Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอื่น

ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอื่น

Published by ju_sureerut, 2020-08-19 06:59:26

Description: ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกับพืชชนิดอื่น

Search

Read the Text Version

เอกสารวชิ าการ ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการ ผู้เขียน ปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืน ผู้รวบรวมข้อมูล ดร.วทิ ยา พรหมมี ออกแบบปก หวั หนา้ กองวจิ ยั และพฒั นาการผลิตยาง จาํ นวน สถาบนั วิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย ผ้จู ัดพมิ พ์ ดร.จิรวฒั น์ ริยาพนั ธ์ พิมพ์ครังที นายสมยศ เจียมวจิ ิตร พิมพ์ที 75 หนา้ สงวนลขิ สิทธิ กองวจิ ยั และพฒั นาการผลิตยาง สถาบนั วจิ ยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย โทรศพั ท์ : 02-4246832 หรือ 02-4332222 ตอ่ 537 E-mail : [email protected] สิงหาคม 2563 จาํ นวน 4,000 เล่ม บริษทั นิวธรรมดา การพมิ พ์ (ประเทศไทย) จาํ กดั 202 ซอยเจริญกรุง 57 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 สิงหาคม พ.ศ.2563 สถาบนั วจิ ยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย

ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน โดยการปลกู ยางร่วมกับพืชชนดิ อืน ดร.วิทยา พรหมมี สถาบันวิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย

คาํ นํา จากความผนั ผวนและการขาดเสถียรภาพของราคายางพาราใน ตลาดโลกตงั แต่อดีตจนถึงปัจจุบันนันส่งผลกระทบต่อความมนั คงทาง เศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรชาวสวนยาง ทงั นีเนืองจากเกษตรกรส่วน ใหญ่เป็ นเกษตรกรรายย่อย มีรายไดจ้ ากยางพาราเป็ นหลกั อีกทงั การสร้าง สวนยางเป็นการปลูกพืชเชิงเดียวทาํ ใหม้ ีรายไดไ้ ม่เพียงพอสําหรับใชจ้ ่ายใน ครัวเรือน รัฐบาลจึงตอ้ งมีการใชม้ าตรการตา่ ง ๆ เพือช่วยเหลือเกษตรกรให้ สามารถดาํ รงชีพไดใ้ นสภาวะทีราคายางตกตาํ ดงั นนั เพือเป็นการแกป้ ัญหาที เกิดขึน หากมีการแนะนําส่งเสริมสนบั สนุนให้เกษตรปรับเปลียนแนวคิด และวธิ ีการสร้างสวนยางแนวใหม่ โดยการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน จดั ใหม้ ีการทาํ กิจกรรมอืน ๆ ในสวนยางโดยมียางพาราเป็ นพืชประธาน เช่น การปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืน การปลูกยางร่วมกบั การเลียงสตั วห์ รือทาํ การ ประมง หรือการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืนและการเลียงสัตวห์ รือทาํ การ ประมงร่วมดว้ ยจะทาํ ใหเ้ กษตรกรมีรายไดเ้ พมิ ขึนและมีเสถียรภาพมากยิงขึน จากการจาํ หน่ายผลผลิตอืน ๆ นอกจากผลผลิตยาง นอกจากนนั มีค่าใชจ้ ่าย ครัวเรือนลดลงจากการบริโภคผลผลิตและการใชป้ ระโยชน์จากไมใ้ ช้สอย ในสวนยาง ลดตน้ ทุนการผลิตยางจากการลดค่าใชจ้ ่ายในการจดั การศตั รูพืช และการจดั การดินป๋ ุยในสวนยาง ตลอดจนทาํ ให้เกษตรกรมีงานทาํ ตลอดทงั ปี ลดการอพยพแรงงานเกษตรหรือยา้ ยถินฐานจากชนบทเขา้ สู่เมืองหลวง และเมอื งใหญ่

เอกสารวชิ าการฉบบั นีผเู้ ขียนไดร้ วบรวมมาจากองคค์ วามรู้ดา้ นการ ผลิตพืช ดา้ นการผลิตยาง และผสมผสานกบั ทกั ษะการสร้างสวนยางของ เกษตรกรทีไดป้ ฏิบตั ิจริงและประสบความสําเร็จเพือใชเ้ ป็ นแนวทางในการ จดั ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิด อืน ซึงเป็ นจุดเริมตน้ ทีสําคญั ของการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน หากมี การจัดระบบสวนยางทีดีทาํ ให้ง่ายต่อการเสริมการเลียงสัตว์และหรือทาํ ประมงในสวนยาง ซึงลกั ษณะสวนยางดงั กล่าวเรียกวา่ วนเกษตรในสวนยาง หรือสวนสมรม หวงั เป็ นอยา่ งยิงว่าเอกสารวิชาการเล่มนีจะเป็ นประโยชน์ สาํ หรับเกษตรกรผทู้ ีสนใจจะปรับเปลียนการสร้างสวนยางแบบพืชเชิงเดียว เป็ นการสร้างสวนยางแบบผสมผสานหรื อแบบวนเกษตรตลอดจน สถาบนั การศึกษาสามารถนาํ ไปใช้เป็ นแนวทางการเรียนการสอนดา้ นการ ผลิตยางเพือพฒั นาบุคคลากรทีเกียวขอ้ งกบั การผลิตยางใหค้ วามเขม้ แข็งเพือ เป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาอุตสาหกรรมยางของประเทศไทย ดร.กฤษดา สังขส์ ิงห์ ผอู้ าํ นวยการสถาบนั วจิ ยั ยาง 2563

สารบัญ เรือง หน้า บทนาํ 1 การสร้างสวนยางแบบผสมผสาน 2 ประโยชนท์ ีเกษตรกรไดร้ ับจากการสร้างสวนยางแบบ 4 ผสมผสาน ประเภทของการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน 4 หลกั การเลือกพิจารณาในการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน 6 ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยาง 7 ร่วมกบั พืชชนิดอืน รูปแบบการจดั การสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยาง 10 ร่วมกบั พืชชนิดอืน แนวทางการจดั ระบบการปลูกยางแบบผสมผสานโดยการ 32 ปลูกยางร่วมกบั พชื ชนิดอืน 37 ไมย้ ืนตน้ 39 ไมม้ ีคา่ ทางเศรษฐกิจ 48 ไมผ้ ล 56 พชื ผกั

พืชสมุนไพร 61 ระบบวนเกษตร 64 เอกสารอา้ งอิง 69

1 ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน โดยการปลกู ยางร่วมกับพืชชนิดอืน บทนาํ การเปลียนแปลงบริบทโลกไม่ว่าจะเป็ นด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และสิงแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและ วิถีชีวิตของผูค้ น เพือการอยู่รอดในโลกปัจจุบนั และอนาคตจึงจาํ เป็ นตอ้ งมี การเปลียนแปลงโดยการปรับเปลียนกระบวนการเรียนรู้ แนวคิด พฤติกรรม และวิธีการทาํ งาน ในกรณีของเกษตรกรชาวสวนยางก็เช่นเดียวกนั ทุกคน ตอ้ งมีการตืนตวั ทีจะพฒั นาตนเองเพือความมนั คงมงั คงั และยงั ยืนโดยการ พงึ พาตนเอง ทงั นีเนืองจากเกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญเ่ ป็นเกษตรกรราย ย่อย มีรายได้ทางเดียวจากการทําเกษตรแบบพืชเชิงเดียวอีกทงั สภาวะ เศรษฐกิจทีตกตาํ ส่งผลกระทบต่อราคายาง ทาํ ให้เกษตรกรขาดความมนั คง ทางเศรษฐกิจและสังคม ทางออกของเกษตรกรชาวสวนยาง คือ การ ปรับเปลียนวิธีคิดหรือพฤติกรรมการจดั การสวนยางโดยการจดั การสวนยาง แนวใหมภ่ ายใตก้ ารนาํ องคค์ วามรู้มาบูรณาการแกป้ ัญหา “ เกษตรทฤษฎีใหม่ สวนยางยงั ยืน ” ถือไดว้ า่ เป็ น “ นวตั กรรมการจดั การสวนยาง ” เป็ นแนวทาง ในการแกป้ ัญหาใหก้ บั เกษตรกรอย่างยงั ยืนโดยการพึงพาตนเอง “ เกษตรกร มนั คงมงั คงั ยงั ยืนโดยพึงพาตนเอง” โดยปรับเปลียนแนวคิดการจดั การสวน ยางทีทาํ เกษตรกรรมแบบปลูกพืชเชิงเดียว โดยใชร้ ะยะปลูกปกติ หรือ ขยาย

2 ระยะห่างระว่างแถวเพือใช้ประโยชน์จากพืนทีระหว่างแถวยางให้เกิด ประโยชน์สูงสุดโดยการปลูกพืชชนิดอืน ๆ ร่วมดว้ ยกบั การเลียงสัตว์และ หรือทาํ ประมงในสวนยาง ทงั นีเนืองจากยางพาราเป็นไมย้ นื ตน้ โตเร็วทีมีอายุ ยืนยาว มีความสูงประมาณ 30-40 เมตร มีลกั ษณะทรงพุ่มเป็ นรูปทรงกรวย แตกออกมาจากลาํ ตน้ หลกั มีกิงกา้ นขยายประมาณ เมตร ภายใตร้ ่มเงาตน้ ยางแสงสามารถส่องลงมาถึงยงั พืนดินได้ โดยประมาณ 2-21 เปอร์เซ็นต์ สามารถเลือกชนิดพชื ทีเหมาะสมในสภาพร่มเงามาปลูกร่วมยางโดยจดั วาง ร ะ บ บ ก า ร ป ลู ก พื ช แ ต่ ล ะ ช นิ ด ใ ห้ อ ยู่ อ า ศัย ใ น ส ว น ย า ง แ บ บ เ กื อ กู ล กัน เช่นเดียวกบั ป่ าไมท้ ีสามารถแบ่งเป็ นระดบั ชนั ตามความสูงและความลึกของ รากเพือไม่ให้มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชทาํ ให้เกษตรกร ลด ตน้ ทุนการผลิต ลดค่าใชจ้ ่าย และ เพมิ รายไดใ้ นครัวเรือน การสร้างสวนยางแบบผสมผสาน การสร้างสวนยางแบบผสมผสานหรือเรียกวา่ การสร้างสวนยางแบบ วนเกษตร คือ การปลูกยางเป็ นพืชหลกั และมีการปลูกพืชชนิดอืนและหรือ เลียงสัตว์ ทาํ ประมงร่วมดว้ ย ทาํ ใหม้ ีความสมดุลทางธรรมชาติและการใช้ พืนทีในสวนยางใหเ้ กิดประโยชน์คุม้ ค่าทีสุด ทงั นีกิจกรรมเหล่านีตอ้ งไม่มี ผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของตน้ ยางทุกระยะการเจริญเติบโต ตงั แต่ ระยะตน้ กลา้ ยาง ระยะยางอ่อน และระยะยางแก่ และตอ้ งไม่มีผลกระทบต่อ ปริมาณและคุณภาพผลผลิตยาง รวมถึงผลกระทบดา้ นอืน ๆ ทางสิงแวดลอ้ ม

3 การสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิด อืนเป็ นการสร้างสวนยางทีมีการปลูกยางเป็นพืชหลกั และมีการปลูกไมย้ ืน ตน้ และไมท้ ีสําคญั ทางเศรษฐกิจเป็นไมใ้ ช้สอยหรือไมผ้ ลและพืชสมุนไพร เพือบริโภคหรือสร้างรายไดใ้ นครัวเรือน เนืองจากยางพาราเป็ นไมย้ นื ตน้ โต เร็วทีมีอายุยืนยาว มีความสูงประมาณ 30 – 40 เมตร ขึนอยู่กับความอุดม สมบูรณ์ของพืนที ลกั ษณะทรงพุ่มเป็ นรูปทรงกรวยแตกออกมาจากลาํ ตน้ หลกั มีกิงกา้ นขยายประมาณ 10 เมตร (Centre for Agriculture and Bioscience International, 2020) ดงั นนั พืชทีปลูกในสวนยางสามารถแบ่งเป็ นระดบั ชนั 3 - 5 ระดบั ตามความสูงและความลึกของรากจะช่วยให้ธาตุอาหารในดิน หมุนเวียนและถูกใชไ้ ปอยา่ งเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ดินจะถูกปกคลุม ตลอดเวลาและไดร้ ับอินทรียวตั ถุอย่างสมาํ เสมอ จากใบไมท้ ีร่วงหล่น ลด ความแรงของการกระทบโดยตรงของเมด็ ฝน เพราะเรือนยอดของตน้ ไมแ้ ละ ไมพ้ ืนล่างทีขึนคลุมดินอยู่จะช่วยรองรับนาํ ฝนเป็ นชนั ๆ การเกิดโรคและ แมลงน้อยลง ไม่ตอ้ งใชส้ ารเคมีปราบศตั รูพืชจึงเป็ นวิธีการปรับปรุงดินทีใช้ ทาํ การเกษตรไดอ้ ยา่ งยงั ยนื ดงั นนั พืชทีปลูกแตล่ ะชนิดตอ้ งมีความเกือกูลกนั ระหวา่ งพืชหลกั และพืชร่วมเพือไม่ให้มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของ พืชจึงตอ้ งมีการจดั ระบบการปลูกพืชทีเหมาะสมตามชนิดของพืช สภาพ พืนที และสภาพแวดล้อม การปลูกพืชชนิดอืนสามารถปลูกพร้อมกบั ยาง หรือหลงั ยางหรืออาจปลูกก่อนปลูกยางหรือโค่นยางก็ได้โดยพิจารณาจาก ลักษณะการเจริญเติบโต ชันเรือนไม้ ระยะรอบของการตดั ฟัน และการ นาํ ไปใชป้ ระโยชนอ์ ืน ๆ เป็นตน้

4 ประโยชน์ทเี กษตรกรได้รับจากการสร้างสวนยาง แบบผสมผสาน 1. รายได้เพิมขึนและมีเสถียรภาพมากขึน จากการวางจาํ หน่าย ผลผลิตอืน ๆ นอกจากผลผลิตยาง 2. ค่าใช้จ่ายครัวเรือนลดลง จากการบริโภคผลผลิตและการใช้ ประโยชนจ์ ากไมใ้ ชส้ อยในสวนยาง 3. ตน้ ทุนการผลิตยางลดลง จากการลดค่าใชจ้ ่ายในการจดั การ ศตั รูพชื และการจดั การดินป๋ ยุ ในสวนยาง 4. เกษตรกรมีงานทาํ ตลอดทงั ปี ลดการอพยพแรงงานเกษตรหรือ ยา้ ยถินฐานจากชนบทเขา้ สู่เมืองหลวงและเมืองใหญ่ ประเภทของการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน การสร้างสวนยางเป็ นการปลูกพืชเชิงเดียวมีความเสียงต่อความ เสียหายเมือเจอภัยทางธรรมชาติ และการระบาดของโรค ตลอดจน ผลกระทบจากราคายางทีไม่เสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อความมนั คงทาง เศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกร ดังนันเพือการบริหารความเสียงทีจะ เกิดขึนจึงควรมีการปลูกพืชชนิดอืน และหรือเลียงสัตวร์ ่วมดว้ ยเพือสร้าง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศในสวนยาง และลดตน้ ทุนการผลิต เพิมรายไดใ้ ห้กบั เกษตรกรอยา่ งยงั ยนื โดยไมตอ้ งหวงั พึงราคายางเพียงอยา่ ง เดียว การสร้างสวนยางแบบผสมผสานสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ

5 1. การปลูกยางร่วมกบั พชื ชนิดอนื ไดแ้ ก่ - การปลูกพชื คลุมดินในสวนยาง ปลูกหลงั เตรียมดิน - พชื แซมยาง ปลูกขณะตน้ ยางอายุ 1-3 ปี ก่อนร่มเงาทรงพุม่ ทึบ - พืชร่วมยาง และปลูกป่ าในสวนยาง ปลูกเมือตน้ ยางมีอายุ มากกวา่ 3 ปี - การปลูกไมบ้ งั ลม - การปลูกไมย้ นื ตน้ และไมท้ ีสาํ คญั ทาง เศรษฐกิจ - การปลูกไมผ้ ล - การปลูกพชื สมุนไพร - การปลูกพชื ผกั 2. การปลูกยางร่วมกบั การเลียงสตั วห์ รือทาํ การประมง ไดแ้ ก่ - สตั วป์ ี ก เช่น เป็ ด ห่าน ไก่ - สัตวเ์ ล็ก เช่น แพะ แกะ หมู - สัตวใ์ หญ่ เช่น โค กระบือ - สัตวน์ าํ เช่น กบ ปลา ปู กุง้ หอย 3. การปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืนและการเลียงสัตวห์ รือทาํ การ ประมง

6 หลกั การพจิ ารณาในการสร้างสวนยางแบบผสมผสาน การสร้างสวนยางแบบผสมผสานเป้าหมายหลกั คือ การลดตน้ ทุน เพิมรายไดใ้ นการผลิตยางให้กบั เกษตรกรเพือความมนั คงมงั คงั และยงั ยืน ทางดา้ นสังคมและเศรษฐกิจ ดงั นนั การทีจะทาํ ให้เกษตรกรมีรายไดเ้ พิมขึน ไม่เพียงแต่รายได้จากการผลิตยางและกิจกรรมอืน ๆ ในสวนยางเท่านัน นอกจากนนั การลดค่าใชจ้ ่ายโดยการนาํ ผลผลิตจากการทาํ กิจกรรมอืน ๆ ใน สวนยางมาใชส้ อยและบริโภคในครัวเรือนก็เป็ นอีกแนวทางหนึงในการเพมิ รายไดใ้ ห้กบั เกษตรกร เพือให้การสร้างสวนยางแบบผสมผสานเป็ นไปตาม เป้าหมายทีกาํ หนดจึงต้องมีการพิจารณาเลือกชนิดของพืชและสัตว์ให้ เหมาะสมตามหลกั การดงั ต่อไปนี 1. ความตอ้ งการของตลาดและความนิยมบริโภคในพนื ที 2. พืชพนื ถินในแตล่ ะพนื ที 3. สภาพพืนทีเหมาะสม มีแหล่งนําเพียงพอ และการคมนาคม สะดวก 4. ความรู้ ความสามารถ ความถนดั ในการจดั การของเกษตรกร

7 ระบบการสร้ างสวนยาง แบบผสมผสานโดยกา รปลูก ย าง ร่วมกบั พืชชนิดอืน ระบบการสร้างสวนยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกบั พืช ชนิดอืนเป็นระบบการปลูกยางแบบผสมผสานตา่ งระดบั หรือเรียกวา่ ระบบ วนเกษตรในสวนยาง คือ การสร้างสวนยางโดยการปลูกยางเป็ นพืชหลัก และมีการปลูกไมย้ นื ตน้ และไมท้ ีสําคญั ทางเศรษฐกิจเป็ นไมใ้ ชส้ อยหรือไม้ ผลและพืชสมุนไพรเพือบริโภคหรือสร้างรายไดใ้ นครัวเรือน สามารถแบ่ง ตามประเภทของพนั ธุพ์ ืชไดเ้ ป็น 7 ระบบ ดงั นี 1. พืชหลัก+ไมย้ ืนตน้ และไมม้ ีค่าทางเศรษฐกิจ+ไมผ้ ล+พืชผกั และพืชสมุนไพร 2. พชื หลกั +ไมย้ นื ตน้ และไมม้ คี ่าทางเศรษฐกิจ+ไมผ้ ล 3. พืชหลกั +ไมย้ ืนตน้ และไมม้ ีค่าทางเศรษฐกิจ+พืชผกั และพืช สมุนไพร 4. พชื หลกั +ไมย้ นื ตน้ และไมม้ คี ่าทางเศรษฐกิจ 5. พชื หลกั +ไมผ้ ล+พืชผกั และพืชสมุนไพร 6. พืชหลกั +ไมผ้ ล 7. พชื หลกั +พืชผกั และพืชสมุนไพร

8 การจดั ระบบการปลูกพืชชนิดอืนในระหว่างแถวยางให้เหมาะสม โดยให้พืชต่าง ๆ เหล่านันสามารถอยู่ร่วมกับยางพาราได้โดยเกือกูลกัน ทาํ นองเดียวกับป่ าดิบชืน ซึงสามารถแบ่งลักษณะของชันเรือนไม้ตาม โครงสร้างของป่ าดิบชืน ตามองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (2562) สามารถแบง่ ออกเป็ น 4 ชนั เรือน คือ ชนั เหนือเรือน ชนั เรือนยอด ชนั ใตเ้ รือน และชนั ล่างสุด หรือพนื สวน ตน้ ไมแ้ ต่ละชนั มีความตอ้ งการปริมาณ แสงทีแตกต่างกนั ออกไป คือ ชนั เหนือเรือนยอดมีความตอ้ งการแสง 100 เปอร์เซ็นต์ ชนั รองลงมาชันเรือนยอด ตอ้ งการแสง 95 เปอร์เซ็นต์ ชันใต้ เรือนยอด ตอ้ งการแสง 5 เปอร์เซ็นต์ และ ชนั ล่างสุดหรือพืนสวน ตอ้ งการ แสง 2 เปอร์เซ็นต์ (ภาพที ) ชนั เรือนยอด ชนั ใตเ้ รือน เป็ นไมท้ ีมีขีดจาํ กดั ความโตขนาดกลาง มีความตอ้ งการแสงนอ้ ยกวา่ ไมช้ นิดทีอยใู่ นชนั บน ชนั นี มกั จะมีการสอดแทรกอยูร่ ะหวา่ งช่องวา่ งของไมช้ นั บนและทาํ ให้เรือนยอด สวนยางแน่นทึบ และชนั ล่างสุด หรือพืนสวนเป็ นไมข้ นาดเล็ก มีความทน ร่มเงาสูง บางครังขึนผสมกับไมพ้ ุ่มสูง ปรากฏอยู่ภายใตเ้ รือนยอดชันบน ภายใตเ้ รือนชนั ล่างสุดหรือพืนสวน จะประกอบดว้ ย ชนั ยอดของไมพ้ ุม่ เตีย มีความสูงไม่เกิน เมตร ชนั ของหญา้ และพชื ลม้ ลุก เป็ นชนั ทีประกอบดว้ ย ตน้ ไมจ้ าํ พวกหญา้ และพืชลม้ ลุก ชนั ผิวดิน เป็ นชนั ของมอสส์ ไลเคน หรือ พชื ขนาดเล็กทีแปะติดกบั ผิวดิน ชนั ใตด้ ิน เป็นชนั รากของพืชและสิงมีชีวิต ขนาดเลก็ ในดิน ซึงแตล่ ะชนั จะมีความหลากหลายทางชีวภาพทีแตกต่างกนั เนืองจากปริมาณนาํ ฝนหรือแสงแดดทีไดร้ ับแตกตา่ งกนั สาํ หรับในสวนยาง สมยศ และคณะ (2541) ไดศ้ ึกษาการเจริญเติบโตและผลผลิตหวายบางพนั ธุ์

9 ทีปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยาง พบวา่ การเปลียนแปลงของพลงั งานใตท้ รงพุ่ม ยางพาราในรอบปี ก่อนยางผลัดใบ (มกราคม และเดือนกุมภาพนั ธ์) มีค่าพลงั งานแสงผา่ นทรงพุม่ ยางพารา ประมาณ 21.8-23.3 เปอร์เซ็นตข์ อง แสงภายนอกทรงพุ่ม เริมผลดั ใบ (มีนาคม) ค่าเฉลียของพลงั งานแสงภายใต้ ทรงพุ่มยางพารามีค่าเพิมขึนเรือย ๆ ตงั แต่ต้นเดือนเนืองจากเป็ นช่วงที ยางพาราเริมผลดั ใบ ผลดั ใบหมด-เริมแตกใบอ่อน (เมษายน) ค่าเฉลียของ พลงั งานแสงใตท้ รงพุ่มยางพารามีค่าสูงสุดคือ 46.3 เปอร์เซ็นต์ของทรงพุ่ม ภายนอก ใบแก่ (พฤษภาคม-ธนั วาคม) ค่าเฉลียของพลงั งานแสงภายใตท้ รง พุ่มยางพาราลดตําลงมาสู่สภาวะปกติ ประมาณ 17.0-21.4 เปอร์เซ็นต์ ภายนอกทรงพุม่ เช่นเดียวกบั พนสั ( ) รายงานวา่ ในสวนยางทีมีการปลูก ระกาํ และสละ ระหวา่ งแถวยางมีปริมาณรังสีดวงอาทิตยท์ ีส่องผา่ นประมาณ เปอร์เซ็นต์ และจากงานวจิ ยั ของ Langenberger และคณะ (2016) รายงาน วา่ การปลูกยางแถวเดียว ระยะปลูก 7 x 3 เมตร ทรงพมุ่ ของตน้ ยางจะมีขนาด ใกลเ้ คียงกนั หลงั ยางอายุ 5-7 ปี และไม่มีการบดบงั จากร่มเงาเนืองจากแสง สามารถส่องผา่ นลงไปยงั ชนั ลา่ งไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 2 -10 เปอร์เซ็นต์ ดงั นนั การ เลือกชนิดของพืชทีปลูกร่วมในสวนยาง ควรเป็ นพืชทีสามารถเจริญเติบโต และใหผ้ ลผลิตไดใ้ นสภาพทีมีแสงไมน่ อ้ ยกวา่ 2 เปอร์เซ็นต์

10 ภาพที การจดั ชนั เรือนของประเภทไมร้ ่วมในการสรา้ งสวนยางแบบผสมผสาน รูปแบบการจัดการสวนยางแบบผสมผสาน โดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนดิ อืน ยางพาราจดั อยูใ่ นกลุ่มไมย้ ืนตน้ โตเร็วทีมีอายุยนื ยาวทงั นีขึนอยู่กบั ความอุดมสมบูรณ์ของพืนทีและการจดั การสวนยางทีดี ตน้ ยางมีความสูง ประมาณ 30-40 เมตร ทรงพุม่ มีลกั ษณะเป็ นรูปทรงกรวยแตกออกมาจากลาํ ตน้ หลกั มีกิงกา้ นขยายประมาณ 10 เมตร ตน้ ยางมีการเจริญเติบโตทีเพิมขึน เฉลีย 5-6 เซนติเมตรต่อปี หลงั จากปลูกยาง 7 ปี ขนาดเส้นรอบลาํ ตน้ 52-60 เซนติเมตร และ หลงั จากปลูก 10 ปี มีขนาดเส้นรอบลาํ ตน้ 64-75 เซ็นติเมตร ในเขตพืนทีปลูกยางเดิม (ตารางที 1 และ ภาพที 2 ) ในขณะทีเขตพืนทีปลูก ยางใหม่ มีการเจริญเติบโตทีเพิมขึนเฉลีย 3-5 เซนติเมตรต่อปี หลงั จากปลูก

11 ยาง 7 ปี ขนาดเส้นรอบลําต้น 27-51 เซนติเมตร และหลังปลูกยาง 10 ปี มีขนาดเส้นรอบลาํ ตน้ 61-68 เซนติเมตร (ตารางที 2 และ ภาพที 3) ในขณะที ไมย้ นื ตน้ ทีมีค่าทางเศรษฐกิจถึงแมจ้ ะเป็ นประเภทไมย้ ืนตน้ โตเร็วก็ตามแต่ ยงั มีการเจริญเติบโตช้ากว่าตน้ ยางจากรายงานของกรมป่ าไม้ (2562) ไมย้ ืน ตน้ เศรษฐกิจโตเร็ว มีการเจริญเติบโตทีเพิมขึนเฉลีย 4-5 เซนติเมตรต่อปี ความสูง 8-12 เมตร ไมโ้ ตปานกลาง 2.5-4 เซนติเมตรต่อปี ความสูง 10-25 เมตร และ ไม้โตช้า น้อยกว่า 1 เซนติเมตรต่อปี ความสูง 24/26-50 เมตร ดงั นนั การปลูกยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืนนัน สามารถจดั ชนั เรือนไมภ้ ายในสวนยางให้มีลกั ษณะโครงสร้างเหมือนป่ าดิบ ชืนโดยมีตน้ ไมเ้ จริญเติบโตเป็นชนั แตกตา่ งกนั ตามประเภทของพชื การปลูกยางในปัจจุบนั ใชร้ ะบบการปลูกยางแบบเดิม คือ ปลูกพืช เชิงเดียว มีระยะปลูก 7 x 3 เมตร หรือ 8 x 2.5 เมตร ดงั นนั การสร้างสวนยาง แบบผสมผสานชนั เรือนยอดของพชื ชนิดอืนทีปลูกร่วมกบั ยางมีผลกระทบ ต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตเนืองจากแสงทีส่องลงไปในสวนยางไม่ เพียงพอ จึงตอ้ งมีการขยายระยะปลูกยางให้มีระยะห่างระหวา่ งแถวให้กวา้ ง ขึนเพือให้แสงสามารถส่องลงไปยงั พืนล่างสุดของสวนยางได้ จากงานวจิ ยั ของ Langenberger และคณะ (2016) รายงานว่าการปลูกยางแถวเดียว ระยะ ปลูก 7 (5-10 เมตร) x 3 (2-3.5 เมตร) เมตร ทรงพุ่มของต้นยางจะมีขนาด ใกลเ้ คียงกนั หลงั ยางอายุ 5-7 ปี และไม่มีการบดบงั จากร่มเงาเนืองจากแสง สามารถส่องผา่ นลงไปยงั ชนั ล่างไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 2-10 เปอร์เซ็นต์ แต่จาํ นวน ตน้ ต่อไร่ทีลดลงทาํ ให้ผลผลิตต่อไร่ลดลง (ตารางที 5 และ 6) อยา่ งไรก็ตาม

12 การลดจาํ นวนตน้ ลงเหลือ 50-60 ตน้ ตอ่ ไร่ ทาํ ใหก้ ารเจริญเตบิ โตและผลผลิต ยางเฉลียต่อตน้ เพิมขึนเนืองจากตน้ ยางสามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิต ไดเ้ ต็มที (ตารางที 7 และ 8) แต่ผลผลิตยางเฉลียต่อไร่ลดลง (ตารางที 9) (สถาบนั วจิ ยั ยาง, 2536) แตถ่ า้ มีการนาํ ยางพนั ธุ์ดีทีใหผ้ ลผลิตสูงกวา่ ยางพนั ธุ์ เดิมมาปลูกจะทาํ ใหผ้ ลผลิตต่อตน้ เพิมมากยงิ ขึน ผลผลิตตอ่ ไร่ไม่แตกต่างกนั เช่น การนาํ พนั ธุ์ยาง 3802 (ตารางที 5) (พนั ธุ์แนะนาํ ชนั 2) ปลูกแทนพนั ธุ์ ยาง RRIM 600 ในเขตพืนทีปลูกยางใหม่ และนาํ พนั ธุ์ยาง 3904 (ตารางที 6) (พนั ธุ์แนะนาํ ชนั ) ปลูกแทนพนั ธุ์ยาง RRIM 600 ในเขตพืนทีปลูกยางเดิม ในเอกสารคาํ แนะนาํ พนั ธุ์ยาง ปี 2559 ( ตารางที 3 และ 4 ) และนอกจากนนั ยงั มีรายไดเ้ สริมจากพชื ชนิดอืนทีปลูกร่วมยาง และมีค่าใชจ้ ่ายลดลงจากการ ลดการใช้สารเคมีกาํ จัดวชั พืชและลดการใช้ป๋ ุย โดยเฉพาะป๋ ุยอินทรีย์ ตลอดจนการนาํ พืชชนิดอืนมาใชส้ อยและบริโภคในครัวเรือน การจดั รูปแบบสวนยางแบบผสมผสานโดยการขยายระยะปลูกยาง ใหม้ ีระยะห่างระหวา่ งแถวให้กวา้ งขึนเพือให้แสงสามารถส่องลงไปยงั พืน ล่างสุดของสวนยางได้ สามารถแบง่ ตามระยะการปลูกยางในสภาพพนื ทีราบ ไดเ้ ป็นการปลูกยางแถวเดียว และการปลูกยางแถวคู่ ข้อดกี ารขยายระยะปลกู ยาง 1. ปลูกพืชร่วมทีมีทรงพมุ่ ขนาดใหญไ่ ดห้ ลายชนิด 2. การจดั การง่ายและสะดวก 3. สามารถสร้างสวนยางวนเกษตร 4. ผลผลิตยางตอ่ ตน้ เพิมขึน

13 5. กรณีพืนทีจาํ กัดสามารถปลูกพืชรองหลายชนิดเพือใช้ ประโยชนใ์ นการอุปโภค-บริโภค 6. ลดตน้ ทุน ลดค่าใชจ้ า่ ย เพิมรายได้ 7. ใชป้ ระโยชน์จากพนื ทีคุม้ ค่า ข้อเสียการขยายระยะปลกู ยาง 1. อาจเกิดการแย่งนาํ และธาตุอาหารระหวา่ งพืชหลกั และพืช ร่วม 2. ผลผลิตยางรวมต่อพืนทีลดลง 3. จาํ นวนตน้ ยางต่อพนื ทีลดลง 4. จาํ นวนตน้ กรีดต่อพนื ทีนอ้ ยลง การปลกู ยางแถวเดยี ว 1. ระยะปลกู 2.5x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 64 ตน้ /ไร่

14 2. ระยะปลูก 2.5x12 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 53 ตน้ /ไร่ 3. ระยะปลูก 3x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 53 ตน้ /ไร่

15 4. ระยะปลูก 3x12 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 44 ตน้ /ไร่ 5. ระยะปลกู 4x8 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง ตน้ /ไร่

16 6. ระยะปลกู 4x9 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง ตน้ /ไร่ 7. ระยะปลูก 4x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 40 ตน้ /ไร่

17 การปลกู ยางแถวคู่ 1. ระยะปลูก 2.5x6x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 64 ตน้ /ไร่ 2. ระยะปลูก 3x5x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 64 ตน้ /ไร่

18 3. ระยะปลูก 3x5x12 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 59 ตน้ /ไร่ 4. ระยะปลูก 3x6x10 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 57 ตน้ /ไร่

19 5. ระยะปลูก 3x6x12 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 53 ตน้ /ไร่ การปลกู ยางแบบเดิม ข้อดี 1. ตน้ ยางมีความหนาแน่น 2. ผลผลิตนาํ ยางต่อพนื ทีสูง 3. ใหค้ วามชุ่มชืนในดิน 4. รักษาระบบนิเวศในสวนยาง ข้อเสีย 1. เป็ นเกษตรเชิงเดียว 2. เสียงตอ่ ราคายางทีตกตาํ และผนั ผวน . รายไดไ้ มแ่ น่นอน 4. ตน้ ทุนการผลิตสูง 5. ใชป้ ระโยชนจ์ ากพนื ทีไม่คุม้ ค่า

20 1. ระยะปลูก 2.5x8 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 80 ตน้ /ไร่ 2. ระยะปลูก 3x7 เมตร จาํ นวนตน้ ยาง 76 ตน้ /ไร่

21

22

23

24

25

26

27 ตารางที ผลผลติ เฉลียของเนือยางแห้ง พนั ธ์ุยางชัน และชัน ทแี นะนํา ในพืนทเี ขตปลกู ยางเดิม พนั ธ์ยุ างเขตพืนที ผลผลติ เนือยางแห้งเฉลีย 76 ผลผลติ เนือยาง ผลผลติ ผลผลิตทเี พมิ ขึน ปลูกยางเดมิ ต้น/ไร่ แห้งเฉลยี 50 ต้น/ ทลี ดลง เปรียบเทยี บกบั พนั ธ์ยุ างชัน (กก./ไร่/ปี )* ไร่ (%) สวย. 3802 (%) สวย. 226 (กก./ไร่/ปี )* สวย. 251 BPM 24 429 282 34.3 3.7 RRIM 600 พนั ธ์ุยางชัน 439 289 34.2 1.4 สวย. 3801 สวย. 3802 308 203 34.1 30.7 296 195 34.1 33.4 430 283 34.2 3.4 445 293 34.2 0 หมายเหตุ: *ผลผลิตเนือยางแห้งเฉลีย 10 ปี กรีด

28 ตารางที ผลผลติ เฉลียของเนือยางแห้ง พนั ธ์ุยางชัน และชัน ทแี นะนาํ ในพืนทีเขตปลกู ยางใหม่ พนั ธ์ยุ างเขตพืนที ผลผลติ เนือยางแห้งเฉลีย 76 ผลผลิตเนือยางแห้ง ผลผลิต ผลผลติ ทเี พมิ ขึ ปลูกยางใหม่ ต้น/ไร่ (กก./ไร่/ปี )* เฉลยี 50 ต้น/ไร่ ทลี ดลง เปรียบเทียบกบั พนั ธ์ุยางชัน 1 (กก./ไร่/ปี )* (%) สวย. 3904 (%) สวย. 226 สวย. 251 344 226 34.3 10.7 สวย. 408 339 223 34.2 11.9 RRIM 600 317 209 34.1 17.4 254 167 34.3 34.0 พนั ธ์ุยางชัน สวย. 3904 384 253 34.1 0 หมายเหตุ: *ผลผลิตเนือยางแหง้ เฉลีย 10 ปี กรีด

29 ตารางที 7 แสดงขนาดเส้นรอบลาํ ต้น (ซม.) ของต้นยางทีปลูกจํานวนต้นต่อ ไร่ต่างกนั (อายุยาง 12 ปี ) จํานวนต้นปลูกต่อไร่ ระยะระหว่างแถว (เมตร) เฉลยี 50 76.2a* 876 5 77.2a 76.1a 76.6a 74.8a 60 71.6b 75.8a 71.1b 72.9a 72.7b 70 70.1bc 69.2b 69.6bc 68.9b 69.5c 80 68.4c 67.9b 67.2c 67.9b 67.9d 90 65.0d 62.8c 62.6d 64.1c 68.6e 100 62.2de 62.9c 62.7d 62.3cd 62.5e 110 61.2e 61.8c 60.3d 59.8d 60.8f 120 59.1e 60.8c 59.9d 61.8cd 60.4f เฉลยี 66.8 67.1 66.3 66.6 66.7 ทมี า: (สถาบนั วจิ ยั ยาง, 2536) หมายเหตุ: * ค่าเฉลียในคอลมั นเ์ ดียวกนั ทมี ีอกั ษรตามหลงั เหมือนกนั ไม่แตกต่างกนั ทางสถิติทรี ะดบั ความเชือมนั 95%

30 ตารางที 8 แสดงผลผลติ เฉลยี กรัม/ต้น/ครังกรีด ของต้นยางทปี ลูกจาํ นวน ต้นต่อไร่ต่างกนั (ปี กรีดที ) จํานวนต้นปลูกต่อไร่ ระยะระหว่างแถว (เมตร) เฉลยี 87 6 5 50 53.2a 43.5a 55.8a 52.2a 51.1a* 60 44.6b 43.1a 43.5b 42.1b 43.8b 70 38.3bc 39.2ab 44.0b 38.9bc 40.1c 80 37.5bc 35.3bc 38.4bc 37.9bc 37.3cd 90 38.1bc 31.6bc 35.4c 35.3bc 35.1de 100 39.7bc 34.3bc 35.9c 34.6bc 36.1de 110 31.8c 31.2c 36.6bc 31.7c 32.8e 120 34.8c 33.6bc 32.7c 34.9bc 33.9de เฉลยี 39.7 36.7 40.2 33.4 38.8 ทมี า: (สถาบนั วจิ ยั ยาง, 2536) หมายเหตุ: * ค่าเฉลียในคอลมั นเ์ ดียวกนั ทมี ีอกั ษรตามหลงั เหมือนกนั ไม่แตกต่างกนั ทางสถิติทรี ะดบั ความเชือมนั 95%

31 ตารางที แสดงผลผลติ เฉลยี กก./ไร่/ปี ของต้นยางทีปลูกจาํ นวนต้นต่อไร่ ต่างกนั (ปี กรีดที ) จํานวนต้นปลูกต่อไร่ 8 ระยะระหว่างแถว (เมตร) 5 เฉลยี 76 50 343.6c 295.7d 360.5c 345.2c 336.2c* 60 349.3c 358.2a-d 357.8c 334.9c 350.0c 70 338.7c 339.0cd 401.0bc 377.6bc 364.1de 80 363.7bc 344.4bcd 385.1bc 394.9bc 372.0de 90 385.5abc 363.7a-d 407.7bc 420.6ab 394.4cd 100 432.6ab 416.9ab 482.7a 4311.8ab 441.0ab 110 370.3bc 391.7abc 445.7ab 429.2ab 409.2bc 120 447.4a 422.7a 459.6ab 476.2a 451.5a เฉลยี 378.9 366.6 412.5 401.3 389.8 ทมี า: (สถาบนั วจิ ยั ยาง, 2536) หมายเหตุ: * ค่าเฉลียในคอลมั นเ์ ดียวกนั ทมี ีอกั ษรตามหลงั เหมือนกนั ไม่แตกต่างกนั ทางสถิติทรี ะดบั ความเชือมนั 95%

32 แนวทางการจัดระบบการปลูกยางแบบผสมผสาน โดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืน การปลูกยางแบบผสมผสานมียางพาราเป็ นพืชหลักโดยปลูกเป็ น แถวเป็ นแนวและปลูกพืชชนิดอืน ๆร่วมด้วยในระหว่างแถวยาง การ จดั ระบบการปลูกพืชระหวา่ งแถวยางนนั ตอ้ งคาํ นึงถึงประเภทของพนั ธุ์พืชที เหมาะสมดว้ ยเพือไม่ใหม้ ีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของตน้ ยางและการ ให้ผลผลิตนํายาง ตลอดจนไม่มีผลกระทบต่อพืชร่วมกันเอง พนั ธุ์พืชที สามารถนาํ มาปลูกร่วมในสวนยางมีหลายชนิดสามารถจาํ แนกไดโ้ ดยอาศยั ลกั ษณะการเจริญเติบโตและการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ ออกเป็ นประเภทต่าง ๆ คือ ไม้ยืนต้น ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ไม้ผล และ พืชสมุนไพร สามารถ จดั ระบบการปลูกโดยปลูกพร้อมกบั ยางหรือหลังยางอายุ 1-3 ปี หรืออาจ ปลูกก่อนปลูกยางหรือโค่นยางก็ไดโ้ ดยพจิ ารณาจากลกั ษณะการเจริญเติบโต ชนั เรือนไม้ ระยะรอบของการตดั ฟัน และการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์อืน ๆ แต่ ตอ้ งคาํ นึงถึงความเหมาะสมกบั สภาพพนื ทีปลูกยาง โดยเฉพาะเขตพืนทีปลูก ยางใหม่เป็นเขตแห้งแลง้ การเจริญเติบโตของตน้ ยางจะชา้ กวา่ เขตพืนทีปลูก ยางเดิม ประมาณ 1.5 เซ็นติเมตรตอ่ ปี สาํ หรับระยะปลูกไมแ้ ต่ละชนิดมีความ แตกต่างกนั ตามขนาดและความสูงของทรงพุ่ม ในกรณีไมผ้ ลยืนตน้ ตอ้ ง ไดร้ ับแสงปริมาณทีเพียงพอเพราะมีผลกระทบต่อการออดดอกติดผลอาจทาํ ให้ผลผลิตลดลง ดงั นนั ควรปลูกไมผ้ ลยนื ตน้ บริเวณรอบแปลงปลูกยางและ

33 ควรจะมีระยะห่างระหวา่ งตน้ ไมน้ อ้ ยกวา่ 2 เมตร จะทาํ ใหไ้ ดร้ ับแสงเพยี งพอ ตอ่ การเจริญเตบิ โต การติดดอกติดผลโดยพจิ ารณาจากลกั ษณะตา่ ง ๆ ดงั นี 1. ประเภทของไมย้ ืนตน้ ตามลกั ษณะความสูง ได้แก่ไมย้ ืนตน้ สูง ไมย้ นื ตน้ กลาง ไมย้ นื ตน้ ตาํ 2. ประเภทไมท้ ีสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 2.1 การเจริญเตบิ โต ไดแ้ ก่ ไมโ้ ตเร็ว ไมโ้ ตปานกลาง และไมโ้ ต ชา้ 2.2 ระยะรอบการตดั ฟัน ได้แก่ ตดั ฟันสัน ตัดฟัน ปานกลาง และตดั ฟันยาว 2.3 ชนั เรือนไม้ ไดแ้ ก่ ชนั เหนือเรือน ชนั เรือนยอด ชนั ใตเ้ รือน ชนั ล่างสุด หรือพนื ป่ า เป็นไมข้ นาดเล็ก 3. ประเภทไมผ้ ล 3.1 จาํ แนกตามความตอ้ งการอุณหภูมิ (ไมผ้ ลเขตร้อน ไมผ้ ลกึง เขตร้อน ไมผ้ ลเขตหนาว) 3.2 จาํ แนกตามอายกุ ารติดผล (พนั ธุ์เบา พนั ธุ์กลาง พนั ธุห์ นกั ) 3.3 จาํ แนกตามฤดูกาลของการติดผล (พนั ธุ์เบา พนั ธุ์กลาง พนั ธุ์ หนกั ) 3.4 จําแนกตามขนาดของทรงพุ่ม (ไม้ผลขนาดเล็ก ไม้ผล ขนาดกลาง ไมผ้ ลขนาดใหญ)่ 3.5 จาํ แนกตามการเจริญเติบโต เช่น ไมผ้ ลยืนตน้ (ไมผ้ ลผลดั

34 ใบ ไมผ้ ลไม่ผลดั ใบ) ไมผ้ ลขนาดเล็ก (ไมล้ าํ ตน้ เป็ นเถา ไม้ พ่มุ ตน้ เล็ก) 3.6 จาํ แนกตามลกั ษณะตอ้ งการความชืน (ไมร้ ้อนชืน และไม้ ร้อนแหง้ แลง้ ) 3.7 จาํ แนกตามความแตกต่างกนั ตามขนาดทรงพุ่ม (ทรงพุ่ม ขนาดใหญ่ ทรงพมุ่ ขนาดกลาง ทรงพุม่ ขนาดเล็ก) 4. ประเภทพืชสมุนไพร ไดแ้ ก่ ไมย้ ืนตน้ ไมพ้ ุม่ ไมล้ ม้ ลุก ไมเ้ ถา ผกั หญา้ ราก-เหงา้ การจดั ระบบการปลูกยางแบบผสมผสานโดยการปลูกยางร่วมกบั พืชชนิดอืน ในระหวา่ งแถวยางสามารถปลูกไมป้ ระเภทโตชา้ ทีมีคุณค่าทาง เศรษฐกิจ เช่น สัก ยางนา แดง ประดู่ มะค่าโมง พะยงู ตะเคียนทอง เป็ นตน้ เป็ นชนั เหนือเรือน โดยมียางพาราเป็ นชนั เรือนยอด ควรหลีกเลียงการปลูก พชื ทีอยูใ่ นชนั เดียวกนั อาจมีการแยง่ ธาตุอาหาร นาํ และแสงแดด เช่น ไม่ควร ปลูกร่วมกบั ไผช่ นิดตา่ ง ๆ เช่น ไผต่ ง ไผร่ วก ไผน่ อ้ ย แตส่ ามารถปลูกกระถิน ณรงคล์ ูกผสม กระถินเทพา ในชนั ใตเ้ รือนเพือปรับปรุงดิน หรืออาจจะปลูก ไมป้ ระเภทโตเร็วเช่น ตระกูลถวั เป็ นไมฟ้ ื น ถ่าน และเพอื ปรับปรุงความอุดม สมบูรณ์ของดิน เช่น นนทรี ขีเหล็ก สีเสียด กระถินยกั ษ์ กระถินณรงค์ ลูกผสม เป็นตน้ รวมทงั ไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ อีกดว้ ย สําหรับชนั พืนเรือนสามารถ ปลูกพืชสมุนไพร ขา้ วโพด ขา้ วไร่ สับปะรด ถวั ลิสง ถวั เขียว หมอ่ น เป็ นตน้ (สํานกั วิจยั และพฒั นาการป่ าไม,้ 2556) อย่างไรก็ตามในปัจจุบนั มีการปลูก

35 ไผ่ร่วมในสวนยางแต่ไม่พบว่ามีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของตน้ ยาง และยงั มีผลตอ่ การให้ผลผลิตดีขึนเนืองจากความชืนเพมิ มากขึน ไดแ้ ก่ ไผใ่ น ตระกูลตงทงั หมด เช่น ไผ่ตงลืมแลง้ ไผ่ตงศรีปราจีน ไผ่กิมซุง ไผ่หม่าจู ไผซ่ างหม่น และไผฟ่ ้าหมน่ เป็ นตน้ นอกจากนนั ในระหวา่ งแถวยางสามารถปลูกพืชคลุมดินซึงเป็ นพืช ลม้ ลุกประเภทเลือยปลูกคลุมดินในสวนยางหลงั จากปลูกยางเพือช่วยควบคุม วชั พชื ในสวนยางในระยะยางอ่อน และช่วยรักษาความชืนในดินและช่วยลด การชะลา้ งและพงั ทลายของหนา้ ดิน ตลอดจนสามารถปรับปรุงโครงสร้าง และเพิมธาตุอาหารในดินอีกด้วย จากการสํารวจไม่พบผลกระทบต่อการ เจริญเติบโตของยางและการให้ผลผลิตนํายาง และยังทําให้เกษตรกร ชาวสวนยางมีรายไดเ้ พิมมากขึน (สถาบนั วิจยั ยาง, 2561) จากงานวิจยั ของ ประเทศศรีลงั กามีการปลูกพืชอืนร่วมกบั ยาง เช่น กลว้ ย พบวา่ การปลูกยาง ร่วมกับพืชอืนตลอดเวลา 6 ปี ต้นยางสามารถเปิ ดกรีดได้ก่อน 4 เดือน เมือเปรียบเทียบกับการปลูกพืชเชิงเดียว (Rodrigo et al., 2005) แต่ขอ้ เสีย คือ เป็ นแหล่งอาศยั ของโรคและแมลง เป็ นเหตุให้เกิดไฟไหมใ้ นสวนยางได้ ง่ายเนืองจากเศษใบไมใ้ บหญ้า เป็ นการเพิมโรครากให้แก่ต้นยาง วชั พืช อาจจะขึนพนั ต้นยางทาํ ให้ต้นยางอาจจะหักล้มง่ายและเกิดความเสียหาย ชนิดของพืชคลุมดินตระกูลถัวทีนิยมปลูกในสวนยาง มี 4 ชนิด คือ คาโลโปโกเนียม เพอราเรีย เซ็นโตรซีมา ซีรูเลียม เนืองจากลกั ษณะและการ เจริญเติบโตของพืชคลุมดินแต่ละชนิดแตกต่างกนั การปลูกพืชคลุมดินให้

36 คลุมตลอดอายุต้นยางอ่อน ควรปลูกหลายชนิดรวมกนั ตามสัดส่วน และ เมล็ดพนั ธุ์พืชคลุมดินควรมีความงอกมากกวา่ ร้อยละ 80 ปลูกโดยวธิ ีหวา่ น ชนดิ ของพืชคลมุ ดนิ ตระกูลถัวทนี ิยมปลกู ในสวนยาง 1. คาโลโปโกเนียม (Calopgonium mucunoides) เป็ นพืชคลุมดินที เจริญเติบโต ได้รวดเร็ว สามารถคลุมพืนทีทงั หมดภายหลงั ปลูกภายใน 2-3 เดือน แต่จะตายภายใน 18-24 เดือน มีเมล็ดเล็กแบน สีนาํ ตาลออ่ นเกือบ เหลือง มีเมลด็ ประมาณ 65,000 เมลด็ ตอ่ กิโลกรมั 2. เพอราเรีย (Pueraria phaseoloides) เป็นพืชคลุมดินทีเจริญเติบโต คอ่ นขา้ ง เร็วสามารถคลุมพนื ทีทงั หมดหลงั ปลูกภายใน 5-6 เดือน คลุมดินได้ ดีเมืออายุเกิน 2 ปี ควบคุมวชั พืชไดด้ ีกว่าพืชคลุมดินอืนอยภู่ ายใตร้ ่มเงาได้ดี ใบใหญ่หนา เมล็ดเล็กค่อนข้างกลม ยาว สีนําตามแก่มีเมล็ดประมาณ 76,000 เมลด็ ตอ่ กิโลกรมั 3. เซ็นโตรซี มา (Centrosema pubescens) เป็ นพืชคลุมดินที เจริญเติบโตช้า แต่ หนาทึบ และอยู่ได้นานขึนได้ดีภายใต้ร่มเงา ใบเล็ก เมล็ดเล็กแบนมีลาย และมีเมลด็ ประมาณ 40,000 เมลด็ ตอ่ กิโลกรมั 4 . ซี รู เ ลี ย ม ( Calopogonium caeruleum) เ ป็ น พื ช ค ลุ ม ดิ น ที เจริญเติบโตในระยะแรกชา้ สามารคลุมพืนทีไดห้ นาแน่นภายใน 4-6 เดือน ทนทานต่อร่มเงาไดด้ ี ไมต่ ายในหนา้ แลง้ ใบสีเขียวเขม้ ค่อนขา้ งหนาและเป็ น มนั แผน่ ใบมีขน เมล็ดมีสีเขียวออ่ นจนถึงนาํ ตาลแก่ ผิวเมล็ดเรียบเป็นมนั วาว มีเมล็ดประมาณ 26,200 เมล็ดต่อกิโลกรมั

37 ไม้ยืนต้น ไม้ยืนต้นเป็ นไม้ประเภททีมีลําต้นเป็ นไม้เนือแข็งขนาดใหญ่ มีลาํ ตน้ หลกั ตงั ตรง ตน้ เดียวแลว้ จึงแตกกิงกา้ นบริเวณยอดหรือตงั แต่กลาง ลาํ ตน้ ขึนไป เป็ นไมท้ ีมีอายุยืนยาวหลายปี เจริญเติบโตเต็มทีมีความสูงไม่ น้อยกว่า 5 เมตร เช่น สน เต็ง รัง แดง สัก ประดู่ นนทรี จามจุรี มะขาม คุณสมบตั เิ ด่นของไมป้ ระเภทนี คือ ใหร้ ่มเงาและความร่มรืน นอกจากนนั ยงั มีไม้ยืนต้นทีมีลกั ษณะของลาํ ต้นเป็ นลาํ เดียวและเป็ นกอ (หลายลํา) ได้ เช่นกนั ตวั อยา่ ง เช่น ชมพูพนั ธ์ทิพย์ วาสนา ประดู่ โกสน พดุ ขอ่ ย พุดสามสี ปี ป มะหวดป่ า กระบก หมากหุ่ง ผกั อีฮุม มะเมก็ หมากกอก แค ผกั ติว มะขาม ก่อ มะเกวน่ นก หมอ่ น หมากมี กะเดา งิว (อดิศกั ดิ, 2557) การจําแนกประเภทของไม้ยืนต้นตามลักษณะความสูง สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1. ไมย้ นื ตน้ สูง เป็ นตน้ ไมท้ ีมีขนาดความสูงตงั แต่ 10 เมตร ขึนไป 2. ไมย้ นื ตน้ กลาง เป็นตน้ ไมท้ ีมีขนาดความสูง 10 เมตร ถึง เมตร 3. ไมย้ นื ตน้ ตาํ เป็ นตน้ ไมท้ ีมีขนาดความสูง ตงั แต่ 5 เมตรลงมา

38

39 ไม้มีค่าทางเศรษฐกจิ ไมท้ ีมีค่าทางเศรษฐกิจคือไมย้ ืนตน้ ทุกชนิดรวมถึงไผท่ ีปลูกหรือขึน เองตามธรรมชาติและอยู่นอกเขตป่ าอนุรักษ์ทีมีการใช้ประโยชน์เนือไม้ และ/หรือ ผลผลิตอืนทีไม่ใช่เนือไมท้ างการคา้ ดงั นนั อาจกล่าวโดยรวมไดว้ ่า ไมม้ ีค่าทางเศรษฐกิจเป็ นไมท้ ีสามารถนาํ มาสร้างมูลค่า รวมทงั แปรรูปเป็ น ผลิตภณั ฑ์ชนิดอืน เช่น เฟอร์นิเจอร์ สร้างบ้านเรือนทีอยู่อาศัย หรือด้าน เกษตรกรรม และพาณิชย์ รวมทงั ให้ประโยชน์ทงั ทางตรงและทางอ้อมแก่ ผปู้ ลูก (กรมป่ าไม,้ 2562) แนวคิดในการปลูกสวนป่ าร่วมในสวนยางทีสําคญั คือ การเปลียน พืนทีสวนยางหรือพืนทีเกษตรกรรมมาปลูกไม้ป่ าเพือผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจเป็ นหลกั โดยสวนป่ าตอ้ งให้ผลตอบแทนคุม้ ค่าและสูงกวา่ การใช้ ประโยชนท์ ีดินผืนนนั ในดา้ นอืนๆ การปลูกสวนป่ าเป็ นการนาํ พรรณไมม้ า ปลูก ในพืนทีอยา่ งมีระบบแบบแผนเป็ นแถวเป็ นแนว และมีวตั ถุประสงค์ที แน่นอนวา่ จะปลูกเพือให้ไดม้ าซึงผลตอบแทนในทางเศรษฐกิจโดยตรงหรือ เพือประโยชน์ในทางออ้ ม เช่น การทาํ ป๋ ุยหมกั ฟื น/ถ่านไม้ เมล็ด/กลา้ การ เลือกชนิดพรรณไม้ พืนที เทคนิคการปลูกย่อมขึนอยู่กบั วตั ถุประสงค์เป็ น สําคญั สวนป่ าทีไดม้ ีการปลูกขึนมาแลว้ จะตอ้ งได้รับการดูแลเป็ นอย่างดี มิฉะนนั จะเป็ นการลงทุนทีสูญเปล่า ซึงสามารถทาํ ในเชิงธุรกิจไดไ้ ม่ว่าจะ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ทีมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจคุม้ การ ลงทุน การปลูกสวนป่ าร่วมในสวนยางจะประสบผลสาํ เร็จมากน้อยเพียงใด นนั ขึนอยูก่ บั การเลือกชนิดไมท้ ีเหมาะสมกบั พืนที ความรู้ความชาํ นาญของ

40 เกษตรกร เลือกกลา้ ไมท้ ีมีสายพนั ธุท์ ีดีมีคุณภาพ ใหค้ วามสาํ คญั ของการปลูก และการบาํ รุงรักษาทีเท่าเทียมกนั การปลูกสร้างสวนยางร่วมกบั สวนไมป้ ่ า เศรษฐกิจให้ต้นไม้เติบโตดี มีคุณภาพ และไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตยาง ขึนอยูก่ บั ปัจจยั ต่างๆ ได้แก่ ตลาด เงินทุน เนืองจากการปลูกสร้างสวนป่ า ตอ้ งใชเ้ วลานานกวา่ จะคืนรายไดใ้ หก้ บั ผปู้ ลูก การจดั การพนื ทีเหมาะสม โดย ส่วนใหญ่จะมีปริมาณพืนทีจาํ กดั ในการปลูกร่วมยาง และแรงงาน การใช้ แรงงานเป็นสิงจาํ เป็นในการลงแปลงปลูก การจัดระบบการปลูกไม้มคี ่าทางเศรษฐกจิ โดยปลูกพร้อมกับยางหรือหลังยางอายุ ปี โดยพิจารณาจาก ลกั ษณะต่างๆ ดงั นี 1. การเจริญเติบโต ไดแ้ ก่ ไมโ้ ตเร็ว ไมโ้ ตปานกลาง และไมโ้ ตชา้ 2. ระยะรอบการตดั ฟัน ไดแ้ ก่ ตดั ฟันสัน ตดั ฟันปานกลาง และตดั ฟันยาว 3. ชนั เรือนไม้ เริมจาก ชนั ใตเ้ รือนยอด จนถึง ชนั ล่างสุดหรือพนื ป่ า ประกอบดว้ ย ชนั ยอดของไมพ้ ุม่ เตีย ชนั ของหญา้ และไมล้ ม้ ลุก

41

42 ลกั ษณะการเจริญเติบโต 1. ไมโ้ ตเร็ว ไมโ้ ตเร็ว คือ ตน้ ไมท้ ีมีอตั ราความเจริญเติบโตทางเส้นรอบวงปี ละ 4-5 เซนติเมตร ซึง บุญวงศแ์ ละวสนั ต์ (2537) ไดแ้ บ่งไมโ้ ตเร็ว ในแงข่ องการ ใชป้ ระโยชน์ วา่ จะตอ้ งมีอตั ราการเติบโตไมน่ อ้ ยกวา่ 2.5 ลูกบาศกเ์ มตรต่อไร่ ตอ่ ปี และจะตอ้ งมีอายคุ รบรอบหมุนเวยี นในการตดั ฟันไม่เกิน 7 ปี ไมโ้ ตเร็ว เมือปลูกและจดั การอย่างเหมาะสม สามารถนาํ มาใช้ประโยชน์ได้ภายใน ระยะเวลาสัน ประมาณ 3-5 ปี เช่น สะเดาเทียม กระถินเทพา กระถินณรงค์ ยู คาลิปตสั เลียน สะเดา ขีเหล็ก โกงกาง สนทะเล สนประดิพทั ธ์ รวมถึงไผ่ ชนิดต่างๆ ไมโ้ ตเร็วทีนิยมปลูกมีมากมายหลายชนิด มีทงั ชนิดพืนเมืองและ ไมต้ ่างถิน ไมโ้ ตเร็วพนื เมือง เช่น ไมเ้ ลียน ซอ้ ทุง้ ฟ้า ไมส้ นทะเล ไมโ้ ตเร็วต่างถิน เช่น ไมส้ นประดิพทั ธ์ สนคาริเบียน สนโอคาร์ปา กระถินณรงค์ กระถินยกั ษ์ กระถินเทพา และยคู าลิปตสั

43 ตาราง ชนิดไม้โตเร็ว ระยะปลกู และความสูง รายละเอียด กระถิน กระถินเทพา ยคู าลิปตสั สะเดาบา้ น สะเดาเทียม เทพทาโร ณรงค์ 3x3 2x2 2x2 2x2 0.5x0.5 12 15 8 12 10 ระยะปลูก (ม.) 2x2 ความสูง (ม.) 10 ทมี า: ศนู ยว์ จิ ยั ป่ าไม้ (2551) 2. ไมโ้ ตปานกลาง ไมโ้ ตปานกลาง คือ ไมท้ ีมีอตั ราความเจริญเติบโตทางเส้นรอบวงปี ละ 2.5-4.0 เซนติเมตร ตน้ ไมท้ ีมีลกั ษณะโตปานกลางจะมรี อบการตดั ฟันยาว มูลค่าของเนือไมค้ อ่ นขา้ งสูง ไมท้ ีเจริญเติบโตปานกลางโดยทวั ไปจะมีความ สูงประมาณ 10-25 เมตร ส่วนใหญ่พบในป่ าดิบแล้ง เช่น สัก ประดู่ ยางนา แดง สนสองใบ สนสามใบ กระบาก สะตอ เป็นตน้ 3. ไมโ้ ตชา้ ไมโ้ ตชา้ คือ ตน้ ไมท้ ีอตั ราความเจริญเติบโตทางเส้นรอบวงน้อยกวา่ ปี ละ 1 เซนติเมตร ไมโ้ ตชา้ จะมีรอบการตดั ฟันประมาณ 25-30 ปี จึงจะได้ ขนาดทีเหมาะสมในการใชป้ ระโยชน์ มกั จะพบโดยทวั ไปในป่ าโปร่งแลง้ เช่น ตะเคียนทอง พะยงู ชิงชนั มะค่าโมง เตง็ รัง จนั ทร์หอม กนั เกรา เป็ นตน้ (ศูนยว์ จิ ยั ป่ าไม,้ 2551)