เปา้ หมาย ๓ จงั หวดั คอื จังหวดั อตุ รดติ ถ์ ๖ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านกองโค โรงเรยี นบา้ นทา่ ดอ่ื โรงเรยี นบา้ นปา่ คลอง โรงเรยี นบา้ นคลองกลว้ ย โรงเรยี นบา้ นปา่ แตว้ และโรงเรยี นบา้ นทา้ ยนำ�้ จงั หวดั แพร่ ๑๕ โรงเรยี น ไดแ้ ก่ โรงเรยี นบา้ นแมข่ มงิ โรงเรยี น บา้ นแมห่ ละปา่ ปว๋ ย โรงเรยี นบา้ นแพะทงุ่ เจรญิ โรงเรยี นบา้ นมว่ งคำ� โรงเรยี นบา้ นแมห่ ลา่ ย โรงเรยี นบา้ นหนองนำ�้ รดั โรงเรยี นบา้ นออ้ ยวทิ ยาคาร โรงเรยี นบา้ นหนองมว่ งไข่ โรงเรยี น บ้านแม่ค�ำมตี �ำหนกั โรงเรยี นบ้านสะเลยี ม โรงเรยี นบา้ นแมย่ างกาด โรงเรยี นแม่ยางตาล โรงเรยี นบ้านแม่ยางร้อง และโรงเรยี นบ้านดอนชุม จังหวัดนา่ น จำ� นวน ๖ โรงเรยี น ได้แก่ โรงเรยี นบา้ นนาก้อ โรงเรยี นบา้ นนาวงศ์ โรงเรยี นบ้านปงสนกุ โรงเรียนบา้ นนาไค้ โรงเรยี นบ้านทพั ม่าน และโรงเรยี นชมุ ชนบ้านออ้ ย รวมทง้ั สน้ิ ๒๗ โรงเรยี น วธิ ดี �ำเนินการ การด�ำเนินโครงการสานพลังภาคีเครือข่ายสร้างนวัตกรรมพัฒนาการอ่านออกเขียน ได้ สง่ เสริมความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ ประกอบดว้ ย ๒ สว่ น คอื ๑) การวิเคราะหแ์ ละสรุปเร่ืองเด่น นวัตกรรมของโรงเรียนและชุมชนพน้ื ท่ีเป้าหมาย ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ปญั หาและความตอ้ งการของประชากรกลมุ่ เปา้ หมายในพนื้ ที่ ๒) วเิ คราะห์ และสรุปงานและกิจกรรมท่ีมีการน�ำไปเป็นการด�ำเนินงานประจ�ำโรงเรียนและชุมชนพ้ืนท่ี เปา้ หมาย ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ผลผลติ และผลลพั ธ์ ๑) เกดิ ระบบและกลไกการขับเคล่อื นการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขยี นได้ เพอื่ เสริม สรา้ งความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะโดยศกั ยภาพของคณะทำ� งานมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ๒) มรี ะบบ การพฒั นาเครือ่ งมอื คมู่ อื และนวตั กรรมการเรียนรู้ และภูมิปญั ญาดา้ นสุขภาวะอยา่ งตอ่ เน่อื ง และขยายผลส่โู รงเรียน ใกล้เคียง ๓) เตรยี มองค์ความรู้ ถอดบทเรยี นการปฏบิ ตั ติ ่อ กิจกรรมเพ่ือพัฒนาทักษะการอ่านอกเขียนได้ เสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ มีการ ก�ำหนดเปน็ นโยบายสาธารณะ และเป็นคู่มือ/แนวทางการด�ำเนนิ งานด้านพันธกจิ สมั พันธ์ ของคณะครุศาสตรม์ ผี ลการดำ� เนนิ งานตามตัวชี้วดั ๔) ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการพฒั นาต่อยอด การพัฒนาเรอ่ื งเดน่ นวัตกรรม และการพัฒนาในโรงเรยี นและพ้นื ที่ { 50 }
ขั้นตอนการด�ำเนินงานของหาวทิ ยาลัยราชภฏั ๑) ลงนามความร่วมมือ (MOU) (๒๐กันยายน ๒๕๖๐) ๒) ลงพ้นื ทสี่ รา้ งความเขา้ ใจ เก่ยี วกบั โครงการ (๒๖ ตลุ าคม – ๑๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๐) ๓) โรงเรยี นเขียนโครงการ ผลิตส่ือนวัตกรรมพัฒนาการอ่านออกเขียนได้เพื่อขอรับเงินสนับสนุน (๑๕-๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐) ๔) อบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การผลิตส่ือ นวตั กรรมแก่โรงเรยี นเครอื ข่าย (๑๖-๑๘ มกราคม ๒๕๖๑) ๕) โรงเรียนผลติ สื่อนวัตกรรม (เมษายน – กรกฎาคม ๒๕๖๑) ๖) ออก ค�ำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินการใช้สื่อนวัตกรรม แต่ละโรงเรียน ๒๗ โรงเรียน โรงเรยี นละ ๕ คน (๙ เมษายน ๒๕๖๑) ๗) ลงพนื้ ทต่ี ดิ ตามเสรมิ พลงั การผลติ สอื่ นวตั กรรม ของโรงเรยี นเครือข่าย ๒๗ โรงเรยี น(๒๕-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑) ๘) จัดกจิ กรรมเผยแพร่ ผลงานโรงเรยี นเครอื ขา่ ยครง้ั ที่ ๑ (๑-๓ สงิ หาคม ๒๕๖๑) ทม่ี หาวทิ ยาลัยราชภฏั อตุ รดติ ถ์ ๙) ประชุมเพือ่ ออกแบบประเมินผลการใชส้ อ่ื เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารคดั เลอื กศนู ย์ ต้นแบบประจ�ำต�ำบลและรายงานความก้าวหน้าการผลิตส่ือ (๑๖-๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๑) ๑๐) ลงพนื้ ทเ่ี พอ่ื ประชมุ คระกรรมการประเมนิ ผลการใชส้ อ่ื นวตั กรรม ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๖๑ (น่าน) ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (แพร่-อุตรดิตถ์) ๑๑) กิจกรรมเผยแพร่ของโรงเรียน เครือขา่ ยครงั้ ท่ี ๒ (๑-๕ ธันวาคม ๒๕๖๑) งานราชภัฏวิจัยครั้งท่ี ๕ มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบรุ ี ๑๒) ลงพ้นื ท่ีประเมินผลการใชส้ ่อื นวตั กรรมในทกุ โรงเรียน (๑๗-๒๕ ธนั วาคม ๒๕๖๑) ๑๓) การคัดเลอื กศูนย์ตน้ แบบการจดั การเรยี นรฯู้ พัฒนาทักษะการอ่านออกเขยี น ไดส้ ง่ เสริมความรอบรดู้ า้ นสุขภาวะ (๑๗ มกราคม ๒๕๖๒) และ ๑๔) การถอดบทเรียน ผลการผลิตสอ่ื นวตั กรรมและผลการใชส้ ือ่ นวัตกรรมของโรงเรยี นเครอื ขา่ ย ผ้มู สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งภายในโรงเรยี น/ การหนนุ เสริมภายนอกโรงเรยี น ๑) มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุ ุตรดติ ถ์ ๒) เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา ๓) ผ้บู ริหารโรงเรียน/คณะ ครูในโรงเรยี น ๔) นกั เรยี น ๕) อบต./อปท. และ ๖) ชมุ ชน { 51 }
ผลท่ีไดร้ บั เชงิ รปู ธรรมจากการดำ� เนินงาน ๑) ได้รับข้อมูลพ้ืนฐานด้านการอ่านออกเขียนได้ ส่ือนวัตกรรมส่งเสริมการอ่านการ เขยี นของโรงเรยี นและความตอ้ งการสอื่ และนวตั กรรมเพอื่ สง่ เสรมิ การอา่ นออกเขยี นไดข้ อง แต่ละโรงเรยี น ๒) ไดร้ บั ข้อมลู ความต้องการ การผลติ สอ่ื นวัตกรรมพัฒนาการอา่ นออก เขียนไดส้ ง่ เสรมิ ความรอบรู้ด้านสขุ ภาวะของแตล่ ะโรงเรยี น และ ๓) ได้รับข้อมูลวิธีดำ� เนนิ การในการผลติ สื่อ/ประเภทของสอ่ื ที่โรงเรียนตอ้ งการและแนวปฏบิ ัตใิ นการผลิตสอ่ื ไดแ้ ก่ (๑) ไดส้ ่อื นวตั กรรมพฒั นาการอ่านออกเขียนไดส้ ง่ เสริมความรอบรดู้ ้านสุขภาวะที่หลาก หลาย และปรมิ าณเพียงพอต่อการให้บรกิ ารแก่นักเรียน (๒) ได้คณะกรรมการประเมินสือ่ ประจ�ำโรงเรียนเพ่ือติดตามประเมินผลการใช้ส่ือพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียน (๓) ได้ สง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะของโรงเรยี น (๔) โรงเรยี นเครอื ขา่ ยเผยแพรผ่ ลงานใหเ้ ปน็ ท่รี บั รูแ้ ละชนื่ ชม (๕) ไดแ้ บบประเมินผลการใชส้ ือ่ พฒั นาการอ่านออกเขยี นได้ สือ่ สง่ สรมิ ความรอบรู้ด้านสุขภาวะ ศูนย์ต้นแบบการจัดการจัดการเรียนรู้ฯ และเกณฑ์การประเมิน (๖) โรงเรียนเครือข่ายได้เผยแพร่ผลงานวิชาการระดับประเทศ (ราชภัฏวิจัยคร้ังที่ ๕) (๗) ได้ศูนย์ตน้ แบบการจดั การเรียนรฯู้ ประจำ� ต�ำบลจำ� นวน ๑๖ โรงเรียน (๘) ไดข้ ้อมลู เกี่ยวกบั สื่อยอดนยิ มของนักเรยี นทุกโรงเรียน และ (๙) ไดข้ ้อมลู สอื่ ที่มีประสิทธภิ าพในการ ส่งเสริมการอ่านคล่องเขียนคล่อง/การอ่านออกเขียนได้/การพัฒนาการอ่านและการเขียน จากทกุ โรงเรยี น กระบวนการออกแบบและพฒั นาสอ่ื การเรียนการสอน (ส่ือพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และความรอบรู้ด้านสุขภาวะ) สื่อการเรียนการ สอน ประกอบด้วย สอื่ หนงั สือเล่มเล็ก และหนังสอื นทิ านคณุ ธรรม ชุด “เหลา่ อีโรแ่ ห่งป่า แตว้ ” มีรายละเอียดดงั น้ี ๑) สอ่ื หนงั สอื เลม่ เลก็ ไดแ้ ก่ รา่ งกายของฉัน ส�ำเนียงเสียงสัตว์ รู้เทา่ ทนั ภัยรา้ ยจาก ถงุ พลาสติก หมูป่ากลบั บ้าน ลกู หมหี มั่นล้างมือ สขุ บญั ญัติ ๑๐ ประการ ตน้ กลา้ นาไค้ ใสใ่ จสขุ ภาพ ประโยชนข์ องผกั และผลไม้ ชนดิ ของสอื่ และกลมุ่ เปา้ หมายการใชส้ อื่ (๑) เปน็ หนังสืออา่ นเพ่ิมเตมิ เพ่อื สง่ เสรมิ การอา่ นคล่องเขียนคลอ่ ง และมีแบบฝึกหดั ทา้ ยเลม่ และ (๒) กลุ่มเปา้ หมายในการใช้สื่อไดแ้ ก่ นกั เรยี นที่อ่านออกเขียนได้ เพอื่ พฒั นาใหอ้ า่ นคล่อง เขียนคล่อง และนักเรียนที่อ่านออกและเขียนได้บ้าง เพ่ือพัฒนาให้อ่านออกเขียนได้ กระบวนการออกแบบและพฒั นาสอื่ คณะครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ออกแบบและคดั สรรเรอื่ ง { 52 }
ราวทจ่ี ะทำ� สอื่ ตามความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น และ ครู นกั เรยี น รว่ มกนั ผลติ สอ่ื และออกแบบ รปู แบบการใชส้ อ่ื เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดใ้ ชส้ อื่ อยา่ งทว่ั ถงึ และสะดวก ผลทไ่ี ดร้ บั เชงิ รปู ธรรมจาก การใชส้ อ่ื การเรยี นการสอน ไดแ้ ก่ (๑) เปน็ สอ่ื ยอดนยิ มอนั ดบั ๑ ในโรงเรยี นโดยนกั เรยี น ได้รบั บริการการใชส้ อื่ ในรูปแบบที่หลากหลาย เชน่ ยืมไปอ่านเพิม่ เติมทีบ่ า้ นได้ โรงเรยี น นำ� เน้อื หาจากหนังสอื เลม่ เลก็ ไปทำ� เปน็ E-book และเผยแพรส่ ูห่ ้องเรยี นตา่ งๆ / โหลด ขอ้ มลู ในโทรศพั ทม์ อื ถอื ของนกั เรยี นและจดั ทำ� QR Code เผยแพรใ่ นชมุ ชนได้ (๒) นกั เรยี น มีนิสัยรักการอ่าน และรอบรดู้ า้ นสุขภาวะมากขึน้ และ (๓) ชมุ ชนไดเ้ รียนรู้สขุ ภาวะมากขน้ึ ๒) หนังสือนิทานคุณธรรม ชุด “เหล่าอีโร่แห่งป่าแต้ว” ชนิดของส่ือและกลุ่ม เป้าหมายการใช้ส่ือ (๑) เปน็ ชุดหนังสือส่งเสรมิ การอา่ น เสนอเร่ืองราว เป็นการเลา่ เร่ือง นทิ าน การทำ� ความดขี องนกั เรยี นในโรงเรยี น เชน่ นกั กจิ กรรม นกั กฬี า จติ อาสา นกั เรยี น ปฏบิ ตั ดิ ี นกั เรยี นยอดกตญั ญู และอน่ื ๆโดยใชช้ อื่ -นามสกลุ จรงิ ของนกั เรยี นในโรงเรยี น และ (๒) กลุ่มเป้าหมายในการใช้สื่อคือกลุ่มนักเรียนที่ต้องการพัฒนาไปสู่การอ่านคล่องเขียน คลอ่ ง และอ่านออกเขียนได้ กระบวนการออกแบบและพฒั นาสือ่ (๑) คณะครู กรรมการ สถานศึกษาและสภานักเรียนร่วมกันเลือกนักเรียนท่ีควรได้รับการเผยแพร่ความดีให้เป็น ตัวอย่างแก่ผอู้ ื่น (๒) คณะครรู ว่ มกนั ลำ� ดบั เร่อื งราวและออกแบบสอ่ื และ (๓) ครู นักเรียน และผู้ปกครองร่วมกันจัดท�ำส่ือ ผลท่ีได้รับเชิงรูปธรรมจากการใช้ส่ือการเรียนการสอน (๑)เป็นสื่อยอดนิยมอันดับ ๑ ของโรงเรียนที่นักเรียนชอบอ่านมากท่ีสุด (๒) โรงเรียน น�ำเร่อื งราวไปทำ� E-book เผยแพร่สชู่ มุ ชนโดยเผยแพร่ QR Code อย่างแพรห่ ลาย และ (๓) นกั เรยี นมนี ิสัยรกั การอ่านและมคี วามรอบรดู้ ้านสขุ ภาวะ เร่ืองเดน่ /นวตั กรรมการพฒั นาทกั ษะการอา่ นออกเขยี นได้ เพ่ือสง่ เสริมความรอบรดู้ ้านสุขภาพ เร่อื งเดน่ /นวตั กรรม ๑) ส่ือหนังสือเล่มเล็ก/ชุดหนังสืออ่านเพิ่มเติม/หนังสือนิทาน/หนังสือพับ/หนังสือยืด กลมุ่ เป้าหมาย คือ นักเรียนอา่ นออกเขียนได้ ประโยชน/์ ผลลัพธ์เชิงรูปธรรมทเ่ี กดิ ขึ้น คือ ฝึกการอา่ นคลอ่ งเขยี นคลอ่ ง ไดร้ ับความนยิ มเปน็ อันดบั ๑ ของทุกโรงเรียน นกั เรยี น มีนิสัยรักการอ่านมากขึ้น ๒) สื่อชุดฝึกการอ่าน การเขียน/ชุดฝึกเรียงค�ำ/ฝึกทักษะการ เขยี น/คำ� คลอ้ งจอง/ ปรศิ นาคำ� ทาย กลมุ่ เปา้ หมาย คอื นกั เรยี นอา่ นออกเขยี นไมไ่ ด้ พฒั นา เป็นอา่ นออกเขยี นได้ ประโยชน์/ผลลพั ธเ์ ชงิ รูปธรรมทเี่ กดิ ขน้ึ นักเรียนเขา้ มาฝึกอ่านกบั ครูประจ�ำชัน้ มากข้นึ ยืมไปทอ่ี ่านทีบ่ ้านมากขนึ้ และ ๓) สื่อชดุ มาตราตัวสะกด/การฝกึ ฝน { 53 }
วรรณยุกต์/ชุดฝึกอ่านค�ำ/ชุดฝึกอ่านประโยค/ชุดค�ำกลอนช่วยจ�ำ/แผ่นพับต่างๆ กลุ่ม เปา้ หมาย คอื นกั เรยี นอา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ด้ พฒั นาเปน็ อา่ นออกเขยี นไดด้ ขี นึ้ ประโยชน/์ ผลลพั ธเ์ ชงิ รปู ธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ คอื นกั เรยี นยมื ไปฝกึ ทบี่ า้ น และผปู้ กครองรว่ มควบคมุ โดย การสือ่ สารโดยตรงระหวา่ งครแู ละผูป้ กครอง สรุปการด�ำเนนิ งานฐานข้อมลู การด�ำเนินงานฐานข้อมูล ประกอบด้วย ๘ ส่วน ได้เเก่ ๑) ข้อมูลน�ำเข้าระบบ ๒) ทีม่ าและความสำ� คัญของการด�ำเนินงาน ๓) กลมุ่ เป้าหมาย ๔) ทุนทางสังคมท่ีรว่ ม ด�ำเนินงาน ๕) วธิ ดี �ำเนินงาน ๖) เครอื่ งมือและกลไกทใี่ ช้ ๗) ผลผลิตและผลลพั ธท์ เ่ี กิดข้นึ พร้อมท้ังรูปธรรมผลกระทบที่เป็นการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นกับโรงเรียนเป้าหมายการ ด�ำเนินงาน และ ๘) ปจั จยั เงอื่ นไขของความสำ� เร็จ โดยมีรายละเอียดดงั นี้ ๑) ข้อมลู นำ� เขา้ ระบบ จากการถอดบทเรยี น พบว่า ๑) ผลการผลิตส่อื นวัตกรรม พฒั นาการอ่านออกเขยี นไดส้ ่งเสรมิ ความรอบร้ดู ้านสขุ ภาวะ (๑) โรงเรยี นมีสือ่ นวัตกรรม พฒั นาการอ่านคล่อง เขยี นคล่อง อา่ นออกเขยี นได้ และพฒั นาการอ่านการเขยี น จ�ำนวน มากเพยี งพอต่อการบริการนักเรียนและชุมชน (๒) โรงเรียนมีรปู แบบการใชส้ ่อื ๓ รูปแบบ คอื ใชใ้ นโรงเรยี น โดยใชใ้ นหอ้ งเรยี นและในบรเิ วณโรงเรยี น ใชใ้ นครอบครวั โดยใหน้ กั เรยี น/ ผู้ปกครอง ยมื ไปใช้ และใช้ในชุมชน เผยแพร่โดยใช้ QR Code และ ๒) ผลการใช้สื่อ พัฒนาการอ่านออกเขียนได้ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะของนักเรียน จากการถอด บทเรยี นพบวา่ (๑) จากผลการประเมนิ การอา่ นเขยี นโดยใชแ้ บบประเมนิ ของ สพฐ. ประจำ� ปี พบวา่ นกั เรยี นในโรงเรยี นเครอื ขา่ ยทกุ โรงเรยี นมผี ลการอา่ นออกเขยี นไดม้ ากขน้ึ (๒) นกั เรยี น มีนิสยั รักการอ่านเพม่ิ ข้นึ และ (๓) สื่อยอดนิยมของนกั เรยี น อนั ดับที่ ๑ ไดแ้ ก่ หนงั สือ เลม่ เลก็ และนทิ านคุณธรรม ชุดสง่ เสริมสขุ ภาวะ ๒) ทมี่ าและความสำ� คญั ของการดำ� เนนิ งาน จากการถอดบทเรยี นพบวา่ (๑) โรงเรยี น ขาดสื่อนวัตกรรมพัฒนาการอ่านออกเขียนได้และส่ือส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (๒) นกั เรยี นมที กั ษะการอา่ นออกเขยี นไดต้ ำ่� (๓) โรงเรยี นมสี อ่ื นวตั กรรม พฒั นาการอา่ น ออกเขยี นได้ จ�ำกัด เพยี งพอใชใ้ นโรงเรียนเท่าน้นั (๔) รปู แบบการใช้ส่อื พัฒนาการอา่ น ออกเขียนได้มีเพียงใช้ประกอบการเรียนในคาบเรียนเท่าน้ันและจ�ำนวน ไม่เพียงพอกับ จำ� นวนนกั เรยี น (๕) โรงเรยี นขาดสอื่ สง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะ และ (๖) สอื่ นวตั กรรม { 54 }
ท่ีโรงเรยี นมี เป็นสื่อทีไ่ ด้รบั การจดั สรรซึ่ง ไมต่ รงกบั บรบิ ทของโรงเรยี นและความต้องการ ของนักเรียนและโรงเรยี น ๓) กลมุ่ เปา้ หมาย (๑) นกั เรยี นกลมุ่ อา่ นออกเขยี นไดพ้ ฒั นาเปน็ อา่ นคลอ่ งเขยี นคลอ่ ง ได้แก่ส่ือประเภท หนังสือเล่มเล็ก/นิทานคุณธรรม (๒) นักเรียนกลุ่มอ่านออกเขียนไม่ได้ เปน็ อา่ นออกเขยี นได้ ไดแ้ ก่สื่อประเภท ชุดฝกึ การอ่าน การเขยี น (๓) นกั เรยี น กลุม่ อ่าน ไม่ออกเขียนไมไ่ ดเ้ ปน็ อ่านออก เขยี นได้ มากขนึ้ ได้แกส่ ือ่ ประเภท มาตราตวั สะกด ชดุ ฝกึ อ่านประโยค เขียนประโยค ชดุ คำ� กลอนชว่ ยจำ� และแผ่นพบั ตา่ งๆ (๔) เกิดแหลง่ เรยี นรู้ ด้านการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะในพ้ืนที่ท�ำให้ เข้าถึงไดง้ า่ ย และ (๕) เกดิ แหลง่ เรียนรู้ของนกั ศึกษาดา้ นสอ่ื นวัตกรรม ๔) ทนุ ทางสงั คมท่ีร่วมด�ำเนินงาน (๑) คณะครใู นโรงเรยี นเครอื ขา่ ยใหข้ อ้ มลู ก่อน และหลงั การพัฒนา (๒) คณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนเครอื ขา่ ยทุกโรงเรียนเป็น คณะกรรมการประเมนิ ผลการใชส้ อ่ื นวตั กรรม (๓) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ ในพนื้ ที่ ของโรงเรียนเครือข่ายทุกพื้นท่ีเป็นคณะกรรมประเมินผลการใช้ส่ือ/ ศูนย์การเรียนรู้ฯ (๔) สำ� นกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาน่าน เขต ๒ แพร่ เขต ๑,๒ อุตรดิตถ์ เขต ๑ เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจแบบประเมินและร่วมสนับสนุนเผยแพร่ผลงานของโรงเรียนเครือข่าย (๕) ผู้ปกครองนักเรียนร่วมผลิตและใช้งาน ส่ือ และ (๖) สสส. สนับสนุนงบประมาณ ๗)โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบลในพื้นท่ีของโรงเรียนเครือข่ายสนับสนุนข้อมูลด้าน สุขภาวะ และประเมนิ ส่อื ส่งเสริมความรอบรู้ดา้ นสุขภาวะ ๕) วิธดี �ำเนินงาน มี ๙ ข้นั ตอนหลักๆ ประกอบดว้ ย (๑) ลงพน้ื ท่ีเก็บรวบรวมข้อมลู พื้นฐานของโรงเรียน เกย่ี วกับสภาพการอ่านออกเขียนไดข้ องนกั เรยี น ความพร้อมของสือ่ นวตั กรรม และความตอ้ งการสอ่ื นวตั กรรม (๒) จดั อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารการผลติ สอ่ื นวตั กรรม พฒั นาการอา่ นออกเขยี นได้ ส่งเสริมความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาวะ (๓) แต่งตง้ั คณะกรรมการ ประเมนิ ผลการใช้สอื่ ประจำ� โรงเรยี นทุกโรงเรยี น (๔) ลงพน้ื ทตี่ ิดตามผลการผลติ สื่อโดย ใหโ้ รงเรียนรายงานผลการผลติ ส่ือ ค่มู อื การใชส้ อ่ื รปู แบบการใช้ส่อื (๕) ประชมุ เชิงปฏิบัติ การรายงานความกา้ วหนา้ การใชส้ อื่ นวตั กรรมและออกแบบประเมนิ ผลการใชส้ อ่ื นวตั กรรม เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการใชส้ อ่ื นวตั กรรม แบบประเมนิ ศนู ยต์ น้ แบบดา้ นการจดั การเรยี นรู้ฯ ประจำ� ตำ� บล และเกณฑก์ ารประเมนิ ศนู ยต์ น้ แบบ (๖) ลงพน้ื ทปี่ ระเมนิ ผลการใชส้ อื่ ประเมนิ ศูนย์ต้นแบบประจำ� ต�ำบล (๗) คดั เลอื กศูนยต์ ้นแบบประจำ� ตำ� บล (๘) โรงเรยี นเครอื ขา่ ย { 55 }
ทกุ โรงเรยี น ถอดบทเรียนความส�ำเรจ็ การใช้ส่อื นวัตกรรม พัฒนาการอา่ นออกเขียนได้ ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะ และ (๙) จัดนิทรรศการเผบยแพร่ผลงานและบริการ วชิ าการของโรงเรยี นเครือขา่ ย ๖) เครื่องมือและกลไกทใี่ ชใ้ นการด�ำเนินงาน ไดแ้ ก่ (๑) แบบส�ำรวจขอ้ มูลพนื้ ฐาน โรงเรยี นเครอื ขา่ ยเพอ่ื เกบ็ ขอ้ มูลโรงเรยี นด้านสภาพการอา่ นออกเขียนได้ ดา้ นความพร้อม ของสือ่ ความต้องการสือ่ นวัตกรรม (๒) แบบรายงานผลการผลิตส่อื (๓) แนวทางการ จดั ทำ� ค่มู ือการใช้ส่ือ (๔) แบบรายงานผลการใช้สอื่ นวัตกรรม (๕) แบบประเมนิ ผลการใช้ สอ่ื เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการใชส้ อ่ื (๖) แบบประเมนิ ศนู ยต์ น้ แบบการจดั การเรยี นรฯู้ เกณฑ์ การประเมนิ ศนู ยต์ น้ แบบ และ (๗) คำ� ถามเพอื่ ถอดบทเรยี นความสำ� เรจ็ กลไกทใ่ี ช้ ประกอบ ด้วย การแต่งตั้งคณะท�ำงานของคณะครุศาสตร์/คณะกรรมการบริหารโครงการ การ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการประเมินสื่อนวัตกรรมประจ�ำโรงเรยี น การลงพ้ืนทเี่ พื่อตดิ ตามเสรมิ พลงั อยา่ งต่อเนอ่ื ง การติดต่อประสานงานกับโรงเรยี นเครือข่ายอยา่ งต่อเนอื่ งโดยการแบ่ง พื้นที่รบั ผิดชอบให้คณะท�ำงานอย่างเด่นชัด การคณะทำ� งานประชุมเพื่อตดิ ตาม รายงาน ความก้าวหนา้ เป็นประจำ� อยา่ งน้อย เดอื นละ ๑ คร้ัง ๗) ผลผลติ และผลลัพธท์ ีเ่ กิดขน้ึ พร้อมทง้ั รปู ธรรมผลกระทบท่เี ปน็ การเปลี่ยนแปลง ท่ีเกิดขึ้นกับโรงเรียนเป้าหมายการด�ำเนินงาน ดังน้ี ผลผลิตจากการด�ำเนินงาน ได้แก่ (๑) โรงเรยี นเครอื ขา่ ยทกุ โรงเรยี นมสี อ่ิ พฒั นาการอา่ นออกเขยี นไดส้ ง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ น สุขภาวะเพียงทีจ่ ะใหบ้ รกิ ารแกน่ กั เรียน ผปู้ กครอง และชุมชน (๒) นกั เรียนมพี ัฒนาการ ดา้ นการอ่านและการเขียนเพ่ิมขึ้นโดยมคี ะแนนผลนสัมฤทธด์ิ ้านการอ่านและการเขยี นจาก การวดั โดยใชแ้ บบประเมนิ ของ สพฐ. สงู ขนึ้ ทกุ โรงเรยี น ผลลพั ธจ์ ากการดำ� เนนิ งาน ไดแ้ ก่ (๑) นักเรยี นมนี สิ ัยรกั การอา่ นเพ่ิมขนึ้ (๒) นกั เรยี นได้เรียนร้อู ยา่ งตอ่ เน่ือง โดยการยืมสื่อ ทส่ี นใจ ไปอา่ นเพม่ิ เติมทบ่ี า้ นได้ โดยมกี ารเรียนรู้รว่ มกับผูป้ กครองทำ� ให้ผูป้ กครอง และ ชมุ ชนมคี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะเพมิ่ ขน้ึ ผลกระทบจากการดำ� เนนิ งาน ไดแ้ ก่ (๑) โรงเรยี น เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน โดยการเผยแพร่ความรู้ผ่าน QR Code อย่างแพร่หลาย (๒) โรงเรยี นและชมุ ชนมีสมั พนั ธภาพที่ดตี อ่ กันมากขึ้น ๘) ปจั จัยเงอื่ นไขของความสำ� เรจ็ ดังน้ี (๑) ระบบการติดต่อประสานงานระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภฏั อตุ รดติ ถ์และโรงเรยี นเครอื ขา่ ย มคี วามสะดวก รวดเรว็ และตอ่ เน่อื ง มีการลงพ้นื ที่ติดตามเสรมิ พลงั อย่างต่อเนือ่ ง โดยมผี ูป้ ระสานงานในแตล่ ะพืน้ ที่ ทช่ี ัดเจน { 56 }
(๒) คณะท�ำงานมีการประชุมเพอ่ื ช้ีแจงความก้าวหน้า และแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเปน็ ประจำ� ทุก เดือน (๓) มีการรายงานความกา้ วหนา้ ประจำ� เดอื นต่อผ้รู ับผิดชอบโครงการ (อธกิ ารบดี) และผเู้ กยี่ วขอ้ งอยา่ งสมำ่� เสมอ และ (๔) การผลติ สอ่ื ของโรงเรยี นเปน็ ไปตามความตอ้ งการ ของโรงเรียนท่ีสามารถเลือกได้ให้เหมาะสมตามบริบทและความต้องการของโรงเรียน ซ่ึงมคี วามเหมาะสมของนกั เรยี นแต่ละโรงเรียน { 57 }
ภาพท่ี ๒.๑ โรงเรยี นบา้ นปา่ แตว้ ตำ� บลคอรมุ อำ� เภอพชิ ยั จงั หวดั อุตรดติ ถ์
โรงเรยี นบา้ นป่าแตว้ ตำ� บลคอรมุ อำ� เภอพชิ ัย จงั หวัดอุตรดิตถ์ จำ� นวนนกั เรียน ในปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ พบว่า ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ มนี กั เรยี นชาย ๓ คน มนี กั เรยี นหญงิ ๖ คน รวมเปน็ ๙ คน ชนั้ ประถมศกึ ษา ปที ่ี ๒ มีนกั เรียนชาย ๕ คน มนี กั เรียนหญิง ๙ คน รวมเปน็ ๑๔ คน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ มีนักเรยี นชาย ๕ คน มนี กั เรยี นหญิง ๕ คน รวมเปน็ ๑๐ คน, ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ มีนักเรียนชาย ๒ คน มนี ักเรยี นหญงิ ๕ คน รวมเป็น ๗ คน ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ มนี กั เรียนชาย ๕ คน มนี กั เรยี นหญิง ๖ คน รวมเปน็ ๑๑ คน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ มนี กั เรยี นชาย ๓ คน มนี กั เรยี น หญิง ๓ คน รวมเป็น ๖ คน และนกั เรียนท้ังหมดในโรงเรยี น มนี กั เรยี นชาย ทั้งหมด ๒๓ คน มีนักเรียนหญิงท้ังหมด ๓๔ คน รวมมีนักเรียนทั้งหมด ๕๗ คน สถานการณ์ปญั หาการอ่านของนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาช้นั ปที ี่ ๑ – ๖ (เฉพาะนักเรียนปกติ) พบว่า จำ� นวนนกั เรยี นทอ่ี า่ นไมอ่ อกมจี ำ� นวน ๐ คน, จำ� นวนนกั เรยี นอา่ น ไมค่ ลอ่ งมจี ำ� นวน ๔ คน จำ� นวนนกั เรยี นอา่ นคลอ่ งมจี ำ� นวน ๓๙ คน สว่ น จำ� นวนนกั เรยี นอา่ นจบั ใจความไมไ่ ดจ้ ำ� นวน ๐ คน ระบปุ ขี อ้ มลู ๒๕๖๑ ผลสำ� เรจ็ การอา่ นออกเขยี นได้ ระหวา่ งปี ๒๕๖๐ กบั ปี ๒๕๖๑ พบวา่ การอา่ นไมค่ ลอ่ ง/ อา่ นเขยี นไดบ้ า้ งในปี ๒๕๖๐ จำ� นวน ๖ คน ในปี ๒๕๖๑ จำ� นวน ๔ คน สว่ น การอ่านคล่อง/อ่านออกเขียนได้ในปี ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๔๘ คน ในปี๒๕๖๑ จำ� นวน ๓๙ คน { 59 }
สถานการณป์ ัญหาสุขภาพของนกั เรียน จากสถานการณ์ปัญหาสุขภาพของนักเรียน พบว่า ๑) นักเรียนส่วนใหญ่เป็น โรคเหา คดิ เปน็ ร้อยละ ๕๒.๒๙ โดยมแี นวทางการแก้ไขปัญหาคอื หมกั ยากำ� จดั เหา ๒) โรคฟนั ผุ คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๐.๓๕ โดยมีแนวทางการแกไ้ ขปัญหาคือใหค้ วามรู้ใน การดแู ลรกั ษาฟนั ๓) โรคนำ้� หนกั ตำ�่ /เกนิ เกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๖.๓๑ โดยมแี นวทาง การแก้ไขปัญหาคือให้ความรู้เร่ืองโภชนาการ/การออกก�ำลังกาย โดยมีแหล่งข้อมูล จาก รพ.สต.บึงท่ายวน ส่อื /นวัตกรรมเดน่ ของโรงเรียนศูนยต์ ้นแบบการจัดการเรียนรู้ พัฒนาการอา่ นออกเขยี นไดส้ ่งเสริมการด้านสขุ ภาวะ ดา้ นประเดน็ สอ่ื เดน่ ๑) นิทานคุณธรรมชุด”ฮีโรป่ า่ แต้ว” โดยมลี กั ษณะทเ่ี ป็น เรอ่ื งราวในเลม่ เรอื่ งเลา่ เกย่ี วกบั ประวตั /ิ ขอ้ ความ/ลกั ษณะฯลฯของนกั เรยี นทมี่ จี ดุ เดน่ ดา้ นต่างๆ ในโรงเรยี น โดยใช้ชื่อสกลุ จริงเปน็ ตวั เดินเรือ่ งในนทิ าน ท�ำให้เกิดความ สำ� เร็จ คือ (๑) พัฒนาด้านการอ่านคล่อง เขียนคลอ่ ง (๒) พฒั นาการแต่งเร่ืองราว จากภาพ/สถานการณ์ ๒) ชดุ สื่อส่งเสรมิ ความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาวะ ๑๐ ด้าน โดยมี ลักษณะเป็นเรื่องเล่า/นิทานเก่ียวกับความรอบรู้ด้านสุขภาวะด้าน ร่างกาย จิตใจ อาหารปลอดภัย กำ� จดั ขยะ บรโิ ภคสินคา้ ยาฆ่าแมลง สารเสพตดิ เพศศึกษา ความ ปลอดภัย/ชีวิตประจ�ำวัน ปลอดภัยสิ่งแวดล้อม ท�ำให้เกิดความส�ำเร็จคือเป็นการ ส่งเสริมความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาวะแก่นกั เรียน/ผู้ปกครอง/ชมุ ชน รูปแบบการใชส้ ่อื ๑) ในโรงเรียน ซึง่ มลี กั ษณะการใช้สอื่ (๑) ใชป้ ระกอบการ เรยี นในรายวชิ า (๒) ใช้อ่านเพิ่มเตมิ ในบรเิ วณโรงเรียนมุมความรู้ หอ้ งสมดุ สวน/ ตะกรา้ หนงั สือ ห้องสื่อ ท�ำให้เกดิ ความสำ� เรจ็ ดังน้ี (๑) นักเรยี นมีนสิ ัยรักการอ่าน มากข้ึน (๒) ผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะการอ่านการเขียนจากการประเมินของ สพฐ. สงู ขน้ึ ๒) ในครอบครวั ซง่ึ มลี กั ษณะการใชส้ อื่ (๑) นกั เรยี นยมื ไปอา่ นเพมิ่ เตมิ ทบี่ า้ น (๒) ผปู้ กครองรว่ มเรยี นร/ู้ ความรกู้ ารฝกึ อา่ นเขยี นของนกั เรยี นทบ่ี า้ น ทำ� ใหเ้ กดิ ความ ส�ำเร็จดังน้ี (๑) ผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการบริการด้านสื่อส่งเสริมการศึกษา เรยี นรขู้ องโรงเรยี น (๒) ผปู้ กครองใหค้ วามรว่ มมอื และเอาใจใสต่ อ่ พฤตกิ รรมการเรยี น ของบตุ รหลานมากขน้ึ ๓) ในชมุ ชน ซงึ่ มลี กั ษณะการใชส้ อื่ (๑) เผยแพร่ QR Code, E-Book สชู่ มุ ชนโดยตดิ ไวใ้ นทส่ี าธารณะเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ สอื่ อยา่ งสะดวก (๒) บรกิ ารสอ่ื { 60 }
ใหใ้ ชโ้ รงเรียนผสู้ งู อายศุ นู ย์การเรยี นรชู้ ุมชน ทำ� ให้เกดิ ความสำ� เรจ็ ดงั นี้ (๑) ชุมชนมี ความพอใจตอ่ การเปล่ียนแปลงของการบรกิ ารวิชาการของทางโรงเรียน (๒) ชมุ ชน ไดร้ บั ความรูด้ ้านสขุ ภาวะจากสอื่ มีให้การบริการมากขนึ้ การผลติ ส่ือ เปน็ การร่วมผลติ ระหวา่ ง คณะครู นกั เรียนและผู้ปกครอง ซึง่ มี ลกั ษณะการใชส้ อ่ื ดงั นี้ (๑) ครผู สู้ อนแตล่ ะรายวชิ า เลอื กเนอื้ หาประเภท รปู แบบเรอื่ ง ราวของสอื่ ทจี่ ะผลติ (๒) นกั เรยี นรว่ มออกแบบสอื่ เนอ่ื หาหรอื เรอ่ื งราวในสอื่ และการ วาดภาพระบายสี/ตกแต่ง (๓) ผู้ปกครองร่วมออกแบบ/เพิ่มเติมเร่ืองราวในนิทาน/ เร่อื งเลา่ ทำ� ให้เกิดความส�ำเรจ็ ดังนี้ ๑) ไดส้ ื่อนวัตกรรมทสี่ ่งเสริมการอ่านออกเขยี น ได้หลากหลายรู้แบบเรื่องราว/ประเภทท่ีเสนอความต้องการและตรงกับความสนใจ ของนกั เรียน ๒) ในจำ� นวนท่ีมากเพียงพอท่ีจะใหบ้ ริการต่อการใชร้ ปู แบบตา่ งๆ ความสำ� เร็จจากการผลติ สอ่ื /ใช้ส่อื นวัตกรรม โดยมีจุดเด่นด้ังน้ี นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะการอ่านและการเขียนโดย การประเมนิ ด้วยเครือ่ งมือของ สพฐ. สงู ขนึ้ ซ่งึ มลี กั ษณะการใช้สือ่ ดงั นี้ คะแนนดา้ น การอ่าน การเขียนของนักเรียนสูงขึ้นทุกระดับชั้นท�ำให้เกิดความส�ำเร็จดังน้ี (๑) นกั เรยี นมนี สิ ยั รกั การอา่ นมากขนึ้ (๒) ผปู้ กครองใหค้ วามสนใจตอ่ การพฒั นาการ อ่านการเขยี นของบุตรหลานมากขนึ้ { 61 }
ภาพท่ี ๒.๒ โรงเรียนบา้ นนาไค้ ตำ� บลบวั ใหญ่ อำ� เภอนานอ้ ย จงั หวดั นา่ น
โรงเรยี นบ้านนาไค้ ตำ� บลบัวใหญ่ อ�ำเภอนาน้อย จังหวดั นา่ น จ�ำนวนนักเรียน ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ พบวา่ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ มนี กั เรยี นชาย ๒ คน มนี กั เรยี นหญงิ ๖ คน รวมเปน็ ๘ คน ชน้ั ประถมศกึ ษา ปที ี่ ๒ มีนกั เรยี นชาย ๕ คน มนี ักเรยี นหญิง ๘ คน รวมเปน็ ๑๓ คน ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ มีนักเรียนชาย ๗ คน มีนักเรียนหญิง ๕ คน รวมเป็น ๑๒ คน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ มนี ักเรยี นชาย ๔ คน มีนักเรียนหญิง ๔ คน รวมเปน็ ๘ คน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ มนี กั เรยี นชาย ๓ คน มนี กั เรยี นหญงิ ๕ คน รวมเปน็ ๘ คน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ มนี กั เรยี นชาย ๑๒ คน มนี กั เรยี น หญงิ ๕ คน รวมเปน็ ๑๗ คน และนกั เรยี นทงั้ หมดในโรงเรยี น มนี กั เรยี นชาย ทั้งหมด ๓๓ คน มีนักเรียนหญิงท้ังหมด ๓๓ คน รวมมีนักเรียนท้ังหมด ๖๖ คน สถานการณป์ ญั หาการอ่านของนักเรยี น ระดับชั้นประถมศกึ ษาชน้ั ปีที่ ๑ – ๖ (เฉพาะนกั เรยี นปกต)ิ พบว่า จ�ำนวนนกั เรยี นอ่านไม่คล่องมีจำ� นวน ๘ คน จำ� นวนนักเรียนอา่ น คลอ่ งมจี ำ� นวน ๕๒ คน สว่ น จำ� นวนนกั เรยี นอา่ นจบั ใจความไมไ่ ดจ้ ำ� นวน ๔ คน ระบุปีข้อมลู ๒๕๖๑ ผลส�ำเรจ็ การอา่ นออกเขยี นได้ ระหวา่ งปี ๒๕๖๐ กับ ปี ๒๕๖๑ พบว่า อา่ นไม่ได/้ อา่ นไมอ่ อกเขียนไมไ่ ด้ ในปี ๒๕๖๐ มีจ�ำนวน ๑ คน สว่ นการอา่ นไม่คลอ่ ง/อา่ นเขียนได้บ้างในปี ๒๕๖๐ มจี �ำนวน ๒๓ คน ในปี ๒๕๖๑ มจี ำ� นวน ๘ คน สว่ นการอา่ นคลอ่ ง/อา่ นออกเขยี นไดใ้ นปี ๒๕๖๐ มจี ำ� นวน ๕๑ คน ในปี ๒๕๖๑ มจี ำ� นวน ๕๒ คน สว่ นการอา่ นจบั ใจความ ไมไ่ ด้ในปี๒๕๖๑ มีจ�ำนวน ๔ คน { 63 }
สถานการณป์ ญั หาสขุ ภาพของนักเรยี น จากสถานการณป์ ญั หาสขุ ภาพของนกั เรยี น พบวา่ ๑) นกั เรยี นสว่ นใหญเ่ ปน็ โรค นำ�้ หนกั นอ้ ยกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๖.๓๐ โดยมแี นวทางการแกไ้ ขปญั หา คือ (๑) เชิญเจ้าหนา้ ที่ รพสต. มาใหค้ วามรุ้ภาวะโภชนาการ/การรับประทานอาหาร (๒) อาหารเสรมิ /นม (๓) ใหค้ ำ� แนะนำ� ผปู้ กครอง ๒) โรคฟนั ผุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓๖.๓๖ โดยมแี นวทางการแก้ไขปัญหาคอื (๑) เชญิ เจา้ หน้าที่ รพ.สต. มาใหค้ วามรกู้ ารรักษา สุขภาพฟัน (๒) ใหแ้ ปรงฟันหลงั รับประทานอาหารกลางวนั ทกุ วัน โดยมีแหลง่ ขอ้ มลู จากโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพประจ�ำต�ำบลบัวใหญ่ ส่ือ/นวตั กรรมเด่นของโรงเรียนศนู ย์ต้นแบบการจัดการเรียนรู้ พัฒนาการอา่ นออกเขยี นไดส้ ง่ เสริมการดา้ นสขุ ภาวะ ดา้ นประเดน็ ส่อื เด่น ๑) หนงั สืออ่านเพม่ิ เตมิ ชดุ ต้นกล้านาไคอ้ า่ นออกเขยี นได้ ใส่ใจสุขภาพ เร่ืองปลอดภัยใบตอง โดยมีลักษณะที่ป็นนิทานท่ีครูแต่งขึ้นประกอบ สวยงามนา่ รกั สสี นั สะดดุ ตาของนกั เรยี น ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งมาตราตวั สะกดคำ� ควบกลำ้� และความรเู้ รอื่ งการใชภ้ าชนะจากวสั ดธุ รรมชาติ ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ คอื (๑) พฒั นา ด้านการอ่านคลอ่ ง เขียนคล่อง (๒) พัฒนาการแต่งเรื่องราวจากภาพ/สถานการณ์ ๒) หนังสืออา่ นเพิ่มเติม ชุดตน้ กลา้ นาไคอ้ ่านออกเขียนไดใ้ สใ่ จสุขภาพ โดยมีลกั ษณะ เป็นเร่ืองเล่า/นิทานเกี่ยวกับความรอบรู้ด้านสุขภาวะด้าน ร่างกาย จิตใจ อาหาร ปลอดภยั กำ� จดั ขยะ บรโิ ภคสนิ คา้ ยาฆา่ แมลง สารเสพตดิ เพศศกึ ษา ความปลอดภยั / ชวี ติ ประจำ� วัน ปลอดภัยสิ่งแวดลอ้ ม ท�ำใหเ้ กิดความสำ� เร็จคือเป็นการส่งเสรมิ ความ รอบรู้ด้านสุขภาวะแกน่ ักเรยี น/ผปู้ กครอง/ชมุ ชน รปู แบบการใชส้ อ่ื ๑) ในโรงเรยี น ซง่ึ มลี ักษณะการใชส้ อื่ ๑. ใช้ประกอบการ เรียนในรายวิชา ๒. ใช้อ่านเพม่ิ เติมในบรเิ วณโรงเรียนมุมความรู้ ห้องสมุด สวน/ ตะกรา้ หนงั สือ หอ้ งสือ่ ทำ� ใหเ้ กิดความส�ำเร็จดังนี้ (๑) นักเรียนมีนสิ ัยรักการอ่าน มากข้ึน (๒) ผลสัมฤทธ์ิด้านทักษะการอ่านการเขียนจากการประเมินของ สพฐ. สงู ขน้ึ ๒) ในครอบครวั ซ่งึ มลี กั ษณะการใชส้ ือ่ (๑) นักเรยี นยืมไปอา่ นเพม่ิ เตมิ ที่บ้าน (๒) ผปู้ กครองรว่ มเรยี นร/ู้ ความรกู้ ารฝกึ อา่ นเขยี นของนกั เรยี นทบ่ี า้ น ทำ� ใหเ้ กดิ ความ ส�ำเร็จดังน้ี ๑. ผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการบริการด้านสื่อส่งเสริมการศึกษา เรยี นรขู้ องโรงเรยี น (๒) ผปู้ กครองใหค้ วามรว่ มมอื และเอาใจใสต่ อ่ พฤตกิ รรมการเรยี น { 64 }
ของบุตรหลานมากขึ้น ๓) ในชุมชน ซึง่ มลี ักษณะการใช้สอื่ (๑) เผยแพร่ QR Code, E-Book สชู่ มุ ชนโดยตดิ ไวใ้ นทสี่ าธารณะเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ สอื่ อยา่ งสะดวก (๒) บรกิ ารสอ่ื ให้ใช้โรงเรียนผูส้ งู อายุศูนย์การเรียนรูช้ ุมชน ท�ำใหเ้ กิดความส�ำเร็จดังนี้ (๑) ชมุ ชนมี ความพอใจตอ่ การเปลี่ยนแปลงของการบรกิ ารวิชาการของทางโรงเรยี น (๒) ชุมชน ไดร้ บั ความรู้ดา้ นสุขภาวะจากสือ่ มใี หก้ ารบริการมากขึ้น การผลิตสื่อ ๑) เปน็ การร่วมผลติ ระหวา่ ง คณะครู นกั เรยี นและผู้ปกครอง ซงึ่ มลี กั ษณะการใชส้ อื่ ดงั นี้ (๑) ครผู สู้ อนแตล่ ะรายวชิ า เลอื กเนอื้ หาประเภท รปู แบบ เรือ่ งราว ของสอ่ื ทจี่ ะผลติ (๒) นกั เรยี นรว่ มออกแบบส่อื เนื่อหาหรอื เร่อื งราวในสอ่ื และการวาดภาพระบายสี/ตกแตง่ (๓) ผู้ปกครองรว่ มออกแบบ/เพ่มิ เติมเรื่องราวใน นิทาน/เรอื่ งเลา่ ทำ� ใหเ้ กิดความส�ำเรจ็ ดังน้ี (๑) ไดส้ ่อื นวัตกรรมทสี่ ง่ เสริมการอ่าน ออกเขียนได้หลากหลายรู้แบบเรื่องราว/ประเภทที่เสนอความต้องการและตรงกับ ความสนใจของนกั เรยี น (๒) ในจำ� นวนทมี่ ากเพยี งพอทจ่ี ะใหบ้ รกิ ารตอ่ การใชร้ ปู แบบ ต่างๆ ความส�ำเร็จจากการผลติ สื่อ/ใช้สือ่ นวตั กรรม โดยมจี ดุ เดน่ ดงั้ น้ี นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธดิ์ า้ นทกั ษะการอา่ นและการเขยี นโดยการ ประเมินด้วยเครื่องมือของ สพฐ. สูงข้ึน ซ่ึงมีลักษณะการใช้ส่ือดังนี้ คะแนนด้าน การอ่าน การเขียนของนักเรียนสูงข้ึนทุกระดับช้ันท�ำให้เกิดความส�ำเร็จดังน้ี (๑) นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านมากข้ึน (๒) ผู้ปกครองให้ความสนใจต่อการพัฒนา การอ่านการเขียนของบตุ รหลานมากขนึ้ { 65 }
ภาพท่ี ๒.๓ โรงเรียนบา้ นปงสนกุ ตำ� บลเจดยี ์ชยั อำ� เภอปวั จงั หวดั นา่ น
โรงเรียนบา้ นปงสนกุ ตำ� บลเจดยี ์ชัย อ�ำเภอปัว จังหวัดนา่ น จ�ำนวนนักเรียน ในปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ พบวา่ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ มี นกั เรยี นชาย ๑๑ คน มีนกั เรยี นหญิง ๑๒ คน รวมเป็น ๒๓ คน ชัน้ ประถม ศกึ ษาปที ี่ ๒ มนี กั เรยี นชาย ๕ คน มนี กั เรยี นหญิง ๘ คน รวมเปน็ ๑๘ คน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ มนี ักเรยี นชาย ๑๔ คน มนี กั เรยี นหญิง ๑๖ คน รวม เปน็ ๓๐ คน , ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ มีนักเรียนชาย ๑๒ คน มีนกั เรยี นหญงิ ๗ คน รวมเป็น ๑๙ คน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ มีนักเรียนชาย ๙ คน มนี ักเรยี นหญิง ๑๔ คน รวมเป็น ๒๓ คน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ มีนกั เรียน ชาย ๑๕ คน มนี ักเรียนหญงิ ๗ คน รวมเป็น ๒๒ คน และนกั เรยี นทง้ั หมด ในโรงเรยี น มนี กั เรยี นชายท้งั หมด ๖๖ คน มนี ักเรยี นหญงิ ท้ังหมด ๖๔ คน รวมมนี ักเรียนท้งั หมด ๑๓๐ คน สถานการณ์ปญั หาการอ่านของนกั เรยี น ระดบั ชั้นประถมศึกษาช้ันปที ่ี ๑ – ๖ (เฉพาะนกั เรียนปกต)ิ พบวา่ จ�ำนวนนักเรียนท่ีอา่ นไมอ่ อกมีจำ� นวน ๖ คน จำ� นวนนกั เรยี นอา่ น ไมค่ ลอ่ งมจี ำ� นวน ๑๒ คน จำ� นวนนกั เรยี นอา่ นคลอ่ งมจี ำ� นวน ๕๔ คน จำ� นวน นักเรยี นอ่านจบั ใจความไมไ่ ดจ้ ำ� นวน ๒๒ คน ข้อมลู ปี ๒๕๖๑ ผลส�ำเรจ็ การ อา่ นออกเขยี นได้ ระหวา่ งปี ๒๕๖๐ กบั ปี ๒๕๖๑ พบวา่ อา่ นไมไ่ ด/้ อา่ นไมอ่ อก เขียนไม่ได้ ในปี ๒๕๖๐ มจี �ำนวน ๓ คน ในปี ๒๕๖๑ มีจำ� นวน ๖ คน ส่วน การอา่ นไม่คลอ่ ง/อ่านเขียนได้บ้างในปี ๒๕๖๐ มจี ำ� นวน ๓๖ คน ในปี ๒๕๖๑ มจี ำ� นวน ๑๒ คน ส่วนการอา่ นคลอ่ ง/อา่ นออกเขยี นได้ในปี ๒๕๖๐ มจี ำ� นวน { 67 }
๘๒ คน ในป๒ี ๕๖๑ มจี ำ� นวน ๕๔ คน สว่ นการอ่านจบั ใจความไม่ได้ ในปี ๒๕๖๑ มีจ�ำนวน ๒๒ คนสถานการณ์ปัญหาสุขภาพของนักเรียน พบว่า ๑) นักเรียน ส่วนใหญ่เปน็ โรคอว้ น คิดเปน็ ร้อยละ ๒.๓๑ โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาคอื ออก ก�ำลังกายหลังกจิ กรรมหนา้ เสาธง ๒) โรคหวั ใจ คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐.๗๗ โดยมแี นวทาง การแก้ไขปัญหาคอื สง่ ตอ่ ให้โรงพยาบาล ๓) โรคเลือด คดิ เป็นร้อยละ ๐.๗๗ โดยมี แนวทางการแก้ไขปัญหาคือสง่ ใหโ้ รงพยาบาล ๔) โรคระบบขับถา่ ย คิดเปน็ รอ้ ยละ ๐.๗๗ โดยแนวทางการแกไ้ ขปญั หาคอื สง่ ใหโ้ รงพยาบาล โดยมแี หลง่ ขอ้ มลู จาก บนั ทกึ สขุ ภาพนักเรยี น ส่ือ/นวัตกรรมเดน่ ของโรงเรยี นศนู ยต์ น้ แบบการจัดการเรียนรู้ พฒั นาการอ่านออกเขยี นไดส้ ่งเสรมิ การดา้ นสุขภาวะ ล�ำดับ ประเด็น จุดเดน่ ลกั ษณะ ความส�ำเรจ็ ๑. สอ่ื เดน่ ๑. หนงั สืออ่าน ๑.๑ เปน็ หนังสอื สำ� หรับ ๑. พัฒนาดา้ นการ เล่มเล็ก พฒั นาการอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี น เขียนคลอ่ ง และท�ำ คล่อง เปน็ E-book เผย ๒. พฒั นาการแตง่ แพรส่ โู่ รงเรียนและ เรอ่ื งราวจากภาพ/ โหลดข้อมลู ลงใน สถานการณ์ โทรศัพท์มือถือของ นกั เรียนเพอ่ื น�ำไปอ่าน ๒. ชดุ สอื่ ๒.๑ เปน็ หนังสอื อ่านเล่ม ๑. ส่งเสริมความรอบรู้ สง่ เสริม เลก็ / E-book เกีย่ ว ดา้ นสขุ ภาวะแก่ ความรอบรู้ กับความรอบรู้ดา้ น นกั เรยี น/ผ้ปู กครอง/ ดา้ นสขุ สุขภาวะด้าน ร่างกาย ชมุ ชน ภาวะ จติ ใจ อาหารปลอดภัย ๑๐ ดา้ น กำ� จดั ขยะ บริโภค สนิ ค้า ยาฆา่ แมลง สารเสพตดิ เพศศกึ ษา ความปลอดภยั /ชีวิต ประจำ� วนั ปลอดภยั สิง่ แวดลอ้ ม { 68 }
ล�ำดบั ประเดน็ จุดเดน่ ลกั ษณะ ความสำ� เรจ็ ๒. รปู แบบ ๑. ในโรงเรียน ๑. ใชป้ ระกอบการเรยี นใน ๑. นักเรียนมนี สิ ัยรกั การใชส้ ื่อ รายวชิ า การอา่ นมากขน้ึ ๒. ใช้อ่านเพม่ิ เตมิ ใน ๒. ผลสัมฤทธิ์ด้านทกั ษะ บรเิ วณโรงเรียน การอา่ นการเขยี น - มมุ ความรู้ จากการประเมนิ ของ - หอ้ งสมดุ สพฐ. สงู ขนึ้ - สวน/ตะกรา้ หนงั สอื - ห้องสือ่ ๒. ใน ๑. นักเรยี นยืมไปอ่านเพ่มิ ๑. ผปู้ กครองมีความ ครอบครวั เตมิ ทีบ่ า้ น พึงพอใจต่อการ ๒. ผูป้ กครองรว่ มเรียนรู้/ บริการด้านส่อื ความรกู้ ารฝกึ อา่ นเขียน สง่ เสรมิ การศึกษา ของนกั เรยี นทบ่ี า้ น เรียนรขู้ องโรงเรยี น ๒. ผปู้ กครองให้ความ รว่ มมอื และเอาใจใส่ ตอ่ พฤติกรรมการ เรยี นของบุตรหลาน มากขึน้ ๓. ในชมุ ชน ๑. เผยแพร่ QR Code, ๑. ชมุ ชนมคี วามพอใจ E-Book สชู่ มุ ชนโดยตดิ ตอ่ การเปลยี่ นแปลง ไวใ้ นทสี่ าธารณะเพื่อให้ ของการบรกิ าร เข้าถึงสอ่ื อย่างสะดวก วิชาการของทาง ๒. บรกิ ารสือ่ ให้ใชโ้ รงเรยี น โรงเรียน ผูส้ งู อายุศนู ย์การเรียนรู้ ๒. ชมุ ชนได้รับความรู้ ชมุ ชน ดา้ นสุขภาวะจากสอ่ื มใี หก้ ารบรกิ ารมาก ขึ้น ๓. การผลิต ๑. เปน็ การ ๑. ครูผสู้ อนแต่ละรายวชิ า ๑. ได้สือ่ นวตั กรรมท่สี ง่ สอื่ ร่วมผลติ เลือกเนือ้ หาประเภท,รปู เสริมการอา่ นออก ระหวา่ ง แบบเรอื่ งราว ของสือ่ ท่ี เขียนได้หลากหลายรู้ คณะครู จะผลติ แบบเรอื่ งราว/ นกั เรยี นและ ๒. นักเรียนร่วมออกแบบ ประเภทท่ีเสนอความ ผู้ปกครอง ส่อื เน่อื หาหรอื เรอื่ งราว ตอ้ งการและตรงกบั ในสื่อและการวาดภาพ ความสนใจของ ระบายส/ี ตกแตง่ นักเรียน ๓. ผู้ปกครองร่วม ๒. ในจ�ำนวนทมี่ ากเพยี ง ออกแบบ/เพ่มิ เติม พอท่จี ะใหบ้ รกิ ารตอ่ เรื่องราวในนิทาน/ การใชร้ ูปแบบต่างๆ เร่อื งเล่า { 69 }
ล�ำดบั ประเด็น จดุ เดน่ ลักษณะ ความส�ำเรจ็ ๑. นกั เรียนมนี ิสัยรัก ๔. ความ นกั เรียนมผี ล คะแนนดา้ นการอ่าน สำ� เรจ็ สมั ฤทธดิ์ ้าน การเขียนของนักเรยี นสูง การอ่านมากข้ึน จากการ ทกั ษะการอ่าน ขน้ึ ทกุ ระดับชน้ั ๒. ผปู้ กครองใหค้ วาม ผลติ ส่ือ/ และการเขยี น ใชส้ อ่ื โดยการ สนใจต่อการ นวตั กรรม ประเมินดว้ ย พฒั นาการอา่ นการ เครือ่ งมอื ของ เขียนของบตุ รหลาน สพฐ. สงู ขึน้ มากข้ึน { 70 }
ภาพท่ี ๒.๔ โรงเรียนบา้ นนาวงค์ ตำ� บลเจดยี ์ชยั อำ� เภอปวั จงั หวดั นา่ น
โรงเรยี นบา้ นนาวงค์ ตำ� บลเจดีย์ชัย อำ� เภอปวั จงั หวดั น่าน จ�ำนวนนักเรยี น ในปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ พบว่า ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ มีนักเรยี นชาย ๙ คน มีนกั เรียนหญิง ๙ คน รวมเปน็ ๑๘ คน ชั้นประถม ศกึ ษาปที ่ี ๒ มีนกั เรยี นชาย ๕ คน มีนักเรียนหญงิ ๑๑ คน รวมเปน็ ๑๖ คน ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ มนี กั เรยี นชาย ๑๖ คน มนี กั เรยี นหญงิ ๘ คน รวมเปน็ ๒๔ คน ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ มนี กั เรยี นชาย ๑๒ คน มนี กั เรยี นหญงิ ๕ คน รวมเปน็ ๑๗ คน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ มนี ักเรียนชาย ๑๙ คน มีนักเรียน หญงิ ๑๐ คน รวมเป็น ๒๙ คน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ มนี ักเรียนชาย ๘ คน มนี ักเรียนหญงิ ๔ คน รวมเป็น ๑๒ คน และนักเรยี นทั้งหมดในโรงเรียน มนี กั เรยี นชายทงั้ หมด ๖๙ คน มนี กั เรยี นหญงิ ทงั้ หมด ๔๗ คน รวมมนี กั เรยี น ท้งั หมด ๑๑๖ คน สถานการณป์ ญั หาการอ่านของนกั เรยี น ระดบั ชั้นประถมศึกษาชน้ั ปีท่ี ๑ – ๖ (เฉพาะนกั เรียนปกติ) พบว่า จ�ำนวนนักเรียนที่อ่านไม่ออกมจี �ำนวน ๐ คน จ�ำนวนนกั เรยี นอา่ น ไม่คล่องมีจ�ำนวน ๑๕ คน จ�ำนวนนักเรียนอ่านคล่องมีจ�ำนวน ๑๑๐ คน สว่ น จำ� นวนนกั เรยี นอา่ นจบั ใจความไมไ่ ดจ้ ำ� นวน ๔๑ คน ระบปุ ขี อ้ มลู ๒๕๖๑ ผลสำ� เรจ็ การอา่ นออกเขยี นได้ ระหวา่ งปี ๒๕๖๐ กบั ปี ๒๕๖๑ พบวา่ การอา่ น ไม่คลอ่ ง/อา่ นเขยี นได้บ้าง ในปี๒๕๖๑ มจี ำ� นวน ๑๕ คน สว่ นการอา่ นคล่อง/ อา่ นออกเขยี นได้ ในป๒ี ๕๖๑ มจี ำ� นวน ๑๑๐ คน สว่ นการอา่ นจบั ใจความไมไ่ ด้ ในปี ๒๕๖๑ มจี �ำนวน ๔๑ คน สถานการณ์ปญั หาสุขภาพของนักเรยี น จาก { 72 }
สถานการณ์ปัญหาสุขภาพของนักเรียน พบว่า ๑) นักเรียนส่วนใหญ่เป็นโรคฟันผุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔๐ โดยมแี นวทางการแก้ไขปญั หาคอื รณรงคใ์ นการแปรงฟนั ถกู วิธี และการเลือกรบั ประทานอาหาร ข้อมลู จาก จากโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพต�ำบล เจดีย์ชยั ๒) น�้ำหนกั และส่วนสูงไม่ไดส้ มดุล คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗๑.๑ โดยมแี นวทางการ แกไ้ ขปญั หาคอื รณรงคใ์ หอ้ อกกำ� ลงั กายและการเลอื กรบั ประทานอาหารทมี่ ปี ระโยชน์ ๓) โรคอว้ น คดิ เป็นร้อยละ ๑๔ โดยมีแนวทางการแกไ้ ขปัญหา คอื รณรงคใ์ ห้ออก กำ� ลงั กายและการเลอื กรบั ประทานอาหารทมี่ ปี ระโยชนโ์ ดยมแี หลง่ ขอ้ มลู จาก อนามยั โรงเรยี น ส่อื /นวัตกรรมเด่นของโรงเรยี นศูนยต์ น้ แบบการจัดการเรยี นรู้ พัฒนาการอา่ นออกเขยี นได้สง่ เสริมการด้านสุขภาวะ ด้านสื่อเด่น มดี ังนี้ ๑) หนังสือพับหนงั สือยืด โดยมีลักษณะทเี่ ปน็ หนงั สอื พบั หนงั สอื ยดื มรี ปู แบบและลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั ตามความตอ้ งการของผทู้ ำ� ซงึ่ จะมสี สี นั สวยงามและสลับซับซ้อน เร้าความสนใจของเด็กเพ่ือจะอ่านติดตามตอนต่อไปหรือ ขอ้ ความถดั ไปจะเป็นอยา่ งไร ทำ� ให้เกดิ ความส�ำเร็จคือ (๑)พฒั นาดา้ นการอา่ นคลอ่ ง เขียนคล่อง (๒) พฒั นาการแต่งเรอื่ งราวจากภาพ/สถานการณ์ ๒) ชดุ สอ่ื สง่ เสริม ความรอบรู้ด้านสุขภาวะ ๑๐ ด้าน โดยมีลักษณะเป็นหนังสือพับหนังสือยืดเรื่อง เกยี่ วกบั ความรอบรู้ดา้ นสุขภาวะด้าน รา่ งกาย จิตใจ อาหารปลอดภยั กำ� จดั ขยะ บริโภคสินค้า ยาฆ่าแมลง สารเสพติด เพศศึกษา ความปลอดภัย/ชีวิตประจ�ำวัน ปลอดภัยส่ิงแวดล้อม ท�ำให้เกิดความส�ำเร็จคือเป็นการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุข ภาวะแกน่ ักเรยี น/ผปู้ กครอง/ชมุ ชน รปู แบบการใชส้ อื่ มดี งั นี้ ๑) ในโรงเรยี น ซงึ่ มลี กั ษณะการใชส้ อ่ื (๑) ใชป้ ระกอบ การเรยี นในรายวชิ า (๒) ใชอ้ า่ นเพม่ิ เตมิ ในบรเิ วณโรงเรยี นมมุ ความรู้ หอ้ งสมดุ สวน/ ตะกร้าหนงั สือ หอ้ งสอื่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เร็จดงั นี้ (๑) นกั เรียนมีนสิ ัยรกั การอ่าน มากขน้ึ (๒) ผลสมั ฤทธ์ดิ ้านทักษะการอ่านการเขียนจากการประเมินของ สพฐ. สูง ข้ึน ๒) ในครอบครวั ซึง่ มีลกั ษณะการใช้สอ่ื (๑) นักเรยี นยมื ไปอ่านเพม่ิ เตมิ ท่ีบ้าน (๒) ผปู้ กครองรว่ มเรยี นร/ู้ ความรกู้ ารฝกึ อา่ นเขยี นของนกั เรยี นทบี่ า้ น ทำ� ใหเ้ กดิ ความ ส�ำเร็จดังนี้ (๑) ผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการบริการด้านส่ือส่งเสริมการศึกษา เรยี นรขู้ องโรงเรยี น (๒) ผปู้ กครองใหค้ วามรว่ มมอื และเอาใจใสต่ อ่ พฤตกิ รรมการเรยี น { 73 }
ของบุตรหลานมากข้ึน ๓) ในชุมชน ซงึ่ มลี ักษณะการใชส้ ่ือ (๑) เผยแพร่ QR Code, E-Book สชู่ มุ ชนโดยตดิ ไวใ้ นทส่ี าธารณะเพอื่ ใหเ้ ขา้ ถงึ สอื่ อยา่ งสะดวก (๒) บรกิ ารสอ่ื ให้ใช้โรงเรยี นผูส้ งู อายุศนู ยก์ ารเรียนรู้ชมุ ชน ทำ� ให้เกิดความสำ� เร็จดงั น้ี (๑) ชมุ ชนมี ความพอใจต่อการเปล่ียนแปลงของการบรกิ ารวชิ าการของทางโรงเรยี น ๒.ชุมชนได้ รบั ความรู้ด้านสุขภาวะจากสือ่ มีให้การบรกิ ารมากข้นึ การผลติ สอ่ื มดี งั น้ี ๑) เปน็ การรว่ มผลติ ระหวา่ ง คณะครู นกั เรยี นและผปู้ กครอง ซง่ึ มลี กั ษณะการใชส้ อ่ื ดงั นี้ (๑) ครผู สู้ อนแตล่ ะรายวชิ า เลอื กเนอื้ หาประเภท รปู แบบ เรือ่ งราวของสอ่ื ทจี่ ะผลติ (๒) นักเรียนรว่ มออกแบบส่ือ เนอ่ื หาหรอื เรอ่ื งราวในส่อื และการวาดภาพระบายสี/ตกแตง่ (๓) ผปู้ กครองรว่ มออกแบบ/เพ่ิมเติมเร่ืองราวใน นทิ าน/เรื่องเล่า ทำ� ใหเ้ กิดความสำ� เร็จดังน้ี (๑) ไดส้ ือ่ นวตั กรรมที่สง่ เสรมิ การอ่าน ออกเขียนได้หลากหลายรู้แบบเร่ืองราว/ประเภทที่เสนอความต้องการและตรงกับ ความสนใจของนกั เรยี น (๒) ในจำ� นวนทมี่ ากเพยี งพอทจ่ี ะใหบ้ รกิ ารตอ่ การใชร้ ปู แบบ ต่างๆ ความสำ� เร็จจากการผลิตส่อื /ใชส้ อื่ นวัตกรรม โดยมจี ดุ เดน่ ดง้ั น้ี นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธดิ์ า้ นทกั ษะการอา่ นและการเขยี นโดยการ ประเมินดว้ ยเครอื่ งมือของ สพฐ. สงู ขน้ึ ซงึ่ มีลกั ษณะการใชส้ ่ือดงั น้ี คะแนนดา้ นการ อา่ น การเขยี นของนกั เรยี นสงู ขนึ้ ทกุ ระดบั ชน้ั ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ ดงั นี้ (๑) นกั เรยี น มีนิสัยรักการอ่านมากข้ึน (๒) ผู้ปกครองให้ความสนใจต่อการพัฒนาการอ่านการ เขียนของบุตรหลานมากขึ้น { 74 }
ภาพที่ ๒.๕ โรงเรียนแม่ยางตาล (กติ ติประชานสุ รณ)์ ต�ำบลแม่ยางตาล อำ� เภอรอ้ งกวาง จังหวดั แพร่
โรงเรยี นแม่ยางตาล (กิตติประชานุสรณ)์ ตำ� บลแม่ยางตาล อำ� เภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ จำ� นวนนักเรยี น ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ของโรงเรียนแมย่ างตาล อำ� เภอ ร้องกวาง จังหวดั แพร่ พบวา่ ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ มนี ักเรียนชาย จำ� นวน ๔ คน มีนกั เรยี นหญิงจ�ำนวน ๙ คน รวมท้งั หมด ๑๓ คน ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ มนี กั เรยี นชาย จำ� นวน ๔ คน มนี ักเรียนหญงิ จำ� นวน ๓ คน รวมทงั้ หมด ๗ คน ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ มนี กั เรยี นชาย จำ� นวน ๓ คน มีนกั เรียนหญงิ จำ� นวน ๔ คน รวมทั้งหมด จ�ำนวน ๗ คน ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ มีนกั เรยี นชาย จ�ำนวน ๕ มีนักเรยี นหญงิ จำ� นวน ๙ คน รวมท้งั หมด จำ� นวน ๑๔ คน ระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕ มีนักเรียนชาย จ�ำนวน ๕ คน มนี ักเรยี นหญิง จำ� นวน ๗ คน รวมทั้งหมด จำ� นวน ๑๑ คน ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ มนี กั เรยี นชายจำ� นวน ๙ คน รวมจำ� นวนนกั เรยี น ท้งั หมด ๖๑ คน สถานการณ์ปัญหาการอา่ นไม่ออกเขยี นไม่ได้ ในปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ ชน้ั ปีที่ ๑ – ๖ (อ่านไมอ่ อก อา่ นไม่คลอ่ ง อ่านคล่อง อ่านจับใจความไมไ่ ด้ ) จากนกั เรยี นจำ� นวน ๖๑ คน พบวา่ นกั เรยี นอา่ นไมค่ ลอ่ ง ๒ คน นกั เรยี น อ่านคล่อง ๕๑ คน นกั เรยี นอ่านจับใจความไม่ได้ จำ� นวน ๒ คน ผลสำ� เรจ็ การอา่ นออกเขียนได้ ระหวา่ งปี ๒๕๖๐ กบั ปี ๒๕๖๑ พบว่า อา่ นไม่ได/้ อา่ น ไม่ออกเขยี นไมไ่ ด้ ในปี ๒๕๖๐ มีจ�ำนวน ๑ คน การอา่ นไม่คล่อง/อ่านเขียน ไดบ้ ้างในปี ๒๕๖๐ มีจำ� นวน ๑๗ คน สว่ นการอ่านคล่อง/อ่านออกเขยี นได้ใน { 76 }
ปี ๒๕๖๐ มจี ำ� นวน ๒๘ คน ในปี ๒๕๖๑ มีจำ� นวน ๕๑ คน สถานการณ์ปัญหา สุขภาพของนักเรียน พบวา่ ๑) นักเรียนทีภ่ าวะโภชนาการเกินเกณฑ์ คิดเปน็ ร้อยละ ๘.๑๙ แนวทางการจดั การแกไ้ ขปญั หา คอื สง่ เสรมิ การออกกำ� ลงั กาย ควบคมุ การรบั ประทานอาหาร และให้ความรูเ้ กยี่ วกับโภชนาการ ๒) ภาวะโภชนาการต่�ำกวา่ เกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕.๐ แนวทางการจดั การแกไ้ ขปญั หา คอื ควบคมุ การรบั ประทานอาหาร คือ ให้ความรเู้ กยี่ วกับโภชนาการ ใหอ้ าหารเสรมิ /นม แหล่งขอ้ มูลได้มาจากบันทกึ ภาวการณเ์ จรญิ เติบโตของนกั เรียน สื่อ/นวัตกรรมเด่นของโรงเรียนศนู ยต์ ้นแบบการจัดการเรยี นรู้ พัฒนาการอา่ นออกเขียนไดส้ ง่ เสริมการด้านสขุ ภาวะ ด้านสื่อเด่น ๑) หนังสืออ่านเพิ่มเติม ชุดต้นกล้านาไค้อ่านออกเขียนได้ใส่ใจ สขุ ภาพ เรอื่ งหนงั สอื เลม่ เลก็ หมปู า่ กลบั บา้ นโดยมลี กั ษณะทเี่ ปน็ เปน็ นทิ านทค่ี รแู ตง่ ขน้ึ ประกอบสวยงามนา่ รกั สสี นั สะดดุ ตาของนกั เรยี น ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งมาตราตวั สะกด คำ� ควบกลำ้� และความรเู้ ร่อื งการใช้ภาชนะจากวัสดธุ รรมชาติ ท�ำให้เกิดความส�ำเรจ็ คอื (๑) พฒั นาดา้ นการอา่ นคลอ่ ง เขยี นคลอ่ ง (๒) พฒั นาการแตง่ เรอื่ งราวจากภาพ/ สถานการณ์ ๒) ชดุ ส่ือสง่ เสรมิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะ ๑๐ ดา้ น โดยมีลกั ษณะเปน็ หนงั สอื อ่านเกีย่ วกบั ความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาวะด้าน ร่างกาย จิตใจ อาหารปลอดภัย ก�ำจดั ขยะ บริโภคสินค้า ยาฆ่าแมลง สารเสพติด เพศศึกษา ความปลอดภยั /ชวี ติ ประจำ� วนั ปลอดภยั สง่ิ แวดลอ้ ม ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ คอื เปน็ การสง่ เสรมิ ความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาวะแก่นกั เรียน/ผู้ปกครอง/ชุมชน รปู แบบการใชส้ อื่ ๑) ในโรงเรยี น ซงึ่ มลี กั ษณะการใชส้ อื่ ๑.ใชป้ ระกอบการเรยี น ในรายวิชา ๒. ใชอ้ ่านเพ่มิ เตมิ ในบริเวณโรงเรยี นมมุ ความรู้ ห้องสมดุ สวน/ตะกร้า หนังสือ หอ้ งส่ือ ท�ำใหเ้ กดิ ความส�ำเร็จดงั น้ี (๑) นักเรียนมนี ิสยั รกั การอา่ นมากขึน้ (๒) ผลสมั ฤทธ์ดิ ้านทกั ษะการอ่านการเขียนจากการประเมนิ ของ สพฐ. สงู ข้นึ ๒) ใน ครอบครวั ซง่ึ มลี กั ษณะการใชส้ อื่ (๑) นกั เรยี นยมื ไปอา่ นเพม่ิ เตมิ ทบี่ า้ น (๒) ผปู้ กครอง ร่วมเรียนรู้/ความรู้การฝึกอ่านเขียนของนักเรียนท่ีบ้าน ท�ำให้เกิดความส�ำเร็จดังนี้ ๑. ผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการบริการด้านสื่อส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ของ โรงเรียน ๒. ผู้ปกครองใหค้ วามร่วมมือและเอาใจใส่ตอ่ พฤติกรรมการเรียนของบุตร { 77 }
หลานมากขนึ้ ๓) ในชมุ ชน ซง่ึ มลี กั ษณะการใชส้ อ่ื (๑) เผยแพร่ QR Code, E-Book สู่ชุมชนโดยติดไว้ในท่ีสาธารณะเพื่อให้เข้าถึงส่ืออย่างสะดวก (๒) บริการส่ือให้ใช้ โรงเรยี นผสู้ งู อายศุ นู ยก์ ารเรยี นรชู้ มุ ชน ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ ดงั นี้ (๑) ชมุ ชนมคี วาม พอใจต่อการเปลยี่ นแปลงของการบรกิ ารวชิ าการของทางโรงเรยี น (๒) ชุมชนไดร้ บั ความรูด้ ้านสขุ ภาวะจากสอ่ื มีใหก้ ารบริการมากขึน้ การผลิตสอื่ ๑) เปน็ การร่วมผลติ ระหวา่ ง คณะครู นกั เรยี นและผูป้ กครอง ซึง่ มลี ักษณะการใชส้ ่อื ดงั น้ี (๑) ครูผูส้ อนแตล่ ะรายวชิ า เลอื กเนอื้ หาประเภท รปู แบบ เรือ่ งราว ของสอื่ ท่ีจะผลิต (๒) นกั เรยี นร่วมออกแบบสอ่ื เน้อื หาหรอื เรือ่ งราวในสือ่ และการวาดภาพระบายสี/ตกแต่ง ๓) ผู้ปกครองร่วมออกแบบ/เพิ่มเติมเร่ืองราวใน นทิ าน/เรอื่ งเลา่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ ดงั นี้ (๑) ไดส้ ่ือนวัตกรรมท่ีส่งเสรมิ การอา่ น ออกเขียนได้หลากหลายรู้แบบเร่ืองราว/ประเภทที่เสนอความต้องการและตรงกับ ความสนใจของนกั เรยี น (๒) ในจำ� นวนทม่ี ากเพยี งพอทจี่ ะใหบ้ รกิ ารตอ่ การใชร้ ปู แบบ ต่างๆ ความสำ� เร็จจากการผลิตสอ่ื /ใช้ส่ือนวตั กรรม โดยมจี ดุ เดน่ ดงั้ นี้ นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธดิ์ า้ นทกั ษะการอา่ นและการเขยี นโดยการ ประเมนิ ด้วยเครื่องมือของ สพฐ. สงู ขึน้ ซ่ึงมีลักษณะการใช้ส่อื ดังน้ี คะแนนดา้ นการ อา่ น การเขยี นของนกั เรยี นสงู ขนึ้ ทกุ ระดบั ชนั้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความสำ� เรจ็ ดงั นี้ (๑) นกั เรยี น มีนิสัยรักการอ่านมากขึ้น (๒) ผู้ปกครองให้ความสนใจต่อการพัฒนาการอ่าน การเขียนของบตุ รหลานมากขน้ึ { 78 }
สอื่ /นวตั กรรมเดน่ ของโรงเรยี นศนู ยต์ น้ แบบการจดั การเรยี นรพู้ ฒั นาการอา่ นออก เขยี นไดส้ ่งเสรมิ การด้านสุขภาวะ ล�ำดับ ประเดน็ จดุ เดน่ ลักษณะ ความส�ำเรจ็ ๑. สื่อเดน่ ๑. ชุดนิทาน ๑.๑ เปน็ นทิ านทีค่ รแู ต่งข้ึน ๑. พัฒนาดา้ นการอา่ น เร่ืองหมปู ่า ประกอบสวยงามน่า คลอ่ ง เขยี นคล่อง กลบั บ้าน รัก สีสนั สะดดุ ตาของ ๒. พัฒนาการแต่งเรื่อง นกั เรียน ใหค้ วามรู้ ราวจากภาพ/ เร่อื งมาตราตวั สะกด สถานการณ์ ค�ำควบกล�้ำ และความ รเู้ ร่อื งการใช้ภาชนะ จากวัสดธุ รรมชาติ ๒. ชดุ สื่อส่ง ๒.๑ เป็นหนังสืออา่ น เกยี่ ว ๑. ส่งเสริมความรอบรู้ เสรมิ ความ กบั ความรอบรูด้ า้ นสขุ ด้านสขุ ภาวะแก่ รอบรดู้ ้าน ภาวะดา้ น ร่างกาย นกั เรยี น/ผปู้ กครอง/ สุขภาวะ จิตใจ อาหารปลอดภยั ชุมชน ๑๐ ดา้ น ก�ำจดั ขยะ บรโิ ภค สนิ คา้ ยาฆ่าแมลง สารเสพตดิ เพศศกึ ษา ความปลอดภัย/ชวี ิต ประจำ� วนั ปลอดภัย สงิ่ แวดลอ้ ม ๒. รปู แบบ ๑. ในโรงเรียน ๑. ใชป้ ระกอบการเรยี นใน ๑. นกั เรียนมนี ิสยั รักการ การใชส้ ือ่ รายวชิ า อา่ นมากขน้ึ ๒. ใช้อา่ นเพ่ิมเติมในบริเวณ ๒. ผลสัมฤทธิ์ดา้ นทักษะ โรงเรยี น การอา่ นการเขยี นจาก - มมุ ความรู้ การประเมินของ - หอ้ งสมดุ สพฐ. สูงขึน้ - สวน/ตะกร้าหนังสอื - หอ้ งสอื่ ๒. ในครอบครวั ๑. นกั เรยี นยืมไปอา่ นเพ่มิ ๑. ผู้ปกครองมคี วามพึง เตมิ ที่บา้ น พอใจตอ่ การบรกิ าร ๒. ผู้ปกครองรว่ มเรยี นรู้/ ดา้ นสื่อสง่ เสรมิ การ ความร้กู ารฝึกอ่านเขียน ศึกษาเรียนรูข้ อง ของนกั เรยี นท่ีบา้ น โรงเรียน ๒. ผู้ปกครองใหค้ วาม รว่ มมือและเอาใจใส่ ตอ่ พฤติกรรมการ เรยี นของบตุ รหลาน มากข้ึน { 79 }
ลำ� ดบั ประเด็น จุดเด่น ลกั ษณะ ความส�ำเรจ็ ๓. ในชมุ ชน ๑. เผยแพร่ QR Code, ๑. ชมุ ชนมีความพอใจตอ่ E-Book สชู่ ุมชนโดยตดิ การเปลีย่ นแปลงของ ไว้ในทสี่ าธารณะเพ่ือให้ การบรกิ ารวชิ าการ เข้าถงึ สือ่ อยา่ งสะดวก ของทางโรงเรยี น ๒. บริการสอื่ ใหใ้ ชโ้ รงเรยี น ๒. ชุมชนได้รับความรู้ ผูส้ ูงอายุศนู ย์การเรยี นรู้ ดา้ นสุขภาวะจากสอื่ มี ชมุ ชน ใหก้ ารบริการมากข้ึน ๓. การผลิต ๑. เป็นการ ๑. ครผู ู้สอนแตล่ ะรายวชิ า ๑. ได้ส่ือนวัตกรรมท่ี สอ่ื ร่วมผลติ เลอื กเนื้อหาประเภท, สง่ เสริมการอ่านออก ระหวา่ ง รูปแบบเรื่องราวของสอ่ื เขียนไดห้ ลากหลายรู้ คณะครู ท่จี ะผลิต แบบเรือ่ งราว/ นกั เรยี นและ ๒. นกั เรียนรว่ มออกแบบ ประเภทท่ีเสนอความ ผูป้ กครอง ส่อื เน่อื หาหรือเร่ืองราว ต้องการและตรงกับ ในส่อื และการวาดภาพ ความสนใจของ ระบายส/ี ตกแต่ง นกั เรียน ๓. ผู้ปกครองร่วม ๒. ในจ�ำนวนทม่ี ากเพยี ง ออกแบบ/เพิ่มเติมเรอื่ ง พอที่จะให้บรกิ ารตอ่ ราวในนิทาน/เร่อื งเล่า การใชร้ ปู แบบตา่ งๆ ๔. ความ นกั เรียนมีผล คะแนนด้านการอ่าน การ ๑. นกั เรียนมีนิสัยรกั การ สำ� เร็จ สมั ฤทธ์ิดา้ น เขียนของนกั เรยี นสูงขึน้ ทุก อ่านมากขึ้น จากการ ทกั ษะการอ่าน ระดบั ช้นั ๒. ผู้ปกครองใหค้ วาม ผลติ สอื่ / และการเขยี น สนใจต่อการ ใช้สอ่ื โดยการ พัฒนาการอา่ นการ นวตั กรรม ประเมนิ ด้วย เขยี นของบตุ รหลาน เครอ่ื งมือของ มากขน้ึ สพฐ. สูงข้นึ { 80 }
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม อ�ำ เภอเมอื ง จังหวัดอุตรดติ ถ์ โรงเรยี นวดั หวั ดงใต้ ตำ� บลหวั ดง อ�ำเภอเกา้ เล้ยี ว จังหวดั นครสวรรค์ โรงเรยี นกัลยาณวิ ฒั นา ๑ ต�ำบลนาบัว อ�ำเภอนครไทย จงั หวัดพิษณโุ ลก โรงเรียนบ้านนำ�้ ดกุ เหนือ ตำ� บลปากชอ่ ง อ�ำเภอหลม่ สกั จงั หวัดเพชรบรู ณ์ โรงเรียนบ้านจนั ทิมา ต�ำบลจนั ทมิ า อ�ำเภอลานกระบอื จงั หวดั กำ� แพงเพชร { 81 }
ภาพท่ี ๓ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพบิ ลู สงคราม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั พิษณโุ ลก
การด�ำเนนิ งานพัฒนา ทักษะการอา่ นออกเขียนได้ เพ่ือเสรมิ สรา้ งความรอบร้ดู ้านสุขภาวะ มหาวิทยาลัยราชภัฏพบิ ูลสงคราม อำ� เภอเมอื ง จังหวัดพษิ ณโุ ลก ความเป็นมาของโครงการ จากปญั หาทเี่ กดิ จากจดุ ออ่ นของเยาวชนเกย่ี วกบั การอา่ นไมอ่ อกเขยี น ไมไ่ ด้ การสอบผา่ นตำ�่ กวา่ มาตรฐาน การขาดความรอบรใู้ นการดำ� รงชวี ติ น�ำมาเช่ือมโยงกับศักยภาพของมหาวิทยาลัยในองค์รวมและคณะ ครุศาสตร์ สามารถสรุปได้ว่า การมีความรอบรู้ในด้านสุขภาวะของ เยาวชนมีความส�ำคัญอย่างมาก เยาวชนทั้งหลายควรจะมีความรอบรู้ใน ด้านตา่ งๆ ทงั้ ทางสติปัญญา อารมณ์ สงั คม และสขุ ภาพทดี่ ี ซึง่ การได้ มาซึ่งความรอบรู้นั้นปัจจยั ทสี่ ำ� คัญคอื การเสรมิ สร้างการรบั รูด้ ้วยตัวของ เยาวชนเอง ดังนน้ั ปญั หาดา้ นการอา่ นและการเขยี นของผูเ้ รยี น ได้แก่ อ่านไม่ ออก เขียนไม่ได้ อ่านไม่คล่อง เขียนไม่ได้ และอ่านออกแต่เขียนไม่ได้ ปัญหาที่กล่าวมานี้ เป็นหน้าท่ีของผู้ที่มีบทบาทต่อความรอบรู้ในสภาวะ ต่างๆ ได้ก็คือผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องท่ีใกล้ชิดท่ีสุดกับเยาวชน ประกอบด้วย ครู ผปู้ กครองและชมุ ชน ดงั นนั้ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงครามในฐานะ การเป็นสถาบันอุดมศึกษา ภายใต้การด�ำเนินงานของคณะครุศาสตร์ จงึ ตอ้ งเขา้ ไปมบี ทบาทในการสรา้ งและสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ศกั ยภาพของครู ผู้ปกครองและชุมชนตามเจตนารมย์ของวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย คือ การเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะคณะครุศาสตร์ มี { 83 }
ส่วนเกีย่ วขอ้ งในการสรา้ งและส่งเสริมสนบั สนนุ ศกั ยภาพของครู ผปู้ กครองและชมุ ชนเปน็ อยา่ งยง่ิ เนอื่ งจากเปน็ องคก์ รทมี่ หี นา้ ทผี่ ลติ สง่ เสรมิ และพฒั นาครู รวมถงึ ผปู้ กครอง ชมุ ชน และทอ้ งถ่ินอกี ดว้ ย คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพบิ ลู สงคราม ได้เล็งเหน็ ความสำ� คัญจำ� เป็นการ จดั การศกึ ษาในการแกป้ ญั หาเพอ่ื ยกระดบั ในการการพฒั นาทกั ษะการอา่ นออกเขยี นไดเ้ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความรอบรทู้ างสขุ ภาวะใหแ้ กน่ กั เรยี นโดยผา่ นการพฒั นาศกั ยภาพครู ผปู้ กครอง ชมุ ชนในทอ้ งถนิ่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดม้ โี อกาสพฒั นาตนเองใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพมเี ครอ่ื งมอื ใน การแสวงหาความรู้ตอ่ ไป ทางมหาวิทยาลยั ราชภฏั พบิ ลู สงคราม จึงได้ท�ำความรว่ มมือกบั ภาคีเครือข่ายได้แก่ ส�ำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ๖ แห่ง ประกอบด้วย ส�ำนักงาน ศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ ก�ำแพงเพชร นครสวรรค์ และพิจิตร สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา ๖ แหง่ ประกอบดว้ ย สำ� นกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมประถมศกึ ษา พษิ ณุโลก เขต ๓ สุโขทยั เขต ๒ เพชรบูรณ์ เขต ๒ ก�ำแพงเพชร เขต ๑ นครสวรรค์ เขต ๑ พจิ ิตร เขต ๒ องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบล ๖ แห่ง ประกอบดว้ ย องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลนาบัว อำ� เภอนครไทย จังหวัดพษิ ณโุ ลก ต�ำบล บ้านใหม่ไชยมงคล อ�ำเภอลานกระบือ จงั หวดั ก�ำแพงเพชร ตำ� บลปากชอ่ ง อำ� เภอหลม่ สัก จงั หวดั เพชรบรู ณ์ ตำ� บลจนั ทมิ า อำ� เภอลานกระบอื จงั หวดั กำ� แพงเพชร ตำ� บลหวั ดง อำ� เภอ เก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ต�ำบลวังหลุม อ�ำเภอพรานกระต่าย จังหวัดพิจิตร และ โรงเรยี นในเครอื ขา่ ยจำ� นวน ๒๒ แหง่ ซงึ่ เปน็ สถานศกึ ษากลมุ่ เปา้ หมายเพอื่ ดำ� เนนิ โครงการ ในระดับประถมศึกษาปที ่ี ๑–๖ โดยจะได้นำ� เสนอผลการสังเคราะห์ภาพรวมของพื้นท่ีทีใ่ ช้ ดำ� เนินโครงการตามประเดน็ ดงั รายละเอยี ดดงั นี้ พื้นที่ปฏิบัติการ มีจ�ำนวนโรงเรียนท่ีใช้เป็นกลุ่มเป้าหมาย ๒๒ โรงเรียน ดังน้ี ๑) สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมประถมศกึ ษา พิษณุโลก เขต ๓ มี ๖ โรงเรียน จากตำ� บลนาบวั อ�ำเภอนครไทย จงั หวดั พิษณโุ ลก ไดแ้ ก่ โรงเรยี นประชาสงเคราะห์วทิ ยา โรงเรยี นบา้ นนำ�้ ลอม โรงเรยี นบา้ นนาคลา้ ย โรงเรยี นบา้ นนาไกเ่ ขยี่ โรงเรยี นภขู ดั รวมไทย พัฒนา โรงเรียนโรงเรียนกัลยาณวิ ฒั นา ๑ ๒) ส�ำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา สโุ ขทยั เขต ๒ มี ๕ โรงเรยี น จากตำ� บลบา้ นใหมไ่ ชยมงคล อำ� เภอทงุ่ เสลยี่ มจงั หวดั สโุ ขทยั ไดแ้ ก่ โรงเรยี นบา้ นกมลราฏร์ โรงเรยี นบา้ นทา่ วเิ ศษ โรงเรยี นบา้ นสามหลงั โรงเรยี นบา้ น หนองรังสิต โรงเรียนบ้านลานตาเมือง ๓) ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา { 84 }
เพชรบูรณ์ เขต ๒ มี ๑ โรงเรยี น จากตำ� บลปากชอ่ ง อ�ำเภอหล่มสกั จงั หวดั เพชรบรู ณ์ ไดแ้ ก่ โรงเรยี นบา้ นนำ้� ดกุ เหนอื ๔) สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา กำ� แพงเพชร เขต ๑ มี ๒ โรงเรยี น จากตำ� บลจันทมิ า อ�ำเภอลานกระบือ จังหวดั ก�ำแพงเพชร ได้แก่ โรงเรยี นบา้ นจนั ทมิ า โรงเรยี นบา้ นหนองจกิ ๕) สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา นครสวรรค์ เขต ๑ มี ๔ โรงเรยี น จากตำ� บลหัวดง อำ� เภอเก้าเลยี้ ว จงั หวัดนครสวรรค์ ได้แก่ โรงเรยี นวดั หวั ดงเหนือ โรงเรียนวัดหัวดงใต้ โรงเรียนวัดหาดเสลา โรงเรียนบา้ น พะยอม ๖) ส�ำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษา พจิ ิตร เขต ๒ มี ๔ โรงเรยี น จาก ตำ� บลวังหลุม อ�ำเภอพรานกระต่าย จังหวดั พจิ ติ ร ได้แก่ โรงเรียนวัดสัตวนาราม โรงเรียน ชุมชนวังหลมุ วิทยาคาร โรงเรียนวดั เขารว่ ง โรงเรียนบ้านเนินทราย จ�ำนวนประชากร นกั เรียนกลุ่มเปา้ หมายอยูใ่ นระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ มีจำ� นวน ทั้งหมด ๑,๙๑๓ คน แบ่งเป็นนกั เรยี นชาย จำ� นวน ๑๙๙ คน นกั เรยี นหญงิ จำ� นวน ๙๑๔ คน มีครู จ�ำนวน ๒๑๘ คน แบ่งเป็นครผู ้ชู าย จ�ำนวน ๖๐ คน ครผู หู้ ญิง จำ� นวน ๑๕๘ คน มสี ดั สว่ นต่อจำ� นวนนักเรยี นคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๑.๓๙ (ข้อมลู ปี พ.ศ.๒๕๖๑) สถานการณ์ทเี่ ปน็ ปญั หาของพ้ืนท่ีปฏบิ ตั กิ าร จากการวเิ คราะหส์ ถานการณป์ ญั หาการอา่ น–เขยี น ของนกั เรยี นระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษา ปที ี่ ๑–๖ ของพน้ื ทปี่ ฏบิ ตั กิ าร จำ� นวน ๒๒ โรงเรยี น พบวา่ การอา่ นยงั ไมป่ ระสบผลสำ� เรจ็ เท่าที่ควร จากการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของทุกโรงเรียนโดยการสอบถามครู เก่ียวกับ ปจั จยั ทเี่ ปน็ ปญั หาทกั ษะการอา่ นออกเขยี นไดท้ สี่ ำ� คญั ในภาพรวม สรปุ ไดว้ า่ ปญั หาทสี่ ง่ ผล กระทบโดยตรงซึง่ ประเดน็ หลักจะมี ๓ ประเดน็ ดังนี้ ๑) ปญั หาเก่ยี วกบั ตวั ครู ครูไม่เขา้ ใจ วิธีสอนอ่านอย่างแท้จริง ๒) ปัญหาเกี่ยวกับตัวนักเรียน ซึ่งมาจากสังคมท่ีมีลักษณะ แตกตา่ งกนั และมรี ะดบั ความสามารถในการอา่ นแตกตา่ งกนั ๓) ปญั หาเกย่ี วกบั ทางโรงเรยี น เชน่ ขาดวสั ดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการพฒั นาการอา่ นไมเ่ พยี งพอ ซง่ึ ในรายละเอยี ดของประเดน็ ปญั หาดงั กลา่ วขา้ งตน้ นนั้ ยงั มอี กี หลายสาเหตุ อาทเิ ชน่ นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น วชิ าภาษาไทย ไมบ่ รรลเุ ปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้ โดยเฉพาะการเขยี นภาษาไทย สาเหตคุ อื ขาดการ จัดหาส่ือการเรียนการสอนและผลิตสื่อการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกับเนื้อหา ขาดส่ือ การเรียนการสอนทีเ่ ร้าใจนกั เรียนให้ค้นพบส่ิงใหม่ๆ ประกอบกับเวลาท่ใี ชใ้ นการเรียนน้อย เกินไป จึงท�ำให้ ครูบางสว่ นไมน่ ิยมใช้สื่อการเรยี นการสอน ครูบางสว่ นยังใชว้ ธิ สี อนทเี่ น้น { 85 }
การบรรยายมากกวา่ วธิ ใี หน้ กั เรยี น คดิ เอง ทำ� เอง แกป้ ญั หาเอง และครบู างสว่ นขาดความ เอาใจใสใ่ นการนำ� เทคนคิ วธิ กี ารสอน มากระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นเกดิ แนวคดิ ทจี่ ะเขยี น เดก็ ยากจน ตอ้ งขาดเรยี นบอ่ ยๆ จนเวลาเรยี นไมค่ รบ ขาดแคลนครู ครไู มส่ อนแบบแจกลกู สะกดคำ� ไมม่ ี การสอน ให้ผนั เสียง นกั เรยี นจงึ อ่านไม่ได้ เพราะนโยบายไมม่ กี ารซ้ำ� ชน้ั ปลอ่ ยใหเ้ ด็กที่ อา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ดเ้ ลอื่ นชน้ั ขนึ้ มา หนงั สอื เรยี นยคุ นไ้ี มด่ พี อ ขาดประสทิ ธภิ าพในขน้ั ตอน ๓ จากง่ายไปหายากและขาดระบบในการน�ำฝึกท่ีดี ผู้บริหารวางตัวครูผู้สอนช้ันประถม ศึกษาปีที่ ๑ ทม่ี ี คุณสมบตั ิไม่เหมาะสม ไม่เขา้ ใจวถิ ีภาษาไทย เหล่าน้ีเป็นต้น นอกจากนี้ สมรรถภาพท่เี ปน็ ปญั หาของทักษะ การอา่ นการเขียน คือ การออกเสียง พยญั ชนะ สระ คำ� ควบกลำ�้ ไมช่ ดั เจน การแจกลกู สะกดคำ� การใช้ หลกั ภาษาไมถ่ กู ตอ้ ง ซง่ึ การแจกลกู สะกด ค�ำจ�ำเป็นมากสำ� หรับผเู้ ร่มิ เรยี น หากครไู มไ่ ด้สอนแจกลกู สะกดค�ำ แก่นกั เรยี นในระยะเร่มิ เรียน การอา่ นของนกั เรยี นจะขาดหลกั เกณฑใ์ นการประสมคำ� เม่อื อ่านหนงั สือ มากข้ึน ท�ำให้สับสน อ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือผิด ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มีมาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทั้งนี้ ครเู ป็นปจั จัยสำ� คญั ในระดับโรงเรียนท่ีสง่ ผลต่อการเรียนรู้ของนักเรยี นมากที่สดุ ปัจจัยสำ� คญั ที่มผี ลต่อการอ่านคือ ปัจจยั ที่เก่ียวข้องกบั ตัวครู ครไู ม่เขา้ ใจวิธกี ารสอนอย่าง แทจ้ ริง ครภู าษาไทยมคี วามรใู้ นเรื่องทีเ่ ก่ียวกบั การสอนอา่ นไม่เพียงพอ เช่น จติ วทิ ยาการ อ่าน การวิเคราะหร์ ะดับความสามารถในการอ่าน มอี งคค์ วามรเู้ ก่ยี วกบั ภาษาไทยไม่ดีพอ พดู และอา่ นคำ� ไมช่ ดั ครสู อนผดิ วถิ กี ารเรยี นรขู้ องวชิ าภาษาไทยหรอื ผดิ ขน้ั ตอนกระบวนการ ท�ำให้การเรียนการสอนไม่สัมฤทธิ์ผล ไม่เกิดทักษะการอ่านการเขียนท่ีพึงประสงค์ ครูให้ เวลากบั การฝกึ ทกั ษะการอ่านและการเขียนไมเ่ พียงพอ ซง่ึ เหตสุ �ำคัญหนึง่ คอื ครบู างส่วน มีวุฒิการศกึ ษาไมต่ รงกบั วชิ าที่สอน มีประสบการณ์น้อย ขาดความรู้ ทำ� ใหค้ รูขาดความ มั่นใจในการจัดการเรียนการสอนท�ำให้การสอนภาษาไทยเพ่ือส่งเสริมผู้เรียนด้านอ่านออก เขยี นได้ภาษาไทยไม่ประสบความสำ� เร็จ สถานการณท์ เ่ี ก่ียวกบั ครู ในสถานการณท์ ีเ่ กี่ยวกบั ครู จะเปน็ ปัญหาทไ่ี ม่แตกต่างกนั โดยท่วั ไปของทัง้ ๒๒ โรงเรียน และอาจเกีย่ วโยงกันทง้ั ประเทศกว็ า่ ได้ ซ่งึ สถานการณ์ที่ เกยี่ วกบั ครู ประกอบดว้ ย การขาดครเู อกภาษาไทย ครสู อนภาไทยไม่ได้จบเอกภาษาไทย จงึ ทำ� ใหก้ ารจดั กระบวนการเรยี นการสอน ซง่ึ สง่ ผลตอ่ การอา่ นออกเขยี นได้ พบวา่ นกั เรยี น อา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ดเ้ กดิ จากจำ� พยญั ชนะสระไมถ่ กู ตอ้ ง อา่ นสะกดคำ� ไมไ่ ด้ ขาดการเอาใจใส่ { 86 }
จากครูอย่างจริงจัง และนกั เรยี นอ่านจับใจความ และเขียนสรปุ ความไม่ได้ เกดิ จากขาด ทกั ษะในการอา่ นจบั ใจความ ขาดการฝกึ ฝนไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของการอา่ น ครขู าดเทคนคิ ในการฝกึ และความรอบรดู้ า้ นภาษาไทย เนอื่ งจากการขาดครเู อกภาษาไทย ครขู าดทกั ษะ เทคนคิ ในการสอนอา่ นออกเขยี นได้ ครเู อาใจใสน่ กั เรยี นทบ่ี กพรอ่ งจากการเรยี นรนู้ อ้ ยและ ครูขาดการตดิ ตามนกั เรียนท่ีขาดเรียนบ่อยอย่างต่อเนอ่ื ง ดงั น้นั การที่ครูผู้สอนกลุ่มสาระ การเรยี นรภู้ าษาไทยไมไ่ ดจ้ บเอกภาษาไทยทำ� ใหข้ าดทกั ษะและเทคนคิ ดา้ นการอา่ น การเขยี น ส่งผลให้นักเรียนอ่านจับใจความ เขียนย่อความ เรียงความยังไม่เป็นที่พอใจของคณะครู ท้ังน้ี ครูยังมีครูที่ขาดศักยภาพในการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ส่ือเทคโนโลยีในการสอนผ่าน โครงการ edltv และขาดความเชย่ี วชาญโดยเฉพาะจึงตอ้ งอาศัยประสบการณ์ในการสอน แทน ท้งั น้ี ด้านผูเ้ รียน ผู้เรยี นไมส่ นใจและขาดความพรอ้ มในการเรยี น ผู้เรยี นมสี มาธสิ ั้น ขาดทกั ษะ ขาดการฝึกฝน พืน้ ฐานในการอา่ นการเขยี นไมด่ ี มปี ัญหาทางครอบครัว ขาด ความรู้ ความเขา้ ใจ ในด้านการอา่ นการเขียน จากการวเิ คราะหส์ ถานการณท์ เ่ี ปน็ ปญั หาในประเดน็ การอา่ นออกเขยี นไดใ้ นพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั ิ การ สามารถสรปุ ผลการวเิ คราะห์ ได้ ๒ ประเด็นหลกั ได้แก่ ๑) ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออก เขยี นไม่ได้ เกิดจาก (๑) นกั เรียนจำ� พยัญชนะ สระ ไม่ได้ (๒) นักเรยี นไม่สามารถอ่านแบบสะกดคำ� ได้ (๓) ขาดสื่อการสอนท่ีดงึ ดูดความสนใจ ของนักเรียน (๔) ขาดการเอาใจใส่จากผู้ปกครองอย่างจริงจัง (๕) ครูมีภาระงานอ่ืนๆ นอกจากงานสอน (๖) นักเรียนบางคนเป็นกล่มุ ชาติพันธ์ุ เมอ่ื กลับบา้ นจะใชภ้ าษาถ่ินของ ตนเอง ๒) ปญั หาการอา่ นไมค่ ลอ่ งปญั หานกั เรยี นอา่ นจบั ใจความและเขยี นสรปุ ความไมไ่ ด้ เกดิ จาก (๑) นักเรยี นขาดทักษะในการอ่านจบั ใจความ (๒) นกั เรยี นขี้เกียจอ่านเม่ือเห็น ขอ้ ความยาวๆ (๓) นกั เรียนขาดการฝึกฝนในอา่ นจับใจความและเขยี นสรปุ ความ (๔) ครู ไม่มีความเขา้ ใจในวธิ ีการฝกึ และความรอบรใู้ นทกั ษะภาษา (๕) ครูผสู้ อนขาดเทคนิคการ สอนอ่านจับใจความส�ำคัญ (๖) นักเรียนอ่านแล้วไม่เข้าใจจึงส่งผลให้ไม่อยากอ่านและ ไมส่ ามารถบอกได้ จากสภาพปัญหาข้างต้น สามารถสรุปสถานการณ์ที่เป็นปัญหาของพ้ืนที่ปฏิบัติการ ทร่ี ะบุจ�ำนวนของนกั เรยี นท่มี ปี ญั หา โดยเทยี บเป็นอัตรารอ้ ยละ ไดด้ งั น้ี ๑) สถานการณ์ ปญั หาการอ่านและจบั ใจความ (๑) นักเรยี นอ่านไมอ่ อก ๑๔๐ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๗.๓๒ { 87 }
(๒) นักเรียนอ่านไม่คล่อง ๑,๒๑๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๖๓.๒๕ (๓) นักเรียนอา่ นจับใจความ ไม่ได้ ๖๖๐ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓๑.๓๖ ๒) สถานการณป์ ญั หาการเขยี นและการสรุป ความ (๑) นักเรยี นเขยี นไมไ่ ด้ ๑๙๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๔๐ (๒) นักเรยี นเขียนค�ำศัพท์ ได้ ๑,๒๗๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๔๔ (๓) นักเรียนเขียนสรุปความไม่ได้ ๕๓๖ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๘.๐๑ ๓) สถานการณป์ ญั หาสขุ ะภาวะ (๑) นกั เรยี นเปน็ เหา จำ� นวน ๘๖๐ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๔๔.๙๕ (๒) นักเรียนมีภาวะอ้วน/ผอม จำ� นวน ๒๓๐ คน คดิ เป็น ร้อยละ ๑๒.๐๒ (๓) นักเรียนมภี าวะสุขภาพฟนั จ�ำนวน ๖๗๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๐๒ และ (๔) นักเรยี นมีภาวะไข/้ เจบ็ ปว่ ย จ�ำนวน ๑๕๓ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๗.๙๙ ในส่วนปัญหาของภาวะทางด้านสุขภาพ ครูในโรงเรียนได้เสนอแนวทางในการแก้ไข ปญั หาในภาพรวมดังน้ี ๑) ปัญหาเรื่องการเป็นเหาของนกั เรียนหญิงน้นั จะมีการดำ� เนนิ การตรวจคดั กรองทกุ วนั เปดิ เทอมเพอ่ื คดั กรองในกลมุ่ ทเ่ี ปน็ แลว้ กลมุ่ ทเ่ี พงิ่ เปน็ และกลมุ่ ท่ี เส่ยี งที่จะเปน็ ในอนาคต เพอ่ื ด�ำเนนิ การรักษาและปอ้ งกนั และใหก้ ารดูแลเบอื้ งต้นดว้ ยการ ทำ� สมนุ ไพรกำ� จดั เหาจากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ รวมถงึ การประสานงานผปู้ กครองและ รพ.สต. ชว่ ยกนั ดูแลรว่ มกัน ๒) ปญั หานกั เรียนมภี าวะอว้ น/ผอม น้นั เกดิ จากการบริโภคอาหาร ไม่ถูกหลักการพ้ืนฐาน และขาดการดูแลจากครอบครัว ส่งผลให้นักเรียนบางคนเป็นโรค อ้วน และนกั เรยี นบางคนเป็นโรคผอม เพ่ือด�ำเนนิ การรักษาและปอ้ งกัน และใหก้ ารดแู ล เบ้อื งตน้ ด้วยการใหค้ วามรู้พืน้ ฐานการรบั ประทานอาหารท่ีจำ� เปน็ ตอ่ สขุ ภาพ และประสาน ผปู้ กครองในการดูแล ให้ความรพู้ ื้นฐานในการจำ� กดั ประเภทอาหาร และส่งเสริมการออก ก�ำลังกายตอนเช้าในโรงเรียน ๓) ปัญหานักเรียนมีภาวะไข้/เจ็บป่วย มีการด�ำเนินการ คดั กรองผู้ปว่ ย และใหก้ ารดแู ลเบือ้ งตน้ ประสานความรว่ มมอื กับผปู้ กครอง รพ.สต. และ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลใหห้ าวธิ กี ารปอ้ งกนั โรคตา่ งๆ ทกี่ ำ� ลงั ระบาด และประชาสมั พนั ธ์ ใหน้ กั เรยี นดแู ลตนเอง วธิ กี ารพกั ผอ่ น และกนิ ยาตามแนวปฏบิ ตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ ง ๔) ปญั หานกั เรยี น มภี าวะสขุ ภาพฟนั มกี ารดำ� เนนิ การขน้ั ตน้ คอื การตรวจฟนั นกั เรยี นประจำ� ชว่ งเปดิ ภาคเรยี น ในแตล่ ะปี ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั สาเหตทุ ท่ี ำ� ใหฟ้ นั ผุ ประสานความรว่ มมอื กบั ผปู้ กครอง รพ.สต. ให้นักเรียนดูแลตนเอง โดยการแนะน�ำวิธีดูแลสุขภาพ ร่วมกับการใช้สื่อการอ่านส่งเสริม สุขภาวะ จากปัญหาเรื่องการอ่านออกเขียนได้ และปัญหาสุขภาพวะ ท่ีพบในพื้นที่ปฏิบัติการ ทางคณะผวู้ ิจัยได้ร่วมกันถอดบทเรียน เพ่ือหาแนวทางการแก้ปัญหา โดยเน้นกระบวนการ สร้างสื่อ นวตั กรรม และแหล่งเรยี นร้เู พ่ือส่งเสรมิ สุขภาวะมาใชใ้ นการแก้ปญั หา { 88 }
ทุนทางสงั คมในการจัดการปัญหา และการมีส่วนสนับสนุน ในการดำ� เนินกจิ กรรมในพืน้ ที่ปฏบิ ตั กิ าร ๑) โรงเรียน มีผู้อำ� นวยการโรงเรยี น และครู เป็นผูด้ ำ� เนนิ กจิ กรรมหลัก มีบทบาท ส�ำคัญ คือ (๑) บทบาทของผู้อ�ำนวยการมีหน้าท่ีให้นโยบาย บริหารโครงการ และ มอบหมายหนา้ ที่งานใหค้ ณะครใู นโรงเรียน ควบคุม ดูแล นเิ ทศตดิ ตามการพัฒนาทักษะ การสอนของครใู นดา้ นการอา่ นออกเขยี นไดข้ องนกั เรยี นการผลติ สอื่ และเขยี นแผนการสอน แบบวนิ จิ ฉยั (๒) บทบาทของคณะครู คอื มหี นา้ ทร่ี บั นโยบาย และรบั มอบงานทผ่ี อู้ ำ� นวยการ มอบหมาย โดยหนา้ ทีส่ �ำคัญคือ ร่วมมือกันวางแผนการด�ำเนนิ งานของโครงการ รว่ มกนั ออกแบบกระบวนการและร่วมกันพิจารณาผลิตส่ือในแต่ละระดับช้ันเพื่อแก้ปัญหาการอ่าน การเขียน และส่งเสริมความรู้เรื่องสุขภาวะ รวมถึงการท�ำหน้าท่ีในการประสานงานกับ มหาวทิ ยาลยั อบต. รพ.สต. และชุมชนในการด�ำเนินงานแต่ละข้ันตอน ๒) ผูป้ กครอง มีสว่ นรว่ มในการดำ� เนินงาน โดยมบี ทบาทส�ำคญั คอื ใหค้ วามรเู้ รือ่ ง สมนุ ไพรพนื้ บา้ น และการทำ� ยากำ� จดั เหาจากสมนุ ไพร และไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ กิจกรรม ๓) ชุมชนและปราชญ์ชาวบา้ น มผี นู้ ำ� ชุมชนและคณะกรรมการสถานศกึ ษา รวมถึง องค์การการปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ� บล เป็นผู้มีส่วนส่วนใน การด�ำเนินกิจกรรม โดยมีบทบาทส�ำคัญ คือ มีส่วนสนับสนุนกิจกรรมท่ีทางอบต. และ โรงเรยี นจะมสี ว่ นรว่ มในการทำ� งานดว้ ยกนั รวมทงั้ การจดั อบรมเรอ่ื งทเี่ ปน็ ประโยชนใ์ หแ้ ก่ นกั เรยี น รวมถงึ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตำ� บล มบี ทบาทการใหค้ วามรว่ มมอื กบั โรงเรยี น เชน่ การทน่ี กั เรยี นไปใหค้ วามรกู้ บั ชมุ ชนเกยี่ วกบั สขุ ภาพตา่ งๆ รวมถงึ อบรมดา้ นการปอ้ งกนั ตนเองจากโรคต่างๆ ให้แนวคิดในการด�ำเนินงานโครงการ ร่วมสะท้อนคิดแนวทางการ แกป้ ญั หาอา่ นไมอ่ อก เขยี นไมไ่ ด้ และการใหค้ วามรว่ มมอื ในการดำ� เนนิ โครงการรว่ มประชมุ กำ� หนดกิจกรรม และตดิ ต่อภูมิปัญญาชาวบา้ น ๔) ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.และ กศจ. โดยมบี ทบาทสำ� คญั คอื มสี ว่ นสนบั สนนุ กจิ กรรม ให้แนวคิดในการด�ำเนินงานโครงการ ร่วมสะท้อนคิดแนวทางการแก้ปัญหาอ่านไม่ออก เขยี นไม่ได้ และ ใหค้ วามร่วมมือ ด้านการประเมนิ ผลการด�ำเนินการภายใต้การมสี ว่ นรว่ ม จากการเสวนา สะท้อนคดิ และแนวทางแก้ปัญหา { 89 }
๕) มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม น�ำโดยท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัย รองอธิการบดี คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ และรองคณบดี เป็นผู้ร่วมรับผิดชอบหลักของ โครงการ และมอี าจารย์จากคณะ และสาขาวิชาต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการด�ำเนินงาน กำ� หนดใหเ้ ปน็ นโยบายและเปน็ ยทุ ธศาสตรใ์ นการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยแบบ องค์รวมทงั้ ผ้บู ริหารมหาวทิ ยาลัย ผบู้ รหิ ารคณะครศุ าสตร์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและ นักเรียนแกนน�ำ สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายแบบองค์รวมท้ังผู้บริหารองค์การ บริหารส่วนการปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้น�ำชุมชนและผู้ปกครอง รวมถึงคณะกรรมการ สถานศึกษา มหาวิทยาลยั ผู้บรหิ ารคณะครศุ าสตร์ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครูและนักเรยี น แกนน�ำ วิธีการตดิ ตามประเมนิ ผล โดยมหาวิทยาลัยมบี ทบาทสำ� คญั คือ สนับสนุนการจดั กจิ กรรมโครงการทกุ ระยะ ใหก้ ารสนบั สนนุ วทิ ยากรมาจดั อบรมเรอ่ื งการผลติ สอ่ื นวตั กรรม เคร่ืองมือวัดและประเมินผลการอ่านออกเขยี นได้ และสนับสนนุ อาจารย์ บุคลากรในการ ดำ� เนนิ โครงการและใหค้ ำ� ปรกึ ษากบั บคุ คลในพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั กิ าร และสนบั สนนุ การทำ� งานของ คณะท�ำงาน และโรงเรยี นที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงบทบาทของอาจารยท์ ม่ี ารว่ มท�ำงาน กบั โรงเรยี น คอื เรม่ิ ต้นจากการจดั ประชุมชีแ้ จงกระบวนการทำ� งานกับโรงเรียน จัดอบรม เสริมความรู้ แนะน�ำการท�ำส่ือ ลงมาพื้นท่ีเพื่อติดตามและเยี่ยมเยียนคุณครูในโรงเรียน จนถึงกระบวนการท้ายสุดคือ การเชิญมาถอดองค์ความรู้ และจัดนิทรรศการ เผยแพร่ องคค์ วามร้สู ูช่ มุ ชน กระบวนการท�ำงาน กระบวนการท�ำงานของโครงการ สามารถสรุปได้เป็น ๒ ประเด็น ประกอบด้วย กระบวนการทำ� งานของมหาวทิ ยาลยั และ กระบวนการของการด�ำเนินงานในพ้นื ที่ปฏิบัติ โดยสังเคราะห์เปน็ กลไกการท�ำงานได้ ดงั น้ี ๑) สำ� รวจและวิเคราะสถานการณใ์ นพ้ืนที่ ส�ำรวจและวเิ คราะห์สถานการณ์ปญั หา ในพื้นที่ ส�ำรวจศกั ยภาพตน้ ทนุ ในพื้นที่ ๒) สรา้ งกลไกและสรา้ งเครอื ขา่ ย ดงั น้ี เชญิ ประชมุ ทมี นำ� ชแี้ จงหลกั การของโครงการ สร้างเครือข่ายและเชิญประชุมหาความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ๖ จังหวัด แต่งต้ัง คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการทั้งระบบ สรา้ งระบบและกลไกการดำ� เนนิ งานโครงการ ระหว่างภาคีเครือข่าย สร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการติดตามเพ่ือเสนอ { 90 }
แนะแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี สรา้ งความรว่ มมอื กบั ปราญชช์ าวบา้ นดา้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ บรู ณาการ ดา้ นสขุ ภาวะ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื รายงานความกา้ วหนา้ ของการดำ� เนนิ งานโครงการ สร้างการมีสว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยในการถอดบทเรยี นการด�ำเนินงานโครงการ ๓) พฒั นาศกั ยภาพเครอื ขา่ ย ดงั นี้ พฒั นาศกั ยภาพโรงเรยี นและครใู นการจดั ทำ� แผน ปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพครูในการผลิตและพัฒนาส่ือต้นแบบ พัฒนาศักยภาพครูในการ จดั ทำ� แผนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการกบั สขุ ภาวะ พฒั นาศกั ยภาพครใู นการจดั กจิ กรรมการ เรยี นรแู้ บบบรู ณาการ พฒั นาศกั ยภาพครใู นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยี แนวใหม่ พัฒนาศักยภาพครูในการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง พัฒนาศักยภาพ ผู้ปกครองในการส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ให้กับลูกหลาน พัฒนาศักยภาพ ภมู ิปญั ญาท้องถิ่นในการเสรมิ สร้างความร้เู ก่ยี วกบั สมนุ ไพรในทอ้ งถิ่นเพ่อื สุขภาวะ ๔) ส่งเสริมและสนับสนุนงานเครือข่าย ดังนี้ สนับสนุนทุนให้โรงเรียนเครือข่าย จ�ำนวน ๒๒ โรงเรียน จัดกิจกรรมสร้างความร่วมมือแบบกัลยาณมิตร จัดระบบการให้ คำ� แนะนำ� ปรกึ ษาการดำ� เนนิ งานทง้ั แบบออนไลนแ์ ละการลงพน้ื ที่ จดั ระบบการตดิ ตามแบบ เสรมิ พลงั ใหแ้ กโ่ รงเรยี นเครอื ขา่ ยอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สง่ เสรมิ การเปน็ โรงเรยี นตน้ แบบการพฒั นา ทกั ษะการอา่ นออกเขยี นไดเ้ พอ่ื สง่ เสรมิ สขุ ภาวะ จดั กจิ กรรมประกวดและมอบรางวลั โรงเรยี น ต้นแบบท่มี แี นวปฏิบตั เิ ปน็ เลศิ ๕) ตดิ ตามประเมนิ ผลและแลกเปลี่ยนรู้รว่ มกัน ดงั น้ี ประเมินผลและถอดบทเรียน หลังจากการพัฒนาศักยภาพครู ลงพ้ืนท่ีให้ค�ำแนะน�ำและติดตามการด�ำเนินงานอย่าง ต่อเนอื่ ง จัดกจิ กรรมแลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ะหวา่ งครแู ละผปู้ กครอง จัดกิจกรรมนำ� เสนอสื่อ จดั นทิ รรศการและถอดบทเรยี นในระดบั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล จดั กจิ กรรมนำ� เสนอสอื่ จัดนทิ รรศการและถอดบทเรียนเพอ่ื แลกเปลย่ี นเรียนรใู้ นภาพรวม จดั กจิ กรรมเพอื่ เผยแพร่ สือ่ นวตั กรรมและองคค์ วามรู้สู่ชมุ ชน { 91 }
ผลจากการวเิ คราะหผ์ ลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ากกระบวนการทำ� งาน ของมหาวิทยาลยั ราชภัฏพบิ ูลสงคราม สรปุ ไดด้ ังน้ี กลไกการทำ� งาน ผลลัพธ์เชิงรูปธรรม ๑. การสรา้ งทีมงาน ๑. เกิดระบบกลไก ๑ กลไก ที่ปฏบิ ัติงานได้จริงตามกระบวนการ และเตรยี มความ ๒. เกิดคณะกรรมการดำ� เนินงานเชงิ รกุ พร้อมของเครอื ขา่ ย ๓. เกดิ ภาคีเครอื ขา่ ยทท่ี ำ� งานร่วมกันอย่างแท้จรงิ ๔. มีคมู่ ือและชดุ ความรูแ้ ละนวัตกรรมเพือ่ พฒั นาทกั ษะการอา่ นออกเขียนได้ จำ� นวน ๑ ชุด ๒. ผลติ สื่อเพื่อแก้ ๑. แบบประเมนิ การอ่านออกเขยี นได้ ๒ ชุด และแบบประเมนิ การอา่ น ปัญหาในพน้ื ท่ี เพื่อส่งเสรมิ สขุ ภาวะ ๒ ชุด ๒. โรงเรียนไดส้ ่ือ นวัตกรรม ส�ำหรับการอ่านออกเขยี นได้ และสือ่ ส่งเสริมสุขภาวะ จ�ำนวน ๓๕๐ ชนิ้ ๓. ไดฐ้ านขอ้ มลู จำ� นวน ๑ ฐานข้อมูล ๔. ได้แหลง่ เรยี นร้ทู ่ีโดดเด่นในการสง่ เสรมิ การอ่านออกเขยี นไดแ้ ละสง่ เสริมสขุ ภาวะ จ�ำนวน ๕ แห่ง ๕. ทุกโรงเรียนไดม้ ีการผลติ ส่ือใหม่ๆ เพ่มิ มากขึน้ จากเดมิ ทั้งในสว่ นของ การพฒั นาทักษะการอ่านออกเขียนไดแ้ ละสอ่ื ที่บรู ณาการ กับการสง่ เสรมิ สุขภาวะโรงเรียนละ ๔ ผลงาน ๖. ทุกโรงเรียนไดม้ ีการจัดท�ำแฟ้มรายงานการดำ� เนินงาน รว่ มกบั มหาวิทยาลยั โรงเรยี นละ ๕ แฟ้ม ๗. ได้ผลงานของนกั เรยี นเกี่ยวกับสือ่ สง่ เสรมิ สขุ ภาวะโรงเรยี นละ ๒ ผลงาน ๓. ติดตามประเมินผล ๑. ขอ้ มลู พน้ื ฐานและทนุ ศักยภาพของโรงเรยี น สภาพ ปญั หา อุปสรรค และถอดบทเรยี น และแนวทางแกไ้ ขของแต่ละโรงเรียน จ�ำนวน ๒๒ โรงเรียน ๒. ได้โรงเรียนตน้ แบบจำ� นวน ๕ โรงเรยี น ๓. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรยี นด้านการอา่ นออกเขียนได้ในภาพรวม สูงข้ึน ๔. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรียนด้านการอ่านออกเขียนได้ ทบี่ ูรณาการกับสขุ ภาวะมีพัฒนาการสูงขึ้น ๕. ทกุ โรงเรยี นสามาระเป็นโรงเรยี นตน้ แบบในการขับเคลือ่ นนโยบาย การพฒั นาทกั ษะการอ่านออกเขยี นได้ จ�ำนวน ๒๒ โรงเรียน ๔. เผยแพร่สือ่ ๑. การนำ� เสนอ เผยแพร่ส่อื และจัดนิทรรศการและแลกเปล่ียนเรียนรู้ นวัตกรรม ของโรงเรยี น จ�ำนวน ๑ ครั้ง ๒. การน�ำเสนอ เผยแพร่สอื่ และจัดนทิ รรศการและแลกเปล่ียนเรยี นรูส้ ู่ชมุ ชน ในองคก์ ารบริหารส่วนต�ำบล จ�ำนวน ๑ ครั้ง ๓. การน�ำเสนอ เผยแพร่สื่อและจดั นทิ รรศการและแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ในภาพรวมของมหาวทิ ยาลยั จำ� นวน ๑ ครง้ั { 92 }
กลไกการทำ� งาน ผลลพั ธเ์ ชิงรปู ธรรม ๕. สรปุ การดำ� เนนิ งาน ๑. ได้แนวทางและกระบวนการขบั เคล่ือนนโยบายสาธารณะในการพัฒนา โครงการ ทกั ษะการอา่ นออกเขยี นได้โดยบรู ณาการกับการเสรมิ สร้างสขุ ภาวะทด่ี ใี ห้ แกผ่ ู้เรียน ๒. ได้แนวทางและกระบวนการขบั เคล่ือนนโยบายสาธารณะในการพัฒนา ทักษะการอ่านออกเขยี นได้ในรูปแบบอ่ืนรวมถึงการน�ำไปประยกุ ต์ใชใ้ น ระดบั การศึกษาปฐมวัย ผ ลลพั ธท์ ่ไี ดจ้ ากกระบวนการ กลไกการท�ำงาน ผลลัพธเ์ ชิงรูปธรรม ๑. จดั ตง้ั คณะ ๑. โรงเรียนได้คณะกรรมการด�ำเนินงานท่เี ขม้ แขง็ กรรมการขบั เคลื่อน การพัฒนาสอ่ื เสริม ทกั ษะการอา่ น ออกเขยี นได้ และ สง่ เสรมิ สุขภาวะ ของโรงเรยี น ๒. ความรว่ มมือร่วมใจ ๑. โรงเรยี นได้ส่ือ นวตั กรรมอ่านออกเขยี นได้และสอ่ื สง่ เสริมสขุ ภาวะ กันของผบู้ ริหาร ๒. ไดฐ้ านขอ้ มลู บัญชสี ื่อ จ�ำนวน ๒๒ โรงเรียน ครูและบคุ ลากรใน ๓. ไดแ้ หล่งเรยี นรู้สง่ เสรมิ การอ่านออกเขยี นได้และสง่ เสรมิ สุขภาวะ โรงเรียน เพอ่ื เสรมิ จำ� นวน ๒๒ โรงเรียน ทักษะอ่านออก ๔. ไดผ้ ลงานของนกั เรียนเกี่ยวกบั สื่อสง่ เสรมิ สุขภาวะโดยการทำ� มอื เขียนได้และ จากนกั เรยี น โรงเรยี นละ ๕ ผลงาน ส่งเสริมสขุ ภาวะ ๕. ไดภ้ าพรวมของระดับผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรยี นสูงขน้ึ ๓. ประเมิน ๑. โรงเรียนไดข้ อ้ มูลกระบวนการท�ำงาน ปญั หา อุปสรรค แนวทางแก้ไข สถานการณ์ และพันธสัญญาทจี่ ะมุ่งในการขบั เคลอื่ นตามโครงการ และมคี วามตอ้ งให้ ผา่ นการเรียนรู้ มีการดำ� เนินโครงการน้ตี ่อไป เน่ืองจากเกดิ ประโยชน์ตอ่ ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนักเรียน ๔. โรงเรยี นใหค้ วาม ๑. เผยแพรส่ ่อื สขุ ภาวะสู่ชมุ ชนโรงเรียนละ ๑ ครัง้ ร่วมมอื กับทอ้ งถ่นิ ๒. การนำ� เสนอสอ่ื นวตั กรรม ในรูปแบบของนทิ รรศการและการบรรยาย ในการสร้างสขุ โดย ผา่ นกระบวนการ พัฒนาทกั ษะการ อ่านออกเขยี นได้ ๕. ถอดบทเรยี น แลก ๑. ไดแ้ นวทางสู่การขบั เคล่อื นนโยบายสาธารณะ เปล่ียนเรียนรู้ ประสบการณค์ รู สู่ บทเรียนสาธารณะ { 93 }
ผลลพั ธจ์ ากสื่อ/นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ ๑) สือ่ / นวัตกรรม โดยกลมุ่ เป้าหมายการใชส้ ื่อ คอื นกั เรียนชัน้ ป.๑-ป๖ ท่ีผลิต ขึน้ สรุปได้ดงั ต่อไปนี้ แบบฝึกเกม หนังสือสามมติ ิ บัตรค�ำ บทอา่ นนทิ าน สมุดเลม่ เลก็ บัญชคี ำ� พื้นฐาน สือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยมนี วัตกรรมเดน่ ได้แก่ ปอ๊ บอัพเดง้ ด๋งึ พัฒนาทกั ษะ การอ่านออกเขียนได้เรื่องอักษรน�ำและสมุนไพรในท้องถ่ิน หนังสือเล่มเล็กส่งเสริมทักษะ การอ่านออกเขียนได้เร่ืองการดูแลรักษาฟัน หนังสือวงกลมสมุนไพรในท้องถ่ิน หนังสือ ท�ำมือเพ่ือทักษะการอ่านและเขียนเร่ืองโรคติดต่อและโรคเหาเรื่องสัตว์น้อยร้อยความรู้ หนังสือเล่มเล็กถาม-ตอบปัญหาเพ่ือพัฒนาทักษะการอ่านและความรู้ด้านสุขภาวะเรื่อง โรคอ้วน ผลลัพธท์ ่ไี ด้จากการใช้สอ่ื นวตั กรรมเพอ่ื ส่งเสริมความรอบรู้ดา้ นสุขภาวะ พบว่า ช่วยพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ให้ดีขึ้น และนักเรียนตระหนักถึงการมีสุขภาวะท่ีดี รวมถงึ มพี ฒั นาการผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นสงู ขน้ึ ผลการสอบ O-NET ในภาพรวมกส็ งู ขน้ึ อีกดว้ ย ๒) แหลง่ เรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรดู้ า้ นแปลงผกั สวนครวั แหลง่ การเรยี นรกู้ บั ครภู มู ปิ ญั ญา ทอ้ งถิ่นสาขาตา่ งๆ ไดแ้ ก่ เกษตรทฤษฎีใหม่ การจักสานไมไ้ ผ่ การท�ำพื้นบา้ น การแพทย์ พนื้ บา้ น แหล่งเรยี นรภู้ มู ิปัญญาพชื สมุนไพรพืน้ บา้ น แหลง่ การเรยี นร้โู รงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพต�ำบล และมีแหล่งเรียนรู้ที่โดดเด่นในโรงเรียนเพิ่มข้ึนอีก ได้แก่ แหล่งเรียนรู้ใน โรงเรยี นวัดหัวดงใต้ (บางทองประชาสรรค์) แหล่งเรียนรูใ้ นโรงเรียนบา้ นจนั ทมิ า แหล่ง เรียนรู้ในโรงเรียนกัลยาณิวัฒนา๑ แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนบ้านน้�ำดุกเหนือ ซ่ึงแหล่ง เรียนรู้ดังกล่าวจะเป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีใช้ในการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ เพื่อเสริม สร้างสุขภาวะให้กับผู้เรียนเป็นไปในทิศทางท่ีดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้แหล่งเรียนรู้เพื่อ สง่ เสริมความรอบรดู้ ้านสขุ ภาวะ พบว่า นกั เรียนได้ฝึกฝนทักษะภาษาไทย และไดเ้ รยี นรู้ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ สามารถเรยี นรรู้ ว่ มกบั ปราชญช์ มุ ชนทำ� ใหเ้ กดิ เกดิ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ผู้สงู อายุและเยาวชน เกิดความรัก ตระหนักในคณุ คา่ และสรา้ งความภาคภมู ิใหก้ ับคนใน ชุมชน เดก็ ในชมุ มสี ุขภาพกาย สขุ ภาพจิตท่ีดีขนึ้ { 94 }
ภาพที่ ๓.๑ โรงเรยี นวัดหวั ดงใต้ ต�ำบลบา้ นใหมไ่ ชยมงคล อ�ำเภอท่งุ เสล่ยี ม จงั หวดั สุโขทยั
มแลนะษุ พยฒั ์ทกุนคาตนนสาเอมงาไรดถ้ เรียนรู้ โรงเรียนวดั หัวดงใต้ (บางทองประชาสรรค์) ตำ� บลบ้านใหมไ่ ชยมงคล อำ� เภอทุง่ เสล่ียม จังหวดั สุโขทัย เร่ืองเด่นของพ้ืนท่ี โรงเรียนวัดหวั ดงใต้ (บางทองประชาสรรค์) สังกัด สำ� นกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต ๑ ตง้ั อย่พู ื้นท่ีหมู่ ๓ ตำ� บลหัวดง อำ� เภอเก้าเล้ียว จงั หวดั นครสวรรค์ มีครู ๘ คน นักเรยี น ๑๐๔ คน สัดส่วน ๑๓:๑ โรงเรยี นวัดหวั ดงใต้ (บางทองประชาสรรค)์ มจี ดุ เดน่ คอื เป็นโรงเรยี น ตน้ แบบโรงเรยี นคณุ ธรรม ไดร้ บั การคดั เลอื กเปน็ โรงเรยี นคณุ ภาพประจำ� ตำ� บล ต้นแบบโรงเรียนสุจริต ต้นแบบโรงเรียนวิถีพุทธ ได้รับตราพระราชทาน โครงการบา้ นวทิ ยาศาสตรน์ อ้ ยประเทศไทย และชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็ เขา้ มามี สว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาและพฒั นาโรงเรยี น จดั กระบวนการเรยี นการสอน ที่เน้นพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จดั กระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี นน้ นกั เรยี นเปน็ สำ� คญั อยา่ งมคี ณุ ภาพ จดั กจิ กรรมการ เรียนการสอนแบบ Stem Education และ Active Learning สง่ เสริมสุขภาพ กาย สุขภาพจิตของนักเรียนให้เข้มแข็ง ปลอดภัย มีกิจกรรมตามโครงการ โรงเรียนส่งเสริมสุขภาวะ และโครงการส่งเสริมรักการอ่าน ส่งผลให้เป็นท่ี ยอมรบั ของผ้ปู กครอง ชมุ ชน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้น�ำชุมชนปราชญ์ ชาวบา้ น วดั หน่วยงานราชการ ภาคีเครือขา่ ย เชน่ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตำ� บล องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลหัวดง สถานีตำ� รวจ ให้ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนานักเรียน ขับเคล่ือนโรงเรียนให้มีความพร้อมใน ทกุ ดา้ น จนสามารถประเมนิ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นดา้ นการอา่ น อยใู่ นระดบั { 96 }
ดีเยีย่ ม และผลการประเมินระดบั ชาติ (O-NET) สงู กวา่ ระดบั ประเทศ ทุกสาระวิชา สถานการณก์ ลา่ วถงึ ทมี่ าและปจั จยั ดงั น้ี ๑) สถานการณท์ เี่ กย่ี วกบั การอา่ นการเขยี น เมอ่ื ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ พบวา่ จำ� นวนนกั เรยี นทมี่ ปี ญั หาอา่ นไมค่ ลอ่ ง จำ� นวน ๕ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓๕.๒๑ และอา่ นจบั ใจความสำ� คญั ยงั ไมไ่ ด้ จำ� นวน ๔ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕.๖๓ นกั เรยี นตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาใหส้ ามารถอา่ นคลอ่ งและอา่ นจบั ใจความ ส�ำคญั ได้ ซึ่งเป็นพน้ื ฐานในการเรยี นรูใ้ นระดบั สูงขนึ้ ไป ๒) สถานการณท์ ่ีเก่ยี วข้อง ปญั หาสุขภาวะย้อนหลัง พบวา่ นักเรียนมสี ภุ าวะดา้ นภาวะโภชนาการของนักเรียน อยูใ่ นระดับอว้ น จ�ำนวน ๑๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๔.๐๘ นกั เรียนมีสภาวะทนั ต สขุ ภาพในชอ่ งปาก ฟันผุ จำ� นวน ๕๐ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๗๐.๔๒ นักเรียนมสี ภาวะ ด้านร่างกาย เป็นเหาในนักเรียนหญิง จ�ำนวน ๖๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๕๔ นกั เรยี นมีสภาวะการเจบ็ ป่วยเป็นไขห้ วัด จ�ำนวน ๑๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๔.๐๘ ๓) สถานการณท์ ่เี กย่ี วกบั ครู ขาดครูเอกภาษาไทย ครสู อนภาษาไทยไม่ไดจ้ บเอกภาษา ไทย จึงท�ำให้การจัดกระบวนการเรียนการสอน ไม่สนองต่อการเรียนรู้ พบว่า นกั เรียนอา่ นไมอ่ อกเขียนไมไ่ ดเ้ กดิ จากจำ� พยัญชนะสระไมถ่ กู ตอ้ ง อ่านสะกดค�ำไมไ่ ด้ ขาดการเอาใจใสจ่ ากครอู ยา่ งจรงิ จงั และนกั เรยี นอา่ นจบั ใจความ และเขยี นสรปุ ความ ไมไ่ ด้ เกดิ จากขาดทกั ษะในการอา่ นจบั ใจความ ขาดการฝกึ ฝนไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของ การอา่ น ครูขาดเทคนคิ ในการฝึก และความรอบรูด้ า้ นภาษาไทย วธิ ีการ ๑) ก�ำหนดนโยบายการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้เพื่อเสริมสร้างความ รอบรดู้ า้ นสขุ ภาวะโดยโรงเรยี นจดั ทำ� เปน็ แผนปฏบิ ตั งิ านประจำ� ปี มกี ารประชมุ ชแี้ จง สร้างความเข้าใจกับคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครู ผู้ปกครอง และชุมชน มกี ารวเิ คราะหส์ ภาพปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล มกี ารจดั ทำ� ขอ้ มลู สารสนเทศ แสดงจ�ำนวนนักเรียนอ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้โดยระบุปัญหา สาเหตุตามแบบ คัดกรอง และวิเคราะห์ตามระดบั ของปญั หา ๒) จัดกิจกรรมแบบมีส่วนรว่ มระหวา่ ง ภาคเี ครอื ขา่ ยทงั้ โรงเรยี น ผปู้ กครอง ชมุ ชน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล และเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาในการชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ การสอนอา่ นและเขยี นใหก้ บั นกั เรยี น เชน่ มกี าร ผลติ สอ่ื / นวตั กรรมใชส้ อนในชนั้ เรยี นมกี ารนำ� พชื สมนุ ไพรมาจดั ทำ� โครงงานสมนุ ไพร ก�ำจัดเหา และมีคู่มือการด�ำเนินงานพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยทุก หนว่ ยงานใหค้ วามรว่ มมอื และสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งาน และ ๓) การจดั กระบวนการ { 97 }
เรยี นรโู้ ดยนำ� พชื สมนุ ไพร/ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ / ปราชญช์ าวบา้ น มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม การเรียนรู้ และในการสอนการอ่าน การเขียน มีการฝึกทักษะอ่าน–เขียนให้กับ ผู้ปกครอง ๔) ร่วมผลิตสื่อการเรียนรู้ และมีการจัดท�ำแผนการเรียนรู้ที่เน้นการ บูรณาการ กระบวนการ ๑) ประชุมวางแผน ก�ำหนดนโยบายร่วมกนั ระหว่างผู้บริหาร คณะครู ชมุ ชน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา และภาคีเครือข่ายร่วมกันในการพัฒนา โรงเรียนรว่ มขับเคลอื่ นโครงการ/ กิจกรรมตา่ งๆ ของโรงเรยี น ๒) จดั กจิ กรรมแบบ มสี ว่ นรว่ มระหวา่ ง โรงเรยี น ผปู้ กครอง ชมุ ชน และภาคเี ครอื ขา่ ย ๓) จดั กระบวนการ เรยี นรโู้ ดยนำ� ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ หรอื ปราชญช์ าวบา้ น มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผ่านการอบรมผู้ปกครองด้านการเรียนรู้พืชสมุนไพร โดยจัดท�ำเป็นหนังสือเล่มเล็ก (Small book) การฝึกอ่านการเขียนเกย่ี วกบั สุขบัญญตั ิแหง่ ชาติ ผา่ นการท�ำแผนผัง ความคดิ (Mind Mapping) ๔) รว่ มผลิตและน�ำสือ่ ไปใช้ให้ตรงกบั ตามต้องการของ นักเรยี น ๕) จัดกจิ กรรมแก้ปญั หานักเรยี นท่เี ปน็ เหา ซ่ึงมถี งึ รอ้ ยละ ๙๑.๕๔ โดยทำ� พืชสมุนไพรมาจัดทำ� เป็นโครงงานใหค้ รคู วบคุมการด�ำเนินการร่วมกนั ๖) ครภู าษา ไทยรว่ มกบั คณะครทู กุ คนรว่ มกบั ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยจดั ทำ� สอ่ื ทเ่ี นน้ การบรู ณาการ กับสขุ ภาวะ ๗) มกี ารจัดท�ำแผนการเรียนรทู้ ่บี ูรณาการกบั สุขภาวะเพื่อน�ำไปทดลอง สอน นำ� ผลมาวเิ คราะหส์ รปุ ในรปู บนั ทกึ หลงั สอน จดั ทำ� แผนวนิ จิ ฉยั ขอ้ บกพรอ่ ง และ ๘) รายงานสรปุ ในลกั ษณะการทำ� แฟม้ สะสมงาน (Portfolio) และการจดั นทิ รรศการ กจิ กรรม ๑) กจิ กรรมการสง่ เสรมิ งานเครอื ขา่ ยกบั การจดั การศกึ ษา ๒) กจิ กรรมการเรยี น รกู้ บั ภมู ปิ ญั ญาดา้ นพชื สมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ๓) กจิ กรรมการฝกึ ทกั ษะการอา่ นการเขยี น ให้กับผปู้ กครอง ๔) กจิ กรรมการวิเคราะห์หลักสูตร การจดั ท�ำแผนบูรณาการด้าน สุขภาวะ ๕) กิจกรรมการปฏบิ ัติการสอนทเ่ี นน้ การบูรณาการ ๖) กิจกรรมการผลิต และใช้สือ่ การเรียนรู้/นวตั กรรมเพื่อประสทิ ธิภาพในการเรียนรู้ ๗) กิจกรรมการสอน แนะน�ำงาน (Coaching and Mentoring) และ ๘) กจิ กรรมการสรา้ งชุมชนการ เรยี นรู้ (PLC) { 98 }
ผลลัพธท์ เี่ กดิ ขึน้ ๑) โรงเรียนมีแผนพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษไทยที่บูรณาการด้าน สุขภาวะ โดยเน้นคุณภาพนักเรียน คุณภาพครู และการบริหารจัดการที่สามารถ เช่ือมโยงกับการประกันคุณภาพของสถานศึกษา ๒) ได้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ บรู ณาการดา้ นสขุ ภาวะทด่ี กี บั นำ� ไปสอนจรงิ ผา่ นการนเิ ทศการสอนในรปู แบบการสอน แนะน�ำงาน และกระบวนการ PLC ๓) ได้ส่ือต้นแบบที่บูรณาการกับสุขภาวะ ท่ีสามารถเชื่อมโยงกับบัญชีค�ำพ้ืนฐานในภาษาไทย ๔) มีการแก้ปัญหาด้านสุขภาพ กาย (นักเรียนที่เป็นเหา) โดยผ่านการจัดท�ำโครงงานการใช้พืชสมุนไพรรักษาเหา ทำ� ใหน้ กั เรยี นมสี ขุ ภาวะทดี่ ขี นึ้ เพราะใหน้ กั เรยี นและผปู้ กครองมสี ว่ นรว่ มในการดแู ล บตุ รหลานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง และ ๕) นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๖ มที กั ษะการอา่ น ออกเขียนได้ตามผลการประเมนิ ทกั ษะของแตล่ ะระดับชั้นปี เฉลีย่ รอ้ ยละ ๙๐ ข้ึนไป การเปลยี่ นแปลง บุคคล ชุมชนทอ้ งถ่นิ และผทู้ ม่ี ีส่วนร่วม ๑) นักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้จนสามารถเรียนรู้ไป พรอ้ มกบั เพอ่ื นๆ ได้ ตลอดจนไดร้ บั การแกป้ ญั หาดา้ นสขุ ภาวะ (โรคเหา) ผา่ นการทำ� โครงงานพชื สมุนไพรกำ� จดั เหา ๒) ผปู้ กครองและชมุ ชน ให้ความรว่ มมือ สนับสนนุ เอาใจใสช่ ว่ ยเหลอื ลกู หลาน ตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของลูกหลาน และ ๓) อบต. ให้ ความร่วมมอื ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมของสถานศึกษา และให้ความส�ำคญั ในการไป ประชุมชแ้ี จงสรา้ งความตระหนักกับชาวบ้านมากขน้ึ ในดา้ นการอา่ นออกเขยี นได้ { 99 }
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294