โรงเรยี นบ้านสวนสมบรู ณ์ ตำ� บลสวนแตง อำ� เภอละแม จงั หวดั ชมุ พร เรอื่ งเดน่ ของพน้ื ท่ี โรงเรียนบ้านสวนสมบูรณ์ ต้ังอยู่ในพื้นท่ี ต�ำบลสวนแตง อ�ำเภอละแม จงั หวัดชมุ พร มคี รจู �ำนวน ๑๔ คน นกั เรียนจำ� นวน ๑๓๖ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๑๐.๒๙ โรงเรียนบ้านสวนสมบูรณ์มีจุดเด่น คอื ชมุ ชนใหค้ วามร่วมมืออย่างดี ในการจัดกิจกรรม จนส่งผลให้โรงเรียนมีความพร้อมในจัดกิจกรรมและการ เรยี นรู้ นักเรียนเกิดการเรียนรู้ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ทงั้ การทำ� กลว้ ยฉาบและการ ท�ำเรือใบโบราณ จนเกิดการเรียนรู้และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจนมาเป็น หลักสูตรการศึกษาในการบูรณาการการจัดการเรียนการสอน ด้วยเหตุผล ดังกล่าวโรงเรียนจึงได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากชุมชน และปราชญ์ ชาวบา้ น ซึ่งไดร้ ว่ มมอื ส่งเสรมิ สนับสนนุ พัฒนาโรงเรียนอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนมี คณุ ภาพ และเป็นที่ยอมรับ สถานการณก์ ล่าวถึงทมี่ าและปัจจยั สถานการณ์ท่ีเกี่ยวกับปัญหาการอ่านการเขียน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ นักเรยี นอา่ นไมค่ อลอ่ ง จ�ำนวน ๕ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๓.๖๗ นกั เรยี นทเ่ี ขียน ไม่ได้ จ�ำนวน ๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๕.๘๘ นักเรียนเขียนสรุปความไม่ได้ จ�ำนวน ๗ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕.๑๔ สถานการณ์ท่ีเกย่ี วกับปญั หาสุขภาวะ ยอ้ นหลงั ปญั หาการลา้ งมอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐ ปญั หาการแปรงฟนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙๐ สถานการณท์ เ่ี กย่ี วกบั ครู ครมู คี วามตงั้ ใจและเปน็ ครทู อ่ี ยใู่ นชมุ ชน ชุมชนมีตน้ ทนุ ทางสังคมทด่ี ี ประกอบดว้ ยมีแหลง่ การเรยี นรู้ และบุคลากร ที่ { 200 }
พรอ้ มใหก้ ารสนบั สนนุ โรงเรยี น ทำ� ใหโ้ รงเรยี นมคี วามพรอ้ มในการขบั เคลอื่ นกจิ กรรม ตา่ งๆ วิธีการและกระบวนการ ๑) ครสู ำ� รวจสภาวการณก์ ารอา่ นออกเขยี นได้ (ระดบั ป.๑-ป.๖) ๒) โรงพยาบาล สง่ เสรมิ สขุ ภาพตำ� บลสวนแตงใหข้ อ้ มลู ปญั หาสขุ ภาวะ ๓) ครอู บรมการพฒั นาสอ่ื และ นวัตกรรม(สื่อท�ำมือ/แอนิเมชั่น/CAI) ๔) ครูส�ำรวจภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นท่ีเพื่อ แก้ปัญหาสขุ ภาวะ ๕) ครเู ลือกภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ที่สง่ เสริมการดูแลสุขภาวะนกั เรยี น ๖) องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คัดสรรชาวบ้านที่มีความรู้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ๗) ชาวบา้ นใหค้ วามรแู้ ละฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารทำ� กลว้ ยฉาบใหแ้ กน่ กั เรยี น ๘) นกั เรยี นปฏบิ ตั ิ การทำ� กลว้ ยฉาบ ๙) ครูพัฒนาสือ่ และนวัตกรรม (นทิ าน Animation เร่ือง หนงึ่ วนั ของลงิ นอ้ ย) ทม่ี เี นอื้ หาการทำ� กลว้ ยฉาบ การดแู ลสขุ ภาวะดา้ นการลา้ งมอื และการดแู ล สขุ ภาพชอ่ งปาก และการอา่ นเขียนค�ำพน้ื ฐาน จ�ำนวน ๒๐ คำ� ๑๐) นักเรยี นใช้ส่ือ นวตั กรรมในวิชาภาษาไทย คาบลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลารู้ คาบกิจกรรมชุมนุม และ ศึกษาเพิ่มเติมที่บ้านภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง ๑๑) โรงเรียนมีนโยบายในการ รณรงคด์ แู ลสขุ ภาวะดา้ นการลา้ งมอื และการแปรงฟนั ๑๒) ครวู ดั และประเมนิ ผลดา้ น การอ่านออกเขียนได้ ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ และสุขภาวะตามสภาพจริง ความเปล่ียนแปลง บคุ คล ชมุ ชนท้องถิน่ ผมู้ สี ่วนร่วม ๑) นักเรียนล้างมือก่อน-หลังรับประทานอาหาร ร้อยละ ๑๐๐ ๒) นักเรียน แปรงฟนั หลังรบั ประทานอาหาร ร้อยละ ๙๐ ๓) นกั เรยี นช้ัน ป.๑–ป.๖ ท่ีอา่ นไม่ คลอ่ งจาก จ�ำนวน ๑๓๖ คน เหลอื จำ� นวนนกั เรียนทีอ่ า่ นไม่คล่อง จำ� นวน ๒ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๑.๔๗ ๔) นกั เรียนช้นั ป.๑–ป.๖ ทีเ่ ขียนไมไ่ ด้จาก จ�ำนวน ๑๓๖ คน เหลอื จ�ำนวนนักเรยี นเขยี นไมไ่ ด้ จ�ำนวน ๘ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๕.๘๘ ๕) โรงเรยี น กำ� หนดนโยบายในการรณรงคว์ ธิ กี ารลา้ งมอื และแปรงฟนั ทถ่ี กู ตอ้ งตดิ บรเิ วณหอ้ งเรยี น และบริเวณโรงเรียน ๖) นักเรียนน�ำความรู้และวิธีการล้างมือและแปรงฟันท่ีถูกวิธี ถา่ ยทอดไปสผู่ ปู้ กครองเพอ่ื การดแู ลสขุ ภาพทดี่ ี ๗) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ กี ารทำ� และท�ำกล้วยฉาบร่วมกับครอบครัวเพ่ือเป็นการถนอมอาหารและสร้างรายได้เสริม ๘) โรงเรียนได้ส่ือการจัดการเรียนการสอนท่ีทันสมัย น่าสนใจตรงตามช่วงวัยและ { 201 }
จติ วิทยาของผเู้ รยี น ๙) เกดิ ความรว่ มมอื ระหวา่ งโรงเรยี น รพ.สต. อบต. ในการ ดำ� เนินงานดา้ นการส่งเสรมิ สขุ ภาวะ ๑๐) เกิดความรว่ มมอื ระหว่างโรเรียน ชมุ ชน วดั อบต. และปราชญช์ มุ ชน ในการขับเคลอ่ื นการสง่ เสรมิ การอ่านออกเขยี นได้ และ ความเข้าใจสุขภาวะ { 202 }
ภาพท่ี ๖.๒ โรงเรยี นบา้ นบางหยี ตำ� บลบางน้ำ� จดื อำ� เภอหลังสวน จงั หวดั ชมุ พร
โรงเรียนบา้ นบางหยี ต�ำบลบางน�ำ้ จืด อำ� เภอหลังสวน จงั หวัดชุมพร เรือ่ งเด่นของพนื้ ที่ โรงเรียนบ้านบางหยี ต้งั อยูใ่ นพื้นท่ี ต�ำบลสวนแตง อำ� เภอละแม จงั หวดั ชมุ พร มคี รจู ำ� นวน ๒๐ คน นกั เรยี นจำ� นวน ๑๐๑ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๙.๘๐ โรงเรียนบ้านบางหยี เป็นโรงเรียนที่มีบุคลากรเป็นคนรุ่นใหม่ ท�ำให้มีความ สามารถในการสบื คน้ ขอ้ มลู มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ และนำ� องคค์ วามรมู้ าพฒั นา สอื่ การจดั การเรยี นการสอนทห่ี ลากหลายและมคี วามนา่ สนใจ นอกจากนคี้ ณุ ครู มีความต้ังใจในการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยพัฒนาส่ือมาแก้ปัญหา นกั เรยี นอ่านไม่ออกเขียนไมไ่ ด้ ซ่งึ เปน็ อุปสรรคสำ� คญั ในการเรียนรูแ้ ละการใช้ ชีวิตประจำ� วนั ตลอดจนการพัฒนาองคค์ วามรดู้ ้านอืน่ ๆ ดว้ ยเหตผุ ลดังกลา่ ว โรงเรียนจึงได้รับการสนับสนุนการผลิตสื่อการเรียนการสอนจากหน่วยงาน ภายนอก และได้รบั ความรว่ มมอื จากนกั เรยี นและผู้ปกครอง สถานการณ์กลา่ วถึงท่ีมาและปจั จยั สถานการณ์ที่เก่ียวกับปัญหาการอ่านการเขียน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ นกั เรยี นอา่ นไมอ่ อก จำ� นวน ๘ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗.๙๒ นกั เรยี นอา่ นไมค่ ลอ่ ง จำ� นวน ๓๔ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๓๓.๖๖ นกั เรียนอ่านจับใจความไม่ได้ จำ� นวน ๕๕ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๔.๔๕ นกั เรียนเขยี นไม่ได้ จำ� นวน ๑๓ คน คดิ เป็น ร้อยละ ๑๒.๘๗ นักเรียนเขียนสรปุ ความไมไ่ ด้ จำ� นวน ๔๒ คน คดิ เป็นร้อยละ ๔๑.๕๘ สถานการณ์ทเ่ี กยี่ วกับปัญหาสขุ ภาวะย้อนหลงั ปัญหาเหา ร้อยละ ๔๘ และปญั หาฟนั พุ ร้อยละ ๓๐ สถานการณ์ทีเ่ กย่ี วกับครู ครมู ีความต้งั ใจและ { 204 }
มีความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตสื่อ ท�ำให้โรงเรียนมีความพร้อมในการขับเคล่ือน กิจกรรมตา่ งๆ วธิ กี ารและกระบวนการ ๑) ครูส�ำรวจสถานการณก์ ารอ่านออกเขยี นได้ (ระดบั ป.๑-ป.๖) ๒) ครอู บรม การพัฒนาสอื่ และนวตั กรรม(ส่อื ทำ� มือ/แอนเิ มชั่น/CAI) ๓) ครูวเิ คราะห์สถานการณ์ ปญั หาการอา่ น เขยี นของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๖ ๔) ครเู ลอื กปญั หาทเ่ี ปน็ ปัญหาพ้นื ฐานในการอา่ นออกเขยี นได้ ๕) ครอู อกแบบสอ่ื ทำ� มือใหส้ อดรบั กบั สภาพ การแก้ปญั ญาการผันวรรณยกุ ต์ ๖) ครอู อกแบบกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามระดบั ความ ยากง่ายของเน้อื หา ๗) นักเรียนปฏบิ ตั กิ ารผนั วรรณยุกตด์ ้วยตนเองโดยมคี รูคอยให้ ค�ำชี้แนะ ๘) ครวู ดั และประเมินผลดา้ นการอา่ นออกเขยี นได้ ความเปลีย่ นแปลง บุคคล ชมุ ชนท้องถนิ่ ผูม้ สี ว่ นร่วม ๑) นักเรยี นมีสว่ นรว่ มในการจัดการเรยี นการสอน ๒) นกั เรยี นชัน้ ป.๑–ป.๖ ท่อี ่านไม่ออกจาก จ�ำนวน ๘ คน เหลือจำ� นวนนกั เรยี นทอี่ า่ นไม่ออก จำ� นวน ๕ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๖๒.๕ ๓) นักเรยี นชนั้ ป.๑–ป.๖ ทีอ่ ่านไม่คล่องจาก จ�ำนวน ๓๔ คน เหลือจ�ำนวนนักเรียนท่ีอ่านไม่ออก จ�ำนวน ๒๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๖๔ ๔) นักเรียนช้ัน ป.๑–ป.๖ ทเ่ี ขียนไม่ได้จาก จ�ำนวน ๑๓ คน เหลอื จำ� นวนนักเรยี นท่ี อ่านไม่ออก จำ� นวน ๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๕๓ { 205 }
ภาพท่ี ๖.๓ โรงเรียนบา้ นเขาตากนุ ต�ำบลสวนแตง อำ� เภอละแม จงั หวัดชมุ พร
โรงเรยี นบา้ นเขาตากนุ ตำ� บลสวนแตง อ�ำเภอละแม จังหวดั ชมุ พร เร่ืองเดน่ ของพ้นื ท่ี โรงเรยี นบา้ นเขาตากนุ ตงั้ อยใู่ นพนื้ ที่ ตำ� บลสวนแตง อำ� เภอละแม จงั หวดั ชมุ พร มคี รูจ�ำนวน ๕ คน นักเรียนจำ� นวน ๔๑ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๒.๑๙ โรงเรียนบ้านเขาตากุล เป็นโรงเรียนที่ต้ังอยู่ในภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงเอ้ือ ตอ่ การเจริญเติบโตของดอกออ้ ทำ� ใหช้ มุ ชนนำ� วัตถดุ บิ ในชมุ ชนมาสร้างสรรค์ กลายเปน็ ผลติ ภณั ฑจ์ ากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และลดรายจา่ ยของครวั เรอื น อกี ทงั้ เพมิ่ รายรบั ของครวั เรอื นโดยการผลติ ไมก้ วาดดอกออ้ เพอื่ นำ� ไปขายสรา้ งรายได้ ใหก้ บั ครอบครวั และชมุ ชน ทำ� ใหช้ มุ ชนเกดิ ความเขม้ แขง็ และถา่ ยทอดองคค์ วาม รใู้ หก้ บั ลกู หลานและเกดิ การสบื ทอดจากปราชญช์ าวบา้ น อนั นำ� ไปสกู่ ารพฒั นา หลักสูตรของโรงเรียนในการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการในช่ัวโมงลด เวลาเรยี นเพมิ่ เวลารแู้ ละชวั่ โมงชมุ นมุ ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ วโรงเรยี นจงึ ไดร้ บั การ สนบั สนุนเปน็ อย่างดจี ากชุมชน และปราชญช์ าวบ้าน ซ่ึงได้รว่ มมือ ส่งเสริม สนบั สนุน พัฒนาโรงเรยี นอย่างตอ่ เนอ่ื งจนมีคุณภาพ และเป็นทย่ี อมรับ สถานการณก์ ลา่ วถึงทีม่ าและปจั จัย สถานการณ์ท่ีเก่ียวกับปัญหาการอ่านการเขียน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ นกั เรยี นอา่ นไมค่ อลอ่ ง จำ� นวน ๔ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙.๗๖ นกั เรยี นอา่ นจบั ใจ ความส�ำคญั ไม่ได้ จำ� นวน ๒ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๔.๘๘ นกั เรียนเขียนสรปุ ความไมไ่ ด้ จำ� นวน ๑ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๒.๔๔ สถานการณ์ท่ีเกยี่ วกบั ปัญหา สุขภาวะยอ้ นหลัง ปญั หาสขุ ภาพฟัน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๒๐ และปญั หาภาวะอ้วน { 207 }
คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓๐ สถานการณท์ เี่ กยี่ วกบั ครู ครมู คี วามตง้ั ใจและเปน็ ครทู อี่ ยใู่ นชมุ ชน ชุมชนมีต้นทุนทางวัตถุดิบที่ดี อีกทั้งมีชุมชนที่เข้มแข็งในการถ่ายทอดภูมิปัญญา ท้องถ่ิน ประกอบด้วยมีแหล่งการเรียนรู้ และบุคลากร ที่พร้อมให้การสนับสนุน โรงเรียน ท�ำให้โรงเรียนมีความพรอ้ มในการขบั เคลอ่ื นกิจกรรมตา่ งๆ วธิ ีการและกระบวนการ ๑) ครสู ำ� รวจภาวการณก์ ารอา่ นออกเขยี นได้ (ระดบั ป.๑-ป.๖) ๒) โรงพยาบาล สง่ เสรมิ สขุ ภาพตำ� บลสวนแตงใหข้ ้อมลู ปญั หาสขุ ภาวะของเดก็ นกั เรยี น ๓) ครูอบรม การพัฒนาส่ือและนวัตกรรม (สื่อท�ำมือ/แอนิเมชั่น/คอมพิวเตอร์ช่วยสอน) ๔) ครู ส�ำรวจนกั เรยี นที่สามารถท�ำไม้กวาดดอกอ้อซ่ึงเปน็ ภมู ิปัญญาท้องถิ่นได้ ๕) นกั เรียน ทม่ี คี วามรใู้ นการผลติ ไมก้ วาดดอกออ้ เปน็ ตน้ แบบในการใหค้ วามรแู้ ละฝกึ ปฏบิ ตั จิ รงิ ใหแ้ กน่ กั เรยี นคนอนื่ ๆ ในโรงเรยี น ๖) นกั เรยี นผลติ ไมก้ วาดดอกออ้ เพอื่ ใชใ้ นโรงเรยี น และครัวเรือนของตน ๗) ครูน�ำความรู้ที่นักเรียนเผยแพร่มาผลิตเป็นนิทานท�ำมือ เร่อื ง เจ้าชายผพู้ ิทักษ์ ท่มี เี นอื้ หาการทำ� ไมก้ วาดดอกอ้อ การดแู ลสขุ ภาวะดา้ นความ สะอาด และการอา่ นเขยี นค�ำพ้นื ฐาน จำ� นวน ๒๐ ค�ำ ๘) นกั เรยี นใชส้ อ่ื นวตั กรรมใน วชิ าภาษาไทย คาบลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้ คาบกจิ กรรมชมุ นมุ และศึกษาเพิม่ เตมิ ที่ บา้ นภายใตก้ ารดแู ลของผปู้ กครอง ๙) โรงเรยี นมนี โยบาย ๕ ส. เพอ่ื เปน็ การรณรงค์ รกั ษาความสะอาดในหอ้ งเรยี นและในโรงเรยี น ๑๐) ครสู รา้ งเกณฑก์ ารประเมนิ ๕ ส. แบบ ratting scale ๓ ระดับ ๑๑) โรงเรยี นจัดประกวดห้องเรยี น ๕ ส. ดีเด่น และ เขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบดเี ดน่ ๑๒) ครวู ดั และประเมนิ ผลดา้ นการอา่ นออกเขยี นได้ ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถนิ่ และสุขภาวะตามสภาพจรงิ ความเปล่ียนแปลง บคุ คล ชุมชนทอ้ งถิน่ ผูม้ ีส่วนรว่ ม ๑) โรงเรยี นไดร้ บั การประเมนิ ความสะอาดตามนโยบาย ๕ ส. อยใู่ นระดบั ดี ตาม เกณฑ์การประเมินของโรงเรียนท่ีสร้างขึ้นแบบ ratting scale ๓ ระดับ ๒) ลด ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในการซ้ือไม้กวาดท�ำความสะอาดบ้าน ๓) ชุมชนได้เผยแพร่ ภูมิปัญญาการท�ำไม้กวาดดอกอ้อให้กับนักเรียน ๔) นักเรียนมีสมาธิในการเรียนใน ๑ ช่ัวโมง ไม่ต่�ำกว่า ๓๐ นาที ๕) นักเรียนชัน้ ป.๑–ป.๖ ทอ่ี า่ นไม่คลอ่ งจาก จำ� นวน ๔ คน เหลอื จ�ำนวนนักเรียนทอี่ ่านไมค่ ล่อง จ�ำนวน ๒ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๕๐ { 208 }
ภาพท่ี ๖.๔ โรงเรยี นวดั ปากคู ต�ำบลชา้ งซ้าย อำ� เภอกาญจนดษิ ฐ์ จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี
โรงเรียนวัดปากคู ต�ำบลช้างซ้าย อำ� เภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี เร่อื งเดน่ ของพืน้ ท่ี โรงเรียนวัดปากคู ต้ังอยู่ในพื้นที่ ต�ำบลช้างซ้าย อ�ำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี มีครูจำ� นวน ๑๒ คน นักเรยี นจำ� นวน ๑๐๓ คน คดิ เป็น ร้อยละ ๑๑.๖๕ โรงเรียนวัดปากคู เป็นโรงเรียนที่มีเทคโนโลยีท่ีเอื้อต่อการ จดั การเรยี นการสอนโดยใชเ้ ทคโนโลยที างการศกึ ษา อกี ทงั้ ครยู งั มอี งคค์ วามรู้ ในการพฒั นาเทคโนโลยที ที่ นั สมยั ตอบสนองยคุ ไทยแลน ๔.๐ ทำ� ใหค้ รสู ามารถ พฒั นาเทคโนโลยกี ารจดั การเรยี นการสอนทท่ี นั สมยั และตอบสนองความสนใจ ของผเู้ รยี น โดยผเู้ รยี นสามารถใชส้ อ่ื เทคโนโลยไี ดด้ ว้ ยตนเองทงั้ ในโรงเรยี นและ ทีบ่ า้ นทำ� ใหเ้ กิดการเรยี นรู้และพฒั นาไดต้ ลอดเวลาตามทต่ี นเองตอ้ งการ ด้วย เหตผุ ลดงั กลา่ วโรงเรยี นจงึ มสี อ่ื นวตั กรรมทที่ นั สมยั ทำ� ใหพ้ ฒั นาโรงเรยี นอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื งจนมคี ณุ ภาพ และเป็นท่ยี อมรับ สถานการณก์ ล่าวถึงทม่ี าและปัจจยั สถานการณท์ เี่ กยี่ วกบั ปญั หาการอา่ นการเขยี น ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ นกั เรยี น อา่ นไมอ่ อก จำ� นวน ๖ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕.๘๒ นกั เรยี นอา่ นไมค่ ลอ่ ง จำ� นวน ๑๖ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๕.๕๓ นกั เรยี นอา่ นจับใจความไมไ่ ด้ จำ� นวน ๔ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓.๘๘ นักเรียนเขียนไมไ่ ด้ จำ� นวน ๓๓ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๒.๐๓ นกั เรียนเขียนสรุปความไม่ได้ จ�ำนวน ๔๖ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๔.๖๖ สถานการณท์ ีเ่ กย่ี วกับปัญหาสขุ ภาวะยอ้ นหลัง นักเรียนเป็นเหา รอ้ ยละ ๒๕ { 210 }
นักเรยี นฟันพุ รอ้ ยละ ๑๘ นกั เรยี นมีปัญหาภาวะอ้วน/ผอม รอ้ ยละ ๒๐และนกั เรียน มปี ญั หาโภชนาการ ร้อยละ ๑๗ วิธกี ารและกระบวนการ ๑) ครูส�ำรวจสภาวการณ์การอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนระดับ ป.๑-ป.๖ ๒) โรงเรียนก�ำหนดยุทธศาสตร์เพ่ือแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ของ นกั เรยี น ๓) ครอู บรมการพฒั นาสอื่ และนวตั กรรม (สอื่ ทำ� มอื /แอนเิ มชน่ั /CAI) ๔) ครู ออกแบบส่ือท่ีหลากหลายท้ังสื่อท�ำมือและส่ือมัลติมิเดีย ๕) ครูสอบถามและสังเกต ความพงึ พอใจของนกั เรยี นตอ่ การใชส้ อื่ ๖) ครคู ดั เลอื กสอ่ื ทไี่ ดร้ บั ความสนใจมากทส่ี ดุ ได้แก่ CAI ๗) ครผู ลิตสือ่ CAI ในการจดั การเรียนรู้ จ�ำนวน ๘ เลม่ ไดแ้ ก่ เลม่ ที่ ๑ อักษรสามหม่แู ละการผัน วรรณยุกต์ เลม่ ที่ ๒ สระ เลม่ ที่ ๓ ตัวสะกด เลม่ ที่ ๔ อกั ษรควบกลำ้� เลม่ ที่ ๕ อกั ษรนำ� เลม่ ที่ ๖ ตวั การนั ต์ เลม่ ที่ ๗ คำ� ทม่ี ี รร เลม่ ท่ี ๘ คำ� ทม่ี พี ยัญชนะ สระ และเครื่องหมายที่ไมอ่ อกเสยี ง ๗) น�ำสื่อ CAI ใชใ้ นหอ้ งเรียน และบา้ น ๘) ครูวดั และประเมินผลด้านการอา่ นออกเขียนได้ตามสภาพจริง ความเปลย่ี นแปลง บคุ คล ชุมชนท้องถ่นิ ผมู้ สี ่วนร่วม ๑) นักเรยี นชัน้ ป.๑–ป.๖ ท่ีอ่านไมอ่ อกจาก จ�ำนวน ๑๒ คน เหลอื จ�ำนวน นักเรยี นทอ่ี า่ นไมอ่ อก จำ� นวน ๖ คน คดิ เป็นร้อยละ ๕๐ ๒) นักเรยี นชน้ั ป.๑–ป.๖ ทีอ่ ่านไมค่ ลอ่ งจาก จ�ำนวน ๓๙ คน เหลอื จ�ำนวนนักเรยี นที่อ่านไมค่ ล่อง จ�ำนวน ๑๖ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๘.๙๗ ๓) นกั เรียนชน้ั ป.๑–ป.๖ ที่เขยี นไม่ได้จาก จำ� นวน ๓๖ คน เหลอื จำ� นวนนกั เรยี นเขยี นไมไ่ ด้ จ�ำนวน ๓๓ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๘.๓๓ ๔) นักเรียนมสี มาธิและมีแรงจงู ใจในการเรยี น ๑ ช่วั โมง นกั เรยี นมีสมาธเิ รียนไม่ต่�ำ กว่า ๓๐ นาที ๕) ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากการน�ำสื่อไปใช้ที่บ้าน ๖) โรงเรยี นมสี อ่ื และนวตั กรรมท่ีทนั สมยั ๗) โรงเรยี นมียุทธศาสตร์ในด้านการแก้ ปัญหาการอ่านไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ด้ { 211 }
ภาพที่ ๖.๕ โ{รง2เ1ร2ยี }นบ้านไสขาม ตำ� บลชา้ งซา้ ย อำ� เภอกาญจนดษิ ฐ์ จงั หวดั สุราษฎร์ธานี
โรงเรียนบา้ นไสขาม ต�ำบลชา้ งซ้าย อ�ำเภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี เรอ่ื งเด่นของพ้ืนที่ โรงเรียนบ้านไสขาม ตั้งอยู่ในพื้นท่ี ต�ำบลช้างซ้าย อ�ำเภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวัด สุราษฎรธ์ านี มคี รจู ำ� นวน ๕ คน นักเรียนจ�ำนวน ๕๓ คน คิดเป็น รอ้ ยละ ๙.๔๓ โรงเรยี นบา้ นไสขาม เปน็ โรงเรยี นทมี่ ชี มุ ชนทมี่ แี หลง่ เรยี นรดู้ า้ น ศิลปวฒั นธรรมพน้ื บ้านภาคใต้ (หนังตะลุง ๓ ภาษา) ด้วยความเข้มแข็งทาง วัฒนธรรมและมีแหล่งเรียนรู้ที่สอดรับกับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ทำ� ใหโ้ รงเรยี นมหี ลกั สตู รบรู ณาการการจดั การเรยี นการสอนกบั ศลิ ปวฒั นธรรม พน้ื บา้ นภาคใต้ โดยการไปศกึ ษาในแหลง่ เรยี นรแู้ ละปราชญช์ าวบา้ นมาใหค้ วาม รูจ้ นสามารถน�ำมาบูรณาการ จนสามารถนำ� ไปแสดงเผยแพรใ่ นทีส่ าธารณชน ด้วยเหตผุ ลดงั กล่าวโรงเรยี นจงึ ได้รบั การสนับสนุนเปน็ อยา่ งดีจากชมุ ชน และ ปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งได้ร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาโรงเรียนอย่าง ต่อเนือ่ งจนมีคุณภาพ และเป็นท่ยี อมรบั สถานการณก์ ล่าวถึงท่ีมาและปัจจยั สถานการณ์ท่ีเกี่ยวกับปัญหาการอ่านการเขียน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ นักเรียนอา่ นไม่คลอ่ ง จำ� นวน ๑๕ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๒๘.๓๐ นกั เรยี นอ่าน จบั ใจความไมไ่ ด้ จ�ำนวน ๒๔ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๔๕.๒๘ นักเรยี นเขียนสรุป ความไม่ได้ จ�ำนวน ๒๙ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๕๔.๗๑ สถานการณ์ทเี่ กี่ยวกับ ปญั หาสขุ ภาวะย้อนหลัง นักเรียนเปน็ เหา รอ้ ยละ ๔๓.๔๘ นกั เรียนมปี ัญหา ภาวะอ้วน ร้อยละ ๑๙.๕๗ และนักเรียนมีปัญหาภาวะผอม ร้อยละ ๗.๑๔ { 213 }
สถานการณท์ เ่ี กย่ี วกบั ครู ครมู คี วามตงั้ ใจและเปน็ ครทู อี่ ยใู่ นชมุ ชน ชมุ ชนมตี น้ ทนุ ทาง สังคมที่ดี ประกอบด้วยมีแหล่งการเรียนรู้ และบุคลากร ท่ีพร้อมให้การสนับสนุน โรงเรยี น ท�ำให้โรงเรียนมีความพร้อมในการขับเคลอื่ นกิจกรรมต่างๆ วธิ ีการและกระบวนการ ๑) โรงเรียนมีนโยบายในการบรู ณาการศิลปวฒั นธรรมกับการจัดการเรยี นการ สอน ๒) โรงเรียนและชุมชนร่วมการวางแผนในการจัดการเรียนการสอนโดย บรู ณาการศลิ ปวฒั นธรรมชมุ ชน ๓) โรงเรยี นและชมุ ชนกำ� หนดแผนในการศกึ ษาและ ระยะเวลาในการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมชุมชน ๔) จัดท�ำแผนการเรียนโดยใช้คาบ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้และคาบกิจกรรมชุมนุม ๕) นักเรียนลงไปศึกษาจากแหล่ง เรยี นรทู้ มี่ อี ยจู่ รงิ ๖) นกั เรยี นฝกึ การเชดิ หนงั ตะลงุ และขบั กลอนหนงั ตะลงุ ๗) นกั เรยี น ร่วมแสดงหนังตะลุงโดยใช้เน้ือหาความรู้ในศาสตร์ภาษาไทยและการดูแลสุขภาวะ ๘) ครูวัดและประเมินผลด้านการอ่านออกเขยี นได้ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ และสขุ ภาวะ ตามสภาพจริง ความเปลย่ี นแปลง บคุ คล ชุมชนทอ้ งถ่นิ ผูม้ สี ว่ นรว่ ม ๑) นักเรยี นช้นั ป.๑–ป.๖ ที่อ่านไม่คล่องจาก จำ� นวน ๑๕ คน เหลือจ�ำนวน นกั เรยี นทอี่ า่ นไม่คล่อง จำ� นวน ๗ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๔๖.๖๖ ๒) นักเรยี นที่เปน็ เหา มีจำ� นวนลดลงจากร้อยละ ๔๓.๔๘ ลดเหลือ ร้อยละ ๓๐.๙๐ ๓) นักเรยี นมีน�้ำหนกั ลดลงแตไ่ มเ่ ปน็ ไปตามเกณฑม์ าตรฐาน รอ้ ยละ ๑๙.๕๗ ๔) นกั เรยี นมนี ำ�้ หนกั เพมิ่ ขนึ้ แต่ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน รอ้ ยละ ๗.๑๔ ๕) โรงเรียนมีสอ่ื การเรยี นการสอน ทีเ่ ป็นศลิ ปวฒั นธรรมของชุมชนท้องถน่ิ ๖) นกั เรียนมคี วามภาคภูมิใจ ตระหนักและ อนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมในทอ้ งถ่นิ ๗) โรงเรยี นมหี ลักสตู รบูรณาการการจัดการเรยี นการ สอนกบั ศลิ ปวฒั นธรรมในชมุ ชน { 214 }
มหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลา อ�ำ เภอเมอื ง จังหวัดยะลา โรงเรียนบา้ นดอแฮะ ตำ�บลริโก๋ อำ�เภอสุไหงปาดี จงั หวดั นราธวิ าส โรงเรียนบ้านบลูกาสนอ ตำ� บลตะปอเยอะ อำ� เภอยง่ี อ จังหวัดนราธิวาส โรงเรยี นบ้านบาโงย ตำ� บลบาโงย อำ� เภอรามัน จงั หวัดยะลา { 215 }
ภาพท่ี ๗ สื่อสรา้ งการเรยี นรู้ “จากภาษาสู่สุขภาวะดี” มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา อำ� เภอเมือง จังหวัดยะลา
การบริหารจดั การพัฒนาทกั ษะ การอ่านออกเขยี นได้ เพ่ือสง่ เสริมความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ยะลา อำ� เภอเมอื ง จังหวัดยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มีสถาบันคู่ความร่วมมือ ประกอบด้วย ส�ำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) โดยส�ำนัก สนบั สนนุ สขุ ภาวะชมุ ชน(สำ� นกั ๓) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลใน ๓ จงั หวดั ชายแดนใต้ ประกอบดว้ ย จงั หวัดยะลา จ�ำนวน ๘ โรงเรียน จงั หวัด ปตั ตานี จ�ำนวน ๓ โรงเรียน จังหวัดนราธวิ าส จำ� นวน ๑๒ โรงเรียน จำ� นวนครู ๔๘๑ คน ชาย ๑๒๒ คน หญิง ๓๕๙ คน ข้าราชการครู ๒๙๐ คน อตั ราจา้ ง ๙๑ คน พนกั งานราชการ ๔๐ คน สดั สว่ นครรู ะดบั ประถมศกึ ษาต่อนกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๒๕ สถานการณท์ เ่ี กย่ี วกบั ปญั หาการอา่ น การเขียน ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ พบวา่ ปัญหาแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ได้แก่ ๑) ปัญหานกั เรยี นอา่ นไม่ออก เขยี นไมไ่ ด้ เกิดจาก (๑) นกั เรียน ได้แก่ นักเรยี นขาดเรยี น นกั เรยี นใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่ ๒ นกั เรยี นมปี ัญหา ด้านสขุ ภาพ (๒) ผู้ปกครอง ได้แก่ ผู้ปกครองขาดการเอาใจใสด่ แู ลท้ังใน เรื่องการเรียนและสุขภาพ ผู้ปกครองไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านภาษาไทย ผู้ปกครองไม่ให้การส่งเสริมสนับสนุนการเรียนของบุตรหลาน (๓) ครู ครูสอนไม่ตรงสาย (๔) สื่อการเรียนการสอน ได้แก่ ขาดแคลนส่ือ { 217 }
การสอน ขาดสอ่ื การสอนไมจ่ งู ใจ และไมน่ า่ สนใจ สอื่ การเรยี นการสอนไมม่ คี วามหลากหลาย ๒) ปญั หานกั เรียนอา่ นจับใจความและเขยี นสรปุ ความไมไ่ ด้ เกิดจาก (๑) นักเรียน ไดแ้ ก่ นักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ นักเรียนไม่เข้าใจในสิ่งท่ีอ่าน นักเรียนไม่เข้า ความหมายของคำ� บางค�ำในประโยค (๒) บรบิ ททางสงั คม ในชวี ติ ประจ�ำวันนกั เรียนไมไ่ ด้ สื่อสารดว้ ยภาษาไทยเปน็ ภาษาหลกั วิธีการดำ� เนินงาน และกิจกรรมการดำ� เนินงาน พัฒนาทกั ษะการอ่านออกเขียนได้ เพื่อสง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ การด�ำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะผ่านการ พฒั นาความสามารถดา้ นภาษามกี ารออกแบบแนวทางการขบั เคลอ่ื น ๓ โครงการ ประกอบ ดว้ ย โครงการย่อยท่ี ๑ พัฒนาระบบ กลไก การขบั เคลอ่ื นการด�ำเนนิ งานโครงการ คอื ชดุ กิจกรรมท่ี ๑ การสร้างทีมงานเตรยี มการสรา้ งเครอื ขา่ ย ชุดกจิ กรรมท่ี ๒ การจดั ทำ� ฐานข้อมูลเพ่ือการน�ำใช้ ชุดกิจกรรมท่ี ๓ การเผยแพร่สื่อ เครื่องมือและนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ โครงการยอ่ ยที่ ๒ การพฒั นาส่อื กจิ กรรมการเรยี นรู้ และเคร่ืองมอื ประเมนิ เพอื่ สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นภาษารว่ มกบั ภาคเี ครอื ขา่ ย คอื ชดุ กจิ กรรมท่ี ๑ การ ชแี้ จงสรา้ งความเขา้ ใจตอ่ การดำ� เนนิ งานระหวา่ งภาคเี ครอื ขา่ ย ชดุ กจิ กรรมท่ี ๒ การพฒั นา ศักยภาพเครอื ข่าย ชดุ กิจกรรมท่ี ๓ การพัฒนาสอ่ื ที่เหมาะสม ชดุ กิจกรรมท่ี ๔ ออกแบบ กจิ กรรมการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมท่ี ๕ การพัฒนาเครือ่ งมือ/ค่มู ือประเมนิ ชดุ กจิ กรรมที่ ๖ ประเมินผลการจดั การเรยี นรู้ ชดุ กจิ กรรมที่ ๗ เวทีถอดบทเรียน และโครงการย่อยที่ ๓ การสนับสนุนการด�ำเนินงานเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านภาษาของผู้เรียน คือ ชุด กิจกรรมท่ี ๑ การสนับสนนุ ทนุ การด�ำเนนิ งานใหก้ ับสถานศึกษา ชุดกจิ กรรมที่ ๒ สถาน ศกึ ษาดำ� เนินกิจกรรมส่งเสริมความสามารถด้านภาษา การดำ� เนนิ โครงการพฒั นานวตั กรรมสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นา ความสามารถดา้ นภาษา มกี ารออกแบบแนวทางการขบั เคลอื่ นทงั้ โครงการใน ๓ โครงการ ย่อย โดยมรี ายละเอยี ดการด�ำเนินงานประกอบด้วย ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ (๑) สรุปภาพรวมการ ด�ำเนินงาน และ (๒) ผลผลิต ผลลพั ธ์ และตัวชวี้ ัดโครงการ โดยมีรายละเอยี ด ดงั นี้ { 218 }
โครงการยอ่ ยที่ ๑ พฒั นาระบบ กลไก การขบั เคล่ือนการดำ� เนนิ งานโครงการ ๑) การสรา้ งทมี งานเตรยี มการสรา้ งเครอื ขา่ ย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา ไดม้ กี าร ลงนามความรว่ มมอื ในระดบั พน้ื ทกี่ บั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลรวม ๘ แหง่ และสถานศกึ ษา รวม ๒๓ แหง่ ในการเข้ารว่ มโครงการซงึ่ นับเป็นจดุ เริม่ ต้นของความร่วมมือในระดบั พืน้ ท่ี โดยมกี ารแตง่ ตงั้ คณะทำ� งานระดบั มหาวทิ ยาลยั ๑ ชดุ เพอ่ื เปน็ กลไกการขบั เคลอื่ นในระดบั พนื้ ทช่ี ายแดนใตต้ ลอดจนมกี ารผลกั ดนั ใหม้ กี ารตงั้ คณะกรรมการในระดบั ตำ� บล เพอื่ ใหเ้ ปน็ กลไกระดบั ตำ� บลต่อไป การดำ� เนนิ งานในโครงการยอ่ ยท่ี ๑ นี้ นอกจากการพฒั นาระบบ กลไก การขบั เคลอื่ น การดำ� เนินงานโครงการแล้ว ยงั มีประเดน็ ของการทำ� ความเขา้ ใจการสร้างความตระหนกั ของการสง่ เสรมิ สขุ ภาวะผา่ นการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาใหก้ บั เดก็ นกั เรยี น ตลอดจน การทำ� ความเข้าใจต่อบทบาทของภาคีรว่ มพัฒนาทกุ ภาคส่วน ดังนั้นในการดำ� เนินงานใน ระยะที่ ๑ ในทกุ กิจกรรมมกี ารพดู คุยท�ำความเข้าใจในประเด็นดงั กลา่ วกบั ภาครี ่วมพฒั นา เชน่ ในการลงนามความร่วมมือในวันท่ี ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และในระยะท่ี ๒ ใน วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ได้มกี ารประชมุ รว่ มกนั ระหว่างมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลาและ ผู้อ�ำนวยการหรอื ผบู้ ริหารโรงเรียน ๒๓ โรงเรยี น และในวนั ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ได้จัด กจิ กรรมการลงนามความรว่ มมอื รว่ มกนั (MOU) เพมิ่ เตมิ สำ� หรบั โรงเรยี นทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการ ในภายหลงั และนำ� ไปสกู่ ารดำ� เนนิ งานในระดบั ตำ� บลโดยการแลกเปลยี่ นเรยี นรแู้ ละประสาน การท�ำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนต�ำบล และผู้น�ำชุมชนผู้น�ำศาสนาในการริเร่ิมให้มี การจดั ตง้ั คณะกรรมการเครอื ขา่ ยการสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นาความ สามารถดา้ นภาษาในระดับต�ำบล ๒) การจดั ท�ำฐานข้อมลู เพ่ือการน�ำไปใช้ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ยะลาไป ปรับปรุงฐานขอ้ มลู Education ของมหาวิทยาลัยเพื่อ ใหร้ องรบั การนำ� ขอ้ มลู ของโครงการพฒั นานวตั กรรมสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ น การพฒั นาความสามารถดา้ นภาษา มาใชแ้ ละการดำ� เนนิ งานของโครงการตอ่ ไป โดยมกี าร ศึกษาบริบทเชงิ พ้ืนที่ในเบอื้ งตน้ ตลอดจนทบทวนเอกสารทเี่ กี่ยวข้องกับเครื่องมอื ๒ ชนิด คอื เครอ่ื งมอื ประเมนิ สภาวการณท์ างการศกึ ษาในระดบั สถานศกึ ษา และเครอ่ื งมอื ประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษา ป.๑ – ป.๖ ซง่ึ ไดพ้ ฒั นาและใชใ้ นภาคเรยี นท่ี ๑/๒๕๖๑ - ๒/๒๕๖๒ ท้ังนี้มหาวิทยาลัยได้อบรมปฏิบัติการปรับปรุงฐานข้อมูลและเช่ือมโยงการน�ำไปใช้กับ { 219 }
สถานศกึ ษาโดยมี Admin ประจำ� โรงเรยี นทสี่ ามารถเขา้ ใชง้ านระบบฐานขอ้ มลู และเชอ่ื มโยง การนำ� ไปใช้กับสถานศึกษา ๓) การเผยแพร่ส่ือ เคร่อื งมือและนวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ มหาวิทยาลัยราชภฏั ยะลาร่วมกับเครอื ข่ายทั้ง ๘ ตำ� บล ๒๓ โรงเรียนได้ดำ� เนินการ จดั นทิ รรศการดำ� เนนิ งานเผยแพรน่ วตั กรรมการจดั การเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาความสามารถดา้ น ภาษาสง่ เสริมความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาวะ ในวนั ท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ โดยเชญิ สถานศึกษา ใกลเ้ คยี ง ตวั แทนชมุ ชน และผสู้ นใจเขา้ รว่ มในงานนทิ รรศการดว้ ย เพอ่ื ใหก้ ารเผยแพรค่ วาม รูน้ วตั กรรมเกิดประโยชน์ที่กวา้ งขวางขึน้ โดยการจดั เวทีแลกเปลย่ี นเรียนรู้ โครงการยอ่ ยท่ี ๒ พัฒนาสือ่ กจิ กรรมการเรียนรู้ และเคร่ืองมือประเมินเพื่อส่ง เสริมความสามารถด้านภาษาร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้มีการช้ีแจงสร้างความเข้าใจกับ ภาคีร่วมพัฒนาและได้ประชุมร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และผู้อ�ำนวยการ และผู้บริหารโรงเรียน ๒๓ แห่ง เพ่ือเป็นการทบทวนบทบาทหน้าที่และแผนการท�ำงาน รว่ มกันน�ำไปสูก่ ารพัฒนาศกั ยภาพเครือขา่ ยและพฒั นาสื่อทเ่ี หมาะสมดังน้ี ๑) การพฒั นาศักยภาพเครือข่าย ได้มกี ารเริ่มการพฒั นาศักยภาพเครอื ข่าย โดย (๑) พัฒนาศักยภาพครูผู้สอนในการผลิตส่ือต้นแบบ (๒) พัฒนาศักยภาพครูผู้สอนทักษะ การสอนภาษาไทย หลกั สตู ร “ก่อร่างสรา้ งค�ำ” (๓) พฒั นาศกั ยภาพครูผูส้ อนทักษะการ สอนภาษาไทย หลักสูตร “น�ำค�ำสร้างประโยค” (๔) การอบรมเชิงปฏิบัติการในการใช้ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เพอ่ื การสง่ เสรมิ สุขภาวะของนกั เรียนในพ้นื ที่ชายแดนใต้ (๕) การอบรม เชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพครูในการถอดบทเรียนเพ่ือส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะ ผ่านการพัฒนาความสามารถด้านภาษาของนกั เรยี นในพื้นทชี่ ายแดนใต้ ๒) การพฒั นาสอ่ื ทเี่ หมาะสม ไดม้ กี ารทบทวนเอกสารและศกึ ษาบรบิ ทพน้ื ทใี่ นเบอื้ งตน้ เพอ่ื เปน็ แนวทางการออกแบบการผลติ สอื่ ระดบั สถานศกึ ษา และมกี ารอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร พัฒนาส่ือและกิจกรรมการสอนเพ่ือการส่งเสริมความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะผ่านการพัฒนา ความสามารถด้านภาษาส�ำหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาในพน้ื ท่ีชายแดนใต้ ๓) ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ มกี ารอบรมปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ พฒั นาสอ่ื ตน้ และออกแบบ กจิ กรรมการเรียนรูร้ ว่ มกนั { 220 }
๔) การพัฒนาเคร่ืองมือประเมินและคู่มือ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาได้ทบทวน/ พฒั นาเครอื่ งมอื และคมู่ อื ประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษาเพอ่ื ใหส้ ถานศกึ ษาไดน้ ำ� ไปใช้ และ สถานศึกษาได้ออกแบบการเรียนรู้ และด�ำเนินการจัดการเรียนรู้และติดตามผลการน�ำส่ือ ไปใชก้ ับนกั เรยี น โครงการย่อยที่ ๓ การสนับสนุนการด�ำเนินงานเพ่ือส่งเสริมความสามารถด้าน ภาษาของผเู้ รยี น โดยมกี ารสนบั สนนุ ทนุ การดำ� เนนิ งานใหก้ บั สถานศกึ ษาซง่ึ ไดม้ กี ารพฒั นา ขอ้ เสนอโครงการทเ่ี หมาะสมกบั การแกป้ ญั หาดา้ นความสามารถดา้ นภาษาและปญั หาสขุ ภาวะ ของนักเรียน ผลลพั ธ์ท่ีเกดิ ข้นึ ไดแ้ ก่ ไดร้ เิ รม่ิ ใหเ้ กดิ เครอื ขา่ ยการทำ� งานเพอ่ื สง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการ พฒั นาความสามารถดา้ นภาษาในระดบั ของพน้ื ทจ่ี งั หวดั ชายแดนภาคใต้ โดยมมี หาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลาเป็นกลไกประสานร่วมกับภาคีร่วมพัฒนาและภาคีสนับสนุนตลอดจนริเริ่มให้ มีการสร้างกลไกในระดับต�ำบลอันจะน�ำไปสู่ความย่ังยืนของการด�ำเนินงานเพื่อส่งเสริม ความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะผ่านการพัฒนาสามารถด้านภาษาต่อไปโดยมีกิจกรรมส�ำคัญดังน้ี ๑) มีการพดู คยุ ถงึ โครงสรา้ งคณะกรรมการเครอื ขา่ ยการส่งเสริมความรอบรู้เร่อื งสขุ ภาวะ ผา่ นการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาในระดบั ตำ� บลโดยมนี ายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ทกุ ตำ� บลเปน็ ประธาน และมีผ้นู ำ� ชุมชนเปน็ คณะกรรมการ ๒) พัฒนาศกั ยภาพครูในการ จัดการเรียนรู้ และการผลติ ส่อื ๓) มีการประเมินผลสัมฤทธิท์ างการศกึ ษากอ่ นการด�ำเนิน กจิ กรรมของสถานศกึ ษา ๔) มกี ารด�ำเนนิ งานในพืน้ ท่อี ย่างเป็นรปู ธรรมและใกล้ชดิ และ ปรากฏผลลัพธก์ ารทำ� งานดงั น้ี โครงการยอ่ ยที่ ๑ พฒั นาระบบ กลไก การขบั เคลอ่ื นการดำ� เนนิ งานโครงการ ปรากฏ ความชัดเจนของเครือข่ายการส่งเสริมความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะในระดับต�ำบล โดยมี มหาวิทยาลยั ราภฏั ยะลาเปน็ กลไกประสาน และมีกิจกรรมเครอื ขา่ ยทช่ี ดั เจนในการพัฒนา ศักยภาพบคุ ลากรของภาคีเครอื ขา่ ย โครงการยอ่ ยท่ี ๒ การพฒั นาสอ่ื กจิ กรรมการเรยี นรู้ และเครอ่ื งมือประเมนิ เพื่อ ส่งเสริมความสามารถด้านภาษาร่วมกับภาคีเครือข่าย ปรากฏความชัดเจนของการมี { 221 }
ส่วนร่วมของชุมชนในการส่งเสริมความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะผ่านการพัฒนาความสามารถ ดา้ นภาษา โดยมกี ิจกรรมรว่ มกันระหวา่ งสถานศึกษากบั ผปู้ กครอง โครงการยอ่ ยท่ี ๓ สนับสนนุ การดำ� เนินงานเพือ่ ส่งเสริมความสามารถด้านภาษา ของผเู้ รยี น ปรากฏความชัดเจนในการทีภ่ าคีร่วมพัฒนาและภาคีสนับสนนุ มคี วามรคู้ วาม เข้าใจเพื่อการส่งเสริมสุขภาวะผ่านการพัฒนาความสามารถด้านภาษา โดยมีการด�ำเนิน โครงการในระดับสถานศึกษา และมีการพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายให้มีความรู้ความ เขา้ ใจ การเปล่ียนแปลงของผู้เรยี น ผลการประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษา Base line/End line ป.๑-ป.๖ ประถมศกึ ษาตอนตน้ (ป.๑ - ป.๓) การแปลผล ควรปรบั ปรุง ๐ - ๒๕ พอใช้ ๒๖ - ๓๕ ดี ๓๖ - ๔๕ ดมี าก ๔๖ - ๕๕ สัญลักษณ ์ ประถมศกึ ษาตอนปลาย (ป.๔ - ป.๖) ดีมาก ๓๑ - ๔๐ การแปลผล ควรปรับปรุง ๐ - ๑๐ พอใช้ ๑๑ - ๒๐ ดี ๒๑ - ๓๐ สญั ลักษณ์ { 222 }
ตารางท่ี ๑ ผลการประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษาระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ลำ� ดับ โรงเรยี น Base line End line ๑ โรงเรียนท่ี ๑ ๒ โรงเรียนท่ี ๒ ๓ โรงเรยี นที่ ๓ ๔ โรงเรยี นที่ ๔ ๕ โรงเรยี นท่ี ๕ ๖ โรงเรยี นที่ ๖ ๗ โรงเรียนท่ี ๗ ๘ โรงเรยี นท่ี ๘ ๙ โรงเรียนที่ ๙ ๑๐ โรงเรยี นท่ี ๑๐ ๑๑ โรงเรียนที่ ๑๑ ๑๒ โรงเรยี นท่ี ๑๒ ๑๓ โรงเรียนท่ี ๑๓ ๑๔ โรงเรยี นท่ี ๑๔ ๑๕ โรงเรียนที่ ๑๕ ๑๖ โรงเรียนท่ี ๑๖ ๑๗ โรงเรยี นท่ี ๑๗ ๑๘ โรงเรยี นที่ ๑๘ ๑๙ โรงเรียนที่ ๑๙ ๒๐ โรงเรยี นท่ี ๒๐ ๒๑ โรงเรยี นท่ี ๒๑ ๒๒ โรงเรียนที่ ๒๒ ๒๓ โรงเรียนที่ ๒๓ ภาพรวม จากตารางท่ี ๑ พบวา่ จำ� นวนโรงเรยี นทม่ี กี ารพัฒนาความสามารถด้านภาษาของผู้เรียน อย่างน้อย ๑ ระดบั จ�ำนวน ๑๖ โรงเรยี น คดิ เป็นร้อยละ ๖๙.๕๗ และมโี รงเรยี นท่ไี มม่ ี การพัฒนาความสามารดา้ นภาษา จำ� นวน ๖ โรงเรียน คดิ เปน็ ร้อยละ ๒๖.๐๙ และมี { 223 }
โรงเรยี นทม่ี กี ารพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาลดลงจากเดมิ จำ� นวน ๑ โรงเรยี น คดิ เปน็ ร้อยละ ๔.๓๕ และภาพรวมในระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ โรงเรียนท่ีมกี ารพฒั นาความ สามารถด้านภาษาจากระดบั ควรปรบั ปรงุ ( ) เป็นระดับ พอใช้ ( ) ตารางที่ ๒ ผลการประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษาระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ ล�ำดบั โรงเรียน Base line End line ๑ โรงเรยี นที่ ๑ ๒ โรงเรียนท่ี ๒ ๓ โรงเรียนที่ ๓ ๔ โรงเรยี นที่ ๔ ๕ โรงเรยี นท่ี ๕ ๖ โรงเรยี นที่ ๖ ๗ โรงเรยี นที่ ๗ ๘ โรงเรียนที่ ๘ ๙ โรงเรียนที่ ๙ ๑๐ โรงเรียนท่ี ๑๐ ๑๑ โรงเรยี นที่ ๑๑ ๑๒ โรงเรยี นท่ี ๑๒ ๑๓ โรงเรยี นท่ี ๑๓ ๑๔ โรงเรียนที่ ๑๔ ๑๕ โรงเรียนที่ ๑๕ ๑๖ โรงเรียนที่ ๑๖ ๑๗ โรงเรยี นท่ี ๑๗ ๑๘ โรงเรียนที่ ๑๘ ๑๙ โรงเรียนที่ ๑๙ ๒๐ โรงเรียนท่ี ๒๐ ๒๑ โรงเรยี นที่ ๒๑ ๒๒ โรงเรยี นท่ี ๒๒ ๒๓ โรงเรียนที่ ๒๓ ภาพรวม { 224 }
จากตารางที่ ๒ พบวา่ จำ� นวนโรงเรยี นทมี่ ีการพฒั นาความสามารถด้านภาษาของ ผ้เู รยี นอย่างน้อย ๑ ระดบั จ�ำนวน ๑๗ โรงเรยี น คดิ เป็นร้อยละ ๗๓.๙๑ และมีโรงเรยี น ท่ไี ม่มีการพัฒนาความสามารด้านภาษา จำ� นวน ๕ โรงเรียน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๑.๗๔ และ มโี รงเรยี นทมี่ กี ารพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาลดลงจากเดมิ จำ� นวน ๑ โรงเรยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔.๓๕ และภาพรวมในระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นทม่ี กี ารพฒั นาความ สามารถดา้ นภาษาจากระดับพอใช้ ( ) เปน็ ระดบั ดี ( ) ตารางที่ ๓ ผลการประเมินความสามารถด้านภาษาระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ล�ำดับ โรงเรยี น Base line End line ๑ โรงเรียนท่ี ๑ ๒ โรงเรยี นที่ ๒ ๓ โรงเรียนท่ี ๓ ๔ โรงเรียนท่ี ๔ ๕ โรงเรยี นท่ี ๕ ๖ โรงเรยี นที่ ๖ ๗ โรงเรยี นท่ี ๗ ๘ โรงเรยี นท่ี ๘ ๙ โรงเรยี นท่ี ๙ ๑๐ โรงเรยี นท่ี ๑๐ ๑๑ โรงเรียนที่ ๑๑ ๑๒ โรงเรียนท่ี ๑๒ ๑๓ โรงเรียนท่ี ๑๓ ๑๔ โรงเรียนที่ ๑๔ ๑๕ โรงเรยี นที่ ๑๕ ๑๖ โรงเรียนท่ี ๑๖ ๑๗ โรงเรียนที่ ๑๗ ๑๘ โรงเรียนท่ี ๑๘ ๑๙ โรงเรยี นที่ ๑๙ ๒๐ โรงเรียนที่ ๒๐ { 225 }
ล�ำดบั โรงเรียน Base line End line ๒๑ โรงเรียนท่ี ๒๑ ๒๒ โรงเรยี นท่ี ๒๒ ๒๓ โรงเรียนท่ี ๒๓ ภาพรวม จากตารางที่ ๓ พบว่า จ�ำนวนโรงเรยี นท่มี กี ารพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาของ ผเู้ รยี นอยา่ งนอ้ ย ๑ ระดบั จำ� นวน ๑๑ โรงเรยี น คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๗.๘๓ และมีโรงเรียน ทไ่ี มม่ กี ารพฒั นาความสามารดา้ นภาษา จำ� นวน ๑๒ โรงเรยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕๒.๑๗ และ ภาพรวมในระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ โรงเรียนทมี่ กี ารพฒั นาความสามารถดา้ นภาษา จากระดบั พอใช้ ( ) เปน็ ระดับ ดี ( ) ตารางท่ี ๔ ผลการประเมินความสามารถดา้ นภาษาระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ล�ำดบั โรงเรยี น Base line End line ๑ โรงเรยี นท่ี ๑ ๒ โรงเรียนที่ ๒ ๓ โรงเรียนท่ี ๓ ๔ โรงเรยี นท่ี ๔ ๕ โรงเรียนที่ ๕ ๖ โรงเรียนท่ี ๖ ๗ โรงเรยี นท่ี ๗ ๘ โรงเรยี นท่ี ๘ ๙ โรงเรยี นที่ ๙ ๑๐ โรงเรียนท่ี ๑๐ ๑๑ โรงเรียนท่ี ๑๑ ๑๒ โรงเรียนที่ ๑๒ ๑๓ โรงเรยี นที่ ๑๓ ๑๔ โรงเรียนท่ี ๑๔ ๑๕ โรงเรียนที่ ๑๕ ๑๖ โรงเรยี นที่ ๑๖ { 226 }
ล�ำดับ โรงเรยี น Base line End line ๑๗ โรงเรยี นท่ี ๑๗ ๑๘ โรงเรยี นที่ ๑๘ ๑๙ โรงเรยี นท่ี ๑๙ ๒๐ โรงเรียนที่ ๒๐ ๒๑ โรงเรยี นที่ ๒๑ ๒๒ โรงเรียนที่ ๒๒ ๒๓ โรงเรียนที่ ๒๓ ภาพรวม จากตารางที่ ๔ พบว่าจ�ำนวนโรงเรียนท่ีมีการพัฒนาความสามารถด้านภาษาของ ผู้เรยี นอยา่ งนอ้ ย ๑ ระดับ จ�ำนวน ๑๘ โรงเรียน คดิ เป็นร้อยละ ๗๘.๖๒ และมโี รงเรียน ทไ่ี มม่ กี ารพัฒนาความสามารดา้ นภาษา จ�ำนวน ๕ โรงเรยี น คดิ เป็นร้อยละ ๒๑.๗๔ และ ภาพรวมในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ โรงเรียนทีม่ กี ารพฒั นาความสามารถดา้ นภาษา จากระดับพอใช้ ( ) เป็นระดับ ดี ( ) ตารางที่ ๕ ผลการประเมนิ ความสามารถด้านภาษาระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ล�ำดบั โรงเรยี น Base line End line ๑ โรงเรียนที่ ๑ ๒ โรงเรียนที่ ๒ ๓ โรงเรยี นที่ ๓ ๔ โรงเรยี นที่ ๔ ๕ โรงเรยี นที่ ๕ ๖ โรงเรียนที่ ๖ ๗ โรงเรียนท่ี ๗ ๘ โรงเรียนที่ ๘ ๙ โรงเรียนที่ ๙ ๑๐ โรงเรียนที่ ๑๐ ๑๑ โรงเรียนที่ ๑๑ ๑๒ โรงเรียนที่ ๑๒ { 227 }
ลำ� ดบั โรงเรียน Base line End line ๑๓ โรงเรียนท่ี ๑๓ ๑๔ โรงเรยี นท่ี ๑๔ ๑๕ โรงเรยี นที่ ๑๕ ๑๖ โรงเรียนที่ ๑๖ ๑๗ โรงเรยี นที่ ๑๗ ๑๘ โรงเรียนท่ี ๑๘ ๑๙ โรงเรยี นที่ ๑๙ ๒๐ โรงเรยี นที่ ๒๐ ๒๑ โรงเรียนท่ี ๒๑ ๒๒ โรงเรียนที่ ๒๒ ๒๓ โรงเรียนท่ี ๒๓ ภาพรวม จากตารางที่ ๕ พบว่าจ�ำนวนโรงเรียนท่ีมีการพัฒนาความสามารถด้านภาษา ของผเู้ รยี นอยา่ งนอ้ ย ๑ ระดบั จำ� นวน ๑๑ โรงเรยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔๗.๘๓ และมโี รงเรยี น ทไ่ี มม่ กี ารพฒั นาความสามารดา้ นภาษา จำ� นวน ๑๑ โรงเรยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔๗.๘๓ และ มีโรงเรียนที่มีการพัฒนาความสามารถด้านภาษาลดลงจากเดิม จ�ำนวน ๑ โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๕ และภาพรวมในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนท่ีมีการ พัฒนาความสามารถดา้ นภาษาจากระดับ ดี ( คะแนนเฉลย่ี ๒๔.๕) เปน็ ระดบั ดี ( คะแนนเฉล่ีย ๒๗.๙๖) ซึ่งคะแนนเฉลี่ยสงู ข้นึ ตารางที่ ๖ ผลการประเมนิ ความสามารถด้านภาษาระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ล�ำดับ โรงเรยี น Base line End line ๑ โรงเรยี นท่ี ๑ ๒ โรงเรียนท่ี ๒ ๓ โรงเรียนที่ ๓ ๔ โรงเรียนท่ี ๔ ๕ โรงเรยี นที่ ๕ ๖ โรงเรียนที่ ๖ { 228 }
ล�ำดบั โรงเรยี น Base line End line ๗ โรงเรียนท่ี ๗ ๘ โรงเรยี นที่ ๘ ๙ โรงเรยี นที่ ๙ ๑๐ โรงเรียนที่ ๑๐ ๑๑ โรงเรียนที่ ๑๑ ๑๒ โรงเรยี นที่ ๑๒ ๑๓ โรงเรยี นท่ี ๑๓ ๑๔ โรงเรยี นที่ ๑๔ ๑๕ โรงเรยี นท่ี ๑๕ ๑๖ โรงเรยี นท่ี ๑๖ ๑๗ โรงเรยี นที่ ๑๗ ๑๘ โรงเรียนท่ี ๑๘ ๑๙ โรงเรยี นท่ี ๑๙ ๒๐ โรงเรียนท่ี ๒๐ ๒๑ โรงเรียนที่ ๒๑ ๒๒ โรงเรียนที่ ๒๒ ๒๓ โรงเรยี นที่ ๒๓ ภาพรวม จากตารางที่ ๖ พบว่าจ�ำนวนโรงเรียนท่ีมีการพัฒนาความสามารถด้านภาษาของ ผเู้ รยี นอย่างน้อย ๑ ระดบั จ�ำนวน ๑๐ โรงเรียน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๔๓.๔๘ และมีโรงเรียน ท่ีไม่มกี ารพัฒนาความสามารด้านภาษา จำ� นวน ๑๒ โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๑๗ และมีโรงเรียนท่ีมีการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาลดลงจากเดมิ จ�ำนวน ๑ โรงเรยี น คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๕ และภาพรวมในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนที่มีการ พัฒนาความสามารถด้านภาษาจากระดับ ดี ( คะแนนเฉลีย่ ๒๑.๕๗) เป็นระดบั ดี ( คะแนนเฉลย่ี ๒๖.๔๘) ซงึ่ คะแนนเฉลีย่ สูงขนึ้ { 229 }
ผลการเปลยี่ นแปลงในดา้ นการแกป้ ญั หาสุขภาพ ช่อื ปญั หาสขุ ภาพ การแก้ไขปัญหา ๑. สุขภาพฟัน - ได้จัดกจิ กรรมอบรมใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจในการรกั ษาความสะอาดใน ๒. โรคผิวหนัง ชอ่ งปากและฟนั ๓. เหา - ได้จัดกิจกรรมการแปรงฟันหลังม้ือเที่ยง - ได้จดั อบรมให้ความร้แู ก่นกั เรียนใหต้ ระหนักในเรอ่ื งความส�ำคญั ของ ๔. ทุพโภชนาการ สว่ นสูง/น�ำ้ หนักต่ำ� กว่า ฟัน และท�ำขอ้ ตกลงกับโรงพยาบาลในด้านการบรกิ ารทนั ตกรรม เกณฑ์) - สง่ เสรมิ นกั เรยี นมีกจิ กรรมแปรงฟันตอนเชา้ และแปรงฟนั หลงั ๕. ไขเลือดออก รบั ประทานอาหารเทย่ี ง - จดั เวทีการประกวดหนูนอ้ ยฟนั สวย ร่วมกับหน่วยงานราชการ ในท้องถ่นิ - แนะน�ำวิธีล้างทำ� ความสะอาดมอื /ร่างกาย ใหน้ กั เรียน - สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นศึกษาภมู ิปญั ญาสมุนไพรในท้องถ่ินในการรกั ษา โรคผวิ หนงั - ไดจ้ ัดกิจกรรมอบรมให้ความรูค้ วามเขา้ ใจในการรักษาความสะอาด สุขภาพผม - ได้ให้นกั เรยี นมกี ารหมกั เหา เพอ่ื ก�ำจดั เหาเดอื นละครง้ั - ส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นศึกษาภูมปิ ญั ญาสมุนไพรในทอ้ งถนิ่ ในการรักษา โรคเหา - ได้เพมิ่ อาหารเสรมิ (นม) - โรงเรียนเสริมอาหารเช้า-กลางวนั (๒ มอื้ ) - จัดอาหารกลางวนั ให้ครบ ๕ หมแู่ ละจดั ประชมุ ผปู้ กครองตระหนักใน เรื่องสุขภาพและอาหารการกินของนักเรยี น - โรงเรียนรณรงคก์ ารก�ำจัดลกู น�ำ้ ยงุ ลายทุกเดอื น - โรงพยาบาลมกี ารเขา้ มาพน่ ควันกำ� จัดแหล่งกำ� เนิดเพาะพันธ์ยุ งุ ลาย ทกุ เดือน การพฒั นาสอ่ื และแหล่งเรยี นรู้เพอ่ื การส่งเสริม ความสามารถดา้ นภาษาและสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ๑) สอื่ แบง่ ได้ ๔ ประเภท ได้แก่ (๑) สื่อภูมปิ ัญญา เชน่ สยี อ้ มผ้าปลอดสารพษิ โดยใช้ สมนุ ไพรในทอ้ งถ่นิ เพื่อท�ำผา้ บาติกโบราณ (โรงเรยี นบ้านดอเฮะ) (๒) ส่ือจากวสั ดุเหลือใช้ ในทอ้ งถ่ิน เช่น ขวดพลาสตกิ สอนการอ่าน (โรงเรียนบา้ นตะโละบเู กะ๊ ) (๓) สอื่ ทำ� มอื เช่น สมดุ เลม่ ยกั ษ์ สมนุ ไพรไลย่ งุ (โรงเรยี นบา้ นบลกู าสนอ) หนงั สอื มะเฟอื งสอนใชภ้ าพสอ่ื ตา่ งๆ { 230 }
(โรงเรยี นบา้ นลาแล) (๔) สอ่ื วรรณกรรมและนทิ านสำ� หรบั เดก็ เชน่ อนาซดี กอมปงั สง่ เสรมิ สขุ ภาวะ (โรงเรียนบ้านกูวา) นิทานหนา้ เดียว (โรงเรียนบ้านยอื โร๊ะ) เพลงประกอบการสอน (โรงเรียนบ้านควนแตน) นิทานสุขภาวะ (โรงเรียนบ้านตะโละมีญอ) ชุดนิทานจาก วรรณกรรมในฝักกรชิ (มรภ.ยะลา) ๒) สอ่ื เกมการศกึ ษา เกมไชโย (โรงเรยี นบ้านยอื โระ๊ ) ลูกเต๋าแต่งประโยค (โรงเรียนศานตวิ ทิ ยา) แหล่งเรยี นรู้และแหล่งเรยี นรู้ต้นแบบ ไดแ้ ก่ ๑) คลนิ กิ ภาษา (โรงเรยี นบน้ บลกู าสนอ) ๒) ลานภาษา (โรงเรยี นบา้ นบาโงย) ๓) สยี อมผ้าปลอดสารพษิ (โรงเรยี นบ้านดอเฮะ) ปญั หา อุปสรรค การด�ำเนนิ งาน การประสานงาน เปน็ ปญั หาอปุ สรรคในการสรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกนั ในระยะแรกทเี่ ปน็ จดุ เร่มิ ตน้ การด�ำเนนิ งานมีปญั หาในการประสานงานกับสถานศึกษา และพื้นที่ เนอื่ งจาก มีการย้ายสลบั ต�ำแหน่งของผบู้ ริหารสถานศึกษา ขอ้ เสนอแนะ ควรมกี ารปรบั แผนการดำ� เนนิ งานใหม้ กี ารถอดบทเรยี นและลงพน้ื ทใ่ี นการตดิ ตามงาน ในระดับต�ำบลและสถานศึกษาให้มากข้ึนโดยมี การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนท้ังในด้านของ บุคคล ชมุ ชนทอ้ งถิ่นและผูม้ ีส่วนรว่ ม ดังน้ี ๑) ด้านบคุ คล ได้แก่ การอ่านออกเขียนไดม้ ี พัฒนาการที่ดีข้นึ ในแตล่ ะระดับชน้ั มีพฤตกิ รรมการดูแลสุขภาพของตนเอง ๒) ด้านชมุ ชน ท้องถ่ิน ได้มกี ารน�ำภมู ปิ ญั ญาท่ีมอี ยู่ในชมุ ชนท้องถ่ินในการสง่ เสรมิ สขุ ภาวะส�ำหรับเดก็ ใน ชมุ ชน ได้มีการนำ� ภูปัญญาชุมชนเข้าสู่ระบบการจัดการเรียนร้ใู นสถานศกึ ษา ๓) ดา้ นการ มสี ว่ นรว่ ม มกี ลไกการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มโดยใหภ้ าคเี ครอื ขา่ ยในระดบั ตำ� บลทงั้ ในสว่ นของ ผนู้ ำ� ทอ้ งถนิ่ เชน่ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล สมาชกิ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ผนู้ ำ� ทอ้ งถิน่ เชน่ กำ� นนั ผูใ้ หญ่บ้าน ผู้น�ำศาสนา ผูป้ กครอง มารว่ มกนั ในการพัฒนาคณุ ภาพ การศึกษา และการดูแลสุขภาพของผู้เรียน { 231 }
ภาพท่ี ๗.๑ โรงเรยี นบา้ นดอเฮะ ตำ� บลริโก๋ อำ� เภอสไุ หงปาดี จงั หวดั นราธวิ าส
โรงเรียนบ้านดอเฮะ ต�ำบลรโิ ก๋ อ�ำเภอสไุ หงปาดี จังหวัดนราธวิ าส โครงการพฒั นานวตั กรรมสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอื่ งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นา ความสามารถด้านภาษาโรงเรียนบ้านดอเฮะมีรายละเอียดโดยสรุปของ การดำ� เนนิ การดงั น้ี ขอ้ มลู สภาวการณ์ ๑) ผเู้ รยี น จำ� นวนผเู้ รยี น ๗๐ คน ชาย ๓๔ หญงิ ๓๖ คน ๒) สถานการณ์ ปัญหาความสามารถด้านภาษาของนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑–๖ โรงเรยี น พบว่า ปัญหาแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ (๑) ปญั หานกั เรียน อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เกิดจากนักเรียนขาดเรียนบ่อยส่งผลต่อการอ่านและ การเขียนเนื่องจาก “เด็กท่ีขาดเรียนบ่อย” จะได้รับการจัดการเรียนรู้หรือได้ เรยี นรไู้ มต่ อ่ เนอื่ ง ซง่ึ ตามหลกั การการจดั การเรยี นรหู้ รอื หลกั การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ทักษะการอ่านและการเขียนจะต้องเป็นไปตามลาดับ อาทิ เด็กจะต้องรู้จัก พยัญชนะ อา่ นพยญั ชนะ เขยี นพยญั ชนะ เดก็ จะตอ้ งร้จู ักสระ อ่านสระ เขยี น สระ เดก็ จะต้องได้รบั การฝึกการนำ� พยัญชนะมาผสมกับสระแล้วสามารถอา่ น ออกเสียงเป็นค�ำได้ เป็นต้น เมื่อเด็กขาดเรียนบ่อยเด็กก็จะได้รับการพัฒนา ทกั ษะการอา่ น และการเขยี นไม่ตอ่ เนอ่ื ง จึงสง่ ผลใหน้ ักเรยี นอ่านไม่ออกเขยี น ไมไ่ ด้ และนกั เรยี นบางสว่ นมปี ญั หาทางดา้ นครอบครวั สมั พนั ธภาพของบคุ คล ในครอบครัวมีความสัมพันธ์ตอ่ การเรียนรู้ หากสมาชิกคนใดมีปญั หาทางด้าน จิตใจ ด้านอารมณ์ ด้านบรรยากาศในครอบครัว ด้านสภาพของชุมชนและ สังคมที่ไม่พึงประสงค์ย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ไม่พึงประสงค์ { 233 }
นกั เรยี นทม่ี ปี ญั หาทางดา้ นครอบครวั มกั จะนง่ั ในหอ้ งเรยี นโดยไมส่ นใจเรยี น นงั่ เรยี น อยา่ งไมม่ คี วามสขุ จติ ใจ สมอง หรอื วฒุ ภิ าวะทางดา้ นปญั ญาไมเ่ ปดิ รบั ในการเรยี นรู้ จงึ สง่ ผลใหน้ กั เรยี นกลมุ่ นมี้ ปี ญั หาดา้ นการอา่ น (๒) ปญั หานกั เรยี นอา่ นจบั ใจความและ เขียนสรุปความไม่ได้ เกิดจากครูผู้สอนขาดแคลนวัสดุและส่ือประกอบการเรียนการ สอนที่จะน�ำมาใช้ฝึกฝนทักษะการอ่านการเขียนให้กับนักเรียนควรผลิตส่ือการอ่านท่ี ตรงกบั ระดบั ความสามารถความตอ้ งการ และความสนใจของนกั เรยี น ๒) ครู จำ� นวน ครทู ้งั หมด ๗ คน ชาย ๒ คน หญิง ๕ คน (๑) ข้าราชการครู ๕ คน (๒) พนกั งาน ราชการ ๒ คน ๓) สดั ส่วนครูตอ่ นักเรียนคิดเป็นรอ้ ยละ ๑๐ สถานการณ์ปัญหาสุขภาพของนกั เรียน สุขภาพฟนั โรคผวิ หนัง เหา ทพุ โภชนาการ รอ้ ยละ ๕๐ รอ้ ยละ ๗.๑๔ รอ้ ยละ ๒๑.๔๒ (สว่ นสูงนำ�้ หนักต่�ำ กวา่ เกณฑ์) ความเป็นมา หลกั การและเหตผุ ล ผลการสอบทางการศึกษาระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน (O-NET) ในปีการศกึ ษา ๒๕๕๘ และ ๒๕๕๙ ของโรงเรยี นบา้ นดอเฮะ มคี า่ เฉลยี่ เพม่ิ ขนึ้ ทกุ วชิ า วชิ าภาษาไทย มคี ่าเฉล่ยี เพ่ิมขึน้ ๔.๗๗ วชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม มคี า่ เฉลีย่ เพมิ่ ข้นึ ๐.๑๓ วชิ าภาษาองั กฤษ มีค่าเฉลย่ี เพ่ิมขน้ึ ๒.๔๕ วิชาคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลยี่ เพมิ่ ขึน้ ๙.๗๔ และวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มีค่าเฉลีย่ เพ่ิมข้นึ ๐.๙๙ สถานการณด์ า้ นสุขภาพของ นักเรียน มีนกั เรียนท่ีมภี าวะทุพโภชนาการ จ�ำนวน ๓๗ คน จากจำ� นวนนักเรยี น ทั้งหมด ๗๑ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๕๒.๑๑ โรงเรยี นบ้านดอเฮะ จึงมีความจ�ำเป็นต้อง พัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพควบคู่กับการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรียนให้ดีขึน้ ตอ่ ไป { 234 }
เปา้ หมายโครงการ พัฒนารูปแบบการเสรมิ สร้างความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Health literacy) ผา่ น การเพมิ่ ขีดความสามารถดา้ นการอา่ น และเขียนภาษาที่ใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั วัตถปุ ระสงค์ ๑) เพ่ือพัฒนาเครื่องมือประเมินความสามารถด้านภาษาส�ำหรับนักเรียนระดับ ประถมศึกษา ๒) เพอ่ื พัฒนาส่ือ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ทสี่ ง่ เสริมความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาวะโดยผา่ นการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาสำ� หรบั นกั เรยี นระดบั ประถม ศกึ ษา ๓) เพอ่ื ใหเ้ ดก็ นกั เรยี นกลมุ่ เปา้ หมายไดร้ บั การพฒั นาความสามารถดา้ นภาษา และนกั เรียนทุกคนไดร้ บั การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนภาษาไทยสูงข้นึ ผลการด�ำเนนิ งานโครงการ การด�ำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมความรอบรู้เรื่องสุขภาวะผ่าน การพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาโรงเรยี นบา้ นดอเฮะมกี ารดำ� เนนิ การกจิ กรรมหลกั ประกอบด้วย การสร้างทีมงานและเตรียมการสร้างเครือข่าย การรวบรวมข้อมูล เพ่ือการน�ำไปสู่การพัฒนา การใช้นวัตกรรมหรือวิธีสอนเพื่อส่งเสริมความสามารถ ด้านภาษา การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อท่ีเหมาะสม ด�ำเนินกิจกรรม สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นภาษา โดยมีรายละเอยี ดการดำ� เนินงาน ดงั น้ี ๑) การ สร้างทมี งานและเตรยี มการสรา้ งเครือขา่ ย มกี ารลงนามความร่วมมอื (MOU) รว่ ม กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มีคณะท�ำงานภายใน โรงเรยี นโดยมกี ารแตง่ ตง้ั คณะทำ� งานภายในโรงเรยี นรว่ มกบั ตวั แทนของชมุ ชน มกี าร ประชมุ คณะทำ� งานรว่ มกนั วางแผนในการดำ� เนนิ งานเดอื นละ ๑ ครง้ั ครผู รู้ บั ผดิ ชอบ โครงการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเครอื ขา่ ย ๒) การรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ การนำ� ไปสกู่ ารพฒั นา มีการส�ำรวจและรวบรวมข้อมูลสภาวการณ์ด้านความสามารถด้านภาษาร่วมกับ คณะท�ำงานจากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา และเข้ารับการพัฒนาศักยภาพสามารถ บนั ทกึ ขอ้ มลู ใชข้ อ้ มลู ในการรายงานผลและตดิ ตามผลผา่ นระบบออนไลน์ ๓) การใช้ นวตั กรรมหรอื วธิ สี อนเพอ่ื สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นภาษา โรงเรยี นไดม้ กี ารเลอื กใช้ นวัตกรรมและวิธสี อนที่เหมาะสมกับบริบทชมุ ชน และใช้นวตั กรรมเพ่อื ส่งเสริมความ สามารถด้านภาษา นักเรียน ได้เรียนรู้โดยการใช้ส่ือนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความ สามารถด้านภาษา ตลอดจนโรงเรียนได้ขยายผลจากความสามารถด้านภาษาไปสู่ { 235 }
ความรู้ด้านสุขภาวะในเร่ืองภูมิปัญญาท้องถ่ิน เรื่องสีจากธรรมชาติ โดยจัดท�ำเป็น โครงงานวทิ ยาศาสตร์บูรณาการร่วมกับภูมปิ ญั ญาในพื้นท่ี การพฒั นาแผนการจดั การเรยี นรู้และสือ่ ทเ่ี หมาะสม โรงเรียนพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้และ สื่อ ที่มีความเหมาะสมกับชุมชน ซง่ึ ไดจ้ ดั ทำ� ส่อื จ�ำนวน ๑๙ ชนิ้ งาน ดงั น้ี ปฏิทนิ สะกดค�ำ ปอ๊ บอพั ค�ำควบกล�ำ้ ป๊อบ อพั การแจกลกู สะกดคำ� ปอ๊ บอพั คำ� ราชาศพั ท์ ปอ๊ บอพั คำ� ไวพจน์ ลกู ชน้ิ ผนั วรรณยกุ ต์ ลกู เตา๋ มาตราตัวสะกด เมจกิ บอกซ์ บัตรต่อค�ำไม้ไอติม ไมบ้ รรทดั สอนอา่ น จานแจก ลกู สะกดคำ� สระแปลงร่าง วรรณยกุ ตแ์ สนสนุก วงล้อมาตราพาสนกุ ไข่ค�ำพ้นื ฐาน ดอกไมต้ วั สะกด บตั รคำ� (ผสมสระ, นทิ าน, สำ� นวนสภุ าษติ , กลอนพยญั ชนะ) หนงั สอื นิทานอ่านเสริม ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ อีกท้ังได้พัฒนาและปรับปรุงแหล่ง เรียนรู้ที่ส่งเสริมความรอบรู้เร่ือง สุขภาวะผ่านการพัฒนาความสามารถด้านภาษา เพ่ือใหเ้ กดิ ศนู ย์แหลง่ การเรยี นรู้ ๓ คอื ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ห้องสมุดโรงเรียน และ แหลง่ เรียนร้เู กษตรพอเพยี ง การด�ำเนินกิจกรรมส่งเสริมความสามารถด้านภาษา ครูผู้สอนทุกคนใช้ส่ือ นวัตกรรมทผ่ี ลติ รว่ มกบั ผู้ปกครองและชมุ ชน ในการจัดการเรยี นการสอน ผลลพั ธ์จากการทำ� งาน ดงั นี้ ๑) การเปล่ียนแปลงของผู้เรียน ผลการประเมินความสามารถด้านภาษา Baseline Endline ป.๑-ป.๖ ประถมศกึ ษาตอนตน้ (ป.๑ - ป.๓) ดมี าก ๔๖ - ๕๕ การแปลผล ควรปรบั ปรงุ ๐ - ๒๕ พอใช้ ๒๖ - ๓๕ ดี ๓๖ - ๔๕ สัญลักษณ์ ประถมศึกษาตอนปลาย (ป.๔ - ป.๖) ดีมาก ๓๑ - ๔๐ การแปลผล ควรปรับปรุง ๐ - ๑๐ พอใช้ ๑๑ - ๒๐ ดี ๒๑ - ๓๐ สญั ลักษณ์ { 236 }
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ครั้งที่ การสะกดคำ� การอ่านออกเสยี งคำ� การเข้าใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (ทุกดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 3.00 2.94 (คะแนนเต็ม 15 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) End Line : 2 4.71 4.82 3.29 6.24 2.88 4.82 6.35 5.18 กราฟ 8 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 6 4 2 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสยี งคำ� การเข้าใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ครั้งที่ การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขยี นคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทุกดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 4.27 4.80 (คะแนนเต็ม 15 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) End Line : 2 6.47 7.73 5.27 8.47 4.73 7.13 9.93 4.80 12.5 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 การอา่ นออกเสยี งคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพูดบรรยาย การเขียนคำ� 2.5 Base Line : 1 End Line : 2 0 การสะกดคำ� ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ครั้งที่ การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขยี นคำ� การแปรผล (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทุกด้าน) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 3.27 8.91 (คะแนนเตม็ 15 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 5.00 8.73 6.27 6.73 1.18 7.64 6.73 4.09 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเข้าใจความหมายคำ� การพูดบรรยาย การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 { 237 }
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ครัง้ ที่ การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเลา่ นิทาน การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทกุ ด้าน) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 7.20 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 8.00 8.00 4.00 5.20 9.40 7.00 7.40 กราฟ 10 แบบประเมนิ โครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเลา่ นทิ าน การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ครง้ั ท่ี การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเล่านทิ าน การเขยี นคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทุกดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 6.14 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) End Line : 2 7.50 7.36 3.29 5.50 8.14 5.36 7.14 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเล่านิทาน การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ คร้งั ที่ การสะกดคำ� การอ่านออกเสยี งคำ� การเลา่ นทิ าน การเขยี นคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทุกด้าน) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 8.00 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) End Line : 2 8.43 7.00 3.57 5.14 8.14 5.00 6.86 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเล่านทิ าน การเขียนคำ� Base Line : 1 End Line : 2 { 238 }
ผลการเปลยี่ นแปลงในด้านการแก้ปญั หาสุขภาพ ชื่อปญั หาสขุ ภาพที่ การแก้ไขปัญหา ๑. สขุ ภาพฟัน - เขา้ ร่วมโครงการทนั ตสุภาพประจ�ำตำ� บล ๒. โรคผวิ หนงั - สง่ เสริมใหน้ ักเรียนศึกษาภมู ปิ ญั ญาสมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ในการ รักษาโรคผิวหนงั และใหน้ ักเรยี นดูแลรกั ษาสขุ ภาพ ๓. เหา - ได้ให้ใช้สมุนไพรกำ� จดั เหาทกุ สปั ดาห์ - ส่งเสริมใหน้ กั เรียนศึกษาภมู ิปญั ญาสมุนไพรในท้องถ่นิ ในการ รักษาโรคเหา ๔. ทุพโภชนาการ - ไดเ้ พมิ่ อาหารเสรมิ (นม) (ส่วนสงู /น้�ำหนกั ต่ำ� กวา่ - จดั อาหารกลางวนั ใหค้ รบ ๕ หมูแ่ ละจัดประชุมผูป้ กครอง เกณฑ)์ ตระหนกั ในเรอ่ื งสขุ ภาพและอาหารการกนิ ของนกั เรียน การพฒั นาสอื่ และแหลง่ เรียนรู้ เพ่ือการสง่ เสริมความสามารถด้านภาษาและส่งเสรมิ สขุ ภาพ ซ่งึ ได้จัดท�ำสื่อจำ� นวน ๑๙ ชิน้ งาน ดงั น้ี ปฏิทินสะกดค�ำ ป๊อบอัพคำ� ควบกล้ำ� ป๊อบอัพ การแจกลูกสะกดค�ำ ป๊อบอัพค�ำราชาศัพท์ ป๊อบอัพค�ำไวพจน์ ลูกชิ้นผัน วรรณยกุ ต์ ลูกเต๋ามาตราตวั สะกด เมจกิ บอกซ์ บตั รตอ่ ค�ำไมไ้ อติม ไม้บรรทัดสอน อ่าน จานแจกลกู สะกดคำ� สระแปลงรา่ ง วรรณยุกต์แสนสนกุ วงล้อมาตราพาสนุก ไข่คำ� พื้นฐาน ดอกไม้ตวั สะกด บตั รค�ำ (ผสมสระ นทิ าน สำ� นวนสภุ าษิต กลอน พยัญชนะ) หนังสือนิทานอ่านเสริม ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ และพัฒนาแหล่ง เรยี นรู้ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น หอ้ งสมดุ โรงเรยี น แหลง่ เรยี นรเู้ กษตรพอเพยี ง ข้อเสนอแนะ ควรอบรมพฒั นาการผลิตส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ { 239 }
ภาพท่ี ๗.๒ โรงเรยี นบา้ นบลกู าสนอ ตำ� บลตะปอเยาะ อำ� เภอยี่งอ จงั หวดั นราธวิ าส
โรงเรยี นบ้านบลูกาสนอ ตำ� บลตะปอเยาะ อ�ำเภอยี่งอ จังหวดั นราธิวาส โครงการพฒั นานวตั กรรมสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นา ความสามารถดา้ นภาษาโรงเรยี นบา้ นบลกู าสนอมรี ายละเอยี ดโดยสรปุ ของการ ด�ำเนินการดงั นี้ ข้อมลู สภาวการณ์ ๑) ผเู้ รยี น จำ� นวนผเู้ รยี น ๑๔๘ คน ชาย ๘๐ หญงิ ๖๘ คน ๒) สถานการณ์ ปัญหาความสามารถด้านภาษาของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑–๖ โรงเรยี นพบวา่ ปญั หาแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ (๑) ปญั หานกั เรยี นอา่ น ไมอ่ อก เขยี นไม่ได้ เกิดจากนกั เรียนไมจ่ �ำ ไม่รูจ้ ักพยญั ชนะ สระ นกั เรยี นขาด เรยี นบอ่ ย เรยี นไมต่ อ่ เนอื่ ง ครสู อนไมต่ รงวฒุ ิ และขาดสอ่ื /วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย (๒) ปัญหานักเรียนอ่านจับใจความและเขียนสรุปความไม่ได้ เกิดจากไม่เข้า ความหมายของค�ำบางค�ำในประโยค นักเรยี นขาดเรยี นบ่อย เรียนไม่ตอ่ เน่ือง ในชีวิตประจ�ำวันนักเรยี นไมไ่ ดส้ ือ่ สารด้วยภาษาไทย ๓) ครู จำ� นวนครทู ง้ั หมด ๑๘ คน ชาย ๕ คน หญงิ ๑๓ คน ข้าราชการครู ๑๐ คน พนกั งานราชการ ๓ คน อัตราจ้าง ๕ คน สัดส่วนครตู อ่ นักเรียนคดิ เป็นร้อยละ ๑๐ สถานการณ์ปญั หาสุขภาพของนกั เรยี น สขุ ภาพฟนั โรคผิวหนัง เหา ทพุ โภชนาการ รอ้ ยละ ๔๐.๕๔ ร้อยละ ๑๐.๑๓ ร้อยละ ๒๘.๓๗ (สว่ นสงู น�ำ้ หนัก ต่ำ� กว่าเกณฑ์) { 241 }
ความเป็นมา หลักการและเหตผุ ล ผลการทำ� สอบทางการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (O-NET) ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๘ และ ๒๕๕๙ ของโรงเรยี นบ้านบลูกาสนอ รายวชิ า ปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๙ ปีการศึกษา ๒๕๖๐ ภาษาไทย ๔๒.๒๑ ๔๑.๔๑ ๒๙.๐๑ สงั คมศึกษา ๓๘.๗๐ ๔๐.๙๖ - ภาษาอังกฤษ ๔๔.๖๕ ๔๔.๗๘ ๒๕.๔๗ คณติ ศาสตร์ ๓๒.๔๔ ๒๙.๗๑ ๒๐.๗๘ วิทยาศาสตร์ ๓๙.๗๐ ๔๐.๓๗ ๒๕.๔๕ นอกจากนี้ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ของนักเรียนระดับช้ัน ประถมศกึ ษา เปน็ อกี ทกั ษะทม่ี คี วามสำ� คญั สำ� หรบั การดำ� รงชวี ติ อยา่ งมสี ขุ ภาวะทด่ี ี เปน็ พฤตกิ รรมของบคุ คลในการใชค้ วามสามารถดา้ นภาษา การรหู้ นงั สอื เพอ่ื เขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมิน ใช้ความรู้ และส่ือสารเก่ียวกับสารสนเทศด้านสุขภาวะตามความต้องการ เพอื่ สง่ เสริมและรักษาสุขภาวะที่ดีตลอดชีวติ อย่างไรก็ตามเน่ืองจากมผี ้เู รียนบางคน อ่านหนังสือไม่ออก เขยี นไม่ได้ จงึ ไม่ สามารถเลือกบริโภคส่ือที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต ท่ีจะดูแลชีวิตตามช่วงวัยได้ และไม่ สามารถดแู ลตวั เองได้ จากเหตผุ ลดงั กล่าวโรงเรยี นบา้ นบลูกาสนอ จงึ ไดด้ �ำเนนิ การ “โครงการพฒั นานวตั กรรมการอา่ นออกเขยี นไดเ้ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะ” ร่วมกับส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาวะ (สสส.) และ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา เพอ่ื พฒั นานวตั กรรมการอา่ นออกเขยี นไดแ้ ละความรอบรู้ ทางสุขภาวะใหก้ ับนกั เรยี นระดับชัน้ ประถมศึกษาตอ่ ไป เปา้ หมายโครงการ พฒั นารปู แบบการเสริมสร้างความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพ (Health literacy) ผา่ น การเพิม่ ขีดความสามารถดา้ นการอ่าน และเขียนภาษาทีใ่ ชใ้ นชีวิตประจำ� วัน { 242 }
วตั ถุประสงค์ ๑) เพ่ือพัฒนาเครื่องมือประเมินความสามารถด้านภาษาส�ำหรับนักเรียนระดับ ประถมศกึ ษา ๒) เพ่อื พัฒนาสื่อ นวัตกรรมการจดั การเรียนรูท้ ่ีสง่ เสริมความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาวะโดยผา่ นการพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาสำ� หรบั นกั เรยี นระดบั ประถม ศกึ ษา และ ๓) เพื่อให้เดก็ นกั เรยี นกลุ่มเปา้ หมายได้รับการพัฒนาความสามารถดา้ น ภาษาและนักเรยี นทกุ คนได้รับการพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนภาษาไทยสงู ขนึ้ ผลการด�ำเนนิ งานโครงการ การด�ำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมความรอบรู้เร่ืองสุขภาวะผ่าน การพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาโรงเรยี นบา้ นดอเฮะมกี ารดำ� เนนิ การกจิ กรรมหลกั ประกอบดว้ ย การสรา้ งทมี งานและเตรยี มการสรา้ งเครอื ขา่ ย การรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ การน�ำไปสู่การพัฒนา การใช้นวัตกรรมหรือวิธีสอนเพ่ือส่งเสริมความสามารถด้าน ภาษา การพัฒนาแผนการจดั การเรยี นรแู้ ละสื่อท่ีเหมาะสม ดำ� เนินกิจกรรมส่งเสริม ความสามารถด้านภาษา โดยมีรายละเอียดการด�ำเนินงาน ดังน้ี ๑) การสร้าง ทีมงานและเตรียมการสร้างเครือข่าย มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มีคณะท�ำงานภายใน โรงเรยี นโดยมกี ารแตง่ ตง้ั คณะทำ� งานภายในโรงเรยี นรว่ มกบั ตวั แทนของชมุ ชน มกี าร ประชมุ คณะทำ� งานรว่ มกนั วางแผนในการดำ� เนนิ งานเดอื นละ ๑ ครงั้ ครผู รู้ บั ผดิ ชอบ โครงการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเครอื ขา่ ย ๒) การรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ การนำ� ไปสกู่ ารพฒั นา มีการส�ำรวจและรวบรวมข้อมูลสภาวการณ์ด้านความสามารถด้านภาษาร่วมกับ คณะท�ำงานจากมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา และเข้ารับการพัฒนาศักยภาพสามารถ บนั ทกึ ขอ้ มลู ใชข้ อ้ มลู ในการรายงานผลและตดิ ตามผลผา่ นระบบออนไลน์ เพอ่ื นำ� มา พัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ๓) การใช้นวัตกรรมหรือวิธีสอนเพ่ือส่งเสริมความ สามารถด้านภาษา โรงเรียนได้มีการเลือกใช้นวัตกรรมและวิธีสอนท่ีเหมาะสมกับ บริบทชุมชน และใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านภาษา นักเรียน ได้ เรยี นรโู้ ดยการใชส้ อื่ นวตั กรรมเพอ่ื สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นภาษา ตลอดจนโรงเรยี น ได้ขยายผลจากความสามารถด้านภาษาไปสู่ความรู้ด้านสุขภาวะในเรื่องภูมิปัญญา ทอ้ งถนิ่ เรอื่ ง เทยี นแฟนซไี ลย่ งุ ตะไครห้ อม กลโู ก ทอฟฟี (สม้ แขก) ความดนั โลหติ สงู แกไ้ อ เบาหวาน ฯลฯ { 243 }
การพัฒนาแผนการจดั การเรยี นรู้และสอ่ื ทเ่ี หมาะสม โรงเรยี นพัฒนาแผนการจดั การเรียนรูแ้ ละ ส่ือ ท่มี คี วามเหมาะสมกับชมุ ชน ซง่ึ ไดจ้ ดั ทำ� สอ่ื จำ� นวน ๗ ชน้ิ งาน ดงั นี้ ๑) สอ่ื ประเภทท่ี ๑ รจู้ กั พยญั ชนะ/สระ Pop up พยัญชนะ ก – ฮ ไมบ้ รรทัดสอนอา่ น วงลอ้ หมอู่ ักษร ๒) สือ่ ประเภทท่ี ๒ การสะกด ค�ำ ปฏทิ ินสะกดคำ� วงล้อผนั เสียง วงลอ้ มาตราสะกด ๓) สอ่ื ประเภทที่ ๓ เรียนรู้ ประเภทของคำ� และความหมาย สไลด์ ห นำ� ดบั เบล้ิ สไลดค์ ำ� ราชาศพั ท์ ๔) สอื่ ประเภท ที่ ๔ คำ� พน้ื ฐานสขุ ภาวะระดบั ชน้ั ป.๑-ป.๖ จานกระดาษคำ� พน้ื ฐานสขุ ภาวะ สมดุ เลม่ เลก็ แตง่ ประโยคจากคำ� พนื้ ฐานสขุ ภาวะ ๕) สอ่ื ประเภทที่ ๕ สอื่ แม-่ ลกู สมดุ เลม่ ยกั ษ์ เร่ืองสมุนไพรไล่ยุง ภาพพลิกไข้เลือดออก สมุดเล่มยักษ์ เรื่องรู้จักสายพันธุ์ยุงและ การปอ้ งกันยุง และ ๖) สอื่ ประเภทท่ี ๖ สอื่ ผลติ ภณั ฑส์ ุขภาวะ เทยี นแฟนซีไลย่ ุง ตะไครห้ อม กลูโก ทอฟฟี (ส้มแขก) ความดันโลหิตสูง แก้ไอ เบาหวาน ฯลฯ อีกท้งั ไดพ้ ฒั นาและปรบั ปรงุ แหลง่ เรยี นรทู้ ส่ี ง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นา ความสามารถด้านภาษาเพื่อใหเ้ กดิ ศนู ยแ์ หลง่ การเรียนรู้ คือ คลนิ ิกภาษา การดำ� เนนิ กิจกรรมสง่ เสริมความสามารถดา้ นภาษา ครผู สู้ อนทกุ คนใชส้ อื่ นวตั กรรมทผี่ ลติ รว่ มกบั ผปู้ กครองและชมุ ชน ในการจดั การ เรยี นการสอนขอนกั เรยี นเพื่อพฒั นาความสามารถดา้ นภาษาและรอบรู้เรอื่ งสุขภาวะ ผลลัพธ์จากการทำ� งาน ๑) การเปลย่ี นแปลงของผเู้ รยี น ผลการประเมนิ ความสามารถดา้ นภาษา Baseline Endline ป.๑-ป.๖ ประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ป.๓) ดีมาก ๔๖ - ๕๕ การแปลผล ควรปรบั ปรุง ๐ - ๒๕ พอใช้ ๒๖ - ๓๕ ดี ๓๖ - ๔๕ สัญลกั ษณ์ ประถมศึกษาตอนปลาย (ป.๔ - ป.๖) ดมี าก ๓๑ - ๔๐ การแปลผล ควรปรับปรงุ ๐ - ๑๐ พอใช้ ๑๑ - ๒๐ ดี ๒๑ - ๓๐ สญั ลกั ษณ ์ { 244 }
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ครงั้ ที่ การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทุกด้าน) Base Line : 1 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 2.91 3.48 (คะแนนเตม็ 15 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 4.78 6.78 1.74 6.17 1.00 5.04 7.65 4.57 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพูดบรรยาย การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ การพดู บรรยาย การเขยี นคำ� การแปรผล คร้งั ท่ี การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเข้าใจความหมายคำ� (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 15 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (ทกุ ดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 5.65 4.71 End Line : 2 6.97 7.29 10.13 4.68 5.55 12.16 5.74 6.55 15 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 5 0 การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเข้าใจความหมายคำ� การพูดบรรยาย การเขยี นคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (ทกุ ดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 5.04 7.04 (คะแนนเต็ม 15 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 5.90 7.70 5.61 7.30 4.91 6.10 8.40 5.45 กราฟ 10 แบบประเมินโครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเขา้ ใจความหมายคำ� การพดู บรรยาย การเขียนคำ� Base Line : 1 End Line : 2 { 245 }
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ครั้งท่ี การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเลา่ นทิ าน การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (ทุกดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 5.14 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 7.73 5.95 4.59 3.95 6.18 5.86 4.23 กราฟ 10 แบบประเมนิ โครงการ ระ ัดบ (คะแนน) 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเล่านทิ าน การเขียนคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ครั้งท่ี การสะกดคำ� การอา่ นออกเสยี งคำ� การเลา่ นทิ าน การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (ทกุ ดา้ น) Base Line : 1 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) 5.95 (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) End Line : 2 7.86 6.55 5.68 5.59 8.00 5.95 5.86 ระ ัดบ (คะแนน) กราฟ แบบประเมินโครงการ 10 7.5 5 2.5 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสยี งคำ� การเลา่ นทิ าน การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ครั้งที่ การสะกดคำ� การอา่ นออกเสียงคำ� การเล่านทิ าน การเขียนคำ� การแปรผล (คะแนนเตม็ 10 คะแนน) (ทุกด้าน) Base Line : 1 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 6.33 (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) End Line : 2 7.08 4.25 4.63 4.38 5.50 5.38 5.83 ระ ัดบ (คะแนน) กราฟ แบบประเมนิ โครงการ 8 6 4 2 0 การสะกดคำ� การอ่านออกเสียงคำ� การเล่านิทาน การเขยี นคำ� Base Line : 1 End Line : 2 { 246 }
ผลการเปลยี่ นแปลงในด้านการแก้ปญั หาสขุ ภาพ ชอื่ ปญั หาสขุ ภาพที่ การแก้ไขปญั หา ๑. สุขภาพฟัน - ได้รณรงคไ์ มก่ ินน้�ำอัดลม ขนมขบเคย้ี ว ๒. โรคผวิ หนงั - ส่งเสริมใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภมู ิปัญญาสมนุ ไพรในท้องถ่ินในการ รกั ษาโรคผิวหนังและให้นกั เรยี นดแู ลรกั ษาสุขภาพ และแนะน�ำ วิธีล้างทำ� ความสะอาดมอื /รา่ งกาย ทถี่ กู ต้อง ๓. เหา - ได้ใหใ้ ช้สมนุ ไพรกำ� จัดเหา และสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นศึกษา ภูมปิ ัญญาสมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ในการรกั ษาโรคเหา ๔. ทพุ โภชนาการ - ไดเ้ พิม่ อาหารเสริม (นม) (ส่วนสูง/นำ้� หนกั ต่ำ� กวา่ - จดั อาหารกลางวนั ใหค้ รบ ๕ หมแู่ ละจดั ประชมุ ผูป้ กครอง เกณฑ)์ ตระหนักในเรื่องสขุ ภาพและอาหารการกินของนักเรยี น การพัฒนาสอ่ื และแหล่งเรียนรู้ เพอ่ื การส่งเสรมิ ความสามารถด้านภาษาและส่งเสริมสขุ ภาพ ซ่ึงได้จดั ทำ� สอ่ื จ�ำนวน ๗ ช้นิ งาน ดงั นี้ ๑) สอ่ื ประเภทท่ี ๑ รู้จกั พยญั ชนะ/สระ Pop up พยญั ชนะ ก – ฮ ไมบ้ รรทดั สอนอา่ น วงล้อหมอู่ กั ษร ๒) ส่ือประเภทท่ี ๒ การสะกดค�ำ ปฏทิ นิ สะกดค�ำ วงล้อผันเสยี ง วงลอ้ มาตราสะกด ๓) สือ่ ประเภทที่ ๓ เรียนรู้ประเภทของค�ำและความหมาย สไลด์ ห น�ำ ดับเบิ้ลสไลด์ค�ำราชาศัพท์ ๔) สอ่ื ประเภทที่ ๔ ค�ำพืน้ ฐานสขุ ภาวะระดับชน้ั ป.๑-ป.๖ จานกระดาษคำ� พ้ืนฐาน สุขภาวะ สมุดเล่มเล็ก แต่งประโยคจากค�ำพื้นฐานสุขภาวะ ๕) ส่ือประเภทท่ี ๕ สื่อแม่-ลูก สมุดเล่มยักษ์ เรื่องสมุนไพรไล่ยุง ภาพพลิกไข้เลือดออก สมุดเล่มยักษ์ เร่อื งรจู้ กั สายพันธ์ยุ งุ และการป้องกนั ยงุ ๖) สอ่ื ประเภทที่ ๖ สือ่ ผลิตภัณฑส์ ขุ ภาวะ เทียนแฟนซีไล่ยุงตะไคร้หอม กลูโก ทอฟฟี (ส้มแขก) ความดันโลหิตสูง แก้ไอ เบาหวาน ฯลฯ อีกทั้งไดพ้ ัฒนาและปรับปรงุ แหลง่ เรียนรู้ท่ีสง่ เสรมิ ความรอบรู้เรื่อง สุขภาวะผา่ นการพฒั นาความสามารถด้านภาษาเพื่อใหเ้ กิดศูนยแ์ หล่งการเรยี นรู้ คือ คลินิกภาษา { 247 }
ภาพท่ี ๗.๓ โรงเรียนบา้ นบาโงย ตำ� บลบาโงย อ�ำเภอรามนั จงั หวดั ยะลา
โรงเรียนบ้านบาโงย ต�ำบลบาโงย อ�ำเภอรามัน จังหวัดยะลา โครงการพฒั นานวตั กรรมสง่ เสรมิ ความรอบรเู้ รอ่ื งสขุ ภาวะผา่ นการพฒั นา ความสามารถด้านภาษาโรงเรียนบ้านบาโงยมีรายละเอียดโดยสรุปของการ ดำ� เนนิ การดงั นี้ ขอ้ มลู สภาวการณ์ ๑) ผเู้ รยี น จำ� นวนผเู้ รยี น ๔๔ คน ชาย ๓๗ หญงิ ๗๑ คน ๒) สถานการณ์ ปัญหาความสามารถด้านภาษาของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑–๖ โรงเรยี นพบวา่ ปญั หาแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ (๑) ปญั หานกั เรยี นอา่ น ไม่ออก เขียนไม่ได้ เกิดจากนักเรียนจ�ำพยัญชนะและสระไม่ได้จึงไม่สามารถ ประสมสระในการอา่ นและเขยี นได้ (๒) ปญั หานกั เรยี นอา่ นจบั ใจความและเขยี น สรปุ ความไมไ่ ด้ เกดิ จากนกั เรยี นขาดทกั ษะการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ ไมเ่ ขา้ ใจความ หมายของค�ำ ขาดความกระตือรือร้นในการอา่ น ไมม่ นี ิสยั รกั การอ่าน ๓) ครู จำ� นวนครูทั้งหมด ๗ คน ชาย ๒ คน หญงิ ๙ คน ข้าราชการครู ๖ คน อัตราจา้ ง ๒ คน สัดสว่ นครตู ่อนกั เรียนคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๓.๕๘ { 249 }
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294