Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความสิ่งแวดล้อม

บทความสิ่งแวดล้อม

Published by da7485652, 2020-05-07 00:05:29

Description: บทความสิ่งแวดล้อม

Search

Read the Text Version

บทความสง่ิ แวดล้อม เมอื่ ฟ้าเปลยี่ นสี โดยเวบ็ มาสเตอร์ นับตั้งแต่มนุษย์เริม่ ก้าวเขา้ สูย่ คุ อตุ สาหกรรมจนถงึ ปจั จุบนั นบั เปน็ เวลาเพยี งไมก่ ีร่ อ้ ยปี องคค์ วามรดู้ ้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได้เพมิ่ พูนและพฒั นาต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ โลกถกู ปรบั เปลย่ี นโฉมหนา้ ใหม่ โดยอาศยั ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยที ี่มนษุ ย์สรา้ งสรรค์ พัฒนาขนึ้ มา จวบจนกระทงั่ ปัจจุบนั น้ี นวตั กรรมความกา้ วหน้าลา่ สดุ ดา้ นต่างๆ ตา่ งก็ยงั ทยอยออกมาสร้างความทึง่ และตนื่ เตน้ ใหก้ ับมนษุ ย์เรา แตใ่ น ขณะเดียวกัน ปรากฏการณท์ างธรรมชาติหลายอย่าง เช่น ภมู อิ ากาศ และสภาพแวดลอ้ ม กแ็ สดงความแปรปรวนผนั ผวนค่อนขา้ งรุนแรง สง่ ผล กระทบให้เกดิ ความเดอื ดร้อน ต่อชีวติ ทรัพย์สนิ และความเปน็ อยขู่ องผูค้ นในหลายภูมิภาคของโลก นวัตกรรมความกา้ วหนา้ ทั้งหลายท่มี ีอยู่ จงึ ควบค่ไู ปกับความตื่นตระหนก ต่อภาวการณ์ทร่ี ุนแรง ซง่ึ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกดิ ขน้ึ หรอื มีความรุนแรงและถ่ีบ่อยขนาดนี้ พร้อมกนั นั้น ยังแสดงให้เห็นวา่ ความก้าวหน้าพัฒนา ในสารพัดรูปแบบแห่งนวตั กรรม ทอี่ อกมาสนองความสะดวกสบายของมนษุ ยน์ น้ั ยงั อยูห่ ่างไกลนกั กับ การเขา้ ไปเทียบเคียง หรือตอ่ กรกบั พลังอันย่งิ ใหญข่ องธรรมชาติ นกั วิทยาศาสตร์ด้านธรรมชาติวทิ ยาและสิ่งแวดล้อมทัว่ โลก ได้พยายามหาคาตอบ และได้ข้อสรปุ วา่ ความรุนแรงทางปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติดังกล่าว เกิดจากอณุ หภมู ิภมู ิอากาศของโลกทสี่ งู เพิ่มข้นึ หรือท่เี รยี กกันท่ัวไปว่า \"ภาวะโลกร้อน\" ภาวะโลกรอ้ นเปน็ สาเหตุสาคัญ ทส่ี ่งผลใหเ้ กดิ ความแปรปรวนของสภาพแวดลอ้ มไปทวั่ โลก และเกิดผลกระทบเปน็ ห่วงโซต่ อ่ ระบบนเิ วศน์อ่ืนๆ ตามมา มกี ารสืบเสาะหาตวั การสาคญั ซ่งึ เป็นตน้ ตอของปญั หา และพบวา่ มาจากสง่ิ อนั เป็นผลพวงของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแบบ ขาดความสมดุล ทไ่ี มค่ านงึ ถงึ ผลกระทบทางส่ิงแวดล้อม โดยมีความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ป็นตัวขับเคลอื่ น หากขอ้ สรปุ เชน่ ว่าน้ัน ถกู ตอ้ ง ย่อมแสดงวา่ มนุษย์สามารถสร้างสรรคน์ วัตกรรมความกา้ วหน้าใหมๆ่ ขน้ึ มาก็จรงิ หากแต่ไมใ่ ชเ่ ปน็ การได้มา เปล่า จากมนั สมองลว้ นๆ แต่เปน็ การแลกกับสง่ิ ท่มี ีคา่ น่ันคอื ทรัพยากรทางธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ซงึ่ เป็นสงิ่ สร้างความสมดลุ ให้กับระบบ นิเวศน์ทั่วผืนโลก เม่ือสมดลุ ระบบนเิ วศนท์ ่ีคอยปกป้องและเกื้อกูลวิถชี ีวติ ของมนุษยชาติมาตลอด สูญเสยี สภาพไป ธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ มทเี่ คย เก้อื กลู เปน็ มิตร จงึ กลายเปน็ อันตรายใกล้ตวั ที่ไม่รจู้ ะแผลงฤทธ์ิข้นึ มาเม่ือไร

แมค้ วามจริงของสมมุตฐิ านดังกล่าว จะไดร้ ับการยืนยนั และพิสูจนจ์ นปรากฏแน่ชดั พอสมควร แต่ยังมอี กี หลายฝ่าย อา้ งว่า ปรากฏการณค์ วาม รุนแรงทางธรรมชาตดิ งั กล่าว หาใชผ่ ลพวงอนั เกิดจากการพฒั นาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไม่ แต่เป็นความเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาติ ตามปกติ และแม้ว่าจะยอมรับความจริงนั้นอยบู่ า้ ง แตข่ ้ออา้ งเรื่องปากท้อง ทาใหเ้ กิดสภาวะหยดุ ไม่ได้ หรือจายอมที่จะกอดคอกันเผชิญชะตา กรรมในวันขา้ งหน้า ชนิดอะไรจะเกดิ ขึ้นก็ชา่ ง ไม่ห่วงแมก้ ระทงั่ ว่ามนษุ ยชาตริ ุ่นหลัง จะสบื ทอดอารยธรรมต่อไปได้อย่างไร การส่งขา่ วสาร เตอื นลว่ งหนา้ ของธรรมชาติ เพือ่ ใหม้ กี ารพฒั นาแบบประนปี ระนอมกบั สิ่งแวดล้อม หรอื บนั ยะบนั ยงั เรอ่ื งการพฒั นาดา้ นวัตถอุ ยา่ งสดุ ข้ัว ชนดิ ไมค่ านึงถงึ ผลกระทบลงบา้ งจงึ เหมือนดไู ร้ผลตอบรับ ความวปิ ริตแปรปรวนของสภาพภมู ิอากาศของโลก ได้ก่อใหเ้ กดิ ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติท่ี คอ่ นข้างรนุ แรงไปท่วั โลก ซึ่งไม่ใชแ่ ตจ่ ะสรา้ งความเสยี หายให้เกดิ แกช่ วี ติ และทรพั ย์สนิ ของประชาชนเฉพาะจุดเท่าน้ัน ความเดือดร้อนเสียหาย ดงั กล่าว ยงั ส่งผลกระทบ ในด้านเศรษฐกิจและสังคมทง้ั ในวงกวา้ ง และในระยะยาวตามมา โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ความวปิ รติ แปรปรวนทาง ธรรมชาติ และการพฒั นาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ของระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม ไดท้ าใหม้ นษุ ย์ในโลกทกุ คน มีความเก่ียวเนอื่ งถงึ กัน ในแทบทุกๆ มิติ ผลกระทบที่รุนแรงดา้ นใดดา้ นหนึง่ ซง่ึ เกิดอยทู่ ห่ี น่ึง จะสง่ ผลกระทบเป็นโดมิโนแบบรอบทศิ ไปยังอกี หลายท่ีอยา่ งไม่ช้ากเ็ รว็ ไมโ่ ดยตรงกโ็ ดยอ้อม วิกฤตส่งิ แวดลอ้ มจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวพอท่แี ต่ละคนจะสามารถหลกี เลีย่ งพน้ หรอื วิ่งหนีได้ ความหวงั และทางออก ทจ่ี ะเกดิ ผลรวดเรว็ ในทางปฏิบัติมากท่สี ุด ในการรับมือกบั วิกฤติส่งิ แวดลอ้ ม คงเปน็ ทที่ ราบกันดอี ยูแ่ ลว้ วา่ หนีไม่พ้น ความรบั ผิดชอบ และการตระหนักรแู้ ลว้ ลงมอื แก้ไข ในระดบั ปัจเจกบุคคล โดยมุง่ ไปทก่ี ารปรบั เปลี่ยนวิถีการดาเนินชีวิต และการฟน้ื ฟรู ะบบ นิเวศน์ยอ่ ยๆ ใกลต้ ัวกอ่ น โดยการอาศัยองคค์ วามรทู้ ี่ได้จากการสงั เกตดว้ ยตนเอง หรอื แหลง่ ข้อมูลในเรื่องนี้ซ่ึงมีอยมู่ ากมาย โดยการอาศัยศักยภาพทางสร้างสรรคเ์ ป็นจดุ เร่มิ ตน้ และลาดบั ถัดมา ด้วยเหตุทีแ่ ตล่ ะคนมสี งั คมทต่ี นสัมพันธ์เกี่ยวขอ้ งอย่ดู ว้ ยโดยรอบด้าน นบั จากระดับครอบครวั เป็นตน้ ไป ความคิดและการกระทาเชงิ สร้างสรรค์ การฟื้นฟแู ละแกไ้ ขวกิ ฤตสิ่งแวดลอ้ ม ท่มี อี ยู่ในตัวของบุคคลคนหน่ึง ก็ เปน็ เช่นเดียวกนั การขยายตวั ของกระแสด้านผลกระทบ กล่าวคือจะความคิดและการกระทาเชงิ สร้างสรรค์ของเขา จะเกดิ เป็นกระแสสรา้ งสรรค์ ในมมุ กลบั กนั ทก่ี ระจายผลต่อไปในวงกวา้ ง โดยเฉพาะหากปัจเจกชนน้นั เปน็ ผนู้ าในสังคม ผู้นาจิตวิญญาณในทางศาสนา ผู้ท่ีมีพลงั ในการ โนม้ น้าวมวลชนสูง หรอื ผู้ที่มอี านาจการตดั สนิ ใจในชมุ ชม ในองคก์ ร หรือในระดบั ประเทศ กลา่ วคอื ปจั เจกชนทวี่ ่านี้จะยิง่ สามารถสรา้ งแรง กระเพื่อมหรือกระแสการอนุรักษ์และฟน้ื ฟสู งิ่ แวดลอ้ ม ไปได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว พลังของปจั เจกชนคนเดยี วจงึ เป็นความหวงั ทไี่ ม่อาจ เรยี กได้ว่ารบิ หรี่ แตเ่ ป็นความหวงั อนั เปย่ี มพลังทสี่ ามารถนาไปสกู่ ารเยยี วยาและเปลี่ยนแปลงโลก ใหเ้ กิดความเกอื้ กูลพอดีระหวา่ งการพัฒนา อารยธรรมของมนุษยชาตอิ ย่างยง่ั ยืน กบั การคงสภาพอันสมดุลของระบบนเิ วศน์และสงิ่ แวดลอ้ มโลกตอ่ ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook