เรื่องเลำ่ จำกดวงดำว The stars told me ช่อื เร่ือง : เรื่องเลา่ จากดวงดาว คำนำ พมิ พ์คร้ังท่ี 1 ธนั วาคม 2564 หนังสือนิทาน เรื่องเล่าจากดวงดาว ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของหอสมดุ แหง่ ชาติ เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อถ่ายทอดความรู้ ปรวรรณ ภมรสตู ร, ประภาพรรณ วิไลโรจน์วรกลุ , เกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มดาวที่มีความสำคัญใน ระบบสุริยะจักรวาล โลกและดาราศาสตร์ ศศนิ ันท์ ปริญจติ ต์ และคณะ. (2564). ผ่านการเล่าเรื่องประกอบภาพ ด้วยเนื้อหาที่ให้ เร่อื งเลา่ จากดวงดาว. กรุงเทพฯ: เซเวน่ เกวิ ความสนุกสนานและสร้างความเพลิดเพลิน พร้อมทั้งสอดแทรกคติสอนใจและข้อคิด บรรณาธกิ ารอำนวยการ : ดร. นพิ าดา ไตรรัตน์ ซง่ึ สามารถนำไปปรบั ใชใ้ นชีวิตจริงได้ บรรณาธกิ าร/พสิ ูจนอ์ ักษร : สุกฤษฎ์ิ ต้ังใจ, อรชพร โพธงิ์ าม นกั เขยี น/นักแปล : ปรวรรณ ภมรสตู ร, ศศนิ นั ท์ ปริญจิตต์ คณะผจู้ ัดทำ นกั วาดภาพประกอบ/นกั ออกแบบกราฟกิ : ธมน ศรแี จ่มใส, ประภาพรรณ วไิ ลโรจน์วรกุล, รงุ่ นภา ย้ิมสมบรู ณ์ จำนวน 82 หน้า ราคา 150 บาท
สำรบัญ บทนำ...........................................................................01 บทที่ 5 กลมุ่ ดำวคำ้ งคำว...............................................42 บทที่ 1 กลมุ่ ดำวนำยพรำน...........................................03 บทที่ 6 กลุ่มดำวมำ้ ปีก.................................................48 บทท่ี 2 กล่มุ ดำวไถ......................................................12 บทที่ 7 กลุ่มดำวลูกไก.่ ................................................59 บทท่ี 3 กลมุ่ ดำวหมใี หญ่.............................................22 บทท่ี 8 ทำงชำ้ งเผอื ก....................................................67 บทที่ 4 กลุม่ ดำวหมเี ล็ก...............................................32 จำกโลกสู่ดวงดำว.........................................................73 *คลกิ เพื่อไปยงั บทท่เี ลือก*
คุณรู้ไหม ว่าการไล่ล่าตามความฝัน ของคนเราตอ้ งวิง่ ออกไปไกลแค่ไหน ? หากคุณคิดว่าความฝันของคุณอยู่ไกลที่สุดจน แทบจะไม่สามารถเอื้อมถึงได้ แต่ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่มี ความฝันอยู่ไกลกว่าคุณหลายเท่าเกินกว่าจะ จินตนาการและออกไปไขว่คว้าได้ เธอคือ ไลลา สาว น้อยนักผจญภัย ผู้ที่มีความฝันอยู่ห่างไกลออกไป แต่ เธอก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจ พยายามพาตัวเองไปให้ถึง จุดมุ่งหมายที่ได้วาดฝันเอาไว้ แม้ท้ายที่สุดไม่รู้ว่าจะ สามารถไล่ตามความฝันนนั้ ไดส้ ำเรจ็ หรอื ไม่ 1
ไลลาในวัย 12 ปี เด็กหญิงผู้มีความสดใสร่าเริง มักมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าเสมอ แม้เธอจะกำลังเรยี น อยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่กลับมีความฝันที่ ยิ่งใหญ่เกินตัว เพราะความฝันของเธอไม่ได้มีปลายทาง สิน้ สุดลงเพียงแคบ่ นโลกเท่าน้นั มันกลบั ยาวไกลออกไป จนถึงทอ้ งฟา้ อันกว้างขวาง หรือส่ิงทเ่ี รียกว่า “...จกั รวาล...” ความฝันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของเธอ คุณพ่อผู้เป็นเหมือนต้นแบบและผู้นำทางไปในทุกท่ี คุณแม่ผู้เป็นคนที่คอยให้ช่วยเหลือและสนับสนุนอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีคุณตาและคุณยายที่คอยเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้เธอ ก้าวต่อไปข้างหน้า ตลอดชีวิตวัยเด็กของเธอคลุกคลีอยู่กับดวงดาวและอวกาศ ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวจากนิทานเล่มโปรดในทุกคืน ก่อนนอน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัวท่มี ดี วงดาวมาเก่ยี วข้อง น่ีจงึ เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ความฝนั ของเธอ และการเดินทางออกผจญภยั สู่จกั รวาลท่ีแสนกว้างใหญ่ไพศาลกไ็ ด้เร่ิมต้นข้นึ ... 2
กล่มุ ดำวนำยพรำน หรือกลุ่มดำวเตำ่ ในสมัยโบราณผคู้ นมกั มจี ินตนาการเกี่ยวกับกลุ่ม ดาวบนท้องฟ้าและนามาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่าที่แฝงไว้ด้วย ความเชื่อ วิถีการดาเนินชีวิต และการทานายดวงชะตา จนก่อเกิดเป็นตานานที่เล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ในท้องฟ้าที่กว้างขวางอันหาจุดจดของ ขนาดที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้ ยังมีกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งชื่อว่ากลุ่มดาว นายพราน ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่สามารถสังเกตได้ง่ายบนท้องฟ้า เต็มไปด้วยเรื่องเล่ากล่าวขาน ผู้คนต่างว่ากันว่าดาวพวกนี้เป็น ตานานของกรีกโรมัน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะได้ออกไปสนุก และท่องโลกกว้างพร้อมทั้งเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับสาวน้อยนัก ผจญภยั คนหนึ่งท่เี ตม็ ไปดว้ ยความฝนั 3
ไลลาสาวน้อยนักผจญภัย ผู้รักการเดินทางท่องไปในอวกาศและได้เดินทางเที่ยวชมกลุ่มดาวทั้งน้อยใหญ่มาแล้วนับไม่ถ้วน คืนหนึ่งในฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นจนไลลาต้องซกุ ตัวอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่มเพื่อเพ่ิมความอบอุน่ ให้แก่ร่างกาย สายตาของสาวน้อยมอง ออกไปนอกหน้าต่าง คืนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสและมีหมู่ดาวมากมายกระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด ทันใดนั้น ไลลาได้สังเกตเห็นกลุ่ม ดาวขนาดใหญ่ที่ส่องแสงสว่างไสวท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ความงดงามพร่างพราวของดาวกลุ่มนั้นทาให้ไลลามีความฝันว่าอยากที่จะ เข้าไปชมดวงดาวเหล่านั้นให้ไดใ้ นสักวนั หนง่ึ เพียงไดแ้ ตค่ ิดกับตวั เอง ไม่นานเด็กนอ้ ยผนู้ ก้ี ็ไดผ้ ล็อยหลับไป 4
รุง่ เช้าไลลาได้พบกบั หนงั สือเล่มหนึ่งของคุณตาวางอยู่บน ชั้นหนังสือภายในบ้าน น่าตกใจที่หน้าปกหนังสือเล่มนี้ ปรากฏ รูปกลุ่มดาวกลุ่มที่ไลลาเพิ่งได้พบเห็นเมื่อคืนตอนมองขึ้นไปบน ท้องฟ้ากว้างสาวน้อยฉงนใจเล็กน้อยแต่ความตื่นเต้นกลับ มีมากกว่า ไวเท่าความคิด ไลลาจึงรีบเปิดหนังสือเล่มนั้นออกมา และอ่านอย่างตั้งใจ ในทส่ี ุดเร่ืองราวของดาวในตานานกรกี โรมัน ก ็ ไ ด ้ ถ ู ก เ ป ิ ด เ ผ ย ไ ป ส ู ่ ส า ว น ้ อ ย น ั ก ผ จ ญ ผ ู ้ น ี ้ อ ย ่ า ง ไ ม ่ ค า ด คิ ด โดยเรื่องราวของหนงั สือเล่มนีม้ ีอยวู่ า่ … 5
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพรานหนุ่มรูปงามนาม “โอไรอัน” บตุ รผเู้ กดิ จากโพไซดอน เทพแหง่ ท้องทะเลและราชนิ ียเู รียลแห่งลุ่ม น้าอะเมซอนผู้เป็นมนุษย์ เนื่องจากเขามีเชื้อสายเทพเจ้า โอไรอัน จึงมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป ทาให้เขาสามารถเอาชนะ สิงโตได้ บิดามารดาจึงมอบสุนัขซีรีอุสให้เป็นของขวัญ นับแต่ นั้นมาซีรีอสุ ก็ไดก้ ลายเป็นสนุ ขั คใู่ จของโอไรอัน วันหน่ึง ทัง้ สองออก ผจญภัยในท้องทะเลจนมาถึงเกาะครีตกระทั่งได้พบกับอาร์ทีมิส เทพแหง่ ดวงจันทรแ์ ละการลา่ สัตว์ 6
โอไรอันและอาร์ทีมิสตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ทว่าอะพอลโลเทพแห่งดวงอาทิตย์กลับไม่พอใจที่อาร์ทีมิสผู้เป็นน้องสาว ไปชอบมนุษย์จึงไปบอกมหาเทพซุส ผู้เป็นบิดาและเป็นเทพเหนือกวา่ เทพทั้งปวงว่าโอไรอันมีความโอหัง จนมหาเทพซุสไม่พอใจและได้ มอบแมงป่องพิษให้อะพอลโลไปจัดการโอไรอัน ในการต่อสู้โอไรอันสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เป็นสิงโตแสนดุร้ายลงได้ ทว่ากลับถูกแมง ป่องที่ซ่อนอยู่ในสิงโตต่อยเข้าที่แขน ก่อนสิ้นใจได้เอ่ยชื่อคนรักคืออาร์ทีมิสเป็นครั้งสุด ฝ่ายอาร์ทีมิสก็ร่าไห้เสียใจอย่างมากท่ี สญู เสียคน รักไป มหาเทพซุสเห็นเช่นนั้นก็สงสารลูกจึงได้ชดเชยด้วยการส่งดวงวิญญาณของโอ ไรอันขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็น “กลุ่มดาว นายพราน” พร้อมซีรีอุส สุนัขคู่ใจที่กลายเป็น “กลุ่มดาวสุนัขใหญ่” และอยู่ห่างไกลจากกลุ่มดาวแมงป่องมากที่สุด โดยกลุ่มดาว นายพรานจะเห็นได้เฉพาะในฤดูหนาว ส่วนกลุ่มดาวแมงป่องจะเห็นได้ในฤดูร้อนทาให้กลุ่มดาวทั้งสองไม่เคยปรากฏบนท้องฟ้าพร้อม กนั สกั ครงั้ นับตัง้ แตน่ ั้นมา 7
เรื่องราวของหมู่ดาวกลุ่มนายพรานที่ เป็นตานานกรกี โรมนั อันน่าอศั จรรยใ์ จได้จบลง ไปแล้ว เหลือแต่เพียงสาวน้อยผู้ที่ยังคง ล่องลอยอยู่กับภวังค์เรื่องเล่าจากหนังสือที่เธอ อ่านเมื่อสักครู่ จนเริ่มรู้ว่าแท้จริงแล้วดวงดาว บนท้องฟ้านั้นมีประวัติและตานานเรื่องราว เป็นมาอย่างไร เมอื่ เป็นเชน่ นน้ั แลว้ ไลลาจึงอยากออกเดินทางเพื่อตามหากลุ่มดาวนายพราน และเข้าไปชมความงามด้วยตาตวั เองสักครง้ั ในชีวิต ความฝันของเด็กน้อยคนหนึ่งจึงได้เริ่มต้นขึ้น ไลลาเฝ้าออกเดินทางตามล่าหาหมู่ดาวนายพราน แต่แล้วแต่เล่า ก็ไม่พบดวงดาวท่ี เด็กหญิงคนนี้ตามหาเลย ไลลาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้เห็นดวงดาวกลุ่มนี้ จึงไล่ถามหมู่ดาวที่ระยิบระยับบ นท้องฟ้าว่า “พ่ี ๆ พอจะรู้บ้างไหมคะ วา่ กลุม่ ดาวนายพรานจะมองเห็นไดอ้ ย่างไร” 8
เมื่อหมู่ดาวได้ฟังดังนั้นแล้วก็หัวเราะและตอบว่า ...... “เจ้าเด็กน้อย ดาวนายพรานที่เจ้าว่า เป็นดาวที่เจ้า สามารถมองหาง่ายที่สุดในบรรดาดาวทั้งหลายบน ท้องฟ้าแล้ว หากเจ้าลองตั้งสติแล้วมองดี ๆ จะต้องพบ กับดาวดวงท่ีโดดเด่นและสามารถมองเห็นไดช้ ดั แทบท่วั มุมโลกอย่างแน่นอน ไหนเจา้ ลองดดู ี ๆ สิ” เมือ่ ไลลาไดย้ ินดังนั้นแลว้ จึงมองขน้ึ ไปบนทอ้ งฟ้าอกี ครงั้ ก็พบวา่ เจอดวงดาวสามดวงเรยี งกันเป็นเส้นตรงแล้วจึงรอ้ งอย่างดใี จว่า “จรงิ ด้วยค่ะ หนูเหน็ แลว้ แล้วดาวทั้งสามดวงเปน็ ดาวนายพรานเหมอื นกนั หมดเลยหรอคะ” หมดู่ าวจึงตอบว่า “ใชแ่ ลว้ เมอ่ื มองไปยังกล่มุ ดาวนายพราน ดาวสามดวงที่เรียงในระนาบเดียวกันน้ันเรียกว่าเข็มขัดนายพราน หรือคนไทยเรยี กว่า ดาวคนั ไถ เจ้าสามารถมองเห็นไดเ้ ด่นชดั แตส่ ำหรับการเร่มิ มองหา ใหเ้ ริม่ จากการมองหาท่ีเข็มขัดนายพรานก่อน แล้วค่อยเชอ่ื มโยงดาวบรเิ วณใกลเ้ คยี งทั้งส่ีมุม กจ็ ะเห็นภาพรวมของกลมุ่ ดาวนายพรานปรากฏชัดขนึ้ ” 9
ไลลามองดูกลุ่มดาวนายพรานประกอบกับฟังการอธิบายจากหมู่ดาวอย่างเงียบ ๆ จึงแปลกใจในความมหัศจรรย์ของท้องฟ้าที่มี เรื่องราวและรายละเอยี ดท่ีน่าสนใจ ไลลาจงึ เอย่ ข้ึนมาวา่ “อยา่ งน้แี ลว้ หมู่ดาวทุกดวงมเี รือ่ งเล่าตำนานเหมอื นกันหมดไหมคะ อยา่ งพ่ี ๆ มตี ำนานไหม” หมูด่ าวจึงตอบว่า “ดาวทุกดวงที่เจ้าเห็นบนท้องฟ้าล้วนมีเรื่องเล่าตำนานที่คนเล่ากันปากต่อปาก และปรุงแต่งเสริมสร้างมากันทั้งนั้น เพื่อให้เรา สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจกับหมู่ดาวบนท้องฟ้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หากยามใดที่เจ้ามองไปยังกลุ่มดาวนายพรานเจ้าจงเห็นการ เกิดใหม่ การดำรงอยู่ และการตาย การตายของดวงดาวนั้นมิใช่การลาจากแต่ดาวที่ใกล้สิ้นชพี จะเกิดการหลอมรวมตัวเองเพื่อสร้างดาว ดวงใหม่ให้เกิดขึ้นอีกในรุ่นถัด ๆ ไป ทุกครั้งที่แหงนหน้ามองดวงดาวขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า เรากำลังเห็นอดีตของดาวดวงนั้น ๆ อยู่ ไม่ใช่ดาวดวงปัจจบุ นั พรอ้ มทั้งกำลังเห็นการเกิดและการตายเกิดข้ึนภายใตก้ ารดำรงอย่ขู องดวงดาวที่กำลังส่องแสง” 10
ส้ินเสียงของหมดู่ าวทีเ่ ล่าเรือ่ งราวนา่ อศั จรรยใ์ จให้เธอฟัง ความรสู้ ึกมากมายก็ตี ตื้นเข้ามาในใจของไลลา ยิ่งหมู่ดาวบอกกับเธอว่าเรื่องราวของดาวแต่ละชนิดแตกต่าง กันไปเท่าไหร่ ยิ่งทาให้ไลลาสาวน้อยนักผจญภัยตื่นตาตื่นใจเท่านั้น ตานานของดาวท่ี เธอได้ฟังมาต่างสะท้อนท้ังคาสอนและจินตนาการที่ไม่มีสิ้นสุด แล้วทาไมไลลาจึงต้อง หยุดที่จะเรียนรู้ต่อด้วย ด้ังนั้น ไลลาจึงตัดสินใจแล้วว่าเธอจะศึกษาตานานของหมู่ดาว อื่น ๆ อีกต่อไปในไม่ช้า ให้สมกับที่ตนเองเป็นสาวน้อยนักผจญภัยอย่างที่ใคร ๆ ต่างเรียก 11
กล่มุ ดำวไถ เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ เป็นสัญญาณของการเดินทาง ครั้งใหม่ ไลลาสาวน้อยนักผจญภัย ผู้มีความสนใจและใฝ่ฝัน ที่จะได้ไปสำรวจอาณาจักรของดวงดาวบนท้องฟ้า แม้ว่ากลุ่ม ดาวนั้นจะอยู่ห่างออกไปแสนไกลแต่เธอไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ ตามหา และออกเดนิ ทางไปจนพบ 12
“หนขู อเอากล้องโทรทรรศนไ์ ปดว้ ยไดไ้ หมคะ” ไลลาเอ่ยเสียงใส ... เมื่อได้รับคำอนุญาตจากคุณแม่ เด็กตัวเล็กก็รีบจัดเตรียมสัมภาระให้เรียบร้อยเพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง คืนนี้ มีภารกิจสุดแสนพิเศษของครอบครัว คือการตั้งแคมป์ก่อกองไฟบนยอดเขา ในฤดูหนาวแบบนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก หลายครอบครัวตา่ งพากนั มาตกั ตวงช่วงเวลาแห่งความสุขกลบั ไป ครอบครวั ของไลลาก็เชน่ กัน 13
โชคดีที่ช่วงนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าหน้าหนาวจึงทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก การทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว เมื่อพระอาทิตย์ตกดินพระจันทร์จึงขึ้นมาแทนที่ ยิ่งดึกอุณหภูมิก็ยิ่งต่ำลงไปเรื่อย ๆ อากาศที่เย็นเฉียบกับท้องฟ้าที่มืดสนิท แต่กลับ เปลง่ ประกายเต็มไปดว้ ยดวงดาวนบั สบิ ท่สี ่องแสงระยิบระยับอย่บู นนัน้ จึงทำให้ฤดูหนาวน้ี ดูสมบูรณ์แบบข้นึ มาทนั ที 14
“ไลลา ลกู มองหาอะไรอยจู่ ะ๊ ” ผู้เปน็ แม่เอ่ยถามเด็กหญิงตัวนอ้ ยทกี่ ำลังยนื มองท้องฟ้าอย่างไมล่ ะสายตา “หนูกำลังมองหากลุ่มดาวไถอยู่ค่ะคุณแม่” ไลลากล่าวตอบแต่ยังคงมุ่งมั่นกับการค้นหากลุ่มดาวที่ขึ้นชื่อว่ามองเห็นได้ชดั ที่สุดในชว่ งฤดูหนาว เพราะเหตผุ ลนี้เธอจึงต่ืนเต้นกบั การมาตงั้ แคมป์ในคร้ังนีเ้ ปน็ พเิ ศษ “คุณพ่อบอกว่าในคืนนี้กลุ่มดาวไถจะส่องแสงสว่างกว่าดาวทุกดวง ใช่ไหมคะคุณพ่อ” เด็กหญิงหันมาเอ่ยถาม คุณพ่อผู้เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้เธอได้เจอในสิ่งท่ชี อบ “ใช่แล้วล่ะ ลูกหาเจอหรอื ยัง” ผ้เู ปน็ พ่อตั้งคำถามกลับไป ไลลาไดแ้ ต่ส่ายหน้าให้เปน็ คำตอบเพราะแหงนมองเท่าไรก็ยังไม่ พบกลุ่มดาวไถอยดู่ ี “ลกู เดนิ มาหาพอ่ ทางน้ีส”ิ เมือ่ ได้ยินดงั นนั้ เดก็ ตัวเลก็ จงึ รีบว่งิ ไปยงั จดุ ท่ชี ายวยั กลางคนยืนอยทู่ ันที 15
คุณพ่ออุ้มลูกสาวขึ้น แล้วชี้ไปยังจุดที่มีดวงดาวระยิบระยับจนสะดุดตา “เห็นอะไรไหม” ไลลามองตามไป ดวงตากลมโตประกายชดั ไปด้วยจุดสีเหลืองเลก็ ๆ “นนั่ คอื กล่มุ ดาวไถทค่ี ณุ พอ่ บอกใช่ไหมคะ สวยจงั เลย” รอยยิม้ เลก็ ผดุ ข้นึ บนใบหน้าของผู้เป็นพอ่ กอ่ นจะพดู ข้นึ วา่ “ใช่แลว้ คนเกง่ ของพอ่ ร้ไู หมครบั วา่ ทำไมถงึ เรียกวา่ ดาวไถ” เด็กหญิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงตอบคุณพ่อกลับไป ซึ่งเป็น คำตอบท่ีได้ยนิ จากวิทยุเม่อื วนั ก่อน “หนูเคยอ่านเจอว่าลักษณะของดาวกลุ่มนี้เหมือนกับคันไถหรือ เครื่องมือที่ชาวบ้านเอาไว้ทำไร่ทำนา คนไทยเลยเรียกว่า ดาวไถ ค่ะ” ฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะของเด็กตัวเล็กพร้ อมกับขยับเบา ๆ ดว้ ยความเอ็นดู “เก่งจังเลย” พอ่ พูดพลางปล่อยตวั ไลลาลงจากออ้ มแขน “คุณพ่อช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับดาวไถให้ไลลาฟังหน่อยได้ไหมคะ แต่ว่าหนูขอไปหยิบสมุดบันทึกกอ่ นน้า” เมื่อเด็กหญิงหันมาพูดจบก็รบี ว่ิง กลับเข้าไปในเต้นท์เพื่อหยิบเอาสิ่งของคู่ใจที่พกติดตัวไปทุกที่ แล้วกลับ ออกมานัง่ ขา้ ง ๆ ผู้เป็นพ่อตามเดิม 16
“กลุ่มดาวไถ มีดาวฤกษ์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ดวง ซึ่งทั้งสามดวงนี้มีชื่อเป็นของตัวเองด้วยนะ” ชายวัยกลางคน เริ่มเล่าเมื่อลูกสาวของตนส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้ว “ดวงที่อยู่ในระนาบต่ำสุดนั่นชื่อว่า Alnitak อยู่ห่างจากเราไป 800 ปีแสงเลย สว่างกว่าดวงอาทิตย์ถึง 100,000 เท่า และใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ 20 เท่าเชียวล่ะ ดวงที่อยู่สูงจาก Alnitak ขึ้นมานิดหน่อยนั้นมีช่ือ เรียกว่า Alnilam ถือว่าเป็นดวงดาวที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์มากที่สุดในสามดวงนี้ และใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ถึง 24 เท่าด้วย ส่วนดวงน้ัน ที่อยสู่ ูงกวา่ เพ่ือนเลย ชอ่ื วา่ Mintaka ห่างจากเรา 900 ปแี สง สวา่ งกวา่ ดวงอาทิตย์ 90,000 เทา่ และใหญก่ วา่ ดวงอาทติ ย์ 16 เทา่ ” 17
เมอื่ ไลลาจดบนั ทึกเสร็จเรยี บรอ้ ย ก็เงยหน้าข้ึนมามองผู้เปน็ พอ่ “โห อย่างน้ีตอ้ งใหญก่ วา่ ตวั ไลลา หลายร้อยเทา่ แน่เลย” คนเป็นแม่สง่ เสียง หัวเราะให้กับคำพดู ทสี่ ดุ แสนจะไรเ้ ดียงสา ของลูกสาวก่อนจะเอย่ ขอออกไป “แมข่ อดูดาวกบั ลูกดว้ ยได้ไหมจะ๊ ” เด็กหญิงยิ้มจนตาหยีแล้วตอบออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “ไดค้ ะ่ คุณพ่อคุณแม่คะเราเอากล้องโทรทรรศน์ มาสอ่ งดดู าวกันเถอะ” ไลลาตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ทุกครั้งที่จะได้ส่องกล้องดูดาวแบบนี้ เพราะเธอรู้สึกเหมือนว่ามันทำให้เราได้เข้าใกล้ กลมุ่ ดาวเหล่านนั้ ไปอกี ขน้ั เด็กหญงิ หมนุ กล้องโทรทรรศนอ์ ย่นู าน ขยับไปทางซ้ายทีและขยับกลับมาทางขวาทีอยู่แบบน้ัน 18
แลว้ จู่ ๆ เสียงเลก็ กพ็ ูดขน้ึ “คุณพ่อคะ เหมือนหนูเจอดาวกลุ่มอ่ืน ด้วยเลยค่ะ มันอยู่ใกล้ ๆ กับกลุ่มดาวไถเลย” ผู้เป็นพ่อหยิบหมวกใบโปรดของไลลา ขึ้นมาสวมให้ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเด็กตัว เล็กจะไม่สบายจากหยาดน้ำค้างที่เริ่มหนัก เพราะเรม่ิ ดึกมากขน้ึ “ถ้าลูกเคยอ่านประวัติของกลุ่มดาวนายพรานลูกจะรู้ว่าแท้จริงแล้วกลุ่มดาวไถที่ลูกเห็นสามดวงนั้นเปรียบเสมือนกับเข็มขัดของ นายพราน การท่ลี กู จะหากลุ่มดาวนายพรานเจอ ลูกจะต้องมองหากลุ่มดาวไถนใี้ หเ้ จอก่อน เนอื่ งจากกลุ่มดาวไถเปน็ ส่วนท่สี ังเกตเจอได้ งา่ ยเพราะเด่นสง่าส่องสว่างชัดทส่ี ุด วางเรยี งกันอยูส่ ามดวง และถกู ล้อมรอบด้วยกลมุ่ ดาวนายพราน หรือกลุ่มดาวเต่ายังไงล่ะ” 19
“คุณพอ่ เหมือนกลุ่มดาวไถเลยคะ่ ” เด็กตวั เล็กละจากกล้องดูดาวแล้วหันมาพูดกับผู้เป็นพ่อ “เหมอื นยงั ไงครับ” คุณพอ่ เอ่ยถาม “ก็เพราะคุณพ่อทำให้หนูได้มารู้จักกับกลุ่มดาวพวกนี้ไงคะ ถ้าไม่มีคุณพ่อเป็นต้นแบบและเป็นเหมือนกลุ่มดาวไถ หนูคงไม่มี โอกาสที่จะได้เรียนรูเ้ กี่ยวกบั เรอ่ื งของหม่ดู าวท่คี อยสอ่ งแสงสวา่ งอย่บู นทอ้ งฟา้ นัน่ ” ผู้เป็นพ่อส่งย้มิ ออกมาอย่างปิดไม่มิดพรอ้ มกับย่อตัวนง่ั ลงข้าง ๆ กบั เดก็ หญิง “พ่อก็อยากให้ไลลาเป็นเหมือนกลุ่มดาวไถเช่นกันนะ เพราะดาวไถมีประโยชน์ในการค้นหาดาวอื่น ๆ เป็นเหมือนสะพานที่จะ นำพาเราไปเจอดาวต่าง ๆ อีกมากมายเลย ในวันหนึ่งถ้าลูกมีโอกาสได้แบ่งปันความรู้นี้ต่อไปให้คนอื่น พ่ออยากให้ลูกช่วยเป็นดาวไถ ใหก้ บั พวกเขาเหลา่ น้นั ด้วย” 20
เด็กหญิงพยักหน้ารับคำขอจากคุณพ่อ พลางส่งยิ้มหวานและนึกขอบคุณคุณพ่อ และคุณแม่ของเขาอยู่ในใจ ขอบคุณที่ทำให้เขาได้รู้จักกับดวงดาวเหล่านั้น แม้เขาจะไม่ เคยได้เห็นใกล้ ๆ สักครั้งแต่ก็ยังตั้งใจศึกษาเรื่องราวของหมู่ดาวนั้นต่อไป ก่อนนอนคืนน้ี ไลลาไม่ลืมที่จะขอพรกับคุณดวงดาวเหมือนกับทุกครั้ง ขอให้ดวงดาวทุกดวงทอแสง สวา่ งสดใสแบบนี้ และชว่ ยนำทางให้กบั ทุกคนตลอดไป 21
กลมุ่ ดำวหมีใหญ่ หรือกลุ่มดำวจระเข้ เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 12 เสียงนาฬิกาดัง “ติ๊กต็อก ๆ ๆ” ไลลานั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันกับคุณพ่อและ คุณแม่อย่างสุขสำราญ ระหว่างกินข้าว คุณแม่พูดกับไลลาว่า ... “อาทิตย์หน้าไปหาคุณตากับคุณยายบนดอยกันนะไลลา พ่อกับแม่จะ ไปร่วมทำบญุ กฐิน เพราะคณุ ตากบั คณุ ยายเปน็ เจา้ ภาพในปีนี้” .... ... “ถ้าอย่างนั้น เราก็ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลยดีไหมคะแม่” ไลลาถาม ด้วยความตื่นเต้น “ได้สิลูก ไปต่างจังหวัดทั้งทีก็เที่ยวให้เต็มอิ่มไปเลย” คุณพ่อกล่าว ไลลาดีใจ กระโดดจนตัวลอย รีบตักข้าวใส่ไว้ในกระพุ้ง แก้มทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วแล้วกลับเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมตัวจะไป เท่ียวต่างจังหวดั 22
ครั้นถึงวันที่ต้องออกเดินทาง ไลลารีบตื่นตั้งแต่รุ่งเช้า ลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวออกเดินทางด้วยรถยนต์ สีแดงคู่ใจเพือ่ มุ่งหน้าไปยังบา้ นตากับยาย ระหว่างการเดินทาง เด็กน้อยไลลาตื่นตาตื่นใจ กับการพบเส้นทางใหม่ ๆ เสมอ ไลลาชื่นชอบการเดินทาง การนั่งรถที่นานแสนนานของไลลา จงึ ไมน่ ่าเบอ่ื เลย 23
เมือ่ ถงึ บ้านตากบั ยาย พระอาทติ ย์เรม่ิ ลอยตำ่ ลง ไลลาพดู กับคุณพ่อว่า “พอ่ จ๋า...หนอู ยากออกไปดดู าวบนดอยจงั เลย” ไลลากะพรบิ ตาปรบิ ๆ “อืม...ได้สิลูก ยามที่อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงจากฝนไปสู่หนาวเช่นนี้ การดูดาวบนดอยก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย” พ่อกล่าว พร้อมกับจงู มอื ไลลาเดินขึน้ ไปจนถึงยอดดอย 24
เมื่อเด็กน้อยไลลาเดินไปถึงจุดชมดาว ดวงตาทั้งสองข้างของเดก็ น้อยเปน็ ประกายวิบวับ เหมือนกับดวงดาว ไลลาจ้องมองท้องฟ้าอย่างไม่ ละสายตา เวลาลมหนาวพัดโชยไปมายิ่งทำให้ การดูดาวมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ท้องฟ้าก็จะปลอดโปร่ง มองเห็นสายหมอก ดอก หญ้า และทะเลดาวได้อย่างชัดเจน เมื่อเด็กน้อย นอนดไู ปสกั พกั กถ็ ามกบั คณุ พอ่ วา่ “พอ่ จ๋า ดาวทคี่ ล้าย ๆ กระบวยตักน้ำคว่ำชื่อดาวอะไร” คุณพ่อมองไปตามนิ้วทไ่ี ลลาช้ี “ดาวจระเข้ หรือจะเรียกอีกชื่อว่า ดาวหมีใหญ่ก็ได้ กลุ่มดาวนี้จะข้ึนจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตกใน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ” ไลลาทำหน้าสงสัย พ่อจึงจับนิ้วไลลาลากจากกลุ่มดาวเล็ก ๆ ที่ไลลาเห็นเป็นดาวสองดวงตรงบริเวณปลาย กระบวยมาต่อกันแลว้ ลากนิ้วลงมายังดวงเลก็ ๆ ที่อย่ตู ่ำลงมา 25
“ดาวเล็ก ๆ ที่สว่างนี่เรียกว่าดาวเหนือ ดาวจระเข้อยู่ใกล้ดาวเหนือ ดาวจระเข้หรือดาวหมีใหญ่มีประโยชน์อย่างมากในการหา ทิศทาง เมื่อลูกรู้ตำแหน่งของดาวเหนือ ลูกก็จะรู้ตำแหน่งของทิศเหนือ ลูกลองจำลองตัวเองเป็นเข็มทิศแล้วหันหน้าเข้าหาทิศเหนือ และกางแขนสองขา้ งออกมา มือซา้ ยจะช้ไี ปยังทิศตะวันตก มอื ขวาจะชีไ้ ปยงั ทิศตะวันออก และขา้ งหลังของลูกจะเปน็ ทศิ ใต้นน่ั เอง” 26
คุณพ่อจับมือไลลาลากไปตามตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า แล้วถามว่า “เห็นดาว 4 ดวงเรียงกันไหมดาว 4 ดาวที่ลูกมองเป็นตัว ขัน คนโบราณมองว่าเป็นตัวจระเข้ ลากออกมาหน่อยก็จะเหน็ เปน็ ดาว 3 ดวงดคู ลา้ ยดา้ มจับ คนโบราณมองเปน็ หางของจระเข้ จึงเรียก รวมกนั ว่าดาวจระเข้” “ดยู ังไงก็เป็นกระบวยตักน้ำควำ่ ไมเ่ หมือนจระเขเ้ ลย” ไลลากล่าว “ไม่เป็นไรหรอกลูก แต่ละคนต่างมองไม่เหมือนกัน ชาวจีนและชาวยุโรปเขาเห็นเป็นรูปกระบวย จึงเรียกกลุ่มดาวกลุ่มนี้ว่า กระบวยใหญ่ ชาวกรีกซึ่งเป็นดินแดนแห่งเทพนิยายอันเกี่ยวกับดวงดาวต่าง ๆ เห็นเป็นหมีใหญ่ แต่จะเป็นแค่ส่วนท้ายตัวและหางของ หมีใหญ่ คนไทยเห็นเป็นจระเข้ ทั้งกรีกและไทยมีสิ่งที่เห็นเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง คือ เห็นดาว 3 ดวง ที่เป็นทางด้ามกระบวยเป็นหาง หมีและหางจระเขเ้ หมือนกัน” 27
“ทพ่ี ่อพูดดาวจระเข้มีท้ังหมด 7 ดวงหรอคะ ?” ไลลาถามเสยี งใส “ใชแ่ ลว้ ลูก” คุณพอ่ ตอบพรอ้ มพยักหนา้ “แต่ทำไมหนนู ับได้ 8 ดวง หนเู ห็นดาว 2 ดวงที่อยูใ่ กล้ ๆ กันตรงกลางหางจระเขด้ ้วย” ไลลาถามต่อ คุณพ่อยิ้มแล้วบอกว่า “อ๋อ เป็นดาวคู่ 2 ดวง คือ ไมซาร์ (Mizar) กับอัลคอร์ (Alcor) ไมซาร์จะสว่างกว่า เล่ากันว่าชาวอาหรับโบราณ ใชด้ าวสองดวงน้ที ดสอบสายตา ถา้ สายตาดกี ็จะเหน็ เป็นสองดวง แสดงว่าลูกยงั สายตาด”ี 28
ถา้ ลกู สนใจ พอ่ จะเลา่ ตำนานของดาวจระเขใ้ หล้ กู ฟงั ... “นานมาแล้วมีเศรษฐีคนหนึ่งแอบเอาสมบัติไปฝังไว้ใกล้ท่าน้ำหน้าบ้านโดยไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่ภรรยาของตน เมื่อเศรษฐี เสียชีวิตจึงมาเข้าฝันบอกที่ซ่อนสมบัติแก่ภรรยา และขอให้แบ่งทรัพย์สมบัติที่ขุดขึ้นมาได้ไปทำบุญโดยการทอดกฐินแผ่ส่วนกุศลไปให้ ตน เวลาผ่านไปภรรยาของเศรษฐีคิดว่าเป็นเพียงความฝัน และลืมมันไป จนกระทั่งเศรษฐีไปเกิดเป็นจระเข้เฝ้าว่ายเวียนใกล้ท่าน้ำนั้น อยู่เสมอ ชาวบ้านเล่าลือกันถึงเรื่องประหลาดนี้ไปตลอดทั้งคุ้งน้ำ การปรากฏตัวของจระเข้และจากคำร่ำลือของชาวบ้านทำให้ภรรยา ของเศรษฐีนึกถึงความฝันขึ้นมาได้ จึงให้คนไปขุดทรัพย์สมบัติขึ้นมาจากที่ซ่อน ทุกคนประหลาดใจเมื่อขุดพบหีบใบโตใบหนึ่ง ภรรยา เศรษฐีจงึ เปดิ หีบสมบตั ิน้นั ดกู ็พบแกว้ แหวนเงินทองจำนวนมาก นางแบง่ ทรัพย์สว่ นหนึ่งไปทำบญุ ทอดกฐนิ ตามทเ่ี ศรษฐตี อ้ งการ” 29
“ในวันแห่กฐินขณะที่ขบวนเรือนำองค์กฐินออกจากท่าน้ำ จระเข้เศรษฐีก็ว่ายนำขบวนเรือไปแต่ยังไม่ถึงวัดก็หมดแรงว่าย ต่อไปไม่ไหว ภรรยาเศรษฐีแล้วชาวบ้านจึงพากันวาดภาพจระเข้ลงบนผืนผ้านำไปผูกติดหัวเรือนำขบวนเผือเป็นสัญลักษณ์ว่าจระเข้ เศรษฐีได้ไปร่วมทำบุญทอดกฐินในคร้ังนี้ เมื่อจระเข้เศรษฐีตายไปผลบุญจากกการทอดกฐินก็บันดาลให้ไปเกิดเป็นดาวจระเข้กระพริบ วบิ วบั อยบู่ นทอ้ งฟา้ และนบั ต้ังแตน่ นั้ มาธงจระเข้จงึ เปน็ สญั ลักษณ์ของการทอดกฐนิ ในประเทศไทยมาจนถึงทกุ วนั นี้” “แสดงว่าวันพรุง่ นี้หนจู ะไดเ้ ห็นธงกฐินรปู จระเข้ใชม่ ัย้ คะพอ่ ” ไลลาถาม พ่อจึงตอบกลับว่า “ใช่แล้วลูก ในอดีตการเดินทางไปทอดกฐินที่วัดจะอาศัยดูกลุ่มดาวจระเข้เป็นหลัก เมื่อกลุ่มดาวจระเข้ขึ้นมา เตม็ ตวั เมือ่ ไร ก็จะเร่ิมเคลอ่ื นองคก์ ฐิน และไปสวา่ งทวี่ ดั พอดี” หลังจากนั้นบรรยากาศเร่ิมเงียบสงบ เดก็ นอ้ ยไลลาท่ีพูดเจอ้ื ยแจ้วกน็ อนเงียบกวาดสายตาดูดาวดวงอน่ื ๆ ต่อ 30
เวลาผ่านไป ไลลาถบี ตัวลกุ ขึน้ ยืนแล้วถามว่า “ทำไมกระบวยมันไมไ่ ดอ้ ยูท่ ี่เดมิ แลว้ ละ่ คะ” “ในตอนหัวค่ำเราจะเห็นด้านหัวของดาวจระเข้เขา้ ขึ้นทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและเมื่อถงึ เวลาเที่ยงคนื กลุ่มดาวน้ีจะอยู่ กลางทอ้ งฟ้าโดยสว่ นหัวจะช้ีไปทางทิศเหนือ และเมอ่ื ใกล้สว่างสว่ นหวั จะค่อย ๆ ลับขอบฟา้ ไปทางทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนอื เราจึงนิยมใช้ กลุ่มดาวหมีใหญห่ รือกลุ่มดาวจระเข้ในการบอกเวลา อ๊ะ...พูดถึงเวลาพ่อลืมดูนาฬกิ าไปเลย ตอนนี้คงจะดึกแล้วล่ะลูก กลับบ้านไปนอน กันเถอะ เดี๋ยวจะตืน่ ไปงานทอดกฐนิ ตอนเชา้ ไม่ไหว” ไลลาพยกั หน้าแลว้ เดนิ จบั มือกับพอ่ ขณะเดินทางกลบั บ้าน เช้ามืดวันต่อมาไลลารีบลุกข้ึน ออกมาดูดาวจระเข้ ไลลาเงยหน้ามอง ท้องฟ้าโยกหัวไปทางซ้ายทีขวาทีก็เจอ ดาวจระเขเ้ ตม็ ตัวเหมอื นทพี่ อ่ บอก ไลลายิ้มดีใจ ตะโกนบอกทุกคน ว่า “ทุกคนคะ ได้เวลาเคลื่อนขบวน กฐินไปที่วัดกันเถอะค่ะ” ครอบครัว ของไลลาหัวเราะปลื้มใจ แล้วเร่ิม เคลอ่ื นขบวนทอดกฐินไปยงั วัด 31
กลมุ่ ดำวหมเี ล็ก ตอนน้ีฤดูหนาวก็เข้ามาถึงแล้ว คุณพ่อของไลลาก็ได้ ขับรถพาคุณแม่กับไลลามาเที่ยวกางเต็นท์กันที่ ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือประเทศไทยของเรา ซึ่งคุณพ่อบอก ไลลาว่าเป็นภูเขาที่มีความสูงเหนือ ระดับน้ำทะเลมากที่สุดของ ประเทศไทยเลยนะ ไลลาก็ถามคุณพ่อไปว่า “กลุ่มดาวที่เราจะมาดูกันคราวนี้ คอื กลมุ่ ดาวอะไรบา้ งคะคณุ พอ่ ?” คุณพ่อตอบ “ก็คงจะเป็นดาวเหนือหรือดาวหมีเล็ก ท่เี หน็ ชดั ที่สดุ ในฤดูหนาวของเราแล้วล่ะไลลา” พรอ้ มยื่นหนงั สือ ดวงดาวให้ไลลาดูข้อมลู ในหนังสอื ประกอบภาพ 32
เนื่องจากกลุ่มดาวที่เราจะพูดถึงกันในตอนนี้จัดเป็น 1 ใน 88 กลุ่มดาวสากลของโลก เลยนะ และจะสามารถเห็นได้ชัดมากที่สุดใกล้บริเวณขั้วฟ้าเหนือของโลกเรา ซึ่งกลุ่มดาวนี้ คอื กลุ่มดาวหมีเล็ก หรอื กลมุ่ ดาวคนั ไถของเราน่ันเอง ทุกคนคงอยากรู้แล้วสินะว่ากลุ่มดาวหมีเล็กนั้นมีดวงดาวใดบ้างที่มีความสำคัญ เดี๋ยวไลลาจะเปิดหนังสือดวงดาว ที่ได้มาจากคุณพ่อแล้วลองสรุปข้อมูลดูนะ จะได้ข้อมูลว่า กลุ่มดาวหมีเล็กนั้นจะประกอบไปด้วย 7 กลุ่มดาวย่อย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 256 ตารางองศา หรือมีขนาดใหญ่เป็นลำดั บที่ 56 ของกลุ่มดาวทั้งหมดเลย และกลุ่มดาวหมีเล็กนั้น ถูกจัดเป็นกลุ่มดาวที่สามารถใช้นำทางสำหรับนักเดินทาง ทกุ ท่านไดใ้ นตอนกลางคนื ตลอดท้ังปีอกี ด้วย 33
เนื่องจากมีกลุ่มดาว “Polaris” เป็นกลุ่มดาวฤกษ์ ที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวหมีเล็ก และอยู่ใกล้ขั้วฟ้าเหนือ หรือเหนือแกนหมุนของโลก ทำให้ กลุ่มดาวหมีเล็กนั้นสามารถ มองเห็นได้ตลอดทั้งปี ในท้องฟ้าฝั่งซีกโลกเหนือแต่จะมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในเดือน มิถุนายนหรือช่วงรอยต่อของฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่จะไม่ปรากฏขึ้นให้เห็นบน ท้องฟ้าของฝั่งซีกโลกใต้ ซึ่งจะมีกลุ่มดาวที่สามารถช้ีตำแหนง่ ดาวเหนือได้อยู่ 2 กลุ่มดาว อกี ด้วยและไลลาก็จะพานกั เดินทางทุกคนไปรจู้ ักกลมุ่ ดาวหมเี ลก็ กันเลย 34
เริ่มจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ หรือดาวจระเข้ ที่คนไทยรู้จัก กัน ซึ่งกลุ่มดาวหมีใหญ่นี้ มีหน้าที่สำคัญในการหาทิศของดาว เหนือได้ถูกต้องจากกลุ่มดาว 2 กลุ่มในช่วงฤดูร้อน ตรงปาก กระบวยชื่อ Dubhe และ Merek ซงึ่ เรยี กว่าเคร่ืองชี้ (Pointer) ดาว 2 ดวงนี้ ถ้าลากเส้นตรงจากดาว 2 ดวงนี้จะชี้ไปที่ ดาวเหนือ นับจากดาว Dubhe จะถงึ จุดของดาวเหนอื พอดี 35
ต่อมาก็จะเป็นกลุ่มดาวค้างคาว หรือกลุ่มดาวแคสซิโอเปีย โดย กลุ่มดาวค้างคาวนี้สามารถหาตำแหน่งของ ดาวเหนือได้เช่นเดียวกับ กล่มุ ดาวหมใี หญ่ แต่จะตา่ งกนั ทก่ี ลมุ่ ดาวคา้ งคาว จะมองเห็นไดใ้ นชว่ ง ฤดูหนาว ซึ่งการหาตำแหน่งของดาวเหนือจากกลุ่มดาวค้างคาวนั้น คือ การลากเส้นตัดผ่านปีกของค้างคาว ในกลุ่มดาวที่ 1 และ 2 ในระหว่าง กลางของทงั้ สองกล่มุ นี้ จนไปถงึ ทศิ ทด่ี าวเหนอื อยู่ เป็นต้น 36
“โอ้โห คุณพ่อคะ กลุ่มดาวหมีเล็กนี้ไม่ได้เล็กเหมือนชื่อเลย นะคะอีกทั้งยังเป็นกลุ่มดาวที่มีความสำคัญในการบอกทิศทาง อีกด้วย” ไลลาบอกกับคุณพ่อหลังได้อ่านหนังสือดวงดาวเรื่อง ดาวหมีเล็กจบแล้ว “แต่เรื่องราวของกลุ่มดาวหมีเล็กนั้นยังไม่หมดหรอกนะ” คณุ พ่อบอกไลลา ค ุ ณ พ ่ อ ไ ด ้ พ ู ด ต ่ อ เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ต ำ น า น ข อ ง ก ล ุ ่ ม ด า ว ห ม ี เ ล็ ก และกลุ่มดาวหมีใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องราว ที่มาจากตำนานปรัมปรา ของกรีกโบราณที่เล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ไลลารู้สึกตื่นเต้น ทจ่ี ะได้ฟงั คณุ พ่อเลา่ เรือ่ งราวนี้ 37
โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ เริ่มมาจากเทพีอเมทิสต์ เทพีแห่ง การล่าสัตว์ มีศักดิ์เป็นภรรยาของเทพเจ้าซุส ได้เดินทางไปล่าสัตว์ พร้อมกับผู้ติดตาม ซึ่งหนึ่งในผู้ติดตามที่เดินทางไปด้วยครั้งน้ัน มีนางหนึ่งที่ชื่อคาลิสโต ลูกสาวของเจ้าเมืองเคเดียโดยนางเป็น หญิงรูปงามซึ่งเป็นที่หมายตาของเทพเจ้าซุสเป็นอย่างมาก ทั้งสอง จึงได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จนนางคาลิสโตได้ตั้งครรภ์และ ให้กำเนิดบุตรชายชื่ออาร์คัส ซึ่งเมื่อเทพีอเมทิสต์ไปรู้เรื่องเข้า ก็ได้ ทำการสาปนางคาลิสโตให้กลายเป็นหมีไป ทำให้ต้องพลัดพราก จากบตุ รชายของตนเอง น่าสงสารมากเลย 38
ต่อมาเมื่ออาร์คัสเติบโตขึ้นเป็นนายพราน ก็ได้ออกล่าสัตว์แล้วได้ บังเอิญไปพบกับนางคาลิสโตที่กำลังเดนิ อยูใ่ นป่า เมื่อนางคาลสิ โตพบลูก ชายตนเองกจ็ ำได้ก็ดีใจจนลืมว่าตนเองเป็นหมี จึงเดินอ้าแขนเพ่ือท่ีจะ เข้าสวมกอด บุตรที่จากกันมานานหลายปี แต่อาร์คัสเข้าใจว่าหมีจะเข้า มาทำร้ายตนจึงงา้ งธนคู ูก่ ายหมายจะยิงออกไปเพ่อื ทีจ่ ะปอ้ งกันตวั ด้วยความที่เรื่องเลวร้ายอย่างที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น เทพเจ้าซุสจึงได้ยับยั้งเหตุดังกล่าวโดยการเสกให้นางคาลิสโตในร่างหมี กลายเปน็ หมูด่ าวหมใี หญป่ รากฏอยใู่ นท้องฟ้ายามค่ำคืน เนื่องจากมิอาจลบล้างคำสาปที่เทพีอเทมิสต์ได้สาปไว้ได้ จึงทำได้เพียงให้นางกลายเป็นกลุ่มดาว หมีใหญ่ ที่เรียกกันว่า Ursa Major และต่อมาภายหลังเทพเจ้าซุสจึงนำอาร์คัส ลูกชายนำไปไว้บนฟ้ากับแม่กลายเป็นกลุ่มดาวหมีเล็ก หรือ Ursa Minor ที่จะโคจร ตามดาวหมใี หญไ่ ป 39
แต่ด้วยความโกรธของเทพีอเทมิสต์ที่ยังมีต่อแม่ลูกคู่ นี้อยู่ และเมื่อเห็นว่าทั้งสองแม่ลูกได้รับความเอ็นดูจากเทพเจ้าซุส ถงึ ขนาดให้กลายเป็นดวงดาว นางจึงไปร้องขอให้เทพโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ช่วยผลักไม่ให้ดาวหมีทั้งสองได้ลงไปพัก ในท้องมหาสมุทร ดั่งดาวดวงอื่นทำกันได้ ทำให้ดาวหมีทั้งสอง เป็นเพียงกลุ่มดาว สองหมู่ที่ไม่ไ่ด้ ลับไปจากขอบฟ้าเลยตลอดเวลาชั่วกาลนานปี จนมาถึงปจั จุบนั นี้ 40
“จบแล้วเหรอคะคุณพ่อ เสียดายจังเรื่องราวกำลังสนุก เลย ส่วนใหญ่เรื่องราวของเทพเจ้ากรีกมักจะมีเทพเจ้าซุสเข้ามา เกีย่ วข้องทุกเรอื่ งเลยใชไ่ หมคะ?” ไลลาถามคณุ พอ่ ออกไป “ใช่แล้วจ่ะไลลา ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเราพักช่วงเวลาเล่า นิทานแล้วอีกสักประเดี๋ยวก็เข้านอนได้แล้วนะ ตอนนี้ดึกมาก แลว้ ” คณุ แมบ่ อกไลลา ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ไลลาคงต้องขอจบการ เขียนไดอารี่ของวันนี้ลงเสียก่อนที่คุณพ่อและคุณแม่จะดุไลลา วัน ข้างหน้าจะมีเรื่องราวของกลุ่มดาวอะไรให้ไลลาได้เรียนรู้อีกนะ แค่ คิดก็ตน่ื เตน้ แล้วสิ ราตรีสวัสด์ิ 41
กลุ่มดำวคำ้ งคำว หรอื กลมุ่ ดำวแคสสิโอเปีย ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้าน เด็กน้อยไลลาได้นอนดูดาวอยู่กับคุณตาที่ชานระเบียงหน้าบ้าน ไลลาได้นึกถึงค้างคาวที่เจอมาในสวนของคุณตาเมื่อเย็นวันนี้ เดก็ น้อยจงึ เอ่ยถามคุณตาขนึ้ มาว่า “คณุ ตาคะ มีดวงดาวที่ช่อื ค้างคาวไหมคะ” “มีสิหลานรัก เขาเรียกกันว่ากลุ่มดาวค้างคาว” คุณตาตอบคำถาม ด้วยความเอ็นดหู ลานสาวของตนเอง “จริงหรอคะคุณตา!!! แล้วกลุ่มดาวค้างคาวอยู่ส่วนไหนบนท้องฟ้า หรอคะ” เด็กน้อยตาลุกวาวถามคุณตากลับไปทันทีด้วย ความตื่นเตน้ 42
“ตรงนั้นไง ดวงดาว 5 ดวง ที่เรียงกันเหมือนรูปตัวเอ็ม (M) กลุ่มดาวค้างคาวจะเคลื่อนที่อยู่รอบดาวเหนือ (Polaris) โดยอยู่ห่าง จากดาวเหนือประมาณ 30 องศาและอยู่ทิศตรงข้ามกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) เสมอ กลุ่มดาวค้างคาวจะขึ้นไปสูงสุดกลาง ท้องฟา้ ช่วงกลางเดือนตุลาคมเวลาประมาณเที่ยงคืน หลานเห็นไหม” คุณตาชข้ี ึน้ ไปบนทอ้ งฟา้ ท่ตี ำแหนง่ ของกลมุ่ ดาวคา้ งคาวอยู่ เดก็ น้อยมองตามมือของคุณตามองหาอยู่ครู่หน่งึ ก็เจอกลุ่มดาวค้างคาวตามท่คี ุณตาบอก “เหน็ แล้วคะ่ แล้วทำไมถงึ เรียกว่ากลุ่มดาวค้างคาวหรอคะ” เด็กน้อยเกดิ นกึ สงสัยถงึ ทม่ี าของชือ่ กล่มุ ดาวคา้ งคาว “เพราะว่ากลมุ่ ดาวค้างคาวประกอบด้วยดาวฤกษส์ วา่ ง 5 ดวง ทเี่ รยี งกนั เหมือนรูปตัวเอม็ (M) ในภาษาองั กฤษ คนไทยจะเห็นเป็นรปู ค้างคาว จึงเรียกชื่อกลมุ่ ดาวน้ีว่า “กลมุ่ ดาวค้างคาว” โดยดาวดวงตรงกลางเป็นกลางตวั คา้ งคาว อกี 4 ดวงทีเ่ หลอื นน้ั จะอยู่ข้าง ๆ เปน็ ปกี ท้ัง 2 ข้างของคา้ งคาว ราวกบั วา่ มันบินเขา้ หาดาวเหนือเสมอ แต่กลมุ่ ดาวค้างคาวยงั มอี ีกหนึง่ ชือ่ เขาเรียกกันว่า กลุ่มดาวแคสซิโอเปยี หลานอยากรู้ทม่ี าของชือ่ น้ไี หม” “อยากสิคะคณุ ตา” “งน้ั หลานกเ็ ขยิบมาใกล้ ๆ เดยี๋ วตาจะเล่าให้ฟัง” เดก็ น้อยไลลาเขยบิ เข้าไปใกล้ ๆ คณุ ตาแล้วต้งั ใจฟงั อย่างใจจดใจจอ่ กอ่ นทคี่ ุณตาจะเรม่ิ เลา่ ท่มี าของชื่อกลุ่มดาวแคสซิโอเปียให้ฟัง 43
เร่อื งมีอยวู่ ่า... ราชินีแคสซิโอเปียแห่งประเทศเอธิโอเปียโบราณ มีความสวยงามมาก และมพี ระสวามคี ือ ราชาเซเฟอุส ท่านทงั้ 2 มีพระราชธิดาที่ทรงมีความสวยงาม นามว่า แอนโดรเมดา แคสซิโอเปียมีนิสัยเสียชอบคุยโอ้อวดว่า ลูกสาวและตน มีความสวยงามกว่าใคร ทำให้เทพธิดาแห่งทะเลทั้งหลายที่เป็นพระสนมกำนัล ของราชาเนปจูนและเจ้าแหง่ ทะเลไมพ่ อใจ จึงนำเรอื่ งนไ้ี ปฟ้องต่อคณะกรรมการ แห่งสวรรค์และได้ตัดสินลงโทษด้วยวิธีประจานแคสซิโอเปีย โดยนำเธอขึ้นไปไว้ บนฟ้านั่นคือดาว 5 ดวงเรียงเหมือนรูปตัวเอ็ม (M) หรือรูปตัวดับเบิลยู (W) ในประเทศที่อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรไปทางเหนือมาก ๆ อยู่ละติจูดสูง ๆ เช่น ประเทศแคนาดาจะเห็นราชินีแคสซิโอเปียอยู่ต่ำกว่าดาวเหนือ เเละเห็นว่าเธอ เอาศรีษะลง นับว่าเป็นการประจานราชินีแบบหนึ่ง แต่ในประเทศไทยจะไม่มี โอกาสเห็นแคสสิโอเปียในลักษณะเช่นนั้น เพราะอยู่ละติจูดต่ำ อย่างมากก็เห็น เธอตะแคงขนานกับขอบฟ้า และดาวที่เรียงกันเป็นรูปตัวเอ็ม M คือพระที่นั่ง หรือเก้าอี้ของพระองค์ เมื่อพระองค์ประทับบนพระที่นั่งเเล้ว ดาวเหนือจะอยู่ ดา้ นหลงั ของพระองค์เสมอ 44
“ทีนี้หลานรแู้ ลว้ ใชไ่ หมวา่ ท่ีมาของชอื่ กลุ่มดาวแคสซิโอเปียน้ันมีท่ีมาอย่างไร แล้วหลานอยากรไู้ หมว่าดาวฤกษ์ 5 ดวงในกลุ่มดาว ค้างคาวนัน้ มีดาวอะไรบา้ ง” “อยากรู้ค่ะ ๆ” เด็กน้อยตอบกลบั คณุ ตาไปอยา่ งต่ืนเต้นกบั เร่อื งราวทไี่ ดฟ้ ังและสิง่ ทค่ี ณุ ตาจะเล่าตอ่ จากน้ี “ดาวฤกษ์ 5 ดวงในกลุม่ ดาวคา้ งคาว ประกอบไปด้วย ดวงที่ 1 แกมมา (Gamma) เป็นดาวฤกษ์สีน้ำเงินที่สว่างที่สุด อยู่ตรงใจกลางของกลุ่มดาวค้างคาว เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างจากโลก ราว 600 ปีแสง มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 15 เท่า และสว่างกว่า ถึง 40,000 เท่าเลยทเี ดียว ดวงที่ 2 เชดดาร์ (Schedar) เป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดรองลงมา เป็นลำดับที่ 2 ในกลุ่มดาวค้างคาว อยู่ห่างจากโลกราว 230 ปีแสง มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 4 เท่า โดยที่ชื่อของดาวดวงน้ี ในภาษาอาหรับ นั้นหมายถึง “หน้าอก” จากการเป็นที่ตั้งของหัวใจ หรือดวงใจขององคร์ าชินแี คสซิโอเปีย” 45
ในระหวา่ งท่คี ุณตาเล่าใหฟ้ งั ไลลากไ็ ดล้ ากน้วิ ตามท่คี ุณตาชใ้ี ห้ดูประกอบการเลา่ ไปดว้ ย “ดวงที่ 3 ชาฟ (Caph) เป็นดาวแปรแสง (Variable star) เพราะดาวชาฟมีความสว่างไม่คงที่ โดยดาวชาฟอยู่ห่างจากโลก ประมาณ 55 ปีแสง มมี วลมากกว่าดวงอาทติ ยร์ าว 4 เทา่ ดวงที่ 4 รุคบาห์ (Ruchbah) เป็นดาวยักษ์ขาว (Giant star) ในระบบดาวคู่ (Binary system) อยู่ห่างจากโลกราว 100 ปีแสง และดวงที่ 5 เซกิน (Segin) เป็นดาวฤกษ์ที่สว่างน้อยที่สุด อยู่ห่างจากโลกราว 400 ปีแสง มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 9 เท่า และสวา่ งมากกวา่ ถึง 2,500 เทา่ เชียวล่ะ” 46
Search