Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1700vLu0ui351g6b2P1B

1700vLu0ui351g6b2P1B

Published by Prathana Padungpote, 2019-05-30 04:11:59

Description: 1700vLu0ui351g6b2P1B

Search

Read the Text Version

102 ภาพที่ 5.4 การเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม บ้านอาฮี ตาบลอาฮี อาเภอทา่ ล่ี จงั หวดั เลย ในสว่ นที่ 3 คอื Accommodation นกั ท่องเท่ยี วต้องมีสาหรับกนิ นอน ในชมุ ชนหากตอ้ งการให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในชมุ ชนเปน็ เวลานาน กวา่ แค่จุดแวะพกั ในการท่องเทยี่ วคาว่า “accommodation” ไม่ได้หมายถงึ เพียงที่พักแน่นอนอย่างเดียวแต่ รวมถึงบริการด้านอาหารและรา้ นคา้ ด้วย สถานที่นอน สาหรับในเมืองใหญ่ๆ นักท่องเท่ียวอาจจะคาดหวังว่าจะมีที่พักท่ีสะดวกและทันสมัย เช่น โรงแรม ใหญ่ๆ แต่สาหรับในชุมชนน้ันสถานที่ดังกล่าวอาจเป็นในรูปแบบบ้านหลังเล็กหรือบ้านของชุมชนเองที่ จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน หรือบังกะโลท่ีเข้ากับชุมชนได้ แต่ส่ิงท่ีสาคัญคือ ความสะอาด และการจัดการท่ี ดีท่ี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะคาดหวัง ชุมชนไม่จาเป็นต้องสร้างท่ีพักหรูหราเพ่ือบริการนักท่องเท่ียวเหมือนเมือง ใหญ่ เนื่องจากไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเหมือนเมืองท่องเท่ียว เพียงแต่มีสถานท่ีพักที่เหมาะสม และหากแสดงถึง เอกลักษณข์ องชมุ ชนน้ันๆ ด้วยยงิ่ ดี ภาพท่ี 5.5 การจดั การท่พี ักแบบโฮมสเตย์ของชาวบา้ นอาฮี ตาบลอาฮี อาเภอทา่ ลี่ จังหวดั เลย

103 สถานทก่ี นิ ร้านอาหารนน้ั มีขนาดต่างๆ กันต้ังแต่หรูหราจนมาถึงร้านอาหารในบ้านของชมุ ชนเอง ในชุมชนท่ีใหญ่ นักท่องเที่ยวอาจจะคาดหวังร้านอาหารท่ีใหญ่หรือมีร้านให้เลือกมากกว่าในชุมชนท่ีเล็ก อย่างไรก็ตาม นักท่องเท่ียวที่มาเท่ียวในชุมชนเพ่ือความสบายใจ เพื่อศึกษาเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนบ้านของพวกเขา ดังนั้นอาหารในแบบของชุมชนเองจึงเป็นส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการจะทดลองเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ และไดส้ มั ผสั วิถชี ีวิตชองชุมชนอย่างแท้จริง จงึ ควรมีการเตรียมการในสว่ นนี้ไว้ หอ้ งสขุ า ความสะอาดและหาได้ง่ายของห้องสุขาก็เป็นส่ิงสาคัญสาหรับการมาเท่ียวของนักท่องเที่ยว และเป็น สว่ นหน่งึ ท่ีสรา้ งความประทบั ใจหรอื ไม่สร้างความประทบั ใจให้แก่นักทอ่ งเทย่ี วด้วยเชน่ กนั ร้านค้า นักท่องเท่ียวที่มาเท่ียวท่ัวไปจะชอบจับจ่ายซ้ือของโดยเฉพาะของที่ระลึกที่เป็นของพ้ืนเมือง เช่น ศิลปะ หัตถกรรมพนื้ บา้ น หรอื อาจเปน็ โปสการด์ หนงั สือทเ่ี กี่ยวกับแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว หรือแมแ้ ต่แผนที่ ดงั น้นั การ มีร้านคา้ สาหรับขายของท่ีนักท่องเท่ียวอาจต้องการจึงเปน็ อีกทางหนึ่งท่สี ร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและสรา้ งความ ประทับใจแกน่ ักท่องเท่ียวได้ ในบางครั้งรา้ นค้าอาจถือเป็นอีกแหล่งทีท่ ่องเท่ียวในชมุ ชนได้เช่นกัน และอาจเป็น แหลง่ รายไดท้ ส่ี าคญั อยา่ งคาดไมถ่ งึ เลยทีเดยี ว การบรกิ ารขนสง่ คมนาคมโดยเฉพาะในชมุ ชน แม้นักทอ่ งเท่ยี วจะเดนิ ทางมาถงึ ชุมชนแลว้ ก็ตาม นักทอ่ งเท่ียวอาจยงั ต้องการการบรกิ ารดา้ นคมนาคม ภายในชมุ ชนดว้ ย เชน่ จากท่ีพกั ไปยงั ท่องเทีย่ วตา่ งๆ ดังน้ันการบริการดา้ นนี้จงึ ควรมีการเตรียมการไว้และต้อง เน้นถึงความปรอดภัย ความสม่าเสมอและราคาท่ีเหมาะสม สว่ นที่ 4 คือ Attractions นักท่องเท่ียวต้องมีเหตุผลที่จะมาเที่ยวในชุมชน ดังน้ันสิ่งสาคัญท่ีต้องมีในชุมชนคือ ส่ิงที่น่าสนใจท่ีน่า เย่ียมชม หรือน่ามีส่วนร่วม เช่น กิจกรรมต่างๆ ส่ิงเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งดึงดูดสาหรับการท่องเที่ยว สิ่งดึงดูดน้ัน อาจเป็นทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ ภูเขา น้าตก ทะเล หรืออาจเปน็ เทศกาลงานรืน่ เริงต่างๆ บางครัง้ สงิ่ ดงึ ดูดนั้น อาจถูกสร้างข้ึนมา แต่โดยทั่วไปความสาเร็จจะเกิดข้ึนได้มากหากชุมชนเน้นสิ่งดึงดูดทางการท่องเที่ยว ที่มี รากฐานจากชุมชน เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หรือวัฒนธรรม เป็นต้น ตัวอย่างส่ิงที่น่าดึงดูดทางการ ทอ่ งเทย่ี ว เช่น ววิ ทิวทัศน์ทส่ี วยงาม เชน่ ภูเขา นา้ ตก ทะเล แนวปะการัง กจิ กรรมนันทนาการ เช่น เรอื ใบ เดนิ ปา่ ปนื เขา ตกปลา ตง้ั แคมป์ ดนู ก ดาน้า แหล่งทอ่ งเท่ยี วทางประวตั ิศาสตร์ เชน่ พิพิธภณั ฑ์ ตกึ เกา่ วดั แหล่งโบราณคดี แหล่งทอ่ งเท่ยี วทางวฒั นธรรม เชน่ พิพธิ ภณั ฑ์ทางวฒั นธรรม แหล่งทอผา้ ศนู ย์วฒั นธรรม งานประเพณหี รือเทศกาลตา่ งๆ เช่น งานประจาปีของชมุ ชน การแสดงพเิ ศษ การแข่งขนั ประจาปี แหล่งท่องเท่ยี วทโ่ี ดดเด่นในชุมชน เช่น สวน สถาปัตยกรรม อ่าว หรอื ทิวทศั น์ทไ่ี มเ่ หมอื นทอี่ ่ืน

104 อย่างไรก็ตามอย่าคาดคะเนเอาเองว่านักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวแหล่งท่องเท่ียวในชุมชนโดยไม่มีการ ปรับปรุง บูรณะ หรือประชาสัมพันธ์เพ่ือดึงดูดนักท่องเที่ยว ในการเตรียมการในเร่ืองน้ีอาจมีการบริการด้าน ตา่ งๆ ประกอบด้วย เชน่ มัคคุเทศกใ์ นชุมชน ศูนยข์ อ้ มูล หอ้ งสขุ า ร้านค้า รา้ นอาหาร เปน็ ต้น ภาพท่ี 5.6 ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ บ้านอาฮี ตาบลอาฮี อาเภอทา่ ลี่ จงั หวัดเลย สว่ นที่ 5 คอื Advertising ไม่ควรคิดไปเองว่านักท่องเท่ียวจะได้รับรู้เรื่องราวว่ามีแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนของท่านโดยไม่ต้องทา อะไร ดังนั้นการประชาสัมพันธ์จึงถือเป็นองค์ประกอบหน่ึงที่สาคัญ และการประชาสัมพันธ์ทาได้หลายวิธี เชน่ แผ่นพับ โปสเตอร์ ลงในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือร่วมมือกับบริษัทท่องเท่ียว สายการบิน เป็นต้น บางคร้ังอาจมีการประชาสัมพันธ์ในงานแสดงสินค้าการท่องเที่ยวที่ต่างๆ แล้วแต่ว่าสมควรที่จะประชาสัมพนั ธ์ ในระดบั ใด หรอื ผา่ นสอ่ื ใด ท้ัง 5 องค์ประกอบท่ีกล่าวมานี้ถือเป็นพ้ืนฐานสาคัญสาหรับการพัฒนาการท่องเท่ียวในชุมชน และที่ สาคัญที่ลืมไม่ได้คือมิตรภาพท่ีดี ที่จะทาให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าตนได้รับการต้อนรับ และชุมชนมีความยินดีกับ การมาของนักท่องเท่ยี ว สิ่งนถ้ี ือว่าเป็นกุญแจดอกสาคัญท่ีจะสร้างความประทับใจและนาไปสู่การกลับมาเที่ยว อีกครั้งของนักท่องเท่ียว มิตรภาพอันดีของชุมชนน้ันมีความหมายมากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์อันดีระหว่าง นักท่องเท่ียวกับคนในชุมชน แต่หมายรวมถึงการเตรียมการต้อนรับไม่ว่าจะในด้านแหล่งท่องเท่ียวที่ไม่เสื่อม โทรม ห้องน้าท่ีไม่สกปรก ป้ายบอกทางท่ีไม่ให้นักท่องเท่ียวหลง และป้ายบอกเล่าเร่ืองราวของแหล่งท่องเท่ยี ว ตามจุดต่างๆ ในชุน สง่ิ เหลา่ นีเ้ ป็นภาพรวมของมิตรภาพอนั ดขี องชมุ ชนทย่ี ินดหี ยบิ ยื่นใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวท่ีมาเยือน และเปน็ แนวทางท่ีสามารถนาไปสู่ความสาเรจ็ ของการพัฒนาการท่องเทย่ี วภายในชุมชน ข้นั ตอนในการพฒั นาสู่การทอ่ งเทยี่ วชมุ ชน การพัฒนาชมุ ชนสู่การทอ่ งเท่ียวอย่างยังยนื น้นั มีข้นั ตอนและวิธีการดังต่อไปนี้ พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553 : 57-66) ได้อธิบายถึงข้ันตอนในการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชนน้ัน ผู้เขียนได้ศึกษาวิจัยกลุ่มท่ีเกี่ยวข้องโดยในขั้นแรกได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญในด้านการท่องเท่ียวชุมชนคือ นักเขียน นักวิชาการ และนักวิจัย ท่ีเขียนเกี่ยวกับการท่องเท่ียวชุมชนในวารสารทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับ ระดับนานาชาติจานวน 12 วารสาร (ตีพิมพ์ระหว่าปี ค.ศ.1991-2001) และได้สอบถามโดยส่งแบบสอบถาม เก่ียวกับเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชนในหัวข้อต่างๆ และหน่ึงในหัวข้อสาคัญ คือ ข้ันตอนการพัฒนาสู้การ

105 ท่องเท่ียวชุมชนในระยะเริ่มต้นนั้นควรทาอย่างไร คาตอบที่ได้สามารถนามาจัดกลุ่ม เนื้อหาของคาตอบได้ ออกมาเป็น 9 หัวข้อใหญ่ๆจากผู้เชี่ยวชาญผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 113 ท่าน จากน้ันจึงนาคาตอบที่ได้มา ให้ผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง คือ ชุมชน ภาคธุรกิจ ภาคองค์กรรัฐและนักท่องเที่ยว ได้ให้ความคิดเห็นโดยเรียงลาดับ ความสาคญั ของขนั้ ตอนต่างๆ ทาใหส้ ามารถจดั ลาดับความสาคัญในการพัฒนาออกเปน็ 3 ชว่ ง ซ่งึ สามารถเป็น เสมือนการแนะนาแนวทางในการพัฒนาชุมชนใดยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตน้ อยา่ งไร เนือ่ งจากข้ันตอนเหล่านี้ได้มาจาก ผู้มีประสบการณ์ในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน และความเห็นของทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ข้ันตอนดังกล่าวเป็นคาแนะนาในการเริ่มต้นพัฒนาโดยภาพรวม ซึ่งในเชิงลึกแล้ว แต่ละชุมชนอาจจะมีการ ดาเนนิ การแตกต่างออกไป ตามความเหมาะสมของแต่ละชุมชน ขัน้ ตอนแรก ต้องเข้าใจถึงทรัพยากรท่ีมีอยู่ในชุมชนว่าจะนาส่ิงใดมานาเสนอ หรือเป็นเอกลักษณ์จุดเด่น ของชมุ ชน ต้องรวมกลุ่มผูท้ ี่เกี่ยวข้องของทุกภาคส่วนเข้ามาดาเนนิ งานในการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชน ร่วมกันให้ได้ ขน้ั ตอนท่ี 2 ทาให้ชุมชน เข้าใจถึงผลดแี ละผลเสียทอ่ี าจเกิดขน้ึ จากการพัฒนาการท่องเทย่ี ว พัฒนาแผนการทอ่ งเทยี่ วโดยวางเป้าหมายและจุดประสงค์ใหช้ ดั เจน จัดตั้งองค์กรในการดาเนนิ งานดา้ นการท่องเท่ียวในชุมชนใหเ้ ป็นรูปเป็นรา่ ง ในการดาเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนทุกระยะตั้งแต่แรกเร่ิมต้องได้รับความคิดเหน็ จากชมุ ชนและการสนบั สนนุ จากชุมชนน้นั ๆ อยา่ งสม่าเสมอ ควรระบุแกนนา (Key leader) ผู้เป็นแกนนาหลกั ในการขับเคลื่อนการดาเนนิ งานพัฒนาการ ท่องเท่ียวในชุมชน ขั้นตอนที่ 3 พัฒนาในด้านการศึกษาโดยเน้นเรื่องการท่องเที่ยวและมีการฝึกอบรมในเร่ืองต่างๆ ที่ เกี่ยวขอ้ งให้แก่ชมุ ชน ควรสรา้ งเครือข่ายความร่วมมอื เช่น จากองคก์ รภาครัฐหรือเอกชน หรอื ได้รับความชว่ ยเหลือ ในด้านคาแนะนาจากผ้เู ช่ียวชาญทางดา้ นการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวในแกช่ มุ ชนอย่างสม่าเสมอ จากการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชนที่กล่าวมา เป็นรูปแบบกว้างๆ โดยรวมสาหรับในรายละเอียด เชน่ เป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของแต่ละชุมชนนั้น จะมีความแตกต่างกันออกไป หากชุมชนมีทรัพยากรทาง ธรรมชาติมาก ก็อาจต้องการพัฒนาการท่องเท่ียวให้เป็นท่ีรู้จักโดยเน้นการท่องเที่ยวในรูปแบบเชิงนิเวศ หาก ชุมชนใดต้องการเน้นการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมก็อาจเน้นการท่องเที่ยวไปในรูปแบบเชิงวัฒนธรรม เป็นต้น อยา่ งไรก็ตามสิง่ ท่ีต้องเน้นเหมอื นกนั ทุกชุมชน คือ การท่องเทยี่ วชุมชนตอ้ งมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง หากชมุ ชนไม่ เต็มใจท่ีจะเริ่มเดินก้าวแรกในการพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยตัวของพวกเขาเองแล้ว ก็ยากที่จะทาให้การ ท่องเท่ียวในชุมชนเกิดขึ้นได้หากมีเพียงกลุ่มคนจากภายนอกชุมชนมาดาเนินการ การมีส่วนร่วมของชุมชนใน รูปแบบการท่องเท่ียวชุมชนจึงสาคัญมาก การมีส่วนร่วมนั้นต้องเป็นไปอย่างกระตือรือร้นด้วนหรือท่ี ภาษาอังกฤษ ใช้คาว่า Active Participation การท่องเที่ยวชุมชนที่สามารถดาเนินไปในลักษณะน้ีได้จึงจะไป ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการขอความคิดเห็นจากชุมชนในด้านการพัฒนาการ ทอ่ งเท่ยี วก่อนที่จะเรมิ่ ดาเนนิ การจริง มีข้อแนะนาตามรูปภาพท5่ี .7

106 สอบถามชุมชนในเร่ือง รายละเอียดประเด็นสาคัญท่ี จะสอบถามชุมชนก่อนการพัฒนา ดา้ นการท่องเทีย่ วในชมุ ชนคือ - ความคดิ เหน็ - ชมุ ชนตอ้ งการท่ี - เป้าหมายและวัตถปุ ระสงค(์ ในระยะสนั้ - วสิ ยั ทัศน์ จะพัฒนาการ ระยะกลางและระยะยาว) ท่องเทยี่ วภายใน - ความสนใจ - ชมุ ชนต้องการใหช้ มุ ชนเปน็ สถานที่ - ทัศนคติ ชุมชนหรือไม่ อย่างไรในอนาคต - ความตอ้ งการ - การพัฒนา การ - ความคาดหวัง - ชุมชนจะสามารถเข้ามามสี ่วนรว่ มใน - เป้าหมาย วางแผนและ ลักษณะใดบา้ น - ความพอใจ กระบวนการ - การสนับสนนุ ดาเนนิ งาน - ค่านยิ มใดท่คี วรอนรุ กั ษ์ รักษาไว้ และ เกย่ี วกบั การ ค่านิยมใดทีต่ ้องการแลกเปล่ียนกับคน ท่องเที่ยวใน ภายนอก ชมุ ชน - ลกั ษณะการทอ่ งเท่ยี วท่ตี ้องการพฒั นา เกี่ยวกับ และทกั ษะทจ่ี าเปน็ ต้องพัฒนา - อนาคตที่คาดหวงั เชน่ ยกระดบั เศรษฐกจิ มงี านเพม่ิ รายได้เพ่มิ หรอื สรา้ งความเชือ่ มนั่ ในชมุ ชน - ระดับการยอมรบั ในดา้ นการ เปลยี่ นแปลง - ผลกระทบท่ีคาดไวจ้ ากการพฒั นาการ ทอ่ งเท่ยี ว - ทรัพยากรและการนาไปใช้ - จุดเดน่ ของความเปน็ ชุมชน - เครอื ขา่ ยชมุ ชน - จดั ลาดบั ของความสาคญั ของการ ดาเนินการและวิธีการประเมินผล - ชถี้ งึ โอกาสท่ีจะมใี นอนาคต - บทบาทของภาครฐั และเอกชนทมี่ ีส่วน เกยี่ วข้อง - ความขัดแยง้ ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ได้ และการ ป้องกันหรือรบั มอื ภาพท่ี 5.7 รายละเอียดการขอความคิดเห็นจากชุมชน ท่มี า : พิมพ์ระวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553)

107 ตน้ ทุนและผลประโยชนจ์ ากการทอ่ งเท่ียว การวางแผนเพื่อพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืนนอกจากหลักการ ข้ันตอน แนวทาง ท่ีจะทาให้การ พัฒนาการท่องเท่ียวประสบความสาเร็จแล้วส่ิงที่เป็นองค์ประกอบท่ีต้องคานึงถึงและมีความสาคัญเป็นอย่าง มาก คือเรื่องของต้นทุนและผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวซ่ึงถือได้ว่าเป็นอีกความสาคัญอีกอย่างหน่ึงที่มี ความสัมพนั ธแ์ ละผลกระทบท่ไี ม่อาจมองข้ามได้ ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 1-4) ได้ กลา่ วถงึ การท่องเท่ียวเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ทส่ี ุดในโลก ดงั นั้น การท่องเทีย่ วจึงมศี ักยภาพในการท่ีจะ เข้าไปมีบทบาทเก่ียวพันในหลายประเด็นที่เป็นเรื่องสาคัญในหลายๆ พ้ืนท่ีของโลกและได้รับการมองว่า สามารถส่งผลท้ังทางบวกและทางลบได้ ดังนั้น หากเราได้มีการพิจารณาต้นทุนและผลประโยชน์จากการ ท่องเท่ียวเสียตั้งแต่ต้น จะทาให้เราสามารถนาจุดแข็งและโอกาสมาขยายผลให้เกิดประโยชน์อย่างท่ีสุด ขณะเดยี วกนั เรากส็ ามารถลดจุดออ่ น หรอื อุปสรรคความเสีย่ งให้น้อยลงอยา่ งทีส่ ดุ สถานการณ์การวางแผนการท่องเท่ียวแต่ละสถานการณ์จะมีคุณลักษณะแตกต่างกันไปตาม สถานการณ์แวดล้อมนั้นๆ ต้นทุนและผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวจะแตกต่างกันไปตามจุดมุ่งหมาย และ สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ข้ึนอยู่กับลักษณะของการท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ทั้งในระดบั ท้องถ่ินและในระดับภูมภิ าค การพัฒนาการท่องเท่ียวมีทั้งต้นทุนและผลประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ สงิ่ แวดลอ้ ม ดงั แสดงในรูปภาพท่ี 5.8 ด้านเศรษฐกิจ ดา้ นสังคม ตน้ ทนุ ผลประโยชน์ ด้านวฒั นธรรม ด้านสิง่ แวดล้อม ภาพ 5.8 ต้นทนุ และผลประโยชนจ์ ากการพัฒนาการท่องเทีย่ วในดา้ นตา่ งๆ ที่มา : ศนู ย์เพ่ือการวางแผนการทอ่ งเท่ยี วและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549) ผลประโยชน์ดา้ นเศรษฐกิจ 1. การทอ่ งเท่ยี วสรา้ งการจ้างงานในท้องถิ่นทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม 2. การท่องเท่ียวกระตุ้นให้เกิดอุตสาหกรรมภายในประเทศท่ีมีศักยภาพในทางเศรษฐกิจ อาทิ การ โรงแรมและการจัดการด้านท่ีพักประเภทต่างๆ ภัตตาคารและการบริการด้านอาหาร ระบบการขนส่ง หัตถกรรม และการบรกิ ารดา้ นมัคคุเทศก์ เปน็ ต้น

108 3. การทอ่ งเทยี่ วเป็นแหล่งทีม่ าของเงนิ ตราตา่ งประเทศ ตลอดจนการนามาซง่ึ การลงทุนและเงินสะพัด เข้าส่รู ะบบเศรษฐกิจทอ้ งถนิ่ ทรพั ยากรตา่ งๆ และงบประมาณในการลงทนุ ในระบบเศรษฐกจิ น้นั ๆ 4. การทอ่ งเทย่ี วสร้างความหลากหลายให้กบั ระบบเศรษฐกิจของท้องถน่ิ โดยเฉพาะในพื้นทชี่ นบท ซึง่ เปน็ พื้นที่การจ้างงานภาคเกษตรไมแ่ น่นอและเพยี งพอ 5. การท่องเทีย่ วชว่ ยเพิ่มรายไดจ้ ากการเก็บภาษีท่ีได้รับจากนักท่องเท่ียว ในกรณีที่มีการบวกภาษีจาก การขายสนิ ค้าและบริการเขา้ ไปในระบบภาษขี องจังหวัดหรอื การบรหิ ารสว่ นกลาง 6. สร้างโอกาสการจ้างงานในธุรกิจชุมชนซ่ึงสืบเนื่องมาจากการจับจ่ายใช้สอยและการใช้บริการด้าน ต่างๆ ของนกั ท่องเทีย่ วทีห่ ลั่งไหลเขา้ มาในชมุ ชน 7. เพิ่มโอกาสในการทาธุรกิจท่ีเกี่ยวกับสินค้าและการบริการซึ่งยังไม่มีมาก่อนให้กับชุมชน ตลอดจน เป็นการสร้างสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ 8. การปรับปรุงระบบถนนและโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาแหล่ง ท่องเท่ียว ต้นทุนระบบเศรษฐกจิ 1. ลักษณะงานส่วนใหญ่ท่ีเกิดข้ึนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจเป็นงานท่ีได้รับค่าจ้างท่ีค่อนข้างต่า และอาจไมต่ อ้ งการความเชยี่ วชาญเฉพาะทางท่สี ูงนัก 2. ภาวะเงนิ เฟ้อ อาจเกิดข้นึ ในกรณีทผี่ ู้ประกอบการท้องถิน่ ต้องการเพิ่มผลกาไรหรือพยายามจะทาให้ ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินการ สามารถครอบคลมุ คา่ ใชจ้ ่ายในการจา้ งคนงานเพิ่มเตมิ 3. มลู ค่าของอสังหาริมทรัพย์อาจมีราคาสูงข้ึน หากชุมชนนั้นๆ กลายเปน็ แหล่งท่องเที่ยวท่ีได้รับความ นิยมสูง ซ่ึงสามารถส่งผลให้ภาษีอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงข้ึน และจะส่งผลกระทบเป็นความไม่พอใจของคน ท้องถิน่ 4. หากการท่องเท่ียวในพื้นที่นั้นๆ มีลักษณะเป็นการท่องเท่ียวตามฤดูกาล รายได้ของชุมชนจากการ ท่องเที่ยวจะมลี กั ษณะไม่คงที่ 5. ปริมาณความต้องการในการใช้บริการด้านสุขภาพอนามัย และการรักษาความสงบเรียบร้อยของ เจ้าหน้าที่ตารวจ อาจมีปริมาณสูงขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยว ซ่ึงเป็นการจัดบริการ โดยการใช้ต้นทุนจากภาระการ ชาระภาษีของคนทอ้ งถ่ิน 6. อาจเกิดการขาดแคลนทพ่ี ักอาศัยของเจ้าหน้าที่และบุคลากร ผลประโยชนด์ า้ นสังคม 1. เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นจากการพัฒนาระบบเศรษฐกิจอย่างหลากหลาย จากทใี่ ชห้ ลกั การในการพฒั นาอยา่ งย่งั ยนื 2. การท่องเที่ยวก่อให้เกิดสิ่งอานวยความสะดวกด้านนันทนาการและวัฒนธรรม ซ่ึงให้ประโยชน์ทั้ง กับคนในทอ้ งถิน่ นกั ทอ่ งเที่ยวในประเทศและนกั ท่องเท่ยี วจากต่างประเทศ 3. พื้นที่สาธารณะต่างๆ อาจได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยผ่านกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว 4. การท่องเที่ยวช่วยสรา้ งความภูมิใจใหเ้ กิดข้ึนในท้องถ่ินและสร้างโอกาสในการกระชับความสมั พันธ์ และการติดต่อสอ่ื สารระหวา่ งคนจากตา่ งวฒั นธรรม

109 ตน้ ทนุ ทางสังคม 1. การขยายตัวของการท่องเที่ยวท่ีเร็วเกินไป จะทาให้เกิดการขาดแคลนสิ่งอานวยความสะดวกและ บรกิ ารตา่ งๆ ทัง้ ในดา้ นของปรมิ าณและคณุ ภาพ 2. ปญั หาการทง้ิ ขยะไม่เปน็ ที่ การทาลายสาธารณะสมบัติ และอาชญากรรมในท้องถ่นิ อันเป็นผลจาก การขยายตัวดา้ นการท่องเทีย่ ว ต้องกลายเป็นความรับผดิ ชอบของชุมชนน้ัน 3. การท่องเท่ียวก่อให้เกิดการแออัดและปัญหาการจราจร ความแออัดอาจสร้างความรู้ สึกไม่ สะดวกสบายซ่ึงเปน็ สิง่ ที่ไม่พงึ ปรารถนาสาหรับคนท้องถนิ่ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในชมุ ชน 4. นักท่องเท่ียวต่างชาติ ซ่ึงมีความพร้อมด้านวัตถุและเสรีภาพในการแสดงออก อาจทาให้เยาวชนใน ชมุ ชนนั้นๆ เกิดค่านิยมท่คี ลอ้ ยตา ซ่ึงอาจสง่ ผลกระทบอยา่ งรนุ แรงตอ่ วิถีชีวติ ดงั้ เดิมของชุมชน 5. อาชญากรรมที่เพิ่มมากข้ึนอาจมีผลมาจากการท่องเท่ียว โครงสร้างของชุมชนอาจเกิดการ เปลยี่ นแปลงทัง้ ในประเด็นความผูกพนั ของคนในชมุ ชน โครงสรา้ งประชากรและสถาบนั ต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง - ความเปน็ เอกลกั ษณข์ องสงิ่ แวดลอ้ มทางสังคมและวฒั นธรรมอาจเกิดการเปลีย่ นแปลง 6. กิจกรรและการแสดงต่างๆ ท่ีจัดข้ึน อาจถูกบิดเบือนไปจากเอกลักษณ์เดิมและอาจจะไม่ได้สะท้อน ถึงวิถีชีวิตดง้ั เดิมที่แทจ้ ริงของคนในทอ้ งถิ่น 7. แบบแผนการดาเนินชีวิตของชุมชนอาจถูกทาลายและก่อให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนเกินกว่า ระดบั ท่ยี อมรับได้ ผลประโยชนด์ า้ นวัฒนธรรม 1. การท่องเที่ยวสามารถช่วยหนุนสร้างสานึกความตระหนักในเรื่องวัฒนธรรมท้องถ่ิน แต่ใน ขณะเดยี วกนั กอ็ าจก่อใหเ้ กดิ การบิดเบือนได้ 2. การท่องเท่ียวสามารถสร้างรายได้ เพ่ือนาไปใช้ในการทานบุ ารุงแหล่งโบราณคดี สถานท่สี าคัญทาง ประวัติศาสตรแ์ ละการคงอยขู่ องวฒั นธรรม การละเลน่ ประเพณี กิจกรรมพน้ื บ้านต่างๆ ของชมุ ชน 3. การท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปล่ียนทางวัฒนธรรมและประสบการณ์ ซ่ึงจะเป็น ประโยชน์ท้ังนักท่องเท่ียวและคนท้องถ่ิน และสามารถเอ้ือประโยชนต์ ่อการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีและ ศลิ ปหตั ถกรรมด้งั เดมิ ต้นทุนดา้ นวฒั นธรรม 1. เยาวชนในท้องถน่ิ อาจมีพฤตกิ รรมเลียนแบบนกั ทอ่ งเที่ยวในดา้ นคาพดู และการแต่งตัว 2. การท่องเท่ยี วและกิจกรรมที่เกี่ยวขอ้ งอาจทาให้เกดิ ความเสยี หายต่อโบราณสถานของชมุ ชน 3. การทอ่ งเที่ยวอาจนามาซ่ึงความเสียหายระยะยาวต่อขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมความเสอ่ื มถอย ของค่านิยมทอ้ งถ่นิ ผลประโยชนด์ ้านสง่ิ แวดลอ้ ม 1. การท่องเท่ียวทางธรรมชาติช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีต่างๆ ที่อาจมีผลตอบแทน นอ้ ยในด้านเกษตรกรรม แต่ชว่ ยสง่ ผลให้อาณาบริเวณส่วนใหญ่ยงั คงปกคลุมด้วยพืชพรรณธรรมชาติ 2. สวนสาธารณะ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติอาจถูกจัดสรรให้มีมากข้ึนและระบบนิเวศจะได้รับการดูแล ส่งเสริมเพือ่ สนบั สนนุ การทอ่ งเทีย่ วเชิงธรรมชาติ (Nature based tourism) 3. การท่องเที่ยวมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการจัดการสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว เช่น มีระบบการ จดั การขยะ 4. กระตุ้นจติ สานึกในดา้ นการรักษาส่ิงแวดล้อม

110 ต้นทนุ ดา้ นส่ิงแวดล้อม 1. การทอ่ งเที่ยวอาจส่งผลกระทบดา้ นลบตอ่ ความสมบรู ณ์ของสภาพทางกายภาพของพื้นท่ี 2. การพัฒนาอย่างรวดเร็ว การพฒั นาทีม่ ากเกินไปและความแออัดอาจก่อให้เกิดการเปลยี่ นแปลงทาง ภายภาพของสงิ่ แวดล้อมและระบบนเิ วศของพน้ื ทีน่ น้ั ๆ อยา่ งถาวร 3. อาจสรา้ งปญั หาในเรอ่ื งขยะ ความเส่ือมโทรมของพน้ื ท่ี ระบบกาจดั นา้ เสียและการบรหิ ารจดั การส่ิง ปฏกิ ลู ท่ไี ม่เพียงพอกับความต้องการ 4. บรเิ วณที่มคี วามเปราะบาง ตลอดจนถ่ินท่ีอยขู่ องสตั วแ์ ละพืชอาจถูกทาลาย 5. การเส่ือมโทรมของสวนสาธารณะ และเขตอนุรักษ์ต่างๆ อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานมากเกินไปและ ส่งผลให้เกิดการขาดประสทิ ธิภาพในระบบการบริหารจดั การ 6. มีแนวโนม้ ของการเพ่ิมขน้ึ อยา่ งมากมายของปรมิ าณขยะ 7. อาจกอ่ ให้เกดิ ปัญหามลพษิ ทางนา้ และอากาศ 8. การชารุดเสยี หายของระบบสาธารณปู โภคอาจเกิดข้นึ ได้เรว็ กว่าที่ควรจะเป็น การวางแผนกลยุทธ์การทอ่ งเท่ยี วอยา่ งยงั่ ยืนในเชิงบูรณาการ การวางแผนการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืนถือได้ว่าเป็นส่ิงที่ยากและท้าทายเป็นอย่างมาก ซึ่งส่ิงที่จะทาให้ แผนประสบความสาเร็จนอกจากการวางแผนท่ดี ีแลว้ การสรา้ งกลยุทธเ์ พอ่ื ใหส้ ามารถนาไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ย่ิงเป็น สิ่งท่ียากมากกว่า สิ่งที่จะทาให้ท้ังการวางแผนและการสร้างกลยุทธ์ประสบความสาเร็จได้น้ันจะต้องเกิดจาก ความร่วมมือรว่ มแรงรว่ มใจจากทุกองค์ประกอบหลายๆอยา่ งเพื่อให้เกดิ การบรู ณาการทเ่ี ปน็ รปู ธรรมทช่ี ัดเจน ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 11-20) เน้ือ แทข้ องการพัฒนาการท่องเทย่ี วอย่างย่ังยืนจาเป็นต้องมีกระบวนการวางแผนและการบริหารจดั การ ทน่ี ามาซึ่ง ชุดของการดาเนินการท่ีตระหนักในแบบแผนเชิงกลยุทธ์และความยั่งยืนในการวางแผนและการพัฒนา การ วางแผนด้านการท่องเที่ยวยังคงเป็นสิ่งท่ีต้องโต้เถียงกันและยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ต่อไป เน่ืองจากเจ้าหน้าท่ี ของรัฐและผู้ที่ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเท่ียวส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่กับคาจากัดความและขอบเขตใน งานของตนเองเทา่ นน้ั แม้บางประเทศในภูมภิ าคเอเชยี และแปซิฟิก ทเ่ี พิ่งอยใู่ นระยะเร่ิมต้นของการพฒั นาด้านการท่องเที่ยว จะยังไม่มคี วามซบั ซ้อนของอตุ สาหกรรมมากนัก แตก่ ถ็ อื เป็นส่งิ จาเป็นสาหรับผู้มีหนา้ ทีร่ ับผิดชอบดูแลหรือผู้ทา หน้าที่ด้านการวางแผนการท่องเท่ียวท่ีเน้นความสาคัญของประโยชน์สาธารณะ จะต้องตระหนักในมิติท่ีสาคัญ 2 ประการ ไดแ้ ก่ การวางแผนเชงิ กลยทุ ธแ์ ละการวางแผนในเชงิ บรู ณาการ ความจาเปน็ ในการวางแผนการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปญั หาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 11- 20) ได้กล่าวไว้ว่าแม้ว่าเราสามารถพบเห็นแหล่งท่องเท่ียวหลายแห่งท่ีได้รับการพัฒนาโดยปราศจากจิตสานึก ปราศจากแผนเชิงกลยุทธ์ และปราศจากการวางแผนในเชิงบูรณาการ แหล่งท่องเท่ียวเหล่าน้ีต้องประสบกับ ผลกระทบด้านลบต่างๆ ทีม่ อิ าจคาดเดาไดแ้ ละนาไปส่คู วามเส่ือมโทรมในเวลาต่อมาจึงต้องมีการบูณาการดังนี้ (ก) ความจาเป็นในการวางแผน หลายครั้งท่ีผู้มีอานาจในการตัดสินใจในด้านการพัฒนาการท่องเท่ียวมีความคิดเห็นว่าเรามี แผนและกระบวนการวางแผนพัฒนาต่างๆ มากจนเกนิ ไปแลว้ ในขณะที่บางกลุ่มกลับเห็นวา่ เรามีความจาเป็น ที่ต้องมีกฎระเบียบและการวางแผนมากข้ึนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถไปสู่เป้าหมายข องการท่องเท่ียว อย่างยั่งยืน และบางกลุ่มยืนยันว่าพวกเราควรต้องการมีการวางแผนที่น้อยลงรวมถึงกฎระเบียบท่ีน้อยลงด้วย

111 ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีคาตอบใดท่ีถูกต้องสาหรับการวางแผนแต่ละระดับ ในแต่ละสถานการณ์ ความ เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับแต่ละสังคมที่จะเป็นผู้กาหนดว่าอะไรคือความพอดีในการวางแผนการท่องเที่ยวอย่าง ยง่ั ยืน เชน่ เดยี วกนั การวางแผนการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืนจาเป็นต้องอาศัยการมสี ่วนร่วมของท้องถ่นิ อยา่ งเต็มท่ี ในการวางแผนและพัฒนาการท่องเท่ียว ขนาดและคุณภาพของการมีส่วนร่วมดังกล่าวย่อมผันแปรไปตาม ปัจจยั ทางวฒั นธรรมและการเมืองของแตล่ ะพืน้ ที่ การพัฒนาระบบของการวางแผนท่สี ลบั ซับซ้อนยงุ่ ยาม จะไม่ มีประโยชน์ประการใดเลย หากปราศจากการสนับสนุนจากการเมอื งและชมุ ชนนัน้ ๆ ดังน้ัน สาหรบั สถานการณ์ เช่นนี้ จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ก่อนอ่ืนเราต้องสร้างโครงสร้างท่ีเหมาะสมสาหรับกระบวนการวางแผนเ พื่อ หลกี เล่ียงความล้มเหลว อยา่ งเช่นในอดีตท่ผี า่ นมา (ข) ความล้มเหลวของการวางแผนแบบด้ังเดมิ หลายคนได้ต้ังข้อสงสัยในประสิทธิผลของการวางแผน บางคนเห็นว่าเป็นการเสียเวลา เน่ืองจากแผนส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกนามาปฏิบัติแต่ถูกเก็บไว้บนหิ้ง ในหลายกรณีการวางแผนในอดีตมักจะเน้นใน เร่ืองของการพัฒนาข้ันตอนและระเบียนข้อบังคับต่างๆ แทนท่ีจะพัฒนาเครื่องมือหรือกลไกที่จะนาไปสู่ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้กระบวนการวางแผน ความล้มเหลวที่เกิดข้ึนจากการ วางแผนแบบด้ังเดิมและแบบหลักเหตุและผล สามารถจาแนกตามสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ดังแสดงในรูปภาพ 5.9 การขาดความยดื หย่นุ การขาดวิธกี ารคดิ เชงิ การวางแผนแบบจาก การขาดความเช่ือมโยง กลยทุ ธ์และวสิ ัยทศั น์ บนลงสลู่ า่ งทีไ่ ร้ ระหวา่ งการจดั ทาแผน ประสทิ ธผิ ล และการนาไปปฏิบัติ ภาพท่ี 5.9 ปจั จัยท่ีนาไปสู่ความล้มเหลวของการวางแผนแบบดง้ั เดมิ ท่ีมา : ศนู ยเ์ พ่ือการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปญั หาความยากจนแห่งเอเชีย (2549) การขาดความยดื หยนุ่ วิธีการวางแผนแบบด้ังเดิมใช้หลักเหตุผลเชิงตรรกวิทยา ทาให้เป็นแผนท่ีมีความเข้มงวดมากเกินไป ขาดความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนเพ่ือความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วิธีการดาเนินงานที่ระบุรายละเอียดเปน็ ขั้นเป็นตอนและยึดถืออย่าเข้มงวดนีท้ าให้ เป็นการยากท่ีหน่วยงานหรือแหล่งท่องเที่ยวจะสร้างความสมดุลที่พอเหมาะให้เกิดข้ึนระหว่างแหลง่ ทรัพยากร และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อพ้ืนที่ท่องเที่ยวนั้น การใช้กลยุทธการวางแผนท่ีมีความหลากหลาย เน้นพลวัตร การปฏบิ ตั ิท่ไี มย่ ึดหลกั ตายตัว จะช่วยทาให้กระบวนการวางแผนการท่องเที่ยวมีความเปน็ พลวตั ร ยืดหยุน่ และ ปรบั ตวั ไดด้ เี พื่อตอบรบั ต่อความเปลย่ี นแปลงได้ดีข้นึ การขาดวิธีการคดิ เชิงกลยทุ ธแ์ ละวสิ ยั ทัศน์ มกี ารวิพากษว์ ิจารณ์จากนักวจิ ยั บางทา่ นเกยี่ วกบั วธิ ีการวางแผนแบบดั้งเดมิ ซงึ่ ยดึ หลกั เหตุผลว่า แผน เหล่านี้ขาดวิสัยทัศน์ของผู้นาในข้ันตอนของการกาหนดกลยุทธ์ การรวม “วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์” ของบรรดา ผู้นาและผู้มีอานาจในการตัดสินใจ (มิใช่ของผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผน) เข้าไปในแผนด้วย จะทาให้แผน

112 ดังกล่าวไม่เพียงแต่สามารถนาไปใช้เป็นแผนปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็น แนวทางและแนวคดิ สาหรับองค์กร ในการจะบรรลุซง่ึ เป้าหมายรวมและประโยชน์ขององค์กรอกี ดว้ ย การวางแผนแบบจากบนลงส่ลู ่างที่ไรป้ ระสทิ ธผิ ล การวางแผนโดยใช้เจ้าหน้าที่ด้านการวางแผนหรือผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกพื้นท่ีทาให้ไม่สามารถ สะทอ้ นถงึ ความคิดเหน็ ความต้องการ และทศั นคติท่หี ลากหลายของผูม้ สี ว่ นได้เสียประโยชนข์ องการท่องเท่ียว โอกาสท่จี ะประสบความสาเร็จจากการดาเนินการตามแผนแบบบนลงส่ลู ่างนัน้ ค่อนข้างน้อย เน่อื งจากขาดการ สนับสนนุ และความรว่ มมอื จากชุมชนทอ้ งถน่ิ โดยเฉพาะในระบบทางการเมอื ง ซง่ึ คนท้องถน่ิ สว่ นใหญ่ประสงค์ท่ี จะมีสว่ นรว่ มในการตัดสนิ ใจในทิศทางของชุมชนของตน การขาดความเชอื่ มโยงระหวา่ งการจัดทาแผนและการนาไปปฏิบัติ อปุ สรรคสาคญั อีกประการหนงึ่ ของการวางแผน ไดแ้ ก่ การไมส่ ามารถเชื่อมโยงการจัดทาแผนไปสู่การ นาแผนไปปฏิบัติเพ่ือให้เป็นหลักประกันความมั่นใจในความรับผิดชอบที่สามารถตรวจสอบได้ ตลอดจนเพ่ือ การช้ีวัดความสาเร็จของแผนที่นาไปดาเนินการอย่างจริงจัง ความชัดเจนในการระบุความสัมพันธ์ระหว่างการ วางแผนกับข้ันตอนในการนาแผนไปปฏิบัติจาเป็นต้องมี เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะทาให้เกิดประสิทธิผลใน การสรา้ งประสบการณ์ดา้ นการท่องเทย่ี วและความยงั่ ยืนของทรัพยากรด้านการท่องเท่ียวในพ้นื ทน่ี ้ันๆ (ค) การวางแผนการทอ่ งเทย่ี วเชงิ กลยุทธ์-แนวทางการวางแผนเชงิ ปฏบิ ัติการ การวางแผนเชิงกลยุทธเ์ ป็นสง่ิ จาเป็นต่อการท่องเที่ยวอย่างย่ังยนื โดยนาเอาการวางแผนและ กิจกรรมการพัฒนาท่ีแตกต่างกันมาสัมพันธ์เชื่อมโยงกันกับการวางแผนการท่องเที่ยวเชิงกลยุทธ์ในภาพรวม เพือ่ ท่จี ะทาให้เกดิ เปน็ กรอบแนวคิดเชิงบรู ณาการทจ่ี ะใช้กาหนดทศิ ทางของการท่องเทย่ี วต่อไป การวางแผนเชิงกลยุทธ์จะต้องมีความสอดคล้องกันอย่างสูงระหว่างระบบกับส่ิงแวดล้อมน้ันๆ ดังน้ัน ลักษณะสาคญั ของแผนเชงิ กลยทุ ธ์ ได้แก่ เปน็ แผนระยะยาว มีวสิ ัยทัศน์ มีเป้าหมายชัดเจน ระบุวกี ารดาเนนิ การหลักๆ เพื่อบรรลเุ ปา้ หมาย ระบกุ ารจัดสรรแหล่งทรัพยากรท่สี าคัญ มีพลวัตร ไม่ติดยดึ ไม่ตายตัว ตอ้ งมีความยืดหยุ่นและปรบั เปลย่ี นได้ ใหค้ วามมน่ั ใจวา่ มีการเช่ือมโยงขนั้ ตอนการจัดทาแผน และการนาแผนเชงิ กลยทุ ธ์ไปสู่การ ปฏิบตั ิเข้าด้วยกนั อย่างใกล้ชิด โดยผา่ นการติดตามกากับงาน การตรวจสอบ การตรวจสอบคณุ ภาพส่งิ แวดล้อม การประเมินผลและการปรบั เปลีย่ นให้เขา้ กับสถานการณ์ มิใช่เป็นกระบวนการดาเนินงานแบบเส้นตรงแนวเดียวโดดๆ (อาทิ มีการตรวจสอบ สภาพแวดล้อมอย่างสม่าเสมอตลอดทั้งกระบวนการท่ีก่อให้เกิดการตอบสนองในเชิง รุกและปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล ระบบการติดตามกากับงานควรเริ่มปฏิบัติได้ทันทีท่ีมีการกาหนด ดชั นชี ี้วัดเปา้ หมายและมกี ารกาหนดระดบั การบรรลุเปา้ หมายทจี่ ะใชเ้ ป็นข้อมูลพนื้ ฐานของการดาเนนิ กิจกรรม) แนวทางเชิงกลยุทธเ์ พ่ือให้ได้มาซึ่งแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของชุมชน จะต้องประกอบไปด้วยส่ิง ตอ่ ไปน้ี มีการประสานงานท่ีใกล้ชิดระหว่างคนท้องถ่ินและฝ่ายนิติบัญญัติในส่วนภูมิภาค และ โครงสรา้ งทางการเมอื ง

113 เนน้ การมสี ่วนรว่ มและการสนบั สนนุ ของชมุ ชน เน้นบทบาทใหม่ของนักวางแผนในการเป็นผู้ให้ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิค มิใช่ เป็นเพียงผู้ออกแบบแผนงานเท่าน้ัน ทว่าแผนงานควรจะเป็นผลงานของผู้มีส่วนได้เสียในผลประโยชน์ท่ีจะ เกิดข้นึ เปน็ หลัก มีโครงสร้างขององค์กรท่ีเอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมและการเชื่อมโยงแผนงานต่างๆ ได้อย่าง กว้างขวาง ชุมชนมีการเรียนรู้ มีการศึกษาและมีจติ สานึกความตระหนักตอ่ ประเด็นต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง มีประยุกต์หลักการของการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะนาไปสู่ความยั่งยืนใน ระยะยาวของระบบนิเวศ เศรษฐกิจชุมชน และค่านิยมของสังคมวัฒนธรรมของชุมชนเจ้าบ้านน้ันๆ ในขณะท่ี การกระจายของผลประโยชนอ์ ย่างเทา่ เทยี มระหวา่ งผ้มู สี ่วนไดส้ ่วนเสยี ในพ้ืนท่ี เนอ้ื แทข้ องแผนการทอ่ งเทย่ี วเชงิ ยุทธศาสตร์ ในการวางแผนการท่องเที่ยวเชิงยุทธศาสตร์จะต้องคานึงถึงสงิ่ ต่อไปนี้ ศูนย์เพ่ือการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 11-20)การ วางแผนการท่องเท่ียวเชิงกลยุทธ์จะต้องประกอบไปด้วยแนวคิดแนวทางของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ซึ่ง แสวงหาความสอดคล้องกันเปน็ อยา่ งย่ิง ระหวา่ งระบบและสิ่งแวดล้อม โดยผ่านการกาหนดทศิ ทาง (วสิ ัยทศั น์) ระยะยาว เป้าหมาย และกลยุทธ์สาหรับการจัดสรรทรัพยากรและการติดตามกากับดูแลผลกระทบที่เกิดข้ึน ตลอดจนรายละเอียดของแผนปฏิบัติการ ส่ิงเหล่าน้ีจะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเม่ือมีการวางแผนท่ีมีพลวัตร มีความ ยดื หยนุ่ และสามารถปรบั เปลย่ี นได้ดังน้ี การจัดทาแผนและการนาแผนไปสู่การปฏิบัติจาเป็นต้องมีความเช่ือมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยผ่าน กระบวนการตรวจสอบสภาพของส่ิงแวดล้อมอย่างต่อเน่ือง การติดตามกากับงาน การวัดผล ตลอดจนการ ปรับเปล่ยี นแผนกลยทุ ธ์ให้เหมาะสม แผนจะต้องจัดทาข้ึนโดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการท่องเท่ียว ซึ่งมีความ ต้องการทัศนคติและค่านิยมท่ีแตกต่างกันของเขาเหล่านั้น อันสะท้อนให้เห็นในปรัชญา วิสัยทัศน์ และเนื้อหา สาระของแผน ตอ้ งมีความตระหนักชัดเจนในความสมั พันธ์ต่อกนั และกัน ระหว่างองคป์ ระกอบต่างๆ แผน ซงึ่ จะต้อง พิจารณาตง้ั แต่ข้ันตอนการกาหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ ไปจนถึงขั้นตอนการนาไปปฏบิ ัติ แนวทางการวางแผนครอบคลุมแบบแผนการวางแผนหลากหลายลักษณะ ตั้งแต่วธิ ีการวางแผนแบบเนน้ การใช้ เหตผุ ลและเคร่งครัด ไปจนถงึ แผนเชิงกลยุทธ์ การวางแผนในภาพกว้าง ถงึ แมว้ ่าจะมหี ลากหลายรปู หว่า แผน ทดี่ ีโดยทัว่ ไปต้องประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบและข้ันตอนวิธีการปฏิบัติ ดังน้ี 1. มีวสิ ยั ทศั น์ และ/หรือพนั ธกิจที่ชัดเจน 2. มีการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ หรอื วเิ คราะห์ประเด็นปญั หา 3. มเี ปา้ หมายเชิงยทุ ธศาสตร์ 4. มีการประเมนิ ทางเลอื กต่างๆ ในเชงิ กลยุทธ์เพ่ือใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย 5. มกี ลยุทธ์ตา่ งๆ 6. มีการนาเอากลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ (โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ที่สามารถชี้วัดได้และมรี ายละเอียดของแผนปฏิบัติ การ) 7. มีการตดิ ตามกากบั งานและการประเมนิ ผลของการนากลยุทธไ์ ปปฏิบัติและแผนปฏบิ ตั กิ าร

114 8. มีการปรับแผนเชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับข้อมูลท่ีได้รับป้อนกลับมาจากการ ประเมนิ ผลและการตรวจสอบสง่ิ แวดล้อมอย่างต่อเนือ่ ง หลักการของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การวางแผนเชิงกลยทุ ธม์ ีแนวทางและหลักการทส่ี าคญั ดงั นี้ ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 11-20) ได้ อธิบายถึงการวางแผนการท่องเที่ยวเชิงกลยุทธ์จาเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องของเป้าหมายและ หลักการของการทอ่ งเที่ยวอยา่ งยั่งยืน เปา้ หมายและหลกั เกณฑ์บางอย่างที่ควรจะไดร้ ับการพจิ ารณาในการวาง แผนการท่องเท่ียว มีดงั นี้ เศรษฐกิจ การพัฒนาต้องพิจารณาถึงต้นทุนและผลประโยชน์ท่ีจะเกิดขึ้นจากทางเลือกต่างๆ และการตัดสินใจ ต่างๆ บนพ้ืนฐานของมติ ทิ างเศรษฐศาสตร์และสังคมในภาพรวมอยา่ งละเอียด 1. ตอ้ งมีการกระจายผลประโยชนอ์ ยา่ งกว้างขวางในบรรดาผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย 2. ต้องมีการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพแก่นักท่องเที่ยวท่ีสอดคลอ้ งกับเป้าหมาย และค่านิยมของ พืน้ ท่ีทอ่ งเทยี่ วนนั้ ๆ 3. ต้องสร้างความม่ันใจว่าต้นทุนด้านการเงินของการจัดให้มีโครงสร้างพ้ืนฐาน และต้นทุนด้าน การตลาด ไม่ควรใช้ไปมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น สมาชิกในท้องถิ่นนั้นๆ อาจต้องจ่ายภาษีท่ีแพงข้ึน เพือ่ นาเงินภาษีไปใช้ในการพัฒนาหรือบารุงรักษาระบบสาธารณปู การ เพอื่ รองรับการพัฒนาการท่องเที่ยว แต่ ในเร่ืองของรายได้ของสมาชิกในชุมชน การให้บริการต่างๆ ทางสังคมหรือโอกาสในการเข้าถึงระบบ สาธารณูปโภคของรายได้ของสมาชิกในชุมชน การให้บริการต่างๆ ทางสังคมหรือโอกาสในการเข้าถึงระบบ สาธารณูปโภค ตลอดจนการศึกษา และโอกาสในการเข้ารับการฝึกอบรมอาจไม่ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงให้ดี ขึ้นจากเดิม สังคม 1. ต้องมีการจ้างงานท่ีมีความต่อเน่ืองสม่าเสมอ โดยหลีกเล่ียงการจ้างงานต่ากว่าระดับและการ วา่ งงาน อันเน่อื งมาจากการจ้างงานเฉพาะในช่วงฤดกู ารทอ่ งเท่ียวเท่าน้นั 2 ต้องมีการสร้างโอกาสการจ้างงานที่ดีขึ้น มิใช่การได้รับค่าจ้างที่ค่อนข้างต่า ซ่ึงมักจะพบเห็นเป็น แบบฉบับประจาในอุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว 3. ต้องมีการสร้างงานที่มีคุณภาพซึ่งช่วยส่งเสริมการใช้ความรู้ของท้องถิ่น ทักษะความชานาญ และ ประเพณีดง้ั เดิมท่สี ืบทอดมาแตอ่ ดีต อันจะทาให้เกดิ ความรสู้ ึกสุขสมใจและความพงึ พอใจใหก้ บั คนทอ้ งถ่นิ 4. มีการพัฒนามาตรฐานความเป็นอยู่ และมีความเสมอภาคในการกระจายผลประโยชน์ของคนรุ่น ปัจจุบนั ไปจนถงึ คนต่างร่นุ และคนรนุ่ อนาคต ระบบนิเวศ 1. ต้องมีการธารงรักษากระบวนการเชิงนิเวศต่างๆ ที่จาเป็น ธารงความหลากหลายทางชีวภาพ และ ทรัพยากรท่ีไม่สามารถฟ้ืนตัวนากลับมาใช้ได้อีก สาหรับคนรุ่นอนาคต (โดยผ่านกลยุทธ์การพิทักษ์รักษาและ การอนรุ กั ษ์) 1. ต้องมีการวางแผนในขนาดสัดส่วนและจังหวัดก้าวที่เอ้ืออานวยต่อความติดตามกากับดูแล ตรวจสอบ ควบคุม และลดผลกระทบในระยะยาวใหน้ อ้ ยลงอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ลและอยา่ งต่อเนื่อง

115 3. ต้องมีการวิเคราะห์ตน้ ทุนด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมท้งั หมดอยา่ งละเอยี ด โดยการวิเคราะหต์ ้นทุน- ผลประโยชน์อย่างรอบคอบ 4. การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผลกระทบสะสมเป็นการวิเคราะห์สาคัญขั้นแรก ก่อนท่ีจะ ทาการพฒั นาใดๆ ระบบการบรหิ ารจดั การส่ิงแวดล้อมตอ้ งดาเนนิ การโดยธรุ กิจและองคก์ รตา่ งๆ ท่เี กีย่ วข้อง วัฒนธรรม 1. กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและพฤติกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องจะต้องเน้นความเคารพในวัฒนธรรม กจิ กรรมสถานทแ่ี ละค่านิยมของชุมชน 2. การออกแบบใดๆ จะต้องให้สอดคล้องและกลมกลืนกับมรดกของชาติและเอกลักษณ์ท้องถ่ิน รวมท้งั ควรสง่ เสรมิ ความเปน็ เอกลกั ษณข์ องชุมชนและสถานทน่ี ั้นๆ 3.ประเภทของนักท่องเทยี่ วและกิจกรรมต่างๆ ควรสอดคลอ้ งกับความคาดหวังของคนท้องถ่ิน และให้ การปกปักรักษาความออ่ นไหวและวฒั นธรรมท้องถ่ินจากผลกระทบทีอ่ าจเกดิ ข้ึน การเมือง 1.ต้องมีความสอดคล้องกันเป็นอย่างดี ระหว่างเป้าหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม ผลประโยชนใ์ นพนื้ ทีแ่ ละของชมุ ชน กบั เป้าหมายดา้ นการท่องเที่ยว 2. ต้องมีการบูรณาการของแผนและการวางแผนกับแผนอื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้องในพื้นที่และท้องถ่ินและ กระบวนการตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วข้อง 3. สรา้ งความสมดุลให้เกิดขึ้นระหวา่ งการวางแผนจากบนลงสู่ลา่ ง ดว้ ยปัจจัยนาเขา้ และการมีส่วนร่วม ของสมาชกิ ในชุมชนในการวางแผนและพัฒนา การวางแผนทอ่ งเท่ยี วเชงิ กลยทุ ธ์-กระบวนการปฏิบัติ การวางแผนท่องเที่ยวเชงิ กลยทุ ธ์-กระบวนการปฏิบตั ิมีรายละเอียดและขนั้ ตอนดังนี้ ศูนย์เพ่ือการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 11-20) ข้ันตอนหลักของกระบวนการวางแผนด้านการท่องเท่ียวเชิงกลยุทธ์สาหรับพื้นที่พัฒนาการท่องเท่ียว ท่ีเน้น ชุมชนเป็นฐานจะปรากฏในแผนภูมิต่อไปนี้ โปรดสังเกตว่าในขณะที่แต่ละข้ันตอนเกิดขึ้นอย่างเป็นลาดับ แต่ กระบวนการท่ีเกิดขึ้นกลับมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และมีวงจรที่ตอบสนองและเชื่อมโยงกับขั้นตอนต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญที่ต้องสังเกตว่านี้เป็นกระบวนการท่ีแนะนาให้แต่ละประเทศหรือแต่ละพ้ืนที่ พึงพิจารณา ปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับความต้องการ บรรทัดฐาน และคา่ นยิ มของพ้ืนทีน่ ้นั ๆ

116 การกาหนดเป้าหมายโดยรวมของนโยบาย ผ้มู สี ่วน การพฒั นาวิสยั ทศั น์ของผูม้ สี ว่ นไดเ้ สีย ผู้มสี ่วนได้ ได้ส่วน สว่ นเสีย เสีย การกาหนดเปา้ หมายและวตั ถุประสงค์ของ การวางแผน การปรบั ปรุงแก้ไขแผน การปรับปรุงแก้ไขแผน การวิเคราะห์ การกาหนดทาแผนการท่องเทยี่ ว การนาแผนไปสู่การปฏบิ ตั ิ การตดิ ตามประเมินผลและตรวจสอบ ภาพที่ 5.10 กระบวนการวางแผนทอ่ งเทีย่ ว ทมี่ า : ศูนย์เพ่อื การวางแผนการทอ่ งเท่ียวและการแก้ไขปญั หาความยากจนแห่งเอเชยี (2549) วิถที างเพ่อื การบรรลคุ วามสาเร็จของกลยุทธน์ โยบายการท่องเที่ยวเชงิ บูรณาการ การวางแผนดา้ นการท่องเทยี่ วสามารถทาไดใ้ นหลายระดับ 1. แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแหง่ อาทิ ชายหาด แหล่งประวตั ศิ าสตร์ สวนสาธารณะหรอื สวนสนุก 2. กลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยว (ในบางกรณีสถานที่ตั้งและพ้ืนที่ท่องเท่ียวอาจจะเป็นท่ีเดียวกัน แต่โดยท่ัวไป แล้วหมายถงึ พน้ื ที่เชิงภูมศิ าสตร์ทคี่ รอบคลมุ บริเวณกวา้ ง และเป็นท่ตี ้งั ของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วตา่ งๆ) 3. ภูมิภาคที่อยู่ในประเทศ (ซึ่งอาจเป็นพื้นท่ีทางภูมิศาสตร์หรือขอบเขตทางการเมือง หรืออาจขึ้นอยู่ กบั สง่ิ ดึงดดู ทางการท่องเท่ยี วในบรเิ วณน้นั ) 4. ประเทศ (โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ประเทศทเ่ี ป็นเกาะเล็กๆ) 5. กลุ่มของประเทศ อาทิ กลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคแม่น้าโขง ซึ่งมีภาพลักษณ์ของการเป็นจุดหมาย ปลายทางท่ีมีการรวมกลุ่มของประเทศต่างๆ ท่ีมีลักษณะเป็นพ้ืนที่ท่องเท่ียวที่มีจุดดึงดูดการท่องเที่ยวร่วมกัน (theme related destination)

117 เราอาจมีข้อพิจารณาว่า น่าจะมีการบูรณาการระดับการท่องเท่ียวที่หลากหลายเหล่าน้ีให้รวมกันเป็น หนึ่งเดียว เพื่อว่าจะทาให้เกิดความสมดุล ความกลมกลืน ความร่วมมือ ความมั่นใจในการลงทุน ความมี ประสิทธภิ าพ เอกลกั ษณ์ ความละเอียดอ่อน และประการที่สาคัญท่ีสุดคือความยัง่ ยนื ความมุ่งหวงั ท่ีจะให้เกิด บูรณาการน้ีจะประสบผลสาเร็จได้ต้องมีกระบวนการเตรียมการในการกาหนดนโยบายท่องเที่ยวอย่างเป็น ระบบ การจัดทานโยบายด้านการท่องเที่ยว นโยบายจะช่วยสร้างทิศทางให้กับรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจกรรม และโครงการต่างๆ ตลอดจนช่วยเป็นกรอบในการอ้างอิงให้กับการดาเนินงานของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว ถ้าจะให้เกิดการ ท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน ก็ควรจะต้องมีการพัฒนานโยบายการท่องเที่ยวท่ีมีเป้าหมายของการท่องเท่ียวอย่าง ชัดเจน หรือถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นทุกระดับและทุกด้านมุมของการกาหนดนโยบาย ควรมีการนาประเด็นเรื่องการ ทอ่ งเทีย่ วบูรณาการเข้าไปสู่กระบวนการตดั สินใจดว้ ย นโยบายด้านการท่องเท่ียวควรมีลักษณะดังนี้ 1. สามารถเปน็ แนวทางในการดาเนินงานใหก้ บั กลุ่มผ้มู ีสว่ นได้เสียผลประโยชนท์ ุกกลมุ่ 2. ระบวุ ัตถปุ ระสงค์ในภาพรวมดา้ นการท่องเท่ียวท่ตี อ้ งการทาให้สาเร็จ 3. ระบุแผนปฏิบตั ิการ 4. ระบคุ วามรบั ผดิ ชอบในแตล่ ะสว่ นและอานาจหน้าท่ีในการนานโยบายไปปฏิบตั ิ วัตถุประสงค์ของการท่องเท่ียวควรจะเป็นผลิตผลมาจากการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประโยชน์ นอกจากนี้การจัดทานโยบายควรตระหนักถึงความสลับซับซ้อนของการพัฒนาและการบริหาร จัดการ ในความเป็นจริงแล้วมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีกระบวนการพัฒนานโยบายท่ีคลาสสิก เน่ืองจาก การจัดลาดับความสาคัญทางการเมือง การใช้อานาจ ลักษณะความต้องการในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและ แรงกดดันจากอุตสาหกรรม ปจั จยั เหลา่ นี้จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพฒั นานโยบายแต่ละข้นั ตอน อยา่ งน้อย ที่สุด ควรมีการกล่าวถึงบทบาทท่ีการท่องเท่ียวจะมีส่วนในการบริหารพัฒนาประเทศ หรือภูมิภาคน้ันๆ อย่าง ชัดเจน เน่ืองจากจะทาให้การพัฒนาในสาขาอื่นๆ ท้ังของภาครัฐและเอกชน สาม ารถสะท้อนให้เห็น วัตถุประสงค์และการลาดับความสาคัญด้านการท่องเท่ียวท่ีอยู่ในการพัฒนาสาขานั้นๆ ความรับผิดชอบของ ราชการในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและด้านการท่องเที่ยวเป็นตัวอย่างของการท่ี นโยบายและการตดั สนิ ใจในการดาเนินงานต่างๆ มาบรรจบกัน วัตถุประสงค์ในแต่ละประการควรได้รับการทดสอบความสามารถในการนาไปประยุกต์ใช้ได้ และมี ส่วนสนับสนุนต่อวัตถุประสงค์รวม ซ่ึงสัมพันธ์กับการพัฒนาอย่างย่ังยืนโดยควรพิจารณาเป็นพิเศษใน ประเด็นต่างๆ ดังน้ี 1. การอนรุ ักษพ์ ลังงานและนา้ 2. การจา้ งงาน 3. การเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ 4. แผนการพัฒนาดา้ นโครงสรา้ งพืน้ ฐาน 5. การอนุรักษท์ รัพยากรและสิ่งแวดล้อม 6. การฟ้ืนฟเู มืองและชนบท 7. การอนุรกั ษม์ รดกทางวฒั นธรรมและธรรมชาตทิ สี่ บื ทอดกันมา 8. การคุ้มครองผบู้ รโิ ภค 9. สวสั ดิการของชมุ ชน

118 10. การสรา้ งสรรค์ธุรกิจต่างๆ การดาเนินการเพ่ือจัดทานโยบายด้านการท่องเท่ียวให้เป็นที่พึงพอใจจะต้องประกอบไปด้วย วัตถปุ ระสงคท์ ่ีเน้นในเรือ่ งตา่ งๆ ดงั นี้ ดา้ นเศรษฐกิจ การทาให้การท่องเที่ยวและกิจกรรมด้านนันทนาการสามารถเอ้ืออานวยให้เกิดผลประโยชน์อย่าง สูงสุดดา้ นความม่ังคัง่ ทางเศรษฐกิจ ดา้ นการจา้ งงานอย่างเต็มท่ี การพฒั นาเศรษฐกิจภูมิภาค และการปรับปรุง ระบบดุลบัญชีระหว่างประเทศเปน็ สง่ิ ที่มคี วามจาเป็นอยา่ งย่งิ ดา้ นสงั คม-วฒั นธรรม นโยบายต้องส่งเสริมทาให้สมาชิกในสังคมมีการเจริญงอกงาม มีความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน ตลอดจนให้ การศกึ ษา และความภูมใิ จในภูมิประเทศท้องถิ่น รวมทงั้ ประวัตศิ าสตร์ และความหลากหลายทางด้านชาติพันธ์ุ นโยบายสังคมควรจะหลีกเล่ียงกิจกรรมท่ีจะทาให้เกิดความเส่ือมโทรมและความเสียหายต่อค่านิยมทางสังคม และวัฒนธรรม ตลอดจนทรพั ยากรของพืน้ ท่ี ขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตของคนในทอ้ งถ่ิน การพฒั นาเชิงการตลาด นโยบายจะต้องสง่ เสรมิ ให้เกิดความสะดวกในการเดินทางมาเยือนของนักท่องเที่ยวตา่ งชาติ ในขณะท่ี ต้องพยายามสร้างความสมดุลให้เกิดข้ึนระหว่างเป้าหมายด้านเศรษฐกิจกับความจาเป็นในการติดตามกากับ ดแู ลทง้ั บุคคล และสนิ คา้ ทีจ่ ะเขา้ มาในประเทศภายใตก้ ฎหมายด้านสาธารณสขุ การปกป้องและการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากร นโยบายจะต้องมีเนื้อหาของการปกป้องและอนุรกั ษ์พ้ืนฐานดา้ นประวัติศาสตร์และวฒั นธรรม ซึ่งเป็น สวนหน่ึงของวิถีชีวิตชุมชนและการพัฒนา ตลอดจนการรักษาสิ่งเหล่าน้ีให้ดารงสืบไปในอนุชนรุ่นหลังให้ไดช้ ืน่ ชมมรดกอันล้าค่าของชุมชนนั้นๆ ต่อไป นโยบายเหล่าน้ีจะต้องทาให้เกิดความสอดคล้องระหว่างกิจกรรม นักท่องเที่ยว การนันทนาการ และการอนุรักษ์พลังงาน การรักษาสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรทาง ธรรมชาติอยา่ งรอบคอบ การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ การมีแรงงานที่มีคุณภาพและความชานาญในระดับวิชาชีพท่ี เพียงพอต่อความต้องการของ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวน้ันเป็นส่ิงสาคัญเพ่ือให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการในอนาคตของอุตสาหกรรม ท่องเท่ียว นโยบายด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จาเป็นต้องให้ความสาคัญในเรื่องของการฝึกอบรม การให้ การศึกษา ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีมีความจาเป็นในการฝึกอบรม เพ่ือให้ตอบสนองความต้องการของ ภาคอตุ สาหกรรม การดาเนินงานของรฐั บาล นโยบายต้องช่วยให้เกิดกิจกรรมการประสานความร่วมมือด้านการท่องเท่ียว ซึ่งเปิดทางให้ภาครัฐ แสดงบทบาทเปน็ ผูน้ าในการสนบั สนนุ ความต้องการของนักท่องเท่ยี ว สมาชิกในชุมชน และธรุ กจิ การทอ่ งเท่ียว โดยผ่านการบริหารและการออกกฎหมายทเ่ี หมาะสม ประเทศส่วนใหญ่จะพัฒนาวิธีกาหนดนโยบายท่ีเป็นแบบฉบับของตนเอง นโยบายสาหรับการ ท่องเทยี่ วจาเปน็ ตอ้ งมคี วามสอดคล้องกบั จดุ ยนื และเป้าหมายโดยรวม ทที่ าให้พร้อมทีจ่ ะบูรณาการกับนโยบาย ดา้ นอ่ืนๆ ของประเทศ ท้ังในเชิงแนวราบของสาขานโยบายและในเชงิ การบริหารนโยบายตามแนวด่งิ กระบวนการเชิงนโยบายจะต้องก้าวไปสู่กลยุทธ์ แผน แผนงาน กฎหมายและข้อบังคับต่างๆ เป็นสิ่ง สาคัญทกี่ ระบวนการนโยบายในแต่ละขั้นตอนของนโยบายแต่ละระดับ (ท้ังระดับชาติ ระดบั ภูมิภาค และระดับ

119 ท้องถิ่น) จะต้องมีบูรณาการในเชิงแนวราบของสาขานโยบายและเชิงการบริการนโยบายตามแนวด่ิงอย่าง ระมดั ระวงั บทสรปุ การวางแผนพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืนเป็นแนวทางสาคัญในการพัฒนาพ้ืนท่ีเพ่ือรองรับการ ท่องเที่ยวซึ่งจะต้องให้ความสาคัญกับหลักการพ้ืนฐานในการวางแผนประกอบไปด้วย การพัฒนาอย่างไรสู่การ ท่องเท่ียวชุมชนอย่างย่ังยืน ขั้นตอนในการพัฒนาสู่การท่องเท่ียวชุมชน ต้นทุนและผลประโยชน์จากการ ท่องเที่ยว การวางแผนกลยุทธ์การท่องเท่ียวอย่างยั่งยืนในเชิงบูรณาการ เนื้อแท้ของแผนการท่องเที่ยวเชิง ยุทธศาสตร์ เนื้อแท้ของแผนการท่องเท่ียวเชิงยุทธศาสตร์ หลักการของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การวางแผน ท่องเท่ียวเชิงกลยุทธ์-กระบวนการปฏิบัติ การจัดทานโยบายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรายละเอียดท้ังหมดจะ นาไปสู่แนวทางการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสร้างการมีส่วนร่วม พร้อมท้ังสร้างความ เขม้ แข็งให้กบั ชมุ ชนต่อไป แบบฝึกหัด 1. ใหน้ กั ศึกษาอธบิ ายกระบวนการการพฒั นาแหล่งท่องเทย่ี วสูค่ วามย่ังยืนมาให้ถูกต้อง 2. จงอธิบายขนั้ ตอนในการพัฒนาสู่การทอ่ งเท่ียวชมุ ชนอย่างยัง่ ยนื 3. บอกต้นทนุ และผลประโยชนจ์ ากการท่องเท่ียวมีอะไรบ้าง 4. จงสรปุ การวางแผนกลยุทธ์การทอ่ งเที่ยวอย่างยง่ั ยนื ในเชงิ บูรณาการ 5. จงอธิบายเนื้อแท้ของแผนการทอ่ งเทีย่ วเชิงยทุ ธศาสตร์มีลกั ษณะอย่างไร 6. สรปุ หลกั การของการวางแผนเชงิ กลยุทธ์มหี ลกั การอย่างไร 7. จงวางแผนทอ่ งเทยี่ วเชงิ กลยุทธ์-กระบวนการปฏิบัติ 8. วิธีการการจดั ทานโยบายด้านการท่องเทย่ี วมีข้นั ตอนการปฏิบตั ิอยา่ งไร

120 เอกสารอา้ งองิ เทิดชาย ช่วยบารุง. (2552).บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่าง ย่งั ยืน บนฐานเศรษฐกิจพอเพยี ง.วิทยาลัยการปกครองท้องถิน่ สถาบันพระปกเกล้า. พิมพ์ระวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553). การท่องเทย่ี วชมุ ชน. พิมพค์ ร้ังท่ี 1: กรงุ เทพ สานกั พมิ พโ์ อเดยี นสโตร.์ ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549). แนวทางการวาง แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน : คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนยร์ งั สิต. Ahmad Fitri Amir, Ammar Abd Ghapar, Salamiah A. Jamal, and Khairun Najiah Ahmad (2015). Sustainable tourism development: A study on community resilience for rural tourism in Malaysia. Risteski., M, Kocevski., J, Arnaudov., (2012). Spatial planning sustainable tourism as basis for developing competitive tourist destinations. Procedia – Social and Behavioral Sciences 44 (2012) 375-386.

แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 7 การพัฒนาการมสี ว่ นร่วมทางการท่องเที่ยวของชมุ ชน เน้ือหาประจาบท 1. การพฒั นาการมสี ว่ นร่วมทางการท่องเทย่ี วของชมุ ชน 2. การประเมนิ ศกั ยภาพความพรอ้ มทางการท่องเที่ยวแบบยงั้ ยนื ของชมุ ชนทอ้ งถ่ิน 3. การเตรียมความพรอ้ มทางการท่องเทยี่ วของชมุ ชนท้องถ่ิน 4. การพฒั นาชมุ ชนท้องถน่ิ เพ่ือใหส้ ามารถรองรบั นักท่องเท่ียวคุณภาพ 5. แนวทางการพฒั นาองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ เพ่ือสร้างศกั ยภาพการพัฒนาการท่องเท่ยี ว ส่คู วามยั่งยืน 6. แนวคิดการมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาการท่องเที่ยวแบบย่งั ยนื ของชมุ ชนท้องถ่นิ 7. สรปุ 8. แบบฝกึ หัดทา้ ยบท วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. อธิบายการพัฒนาการมีสว่ นร่วมทางการท่องเทยี่ วของชุมชนได้ 2. ประเมินศักยภาพความพร้อมทางการท่องเทย่ี วแบบย้งั ยืนของชมุ ชนท้องถน่ิ ได้ 3. อธบิ ายการเตรียมความพร้อมทางการท่องเทย่ี วของชมุ ชนท้องถ่ินได้ 4. อธบิ ายและสรปุ การพฒั นาชมุ ชนท้องถิ่นเพื่อใหส้ ามารถรองรับนกั ท่องเทย่ี วคุณภาพได้ 5. อธิบายแนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพื่อสร้างศกั ยภาพการพฒั นาการ ท่องเที่ยวสู่ความย่ังยืนได้ 6. สรปุ แนวคดิ การมีส่วนรว่ มในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ได้ วธิ สี อน 1. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนวิชาการพฒั นาการท่องเทยี่ วอย่างยง่ั ยืน 2. อาจารย์ผสู้ อนให้หัวข้อผเู้ รียนอภปิ รายผลและสรุป 3. ใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ถาม-ตอบผู้เรียน 4. บรรยายและยกตวั อยา่ งประกอบ กิจกรรม 1. แบง่ กลมุ่ ใหน้ กั ศึกษาสรปุ เน้อื หาสาคัญและนาเสนอ 2. การแสดงบทบาทสมมติ 3. คน้ ควา้ เพมิ่ เติมจากอินเตอร์เน็ต 4. ตอบคาถามระหว่างบรรยาย 5. ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท

153 สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยนื 2. PowerPoint ประกอบการบรรยาย 3. ภาพประกอบต่างๆจากอนิ เตอร์เน็ต การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการนาเสนอรายงาน 2. ประเมนิ ผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 3. สังเกตพฤติกรรมผเู้ รยี นในการถาม-ตอบ 4. สังเกตจากพฤติกรรมความสนใจและการรว่ มกิจกรรมในชั้นเรยี น

154 บทที่ 7 การพฒั นาการมสี ว่ นร่วมทางการท่องเทีย่ วของชมุ ชน การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชนมีความสาคัญเป็นอย่างยิ่ง ชุมชนจะต้องเข้าใจ หลกั การและองค์ประกอบตา่ งๆ ทีม่ ีความสอดคล้องกนั ซึ่งการพัฒนาการมสี ่วนร่วมทางการท่องเทย่ี วชุมชน มี ความละเอียดอ่อน จึงต้องมีการศึกษารายละเอียดต่างๆให้เข้าใจและมีความชัดเจนจึงจะสามารถวางแผนใน การพัฒนาการมสี ว่ นร่วมทางการท่องเที่ยวของชุมชนใหบ้ รรลุเปา้ หมายได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชน เป็นสิ่งสาคัญส่ิงแรกท่ีจะต้องทาให้ชุมชนเห็นถึง ความสาคัญในเร่ืองของการมีส่วนร่วม เช่น การแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ค้นหาเอกลักษณ์ของชุมชนร่วมกัน ปฏิบัติร่วมกัน แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นต้นซึ่งกิจกรรมเหล่าน้ีจะช่วยให้ชุมชนได้เข้าใจทิศทางร่วมกัน จากน้ันชุมชนจะมองเห็นภาพอนาคตที่จะเกิดข้ึนจึงนาส่ิงน้ันมาร่วมกันพัฒนาโดยทุกคนในชุมชน บทนี้จะ กล่าวถึงองค์ประกอบด้านการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชน การประเมินศักยภาพความ พร้อมทางการท่องเที่ยวแบบยั้งยืนของชุมชนท้องถ่ิน การเตรียมความพร้อมทางการท่องเที่ยวของชุมชน ท้องถิ่น การพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ แนวทางการพัฒนาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือสร้างศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความย่ังยืน แนวคิดการมีส่วนร่วมในการ พฒั นาการท่องเที่ยวแบบยัง่ ยืนของชมุ ชนทอ้ งถิน่ การพัฒนาการมสี ว่ นร่วมทางการท่องเทีย่ วของชุมชน การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชนเป็นแนวทางเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับแหล่ง ท่องเท่ียว โดยคนในชุมชนร่วมกันคิด ร่วมกันลงมือปฏิบัติ ร่วมกันตรวจสอบและร่วมกันแก้ไขปัญหาผ่านการ ทางานเปน็ ทมี บุญเลิศ จติ ต้ังวัฒนา (2542) ไดก้ ลา่ วถึงการพัฒนาการมีสว่ นร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชนท้องถ่ิน ในแหล่งท่องเที่ยวมีความสาคัญยิ่งต่อการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืน เพราะเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถ่ินมี ส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างสะดวกรวดเร็ว และไม่ขัดแย้งกัน อีกท้ังยังง่ายต่อการช่วยดูแลรักษาทรัพยากรท่องเที่ยวและส่ิงแวดล้อมให้คงอยู่อย่างย้ังยืน และเกดิ ประโยชน์ต่อชมุ ชนท้องถ่นิ ในแหลง่ ท่องเท่ยี ว อันหมายรวมถึงการกระจายรายได้ การยกระดบั คุณภาพ ชีวิตและไดร้ ับผลตอบแทนท่ีจะนากลับมาบารงุ รักษาและจัดการแหล่งท่องเทย่ี ว แล้วในทส่ี ุดชมุ ชนทอ้ งถ่ินจะมี ส่วนในการควบคมุ การพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วอย่างมีคุณภาพและย่ังยนื สาเหตุท่ตี ้องเปดิ โอกาสใหช้ มุ ชนท้องถิ่นมี ส่วนรว่ มในการท่องเทีย่ ว ก็เพราะชุมชนทอ้ งถ่นิ เปน็ ผูไ้ ดร้ บั ผลกระทบโดยตรงจากการท่องเทย่ี วหรอื ในบางกรณี การท่องเท่ียวอาจทาให้การใช้ทรัพยากรของชุมชนท้องถิ่นลดน้อยลง จึงต้องให้ชุมชนท้องถ่ินซ่ึงเป็นผู้รู้ปัญหา และความต้องการของชุมชนท้องถิ่นของตนได้ดีกว่าผู้อ่ืน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวของเขา เอง ซ่ึงการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถ่ินหมายถึงการสนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชน ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทุกข้ันตอนและให้ชุมชนท้องถ่ินได้รับผลประโยชน์จาการ ท่องเท่ียว เพ่ือก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหน ความภาคภูมิใจ พร้อมท้ังการสร้างจิตสานึกในการดูแล ปกปอ้ งรกั ษาทรัพยากรทอ่ งเทยี่ วและสภาพแวดลอ้ มใหค้ งอยู่อย่างยงั้ ยืน

155 การประเมินศักยภาพความพร้อมทางการท่องเท่ยี วแบบยั้งยนื ของชุมชนท้องถนิ่ การท่องเท่ียวย่อมก่อผลกระทบท้ังด้านบวกและด้านลบต่อชุมชนท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น การพัฒนาการท่องเท่ียวจะต้องคานึงถึงชุมชนท้องถิ่นในพ้ืนที่แหล่งท่องเที่ยวและบริเวณใกล้เคียง โดยต้องให้ ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียวเพราะเป็นผู้ทราบถึงปัญหา ความต้องการ และได้รับ ผลกระทบจากการท่องเที่ยว อีกท้ังเป็นการกระจายอานาจสู้ท้องถ่ินในการจัดการท่องเที่ยวของตนเอง นอกจากน้ีชุมชนท้องถิ่นยังมีความรักและความผูกพันกับทรัพยากรท่องเท่ียวและส่ิงแวดล้อมในพื้นท่ีของตน การให้เกียรติชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียว ย่อมทาให้ชุมชนท้องถ่ินเกิดความรู้สึก ในการเป็นเจ้าของหวงแหน เห็นคุณค่าทรัพยากรท่องเที่ยวและส่ิงแวดล้อม ยังผลให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากร ท่องเท่ียวและส่ิงแวดล้อมในพ้ืนท่ีของตนการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นเหมาะ กับ การพัฒนาการท่องเท่ียวท่ีเน้นให้เกิดการช่วยเหลือตนเอง การริเร่ิมงานจากระดับชุมชนท้องถิ่นซ่ึงจะเป็นฐาน นาไปสู่การแก้ปัญหาในระยะยาวและการพัฒนาท่ียังยืน ถ้าหากท้องถิ่นใดยังไม่พร้อมที่จะเปิดเป็นแหล่ง ท่องเทย่ี วหรือยงั ไมต่ ้องการต้อนรับนักทอ่ งเที่ยว ถา้ รัฐบาลจะฝนื ความต้องการก็จะไดร้ ับการต่อต้านจากชุมชน ทอ้ งถิ่น เปรยี บเทียบวา่ เขาไม่ไดเ้ ปน็ ผู้เชิญแขกแต่แขกเข้าไปเท่ียวบ้านเขาเอง ยอ่ มทาใหเ้ ขาไม่พอใจ จงึ ควรให้ เขาสมัครใจหรืออยากเชิญแขกเข้าไปเย่ียมบ้านเขาเอง เมื่อเขาพร้อมที่จะจัดระบบในวิถีทางการจัดการ ท่องเที่ยวของเขา อันจะทาให้เขาได้เรียนรู้ว่าต้องทาอย่างไร โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐบาล และ พวกเขามีสว่ นรว่ มในการวางแผนจดั การท่องเท่ยี วของเขาเองกจ็ ะเปน็ ผลให้การพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย้ังยืน ประสบความสาเรจ็ เราจะทาการศึกษาถึงการประเมินศักยภาพความพร้อมด้านอุปทานทางการท่องเท่ียวของ ชมุ ชนท้องถ่นิ การเตรียมความพรอ้ มทางการทอ่ งเทีย่ วของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ และองค์การบริหารสว่ นตาบลกบั การ พัฒนาการท่องเทีย่ วแบบยง่ั ยืนของชุมชนทอ้ งถิ่น การประเมินศกั ยภาพความพร้อมดา้ นอุปทานทางการทอ่ งเที่ยวของชุมชนท้องถิ่น การจัดการท่องเที่ยวนอกจากการตรวจสอบทรัพยากรท่องเท่ียวของชุมชนท้องถิ่นแล้วส่ิงท่ีสาคัญท่ี ตอ้ งพจิ ารณาถึงความพร้อมและความต้องการของชุมชน คอื การประเมนิ ศักยภาพ บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548 : 161-163) ได้อธิบายถึงการที่จะสร้างชุมชนท้องถ่ินใดให้เป็นแหล่ง ท่องเท่ยี ว ก็จะตอ้ งรวู้ ่าท้องถนิ่ น้ันมีอุปทานทางการท่องเที่ยวอะไรที่จะเป็นจุดขายทางการท่องเท่ียว เจา้ หน้าที่ ทจ่ี ะพฒั นาการท่องเทยี่ วจะตอ้ งรว่ มกบั องคก์ รชมุ ชนท้องถิ่นพจิ ารณาคน้ หาของดีหรอื สินคา้ ทางการท่องเที่ยวที่ มีอยู่ หรอื สามารถพฒั นาศักยภาพให้เพยี งพอในการดึงดดู ความสนใจของนักท่องเท่ียวใหเ้ ขา้ มาเยย่ี มชม ในการ ประเมนิ ศกั ยภาพความพรอ้ มดา้ นอุปทานการทอ่ งเทีย่ วของชุมชนทอ้ งถนิ่ สามารถประเมนิ ได้ 4 ดา้ นคอื การประเมินศักยภาพความพร้อมด้านทรัพยากรท่องเที่ยว เป็นการประเมินศักยภาพความพร้อม ด้านทรัพยากรท่องเที่ยวของชุมชนท้องงถ่ินน้ันว่ามีทรัพยากรท่องเท่ียวอะไรบ้างท่ีจะเป็น สินค้าหลักในการ ดงึ ดดู ให้นักท่องเท่ยี วเข้ามาเยย่ี มชม ซ่งึ ทรัพยากรท่องเท่ยี วอาจแบ่งตามการทอ่ งเทีย่ วแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ 3 ประเภทคือ ทรัพยากรท่องเท่ียวประเภทธรรมชาติ ทรัพยากรท่องเท่ียวประเภทประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และทรัพยากรท่องเที่ยวประเภทศิลปวัฒนธรรม ประเพณี กิจกรรม นอกจารนี้ยัง ต้องวิเคราะห์ที่ตั้งของทรัพยากรท่องเที่ยว คุณภาพของทรัพยากรท่องเที่ยว และกาหนดวัตถุประสงค์ในการ พัฒนาทรพั ยากรท่องเที่ยวแตล่ ะแห่ง การประเมินศักยภาพความพร้อมด้านการเข้าถึงทรัพยากรท่องเที่ยว เป็นการประเมินศักยภาพ ความพร้อมด้านการเข้าถึงทรัพยากรท่องเที่ยวของชุมชนท้องถิ่นน้ันว่ามีเส้นทาง ทางบก ทางเรือ และทาง อากาศทสี่ ามรถเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียวได้อย่างสะดวกสบายหรือไม่ สามารถเดินทางเขา้ ไปท่องเทยี่ วไดต้ ลอดท้ัง

156 ปีหรือไม่ และมีการขนส่งสาธารณะบริการนักท่องเท่ียวให้แท่องเที่ยวได้อย่างสม่าเสมอและเพียงพอหรือไม่ นอกจากนน้ั มีท่จี อดรถสาหรบั ยานพาหนะทเี่ ข้าไปใชบ้ รกิ ารอยา่ งเพยี งพอหรือไม่ การประเมินศักยภาพความพร้อมด้านสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเท่ียว เป็นการประเมิน ศักยภาพความพร้อมด้านสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเท่ียวของชุมชนท้องถ่ินนั้นว่า มีขีดความสามารถ ในการรองรบั นักท่องเท่ียวได้มากน้อยเพียงใด ถา้ หากมจี านวนนักท่องเท่ียวเพิ่มมากขน้ึ จะสามารถพัฒนาสร้าง เพ่ิมมากข้นึ ใหเ้ พยี งพอกับนักท่องเทย่ี วไดห้ รือไม่ โดยการท่องเท่ียวแบบยง้ั ยืนจะพยายามหลีกเลย่ี งปัญหาการมี จานวนนักท่องเที่ยวมากในช่วงฤดูกาลท่องเท่ียว และปัญหาการมีจานวนนักท่องเท่ียวน้อยในช่วงฤดูท่องเทย่ี ว แต่จะพยายามกาหนดให้มีนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับท่ีต้องการตลอดปี เพื่อไม่ให้เกิดผลการทาลายทรัพยากร ทอ่ งเทีย่ วและสง่ิ แวดลอ้ มขึ้น การประเมินความพรอ้ มด้านบรกิ ารท่องเท่ียว เป็นการประเมินศักยภาพความพร้อมด้านการบรกิ าร ท่องเท่ียวของชุมชนท้องถ่ินนั้นว่า มีบริการท่องเที่ยวอะไรบ้างมีจานวนมากน้อยเพียงใด มีขีดความสามารถ รองรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วได้มากน้อยเพยี งใด ถ้าหากมจี านวนนกั ท่องเทีย่ วเพิ่มข้ึนจะสามารถพัฒนาบริการท่องเท่ียว ใหเ้ พิ่มขึ้นเพยี งพอกับนักท่องเท่ยี วได้หรือไมน่ อกจากนี้ยังต้องประเมินศักยภาพความพร้อมด้านคุณภาพบริการ ทอ่ งเทยี่ ววา่ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ใดสามารถพัฒนาคุณภาพบริการท่องเท่ยี วสรู่ ะดับมาตรฐานสากลไดห้ รอื ไม่ ตวั อยา่ งการประเมนิ ศักยภาพ การประเมนิ ศักยภาพความพร้อมของชมุ ชนในการจดั การท่องเท่ียวเชงิ สร้างสรรค์กลุ่มชาติพนั ธุ์ไท ดา/ลาวโซ่ง (Black Tai) จงั หวัดเลย ตารางท่ี 7.1 ศักยภาพความพรอ้ มของชุมชน ศักยภาพความพร้อมของชมุ ชน มี ไมม่ ี หมายเหตุ 1. ดา้ นทพี่ ัก  2. ดา้ นการคมนาคม  3.ด้านสง่ิ ดึงดดู ใจ ศิลปวฒั นธรรม ประเพณที เี่ ป็นเอกลักษณ์ของ  4. ด้านกิจกรรม  5. ดา้ นสิง่ อานวยความสะดวก  6.ดา้ นความปลอดภยั  7. ด้านสขุ อนามยั 8. ดา้ นการตลาด  ที่มา : ศราวุธ ผวิ แดงและคณะ, 2558  ศราวุธ ผิวแดงและคณะ (2558) จากการประเมินศักยภาพวิถีกลุ่มชาติพันธุ์ลุ่มน้าโขงในการจัดการ ท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทดา จังหวัดเลย ใช้แบบบันทึกข้อมูลภาคสนามและใช้การ Check-List ศักยภาพในด้านตา่ งๆทั้ง 8 ด้าน ประกอบดว้ ย ด้านทีพ่ กั ด้านการคมนาคม ดา้ นสิง่ ดึงดูดใจ ดา้ น กิจกรรม ด้านสิ่งอานวยความสะดวก ด้านความปลอดภัย ด้านสุขอนามัย และด้านการตลาด และรวบรวม ข้อมูลศักยภาพเบื้องต้นของพ้ืนที่จากเอกสารงานวิจัย เว็ปไซด์ต่างๆท่ีมีข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของพ้ืนที่ของ กลุ่มชาติ สรุปได้ว่า 1) ด้านท่ีพัก มีการสร้างท่ีพักไว้รองรับนักท่องเท่ียวใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมไทดา สามารถ รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 80 คน 2) ด้านการคมนาคม สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้สะดวก

157 เดินทางจากตัวเมืองไปทางอาเภอเชียงคาน ประมาณ 33 กม. ถึงบ้านแสนสาราญ เจอแยกแล้วเลี้ยวขวา ตรง ไปอีกประมาณ 5 กม. เลี้ยวซ้ายตรงบ้านหินต้ัง(มีป้ายบอกว่าเทศบาลตาบลเขาแก้ว ) ตรงมาอีกประมาณ 3 กม. พอถึงสามแยกบ้านนาป่าหนาดเล้ียวซ้าย ประมาณ 1 กม. ถึงศูนย์วัฒนธรรมไทดา อยู่ซ้ายมือ3)ด้านส่ิง ดึงดูดใจ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท่ีเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน เช่น อาหาร การแต่งกาย เป็นต้น 4) ด้าน กิจกรรม เย่ียมชมบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดาร่วมกิจกรรมการทาตุ้มนก-ตุ้มหนู นั่งรถอี่แต๋นเยี่ยมชมศูนย์วัฒนธรรม หอเจ้าบ้าน วิถีชีวิตของชุมชน กลุ่มทอผ้าพื้นเมือง แต่ยังขาดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วม เพ่ือให้ได้มาซึ่งประสบการณ์จากสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่จริงในชุมชน5) ด้านสิ่งอานวยความสะดวก มีไฟฟ้า ประปา สัญญานโทรศัพท์ ร้านค้า เป็นต้น 6)ด้านความปลอดภัย มีการจัดการด้านความปลอดภัยโดยแบ่งเวร ยามรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว7) ด้านสุขอนามัย ควรได้รับการพัฒนาให้รู้ในด้านต่างๆ เช่น การ ประกอบอาหาร เป็นต้น 8) ด้านการตลาด มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ให้นักท่องเท่ียวได้ เลือกซ้ือ แต่ยังขาดเรื่องของกาหนดการนาเที่ยวภายในชุมชนท้ังแบบ 1 วัน และแบบ 2 วัน 1 คืน และยังขาด การประชาสัมพนั ธ์ในรูปแบบต่างๆ การเตรยี มความพร้อมทางการท่องเที่ยวของชุมชนท้องถนิ่ การท่องเท่ียวแบบมีส่วนร่วมของชุมชนกลังจากการประเมินศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวแล้วสิ่งท่ีสาคัญ คือการเตรยี มความพรอ้ มทางการท่องเท่ยี วของชมุ ชนท้องถน่ิ เพ่ือรองรับการทอ่ งเทย่ี ว บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548 : 163-169) ได้อธิบายถึงข้ันตอนการเตรียมความพร้อมภายหลังการ คดั เลอื กสินคา้ ทางการทอ่ งเทยี่ วแล้ว ก็ตอ้ งคานงึ ถึงความพร้อมของชุมชนทอ้ งถ่ินท่จี ะปรากฏตัวสู่ภายนอกหรือ ยัง ถ้าหากเปิดรับนักท่องเท่ียวจะมีผลอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาบ้าง โดยพวกเขาจะต้องพบกลุ่มคนแปลกหน้า ใหม่อย่างไรบ้าง และส่ิงท่ีพวกเขาจะได้รับคืออะไร เน่ืองจากชุมชนท้องถ่ินมักยากจน การจะให้เข้ามามีส่วน ร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั้งยืนก็ต้องให้เขาได้ประโยชน์จากการท่องเท่ียว เพื่อให้เขามีรายได้เพียงพอในการ ยังชีพเสียก่อน มิฉะน้ันจะเกิดการทาลายทรัพยากรท่องเท่ียวขึ้น เมื่อชุมชนท้องถิ่นมีความต้องการให้เกิดการ ท่องเที่ยวแล้วก็ตอ้ งการเตรยี มความพร้อมทางการทอ่ งเทีย่ วท่ีสาคัญ 3 ด้านคือ การเตรยี มความพร้อมด้านท่ัวๆ ไป เปน็ การเตรียมความพร้อมดา้ นทั่วไปเก่ียวกบั การท่องเที่ยวของ ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ น้ัน อันได้แก่ (1) การประชาสัมพันธ์เผยแพร่การจัดการท่องเที่ยวของชุมชนท้องถ่ินโดยต้องทาความเข้าใจกับ องคก์ ารบริการสว่ นตาบลและประชาชนในท้องถน่ิ นน้ั เกี่ยวการดาเนินงานด้านการท่องเท่ียวท่จี ะรว่ มกันจัดข้ึน และใหเ้ จ้าหนา้ ทีข่ องรัฐบาลและเอกชนท่รี ับผิดชอบเข้ารว่ มประชุมกบั องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลและประชาชน ในทอ้ งถน่ิ นน้ั เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะแนวทางการพัฒนาสินค้าทางการท่องเทย่ี ว การจัดการท่องเท่ยี วของชุมชน ท้องถิ่น ผลกระทบด้านบวกและด้านลบที่จะเกิดข้ึนจากการท่องงเท่ียวต่อชุมชนท้องถ่ิน โดยคานึงถึงความ คดิ เห็นและมตขิ องประชาชนเปน็ สาคญั (2) การจัดทาแผนงาน/โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับองค์การบริหารส่วนตาบล เช่นการจัดทา แผนงาน/โครงการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน การจัดทาแผนงาน/โครงการพัฒนาภูมิทัศนข์ องชุมชนท้องถ่ินเปน็ ตน้ (3) การจัดทาเส้นทางและแผนท่ีท่องเท่ียวของชุมชนท้องถ่ิน เป็นการจัดทารายละเอียดของสถานที่ ทอ่ งเทีย่ วทช่ี ุมชนทอ้ งถิน่ จดั ขน้ึ (4) การจัดอบรมผู้นาทางแก่คนในชุมชนท้องถิ่น เป็นการจัดอบรมให้ชุมชนท้องถิ่นมีความรู้เกี่ยวกับ การนาเทยี่ วในแหล่งทอ่ งเท่ียว เพ่ือเตรียมความพรอ้ มด้านการฝึกอาชีพใหแ้ กป่ ระชาชนในชุมชนท้องถ่ิน

158 (5) การกาหนดมาตรการในเร่ืองการรกั ษาความปลอดภยั แกน่ กั ท่องเที่ยว การเตรียมความพร้อมด้านการจัดหานักท่องเที่ยว เป็นการเตรียมความพร้อมด้านจัดหา นักท่องเที่ยวให้ไปท่องเท่ียวยังแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนท้องถิ่น ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวหรือใชบ้ รกิ าร แล้ว การทอ่ งเทย่ี วย่อมเกดิ ขน้ึ ไม่ได้ ซ่ึงการจัดหานกั ทอ่ งเท่ยี วสามารถดาเนนิ การได้หลายวธิ ี เชน่ (1) การจัดทาใบปลิวและแผ่นพับระบุรายละเอียดของการท่องเท่ียว โปรแกรมการท่องเที่ยว พร้อม ค่าใช้จ่ายในการแจกจา่ ยเผยแพรแ่ ละประชาสัมพนั ธไ์ ปยงั นกั ทอ่ งเทีย่ วกลุม่ เปา้ หมาย (2) การขอความร่วมมือส่วนราชการอ่ืนๆ เช่นอาเภอ จังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หนว่ ยงานราชการ และเอกชนอนื่ ๆ เปน็ ตน้ ใหเ้ ผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธเ์ ชญิ ชวนนักท่องเท่ียวเข้ามาทอ่ งเทยี่ ว (3) การเชญิ สอื่ มวลชนเข้ามาร่วมกิจกรรมทอ่ งเที่ยวเพือ่ ประชาสัมพันธผ์ า่ นสอื่ สาธารณะต่างๆ (4) การส่งข้อมลู แผ่นปลวิ แผน่ พับไปประชาสัมพนั ธ์ยังธุรกจิ นาเท่ียวตา่ งๆ และหนงั สอื พมิ พส์ ื่อมวลชน ท่ีเก่ยี วกับการท่องเท่ียว (5) การจัดให้มีพนักงานขายบริการท่องเที่ยวของชุมชนท้องถ่ิน เช่นไปแจกจ่ายแผ่นพับแก่ นักท่องเท่ียวทีม่ าเทีย่ วบรเิ วณใกล้เคียง เป็นต้น การเตรียมความพร้อมด้านการให้บริการท่องเท่ียว เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการให้บริการ ท่องเที่ยวด้านต่างๆ แก่นักท่องเที่ยวท่ีจะเข้ามาท่องเท่ียว โดยพยายามให้คนในชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้ให้บริการ ท่องเท่ียว เพ่ือให้ชุมชนท้องถิ่นมีรายได้จากการให้บริการท่องเท่ียว อันเป็นการกระจายรายได้สู้ท้องถ่ิน และ สร้างความกินดีอยู่ดีใหแ้ กค่ นในชุมชนทอ้ งถิ่นดว้ ย ซงึ่ จะต้องมีการพฒั นาบคุ ลากรในการใหบ้ รกิ าร เปน็ ตน้ ว่า (1) ต้องพัฒนาบุคลิกภาพผู้ให้บริการท่องเทย่ี วแก่นักท่องเท่ียวด้วยน้าใจอารีเพ่ือสร้างความประทับใจ แกน่ กั ท่องเท่ียว (2) ต้องอานวยความสะดวกแกน่ ักทอ่ งเทย่ี วเพ่ือให้ได้รบั ความสะดวกสบายและปลอดภยั (3) ต้องตรงต่อเวลาตามข้ันตอนที่กาหนดหากต้องมีการยืดหยุ่น ก็ควรเป็นไปตามความต้องการของ นกั ท่องเที่ยว (4) ต้องใหค้ วามเป็นธรรมแก่นกั ท่องเทยี่ ว ไมเ่ อารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวโดยกาหนดคาราค่าบริการ ต้องเปน็ ธรรมและเปดิ เผย (5) ตอ้ งจาหน่ายสินคา้ และบริการทางการท่องเทยี่ วที่ไดม้ าตรฐานเหมาะสมกบั ราคา (6) ต้องใหบ้ รกิ ารแกน่ กั ท่องเทีย่ วเป็นไปตามรายการท่โี ฆษณาขายไว้ (7) ต้องพฒั นาเสน้ ทางคมนาคมเขา้ ถึงแหลง่ ท่องเทีย่ วใหส้ ะดวกสบายและปลอดภยั (8) ตอ้ งให้นกั ทอ่ งเท่ียวรู้สึกว่ามคี วามปลอดภัยทั้งชีวติ และทรพั ยส์ นิ การเตรยี มความพร้อมดา้ นการต้อนรบั นกั ทอ่ งเทีย่ ว เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการตอ้ นรับนกั ท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นของชุมชนท้องถิ่น แม้ในบางคร้ัง ชุมชนท้องถ่ินจะมีทรัพยากรท่องเท่ียวและบริการท่องเท่ียวน้อยไปบ้าง แต่ถ้าชุมชนท้องถิ่นมีการต้อนรับ นักท่องเที่ยวด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มไปด้วยไมตรีมิตรภาพ ก็อาจลบล้างความไม่ประทับใจในด้าน ทรัพยากรท่องเท่ียวและบริการท่องเท่ียวลงได้ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมใหค้ นในชมุ ชนท้องถิ่นมีทัศนคติ ในการต้อนรับนักท่องเท่ียว ซึ่งรวมถึงบุคลากรท่ีทาหน้าที่ในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากธุรกิจ ท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ต้องเก่ียวข้องกับมนุษยสัมพันธ์ในการขายบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ นักท่องเท่ียวเป็นหลัก ถ้าหากไม่มีการคานึงถึงบุคลากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับการให้บริการท่องเท่ียวแล้ว ยากท่ีธุรกิจท่องเท่ียวจะประสบความสาเร็จได้ หรือหากพิจารณาในแง่ของการลงทนแล้วการมีบุคลากรท่ีไม่

159 เหมาะสมย่อมก่อใหเ้ กิดภาวะความเส่ียงสงู ต่อความล้มเหลวของการลงทุน อีกท้งั สร้างปัญหาและความหายยะ มาสู้ธุรกิจท่องเที่ยว จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรที่เหมาะสมท้ังด้านความรู้ ความสามารถและมที ัศนคตทิ ี่ดดี า้ นการท่องเที่ยวให้เกดิ ขึน้ ในชมุ ชนท้องถ่ิน ซึง่ สามารถดาเนนิ การได้ดังตอ่ ไปนี้ (1) การพฒั นาบุคลากรของชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ใหม้ คี วามรู้ความสามารถ เมื่อมกี ารท่องเทยี่ วเกดิ ขน้ึ ในชุมชน ท้องถ่ิน จาเป็นต้องมีการให้บริการทางการท่องเท่ียวแต่ล่ะด้านอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้นักท่องเท่ียวเกิด ความประทับใจ จึงต้องใช้บุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านในการปฏิบัติงาน ดังนั้นการพัฒนา บุคลากรของชุมชนท้องถิ่นให้ความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ทางการท่องเที่ยวจึงเป็นส่ิงจาเป็น เช่นการ พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้านการให้บริการท่องเท่ียว ด้านบริการงานบุคคล ด้านการใช้ เครอื่ งมอื อปุ กรณ์ ดา้ นการควบคมุ ดา้ นการวิเคราะหร์ ะบบงาน ดา้ นบริหารงบประมาณ เปน็ ต้น (2) การพัฒนาบุคลากรของชุมชนท้องถิ่นให้มีทัศนคติที่ดีต่อการท่องเท่ียว บุคลากรที่จะทางานใน อุตสาหกรรมท่องเทยี่ วจาเปน็ ต้องมที ัศนคติทด่ี ีต่ออาชีพด้านการท่องเท่ียวจะต้องนยิ มชมชอบนกั ท่องเทย่ี วและ สนับสนุนการท่องเท่ียวอย่างเต็มที่ และไม่ต่อต้านหรือขัดขวางการท่องเที่ยวท่ีจะเกิดขึ้นในชุมชนท้องถ่ิน จึง ต้องงพัฒนาบุคลากรของชุมชนท้องถ่ินให้มีทัศนคติท่ีดีต่อการท่องเท่ียว เช่นมีความภาคภูมิใจในศักด์ิศรีของ การดาเนินงานด้านบริการท่องเท่ียวมีความเห็นอกเห็นใจนักท่องเท่ียว มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน มีการ ตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีความสามารถปรับตัวเข้ากับนักท่องเท่ียวและผู้ร่วมงาน มีความซ่ือสัตย์ ตรงต่อเวลา รกั ษาคาพูด เป็นต้น การพัฒนาชุมชนท้องถิน่ เพื่อใหส้ ามารถรองรบั นกั ทอ่ งเท่ยี วคุณภาพ เป็นการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดจากชุมชนท้องถ่ินร่วมกับหน่วยงานอื่นในการปรึกษาหารือและตัดสินใจ เกยี่ วกบั การตอ้ นรบั และใหบ้ รกิ ารนกั ทอ่ งเทยี่ วคุณภาพ เพ่อื ให้นักท่องเท่ยี วเกดิ ความพงึ พอใจ วัตถุประสงค์ของการพัฒนาชุมชนท้องถ่ินเพ่ือรอบรับนักท่องเท่ียวคุณภาพ มีวัตถุประสงค์หลักอยู่ 5 ประการคือ (1) เพื่อให้ทรัพยากรท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน และมีทรัพยากรท่องเที่ยวทาง วัฒนธรรมที่เกี่ยวเน่ืองกับระบบนิเวศในชุมชน ซ่ึงได้รับการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบในการอนุรักษ์ฟ้ืนฟู และรักษาระบบนิเวศแบบยังยืน โดยคานึงถึงขีดความสามารถรองรับของพ้ืนที่ท่ีมีการกาหนดเขตพื้นที่การใช้ ประโยชน์เพ่อื ท่องเที่ยวแบบย้ังยืนอยา่ งเหมาะสม (2) เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเคร่ืองมือในการสร้างจิตสานึกทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อันเป็นการ สนบั สนุนอนรุ ักษส์ ง่ิ แวดล้อมทางธรรมชาติและสังคมโดยรวม (3) เพ่ือให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเท่ียวแบบยั้งยืนกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ซ่ึงจะก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างเหมาะสมต่อชุมชนท้องถิ่น อีกท้ังช่วย เสรมิ สร้างความเขม้ แขง็ และเพิ่มความกินดีอยูด่ ีใหแ้ ก่ชุมชนทอ้ งถ่ิน (4) เพ่ือให้มีสิ่งอานวยความสะดวกและบริการทางการท่องเที่ยวสอดคล้องกลมกลืนกับส่ิงแวดล้อม โดยมกี ารจัดการสงิ่ แวดลอ้ มท่ีได้มาตรฐาน รกั ษาเอกลกั ษณ์ทางธรรมชาติ และสังคมของชมุ ชนท้องถิน่ อกี ท้ังมี บรรยากาศทางงการท่องเท่ียวท่ใี ห้ความมั่นใจและความปลอดภยั แก่นักท่องเทีย่ วคุณภาพ (5) เพ่ือให้มีนักท่องเท่ียวคุณภาพท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศเดนทางเข้ามาท่องเท่ียวยังชุมชน ทอ้ งถนิ่ มากขน้ึ

160 แนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถ่ินเพ่ือรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีแนวทางสาคัญอยู่ 3 แนวทาง คอื (1) แนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถ่ินในการสร้างและปรับปรุงทรัพยากรท่องเที่ยวข้ึนเพ่ือรองรับ นักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมีแนวทางสาคัญอยู่ 2 แนวทางย่อยคอื (1.1) แนวทางการพัฒนาสถานที่ท่ีเป็นธรรมชาติสวยงามให้เป็นทรัพยากรท่องเท่ียวประเภท ธรรมชาติในชุมชนท้องถ่ิน โดยปรุงแต่งเพ่ิมเติมจากสถานท่ีท่ีเป็นธรรมชาติในบางส่วนให้มีผลดึงดูด นักท่องเที่ยว เช่นการพัฒนาให้เป็นทรัพยากรท่องเท่ียวประเภทภูมิอากาศ ประเภททิวทัศน์สวยงาม ประเภท สัตวป์ า่ เป็นตน้ (1.2) แนวทางการพัฒนาสถานที่ที่เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุให้เป็นทรัพยากร ท่องเที่ยวประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุในชุมชนท้องถ่ิน เพ่ือให้มีผลดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ เช่น การพัฒนาให้เป็นทรัพยากรท่องเท่ียวประเภทโบราณสถานสัญลักษณ์แห่งชาติ ประเภทอนุสาวรีย์แห่งชาติ ประเภทสถาปัตยกรรมแห่งชาติ ประเภทย่านประวัติศาสตร์ ประเภทอุทยานประวัติศาสตร์ ประเภทชุมชน ประวัติศาสตร์ ประเภทพพิ ธิ ภัณฑช์ มุ ชน เปน็ ตน้ (2) แนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้เกิดสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเท่ียวเพ่ือรองรับ นกั ท่องเท่ียวคณุ ภาพ ซงึ่ มแี นวทางที่สาคญั อยู่ 2 แนวทางย่อยคือ (2.1) แนวทางการพัฒนาให้เกิดสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเทียวประเภทโครงสร้าง พื้นฐาน เพื่ออานวยความสะดวกต่อการดารงชีวิตของชุมชน และเป็นประโยชนต่อนักท่องเที่ยวคุณภาพด้วย เชน่ การส่ือสาร น้ากินนา้ ใช้ ไฟฟ้า สุขาภิบาล การขนสง่ การสาธารณสขุ การศกึ ษาและฝึกอบรม (2.2) แนวทางการพัฒนาให้เกิดสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวประเภทความ ปลอดภัย เพื่อความอานวยความสะดวกต่อความปลอดภัยทางร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนใน ชุมชนทอ้ งถิน่ และนักท่องเที่ยวคุณภาพด้วย เชน่ ความปลอดภยั จากโจรกรรม ความปลอดภัยจากการใชบ้ ริการ ท่องเที่ยว ความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ความปลอดภัยจากการหลงทาง ความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ เป็น ตน้ (3) แนวทางในการพัฒนาให้เกิดบริการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมีแนวทางอยู่ 5 แนวทางคอื (3.1) แนวทางในการพัฒนาให้เกิดบรกิ ารขนส่งนกั ท่องเท่ียวคุณภาพ เพ่ือให้สามารถเดินทาง เข้าถึงแหล่งของชุมชนท้องถ่ินได้ เช่นการพัฒนาให้เกิดธุรกิจขนส่งด้วยรถยนต์ ด้วยรถไฟ ด้วยเรือ และ เครอ่ื งบิน เปน็ ต้น (3.2) แนวทางการพัฒนาให้เกิดบริการที่พักแรมแก่นักท่องเท่ียวคุณภาพเพ่ือให้สามารถพัก ค้างคนื ชวั่ คราวระหว่างเดินทางท่องเทีย่ วในชุมชนท้องถิ่นไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายและปลอดภัย เชน่ การพฒั นาให้ เกดิ ธุรกิจโรงแรม เรือนแรม บา้ นพักในบา้ น บา้ นพกั ในฟาร์ม บังกะโล เป็นต้น (3.3) แนวทางการพัฒนาให้เกิดบริการอาหารและบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อให้มี อาหารรับประทานขณะเดินทางในชุมชนท้องถ่ินได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย เช่นการพัฒนาให้เกิด ร้านอาหารพื้นเมือง ร้านอาหารสากล ร้านอาหารมังสวิรัติ เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาให้มีแหล่งบนั เทงิ ท่ี สร้างความเบิกบานร่ืนเริงใจขณะทางท่องเท่ียวท้องถิ่น เช่น ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์สังคีต สนามมวย สถานนวด แผนโบราณ กาแสดงศลิ ปวัฒนธรรมประเพณีของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ เป็นต้น (3.4) แนวทางการพฒั นาให้เกิดบรกิ ารนาเท่ียวและมัคคุเทศกแ์ ก่นกั ทอ่ งเท่ียวคุณภาพ เพ่ือให้ สามารถเดินทางท่องเที่ยวในชมุ ชนท้องถ่ินได้อย่างสะดวกได้รับความรู้ท่ีถูกต้อง เช่นการพัฒนาให้เกิดธุรกิจนา

161 เท่ียวภายในชุมชนท้องถ่ิน ธุรกิจนาเท่ียวภายในประเทศ ธุรกิจนาเท่ียวต่างประเทศ มัคคุเทศก์ชุมชน อาสาสมัครเพื่อการท่องเที่ยวชมุ ชนท้องถนิ่ เป็นต้น (3.5) แนวทางการพัฒนาใหเ้ กิดบริการจาหนา่ ยสนิ ค้าทีร่ ะลึกแกน่ ักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อให้ สามารถซ้ือสินค้าที่ระลึกของชุมชนท้องถ่ินกลับไปฝากญาติมิตรในภูมิลาเนาของเขา เช่นการพัฒนาให้เกิด ชุมชนธุรกิจจาหน่ายสินค้าท่ีระลึกประเภททอผ้า ประเภทเครื่องประดับ ประเภ ทเครื่องเขิน ประเภท เครื่องป้นั ดนิ เผา ประเภทหตั ถกรรมอื่นๆ เป็นต้น แนวทางการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ เพื่อสรา้ งศักยภาพการพฒั นาการท่องเที่ยวส่คู วามยั่งยนื เทิดชาย ช่วยบารุง (2552) ไดก้ ล่าวถงึ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเป็นหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น มีอานาจหน้าที่ในการบริหารจัดการบริการสาธารณะตามกฎหมายเพ่ือประโยชน์สุขของชุมชนท้องถิ่นนั้นๆ รวมถึงมีบทบาทสาคัญในการเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความย่ังยืน การปกครองส่วน ท้องถ่ินจะชว่ ยสนองตอบความต้องการและแก้ปัญหาของท้องถ่ินเปน็ โรงเรียนประชาธปิ ไตยในระดับรากแก้วที่ ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทางการเมืองใหป้ ระชาชน ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสว่ นรว่ มทางการเมือง ในระดับชุมชนของตนและการเข้ามาบริหารกิจการสาธารณะต่างๆภายในชุมชนด้วยตนเองอีกท้ังยังช่วย ปกป้องเสรีภาพของบุคคลโดยการตรวจสอบและถ่วงดุลอานาจซง่ึ กันและกนั ระหว่างรัฐบาลส่วนกลางและส่วน ท้องถ่ินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทหน้าที่ในด้านการจัดการการท่องเท่ียวแตกต่างกันไปตามสภาพ พน้ื ท่ีและศักยภาพของแต่ละองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ดังภาพท่ี 7.1 ศกึ ษา วิเคราะหจ์ ัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการส่งเสริมการท่องเทย่ี วและตดิ ตามประเมนิ ผล พัฒนาแหล่งทอ่ งเทีย่ วในพน้ื ท่ี พัฒนากจิ กรรมการท่องเทยี่ ว พัฒนาการบรกิ ารทางการทอ่ งเทีย่ ว พฒั นาการประกอบธุรกจิ นาเท่ยี วและมคั คุเทศก์ วางแผนหาแหล่งเงินทุนในการจกั ทางบประมาณในการพัฒนา ภาพที่ 7.1 แนวทางการดาเนินงานดา้ นการพัฒนาการทอ่ งเท่ยี วขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น ทีม่ า : เทิดชาย ชว่ ยบารงุ (2552) (1) ศึกษา วิเคราะห์ จัดทาแผนปฏบิ ัติการดา้ นการสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ยี วและตดิ ตามประเมินผล โดย ใหม้ แี ผนงานโครงการทส่ี อดคลอ้ งกับแผนพฒั นาขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (2) พัฒนาแหล่งท่องเทยี่ วในพนื้ ท่ตี ามศกั ยภาพและบริบทของพนื้ ทโี่ ดยประสานงานกบั หนว่ ยงานที่ เก่ยี วข้องและให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีสว่ นร่วม

162 (3) พัฒนากจิ กรรมการท่องเที่ยวเพอ่ื ตอบสนองพฤตกิ รรมนักทอ่ งเทยี่ วและยืดระยะเวลาการอย่ใู น พื้นทีข่ องนักท่องเท่ียวซึ่งเปน็ การเพิ่มการใชจ้ า่ ยนั่นหมายถึง การเพิ่มขน้ึ ของรายไดจ้ ากการทอ่ งเที่ยว โดยจดั กิจกรรมทเี่ หมาะสมกับแหลง่ ท่องเท่ยี วและนักท่องเท่ยี วกลุ่มเปา้ หมายซึ่งองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินสามารถ ประสานงานกับหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องและใหป้ ระชาชนในพื้นท่ีเข้ามามสี ่วนร่วม (4) พฒั นาการบริการทางการทอ่ งเที่ยวโดยประสานงานกับหนว่ ยงานท่ีเกย่ี วข้องเพื่อสร้างเครอื ขา่ ย การบรกิ ารการท่องเท่ียวและใหป้ ระชาชนในพน้ื ท่เี ข้ามามสี ่วนร่วม (5) พฒั นาการประกอบธรุ กิจนาเทยี่ วและมัคคเุ ทศก์โดยการสร้างเครือข่ายกบั องค์กรปกครองสว่ น ท้องถิน่ ทีเ่ ก่ียวข้องใหป้ ระชาชนพ้ืนทเี่ ข้ามามสี ่วนร่วม (6) วางแผนหาแหลง่ เงนิ ทนุ ในการจดั ทางบประมาณในการพฒั นาโดยกาหนดไว้ในแผนพัฒนาของ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ว่าจะใช้งบประมาณจากหน่วยใดจะขอรับการสนบั สนนุ จากรัฐบาลหรอื ไม่ บุญเลิศ จติ ตัง้ วฒั นา (2542) ได้อธบิ ายถึงการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั้งยนื ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างประสิทธิภาพ บทบาทของชุมชนท้องถิ่นในแหล่งท่องเที่ยวจะมี ความสาคัญสูงมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงองค์การบริหารส่วนตาบล (อบต.) ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ให้ อานาจแก่ประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของท้องถ่ินมากขึ้น และถือว่า อบต. เป็นผู้มีบทบาทสาคัญในชุมชนท้องถิ่นองค์การบริหารส่วนตาบล (อบต.) เป็นองค์การบริหาร ส่วนท้องถ่ินท่ีจัดตั้งข้ึนตามพระราชบัญญัติสภาตาบลและองค์การบริหารสว่ นตาบล พ.ศ. 2537 นับเป็นหนว่ ย ราชการบริหารสว่ นท้องถิ่นท่เี ล็กทีส่ ุดและใกล้ชิดประชาชนมากท่สี ุด อันเป็นการกระจายอานาจการปกครองสู้ ท้องถ่ินอย่างแท้จริง ในส่วนของการท่องเท่ียวถือเป็นกิจกรรมและภารกิจหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ อบต. โดยตรง ภายใต้การพัฒนาการท่องเทยี่ วแบบยงั้ ยนื ได้มหี ลักเกณฑ์กาหนดไว้ชัดเจนวา่ ประชาชนในท้องถ่ินจะตอ้ งมีส่วน ร่วมและได้รับผลประโยชน์ในอัตราส่วนที่ยุติธรรมโดยบุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548) ได้อธิบายถึงบทบาทของ อบต.ในการพัฒนาการท่องเท่ยี วในท้องถน่ิ ของตนเองไว้ดงั นี้ บทบาทของ อบต. ในการพฒั นาการท่องเท่ยี วในท้องถ่ินของตนเอง โดย อบต. มบี ทบาทดังตอ่ ไปน้คี อื บทบาทด้านการตลาดท่องเท่ียว โดย อบต. ควรมีบทบาทด้านการตลาดท่องเที่ยวท่ีสาคัญอยู่ 2 ประการคอื (1) บทบาทในการจัดทาระบบข้อมูลเก่ียวกับแหล่งท่องเท่ียว เป็นการจดั ทาระบบข้อมูลเก่ียวกับแหล่ง ทอ่ งเทยี่ วในพืน้ ท่ี อบต. ดังตอ่ ไปนคี้ ือ (1.1) รายชอื่ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วและประเภทของแหล่งทอ่ งเท่ยี ว (1.2) ทีต่ งั้ และขนาดของแหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว (1.3) จดุ เดน่ ของแหลง่ ทอ่ งเที่ยวในการดึงดูดนักท่องเทยี่ ว (1.4) การเข้าถงึ แหล่งท่องเที่ยว (1.5) ส่งิ อานวยความสะดวกในแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว (1.6) สาธารณูปการ (1.7) จานวนนักทอ่ งเทยี่ ว (2) บทบทในการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยว เป็นการชักจูงใจนักท่องเท่ียวเข้ามาท่องเท่ียวพ้ืนที่ของตน ซึ่งอาจทาไดห้ ลายวธิ ีดังต่อไปนคี้ ือ (2.1) เผยแพรข่ ้อมลู การท่องเที่ยวโดยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (2.2) จดั ตั้งศนู ยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเท่ียวท่ีใหท้ ั้งขอ้ มลู และอานวยความสะดวก

163 (2.3) จัดรายการนาเที่ยวนานกั เทย่ี วมาเท่ียวในทอ้ งถ่นิ ของตน (2.4) ร่วมกิจกรรมทอ่ งเทย่ี วที่จงั หวัดขนึ้ เพ่ือสง่ เสรมิ การท่องเท่ียวในท้องถ่ิน บทบาทด้วยการแสวงหาและสร้างแหล่งท่องเท่ียวใหม่ โดย อบต. ควรมีบทบาทด้านการแสวงหา และสร้างแหล่งทอ่ งเทย่ี วใหม่ใหเ้ กดิ ข้ึนอยู่ 5 ประการคอื (1) การสารวจและค้นหาแหล่งท่องเท่ยี วใหม่ๆ (2) การพฒั นาพ้นื ท่รี กรา้ งว่างเปล่าให้เกดิ เปน็ แหลง่ ท่องเทย่ี วใหม่ (3) การพัฒนาพ้นื ทสี่ าธารณะให้เกิดเป็นแหล่งทอ่ งเทย่ี วใหม่ (4) การพัฒนาวถิ ชี ีวิตของประชาชนให้เกิดเป็นกิจกรรมทอ่ งใหม่ (5) การฟน้ื ฟแู ละส่งเสริมงานประเพณขี องทอ้ งถิน่ ใหเ้ กิดเปน็ กิจกรรมท่องเทย่ี วใหม่ บทบาทด้านการให้บริการท่องเท่ียว โดย อบต. ควรมีบทบาทด้านการให้บริการท่องเที่ยวแก่ นักทอ่ งเท่ียวที่เดินทางเข้ามาท่องเท่ยี วในทอ้ งถิ่นของตนอยู่ 5 ประการคอื (1) การใหบ้ ริการด้านการขนส่งแก่ทอ่ งเทยี่ ว (2) การใหบ้ ริการดา้ นที่พกั แรมแก่นักท่องเท่ียว (3) การให้บริการดา้ นอาหารเครอื่ งด่มื แกน่ ักท่องเท่ียว (4) การใหก้ ารบรกิ ารด้านนาเท่ียวและมัคคุเทศกแ์ ก่นกั ท่องเที่ยว (5) การใหบ้ รกิ ารด้านการจาหนา่ ยสินค้าท่รี ะลึกแกน่ กั ท่องเท่ียว บทบาทด้านการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดย อบต. ควรมีบทบาทด้านการวางแผนพัฒนา ท่องเทย่ี วทีด่ แู ลรับผดิ ชอบอยู่ 4 ประการคอื (1) การจดั ทาแผนพฒั นาและฟ้ืนฟูแหล่งทอ่ งเท่ยี ว (2) การสง่ เสรมิ ให้ประชาชนทอ้ งถิน่ มีสว่ นรว่ มด้านการวางแผนพฒั นาแหลง่ ท่องเที่ยว (3) การพัฒนาส่งิ อานวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยในแหล่งทอ่ งเทีย่ ว (4) การประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องท้ังภาครัฐและเอกชนในการว่างแผนพัฒนา แหลง่ ท่องเทย่ี ว บทบาทด้านการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดย อบต. ควรมีบทบาทด้านการบริหารจัดการ แหลง่ ท่องเทยี่ วท่ีดแู ลรับผิดชอบอยู่ 5 ประการคอื (1) การกาหนดวธิ ีการบริหารจัดการแหลง่ ทอ่ งเที่ยว (2) การบริหารงานบคุ คลเพอื่ การบรหิ ารจดั การแหลง่ ทอ่ งเที่ยว (3) การส่งเสริมให้ประชาชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จาการบริหารจัดการ ท่องเที่ยว (4) การจัดหาและใชจ้ ่ายงบประมาณเพือ่ บริหารจัดการแหลง่ ท่องเทยี่ ว (5) การสนับสนุนประชาชนรวมตัวกันเป็นองค์กรอนรุ กั ษ์ทรัพยากรท่องเทยี่ วและสิง่ แวดล้อม เทิดชาย ช่วยบารุง (2552 :77-88) ได้อธิบายถึงบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อการ พัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน โดยให้ความสาคัญกับประเด็นหลักๆ 5 ด้าน คือ การตลาดท่องเที่ยว การ แสวงหาและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ การให้บริการแหล่งท่องเท่ียว การวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว การ บริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียว โดยแต่ละประเด็นจะมีรายละเอียดองค์ประกอบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนาไปปฏิบตั ิได้ ตามภาพท่ี 7.2 ดังน้ี

164 การตลาดท่องเทีย่ ว การจัดทาระบบขอ้ มลู เกีย่ วกบั แหล่งทอ่ งเที่ยว การแสวงหาแหล่งทอ่ งเทย่ี วใหม่ การส่งเสริมตลาดการท่องเท่ยี ว การใหบ้ ริการแหล่งทอ่ งเท่ียว การสารวจและคน้ หาแหล่งทอ่ งเท่ียวใหม่ การวางแผนพัฒนาแหลง่ ทอ่ งเที่ยว การพฒั นาพื้นทร่ี กรา้ งว่างเปลา่ การบริหารจดั การแหลง่ ทอ่ งเที่ยว การพฒั นาวถิ ีชีวติ ประชาชน การพฒั นาพน้ื ท่ีสาธารณะ การฟืน้ ฟแู ละส่งเสรมิ งานประเพณี คมนาคม ท่ีพกั อาหารและเครื่องดม่ื การนาเท่ยี วและมัคคเุ ทศก์ การจาหน่ายสินค้าทรี่ ะลึก ยกระดับมาตรฐานการ บริการ จัดทาแผนตา่ งๆ สง่ เสรมิ ให้ประชาชนในท้องถ่นิ มีส่วนรว่ ม พัฒนาสิง่ อานวยความสะดวกและความปลอดภัย ประสานงานกบั หนว่ ยงานอ่ืนๆ กาหนดวิธีการ บริหารงานบคุ คล สง่ เสริมให้ประชาชนท้องถิ่นมีสว่ นร่วม จดั หาและใช้จ่ายงบประมาณ ภาพที่ 7.2 บทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ต่อการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน ทีม่ า : เทิดชาย ช่วยบารุง (2552)

165 บทบาทดา้ นการให้ข้อมูลและขอ้ คดิ เห็นเก่ยี วกับนโยบายการพฒั นาแหล่งท่องเที่ยว เน่ืองจาก อบต. เป็นผู้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในท้องถ่ินของตนดีที่สุด หากกจะมีการ วางแผนพัฒนาแหลง่ ท่องเทย่ี วใดๆ ในพ้ืนทข่ี องตน อบต. ควรมบี ทบาทสาคญั ในการใหข้ ้อมูลและข้อคิดเห็นต่อ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมื่อ อบต. ต้องมีบทบาทในการพัฒนาท่องเที่ยวในพื้นท่ีท่ีรับผิดชอบ ของตนสู่การท่องเท่ียวแบบยั่งยืนให้ประสบความสาเร็จ จะต้องอาศัยความรู้และประสลการณ์ด้านการพัฒนา และการจัดการทางการท่องเท่ียว ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของ อบต. ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการ พัฒนาและจัดการทางการท่องเที่ยว เพื่อให้ อบต. สามารถแสดงบทบาทในหารพัฒนาและจัดการทางการ ท่องเที่ยวอย่างชัดเจนเต็มรูปแบบสู่การท่องเท่ียวแบบยังยืน โดยมีทัศนคติที่ถูกต้อง มีจริยธรรม รู้จักคิดและ สามารถดาเนนิ การพัฒนาการท่องเทีย่ วแบบย่ังยืนได้ การสร้างเสริมศักยภาพของ อบต. ในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืน เป็นหน้าท่ีของรัฐบาลและ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องจะต้องช่วยกันเสริมสร้างศักยภาพของ อบต. ในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน ดงั ต่อไปนี้ (1) กาหนดวุฒิการศึกษาของผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง อบต. ให้สูงขึ้น ซ่ึงอย่างต่าควรสาเร็จการศึกษา ระดบั ปรญิ ญาตรี เพือ่ ให้ได้สมาชิก อบต. ท่มี ีความรู้ความสามารถในการเป็นผนู้ าของประชาชนท้องถ่นิ (2) จัดรูปแบบการบริหารงานของ อบต. ใหม่ให้มกี ารพฒั นาการท่องเท่ียวขึ้นอีกฝ่ายหนึง่ โดยให้มรี อง ปลัด อบต. ฝ่ายพัฒนาการทอ่ งเท่ียวทีม่ ีความรู้เกีย่ วกบั การท่องเทีย่ วเปน็ ผดู้ ูแลรับผิดชอบ (3) จัดอบรมความรู้เกี่ยวกับการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนให้กับ อบต. ฝ่ายพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อให้มี ความรดู้ ้านการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วแบบยงั่ ยนื (4) จัดต้ังคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวแบบย่ังยืน เข้าไปประสานงานและช่วย สนับสนนุ การวางแผนพฒั นาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพือ่ ให้ได้แผนงานการท่องเทย่ี วท่ีมีความชดั เจนและเป็น รปู ธรรมสามารถนาไปปฏิบตั สิ ู่การท่องเท่ียวแบบย่ังยืนอย่างเป็นผลสาเร็จ นอนกจากนี้คณะกรรมการชุดน่ีอาจ ช่วยจัดการงบประมาณของ อบต. โดยหาทางเพ่ิมรายได้จากการท่องเท่ียวเข้าเสรมิ กับงบประมาณท่ีได้รับจาก รัฐบาล เพื่อให้เพียงพอในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า พร้อมท้ังช่วยจัดการด้านการใช้จ่ายงบประมาณ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพยิ่งขึน้ (5) จัดอบรมความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบย่ังยืนให้แก่ประชาชนในท้องถ่ิน เพ่ือให้ประชาชนมี จิตสานึกและมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อันเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นท่ี และให้ประชาชนมจี ิตสานกึ ในการดแู ลรักษาแหลง่ ท่องเที่ยวและสง่ิ แวดล้อมอยา่ งยั่งยืน ขัน้ ตอนการพัฒนาการทอ่ งเที่ยวอยา่ งย่งั ยนื ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ เทิดชาย ช่วยบารงุ (2552) ได้อธิบายข้ันตอนการพฒั นาการท่องเทีย่ วอย่างยัง่ ยนื ขององค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถิน่ มีดงั นี้ (1) สารวจ ค้นหาสถานท่ีและข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรการท่องเที่ยว โดยการหาแหล่งท่องเท่ียวใหม่ ของชมุ ชน รวบรวมขอ้ มลู เส้นทาง ประวตั แิ ละความสาคญั ของสถานทีเ่ พือ่ เปน็ ข้อมูลในการประชาสมั พนั ธ์และ หากแหล่งเดิมกาลงั ทรุดโทรมกซ็ อ่ มแซมใหค้ งเดมิ (2) ร่วมกันวางแผนพัฒนาปรับปรุงแหล่งท่องเท่ียวสร้างจิตสานึกร่วมกันจัดทาแผนพัฒนาและ ปรับปรุงแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วให้สอดคล้องกบั แผนพฒั นาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ หรอื ผนวกแผนดังกล่าวเข้า

166 กับแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินโดยให้แผนพัฒนาในแต่ละสาขาของการพัฒนามีความเช่อื มโยง กนั และสนับสนนุ การจัดการการท่องเท่ยี ว (3) จัดให้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยววางระบบในการดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิตทรัพย์สินและสุขอนามัยของท่ีพัก อาหารและเคร่ืองด่ืมโดยการประสานงานกับหน่วยงานในพ้ืนที่และ ถือปฏบิ ัติตามกฎหมายทเ่ี กีย่ วข้อง (4) การบริหารจดั การแหลง่ ท่องเที่ยวตรวจสอบบรกิ ารสาธารณะท่ีมอี ย่วู า่ ต้องสร้างใหม่ ปรับปรงุ หรือ เพ่ิมบริการสาธารณะใหม่ในชุมชน ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การจัดเก็บหรือกาจัดขยะ การจัดเก็บ ผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการเข้าชม การจัดทาของที่ระลึกโดยชุมชน การจัดส่ิงอานวย ความสะดวกแก่นักท่องเท่ียว เชน่ มคั คุเทศก์นาเทย่ี วในทอ้ งถน่ิ บริการทพ่ี ักอาศยั แก่นกั ทอ่ งเทยี่ ว ร้านจาหน่าย สินค้า เปน็ ต้น (5) การจัดทาโฆษณาประชาสัมพันธ์และการตลาดท่องเท่ียว โดยเผยแพร่ข้อมูลแหล่งท่องเท่ียวแก่ สาธารณชนผา่ นสื่อต่างๆ เชน่ โทรทศั น์ วิทยุ นิตยสาร หนังสอื พมิ พ์ จดหมาย แผ่นพบั อินเตอรเ์ น็ต เป็นตน้ แนวทางการพฒั นาองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินเพื่อสร้างศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยวสคู่ วามยั่งยืน เทิดชาย ช่วยบารุง (2552) ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพ่ือสร้าง ศกั ยภาพการพัฒนาการท่องเท่ียวสู่ความยง่ั ยนื ไว้ดงั นี้ แนวทางการพัฒนาองค์กร บทบาทของชุมชนท้องถ่นิ ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เพื่อ ในการพฒั นาทรพั ยากร สร้างศกั ยภาพการพฒั นาการ การทอ่ งเท่ยี วเพอ่ื ทอ่ งเทย่ี วสคู่ วามยง่ั ยนื ตอบสนองการท่องเทย่ี ว การปรบั แนวคดิ จาก อยา่ งย่งั ยนื Demand Based to Supply Based การปรบั มมุ มอง/วสิ ัยทัศน์ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ ภาพที่ 7.3 แนวทางการพฒั นาองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเพ่ือสร้างศักยภาพ การพฒั นาการท่องเที่ยวสคู่ วามยัง่ ยนื ทม่ี า : เทิดชาย ช่วยบารุง (2552)

167 1. การปรับแนวคิดจากเน้น “ความต้องการของนักท่องเที่ยว (Demand-Based)” เป็นเน้น “เสนอส่งิ ทีม่ ี (Supply-Based)” Demand Based Supply-Based สรรหาทกุ อย่างมาขาย ขายส่ิงท่ีมี ภาพที่ 7.4 แนวคดิ Demand Based to Supply-Based ทม่ี า : เทิดชาย ชว่ ยบารงุ (2552) ที่ ผ่ า น ม า ใ น ก า ร พั ฒ น า แ ล ะ จั ด ก า ร ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว เ จ้ า บ้ า น จ ะ มุ่ ง ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง นักท่องเที่ยวหรอื ผู้มาเยือน (Demand Based) เป็นหลัก นักท่องเท่ียวต้องการอะไรก็สรรหามาให้ จนบางครัง้ เกนิ ความจาเป็นและกลายเปน็ ความผิดเพ้ียนจึงก่อให้เกิดผลกระทบทางลบในด้านต่างๆตามมามากมาย ดังนน้ั จึงควรปรับมมุ มองใหม่โดยเปลี่ยนจากการมุ่งความต้องการของนักท่องเทยี่ ว (Demand Based) สูก่ ารมุง่ เสนอ เฉพาะสิ่งที่มี (Supply-Based) ไม่แต่งเติมส่ิงที่มีจนสูญเสียความเป็นอัตลักษณ์ เช่น ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิต มุ่งให้นักท่องเท่ียวได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถ่ินอย่างแท้จริง โดยนักท่องเท่ียวอาจร่วมกิจกรรมการ หล่อเทียนพรรษาหรือการลอยกระทงกับชาวบ้าน ดังนั้นหากสามารถรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นไว้ ได้ก็จะเป็นแหล่งท่องเท่ียวที่ยง่ั ยนื ในทางกลับกันหากมีการปรบั ปรุงเปล่ยี นแปลง สดุ ทา้ ยกจ็ ะเส่ือมสลายไปใน ทส่ี ดุ 2. การปรบั มมุ มอง/วสิ ยั ทัศน์การพฒั นาการท่องเทีย่ วขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ใหค้ วามสาคญั กบั การเตบิ โตทางเศรษฐกิจ คานึงถึงสิ่งแวดล้อม เน้นเพิม่ ปรมิ าณนักทอ่ งเท่ยี ว เนน้ นักท่องเท่ยี วคุณภาพ ดาเนินการโดยควบคมุ ธรรมชาติ การอย่รู ว่ มกบั ธรรมชาติ เน้นความเจรญิ ทางวตั ถุ เนน้ ความสขุ ของสังคมและความยงั่ ยืนของทรัพยากร ส่งิ แวดล้อมธรรมชาติเป็นทรัพยากรทางเศรษฐกจิ สิ่งแวดลอ้ มธรรมชาติเป็นสิง่ มคี ุณค่าควรรักษาอนรุ กั ษ์ ใชท้ รัพยากรอย่างส้นิ เปลือง ใชท้ รพั ยากรอยา่ งคุ้มคา่ และรู้คณุ ค่า ใชเ้ ทคโนโลยีและวิชาการสมยั ใหม่ ใช้ภมู ปิ ัญญาพืน้ บา้ นและเทคโนโลยขี นาดกลาง เน้นการบรโิ ภคนยิ ม สนองความตอ้ งการพื้นบานของจนสว่ นใหญ่ ภาพที่ 7.5 การปรับมุมมอง/วิสยั ทัศน์การพฒั นาการท่องเท่ียวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทม่ี า : เทิดชาย ช่วยบารงุ (2552)

168 การพัฒนาการท่องเที่ยวขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแต่ละแห่งไม่จาเป็นต้องเป็นไปใน รูปแบบเดียวกันทั้งน้ีขึ้นอยู่กับความพร้อมฐานทรัพยากรการท่องเที่ยวและความต้องการของคนในพ้ืนท่ีเป็น สาคัญซ่ึงหากท้องถิ่นใดที่คนในพ้ืนท่ีไม่ตอ้ งการหรือไม่มีความพร้อมก็ไม่จาเป็นต้องจัดให้มีการท่องเที่ยวเพราะ หากมีการท่องเท่ียวเข้าไปในท้องถิ่นดังกล่าวอาจนามาซึ่งความล่มสลายของท้องถ่ินซ่ึงเป็นปัญหาท่ีอาจจะยาก ต่อการแกไ้ ข 3. บทบาทของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาทรัพยากรการท่องเท่ียวเพ่ือตอบสนองการท่องเที่ยวอย่าง ยั่งยืน การวางแผนเพ่ิมขีดความสามารถในการอนุรักษ์คุณค่าของทรัพยากรในท้องถ่ินให้เป็นทรัพยากรการ ท่องเทยี่ ว แนวทางการพัฒนาทรพั ยากรการท่องเทีย่ วในท้องถนิ่ เพ่ือเปน็ แหลง่ ท่องเทีย่ วทีย่ ่ังยนื 4. ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ความหมายวิธีนาภูมิปัญญาไปใช้ให้เกิดประโยชน์องค์ประกอบของภูมิปัญญา ลักษณะสาคัญของภูมิปัญญาท้องถ่ิน ขอบข่ายหรือสาขาของภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การแบ่งกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นการถ่ายทอดความรู้ของภูมิปัญญาท้องถ่ิน กลุ่มเป้าหมายของการถ่ายทอดภูมิ ปญั ญาทอ้ งถ่ิน แนวทางการดาเนินงานของหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับภูมปิ ัญญาท้องถิ่นสาหรบั ด้านการท่องเที่ยว นนั้ ควรพฒั นาบนบานจดุ แข็งของท้องถ่ินและอตั ลักษณ์เพ่ือลดการเปลี่ยนแปลงทีต่ อบสนองความต้องการของ นกั ท่องเที่ยว แนวคิดการมสี ว่ นรว่ มทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยนื ของชุมชนท้องถนิ่ การมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยนื ของชุมชนท้องถิ่นจะต้องมีการศึกษาแนวคิด เพื่อใช้ในการ กาหนดทศิ ทางของการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม ดงั นี้ บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548 : 174-179) ได้อธิบายถึงการพัฒนาการท่องเท่ียวที่ผ่านมาหน่วยงานที่ เกย่ี วข้องของรฐั บาลหลายแห่ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไดม้ กี ารดาเนินการจัดทาแผนพัฒนา การทอ่ งเท่ยี วในพ้นื ท่ีจังหวดั ต่างๆ ตงั้ แตก่ ารสารวจเบื้องตน้ การจัดทาแผนหลัก และการศกึ ษาความเป็นไปได้ ในการพัฒนาการท่องเท่ียว แต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) ได้ให้ ความสาคัญต่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นส่วนสาคัญให้การดาเนินการต่างๆ ด้านการ ท่องเที่ยวไปสู่การท่องเท่ียวแบบยั่งยืน โดยมีจุดมุ่งหมายในการปรับปรุงระบบการบริหารงานพัฒนาให้ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประทศ ด้วยการเพิ่มบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น ซ่ึงก็ หมายความประชาชนสามารกาหนดแนวทางการพัฒนาการท่องเท่ียวในพื้นท่ีของตนไว้มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้ง ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ได้กาหนดแนวทางในการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและชุมชนท้องถิ่น ให้สามารถบริหารจัดการท่องเท่ียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปิดโอกาสให้ ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผน ตัดสินใจ และติดตามประเมินผลในโครงการพัฒนาของรัฐที่มี ผลกระทบต่อทรัพยากรการท่องเท่ียวและสงิ่ แวดลอ้ ม ตลอดจนส่งเสริมองค์กรชุมชนท้องถ่ินในการดาเนินการ จึงจาเป็นต้องให้ชุมชนท้องถิ่นมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืน ในหัวข้อน้ีจะ ทาการศึกษาถึงลักษณะการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น รูปแบบการมีส่วนร่วม ทางการทอ่ งเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถ่นิ วธิ ีการมีสว่ นร่วมทางการท่องเที่ยวแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถ่ิน และแนวคิดการมสี ่วนร่วมทางการทอ่ งเท่ียวแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถิ่น

169 ลักษณะการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถิ่น เป็นการพัฒนาขีด ความสามารถของชุมชนท้องถ่ินในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนท้องถ่ินสามารถบริหาร จัดการและควบคุมการใช้ทรัพยากรท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดารงชีพทาง เศรษฐกิจและสังคมตามความจาเป็นอย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะสมาชิกสังคม ซึ่งการมีส่วนร่วมทางการท่องเทยี่ ว แบบย่งั ยืนของชุมชนท้องถิ่นมี 2 ลกั ษณะ ลักษณะท่ี 1 การมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง เป็นการให้ ชุมชนท้องถ่ินสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนทุกข้ันตอน ต้ังแต่ร่วมศึกษา ค้นคว้าปัญหาทางการท่องเที่ยว การร่วมคิดและหาวิธีการแก้ปัญหาทางการท่องเที่ยว การร่วมวางนโยบาย วางแผนตัดสินใจ คิดหาวิธีการใช้ทรัพยากรท่องเที่ยวที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น รวมปฏิบัติตาม นโยบายหรือแผนงานการท่องเท่ียวให้บรรลุตามท่ีกาหนดไว้ และร่วมควบคุมติดตามการประเมินผลแผนการ ทอ่ งเท่ยี วให้เป็นไปตามขนั้ ตอนทวี่ างไว้ ลักษณะท่ี 2 การมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่นอย่างไม่แท้จริง เป็นการให้ ชุมชนท้องถ่ินเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียวและยังยืนเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะเข้ามามี สว่ นร่วมในการปฏิบตั ิตามโครงการทอ่ งเทย่ี วทไ่ี ด้มกี ารกาหนดไว้แลว้ รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น เป็นแนวคิดของการกระจาย อานาจจากส่วนกลางมาสู่ท้องถ่ิน หรือเป็นความพายามที่จะให้มีการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนจาก ส่วนล่างขึ้นมาส่วนบน ทั้งน้ีเพราะชุมชนท้องถ่ินคือผู้รู้ปัญหาและความต้องการของตนเองดีกว่าผู้อื่น หลักการ พื้นฐานเก่ียวกบั การมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนทอ้ งถ่ินอยทู่ ่ีความรู้และความต้องการของชุมชนท้องถิน่ โดยกระตุ้นให้ ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อได้มีการ เรียนรรู้ ่วมกันและตัดสนิ ใจรว่ มกันจงึ มีรูปแบบของการมสี ว่ นร่วมในการวางแผนพัฒนาการท่องเทยี่ วแบบยั่งยืน ของชุมชนทอ้ งถ่นิ อยู่หลายรปู แต่ทนี่ ิยมมอี ยู่ 3 รูปแบบคอื รูปแบบที่ 1 การชักชวนให้ชุมชนท้องถ่ินเข้ามามีส่วนร่วมในการดาเนินโครงการพัฒนาการท่องเท่ียว แบบย่ังยืน รูปแบบน้ีรัฐบาลจะเป็นผู้วางนโยบายและวางแผนโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยตนเอง ประชาชนในชมุ ชนท้องถิ่นไม่มสี ่วนร่วมในการวางแผนและจดั ทาโครงการทอ่ งเท่ยี วเลย แต่ถกู ชักจงู จากรฐั บาล ให้เขา้ มาม่ีวนรว่ มในขน้ั ตอนการดาเนนิ โครงการพฒั นาการท่องเท่ยี วแบบยง่ั ยืน รูปแบบท่ี 2 การให้องค์กรชุมชนท้องถ่ินเข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจาต่อรองสาหรับการพัฒนาการ ท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซ่ึงรูปแบบนี้รัฐบาลและตัวแทนองค์การชุมชนท้องถ่ินจะเข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน แม้ว่าในความเป็นจริงการรเิ ริ่มโครงการท่องเท่ียวจะมาจากรัฐบาลกลางก็ตาม แต่องค์กรชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าร่วมตัดสินใจและเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับรัฐบาลได้ เพ่ือรักษา ผลประโยชน์ของชุมชนท้องถน่ิ ใหม้ ากทส่ี ุด ซึง่ ผลสุดทา้ ยของการเจรจาต่อรองน้ันรัฐบาลมักเป็นผู้ยอมโอนอ่อน ผ่อนตามเสียงขององค์กรชุมชนท้องถิ่น เพ่ือมิให้เกิดการขัดแย้งกับชุมชนท้องถิ่น การมีส่วนร่วมของชุมชน ท้องถ่ินในรูปแบบน้ีองค์ชุมชนท้องถิ่นจะต้องมีศักยภาพสูงและมีความตื่นตัวในการรักษาผลประโยชน์ของ ชมุ ชนท้องถนิ่ ตนเองใหม้ ากทส่ี ุด รปู แบบท่ี 3 การใหช้ มุ ชนท้องถิน่ จดั การพัฒนาหารท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของตนเอง ซ่งึ รปู แบบน้ีชุมชน ท้องถ่ินจะเป็นผู้จัดการควบคุมและวางแผนพัฒนาการใช้ทรัพยากรท่องเท่ียวด้วยตนเองอย่างสิ้นเชิง นับเป็น รูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่พ่ึงตนเองอย่างแท้จริง โดยไม่อาศัยความคิดริเร่ิมและชักจูงจาก บุคคลภายนอกหรือรัฐบาลเลย ประชาชนหรือองค์กรชุมชนท้องถิ่นสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจเก่ียวกับ ปัญหาและแนวทางกรพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืน ตลอดจนการติดตามประเมินผลสาเร็จของโครงการ

170 ทอ่ งเทีย่ วด้วยตนเอง รูปแบบนี้เปน็ การเปดิ โอกาสอย่างเต็มท่ีแกช่ ุมชนท้องถ่นิ ใหเ้ ขา้ มามีบทบาทและมีส่วนร่วม อยา่ งสมบูรณ์ แต่ชุมชนท้องถน่ิ ตอ้ งมีความพร้อมและประสิทธภิ าพสูง วิธีการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถ่ิน เป็นวิธีการที่สร้างโอกาสให้แก่ ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนท้องถ่ินได้รับ ประโยชนจ์ ากการท่องเทีย่ ว ในขณะเดียวกันก็ชว่ ยอนรุ ักษ์ทรัพยากรท่องเทย่ี วและสิ่งแวดล้อม วธิ ีการใหช้ มุ ชน ท้องถน่ิ มสี ว่ นร่วมทางการท่องเท่ียวแบบย่ังยนื สามารถกระทาได้หลายวธิ ีดังตอ่ ไปนี้คือ วิธท่ี 1 การร่วมประชุมในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน เป็นวิธีการร่วมถกปัญหาของการ พัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับชุมชนท้องถิ่น เพ่ือสอบถามความคิดเห็นของประชาชนใน ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ เกี่ยวกับเรื่องการทอ่ งเท่ียวแบบยั่งยนื วิธีท่ี 2 การให้คาปรึกษาในการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแบบยั่งยืน เป็นวิธีการให้ชมุ ชนท้องถิ่นข้าร่วมเปน็ กรรมการในคณะกรรมการบริหารโครงการท่องเท่ยี ว เพอ่ื ใหค้ วามม่นั ใจว่ามเี สยี งของชุมชนทอ่ งถ่นิ เข้ามามีส่วน รว่ มรับรูแ้ ละร่วมในการตัดสินใจพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วแบบยงั่ ยนื วิธีการที่ 3 การสารวจความคิดเห็นในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เป็นวิธีการสารวจความ คิดเห็นของชุมชนท้องถิ่น โดยให้ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นได้มีโอกาสร่วมแสดงความคิดเห็นด้าน การ พฒั นาการทอ่ งเทย่ี วแบบย่งั ยืน วธิ กี ารที่ 4 การประสานงานร่วมกันในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่งั ยืน เป็นวธิ กี ารให้ชมุ ชนท้องถ่ิน เข้าร่วมต้ังแต่การคัดเลือกตัวแทนกลุ่มไปร่วมงานบริหารหรือการจัดการหรือร่วมในคณะกรรมการท่ีปรึกษาใน ฝา่ ยประชาชนเพอื่ การพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยัง่ ยนื วิธีการที่ 5 การไต่สวนสาธารณะในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืน เป็นวิธีการไต่สวนข้อมูลจาก ชุมชนท้องถิ่น เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจในการ พฒั นาการทอ่ งเทีย่ วแบบยั่งยนื วิธีการท่ี 6 การออกเสียงประชามติโดยตรงในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนเป็นวิธีการตอบ คาถามของรัฐบาลโดยให้ประชาชนทุกคนในชุมชนท้องถ่ินออกความคิดเห็นโดยตรงต่อรัฐบาล และให้ทุกคน เป็นผูต้ ดั สินใจแทนรัฐบาลในการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแบบยง่ั ยนื แนวคิดการมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาการทอ่ งเท่ยี วแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถ่ิน เป็นโอกาสแก่สมาชิกของชุมชนท้องถ่ินอย่างเท่าเทียมในการเข้าร่วมรับผลประโยชน์จากการ พัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน โดยถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีกระตุ้นให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามาร่วมในฐานะ เจ้าหน้าที่หรือนักวางแผน มีการเรียนรู้ร่วมกันและเข้าประชุมตัดสินใจในการพัฒนาการท่องเท่ียว ใน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องฝึกฟังความคิดเห็น ปัญหา และความต้องการของชุมชนท้องถ่ินด้วย เพื่อให้ ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ มีบทบาทในการวางแผนกากับดแู ล ควบคุมการท่องเทีย่ วให้มากขน้ึ อนั จะทาให้ชุมชนท้องถ่ินเก้า ความรู้สึกเป็นเจ้าของ เกิดความรัก ความหวงแหน และสร้างจิตสานึกในการดูแลปกป้องรักษาทรัพยากรการ ท่องเทีย่ วแบบยั่งยืนทุกขน้ั ตอนดงั ต่อไปนี้ ข้ันตอนท่ี 1 ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการศึกษาค้นคว้าปัญหาทางการท่องเท่ียวและสาเหตุแห่ง ปัญหาทเ่ี กิดข้นึ ในชมุ ชนท้องถิ่น รวมตลอดถงึ ความตอ้ งการของชุมชนทอ้ งถน่ิ ดว้ ย ขั้นตอนท่ี 2 ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนต้ังแต่ร่วมกาหนด นโยบาย วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และวิธีการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน เพื่อให้ได้แผนงานหรือโครงการ

171 พัฒนาการท่องเท่ียวท่ีสามารถแก้ไขปัญหาหรือลดปัญหาของชุมชนท้องถ่ินและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็น ประโยชน์ตอ่ การท่องเทยี่ ว พร้อมท้งั ตอบสนองความต้องการของชมุ ชนทอ้ งถิ่นไดด้ ว้ ย ข้ันตอนท่ี 3 ให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใช่ทรัพยากรการท่องเท่ียวท่ีมีอยู่ในชุมชน ทอ้ งถ่นิ ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ การทอ่ งเทย่ี วและชมุ ชนท้องถ่นิ มากที่สุด ข้ันตอนท่ี 4 ใช้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวตามขีดความสามารถของตนเองหรือ อาจร่วมลงทนุ ในรปู สหกรณ์ได้ ข้ันตอนที่ 5 ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามแผนงานหรือโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนจนบรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ พร้อมท้ังมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระบบการบริหารงาน พฒั นาการทอ่ งเท่ียวให้มปี ระสิทธิภาพและประสิทธผิ ล ข้ันตอนท่ี 6 ให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการควบคุม ติดตาม ประเมินผลแผนงาน หรือโครงการ พฒั นาการทอ่ งเที่ยวท่ีไดร้ ่วมกันจดั ทาข้นึ การมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่นในทิศทางที่ถูกต้องนั้น ควรให้ชุมชน ท้องถ่ินได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน มีความสามารถในการดูแลรักษา ทรัพยากรท่องเที่ยวและส่ิงแวดล้อมควบคู่กับการเพิ่มทักษะในการจัดการและประสานงานกับบุคคลหรือ หน่วยงานภายนอก โดยเริ่มท่ีการให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลเก่ียวกับการท่องเท่ียวของท้องถิ่น การเตรียมการจัดการวางแผน การควบคุมดูแลการใช้ทรัพยากรท่องเท่ียว และการได้ประโยชน์จากการ ให้บริการ ในขณะเดียวกันก็ให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม ถ้า หากชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมหรือมีอานาจเพียงพอในการร่วมควบคุมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ก็จะช่วยให้เกิด การพัฒนาคนได้เป็นอยา่ งดี อีกทั้งสามารถจัดสรรผลประโยชนไ์ ด้อย่างเหมาะสม และเกิดการกระจายรายได้สู่ ชุมชนทองถ่ินมากข้ึน ฉะน้ันการเข้าร่วมทางการท่องเท่ียวแบบยัง่ ยืนของชุมชนท้องถิ่นต้องให้มีส่วนร่วมตลอด กระบวนการท่องเทย่ี ว เพือ่ ประโยชนต์ อ่ ท้องถ่นิ อันเป็นการกระจายรายได้ การยกระดบั คุณภาพชีวิต การได้รับ ผลตอบแทนมาบารุงแหล่งท่องเที่ยว และการควบคุมการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน ซ่ึงมีกิจกรรม ท่องเที่ยวหลายรปู แบบทชี่ ุมชนท้องถ่ินสามารถมีส่วนร่วมได้ เชน่ การให้ข้อมูลท้องถ่ินที่ถูกต้อง การใหบ้ ริการที่ พัก อาหาร การขายสินค้าท่ีระลึก การให้บริการมัคคุเทศก์ การรับจ้างในธุรกิจท่องเที่ยว การอนุรักษ์ระดับ ท้องถิ่น การควบคุมดูแลรักษาแหล่งท่องเท่ียว การพัฒนายกระดับความเป็นอยูข่ องชุมชน การส่งเสริมพฒั นา อาชัพ เป็นต้น ทิศทางการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวแบบยังยืนของชุมชนท้องถ่ินจะต้องมุ่งสู่การร่วมมือใน การใช้ทรัพยากรท่องเที่ยว เพื่อรองรับการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนตามกรอบและ ลกั ษณะแห่งการทอ่ งเท่ยี วแบบย่งั ยืนในทกุ ระดับ

172 บทสรปุ การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนของชุมชนท้องถ่ิน ควรคานึงถึงองค์ประกอบ ด้านการพัฒนาการมีสว่ นรว่ มทางการท่องเท่ียวของชมุ ชน การประเมินศักยภาพความพร้อมทางการท่องเท่ยี ว แบบย้ังยืนของชุมชนท้องถ่ิน การเตรียมความพร้อมทางการท่องเท่ียวของชุมชนท้องถ่ิน การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นเพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเท่ียวคุณภาพ แนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพ่ือสร้าง ศักยภาพการพัฒนาการท่องเท่ียวสู่ความยั่งยืน แนวคิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน ของชุมชนท้องถิ่น การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวของชุมชนจะต้องเข้าใจหลักการและ องค์ประกอบต่างๆ ที่มีความสอดคล้องกัน ซึ่งการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวชุมชน มีความ ละเอียดอ่อน จึงต้องมีการศึกษารายละเอียดต่างๆให้เข้าใจและมีความชัดเจนจึงจะสามารถวางแผนในการ พัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียวของชุมชนให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพ่ิมโอกาสแก่ สมาชิกชุมชนท้องถ่ินอย่างเท่าเทียมกันในการเข้ามามีส่วนร่มการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนทุกข้ันตอนมากข้ึน และ ร่วมรับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว เพ่ือก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหน การสร้างจิตสานึกในการดูแล ปกปอ้ งทรพั ยากรท่องเที่ยวและสภาพแวดล้อมให้อยู่อยา่ งยั่งยืน ทงั้ นเ้ี นอ่ื งจากการท่องเทยี่ วย่อมก่อผลกระทบ โดยตรงต่อชุมชนทอ้ งถน่ิ ท้ังดา้ นผลบวกและผลลบอย่างหลกี เล่ียงไม่ได้ แบบฝกึ หดั 1. นักศึกษาจะมวี ิธีการอย่างไรในการพฒั นาการมีสว่ นรว่ มทางการท่องเที่ยวของชุมชน 2. จงอธบิ ายขน้ั ตอนการประเมินศกั ยภาพความพร้อมทางการทอ่ งเที่ยวแบบยง้ั ยืนของชุมชนท้องถน่ิ 3. จงอธิบายและสรุปการเตรยี มความพร้อมทางการท่องเทย่ี วของชมุ ชนท้องถนิ่ มีลกั ษณะอย่างไร 4. จงอธิบายและสรปุ การพัฒนาชุมชนทอ้ งถิน่ เพื่อให้สามารถรองรบั นกั ท่องเทีย่ วคุณภาพควรมีลกั ษณะอย่างไร 5. ให้นักศึกษาเขียนแนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพื่อสร้างศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยว ส่คู วามยั่งยืน 6. จงสรุปแนวคิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของชุมชนท้องถ่ินมีลักษณะการมีส่วน ร่วมอยา่ งไร

173 เอกสารอ้างอิง เทิดชาย ช่วยบารงุ . (2552).บทบาทขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ กบั การพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอย่าง ยง่ั ยืน บนฐานเศรษฐกจิ พอเพยี ง.วิทยาลัยการปกครองทอ้ งถิ่น สถาบนั พระปกเกลา้ . บุญเลิศ จิตต้ังวัฒนา. (2542). การวางแผนพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน. เชียงใหม่ : คณะ มนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ พมิ พ์ระวี โรจนร์ ุง่ สัตย์ (2553). การท่องเทยี่ วชุมชน. พิมพค์ รง้ั ที่ 1: กรงุ เทพ สานกั พมิ พ์โอเดยี นสโตร.์ ศราวุธ ผวิ แดงและคณะ. (2558). การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงสรา้ งสรรคก์ ลุ่มชาติพนั ธ์ุลุ่มนา้ โขง. สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.) และสานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).

แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 8 การเขยี นแผนพฒั นาการทอ่ งเท่ียว เนื้อหาประจาบท 1. การพฒั นาแผนการทอ่ งเที่ยว 2. รปู แบบและโครงสร้างส่วนประกอบของแผนดา้ นด้ายภาพ 3. กลยทุ ธ์การพัฒนาดา้ นกายภาพ 4. การวางแผนและการพัฒนารีสอรท์ 5. ส่งิ ทีต่ ้องพิจารณาในการวางแผน 6. การบรหิ ารจดั การแหลง่ ท่องเทย่ี ว 7. การนาแผนการพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วไปปฏิบตั ิ 8. สรุป 9. แบบฝกึ หดั ท้ายบท วัตถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธบิ ายและเขียนแผนพัฒนาการท่องเทยี่ วได้ 2. อธบิ ายรปู แบบและโครงสร้างส่วนประกอบของแผนด้านกายภาพได้ 3. สร้างกลยุทธก์ ารพัฒนาด้านกายภาพได้ 4. ยกตวั อยา่ งการวางแผนและการพฒั นารสี อรท์ ได้ 5. อธบิ ายส่งิ ทตี่ ้องพิจารณาในการวางแผนได้ 6. อธิบายลกั ษณะการบรหิ ารจดั การแหลง่ ท่องเท่ยี วได้ 7. อธบิ ายการนาแผนการพฒั นาการท่องเท่ียวไปปฏบิ ัตไิ ด้ วิธสี อน 1. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนวิชาการพฒั นาการท่องเที่ยวอย่างยัง่ ยืน 2. อาจารยผ์ ู้สอนให้หัวขอ้ ผ้เู รียนอภปิ รายผลและสรปุ 3. ใชป้ ญั หาเป็นฐาน ถาม-ตอบผู้เรียน 4. บรรยายและยกตวั อยา่ งประกอบ กิจกรรม 1. แบง่ กล่มุ ให้นกั ศึกษาสรุปเนอื้ หาสาคญั และนาเสนอ 2. การแสดงบทบาทสมมติ 3. คน้ ควา้ เพม่ิ เติมจากอินเตอร์เนต็ 4. ตอบคาถามระหวา่ งบรรยาย 5. ทาแบบฝกึ หัดท้ายบท

175 สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยนื 2. PowerPoint ประกอบการบรรยาย 3. ภาพประกอบต่างๆจากอนิ เตอร์เน็ต การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการนาเสนอรายงาน 2. ประเมนิ ผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 3. สังเกตพฤติกรรมผเู้ รยี นในการถาม-ตอบ 4. สังเกตจากพฤติกรรมความสนใจและการรว่ มกิจกรรมในชั้นเรยี น

176 บทท่ี 8 การเขียนแผนพฒั นาการท่องเทีย่ ว การเขียนแผนพัฒนาการท่องเท่ียว เป็นเข็มทิศในการกาหนดแนวทางการปฏิบัติในการพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยวให้มีความสอดคล้องซ่ึงกันและกันและลดช่องว่างและข้อผิดพลาดในการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวให้ น้อยที่สุดและยังเป็นคู่มือเพื่อให้คนในชุมชนได้ร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบ และปฏิบัติร่วมกัน เป็นต้น การ เขียนแผนพัฒนาการท่องเท่ียว เป็นการรวบรวมข้อมูลจากนามธรรมสู่รูปธรรมสามารถนาไปปฏิบัติได้ ซึ่ง แผนพัฒนาการท่องเที่ยว มาจากกระบวนการมีส่วนร่วมจากการ สอบถามความต้องการของคนในชุมชน นาไปสู่การพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวให้มีความย่ังยืนในบทนี้จะกล่าวถึง การเขียนแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่ง เนอื้ หาประกอบไปดว้ ยการพัฒนาแผนการทอ่ งเทย่ี ว รปู แบบและโครงสร้างส่วนประกอบของแผนด้านกายภาพ กลยุทธ์การพัฒนาด้านกายภาพ การวางแผนและการพัฒนารีสอร์ท สิ่งท่ีต้องพิจารณาในการวางแผน การ บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว การนาแผนการพัฒนาการท่องเท่ียวไปปฏิบัติ การเขียนแผนพัฒนาแหล่ง ท่องเท่ียวโดยการวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ ซ่ึงแนวคิดเหล่าน้ีเป็นแนวทางให้กับผู้ท่ีสนใจในการเขียน แผนพฒั นาการท่องเทย่ี วนาไปปฏิบตั ิ การพัฒนาแผนการท่องเทยี่ ว การพัฒนาแผนการท่องเที่ยวมคี วามสาคัญเปน็ อย่างยิ่งเน่ืองจากในปจั จุบันการพัฒนาแหลง่ ท่องเท่ยี ว น้อยมากท่ีจะมีการจัดทาแผนพัฒนาการท่องเท่ียวซ่ึงผลกระทบที่ตามมาคือ ปัญหาต่างที่เกิดข้ึน เช่น จานวน นักท่องเที่ยวมีมากเกินไป การสร้างที่พักบุกรุกเขยป่าสงวน การทาลายวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท่ีส่ังสมกันมา เป็นต้น ซงึ่ การพัฒนาแผนการท่องเทยี่ วจะเปน็ แนวทางปฏบิ ัตใิ หผ้ ปู้ ฏิบตั ไิ ดย้ ึดเป็นหลักการ ศูนย์เพ่ือการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549: 20-27) ได้ อธิบายถึงแผนการท่องเที่ยวนั้นไม่มีรูปแบบลักษณะตายตัวอันใดอันหนึ่งที่สามารถใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ แตจ่ ะมคี วามแตกต่างกันไปตามเนื้อหา รูปแบบ แนวคิดแนวทางและการเน้นถึงจดุ สาคัญท่แี ตกตา่ งกัน ดงั นี้ แนวคิดดา้ นแผนทางเลอื ก การมีแผนแม่บทถือเป็นเคร่ืองมือท่ีสาคัญในการวางแผนการท่องเท่ียว แผนในลักษณะนี้มักจะเป็น แผนสมบูรณ์แบบครอบคลุมในทุกประเด็นและให้ภาพกว้าง หรือแผนอาจจะเน้นในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง หรือหลายประเดน็ ดงั นี้ 1. ประเดน็ ทางภายภาพ/ส่ิงแวดลอ้ ม 2. ประเด็นทางเศรษฐกิจ 3. การสง่ เสรมิ และการตลาด 4. การอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดลอ้ มและมรดกทางทรพั ยากร 5. ประเดน็ ทางสงั คม/วัฒนธรรม 6. การลงทนุ 7. การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ แผนแมบ่ ทอาจเป็นแผนระยะส้ันโดยครอบคลุมช่วงเวลาส้ันๆ เชน่ 5 ปี เพื่อให้ตรงกบั รอบเวลาของกล ยุทธ์ทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์การพัฒนาของประเทศ หรืออาจจะไม่กาหนดระยะเวลาก็ได้แต่กาหนดเป็น ความสาเร็จของเปา้ หมายทก่ี าหนดไว้แทน ความแตกตา่ งในแนวคิดแนวทางท่ใี ชใ้ นการวางแผน มอี าทิ

177 1. ทัศนคตทิ ี่มตี ่อแนวทางการพัฒนา (เปน็ แผนที่เครง่ ครดั ตายตวั หรือแผนท่ยี ืดหยุน่ ) 2. ดีกรีของการให้สงิ่ จูงใจและการให้ความชว่ ยเหลอื ดา้ นเทคนิค 3. การแบง่ สรรปนั สว่ นผลประโยชน์ 4. การบรู ณาการกับกจิ กรรมดา้ นการท่องเทย่ี ว 5. การกาหนดจุดของสถานท่ีทอ่ งเทย่ี วทชี่ ัดเจน 6. การนเิ ทศงาน 7. การสนับสนุนด้านกลยุทธแ์ ละดา้ นกฎหมาย องค์ประกอบที่สาคัญของแผนท่องเทยี่ วโดยทวั่ ไป คอื ระดบั ดีกรขี องการบรู ณาการกบั แผนการพัฒนา เศรษฐกิจระดับชาติหรือระดับภูมิภาค แผนพัฒนาด้านสวัสดิการสังคม ตลอดจนแผนพัฒนาด้านกายภาพของ ประเทศ ในการจัดทาแผนการท่องเที่ยวเท่าท่ีพบเม่ือไม่นานมาน้ี ตลอดจนแผนพัฒนาการท่องเท่ียวที่จะมีการ เตรียมการต่อไปควรมคี วามครอบคลมุ ถึงสิ่งต่อไปน้ี 1. ความยง่ั ยืนของระบบนิเวศ 2. การอนรุ ักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม 3. การอนุรกั ษ์มรดกทางธรรมชาติและวฒั นธรรม 4. การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืนของทรัพยากร เน้ือหาสาระของแผน แตล่ ะประเทศจะมีวิธกี ารจัดทาแผนท่ีแตกต่างกันไป บางประเทศอาจเลือกท่ีจะทาแผนโดยเนน้ เฉพาะ เรื่อง อยา่ งไรก็ตาม เน้ือหาสาระของแผนโดยทวั่ ไปควรจะประกอบดว้ ยเนื้อหาดังต่อไปนี้ กรอบแนวคดิ เรอ่ื งสถาบนั หรือโครงสรา้ งองค์กร 1. องค์กรหลัก 2. ความรบั ผิดชอบหลัก 3. กรอบแนวคิดด้านตัวบทกฎหมาย 4. บทบาทและหน้าท่ขี องภาคเอกชนและภาครัฐ องค์ประกอบหลกั ๆ ของแผน มอี าทิ 1. โครงสรา้ งพ้นื ฐานสาธารณปู โภค 2. ส่งิ อานวยความสะดวกและบรกิ ารตา่ งๆ 3. สิง่ ทด่ี ึงดดู ความสนใจของนักท่องเที่ยว ผลของการพฒั นาในดา้ นต่างๆ 1. เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และสงั คมวฒั นธรรม ชอ่ งทางหลักๆ ในการทาให้เกดิ การปฏบิ ตั คิ รอบคลุมรวมถึง 1. การจดั หาเงนิ ทุนและการลงทนุ 2. การใหส้ ิง่ จงู ใจ 3. การตลาด 4. การสง่ เสรมิ การทอ่ งเทีย่ ว 5. ระบบข้อมลู สารสนเทศการท่องเทย่ี ว 6. แผนงานทีเ่ สริมสร้างความตระหนักรู้เกีย่ วกบั การท่องเทย่ี ว 7. การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์

178 แผนการท่องเท่ียวของประเทศอาจมีการอ้างอิงถึงความรว่ มมือระดับภูมิภาคในการพัฒนาและการวาง แผนการทอ่ งเทย่ี วด้านตา่ งๆ ตลอดจนอ้างองิ การนาไปสู่ผลประโยชน์ท่มี ีผลตอ่ ภมู ิภาค ในบางกรณีจะพบว่า แผนการท่องเท่ียวละเลยความสาคัญด้านการพัฒนาทางกายภาพ ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีไม่ ควรจะเกิดข้ึนเนื่องจากในการพัฒนาใดๆ ก็ตาม ประสบการณ์ด้านการท่องเท่ียวเป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนในพ้ืนที่ ใน แหล่งท่องเท่ียว และ ณ สถานที่ตั้งของจุดท่องเท่ียวน้ันๆ ดังนั้น มิติทางด้านกายภาพควรได้รับการวางแผนไป ควบคูก่ ับการพฒั นาการท่องเท่ียวด้วย รปู แบบและโครงสร้างส่วนประกอบของแผนด้านกายภาพ การจัดทาแผนการท่องเท่ียวมรี ูปแบบและโครงสร้างส่วนประกอบของแผนด้านกายภาพโดย ศูนย์เพ่ือ การวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549) ได้อธิบายถึงการวางแผนด้าน การท่องเท่ียวอาจจะเป็นไปในระดับชาติ ระดับภูมิภาคหรือในระดับพ้ืนที่ การ บูรณาการของแผนในระดับ ต่างๆ ดังกล่าวจะทาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในบริบทของการพัฒนาด้านกายภาพน้ัน ควรมีการวางแผนด้าน การทอ่ งเทยี่ วทีใ่ หค้ วามสาคญั กบั ลกั ษณะของพน้ื ทแี่ ละโครงสรา้ งดังนี้ ระดับภูมิภาค ประเด็นปัญหาในเชิงปฏิบัติการมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับรูปแบบและโครงสร้างของการวางแผน พัฒนาการท่องเท่ียวระดับภูมิภาคนานาประการ และยังมีการทดลองมากมายเพ่ือตอบประเด็นปัญหา การ ทดลองยังจะต้องดาเนินต่อไป กว่าหลักการสาคัญๆ ร่วมกันที่พึงพิจารณาก็ยังพอปรากฏให้เห็น ทางเลือก พ้นื ฐานที่สาคัญในการวางแผนพัฒนาการท่องเท่ียวในระดับภมู ิภาคมดี ังน้ี 1. การใช้การพัฒนาท่ีมีอยู่แล้วในปัจจุบันเป็นตัวดึงดูดและเป็นตัวควบคุมปัจจัยต่างๆ ใน ระดบั ภูมิภาค 2. การสรา้ งสรรค์รเิ รม่ิ โครงการพฒั นาใหม่ 3. การสร้างเครือขา่ ยแหล่งทอ่ งเที่ยวตา่ งๆ โดยถือเอาการสรา้ งความสมดุลเป็นกลยุทธ์หลัก 4. การพัฒนากลยุทธ์ในเชิงกว้าง การพิจารณาตัดแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีศักยภาพน้อยออกไป การเนน้ ใชก้ ลยุทธเ์ ฉพาะพืน้ ที่ การใชแ้ นวกลยุทธ์การพฒั นาเสน้ ทางท่องเที่ยวแบบครบวงจร 5. การพัฒนากลยุทธ์ที่ช่วยส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว โดยให้แต่ละแหล่งเน้นจุดเด่นเป็นการ เฉพาะของตนหรอื เน้นตลาดเฉพาะสว่ นของตน รูปแบบและโครงสร้างข้ันพน้ื ฐาน หมายรวมถึง 1. ความหนาแน่นของการพัฒนาการท่องเทยี่ ว เสน้ ทางท่ีมีการเช่อื มโยงของสถานที่ตา่ งๆ เชน่ รสี อรท์ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี ว และแคมปฐ์ านต่างๆ ทีอ่ ยู่ในแหล่งทอ่ งเทีย่ ว 2. ชอ่ งทางหรือด่านทางเขา้ สู่แหลง่ ท่องเทีย่ ว ลักษณะการพัฒนาโครงสร้างทางกายภาพมีหลากหลายรูปแบบดังที่ปรากฏในบทความงานเขียน เอกสารต่างๆ ตลอดจนกรณีศึกษาเก่ียวกบั การวางแผนการท่องเท่ียวท่ัวโลก อยา่ งไรกต็ าม ประเดน็ ปัญหาของ กลุ่มประเทศย่านเอเชียและแปซิฟิกนั้นเป็นประเด็นเก่ียวกับการตีความหมายของแนวคิดรูปแบบโคร งสร้างท่ี เนน้ พื้นที่เปน็ ฐานให้สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ หก้ บั ลักษณะเฉพาะของแต่ภูมิภาคอย่างเหมาะสม ระดบั พน้ื ท่ีแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว แหล่งท่องเท่ียวเป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้วยทรัพยากรต่างๆ สิ่งอานวยความสะดวกและการบริการ ตา่ งๆ ท่มี ีความสาคัญอนั จะก่อใหเ้ กดิ ความพึงพอใจแก่นักท่องเทย่ี ว องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของพ้ืนทท่ี ี่เป็นแหล่งท่องเท่ียวหรอื โซน (Zone) การทอ่ งเทยี่ ว ไดแ้ ก่

179 1. เป็นชุมชน (อาจมีหน่ึงชุมชนหรือมากกว่า) ซึ่งให้บริการสิ่งอานวยความสะดวกและการ บรกิ ารด้านตา่ งๆ 2. เป็นแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเดย่ี วหรอื กลุ่มแหลง่ ท่องเทย่ี ว 3. มีระบบการคมนาคมที่เชอื่ มโยงระหวา่ งชมุ ชนและแหล่งทอ่ งเท่ียว 4. มีเสน้ ทางหรอื ทางเข้าไปยังแหล่งทอ่ งเท่ยี ว หลักการที่สาคัญในการวางแผนและออกแบบแหล่งท่องเที่ยว คือ การมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว และมี ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งส่วนตา่ งๆ ในพน้ื ทน่ี น้ั ๆ เช่น ระหวา่ งแหล่งทอ่ งเทีย่ ว สิง่ อานวยความสะดวกและบริการ แหล่งท่องเท่ียวคือ สถานที่ท่ีดึงดูดความสนใจของนักท่องเท่ียว การท่ีจะประสบความสาเร็จในการ จดั การการท่องเทีย่ วในแหล่งท่องเที่ยวน้ัน ควรจะตอ้ งมีการวางแผนท่สี ามารถใชป้ ระโยชน์อย่างสูงสุดจากสิ่งที่ มอี ยู่ ดงั นี้ 1. ความไดเ้ ปรยี บด้านทาเลสถานที่ตั้ง 2. ความได้เปรยี บของผลิตภัณฑด์ ้านการท่องเทย่ี วเมอ่ื เทียบกบั แหลง่ ท่องเที่ยวคแู่ ข่ง 3. ความได้เปรียบด้านของทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรด้านวัฒนธรรมหรือ ทรพั ยากรธรรมชาติ 4. การเชอ่ื มโยงของระบบขนส่ง 5. ความเปน็ มติ รและการตอ้ นรับของเจ้าภาพ ถึงแม้จะไม่มีสูตรสาเร็จท่ีจะรับประกันความสาเร็จของแต่ละแหล่งท่องเท่ียว แต่หลักการในการออกแบบและ วางแผนซงึ่ เหมาะสมกับขนาดของแหลง่ ทอ่ งเที่ยว คือ 1. แหล่งท่องเทีย่ วควรบูรณาการเปน็ หนึ่งเดยี วกันกบั กลยทุ ธ์ในระดับภูมภิ าค 2. แหล่งทอ่ งเท่ียวควรดงึ ดดู ใหม้ ีหรอื สร้างสรรคภ์ าพลักษณ์ทโี่ ดดเด่น 3. ความสาเร็จในการวางแผนสาหรับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้ ได้แก่ ภาคีความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การบูรณาการ และการประกอบไปด้วยสถานท่ีท่องเที่ยว ส่ิงอานวยความ สะดวก การบริการ และการเช่ือมโยงของระบบการคมนาคมที่สามารถรองรับการท่องเที่ยวขนาดใหญ่มากขน้ึ ได้ ภาพที่ 8.1 ทวิ ทศั น์แม่นา้ โขงเมอื่ ครั้งยงั ไม่ได้รับการพฒั นาจดุ ชมววิ ผาตากเสือ้ อาเภอสงั คม จงั หวัดหนองคาย

180 ระดับสถานทท่ี ่องเทยี่ ว การวางแผนการท่องเท่ียวในระดับท่ีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน้ันเป็นส่ิงที่ท้าทายมาก เน่ืองจากว่าใน ระดับสถานที่ที่ท่องเท่ียวน้ีหากเกิดมีปัญหาข้ึนแม้เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดาเนินงานหรือปัญหาด้าน สุนทรียทัศน์ของสถานที่ก็ตามแต่ อาจทาลายภาพลักษณ์ของสถานที่น้ันๆ ให้เสียหายได้ หากการจัดการการ ท่องเที่ยว ณ สถานท่ีใดเกิดล้มเหลว ย่อมกลายเป็นการสะท้อนให้เห็นหลักฐานของการตัดสินใจท่ีไม่ดี และยัง เช่ือมโยงไปสู่แหลง่ การทอ่ งเท่ยี วทงั้ หมดในภูมภิ าคอีกด้วย ในระดับน้ี “สถานท่ี” แต่ละแหง่ นั้นยังมีความหมายเฉพาะที่สาคัญ ไม่เพียงแต่ดา้ นของผลประโยชน์ที่ แต่ละแหล่งมีต่อพ้ืนท่ีแหล่งท่องเท่ียวโดยรวม ทว่ารวมถึงการเป็นจุดอ้างอิงในทางภูมิศาสตร์และการเป็น จุดเด่นท่ีหมายตาของแตล่ ะพน้ื ทอ่ี กี ด้วย ในการวางแผนการท่องเที่ยวในระดับของสถานที่ท่องเท่ียวเด่ียวๆ น้ี จะต้องมีการคาดการณ์และ ประเมินอย่างละเอียดถึงความต้องการในส่ิงอานวยความสะดวก บริการ และรวมถึงการจัดประสบการณ์ ท่องเที่ยวที่สถานที่น้ันๆ นาเสนอให้นักท่องเที่ยว ดังนั้น จึงเป็นส่ิงที่จาเป็นมากในการเข้าใจถึงลักษณะของ พื้นท่ี ศักยภาพ อุปสรรค และผลประโยชน์ ท่ีสถานที่ท่องเที่ยวสามารถส่งไปยังพ้ืนที่แหล่งท่องเท่ียวโดยรวม นอกจากนน้ั กระบวนการวางแผน การจัดการ และการติดตามกากบั ดแู ลก็ควรเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพด้วย เช่นกัน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาการออกแบบการพัฒนาท่ีไม่เหมาะสมท่ีจะเกิดขึ้นอย่างซ้าซากกัน เรา จาเป็นต้องมีการประเมินผลหลังการดาเนินการพัฒนา โดยถือเอาการประเมินผลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ กระบวนการวางแผน โดยเฉพาะอย่างย่ิง เราควรจะมีการกาหนดความแม่นยาของการตัดสินใจออกแบบการ พัฒนาเอาไวล้ ว่ งหนา้ กลยทุ ธก์ ารพฒั นาด้านกายภาพ การพัฒนาด้านกายภาพมีความจาเป็นที่จะต้องนากลยุทธ์มาปะยุกต์ใช้เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ ชมุ ชนโดยยึดหลกั การพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549) ได้อธิบายถึง การดาเนินงานเพื่อเตรียมการพัฒนาด้านการท่องเท่ียวในระดับต่างๆ (ระดับชาติ ระดับภูมิภาค ระดับพ้ืนที่ แหล่งท่องเท่ียว และระดับสถานที่ท่องเที่ยว) การพัฒนากลยุทธ์การวางแผนด้านกายภาพท่ีเหมาะสมเป็น ส่ิงจาเป็นมาก องค์ประกอบท่ีสาคัญของกลยุทธ์การพัฒนาด้านกายภาพคือ การวางแผนใช้ท่ีดิน สิ่งหนึ่งท่ี จะตอ้ งตระหนักชัดเจน คือ ในหลายประเทศมีกลยุทธ์การใช้ทีด่ นิ อยู่ แต่มไิ ด้นาไปปฏิบัติอย่างมสี มา่ เสมอ หรอื ขาดการสนบั สนุนจากทอ้ งถ่ิน หรอื ในบางประเทศอาจจะยังไม่มนี โยบายดงั กล่าว แนวทางการวางแผนใชท้ ี่ดนิ มี 4 แนวทางด้วยกัน 1. การวางแผนแบบพิมพ์เขียว ไม่มีความยืดหยุ่น คือ อยู่บนพ้ืนฐานของความคาดหวังว่า แผนฉบับ สมบูรณ์ท้ังแผนจะได้รับการนาไปปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดท้ังหมด ความคาดหวังดังกล่าวไม่ได้อยู่บนพ้ืนฐาน ของความเป็นจริง เน่ืองจากไม่มีแผนใดที่เริ่มต้นจากการมีข้อมูลท่ีสมบูรณ์แบบ และนาไปปฏิบัติภายใต้ สภาพแวดล้อมในการทางานที่อยู่ภายใต้การควบคุมได้ท้ังหมดทุกประการได้ แนวทางการวางแผนดังกล่าวจึง ไม่มคี วามยดื หยุ่น 2. การวางแผนโดยใช้กฎระเบียบเป็นเกณฑ์ ซึ่งจะข้ึนอยู่กับการนามาตรฐานของการพัฒนามาใช้เป็น ฐานคดิ ในการวางแผน ผนวกกับความเปน็ ไปได้ทก่ี ารพัฒนาจะเป็นไปตามประมวลแหง่ กฎเกณฑแ์ ละมาตรฐาน ที่ได้มีการกาหนดข้ึนก่อน ทั้งน้ี ในด้านของการนาไปปฏิบัติตามนั้นค่อนข้างจะง่าย แต่สภาพแวดล้อมท่ีสร้าง

181 ข้ึนมาจะมีลักษณะเชิงเดี่ยวและซ้าๆ ซากๆ กระนั้นก็ตาม การวางแผนโดยใช้กฎระเบียบเป็นเกณฑ์น้ีในบาง ด้านบางมมุ เปน็ สิ่งท่หี ลีกเลย่ี งไมไ่ ด้ 3. การวางแผนโดยใชก้ ลไกตลาดเปน็ ตัวขับเคล่อื น ซึ่งจะเหมาะสมอยา่ งที่สดุ หากนาไปใช้กบั โครงการ แต่ละโครงการมากกวา่ จะนามาใชเ้ ป็นกลยทุ ธส์ าหรับชมุ ชนหรือภมู ภิ าคท้งั หมดในภาพรวม 4. การวางแผนโดยใช้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อน ซ่ึงเป็นที่แพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบทบาทของ การวางแผนเปน็ สงิ่ จาเป็นในการนามาใชก้ ับสถานการณ์ท่ีมคี วามซับซ้อน และสามารถทาให้เกดิ ผลกระทบทาง ลบต่อสิ่งแวดล้อม และจากการที่การพัฒนาจะต้องมีการกากับดูแลอย่างใกล้ชิดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ ข้อบังคบั เกี่ยวกับความยั่งยนื ของระบบนิเวศ ซึ่งการวางแผนโดยใชร้ ะบบเป็นตวั กาหนดแผนน้จี ะชว่ ยทาให้เกิด การทบทวน การติดตามกากับดูแล และการปรับเปล่ียนวิธีการทางานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการ เปลย่ี นแปลงไป ระบบการวางแผนการใช้ที่ดินส่วนใหญ่จะใช้วิธีผสมผสานระหว่างการใช้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อนกับ วิธีการใช้กฎระเบียบเปน็ เกณฑ์ โดยในหลายๆ กรณีน้ันการควบคุมการใชท้ ่ีดินมักจะเป็นระบบท่ีพัฒนามาจาก ประมวลมาตรฐานการปฏิบัติการวางแผนของยโุ รปหรอื อเมรกิ าเหนือ แล้วนามาประยกุ ตใ์ หส้ อดคล้องกับความ ต้องการจาเป็นของแต่ละประเทศ โดยปกติแล้วการที่จะควบคุมใช้ที่ดินให้เป็นไปตามแผนน้ันจะอาศัยอานาจ ของกฎหมายท่ีเหมาะสม ซึ่งมีมาตรการต่างๆ ในการควบคุมท้ังเร่ืองการใช้และการพัฒนาท่ีดิน การพัฒน า ระบบการบริหารทีเ่ กยี่ วข้อง และการพัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน/สาธารณูปการต่างๆ ท่ีจาเป็น ในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว ประเด็นท่ีสาคัญท่ีสุดว่าด้วยเร่ืองการวางแผนการใช้ท่ีดินและการ พัฒนามดี ังนี้ 1. สถานทส่ี าหรบั การพัฒนาหรอื มกี ิจกรรมด้านการท่องเทยี่ ว 2. การเข้าถงึ และการเดนิ ทางภายในเขต/โซนการท่องเท่ียว 3. มาตรฐานการพฒั นา 4. มาตรฐานการออกแบบ 5. ปัญหาการจราจร 6. คณุ ภาพของส่ิงแวดล้อมที่มนุษยส์ ร้างข้ึน 7. สภาพภมู ทิ ศั นข์ องบรเิ วณที่มกี ารพฒั นาการท่องเท่ียว 8. การพฒั นาโครงการขนาดใหญ่ 9. แหล่งท่ีดงึ ดูดการท่องเที่ยวในชนบท 10. ทาเลที่ตั้งสถานท่ีของจุดคมนาคมหลัก เช่น ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟหรือสถานีขนส่ง ผู้โดยสาร 11. ผลกระทบของการพัฒนาการท่องเท่ียวต่อรูปแบบของสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่อ พน้ื ทม่ี รดกทางวัฒนธรรมหรือธรรมชาติ ในการน้ีจะบรรลมุ าตรฐานการใชท้ ด่ี นิ เพอ่ื การพัฒนาทด่ี ีการวางแผนควรเป็นดงั น้ี 1. ประสานความต้องการในดา้ นการพฒั นาโครงสร้างพน้ื ฐาน/สาธารณปู โภคท่เี ก่ียวข้อง 2. มีการนาแนวคิดท่ีเหมาะสมไปปฏิบัติเพ่ือให้บรรลุมาตรฐานในด้านความสวยงาม ด้านสุข ภาวะ ดา้ นความสะดวกสบายและด้านความหลากหลายของส่งิ ทีน่ า่ สนใจ ประสบการณ์ และวฒั นธรรม 3. มกี ารสง่ เสรมิ การพฒั นาในพน้ื ท่ีและเวลาที่เหมาะสม 4. มีการใหข้ อ้ มลู ลว่ งหน้ากบั นักลงทุนในเร่ืองข้อกาหนดและมาตรฐานต่างๆ ในการพฒั นา

182 5. มกี ารปอ้ งกนั การพฒั นาอย่างลาเอียงไม่เปน็ ธรรม ไม่ว่าจะเป็นการลาเอยี งโดยประเภทของ การพฒั นาโดยทาเลท่ีตั้ง จงั หวะเวลาหรอื คณุ ภาพการพัฒนา 6. มีการสะท้อนการเปลย่ี นแปลงมาตรฐานและความนิยมในระดับทย่ี อมรับได้ 7. มีการส่งเสริมนวัตกรรม อาจจะมีผู้กล่าวว่า การวางแผนและการพัฒนาที่ดีที่สุดนั้นเป็นผลมาจากการวางแผนที่เจตนาใช้ กระบวนการวางแผนและกระบวนการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตามเรามีตัวอย่างมากมายท่ีแสดงให้ เห็นว่าการวางแผนและการพัฒนาประสบความสาเร็จนั้น ไม่ได้มาจากกระบวนการที่เป็นระบบแต่ประการใด การพัฒนาท่ีประสบความสาเร็จโดยท่ีไม่ได้ แนวทางของระบบมักจะมีลักษณะเปราะบาง และ/หรืออาศัยโชค ช่วย ไม่ว่าในกรณีใดการยึดถือแนวทางเชงิ ระบบนา่ จะใช้โอกาสท่ีดีที่สุดในการบรรลุการพัฒนาการท่องเท่ยี วท่ี ประสบความสาเร็จ การวางแผนและการพัฒนารสี อร์ท อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีธุรกิจที่มีความเก่ียวข้องหลากหลายธุรกิจ ซ่ึงแต่ละธุรกิจมีความสาคัญเป็น กลไกท่ีค่อยสนับสนุนซึ่งกันและกันและต้องมีการวางแผนเพ่ือพัฒนาธรุ กิจน้นั ๆให้ตอบสนองความต้องการของ นกั ท่องเทยี่ วและตอบสนองการท่องเที่ยวท่ีเนน้ ด้านการอนุรักษ์เพ่ือสร้างความย่ังยนื ใหก้ ับธุรกจิ และรับผิดชอบ ต่อสงั คม ศูนย์เพ่ือการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549) ได้อธิบายถึง ความสับสนอยู่กับการใช้คาว่า “รีสอร์ท” เพ่ือให้มีความชัดเจนของความหมายของคานี้เมื่อนามาใช้ในการ วางแผนจึงมีความจาเป็นท่ีจะต้องแยกแยะระหว่างโรงแรมพักผ่อนแบบเดียวขนาดใหญ่ และการพัฒนาแหล่ง ท่องเท่ยี ว และบริเวณแหล่งทอ่ งเทีย่ วทมี่ โี รงแรมรีสอรท์ แบบบรู ณาการหลายๆ แหง่ รีสอร์ท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของโรงแรมรีสอร์ทท่ีเป็นเอกเทศ อาจจะคาดหวังได้ว่าควรจะมี บริการดงั นี้ 1. เปน็ ท่ีนอนพักและใหก้ ารผอ่ นคลาย 2. เป็นฐานทจี่ ะใชใ้ นการออกสารวจพ้ืนที่รอบๆ 3. เปน็ ท่ีอยู่อาศัยซ่ึงมมี าตรฐานเป็นทค่ี ุ้นเคย แต่อยูใ่ นสภาวะแวดล้อมทีห่ รูหราสวยงาม 4. ใหป้ ระสบการณด์ า้ นวฒั นธรรมท่ีมีความแตกตา่ งหลากหลาย 5. ไดร้ บั ความบันเทิงและนนั ทนาการในชดุ บรกิ ารท่ีจดั ไว้ให้ พื้นฐานในการออกแบบควรจะเน้นให้มีความสะดวกสบาย ความปลอดภัย สร้างส่ิงแวดล้อมเพื่อให้ แขกไดร้ ่วมในกจิ กรรมทก่ี าหนดไว้ หรือจะกาหนดเปน็ กจิ กรรมของแตล่ ะบุคคลเปน็ เอกเทศก็ได้ กระบวนการวางแผนรีสอร์ทก็คล้ายกันกับกระบวนการวางแผนโดยทั่วไปดังที่ได้พิจารณาไปแล้ว การ วางแผนและการออกแบบที่ถูกต้องมีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และศักยภาพการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวเป็น อย่างดี กลยุทธ์ของการท่องเท่ียวแบบในพ้ืนท่ีอาจจะรวมเอารีสอร์ทครบวงจรหลายๆ แห่ง เพื่อให้เป็นระบบ รวมกันในการใช้ส่ิงอานวยความสะดวก บริการ และแหล่งท่องเที่ยว มีอีกทางเลือกหน่ึงคือการแสดงความชื่น ชมท่ีรีสอร์ทแห่งใดได้มีส่วนส่งเสริมภาพลักษณ์ของพ้ืนท่ีน้ัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความคาดหวังว่ารีสอร์ทครบ วงจรท้ังหลายน่าจะสะท้อนถึงลักษณะพิเศษของประเทศน้ัน เพ่ือประโยชน์ของการวางแผนการท่องเที่ยว อาจจะเป็นการเหมาะสมสาหรับรัฐบาลในแถบเอเชียแปซิฟิกท่ีจะต่อต้านการพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจรท่ี หา่ งไกลจากแนวความคิดและเอกลักษณ์ของประเทศนน้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook