้น (พพู อน) ต้นไม้สูง 60-130 ฟตุ แผใ่ บติดกันเปน็ หลังคาคลุมปา่ เป็นช้นั ทส่ี ตั วอ์ าศยั อยู่ มากทสี่ ดุ ต้นไมส้ ูง 60 ฟตุ ลงมาเปน็ ตน้ ไม้ ขนาดเลก็ หรือไม้พมุ่ ไมช้ น้ั ลา่ ง เปน็ ไมล้ ้มลกุ แสงส่องผ่านลง มาน้อยมาก ประมาณ 1% เนอ่ื งจากถกู ไมช้ ้นั บนบงั แสงไวเ้ กอื บทง้ั หมด

ชวี นิเวศระดบั ป่ าผลดั ใบ ทอ้ งถนิ่ ไดแ้ ก่ ป่ าไมผ่ ลดั ใบ - ป่ าเบญจพรรณ ไดแ้ ก่ - ป่ าเตง็ รงั หรอื ป่ าแดง - ป่ าดบิ ชนื้ - ป่ าดบิ แลง้ - ป่ าดบิ เขา - ป่ าสนเขา - ป่ าชายเลน - ป่ าพรุ

ระบบนิเวศ ระบปบ่นาิเวไศมป่ า้ ไม้ - เป็ นระบบนิเวศบนบกทมี่ ขี นาดใหญ่ - เป็ นทรพั ยากรธรรมชาตทิ มี่ คี วามสาคญั คอื สงิ่ มชี วี ติ และสมดลุ ทางธรรมชาติ - เป็ นแหล่งรวมของความหลากหลายทาง ชวี ภาพบนพนื้ ดนิ ทใี่ หญ่ทสี่ ดุ เพราะมพี ชื พรรณ และสตั วป์ ่ านานาชนิดอาศยั อยู่ - เป็ นแหล่งวตั ถดุ บิ ของปัจจยั สี่ - เป็ นแหล่งตน้ น้าลาธาร ลดความรุนแรง ของน้าป่ า ชว่ ยควบคมุ อณุ หภูมิ รกั ษาความชมุ่ ชนื้ ของผวิ ดนิ สะสมป๋ ุยธรรมชาติ ในประเทศไทยมปี ่ าไม้ หลากหลายชนิด กระจายอยูท่ ว่ั ประเทศ มกี ารแบง่ ป่ าไมเ้ ป็ น 2

ป่ าดบิ ชนื้ ป่ าดบิ ชนื้ (tropical rain forest หรอื - พบในพtนื้roทpที่ iมี่ cฝีalนeตvกeชrกุ grเชeeน่ nทfาoงภreาsคtใ)ตช้ ายฝ่ัง ทะเล ภาคตะวนั ออก - อณุ หภูมไิ ม่เปลยี่ นแปลงมาก มคี วามชนื้ สูง - พชื เป็ นไมย้ นื ตน้ ใบกวา้ งปกคลุมหนาแน่น ไมม่ ี การผลดั ใบ จงึ เขยี วครมึ้ ตลอดปี - พชื มคี วามสูงตา่ งกนั หลายระดบั  ไมย้ นื ตน้ ชน้ั บน มคี วามสูงตง้ั แต่ 25-40 เมตร เชน่ ไมย้ าง ตะเคยี น สะยา  ไมย้ นื ตน้ ชน้ั กลาง มคี วามสูงตงั้ แต่ 10 -20 เมตร เชน่ ตนี เป็ ดแดง จกิ เขา  ไมย้ นื ตน้ พนื้ ล่าง มคี วามสูงไม่เกนิ 7 เมตร

ป่ าดบิ ชนื้ ป่ าดบิ ชนื้ (tropical rain forest หรอื tropical

ป่ าดบิ แลง้ ป่ าดบิ แลง้ (dry evergreen forest ) - พบทางภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ในบรเิ วณทคี่ อ่ นขา้ งราบ - มชี ว่ งทแี่ หง้ แลง้ อย่างน้อย 3 - 4 เดอื น - ลกั ษณะเป็ นป่ าโปรง่ : พชื เดน่ ทพี่ บ ในเรอื น ยอดชนั้ บน เชน่ ยางแดง มะคา่ โมง เคยี่ ม หลุมพอ กระบาก ตะเคยี นหนิ ส่วนพชื ในชน้ั รองลงมา เชน่ พลวง กระเบาเล็ก

ป่ าดบิ เขา ป่ าดบิ เขา (hill evergreen forest หรอื - เป็ นป่ าทพี่ บmอยoู่ใuนnพtนื้ aทiสีn่ ูงforest) เหนือระดบั น้าทะเล 1,000 เมตร ขนึ้ ไปพบในเทอื กเขา สูงแถบภาคเหนือ - เป็ นป่ าตน้ น้าลาธาร - ไมย้ นื ตน้ ทพี่ บ เชน่ สนเขา มะขามป้ อมดง อบเชย กายาน - ไมพ้ นื้ ล่างทพี่ บ ไดแ้ ก่ กหุ ลาบป่ า ผกั กูด กลว้ ยไม้

ป่ าสนเขา สนเขา (coniferous forest) - พบตามภูเขาสูงในภาคเหนือ ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือและภาคกลาง - ไมย้ นื ตน้ ทขี่ นึ้ มใี บเรยี วเล็กเหมอื นเข็ม เชน่ สนสองใบ สนสามใบ - พนื้ ป่ ามไี มพ้ มุ่ และไมล้ ม้ ลุกมอี ยู่น้อย เพราะ ดนิ ขาดความอดุ มสมบูรณ์ มคี วามเป็ นกรด และ ขาดธาตอุ าหาร - สตั วท์ พี่ บ เชน่ แมวป่ า หมาป่ า ชะมดเมน่ อเี ห็น และสตั วท์ กี่ นิ เมล็ดสน เชน่ นก กระรอก

ป่ าชายเลน ชายเลน (mangrove forest) - เป็ นป่ าทขี่ นึ้ ตามแนวชายฝ่ั งทะเล และปาก แมน่ ้า จงึ เป็ นแหล่งน้ากรอ่ ย - พบบรเิ วณชายฝ่ั งทะเลของอา่ วไทย และ บรเิ วณชายฝ่ั งอนั ดามนั ดา้ นตะวนั ตกของ ภาคใต ้ - เป็ นรอยตอ่ ระหวา่ งระบบนิเวศบนบกและระบบ นิเวศแหล่งน้า - มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพสูง - พรรณไม้ ไดแ้ ก่ โกงกาง และมลี าพู ตะบูน - เป็ นแหล่งอาหาร - แหลง่ หลบภยั

ป่ าพรุ พรุ (peat swamp forest) - พบตามทลี่ ุ่ม เป็ นป่ าทมี่ ี - มคี วามสมบูรณม์ าก น้าจดื ขงั อยูต่ ลอดปี ทสี่ ุด - สภาพเป็ นดนิ อนิ ทรยี ห์ รอื - พบทภี่ าคใต้ คอื พรโุ ต ดนิ พรุ ซงึ่ เกดิ จากการยอ่ ย แดง สลายสารอนิ ทรยี ์ จงั หวดั นราธวิ าส - น้ามคี วามเป็ นกรดสูง - ลกั ษณะเป็ นป่ าแน่นทบึ พรรณไมท้ พี่ บมที ง้ั ขนาด ใหญ่ขนึ้ ปนกบั ขนาดเล็ก เชน่ หวาย หมากแดง หลมุ พี

ป่ าเบญจพรรณ ป่ าเบญจพรรณ (mixed - เป็ นdป่ าeโcปidรง่uปoรuะกsอfบoดrว้eยsไtม)้ ยนื ตน้ ขนาดใหญ่ และขนาด กลางขนึ้ ปะปนกนั - พบทุกภาคในประเทศไทย ยกเวน้ ภาคใต้ - ดนิ มกั เป็ นดนิ รว่ นปนทราย - พรรณไมห้ ลกั ทสี่ าคญั มี 5 ชนิด ไดแ้ ก่ สกั มะคา่ แดง ประดู่ ชงิ ชนั ขนึ้ ปะปนกบั ไผ่ และพชื วงหญา้ ชนิดอนื่ ๆ

ป่ าเตง็ รงั ป่ าเตง็ รงั หรอื ป่ าแดง ป่ าแพะ (dry - เป็ นป่ าโdปiรpง่ teมrตี oน้ cไaมrข้ pนาfดoใrหeญst่ ) - พบในเขตพนื้ ทแี่ หง้ แลง้ ของทุกภาค โดยเฉพาะ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ยกเวน้ ภาคใตแ้ ละภาค ตะวนั ออก แถบจนั ทบุรี และตราด - ไมท้ พี่ บ เชน่ เตง็ รงั ไผเ่ พ็ก พะยอม เหยี ง พลวง ประดูแ่ ดง มะขามป้ อม

The biomes Freshwater biome (ไบโอมแหลง่ นา้ จดื ) • ประกอบดว้ ย - แหลง่ นา้ นงิ่ ซ่งึ ไดแ้ ก่ ทะเลสาบ สระ หนอง บงึ - แหลง่ น้าไหล ซงึ่ ได้แก่ ธารนา้ ไหล แมน่ ้า Marine biome (ไบโอมแหลง่ นา้ เค็ม) • ประกอบด้วย - ทะเล มหาสมทุ ร พบในปรมิ าณท่มี าก ร้อยละ 71 ของผวิ โลก - มีความลกึ มาก เฉล่ยี ถึง 3,750 เมตร มนี ้าขึ้นน้าลงเปน็ ปัจจยั ทางกายภาพที่สาคญั

Ecology ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในระบบนิเวศ ห่วงโซ่อาหาร (food chain) คือ ความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวิตใน เชิงอาหาร กล่าวคือ การกินกันเป็นทอดๆ โดยทั่วไปจะเร่ิมจาก Producer ถา่ ยทอดพลังงานไปยงั Consumer ในลาดบั ถดั ไป สายใยอาหาร (food web) คอื ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี วี ติ ท่ีเกดิ จากห่วงโซ่อาหารหลายๆ ห่วง มีความสัมพันธ์กนั อย่างซับซ้อน ซ่ึงพบได้ ตามธรรมชาติทั่วไป ถ้าสายใยอาหารมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด จะทาให้ระบบนิเวศมีความเสถียรมากข้ึน คือ หากส่ิงสิ่งมีชีวติ หนึ่งหายไป จากระบบนิเวศก็อาจจะยังมีสิ่งมีชีวิตอ่ืนมาบทบาทในระบบนิเวศแทน จะทาให้ระบบนเิ วศสมดลุ ได้

หว่ งโซ่อาหาร (food chain) • หว่ งโซอ่ าหารมีหลายประเภท ได้แก่ – แบบจับกินหรอื แบบลา่ เหยอื่ (predation) เรม่ิ ท่สี ง่ิ มีชวี ติ เชน่ ... • ใบหมอ่ น หนอนไหม นกกระจบิ นกอินทรี – แบบ detritus food chain or saprophytic food chain เริ่มทซี่ ากอินทรีย์ เช่น • ซากใบไม้ ไสเ้ ดือน นกกระจอก เหย่ยี ว – แบบปรสิต (parasitic food chain) มภี าวะปรสติ อยู่ในหว่ งโซ่ เชน่ • กุหลาบ เพล้ีย แบคทเี รยี ไวรัส

หว่ งโซอ่ าหาร (food chain) Food Chains A food chain shows what is eaten. The lettuce is eaten by the rabbit.

ห่วงโซอ่ าหาร (food chain) Food chains always start with a plant. The lettuce is eaten by the slug, the slug is eaten by the bird.

หว่ งโซ่อาหาร (food chain) Where do the arrows point ?

หว่ งโซอ่ าหาร (food chain)

หว่ งโซอ่ าหาร (food chain)

หว่ งโซอ่ าหาร (food chain)

Food Webs We can show this by using a food web, which is just a more complicated version of a food chain. owl fox rabbits mice grass seeds berries

สายใยอาหาร (food web)

Food web

Food Webs สายใยอาหาร (food web)

Trophic level Trophic level หมายถึง การเคล่อื นยา้ ยพลงั งานและสารอาหารไป ตามลาดบั ข้นั โดยใช้ลูกศร ซงึ่ แสดงทศิ ทางการเคลือ่ นย้ายพลงั งาน (การบรโิ ภคเปน็ ขน้ั ๆ) ดังน้นั ในการถ่ายทอดพลังงานระหว่างสิง่ มีชวี ติ ในแตล่ ะลาดบั ขนั้ การกนิ ไปยงั สง่ิ มชี วี ติ ในลาดับขั้นถดั ไป พบว่า ในแต่ละขน้ั จะมีการเปลี่ยนรูปพลงั งาน จากอาหาร หรอื สารอินทรียท์ ี่ได้รบั ไปจะมเี พยี งแค่รอ้ ยละ 10 เท่านน้ั ทจ่ี ะถูกเก็บไวใ้ นร่างกายของ ส่งิ มชี วี ิตในลาดับขัน้ ถัดมาในรูปของมวลชวี ภาพ ใช้ในการเจรญิ เตบิ โต สรา้ งเนื้อเยอื่ และการสืบพนั ธุ์ สว่ นท่เี หลอื อกี ร้อยละ 90 จะสูญเสยี ไปกับการหายใจ การเมทาบอ ลซิ ึม การขับถ่ายและความรอ้ น หรือใชไ้ มไ่ ด้ ดงั นัน้ จะเหน็ วา่ ยิง่ ห่วงโซอ่ าหารมีความ ยาวมากขนึ้ เพยี งใด สงิ่ มชี ีวติ ลาดบั ทา้ ยๆ จะยงิ่ ได้รับพลังงานลดลง โดยทว่ั ไปห่วงโซ่ อาหารมักไมเ่ กนิ 4-5 ลาดับการกิน เรยี กกระบวนการนวี้ ่า กฎ 10%

Trophic level

กฎ 10%

กฎ 10%

food pyramid พีระมิดอาหาร (food pyramid) เป็นพีระมิดท่แี สดงลกั ษณะของการ ถา่ ยทอดพลังงานและอาหารในห่วงโซ่อาหาร โดยใชแ้ ผนภมู ิแท่งวางซ้อนทบั กนั แทนจานวนนา้ หนกั ของผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภคเป็นลาดับตา่ งๆ หรือพลงั งาน การกนิ ในแต่ละขั้นการกนิ เปน็ รูปพรี ะมดิ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คือ

pyramid of number ผู้ผลิตมขี นาดเล็ก แต่มจี านวนมาก ในขณะที่ top carnivores มขี นาดใหญ่ แต่จานวนนอ้ ย เช่น ต้นโอ๊ก 1 ตน้ สามารถเป็นอาหารของนกได้หลายตัว และนกแต่ละตัวกเ็ ปน็ อาหารของ ectoparasites จานวนมาก

pyramid of biomass ในระบบนิเวศบก นา้ หนกั แหง้ ของผู้ผลิตมีค่ามากทส่ี ุด นา้ หนกั ชีวมวลจะลดลงในลาดบั ผู้บรโิ ภคที่สงู ขึ้น ระบบนิเวศในน้า ที่แพลงตต์ อนพชื เพิ่มจานวนอย่างรวดเร็วในฤดูใบไมผ้ ลิ ทาให้แพลงต์ ตอนสตั ว์เพ่มิ จานวนมากขึน้ เนอ่ื งจากมันกินได้เรว็ เทา่ กบั มันสืบพนั ธ์ุ ชีวมวลของผผู้ ลติ จงึ มีคา่ น้อย ทสี่ ุด นา้ หนักชวี มวลและจานวนของผบู้ ริโภคมากขึน้

pyramid of energy จานวนพลังงานท่ใี ช้ไดล้ ดลงเมอ่ื ถกู ส่งผ่าน ระบบนเิ วศ พลังงานจากแสงอาทติ ยถ์ ูกจับไว้ท่ฐี านของ พีระมดิ และลดลงเมื่อผา่ นลาดับขนั้ ของบการบรโิ ภค เนื่องจากมีการสูญเสียพลังงานในการสง่ ต่อสารอาหาร แตล่ ะข้นั ดงั นนั้ พรี ะมดิ พลังงานจงึ มฐี านกวา้ ง



การหมนุ เวียนวฎั จกั รของสารในระบบนิเวศ (Nutrient cycling) ในระบบนิเวศ แรธ่ าตแุ ละสารตา่ งๆ เปน็ สิ่งจาเป็นในการดารงชวี ิต เชน่ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และน้า สารตา่ งๆ เหลา่ น้ี เปน็ องค์ประกอบ ของโมเลกุลทีส่ าคญั ใน เซลล์สง่ิ มชี วี ิตเรยี กว่า ชวี โมเลกลุ (biomolcules) เช่น ลพิ ดิ โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต และ กรดนิวคลอี ิก ปกตแิ ล้วสารเหล่านจ้ี ะมปี รมิ าณคอ่ นข้างคงท่ี และสมดุลในธรรมชาติ เน่อื งจากมีการ หมุนเวียนสารเหลา่ น้ีกลับมาใชใ้ หม่ เป็นการหมุนเวียนผา่ นโซอ่ าหารเปน็ วฏั จักร เรยี กว่า วัฏจกั รสาร (material cycle) เช่น วฏั จกั รน้า วฏั จกั รคารบ์ อน วัฏจกั รไนโตรเจน วฏั จกั รฟอสฟอรัส และ วัฏจกั รกามะถัน เป็นต้น วฏั จกั รของสาร (biogeochemical cycle) คอื การหมนุ เวยี นของสารต่างๆ เป็นวัฏจกั ร ภายในสง่ิ แวดลอ้ มหนึง่ สามารถแบ่งออกเป็นได้ 2 วฎั จกั ร คือ วัฎจกั รของกา๊ ซ (gaseous cycle) เป็น การหมนุ เวียนสถานะก๊าซ เชน่ วัฏจักรของน้า วัฏจักรของคาร์บอน และวัฏจกั รของไนโตรเจน ขณะทีว่ ัฏจกั รของตะกอน (sedimentary cycle) จะไม่มกี ารหมนุ เวียนของสถานะกา๊ ซ เช่น วัฏจัก ของฟอสฟอรัส เป็นตน้

วฏั จักรน้า (water cycle) น้า(H2O) เปน็ สงิ่ ทจ่ี าเปน็ ต่อสิง่ มีชีวิตทกุ ชนดิ ในระบบนเิ วศ เพราะนอกจากจะเป็นองคป์ ระกอบของเซลลแ์ ลว้ .....  นา้ ยังเปน็ ตัวกลางสาคญั ของกระบวนการต่างๆในสง่ิ มชี วี ิต  เปน็ แหล่งท่อี ยู่อาศยั ของสิง่ มีชีวิตหลายชนิด  เปน็ ปจั จยั สาคญั ที่ทาใหเ้ กิดระบบนเิ วศชนิดต่างๆ  การหมนุ เวียนของน้าในระบบนิเวศ เกดิ จาก 2 กระบวนการ คอื  การระเหย (evaporation)  การกลน่ั ตวั เป็นฝนตกลงสู่โลก (precipitation)

water cycle วัฏจกั รนา้ ประกอบดว้ ยวงจร 2 วงจรคือ 1. วัฏจักรระยะส้ัน (Short cycle) เปน็ การหมุนเวียนนา้ โดยไม่ผ่านสงิ่ มชี ีวิต เกดิ จากการระเหยของ น้า (evaporation)บริเวณผิวโลกเน่ืองจากได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ ข้ึนไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มเมฆและเกิดการ ควบแน่น (condensation)จนกล่ันตัว (Precipitation) ลงมาเป็นฝนตกลงสู่ผิวโลกอีกครั้งหนึ่ง เป็น วัฏจักรท่ี เกิดขึ้นโดยอาศยั การเปลีย่ นสถานะของน้าจากการรบั พลังงาน โดยตรง 2. วัฏจักรระยะยาว (Long cycle) เป็นการหมุนเวียนน้าโดยผ่านสิ่งมีชีวิต ส่ิงมีชีวิตรับน้าเข้าสู่ รา่ งกายเพ่อื ใช้ในการรักษาสมดุลและเมตาบอลิซมึ ตา่ ง ๆ น้าที่เหลอื จากการนาไปใช้ และนา้ ที่ได้จากกระบวนการ ต่าง ๆ จะถูกขับจากร่างกายของ ส่ิงมีชีวิต เช่น การคายน้าของพืช (Transpiration)การหายใจ (Respiration)การขับปัสสาวะ การขับเหง่ือ น้าเหล่านี้จะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในรูปของไอน้า (Water vapour) เกดิ การควบแนน่ และกล่นั ตวั เปน็ ฝนตามลาดับ

water cycle


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook