Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore law1

law1

Published by โชคทวี ธรรมศร, 2021-11-13 04:55:45

Description: law1

Search

Read the Text Version

39 วิธีการเขียนโปรแกรมให้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ดังน้ันแม้เราจะเพิ่งเร่ิมต้นศึกษาการเขียน โปรแกรม กส็ ามารถที่จะเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว (บัญชา ปะสลี ะเตสงั , 2552: 17) สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 34 โปรแกรม Microsoft Visual C# 2010 มีหลายระดับตั้งแต่ Express, Ultimate, Premium และ Professional C# เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ โดยใช้รากฐานของ ภาษา C และ C++ เป็นหลัก ดังนั้นรูปแบบโครงสร้างทางภาษาของ C# จึงคล้ายกับภาษา C และ C++ แตไ่ ด้ลดความซับซอ้ นลง นอกจากนี้ก็ยงั ได้แกไ้ ขปญั หาและข้อบกพร่องหลายประการที่มีอยู่ใน C++ ให้หมดไป จึงทาให้ภาษา C# น้ันกลายเป็นภาษาท่ีเรียนรู้ได้ง่ายและสามารถทางานได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ เน่อื งจาก C# นน้ั เกิดขึ้นมาพร้อมกบั เทคโนโลยีดอทเน็ท (.NET) ดังนั้นการทางาน ของ C# จึงขนึ้ กับดอทเน็ท เฟรมเวิร์ค (.NET Framework) เป็นหลัก โดยมีชุดเคร่ืองมือที่ใช้ในการ พฒั นาแอพพลเิ คช่นั ดว้ ยภาษา C# เรียกวา่ Visual C# ซงึ่ สามารถใช้ในการพัฒนาแอพพลิเคช่ันท่ัวๆ ไปในระดบั เดียวกับ Visual Basic เพ่อื ให้โปรแกรมเมอร์ทคี่ ุ้นเคยกับรูปแบบโครงสรา้ งในแบบภาษา C และ C++ สามารถเลือกใช้ VC# แทน VB ได้ ในปัจจุบันภาษา C# กาลังได้รับความนิยมมากข้ึนเร่ือยๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิง โปรแกรมเมอรท์ ่เี คยเขยี นดว้ ยภาษาอ่นื ๆ เช่น C++ , Java , Delphi หรอื แมก้ ระทัง่ ผู้ที่เคยใช้ VB มา ก่อนกต็ าม ตา่ งกห็ ันมาใช้ C# กนั มากขึ้น เพราะโครงสร้างของ C# นั้น ส้ัน , กระชับ และเขา้ ใจไดง้ า่ ย กว่า ซง่ึ ไมเ่ พยี งแต่จะใช้สร้างแอพพลิเคช่ันบน Windows เท่าน้ัน แต่ยังสามารถสร้างแอพพลิเคช่ัน

40 อื่น ๆ ไดอ้ ีกหลากหลาย เช่น Web Application (ASP.NET) , Smart Devices , WPF , Silverlight เป็นต้น 5.5 โปรแกรม NanoCAD เป็นโปรแกรมสาหรบั อ่านและแก้ไขไฟล์ DWG โดยตัวโปรแกรมมีขนาดเล็ก ละมี เครื่องมือคล้ายคลึงกับโปรแกรม AutoCAD ท้ังน้ีตัวโปรแกรมมีลักษณะเป็น Freeware เหมาะ สาหรบั ผู้เขียนแบบทั่วไป สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 35 ตวั อย่าง User Interface ของ NanoCAD ทมี่ า: NaNoSoft.User interface and Tool Nanocad, เข้าถงึ เม่อื 20 พฤษภาคม 2557 เข้าถึง ได้จาก http:// nanacad.com/page/VT1

41 ตารางท่ี 5 เปรียบเทียบคณุ สมบตั ิของโปรแกรม NanoCAD และ AutoCAD Product Comparison nanoCAD nanoCAD AutoCAD AutoCAD 2014 LT 5.0 Plus 6.0 2014 User interface and basic technologies User interface classic classic ribbon+classic ribbon+classic Multiple document mode yes yes yes yes File tabs yes yes yes yes yes yes yes yes สำนกั หอสมุดกลางLayer, block and linetype managers yes yes yes yes Object snap, object tracking and yes yes polar snap yes yes AutoCAD command syntax yes yes yes yes yes yes Command line: autohide mode, yes yes changing parameters yes yes (font, color and height) Clickable command line options yes yes Autocomplete of entered yes yes commands SHX and TTF fonts yes yes Autorecover of drawings yes yes yes yes Unlimited Undo/Redo yes yes yes yes Aliases, menu and toolbars settings yes yes yes yes Select similar objects yes yes yes yes yes yes yes yes Select overlapped and yes yes yes yes superimposed objects User coordinate systems External references yes yes yes yes

42 ตารางที่ 5 เปรียบเทยี บคุณสมบตั ขิ องโปรแกรม NanoCAD และ AutoCAD (ตอ่ ) Product Comparison nanoCAD nanoCAD AutoCAD AutoCAD 5.0 Plus 6.0 2014 2014 LT Linetype editor yes yes – – – – Creation of viewport from model yes yes yes yes space yes yes Dynamic blocks สำนกั หอส––มุดกลา–– ง yes yes Dynamic input 2D-drawing – – yes Display properties of object under yes yes yes cursor yes yes Notepad for text data exchange yes yes – yes Calculator yes yes yes – – Multifunctional grips yes yes yes Excel Associative dimensions yes yes yes Associative hatches – – yes Additional commands for layers – yes yes AutoCAD-style tables yes yes yes Excel-style table editor yes yes – Data extraction to tables yes yes yes Table data sources Excel MS-SQL, MS-SQL, MS- MS-Access, Access, Excel, txt, Excel, txt, xml xml

43 ตารางท่ี 5 เปรียบเทียบคณุ สมบัติของโปรแกรม NanoCAD และ AutoCAD (ต่อ) Product Comparison nanoCAD nanoCAD AutoCAD AutoCAD 5.0 Plus 6.0 2014 2014 LT Additional tools Parametric 2D-design – – Using – dependencies – – Library objects with behavioral – – Dynamic yes properties – – blocks Using สำนกั หอสมุดกลางAdding dialogs to control object external programming behavior Editing of external references partial partial yes Display of 3D-drawings yes yes yes yes Creation of mesh objects yes yes yes – Switching of visual styles yes yes yes – 3D-views yes yes yes – Orbit command yes yes yes – Operations with solid 3D-objects – – yes – Model space and paper space yes yes yes yes Viewports yes yes yes yes Object transparency yes yes yes yes Color dependent printing (CTB) yes yes yes yes Batch plot – yes yes –

44 ตารางที่ 5 เปรยี บเทียบคณุ สมบัตขิ องโปรแกรม NanoCAD และ AutoCAD (ต่อ) Product Comparison nanoCAD nanoCAD AutoCAD AutoCAD 5.0 Plus 6.0 2014 2014 LT Print to PDF using yes yes yes external PDF-printers yes yes yes yes Print to PLT yes yes yes yes สำนกั หอส– มุดกvลicerweาa(tneงo)t – – PDF underlay – – – – Operations with raster images yes yes – – Raster mirror/rotate/deskew/crop – yes yes – yes – Raster four-point calibration – yes yes – ARX – Raster clean-up (draw/erase) – yes yes – yes – Raster object snap – yes yes – OLE Automation (Visual Basic Customization Script/Javascript) yes yes –– Visual Basic for Applications LISP (with DCL) yes yes C++ NRX NRX .NET yes yes Support for multiple profiles yes yes Network Licensing – yes ที่มา: NaNoSoft.Product Comparison, เข้าถึงเมื่อ 20 พฤษภาคม 2557 เข้าถึงได้จาก http://nanocad.com/page/Comparison

45 ข้อดขี องโปรแกรม 1. Industry – Standrad User Interface มีโครงสร้างและเครื่องมือสาหรับใช้ งานคลา้ ยคลงึ กับ AutoCAD สามารถอา่ นและแกไ้ ขไฟล์ DWG ได้ 2. .C++ และ C# API สามารถเขียนโปรแกรมเสริมหรือดัดแปลง Application ให้ ตรงตามความตอ้ งการของผ้ใู ช้งานได้ โดยในการศึกษาคร้งั นี้ ผู้ศกึ ษาเลือกใชภ้ าษา C# มาพัฒนา ข้อจากัดของโปรแกรม เป็นโปรแกรมด้าน 2D Drafting คล้ายคลึง AutoCAD ดังนั้นจะไม่มีเคร่ืองมือ สำนกั หอสมุดกลาง(Tool) สาหรับตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมกับกฏหมายโดยเฉพาะ ผ้ศู ึกษาตอ้ งพัฒนาโปรแกรมเสรมิ (Add on) เพอ่ื ช่วยตรวจแบบตามข้อกฎหมายนน้ั ๆ

บทที่ 3 วิธกี ารดาเนนิ การวิจยั การพฒั นาระบบตรวจแบบสถาปัตยกรรม สร้างข้ึนเพื่อที่จะพัฒนาการตรวจแบบทาง สถาปัตยกรรมที่ใช้ขออนุญาตกอ่ สร้างดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยคานึงถงึ ความสะดวกรวดเร็วใน สำนกั หอสมุดกลางการใชง้ าน สามารถตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมได้อยา่ งถกู ต้องและมีประสิทธภิ าพ โดยผ้ศู กึ ษาได้นาบทสรปุ ของปญั หาทเี่ กิดข้ึนในการตรวจแบบ มาทาการวิเคราะห์ และ นามาวางแผนการออกแบบพัฒนาโปรแกรม ตลอดจนทาการสรุปผลการศึกษาโดยมีลาดับข้ันตอน ดังตอ่ ไปนี้ 1. สงั เกตและสอบถามการตรวจแบบ 2. แนวทางในการตรวจแบบทางสถาปตั ยกรรมโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3. ออกแบบการจดั เกบ็ ขอ้ มูลจากการตรวจในแบบ 4. ออกแบบวธิ กี ารวัดในแบบในเชิงโปรแกรม 5. ออกแบบหลกั การทางานของโรแกรม 6. ทดลองการใช้งานของโปรแกรมท่พี ฒั นา 7. สรปุ ผลจากการศึกษา 1. สังเกตและสอบถามการตรวจแบบ 1.1 สารวจเก็บรวบรวมข้อมลู จากการสังเกตและสอบถามถึงวิธีการตรวจแบบ ของเจ้าหน้าที่ ผู้ตรวจแบบของ สานักงานทรพั ย์สินสว่ นพระมหากษัตรยิ ์นัน้ พบว่าใชว้ ิธีการตรวจตามขอ้ กฎหมายเรียงตามลาดับตาม หมวดต่างๆ ในเทศบัญญัตกิ รงุ เทพมหานคร หรือกฎกระทรวงท่เี กยี่ วข้อง ซึ่งในบางคร้ังแบบในแต่ละ โครงการมจี านวนมาก หรอื มีแบบขออนญุ าตเขา้ มาเปน็ ปรมิ าณมาก ผู้ตรวจจะใช้วธิ ีการสมุ่ ตรวจแบบ ในหมวดทีม่ ีการผดิ กฎหมายบ่อย ๆ หรอื ผิดเปน็ ประจา ส่วนการค้นหานั้น ก็ทาได้ยากเน่ืองจากข้อมูลหลายๆอย่างถูกเก็บไว้หลายแหล่ง บางแหลง่ ก็เป็นทเ่ี ก็บสว่ นบคุ คล ทาให้ยากแก่การค้นหาข้อมูลท่ีต้องการได้ รวมถึงการไม่มีกฎเกณฑ์ ในการจัดเกบ็ ขอ้ มูล เช่นการตง้ั ชอ่ื ไฟล์ ทาให้การคน้ หาย่งิ เปน็ เรื่องท่ยี ากมากข้ึน 46

47 ในการสารวจข้อมูลน้ันเพื่อให้ข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามีความถูกต้อง และ ครอบคลุมผศู้ กึ ษาไดท้ าการแบ่งขั้นตอนการศึกษาออกเป็น 2 ข้ันตอน ดังน้ี 1.1.1 การศึกษาข้อมลู ขน้ั ปฐมภูมิ เปน็ การศึกษาถงึ ที่มาของโครงการปัญหาและ อปุ สรรคท่ีเกดิ ข้ึน นาข้อมลู ทไ่ี ดไ้ ปวเิ คราะห์เพือ่ การออกแบบและพัฒนาโปรแกรม ด้วยวิธีการดังน้ี 1. การเกบ็ ขอ้ มลู จากกลุม่ เปา้ หมาย การเก็บข้อมูลจากกลมุ่ เปา้ หมายเพอื่ นา ข้อมลู ทไี่ ดม้ าวิเคราะห์ถึงปญั หาด้านตา่ งๆ และความต้องการของกลุม่ เป้าหมาย โดยวิธกี ารสังเกตจาก พฤตกิ รรมการทางาน สอบถาม ในการสังเกตจากพฤติกรรมการทางาน และสอบถามนัน้ เป็นเบื้องต้น สำนกั หอสมุดกลางของสาเหตุและแนวทางออกของปัญหา โดยผู้ศึกษาได้ศึกษาจากกลุ่มเป้าหมายคือ สถาปนิกผู้ตรวจ แบบดา้ นสถาปัตยกรรม จานวน 10 คน อันประกอบด้วย สถาปนิกกองบริหารงานก่อสร้าง มีหน้าที่ ตรวจแบบด้านสถาปัตยกรรมสาหรับอาคารสาธารณะ, อาคารขนาดใหญ่, อาคารสูง และสถาปนกิ กอง บรกิ ารลกู คา้ มีหนา้ ทต่ี รวจแบบด้านสถาปัตยกรรมสาหรับอาคารพักอาศัย – อาคารพกั อาศยั รวม ทีม่ ี ความสงู ไม่เกิน 15 เมตร, ตกึ แถว หรืออาคารพาณิชย์ 2. เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการศกึ ษา เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มูลน้ันผู้ศึกษา ได้ตั้งคาถามท่ีเกี่ยวข้องกับวิธีการเขียนแบบบันได เทคนิคต่างๆท่ีใช้โดยแบ่งส่วนของคาถามเป็น 3 ส่วนคือ สว่ นที่ 1 วธิ ีการตรวจแบบในหวั ขอ้ ต่างๆ สว่ นที่ 2 ลกั ษณะของแบบ (Drawing) ที่นามาตรวจ ส่วนที่ 3 แนวคิดการใชโ้ ปรแกรมช่วยตรวจแบบ และข้อเสนอแนะ ก่อนการกาหนดคาถามผู้ศึกษาได้ทาการศึกษากระบวนสร้างแบบบันไดคือ การ คานวณและขั้นตอนการเขียนแบบ ทั้งในรูปแบบของการเขียนด้วยมือและการเขียนแบบด้วย คอมพิวเตอร์เพ่ือกาหนดของเขตของคาถามให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการและนาคาถามเข้า ปรึกษาอาจารย์ทป่ี รกึ ษาทาการปรบั ปรงุ และไดน้ าไปสัมภาษณ์ 1.1.2 การศึกษาข้อมูลขน้ั ทุติยภูมิ เปน็ ข้ันการศึกษาทฤษฏีต่างๆและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ค้นคว้างานวิชาการ บทความ ทง้ั ทางเอกสาร หนงั สือ เวบ็ ไซต์ทง้ั ของไทยและต่างประเทศ รวมถึงซอฟแวร์ทมี่ ีลักษณะการ ทางานท่คี ล้ายกัน เพอ่ื นาขอ้ มูลมาวิเคราะห์ อ้างองิ การดาเนนิ การศกึ ษาค้นคว้าใหผ้ ลของการศึกษาท่ี ไดม้ ีความถกู ตอ้ ง เหมาะสมและมคี วามน่าเชือ่ ถือ 1.2 เครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรม จากการศกึ ษาทฤษฏีของโปรแกรมทีใ่ ชใ้ นการสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ และวิธีการ เขียนโปรแกรมเสรมิ เพอื่ เพิม่ ความสามารถของโปรแกรมเขียนแบบ CAD ซึ่งมีเครื่องมือในการนามา

48 พัฒนาเป็นระบบโปรแกรมตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมได้โดยพัฒนาด้วยภาษา C# คือ Visual Studio 2008 Visual C# เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาโปรแกรม.NET ซ่งึ สามารถกลา่ วไดว้ า่ กรอบ การทางานของการเขียนโปรแกรมท่ีถูกพัฒนาข้ึนมา เพ่ือรองรับการติดต่อส่ือสาร เพ่ือแลกเปล่ียน ข้อมลู (Exchange data) ระหว่างกัน หรือแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างแพลตฟอร์ม (Platform) ให้มี ความสมบูรณ์ย่ิงขึ้นโดยอาศัยภาษา XML (Extensible Markup Language) ทาหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหวา่ งแพลตฟอรม์ ไฟล์ของฐานขอ้ มูล สำนกั หอสมุดกลางC# จึงเป็นภาษาที่มีผ้นู ยิ มมากขึ้นเรื่อยๆ ทาใหส้ ามารถค้นควา้ ความรู้เทคนิคใหม่ๆ หรือมีผู้ช่วยให้คาชี้แนะได้ มีแหล่งข้อมูลจานวนมากให้เรียนรู้และค้นหา ง่ายต่อการใช้งาน Visual Studio Express Edition แยกออกตามภาษาโปรแกรมคือ Visual Basic, Visual C#, Visual C++, Visual J# และ Visual Web Developer 2. แนวทางในการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรมโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากการวิเคราะหใ์ นกฎหมายควบคมุ อาคาร, เทศบัญญติของกรุงเทพมหานคร และผัง เมืองโดยสานกั ผงั เมอื ง สามารถสรปุ วธิ ีการตรวจวดั ในแบบเพอื่ นามาตรวจกับข้อกฎหมายดังกล่าวได้ เปน็ 3 หัวข้อดงั น้ี 2.1 การหาระยะหา่ ง (Distance) เปน็ การวัดหาระยะหา่ งระหว่างจุดหน่ึงถึงจุดหน่ึง เพ่ือนาค่าที่ได้มาตรวจสอบกับ ขอ้ กฎหมายว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ โดยมีหวั ขอ้ กฎหมายถึงนาระยะหา่ งมาตรวจดังน้ี 2.1.1 ระยะรน่ อาคารจากถนนสาธารณะและอาคารขา้ งเคียง 2.1.2 ความสูงอาคาร 2.1.3 ความกวา้ งทางเดนิ ภายในอาคาร 2.1.4 ระยะหา่ งของทางเดนิ หนีไฟ 2.1.5 ระยะต่างๆ ของบนั ไดและบันไดหนีไฟ 2.2 การหาพ้นื ท่ี (Area) การหาพ้นื ทต่ี า่ ง ๆ ในแบบเพ่อื นาไปตรวจสอบกับข้อกฎหมายวา่ ผ่านเกณฑ์หรือไม่ โดยมหี ัวข้อกฎหมายถงึ นาพืน้ ทม่ี าตรวจดงั น้ี 2.2.1 อตั ราสว่ นของพ้ืนท่วี า่ งภายนอกอาคารกับพนื้ ที่ใชส้ อยอาคาร 2.2.2 พ้นื ทีว่ า่ งปราศจากสิ่งกอ่ สร้างปกคลุม 2.3 การนับจานวน (Count)

49 เปน็ การนาข้อมูลของการหาพืน้ ท่ีใช้สอยอาคารมาเทียบกบั จานวนตามขอ้ กฎหมาย โดยมีหัวข้อดงั น้ี 2.3.1 จานวนห้องน้า 2.3.2 จานวนทจ่ี อดรถ 3. ออกแบบการจดั เก็บขอ้ มูลจากการตรวจในแบบ จากปัญหาและอุปสรรคในการตรวจแบบของผู้ตรวจแบบ ผู้วิจัยพบแนวทางการแก้ไข ปญั หาเพอ่ื ความสะดวกตอ่ การพัฒนาโปรแกรมตรวจแบบทางสถาปตั ยกรรม อกี ท้ังเพ่ิมประสิทธิภาพ สำนกั หอสมุดกลางของโปรแกรม ได้ทาการศกึ ษา 3.1 การไดม้ าของขอ้ มลู ในแบบตามความสัมพนั ธข์ องหวั ข้อกฎหมาย ในการตรวจแบบตามขอ้ กฎหมายควบคมุ อาคาร เทศบัญญิตกรงุ เทพมหานคร และ ผังเมอื งจาเป็นตอ้ งวัดระยะ,หาพืน้ ที่ และนบั จานวน ในแบบ ซ่งึ ในการตรวจกฎหมายควบคุมอาคารใน แต่ละหมวดหมู่ จาเปน็ ตอ้ งตรวจจากแบบหลาย ๆ แผน่ เพ่ือนาขอ้ มูลทไ่ี ด้มาประกอบกนั แล้วจึงตรวจ กบั ขอ้ กฎหมาย โดยมีรายละเอียดดงั นี้ ตารางท่ี 6 การได้มาของข้อมูลในแบบตามความสมั พันธข์ องหัวข้อกฎหมาย หวั ขอ้ การตรวจ ข้อมลู ทีต่ อ้ งการ ตรวจในแบบ Site plan Plan Section 1. ระยะร่นอาคารจากถนน  ความกว้างถนน 1.1 ถนนสาธารณะท่มี คี วามกว้างน้อยกวา่  ระยะห่าง 6 เมตรให้รน่ แนวอาคารห่างจากก่งึ ระหวา่ งอาคาร กลางถนนสาธารณะอยา่ งนอ้ ย 3 เมตร และแนวเขต 1.2 ถนนสาธารณะน้ันมีความกว้างนอ้ ยกว่า ทด่ี นิ 10 เมตร ให้ร่นแนวอาคารหา่ งจาก กงึ่ กลางถนนสาธารณะอยา่ งนอ้ ย 6 √√ เมตร 1.3 ถนนสาธารณะนั้นมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรข้ึนไป แต่ไม่เกิน 20 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนน สาธารณะอย่างน้อย 1 ใน 10 ของ ความกวา้ งของถนนสาธารณะ

50 ตารางที่ 6 การไดม้ าของข้อมูลในแบบตามความสัมพนั ธ์ของหัวข้อกฎหมาย (ต่อ) หัวข้อการตรวจ ข้อมูลทต่ี อ้ งการ ตรวจในแบบ Site plan Plan Section 1.4 ถนนสาธารณะนน้ั มคี วามกวา้ งเกิน 20 เมตรขึ้นไป ให้รน่ แนวอาคารห่าง √√ จากเขตถนนสาธารณะอยา่ งน้อย 2 เมตร 2. ระยะรน่ อาคารจากคลอง สำนกั หอสมุดกล2.1 ถา้ คลองน้นั มีความกว้างนอ้ ยกวา่ าง10 เมตร ต้องร่นแนวอาคารใหห้ ่าง ความกวา้ งคลอง  ระยะห่าง ระหวา่ งอาคาร จากรมิ คลองนนั้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 เมตร และแนวเขตท่ดี นิ 2.2 ถ้าแหลง่ น้าสาธารณะนัน้ มีความ กว้างตงั้ แต่ 10 เมตรขึ้นไป ต้องร่น แนวอาคารใหห้ า่ งจากริมคลองน้ันไม่ √√ นอ้ ยกวา่ 6 เมตร 2.3 ถา้ แหลง่ น้าสาธารณะนน้ั มขี นาด ใหญ่ เชน่ บึง ทะเลสาบ หรือทะเล ตอ้ งร่นแนวอาคารใหห้ ่างจากริม แหล่งนา้ สาธารณะนน้ั ไมน่ อ้ ยกว่า 12 เมตร 3. ระยะร่นจากอาคารข้างเคยี ง  ความสงู อาคาร 3.1 อาคารสงู ไมเ่ กนิ 9 เมตร ต้องร่น  ระยะหา่ ง √ √ แนวอาคารใหห้ า่ งจากอาคารสูงไม่ ระหวา่ งอาคาร เกิน 9 เมตรนนั้ ไมน่ ้อยกวา่ 4 เมตร และแนวเขต ทีด่ นิ 3.2 อาคารความสูงไมเ่ กิน 9 เมตร แนว อาคารใหห้ ่างจากอาคารสงู เกนิ 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 5 เมตร

51 ตารางท่ี 6 การไดม้ าของข้อมลู ในแบบตามความสัมพนั ธข์ องหัวขอ้ กฎหมาย (ตอ่ ) หวั ข้อการตรวจ ขอ้ มลู ทตี่ ้องการ ตรวจในแบบ Site plan Plan Section 3.3 อาคารความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ ถงึ 23 เมตร แนวอาคารให้ห่างจาก √√ อาคารสูงเกิน 9 เมตรแต่ไม่ถึง 23 เมตร ไมน่ ้อยกว่า 6 เมตร 4. ระยะร่นอาคารในทด่ี ินกรณีมีชอ่ งเปิด  ความสงู อาคาร สำนกั หอสมุดกลา4.1 ผนงั ของอาคารทมี่ หี น้าต่าง ประตู  ระยะหา่ ง งช่องระบายอากาศหรือชอ่ งแสง หรือ ระหวา่ งอาคาร ระเบียงของอาคารตอ้ งมีระยะหา่ ง ท่ตี รวจกบั จากแนวเขตทด่ี นิ ดงั น้ี อาคารเดิม 1. อาคารทม่ี ีความสงู ไมเ่ กิน 9 เมตร ผนงั หรอื ระเบยี บตอ้ งอยหู่ ่างเขต ท่ีดนิ ไมน่ ้อยกวา่ 2 เมตร √√ 2. อาคารทีม่ ีความสงู เกนิ 9 เมตร แต่ไม่ถงึ 23 เมตร ผนงั หรอื ระเบยี งตอ้ งอยู่ห่างเขตทดี่ ินไม่ นอ้ ยกวา่ 3 เมตร 3. ผนังของอาคารท่อี ยหู่ ่างเขตทีด่ นิ น้อยกวา่ ตามที่กาหนดไวใ้ น ขา้ งต้น ตอ้ งอยู่ห่างจากเขตที่ดนิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 50 เซนตเิ มตร 5. ความสูงของอาคาร  ความสูงอาคาร 5.1 ไมว่ า่ จากจุดหนงึ่ จดุ ใด ตอ้ งไมเ่ กิน สองเท่าของระยะราบวัดจากจุดนน้ั  ระยะหา่ ง ไปต้ังฉากกบั แนวเขตด้านตรงขา้ ม ของถนนท่ีอยู่ใกลอ้ าคารนัน้ ทส่ี ดุ ระหวา่ งอาคาร √ √ และแนวเขต ทดี่ นิ  ความกวา้ งถนน

52 ตารางที่ 6 การไดม้ าของขอ้ มูลในแบบตามความสัมพันธข์ องหวั ข้อกฎหมาย (ตอ่ ) หัวขอ้ การตรวจ ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการ ตรวจในแบบ Site plan Plan Section 6. ท่ีวา่ งภายนอกอาคาร  พน้ื ที่ที่ดนิ 6.1 อาคารอยอู่ าศยั และอาคารอยู่  พน้ื ทใ่ี ชส้ อย √ √ อาศยั รวม ตอ้ งมที ว่ี า่ งไม่นอ้ ยกวา่ ภายในอาคาร 30 ใน 100 สว่ นของพ้ืนท่ีช้นั ใด ชนั้ หนงึ่ ท่ีมากท่ีสดุ ของอาคาร ทกุ ช้นั สำนกั หอสมุดกลาง6.2 ห้องแถว ตึกแถว อาคารพาณชิ ย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ และ อาคารอน่ื ซึง่ ไมไ่ ดใ้ ช้เป็นทอี่ ยอู่ าศัย √√ ตอ้ งมีทว่ี า่ งไม่นอ้ ยกว่า10 ใน 100 ส่วน ของพ้นื ทช่ี ัน้ ใดชัน้ หน่ึงทม่ี าก ที่สุดของอาคาร 7. อัตราส่วนพื้นท่ีอาคารรวมต่อพนื้ ทดี่ นิ  พน้ื ทท่ี ่ีดิน และอตั ราส่วนของทวี่ ่างตอ่ พน้ื ทอ่ี าคาร  พ้ืนที่ใชส้ อย √ √ รวม (FAR & OSR) ภายในอาคาร ทุกช้นั 8. บันได และบันไดหนีไฟ  ระยะลูกนอน  ระยะลูกตง้ั  ความสูงชาน √ พกั  ความกวา้ ง 9. ทางเดินหนไี ฟ  ระยะทางเดิน 9.1 ระยะห่างตามทางเดินระหว่าง ภายในอาคาร √ กง่ึ กลางทางเขา้ ออกบนั ไดไม่เกิน 60 เมตร

53 ตารางที่ 6 การไดม้ าของขอ้ มลู ในแบบตามความสัมพนั ธข์ องหวั ข้อกฎหมาย (ต่อ) หัวขอ้ การตรวจ ขอ้ มลู ทีต่ อ้ งการ ตรวจในแบบ Site plan Plan Section 9.2 ระยะระหว่างก่งึ กลางทางเขา้ ออกสู่ ตวั บันไดกบั ก่งึ กลางประตหู ้อง √ สุดทา้ ยด้านทางเดินทเี่ ปน็ ทางตัน ไม่ เกิน 10 เมตร 10. จานวนห้องนา้ และสขุ ภณั ฑต์ ่อพื้นที่ สำนกั หอสมุดกลางอาคาร  พืน้ ท่ีใชส้ อย ภายในอาคาร  จานวนห้องนา้ √ และสุขภณั ฑ์ ทุกชัน้ 11. จานวนท่จี อดรถตอ่ พื้นทอ่ี าคาร  พ้นื ที่ใชส้ อย ภายในอาคาร √  จานวนท่จี อด รถท้ังหมด 3.2 การตรวจวัดตามลาดบั ของแบบ ภาพท่ี 36 แสดงลาดบั ของแบบ

54 เพ่อื ให้การตรวจแบบมคี วามสะดวกและรวดเรว็ ตลอดจนตรวจวัดในแบบเพ่ือให้ได้ ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการครบถ้วน ครอบคลมุ ตามหัวข้อกฎหมายควบคุมอาคาร เทศบัญญิตกรุงเทพมหานคร และผงั เมอื ง ท่ตี อ้ งการตรวจ จึงได้เปล่ียนกระบวนการตรวจวัดใหม่ โดยทาการจัดเรียงขั้นตอนการ ตรวจวัดตามลาดับของแบบ โดยมีรายละเอยี ดการตรวจดังน้ี สำนกั หอสมุดกลาง

55 ตารางที่ 7 การตรวจตามลาดบั ของแบบ แบบแปลน การตรวจวัดแบบ Site plan  ระยะหา่ งจากอาคารถงึ เขตทีด่ ิน  ความกวา้ งถนนสาธารณะ Plan  ความกวา้ งคลองสาธารณะ Section  ระยะระหว่างอาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกนั สำนกั หอสมุดกลาง พืน้ ท่วี า่ งภายนอกอาคาร  พื้นท่ีใชส้ อยภายในอาคาร  ความกว้างของทางเดิน  บันได และบนั ไดหนีไฟ o ลกู นอน o ชว่ งยาวของบนั ได o ความกวา้ งบนั ได o ชานพกั บันได  ระยะความห่างของบนั ไดหนไี ฟ  จานวนห้องน้า  จานวนที่จอดรถ  ความสงู อาคาร o ความสูงอาคารรวม o ความสูงภายในแตล่ ะชั้น 4. ออกแบบวธิ ีการวัดแบบในเชงิ โปรแกรม เพื่อใหก้ ระบวนการตรวจแบบมีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากข้ึน ผู้วิจัยได้ทา การคดิ วิธกี ารตรวจแบบในการวัดเชิงโปรแกรม มีแนวคิดและวธิ กี ารในการวดั ตามหัวข้อการตรวจดังนี้ 4.1 วิธีตรวจระยะรน่ อาคาร (Set Back) ในเชงิ กระบวนการตรวจระยะร่นอาคาร ส่วนสาคญั ทสี่ ุดคือขอ้ มูลระยะห่างระหวา่ ง อาคารกบั แนวเขตท่ีดนิ รวมทั้งความสูงของอาคารซ่ึงจะมีผลโดยตรงต่อระยะร่นอาคารอีกด้วย ท้ังนี้ มีปัจจัยเพิ่มเติมในเร่ืองของที่ดินด้านน้ันๆ อยู่ติดกับสภาพแวดล้อมใดๆ ซึ่ง สง่ ผลตอ่ การตรวจดังนี้

56 4.1.1 ติดถนน หรอื คลองสาธารณะ โดยผตู้ รวจจะต้องวดั ความกว้างของถนน หรือ คลองสาธารณะนัน้ ๆ เพอ่ื เป็นขอ้ มลู ประกอบการตรวจแบบ 4.1.2 ติดอาคารข้างเคียง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ซ่ึงนอกจากระยะห่างระหว่าง อาคารทง้ั สองหลงั ผตู้ รวจตอ้ งวัดความสูงของอาคาร เพือ่ เป็นขอ้ มูลประกอบการตรวจแบบด้วย ดงั น้นั โปรแกรมนอกจากจะวัดระยะหา่ งแลว้ นัน้ ยงั จาเปน็ ต้องมีการบันทกึ เงอื่ นไข ในข้างต้น เพ่ือทาการตรวจแบบโดยอัตโนมัติ แต่เน่ืองจากการเขียนแบบผังบริเวณ ผู้เขียนแบบมี มาตรฐานการเขียนที่แตกต่างกัน ในบางคร้ังหากถนนหรือคลองสาธารณะมีความกว้างมาก ผู้เขียน สำนกั หอสมุดกลางแบบมักจะระบุความกว้างในผังบริเวณเป็นตัวหนังสือโดยตรง จะแสดงแค่ขอบของถนนหรือคลอง สาธารณะดา้ นท่ีติดกบั ท่ดี นิ ของผงั บริเวณเท่านนั้ การวดั เพอ่ื ทาการตรวจระยะ Set Back จึงสามารถ แบง่ ออกเปน็ 2 แบบคอื 1. วดั ระยะจาก Drawing เปน็ การให้ระบบวดั คา่ ที่ต้องการได้โดยตรงจากตัวแบบ เชน่ วัดหาระยะห่างระหวา่ งอาคารกับแนวเขตท่ีดนิ เปน็ ตน้ 2. กรณไี มส่ ามารถวัดระยะจาก Drawing ได้น้ัน ผู้ใช้ระบบสามารถใส่ระยะต่างๆ ไดโ้ ดยตรง เช่น ความกว้างของถนน และคลองสาธารณะ เป็นต้น ทัง้ นรี้ ะยะดังกลา่ วนามาจากการขอ รังวัดตรวจสอบจากแผนกรังวดั ของสานกั งานทรัพย์สินฯ หรอื หน่วยงานราชการอ่ืนๆที่เกยี่ วข้อง ทง้ั นี้ ผ้วู ิจยั จงึ มแี นวความคดิ ในการตรวจระยะรน่ อาคารของระบบ ดว้ ยวิธีการสรา้ ง Polyline ล้อมรอบขอบอาคาร และแนวเขตที่ดิน เพ่ือให้โปรแกรมหาระยะห่างระหว่าง Polyline ทั้งสองโดยหาระยะตรง Point ของ PolyLine ในแต่ละ Point ซ่งึ ระบบจะแสดงเสน้ ในมุมตง้ั ฉากโดย อัตโนมัติ โดยระบบจะคานวณระยะห่างท่ีส้ันที่สุดที่ตัดกัน แล้วจึงนาระยะห่างดังกล่าวไปตรวจกับ กฎหมายดว้ ยระบบ ซง่ึ หากไมถ่ ูกต้องตามกฎหมายนน้ั ๆ ระบบจะรายงานโดยละเอียด

57 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 37 การลาก PolyLine เพอ่ื วดั ระยะ จากภาพ เม่อื ผู้ใช้ระบบสรา้ ง PolyLine ของขอบอาคารท้ังสองหลัง (เส้นสีเขียว) และ สร้าง PolyLine ของเขตท่ดี นิ (เสน้ สีฟา้ ) ระบบจะทาการหาระยะห่างท่ีใกล้ท่สึ ดุ ของ Point ใน Poly Line ขอบอาคารกับ PolyLine ของเขตที่ดิน และแสดงเป็นเส้นสีให้ผู้ใช้ระบบได้เห็น (เส้นสีแดง) ทง้ั นร้ี ะบบจะแสดงระยะเปน็ ตวั เลขในหนว่ ยวัดแบบเมทริก (เมตร) และทศนิยม 2 หลกั เพื่อสะดวกใน การตรวจแบบตอ่ ไป

58 4.2 วิธตี รวจความสูงอาคารกรณตี ิดถนนสาธารณะ โดยปกติของการตรวจแบบในหัวข้อของความสูงอาคาร ผู้ตรวจจะใช้วิธีลากเส้น จากแนวเขตท่ีดินด้านตรงข้ามกับถนนไปยังอาคารที่ความสูงที่อาคารสร้างได้ คือสองเท่าของความ กว้างของถนนน้ัน + ระยะหา่ งจากเขตที่ดินถึงขอบอาคาร ส่วนที่สงู เกินกวา่ กฎหมายกาหนด สำนกั หอสมุดกลาง ความสูงทถ่ี ูกต้อง ความกว้างถนน ภาพที่ 38 วธิ ีการวดั ความสูงแบบเดมิ ดังน้ัน วิธีวัดโดยโปรแกรมคือการนาสูตรคานวณดังกล่าวมาใส่ค่าความกว้างของ ถนนรวมกบั ระยะทร่ี ะบบวัดไดใ้ นหัวข้อตรวจระยะรน่ อาคาร และคณู ด้วย 2 แลว้ ระบบนาผลลัพธ์ทไ่ี ด้ ไปเปรียบเทียบกบั ค่าความสูงรวมของอาคาร หากผลลัพธ์ทีไ่ ดน้ อ้ ยกวา่ ความสงู รวมของอาคาร ระบบ จะทาการรายงานผลการตรวจท่ีผิดกฎหมายให้ผู้ใช้งานระบบทราบ และให้รายงานผลในกรณีท่ีผิด กฎหมายตอ่ ไป ตัวอย่างเช่น ถนนกวา้ ง 6.00 เมตร รวมกับระยะทจ่ี ะรน่ 3.00 เมตร เป็น 9.00 เมตร ดังนน้ั ความสงู ของอาคารทจ่ี ะสามารถสรา้ งได้ = (6.00+ 3.00) x 2 = 18.00 เมตร หากส่วนใดส่วน หนง่ึ ของอาคารสูงเกนิ 18.00 เมตร โปรแกรมจะรายงานผลการตรวจท่ผี ิดกฎหมาย 4.3 วธิ ีตรวจทีว่ ่าง ระบบจะนาคา่ พืน้ ท่ี ท่ีได้จากการขีดเส้น Poly line ของขอบอาคารและเขตท่ีดิน ในหัวข้อแรกมาใช้คานวณกับ FAR, OSR และ ท่ีว่างภายนอกโดยอัตโนมัติ โดยท่ีผู้ใช้ระบบไม่ จาเปน็ ต้องเร่มิ กระบวนการหาใหม่ แลว้ จึงใหร้ ะบบรายงานผลการตรวจหากผดิ กฎหมาย

59 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 39 แสดงการหาพื้นทีโ่ ดยการลาก PolyLine 4.4 ตรวจบนั ไดและบันไดหนไี ฟ การตรวจลกู ตง้ั -ลูกนอนของบันไดจากแบบแปลน สามารถกาหนดจุดท่ีต้องการวัด ไดโ้ ดยตรงใน Drawing ซ่งึ ระยะท่ไี ดจ้ ะนาไปเปรียบเทยี บกบั ข้อกฎหมายโดยอตั โนมัติ ในการตรวจระยะขน้ั ต่าของช่วงบันไดตามท่ีกฎหมายกาหนด เพือ่ ความสะดวกและ รวดเร็ว สามารถตรวจระยะในแบบแปลนอาคารไดท้ นั ที โดยมีสูตรคานวณดงั น้ี

60 x2 สำนกั หอสมุดกลางความสงู ของช่วงบนั ไดทม่ี ากที่สดุ ความสงู ของลูกตัง้ บนั ไดท่ีมากทสี่ ดุ ความกวา้ งของลูกนอนบันไดท่นี ้อยทสี่ ดุ ภาพท่ี 40 ระยะตา่ งๆ ในการตรวจแบบบันได เมื่อแทนค่าตวั แปรตามระยะท่กี ฎหมายกาหนดสาหรับบ้านพักอาศัย จะไดด้ ังน้ี ความสูงของช่วงบันไดที่มากที่สดุ = 3.00 เมตร ความสงู ของลูกตงั้ บันไดท่มี ากทสี่ ดุ = 0.20 เมตร ความกวา้ งของลกู นอนบนั ไดทนี่ อ้ ยทส่ี ุด = 0.22 เมตร 0.22 ดังนนั้ หากวัดระยะชว่ งบันไดในแบบแปลนบ้านพักอาศัยได้ค่ามากกว่า 3.30 เมตร ชว่ งบันไดน้ันไม่ผ่านขอ้ กฎหมาย สตู รคานวณนี้สามารถประยุกต์นาไปใช้ตรวจวัดกับอาคารประเภท อนื่ ๆ ได้ 4.5 ตรวจระยะทางเดนิ หนไี ฟ โดยปกติ การตรวจระยะทางเดนิ หนีไฟในแบบ ผู้ตรวจจะใช้วธิ ีลากเสน้ ตามทางเดิน โดยเริ่มจากกึ่งกลางประตขู องบันไดหนีไฟตัวที่ 1 ไปยงั บนั ไดหนีไฟตัวที่ 2 และลากไปยังบันไดหนีไฟ ตวั อ่ืนๆ ในกรณที ่มี ีบนั ไดหนีไฟมากกวา่ 2 ตวั รวมถงึ ลากเส้นจากบันไดหนีไฟไปยังกึง่ กลางประตูห้อง สดุ ทา้ ยของดา้ นทางเดนิ ที่เป็นทางตัน แลว้ จึงวัดความยาวเส้นทางเดินนั้นดว้ ยไม้วัดแบบ นาค่าท่ีได้ไป ตรวจสอบกับข้อกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกลา่ วคอื

61 1. ตาแหนง่ ทีต่ ้ังของบนั ไดหนีไฟตอ้ งมีระยะระหวา่ งก่งึ กลางทางเขา้ ออกส่ตู ัวบันได กบั ก่ึงกลางประตูหอ้ งสุดท้ายดา้ นทางเดนิ ทีเ่ ป็นทางตนั ไม่เกนิ 10 เมตร 2. ในกรณีท่ีจาเป็นต้องมีบันไดหนีไฟ 2 ตาแหน่ง อนุญาตให้ใช้บันไดหลักเป็น บันไดหนีไฟได้ด้วยโดยมีระยะห่างตามทางเดินระหว่างก่ึงกลางทางเข้าออกบันไดไม่เกิน 60 เมตร สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 41 การลากเสน้ เพื่อหาระยะทางเดนิ หนไี ฟ เนื่องจากวิธีการวัดในแบบนั้นไม่ยุ่งยากและซับซ้อน ดังนั้นวิธีวัดโดยโปรแกรมจึง ลอกเลียนแบบจากวธิ ีการวัดในแบบ กล่าวคือการสร้าง Poly Line ตามทางเดิน โดยเริ่มจากกึ่งกลาง ประตูของบันไดหนไี ฟตวั ท่ี 1 ไปยังบนั ไดหนีไฟตัวท่ี 2 และลากไปยังบันไดหนีไฟตัวอื่นๆ ในกรณีที่มี บนั ไดหนไี ฟมากกว่า 2 ตวั รวมถึงสร้าง Poly Line จากบันไดหนีไฟไปยังกึ่งกลางประตูห้องสุดท้าย ของด้านทางเดินที่เปน็ ทางตนั แล้วจงึ ให้โปรแกรมคานวณหาระยะทางและนาไปตรวจกบั ข้อกฎหมาย ท่ีเก่ยี วขอ้ งโดยอตั โนมตั ิ และใหร้ ายงานผลในกรณที ่ผี ิดกฎหมายต่อไป 4.6 การตรวจระยะถอยร่นระหวา่ งอาคารในท่ีดนิ เจา้ ของเดียวกนั ระยะห่างระหว่างบ้านหรืออาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกัน กฎหมายกาหนดให้ พิจารณาจาก 2 เงื่อนไขคือ ความสงู ของอาคาร และผนงั ของอาคารทงั้ สองหลงั โดยผนังดา้ นทใี่ กล้กนั นน้ั เป็นผนงั ทบึ หรือมีชอ่ งเปิด-ชอ่ ง แสง-ระเบียง ซง่ึ ตามปกติผ้ตู รวจแบบจะลากเสน้ จากตาแหน่งของ ผนังท่ีใกล้อาคารข้างเคียงมากท่ีสุด แล้วจึงนาความยาวของเส้นดังกล่าวไปตรวจข้อกฎหมาย โดย คานงึ ถึงข้อกาหนดในขา้ งต้นมาประกอบการตรวจแบบ ดงั นน้ั วิธวี ัดโดยโปรแกรมคอื การเลอื กจุดใดของขอบอาคารที่ใกล้อาคารข้างเคียง มากท่ีสุด กบั เลอื กจดุ ใดๆ ของขอบอาคารขา้ งเคียงน้ันๆ แล้วให้โปรแกรมหาระยะห่างระหว่างจุด 2 จุดนัน้ เพื่อนาค่าทไ่ี ดไ้ ปตรวจข้อกฎหมาย โดยเปน็ ไปตามเง่ือนไขของผนังทึบ และผนงั ทีม่ ีชอ่ งแสงโดย อัตโนมตั ิ และให้รายงานผลในกรณีที่ผดิ กฎหมายตอ่ ไป

62 ระยะที่โปรแกรมทา การวัดระยะ สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 42 การตรวจระยะห่างระหว่างอาคารในเจ้าของท่ดี ินเดียวกัน 4.7 การตรวจนบั จานวน วาง Block สญั ญลักษณข์ องสขุ ภัณฑ์ และที่จอดรถทีไ่ ด้จดั เตรียมไว้ วางลงในแบบ ทง้ั หมด แลว้ จงึ ให้โปรแกรมนบั จานวนรวมสัญญลักษณ์ของสุขภัณฑ์และทีจ่ อดรถนนั้ ๆ เพอื่ นาจานวน ทีน่ ับไดไ้ ปตรวจกับกฎหมายท่กี าหนดไวส้ าหรบั อาคารในแตล่ ะประเภท ภาพที่ 43 การวาง Block สญั ญลักษณ์ในการตรวจนบั สุขภัณฑ์

63 ภาพที่ 44 การวาง Block สญั ลักษณ์ในการตรวจนับทจ่ี อดรถ สำนกั หอสมุดกลาง5. ออกแบบหลกั การทางานของโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมสามารถทางานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพนั้น ผู้วิจัยมีแนว ความคดิ ในการออกแบบระบบที่แบ่งหน้าท่ีการทางานออกเป็นโมดูล โดยแต่ละโมดูลจะทาหน้าที่ที่ แตกต่างกัน แต่จะมีการเชื่อมต่อกันด้วยข้อมูลท่ีใช้ร่วมกัน และมีการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างแต่ละ โมดลู เพอ่ื ให้ได้ผลลพั ธต์ ามท่ีต้องการ นอกจากการแยกออกเปน็ โมดลู ต่างๆ เพ่ือความรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพแล้วนน้ั สว่ น สาคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการแก้ไขหรือการตรวจสอบระบบ ซ่ึงการแยกการทางานเป็นโมดูลจะทาให้มี ความสะดวกและมคี วามยืดหยนุ่ สูงในการจดั การระบบ Module A Module B Module C • Owner Measurement • Error Report • Building Module • Reference Type • Distance • Storey • Area • Save • Site Area • Count Check & Report • Location Module • FAR & OSR • InDitaiatleize case • InMspoedcutloer ภาพที่ 45 แนวคดิ การแยกโมดูลการทางานของระบบ

64 5.1 ภาพรวมของระบบ จากแนวคดิ การออกแบบระบบในข้างตน้ การพฒั นาระบบตรวจแบบสถาปตั ยกรรม จะ ถูกแบง่ ออกเป็น 3 โมดลู ประกอบดว้ ย 1. โมดูลของการสร้างไฟลส์ าหรบั จัดเกบ็ ขอ้ มลู (Initialize case Module) เป็นโมดูลทม่ี หี น้าทสี่ รา้ งไฟล์ฐานขอ้ มูล สาหรบั จัดเก็บข้อมลู ทั่วไปของโครงการ หรอื แบบทีใ่ ช้ตรวจนนั้ ๆ 2. โมดูลของการวัดระยะต่าง ๆ ในแบบ (Measurement Data Module) สำนกั หอสมุดกลางทาหน้าที่จัดเก็บข้อมูลสาคัญต่าง ๆ ที่ใช้สาหรับการคานวณของระบบ เช่น ข้อมูลระยะหา่ งระหว่างจดุ , ขอ้ มูลจานวนนับของท่จี อดรถ เปน็ ต้น 3. โมดูลตรวจแบบและรายงานผล (Check and Report Module) มีหน้าที่ประมวลผลของระบบ โดยการนาข้อมูลจาก Measurement Data Module มาตรวจสอบกับขอ้ กฎหมาย และทาหนา้ ทีร่ ายงานหวั ข้อการตรวจที่ผดิ กฎหมาย 5.2 ผงั การทางานของโปรแกรม

65 Open DWG Owner Name Form1 Create Initialize Building Type Case Building storey Location Site & FAR,OSR Date Inspector Create data สำนกั Teหxt fiอle สมุดกลFormา2ง Distance between polyline Measure Polyline Area Drawing Block counting Site plan Setback Correct Building Area Form3 Check FAR & OSR Plan Check Fire escape Incorrect (All Plan) W.C. Parking Stair Vertical distance Report ภาพท่ี 46 ภาพแสดงข้ันตอนการทางานของโปรแกรม

66 5.3 การออกแบบโครงสร้างฐานขอ้ มูล การออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลของระบบ ผู้วิจัยเลือกใช้การจัดเก็บแบบ CSV เน่ืองจากชนิด และขนาดของข้อมูลมีไม่มาก ดังนั้นการเก็บข้อมูลแบบ CSV นี้เหมาะสมกับระบบ เพื่อให้ ระบบสามารถทางานได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ CSV (Comma-Separated Value) คือ Text File สาหรับเก็บข้อมูลแบบตาราง โดยใชจ้ ุลภาค (,) แบ่งขอ้ มูลในแตล่ ะหลัก (Column) และใช้การเวน้ บรรทดั แทนการแบง่ แถว (Row) สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 47 ตวั อยา่ งการสรา้ งไฟล์ CSV เพ่ือรอเกบ็ ข้อมลู ภาพท่ี 48 แสดงรปู แบบและรายละเอียดของขอ้ มลู

บทท่ี 4 ผลการออกแบบและการใช้งานโปรแกรม หลงั จากไดท้ าการออกแบบระบบตรวจแบบทางสถาปัตยกรรม ผลการออกแบบมีดงั นี้ 1. ระบบการทางานของโปรแกรม สำนกั หอสมุดกลาง1.1 กระบวนการสรา้ งแฟม้ ขอ้ มลู 1.2 กระบวนการวดั ในแบบ 2. หนา้ จอส่วนตดิ ตอ่ ผ้ใู ชง้ านโปรแกรม (User Interface) 2.1 หนา้ จอสว่ นกรอกข้อมลู พน้ื ฐาน (Initialize Case) 2.2 หน้าจอสว่ นตรวจวดั แบบ (Measurement) 2.3 หนา้ จอสว่ นรายงานผลการตรวจแบบ (Report List) 3. วิธใี ชง้ านโปรแกรม 1. ระบบการทางานของโปรแกรม จะทาการแสดงขั้นตอนการทางานของระบบดงั นี้ 1.1 การบวนการกรอกข้อมูลเบ้ืองต้น เพ่ือสร้างแฟ้มข้อมูลสาหรับจัดเก็บค่าต่างๆ ที่ ตรวจวดั จากแบบการตรวจแบบ 67

68 การบวนการกรอกขอ้ มลู เบอ้ื งต้น บนั ทกึ ชอื่ เจา้ ของอาคาร ระบปุ ระเภทอาคาร สำนกั หอสมุดกลางระบจุ านวนช้นั ของอาคาร วัดพนื้ ทที่ ีด่ ินของโครงการ กาหนดสถานทกี่ ่อสรา้ ง บนั ทกึ ค่า FAR บนั ทกึ ค่า OSR บันทกึ วันทต่ี รวจแบบ บันทกึ ช่อื ผู้ตรวจแบบ ภาพที่ 49 แสดง Work Flow ของโปรแกรม Initialize Case

69 1.2 กระบวนการวัดค่าต่างๆ ในแบบ เพื่อนาข้อมูลของค่าต่างๆ ท่ีวัดได้ ไปตรวจตาม เทศบญั ญัติกรงุ เทพมาหนคร และกฎหมายควบคุมอาคาร เพือ่ เป็นการเรยี งลาดบั ความสาคัญของข้อกฎหมายท่ีมีผลต่อการออกแบบอาคาร และความสะดวกในการใช้งาน สามารถแบ่งออกเปน็ 2 ส่วนดงั น้ี 1.2.1 กระบวนการวดั ระยะ Measure ได้แก่ ระยะร่นอาคารจากเขตที่ดิน, ระยะ ร่นจากถนน-คลองสาธารณะ และอาคารในทีด่ นิ เจ้าของเดยี วกนั ระบุชน้ั ของอาคารทีต่ อ้ งการวัด สำนกั หอสมุดกลางระบคุ วามสงู จากพ้นื ดินของชั้นนน้ั วดั พนื้ ทใี่ ช้สอยภายในอาคาร กาหนดขอบอาคารเพอ่ื วัดระยะรน่ บันทึกระยะร่นท่ีวัดได้ บันทึกความกวา้ งของถนน-คลอง วัดระยะห่างถงึ อาคารข้างเคยี ง ภาพท่ี 50 แสดง Work Flow ของโปรแกรม Measurement

70 2. หน้าจอส่วนตอ่ ประสานกบั ผใู้ ช้ (User Interface) การออกแบบส่วนตดิ ตอ่ กบั ผู้ใช้ระบบ ได้ออกแบบหนา้ จอออกเป็น 3 ส่วนคือ 2.1 สว่ นกรอกข้อมลู พืน้ ฐานในงานตรวจแบบ (Initialize case) สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 51 แสดงหนา้ จอกรอกข้อมูลพน้ื ฐาน

71 การออกแบบกระบวนการเกบ็ ข้อมลู จะช่วยให้โปรแกรมทางานไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี เจา้ ของ = ชอื่ เจ้าของแบบ ประเภทอาคาร = เลือกประเภทอาคาร โดยประเภทอาคารมีใหเ้ ลอื กทัง้ หมด 5 ประเภท สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 52 แสดงรายการประเภทอาคาร จานวนช้นั = ระบุจานวนชั้นทง้ั หมดของอาคาร วดั พ้นื ทท่ี ด่ี นิ = คาสง่ั ให้โปรแกรมวดั พ้นื ท่ีทดี่ ินของโครงการ สถานท่กี ่อสร้าง = กาหนดสถานท่ีก่อสร้างของอาคาร (กรุงเทพฯ หรือ ต่างจังหวัด) คา่ FAR = ระบคุ า่ FAR ของพ้นื ท่ี คา่ OSR = ระบคุ ่า OSR ของพน้ื ท่ี วันทตี่ รวจแบบ = เลือกวนั ทต่ี รวจแบบจาก Calendar ของโปรแกรม ผู้ตรวจแบบ = ระบุช่อื เจ้าหนา้ ท่ีผูต้ รวจแบบ 2.2 ส่วนกรอกข้อมลู การวัดในแบบแปลนอาคาร (Measure in Plan) จากการวิเคราะห์การตรวจแบบ จงึ มีแนวความคิดในการออกแบบหน้าจอสาหรับ ผใู้ ช้งานให้เรยี งลาดับการวดั ตามความสาคัญของหมวดหมู่ในกฎหมายท่ีตรวจ และเรียบง่าย สะดวก ต่อการใช้งานจรงิ โดยสามารถแบง่ ออกเปน็ สว่ นดังนี้

72 12 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 53 แสดงหนา้ กรอกข้อมลู การตรวจในหวั ข้อต่างๆ 1. สว่ นของการวัดระยะห่างระหว่างอาคารกบั แนวเขตท่ดี นิ ภาพที่ 54 แสดงหน้ากรอกขอ้ มลู การวัดในแบบ

73 ช้ันที่ตรวจ = ปุ่มเลอื กชนั้ ทว่ี ัดในแบบ ความสงู ของช้ัน = ชอ่ งใสค่ วามสูงของพนื้ ช้ันที่เลือกไว้ ปุ่มเลือกขอบอาคาร = คาสั่งทาการวัดพื้นท่ีใช้สอยภายในอาคาร โดย คลิกเลือก Polyline ของขอบอาคาร โปรแกรมจะทาการคานวณหาพ้ืนที่พร้อมแสดงผลที่ช่อง แสดงผล โดยมีหนว่ ยเป็นตารางเมตร ปุ่มคานวณระยะหา่ ง = คาสง่ั ใหโ้ ปรแกรมหาระยะห่างระหวา่ งขอบของ ผนงั อาคารถงึ แนวเขตที่ดิน สาธารณะ สำนกั หอสมุดกลางCheckbox ติดถนนกว้าง = คลิกเมื่ออาคารด้านทว่ี ัดอยตู่ ดิ กบั ถนนสาธารณะ Checkbox ตดิ คลองกว้าง = คลิกเม่ืออาคารด้านที่วัดอยู่ติดกับคลอง ปุ่มวดั ระยะ = คาสั่งให้โปรแกรมวัดระยะความห่างของถนน หรอื คลองท่ตี ้องการวดั Checkbox ผนงั มีช่องเปดิ = คลกิ เมือ่ อาคารด้านท่วี ัดมชี อ่ งเปดิ 2. สว่ นของการนบั จานวน ภาพท่ี 55 แสดงหนา้ กรอกข้อมลู การนบั จานวนในแบบ ปมุ่ คานวณจานวนทจี่ อดรถ = คาสงั่ ให้โปรแกรมนบั จานวนท่ีจอดรถในแบบ ป่มุ คานวณจานวนสุขภัณฑ์ห้องน้า = คาส่งั ใหโ้ ปรแกรมนับจานวนสุขภัณฑ์ของ แบบแบง่ เปน็ หอ้ งนา้ ผชู้ ายและผูห้ ญิง

74 2.3 สว่ นแสดงผลการตรวจแบบ (Report Page) สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 56 แสดงหน้ารายงานผลการตรวจแบบ หน้าตา่ งแสดงผลการตรวจแบบ = โปรแกรมจะทาการตรวจแบบ และรายงานผล การตรวจเฉพาะส่วนที่ผิดเทศบญั ญตั ิ หรอื กฎหมาย ควบคมุ อาคารทเี่ กี่ยวข้อง พร้อมแสดงคา่ ที่ถกู ต้อง ปุม่ Reference = คาสง่ั เปิด Website กฎหมายที่ใชส้ าหรับอา้ งองิ

75 3. สว่ นของการวัดบนั ไดหนีไฟ และสว่ นประกอบของบนั ได สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 57 แสดงหน้ากรอกข้อมลู การวดั บันได, บันไดหนไี ฟ และส่วนประกอบบนั ได ปุ่มเลือกประเภทบนั ได = เลือกประเภทของบันไดทท่ี าการตรวจ ปุม่ Step Width = คาสั่งใหโ้ ปรแกรมวัดความกวา้ งของลูกนอนบันได ปมุ่ Width = คาสงั่ ใหโ้ ปรแกรมวัดความกวา้ งของบันได ปุม่ Length = คาส่งั ใหโ้ ปรแกรมวดั ความยาวของช่วงบันได ปุ่ม A = คาสงั่ ใหโ้ ปรแกรมวัดความกว้างของชานพักบนั ได ปมุ่ B = คาส่ังใหโ้ ปรแกรมวดั ความยาวของชานพกั บันได

76 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 58 แสดงหน้าการวัดระยะทางหนีไฟ ระยะบนั ไดหนไี ฟถงึ ประตูในสุด A-B= คาสั่งใหโ้ ปรแกรมวัดระยะห่างระหวา่ งบันได หนีไฟถงึ ประตูบานในสดุ ของทางตนั ระยะหา่ งระหว่างบนั ไดหนีไฟ B-C= คาส่งั ให้โปรแกรมวัดระยะห่างระหว่างบันได หนีไฟ ภาพที่ 59 แสดงหน้าผลการวัดระยะทางหนีไฟ

77 ปุ่ม Clear = คาสัง่ ลา้ งผลการตรวจแบบในช่องแสดงผลการตรวจบันได ป่มุ Reference = คาส่ังให้โปรแกรมเปดิ website แสดงข้อมูลกฎหมายเพื่อใช้อา้ งองิ ในการตรวจแบบ ป่มุ Save= คาสงั่ บันทกึ ผลการตรวจแบบ โดยโปรแกรมจะบนั ทึกผลการตรวจเป็น text file 4. วิธีใช้งานโปรแกรม ผู้วิจัยได้ยกตัวอย่างการใช้งานโดยสมมติการตรวจแบบทางสถาปัตยกรรม ของ อาคารพกั อาศยั 4 ช้ัน ในเขตกรงุ เทพมหานคร มีข้นั ตอนการใช้งานดงั ตอ่ ไปนี้ สำนกั หอสมุดกลาง4.1 เปดิ ไฟลง์ านดว้ ยโปรแกรม nanoCAD ภาพท่ี 60 ตวั อย่างแบบทีใ่ ชใ้ นการตรวจ ตรวจสอบแบบวา่ มีแบบที่ต้องการตรวจครบ จากตัวอย่างในไฟล์งานมีแบบผัง บรเิ วณ, แปลน, รปู ดา้ นและรปู ตัดมาในไฟลเ์ ดียวกนั 4.2 พิมพค์ าสั่งในเปิดใชง้ านโปรแกรมตรวจแบบดว้ ย “CPBBR” ในชอ่ ง Command ภาพท่ี 61 แสดงคาสัง่ ใน Command line

78 4.3 กรอกข้อมูลพ้ืนฐานในงานตรวจแบบ (Initialize case) ให้ครบถ้วน โดย เรยี งลาดบั จากบนลงลา่ ง สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 62 โปรแกรมแสดง Initialize case เมือ่ ผตู้ รวจแบบกรอกช่ือเจ้าของอาคาร, เลือกประเภทอาคารที่ตรวจ และระบุ จานวนชั้นของอาคารแลว้ โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างคาแนะนาในการวัดพ้ืนท่ีที่ดนิ ภาพที่ 63 โปรแกรมแสดงข้นั ตอนการดาเนนิ การเปน็ ลาดบั

79 การวดั พื้นท่ที ่ดี ิน 1. ใหส้ ร้าง Polyline ดว้ ยคาสัง่ PolyLine ล้อมรอบแนวเขตทด่ี ิน 2. คลกิ ทคี่ าสงั่ “วัดพื้นทีท่ ่ดี นิ ” 3. เลอื ก PolyLine ท่ีล้อมรอบแนวเขตท่ีดินไว้ 4. โปรแกรมจะแสดงค่าทวี่ ัดได้ โดยแสดงเปน็ หน่วย ตารางเมตร 1 สำนกั หอสมุดกลาง 2 3 4 ภาพที่ 64 แสดงขัน้ ตอนการวดั พ้ืนที่ทีด่ ิน เพ่ือป้องกันโปรแกรมทางานผิดพลาดอันเนื่องจากการใส่ข้อมูลผิดประเภท ดงั นัน้ ในสว่ นของการกรอกขอ้ มลู ในช่องของ Storey, Insert FAR และ Insert OSR ผใู้ ช้งานสามารถ กรอกคา่ เปน็ ตัวเลขไดเ้ ท่าน้นั โดยหากผู้ใช้งานกรอกข้อมูลผิด เชน่ ใส่ค่าเป็นตัวหนังสือ โปรแกรมจะ ไมร่ บั คา่ น้ัน และทาการเตอื นให้ผูใ้ ช้งานทราบ

80 สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 65 แสดงหน้าจอแจง้ เตอื นการกรอกข้อมลู ผดิ และเมอ่ื ผู้ตรวจแบบกรอกขอ้ มลู ครบแลว้ จงึ คลกิ ทค่ี าสง่ั “เรมิ่ ตรวจ” เพ่อื ดาเนนิ การ ตรวจแบบ ท้งั นโ้ี ปรแกรมจะแสดงหนา้ ตา่ งแสดงคาแนะนา และการเตรียมแบบสาหรบั การตรวจใน สถานที่ ภาพท่ี 66 โปรแกรมแสดงขัน้ ตอนการดาเนินการลาดบั ตอ่ ไป 4.4 โปรแกรมจะสร้าง Layer ข้ึนมา 2 Layer คือ “CPBsite boundary” และ “CPBbuilding boundary” เพือ่ ใหผ้ ตู้ รวจสร้าง Polyline ตามขอบอาคาร ในกรณีของการสร้าง Polyline ตามแนวเขตที่ดิน ผู้ตรวจแบบสามารถใช้ Polyline เดมิ ทีไ่ ด้ทาไว้ในขัน้ ตอนการวดั พ้ืนทท่ี ีด่ ิน โดยการเปลย่ี น Layer ของ Polyline

81 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 67 แสดงโปรแกรมเพม่ิ รายการใน layer กาหนดชั้นของอาคารที่ทาการตรวจ โดยโปรแกรมจะให้เลือกจาก Drop DownList ซง่ึ โปรแกรมจะแสดงจานวนช้นั ตามทีก่ รอกไวใ้ นขอ้ มูลพื้นฐานในงานตรวจแบบ (Initialize case) ภาพที่ 68 แสดงการระบุชั้นทีต่ รวจ 4.5 ระบุความสงู ของชัน้ โดยวัดจากรูปตัดอาคาร 4.6 วัดพน้ื ทีใ่ ชส้ อยภายในอาคาร ด้วยคาสั่ง “เลอื กขอบอาคาร” ใหผ้ ้ตู รวจแบบคลกิ เลือก Polyline ขอบอาคาร (CPBbuilding boundary) โปรแกรมจะคานวณ และแสดงผลการวัดใน textbox โดยอัตโนมตั ิ

82 ภาพท่ี 69 โปรแกรมแสดงขนาดพน้ื ทอ่ี าคารท่ีวัดได้ สำนกั หอสมุดกลาง4.7 กาหนดขอบอาคารเพอื่ ให้โปรแกรมหาระยะห่างระหว่างมุมของอาคารถึงแนว เขตท่ีดินทใ่ี กล้ทส่ี ุด โดยโปรแกรมจะแสดงตาแหน่งท่ีใกลท้ ี่สดุ ใน Command และโปรแกรมจะแสดง ระยะหา่ งทีใ่ กล้ทส่ี ดุ ใน listbox ภาพที่ 70 โปรแกรมแสดงตาแหนง่ ของจุดที่ใกลท้ สี่ ดุ โดยระบุในแกน X แกน Y ของแบบ

83 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 71 โปรแกรมแสดงเส้นสใี นแบบ จากภาพโปรแกรมจะสรา้ ง Polyline ข้นึ มาใน drawing เพ่อื แสดงระยะหา่ งที่ใกล้ ท่ีสุดระหว่าง Building boundary กับ Site boundary โดยโปรแกรมจะแสดงเป็นสีต่างๆ ท่ีไม่ซ้า เฉดสีกนั เพือ่ ให้ผตู้ รวจแบบไมส่ ับสน

84 4.8 บันทกึ คุณสมบตั ิของระยะต่างๆ (Create property line) สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 72 แสดงการบนั ทึกคณุ สมบัตขิ องเส้นระยะ การบันทึกคณุ สมบตั ขิ องระยะต่างๆ ที่โปรแกรมวัดระยะ และสร้างเป็น Polyline สีตา่ ง ๆ ปรากฏขึ้นในแบบผังบรเิ วณ และแปลนชัน้ ในทุกๆ ชั้น ผู้ตรวจแบบจะเปน็ ผบู้ ันทกึ คณุ สมบัติของ เส้นสนี ัน้ ๆ ตามผนงั อาคารที่เส้นสนี ้นั ลากออกมา และแนวเขตทีด่ นิ ด้านนั้นท่เี สน้ สลี ากไปถงึ เม่ือบนั ทึกคณุ สมบตั ิของ Polyline แตล่ ะเสน้ จนครบแลว้ โปรแกรมจะนาค่าท่ไี ด้ ไปคานวณและเปรียบเทียบกับข้อกฎหมายท่ีเก่ียวข้องโดยอัตโนมัติ และรายงานผล Polyline หรือ ระยะห่างทผี่ ดิ กฎหมายตอ่ ไป

85 ตัวอยา่ งการบนั ทกึ คุณสมบัติ ผู้ตรวจแบบมขี นั้ ตอนการบันทึกคุณสมบัติของระยะห่างระหว่างอาคาร (Polyline สีต่างๆ) กบั แนวเขตที่ดนิ เพอื่ ให้โปรแกรมตรวจระยะร่นอาคารทถี่ ูกต้อง โดยมขี ัน้ ตอนดงั นี้ สำนกั หอสมุดกลาง ภาพที่ 73 แสดงการเลือกเส้นสที ร่ี ะยะใกลท้ สี่ ดุ 1. ผูต้ รวจแบบตรวจสอบเสน้ แสดงระยะร่น (Polyline) จากภาพตัวอย่าง เส้นระยะสี ฟา้ ลากออกจากผนงั อาคารที่มชี ่องเปิด ไปยงั แนวเขตทดี่ ิน ท่ีอยตู่ ดิ กบั ถนนสาธารณะ 2. ทาการเลอื กระยะท่ีตอ้ งการตรวจที่หน้าต่างแสดงระยะหา่ งของเสน้ จากตวั อย่างคือ เส้นสีฟา้ โปรแกรมจะแสดงตัวเลขระยะของเส้นน้ันมาให้ที่ช่อง “ระยะที่เลือก 5.09 เมตร” เพื่อให้ ผ้ตู รวจแบบยืนยนั ความถกู ต้องอีกคร้งั ภาพที่ 74 แสดงบันทึกความกวา้ งของถนนทีต่ ิดกบั ระยะที่เลือกไว้

86 3. ระยะท่ีตรวจอยู่ติดกับถนนสาธารณะ ดังน้ันให้คลิกเลือกที่ช่อง “ติดถนนกว้าง” พร้อมคลกิ ท่ีป่มุ วัดระยะเพอ่ื ทาการวัดและบันทึกระยะความกว้างของถนน สำนกั หอสมุดกลางภาพที่ 75 แสดงบันทกึ ความกวา้ งของถนน โปรแกรมจะให้กาหนดจุดริมขอบของถนนที่ต้องการวัดระยะความกว้าง โดยจะ แสดงคาแนะนาในช่อง Command ของ nanoCAD ภาพท่ี 76 แสดงคาสั่งใน Command line ให้คลกิ กาหนดจดุ เรมิ่ ตน้ ในการวัด เมือ่ ทาการคลกิ เลอื กที่ตาแหน่งริมขอบของถนนแล้ว โปรแกรมจะให้กาหนดจุดริม ขอบของถนนฝ่ังตรงกนั ข้าม

87 สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 77 แสดงคาสั่งใน Command line ใหค้ ลิกกาหนดจดุ สิ้นสดุ ในการวัด โปรแกรมจะแสดงระยะความกวา้ งของถนนท่วี ัดได้ ทงั้ นก้ี ารบนั ทกึ ความกวา้ งของคลอง สาธารณะจะมขี ั้นตอนทเ่ี หมือนกัน และหากเสน้ แสดงระยะร่นน้ัน ถกู ลากออกมาจากผนงั ท่ีมชี ่องเปิด เช่น ประตู, หนา้ ต่าง เป็นต้น ใหค้ ลิกทีช่ ่องผนังมชี อ่ งเปดิ เมือ่ กาหนดคณุ สมบตั ทิ ัง้ หมดแล้วให้ทาการ บนั ทกึ คุณสมบัตทิ คี่ าสั่ง “บันทกึ คุณสมบัติ” ทั้งนี้ผู้ตรวจแบบต้องทาการบันทึกคุณสมบัติของเส้นแสดงระยะร่นในทุกๆ เส้น ท่ี โปรแกรมแสดงในแบบ ภาพท่ี 78 แสดงการคลกิ เลอื กผนังมชี ่องเปิด

88 3.1 ตรวจการนบั จานวนในแบบ สำนกั หอสมุดกลาง ภาพท่ี 79 แสดงหน้าตา่ งการนบั จานวนทจ่ี อดรถและสขุ ภณั ฑ์ในแบบ ผู้ตรวจแบบทาการนับจานวนโดยแบ่งออกเป็น การนับจานวนสุขภัณฑ์ และ จานวนทีจ่ อดรถของอาคาร โดยขัน้ ตอนการนับจะเปน็ การบันทึกจานวนเฉพาะช้ันที่ตรวจเหมือนกับ การตรวจระยะร่นอาคาร โดยมีขั้นตอนดังนี้ ภาพที่ 80 แสดง block สัญญลกั ษณต์ า่ งๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook