Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook-38

ebook-38

Published by ju_sureerut, 2020-06-11 02:39:37

Description: ebook-38

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 40 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2562 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 38

ปีท่ี 40 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กนั ยายน 2562 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 26 สารบัญ บทความ 2 ผลของกำรขำดน�้ำตอ่ กำรเจรญิ เติบโต และลกั ษณะ ทำงสรรี วทิ ยำของต้นยำงพำรำ 20 แนวทำงกำรลดต้นทนุ ด้ำนโลจสิ ติกส์ของผปู้ ระกอบกำร ในอตุ สำหกรรมแปรรูปยำงพำรำ 36 หลักปฏบิ ัติที่ดสี �ำหรับจดุ รวบรวมน้�ำยำงสด มำตรฐำน GMP บฟงั ความคดิ เห็นกลุม่ ยอ่ ย (Focus Group) คร้ังท่ี 2 ภำพปก: กำรศกึ ษำควำมทนแลง้ ของต้นยำงพำรำ ท่ศี ูนย์วจิ ัยยำงหนองคำย

บทบรรณาธกิ าร ต้นยำงพำรำ เป็นพืชท่ีมีถ่ินก�ำเนิดแถบลุ่มน�้ำ เป็นกำรลดกำรตรึงก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีผล อเมซอน ในทวีปอเมรกิ ำใต้ ซึง่ ตั้งอยรู่ ะหว่ำงเสน้ ศูนยส์ ูตร ท�ำให้กำรสังเครำะห์แสงลดลง ดงั นั้น พืชทที่ นแล้งจงึ ตอ้ ง และเส้นรุ้งที่ 15 องศำใต้ บรเิ วณดงั กลำ่ วมีสภำพอำกำศ มีลักษณะพิเศษ เช่น มีกำรคำยน�้ำต�่ำ และมีกำรปรับตัว ท่ีเหมำะต่อกำรเจริญเติบโตของต้นยำงพำรำ กล่ำวคือ ของออสโมตกิ (Osmotic adjustment) อุณหภูมิอยู่ประมำณ 28±2 องศำเซลเซียส อำกำศมี ควำมชุ่มชื้น เน่ืองจำกมีปริมำณน�้ำฝนระหว่ำง 2,000- กำรปรบั ตวั ของออสโมตกิ จะเกยี่ วขอ้ งกบั กำรสะสม 4,000 มลิ ลิเมตรต่อปี ของ compatible solutes ซึ่งได้แก่สำรอินทรีย์น้�ำหนัก โมเลกุลต่�ำ เช่น โพลีน แมนนิทอล ซอบิทอล ฟรุคแทน ปัจจุบันมีกำรขยำยพื้นที่ปลูกยำงออกนอกพ้ืนท่ีที่ ซูโครส และ โอลิโกแซคคำไรด์ สำรประกอบเหล่ำนี้จะมี เป็นถ่ินก�ำเนิด และพ้ืนที่ปลูกยำงเดิมทำงเอเซียตะวัน บทบำทส�ำคัญในกำรรักษำควำมสมดุลย์ออสโมติก และ ออกเฉยี งใต้ ดังเชน่ รฐั ทีอ่ ยู่ทำงตะวันออกเฉียงเหนือของ ป้องกันรักษำเมมเบรม กำรท�ำงำนของสำรเหล่ำน้ีจะ อินเดีย ทำงตอนใต้ของจีน รวมถึงภำคเหนือและตะวัน สัมพันธ์กับฮอร์โมนแอบไซซิค (Abscisic acid, ABA) ออกเฉียงเหนือของไทย ท�ำให้ต้นยำงเจริญเติบโตภำยใต้ โปรตีนไคเนต (Kinase) เอ็มไซม์มำลิค (Malic) และวิถี สภำพอำกำศที่แตกต่ำงไปจำกถิ่นก�ำเนิด เช่น มีควำม ฟอสโฟลิปดิ (Phospholipid pathways) แห้งแล้งทย่ี ำวนำน ลมแรง และอุณหภมู ิต�่ำ ท่ีกล่ำวมำข้ำงต้นเป็นเพียงอำรัมภบทท่ีชี้ให้เห็นถึง ในประเด็นของควำมแห้งแล้ง มีผลท�ำให้ต้นยำง ผลท่ีจะตำมมำเม่ือมีกำรปลูกยำงในท้องท่ีแห้งแล้ง และ เจริญเติบโตช้ำทั้งในช่วงท่ีเป็นต้นยำงอ่อนและต้นยำงท่ี ตัวอย่ำงกลไกต่ำง ๆ ในกำรปรับตัวเม่ือต้นพืชต้องเผชิญ กรีดแล้ว มีช่วงกำรเก็บเกี่ยวสั้นลงเนื่องจำกมีช่วงแล้งท่ี กับกำรขำดแคลนน�้ำเป็นเวลำนำน ดังน้ัน กำรที่จะท�ำให้ ยำวนำน กำรไหลของน้ำ� ยำงไมด่ ี ต้นยำงมีอำกำรเปลือก ต้นยำงสำมำรถเจริญเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตสูงใน แห้งมำก และถ้ำหำกเจอสภำวะอำกำศท่ีเลวร้ำยมำก พื้นที่ดังกล่ำว จ�ำเป็นต้องมียุทศำสตร์และดัชนีท่ีน�ำมำใช้ อำจส่งผลท�ำให้ต้นยำงตำยได้ แม้นว่ำต้นยำงมีอำยุมำก ในกำรคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ยำงให้มีควำมทนทำน แล้วก็ตำม หรอื ปรับตวั ไดด้ ตี อ่ ควำมแห้งแลง้ ซึง่ ในวำรสำรฉบบั นไี้ ด้ ตีพมิ พ์ผลงำนวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับเร่ืองรำวดังทไี่ ด้กลำ่ วมำ ส่วนผลในทำงสรีรวิทยำ กำรที่ต้นยำงประสบกับ ควำมแหง้ แลง้ ท่ยี ำวนำนจะนำ� ไปสปู่ ัญหำตำ่ ง ๆ เชน่ กำร วิทยำ พรหมมี ลดลงของกำรไหลของนำ�้ ทต่ี อ้ งผำ่ นเมมเบรม (Water flux) บรรณำธิกำร มีกำรปิดปำกใบเพื่อลดกำรคำยน้�ำ แต่ในขณะเดียวกันก็ เจา้ ของ: สถำบนั วจิ ยั ยำง กำรยำงแหง่ ประเทศไทย เขตจตุจกั ร กรงุ เทพมหำนคร 10900 บรรณาธกิ ารบรหิ าร: ดร.กฤษดำ สังข์สงิ ห์ บรรณาธกิ าร: ดร.วทิ ยำ พรหมมี กองบรรณาธิการ: ดร.ฐิตำภรณ์ ภูมไิ ชย,์ ดร.พิศมัย จันทมุ ำ, นำงสำวภรภัทร สุชำติกลู , นำงปรดี เิ์ ปรม ทศั นกลุ , นำงอำรมณ์ โรจนส์ จุ ิตร, นำงสำวอธิวีณ์ แดงกนษิ ฐ์ ผจู้ ดั การสอ่ื สง่ิ พมิ พ:์ ดร.วิทยำ พรหมมี ผจู้ ัดการสือ่ อิเลก็ ทรอนิกส:์ นำยชยั วัฒน์ ยศพิมสำร ผูช้ ่วยผู้จดั การส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส:์ นำยอำเดล มะหะหมัด พสิ จู น์อักษร: นำยวชิ ำ สิงห์ลอ

2 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ผลของการขาดนา้� ต่อการเจรญิ เตบิ โต และลกั ษณะทางสรรี วทิ ยา ของตน้ ยางพารา รัชนี รัตนวงศ์1 พรเพญ็ โพธท์ิ อง2 และ กฤษดา สังขส์ งิ ห์3 1ศนู ยว์ ิจยั ยำงหนองคำย สถำบันวิจยั ยำง กำรยำงแหง่ ประเทศไทย 2กลมุ่ ควบคุมป๋ยุ สำ� นักควบคมุ พืชและวสั ดกุ ำรเกษตร กรมวชิ ำกำรเกษตร 3สถำบนั วิจยั ยำง กำรยำงแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีกำรขยำยพ้ืนที่ปลูกไปยังเขตปลูกยำง สภำพที่มีปริมำณกำรระเหยของน้�ำสูง จะมีผลต่อกำร ใหม่ในพ้ืนท่ีภำคตะวันออกเฉียงเหนือและภำคเหนือ ซ่ึง ยับย้ังกำรไหลของน้�ำยำงและกำรให้ผลผลิต ซึ่งควำม พ้ืนที่ส่วนใหญ่มีข้อจ�ำกัดต่อกำรปลูกยำงหลำยประกำร รนุ แรงของผลกระทบดังกล่ำวนจี้ ะข้ึนอยู่กบั พนั ธุย์ ำง เชน่ เช่น ปริมำณกำรกระจำยตัวของฝนต่�ำ โดยพื้นที่ส่วน GT 1 จะมคี วำมสำมำรถในกำรทนแลง้ ไดด้ กี วำ่ พนั ธ์ุ Tjir 1 ใหญ่มีปริมำณฝนต�่ำกว่ำ 1,200 มิลลิเมตรต่อปี และมี (กรรณกิ ำร์ และคณะ, 2535) ลักษณะของพันธุ์ยำง เชน่ ชว่ งแลง้ นำน 5-6 เดอื น มีจ�ำนวนวันฝนตกน้อยกว่ำ 120 โครงสร้ำงของระบบรำก กำรชักน�ำปำกใบ (Stomatal วันต่อปี ท�ำให้ช่วงเวลำของกำรปลูกและกำรเจริญเติบโต c o n d u c t a n c e ) สั ณ ฐ ำ น ข อ ง ป ำ ก ใ บ ( L e a f มีระยะเวลำค่อนข้ำงสั้น ดินมีควำมอุดมสมบูรณ์ต�่ำ morphology) และศักย์ของออสโมติก (Osmotic เน่ืองจำกมีกำรปลูกพืชท่ีท�ำให้ควำมอุดมสมบูรณ์ของดิน potential) จะมีผลต่อกำรปรับตัวในสภำพแห้งแล้ง ลดลง เช่น มันส�ำปะหลัง และอ้อย กำรปลูกพืชซ�้ำซำก ดังนั้น กำรใช้พันธุ์ยำงที่มีอยู่เดิมมำแนะน�ำให้เกษตรกร ท�ำให้สูญเสียหน้ำดิน ดินแน่น และบำงพ้ืนท่ีมีสภำพหิน ปลูก จะส่งผลกระทบต่อกำรเจริญเติบโตของต้นยำง ดำนยับย้ังกำรเจริญของรำกแก้ว นอกจำกน้ี ในช่วงฤดู ทำ� ให้เปดิ กรีดได้ลำ่ ช้ำ และผลผลิตน้ำ� ยำงต่ำ� ซึง่ เป็นกำร แล้งจะมอี ณุ หภูมิสงู ควำมชน้ื ตำ�่ และมกี ำรระเหยของน�้ำ เส่ียงต่อควำมเสียหำยท่ีเกิดขึ้นในอนำคต ดังน้ัน พันธุ์ สูง ท�ำใหเ้ กิดสภำวะขำดควำมช้นื (Moisture stress) กำร ยำงที่มีอยู่จึงไม่สำมำรถตอบสนองต่อกำรเปลี่ยนแปลง ที่มีปริมำณน้�ำฝนต่�ำและมีอุณหภูมิท่ีระดับผิวดินสูงใน ดังกล่ำวน้ีได้ จึงจ�ำเป็นท่ีจะต้องด�ำเนินงำนปรับปรุงพันธุ์ ช่วงฤดูแล้ง จะพบรอยแผลไหม้เน่ืองจำกควำมร้อนของ เพ่ือหำพันธุ์ยำงใหม่ที่สำมำรถทนต่อสภำพแวดล้อมที่ แสงแดด (Sun scorch) ถ้ำรอยแผลมีควำมรุนแรงมำก แห้งแล้งได้ เพื่อให้เกษตรกรมีโอกำสในกำรเลือกใช้พันธุ์ ต้นยำงท่ีมีอำยุถึง 3 ปี ก็อำจตำยได้ กำรเจริญเติบโตช้ำ ยำงได้มำกข้ึน ซึ่งจะเป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรผลิต ท�ำให้เปิดกรีดได้ล่ำช้ำ และในช่วงระหว่ำงกรีด กำรกรีด โดยมีต้นทุนคงที่ให้แก่เกษตรกร และลดควำมเสี่ยงต่อ ยำงในช่วงฤดูแล้งท�ำให้ผลผลิตที่ได้รับมีปริมำณต่�ำ โดย ควำมเสียหำยท่อี ำจจะเกดิ ขนึ้ ได้ เฉพำะอย่ำงยิ่งช่วงหลังจำกยำงผลิใบใหม่ เนื่องจำกใน สำยัณห์ (2534) แนะน�ำหลักเกณฑ์ในกำร

3 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 คัดเลือกพืชทนแล้งโดยใช้คุณสมบัติทำงสรีรวิทยำของ Cochard et al. (2008) ท�ำกำรศึกษำควำม พืช ได้แก่ กำรเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็ว ซ่ึงเหมำะกับ อ ่ อ น แ อ ต ่ อ ก ำ ร เ กิ ด ฟ อ ง อ ำ ก ำ ศ ภ ำ ย ใ น ไ ซ เ ล็ ม สภำวะแล้งที่เกิดต่อเนื่องเพียงช่วงเดียว (Terminal (Vulnerability to cavitation) โดยใช้หลักกำรเคลื่อนที่ stress) ในพ้ืนที่ดินมีกำรอุ้มน้�ำไม่ดี พืชจะใช้ควำมชื้นที่ ของน้�ำในไซเล็มท่ีเกิดขึ้นภำยใต้แรงดึง หำกแรงดึงใน สะสมอยู่ในดินเพียงช่วงสั้น หำกพืชมีอำยุสั้นออกดอก ไซเลม็ สงู มำก เช่น ในภำวะแลง้ นำ้� ท่พี ืชสำมำรถนำ� มำใช้ ติดผลได้เร็ว ก็ช่วยให้พืชสำมำรถให้ผลผลิตได้ มี ประโยชน์ได้ในดินมีไม่เพียงพอที่จะชดเชยน�้ำท่ีพืชเสียไป คุณสมบัติกำรปรับออสโมติค (Osmotic adjustment) จำกกำรคำยน�้ำ ส่งผลให้มีโอกำสที่จะเกิดกำรขำดช่วง ซ่ึงช่วยให้พืชรักษำควำมเต่งของเซลล์ไว้ได้เม่ือขำดน้�ำ ของน้�ำและท�ำให้เกิดฟองอำกำศภำยในไซเล็มได้ ฟอง ท�ำให้พืชเห่ียวช้ำกว่ำปกติ หรืออยู่รอดได้ มีกำรหย่ังรำก อำกำศเหล่ำนี้สำมำรถท�ำให้เกิดควำมเสียหำยต่อต้นพืช ลึกและมีควำมหนำแน่นรำกสูง ซ่ึงช่วยให้พืชสำมำรถดูด ทำ� ใหพ้ ืชถงึ แกค่ วำมตำยได้ (Cochard, 2006) น้�ำท่ีสะสมอยู่ในดินชั้นล่ำง ๆ ไปใช้ได้อย่ำงมี Krissada et al. (2004a) ศึกษำกำรตอบสนองของ ประสิทธิภำพ ท�ำให้พืชสำมำรถอยู่รอดได้ กำรเคลื่อน ยำงพำรำพนั ธุ์ RRIM 600 และ RRIT 251 เมอ่ื อำยุ 1.5 ปี ย้ำยอำหำรที่พืชไปเล้ียงส่วนท่ีเป็นผลผลิตได้ดี ท�ำให้พืช ต่อสภำพแล้งในกระถำงพลำสติกขนำด 150 ลิตร โดยงด สำมำรถให้ผลผลิตได้แม้อยู่ในสภำวะขำดน้�ำ ใบพืชมี กำรใหน้ ำ้� เปน็ ระยะเวลำตงั้ แต่ 0 ถงึ 4 สัปดำห์ ท�ำกำรวดั คุณสะท้อนแสง เช่น มีไข (Wax) คลุมหรือใบมีขน กำรเกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็ม โดยใช้เทคนิค XYL’EM ปกคลุม ซึ่งจะช่วยลดอันตรำยจำกแสงแดดในช่วงฤดู Embolism และค่ำควำมต้ำนทำนปำกใบ ของกิ่งและ แลง้ กำ้ นใบในยำงพำรำทั้ง 2 พนั ธ์ุ พบวำ่ พันธุ์ RRIM 600 มี กำรศึกษำท่ีเกี่ยวข้องกับกำรคัดเลือกลักษณะที่มี กำรปิดปำกใบช้ำกว่ำพนั ธ์ุ RRIT 251 โดยพันธ์ุ RRIT 251 ศักยภำพท่ีจะน�ำไปใช้ในกำรคัดเลือกพันธุ์พืชทนแล้งได้ มคี ่ำควำมตำ้ นทำนปำกใบลดลงเร็วกว่ำพนั ธุ์ RRIM 600 แสดงให้เห็นว่ำควำมอ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศใน (80% และ 60% ตำมล�ำดับ) และพันธุ์ RRIT 251 เกิด ไซเล็มสำมำรถน�ำมำใช้เป็นลักษณะบ่งช้ีควำมต้ำนทำน กำรอดุ ตนั ของฟองอำกำศในไซเลม็ ไดเ้ รว็ กว่ำพนั ธุ์ RRIM ต่อสภำพแล้งในพืชแต่ละพันธุ์ได้ เช่น กำรศึกษำในพืช 600 (45 PLC และ 75 PLC ตำมล�ำดบั ) นอกจำกนี้ยังพบ ตระกูล Prunus 10 ชนิด พบควำมสัมพันธ์ระหว่ำงค่ำ ว่ำ ยำงพำรำพันธุ์ที่มีกำรเจริญเติบโตดีจะมีค่ำ Xylem ควำมอ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศในไซเล็มและควำม efficiency, Stomatal conductance และ Xylem pressure สำมำรถในกำรต้ำนทำนสภำพแล้ง นอกจำกน้ี ควำม สูงกว่ำยำงพำรำพันธุ์ที่มีกำรเจริญเติบโตไม่ดีในสภำวะที่ สัมพันธ์ลักษณะนี้ยังพบได้ใน Populus และ Salix มีควำมชน้ื ในดนิ ต�่ำ (Krissada et al., 2004b) (Cochard et al., 2007; Cochard et al., 2008) โดยที่ วิธดี �าเนนิ การ สำยพันธุ์ท่ีทนแล้งมีควำมอ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศ ปลูกยำงพำรำในกระถำงคอนกรีตขนำดเส้นผ่ำ ในไซเล็มนอ้ ยกวำ่ สำยพันธ์ุทีไ่ ม่ทนแลง้ วิธีกำรท่ีพัฒนำขึ้นเพ่ือใช้ในกำรประเมินควำม ศูนย์กลำง 1.12 เมตร สูง 0.95 เมตร ที่ศูนย์วิจัยยำง อ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศในไซเล็ม เช่น กำรใช้ หนองคำย ใช้ระยะปลกู 4 x 4 เมตร (ภำพท่ี 1) ด�ำเนินกำรควบคุมกำรให้น้�ำ 2 แบบ คือ ให้น้�ำ เคร่ือง XYL’EM หรอื เครอื่ ง Cavitron (Cochard, 2002) และเทคนิคกำรอัดอำกำศ (Air-injection) (Ennajeh 100% ของ Water balance; ETc (Control; C) และงด et al., 2011) วธิ ีกำรต่ำง ๆ เหล่ำนี้ไดร้ ับกำรพัฒนำใหม้ ี กำรให้น�้ำแก่ต้นยำงเมื่อเร่ิมกำรทดลองจนค่ำกำรสูญเสีย ควำมรวดเร็วในกำรประเมินค่ำ P50 (50% Loss of ควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียงน้�ำภำยในท่อไซเล็ม (PLC) conductivity) เพ่ือให้สำมำรถประเมินควำมสำมำรถใน เทำ่ กบั 80% แล้วกลับมำใหน้ ำ้� ใหม่ (Treatment; T) ทดลองกบั พนั ธยุ์ ำง จ�ำนวน 10 พนั ธ์ุ ได้แก่ RRIT กำรต้ำนทำนแล้งของพืชจำกประชำกรจ�ำนวนมำกและ นำ� ไปใช้ประโยชน์เพอ่ื กำรคดั เลอื กพนั ธท์ุ นแล้งไดร้ วดเรว็ 251, RRIT 408, PB 217, PB 235, PB 260,

4 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ภาพที่ 1 การทดลองความทนแลง้ ของตน้ ยางพาราโดยการปลกู ตน้ ยางในกระถางคอนกรตี ระยะปลกู 4X4 เมตร PB 5/51, BPM 24, RRIM 600, RRII 105 และ RRII 118 จำกสมกำรของ The FAO Renman-Monteith (Allen et al., โดยใช้ตำของพันธุ์ยำงดังกล่ำวติดบนต้นตอ (Stock) 1998) หรือไดจ้ ำกสถำนีอุตุนิยมวทิ ยำ พนั ธุ์เดียวกัน คือ RRIM 600 ดังนั้น ปริมำณน�้ำที่ให้กับต้นยำงจะเท่ำกับ ค่ำ หลังจำกปลูก คลุมโคนต้นยำงดว้ ยฟำงข้ำวและให้ ETo มีนว่ ยเปน็ มิลลเิ มตร ใชค้ ่ำจำกสถำนีอุตุนิยมวทิ ยำ น้�ำแก่ต้นยำงเพ่ือให้ต้นยำงรอดตำยและตั้งตัวได้ในช่วง ฤดแู ล้ง คดิ เป็นปริมำณน�้ำ ETc = ETo x 0.78 ลติ ร เม่ือ 0.78 คือพ้ืนที่หน้ำตัดของบ่อซีเมนต์ชั้นใน เริ่มท�ำกำรทดลองควบคุมกำรให้น�้ำ และบันทึก (ตำรำงเมตร) ข้อมูลทำงสรีรวิทยำเมื่อต้นยำงมีอำยุ 1 ปี 1 เดือน (24 วัดระดับควำมช้ืนในดินเพ่ือหำจุดอ่ิมตัวของน้�ำท่ี พ.ย. 2555) เป็นเวลำ 4 เดือน 12 วัน โดยศึกษำกบั ใบแก่ ระดบั ควำมจุควำมชื้นสนำม (Field capacity) และระดบั เตม็ ท่ี ฉตั รที่ 2 นบั จำกยอด น้�ำที่จุดเหี่ยวถำวร (Permanent wilting point) ก่อน ท�ำกำรศกึ ษำ ค�ำนวณค่ำ ETc (Crop evapotranspiration) หรือ ปริมำณกำรใชน้ ้ำ� ของพืช จำกสมกำร การบันทึกขอ้ มูล ETc = ETo x Kc 1. ขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงล�ำต้น วัดท่ีระดับควำม ในกำรทดลองนใ้ี ช้ค่ำ Kc (Crop coefficient) หรอื สงู 10 ซม. จำกพ้นื ดนิ ทุก ๆ 3 เดอื น หลงั จำกปลกู จนตน้ สมั ประสทิ ธกิ์ ำรใชน้ ้ำ� ของพชื เท่ำกับ 1 ยำงอำยุ 2 ปี ค่ำ ETo (Reference crop transpiration) คำ� นวณ

5 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 2. ควำมเขียวของใบ เป็นกำรประเมินปริมำณ ปรำกฎว่ำ ผลกระทบของกำรจ�ำกัดกำรให้น้�ำ (Treat- คลอโรฟลิ ลใ์ นใบพชื วดั ด้วยเครอ่ื ง SPAD 502 PLUS ment) ที่มีต่อพันธุ์ยำง โดยหลัก ๆ แล้ว ยังคงเป็นเช่น 3. ขนำดรอบล�ำต้น วัดท่ีระดับควำมสูง 1.7 เมตร เดียวกบั ในปที ่ีผ่ำนมำ (ตำรำงที่ 3) จำกพ้นื ดิน ทกุ ๆ 3 เดือน เม่ือต้นยำงอำยุ 2 ปี ขน้ึ ไป 4. ค่ำศักย์ของน�้ำในใบ (Leaf water potential) ความเขยี วของใบ วัดด้วยเครื่อง Pressure chamber โดยเก็บ 2 ใบย่อย จำกผลกำรทดลองพบว่ำ ควำมเขียวของใบยำงทั้ง ตอ่ ตน้ น�ำมำวัดในชว่ งเวลำ 12.00-15.00 น. เดอื นละ 1 10 พนั ธุก์ อ่ นกำรทดลอง (สปั ดำหท์ ี่ 0) มีคำ่ เฉล่ยี 55.45 ครง้ั ทุก ๆ เดอื น หลังจำกเริ่มกำรทดลอง ต้นยำงที่มีกำรให้น้�ำอย่ำง 5. ค่ำกำรชักน�ำปำกใบ (Stomatal conduc- สม่�ำเสมอ (Control) มีค่ำควำมเขียวของใบเฉล่ยี 49.07– tance) วัดด้วยเครื่อง Porometer โดยวัดใบที่ติดบนต้น 60.03 ในขณะทต่ี น้ ยำงทจ่ี ำ� กดั กำรใหน้ �ำ้ (Treatment) มี จ�ำนวน 4 ใบต่อต้น วัดซ�้ำใบเดิมทุกเดือน ในช่วงเวลำ ค่ำควำมเขียวของใบเฉลย่ี 46.79-58.67 (น้อยกวำ่ Con- 12.00-15.00 น. trol 10%) เมื่อท�ำกำรเปรียบเทียบค่ำควำมเขียวของใบ 6. ค่ำเปอร์เซ็นต์กำรสูญเสียควำมสำมำรถในกำร ของพันธุ์ยำงทั้ง 10 พันธุ์ในสภำวะที่ขำดน้�ำ พบว่ำ ค่ำ ล�ำเลียงน้�ำ (Percent loss of conductivity; PLC) หรือค่ำ ควำมเขียวของใบลดลงต่�ำสุดในสัปดำห์ท่ี 11 และ 12 ควำมสำมำรถในกำรต้ำนทำนกำรเกิดฟองอำกำศในท่อ หลังจำกงดให้น�้ำ และเพิ่มข้ึนหลังจำกกลับมำให้น�้ำใหม่ ล�ำเลียงของก้ำนใบ วัดด้วยเครื่อง Xylem embolism พันธุ์ที่มีค่ำควำมเขียวของใบต่�ำสุดคือ PB 235 จ�ำนวน 2 ใบต่อต้น โดยเร่ิมท�ำกำรวัดก่อนและหลังจำก รองลงมำคอื RRII 118 และ PB 260 โดยมีคำ่ ควำมเขียว ท�ำกำรงดน�้ำ และห่ำงกันทุก ๆ 2 สัปดำห์ ในช่วงเวลำ ของใบ 30.73 (สปั ดำหท์ ่ี 12) 35.79 (สปั ดำหท์ ่ี 11) และ 12.00 – 15.00 น. 36.02 (สัปดำห์ท่ี 11) ตำมล�ำดับ ส่วนพันธุ์ RRIT 408 ผลการทดลอง เป็นพันธุ์ที่มีค่ำเฉลี่ยควำมเขียวของใบมำกที่สุด คือ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ยาง 58.45 (ตำรำงท่ี 4) ก่อนกำรทดลองในปีแรกหลังจำกปลูก ต้นยำงทั้ง ลกั ษณะทางสรรี วทิ ยาของตน้ ยาง 10 พันธุ์ เจริญเติบโตได้ใกล้เคียงกัน และกำรเจริญ ผลกำรศึกษำค่ำทำงสรีรวิทยำ ได้แก่ ค่ำ เติบโตของต้นยำงท้ังสองกรรมวิธี ก็ไม่แตกต่ำงกัน ศกั ยข์ องน้�ำภำยในใบ (Leaf Water Potential; LWP) ค่ำ (ตำรำงท่ี 1) กำรชักน�ำปำกใบ (Stomatal conductance) และค่ำ ในปีท่ี 2 หลังจำกปลูก ซ่ึงเป็นปีแรกของกำร เปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำกำรเกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็ม ทดลอง ผลปรำกฏว่ำ กำรจ�ำกัดกำรให้น้�ำ (Treatment) (Percent Loss of Conductivity; PLC) ของต้นยำง มีผลต่อกำรเจริญเติบโตของต้นยำง มำกน้อยข้ึนอยู่กับ แตล่ ะพันธุ์ ไดผ้ ลดังนี้ พันธุ์ยำง โดยท่ีต้นยำงพันธุ์ BPM 24 ได้รับผลกระทบ ค่าศักย์ของน�้าภายในใบ (Leaf water potential: มำกที่สุดเม่ือเทียบกับ Control รองลงมำได้แก่ RRIT LWP) ค่ำศักย์ของน้�ำภำยในใบแสดงถึงพลังงำนที่ 251 ส่วนพันธุ์ท่ียังคงไม่ได้รับผลกระทบจำกกำรจ�ำกัด ท�ำงำนได้ต่อโมลของน้�ำที่อยู่ในใบของต้นพืชเม่ือเปรียบ กำรใหน้ ้�ำ ไดแ้ ก่ PB 235 และ PB 217 (ตน้ ยำงทมี่ ีกำร เทียบกับน้�ำบริสุทธิ์ท่ีควำมดันบรรยำกำศและอุณหภูมิ จ�ำกัดกำรให้น�้ำมีเส้นผ่ำศูนย์เฉลี่ยสูงกว่ำต้นยำงที่มีกำร เดียวกัน มีหน่วยเป็นพลังงำนหรือควำมดัน มีค่ำเป็นลบ ให้น้�ำอย่ำงสม�่ำเสมอ) ท่ีเหลือเป็นพันธุ์ท่ีได้รับผลกระทบ เนื่องจำกน้�ำที่เป็นตัวท�ำละลำยในสำรละลำยมีควำม จำกกำรจ�ำกัดกำรให้น้�ำในระดับปำนกลำงถึงเล็กน้อย สำมำรถในกำรทำ� งำนนอ้ ยกว่ำนำ�้ บรสิ ุทธ์ิ ค่ำศกั ยข์ องน้ำ� (ตำรำงที่ 2) ที่มีค่ำติดลบมำก บ่งบอกถึงในเซลล์พืชมีปริมำณน้�ำอยู่ ในปที ่ี 3 หลังจำกปลกู หรือปีท่ี 2 ของกำรทดลอง น้อย ในทำงตรงกันข้ำม ค่ำศักย์ของน้�ำที่มีค่ำติดลบน้อย

ตารางที่ 1 ขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลางลา� ต้น (ซม.) ของยางพารา จ�า พันธุ์ 1 เดอื น 3 เดือน 6 เดือน RRIT 251 TC TC TC RRIT 408 PB 217 2.23 2.44 2.48 3.11 4.68 4.89 PB 235 2.10 1.94 2.93 2.75 4.59 4.80 PB 260 2.17 1.65 3.35 2.89 4.41 3.98 PB 5/51 1.86 2.04 2.56 2.52 4.29 4.85 BPM 24 2.40 2.08 2.89 2.78 5.26 4.76 RRIM 600 2.38 2.12 2.70 2.49 4.14 4.73 RRII 105 2.10 2.14 2.62 2.60 3.97 4.65 RRII 118 1.91 2.04 2.16 2.47 3.59 4.32 2.51 1.98 3.12 2.24 4.84 4.51 เฉล่ีย 2.73 2.42 2.89 2.76 5.20 5.04 2.24 2.09 2.77 2.66 4.50 4.65

านวน 10 พันธุ์ ก่อนเรม่ิ การทดลอง ในปีแรกหลงั จากปลูก 9 เดือน 12 เดอื น เฉลยี่ เฉล่ียทง้ั หมด TC TC TC 5.74 5.28 7.70 8.18 10.10 11.62 5.44 6.05 4.56 7.13 7.59 9.36 9.62 5.22 5.34 5.52 6.51 5.57 8.52 7.05 4.90 4.32 5.62 7.33 7.76 5.39 5.64 5.00 8.15 7.65 10.93 11.02 5.83 5.40 5.25 6.89 7.20 10.46 9.75 4.92 5.09 4.88 7.50 8.43 8.89 5.06 5.44 5.61 6.27 7.25 8.50 9.38 4.57 5.18 5.87 7.43 7.90 9.09 9.81 5.66 5.56 8.23 8.20 8.94 6.02 5.72 5.33 10.42 11.15 11.07 10.16 7.31 7.57 9.74 9.85 5.30 5.36

ตารางที่ 2 ขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลางล�าตน้ (ซม.) ของยางพารา จ�านวน 1 (Control, C) และการจ�ากัดกา พนั ธ์ุ 15 เดือน 18 เดือน 21 เดอื น TC TC TC RRIT 251 RRIT 408 10.47 13.15 11.20 13.68 11.52 14.60 PB 217 10.80 11.51 11.34 11.51 12.39 13.00 PB 235 10.18 10.25 11.03 PB 260 11.82 9.01 12.75 9.67 12.95 9.93 PB 5/51 11.06 11.15 12.05 12.13 12.10 12.27 BPM 24 10.82 11.58 10.00 12.47 RRIM 600 9.36 9.98 10.06 10.40 10.80 RRII 105 9.91 9.91 10.20 12.58 12.00 13.61 RRII 118 11.04 11.62 11.36 12.86 12.87 14.03 12.39 11.55 12.60 13.14 12.23 13.77 เฉลี่ย 11.31 12.40 12.04 12.83 13.93 12.66 11.75 10.83 11.38 12.00 12.84 11.38

10 พนั ธ์ุ ในปีท่ี 2 หลังจากปลูก ระหวา่ งการใหน้ ้�าอยา่ งสม�่าเสมอ ารใหน้ า�้ (Treatment, T) 24 เดือน เฉลยี่ ความแตกต่างระหว่าง TC TC คา่ เฉลย่ี ของ T และ C 11.55 14.83 11.18 14.06 (%) 13.00 13.27 11.88 12.32 11.30 10.30 10.69 20.5 13.20 12.60 12.68 9.73 3.6 12.24 12.77 11.86 12.04 9.0 10.73 11.00 10.02 11.91 5.0 10.50 14.33 10.25 10.44 0.4 12.06 14.15 11.62 13.04 4.0 13.00 14.10 12.72 13.15 12.57 14.17 12.04 13.35 21.4 13.40 11.6 12.02 13.15 11.49 12.34 4.7 10.1

ตารางที่ 3 ขนาดรอบลา� ตน้ (ซม.) ของยางพารา จ�านวน 10 พันธ์ุ ในป และการจา� กดั การใหน้ า�้ พนั ธ์ุ 27 เดือน 30 เดอื น 33 เดือน TC TC TC RRIT 251 RRIT 408 12.30 15.03 12.50 15.43 14.85 16.7 PB 217 13.07 13.57 13.20 14.60 13.40 14.9 PB 235 11.37 10.83 11.64 12.28 13.23 13.1 PB 260 13.24 12.90 14.03 14.44 14.50 14.5 PB 5/51 12.40 13.10 13.21 13.58 13.77 15.1 BPM 24 11.05 12.10 11.40 12.17 12.40 14.2 RRIM 600 11.30 14.63 11.36 15.00 11.90 16.0 RRII 105 12.55 14.30 13.89 14.47 14.45 15.8 RRII 118 13.30 14.80 13.94 15.35 14.80 16.1 12.96 14.40 13.74 14.41 14.40 15.4 เฉลี่ย 12.35 13.57 12.89 14.17 13.77 15.2

ปที ่ี 3 หลงั จากปลกู ระหว่างการใหน้ �้าอยา่ งสม่�าเสมอ (Control, C) า (Treatment, T) 36 เดอื น เฉล่ีย ความแตกต่างระหว่าง TC TC ค่าเฉล่ยี ของ T และ C (%) 75 14.97 17.70 13.66 16.23 15.8 9.0 97 14.50 16.37 13.54 14.88 1.2 1.9 10 14.57 15.20 12.70 12.85 5.7 9.2 50 15.05 16.03 14.20 14.47 24.1 17 15.23 16.07 13.65 14.48 7.2 9.0 27 14.40 15.70 12.31 13.56 6.9 00 12.35 16.20 11.73 15.46 83 15.85 16.80 14.18 15.35 10 16.10 17.68 14.54 15.98 40 15.90 16.97 14.25 15.30 21 14.89 16.47 13.48 14.86

ตารางที่ 4 ความเขียวของใบ (SPAD) ของยางพารา จ�านวน 1 และการจ�ากัดการให้นา้� พันธุ์ สปั ดาหท์ ่ี 0 สปั ดาห์ท่ี 8 สัปดาห์ที่ 9 สัปดาห์ที่ 11 TC TC TC TC BPM 24 58.00 58.79 51.40 59.73 56.02 59.18 40.46 60.81 3 PB 217 56.39 55.79 50.36 52.03 52.40 49.92 42.13 50.86 4 PB 235 55.62 55.83 53.57 54.71 55.57 53.99 45.37 53.42 3 PB 260 55.38 54.12 52.13 55.90 51.43 56.37 36.02 56.93 4 PB 25/51 53.09 54.89 52.78 53.02 47.98 53.32 43.94 49.45 4 RRII 105 55.86 57.27 53.83 62.47 51.47 50.31 44.41 58.60 4 RRII 118 54.54 55.96 52.81 53.88 52.79 54.98 35.79 58.54 4 RRIM 600 53.39 51.33 53.66 56.53 55.62 57.66 46.00 57.23 4 RRIT 251 53.62 51.27 48.63 50.34 50.87 53.90 43.94 53.91 4 RRIT 408 59.98 57.86 61.00 55.98 59.93 68.67 59.54 63.57 5 เฉลย่ี 55.69 55.31 53.02 55.46 53.41 55.83 43.76 56.33 4 * ไมส่ ำมำรถวดั ได้ เนอื่ งจำกใบรว่ ง

10 พันธ์ุ ระหว่างการใหน้ ้�าอยา่ งสม�่าเสมอ (Control, C) า (Treatment, T) สปั ดาหท์ ี่ 12 สัปดาหท์ ่ี 13 สัปดาห์ที่ 15 เฉลีย่ sd TC TC TC TC TC 39.20 59.93 39.17 57.28 47.55 59.72 49.62 59.35 9.94 8.41 43.31 45.41 47.45 48.42 41.35 47.50 47.97 49.99 6.42 4.86 30.73 52.81 36.17 53.38 46.28 59.02 47.73 54.74 9.19 5.21 43.97 56.67 35.50 55.77 46.03 54.01 47.36 55.68 7.40 9.27 41.68 47.07 41.07 36.00 48.17 46.83 46.79 49.07 7.28 10.34 42.75 64.68 56.70 56.86 50.15 58.13 9.89 4.96 43.37 53.38 * 54.47 * 52.01 48.38 54.74 8.80 9.24 44.92 53.49 50.00 51.56 44.57 51.79 50.74 54.23 10.74 9.49 43.42 54.10 46.33 51.38 49.67 48.52 49.13 51.92 9.29 4.81 59.07 59.62 53.83 54.57 54.13 59.97 58.67 60.03 7.31 4.55 52.71 58.42 43.24 54.72 51.95 53.62 49.65 54.79 8.63 7.11 44.69 48.46

10 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 บ่งบอกถงึ ในเซลล์พชื มีปรมิ ำณน�ำ้ อยมู่ ำก RRII 118 BPM 24 และ PB 217 โดยมคี ำ่ กำรชกั นำ� ปำก จำกผลกำรทดลองพบว่ำ ก่อนกำรทดลอง ใสบว่ น3.พ3นั6,ธ4ุ์ .R1R1,IM4.3680แ0ละเป4น็ .6พ4นั mธm์ุทมี่olคี H่ำ2เOฉลmย่ี -ก2sำ1รตชำักมนล�ำำ�ปดำับก (สัปดำห์ท่ี 0) ค่ำศักย์ของน้�ำภำยในใบของยำงพำรำท้ัง 10 พันธ์มุ คี ่ำเฉลีย่ -4.58 บำร์ หลังจำกเริม่ กำรทดลอง ต้น ใบสูงที่สุดในสัปดำห์เดียวกัน คือ 31.21 mmol H2O ยำงทีม่ กี ำรใหน้ ้�ำอยำ่ งสม่�ำเสมอ (Control) มีค่ำศักยข์ อง m-2s1 (ตำรำงที่ 6) นำ�้ ภำยในใบเฉลย่ี -5.17 บำร์ ในขณะทตี่ ้นยำงทีจ่ �ำกัด ค่าเปอร์เซ็นต์การสูญเสียความสามารถในการ กำรให้น�้ำ (Treatment) มีค่ำศักย์ของน้�ำภำยในใบเฉลี่ย ลา� เลยี งน้�าภายในทอ่ ไซเลม็ (Percent loss of conduc- -10.53 บำร์ (ต่�ำกว่ำ Control 49%) เม่ือท�ำกำรเปรียบ tivity: %PLC) กำรสูญเสียควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียง เทียบค่ำศักย์ของน้�ำภำยในใบของพันธุ์ยำงทั้ง 10 พันธุ์ น้�ำของพืช สัมพันธ์กับกำรเคล่ือนที่ของน้�ำภำยในท่อน�้ำ ในสภำวะที่ขำดนำ�้ พบวำ่ คำ่ ศักย์ของนำ�้ ภำยในใบลดลง ซ่ึงกำรเคลื่อนที่ของน้�ำจะเกิดขึ้นได้นั้น น�้ำต้องมีควำมต่อ ต่ำ� สดุ ในสปั ดำห์ท่ี 11 หลังจำกงดใหน้ ำ้� และเพม่ิ ขนึ้ หลงั เนื่องกันไปตลอดสำย น่ันคือไม่มีฟองอำกำศ (Cavita- จำกกลับมำใหน้ ้�ำใหม่ โดยพนั ธุ์ท่มี คี ำ่ ศักย์ของน�ำ้ ภำยใน tion) ภำยในทอ่ นำ้� ซึ่งฟองอำกำศน้ีถ้ำเกิดข้ึนจะท�ำให้นำ�้ ใบต่�ำท่ีสุดคือ RRIT 251 รองลงมำคือ RRIT 408, RRII เคลื่อนท่ีไปไม่ได้ ท�ำให้พืชสูญเสียควำมสำมำรถในกำร 118 และ PB 217 โดยมีคำ่ ศกั ยข์ องนำ�้ ภำยในใบ -21.33, ล�ำเลียงน�้ำ กำรเกิดฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน�้ำมำก -21.13, -20.27 และ -20.00 บำร์ ตำมล�ำดับ ส่วนพันธุ์ (Cavitation sensitive) ท�ำให้พืชสูญเสียควำมสำมำรถ RRIM 600 เปน็ พนั ธุ์ทมี่ คี ่ำเฉลยี่ ศักย์ของนำ�้ ภำยในใบสูง ในกำรล�ำเลียงน้�ำได้สูง (อ่อนแอต่อสภำพแล้ง) ในทำง ท่ีสุดในสปั ดำห์เดยี วกนั คือ -15.00 บำร์ (ตำรำงท่ี 5) ตรงข้ำม กำรเกิดฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน�้ำน้อย ค่าการชักน�าปากใบ (Stomatal conductance) (Cavitation resistance) ท�ำใหพ้ ชื สูญเสียควำมสำมำรถ ค่ำกำรชักน�ำปำกใบเป็นดัชนีบ่งบอกกำรปรับตัวของพืช ในกำรลำ� เลยี งน�้ำน้อย (ทนทำนต่อสภำพแล้ง) เมื่อเจอสภำวะแล้งด้วยพฤติกรรมกำรเปิด-ปิดปำกใบ จำกผลกำรทดลองพบว่ำ ก่อนกำรทดลอง กำรปิดปำกใบอย่ำงรวดเร็วเม่ือกระทบแล้งเป็นกำรลด (สปั ดำห์ท่ี 0) คำ่ เปอร์เซน็ ตก์ ำรชักนำ� กำรเกิดฟองอำกำศ กำรคำยน�้ำและป้องกันกำรเกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็ม ในทอ่ ไซเล็มของยำงพำรำท้งั 10 พนั ธุม์ คี ำ่ เฉล่ยี 11.54 % เรียกว่ำพฤติกรรมประหยัดน้�ำเพ่ือควำมอยู่รอด (Water หลังจำกเร่ิมกำรทดลอง ต้นยำงท่ีมีกำรให้น�้ำอย่ำง saving) ในทำงกลับกันพืชที่ปิดปำกใบช้ำเมื่อกระทบ สม่�ำเสมอ (Control) มีเปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำกำรเกิดฟอง แล้ง ยังคงมีกำรคำยน้�ำ ถือเป็นพฤติกรรมใช้น�้ำมำก อำกำศในท่อไซเล็มเฉลี่ย 14.02 % ในขณะที่ต้นยำงที่มี (Water spending) กำรจ�ำกัดกำรให้น้�ำ (Treatment) มีเปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำ จำกผลกำรทดลองพบว่ำ ก่อนกำรทดลอง กำรเกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็มเฉล่ีย 37.05 % (สูงว่ำ (สัปดำห์ที่ 0) ค่ำกำรชักน�ำปำกใบของยำงพำรำทั้ง 10 Control 164 %) เม่ือท�ำกำรเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์กำร พกำันรธทุ์มดีคล่ำอเงฉลตี่ยน้ ย1ำ1ง6ท.มี่ 9กี8ำรmใหmน้ oำ�้ lอHย2ำ่ Oงสmมำ�่-2เsส1มหอล(ังCจoำnกtrเoริ่มl) ชกั น�ำกำรเกดิ ฟองอำกำศในทอ่ ไซเล็มของพันธยุ์ ำงทงั้ 10 พันธุ์ในสภำวะท่ีขำดน้�ำ พบว่ำ เปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำกำร มีกำรชักน�ำปำกใบเฉลี่ย 155.61 mmol H2O m-2s1 ใน เกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็มเพิ่มขึ้นสูงสุดในสัปดำห์ท่ี 11 ขณะท่ีต้นยำงที่จ�ำกัดกำรให้น้�ำ (Treatment) มีค่ำกำร หลังจำกงดให้น้�ำ และลดลงหลังจำกกลับมำให้น�้ำใหม่ ชCักoนnt�ำroปlำ5ก5ใ%บเ)ฉเลม่ีย่ือท7�ำ0ก.1ำร4เปmรmียบoเlทHียบ2Oค่ำmก-ำ2รsช1 ัก(นต�่�ำำปกำวก่ำ โดยพันธุ์ที่มีเปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำกำรเกิดฟองอำกำศใน ท่อไซเล็มสูงที่สุดคือ RRIM 600 รองลงมำคือ PB 217 ใบของพนั ธยุ์ ำงทัง้ 10 พันธุ์ในสภำวะที่ขำดนำ้� พบวำ่ ค่ำ RRIT 408 และ PB 5/51 โดยมเี ปอรเ์ ซ็นตก์ ำรชักนำ� กำร กำรชกั น�ำปำกใบลดลงต่ำ� สุดในสัปดำหท์ ่ี 11 หลังจำกงด เกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็ม 87.07, 83.20, 82.83 และ ให้น้�ำ และเพิ่มขึ้นหลังจำกกลับมำให้น�้ำใหม่ โดยพันธุ์ท่ี 80.76 % ตำมลำ� ดบั สว่ นพันธ์ุ BPM 24 เป็นพนั ธุ์ท่ีมีค่ำ มีค่ำกำรชักน�ำปำกใบต�่ำที่สุดคือ PB 235 รองลงมำคือ เฉล่ียเปอร์เซ็นต์กำรชักน�ำกำรเกิดฟองอำกำศในท่อ

ตารางท่ี 5 ศักยข์ องนา้� ภายในใบ (บาร)์ ของยางพารา จ�านวน และการจา� กดั การให้นา้� พนั ธ์ุ สปั ดาห์ท่ี 0 สปั ดาหท์ ่ี 2 สปั ดาห์ที่ 3 สัปดาหท์ ่ี 7 สปั ดาหท์ TC TC TC TC T BPM 24 -4.33 -3.83 -10.07 -5.53 -12.30 -5.93 -11.73 -5.07 -13.78 - PB 217 -4.00 -4.83 -8.13 -3.90 -11.37 -4.90 -9.60 -5.40 -17.70 - PB 235 -4.83 -3.83 -8.67 -4.87 -10.37 -4.93 -9.13 -5.20 -15.50 - PB 260 -5.67 -5.17 -9.27 -5.13 -12.10 -3.93 -5.53 -15.37 - PB 25/51 -5.75 -3.00 -9.25 -5.20 -5.95 -10.73 -6.60 -16.20 - RRII 105 -5.67 -5.83 -8.60 -7.33 -9.33 -6.53 -10.80 -5.00 -16.57 - RRII 118 -4.17 -4.83 -9.00 -5.37 -10.73 -5.87 -5.73 -17.13 - RRIM 600 -3.83 -5.50 -8.87 -6.40 -10.77 -6.23 -8.67 -3.80 -13.30 - RRIT 251 -5.07 -3.67 -8.77 -4.30 -3.37 -10.60 -5.93 -19.80 - RRIT 408 -4.50 -3.33 -5.47 -8.73 -3.97 -6.13 -18.13 - -10.47 -12.67 -7.53 เฉลีย่ -4.78 -4.38 -5.35 -5.16 -14.73 -5.44 -16.35 - -9.11 -9.23 -11.60 -10.76 -10.51 * ไมส่ ำมำรถวดั ได้ เนอ่ื งจำกใบรว่ ง

น 10 พนั ธุ์ ระหวา่ งการใหน้ า้� อย่างสม�่าเสมอ (Control,C) า (Treatment, T) ที่ 9 สัปดาหท์ ่ี 11 สัปดาหท์ ่ี 13 สัปดาห์ท่ี 15 เฉลยี่ sd C TC TC TC TC TC -6.67 -16.60 -7.43 -7.20 -4.93 -5.80 -4.93 -10.99 -5.54 1.88 1.16 -4.67 -20.00 -4.73 -3.10 -7.07 -4.80 -4.47 -10.37 -5.00 1.97 1.03 -5.10 -16.70 -5.93 -3.00 -4.13 -4.40 -4.60 -4.83 2.86 0.82 -4.70 -16.87 -6.33 -3.20 -5.60 -4.00 -3.50 -9.22 -4.99 2.12 1.56 -5.40 -16.57 -5.90 -7.33 -6.90 -3.80 -6.00 -10.86 -5.62 2.12 1.69 -4.35 -17.40 -6.27 -3.93 -4.13 -10.40 -5.45 2.79 1.57 -5.53 -20.27 -5.67 * -3.13 * -3.40 -11.27 -4.94 1.19 1.12 -5.00 -15.00 -5.13 -2.20 -3.60 -3.00 -4.70 -11.05 -5.06 2.18 1.33 -4.33 -21.33 -6.87 -3.20 -4.07 -3.00 -3.60 -4.52 1.89 1.13 -5.33 -21.13 -6.27 -3.20 -4.00 -8.60 -4.20 -8.90 -4.84 1.80 1.61 -3.27 -12.95 -12.95 -5.11 -18.19 -6.05 -4.70 -4.35 -10.58 -5.08 2.08 1.30 -3.97 -5.59 -10.66

ตารางท่ี 6 การชักนา� ปากใบ (mmol H2O m-2s1) ของยางพารา จ�าน และการจ�ากดั การใหน้ า�้ พนั ธุ์ สัปดาห์ท่ี 0 สปั ดาห์ท่ี 1 สัปดาหท์ ่ี 2 สปั ดาหท์ TC TC TC T BPM 24 PB 217 126.48 126.98 119.73 98.62 96.12 65.74 144.46 10 PB 235 145.39 159.78 187.72 145.78 87.51 96.46 119.71 11 PB 260 142.40 177.67 123.56 53.57 100.78 PB 25/51 80.20 162.44 113.94 72.68 99.17 84.90 7 RRII 105 95.81 151.28 70.61 211.67 92.20 231.67 61.44 12 RRII 118 96.19 129.80 148.25 167.00 63.04 75.67 110.27 16 RRIM 600 112.11 128.89 56.00 54.66 76.17 11 RRIT 251 48.63 62.93 59.60 129.89 116.28 63.48 RRIT 408 60.93 119.58 80.50 148.89 114.76 79.94 96.89 7 113.33 126.97 107.50 116.00 49.14 69.70 127.28 9 เฉลี่ย 131.01 147.42 204.67 35.05 10 85.87 10 172.22 101.01 132.96 127.90 138.97 81.49 99.01 91.96 10

นวน 10 พันธุ์ ระหว่างการใหน้ �้าอยา่ งสมา่� เสมอ (Control, C) า (Treatment, T) ที่ 3 สัปดาห์ท่ี 5 สัปดาหท์ ่ี 6 สปั ดาห์ท่ี 7 สัปดาห์ท่ี 8 TC TC TC TC C 56.00 158.17 19.19 92.83 11.84 182.00 92.50 250.11 03.53 102.47 135.00 51.22 102.98 51.57 147.56 144.89 195.11 12.96 147.61 56.56 34.09 124.00 107.78 228.56 75.79 50.87 163.39 20.10 99.88 18.89 145.30 142.44 28.33 49.26 289.17 46.01 124.94 58.32 161.00 48.84 197.17 66.00 82.20 132.11 26.85 181.83 28.07 231.50 75.00 198.67 13.61 104.78 160.93 34.31 141.22 18.34 106.79 49.83 113.09 75.63 72.99 163.00 34.97 130.22 36.73 189.89 67.30 219.78 96.56 139.44 108.91 38.48 147.00 76.64 104.77 66.19 100.78 07.89 68.07 163.56 25.66 45.37 212.89 48.28 142.89 02.62 65.72 53.89 95.83 89.46 08.29 79.18 162.18 35.34 116.42 37.99 160.57 79.64 178.86

ตารางท่ี 6 (ตอ่ ) การชักนา� ปากใบ (mmol H2O m-2s1) ของยางพารา จ และการจ�ากัดการให้นา้� พันธ์ุ สัปดาห์ท่ี 9 สัปดาห์ที่ 11 สปั ดาหท์ ี่ 12 TC TC TC BPM 24 27.34 241.44 4.36 192.67 5.35 146.78 17 PB 217 48.96 148.78 4.64 170.67 3.94 306.78 28 PB 235 21.28 175.67 3.36 184.22 4.65 229.22 PB 260 10.19 203.17 5.18 1.09 209.33 9 PB 25/51 34.78 216.83 7.39 99.51 17.22 332.83 22 RRII 105 27.08 21.65 156.83 34.42 148.56 RRII 118 19.93 96.98 4.11 127.78 3.97 9 RRIM 600 31.07 177.56 31.21 104.22 51.62 76.54 RRIT 251 19.46 166.11 7.44 170.89 123.67 262.22 2 RRIT 408 41.24 194.67 20.30 64.20 5 155.33 69.67 97.58 22 เฉลี่ย 28.13 10.97 112.11 31.01 180.61 10 177.65 138.86 199.04 14 * ไมส่ ำมำรถวดั ได้ เนอ่ื งจำกใบรว่ ง

จ�านวน 10 พนั ธุ์ ระหวา่ งการใหน้ ้�าอย่างสม�่าเสมอ (Control, C) า (Treatment, T) สัปดาหท์ ี่ 13 สัปดาหท์ ่ี 15 เฉล่ยี sd TC TC TC TC 70.00 121.11 65.00 212.00 72.18 153.23 56.88 58.84 84.50 221.89 77.43 158.56 100.77 161.71 77.74 55.75 93.40 161.44 99.27 152.89 149.69 48.13 46.81 28.00 225.56 131.00 157.56 66.74 151.93 62.73 40.83 91.96 358.00 24.33 103.70 62.55 212.15 41.10 74.49 387.78 140.00 68.01 160.82 38.93 79.26 * 112.44 * 135.11 61.17 105.36 26.75 38.83 21.20 227.67 20.17 322.22 39.30 180.78 37.32 63.40 59.50 191.00 53.17 108.33 69.16 112.34 59.14 40.76 26.33 391.94 143.67 212.11 91.79 168.10 45.05 81.69 09.89 51.56 69.78 239.88 170.25 155.61 49.38 58.07 42.75 73.96 70.14

14 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ไซเลม็ นอ้ ยทสี่ ดุ ในสปั ดำหเ์ ดยี วกนั คอื 74.98 % (ตำรำงที่ 7) ผลกำรทดลองพบว่ำ ในก้ำนใบยำงพำรำเร่ิมเกิด Gs slope เมื่อหำควำมสัมพันธ์ระหว่ำงค่ำศักย์ ฟองอำกำศในท่อไซเลม็ (P12) เมื่อศกั ย์ของน�ำ้ ในใบมีค่ำ ของน้�ำในใบกับค่ำกำรชักน�ำปำกใบเป็นรูปแบบเส้นตรง -1.05, -0.80, -0.79, -0.76, -0.76, -0.74, -0.73, -0.56, กจ็ ะไดค้ ่ำ Gs50 ซง่ึ หมำยถงึ ระดบั คำ่ ศักยข์ องนำ�้ ในใบที่ -0.42, -0.42 และ -0.31 MPa ในยำงพันธุ์ PB 260, PB ท�ำให้พืชเปิดปำกใบลดลงเหลือร้อยละ 50 เพ่ือลดกำร 217, RRIT 251, RRII 118, BPM 24, RRIM 600, RRII คำยน�้ำ เมอ่ื เทียบกับศกั ยภำพกำรเปดิ ปำกใบสงู สดุ สว่ น 105, RRIT 408, PB 5/51 และ PB 235 ตำมล�ำดับ กำร ค่ำควำมชัน (Gs slope) แสดงถึงควำมไวในกำร เกิดฟองอำกำศในท่อไซเล็มจนท�ำให้ควำมสำมำรถใน ตอบสนองของกำรปิดปำกใบเม่ือศักย์ของน้�ำในใบ กำรล�ำเลียงน้�ำหำยไปร้อยละ 50 (P50) เม่ือศักย์ของน้�ำ เปล่ียนแปลงไป ถำ้ เส้นกรำฟชันมำกแสดงว่ำพืชปิดปำก ในใบมีค่ำ -1.49, -1.69, -1.69, -1.55, -1.29, -1.20, ใบเร็วกวำ่ เส้นกรำฟทมี่ คี วำมชนั นอ้ ย -1.40, -1.45, -1.20 และ -1.19 MPa ในพันธ์ุ PB 260, ผลกำรทดลองพบว่ำ ระดับค่ำศักย์ของน้�ำในใบ PB 217, RRIT 251, RRII 118, BPM 24, RRIM 600, ที่ท�ำให้พืชเปิดปำกใบลดลงเหลือร้อยละ 50 (Gs50) RRII 105, RRIT 408, PB 5/51 และ PB 235 ตำมล�ำดับ ทีร่ ะดับ -0.94, -1.01, -1.10, -1.11, -1.12, -1.19, -1.23, และระดับวิกฤติท่ีกำรล�ำเลียงน�้ำโดนขัดขวำงด้วยฟอง -1.27, -1.31 และ -1.55 MPa ในพันธ์ุ RRIM 600, RRIT อำกำศร้อยละ 88 (P88) เม่ือศักย์ของน้�ำในใบมีค่ำ 408, RRII 105, BPM 24, PB 260, PB 235, PB 217, PB -1.94, -2.58, -2.60, -2.34, -1.84, -1.67, -2.25, -2.49, 5/51, RRII 118 และ RRIT 251 ตำมลำ� ดบั ส่วนคำ่ ควำม -1.98 และ -2.07 MPa ในพันธุ์ PB 260, PB 217, RRIT ชนั พบว่ำ พนั ธ์ุ PB 5/51 ปิดปำกใบได้เร็วท่ีสดุ (Slope = 251, RRII 118, BPM 24, RRIM 600, RRII 105, RRIT 1.47) รองลงมำคอื PB 260 (Slope = 1.44) และลำ� ดับ 408, PB 5/51 และ PB 235 ตำมลำ� ดับ สว่ นค่ำควำมชนั สำมคือ RRIT 251 (Slope = 1.39) ส่วน RRIM 600 (PLC slope) ถำ้ คำ่ มำกแสดงถงึ ควำมอ่อนแอต่อกำรเกิด ปดิ ปำกใบชำ้ ที่สุด (Slope = 0.77) (ตำรำงที่ 8) ฟองอำกำศ (Cavitation susceptible) พบว่ำ พันธุ์ PB Vulnerability curve (VC) ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง 260 มีค่ำมำกท่ีสุด (112.39) รองลงมำคือ RRIM 600 ค่ำศักย์ของน�้ำในใบ (Leaf water potential) กับค่ำกำร มีค่ำ 106.66 ถัดมำคือพันธุ์ BPM 24 มีค่ำ 90.82 ส่วน สูญเสียควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียงน�้ำของไซเล็ม พันธุ์ท่ีมีควำมชันน้อยแสดงว่ำมีควำมทนทำนต่อกำรเกิด (Percent loss of conductivity, PLC) แสดงในรูปเส้น ฟองอำกำศ (Cavitation resistance) มำก โดยในกำร โค้งควำมอ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศ (Vulnerability ทดลองน้ีพบว่ำ ยำงพันธุ์ RRIT 408 มีค่ำควำมชันน้อย curve, VC) ซึง่ เป็นรปู ตัว S (S shape) จำกกำรหำควำม ทสี่ ุด (48.28) (ตำรำงที่ 9) สัมพันธ์ของท้ังสองค่ำด้วยสมกำร Sigmoid function Hydraulic safety margin เมื่อผนวกควำม จะได้ค่ำ P12 ซึ่งแสดงถึงระดับค่ำศักย์ของน�้ำในใบที่ สัมพันธ์ระหว่ำงค่ำศักย์ของน�้ำในใบ กับค่ำกำรสูญเสีย ท�ำให้เริ่มเกิดฟองอำกำศในไซเล็ม (Xylem cavitation) ควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียงน้�ำของไซเล็ม และค่ำกำร ค่ำ P50 แสดงถึงระดับค่ำศักย์ของน้�ำในใบที่ท�ำให้เกิด ชักน�ำปำกใบ ดว้ ยกำรน�ำค่ำ Gs50 ลบดว้ ยคำ่ P50 ผลที่ ฟองอำกำศไปขัดขวำงกำรล�ำเลียงน�้ำร้อยละ 50 และได้ ได้คอื คำ่ Hydraulic safety margin หมำยถึงช่วงระดบั ค่ำ P88 แสดงถึงระดับค่ำศักย์ของน้�ำในใบที่ท�ำให้เกิด ศักย์ของน�้ำในใบที่เปล่ียนแปลงไปโดยพืชยังสำมำรถ ภำวะวิกฤติโดยกำรล�ำเลียงน้�ำโดนขัดขวำงด้วยฟอง ด�ำเนินกิจกรรมได้ตำมปกติ ถ้ำค่ำมำกหรือมีช่วงกว้ำง อำกำศถึงร้อยละ 88 ส่วนคำ่ ควำมชนั (PLC slope, S) แสดงว่ำพืชมีกำรปรับตัวด้วยกำรลดกำรคำยน�้ำและมี แสดงถึงควำมไวต่อกำรเกิดฟองอำกำศในไซเล็มเม่ือศกั ย์ ควำมทนทำนต่อกำรเกิดฟองอำกำศในไซเล็มเมื่อเจอ ของน�้ำในใบเปล่ียนแปลง ถ้ำเส้นกรำฟชันมำกแสดงว่ำ สภำวะควำมแห้งแล้ง ค่ำนี้น่ำจะน�ำมำเป็นดัชนีทำง เมื่อค่ำศักย์ของน�้ำในใบลดลง ฟองอำกำศในไซเล็มจะ สรีรวทิ ยำท่ีบง่ ชีค้ วำมทนแลง้ ของยำงพำรำได้ เกิดไดเ้ ร็วกว่ำเสน้ กรำฟท่ีมคี วำมชนั น้อย ผลกำรทดลองพบว่ำพันธทุ์ ม่ี ีค่ำ Hydraulic safety

ตารางท่ี 7 เปอรเ์ ซ็นตก์ ารชักนา� การเกิดฟองอากาศในทอ่ ไซเลม็ ของยางพ และการจ�ากดั การให้น พนั ธ์ุ สัปดาห์ที่ 0 สัปดาหท์ ่ี 2 สัปดาห TC TC T BPM 24 PB 217 10.19 7.59 16.41 9.26 24.86 2 PB 235 3.00 4.96 19.10 8.25 17.90 PB 260 16.60 23.23 17.93 30.82 PB 25/51 16.58 15.91 14.60 14.81 21.60 RRII 105 10.02 15.41 19.81 10.74 24.67 RRII 118 18.34 4.87 14.18 16.66 18.20 RRIM 600 11.44 11.45 12.97 22.29 RRIT 251 7.33 15.01 12.54 18.24 12.99 RRIT 408 7.94 12.56 21.05 9.66 17.84 16.42 10.06 19.99 14.44 22.61 เฉลยี่ 17.42 9.12 11.44 13.66 13.30 21.38 11.64

พารา จ�านวน 10 พนั ธ์ุ ระหว่างการให้น�้าอย่างสม่�าเสมอ (Control, C) นา้� (Treatment, T) ห์ท่ี 3 สัปดาห์ที่ 6 สัปดาห์ท่ี 7 สปั ดาห์ที่ 9 TC TC TC C 26.20 20.94 60.20 13.62 67.78 17.41 24.86 35.12 16.46 23.04 10.96 35.95 14.47 17.90 29.20 18.56 53.66 67.30 14.00 30.82 48.92 12.63 10.13 4.83 46.98 17.82 21.60 61.50 24.13 65.74 13.56 63.92 18.22 24.67 55.38 15.50 46.71 20.41 59.40 12.78 18.20 57.26 21.22 28.48 55.40 14.63 22.29 46.83 11.10 28.07 4.36 58.32 20.43 12.99 60.45 19.70 35.63 8.65 66.22 13.04 17.84 60.25 28.91 58.16 11.65 56.52 12.96 22.61 7.52 48.11 18.92 50.98 20.93 57.78 15.58 21.38 11.65

ตารางท่ี 7 (ต่อ) เปอรเ์ ซน็ ต์การชกั นา� การเกดิ ฟองอากาศในทอ่ ไซเล็มของยาง และการจา� กดั การใหน้ า้� พนั ธ์ุ สปั ดาหท์ ี่ 11 สัปดาหท์ ่ี 13 TC TC BPM 24 74.98 11.67 2.47 16.91 PB 217 83.20 12.61 17.18 5.50 PB 235 78.39 7.76 PB 260 78.56 4.93 9.91 PB 25/51 80.76 13.03 10.32 19.78 RRII 105 76.26 23.75 5.75 RRII 118 81.14 16.76 5.61 RRIM 600 87.07 11.80 RRIT 251 77.43 9.48 * 13.56 RRIT 408 82.83 17.60 31.76 23.06 10.26 10.69 11.26 เฉลี่ย 80.06 6.01 4.06 9.29 27.31 12.61 12.47 13.26 * ไมส่ ำมำรถวดั ได้ เนอื่ งจำกใบรว่ ง

งพารา จ�านวน 10 พนั ธุ์ ระหว่างการให้น้�าอยา่ งสมา�่ เสมอ (Control, C) า (Treatment, T) สัปดาหท์ ่ี 15 เฉลย่ี sd TC TC TC 24.58 18.22 37.78 13.77 26.15 9.57 15.24 15.47 28.67 10.71 24.77 6.63 21.40 20.31 36.71 13.52 22.67 8.76 25.89 18.63 31.68 15.49 25.12 8.70 10.13 21.85 43.55 17.20 28.31 8.72 11.79 39.64 11.39 27.00 7.20 * 10.25 35.90 12.54 26.84 8.38 2.33 15.90 35.83 16.59 27.94 9.64 26.67 21.36 39.29 13.21 27.16 7.09 11.57 22.22 41.41 15.73 27.75 10.27 35.90 17.60 37.05 14.02 26.37 8.50 19.30

17 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ตารางที่ 8 ศักย์ของน�้าในใบที่ท�าให้พืชเปิด 3. ศักย์ของน้�ำในใบ มีควำมสัมพันธ์ทำงบวกกับ ปากใบลดลงเหลือร้อยละ 50 (Gs50) และค่า ค่ำกำรชกั น�ำปำกใบ (Stomatal conductance) เม่อื พชื มี ความไวในการตอบสนองของการปิดปากใบ กำรขำดนำ้� มำก ปำกใบจะปิด เพื่อลดกำรคำยนำ�้ เมอ่ื ศกั ยข์ องนา้� ในใบเปลยี่ นแปลงไป (Gs slope) 4. ยำงพนั ธุ์ PB 5/51 และ PB 260 มแี นวโน้มใน พนั ธุ์ Gs50 Gs slope กำรปิดปำกใบเร็วที่สุด เม่ือศักย์ของน�้ำในใบ เปลี่ยนแปลงไป ในขณะท่ียำงพันธุ์ RRIM 600 มีแนว BPM 24 -1.11 1.25 โน้มในกำรปิดปำกใบช้ำท่ีสุด เม่ือศักย์ของน�้ำในใบ PB 217 -1.23 1.10 เปล่ยี นแปลงไป PB 235 -1.19 1.37 PB 260 -1.12 1.44 5. ยำงพันธุ์ RRIT 408 และ RRIT 251 มีแนวโน้ม PB 5/51 -1.27 1.47 ทนทำนต่อกำรเกิดฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน�้ำ (Cavita- tion resistance) มำกที่สุด เมื่อประสบกับสภำวะ ควำมเครียดน้�ำ ในขณะท่ียำงพันธุ์ PB 260 และ RRIM RRII 105 -1.10 1.06 600 มีแนวโน้มอ่อนแอต่อกำรเกิดฟองอำกำศในท่อ RRII 118 -1.13 1.13 ลำ� เลียงนำ้� (Cavitation susceptible) มำกทส่ี ดุ RRIM 600 -0.94 0.77 6. ยำงพันธุ์ BPM 24 มีแนวโน้มท่ีจะสำมำรถ RRIT 251 -1.55 1.39 RRIT 408 -1.01 0.87 ด�ำเนินกิจกรรมได้ตำมปกติในสภำวะควำมเครียด (Hydraulic safety margins) 7. ค่ำกำรชักน�ำปำกใบเป็นดัชนีบ่งบอกกำรปรับ ตัวของพืชเมื่อเจอสภำวะแล้งด้วยพฤติกรรมกำรเปิด- ปิดปำกใบ กำรปิดปำกใบอย่ำงรวดเร็วเมื่อกระทบแล้ง เปน็ กำรลดกำรคำยนำ้� เรยี กวำ่ พฤติกรรมประหยดั น้ำ� เพ่ือ margin สูงสุดในกำรทดลองน้ีคือ BPM 24 (0.77 MPa) ควำมอยู่รอด (Water saving) ในทำงกลับกันพืชที่ รองลงมำคือ RRII 118 (0.71 MPa) ลำ� ดบั สำมคอื RRIT ปิดปำกใบช้ำเม่ือกระทบแล้งยังคงมีกำรคำยน้�ำถือเป็น 408 (0.37 MPa) และล�ำดับสุดท้ำยคือ PB 235 (0.14 พฤตกิ รรมใช้น�้ำมำก (Water spending) 8. กำรสญู เสียควำมสำมำรถในกำรลำ� เลยี งน้�ำของ MPa) (ตำรำงที่ 10) พืช (มีฟองอำกำศเกิดข้ึนในท่อล�ำเลียงน้�ำ) เป็นอีกดัชนี สรปุ ผลการทดลองและ ข้อเสนอแนะ หน่ึงที่บ่งบอกถึงควำมทนทำนของพืชเม่ือเจอสภำวะแล้ง กำรเกิดฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน้�ำมำก (Cavitation 1. สภำวะของน้�ำในดินมีกำรเปลี่ยนแปลง ส่งผล sensitive) ทำ� ให้พชื สูญเสยี ควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียง ให้สภำวะน�้ำในต้นยำงพำรำ และลักษณะทำงสรีรวิทยำ น�้ำได้สูง (อ่อนแอต่อสภำพแล้ง) ในทำงตรงข้ำมกำรเกิด ในตน้ ยำงพำรำเปลย่ี นแปลงตำมไปดว้ ย เมือ่ ต้นยำงขำด ฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน�้ำน้อย (Cavitation resis- น�้ำ ศักย์ของน�้ำในใบ และกำรชักน�ำปำกใบมีค่ำลดลง tance) ท�ำให้พืชสูญเสียควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียงน�้ำ และกลับมำเพม่ิ ข้ึน เมือ่ กลบั มำให้น้ำ� ใหม่ นอ้ ย (ทนทำนต่อสภำพแลง้ ) 2. ศักย์ของน้�ำในใบ (Leaf Water Potential) มี การน�าผลงานวจิ ัยไปใช้ประโยชน์ ควำมสัมพันธ์ทำงลบกับค่ำเปอร์เซ็นต์กำรสูญเสียควำม สำมำรถในกำรล�ำเลียงน้�ำภำยในท่อไซเล็ม (Percent 1. ได้ดัชนีส�ำหรับช้ีวัดควำมทนแล้งของต้น Loss of Conductivity) เมอ่ื ปริมำณน้�ำในเซลล์ต่�ำ ท�ำให้ ยำงพำรำ คือลักษณะกำรเปิด-ปิดปำกใบของต้น มีโอกำสเกิดฟองอำกำศในท่อล�ำเลียงน้�ำได้มำก ยำงพำรำ และลักษณะควำมสำมำรถในกำรล�ำเลียงน�้ำ

18 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ตารางท่ี 9 ศักย์ของนา�้ ในใบ (Leaf Water Potential; LWP) (Mpa) ทีท่ �าให้เกดิ ฟองอากาศไปขัดขวาง การล�าเลยี งน้�ารอ้ ยละ 12, 50 และ 88 และความไวต่อการเกดิ ฟองอากาศในไซเลม็ เมือ่ ศกั ยข์ องนา�้ ในใบเปลี่ยนแปลง (PLC slope) (%) พันธ์ุ P12 P50 P88 PLC slope BPM 24 -0.57 -1.37 -2.18 90.80 PB 217 PB 235 -0.56 -1.53 -2.50 56.21 PB 260 PB 5/51 -0.41 -1.28 -2.15 56.82 RRII 105 RRII 118 -0.59 -1.46 -2.32 112.39 RRIM 600 RRIT 251 -0.19 -1.16 -2.14 64.19 RRIT 408 -0.72 -1.49 -2.26 59.24 -0.64 -1.55 -2.46 63.21 -0.71 -0.15 -1.58 106.66 -0.57 -1.65 -2.73 55.31 -0.52 -0.52 -2.52 48.28 ของต้นยำงพำรำ ซ่ึงสำมำรถน�ำข้อมูลไปพิจำรณำคัด มหำวทิ ยำลยั สงขลำนครนิ ทร์ หำดใหญ.่ เลือกพันธุ์ยำงท่ีมีอยู่ไปแนะน�ำให้แก่เกษตรกรได้ Cochard, H. 2002. A technique for measuring xylem 2. นำ� ข้อมูลของพนั ธ์ยุ ำงทีไ่ ดจ้ ำกกำรทดลองไปใช้ hydraulic conductance under high negative คัดเลือกพันธุ์ท่ีมีแนวโน้มมีควำมสำมำรถหลีกเลี่ยงหรือ pressure. Plant, Cell and Environment. 25: ปกป้องตนเองจำกสภำพแล้ง หรือพันธุ์ยำงที่มีแนวโน้ม 815-819. ทนทำนต่อสภำพแล้ง ไปใช้ในโครงกำรปรับปรุงพันธุ์ยำง Cochard, H. 2006. Cavitron in trees. Comptes ในอนำคต Rendus Physique. 7: 1018-1026. Cochard, H., E. Cassella and M. Mencuccini. 2007. เอกสารอ้างอิง Xylem vulnerability to cavitation varies among poplar and willow clones and correlates with กรรณิกำร์ ธีระวัฒนสุข, จิรำกร โกสัยเสวี และ สุรเดช yield. Tree Physiology. 27: 1761-1767. ปัจฉิมกุล. 2535. พันธุ์ยำงกับกำรปรับตัวในพ้ืนที่ Cochard, H., S. T. Barigah, M. Kleinhentz and A. ปลูกยำงใหม่. กำรสัมมนำวิชำกำรศูนย์วิจัยยำง Eshel. 2008. Is xylem cavitation resistance a ฉะเชิงเทรำ ครั้งท่ี 3 “ยำงพำรำในภำคตะวันออก relevant criterion for screening drought resis- เฉียงเหนือในทศวรรษหน้ำ” 27-29 กรกฎำคม tance among Prunus species? Plant Physiology. 2535 ณ โรงแรมขอนแกน่ โฮเตล็ จ. ขอนแกน่ 13 หนำ้ . 165: 676-982. Krissada Sangsing, Poonpipope Kasemsap, สำยัณห์ สดุด.ี 2534. สภาวะขาดนา�้ ในการผลติ พืช. ภำค วิชำพืชศำสตร์ คณะทรัพยำกรธรรมชำติ

19 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ตารางที่ 10 ชว่ งศักยข์ องน้า� ภายในใบทท่ี �าใหก้ ารชักนา� ปากใบลดลงร้อยละ 50 (Gs50), ศกั ย์ของน้�า ในใบท่ชี ักน�าใหเ้ กิดการสญู เสยี การนา� ไหลของน้�าในไซเล็มในระดบั รอ้ ยละ 50 (P50) และช่วงศักย์ ของน�้าภายในใบทพ่ี ืชสามารถดา� เนินกิจกรรมไดต้ ามปกติในสภาวะขาดน�้า (Safety margin) ของยางพาราจ�านวน 10 พนั ธุ์ พนั ธ์ุ Gs50 P50 Safety margin1 BPM 24 -0.61 -1.37 0.77 (1) PB 217 -0.96 -1.53 0.57 (4) PB 235 -1.14 -1.28 0.14 (9) PB 260 -0.91 -1.46 0.55 (5) PB 5/51 -0.94 -1.16 0.22 (7) RRII 105 -0.92 -1.49 0.57 (4) RRII 118 -0.84 -1.55 0.71 (2) RRIM 600 -0.98 -0.15 0.17 (8) RRIT 251 -1.35 -1.65 0.30 (6) RRIT 408 -0.91 -0.52 0.61 (3) 1ตวั เลขในวงเลบ็ แสดงถงึ ลำ� ดบั ของควำมทนทำนตอ่ กำรเกดิ ฟองอำกำศในทอ่ ลำ� เลยี งนำ�้ เมอื่ เจอสภำวะกำรขำดนำ้� Sornprach Thanisawanyangkura, Kumut Krissada Sangsing, Hervé Cochard, Poonpipope Sangkhasila, Eric Gohet, Philippe Thaler and Kasemsap, Sornprach hanisawanyangkura, Hervé Cochard. 2004a. Xylem embolism and Kumut Sangkhasila, Eric Gohet and Philippe stomatal regulation in two rubber clones Thaler. 2004b. Is growth performance rubber (Hevea brasiliensis Muell. Arg.). Trees 18: (Hevea brasiliensis) clones related to xylem 109-114. hydraulic efficiency?. Can. J. Bot. 82:1-6.

20 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 แนวทางการลดต้นทนุ ดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ของ ผปู้ ระกอบการในอตุ สาหกรรม แปรรปู ยางพารา ภัทรพงศ์ วงศส์ วุ ฒั น์, ปัณณวิชญ์ วงศส์ วุ ัฒน,์ พรธริ ฐั ฐ์ พจนสนุ ทร, อรอนงค์ เวยี งแก้ว, ศุภกร ผลเจรญิ และ อภสิ รา แพงทรพั ย์ กองโลจสิ ติกส์ ฝำ่ ยวจิ ยั และพฒั นำเศรษฐกิจยำง กำรยำงแหง่ ประเทศไทย จำกรำยงำนโลจิสติกส์ของประเทศไทยประจ�ำปี หลัก และโครงกำรลงทุนพัฒนำระบบขนส่งสินค้ำทำง 2560 พบว่ำ ในปี 2559 ต้นทนุ โลจิสตกิ สข์ องประเทศไทย รำงและทำงน้�ำ รวมทั้งสิ่งอ�ำนวยควำมสะดวกที่ มีมูลค่ำรวม 2,020.6 พันล้ำนบำท หรือคิดเป็นสัดส่วน สนับสนุนกำรเปลี่ยนรูปแบบกำรขนส่งยังอยู่ระหว่ำงกำร รอ้ ยละ 13.9 ของผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ ณ รำคำ พัฒนำ ส�ำหรับต้นทุนกำรบริหำรจัดกำรโลจิสติกส์ต่อ ประจ�ำปี (Nominal GDP) ลดลงจำกร้อยละ 14.0 ต่อ GDP มีสัดส่วนคงที่ (ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำ GDP ในปี 2558 มูลค่ำต้นทุนโลจิสติกส์รวมขยำยตัวใน เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชำต,ิ 2560) อัตรำทส่ี ูงข้นึ ตำมกำรเตบิ โตของเศรษฐกิจของประเทศใน ภำพรวม เน่ืองจำกกำรฟื้นตัวของกำรส่งออกและอุปสงค์ โดยเมื่อพิจำรณำถึงโครงสร้ำงต้นทุนโลจิสติกส์ ในประเทศ สนับสนุนให้ผลผลิตภำคเกษตรกรรมและ ปี 2559 พบว่ำ ต้นทุนค่ำขนส่งสินค้ำยังคงเป็นองค์ อุตสำหกรรม รวมท้ังกำรลงทุนของภำคเอกชนสูงขึ้น ประกอบใหญท่ ่ีสดุ โดยมสี ดั สว่ นร้อยละ 54.0 ของต้นทนุ ในขณะท่ีสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ปรับลดลง โลจสิ ตกิ สร์ วม เพิม่ ขึ้นจำกรอ้ ยละ 53.5 ในปี 2558 รองลง เลก็ นอ้ ย จำกกำรปรับลดของสัดส่วนตน้ ทนุ กำรเกบ็ รกั ษำ มำคือต้นทุนกำรเก็บรักษำสินค้ำคงคลัง ซึ่งมีสัดส่วนร้อย สินค้ำคงคลังต่อ GDP จำกร้อยละ 5.3 ในปี 2558 เป็น ละ 36.9 ลดลงจำกรอ้ ยละ 37.4 ในปี 2558 ส่วนต้นทุน รอ้ ยละ 5.1 ต่อ GDP ซึง่ เปน็ ผลจำกกำรทผี่ ้ปู ระกอบกำรมี กำรบริหำรจัดกำรโลจิสติกส์มีสัดส่วนคงท่ี ร้อยละ 9.1 กำรบริหำรจัดกำรคลังสินค้ำที่มีประสิทธิภำพสูงข้ึน (ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม ท�ำให้สำมำรถควบคุมปริมำณกำรถือครองสินค้ำให้อยู่ แห่งชำติ, 2560) ในระดับที่ต่�ำ ประกอบกับอัตรำดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ำชั้นดี ท่ี ล ด ล ง ต ำ ม น โ ย บ ำ ย ผ ่ อ น ค ล ำ ย ก ำ ร เ งิ น ข อ ง ค ณ ะ นอกจำกนี้ จำกข้อมูลของส�ำนักงำนเศรษฐกิจ กรรมกำรนโยบำยกำรเงิน ในขณะที่สัดส่วนต้นทุนค่ำ กำรเกษตร พบว่ำ โครงสร้ำงต้นทุนโลจิสติกส์ในระดับ ขนส่งสินค้ำปรับเพ่ิมข้ึนจำกร้อยละ 7.4 ในปี 2558 เป็น ภำพรวมโซ่อุปทำนสินค้ำเกษตร ต้นทุนขนส่งเป็นองค์ ร้อยละ 7.5 ตอ่ GDP เน่ืองจำก ผปู้ ระกอบกำรยังคงเลือก ประกอบทใี่ หญท่ ส่ี ดุ ประมำณร้อยละ 1.14 – 5.88 ของ ใช้กำรขนส่งทำงถนนที่มีต้นทุนค่ำขนส่งต่อหน่วยสูงเป็น ยอดขำย รองลงมำ คือ ต้นทุนบริหำรคลังสินค้ำ คิดเป็น ร้อยละ 1.08 – 6.40 ต้นทุนกำรถือครองสินค้ำ คิดเป็น รอ้ ยละ 0.03 – 1.27 และตน้ ทนุ บรหิ ำรจดั กำรดำ้ นโลจสิ ตกิ ส์

21 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ประมำณร้อยละ 0.48 – 1.28 ส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์ สินค้ำหรือบริกำร ท�ำให้ผู้บริโภคท่ีอยู่ในสถำนที่ที่กำร ของสินค้ำเกษตรรวมทั้งอุตสำหกรรมยำงพำรำมีต้นทุน ขนส่งเข้ำไปถึงได้ มีสินค้ำหรือบริกำรบริโภคตำมท่ีตน สูงถึงร้อยละ 14.83 ต่อยอดขำย ซ่งึ นับไดว้ ่ำเป็นตน้ ทนุ ท่ี ต้องกำร เนื่องจำกกำรขนส่งจะช่วยน�ำสินค้ำจำกแหล่ง สูงมำกเม่ือเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนำแล้ว ซ่ึงมีต้น ผลิตผ่ำนมอื คนกลำงจนกระท่ังถึงมือผู้บริโภค โดยต้นทุน ของกำรขนส่งจะแตกต่ำงกันมำกน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัย ทุนโลจสิ ติกส์ไมเ่ กินร้อยละ 10 ต่อยอดขำย ใ น ป ั จ จุ บั น ป ั ญ ห ำ ภ ำ ว ะ ก ำ ร แ ข ่ ง ขั น ใ น ตำ่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ลักษณะของเส้นทำงทีใ่ ชใ้ นกำรขนส่ง ระยะ อุตสำหกรรมยำงพำรำมีควำมรุนแรงขึ้นอย่ำงต่อเน่ือง ทำงและระยะเวลำของกำรขนส่ง อุปกรณ์และมำตรฐำน ท�ำให้ผู้ประกอบกำรของไทยต้องเพิ่มขีดควำมสำมำรถ ต่ำง ๆ ในกำรขนส่ง ลักษณะของสินค้ำและบริกำรท่ีจะ ในกำรแข่งขันทำงธุรกิจ โดยมีกำรเปลี่ยนแปลงองค์กร ท�ำกำรขนส่ง สภำพแวดล้อมและภูมิประเทศท่ีจะท�ำกำร เช่น ด้ำนโครงสร้ำง กระบวนกำรวิธีกำรท�ำงำน ระบบ ขนสง่ 2.ต้นทุนคลังสินค้ำ (Warehousing costs) โดย สำรสนเทศ รวมไปถึงกำรสร้ำงมูลค่ำให้กับองค์กร โดย เป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพด้ำนกำรผลิต กำรเพิ่ม ส่วนใหญ่ต้นทุนในคลังสินค้ำจะเกิดข้ึนหลำยส่วนในกำร ประสิทธิภำพบคุ ลำกร รวมไปถงึ กำรลดต้นทุนโลจิสตกิ ส์ ปฏิบัติงำน และส่วนมำกจะเกิดจำกกำรแบ่งประเภท ดังน้ัน กำรวิจัยในคร้ังน้ีจึงต้องกำรหำแนวทำง ตำมลักษณะของสินค้ำ ลักษณะของโรงงำน หรือตำม ส�ำหรับกำรพัฒนำศักยภำพกำรลดต้นทุนโลจิสติกส์ ลักษณะในกำรขนสง่ สนิ ค้ำ โดยในกำรอธบิ ำยต้นทนุ คลัง (Logistics cost leadership model) ของผูป้ ระกอบกำร สินค้ำในบทควำมวิชำกำรเป็นกำรอธิบำยถึง ต้นทุนคลัง ในด้ำนอุตสำหกรรมยำงพำรำที่มีวิธีกำรจัดกำรในกำรลด สนิ ค้ำท่ีแบ่งประเภทตำมกำรลักษณะในกำรขนส่ง สนิ คำ้ ต้นทุนโลจสิ ตกิ สท์ ดี่ ที ่สี ดุ (Best practice) รวมท้งั กำรนำ� สำมำรถแบง่ ได้ 3 ประเภท ดังน้ี 2.1 คลังสินค้ำประเภทกำรรวมตัว คือ คลัง บทเรียนจำกประสบกำรณ์ของกลุ่มผู้ประกอบกำร ต้นแบบ (Lessons learned) ที่ได้ เป็นแนวทำงในกำร สินค้ำที่มีกำรรวมสินค้ำจำกแหล่งกำรผลิต หรือจำก พัฒนำศักยภำพและเพิ่มประสิทธิภำพในกำรลดต้นทุน โรงงำนต่ำง ๆ เพ่ือน�ำมำจัดเรียงตำมค�ำส่ังซื้อของลูกค้ำ หรือตำมค�ำส่ังซ้ือของสำขำย่อยในต่ำงจังหวัด เพ่ือ โลจสิ ติกส์ต่อไปในอนำคต ท�ำกำรจัดส่งให้กับลูกค้ำ หรือสำขำย่อย ซึ่งวิธีน้ีจะ ทฤษฎแี ละแนวคิดท่ีใชใ้ นการศกึ ษา เปน็ กำรรวบสินค้ำจำกซพั พลำยเออร์ (Supplier) หลำย ๆ ตน้ ทนุ ทางโลจสิ ตกิ ส์ รำย น�ำมำรวมกันภำยในคลังสินค้ำชนิดน้ี ในกำรขนส่ง ต้นทุนทำงโลจิสติกส์ สำมำรถแบ่งออกเป็น 4 จะเป็นกำรขนส่งในพื้นที่ที่ใกล้เคียง สำมำรถท�ำให้เกิด กำรลดต้นทุนกบั กำรขนส่งรำยเล็กได้ เนื่องจำกกำรขนส่ง ประเภท ดังน้ี 1. ต้นทุนกำรขนสง่ (Transportation cost) ประชด รำยเล็ก ๆ ส่วนใหญ่กำรขนส่งสินค้ำจะไม่สำมำรถขนส่ง (2551) อธิบำยควำมหมำยของค�ำว่ำ “กำรขนส่ง” คือ สินค้ำให้เต็มคันรถได้ และเพรำะเหตุน้ีจึงท�ำให้เกิด กิจกรรมทำงด้ำนเศรษฐกิจอย่ำงหนึ่งท่ีจะจัดให้มีกำร ต้นทุนกำรขนส่งจ�ำนวนมำก ถ้ำธุรกิจหรือผู้ประกอบกำร เคลื่อนย้ำยคน สัตว์ และสิ่งของ จำกท่ีหน่ึงไปยังอีกที่ มีกำรน�ำแนวคิดเรื่องคลังสินค้ำประเภทกำรรวมตัวไปใช้ หน่ึง ณ เวลำใดเวลำหน่ึง ตำมควำมประสงค์เพ่ือให้เกิด จะส่งผลให้เกิดกำรลดต้นทุนทำงด้ำนคลังสินค้ำ และ อรรถประโยชน์ตำมต้องกำร ในปัจจุบันกำรขนส่งมีควำม ต้นทุนในด้ำนกำรขนส่งอกี ด้วย เน่อื งจำกกำรขนส่งแตล่ ะ ส�ำคัญตอ่ ธุรกจิ เกือบทุกประเภท ทงั้ ในส่วนของกำรจัดหำ ครั้งมีจ�ำนวนน้อย แต่ทำงธุรกิจมีกำรขนส่งหลำยท่ี เมื่อ วัตถุดิบ กำรผลิตกำรขำย และกำรจัดจ�ำหน่ำย ในหลำย น�ำแนวคิดไปประยุกต์ใช้ในกำรด�ำเนินกำร จะสำมำรถ ธรุ กจิ ต้นทุนจำกกำรขนส่ง นบั เป็นต้นทนุ ทีส่ �ำคญั และส่ง น�ำสินค้ำไปส่งไดใ้ นจ�ำนวนมำก 2.2 คลังสินค้ำท่ำเปลี่ยนถ่ำยสินค้ำ คือ คลัง ผลกระทบต่อตน้ ทนุ รวมของผลติ ภณั ฑ์ บริกำร นอกเหนอื จำกน้ี กำรขนส่งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณค่ำของ สินค้ำท่ีใช้ในกำรรวบรวมสินค้ำ และท�ำกำรกระจำย

22 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 สินค้ำไปยังลูกค้ำปลำยทำง โดยส่วนใหญ่คลังสินค้ำ ยอ่ ยต่ำง ๆ ทเี่ กดิ ขึน้ จำกกำรเก็บสินค้ำคงคลังจ�ำนวนหน่งึ ประเภทนี้เป็นคลังสินค้ำท่ีมีกำรประสำนงำนในกำร ไว้ และต้นทุนในกำรเก็บรักษำสินค้ำคงคลังเป็นต้นทุนท่ี ท�ำงำนของกำรรับสินค้ำเข้ำคลังสินค้ำ และกำรขนส่ง สูงตัวหนึ่งในบรรดำต้นทุนด้ำนโลจิสติกส์ ซึ่งกำรท่ีต้นทุน สินค้ำออกไปยังลูกค้ำ หรือผู้บริโภค เพรำะคลังสินค้ำ กำรเก็บสินค้ำคงคลังมีผลกระทบอย่ำงมำกต่อระบบ ประเภทนี้จะไม่มีที่เก็บสินค้ำ คลังสินค้ำประเภทนี้จะมี โลจิสติกส์ท�ำให้กำรค�ำนวณต้นทุนท่ีถูกต้องของกำรเก็บ ลักษณะเป็นศูนย์กระจำยสินค้ำ ซ่ึงมีลักษณะไม่มีท่ีเก็บ รักษำสินค้ำคงคลังเป็นสิ่งท่ีจ�ำเป็น ต้นทุนของสินค้ำ สินค้ำแต่เป็นกำรพักสินค้ำ หรือรวบรวมสินค้ำให้อยู่ด้วย คงคลัง แบ่งออกได้ 4 ประเภท คอื กัน หรือเป็นสถำนที่ในกำรเปลี่ยนรูปแบบกำรขนส่ง 3.1 ต้นทุนจำกค่ำใช้จ่ำยในกำรสั่งซ้ือ (Order- สนิ คำ้ ตวั อย่ำงคลงั สนิ คำ้ ประเภทน้ี เช่น ตลำดสด เนื่อง ing cost) คือ ค่ำใช้จ่ำยท่ีต้องจ่ำยเพ่ือให้ได้มำซ่ึงสินค้ำ มำจำกตลำดจะเปรียบเสมือนคลังสินค้ำ หรือศูนย์ คงคลังท่ีต้องกำร ซ่ึงจะแปรผันตำมจ�ำนวนครั้งของกำร กระจำยสินค้ำขนำดใหญ่ ซ่ึงมีซัพพลำยเออร์หลำย สั่งซ้ือ แต่ไม่แปรตำมปริมำณสินค้ำคงคลัง เพรำะส่ังซ้ือ ประเภทน�ำสินค้ำมำรวมกัน ท�ำให้เกิดกำรกระจำยสินค้ำ ของมำกเทำ่ ใดกต็ ำมในแตล่ ะครั้ง คำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรสง่ั ซือ้ โดยลูกค้ำหรือผู้บริโภคจะท�ำกำรซ้ือสินค้ำจำกซัพพลำย- ยังคงท่ี แต่ถ้ำย่ิงสั่งซื้อบ่อยครั้ง ค่ำใช้จ่ำยในกำรสั่งซ้ือ เออร์หลำยรำยแล้วน�ำสินค้ำกลับไปเพื่อสนองควำม จะย่ิงสูงขึ้น ค่ำใช้จ่ำยในกำรส่ังซ้ือเหล่ำนี้ ได้แก่ ตอ้ งกำรของผบู้ รโิ ภคเอง ดงั นน้ั กำรใชค้ ลังสนิ ค้ำประเภท ค่ำกระดำษ (เอกสำรใบสั่งซ้ือ) ค่ำจ้ำงพนักงำนจัดซ้ือ นี้ จะชว่ ยลดต้นทุนในกำรจัดกำรสนิ คำ้ กำรจัดเกบ็ สนิ ค้ำ คำ่ โทรศัพท์ คำ่ ขนสง่ สนิ ค้ำ คำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรตรวจรบั ของ กำรดแู ลสินค้ำ และลดต้นทนุ ในกำรขนส่งสินคำ้ ได้ และเอกสำร ค่ำธรรมเนียมในกำรน�ำของออกจำก 2.3 คลงั สนิ คำ้ ทใี่ ชแ้ บง่ แยกสนิ คำ้ ใหม้ ขี นำดเลก็ ลง ศลุ กำกร คำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรชำ� ระเงิน เป็นต้น คือ คลังสินค้ำที่มีใช้ส�ำหรับกำรแบ่งสินค้ำที่มีจ�ำนวน 3.2 ต้นทุนจำกค่ำใช้จ่ำยในกำรเก็บรักษำ ปรมิ ำณมำกใหเ้ ล็กลง เนอ่ื งจำกตอ้ งกำรตอบสนองควำม (Carrying cost) คือ ค่ำใช้จ่ำยที่เกิดจำกกำรมีสินค้ำ ต้องกำรของลูกค้ำให้ทันเวลำ บำงคร้ังกำรส่งสินค้ำต้อง คงคลังและกำรรักษำสภำพให้สินค้ำคงคลังน้ันอยู่ในรูป ใช้ควำมรวดเร็วและต้องใช้รถในกำรขนส่งสินค้ำขนำด ที่ใช้งำนได้ ซ่ึงจะแปรผันตำมปริมำณสินค้ำคงคลังที่ถือ เลก็ ในกำรขนส่ง ระยะทำงในกำรขนสง่ จะเป็นระยะทำงท่ี ไว้และระยะเวลำท่ีเก็บสินค้ำคงคลังน้ันไว้ ค่ำใช้จ่ำยใน ไม่ไกลมำก จะวิ่งรถระยะสั้นเท่ำน้ัน ดังน้ัน กำรที่ธุรกิจ กำรเก็บรักษำ ได้แก่ ต้นทุนเงินทุนท่ีจมอยู่กับสินค้ำ หรือกิจกำรมีคลังสินค้ำประเภทน้ีจะช่วยให้กิจกำรตอบ คงคลัง นั่นก็คือ ค่ำดอกเบ้ียจ่ำย หำกเงินทุนน้ันมำจำก สนองควำมต้องกำรให้กับลูกค้ำได้อย่ำงทันที และพบว่ำ กำรกู้ยืม หรืออำจเปน็ คำ่ เสียโอกำส (Opportunity cost) กำรขนส่งสินค้ำจะมำจำกคลังสินค้ำและไม่ทรำบ ถ้ำเงินทุนนน้ั เป็นสว่ นของเจ้ำของ คำ่ คลังสนิ ค้ำ คำ่ ไฟฟำ้ ประเภทของสินค้ำ เนื่องจำกควำมต้องกำรของลูกค้ำ เพ่ือกำรรักษำอุณหภูมิ ค่ำใช้จ่ำยของสินค้ำที่เสียหำย และนำ� สนิ คำ้ มำพัก หรือเปลย่ี นถ่ำยที่คลงั สนิ คำ้ ท่ีใชแ้ บง่ หรือหมดอำยุ เสื่อมสภำพจำกกำรเก็บสินค้ำไว้นำนเกิน แยกสินค้ำให้มีขนำดเล็กลง แล้วจึงท�ำกำรส่งสินค้ำให้ ไป ค่ำภำษีและกำรประกันภัย ค่ำจ้ำงยำมและพนักงำน ลูกค้ำ โดยใช้รถขนส่งขนำดเล็ก เพ่ือเป็นกำรตอบสนอง ประจ�ำคลังสนิ ค้ำ เปน็ ตน้ ควำมต้องกำรสนิ ค้ำของลกู คำ้ 3.3 ต้นทุนจำกค่ำใช้จ่ำยเนื่องจำกสินค้ำ 3.ตน้ ทนุ ในกำรเก็บรกั ษำสินคำ้ คงคลัง (Inventory ขำดแคลน (Shortage cost หรือ Stock cost) คือ คำ่ ใช้ carrying cost) ค�ำนำย (2551) อธิบำยควำมหมำยของ จ่ำยท่ีเกิดขึ้นจำกกำรมีสินค้ำคงคลังไม่เพียงพอต่อกำร สนิ ค้ำคงคลงั (Inventory) หมำยถงึ วสั ดุ หรอื สินคำ้ ต่ำง ๆ ผลิตหรือกำรขำย เป็นเหตุให้ลูกค้ำยกเลิกค�ำส่ังซ้ือ ขำด ท่ีเก็บไว้เพ่ือใช้ประโยชน์ในกำรด�ำเนินงำน อำจเป็นกำร รำยได้ท่ีควรได้ กระบวนกำรผลิตต้องหยุดชะงัก เกิดกำร ด�ำเนินงำนผลิต ด�ำเนินกำรขำย หรือ ด�ำเนินงำนอ่ืน ๆ ว่ำงงำนของเครือ่ งจักรและคนงำน ฯลฯ คำ่ ใช้จำ่ ยเหลำ่ นี้ ต้นทุนกำรเก็บรักษำสินค้ำคงคลังประกอบด้วยต้นทุน จะแปรผกผันกับปริมำณสินค้ำคงคลังที่ถือไว้ น่ันคือ ถ้ำ

23 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ถือสินค้ำไว้มำกจะไม่เกิดกำรขำดแคลน แต่ถ้ำถือสินค้ำ ปฏิบัติจะเรียนรู้บทเรียนท่ีดีที่สุดควำมริเริ่มสร้ำงสรรค์ที่ดี คงคลังไว้น้อยก็อำจเกิดโอกำสท่ีท�ำให้เกิดกำรขำดแคลน กำรแก้ปัญหำที่ดี หรือเกิดจำกกำรได้รับรู้ข้อเสนอแนะผู้ ได้มำกกว่ำ และมีค่ำใช้จ่ำยเน่ืองจำกสินค้ำขำดแคลนนี้ บริหำร เพ่ือนร่วมงำน หรือจะเป็นหน่วยงำนอื่น ๆ ซึ่งก่อ ข้ึนอยู่กับปริมำณกำรขำดแคลน รวมท้ังระยะเวลำท่ีเกิด ให้เกิดกำรสรำ้ งสรรคว์ ิธีกำรใหม่ ๆ ขนึ้ หรือวิธกี ำรท่ีดีกวำ่ กำรขำดแคลนข้ึนด้วย ค่ำใช้จ่ำยเนื่องจำกสินค้ำ เดิม ขำดแคลนนี้ ได้แก่ ค�ำสั่งซ้ือสินค้ำล็อตพิเศษ เพื่อน�ำมำ 2. บทเรียนท่ีดีท่ีสุด เกิดจำกอุปสรรค กำรท�ำงำน ใช้แบบฉุกเฉิน ค่ำปรับเนื่องจำกกำรส่งสินค้ำให้ลูกค้ำ ต่ำง ๆ ย่อมมีอุปสรรคท่ีเป็นตัวขัดขวำงไม่ให้งำนเป็นไป ล่ำช้ำ ค่ำเสียโอกำสในกำรขำย ค่ำใช้จ่ำยท่ีเกิดข้ึนจำก ตำมเป้ำหมำยท่ีมุ่งหวังเอำไว้ เกิดควำมกดดันที่มำจำกผู้ กำรเสียค่ำนิยม เป็นต้น บรหิ ำร หรอื กำรแขง่ ขนั จำกคแู่ ข่ง สงิ่ ตำ่ ง ๆ เหลำ่ นจ้ี ะเป็น 3.4 ต้นทุนจำกค่ำใช้จ่ำยในกำรตั้งเครื่องจักร ตัวกระตุ้นให้เรำเกิดกำรแสวงหำแนวทำง กระบวนกำร ใหม่ (Setup cost) คือค่ำใช้จ่ำยที่เกิดข้ึนจำกกำรที่ ในกำรแก้ปัญหำ และผ่ำนอุปสรรคไปให้ได้บทเรียนที่ดี เครื่องจักรจะต้องเปลี่ยนกำรท�ำงำนหนึ่งไปท�ำงำนอีก ทส่ี ดุ อยำ่ งหน่งึ ซ่ึงจะเกดิ กำรวำ่ งงำนชั่วครำว สนิ คำ้ คงคลังจะ 3. บทเรียนท่ีดีท่ีสุด ที่เกิดจำกแรงบันดำลใจท่ี ถูกท้ิงให้รอกระบวนกำรผลิตท่ีจะตั้งใหม่ ค่ำใช้จ่ำยใน อยำกจะพัฒนำ หรือค้นหำวิธีกำรใหม่ ๆ เพ่ือควำมพึง กำรตั้งเคร่ืองจักรใหม่น้ีจะมีลักษณะเป็นต้นทุนคงที่ต่อ พอใจของหน่วยงำน หรือของตนเอง เพ่ือสร้ำงประสิทธิ- คร้ัง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนำดของล็อตกำรผลิต ถ้ำผลิตเป็น ภำพท่ดี กี ว่ำเดิม ล็อตใหญ่ มีกำรตั้งเคร่ืองใหม่นำน ๆ คร้ัง ค่ำใช้จ่ำยใน กำรจัดกำรควำมรู้ให้บรรลุเป้ำหมำยนั้นจะต้อง กำรตั้งเครื่องใหม่ก็จะต่�ำ แต่ยอดสะสมของสินค้ำคงคลัง ท�ำให้บทเรียนท่ีดีท่ีสุด ท่ีเป็นควำมรู้ในตัวบุคคล กลำย จะสูง แต่ถ้ำผลิตเป็นล็อตเล็ก มีกำรต้ังเคร่ืองใหม่บ่อย เป็นควำมรู้ท่ีปรำกฏแจ้งให้ได้เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อ ครั้ง ค่ำใช้จ่ำยในกำรตั้งเครื่องใหม่ก็จะสูง แต่สินค้ำ กำรน�ำไปใช้ ตัวอย่ำงเช่น เอกสำรรำยงำน คู่มือกำร คงคลังจะมีระดับต่�ำลง และสำมำรถส่งมอบงำนให้แก่ ปฏิบัติงำนต่ำง ๆ เพื่อให้คนอ่ืน ๆ สำมำรถท่ีจะเข้ำถึง ลูกคำ้ ได้เร็วขน้ึ และนำ� ควำมรู้ไปใชแ้ กป้ ญั หำหรือต่อยอดได้ 4.ต้นทุนกำรบริหำร (Administration cost) วตั ถปุ ระสงค์การวิจยั เป็นต้นทุนท่ีใช้ในกำรบริหำรทำงด้ำนโลจิสติกส์ในส่วน ของกำรบริหำรงำน เช่น ต้นทุนในระหว่ำงกำรจัดซื้อ เพ่ือหำแนวทำงส�ำหรับกำรพัฒนำศักยภำพกำร สนิ ค้ำหรอื วัตถดุ บิ ตน้ ทุนกำรน�ำเทคโนโลยสี ำรสนเทศมำ ลดตน้ ทนุ โลจิสติกส์ (Logistics cost leadership model) ใชใ้ นกำรประกอบกจิ กำร เปน็ ต้น ของผู้ประกอบกำรในอุตสำหกรรมแปรรูปยำงพำรำที่มี วิธีกำรจัดกำรในกำรลดต้นทุนโลจิสติกส์ท่ีดีท่ีสุด (Best บทเรยี นทด่ี ที สี่ ดุ (Best practice) practice) ภิรมย์ (2562) ได้กล่ำวไว้ว่ำ บทเรียนท่ีดีที่สุดคือ วธิ ีการศกึ ษา กำรกระท�ำสิ่งใดก็ตำมให้ส�ำเร็จ อันเนื่องมำจำกกำรน�ำ ศึกษำโดยกำรเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิจำกกำร ควำมรู้ไปใช้ในกระบวนกำร แล้วสรุปออกมำเป็นแนว ปฏิบัติที่ดีท่ีสุด และเป็นส่วนหน่ึงที่จะช่วยยกระดับควำม จัดประชุมเพ่ือรับฟังควำมคิดเห็นกลุ่มย่อย (Focus คิดให้มีควำมแตกต่ำง มีควำมหลำกหลำยในมุมมอง group) เพื่อถอดบทเรียนที่ดีที่สุด ของผู้ประกอบกำรใน มำกขึ้น กำรสร้ำงบทเรียนท่ีดีที่สุดในหน่วยงำน สำมำรถ อตุ สำหกรรมแปรรูปยำงพำรำ ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง เกิดข้ึนได้ในกรณตี ำ่ ง ๆ ดงั น้ี 1. ประชำกรท่ีท�ำกำรศึกษำแบบส�ำรวจเป็นผู้แทน 1. เกิดจำกตัวบุคคล เนื่องมำจำกในกำรท�ำงำน ทุกคนจะเกดิ กำรเรยี นรไู้ ปสู่เปำ้ หมำยของหน่วยงำน ซงึ่ ผู้ ของผู้ประกอบกำรในอุตสำหกรรมแปรรูปยำงพำรำใน 3

24 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 น้�ำยำงสดจำกท้ังผู้ขำยรำยย่อยและรำยใหญ่ โดยบำงแห่งจะจัดตั้งศูนย์รับซื้อวัตถุดิบในพ้ืนที่ ภูมิภำค ได้แก่ ภำคใต้ ภำคตะวันออก และภำคตะวัน ท่ีเป็นแหล่งวัตถุดิบ เพ่ือให้สำมำรถเข้ำถึง ออกเฉียงเหนือ เกษตรกรรำยย่อย และท�ำให้ได้วัตถุดิบท่ีมำก ข้ึน ลดต้นทุนในกำรบวกรำคำให้กับผู้ขำยรำย 2. กำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำง ผู้วิจัยเลือกตัวแทน ใหญ่โดยใช้รถของบริษัทขนส่งวัตถุดิบน�ำเข้ำ ประชำกรจำกควำมเป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้ประกอบกำร โรงงำน ในอุตสำหกรรมแปรรูปยำงพำรำท้ังขนำดใหญ่ ขนำด - ในกำรซ้ือน�้ำยำงสดจะมีกำรเตรียมอุปกรณ์ให้ กลำง ขนำดเล็ก ตำมควำมเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ แก่เกษตรกร เพื่อให้สำมำรถเก็บรักษำน�้ำยำง (คณะอนุกรรมทบทวนและจัดท�ำแผนวิสำหกิจกำรยำง และสำรเคมีที่จ�ำเป็นแล้วให้รถของบริษัทมำ แหง่ ประเทศไทย) โดยมีรำยช่ือดังแสดงในตำรำงท่ี 1 บรรทกุ นำ�้ ยำงสด โดยใชว้ ธิ กี ำรแบบ Milk run* โรงงานแปรรูปยางแผ่นรมควัน การวเิ คราะหข์ อ้ มลู - โรงงำนขนำดกลำงส่วนใหญ่จะรับซ้ือยำงแผ่น ในกำรศึกษำคร้ังนี้ใช้กำรวิเครำะห์ข้อมูลเชิง ดิบมำแปรรปู โดยรับซอื้ อยทู่ ่ีโรงงำน - มีกำรรับซ้ือวัตถุดิบหลำยรูปแบบท้ังยำงแผ่นดิบ คุณภำพ โดยเลือกใช้กำรวิเครำะห์ส่วนประกอบ (Com- ยำงแผ่นรมควัน และยำงแผ่นรมควันอัดก้อน ponent analysis) ของวิธีในกำรลดต้นทุนโลจิสติกส์ท่ี เพื่อเพม่ิ โอกำสในกำรจ�ำหน่ำยผลผลิต เป็นบทเรียนทีด่ ที ส่ี ดุ (Best practice) ของผ้ปู ระกอบกำร - ซ้ือวัตถุดิบผ่ำนสถำบันเกษตรกรท่ีสมัครเป็น ในอุตสำหกรรมแปรรูปยำงพำรำ และน�ำไปจัดท�ำเป็น ตลำดเครือข่ำยตลำดกลำงยำงพำรำเพ่ือลด แนวทำงกำรลดต้นทุนด้ำนโลจสิ ติกส์ ต้นทุนค่ำขนส่งของรำคำตลำดกลำงยำงพำรำ มำยงั โรงงำน ผลการศกึ ษา - ส�ำรวจแหล่งผลิตยำงแผ่นรมควัน เพ่ือให้ สำมำรถตรวจสอบคุณภำพในกำรผลิต และ จำกกำรประชุมเสวนำเชิงปฏิบัติกำรเพื่อรับฟัง สบื ค้นยอ้ นกลับได้ ควำมคิดเห็นกลุ่มย่อยจ�ำนวน 3 ครั้ง (ตำรำงท่ี 1 และ - ให้ควำมรู้และตรวจสอบและประเมินระดับ ภำพที่ 1-3) ได้แนวทำงลดต้นทุนด้ำนโลจิสติกส์ของผู้ ควำมสำมำรถของผขู้ ำย เพอื่ ปอ้ งกนั ควำมเสยี หำย ประกอบกำรในอตุ สำหกรรมแปรรูปยำงพำรำดังนี้ ที่ อ ำ จ เ กิ ด จ ำ ก ก ำ ร ส ่ ง ม อ บ สิ น ค ้ ำ ท่ี ไ ม ่ ไ ด ้ การซอื้ วตั ถดุ บิ มำตรฐำน และไมพ่ น้ ก�ำหนดระยะเวลำ - มีกำรตรวจสอบแท่นวำงสินค้ำ หรือพำเลท โรงงานแปรรปู น�้ายางข้น (Pallet) ที่ใช้ในกำรรับซ้ือยำงอย่ำงสม�่ำเสมอ - โรงงำนขนำดใหญ่จะเลอื กซอ้ื วัตถดุ ิบจำกพอ่ ค้ำ เพื่อป้องกันควำมคลำดเคลื่อนของน�้ำหนักยำง ทร่ี บั ซ้ือ คนกลำงที่รวบรวมวัตถุดิบได้ในปริมำณมำก โรงงานแปรรูปยางแทง่ STR 20 เช่น รับซ้ือน�้ำยำงสดจำกรถบรรทุกเทรลเลอร์ - ให้ฝ่ำยสรรหำวัตถุดิบส�ำรวจข้อมูล เพื่อตรวจ ขนำด 30 ตัน และจะไม่รบั ซอื้ ยำงจำกผูข้ ำยรำย ย่อย เนื่องจำกจะท�ำให้โรงงำนสำมำรถลด ตน้ ทุนได้ในจ�ำนวนมำก เชน่ สำมำรถลดจำ� นวน พนักงำน ลดควำมแออัดบริเวณลำนรับวัตถุดิบ และลดต้นทุนในส่วนของกระบวนกำรตรวจ สอบคุณภำพของวตั ถดุ ิบท่ีรบั ซือ้ - โรงงำนขนำดกลำงและขนำดเล็กเลือกที่จะซ้ือ *เป็นรูปแบบกำรจัดกำรกำรขนส่งท่ีท�ำกำรส่ังซ้ือวัตถุดิบเพื่อน�ำไปใช้ท�ำกำรผลิตเพื่อลดปริมำณสินค้ำคงคลัง โดยกำรรับของจำกผู้ขำยทุกรำยในเส้นทำง ที่ก�ำหนดไว้แล้ว จำกนั้นเดินทำงกลับมำยังโรงงำนผลิต โดยลักษณะกำรขนส่งจะเป็นวงรอบ และต้องตรงเวลำพอดี คลำ้ ยกับกำรจัดส่งนมจำกฟำร์มไป ตำมบ้ำน

25 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ตารางที่ 1 ผู้ประกอบการต้นแบบในอตุ สาหกรรมยาพารา แยกเป็นรายภาค และการเข้ารว่ มประชุมเพือ่ รบั ฟังความคิดเห็นกลุ่มยอ่ ย ภาค รายชื่อผ้ปู ระกอบการตน้ แบบ การเขา้ ร่วมประชุม ครั้งท่ี 1 คร้งั ท่ี 2 ครง้ั ท่ี 3 ใต้ 1. บริษทั ไทยแมคเอสทอี ำร์ จ�ำกดั √ 2. บริษัท กวำ๋ งเข่นิ รบั เบอร์ (ตรงั ) จำ� กัด √ 3. บรษิ ทั ศรีตรงั แอโกรอินดสั ทรี จ�ำกัด (มหำชน) สำขำตรงั √ 4. สหกรณ์กำรเกษตรอุตสำหกรรมตรงั จำ� กดั √ 5. สหกรณ์กองทุนสวนยำงบำ้ นหนองศรีจนั ทร์ จ�ำกัด √ 6. สหกรณ์กำรเกษตรยำ่ นตำขำว จ�ำกดั √ 7. บริษทั ไทยฮ้วั ยำงพำรำ จำ� กดั สำขำตรัง √ ตะวันออก 1. บรษิ ทั เซำท์แลนด์รีซอรท์ จำ� กัด (สำขำระยอง) √ 2. บริษทั ด.ี เอส.รับเบอรแ์ อนดล์ ำเท็กซ์ จ�ำกดั √ 3. บรษิ ัท ศภุ ำคย์ จ�ำกดั √ 4. บริษทั ไทยฮ้ัว ยำงพำรำ จ�ำกดั สำขำระยอง √ 5. สหกรณ์กองทนุ สวนยำงบ้ำนเขำซก จ�ำกดั √ ตะวันออก 1. สหกรณ์กองทุนสวนยำงโนนสวุ รรณ จำ� กัด √ เฉยี งเหนอื 2. บริษทั ยง่ ล้งรับเบอร์ จ�ำกดั √ √ 3. บริษัท วำรนิ รบั เบอร์ จำ� กดั 4. บรษิ ทั รับเบอร์แลนด์ โปรดกั ส์ จ�ำกดั √ ในเครือบรษิ ทั ศรตี รงั แอโกรอินดัสทรี จ�ำกัด (มหำชน) สำขำประโคนชยั 5. บรษิ ัท ชนุ เจริญรับเบอร์ จ�ำกัด √ 1ประชมุ ครง้ั ที่ 1 เมอื่ 16 พฤษภำคม 2562, ครง้ั ท่ี 2 เมอื่ 5 มถิ นุ ำยน 2562, ครงั้ ที่ 3 เมอื่ 26 มถิ นุ ำยน 2562 สอบรำยละเอียดว่ำ ในพื้นที่มีปริมำณผลผลิต - เปดิ ศูนย์รบั ซอื้ เพอื่ ขยำยพ้ืนท่ีซ้อื วัตถุดบิ แต่ละรูปแบบว่ำมีสัดส่วนเท่ำไร แล้วประสำน - มีวิธีกำรรับซื้อหลำกหลำยรูปแบบ ท้ังขำย งำนกับผู้ขำยยำงในแต่ละพ้ืนท่ี หลังจำกนั้นน�ำ ปริมำณก�ำลังกำรผลิตมำใช้ในกำรก�ำหนดพ้ืนที่ ล่วงหน้ำ ขำยฝำก ขำยสด กำรให้โควตำปรมิ ำณ เป้ำหมำยในกำรซื้อวตั ถุดิบ และรำคำให้กบั ซัพพลำยเออรร์ ำยใหญ่ - กำรเลือกซื้อยำงจำกนอกพื้นที่ จะเป็นทำงเลือก

26 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ภาพท่ี 1 การจดั ประชมุ เสวนาเชิงปฏิบัตกิ ารเพ่ือรับฟังความคิดเห็นกลมุ่ ยอ่ ย (Focus Group) ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมรมิ นทีรีสอรท์ อ.เมือง จ.ตรงั ในวันท่ี 16 พฤษภาคม 2562 ภาพท่ี 2 การจดั ประชมุ เสวนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ รบั ฟงั ความคดิ เหน็ กลมุ่ ยอ่ ย (Focus Group) ครง้ั ที่ 2 ณ โรงแรมโกลเดน้ ซิต้ี ระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ในวนั ที่ 5 มถิ นุ ายน 2562 ภาพที่ 3 การจดั ประชมุ เสวนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื รบั ฟงั ความคดิ เหน็ กลมุ่ ยอ่ ย (Focus Group) ครงั้ ที่ 3 ณ โรงแรมทองธารนิ ทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในวันที่ 26 มิถนุ ายน 2562

27 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 สดุ ท้ำย เนื่องจำกมีต้นทุนสูงที่สดุ ในกรณีที่เกษตรกรใช้กรดฟอร์มิคจะมีกำรเพ่ิม - จะมีกำรอธิบำยหลักเกณฑ์ วิธีกำร ทั้งในเร่ือง รำคำให้เป็นกรณพี ิเศษเพ่ือปอ้ งกนั เร่อื งคณุ ภำพ ของกำรซอ้ื ยำง กำรรับเงินค่ำยำง ใหแ้ ก่ผู้น�ำยำง และกำรดูแลรักษำเครื่องจักร และถ้ำพบว่ำมี มำขำยให้ทรำบข้อมูลและรำยละเอียดทง้ั หมด กำรใชก้ รดซลั ฟวิ รคิ จะไมอ่ นญุ ำตใหน้ ำ� ยำงมำขำย - มีกำรก�ำหนดระยะเวลำในกำรรินน�้ำที่ออกจำก การรบั วตั ถดุ บิ ยำงก้อนถ้วยของรถแต่ละประเภทโดยมีคู่มือใน โรงงานแปรรูปนา้� ยางขน้ กำรปฏิบตั งิ ำนทชี่ ดั เจน - แจกสำรเคมเี ชน่ TMTD, ZnO และ NH3 เพื่อใช้ - กำรรับซื้อยำงจะต้องมีปริมำณไม่น้อยกว่ำ 1 ในกำรรักษำคุณภำพยำงให้แก่ผู้ขำยยำงตำม ตัน/คนั ปริมำณวัตถุดิบที่น�ำมำขำยเพื่อป้องกันควำม - ยกเลิกกำรลงยำงด้วยแรงงำนคน โดยเปล่ียน สูญเสียที่เกิดจำกกำรใช้สำรเคมีมำกเกินควำม มำใช้เคร่ืองจักรช่วยในกำรลงยำงเพื่อประหยัด จ�ำเป็น เวลำ และคำ่ แรงในกำรลงยำง - ให้พนักงำนตรวจสอบคุณภำพ (QC) มำปฏิบัติ - มีกำรก�ำหนดข้อบังคับในกำรรักษำส่ิงแวดล้อม งำนตรงพ้ืนท่ีรับวัตถุดิบเพ่ือให้กำรปฏิบัติงำน เช่น รถที่น�ำยำงก้อนถ้วยมำขำยจะต้องมีถังเก็บ เปน็ ไปอยำ่ งรวดเรว็ และสำมำรถจำ� แนกนำ้� ยำงสด น้�ำเซร่ัม ไม่ท�ำให้น้�ำเซรั่มหกเรี่ยรำด และถ้ำไม่ ได้ตำมคุณสมบตั ิทฝ่ี ำ่ ยผลิตตอ้ งกำร เป็นไปตำมเง่ือนไขท่ีก�ำหนดก็จะไม่อนุญำตให้ โรงงานแปรรปู ยางแผ่นรมควนั ทำ� กำรซอื้ ขำย - ในกำรรับวัตถุดิบน�้ำยำงสดมำแปรรูปเป็นยำง - มกี ำรจดั ทำ� ฐำนขอ้ มลู ลกู ค้ำ เพื่อใชใ้ นกำรตรวจ แผ่นรมควัน ควรก�ำหนดข้อตกลงกับเกษตรกร ประวตั ิของลกู ค้ำในกำรรับวตั ถุดบิ หรือผู้ขำยให้มีควำมเข้ำใจที่ตรงกัน เช่น กำร เติมสำรเคมี เวลำในกำรน�ำยำงมำขำย และมี การบรหิ ารวตั ถดุ บิ กำรตรวจสอบทำงกำยภำพในเบือ้ งต้น โรงงานแปรรปู น�้ายางข้น - ก�ำหนดวิธีกำรปฏิบัติของเกษตรกรท่ีเป็นสมำชิก - แบ่งสถำนท่ีจัดเก็บวัตถุดิบแยกตำมศูนย์รับซ้ือ ของสหกรณ์ เช่น กำรใช้ตะแกรงกรอง 3 ระดับ และคณุ สมบตั ทิ ำงเคมี เชน่ คำ่ VFA ทีม่ คี ่ำใกล้ ได้แก่ 60, 80, 100 เมช (Mesh) เพ่ือให้ได้ เคียงกัน กำรน�ำวัตถุดิบเข้ำผลิตจะเป็นไปตำม วตั ถุดิบที่มคี ณุ ภำพมำใชใ้ นกระบวนกำรผลติ คณุ ภำพเป็นหลัก ไม่ได้ยึดตำมหลัก FIFO* - แบ่งกลุ่มของซัพพลำยเออร์โดยใช้เกณฑ์ในกำร - มีกำรสำ� รองวัตถดุ บิ ในช่วงฤดูกำลปิดกรดี ตรวจสอบคุณภำพ คือ ควำมช้ืน ควำมสะอำด - รับวัตถุดิบมำแล้วต้องรีบให้มีกำรผลิตให้เร็ว และลักษณะของแผ่นยำง และตัดรำคำรับซ้ือ ที่สุด เพื่อลดต้นทุนในส่วนของสำรเคมีในกำร ตำมคุณภำพของยำงท่นี ำ� มำขำย รักษำสภำพยำง - ก�ำหนดหลักเกณฑ์ในกำรรับน�้ำหนักของยำงที่ - เปลี่ยนวิธีกำรเติมแอมโมเนีย โดยยกเลิกกำร ประมูลมำจำกภำยนอก จะต้องมีส่วนต่ำงไม่ เติมแอมโมเนียในบ่อพักน�้ำยำงสด แต่ไปเติม เกนิ 10 – 30 กโิ ลกรมั เฉพำะตอนทผี่ ลิตเป็นน้�ำยำงขน้ ในแท้งค์ โรงงานแปรรปู ยางแทง่ STR 20 - กำรปรับระดับสำรละลำยแอมโมเนียที่แจก - มีกำรตรวจสอบกำรใช้กรดในยำงก้อนถ้วย โดย ซัพพลำยเออร์ตำมฤดูกำล เช่น ฤดูร้อนใช้ *ย่อมำจำก First in First out หมำยถงึ สนิ ค้ำทีเ่ ข้ำคลังสนิ ค้ำมำกอ่ นแลว้ ต้องรบี หมุนเวียนสนิ คำ้ ท�ำกำรขำยหรือถำ่ ยสินคำ้ ออกไปกอ่ น เพอื่ ลดควำม เส่อื มของสินค้ำจนขำยสนิ คำ้ น้นั ไมไ่ ด้

28 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 สำรละลำยแอมโมเนยี 13% ฤดฝู นใชส้ ำรละลำย - มีกำรบันทึกข้อมูลกำรรับวัตถุดิบลงในฐำน แอมโมเนีย 18% ข้อมลู โรงงานแปรรูปยางแผ่นรมควนั - ในกรณีท่ีป้องกันสิ่งปฏิกูลที่เกิดจำกนกท่ีเข้ำมำ - แบง่ วตั ถดุ บิ ทซ่ี อ้ื ตำมใบสง่ั ซอื้ ของผซู้ อ้ื ในแตล่ ะวัน ภำยในโรงงำน จะป้องกันดว้ ยกำรท�ำตำขำ่ ย นอกจำกน้ีจะไม่มีกำรเก็บในรูปแบบยำงแผ่นรม โรงงานแปรรูปยางแท่ง STR 20 ควัน แต่จะท�ำกำรแปรรูปเป็นยำงแผ่นรมควัน - มีกำรบันทึกข้อมูลผ่ำนระบบ SAP ใช้ลักษณะ อัดก้อน และก�ำหนดวันในกำรรับมอบยำง FIFO แต่อย่ำงไรก็ตำม อำจจะมีกำรผลิต ภำยใน 7 วนั เพอ่ื ปอ้ งกนั ยำงตกคำ้ งในคลงั สนิ คำ้ ปริมำณสินค้ำแทรกตำมคณุ ภำพวตั ถุดบิ - ก�ำหนดให้บริษัทใช้หลัก FIFO แล้วเลือกผลิต - มีกำรแบ่งคุณภำพวัตถุดิบ เพื่อไว้ใช้ผลิตให้กับ ยำงท่ีมีค่ำปริมำณเนื้อยำงแห้งเท่ำกัน กำรจ่ำย ผูซ้ ้อื ที่แตกต่ำงกนั วตั ถดุ บิ เป็นหน้ำทข่ี องฝ่ำยสรรหำวัตถดุ บิ - มีกำรแยกท่ีเก็บยำงตำมที่มำ เพ่ือใช้ในกำร - มีกำรประชุมค�ำส่ังซื้อแต่ละเดือน เพื่อก�ำหนด ค�ำนวณปริมำณเน้ือยำงแห้งกับน้�ำหนักที่หำย แผนกำรผลิตในเรื่องของกำรก�ำหนดจ�ำนวนคน ไปของแต่ละศนู ย์ที่รับซ้ือมำ จำ� นวนวตั ถดุ บิ ที่เบิกเข้ำผลิต - แบ่งยำงออกเป็นห้อง ๆ ประมำณห้องละ 90- - นำ� ระบบ SAP* มำใชใ้ นกำรควบคมุ ในกระบวนกำร 100 ตัน เพ่อื สะดวกในกระบวนกำรผลติ บริหำรวตั ถดุ บิ และคลังสินคำ้ - ในกำรป้องกันกล่ิน ใช้สำรอินทรีย์ และปูนขำว - ในกำรจัดเก็บวัตถุดิบจะเก็บไว้ในคลังสินค้ำ และจัดให้มีบอ่ นำ้� เสียที่รบั น�้ำจำกยำงกอ้ นถ้วย มำตรฐำน และมีสินค้ำคงคลังไว้ส�ำหรับผลิต - ในกำรจัดกำรส่ิงแวดล้อม มีกำรก�ำจัดกล่ิน อย่ำงน้อย 30 วนั ของกองยำงก้อนถ้วย และทำ� อำคำรเก็บวัตถดุ บิ - สถำบันเกษตรกรมีกำรเช่ือมโยงข้อมูลของ ให้เป็นระบบปิด แต่ละสถำบันโดยใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกันในกำร บรหิ ำรวตั ถดุ บิ และสร้ำงอ�ำนำจตอ่ รอง การผลติ และการแปรรปู - ในกรณีที่ต้องกำรเก็บรักษำยำงในระยะเวลำ โรงงานแปรรูปน�้ายางข้น ยำวนำน ควรใช้หอ้ งควบคุมสภำพควำมชน้ื - เลือกผลิตที่สำขำท่ีใกล้กับควำมต้องกำรของ - ถ้ำเป็นยำงแผ่นดิบสำมำรถวำงไว้ในพ้ืนที่ ลกู ค้ำ อำคำรโล่งแต่มีวัสดุปิดคลุมไว้ ในกรณีเป็นยำง - เลือกใช้เครื่องจักรของบริษัทในเครือ เพ่ือลด ลูกขุนจะเก็บในอำคำรคลังสินค้ำท่ีมิดชิด จะใช้ ตน้ ทนุ ในกำรจดั ซ้อื เครอ่ื งจกั ร พำเลทไม้กับแผ่นเหล็กขนำด 3 มิลลิเมตร โรย - มีกำรก�ำหนดเป้ำหมำยกำรผลิตท่ีชัดเจน เพ่ือ แป้งรองพ้ืน โดยวำงซ้อนไม่เกิน 5 ช้ัน แล้วใช้ ควบคมุ ต้นทนุ ในกำรผลิต ผำ้ ใบคลมุ จะสำมำรถเกบ็ รักษำสภำพยำงได้ 6 - น�ำหลักกำรเร่ืองเวลำมำตรฐำนมำใช้ในกำร เดือน ปรับปรุงประสิทธิภำพกำรผลิต โดยจะเริ่ม - มกี ำรใชพ้ ำเลทพลำสตกิ แลว้ รองดว้ ยแผน่ พลำสติก ท�ำกำรเลอื กผลติ ระหว่ำงเวลำ 22.00 – 9.00 น. ประเภทโพลเี อททลี นี (Polyethylene, PE) ทกุ ชั้น จะท�ำใหค้ ่ำไฟฟำ้ ลดลงเหลอื 1.50 บำท/หนว่ ย เพ่อื ปอ้ งกนั ยำงติดกนั - ให้มีกำรเปิดเคร่ืองจักรเหลื่อมเวลำกันประมำณ *ย่อมำจำก System Application Products หมำยถงึ โปรแกรมทีช่ ่วยจดั กำรสำยงำนทุกสำยงำนของธุรกิจใหส้ ำมำรถเขำ้ ถงึ ข้อมลู ได้อยำ่ งรวดเร็ว และ ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นย�ำ สำมำรถน�ำไปใช้ประกอบกำรด�ำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหำรสำมำรถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถำนะของ บรษิ ัทได้ โดยทำ� หน้ำท่จี ดั กำรเกย่ี วกบั ทรพั ยำกรขององคก์ ร เพือ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ

29 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 5 นำที เพอ่ื ลดคำ่ ไฟฟำ้ โรงงานแปรรปู ยางแท่ง STR 20 - มีกำรจ่ำยค่ำแรงรวมท้ังค่ำเข้ำกะ ซึ่งจะท�ำให้ - วนั ธรรมดำจะเรมิ่ ผลิตในเวลำ 6.00 - 14.00 น. เกิดควำมคุ้มค่ำกว่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่ำ และจะผลิตในตอนกลำงคืนเพ่ือลดต้นทุนค่ำ ไฟฟำ้ ท่ีตอ้ งจ่ำยในชว่ งเวลำปกติ ไฟฟ้ำ โรงงานแปรรูปยางแผน่ รมควนั - ใช้กะลำปำล์ม และ ไม้สับ ในกำรให้ควำมร้อน - ใช้เตำอบยำงแบบไฟฟ้ำเพื่อประหยัดพลังงำน ในกำรอบยำง แทนกำรใช้ก๊ำซ LPG เนื่องจำก และใหผ้ ลผลติ มคี ณุ ภำพอย่ำงสมำ�่ เสมอ ให้พลังงำนควำมร้อนท่ีเสถียร รวมท้ังศึกษำกำร - พัฒนำโรงงำนให้เข้ำสู่มำตรฐำน GMP และ ใช้หญ้ำเนเปียร์ทดแทน ระบบ ISO - บังคับใช้คู่มือกำรปฏิบัติงำน ให้มีกำรบ�ำรุง - จ้ำงพนักงำนรำยเหมำ และมีกำรก�ำหนดดัชนีช้ี รักษำเครื่องจักรอย่ำงต่อเนื่องตำมระยะเวลำท่ี วัดผลงำน (KPI) ผู้ควบคุม เช่น กำรใช้ไม้ฟืน ก�ำหนด ซึ่งจะท�ำให้มีกำรประหยัดต้นทุนใน คุณภำพยำง ปริมำณกำรผลิต และในส่วนของ กระบวนกำรผลิตและซ่อมบำ� รงุ เครื่องจกั ร แรงงำนจ้ำงเหมำก็มีดัชนีชี้วัดผลงำนของแต่ละ - ลดปริมำณยำงที่หล่นจำกสำยพำนกำรผลิต งำน ถ้ำท�ำไม่ได้ จ่ำยแค่ค่ำแรงรำยวัน แต่ถ้ำ โดยกำรท�ำทก่ี น้ั ท�ำได้เกินที่ก�ำหนด ก็จะให้เงินตอบแทนพิเศษ - ไม่มีกำรท�ำยำงเครปเก็บเอำไว้ก่อน จะผลิต เป็นแรงจูงใจ จะท�ำให้ได้ประสิทธิภำพในกำร เฉพำะยำงก้อนถ้วย เพ่ือลดขั้นตอน และลดคน ผลติ เพิม่ ขนึ้ ต้นทนุ เฉลี่ยกจ็ ะลดลง ในกำรผลติ ได้ ซ่งึ จะลดต้นทุนได้ประมำณ 50% - จดั จำ� นวนแรงงำนใหเ้ หมำะสมกบั กำ� ลงั กำรผลติ - ใช้หุ่นยนต์ในกระบวนกำรผลิตเพื่อลดกำรใช้ - ก�ำหนดมำตรฐำนของไม้ฟืนท่ีใช้ในกำรผลิต แรงงำนคน เชน่ กำรดงึ ยำงออกจำกตะกง และเกบ็ สถิติกำรใชไ้ มฟ้ นื มำเปรียบเทยี บ - ผลิตตำมค�ำส่ังซ้ือของลูกค้ำเป็นหลัก ลดกำร - ใช้ไม้เงำะซึ่งให้พลังงำนควำมร้อนสูงมำเป็นเชื้อ เก็บสินค้ำคงคลังเป็นยำงแท่ง แต่เก็บสินค้ำ เพลงิ ในกำรผลติ คงคลังในรูปแบบของยำงก้อนถ้วยเพื่อป้องกัน - ก�ำหนดให้มีกำรแข่งขันโดยให้โบนัสพิเศษเป็น กำรขำดทนุ จำกมลู คำ่ ของสินคำ้ และระยะเวลำ แรงจงู ใจใหแ้ ก่โรงงำนในเครอื ทงั้ หมด ของใบรับรอง - ก�ำหนดช่วงเวลำผลิตในช่วงควำมต้องกำร ไฟฟ้ำต�่ำ (Off peak) เพอ่ื ประหยดั ค่ำไฟฟ้ำ การตรวจสอบคณุ ภาพ - ก�ำหนดมำตรกำรประหยัด ควบคุมกำรใช้ โรงงานแปรรปู นา�้ ยางขน้ ทรัพยำกร แล้วค�ำนวณต้นทุนเฉล่ียต่อหน่วยให้ - มอบหมำยให้พนักงำนในฝ่ำยโลจิสติกส์ท�ำงำน เปน็ ไปตำมตน้ ทนุ เปำ้ หมำยท่ีก�ำหนดไว้ แบบหลำกหลำยหน้ำที่ โดยท�ำหน้ำท่ีในกำร - กำรเบิกสินค้ำในกำรผลิต จะใช้คุณภำพท่ีใกล้ ตรวจสอบคณุ ภำพด้วย เคียงกัน หรือมีกำรใช้สินค้ำของผู้ขำยรำย - มีกำรตรวจสอบกำรด�ำเนินกำรของผู้ขำยยำง เดยี วกนั - มกี ำรจัดทำ� ฐำนขอ้ มูลลูกค้ำ เพ่ือใช้ในกำรตรวจ - มีกำรใช้สำยพำนล�ำเลียงทดแทนกำรใช้แรงงำน ประวัตขิ องลกู ค้ำในกำรรับวัตถุดบิ คนในกระบวนกำรผลิต - ในระหว่ำงกระบวนกำรผลิต จะมีกำรควบคุม - มีกำรลดต้นทุนในกำรใช้น้�ำ โดยใช้น�้ำบำดำล คณุ ภำพตลอดกระบวนกำรผลิต มกี ำรขดุ สระมำใช้ในชว่ งฤดฝู น โรงงานแปรรปู ยางแผน่ รมควนั - ลดจ�ำนวนคนในกำรปฏิบัติงำนในกำรตรวจ สอบคุณภำพดว้ ยกำรจดั งำนใหม่

30 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 - คัดเลือกตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้มำตรฐำน เป็นที่ ยอมรบั ของลกู ค้ำ เพ่ือป้องกนั ควำมเสยี หำย - น�ำแท็บเล็ต (Tablet) มำใช้ในกำรตรวจสอบ คุณภำพผ่ำนแอปพลิเคชัน (Application) เพื่อ - ใช้เคร่ืองมือวัดควำมถ่วงจ�ำเพำะของน�้ำยำงเพ่ือ ส่งข้อมูลลำ่ สุดใหผ้ ู้บริหำร ใช้ในกำรบรรจุ จะท�ำให้บรรจุน�้ำยำงลงบรรจุ ภณั ฑ์ไดร้ วดเรว็ ขึ้น - มุ่งเน้นกำรตรวจสอบคุณภำพในจุดท่ีส�ำคัญท่ี ลูกค้ำต้องกำร และลดกำรตรวจสอบท่ไี มจ่ �ำเป็น - กำรบรรจุแบบใส่ในถังมำตรฐำนขนำด 205 กิโลกรัม (Drum) เพิ่มขนำดบรรจุในตู้คอนเทน- - ใช้ระบบ ISO เข้ำมำใช้ในกำรควบคุมระบบกำร เนอร์ จำก 80 ถงั เป็น 98 ถงั และในกำรข้นึ 1 ตู้ ทำ� งำน เปล่ยี นมำใช้เคร่อื งมอื ทุน่ แรง เชน่ เครน และรถ โฟร์คลิฟท์ จะท�ำให้ลดกำรใช้คนในกำรบรรจุ - ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เครื่องตรวจวดั จำก 6-8 คน เหลอื เพยี ง 2-4 คนเทำ่ นน้ั ควำมชนื้ ในกำรปฏบิ ัตงิ ำน - ส�ำหรับบริษัทท่ีขำดควำมช�ำนำญจะเลือกใช้ - มกี ำรถำ่ ยภำพรำยละเอยี ดทงั้ หมด หรอื VDO call ผู้รับจ้ำงจำกภำยนอกเป็นผู้ด�ำเนินกำรเพื่อลด เพอ่ื ยนื ยนั กบั ลกู คำ้ หรอื เอกสำรคณุ ภำพกบั ผซู้ ้อื ระยะเวลำในกำรดำ� เนินงำน - มกี ำรทวนสอบน้�ำหนักทุกคร้ัง โรงงานแปรรปู ยางแผ่นรมควนั โรงงานแปรรูปยางแท่ง STR 20 - ใช้พนักงำนของโรงงำนในกำรบรรจุยำงข้ึนตู้ - น�ำแท็บเล็ตมำใช้ในกำรตรวจสอบคุณภำพ โดยเลิกใช้กำรจ้ำงจำกภำยนอก แต่เป็นใน (QC) ผ่ำนแอปพลเิ คชัน เพ่อื สง่ ข้อมลู ล่ำสุดใหผ้ ู้ ลักษณะกำรจ้ำงเหมำ มีกำรเก็บข้อมูลระยะ บรหิ ำร เวลำในกำรรอคอยสินค้ำ (Lead time) ว่ำ - มีกำรฝึกอบรมให้พนักงำนได้รับทรำบถึงข้อ สำมำรถท�ำงำนได้กี่ตู้ต่อวัน เพ่ือน�ำมำใช้ กำ� หนดทำงด้ำนคุณภำพ กำ� หนดดัชนีช้ีวดั ผลงำน - ตรวจสอบรถบรรทุกสินค้ำ พนักงำนขับรถ ให้มี - กำรควบคุมกำรท�ำงำนให้อยู่ในระยะเวลำ ควำมพร้อมในกำรปฏิบัตงิ ำน ท�ำงำนเพอ่ื ลดค่ำใชจ้ ำ่ ยท่เี กิดจำกคำ่ ลว่ งเวลำ - ใช้เอกสำรรำยงำนตรวจสอบ (Checklist) ตำม - ใช้ถังอัดยำงแบบใหม่ เมื่ออัดยำงเป็นก้อนเสร็จ คมู่ อื กำรปฏิบตั งิ ำน ตำมมำตรฐำน ISO จะสำมำรถเปิดฝำข้ำง แล้วมเี ครอื่ งดนั ออก - เพ่ิมมำตรกำรในกำรดูแลรักษำสินค้ำระหว่ำงส่ง - กำรควบคุมกำรท�ำงำนให้อยู่ในระยะเวลำ มอบโดยก�ำหนดใช้ตัวรัด (Seal) 8 ตัว ต่อรถ ท�ำงำนเพอ่ื ลดค่ำใชจ้ ่ำยทเ่ี กิดจำกคำ่ ลว่ งเวลำ บรรทุก 1 คันเพื่อป้องกันควำมสูญเสียใน - กำ� หนดดชั นชี วี้ ดั ผลงำนเพอื่ ใหเ้ กดิ ประสิทธิภำพ กระบวนกำรขนส่ง ในกำรปฏบิ ัติงำน - มีกำรตรวจสอบคุณภำพ (QC) ใน 2 จุดท่สี ำ� คัญ โรงงานแปรรูปยางแท่ง STR 20 คือ จุดท่ีได้ผลิตภัณฑ์และก่อนกำรส่งมอบ - ใช้เคร่ืองมือทำงวิทยำศำสตร์มำใช้ในกำรน�ำ ผลิตภัณฑ์โดยบังคับใช้คู่มือปฏิบัติงำนอย่ำง เขำ้ บรรจุภัณฑ์ และเพมิ่ กำรใช้ลูกกลง้ิ (Rolling) เครง่ ครดั ในกำรเคลอื่ นย้ำยยำงแทนคน - ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สถำนท่ีชั่งน�้ำหนัก การบรรจภุ ณั ฑ์ และสแกนโลหะ ถ้ำไม่ได้มำตรฐำนจะมีกำร โรงงานแปรรปู นา�้ ยางขน้ ผลักยำงออกจำกสำยพำน - ในกำรบรรจุแบบใส่ในถุงสูญญำกำศ (Flexi- - ใช้ระบบ Jig fixture* ในกำรเรียงยำงลงถัง bag) 20 ตันต่อตู้ จะมีกำรฝึกอบรมพนักงำนท่ี ทดแทนกำรใชค้ น รบั ผดิ ชอบ ทดแทนกำรจำ้ งผรู้ บั จำ้ งจำกภำยนอก แล้วมำบรรจุเองภำยในบริษัท สำมำรถลด ตน้ ทุนได้ประมำณ 50%

31 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 การบรหิ ารคลงั สนิ คา้ 30 วนั ใหส้ อดคลอ้ งกบั อำยขุ องใบรบั รองสนิ คำ้ โรงงานแปรรปู นา�้ ยางขน้ - ผลติ สินคำ้ ตำมคำ� สั่งซือ้ ของลกู คำ้ การขนสง่ และสง่ ออก - จะท�ำกำรเพิ่มปริมำณสินค้ำคงคลังส�ำหรับ โรงงานแปรรูปน�า้ ยางขน้ จ�ำหนำ่ ยในช่วงฤดูกำลปิดกรดี - เลือกผู้รับจ้ำงขนส่งท่ีมีควำมยืดหยุ่นเกี่ยวกับ - กำรเติมแอมโมเนียลงในแท้งค์น้�ำยำงข้นจะ ระยะเวลำในกำรขนสง่ เพอ่ื ปอ้ งกนั ควำมเสยี หำย ยกเลิกกำรเติม 3 ระดับ เช่น ในอดตี คือ รองพ้ืน จำกกำรไม่ทันสำยเรือ หรือใช้รถในกำรขนส่ง แท้งค์ กลำงแท้งค์ และบนแท้งค์ มำเป็นเติม ของตนเองเพ่ือป้องกันปัญหำกำรขำดแคลนรถ เฉพำะส่วนบนแท้งค์ท่ีเดียว ก็สำมำรถควบคุม ขนส่ง คุณภำพประหยัดสำรเคมีและแรงงำนในกำร - เลอื กรูปแบบกำรขนสง่ ท่ตี รวจสอบง่ำยท่สี ุด ปฏิบัตงิ ำนได้ โรงงานแปรรูปยางแผ่นรมควนั โรงงานแปรรูปยางแผน่ รมควนั - จ้ำงชิปปิ้ง (Shipping) จำกภำยนอกมำจัดกำร - มีกำรแบ่งพ้ืนท่ีในกำรจัดเก็บ เช่น พ้ืนท่ีเก็บยำง เรอ่ื งสำยเรอื กำรส่งออก แต่กำรจัดหำรถบรรทุก แผน่ ดบิ จะไม่อยตู่ ดิ กบั ยำงแผ่นรมควัน จะใช้รถของบริษัทในเครือ และจะใช้รูปแบบ - เกบ็ ผลติ ภณั ฑ์ ไวใ้ กลก้ บั จดุ โหลด เพอื่ ลดคำ่ ใชจ้ ำ่ ย Backhaul** เพอื่ ลดต้นทนุ ในกำรขนส่ง - ตรวจเช็คปริมำณเชื้อเพลิงท่ีใช้ของรถโฟร์คลิฟท์ - มีกำรวำงแผนและก�ำหนดเวลำร่วมกับบริษัทที่ เพ่ือประเมินประสิทธิภำพในกำรด�ำเนินงำนใน ดแู ลเร่อื งกำรขนส่ง เพื่อไมใ่ หเ้ สียเวลำรอคอยใน ส่วนของคลังสนิ ค้ำ กำรทำ� งำน - ตรวจสอบอำคำรคลังสินค้ำให้มีควำมพร้อม - กำรรับค�ำส่ังซ้ือสินค้ำต้องพิจำรณำเรื่องน้�ำหนัก สำ� หรับเกบ็ รักษำสนิ ค้ำ ที่เหมำะสมกบั ขนำดบรรจุของรถ - ไม่เก็บสินค้ำไว้เป็นเวลำนำนนำน เพื่อป้องกัน - พิจำรณำเลือกด่ำนส่งออกท่ีใกล้ที่สุดเป็นล�ำดับ กำรเสื่อมคุณภำพของสินคำ้ แรก และถัดมำคือ ตำมควำมตอ้ งกำรของลกู คำ้ โรงงานแปรรูปยางแท่ง STR 20 โรงงานแปรรูปยางแทง่ STR 20 - ลดกำรเก็บสินค้ำคงคลัง โดยใช้พื้นที่ให้เกิด - ในกำรขนส่งยำง ให้มีกำรประทับตรำท่ีชัดเจน ประโยชน์สูงสุดส�ำหรับกระบวนกำรผลิต และ รวมทั้งหลักฐำนต่ำง ๆ เช่น ภำพถ่ำย กำรปรับ ลดค่ำใช้จ่ำยในกำรบริหำรคลงั สินค้ำ หรือทดสอบเทยี บเครอ่ื งชัง่ - แบ่งปันข้อมูลและสร้ำงควำมร่วมมือกับลูกค้ำ - ท�ำสัญญำระยะยำวกับผู้ประกอบกำรขนส่งท่ีมี เพื่อร่วมกันก�ำหนดและวำงแผนก�ำลังกำรผลิต คณุ ภำพในกำรให้บริกำร สนิ ค้ำให้ไดค้ ุณภำพตำมที่ลูกคำ้ ต้องกำร - ลดต้นทุนกำรขนส่งโดยเลือกกำรขำยยำง ณ - ตรวจสอบอำคำรที่ใช้ในกำรจัดเก็บ ให้มีควำม รำคำหน้ำโรงงำน พรอ้ มอยูต่ ลอดเวลำ สรุปผลการศึกษา - ลงทุนสร้ำงช้ันเก็บยำง ขนำดสำมช้ันเพื่อเพ่ิม พน้ื ทใ่ี นกำรจัดเก็บ จำกแนวทำงในกำรลดต้นทุนด้ำนโลจิสติกส์ที่ได้ - กำ� หนดระยะเวลำในกำรเกบ็ สนิ คำ้ คงคลงั ไมเ่ กิน กล่ำวมำ สำมำรถสรุปได้ว่ำสิ่งที่ส�ำคัญท่ีสุดในกำรลดต้น *กำรใช้อุปกรณ์จับยึดและอุปกรณ์ก�ำหนดต�ำแหน่ง เป็นกำรใช้อุปกรณ์ท่ีออกแบบเพ่ือกำรท�ำงำนใดงำนหน่ึงโดยเฉพำะ ในกำรจับยึดชิ้นงำน หรือช่วย กำ� หนดตำ� แหนง่ **เป็นส่วนหนึ่งของเที่ยวกำรขนส่ง (โดยท่ัวไปใช้กับกำรขนส่งทำงถนน) เป็นขำกลับของกำรขนส่งเพ่ือกลับไปยังต้นทำง ในทำงอุดมคติแล้วผู้ให้บริกำร ขนสง่ จะพยำยำมหำของอะไรบำงอยำ่ งเพอื่ ขนกลบั ไปดว้ ยเพอ่ื ไมใ่ หเ้ สยี เทยี่ ว

32 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ทุนด้ำนโลจิสติกส์ คือกำรเพ่ิมประสิทธิภำพ หรือกำรใช้ และเปน็ ที่ยอมรับของผ้ขู ำยวัตถุดบิ ปัจจัยกำรผลิต (Input) ในกำรผลิตได้อย่ำงมี 6. ส�ำรวจและจัดท�ำฐำนข้อมูลของผู้ขำยวัตถุดิบ ประสิทธิภำพและประสิทธิผลเพื่อให้เกิดผลผลิต (Out- เพื่อใช้ในกำรตรวจประวัติของลูกค้ำในกำรรับวัตถุดิบ put) สงู สดุ ดงั นน้ั จะเห็นไดว้ ่ำกำรเพม่ิ ประสิทธิภำพ คอื เพ่ือให้สำมำรถสืบค้นข้อมูลย้อนกลับได้ และสำมำรถ กำรเพมิ่ ปริมำณผลผลิต และลดกำรใชป้ จั จัยกำรผลิต ซึง่ บริหำรจัดกำรของผู้ขำยวัตถุดิบตำมระดับควำมส�ำคัญ ในกระบวนกำรผลิต แปรรูป กำรส่งออกยำง หรือ ไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพ ผลิตภัณฑ์ยำง จะมีกระบวนกำรหรือข้ันตอนท่ีส�ำคัญ 7. ก�ำหนดหลักเกณฑ์ในกำรขำยวัตถุดิบให้เป็นไป จ�ำนวนทง้ั สิ้น 8 กระบวนกำร คอื กำรซอื้ วัตถุดบิ กำรรบั ตำมข้อกฎหมำยและข้อบังคับในกำรรักษำสิ่งแวดล้อม วัตถุดิบ กำรบริหำรวัตถุดิบ กำรผลิต/แปรรูป กำรตรวจ เพ่ือป้องกันปัญหำทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมและข้อร้องเรียน สอบคุณภำพ กำรบริหำรคลังสินค้ำ กำรส่งมอบ ของชมุ ชนบริเวณใกล้เคยี งโรงงำน ผลิตภณั ฑ์ และกำรขนสง่ /กำรสง่ ออก 8. สรำ้ งแรงจงู ใจให้แกผ่ ขู้ ำยวตั ถุดิบทน่ี �ำวัตถดุ บิ ท่ี ดังน้ัน ในกำรหำแนวทำงส�ำหรับกำรพัฒนำ มีคุณภำพมำขำย เช่น กำรให้รำคำเพ่ิม และลงโทษผู้ท่ี ศักยภำพกำรลดต้นทุนโลจิสติกส์ (Logistics cost นำ� วตั ถุดบิ ทไ่ี มไ่ ด้คุณภำพมำขำย เช่น กำรปรับ กำรห้ำม leadership model) ของผู้ประกอบกำรในด้ำน ขำย เปน็ ตน้ อุตสำหกรรมยำงพำรำ จึงจ�ำเป็นต้องวิเครำะห์ภำพรวม 9. ปรับเปล่ียนวิธีกำรที่สิ้นเปลืองระยะเวลำในกำร ของผลผลิต และปัจจัยกำรผลิตของกระบวนกำรทั้ง ด�ำเนินงำนที่ไม่จ�ำเป็น เช่น ลดกำรตรวจสอบคุณภำพใน 8 กระบวนกำร ดังน้ี บำงขั้นตอนท่ีไม่จ�ำเป็น หรือ ลดกำรใช้แรงงำนคนมำใช้ การซอื้ วตั ถดุ บิ /การรบั วตั ถดุ บิ เคร่ืองจักรในกระบวนกำรท�ำงำนที่มีโอกำสเกิดแถวคอย 1. ฝึกอบรมและถ่ำยทอดควำมรู้ให้แก่ผู้ปฏิบัติ ในกำรปฏิบตั งิ ำน เชน่ กำรลงยำงก้อนถ้วย 10. เลือกวิธีกำรท่ีคุ้มค่ำและเหมำะสมกับกำร งำนและผู้ขำยวัตถุดิบทั้งในส่วนของรำยย่อยหรือรำย ด�ำเนินงำน เช่น กำรใช้รถบรรทุกของตนเองในกำรไปรับ ใหญ่ให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับคุณสมบัติและ วัตถุดิบแทนกำรจ้ำงรถบรรทุกภำยนอก หรือเลือกใช้รถ คุณภำพของวัตถดุ บิ ท่ีโรงงำนแปรรูปยำงพำรำ บรรทุกจำกภำยนอกที่มีค่ำใช้จ่ำยต�่ำกว่ำกำรใช้รถ 2. อธิบำยหลกั เกณฑ์ วิธกี ำร ท้ังในเรอ่ื งของกำรรบั บรรทกุ ของตนเอง หรอื กำรเปิดจุดรับซอื้ ย่อยเพอื่ รวบรวม ซ้ือวัตถุดิบ กำรรับ-จ่ำยเงิน ให้แก่ผู้ขำยวัตถุดิบ ได้รับ ปริมำณวัตถุดิบในกรณีขำดแคลนวัตถุดิบแล้วกระทบต่อ ทรำบข้อมูลและรำยละเอียดทั้งหมด รวมท้ังสร้ำงควำม ต้นทุนในกระบวนกำรผลิต เป็นตน้ ร่วมมือกับผู้ขำยยำงในลักษณะของคู่ค้ำ ขยำยรูปแบบ 11. หำแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่�ำในกรณี หรือเพิ่มช่องทำงในกำรรับซ้ือวัตถุดิบให้มีควำมหลำก ต้องกำรสะสมหรือรวบรวมวัตถุดิบไว้เพื่อกำรผลิตใน หลำย สอดคล้องกับควำมต้องกำรของผู้ขำยวัตถุดิบ ระยะยำว จะทำ� ใหส้ ำมำรถลดภำระค่ำใชจ้ ่ำยในสว่ นของ และปริมำณวัตถดุ ิบที่โรงงำนแปรรปู ยำงพำรำตอ้ งกำร ตน้ ทุนเงินทุนได้ 3. กำรฝึกฝนใหผ้ ู้ปฏิบัตงิ ำนสำมำรถด�ำเนนิ งำนได้ 12. เข้ำประมูลยำงในตลำดกลำงยำงพำรำ หรือ ในหลำกหลำยทักษะ (Multi skill) ที่เก่ียวข้องกับกำร ตลำดประมูลยำงของกำรยำงแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ ด�ำเนินงำนเพื่อลดต้นทุนในกำรจ้ำงแรงงำนเกินควำม ยอมรับในเรอื่ งของมำตรฐำน เพือ่ ลดตน้ ทุนซ่ึงอำจจะเกิด จ�ำเปน็ จำกของเสยี ในกระบวนกำรผลติ และลดคำ่ ควำมเสยี หำย 4. ปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือวิธีกำรใช้สำรเคมีหรือ กำรส่งคืนสินค้ำกลับจำกบริษทั ผ้ใู ชย้ ำง วัสดอุ ปุ กรณ์เท่ำท่จี ำ� เปน็ เพือ่ ลดค่ำใช้จำ่ ยสิ้นเปลือง 13. ในกำรใช้รถบรรทุกของตนเองต้องค�ำนึงถึงค่ำ 5. ตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในกระบวนกำรซ้ือ เสียโอกำสในกรณีกำรบรรทุกเท่ียวเปล่ำ ซ่ึงอำจจะใช้วิธี ขำยให้มีควำมพร้อมในกำรด�ำเนินงำน มีควำมถูกต้อง กำรแบบ Milk run เพื่อลดตน้ ทุนในกำรขนสง่

33 ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 การบรหิ ารวตั ถดุ บิ การผลติ และการแปรรปู 1. บันทึกรำยกำรของวัตถุดิบเพ่ือให้ง่ำยต่อกำร 1. ด�ำเนินกำรผลิตที่ปริมำณใกล้เคียงกับก�ำลัง บริหำรวัตถุดิบ มีกำรแยกประเภทของวัตถุดิบ เช่น แยก กำรผลิตหรือประสิทธิภำพกำรผลิตของเคร่ืองจักรและ ตำมคุณสมบัติทำงกำยภำพ หรือคุณสมบัติทำงเคมี แรงงำน เพ่อื ท�ำให้ต้นทุนกำรผลติ ตอ่ หน่วยลดลง ควำมพรอ้ มในกำรนำ� เขำ้ ผลติ เป็นตน้ 2. ควรใช้เครื่องจักรท่ีเหมำะสมต่อกำรผลิต โดย 2. จัดเตรียมอำคำรสถำนท่ีให้เหมำะสมต่อกำรจัด ต้องตรวจวัดและบันทึกค่ำเพื่อให้ทรำบต้นทุนกำรผลิต เก็บวัตถุดิบ และไม่ให้เกิดค่ำใช้จ่ำยในกำรปรับปรุง ทแ่ี ทจ้ รงิ ของเครอ่ื งจกั รแต่ละเครอ่ื ง คุณภำพของวัตถุดิบอีกครั้ง เช่น กำรป้องกันสิ่งปฏิกูลท่ี 3. ควรท�ำกำรผลิตอย่ำงต่อเน่ือง ลดกำรหยุดของ เกดิ จำกมูลนก เครื่องจักรให้น้อยท่ีสุด ซึ่งจะท�ำให้ปริมำณผลผลิตเพิ่ม 3. กำ� หนดคมู่ อื กำรปฏบิ ตั ิงำนทีช่ ัดเจน โดยเฉพำะ ข้ึน และสำมำรถลดต้นทนุ ในกำรเปดิ เครอื่ งจกั รใหม่ได้ กำรปฏิบัติงำนที่เก่ียวข้องกับวัสดุอุปกรณ์และสำรเคมี 4. ควรจัดกำรและดูแลให้เครื่องจักรช�ำรุดน้อย โดยก�ำหนดให้มีค่ำมำตรฐำนในส่วนของปริมำณกำรใช้ ที่สุด กำรท่ีเครื่องจักรช�ำรุดหรือเสียบ่อยจะท�ำให้ต้นทุน และกำรป้องกันอุบัติเหตุท่ีอำจสร้ำงควำมอันตรำยให้แก่ กำรผลิตสูงข้ึน ดังน้ัน โรงงำนแปรรูปยำงควรจัดท�ำ ผูป้ ฏบิ ตั ิงำน แผนกำรบ�ำรงุ รักษำทด่ี ี รวมทั้งจัดทำ� สำ� รองอะไหลต่ ำ่ ง ๆ 4. ก�ำหนดใหม้ มี ำตรกำรในกำรบรหิ ำรวัตถุดิบ โดย เพ่ือให้เคร่ืองจักรหยุดเพ่ือซ่อมบ�ำรุงโดยใช้ระยะเวลำ คำ� นงึ ถงึ ผลกระทบทำงดำ้ นสงิ่ แวดลอ้ มเชน่ มลพษิ ทำงนำ้� นอ้ ยทสี่ ุด มลพิษทำงกลิน่ และมลพิษทำงเสียง 5. ใช้อุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติแทนกำรใช้คน 5. รับวัตถุดิบมำแล้วต้องรีบให้มีกำรผลิตให้เร็ว ท�ำงำน เนื่องจำกมีควำมเท่ียงตรงและต้นทุนกำรผลิตต่�ำ ทีส่ ุด โดยอำจให้หลัก FIFO เพือ่ ลดต้นทุนในส่วนของสำร กว่ำ เช่น กำรใช้สำยพำน หรอื เคร่ืองบรรจยุ ำงใสถ่ งุ กำร เคมี และค่ำใช้จ่ำยส่วนเพ่ิมในกำรรักษำสภำพของ ดงึ ยำงออกจำกตะกง เป็นตน้ วตั ถุดบิ 6. น�ำหลักกำรเร่ืองเวลำมำตรฐำนมำใช้ในกำร 6. ส�ำรองวัตถุดิบ ในช่วงฤดูกำลปิดกรีดให้เพียง ปรับปรุงประสิทธิภำพและลดต้นทุนกำรผลิต เช่น เวลำ พอตอ่ กำรผลติ เพ่ือลดตน้ ทนุ ผันแปรเพม่ิ สงู ข้นึ เข้ำงำนในแต่ละกะ ให้สอดคล้องกับกำรคิดค่ำไฟฟ้ำ 7. น�ำเทคโนโลยีมำประยุกต์ใช้ในกำรปฏิบัติงำน แบบควำมต้องกำรไฟฟ้ำต่�ำ (Off peak) เชน่ กำรผลติ ใน เชน่ โปรแกรม SAP หรอื ใชแ้ อปพลเิ คชัน ผำ่ นสมำรท์ โพน ชว่ งเวลำ 22.00 – 9.00 น. ในกำรบริหำรวัตถุดิบ เพ่ือให้กำรด�ำเนินงำนมีควำม 7. ลดตน้ ทุนแรงงำนทำงตรง คอื กำรจ้ำงพนกั งำน แม่นย�ำและมปี ระสทิ ธิภำพมำกยิง่ ขึ้น ให้ผันแปรตำมปริมำณงำน โดยกำรลดค่ำแรงที่จ่ำย 8. ศึกษำวิธีกำรในกำรจัดเก็บวัตถุดิบที่ทันสมัย พนักงำนผลิต เช่น ค่ำแรงซ่อมงำน ค่ำล่วงเวลำ จำก และก�ำหนดวิธีกำรจัดเก็บและบริหำรวัตถุดิบให้ ควำมบกพร่อง/ผิดพลำดจำกกำรผลิตหรือกำรวำงแผน สอดคล้องกับขนำดและควำมสำมำรถของโรงงำน กำรผลติ เปน็ ตน้ แปรรูปยำงพำรำ 8. ก�ำหนดค่ำมำตรฐำนส�ำหรับผู้ปฏิบัติงำนในทุก 9. จัดแผนผังและกระบวนกำรไหลเวียนของ ต�ำแหน่ง ทุกระดับ และจัดจ�ำนวนแรงงำนให้เหมำะสม วัตถุดิบให้สำมำรถปฏิบัติงำนได้สะดวก ลดค่ำใช้จ่ำยท่ี กับกำ� ลังกำรผลิต ไม่จำ� เปน็ หรือกำรเสยี คำ่ ใชจ้ ำ่ ยซำ�้ 9. หำแนวทำงในกำรลดควำมสูญเสียในกระบวน 10. วิเครำะห์สถิติกำรซ้ือวัตถุดิบ และค�ำสั่งซื้อใน กำรผลิต แต่ละช่วงเวลำ เพื่อป้องกันควำมผิดพลำดในกำรบริหำร 10. ควรใช้พลังงำนท่ีเหมำะสมกับกำรผลิต เช่น วัตถุดิบ กำรใช้ไม้ฟืน ก๊ำซ และควรหำเช้ือเพลิงอื่นที่มีต้นทุนต่�ำ กว่ำเพ่ือลดต้นทนุ ในกำรผลิต เช่น

34 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 3. บันทึกข้อมูลกำรบรรจุภัณฑ์ทุกล็อต เพ่ือใช้ใน กำรติดตำมสินค้ำ และให้เก็บระยะเวลำที่ใช้ในกำร ใชไ้ ม้เงำะแทนไมย้ ำง เปน็ ต้น ทำ� งำน เพอ่ื จดั ทำ� เป็นคำ่ มำตรฐำน 11. ควรทำ� กำรสอบเทียบมำตรวัดตำ่ ง ๆ อยู่ตลอด 4. ควบคุมกำรปฏิบัติงำนให้แล้วเสร็จภำยในเวลำ เวลำ เชน่ เครื่องช่ังน�ำ้ หนัก เคร่ืองควบคมุ ควำมรอ้ น เพือ่ ทำ� งำนปกติ ลดค่ำใช้จ่ำยท่ีเกดิ จำกคำ่ ลว่ งเวลำ ใหค้ ณุ ภำพของผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ไปตำมมำตรฐำน 5. ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ท่ีเหมำะสมต่อกำร 12. ใช้น�้ำบำดำลหรือน้�ำบ่อในกำรลดต้นทุนใน ปฏิบัติงำน เช่น เครื่องวัดควำมถ่วงจ�ำเพำะของน้�ำยำง กำรใช้น้�ำในกระบวนกำรผลิต และมีกำรบ�ำบัดน้�ำเสียให้ จะท�ำให้บรรจนุ ำ้� ยำงไดร้ วดเร็วขน้ึ หรือเครอ่ื งสแกนโลหะ สำมำรถนำ� น�้ำเสยี กลับมำใชใ้ นกระบวนกำรผลิตไดอ้ ีก ก่อนบรรจยุ ำงใสล่ งในถุง 13. จัดกำรฝึกอบรมถ่ำยทอดควำมรใู้ หแ้ ก่ผปู้ ฏบิ ตั ิ 6. ใช้เครื่องจักรทดแทนกำรใช้แรงงำนคน เช่น ใช้ งำนให้สำมำรถปฏิบตั ิงำนทดแทนกนั ได้ สำยพำนในกำรลำ� เลยี งยำง ใช้เครือ่ งบรรจุถงุ แทนกำรใช้ คน หรอื กำรใชร้ ะบบ Jig fixture ในกำรเรยี งยำงลงถัง 14. น�ำมำตรฐำนระบบคุณภำพ เช่น ISO หรือ GMP มำใชใ้ นกระบวนกำรผลติ การบรหิ ารคลงั สนิ คา้ 1. ลดข้อผิดพลำดในกำรท�ำงำน ไม่ว่ำจะ การตรวจสอบคณุ ภาพ 1. จัดกำรฝึกอบรมถ่ำยทอดควำมรู้ให้แก่ เป็นกำรหยิบสินค้ำผิด ท�ำให้ต้องไปหยิบใหม่ กำรเก็บ สินค้ำผิดท่ี ท�ำให้นับสินค้ำไม่ตรงกับในระบบ ต้องเสีย ผู้ปฏิบัติงำนในกระบวนกำรผลิต หรือโลจิสติกส์ ให้ เวลำนับใหม่ กำรไม่ยิงบำร์โค้ดเม่ือมีสินค้ำเข้ำหรือออก สำมำรถปฏิบัตงิ ำนตรวจสอบหรือควบคมุ คณุ ภำพได้ จำกคลัง 2. ลดกำรตรวจสอบคุณภำพท่ีไม่จ�ำเป็น แต่มุ่ง 2. ควบคุมอุณหภูมิในคลังสินค้ำให้อยู่ในระดับที่ เน้นในส่วนท่ีเป็นข้อกังวลของลูกค้ำ เพื่อลดระยะเวลำใน เหมำะสม ป้องกันสินค้ำหรือวัสดุท่ีหุ้มห่อสินค้ำ เช่น กำรตรวจสอบ พลำสติก เปล่ียนสภำพเป็นสินค้ำตกคุณภำพ และจะ กลำยเป็นสินค้ำคงคลังที่ไม่มีกำรเคล่ือนไหว (Dead 3. ให้ผู้ปฏิบัติงำนปฏิบัติตำมคู่มือกำรปฏิบัติงำน stock) อย่ำงเคร่งครดั 3. ลดกำรเก็บสินค้ำในคลัง ด้วยวิธีกำรส่งผ่ำน 4. น�ำเทคโนโลยีท่ีทันสมัยมำช่วยในกำรปฏิบัติ สินคำ้ ท่ีเรยี กว่ำ Cross docking ซงึ่ เป็นกำรรบั สนิ ค้ำเข้ำ งำน เช่น กำรใช้แอปพลิเคชันผ่ำนสมำร์ทโพน เพื่อใช้ เพ่ือกระจำยออกไปยังลูกค้ำทันที ไม่มีกำรน�ำสินค้ำเก็บ ตรวจสอบควำมชื้น หรืออุณหภูมิ เพื่อลดข้ันตอนและ ในคลัง จะช่วยลดต้นทุนกำรจัดกำรสินค้ำท่ีอยู่ในคลัง จำ� นวนแรงงำน หรอื ต้นทนุ คำ่ แรงในกำรเคลอ่ื นย้ำยสินค้ำในคลงั 5. บันทึกภำพหรือวีดโี อเพ่ือใช้เป็นหลกั ฐำนในกำร 4. ลดกำรใชแ้ รงงำนสนิ้ เปลือง ใชท้ รพั ยำกรบคุ คล ยืนยันกบั ลกู คำ้ ในกรณที ี่สินค้ำมปี ัญหำ ซึ่งอำจก่อให้เกดิ ท่ีมีให้คุ้มค่ำท่ีสุด ในบำงจุด หำกสำมำรถเปล่ียนไปใช้ ค่ำใช้จำ่ ยในกำรเคลมสนิ ค้ำ ระบบอตั โนมัติได้ จะเป็นกำรลดต้นทุนทีด่ ีเย่ียม อำทิเชน่ กำรใช้รำงเลื่อนหรือสำยพำนในกำรช่วยเคลื่อนย้ำย การบรรจภุ ณั ฑ์ สนิ ค้ำ เพ่อื ประหยดั เวลำและแรงงำน 1. กรณีโรงงำนน�้ำยำงข้นให้เปรียบเทียบ 5. ใช้พ้นื ท่ใี หค้ ุม้ คำ่ สำ� รวจภำยในคลงั สินค้ำว่ำจัด ประสิทธิภำพในกำรบรรจุยำงลงถังหรือถุงสูญญำกำศ เรียงสินค้ำอย่ำงเปลืองพ้ืนท่ีมำกไปหรือไม่ โดยอำจไม่มี ในกำรใช้ผู้ปฏิบัติงำนของโรงงำน หรือกำรจ้ำงเหมำจำก กำรใช้พ้ืนท่ีในแนวดิ่ง มีเพียงกำรใช้พ้ืนที่ในแนวรำบ ภำยนอกมำด�ำเนินกำร โดยต้องค�ำนึงถึงค่ำใช้จ่ำย และ ท�ำให้พื้นที่ใช้งำนไม่พอ หรือพำเลทท่ีใช้มีขนำดไม่เหมำะ ระยะเวลำทใ่ี ช้ในกำรบรรจุ แลว้ ค่อยตัดสนิ ใจเลือก 2. ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ และเลือกบรรจุยำง ลงในตคู้ อนเทนเนอร์ทม่ี ีสภำพดี ได้มำตรฐำนเท่ำน้นั เพือ่ ป้องกันสินคำ้ เสยี หำยระหวำ่ งกำรขนสง่

35 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 สม หรอื ลงทนุ สรำ้ งช้นั วำงสินคำ้ ส�ำหรบั วำงยำง 3 ช้ัน กับผู้รับจ้ำงให้บริกำรขนส่ง เพื่อไม่ให้เกิดเวลำรอคอยใน 6. ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้งำนมีประสิทธิภำพมำก กำรทำ� งำน ยิ่งข้ึน ลดอุปกรณ์รุ่นเก่ำ ที่ไม่เพียงแต่เปลืองค่ำบ�ำรุง 7. พิจำรณำเลือกด่ำนส่งออก หรือท่ำเรือส่งออกที่ รักษำ ยังอำจเป็นอันตรำยกับผู้ใช้งำนด้วย น�ำโปรแกรม ใกล้ที่สุดเป็นล�ำดับแรก แล้วรองลงมำคือตำมควำม กำรควบคุมสินค้ำคงคลังเข้ำมำใช้ เปล่ียนจำกกำรใช้ ตอ้ งกำรของลูกคำ้ ระบบคนท�ำงำนเป็นระบบคอมพวิ เตอรท์ �ำงำน 8. ในกรณีไม่มีควำมสำมำรถในกำรขนสง่ ให้เลือก 7. ประหยดั พลงั งำน ใชร้ ะบบไฟฟำ้ แบบออโตเมตกิ รูปแบบกำรขำยสินค้ำ ณ โรงงำน และเปล่ียนรูปแบบกำรปฏิบัติงำน เช่น เปลี่ยนจำกใช้ จำกที่ได้กล่ำวมำเป็นกำรช้ีให้เห็นแนวทำงในกำร น้�ำมันกับรถโฟล์คลิฟต์มำเป็นก๊ำซ เปล่ียนหลอดไฟ ลดต้นทุนด้ำนโลจิสติกส์ ท้ัง 8 กระบวนกำรใน นอี อนเป็นหลอดประหยัดพลังงำน อุตสำหกรรมแปรรูปยำงพำรำ ซ่ึงสำมำรถสรุปได้ว่ำ 8. ตรวจสอบอำคำรคลังสินค้ำและอุปกรณ์ให้มี กระบวนกำรทำงด้ำนโลจิสติกส์ คือ กิจกรรมท่ีเก่ียวข้อง ควำมพร้อมอยู่เสมอ กับกำรวำงแผน กำรบริหำรจัดกำร กำรลดต้นทุน ลดขั้น 9. ออกแบบกำรบริหำรจัดกำรคลังสินค้ำให้ได้ ตอน ลดระยะเวลำ และเพมิ่ ประสิทธภิ ำพกำรดำ� เนนิ งำน ต้นทุนในกำรบริหำรสินค้ำคงคลังท่ีต่�ำท่ีสุด เช่น กำรเติม ตัง้ แตก่ ำรนำ� วตั ถุดบิ เข้ำส่โู รงงำน กำรผลติ จนกระทงั่ กำร แอมโมเนยี ในแท็งค์นำ้� ยำงข้น เปน็ ต้น ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ถึงลูกค้ำ โดยลูกค้ำมีควำมพึงพอใจ 10. จัดเก็บสินค้ำไม่เกินระยะเวลำตำมใบรับรอง ในผลิตภณั ฑ์และกำรบริกำรของผ้ผู ลิต คุณภำพกำ� หนด เอกสารอ้างองิ การขนสง่ และสง่ ออก คำ� นำย อภิปรัชญำสกลุ . 2551. การจดั การสินค้าคงคลัง. 1. พัฒนำผู้ปฏิบัติงำนให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ โฟกัสมเี ดยี แอนด์ พบั ลิชชิง่ : กรงุ เทพมหำนคร. เก่ียวกับกำรขนส่งและระบบโลจิสติกส์ (กรณีท่ีมีกำรส่ง ประชด ไกรเนตร. (2551). การขนสง่ เบอื้ งตน้ . บำ� รงุ กลกิจ: ออก) กรงุ เทพมหำนคร. 2. จัดท�ำฐำนข้อมูลและเช่ือมโยงเครือข่ำยกับ ภิรมย์ นันทวงศ์. 2562. Best Practice. แหล่งข้อมูล: ระบบกำรขนส่ง เช่น รถบรรทุก บริษัทชิปปิ้ง เพื่อให้ได้ผู้ http://www.takesa1.tak1.org/main56/note/ ใหบ้ ริกำรท่มี ตี ้นทนุ ต�ำ่ และมมี ำตรฐำนกำรใหบ้ ริกำรสงู htm/word/bestpractices_pirom.ppt คน้ เมอื่ 10 3. เลือกผู้รับจ้ำงที่มีควำมยืดหยุ่นเกี่ยวกับระยะ พฤษภำคม 2562. เวลำในกำรขนส่ง เพื่อป้องกันควำมเสียหำยจำกกำรส่ง ส�ำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร. 2560. แผนแม่บทกำร มอบสนิ คำ้ ไมท่ ันสำยเรอื พัฒนำโลจิสติกส์และโซ่อุปทำนภำคกำรเกษตร 4. เลอื กรปู แบบกำรขนสง่ ทต่ี รวจสอบงำ่ ย พ.ศ. 2560-2564. แหลง่ ข้อมลู : http://www.oae. 5. มีกำรควบคุมมำตรฐำนกำรขนส่งสินค้ำ เช่น go.th/assets/portals/1/ebookcategory/35_ กำรซีลตู้คอนเทนเนอร์ หรือรถบรรทุก มีกำรบันทึกภำพ supplychain2560-2564/#page=1 ค้นเม่ือ 3 หรือวีดโี อเป็นหลกั ฐำนในกำรตรวจสอบ พฤษภำคม 2562. 6. วำงแผนและกำ� หนดแผนกำรปฏบิ ตั งิ ำนรว่ มกนั

36 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 หลักปฏบิ ัตทิ ดี่ สี �าหรับจดุ รวบรวมน้า� ยางสด มาตรฐาน GMP ปรีดเิ์ ปรม ทัศนกุล ศนู ย์บริกำรทดสอบรับรองภำคใต้ ฝ่ำยวจิ ัยและพัฒนำอุตสำหกรรมยำง กำรยำงแหง่ ประเทศไทย หลักปฏบิ ตั ิทีด่ ใี นกระบวนกำรผลติ (Good Manu- ทุกโรงงำนจึงได้ก�ำหนดเกณฑ์ต่ำง ๆ ไว้เพ่ือให้ผู้ท่ี facturing Practices, GMP) เป็นระบบกำรจัดกำร จ�ำหน่ำยน้�ำยำงสดปฏิบัติ อำจเป็นเร่ืองยำกส�ำหรับจุด ควบคุมคุณภำพในกระบวนกำรผลิตท่ีสำมำรถผลิต รวบรวมน้�ำยำงสดที่ไม่ได้ใช้ระบบควบคุมคุณภำพตำม สินค้ำให้ได้คุณภำพ ลดต้นทุนกำรผลิต ลดของเสีย ลด หลักวิชำกำร แต่เป็นเร่ืองง่ำยส�ำหรับจุดรวบรวมที่ได้ มลภำวะ ได้สินค้ำตรงมำตรฐำน เป็นที่ต้องกำรของผู้ ปฏิบัติตำมมำตรฐำน GMP และควรระลึกไว้เสมอว่ำ บรโิ ภค โรงงำนแปรรปู ยำงดบิ ต้องกำรน้�ำยำงท่ีสด สะอำด ไมจ่ บั ตัวเป็นเม็ดหรือเป็นก้อน ไม่มีกลิ่นเหม็นบูดหรือกลิ่น จุดรวบรวมน้�ำยำงสด เป็นสถำนที่ส�ำหรับรวบรวม เปรี้ยว และน�้ำยำงจะต้องมีสีขำว ดังน้ัน กำรท่ีจะได้น้�ำ น้�ำยำงสดเพ่ือส่งต่อไปยังโรงงำนแปรรูปยำงดิบ ได้แก่ ย ำ ง ส ด ที่ ดี มี คุ ณ ภ ำ พ จ ะ ต ้ อ ง เ ริ่ ม จ ำ ก ส ว น ย ำ ง ข อ ง โรงงำนน้�ำยำงข้น ยำงแผ่นอบแห้งยำงแผ่นรมควัน ยำง เกษตรกร เน้นกำรจัดกำรที่ดีในสวนยำงพำรำหรือ แท่ง STR 5L ยำงเครป คณุ ภำพของยำงทีผ่ ลติ ได้จะเปน็ มำตรฐำน GAP (Good Agricultural Practices) โดยมี ไปตำมมำตรฐำนหรือไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ป้อนเข้ำสู่ หลักปฏิบตั ิง่ำย ๆ 4 ประกำรคือ 1. กรีดยำงหลังเทย่ี งคนื โรงงำน หำกไดน้ ้�ำยำงทีส่ ด สะอำด ไม่มสี ิง่ ปนเป้ือนหรือ 2. ควำ่� ถว้ ยหรอื ตะแคงถว้ ยรับนำ้� ยำงหลังจำกเก็บนำ้� ยำง สิ่งปลอมปน จะสำมำรถผลิตยำงดิบท่ีมีคุณภำพตำมที่ สด 3. กรองน�้ำยำงสดจำกสวน และ 4. ส่งน�้ำยำงสดถึง ต้องกำรได้ แต่หำกน้�ำยำงไม่สด ไม่สะอำด ใช้สำรรักษำ จุดรวบรวมกอ่ น 11.00 น. สภำพน้�ำยำงที่ไม่ถูกต้องหรือถูกวิธี ปั๊มน้�ำยำงถ่ำยข้ึนรถ หรือน�้ำยำงเกิดกำรกระแทกอย่ำงรุนแรงในระหว่ำง ประโยชน์ท่ีเกษตรกรจะได้รับ กำรขนส่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อกำรแปรรูปยำงดิบและ จากการท�า GAP ผลติ ภัณฑ์ และไมส่ ำมำรถผลติ สนิ คำ้ ไดต้ ำมมำตรฐำน 1.นา้� ยางมคี ณุ ภาพไดม้ าตรฐาน จุดรวบรวมน�้ำยำงสดจึงเป็นพ้ืนฐำนท่ีส�ำคัญจุด 1.1 ตำมข้อก�ำหนดให้เกษตรกรกรีดยำงหลังเที่ยง แรกและมักจะประสบปัญหำจำกกำรท่ีไม่สำมำรถ คืน เพ่ือท่ีจะได้น�้ำยำงสดส่งโรงงำนได้ทัน ควบคมุ ปรมิ ำณกรดไขมนั ระเหยได้ (Volatile Fatty Acid, ท่วงที ที่ส�ำคัญไม่ควรปล่อยทิ้งน�้ำยำงไว้ VFA) ปริมำณเน้ือยำงแห้ง (Dry Rubber Content, หลำยวัน เนื่องจำกน้�ำยำงจะจับตัวเป็นเม็ด DRC) และปริมำณแอมโมเนีย ให้อยู่ในค่ำท่ีก�ำหนดคือ หรือเป็นก้อน มีกลิ่นบูดส่งผลให้ค่ำ VFA สูง ค่ำ VFA น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ 0.07 DRC มำกกว่ำหรือ ถึงแม้ว่ำจะใช้สำรเคมีรักษำสภำพไว้แล้ว เทำ่ กับ 30% แอมโมเนยี ไมน่ อ้ ยกว่ำ 0.30% เป็นตน้

37 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 ก็ตำม น้�ำยำงที่ไม่สดหำกน�ำไปผสมรวมกับ ลดลงดว้ ย เป็นกำรเพ่มิ รำยได้ใหก้ ับเกษตรกรโดยไม่รู้ตัว น�้ำยำงรำยอื่นท่ีสดอยู่ จะท�ำให้น้�ำยำงชุดนั้น ไม่ได้คุณภำพตำมท่ีต้องกำรและท้ังชุดของน้�ำ 3. สร้างความน่าเชื่อถือ การยอมรับ การยกระดับ ยำงทรี่ วบรวบจะเสียทงั้ หมดได้ คณุ ภาพชวี ติ ของเกษตรกร 1.2 กำรท่ีแนะน�ำให้กรองน้�ำยำงสดจำกสวนเพ่ือ ให้ได้น้�ำยำงยังคงมีควำมสด ส่งผลให้ DRC น้�ำยำงสดที่ส่งให้กับจุดรับซ้ือนอกจำกจะเป็นที่ เพ่ิมข้ึนอย่ำงน้อย 1% เนื่องจำกน�้ำยำงท่ีไม่ สร้ำงควำมน่ำเช่ือถือ กำรยอมรับแล้ว ส่งผลให้โรงงำน ผ่ำนกำรกรองเน้ือยำงที่จับตัวเป็นก้อนแล้ว แปรรูปผลิตภัณฑ์สำมำรถทวนสอบกลับท่ีมำของแหล่ง บำงส่วนเร่ิมเสียสภำพประจุของน�้ำยำง วัตถุดิบต้นน�้ำได้ง่ำย ลดควำมแปรปรวนควำมไม่ เปลี่ยนเป็นประจุบวก เน้ือยำงส่วนท่ีกระจำย สม่�ำเสมอในกระบวนกำรผลิต ลดของเสียในกำรแปรรูป ในน้�ำยำงซึ่งเดิมมีประจุลบจะรวมกับก้อนยำง ผลิตภัณฑ์ จึงเป็นกำรสร้ำงควำมย่ังยืนอย่ำงเป็นระบบ ที่มีประจุบวกน้ันท�ำให้ก้อนยำงมีขนำดใหญ่ ตั้งแตเ่ กษตรกร ผูร้ ับซอื้ โรงงำนแปรรปู และผบู้ รโิ ภค ข้ึน ปริมำณ DRC จึงลดลง กำรท่ีแนะน�ำให้ หลักปฏบิ ตั ิมาตรฐาน GMP กรองจำกสวนจึงเป็นวิธีกำรชะลอกำรเสีย จดุ รวบรวมน�้ายางสด สภำพน้�ำยำงสดได้ กำรกรองส่ิงปนเปื้อนจึง มำตรฐำน GMP เร่ิมจำกกำรท�ำ 5 ส คือ สะอำด เปน็ กำรขจัดเอำก้อนยำง ใบไม้ เศษเปลอื กไม้ สะดวก สะสำง สุขอนำมัย และสร้ำงนิสัยของบุคลำกร จำกกำรกรดี ดิน ทรำย เปน็ ต้น โดยมีกำรปฏิบัติตำมเง่ือนไขของระบบคุณภำพซึ่งเป็นข้อ 1.3 รำงรองรับน้�ำยำงและถ้วยรองรับน้�ำยำงต้อง ก�ำหนดท่ัว ๆ ไป หลักปฏิบัติมำตรฐำน GMP ประกอบ สะอำด น้�ำยำงจะคงควำมสดได้นำน เป็นกำร ดว้ ยหลกั 6 ประกำรคือ ลดกำรท�ำลำยของจุลินทรีย์ที่ท�ำปฏิกิริยำกับ 1. สถานประกอบการ นำ้� ยำงทำ� ใหน้ ำ้� ยำงเสยี สภำพ ดงั นน้ั เกษตรกร 1.1 สถำนท่ีต้งั จะต้องดึงเศษยำงที่ติดตำมรำงรองรับน้�ำยำง ควรต้ังอยู่ในบริเวณที่น�้ำไม่ท่วมขัง ไม่ท�ำให้ และถว้ ยรบั น้ำ� ยำงออกให้หมด นอกจำกนี้ จะ น้�ำยำงเกิดกำรปนเปื้อน สภำพพ้ืนที่ควรมี ต้องคว�่ำหรือตะแคงถ้วยรับน้�ำยำงหลังจำกที่ ควำมคงตัว ไม่แยกตัวหรือหดตัวที่จะท�ำให้ เก็บน�้ำยำงแล้วเพื่อป้องกันส่ิงสกปรก และ เกิดกำรแตกร้ำวหรือทรุดตัวของอำคำรได้ง่ำย เป็นกำรป้องกันกำรวำงไข่ของยุงจำกกำรท่ีมี มีระบบไฟฟ้ำท่ีเพียงพอต่อก�ำลังกำรผลิต มี น�้ำขงั ในถ้วยได้เช่นกัน ค ว ำ ม ส ว ่ ำ ง ส ่ อ ง พื้ น ที่ บ ริ เ ว ณ ผ ลิ ต ต ำ ม 1.4 เกษตรกรจะต้องรีบส่งน้�ำยำงสดยังจุด มำตรฐำนควำมเข้มของแสงสว่ำง ของกรม รวบรวมไม่เกิน 11.00 น. โดยก�ำหนดระยะ สวัสดิกำรและคุ้มครองแรงงำนตำมประกำศ เวลำเร่ิมตั้งแต่กรีด เก็บ กรอง และส่งโรงงำน ในรำชกิจจำนุเบกษำ เรื่อง มำตรฐำนควำม ไม่ควรเกิน 8 ชั่วโมง เพ่ือคงสภำพควำมสด เข้มของแสงสว่ำง ลงวันที่ 21 กุมภำพันธ์ ของนำ�้ ยำง 2561 กำรคมนำคมสะดวกต่อกำรขนส่ง 2. ลดของเสยี ในกระบวนการรวบรวม สำมำรถรับน�้ำหนักของรถบรรทุกขนำดใหญ่ ตำมข้อก�ำหนดให้เกษตรกรปฏิบัติในข้อ 1 ส่งผล ได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อสภำพแวดล้อม ต่อกำรลดกำรสูญเสีย DRC เกษตรกรจะได้เน้ือยำงแห้ง โดยมมี ำตรกำรปอ้ งกนั เชน่ มรี ะบบบำ� บดั นำ้� เสีย เพิ่มขึ้นอย่ำงน้อย 1% ไม่เพียงแต่เกษตรกรจะประโยชน์ 1.2 อำคำรผลติ จำกส่วนน้ี จุดรวบรวมน้�ำยำงสดจะมีปริมำณของเสียที่ 1.2.1 มขี นำดเหมำะสมกบั กำ� ลงั กำรผลิตโดย จัดล�ำดับข้ันตอนกำรผลิตได้อย่ำง

38 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 แ ล ะ ต ้ อ ง ไ ด ้ รั บ ก ำ ร ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ รับรองจำกส�ำนักชั่งตวงวัด กรมกำรค้ำ ต่อเน่ือง สะดวกต่อกำรปฏิบัติงำน ภำยใน หรือหน่วยงำนท่ีได้รับกำร ตัวอย่ำงเช่น ก�ำลังกำรผลิต 20 ตัน/วัน รับรอง และต้องมีตุ้มมำตรฐำนท่ีผ่ำน ควรมขี นำดกวำ้ ง 15 เมตร ยำว 20 เมตร กำรสอบเทยี บเพ่ือใชใ้ นกำรทวนสอบ 1.2.2 พื้นอำคำรแข็งแรง คงทน ท�ำควำม 2.3 เคร่ืองฉีดน้�ำแรงดนั สงู สะอำดง่ำย สร้ำงด้วยวัสดุคงทน 2.4 ตูอ้ บ ขนำดควำมจไุ มน่ ้อยกว่ำ 150 ลิตร มีตวั บริเวณรับน้�ำยำงสดต้ังอยู่ระดับสูงเพ่ือ บ่งชี้อุณหภูมิ ให้น้�ำยำงไหลลงบ่อรวมยำงได้สะดวก 2.5 ไมโครเวฟ สำมำรถตั้งก�ำลังคล่ืนไมโครเวฟได้ ตำมแรงโนมั ถ่วงของโลก ไมน่ ้อยกวำ่ 800 วตั ต์ และต้งั เวลำได้ 1.2.3 อ ำ ค ำ ร มี ห ลั ง ค ำ แ ล ะ มี กั น ส ำ ด ท่ี 2.6 อำ่ งควบคมุ อณุ หภูมิ สำมำรถป้องกันฝน ละอองน�้ำ และฝุ่น 2.7 เคร่ืองป๊มั น้ำ� หอยโข่งชนิดแรงดันสูง ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี 2.8 อุปกรณต์ ำ่ ง ๆ ได้แก่ 1.2.4 บริเวณที่ผลิตควรมีแสงสว่ำงเพียงพอ 2.8.1 ไมพ้ ำยส�ำหรบั กวนน้ำ� ยำง กบั กำรปฏิบัติงำน โดยเฉพำะบริเวณรบั 2.8.2 ตะแกรงกรองนำ้� ยำงสด ขนำด 60 และ น้ำ� ยำงสดและห้องปฏบิ ตั ิกำร 80 เมช 1.2.5 บริเวณพ้ืนรับน�้ำยำงควรมีคูระบำยน้�ำ 2.8.3 ไมก้ วนยำง ถงั น�้ำขนำด 15 ลติ ร ภำชนะ เพอื่ ปอ้ งกันกำรไหลเปอื้ นของน�ำ้ ยำงสด ใส่ตัวอย่ำงน�้ำยำงสด ที่ตักน้�ำยำงสด 1.2.6 บ่อรับน�้ำยำงควรบุสแตนเลสเพื่อ เป็นตน้ ป้องกันกำรปนเปื้อนของสำรปลอมปน และลำ้ งทำ� ควำมสะอำดง่ำย 2. เครอ่ื งจกั ร เครอื่ งมอื และอปุ กรณส์ า� หรบั การผลติ 3. สารเคมี เครื่องแก้ว อุปกรณ์และการเตรียม จ�ำนวนเคร่ืองจักร เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ มีเพียง สารละลาย พอต่อกำรปฏิบัติงำนและอยู่ในสภำพที่พร้อมใช้งำนไม่ 3.1 สำรเคมี ช�ำรุดหรือแตกหัก โดยต้องจัดวำงในต�ำแหน่งตำมสำย 3.1.1 สำรละลำยโซเดียมซัลไฟต์ (Na2SO3) กำรปฏิบัติงำนอย่ำงเป็นระเบียบ และง่ำยต่อกำรบ�ำรุง ควำมเข้มข้น 5% โดยน�้ำหนัก เตรียม รักษำ โดยช่ังโซเดียมซัลไฟต์เกรดกำรค้ำ 50 กรัม ละลำยในน้�ำสะอำด 1 กิโลกรัม 2.1 เครื่องจักรรีดยำงส�ำหรับห้องปฏิบัติกำร (ควรเตรียมวนั ตอ่ วนั ) ประกอบด้วยลูกกล้ิง 2 ลูกกล้ิง เส้นผ่ำน 3.1.2 สำรละลำยแอมโมเนีย ควำมเข้มข้น ศูนย์กลำงประมำณ 3 น้ิว ยำวประมำณ 10 6% โดยน�้ำหนัก เตรียมโดยปล่อยแก๊ส นิ้ว ลกู กลิ้งท�ำจำกท่อสแตนเลส กลึงลำยรอ่ ง แอมโมเนยี จำกถังบรรจุ 60 กโิ ลกรัม ลง ในภำชนะบรรจุขนำด 1 ลูกบำศก์เมตร 2.2 เคร่ืองช่งั ที่มีน�้ำสะอำด 940 กิโลกรัม ปิดฝำ 2.2.1 เคร่ืองช่ังท่ีมีควำมสำมำรถช่ังได้สูงสุด ภำชนะบรรจุให้สนิทแล้ววำงตั้งทิ้งไว้ 220 กรัม ควำมละเอียด 0.01 กรมั และ นำน 2 วัน กอ่ นใช้งำน ต้องมีตุ้มมำตรฐำนที่ผ่ำนกำรสอบ ข้อควรระวงั : เทียบเพอื่ ใชใ้ นกำรทวนสอบ - ปล่อยแก๊สลงในภำชนะบรรจุอย่ำง 2.2.2 เคร่ืองชั่งที่มีควำมสำมำรถช่ังได้สูงสุด ชำ้ ๆ และขณะปล่อยแกส๊ ให้มีวธิ กี ำร 1,000 กโิ ลกรมั หรอื มำกกว่ำ ทศนิยม 2 ตำ� แหนง่ สำ� หรบั ใชช้ งั่ นำ�้ หนกั นำ�้ ยำงสด

39 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 37 เม ายน-มิ นายน 2562 รมควัน ยำงแท่ง STR 5L หรือยำงเครป 4.2.2 น้�ำยำงสดที่น�ำมำยังจุดรวบรวมน�้ำยำง ป้องกันกำรร่วั ไหลของแกส๊ - ควรวำงในท่ีแสงแดดส่องไม่ถึง และ สดจะต้องไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่มีสำร ปลอมปน และส่ิงปนเปอ้ื น ทดสอบโดย มีกำรระบำยอำกำศทดี่ ี ใช้จำนแก้วหรือแก้วน�้ำที่มีน�้ำสะอำด 3.1.3 สำรละลำยกรดอะซิติก ควำมเข้มข้น บรรจุเกือบเต็ม หยดน�้ำยำง 1 หยด สังเกตกำรกระจำยตัวของน�้ำยำง หำก 2% โดยปริมำตร เตรียมโดยตวงกรด น�้ำยำงกระจำยตัวเป็นฝ้ำสม�่ำเสมอ อะซีติกเกรดวิเครำะห์ เข้มข้น 99.8% แสดงว่ำน้�ำยำงคงควำมสด แต่หำกน้�ำ ปริมำณ 20 มิลลิลิตร ผสมน้�ำสะอำด ยำงทกี่ ระจำยตวั มลี กั ษณะเปน็ เมด็ เลก็ ๆ 980 มลิ ลลิ ติ ร คนใหเ้ ขำ้ กนั เกบ็ ในขวด แสดงว่ำน้�ำยำงไม่สด ดังน้ัน น�้ำยำงท่ี แก้ว จับตัวเป็นเม็ดหรือมีกลิ่นเหม็นบูด ไม่ ให้รับน�้ำยำงเข้ำสู่กระบวนกำรผลิต 4. การควบคมุ กระบวนการรวบรวมนา�้ ยางสด เพรำะจะท�ำให้น�้ำยำงสดมีปริมำณกรด 4.1 กำรควบคมุ คณุ ภำพน�ำ้ ยำงสดจำกสวน ไขมันระเหยได้ (Volatile Fatty Acid, 4.1.1 กรดี ยำงหลงั เทยี่ งคนื ตงั้ แตเ่ วลำ 24.00 น. VFA) สงู ในกำรผลิตนำ�้ ยำงข้น หรือเป็น – 06.00 น. ฟองอำกำศในข้ันตอนกำรผลิตยำง 4.1.2 เก็บรวบรวม และกรองน�้ำยำงสด ด้วย แผน่ รมควนั ตะแกรงกรองขนำดไม่นอ้ ยกว่ำ 40 เมช 4.2.3 กรองน�้ำยำงสดของสมำชิกแต่ละรำย 4.1.3 หำกมีฝนในช่วงที่กรีดยำง ควรใส่สำร ตรงจุดรับน้�ำยำง โดยใช้ตะแกรงกรอง รักษำสภำพน้�ำยำงตำมข้อ 3.1.1 หรือ ขนำดไม่นอ้ ยกว่ำ 60 เมช 3.1.2 เกษตรกรรำยย่อยให้ใช้สำร 4.2.4 หำปริมำณเน้ือยำงแห้งของสมำชิก ละลำยโซเดียมซัลไฟต์ 50 มิลลิลิตรต่อ แต่ละรำย ชักตวั อยำ่ งน�ำ้ ยำงสดท่ีกรอง น�้ำยำงสด 100 ลติ ร จุดรวบรวมนำ้� ยำง แล้วประมำณ 30 มิลลิลิตร เพื่อหำ สดให้ใช้สำรละลำยแอมโมเนีย ใน ปรมิ ำณเนื้อยำงแหง้ (Dry Rubber อัตรำไม่เกิน 500 มิลลิลิตรต่อน�้ำยำง Content ; DRC) สด 100 ลิตร - หำปริมำณเน้ือยำงแห้งโดยใช้เคร่ือง 4.1.4 ห้ำมเติมน้�ำ หรือสิ่งปลอมปนอ่ืน ๆ ลง ในนำ้� ยำงสด ไมโครเวฟ ช่ังน�้ำยำงสด 4.50 กรัม 4.1.5 บรรจุน้�ำยำงสดในภำชนะท่ีสะอำด มี ใส่ในถ้วยกระเบื้อง อบในเครื่อง ฝำปิด สำมำรถป้องกันส่ิงปนเปื้อนน�้ำ ไมโครเวฟท่ีมีก�ำลังคล่ืนไมโครเวฟ ยำงสดได้ น�ำมำส่งโรงงำนผลิตในเวลำ 800 - 850 วตั ต์ ใชเ้ วลำ 3 นำที ยำงที่ ไมเ่ กนิ 11.00 น. ผ่ำนกำรอบแล้ว วำงท้ิงไว้ให้เย็น น�ำ 4.2 กำรรับน้�ำยำงสด ไปชง่ั นำ�้ หนกั คำ่ ทอ่ี ำ่ นไดค้ ณู ดว้ ย 20 4.2.1 ก่อนเทน้�ำยำงสดลงในบ่อรวม ควรรอง - หำปริมำณเน้ือยำงแห้งด้วยวิธีกำร พื้นบ่อด้วยสำรละลำยแอมโมเนียควำม ทดสอบตำมมำตรฐำน (In-house เข้มข้น 6% ปริมำตร 5 ลิตร ส�ำหรับ method based on ISO 126) ช่ังน�้ำ รวบรวมส่งโรงงำนน�้ำยำงข้น หรือ หนักน�้ำยำงสด 10.00 กรัม เติมสำร สำรละลำยโซเดียมซัลไฟต์ควำมเข้มข้น ละลำยกรดอะซิติกเข้มข้น 2% โดย 5% ปริมำตร 5 ลติ ร สำ� หรบั รวบรวมส่ง โรงงำนผลิตยำงแผ่นอบแห้ง ยำงแผ่น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook