แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ จดั ทำโดย นางสาวปนดั ดา บญุ สุขโข เลขที่ ๒๗ เสนอ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พัชรีภรณ์ บางเขยี ว แผนการจดั การเรยี นรู้เล่มนีเ้ ป็นสว่ นหน่ึงของรายวิชาการจัดการเรยี นรู้และการจดั การช้นั เรยี น รหัสวชิ า ๑๑๐๐๓๐๑ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจา้ พระยา
คำนำ แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ จัดทำขึ้นเพื่อใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ แผนการจัดการเรียนรูป้ ระกอบดว้ ยเน้ือหาสาระดงั ตอ่ ไปนี้ แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายปีซึ่งประกอบ ด้วยมาตรฐานและตวั ช้ีวดั กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรรู้ ายคาบทง้ั หมด ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ประกอบด้วย สสารกบั การทดลอง ห้วงของจกั รวาล และเป็นอย่างไรนะวงโคจร ซึง่ แต่ละแผนการจดั การเรียนร้ไู ด้ระบมุ าตรฐาน ตวั ชว้ี ดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามรปู แบบการจัดการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายอันได้แก่ รปู แบบการจัดการเรียนรู้ แบบการใชโ้ สตทศั นวสั ดุ รูปแบบการจดั การเรยี นรู้แบบการใช้โสตทัศนวัสดุ และรปู แบบการจัดการเรยี นรู้ แบบการใชโ้ สตทศั นวสั ดุ โดยแต่ละรูปแบบมีวิธกี ารจัดการเรยี นการสอนที่ไม่ต่างกนั แตท่ งั้ หมดนำมา ซง่ึ บรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ นอกจากน้ียังมีใบงานและเกณฑ์การประเมนิ เพ่ือใชใ้ นการประเมิน ผลการเรยี นร้ขู องนกั เรยี นแต่ละคนว่า หลังจากเรียนเสร็จสนิ้ การเรียน นกั เรียนจะมีความรู้ ความเขา้ ใจ ในเน้อื หาสาระมากนอ้ ยเพียงใด ผา่ นเกณฑ์การประเมินหรอื ไม่ ผู้จดั ทำขอขอบพระคุณผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พัชรภี รณ์ บางเขียว เป็นเปน็ อย่างย่ิง ท่ีให้คำปรกึ ษา และคำแนะนำตลอดระยะเวลาการจัดทำแผนการจดั การเรียนรู้ โดยหวังเป็นอย่างยง่ิ ว่าแผนการจดั การ เรยี นรู้เล่มนจ้ี ะเปน็ ประโยชน์กบั การจัดการเรยี นรู้ในห้องเรียนทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาการเรียนรู้ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพตอ่ ไป นางสาวปนดั ดา บุญสุขโข ผู้จดั ทำ
สารบัญ หนา้ ๑ เรอื่ ง ๑๑ แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ๑๖ ตารางโครงสร้างรายวิชา ๒๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ สสารกับการทดลอง ๒๖ ๒๗ ใบงานท่ี ๑ ๒๘ ใบงานที่ ๒ ๓๑ ใบงานที่ ๓ ๓๙ ใบงานท่ี ๔ ๔๐ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ ห้วงของจักรวาล ๔๑ ใบงานท่ี ๑ ๔๔ ใบงานท่ี ๒ ๕๒ ชน้ิ งานสิง่ ประดิษฐ์ ๕๓ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เปน็ อย่างไรนะวงโคจร ๕๔ ใบงานท่ี ๑ ใบงานท่ี ๒ ใบงานที่ ๓
๑ แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๑๔๑๐๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง/๒ หน่วยกิต ผสู้ อน นางสาวปนดั ดา บญุ สุขโข ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพันธุกรรม ทม่ี ผี ลตอ่ สงิ่ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมชี ีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ ระหวา่ งสมบตั ขิ องสสารกับโครงสรา้ งและแรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติ ของการเปล่ียนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ ลักษณะการเคลอ่ื นที่แบบต่างๆของวตั ถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งสสารกับพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั เสียง แสง และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้ังปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสุริยะท่ีสง่ ผลตอ่ สิง่ มชี วี ิต และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม
๒ ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะ ทางพนั ธุกรรม สารพนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพันธกุ รรมท่ีมผี ลตอ่ ส่งิ มชี วี ติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ิต รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ว ๑.๓ ป. ๔/๑ จำแนกสิ่งมชี วี ติ โดยใชค้ วามเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะ ของสิง่ มีชวี ิต ออกเป็นกลุ่มพืช กล่มุ สัตว์ และกล่มุ ท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ ว ๑.๓ ป. ๔/๒ จำแนกพชื ออกเป็นพชื ดอกและพชื ไมม่ ีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มูลท่รี วบรวมได้ ว ๑.๓ ป. ๔/๓ จำแนกสตั ว์ออกเปน็ สตั ว์มกี ระดูกสันหลงั และสตั วท์ ไี่ มม่ กี ระดกู สนั หลงั โดยใช้การมีกระดกู สันหลงั เป็นเกณฑ์ โดยใชข้ ้อมูลทร่ี วบรวมได้ ว ๑.๓ ป. ๔/๔ บรรยายลักษณะเฉพาะทส่ี งั เกตได้ของสตั ว์มกี ระดูกสนั หลงั ใน กล่มุ ปลา กลุม่ สตั ว์สะเทินน้ำ สะเทินบก กลุ่มสตั ว์เลอ่ื ยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสตั ว์ เล้ยี งลูกด้วยนม และยกตัวอยา่ งสิ่งมีชีวติ ในแต่ละกลมุ่ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง สมบตั ิของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการ เปลย่ี นแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ว ๒.๑ ป. ๔/๑ เปรยี บเทียบสมบตั ทิ างกายภาพ ด้านความแข็ง สภาพยดื หยนุ่ การนำความรอ้ นและการนำไฟฟ้าของวัสดโุ ดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษจ์ าก การทดลองและระบุการนำสมบัติเร่อื งของแขง็ สภาพยืดหยนุ่ การนำความรอ้ นและการนำไฟฟ้า ของวสั ดุไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชนิ้ งาน ว ๒.๑ ป. ๔/๒ แลกเปลยี่ นความคิดกบั ผู้อืน่ โดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบตั ทิ างกายภาพ ของวัสดอุ ย่างมเี หตุผลจากการทดลอง ว ๒.๑ ป. ๔/๓ เปรยี บเทียบสมบัติของสสารทง้ั ๓ สถานะ จากข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกตมวล การตอ้ งการท่อี ยู่รปู ร่างและปริมาตรของสสาร
๓ ว ๒.๑ ป. ๔/๔ ใชเ้ ครือ่ งมือเพือ่ วดั มวล และปริมาตรของสสารท้ัง ๓ สถานะ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ ลักษณะการเคลอื่ นทีแ่ บบต่างๆของวัตถุ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ว ๒.๒ ป. ๔/๑ ระบุผลของแรงโนม้ ถว่ งท่มี ีต่อวตั ถุจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว ๒.๒ ป. ๔/๒ ใชเ้ คร่อื งชัง่ สปริงในการวัดน้ำหนกั ของวัตถุ ว ๒.๒ ป. ๔/๓ บรรยายมวลของวตั ถุทมี่ ผี ลต่อต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่านโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างสสารกับพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับ เสียง แสง และคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ว ๒.๓ ป. ๔/๑ จำแนกวัตถุเปน็ ตวั กลางโปลง่ ใส ตวั กลางโปลง่ แสง และวัตถทุ บึ แสง จากลกั ษณะการมองเห็นส่งิ ต่างๆผา่ นวตั ถุน้ันเปน็ เกณฑ์ โดยใชห้ ลกั ฐาน เชิงประจกั ษ์ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏสิ มั พนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทีส่ ่งผลต่อสิ่งมีชวี ติ และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ว ๓.๑ ป. ๔/๑ อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการขน้ึ และตกของดวงจนั ทร์ โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ ว ๓.๑ ป. ๔/๒ สร้างแบบจำลองท่อี ธบิ ายแบบรปู การเปลีย่ นแปลง รูปร่างปรากฏ ของดวงจนั ทร์ และพยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์ ว ๓.๑ ป. ๔/๓ สร้างแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ และอธบิ ายเปรยี บเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่างๆ จากแบบจำลอง มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาในชวี ิตจริงอย่าง เปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม
๔ ว ๔.๒ ป. ๔/๑ ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ ในการแก้ปญั หา การอธบิ าย การทำงาน การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ย ว ๔.๒ ป. ๔/๒ ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่ือ และตรวจหาข้อผิดพลาด และแกไ้ ข ว ๔.๒ ป. ๔/๓ ใช้อินเทอรเ์ นต็ คน้ หาความร้แู ละประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู ว ๔.๒ ป. ๔/๔ รวบรวม ประเมิน นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศโดยใช้ซอฟตแ์ วร์ ทหี่ ลากหลายเพอ่ื แก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวนั ว ๔.๒ ป. ๔/๕ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธิและหน้าทขี่ องตน เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ น่ื แจ้งผู้เก่ยี วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มูลหรือบุคคลทีไ่ ม่เหมาะสม ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ ความรู้ (K) ๑. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ีจำแนกส่ิงมีชีวิตโดยใชค้ วามเหมอื นของลักษณะของสงิ่ มชี วี ิตเป็น กลมุ่ พืช กลุ่มสตั ว์ กลุ่มทีไ่ ม่ใชพ่ ชื และไม่ใชส่ ตั ว์ได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ีจำแนกส่งิ มชี ีวิตโดยใช้ความต่างของลกั ษณะของส่ิงมีชวี ิตเปน็ กล่มุ พชื กลุ่มสตั ว์ กลมุ่ ที่ไมใ่ ช่พืชได้และกลุ่มท่ไี ม่ใชส่ ัตวไ์ ด้ (K) ๓. นกั เรียนสามารถบอกวิธีการจำแนกพืชดอกและพชื ไม่มดี อกโดยใชก้ ารมดี อกเปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มูลที่รวบรวมได้ (K) ๔. นกั เรียนสามารถอธิบายวิธีการจำแนกสตั วม์ ีกระดูกสนั หลังและไมม่ ีกระดกู สันหลัง โดยใช้การมกี ระดูกสันหลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ (K) ๕. นกั เรยี นสามารถบรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ในกลุ่มปลา กลุ่มสะเทินนำ้ สะเทินบก กลุ่มสตั วเ์ ลื่อยคลาน กล่มุ นก กลมุ่ สตั วเ์ ล้ยี งลูกดว้ ยนม และยกตวั อยา่ งส่ิงมีชีวิตในแตล่ ะกลุ่มได้ (K) ๖. นักเรยี นสามารถอธิบายการเปรยี บเทยี บสมบัติทางกายภาพ ดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความรอ้ นและการนำไฟฟา้ ของวัสดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ จากการทดลอง ผ่านกระบวนการออกแบบช้ินงานได้ (K)
๕ ๗. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการระบุการนำสมบัตเิ รือ่ งของแขง็ สภาพยืดหย่นุ การนำความร้อนและการนำไฟฟ้า ของวัสดไุ ปใช้ในชวี ิตประจำวนั ผ่านกระบวนการออกแบบช้ินงานได้ (K) ๘. นักเรียนสามารถเชื่อมโยงแลกเปลีย่ นความคิดกับผ้อู นื่ โดยการอภปิ รายเก่ียวกับสมบตั ิ ทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตผุ ลจากการทดลองได้ (K) ๙. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการเปรียบเทยี บสมบัติของสสารทง้ั ๓ สถานะ จากข้อมลู ท่ไี ด้ จากการสงั เกตมุ วลการต้องการทอ่ี ยู่รูปรา่ งของสสารและปริมาตรของสสารได้ (K) ๑๐. นักเรียนสามารถอธบิ ายวิธีการใชเ้ คร่ืองมือเพ่ือวัดมวลของสสารและปริมาตรของสสาร ทัง้ ๓ สถานะได้ (K) ๑๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธกี ารระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งทม่ี ตี อ่ วตั ถจุ ากหลักฐาน เชงิ ประจกั ษไ์ ด้ (K) ๑๒. นักเรยี นสามารถบอกวธิ ีการใช้เคร่อื งชงั่ สปรงิ ในการวดั น้ำหนกั ของวตั ถไุ ด้ (K) ๑๓. นักเรียนสามารถบรรยายมวลของวัตถุทม่ี ีผลต่อต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ขี องวัตถุ จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษไ์ ด้ (K) ๑๔. นักเรยี นสามารถอธิบายวิธีการจำแนกวตั ถเุ ปน็ ตัวกลางโปลง่ ใส โปร่งแสง วัตถทุ ึบแสง จากลักษณะการมองเหน็ สิ่งตา่ งๆผ่านวัตถุน้ันเปน็ เกณฑ์โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ได้ (K) ๑๕. นกั เรียนสามารถอธิบายแบบรูปเส้นทางการขนึ้ และการตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ได้ (K) ๑๖. นักเรียนสามารถอธบิ ายวิธกี ารสร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบายแบบรูปการณ์เปล่ยี นแปลง รปู ร่างปรากฏ แบบจำลองพยากรณข์ องดวงจนั ทร์ได้ (K) ๑๗. นักเรียนสามารถอธิบายวิธกี ารสร้างแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) ๑๘. นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธีการเปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ จากแบบจำลองได้ (K) ๑๙. นักเรียนสามารถอธบิ ายการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ ในการแก้ปญั หา การอธิบาย การทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปญั หาอยา่ งง่ายได้ (K)
๖ ๒๐. นกั เรียนสามารถอธิบายวิธกี ารออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรอื ส่อื และตรวจหาขอ้ ผิดพลาด และแกไ้ ขได้ (K) ๒๑. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ีการใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้และวธิ ีประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู ได้ (K) ๒๒. นกั เรียนสามารถอธิบายวิธีการรวบรวมข้อมูลวธิ ี การประเมนิ ข้อมูล การนำเสนอข้อมลู สารสนเทศ โดยใชซ้ อฟต์แวร์ท่ีหลากหลายเพ่อื แก้ปญั หาในชีวติ ประจำวนั (K) ๒๓. นกั เรียนสามารถบอกวิธกี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสทิ ธิ และหน้าท่ขี องตน เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ ่ืนและสามารถแจง้ ผู้เกีย่ วข้องเมื่อพบข้อมูล หรอื บคุ คลท่ไี มเ่ หมาะสมได้ (K) ๒.๒ ทกั ษะ (P) ๑. นกั เรียนสามารถจำแนกสิง่ มีชวี ติ โดยใชค้ วามเหมือนของลกั ษณะของสิง่ มชี วี ิตเป็นกลมุ่ พชื กลุ่มท่ีไม่พชื กลุม่ สัตว์ กลุ่มที่ไม่ใชส่ ตั วไ์ ด้ (P) ๒. นกั เรียนสามารถจำแนกส่งิ มีชวี ติ โดยใช้ความต่างของลกั ษณะของสิ่งมีชวี ิตเป็นกลมุ่ พชื กลมุ่ ท่ไี มใ่ ช่พชื กลุ่มสตั ว์ กล่มุ ทีไ่ มใ่ ชส่ ตั ว์ได้ (P) ๓. นักเรียนสามารถจำแนกพืชดอกและพชื ไม่มดี อกโดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ (P) ๔. นักเรียนสามารถจำแนกสตั ว์มกี ระดกู สันหลังและสัตวไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั โดยใช้การมีกระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ (P) ๕. นักเรยี นสามารถทดลองบรรยายลกั ษณะเฉพาะท่ีสงั เกตไดข้ องสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ ปลา กลมุ่ สะเทนิ นำ้ สะเทินบก กลมุ่ สัตว์เลอ่ื ยคลาน กลมุ่ นก กลมุ่ สตั ว์เลี้ยงลกู ด้วยนมและยกตวั อย่างส่ิงมีชวี ติ ในแตล่ ะกล่มุ ได้ (P) ๖. นักเรียนสามารถทดลองเปรียบเทยี บและระบกุ ารนำสมบัติสมบัตทิ างกายภาพ ดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยนุ่ การนำความร้อนและการนำไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้ หลักฐานเชงิ ประจักษ์จากการทดลอง ผา่ นกระบวนการออกแบบชิ้นงานได้ (P) ๗. นกั เรียนสามารถแสดงการแลกเปลีย่ นความคดิ กับผูอ้ น่ื โดยการอภปิ รายเก่ยี วกบั สมบตั ิ ทางกายภาพของวัสดอุ ย่างมเี หตผุ ลจากการทดลองได้ (P)
๗ ๘. นักเรยี นสามารถทดลองเปรยี บเทยี บสมบตั ิของสสารทง้ั ๓ สถานะจากขอ้ มูลที่ได้ จากการสังเกตมุ วลการตอ้ งการที่อยู่รปู รา่ งและปริมาตรของสสารได้ (P) ๙. นกั เรยี นสามารถทดลองใชเ้ ครื่องมือวดั มวลและปริมาตรของสสารทั้ง ๓ สถานะได้ (P) ๑๐. นกั เรยี นสามารถทดลองระบุผลของแรงโน้มถว่ งท่มี ีตอ่ วัตถุจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษไ์ ด้ (P) ๑๑. นกั เรียนสามารถทดลองใชเ้ ครอื่ งชง่ั สปรงิ ในการวดั นำ้ หนักของวัตถุได้ (P) ๑๒. นกั เรียนสามารถทดลองบรรยายมวลของวัตถทุ ่มี ผี ลตอ่ ตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคลอื่ นท่ี ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษไ์ ด้ (P) ๑๓. นกั เรียนสามารถทดลองจำแนกวัตถุเป็นตวั กลางโปลง่ ใส ตัวกลางโปล่งแสง วตั ถทุ บึ แสง จากลักษณะการมองเห็นส่งิ ตา่ งๆ ผ่านวตั ถนุ ้ันเปน็ เกณฑโ์ ดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ได้ (P) ๑๔. นักเรียนสามารถทดลองอธิบายแบบรูปเสน้ ทางการขน้ึ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ได้ (P) ๑๕. นักเรียนสามารถสร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปล่ียนแปลง รูปร่างปรากฏ ของดวงจนั ทร์ และพยากรณร์ ปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ได้ (P) ๑๖. นักเรียนสามารถสรา้ งแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะและอธบิ าย เปรยี บเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ า่ งๆ จากแบบจำลองได้ (P) ๑๗. นักเรียนสามารถทดลองใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ ในการแกป้ ัญหา การอธิบาย การทำงาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ยได้ (P) ๑๘. นกั เรียนสามารถออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่อื ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด และแกไ้ ขได้ (P) ๑๙. นักเรียนสามารถใช้อินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้และประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู ได้ (P) ๒๐. นกั เรียนสามารถรวบรวม ประเมนิ นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศโดยใช้ซอฟตแ์ วร์ ทหี่ ลากหลายเพ่อื แกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวนั ได้ (P) ๒๑. นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิและหนา้ ท่ีของตน เคารพในสิทธิของผู้อ่ืน แจ้งผเู้ กย่ี วข้องเมื่อพบขอ้ มูลหรอื บุคคลทไี่ ม่เหมาะสมได้ (P)
๘ ๒.๓ ทศั นคติ (A) ๑. นกั เรียนเหน็ ประโยชนข์ องการจำแนกกลมุ่ สิง่ มีชีวติ (A) ๒. นักเรียนเหน็ ประโยชน์ของการเปรียบเทยี บสมบตั ิทางกายภาพและสมบัตขิ องสสาร (A) ๓. นกั เรียนเหน็ ประโยชนข์ องการใชเ้ คร่ืองมือทางวิทยาศาสตรใ์ นการทดลองตา่ งๆ (A) ๔. นักเรียนเหน็ ประโยชนข์ องการสร้างแบบจำลองตา่ งๆ (A) ๕. นักเรียนเห็นคุณค่าของการใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ ในการแก้ไขปัญหา (A) ๖. นักเรียนเห็นประโยชนช์ องการเขียนและออกแบบโปรแกรม โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ (A) ๗. นักเรียนเหน็ ประโยชนข์ องอนิ เทอร์เนต็ และใช้ให้เกิดประโยชน์สงู สุด (A) ๘. นกั เรียนตระหนักถงึ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เข้าใจสิทธิ หนา้ ที่ของตน เคารพในสทิ ธิของผู้อื่น แจ้งผเู้ กีย่ วขอ้ งเม่อื พบขอ้ มลู หรือบคุ คลทไ่ี มเ่ หมาะสม (A) สาระสำคัญ ศกึ ษาวธิ ีการใชเ้ คร่ืองมือตา่ งๆเพื่อวดั มวลและปรมิ าตรของสสารทั้ง ๓ สถานะอัน ไดแ้ ก่ - ของแขง็ ใช้เครอ่ื งมือ เช่น เครอ่ื งชั่งไฟฟ้า เครื่องชงั่ สปรงิ แบบแขวน เคร่ืองชั่งแบบตั้ง (กโิ ลชงั่ ) - ของเหลว ใชเ้ ครือ่ งมอื เช่น กระบอกตรวง บีกเกอร์ ขวดรูปชมพู่ ขวดปรับปรมิ าตร - แก๊ส ศึกษาวธิ ีการสรา้ งแบบจำลองของระบบสุริยะโดยใชอ้ งคป์ ระกอบเป็นตัวแบบคอื ระบบสุริยะ มีองค์ประกอบ ๕ องคป์ ระกอบคือ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะหว์ งใน ดาวเคราะหว์ งนอก ดวงจันทร์ ดาวเคราะหแ์ คระ และนักเรียนสามารถสร้างแบบจำลองขององค์ประกอบของระบบสุริยะ ศึกษาวิธกี ารเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์ทั้ง ๘ คาบจากแบบจำลองที่ไดป้ ระดษิ ฐ์ เอาไว้ คือ ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั และดาวเนปจูน สาระการเรียนรู้ - นักเรยี นศึกษาวธิ กี ารใช้เครื่องมือตา่ งๆเพอื่ วดั มวลและปรมิ าตรของสสารท้ัง ๓ สถานะ - นักเรยี นศึกษาวิธีการสร้างแบบจำลองของระบบสุริยะ - นกั เรยี นศกึ ษาวธิ ีการเปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะหท์ ง้ั ๘ นักเรยี นศึกษาวิธตี า่ งๆทั้ง ๓ ขอ้ ที่กลา่ วมาแลว้ นนั้ กเ็ พ่ือใหไ้ ดท้ ราบและมคี วามรคู้ วามเข้าใจ เกีย่ วกับเรือ่ งทเี่ รยี นมากขั้น เพ่อื นำไปต่อยอดและใช้ต่อไปในอนาคตได้อยา่ งเกิดประโยชนส์ งู สดุ
๙ คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาการเรยี นรแู้ บบนักวิทยาศาสตร์ การจำแนกสิ่งมชี ีวติ เปน็ กลมุ่ พชื กลุม่ สัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใชพ่ ืชและสัตว์ การจำแนกพืชออกเปน็ พชื ดอกและพชื ไม่มดี อก การจำแนกสตั วอ์ อกเปน็ สตั วม์ ีกระดกู สนั หลังและสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลัง ลักษณะเฉพาะของสัตว์มีกระดกู สนั หลังในกลุ่มปลา กล่มุ สตั ว์สะเทินนำ้ สะเทินบก กลมุ่ สตั วเ์ ล้ือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตวเ์ ลี้ยงลูกด้วยนม หนา้ ท่ขี องราก ลำตน้ ใบและดอกของพชื ดอก สมบัติทางกายภาพ ด้านความแข็ง สภาพยดื หยุ่น การนำความร้อนและการนำไฟฟ้าของวัสดุ การนำสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน สมบัตขิ องสสารทง้ั ๓ สถานะ ผลของแรงโนม้ ถว่ งทม่ี ตี ่อวตั ถุ การวดั น้ำหนกั ของวัตถุ มวลของวตั ถุ ทีม่ ีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ และตัวกลางของแสง การขน้ึ และตกและรปู ร่าง ของดวงจันทร์ และองค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะ การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การออกแบบและเขียนโปรมแกรม อย่างง่าย การตรวจหาข้อผิดพลาดในโปรแกรม การคน้ หาขอ้ มูล ในอนิ เทอร์เน็ตและการใช้คำคน้ การประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู การรวบรวม นำเสนอข้อมูล และสารสนเทศ โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ ต้ังคำถาม คาดคะเนคำตอบหรือสร้างสมมติฐาน วางแผนและสำรวจ ตรวจสอบโดยใชเ้ ครือ่ งมืออปุ กรณแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ประเมนิ ความน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มลู ประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ข้อมลู วิเคราะห์ผลและสรา้ งทางเลอื ก นำเสนอขอ้ มลู ลงความเห็นและสรปุ ผลการสำรวจตรวจสอบ เพอื่ ให้เกดิ ความรู้และความเขา้ ใจ มีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และมที กั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในดา้ นการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบอ้ื งตน้ มีความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้ ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะแกป้ ัญหา และอธิบายการทำงานหรือคาดการผลลัพธ์จากปญั หาอย่างงา่ ย ออกแบบและเขียนโปรมแกรม ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรมแกรมของตนเองและผ้อู ืน่ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และใชค้ วามรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการดำรงชีวติ สามารถส่ือสารอยา่ งมีมารยาทและรูก้ าลเทศะ รู้จกั การป้องกันขอ้ มูลสว่ นตัว มจี ติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม
๑๐ รหัสตัวชว้ี ดั ป. ๔/๑ ป. ๔/๒ ป. ๔/๓ ป. ๔/๔ ป. ๔/๑ ป. ๔/๒ ป. ๔/๓ ป. ๔/๔ ว ๑.๓ ป. ๔/๑ ป. ๔/๒ ป. ๔/๓ ว ๒.๑ ป. ๔/๑ ว ๒.๒ ป. ๔/๑ ป. ๔/๒ ป. ๔/๓ ป. ๔/๕ ว ๒.๓ ป. ๔/๑ ป. ๔/๒ ป. ๔/๓ ป. ๔/๔ ว ๓.๑ ว ๔.๒ รวม ๒๐ ตัวช้วี ัด
๑๑ ตารางโครงสร้างรายวชิ า รายวชิ าพน้ื ฐาน รหสั วิชา ว ๑๔๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง/ ๒ หนว่ ยกิต หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา เรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั (ชวั่ โมง) ๑ พืชจ๋าบอกฉันมาว่าเปน็ อย่างไร ๑ ๑.๑ การบอกหน้าท่ีสว่ นต่างๆของพชื ว ๑.๓ ป. ๔/๑ ๑ ๒ พืชนั้นในความทรงจำ ๕ ๒.๑ การจำแนกพชื ว ๑.๓ ป. ๔/๑ ๑ ๒.๒ การจำแนกส่ิงมีชวี ติ กล่มุ พืช กลุ่มไม่ใช่พชื ว ๑.๓ ป. ๔/๑ ๒ ๒.๓ การจำแนกพชื ดอกจากเกณฑ์ของพืชดอก ว ๑.๓ ป. ๔/๒ ๒ ๓ สตั วเ์ อย๋ เคยเลา่ ๖ ๓.๑ การเห็นประโยชนช์ องการบอกลกั ษณะของสัตว์ ว ๑.๓ ป. ๔/๔ ๑ ๓.๒ การจำแนกลักษณะของสตั ว์ ว ๑.๓ ป. ๔/๑ ๒ ๓.๓ การจำแนกลักษณะของสตั ว์ทม่ี กี ระดูกสันหลงั และไมม่ กี ระดกู ว ๑.๓ ป. ๔/๓ ๒ สนั หลัง ๓.๔ การยกตัวอย่างสตั ว์ในแตล่ ะกลุ่ม ว ๑.๓ ป. ๔/๔ ๑ ๔ การเปน็ ไปของสสาร ๙ ๔.๑ การเปรียบเทยี บสมบตั ทิ างกายภาพ ว ๒.๑ ป. ๔/๑ ๓ - ในดา้ นความแขง็ - ในสภาพยดื หยุ่น - ในการนำความร้อน - ในการนำไฟฟ้า
๑๒ หนว่ ยที่ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา เรยี นรู้/ตัวชี้วดั (ชัว่ โมง) ๔.๒ การเปรียบเทยี บสมบัตขิ องสสาร ท้ัง ๓ สถานะ ว ๒.๑ ป. ๔/๓ ๓ - ของแข็ง - ของเหลว ว ๒.๑ ป. ๔/๑ ๓ - แก๊ส ว ๒.๑ ป. ๔/๒ ๒ ๔.๓ การระบกุ ารนำสมบตั ทิ างกายภาพ ว ๒.๑ ป. ๔/๔ ๒ - ในด้านความแข็ง ๖ - ในสภาพยดื หย่นุ ๓ - ในการนำความร้อน - ในการนำไฟฟ้า ว ๒.๑ ป. ๔/๔ ๓ ๕ อยากรจู้ ักสสารไปพรอ้ มกับเธอ ๕.๑ การแลกเปล่ยี นความคดิ เกี่ยวกบั สมบัตทิ างกายภาพกับผู้อื่น ๖ สสารกบั การทดลอง ๖.๑ การใชเ้ ครือ่ งมอื วัดมวลของสสารทั้ง ๓ สถานะ - ของแข็ง - ของเหลว - แกส๊ ๖.๒ การใชเ้ ครื่องมอื วัดปริมาตรของสสารท้งั ๓ สถานะ - ของแขง็ - ของเหลว - แกส๊
๑๓ หน่วยที่ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เวลา เรียนรู้/ตัวชว้ี ัด (ช่ัวโมง) ๗ วัตถุน้ันท่เี คยพบ ๔ ๗.๑ การบอกมวลของวัตถุท่มี ีผลตอ่ การเปล่ียนแปลง ว ๒.๒ ป. ๔/๓ ๒ การเคลื่อนท่ีของวตั ถุ ๗.๒ การใชเ้ คร่อื งมอื สปริงในการวดั น้ำหนกั ของวตั ถุ ว ๒.๒ ป. ๔/๒ ๒ ๘ ทำไมแรงต้องมีผลตอ่ วตั ถุ ๒ ๘.๑ การระบุผลของแรงโนม้ ถ่วงทีม่ ีผลตอ่ วัตถุ ว ๒.๒ ป. ๔/๑ ๒ ๙ แฝงโพรงมะมว่ ง ๓ ๙.๑ การจำแนกวตั ถุ ว ๒.๓ ป. ๔/๑ ๓ - ตวั กลางโปรง่ ใส - ตวั กลางโปรง่ แสง - ทึบแสง สอบกลางภาคภาคเรยี นที่ ๑ ๑ สอบปลายภาคภาคเรียนที่ ๑ ๑ ๑๐ สู่ความเว้ิงวา้ งอนั ไกลโพน้ ๒ ๑๑.๑ การอธบิ ายรปู เสน้ การขึน้ ลงของดวงจนั ทร์ ว ๓.๑ ป. ๔/๑ ๑ ๑๑.๒ การอธบิ ายรปู เสน้ ทางการตกของดวงจนั ทร์ ว ๓.๑ ป. ๔/๑ ๑ ๑๒ ดวงจนั ทร์นน้ั ที่ใฝฝ่ ัน ๖ ๑๒.๑ การสรา้ งแบบจำลองทอี่ ธิบายรูปแบบการเปลี่ยนแปลง ว ๓.๑ ป. ๔/๒ ๒ ของดวงจนั ทร์ ๒ ๒ ๑๒.๒ การสร้างแบบทดลองรูปร่างทปี่ รากฏของดวงจันทร์ ว ๓.๑ ป. ๔/๒ ๑๒.๓ การสร้างแบบจำลองพยากรณ์รูปร่างการปรากฏของดวงจันทร์ ว ๓.๑ ป. ๔/๒
๑๔ หน่วยที่ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา เรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) ๑๓ ห้วงของจกั รวาล ๓ ๑๓.๑ การสร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ ว ๓.๑ ป. ๔/๓ ๓ ๑๔ เปน็ อยา่ งไรนะวงโคจร ๑ ๑๔.๑ การอธิบายเปรยี บเทยี บคาบโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆ ว ๓.๑ ป. ๔/๓ ๑ ๑๕ เหตผุ ลแบบมีตรรกะ ๘ ๑๕.๑ การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หาจากปญั หาอย่างงา่ ย ว ๔.๒ ป. ๔/๑ ๒ ๑๕.๒ การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายจากปญั หาอย่างงา่ ย ว ๔.๒ ป. ๔/๑ ๒ ๑๕.๓ การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการทำงานจากปัญหาอย่างง่าย ๑๕.๔ การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการคาดการณผ์ ลลพั ธ์จากปัญหา ว ๔.๒ ป. ๔/๑ ๒ ว ๔.๒ ป. ๔/๑ ๒ อย่างงา่ ย ๑๖ ลงมือทดลองกัน ว ๔.๒ ป. ๔/๒ ๔ ๒ ๑๖.๑ การออกแบบโปรมแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ - ซอฟตแ์ วร์ ว ๔.๒ ป. ๔/๒ ๒ - สือ่ ตรวจหาข้อผดิ พลาด ๑๒ ว ๔.๒ ป. ๔/๓ ๒ ๑๖.๒ การเขยี นโปรมแกรมอย่างง่าย โดยใช้ - ซอฟต์แวร์ - สือ่ ตรวจหาข้อผดิ พลาด ๗ ลงมอื อย่างต่อเนอื่ ง ๑๗.๑ การใช้อนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื ค้นหาความรู้
๑๕ หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ เวลา เรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั (ชวั่ โมง) ๑๗.๒ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธิ ว ๔.๒ ป. ๔/๕ ๒ และหน้าทีข่ องตน เคารพสิทธขิ องผ้อู น่ื ว ๔.๒ ป. ๔/๕ ๒ ๑๗.๓ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศแจ้งผู้เก่ียวขอ้ งเม่อื พบขอ้ มูล หรือบคุ คลทีไ่ ม่เหมาะสม ๑๗.๔ การใชส้ ารสนเทศโดยใช้ซอฟตแ์ วร์ทหี่ ลากหลายเพือ่ แกป้ ัญหา ว ๔.๒ ป. ๔/๔ ๒ ในชวี ติ ประจำวนั ๒ ๒ ๑๗.๕ การรวบรวมโดยใช้ซอฟต์แวร์ทห่ี ลากหลายเพือ่ แก้ปัญหา ว ๔.๒ ป. ๔/๔ ในชีวิตประจำวัน ๑๗.๖ การนำเสนอขอ้ มลู โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ทีห่ ลากหลายเพ่อื แกป้ ญั หา ว ๔.๒ ป. ๔/๔ ในชีวิตประจำวัน ๑๘ ใชห่ รือมั่ว ชวั ร์หรือไม่ ๒ ๑๘.๑ การประเมินความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู ว ๔.๒ ป. ๔/๓ ๑ ๑๘.๒ การประเมนิ โดยใชซ้ อฟต์แวร์ที่หลากหลาย ว ๔.๒ ป. ๔/๔ ๑ เพือ่ แกป้ ญั หาในชีวิตประจำวนั ๑ สอบกลางภาคภาคเรียนที่ ๒ สอบปลายภาคภาคเรยี นท่ี ๒ ๑ รวม ๘๐
๑๖ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑
แผนการจัดการเรียนรู้ ๑๗ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๔๑๐๑ การศกึ ษา ๒๕๖๔ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง สสารกบั การทดลอง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ ระหวา่ งสมบตั ิของสสารกับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติ ของการเปล่ียนแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ตวั ชีว้ ดั ว ๒.๑ ป. ๔/๔ ใช้เคร่อื งมือเพ่ือวัดมวล และปริมาตรของสสารทัง้ ๓ สถานะ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถบอกวิธีการใช้เครื่องมือเพ่อื วดั มวลของสสารทั้ง ๓ สถานะได้ (K) ๒. นกั เรียนสามารถบอกวิธีการใช้เครื่องวัดปรมิ าตรของสสารทัง้ ๓ สถานะได้ (K) ๓. นกั เรียนสามารถทดลองใชเ้ คร่อื งมอื วัดมวลของสสารทั้ง ๓ สถานะได้ (P) ๔. นักเรยี นสามารถทดลองใช้เครื่องมอื วัดปรมิ าตรของสสารท้ัง ๓ สถานะได้ (P) ๕. นกั เรยี นเห็นประโยชนข์ องเคร่ืองมือวัดมวลของสสารทั้ง ๓ สถานะ (A) ๖. นักเรยี นเหน็ ประโยชน์ของเครือ่ งมอื วดั ปริมาตรของสสารทัง้ ๓ สถานะ (A) ๓. สาระสำคญั ศกึ ษาวิธกี ารใช้เครอ่ื งมือต่างๆเพอ่ื วัดมวลและปรมิ าตรของสสารทั้ง ๓ สถานะอนั ได้แก่ - ของแขง็ ใชเ้ ครอื่ งมือ เช่น เครือ่ งชั่งไฟฟา้ เคร่อื งช่ังสปริงแบบแขวน เครื่องชั่งแบบต้ัง (กโิ ลชัง่ ) - ของเหลว ใช้เครอื่ งมือ เชน่ กระบอกตรวง บีกเกอร์ ขวดรปู ชมพู่ ขวดปรับปรมิ าตร - แก๊ส
๑๘ ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (K) ๑. ประเภทของสสาร - ของแข็ง - ของเหลว - แก๊ส ๒. เครื่องมือทีใ่ ชว้ ดั สสาร เคร่อื งช่งั ไฟฟ้า เครอื่ งช่ังสปรงิ แบบแขวน เคร่ืองชงั่ แบบตงั้ (กโิ ลชงั่ ) กระบอกตรวง บีกเกอร์ ขวดรปู ชมพู่ ขวดปรับปรมิ าตร ๔.๒ ด้านทักษะ (P) ๑. นักเรียนบอกประเภทของสสารทั้ง ๓ สถานะ ๒. นักเรียนใช้เครอ่ื งมือวัดมวลและปริมาตรของสสารเปน็ ตามท่ีเรยี นมา ๔.๓ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) รกั ชาติ ศาสตร์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทำงาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ ๕. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เฉพาะที่เกดิ ในหนว่ ยการเรียนรู้นี้) ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๑๙ ๖. ทักษะของผูเ้ รียนในศตวรรษที่ ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จดุ เนน้ ส่กู ารพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน) ทกั ษะการอา่ น (Reading) ทักษะการเขียน (Writing) ทกั ษะการคดิ คำนวณ (Arithmetic) ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การทำงานเป็นทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration , teamwork, and leadership) ทักษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั สือ่ (Communication information and media literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing) ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change) ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผูน้ ำ (Leadership) ๗. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) ๗.๑ ใบงานที่ ๑ เร่อื งการวัดมวล ๗.๒ ใบงานท่ี ๒ แบบบันทกึ การวดั มวล ๗.๓ ใบงานที่ ๓ เรื่องการวัดปรมิ าตร ๗.๔ ใบงานท่ี ๔ แบบบันทึกการวัดปรมิ าตร
๒๐ ๘. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี ๑-๓ รูปแบบการจัดการเรยี นการสอน : แบบใช้โสตทัศนวัสดุ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ เรื่อง “การวดั มวล” ขน้ั ที่ ๑ ชมวดิ ทิ ศั น์เรอื่ งการวัดมวล ๑. ครใู หน้ ักเรียนดวู ดิ ที ัศน์เรื่องการวัดมวล ๒. ครูถามความรจู้ ากการที่นกั เรียนได้ดูวิดิทัศน์ ๓. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานที่ ๑ เรอ่ื งการวัดมวลที่จำได้จากการดวู ดิ ิทศั น์ ๓.๑ วธิ ีการวดั มวลมีอะไรบา้ ง ๓.๒ วาดรูปอุปกรณ์ทพี่ บเท่าทจ่ี ำได้ ขัน้ ที่ ๒ พดู เสรมิ ความรู้ใหก้ ับนักเรยี น หลงั จากทีน่ กั เรียนทำกจิ กรรมในใบงานที่ ๑ เรียบรอ้ ยแลว้ ครูพดู ทบทวนความรู้ พนื้ ฐานเกยี่ วกับการเรียนเร่ือง “การวัดมวล” ใหน้ กั เรียนฟงั เพิม่ เตมิ ขน้ั ท่ี ๓ เรยี นรจู้ ริง ครูเร่ิมการเรียนการสอนโดยการแจกใบงานท่ี ๒ ใหน้ กั เรียนเกย่ี วกับเร่ืองการวดั มวล ของวตั ถโุ ดยครูจะใชว้ ัตถุที่อย่ใู นใบงานเป็นการทดลองให้นกั เรยี นดูและใหน้ ักเรยี นปฏิบัติตาม โดยจะมีวตั ถุ คอื ตัวต่อพลาสตกิ ก้อนหิน (ของแขง็ ) นำ้ มันพชื น้ำเปล่า (ของเหลว) ลูกโปร่ง (แก๊ส) ขน้ั ที่ ๔ สรปุ ดว้ ยโสตทศั นว์ ัสดุ ๑. ครทู บทวนความรเู้ พิม่ เตมิ จากเนื้อหาของชัว่ โมงแรก เก่ียวกับวิธีการวดั มวล ๒. ครใู หน้ กั เรียนเดินต่อกันเป็นแถวเพอ่ื มาลองวัดกันทลี ะคน ๓. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนบันทกึ ผลทไ่ี ด้ลงในใบงานท่ี ๒ ขน้ั ที่ ๕ ประเมนิ ผล ครใู ห้นกั เรียนนำใบงานท่ีได้บันทึกผลลงไปมาตรวจสอบกับของครวู ่าตรงกันหรอื ไม่
๒๑ ชั่วโมงที่ ๔-๖ รูปแบบการจดั การเรียนการสอน : แบบใช้โสตทัศนวสั ดุ หน่วยย่อยที่ ๒ เรื่อง “การวดั ปริมาตร” ขั้นท่ี ๑ ชมวิดทิ ัศนเ์ ร่ืองการวัดปรมิ าตร ๑. ครใู ห้นักเรียนดวู ดิ ที ศั น์เร่ืองการวัดปริมาตร ๒. ครูถามความรจู้ ากการทนี่ กั เรียนไดด้ ูวิดทิ ัศน์ ๓. ครูให้นักเรยี นทำใบงานท่ี ๓ เรอื่ งการวัดปริมาตรทีจ่ ำไดจ้ ากการดวู ดิ ทิ ัศน์ ๓.๑ วิธกี ารวดั ปริมาตรมอี ะไรบ้าง ๓.๒ วาดรปู อุปกรณท์ ่ีพบเท่าทจ่ี ำได้ ขน้ั ที่ ๒ พูดเสรมิ ความรใู้ หก้ ับนกั เรียน หลังจากทน่ี ักเรยี นทำกจิ กรรมในใบงานท่ี ๓ เรียบร้อยแล้ว ครูพดู ทบทวนความรู้ พืน้ ฐานเกี่ยวกบั การเรียนเรื่อง “การวดั ปรมิ าตร” ให้นักเรียนฟงั เพ่ิมเติม ขั้นท่ี ๓ เรยี นรู้จรงิ ครเู ร่ิมการเรยี นการสอนโดยการแจกใบงานท่ี ๔ ใหน้ กั เรียนเกย่ี วกับเรอ่ื งการวัดปริมาตร ของวัตถโุ ดยครูจะใชว้ ัตถทุ ่ีอยใู่ นใบงานเปน็ การทดลองใหน้ กั เรยี นดูและใหน้ ักเรยี นปฏิบัติตาม โดยจะมีวตั ถุ คือ ไม้ ปากกา (ของแขง็ ) นำ้ ผลไม้ นม (ของเหลว) ลกู โปร่ง (แก๊ส) ขนั้ ท่ี ๔ สรุปดว้ ยโสตทศั นว์ สั ดุ ๑. ครูทบทวนความรู้เพ่ิมเตมิ จากเนอื้ หาของชวั่ โมงแรก เกี่ยวกบั วธิ ีการวดั ปรมิ าตร ๒. ครูให้นกั เรียนเดินตอ่ กนั เปน็ แถวเพอื่ มาลองวัดกันทีละคน ๓. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนบนั ทกึ ผลท่ีไดล้ งในใบงานที่ ๔ ขน้ั ท่ี ๕ ประเมนิ ผล ครใู หน้ ักเรยี นนำใบงานท่ีไดบ้ ันทึกผลลงไปมาตรวจสอบกับของครูว่าตรงกันหรอื ไม่ ๙. สอ่ื การสอน ๙.๑ วดี ิโอทดลอง
๒๒ ๙.๒ ใบงาน / แบบทดสอบ ๙.๓ ส่ือการเรียนการสอนประกอบการนำเสนอ Power Point ๑๐. แหล่งเรียนร้ใู นหรือนอกสถานที่ ๑๐. หนังสือเรยี น ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ วี ดั ใบงานทใ่ี ห้ทำ ใบงานทีม่ อบหมาย ใบงานท่ีมอบหมาย ๑. นักเรยี นสามารถบอก สังเกต ใบงานท่ใี ห้ทำ มคี วามสมบรู ณถ์ ูกตอ้ ง ใหท้ ำรายบุคคล วธิ ีการใช้เคร่อื งมือเพ่อื วดั มวล การทดลอง ของสสารทง้ั ๓ สถานะได้ (K) การทดลอง ตามเนื้อหา ใบงานทม่ี อบหมาย ๒. นกั เรยี นสามารถบอก สงั เกต ใบงานที่ใหท้ ำ ใบงานทีม่ อบหมาย ให้ทำรายบคุ คล วิธีการใช้เครอ่ื งวดั ปรมิ าตร ใบงานที่ให้ทำ มคี วามสมบูรณถ์ ูกตอ้ ง ของสสารทง้ั ๓ สถานะได้ (K) ใบงานทม่ี อบหมาย ๓. นักเรียนสามารถทดลองใช้ สังเกต ตามเนือ้ หา ทำรายบุคคล เครอื่ งมอื วดั มวลของสสาร ใบงานท่ีมอบหมายให้ ท้งั ๓ สถานะได้ (P) ใบงานทม่ี อบหมาย ๔. นักเรยี นสามารถทดลองใช้ สังเกต ทำรายบุคคล ใหท้ ำรายบคุ คล เครอ่ื งมอื วดั ปริมาตรของ สสารทั้ง ๓ สถานะได้ (P) ใบงานที่มอบหมายให้ ใบงานที่มอบหมาย ๕. นักเรยี นเห็นประโยชนข์ อง สงั เกต ทำรายบคุ คล ให้ทำรายบุคคล เครือ่ งมือวัดมวลของสสาร ทัง้ ๓ สถานะ (A) ใบงานที่มอบหมาย ใบงานที่มอบหมาย ๖. นกั เรยี นเหน็ ประโยชน์ของ สังเกต มีความสมบูรณถ์ ูกต้อง ใหท้ ำรายบคุ คล เครอ่ื งมอื วดั ปรมิ าตรของ สสารทงั้ ๓ สถานะ (A) ตามเนอ้ื หา ใบงานที่มอบหมาย มคี วามสมบรู ณ์ถกู ต้อง ตามเน้อื หา
๒๓ ๑๒. กจิ กรรมเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๓. บนั ทกึ ผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรียนทั้งหมดจำนวน.....................คน จุดประสงค์การเรียนรขู้ ้อท่ี จำนวนนักเรยี นท่ีผา่ น จำนวนนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่าน จำนวนคน รอ้ ยละ ๑. จำนวนคน ร้อยละ ๒. ๓. ๑๔. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... . ๑๕. ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................
๒๔ ลงช่ือ........................................................................ () ตำแหน่งครูวิทยฐานะ................................................ ลงช่ือ..........................................................................หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ () ลงชื่อ.........................................................................รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ () ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แล้วมีความคดิ เห็นดังน้ี ๑. เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๒. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป ๓. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงช่อื ............................................................................................... () ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น………………………………………………………………………..
๒๕ ใบงานท่ี ๑ เรอื่ งการวดั มวล คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามเรื่องการวัดมวลทีไ่ ดจ้ ากการดูวิดทิ ศั น์ ๑. วธิ กี ารวดั มวลมีอะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. วาดรปู อุปกรณ์ท่ีพบเท่าท่ีจำได้ ช่ือ – นามสกุล..................................................................................... เลขที่......... ชัน้ .............
๒๖ ใบงานท่ี ๒ แบบบันทึกผลการวัดมวล คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นเตมิ ผลการวัดมวลลงในช่องตอ่ ไปน้ี วตั ถุ / สสาร สถานะของสสาร มวลทีว่ ดั ได้ ชอื่ – นามสกลุ ..................................................................................... เลขท่ี......... ชนั้ .............
๒๗ ใบงานท่ี ๓ เรื่องการวดั ปรมิ าตร คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามเรอ่ื งการวัดมวลทีไ่ ดจ้ ากการดวู ดิ ิทัศน์ ๑. วิธกี ารวัดมวลมีอะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. วาดรูปอุปกรณ์ทพี่ บเท่าที่จำได้ ชือ่ – นามสกุล..................................................................................... เลขท่ี......... ชั้น.............
๒๘ ใบงานที่ ๔ แบบบันทกึ ผลการวัดปริมาตร คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเติมผลการวัดปรมิ าตรลงในชอ่ งตอ่ ไปนี้ วตั ถุ / สสาร สถานะของสสาร มวลทีว่ ัดได้ ชอื่ – นามสกลุ ..................................................................................... เลขท่ี......... ช้นั .............
๒๙ แบบประเมนิ รายบคุ คล ขือ่ – นามสกุล...........................................................................เลขที่..........ชน้ั .............. ลำดบั ประเด็นการประเมนิ ๔ คุณภาพการปฏบิ ตั งิ าน ๑ ๓๒ ๑ ตรงตามจุดประสงค์ ๒ ถูกต้องตามเน้ือหา ๓ มีความคดิ สร้างสรรค์ ๔ เรยี บเรยี งเนอ้ื หาไดด้ ี ๕ ส่งตรงตามเวลา รวม ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมิน วันท่ี............./.............../...............
๓๐ แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คณุ ลักษณะองั พงึ ประสงค์ ลำดบั ชื่อ - สกุล มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน (๕) (๕) (๕) ลงชือ่ ......................................................................ผูป้ ระเมิน วันท่ี............./.............../...............
๓๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒
แผนการจัดการเรียนรู้ ๓๒ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๔๑๐๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๓ ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง หว้ งของจักรวาล ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ ว ๓.๑ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการ ของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสุรยิ ะท่ีสง่ ผล ต่อสงิ่ มชี ีวิต และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ตัวชี้วดั ว ๓.๑ ป๔/๓ การสร้างแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการสร้างแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถทดลองสรา้ งแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะได้ (P) ๓. นักเรียนเห็นประโยชนจ์ ากการสร้างแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ (A) ๓. สาระสำคัญ ศึกษาวิธีการสร้างแบบจำลองของระบบสรุ ิยะโดยใชอ้ งค์ประกอบเป็นตวั แบบคอื ระบบสุริยะ มีองค์ประกอบ ๕ องคป์ ระกอบคือ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะหว์ งใน ดาวเคราะห์วงนอก ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์แคระ และนกั เรียนสามารถสร้างแบบจำลองขององคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ ๔. สาระการเรยี นรู้ ๔.๑ ด้านความรู้ (K) ๑. องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ ได้แก่ - ดวงอาทิตย์ - ดาวเคราะหว์ งใน
๓๓ - ดาวเคราะหว์ งนอก - ดวงจนั ทร์ - ดาวเคราะห์แคระ ๔.๒ ดา้ นทักษะ (P) ๑. นกั เรียนสรา้ งแบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะตามที่ไดเ้ รยี นมา ๔.๓ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) รกั ชาติ ศาสตร์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สัตย์ สจุ ริต มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง มุง่ ม่ันในการทำงาน รักความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ ๕. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรนู้ ้ี) ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๓๔ ๖. ทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จดุ เน้นสูก่ ารพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทักษะการเขียน (Writing) ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic) ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทักษะดา้ นความร่วมมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การสื่อสาร สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั ส่อื (Communication information and media literacy) ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change) ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ ำ (Leadership) ๗. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) ๗.๑ ใบงานท่ี ๑ “ภาพจำกับระบบสรุ ิยะ” ๗.๒ ใบงานท่ี ๒ “ไดอ้ ะไรมาบ้าง” ๗.๓ ชน้ิ งานส่ิงประดษิ ฐ์ “แบบจำลององค์ประกอบของระบบสุริยะ” ๗.๔ นำเสนอสงิ่ ประดษิ ฐ์
๓๕ ๘. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ ๑-๓ รปู แบบการจัดการเรยี นการสอน : แบบใชโ้ สตทศั นวัสดุ หนว่ ยยอ่ ย เร่ือง “ห้วงของจักรวาล” ขั้นท่ี ๑ ชมวิดทิ ัศนข์ องระบบสรุ ิยะ ๑. ครูในนักเรียนดวู ิดที ัศนเ์ รอ่ื งองค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ ๒. ครถู ามความรจู้ ากการทน่ี ักเรยี นได้ดูวิดิทัศน์ ๓. ครูให้นกั เรยี นทำใบงานเรื่ององคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะท่ีจำได้จากการดูวิดิทัศน์ ๓.๑ องคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะมีอะไรบา้ ง ๓.๒ วาดรปู ระบบสุริยะทีพ่ บเหน็ ในวิดทิ ศั นเ์ ท่าที่จำได้ ขัน้ ที่ ๒ พดู เสริมความรูใ้ ห้กับนักเรียน หลังจากทนี่ กั เรียนทำกิจกรรมในใบงานท่ี ๑ เรียบร้อยแลว้ ครพู ูดทบทวนความรทู้ ค่ี วรรู้พ้ืนฐาน เก่ียวกบั การเรียนเรอ่ื ง “องค์ประกอบของสรุ ยิ ะ” ให้กับนกั เรียนฟังเพิ่มเติม ขน้ั ท่ี ๓ เรียนรู้จรงิ ครูจดั การเรียนการสอนโดยการบรรยายพรอ้ มภาพประกอบของระบบสรุ ิยะ คือ องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะมีด้วยกันท้งั หมด ๕ องคป์ ระกอบ ได้แก่ ๑. ดวงอาทติ ย์ ๒. ดาวเคราะห์วงใน ๓. ดาวเคราะห์วงนอก ๔. ดวงจนั ทร์ ๕. ดาวเคราะห์แคระ ข้ันที่ ๔ สรปุ ด้วยโสตทศั น์วสั ดุ ๑. ครทู บทวนความรูเ้ พิ่มเติมจากเนอื้ หาของช่ัวโมงแรก เก่ียวกบั องคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ ๒. ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรยี นให้เท่ากัน ๓. ให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ทำสง่ิ ประดิษฐ์เกยี่ วกับองคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะจากวสั ดรุ อบตัว ๔. ครูใหน้ ักเรียนออกมานำเสนอผลงานของกลุ่มตนเองหน้าชัน้ เรียน
๓๖ ขน้ั ที่ ๕ ประเมินผล ครูใหน้ ักเรยี นทำสิ่งประดิษฐ์เกย่ี วกบั องค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะจากวัสดุรอบตวั พรอ้ มนำเสนอ ๙. ส่อื การสอน ๙.๑ วดิ ที ศั น์ประกอบการสอน ๙.๒ ใบงาน / แบบทดสอบ ๙.๓ สอื่ การเรยี นการสอนประกอบการนำเสนอ Power Point ๑๐. แหลง่ เรียนรู้ในหรือนอกสถานที่ ๑๐.๑ ห้องสมุด ๑๑. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๑ นกั เรียนอธบิ ายวิธีการ สงั เกต ใบงานและ ใบงานและชิ้นงาน ใบงานและชนิ้ งาน สรา้ งแบบจำลองแสดง สังเกต ช้นิ งาน มคี วามสมบรู ณ์ ทมี่ อบหมาย องคป์ ระกอบของระบบ สังเกต สุรยิ ะได้ (K) ตามเน้ือหา ๒. นกั เรียนสามารถ ทดลองสร้างแบบจำลอง ใบงานและ ใบงานและชน้ิ งาน ใบงานและชิ้นงาน แสดงองค์ประกอบของ ช้ินงาน มีความสมบูรณ์ ทม่ี อบหมาย ระบบสุริยะได้ (P) ๓. นักเรยี นเหน็ ประโยชน์ ตามเนอ้ื หา จากการสร้างแบบจำลอง แสดงองค์ประกอบของ ช้ินงานและ ชิน้ งานมคี วามถูกตอ้ ง ชน้ิ งานที่มอบหมายให้ ระบบสรุ ิยะ (A) การนำเสนอ ตามเนื้อหา ทำรว่ มกนั
๓๗ ๑๒. กจิ กรรมเสนอแนะ …............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๓. บนั ทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรียนการสอน นักเรยี นทง้ั หมดจำนวน.....................คน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูข้ อ้ ท่ี จำนวนนกั เรียนท่ผี า่ น จำนวนนักเรียนที่ไมผ่ ่าน ๑ จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน รอ้ ยละ ๒ ๓ ๑๔.ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ........................................................ ..................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................................ . ๑๕.ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ........................................................ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................................
๓๘ ลงชื่อ........................................................................ () ตำแหนง่ ครูวิทยฐานะ.............................................. ลงช่ือ..........................................................................หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ () ลงชื่อ.........................................................................รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารวชิ าการ () ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ไดท้ ำการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แลว้ มีความคดิ เหน็ ดังนี้ ๑. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจดั กิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป ๓. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................... ลงชื่อ............................................................................................... () ผู้อำนวยการโรงเรียน………………………………………………………………………..
๓๙ ใบงานท่ี ๑ ภาพจำกบั ระบบสรุ ยิ ะ คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนบอกความรเู้ ก่ียวกับองค์ประกอบของระบบสุรยิ ะตามความเข้าใจ (ใบงานนีเ้ ปน็ เพยี งการทดสอบความรเู้ บอื้ งต้นเทา่ นน้ั ) ไมม่ ผี ลกับคะแนน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชือ่ – นามสกลุ ..................................................................................... เลขที่......... ช้นั .............
๔๐ ใบงานที่ ๒ ได้อะไรมาบา้ ง คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามจากการดูวีดิโอเรอื่ ง องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ ๑. องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะมอี ะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. วาดรปู ระบบสุริยะที่พบเหน็ ในวดิ ทิ ัศน์เทา่ ที่จำได้ ชื่อ – นามสกุล..................................................................................... เลขที่......... ช้นั .............
๔๑ ชิน้ งานสิ่งประดษิ ฐ์ แบบจำลององค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นประดิษฐส์ ่ิงประดษิ ฐ์เรอื่ ง องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะตามกลุ่มท่แี บง่ ไว้ จากนัน้ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอ ชือ่ กลุ่ม................................... รายชอื่ สมาชกิ ช้นั ............. ชื่อ – นามสกลุ ..................................................................................... เลขที่......... ชอ่ื – นามสกุล..................................................................................... เลขท่ี......... ชือ่ – นามสกุล..................................................................................... เลขที่......... ชอื่ – นามสกลุ ..................................................................................... เลขที่......... ชอ่ื – นามสกุล..................................................................................... เลขท่ี.........
๔๒ แบบประเมินรายบุคคล ช่อื – นามสกลุ ..................................................................................... เลขที่......... ช้ัน............. ลำดบั ประเด็นการประเมนิ ๔ คณุ ภาพการปฏิบัติงาน ๑ ๓๒ ๑ ตรงตามจุดประสงค์ ๒ ถูกต้องตามเนื้อหา ๓ มีความคิดสร้างสรรค์ ๔ เรียบเรยี งเนอ้ื หาได้ดี ๕ สง่ ตรงตามเวลา รวม ลงชอ่ื ......................................................................ผปู้ ระเมนิ วนั ที่............./.............../...............
๔๓ แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ลำดับ ช่อื - สกุล มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน (๕) (๕) (๕) ลงชอ่ื ......................................................................ผ้ปู ระเมิน วนั ท่ี............./.............../...............
๔๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓
แผนการจัดการเรียนรู้ ๔๕ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๑๔๑๐๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่ือง เปน็ อย่างไรนะวงโคจร ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการ ของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้งั ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะที่สง่ ผล ต่อสิ่งมชี ีวิต และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ตวั ชี้วัด ว ๓.๑ ป. ๔/๓ สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะ และอธบิ าย เปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆจากแบบจำลอง ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธีการเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจำลองได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถทดลองเปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ จากแบบจำลองได้ (P) ๓. นกั เรยี นเหน็ ประโยชน์เปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจำลอง (A) ๓. สาระสำคญั ศึกษาวธิ ีการเปรียบเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ทัง้ ๘ คาบจากแบบจำลองทไ่ี ด้ ประดษิ ฐ์เอาไว้ คือ - ดาวพุธ - ดาวศกุ ร์ - โลก - ดาวอังคาร - ดาวพฤหัสบดี - ดาวเสาร์ - ดาวยูเรนัส - ดาวเนปจูน
๔๖ ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (K) ๑. ดาวเคราะห์ท้งั ๘ ไดแ้ ก่ - ดาวพธุ - ดาวศุกร์ - โลก - ดาวองั คาร - ดาวพฤหัสบดี - ดาวเสาร์ - ดาวยเู รนัส - ดาวเนปจนู ๒. วิธีการเปรยี บเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ทัง้ ๘ ๔.๒ ด้านทักษะ (P) ๑. นักเรยี นบอกชนดิ ของดาวเคราะหท์ ั้ง ๘ ตามทีไ่ ดเ้ รยี นมา ๒. นักเรียนบอกวธิ ีการเปรยี บเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ามท่ไี ดเ้ รยี นมา ๔.๓ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) รักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตย์ สุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่นั ในการทำงาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ ๕. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (เฉพาะท่เี กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี) ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
Search