การออกแบบข้นั ตอนวธิ ี (algorithm design) รหัสลาลอง (pseudo code) ผงั งาน (flowchart) เป็นการอธิบายข้นั ตอนวิธีโดยการ เป็นการใชข้ อ้ ความเพ่ืออธิบาย ใชส้ ัญลกั ษณ์ที่มีความหมายแตกต่างกนั ข้นั ตอนวิธีในการแกป้ ัญหา มาเรียงต่อกนั เป็นลาดบั ข้นั เริ่ม 1. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx start 2. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx 3. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxx 4. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx 5. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxx จบ xxx end
กำรประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณเพอ่ื แกป้ ญั หำในชีวติ กำรแจกแจง กำรคดิ หำรูปแบบ หาสาเหตทุ อ่ี าจทาใหไ้ ฟฟ้าดบั หาจดุ ตาแหน่งหรอื สาเหตุ ทท่ี าใหเ้กดิ ไฟดบั บ่อย ๆ ไฟฟ้าลดั วงจร สายไฟฟ้าขาด พบว่าไฟฟ้ามกั จะดบั เมอ่ื ฝนตก ฟิวสข์ าดหรอื หลุด หมอ้ แปลงระเบดิ ขอ้ ต่อสายไฟฟ้าต่อไม่สนิท หลดุ กำรคดิ เชิงนำมธรรม ปญั หำไฟฟ้ ำดบั บ่อย กำรออกแบบขน้ั ตอนวิธี ตดั รายละเอยี ดยอ่ ยทไ่ี มม่ ผี ลออก แลว้ คงสาเหตหุ ลกั ไว้ 1. สารวจเสาไฟฟ้าทเ่ี ป็นตน้ เหตุ สายไฟฟ้าไมข่ าด 2. ใชแ้ ผน่ พลาสตกิ ขนาด 60180 cm ฟิวสไ์ มข่ าด ตดั ออก ผลการวเิ คราะห์ เท่ากบั จานวนเสาไฟฟ้าทส่ี ารวจได้ 3. นาแผ่นพลาสตกิ มาพนั รอบเสาไฟฟ้าสูง หมอ้ แปลงไมร่ ะเบดิ หรอื ตรวจสอบ ขวั้ ต่อสายไฟฟ้าไมห่ ลุด จากพ้นื 5 เมตร คงไว้ ไฟฟ้าลดั วงจร เพราะมตี วั กลางทท่ี าใหเ้กิด เพอ่ื กนั งูเล้อื ยข้นึ เช่น งหู รอื สตั วเ์ ล้อื ยคลานอน่ื ๆ ไปบนเสาไฟฟ้ า หนนี า้ ข้นึ ไปบนเสาไฟฟ้า
โครงงาน การพฒั นาโครงงาน จุดประสงคข์ องการเขียนโครงงาน เป็นการฝึกแกป้ ัญหาดว้ ยกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ มองเห็นปัญหา ประสบปัญหาดว้ ยตนเอง ดาเนินการวางแผนการทากิจกรรมเพอ่ื แกป้ ัญหา โดยใชแ้ นวคิดเชิงคานวณ การ การคิดหา การคิด การออกแบบ แจกแจง รูปแบบ เชิงนามธรรม ข้นั ตอนวิธี
ลาดบั ข้นั ตอนการเขยี นโครงงาน 1. การวางแผน 2. การดาเนินการ 3. การเขยี นรายงาน 4. การนาเสนอ การเลือกหวั ขอ้ เตรียมการ ใชร้ ูปแบบที่ถูกตอ้ ง เผยแพร่ใหผ้ อู้ ื่น ลงมือปฏิบตั ิ การศึกษาคน้ ควา้ ตามหลกั วชิ าการ ไดร้ ับรู้ แหล่งขอ้ มูล ทดสอบ พฒั นา การทาเคา้ โครง โครงงาน อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ
1. การวางแผน 2. การศึกษาค้นคว้า 3. การทาเค้าโครง แหล่งข้อมูล โครงงาน 1. การเลือกหัวข้อ เช่น เขียนบรรยาย อธิบาย ปัญหาที่ตอ้ งการแกไ้ ข หนงั สือ เอกสาร วารสาร เรียงลาดบั โครงงานให้ เช่น ครูท่ีปรึกษาโครงงาน เวบ็ ไซต์ ปัญหาขยะในโรงเรียน พจิ ารณา โครงงานหรืองานวจิ ยั ปัญหาท่อระบายน้า ที่เก่ียวขอ้ ง อุดตนั สมั ภาษณ์จากแหล่งขอ้ มูล ปัญหาการขาดแคลน โดยตรง พลงั งาน
2. การดาเนินการ 1. เตรียมการ 2. ลงมือปฏบิ ตั ิ เช่น ปฏิบตั ิตามแผนท่ีวางไวท้ ีละข้นั ตอน หาขอ้ มูล จดั หาวสั ดุอุปกรณ์ จดั ประชุม แบ่งหนา้ ที่ เกบ็ ขอ้ มูลหลกั ฐานในการปฏิบตั ิงาน อภิปราย รับผดิ ชอบ ภาพน่ิง ภาพเคล่ือนไหว จดั สรรเวลา ขออนุญาตผปู้ กครอง จดั หาสถานท่ีท่ีปลอดภยั เพื่อใชใ้ น การดาเนินการทาโครงงาน
2. การดาเนินการ 4. อภปิ รายผล ข้อเสนอแนะ 3. ทดสอบ พฒั นา หาขอ้ มูลท่ีสอดคลอ้ งกบั ผลการทา โครงงานที่เคยทามาก่อนหนา้ น้ี ทดสอบการใชง้ าน เกบ็ ขอ้ มูลการทดสอบ หาขอ้ มูลท่ีขดั แยง้ กบั ผลการทา การวดั ประเมินค่า โครงงานที่เคยทามาก่อนหนา้ น้ี รายงานปัญหาที่เกิดข้ึนในระหวา่ ง การทาโครงงาน เสนอแนะแนวทางแกป้ ัญหา
3. การเขยี นรายงาน องค์ประกอบ ส่ วนนา ส่วนเนื้อเร่ือง ส่วนอ้างองิ ปกนอก บรรณานุกรม ปกใน บทที่ 1 บทนา ภาคผนวก (ถา้ มี) บทคดั ยอ่ กิตติกรรมประกาศ บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั สารบญั ที่เกี่ยวขอ้ ง บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน บทท่ี 5 สรุปผล อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ
4. การนาเสนอ การเผยแพร่ทาง การเผยแพร่ผา่ นทาง เอกสาร วารสาร เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เวบ็ ไซต์ การจดั การจดั ทาป้าย นิทรรศการ นิเทศเผยแพร่ ตามสถานท่ี ต่าง ๆ
แบบพฒั นำทกั ษะในกำรทำขอ้ สอบปรนยั เพอ่ื ประเมินตวั ช้ีวดั หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แนวคดิ เชิงคานวณ กบั การพฒั นาโครงงานในชีวติ จริง
ใชส้ ถำนกำรณ์ตอ่ ไปน้ี ตอบคำถำมขอ้ 1-2 “ตะวนั เป็นชายวยั ทางานทข่ี ยนั ขนั แขง็ พยายามทาทกุ อย่างเพอ่ื เป็นพลเมอื งดขี องสงั คม แต่วนั น้ีตะวนั ประสบ ปญั หา โดยรถยนตข์ องตะวนั ไมส่ ามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ เน่ืองจาก เกดิ ปญั หา 2 ประการ ไดแ้ ก่ รถยนตย์ างแบน และรถยนต์ นา้ มนั หมด”
1. ถำ้ ใชก้ ำรแจกแจง สำมำรถแกไ้ ขปญั หำไดต้ ำมขอ้ ใด 1. ตะวนั ซอ่ มรถเองตามขน้ั ตอนในคู่มอื ทใ่ี หม้ า 2. ตะวนั เหน็ ว่ารถยนตข์ องตะวนั ไมส่ ามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ 3. ตะวนั ใชแ้ ผนทก่ี ารเดนิ รถเพอ่ื หาเสน้ ทางไปยงั รา้ นซอ่ มรถ 4. ตะวนั หาลอ้ ทม่ี ขี นาดใกลเ้คยี งกนั เพอ่ื เปลย่ี นยางรถท่แี บน 5. ตะวนั แยกปัญหาเป็น 2 ปัญหาก่อน ไดแ้ ก่ ยางรถแบน และน้ามนั หมด แลว้ หาวธิ ีแกไ้ ข เฉลย 5. เพราะการแจกแจงจะตอ้ งจาแนกผลลพั ธ์หรือเป้าหมาย ออกเป็นส่วนยอ่ ย เพอ่ื หาสาเหตุส่วนประกอบที่อยรู่ ่วมกนั หลายเหตุผล
2. ถำ้ ใชแ้ นวคิดเชิงนำมธรรม สำมำรถแกไ้ ขปญั หำไดต้ ำมขอ้ ใด 1. ตะวนั ซอ่ มรถเองตามขน้ั ตอนในคู่มอื ทใ่ี หม้ า 2. ตะวนั เหน็ ว่ารถยนตข์ องตะวนั ไมส่ ามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ 3. ตะวนั เดนิ ทางไปยงั รา้ นซอ่ มรถ โดยคน้ หารา้ นดว้ ยแผนท่ี 4. ตะวนั หาลอ้ ทม่ี ขี นาดใกลเ้คยี งกนั เพอ่ื เปลย่ี นยางรถท่แี บน 5. ตะวนั แยกปญั หาเป็น 2 ปญั หาก่อน ไดแ้ ก่ ยางรถแบน และนา้ มนั หมด แลว้ หาวธิ แี กไ้ ข เฉลย 3. เพราะแกป้ ัญหาโดยการจดั กลุ่มแลว้ เลือกส่ิงที่ไม่กระทบ ต่อการแกป้ ัญหาออกไป จะทาใหเ้ หลือเพยี งส่วนท่ีจาเป็นและกรอบ ของปัญหาแคบลง
3. นายปณธิ านต้องการแอบพดู คุยกบั แฟน และไม่อยากให้ผู้อ่ืนทราบ จงึ ร่วมกนั สร้างรูปแบบการส่งข้อความ เช่น ถ้าหากต้องการส่งข้อความ “THANKS” จะต้องเข้ารหัสและส่งเป็ นข้อคาม “QEYKHP” ถ้าหากนายปณธิ านจะส่งข้อความ “COMPUTING” จะต้องเข้ารหัสเป็ นข้อความใด _ A B C D E F G H I J K LM N O P Q R S T U VW X Y Z 1. UGPNMIOTC 2. ZLJMRQFKD 3. FRPSXWLQJ 4. _LJMRQFKD 5. AMKNSRGLE เฉลย 4. เพราะการเขา้ รหสั เป็นขอ้ ความ จะตอ้ งเริ่มนบั จากตวั อกั ษร ที่กาหนดไปทางซา้ ยมืออีกสามช่อง
4. ขอ้ ใดกลำ่ วถกู ตอ้ งเก่ยี วกบั กำรหำรเอำเศษ (modulo:÷) 1. เศษของ 15÷2 คือ 5 2. สามารถจาแนกจานวนเตม็ คู่หรือคี่โดยใช้ x÷2 3. เศษจากจานวนเตม็ ÷ 10 มีจานวนท้งั หมด 9 แบบ 4. หากจะจดั กลุ่มนกั เรียน 5 กลุ่ม ควรใชเ้ ลขที่นกั เรียน ÷4 5. เศษจากการจดั กลุ่มนกั เรียนดว้ ยการ ÷5 ไดแ้ ก่ กลุ่มเศษ 0, 1, 2, 3, 4 และ 5 เฉลย 2. เพราะสามารถจาแนกจานวนเตม็ คู่หรือจานวนเตม็ คี่ เช่น 4÷2 จะไดจ้ านวนเตม็ คูค่ ือ 2 และ 10÷2 จะไดจ้ านวนเตม็ คี่ คือ 5
5. จำกภำพแสดงระยะหำ่ งระหวำ่ งเกำะ A B C D E F และสะพำนขำ้ ม ระหว่ำงเกำะตำ่ ง ๆ ถำ้ หำกตอ้ งกำรเดินทำงจำกเกำะ A ไปยงั เกำะ F ควรเลอื กเสน้ ทำงใดเพอ่ื ใหใ้ ชแ้ รงในกำรเดนิ ทำงนอ้ ยท่สี ดุ B 30 m 1. A-B-F 50 m D 2. A-B-D-F A 35 m 3. A-C-B-F 25 m C 50 m 4. A-C-E-F 30 m 20 m 5. A-B-C-E-F E 50 m F
เฉลย 4. เพราะ 1. จากระยะทาง A ไปถึง C ใชร้ ะยะทางเท่ากบั 25 m 2. จากระยะทาง C ไปถึง E ใชร้ ะยะทางเท่ากบั 20 m 3. จากระยะทาง E ไปถึง F ใชร้ ะยะทางเท่ากบั 50 m ดงั น้นั ระยะทาง A-C-E-F = 25 + 20 + 50 จะไดร้ ะยะทางเท่ากบั 95 m ซ่ึงเป็นระยะทางท่ีใกลท้ ่ีสุดคือ 95 m
6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกยี่ วกบั การออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา 1. ควรออกแบบข้นั ตอนก่อนการเขียนโปรแกรมเพอื่ ใหไ้ ดล้ าดบั ความคิดของการทางาน 2. การอธิบายข้นั ตอนการทางานโดยใชส้ ญั ลกั ษณ์และลูกศร ทีละข้นั ตอน เรียกวา่ ผงั งาน (flowchart) 3. การอธิบายข้นั ตอนการทางาน โดยใชถ้ อ้ ยคาผสมระหวา่ ง ภาษาองั กฤษและโครงสร้างโปรแกรม เรียกวา่ การบรรยาย 4. การออกแบบข้นั ตอนวธิ ี (algorithm design) สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การบรรยาย การเขียนรหสั ลาลอง และการเขียนผงั งาน 5. วธิ ีการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นลาดบั ข้นั เรียกวา่ ข้นั ตอนวธิ ี (algorithm) จะทาใหเ้ ขา้ ใจวธิ ีดาเนินงานและสามารถนามาใชแ้ กป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เฉลย 3. เพราะการเขียนอธิบายข้นั ตอนการทางานโดยใชถ้ อ้ ยคาผสม ระหวา่ งภาษาองั กฤษและโครงสร้างโปรแกรมเรียกวา่ ผงั งาน
7. พจิ ารณารหัสลาลอง (pseudo code) ต่อไปนี้ ALGORITHM xy 1. 0 start 2. 5 3. 10 1. SET x=10 4. x 2. y=x_5 3. y=x 5. y 4. OUTPUT y end ผลลพั ธ์จากรหัสลาลองคือข้อใด เฉลย 2. เพราะให้ x = 10 แทนคา่ x ลงในสมการ y = 10_5 y=5 ผลลพั ธ์จากรหสั ลาลองคือ 5
8. ในการตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขบตั รประจาตวั ประชาชน 13 หลกั มกี ารกาหนดหลกั สุดท้ายเป็ นหลกั ตรวจสอบความถูกต้อง ของหมายเลขบัตรประจาตวั ประชาชน หลกั สุดท้ายของหมายเลข บัตรประจาตวั ประชาชนหมายเลข 1 1041 00418 27 x คือข้อใด 1. 0 2. 1 3. 3 4. 7 5. 9
เฉลย 1. เพราะ 1. หมายเลขบตั รประจาตวั ประชาชน : 1 1041 00418 27 x ? 2. คูณดว้ ย : 13 12 11 10 9 8 7 6 5 4 3 2 3. หาผลรวม : (113) (112) (011) (410) (19) (08) (07) (46) (15) (84) (23) (72) = 155 4. หาเศษจากการหารดว้ ย 11: 155 ÷ 11 = 14 5. นาเลข 11 ลบกบั ตวั เลขท่ีได้ : 3 6. หากไดต้ วั เลข 2 หลกั ใหใ้ ช้ : หลกั ท่ี 13 คือ 0 หลกั หน่วย หากไดต้ วั เลข หลกั เดียวใหใ้ ชห้ ลกั สิบ
9. ข้อใดไม่ใช่โครงงานคอมพวิ เตอร์ 1. โครงงานพฒั นาส่ือเพื่อการศึกษา 2. โครงงานพฒั นาเคร่ืองมือ 3. โครงงานทดลองทฤษฎี 4. โครงงานส่ิงประดิษฐ์ 5. โครงงานพฒั นาเกม เฉลย 4. เพราะโครงงานสิ่งประดิษฐเ์ ป็นประเภทโครงงาน วทิ ยาศาสตร์
10. ข้อใดเป็ นข้นั ตอนการพฒั นาโครงงานทถ่ี ูกต้อง A. การวางแผน 1. A-D-C-B 2. A-C-D-B B. การนาเสนอ C. การดาเนินการ 3. A-C-B-D D. การเขียนรายงาน 4. B-C-D-A 5. B-D-C-A เฉลย 2. เพราะการพฒั นาโครงงานจะตอ้ งเริ่มตน้ จากการวางแผน การดาเนินการ การเขียนรายงาน แลว้ ค่อยนาเสนอ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123