Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1700vLu0ui351g6b2P1B

1700vLu0ui351g6b2P1B

Published by Prathana Padungpote, 2019-05-30 04:11:59

Description: 1700vLu0ui351g6b2P1B

Search

Read the Text Version

183 สง่ิ ทตี่ ้องพจิ ารณาในการวางแผน การออกแบบทดี่ เี ปน็ สว่ นสาคัญอยา่ งหนง่ึ ของการพฒั นารีสอร์ทเพราะจะช่วยได้เป็นอยา่ งมากในการ ทาให้นักท่องเทีย่ วมีความร้สู ึกที่ดตี ่อแหลง่ ท่องเทยี่ วและมีความพึงพอใจในประสบการณ์ทไ่ี ดร้ ับ ขอบข่ายของ การวางแผนและออกแบบมีดังนี้ 1. สถานทีต่ ้งั ของตวั อาคาร โดยเฉพาะอย่างย่ิงความสมั พันธ์กันกบั สถานที่กอ่ สร้าง การจัด พนื้ ที่ และบรรยากาศโดยรอบ 2. ทิวทศั นภ์ ายในและภายนอกของรสี อร์ท 3. การใชภ้ มู ิประเทศทเี่ ป็นจุดเด่นของสถานท่ี 4. การใช้และการผสมผสานของพนั ธ์ไม้ในท่นี นั้ ใหเ้ ขา้ กบั การออกแบบ พื้นทีบ่ รเิ วณชายหาด (หรือบรเิ วณสระวา่ ยนา้ ถ้ารสี อร์ทนนั้ ไมไ่ ด้ต้ังบนชายหาด) นา้ และพน้ื ทสี่ าหรบั การเล่นพักผอ่ น 5. การจัดวางตวั อาคาร ความหนาแนน่ ของการพฒั นา การจดั หมวดหมูข่ องอาคาร และ ความสมั พนั ธ์ของตัวอาคารกับชายหาด 6. การเข้าถึงสถานทีท่ ่องเทยี่ ว 7. การเลือกแบบสถาปตั ยกรรม โดยใหส้ ิทธิพเิ ศษแก่รูปแบบของทอ้ งถน่ิ ก่อน ระดบั ของ นักทอ่ งเทีย่ วท่ีอยู่รวมกนั เป็นกลุม่ หรอื แยกจากกนั (ความสามารถในการรองรับนกั ท่องเท่ยี ว) นอกเหนือไปจากสิง่ ภายนอกเหล่านี้ ความต้องการในการพัฒนายังรวมไปถงึ การเอาใจใส่ในคณุ ภาพ และความพอเพียงของน้าใชภ้ ายในอาคาร การก่อสรา้ ง การตกแต่งภายใน เคร่อื งปรับอากาศ การกาจัดน้าเสยี และขยะ (ก) กระบวนการในการวางแผน การพัฒนารีสอร์ทและสิ่งอานวยความสะดวกกเ็ พ่ือใหน้ กั ท่องเที่ยวเกิดความพงึ พอใจในประสบการณ์ ทห่ี ลากหลาย แม้บางครัง้ นกั ท่องเท่ยี วอาจจะมีความต้องการไมต่ รงกนั กต็ าม 1. การพกั ผ่อน ความสงบและความเงียบ 2. เปน็ อสิ ระจากความแออัด 3. การนนั ทนาการ (คนเดยี ว หรือเป็นหมคู่ ณะ) 4. การสมาคมสังสรรค์ ขัน้ ตอนในกระบวนการวางแผนประกอบด้วย 1. ทาการวิจัยตลาดเพ่ือท่ีจะได้กาหนดประเภทของลูกค้าที่จะมาใช้บริการในรีสอร์ท (การ ต้ังเป้าหมายของรีสอรท์ ) 2. เลือกทาเลท่ีตั้งโดยทั่วไป ก่อนพิจารณาถึงความยากง่ายในการเข้าถึง ความสวยงามของ ทิวทัศน์ที่จะดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว ศักยภาพของการพัฒนา ขนาดของการใช้บริการทาง สาธารณูปโภค และจานวนของคนงานทจี่ ะตอ้ งใช้ 3. การคัดเลอื กสถานท่ี 4. การสรา้ งแนวความคดิ ของรีสอรท์ (ขึน้ อยกู่ บั ผลการวจิ ยั ของตลาด) 5. การประเมินทาเลที่ต้ังในเบื้องต้น (โดยคานึงถึงสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของทาเลท่ีตั้ง รวมกับ ความต้องการทางด้านวิศวกรรม การจัดแบ่งพื้นท่ีสาหรับอาคารต่างๆ พ้ืนท่ีวางและการเชื่อมโยงระบบการ สอื่ สาร)

184 6. ปรับแต่งแนวความคิดให้ละเอียดขึ้นและนาเสนอรายละเอียดเพ่ือจะได้บรรลุข้อตกลงใน กิจกรรมหลักๆ เห็นพ้องกันในรูปแบบของตัวอาคารและยืนยันในขอบเขตท่ีแน่นอนของรูปแบบทาง สถาปัตยกรรม รวมทัง้ การออกแบบ ความสูง และการใช้ประโยชนใ์ นพน้ื ท่ี (ข) ความตอ้ งการในการวางแผนของสถานท่ี 1. การสรา้ งภาพลักษณ์ 2. การเตรยี มการในการวางแผนจากแนวความคิดเพอ่ื ใหบ้ รรลุภาพลกั ษณน์ ั้น 3. การกาหนดรายละเอยี ดในการพัฒนาสถานท่ีให้สอดคล้องกับแนวความคิดที่วางไว้ การวางแผนหลักและส่ิงทีต่ ้องการจากการออกแบบก็เพื่อท่จี ะให้รสี อร์ทน้ันมีภาพลกั ษณ์ท่ีโดดเดน่ ซง่ึ อาจะทาให้เป็นผลสาเร็จได้โดย 4. ปรับส่วนประกอบต่างๆ ของแผนให้เข้ากับสถานที่ (แทนท่ีจะยัดเยียดแผนตามท่ีต้องการ ให้กับสถานที่) 5. ปรับตัวอาคารแต่ละหลัง และรวมเป็นกลุ่มให้เข้ากับขนาดและสถานที่เพ่ือให้ทาเล ท่องเที่ยวดเู ดน่ กว่าแทนทีจ่ ะให้ตวั อาคารดโู ดดเดน่ 6. ใชว้ ัสดุกอ่ สร้างทม่ี ีในท้องถ่ิน 7. ปรบั ใช้ใหเ้ ข้ากับรูปแบบของทอ้ งถ่ิน 8. ปรับปรุงการเช่ือมโยงของพื้นท่ีบริการท่ีพักอาศัย พ้ืนที่บริการจากจุดต่างๆ ของสถานที่ ท่องเที่ยว และบริเวณท่ีเป็นที่รวมของผู้คนให้เข้ากับพื้นท่ีธรรมชาติเพื่อท่ีจะใช้ภูมิทัศน์และบรรยากาศให้เป็น ประโยชนย์ งิ่ ขึน้ 9. อยู่ใกลก้ ับหม่บู า้ นในท้องถนิ่ เพอื่ ใหม้ ีการตดิ ต่อสังสรรค์แลกเปลี่ยนประสบการณ์กนั การออกแบบรีสอร์ทไม่มีสูตรสาเร็จเป็นการเฉพาะ จาเป็นต้องมีการประเมินและพิจารณาท่ีแตกต่าง กนั ไปในแตล่ ะกรณตี ามความเปน็ จรงิ (ค) การวางแผนสร้างแนวความคดิ หลักที่จาเป็นต้องใช้ในการวางแผน มีดังนี้ 1. ความใกลช้ ดิ กบั ธรรมชาติ 2. ผสมผสานกับสง่ิ แวดลอ้ มตามธรรมชาติ 3. ความเหมือนจรงิ ในการจดั ตวั อาคาร พนื้ ที่ การเขา้ ถึง และการออกแบบตวั อาคาร 4. การเน้นพัฒนาแบบรวมเป็นกลุ่ม แทนท่ีจะเป็นการกระจายตัวอย่างสม่าเสมอ หรือแยก การออกไปโดดๆ 5. ความคาดหวงั ของลูกคา้ 6. ขนาดและระดบั ตามความตอ้ งการของรีสอร์ทและจดุ ยนื ทางการตลาด การดาเนินงานพนื้ ฐานในการเตรยี มแผนของแนวความคดิ ควรจะทาเปน็ ระบบดังนี้ 1. ทารายการของแนวความคดิ ทางเลือกต่างๆ และการออกแบบ 2. กาหนดความเป็นไปได้และขอ้ จากัดตา่ งๆ ใหช้ ัดเจน 3. คดั เลอื กทางเลือกเหลา่ นีใ้ หน้ อ้ ยลง โดยพิจารณาใช้ทางเลอื กที่มีขอ้ จากดั น้อยทส่ี ดุ 4. ทาการประเมินโดยเปรียบเทียบทางเลือกท่ีคัดเลือกออกมาแล้ว โดยคานึงถึงการตลาด การแขง่ ขัน และราคาตน้ ทนุ

185 5. ให้เลือกทางเลือกที่ดีท่ีสุดเพ่ือการประเมินอีกช้ันหน่ึง และจัดเตรียมรายละเอียดแบบ แปลนของสถานท่แี ละตวั อาคาร ในการปฏิบัติพบได้ว่าจาเป็นต้องมีการปรับแนวคิดให้เข้ากับการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ (เช่น ความต้องการของตลาดทเ่ี ปลีย่ นไป) ภายในขอ้ กาหนดของแนวความคดิ พื้นฐานเจา้ ของโครงการอาจจะเลือกดงั นี้ 1. การปกป้องทวิ ทศั นโ์ ดยรอบทอ่ี ยู่ไกลออกไป 2. การผสมผสานของสิ่งอานวยความสะดวกกับชายหาด ชายทะเลสาบ หรือปจั จยั ทาง กายภาพท่ีคลา้ ยกัน 3. ควรจะพฒั นาโดยเนน้ ให้อาคารไม่สูงนักและไม่แออดั เพื่อทจี่ ะหลีกเลย่ี งการบดบังทิวทศั น์ จากตวั อาคาร 4. การรวมกลมุ่ ของตัวอาคารและการทากจิ กรรมเอาไวใ้ กลๆ้ กัน เพื่อท่ีจะกันใหม้ ีพนื้ ทีเหลอื จากากรพฒั นาให้มากทีส่ ดุ 5. ทาใหร้ ีสอรท์ เปน็ ศนู ยก์ ลางของจดุ ดึงดูด 6. จดั ความหนาแน่นและการวางแผนให้แตกตา่ งกันตลอดท้ังสถานท่ี เพ่อื หลีกเลี่ยงความ ซา้ ซากและความน่าเบ่ือหนา่ ย 7. จดั หาพนื้ ทีท่ สี่ ามารถเป็นที่กาบงั จากอากาศทรี่ นุ แรง 8. จดั สวนธรรมชาติ ถา้ ไม่มีอยูเ่ ดิมแล้วในสถานที่ และก่อสร้างรูปแบบตา่ งๆ ที่นา่ สนใจข้ึน ถ้าสถานทีน่ ัน้ ไม่ค่อยมีจุดเด่น แม้ในข้ันตอนของแนวความคิด นโยบายในการออกแบบควรจะมงุ่ ไปในด้านแกไ้ ขความด้อยของ ธรรมชาตใิ นสถานทีต่ ้งั และหลีกเลีย่ งในการสร้างส่งิ แปลกปลอมท่ีไมเ่ ปน็ ธรรมชาติ จุดสาคญั ในการวางแผนความคิดควรจะเป็นดังนี้ 1. มีความกลมกลนื กับสถานที่ทอ่ งเที่ยว 2. มีการแสดงเอกลกั ษณ์และภาพลกั ษณ์ 3. มีการจัดวางตัวอาคารและกิจกรรมตา่ งๆ 4. มคี วามสะดวกในการเข้าถึงภายในและการสือ่ สาร 5. มโี อกาสที่นกั ทอ่ งเท่ียวจะไดร้ ับประสบการณท์ ี่พึงพอใจ (ง) การวางแผนสถานที่ การกาหนดรายละเอยี ดของการวางแผนสถานท่ี มงุ่ ท่ีจะบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของกระบวนการวางแผน แนวความคิดให้มากท่ีสดุ เท่าทจ่ี ะมากได้ ในความพยายามท่ีจะปรบั แนวความคดิ ให้เข้ากับสถานทท่ี ่องเที่ยวท่ีมี อยู่แลว้ บางด้านมนุ ของแนวความคดิ อาจจะต้องถูกตดั ออกไปหรือปรบั เปล่ยี นบ้าง การเตรยี มแผนของสถานที่ให้เหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพเป็นสิ่งจาเปน็ เพื่อใหม้ ั่นใจวา่ แนวความคิด นน้ั ไดร้ บั การนาไปปฏบิ ตั ิอย่างเทยี่ งตรง มีการพิจารณาสภาพของสถานทท่ี ่องเท่ียวโดยละเอยี ด แบบแปลน และการกอ่ สร้างต้องเปน็ ท่ตี กลงกนั แบบแปลนควรจะรวมเอาการพัฒนาทัง้ หมด (รวมท้ังพนื้ ทธ่ี รรมชาติ) ให้ อยภู่ ายในขอบเขตของรสี อร์ทดงั นี้ 1. ตวั อาคาร 2. ส่ิงอานวยความสะดวกและเครื่องไม้ใชส้ อย 3. พ้นื ทีท่ ี่ไมม่ ีการก่อสรา้ งใดๆ

186 4. การบรกิ ารสาธารณูปโภค 5. จดุ ทจี่ ะเข้าถึง 6. ระบบการไหลเวยี น 7. แบบแปลนการจดั สวน นอกจากนีแ้ ลว้ ความต้องการในระยะเวลาทจ่ี ะใชพ้ น้ื ท่ีทงั้ หมดตอ้ งระบุไว้ดว้ ย ถงึ แม้วา่ การพัฒนาจะ กาหนดเป็นช่วงไปอยู่แลว้ เปน็ สิง่ จาเป็นที่จะต้องแน่ใจวา่ การพัฒนาในอนาคตของพนื้ ที่จะเปน็ ไปอย่าง สมเหตุสมผล ในปลายประเทศ รฐั บาลได้ออกคู่มือการออกแบบและข้อกาหนดของรัฐบาล ทวา่ มาตรฐานการ ดาเนนิ การที่ครอบคลุมทง้ั หมดยงั มีอยนู่ ้อย ดงั น้นั มาตรฐานที่แนน่ อนของพ้ืนทีว่ า่ งจึงไม่มีการทารายการไว้ รัฐบาลควรจะระมดั ระวังในการเลียนแบบมาตรฐานของพื้นทวี่ ่างและอาคารทมี่ กี ารพัฒนามาแล้วจากประเทศ อน่ื เพื่อนามาใช้ในท้องถิน่ เนื่องจากสถานการณไ์ ม่เหมือนกนั อยา่ งไรก็ตามมาตรฐานการดาเนนิ งานเช่นนั้น อาจนามาใช้ได้เพ่ือเป็นจดุ เริ่มตน้ ซงึ่ อาจจะนาไปสู่การออกมาตรฐานของการออกแบบท้องถิน่ ต่อไป รายการ ตอ่ ไปนจี้ ะชีใ้ หเ้ หน็ ถงึ ขอบข่ายของประเด็นท่ีมาตรฐานของพื้นทวี่ า่ งและการก่อสร้างเป็นสิ่งจาเปน็ 1. ทาเลทก่ี อ่ สร้างอาคาร (ความสัมพนั ธ์กบั ชายหาด พื้นที่ว่างระหว่างตวั อาคาร การรวม กระจุกตัวของกลมุ่ อาคาร การจดั อาคารเปน็ แถวเป็นแนว การแยกสรา้ งอาคารโดดๆ ความสมั พนั ธ์กบั ภมู ิทศั น์ ความหนาแนน่ และความครอบคลมุ พน้ื ท่)ี 2. การกอ่ สร้าง (วสั ดุก่อสรา้ ง การออกแบบ ความสูงของอาคาร) 3. การเขา้ ถึง (ทางเข้า ระบบหมนุ เวียนภายใน การเชอ่ื มโยงระหว่างสงิ่ อานวยความสะดวก) 4. การจัดสวน (พันธไ์ุ ม้พ้ืนเมือง แบบแผนในการปลกู ต้นไม้ การรักษารูปแบบของส่วนเดิมไว้ การปลูกต้นไม้เพ่ิมเติม การวางแผนสิ่งแวดล้อมเพื่อเสริมหรอื เพ่ือซ่อมแซมทวิ ทัศน์ แถบแนวของพนั ธุ์ไมต้ าม แนวธรรมชาติและความหลากหลายของพื้นท่ีปิดและพน้ื ทเ่ี ปิด) การวางแผนสถานที่ก่อสร้าง ควรมกี ารปรบั เพอ่ื ใหเ้ ขา้ กนั ได้กับสถานการณต์ า่ งๆ ทนี่ กั ท่องเทยี่ วสว่ น ใหญค่ ิดวา่ เปน็ แบบฉบบั ของชีวติ และประสบการณ์ในเขตรอ้ น เพ่อื ให้บรรลุถึงเปา้ หมายดังกลา่ ว แบบแปลน ของสถานท่จี าเป็นต้องครอบคลุมสง่ิ ต่อไปนี้ 1. ความสัมพนั ธ์กนั ของการใช้งานและความสวยงามระหว่างสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอก ซง่ึ ทาไดด้ ว้ ยการวางผงั ของรสี อร์ท การรวมกลมุ่ ของสิ่งอานวยความสะดวก การปรับตวั อาคารเพ่ือให้ไดร้ ับ ประโยชนม์ ากท่ีสดุ อากาศ ทางเดินที่มหี ลังคา ทางเดินระหวา่ งร้านทม่ี หี ลงั คา แนวเสาทเ่ี รียงกนั และทิวทัศน์ 2. รวมสง่ิ อานวยความสะดวกเข้าด้วยกันโดยคานึงถงึ ลกั ษณะพิเศษของพ้นื ที่ ลักษณะของภมู ิ ประเทศ ทิวทัศน์ ความต้องการของผคู้ น โอกาสและความแตกตา่ ง ประสทิ ธภิ าพของการบรกิ ารและการ บารงุ รักษา 3. ความเรียบง่ายของการวางผังเพือ่ ช่วยให้นักทอ่ งเทยี่ วปรับตวั ได้งา่ ย ซง่ึ ทาได้โดยจดั ระบบ เส้นทางเดนิ ในอาคาร การรวมตัวของส่งิ อานวยความสะดวก จุดศนู ย์กลางทีด่ ึงดูดความสนใจ การจัดสวนตาม แนวทางเดิน และเคร่ืองหมายตา่ งๆ ในช่วงของการออกแบบพ้นื ที่ควรจะพิจารณาใหล้ ะเอยี ดถึงความสามารถในการรองรบั จานวนคนของ รีสอร์ทซงึ่ กาหนดโดยปจั จัยต่อไปน้ี 1. พนื้ ทว่ี ่างท่ีจะพฒั นาข้ึนมา 2. จุดทีน่ า่ สนใจพเิ ศษที่ต้องการอนุรักษ์ไว้ 3. ขนาดของพืน้ ท่ที ่ีกาหนดให้อยภู่ ายในอาคาร

187 4. ความหนาแน่น 5. รูปแบบของอาคาร 6. ประเภทของนักท่องเท่ียวที่จะมาพัก 7. กลุม่ กิจกรรมเสริมในสถานที่ ในบางกรณรี าคาของท่พี ักและบริการของรีสอรท์ ท่ีแพงกอ็ าจจะเป็นข้อจากัดของศักยภาพการรองรบั จานวนของนักทอ่ งเที่ยวทแ่ี ท้จริงได้ รีสอร์ท รีสอร์ทบางแห่งก็อาจจะมีความเป็นเอกเทศ แยกออกไปอยู่โดดและอยู่ในที่ห่างไกล ในกรณีเช่นนี้ ระดับของการผสมผสานบริการรวมกันจะมีสงู มาก เนื่องจากความต้องการและประสบการณ์ของนกั ท่องเทยี่ ว ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ภายใต้รีสอร์ท ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัดก็คือ รีสอร์ทท่ีอยู่บนเกาะ ในการออกแบบรีสอร์ทเช่นนี้ การวิจัยทางตลาด สภาพของพ้ืนท่ี ศักยภาพของการออกแบบของพื้นที่จาเป็นต้องสอดรบั กัน ทั้งนี้อาจจะยังมี ความเช่ือมโยงกับรีสอร์ทอื่นๆ เพื่อใช้บริการเสริมและประสบการณ์ต่างๆ คล้ายกนั อยา่ งไรกต็ าม รสี อร์ทชนิด นี้เป็นสิ่งท้าทายความสามารถในการวางแผนและออกแบบ ซึ่งต่างๆจากรีสอร์ทบนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งรีสอร์ทเช่นน้ีต้องผสมผสานการออกแบบ ขอบข่ายของการบริการ และส่ิงอานวยความสะดวกเข้า ดว้ ยกัน (ก) รสี อรท์ แบบปดิ (Enclaves) รสี อรท์ ทเ่ี ป็นเอกเทศอยา่ งสมบูรณเ์ ช่นน้ไี ด้รับการกลา่ วขานกันวา่ รีสอร์ทสาหรบั นักท่องเทย่ี วประเภท ทจ่ี ะบนิ มาถงึ สนามบนิ นานาชาติ แล้วใชเ้ วลาพกั ผอ่ นในรสี อร์ทเทา่ นน้ั เสรจ็ แล้วกบ็ นิ ตรงกบั บา้ นไป ประสบการณ์ของการพกั ผ่อนแบบนท้ี าให้ไม่ไดส้ ัมผสั กับส่ิงแวดล้อม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และส่งิ อานวย ความสะดวกท่มี ีอย่นู อกกาแพงรีสอรท์ สว่ นหนึ่งของความน่าต่นื ตาต่ืนใจ เมือ่ มาเทีย่ วแทบทมี่ ภี มู ิอากาศแบบเขตร้อนก็คอื โอกาสทจ่ี ะไดส้ มั ผสั กบั ส่งิ แวดล้อมอนั เปน็ ธรรมชาตขิ องทอ้ งถน่ิ ประเพณีวัฒนธรรม ชีวิตความเปน็ อยู่และชาวบา้ นท้องถน่ิ รัฐบาล ควรจะตอ้ งเฝ้าระวงั เพื่อจะใหแ้ นใ่ จว่านกั ท่องเท่ยี วมโี อกาสสมั ผสั กับความหลากหลายของแหลง่ ท่องเทีย่ ว อาจจะเป็นโอกาสเชน่ น้ที ีท่ าใหแ้ หล่งท่องเทีย่ วบางแห่งได้เปรียบกวา่ แห่งอืน่ น่ีเปน็ ความทา้ ทายท่สี าคญั ในเรื่อง ของการบูรณาการในการวางแผนการท่องเท่ยี ว ปรากฏการณ์ของรีสอรท์ แบบปดิ (enclave) มกั จะปรากฏอยู่ในสองรูปแบบ: (1) รสี อร์ทชายทะเลท่ี รวมทุกอยา่ งไวอ้ าจจะมีมากกวา่ ประเภทรสี อร์ทเดยี วแยกโดด และ (2) รีสอร์ททโ่ี ดดเดียวแยกออกไปหา่ งไกล มีทุกอยา่ งในตวั เอง รสี อรท์ ชนดิ ทส่ี องนี้เรามักจะพบบ่อยบนเกาะเล็กๆ เหตุผลพน้ื ฐานของรีสอรท์ แบบปิด เนื่องมาจากปัจจยั เหลา่ น้ี 1. สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศทสี่ ม่าเสมอ 2. ภาพลกั ษณแ์ ละเอกลักษณ์ทเี่ ปน็ ไปตามทีก่ าหนด 3. มีขนาดความประหยัด 4. กจิ กรรมต่างๆ มคี วามสอดคล้องประสานกัน 5. งา่ ยต่อการทาตลาด 6. ความชอบของนักท่องเที่ยวท่ีได้อยู่ในสถานที่มีการคุ้มครอง มีความสะดวกสบาย สงิ่ แวดลอ้ มที่ค้นุ เคยและมกี ารดูแบรักษาความปลอดภยั

188 สาหรับแบบรีสอร์ทแบบปิดนี้มีส่ิงที่ได้เปรียบในการออกแบบเพราะไม่เพียงแต่จะทาให้นักท่องเท่ียว พอใจเท่านัน้ ยังเป็นรปู แบบทค่ี วบคมุ ไดง้ ่ายต่อการจดั การ สงิ่ ทไี่ ด้เปรยี บรวมถงึ 1. การวางแผนแบบเบ็ดเสร็จในเรื่องของการใช้พ้ืนท่ีและทากิจกรรม เพื่อให้ตรงกับความ ตอ้ งการของนกั ท่องเท่ยี ว 2. การวางแผนที่ได้สมดุล ทาให้ส่ิงประกอบสาคัญเกิดความกลมกลืนในเรื่องของปริมารและ การกระจายพ้ืนท่เี พอื่ ทากิจกรรมต่างๆ สอดคลอ้ งกับสงิ่ แวดล้อม 3. การวางแผนท่เี ป็นระบบทาให้ผลกระทบและความต้องการทางท่องเท่ยี วมรี วมกันอยู่อย่าง หนาแนน่ 4. เปน็ โอกาสที่จะสร้างภาพลกั ษณแ์ ละเอกลักษณ์ใหก้ บั รีสอร์ท 5. เป็นการวางแผนที่เน้นการประสานงานสอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงมีการเชื่อมโยง จากจุดทเี่ ขา้ ประเทศจนถงึ แหล่งทอ่ งเที่ยวของรีสอร์ท 6. เป็นฐานของการผสมผสานสาธารณูปโภคและบริการให้ตรงกับความต้องการของ นกั ท่องเทีย่ วได้ รีสอร์ทแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบรวมกันหรือแบบเดียวก็ต้องมีจุดอิ่มตัวที่เหมาะกับทุกแห่ง สาหรับรีสอร์ทที่เป็นเอกเทศจุดอ่ิมตัวของการบริการ ส่ิงที่ดึงดูดความสนใจ ท่ีพักอาศัย และบริการขนส่ง จะมี การกาหนดโดยจานวนรวมของผู้พักอาศัยในทุกรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวนั้น จานวนรวมของนักท่องเที่ยวท่ี อาจจะมาพักน้ีเป็นพื้นฐานของการบริการท่ีอาจจะเพ่ิมได้ท้ังคุณภาพและปริมาณ สาหรับรีสอร์ทที่แยกอยู่โดด เด่ียว ครบวงจรและอยู่ห่างไกล จุดอิ่มตัวอาจจะกาหนดจากปัจจัยหลายๆ อย่างรวมถึงพื้นท่ีว่างที่มอี ยู่ จานวน และประเภทของนักทอ่ งเท่ียว ความคาดหวงั และความต้องการของนกั ท่องเที่ยวความเต็มใจของนกั ท่องเท่ียวที่ จะต้องจ่ายเพอ่ื การบรกิ ารตา่ งๆ การทาใหถ้ ึงจุดอิ่มตวั เป็นสิ่งสาคัญในการพัฒนาทจ่ี ะให้รีสอรท์ แบบครบวงจรนี้ อยไู่ ด้ รีสอร์ทที่ครบวงจรแต่ละแห่ง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ทแบบปิด (enclave) ซึ่งมีทุกอย่างที่ นักท่องเที่ยวต้องการ ดังนั้น นักท่องเท่ียวจึงไม่จาเป็นต้องออกจากรีสอร์ท หรือใช้รีสอร์ทเป็นฐานเพื่อออกไป หาประสบการณ์ข้างนอกกับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ สิ่งที่เป็นประเพณีวัฒนธรรมและมรดกของท้องถ่ิน หรือวิถี ชีวติ และหม่บู า้ นของชาวพน้ื เมอื ง (ข) รีสอร์ทแบบปกติ ลกั ษณะโดยทั่วไปของการพัฒนาการท่องเทยี่ วสาหรับรีสอร์ทชนดิ นีม้ ีดงั นี้ 1. โดยปกติจะรวมกนั อยูแ่ ถบชายฝง่ั ทะเล 2. อาจจะอยู่ห่างไกลหรือโดดเด่ียว หรือไม่ก็เชื่อมโยงในบางลักษณะกับตัวเมืองและหมู่บ้าน 3. ต้ังอยู่ในจุดท่ีไม่ไกลเกินจากสนามบินนานาชาติโดยรถยนต์ เคร่ืองบิน หรือเรือข้ามฟากก็ ตาม 4. มีแนวโน้มที่จะรวมกลุ่มกันอยู่ในเขตความยาวของฝั่งทะเลท่ีเป็นที่นิยม ตามถนนหลวงท่ี เช่อื มตอ่ กบั ตวั เมืองหรอื อยู่ในจุดของการขนถา่ ย 5. อยู่ตามชายฝงั่ ที่มีกาบังคลน่ื ลม 6. อยูน่ อกฝ่ังทะเลทีเ่ ข้าถึงได้ หรอื ตามแนวหินท่ีพ้นน้า 7. โดยท่วั ไปแล้วจะแตกต่างกันที่ราคาต้นทนุ ขอบขา่ ของสิง่ อานวยความสะดวกสบาย อิสระ ที่จะไปมากับรสี อร์ทอน่ื ๆ และขนึ้ อยกู่ บั ความชอบของนักท่องเทย่ี วทมี่ าพกั

189 ในแง่การวางแผน การรวมตัวกันอยู่ในท่ีแห่งเดียวหรือสองสามแห่งเป็นนโยบายท่ีได้รับความนิยม เนอื่ งจาก 1. สภาพของสิง่ แวดล้อมจะถกู รบกวนน้อยกวา่ และยังอยใู่ นวสิ ยั ทจ่ี ะจดั การได้ 2. จุดอ่ิมตวั สามารถท่จี ะคาดคะเนได้ 3. สามารถคานวณความต้องการการใชส้ าธารณปู โภคได้ 4. สามารถจดั การการรุกล้าของการทอ่ งเทีย่ วได้ 5. สามารถออกแบบให้กลุ่มรีสอร์ทมีความกลมกลืนกับสถานท่ีและบรรยากาศโดยรอบการ พัฒนารีสอรท์ อาจจะต้องประสบปัญหาบางประการ เชน่ 1. พืน้ ท่วี า่ งที่จะใช้ในการขยาย 2. การกระจายตวั ของอาคารและกิจกรรม 3. แหล่งน้า 4. การกาจดั ของเสยี 5. คณุ ภาพการบรกิ าร (บุคลากร) 6. การไหลเวียน (circulation) 7. การเขา้ ถงึ 8. การรกั ษาระดับความพึงพอใจของนักท่องเท่ียว ปญั หาเหล่านี้อาจจะรนุ แรงขน้ึ ถ้ารีสอร์ทอยู่ในสถานท่ีห่างไกล นอกเสียจากกวา่ การอยหู่ ่างไกลนั้นเป็น ที่รบั รูเ้ ปน็ ส่วนหนงึ่ ของภาพลักษณ์ การโฆษณา และมีสิ่งดึงดดู ความสนใจเป็นพิเศษ บางประเทศในแถบเอเชียและแปซิฟิก ได้จัดทาแบบแนวทางสาหรับการพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร ซง่ึ มคี าแนะนาเก่ียวกับสงิ่ ต่างๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ทาเลสถานท่ีต้งั 2. การอนรุ กั ษ์สิ่งแวดล้อม 3. การใชพ้ ืน้ ทใี่ กลเ้ คียงและสถานทีต่ ั้งของรสี อร์ท 4. จดุ ทีต่ ้งั ของอาคารและกิจกรรม 5. การออกแบบสถาปัตยกรรม 6. มาตรฐานของสาธารณูปโภค 7. การจดั การดา้ นกรรมสทิ ธ์ทิ ดี่ นิ 8. การสร้างภาพลักษณ์ 9. การปฏสิ ัมพนั ธ์กับหมูบ่ า้ นใกล้เคียง 10. การจดั การดา้ นการเข้าถงึ สถานท่ี ประเด็นพนื้ ฐานทตี่ ้องคานึงถึงในการพัฒนารีสอร์ทนั้นสามารถนาไปประยุกต์ใช้กบั รสี อร์ทท่วั ไปได้ แต่ กับรีสอร์ทที่อยู่โดดเดียวหรือเป็นเอกเทศนั้น จาเป็นต้องมีการพิจารณาเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง ระหว่างความคาดหวงั ของนกั ทอ่ งเท่ยี วกับการบริการและสง่ิ อานวยความสะดวกท่จี ัดไว้ให้ การบริหารจัดการแหล่งทอ่ งเทีย่ ว แหล่งท่องเที่ยวมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้มี ส่วนเก่ียวข้องและช่วยให้แหล่งท่องเท่ียวมีความสมดุลในองค์ประกอบทุกๆด้าน เช่น ด้านที่พัก ด้านการ คมนาคม ด้านกจิ กรรม ดา้ นส่งิ อานวยความสะดวก เปน็ ต้น

190 ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549)แนวโน้มที่ กาลังเกิดขึ้นทาให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแหล่งท่องเที่ยวในเมืองและชนบทแบบประเพณีวัฒนธรรม แบบด้ังเดิม กาลงั เปน็ ส่วนสาคัญของขอบข่ายของตลาดพเิ ศษเป็นไปได้ทจี่ ะชว้ี ัดให้เห็นลักษณะสาคัญของพื้นที่เหล่านี้ และ ปัจจัยในการพิจารณาในการวางแผนและการบริหารงานมีความสาคัญเชน่ กันที่ต้องพิจารณาการเรียกร้องของ นักท่องเท่ียวท่ีต้องการจะพักผ่อนในท่ีมีการผสมผสานเป็นอย่างดี ระหว่างในเมือง ชนบท และกิจกรรมทาง ธรรมชาติ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในเมือง แหล่งท่องเท่ียวในเมืองมีความหลากหลายตั้งแต่เมืองขนาดใหญ่มากไปจนถึงชุมชนเล็กๆ แหล่ง ทอ่ งเที่ยวแต่ละแห่งกม็ ีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่างที่เม่ือรวมกันแล้วชว่ ยให้เกิดความสนใจในหมู่นักท่องเท่ียว ได้เป็นอยา่ งดี ลกั ษณะทวั่ ไปของแหล่งทอ่ งเท่ียวในเมือง ได้แก่ 1. อาหารและเคร่อื งดื่ม 2. อาคารและแหลง่ ประวตั ิศาสตร์ 3. ตลาด 4. วถิ ีชวี ติ และประเพณี 5. ศาสนา 6. ความสานกึ เป็นชมุ ชน 7. ความสานกึ ในสถานที่ 8. เหตุการณ์งานเฉลิมฉลองต่างๆ 9. การละครและดนตรี 10. การจัดประชุมใหญ่ๆ 11. ศิลปะและหัตถกรรม 12. การศกึ ษา 13. สขุ ภาพ 14. พพิ ิธภัณฑ์ 15. การจบั จ่ายซอ้ื ของ ส่ิงที่ท้าทายของแหล่งท่องเที่ยวในเมือง คือ ต้องมีความแน่ใจว่าความต้องการและความกังวลของ พลเมืองต้องได้รับความเคารพ ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดีที่จะสร้างสรรค์การพัฒนาเศรษฐกิจและพัฒนา สังคม สิ่งต่างๆ ท่ีได้ปรับปรุงข้ึนรวมทั้งส่ิงอานวยความสะดวกเพ่ือนักท่องเที่ยวก็เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ทอ้ งถิ่นเชน่ กนั เป็นส่ิงจาเป็นท่กี ารพัฒนาการท่องเทย่ี วในตัวเมืองจะต้องเปน็ สว่ นหนึ่งของกระบวนการหลักใน การวางแผน และพัฒนาการเข้าแทรกแซงในหลายรูปแบบทาให้การบริหารแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองบรรลุผล สาเร็จ การริเริ่มใหมๆ่ ในการบรหิ ารแหล่งทอ่ งเทยี่ วในเมอื งเปน็ การเฉพาะพงึ พจิ ารณาในประเด็นต่อไปนี้ 1. แหลง่ ศลิ ปวัฒนธรรม 2. แผนหลักด้านศลิ ปะ 3. การเปน็ ภาคหี ุ้นส่วนระหวา่ งภาครัฐบาลกบั ภาคเอกชน 4. การดูแลทด่ี ิน 5. การแบง่ เขตการใชส้ อยหรือโซนนงิ่ 6. การถา่ ยโอนสิทธใิ นการพัฒนา 7. การควบคมุ การออกแบบ

191 แหล่งท่องเที่ยวในชนบท ในพ้ืนท่ีชนบทหลายๆ แห่ง การท่องเที่ยวสามารถเป็นส่วนหน่ึงของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการ กินดีอยู่ดีของชุมชนในขณะที่พ้ืนที่ในเมือง มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลากหลายกว่า ทว่าในชนบทแล้วการ ท่องเท่ียวมีบทบาทความสาคัญอย่างย่ิง ในขณะเดียวกันก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบและทาให้เกิด ความเสยี หายระยะยาวต่อชมุ ชนและสงิ่ แวดลอ้ ม การท่องเที่ยวในชนบทมีอยู่สองรูปแบบ แบบที่หนึ่งเป็นกิจกรรมการท่องเท่ียวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชนบท ในขณะท่ีแบบท่ีสองเป็นการสร้างส่ิงดึงดูดความสนใจจากส่ิงแวดล้อมที่มีอยู่ในชนบท สิ่งท่ีดึงดูดความสนใจใน ชนบทมีดังนี้ 1. วถิ ีชวี ิตของชาวชนบท 2. ประเพณวี ัฒนธรรมทีแ่ ตกต่าง 3. สถาปตั ยกรรมในท้องถน่ิ 4. ทวิ ทัศนข์ องชนบท 5. ระบบค่านยิ มทางเลือก ความท้าทายอยู่ที่เราจะนาเสนอสิ่งท่ีดึงดูดความสนใจเหล่านี้ให้นักท่องเที่ยวได้ช่ืนชมอย่างไรโดยที่ ยังคงความเคารพนบั ถอื ต่อขนบธรรมเนียม คณุ คา่ ทางสงั คม และวิถีชาวบา้ นไว้ มหี ลายรปู แบบของการท่องเท่ียวในชนบทท่ีควรพิจารณาเพ่ือเป็นกลยุทธ์ในการวางแผน การวางแผน การทอ่ งเท่ยี วแบบยัง่ ยืนควรจะหาวิธบี รู ณาการกิจกรรมที่หลากหลายเข้าไปในแผนหลัก รปู แบบต่างๆ ของการท่องเที่ยวในชนบทรวมถงึ 1. ประเพณวี ัฒนธรรม 2. ความเปน็ ชนเผา่ ดง้ั เดมิ 3. การทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศ 4. การกีฬา (เช่น เลน่ สกี ว่ายนา้ เปน็ ตน้ ) 5. การผจญภัย 6. หตั ถกรรม 7. การต้ังแคมป์ การลา่ สัตว์ 8. จบั จ่ายซื้อของ 9. การพกั ผ่อนในฟารม์ เลย้ี งสัตว์ 10. งานฉลอง 11. การจดั แสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 12. การประชมุ สัมมนา 13. การพักอาศยั อยู่กบั ชาวบา้ น แหล่งท่องเท่ียวเชิงนเิ วศ การทอ่ งเทีย่ วเชิงนิเวศไดเ้ ปน็ สว่ นสาคญั ที่เพ่มิ มากขึ้นเร่อื ยๆ ในตลาดการท่องเทีย่ วโดยรวม อย่างไรก็ ตาม จาเป็นต้องย้าวา่ การท่องเท่ียวเชิงนเิ วศไม่จาเปน็ ต้องเป็นการทอ่ งเทยี่ วแบบย่ังยืน และการท่องเทีย่ วแบบ ธรรมชาตทิ ้งั หมดก็ไมใ่ ช่การท่องเทย่ี วเชิงนเิ วศ หลกั สาคัญของการท่องเที่ยวเชงิ นิเวศควรจะไดร้ บั การพิจารณา ทัง้ นี้ ถ้าจะวางแผนให้การทอ่ งเท่ยี วเชงิ นิเวศเปน็ สิง่ ที่ยง่ั ยืนและผสมผสานกับกจิ กรรมตา่ งๆ มาตรการอกี หลาย อย่าง จาต้องเกดิ ขนึ้ เพอื่ ให้แน่ใจในดา้ นคุณภาพและการอนุรักษ์

192 (ก) หลักสาคัญของการท่องเท่ียวเชงิ นิเวศ หลักการตา่ งๆ ของการท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศโดยท่วั ไปแล้วควรจะรวมถงึ 1. ต้องส่งเสริมให้มีจริยธรรมท่ีดีต่อส่ิงแวดล้อม ชักนาให้เกิดทัศนคติและพฤติกรรมท่ีพึง ประสงคใ์ นหมู่ผูม้ สี ่วนรว่ มในการท่องเท่ยี ว 2. ต้องไม่ทาลายทรพั ยากร และต้องไม่มกี ารสึกหรอของธรรมชาติแวดล้อมหลังการไปเยือน 3. ในขณะท่กี ารล่าสตั ว์เป็นกีฬาและการตกปลาอาจจะนับเป็นกาท่องเท่ียวแบบป่าเขาลาเนา ไพร เปน็ การท่องเท่ยี วแบบผจญภยั มากกว่าจะเปน็ แบบเชงิ นเิ วศ 4. สิ่งอานวยความสะดวกและบริการอาจจะช่วยเสริมในการได้สัมผัสกับทรัพยากรที่แท้จริง แต่ส่ิงอานวยความสะดวกและบริการต้องไม่เป็นส่วนหน่ึงของการดึงดูดความน่าสนใจ หรือไม่ทาให้เกิดการ เบ่ียงเบนการดงึ ดูดความสนใจไปจากสิ่งทน่ี า่ สนใจตามธรรมชาติ 5. ในเชิงปรัชญา การให้ความสาคัญกับส่ิงมีชีวิตทั้งหลายมากกว่าจะเนน้ หลักความสาคัญกบั มนษุ ย์ นกั ท่องเที่ยวเชิงนเิ วศเมอื่ เขา้ สู่สง่ิ แวดล้อมน้ันแล้ว ต้องยอมรับสภาพของธรรมชาตติ ามความเป็นจริง ไม่ คาดหวงั ให้เปลีย่ นแปลงหรอื แก้ไขเพอื่ ความสะดวกสบายของตน 6. ต้องเปน็ ประโยชน์ต่อสัตวป์ ่าและส่ิงแวดล้อม ถ้าส่ิงแวดล้อมไม่ได้ประโยชน์อย่างน้อยท่ีสุด ในดา้ นความย่ังยืนและความสมบรู ณ์ของระบบนเิ วศ นั่นก็ไมใ่ ช่การทอ่ งเท่ยี วเชงิ นเิ วศ 7. ต้องเป็นประสบการณ์โดยตรงจากสิ่งแวดล้อม ภาพยนตร์และสวนสัตว์นั้นไม่นับเป็น ประสบการณท์ างการทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศ 8. ตอ้ งเป็นการชว้ี ัดกนั ในแง่ของการศึกษาหรือความพงึ พอใจ แทนทีจ่ ะเปน็ ความตื่นเต้นหรือ ความสาเร็จทางกายภาพ ในส่วนหลงั นีจ้ ะเปน็ ลักษณะของการทอ่ งเทีย่ วแบบผจญภัยมากกว่า 9. การท่องเที่ยวเชิงนิเวศต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี และอาศัยความรู้อย่างมากท้ังจาก ผู้นาและผเู้ ข้าร่วม (ข) การวางแผนการทอ่ งเท่ียวเชิงนเิ วศ เพ่อื ใหก้ ารวางแผนเป็นไปดว้ ยดตี อ้ งทาความเข้าใจกับธรรมชาตขิ องนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คณุ ลกั ษณะ ของนกั ทอ่ งเที่ยวเชิงนเิ วศมดี งั นี้ 1. ไมพ่ งึ พอใจกบั การเทยี่ วชมทิวทศั นต์ ามแบบปกติด้ังเดิม 2. มีความเห็นวา่ การเสริมสร้างชีวิตให้เจริญงอกงามยิง่ ข้นึ เป็นเป้าหมายสาคัญยิ่ง 3. มคี วามปรารถนาทจ่ี ะสัมผัสสง่ิ ทเ่ี ป็นของจรงิ แท้ 4. มคี วามปรารถนาท่ีจะมีประสบการณก์ บั ส่ิงทแี่ ปลกใหม่ และเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะ 5. แสวงหาท่พี กั ทางเลอื กและเปน็ เอกลักษณ์ กระบวนการวางแผนเพื่อการทอ่ งเทีย่ วเชิงนเิ วศ ตอ้ งรบั มือกับประเดน็ ปัญหาหลายๆ ประการดงั ต่อไปนี้ 6. คณุ ภาพและความเปน็ ของจรงิ แทข้ องประสบการณ์ท่นี กั ท่องเที่ยวจะได้รบั 7. ประเดน็ ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกจิ กับการอนุรักษ์ (โดยมสี ิ่งแวดลอ้ มทีก่ ลายเปน็ สนิ คา้ ) 8. ต้องใหแ้ น่ใจว่า ผลกาไรทางเศรษฐกจิ ตกเปน็ ของชมุ ชนท้องถน่ิ 9. ตอ้ งตดั สนิ ใจว่าใครควรจะไดเ้ ขา้ ไปสมั ผัสกับธรรมชาติ (ระหวา่ งนักท่องเท่ยี วเชิงอนุรกั ษท์ ี่ แท้จรงิ กับนักท่องเทยี่ วท่ีไม่สนใจการอนุรักษ)์ (ระหว่างนักท่องเทย่ี วทอ้ งถนิ่ กับนักท่องเทย่ี วจากต่างประเทศ) 10. ตดั สินใหไ้ ดว้ ่าจุดอิ่มตวั อยู่ตรงไหน 12. ต้องมีการประเมินผลกระทบทีเ่ พิ่มข้นึ

193 13. ข้อขดั แย้งระหว่างวิทยาศาสตร์กบั เศรษฐศาสตร์วา่ อะไรจะสาคัญกว่า คณุ ลักษณะพเิ ศษ (niche) เหลา่ นแ้ี ละธรรมชาตขิ องประเด็นปัญหาการวางแผน ทาให้การทอ่ งเทยี่ ว เชิงนเิ วศมคี วามท้าทายเปน็ พเิ ศษซ่ึงรวมถงึ 1. ความต้องการทางวิทยาศาสตร์และการแบ่งปนั ข้อมลู ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. การพัฒนาบทบาทหน้าที่ท่ีเป็นจรงิ ของภาคเอกชนในการดาเนนิ งาน 3. คาจากัดความในบทบาทหน้าทีใ่ หมข่ องภาครฐั ในการพัฒนาสินค้าและการควบคุมคุณภาพ 4. ความสาคัญของการฝึกอบรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตคี วามหมายของการท่องเท่ยี วเชงิ นเิ วศ 5. การปรบั ฐานความคดิ ของการตลาดใหม่ เพอ่ื ใหส้ ะท้อนหลักการของการท่องเทีย่ วเชงิ นเิ วศอย่างลกึ ซ้งึ 6. การจัดทาเอกสารเก่ยี วกับกรณกี ารปฏบิ ัติที่ดที ีส่ ุด (best practices) 7. การสรา้ งความเขา้ ใจในมติ ิเศรษฐกิจใหช้ ดั เจนยิง่ ขึ้น 8. ความต้องการในการแสวงหาทางเลอื กการออกแบบเชิงกายภาพ (อาทิ ที่พกั เชงิ นิเวศ หรอื ecolodge) รูปแบบการบรหิ ารจัดการแหล่งท่องเท่ียว เคร่ืองมืออันหนึ่งที่ใชเ้ พ่ือเปน็ หลกั ประกันความสาเร็จของการท่องเที่ยวในเมืองและชนบทก็คือ การมี รูปแบบการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวที่ดีซ่ึงจาเป็นต้องคานึงถึงชุมชนเจ้าของท้องถิ่น ส่ิงแวดล้อม และ นักท่องเท่ียวในแผนผังที่ 1 แสดงให้เห็นรูปแบบของการบริหารจัดการส่ิงที่จาเป็นต้องทาความเข้าใจให้ลึกซึ้ง คือ การปฏิบัติต่างๆ ที่ประกอบกันเพื่อนาไปสู่การท่องเที่ยวท่ีมีคุณภาพ ในแผนผังนี้ต้องการแสดงถึงส่ิงท่ีเป็น หัวใจในการจัดการแหลง่ ท่องเทีย่ วท่ดี ี น่นั คอื 1. การมอี งคก์ รและการบรหิ ารจดั การที่มีประสิทธิภาพ 2. มกี ารวางแผนในดา้ นกายภาพและด้านสังคมของแหลง่ ท่องเท่ยี ว 3. ให้ความสาคัญเรอ่ื งการตลาดเพื่อการประสบความสาเร็จทางเศรษฐกจิ และไดน้ ักท่องเท่ียว ประเภททต่ี ้องการ 4. ให้ความสาคัญต่อการพัฒนาสินค้า เพ่ือให้ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวและให้ เหมาะสมกบั ประเภทและลักษณะของทรัพยากร 5. ให้ความเอาใจใส่กับการวางแผนและการบริหารจัดการในด้านการดาเนินงานกับแหล่ง ท่องเทย่ี วในเมือง และในชนบท การนาแผนการพัฒนาการท่องเทีย่ วไปปฏิบตั ิ ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549: 27-28)การ วางแผนควรไดร้ บั การพจิ ารณาว่าเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่บรู ณาการข้ันตอนตา่ งๆ ของการจัดทาแผนเข้ากับ การนาไปปฏบิ ตั ิ ขน้ั ตอนตา่ งๆ ของการนาแผนไปสู่การปฏิบัติ มีดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การเตรียมการและการจัดทาคู่มือ/แนวทางการปฏิบัติงาน กฎระเบียบและนโยบายต่างๆ ที่จาเป็นตอ่ การนาแผนไปสู่การปฏิบตั จิ นบรรลผุ ลทีต่ อ้ งการ 2. การดาเนนิ การพัฒนาใหเ้ ปน็ ไปตามแผนท่ีกาหนด

194 3. การนิเทศกากับดูแลการพฒั นานน้ั ๆ 4. การเตรียมความพร้อมสาหรับชุมชนในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการ พฒั นาการทอ่ งเที่ยว 5. การเตรียมการและการจัดหาอุปกรณ์การฝึกอบรม สาหรับผู้ท่ีประสงค์จะทางานในด้าน อตุ สาหกรรมทอ่ งเทีย่ ว/การบริการต้อนรับ/การเดินทางท่องเทีย่ ว 6. การเก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือการติดตามกากับดูแลความก้าวหน้าของแผน ในส่วนท่ีนาแผน ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 7. การดาเนินการด้านการตลาดและการส่งเสริมการท่องเท่ียว เพื่อเป็นการประกันความ มัน่ ใจว่าแหล่งทอ่ งเทีย่ วน้ันๆ เปน็ ทีร่ จู้ ักแพรห่ ลายและเป็นท่ีนิยมชมชอบในหมูน่ ักท่องเท่ียว แผนการท่องเที่ยว คือ เครื่องมือท่ีช่วยกาหนดทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยว ซ่ึงนอกเหนือจากการ มีแผนท่ีดีแลว้ ยังมีปัจจยั อ่นื ๆ ทเี่ ปน็ สว่ นสาคญั ในการนาไปสคู่ วามสาเร็จในการพฒั นาการท่องเทีย่ ว ดังนี้ 1. มกี ฎหมายและโครงสร้างการบรหิ ารทีเ่ หมาะสม 2. มีแหล่งงบประมาณทีเ่ หมาะสม 3. มีความสนใจของนักลงทุน 4. มีอุปสงค์ด้านการทอ่ งเทย่ี วที่ชดั เจนในพ้ืนทีน่ ้นั ๆ 5. มีความสะดวกแนน่ อนในการเดนิ ทางเข้าถงึ แหลง่ ท่องเท่ยี ว ยิ่งไปกว่านั้น แผนการท่องเท่ียวในทุกระดับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชาติและระดับภูมิภาค จะต้อง มีความสอดคล้องไม่แยกส่วนกัน ซ่ึงจะทาให้ความต้องการในการใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่จาเป็น อาทิ ท่ีดิน น้า แรงงาน และเงินทุน ได้รับการพิจารณาในฐานะความต้องการท่ีมีความสัมพันธ์ต่อกันและกันระหว่างแผนทุก ระดับ ทั้งในด้านของพ้ืนที่ ด้านกายภาพ ด้านการเงินงบประมาณ ด้านโครงสร้างพ้ืนฐานสาธารณูปการและ ด้านสังคม สิ่งที่ต้องพิจารณาเพ่ิมเติมในการวางแผน คือ ผลกระทบจากอิทธิพลจากภายนอกท่ีมีต่อพ้ืนที่แหลง่ ท่องเที่ยวโดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผลกระทบจากการตัดสนิ ใจในเรื่องต่างๆ การเขยี นแผนพฒั นาแหลง่ ท่องเทีย่ วโดยการวางแผนกลยทุ ธ์หรือยุทธศาสตร์ การเขียนแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจะต้องคานึงถึงองค์ประกอบหลายอย่างตามท่ีได้กล่าวมาข้างต้น แต่ส่ิงหนึ่งที่สาคัญและต้องคานึงถึง คือ เร่ืองของกลยุทธ์และยุทธศาสตร์จะต้องมีการวางแผนตามแนวทาง ดงั ตอ่ ไปน้ี คนึงภรณ์ วงเวียน (2554) ได้กล่าวถึงแนวคิดด้านการวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ (Strategic Planning) เป็นการวางแผนที่นามาใช้เพ่ือกาหนดแผนการทางานด้านต่างๆ ในระยะยาวอย่างสอดรับกับ สถานการณ์ หรือสภาพแวดล้อม โดยให้ความสาคัญกับการก้าวไปในอนาคต มีการพิจารณาความสามารถของ องคก์ รและวิเคราะห์ปจั จยั ท่ีกอ่ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบตอ่ องคก์ รในอนาคต เพ่อื บอกทิศทางการ ดาเนินงานและแนวทางปฏิบตั ทิ จี่ ะบรรลุตามเปา้ หมายตา่ งๆ ทีไ่ ด้กาหนดไว้ แนวคิดการวางแผนกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ จึงมีความจาเป็นในการศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนา ยุทธศาสตร์ธุรกิจท่องเท่ียวในจังหวัดอุดรธานีเพ่ือสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยพิจารณาได้จาก ความสาคัญข้างต้น ตลอดจนนิยามและข้ันตอนต่างๆ ของการวางแผนยุทธศาสตร์ ดังรายละเอียดต่อไปน้ีใน ดา้ นนิยามของการวางแผนยทุ ธศาสตร์ มีผู้ให้ความหมายไวม้ ากมายดงั นี้

195 วิรัช วิรัชนิภาวรรณ (2554) ได้อธิบายยุทธศาสตร์หรือยุทธศาสตร์การพัฒนาหมายถึง แนวทางหรือ วิธีการที่หน่วยงานดาเนินงานเพื่อนาไปสู่ความสาเร็จหรือทางเลือกที่ดีที่สุดที่ประกอบด้วยหลายข้ันตอนที่ หน่วยงานไดก้ าหนดไวเ้ พื่อนาไปสู่การปฏบิ ตั ใิ หป้ ระสบผลสาเรจ็ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปี พ.ศ. 2542 (ราชบัณฑิตยสถาน. 2542 : 73) ให้คาจากัดความ ของกลยทุ ธว์ า่ หมายถึง การรบทมี่ ีเล่หเ์ หลย่ี ม และวิธีการตอ่ สทู้ ตี่ อ้ งใช้อบุ ายต่างๆ หรือมีเล่หเ์ หลย่ี มในการต่อสู้ เฉลียว บุรีภกั ดี (2548 :2 ) ไดก้ ล่าวถึงยุทธศาสตรว์ ่าหมายถึง แผนการหรือทิศทางเปน็ วิธีการอันชาญ ฉลาดและได้เปรียบโดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือบรรลุเป้าหมายอย่างหน่ึงอย่างใด ซึ่งเป็นเป้าหมายท่ีไม่อาจบรรลุ วัตถุประสงค์ด้วยวิธกี ารปกติ โดยต้องประกอบข้ึนจากการร่วมศาสตรย์ ่อยๆหลากหลายศาสตร์มาประกอบกัน เป็นศาสตร์อีกข้อหน่งึ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตรเ์ พือ่ ยืนยนั ได้วา่ สามารถบรรลจุ ุดหมายของงานไดจ้ รงิ วริ ชั วริ ชั นิภาวรรณ (2554) ไดก้ ลา่ วถึง การวางแผนยทุ ธศาสตร์ (Strategic Planning) เปน็ ส่วนหน่ึง หรอื ขน้ั ตอนหน่งึ ของกระบวนการบริหารยุทธศาสตร์ (Strategic Administration Process) โดยกระบวนการ บริหารยุทธศาสตร์อาจแบ่งเป็น 3-5 ขั้นตอนซ่ึงในบทความนี้ได้นากระบวนการบริหารยุทธศาสตร์ที่ ประกอบด้วย 4 ข้ันตอนมาศกึ ษา ดังภาพที่ 8.2 ภาพท่ี 8.2 การเปรยี บเทยี บกระบวนการบริหารยุทธศาสตรท์ ่ีประกอบด้วย 3-5 ขน้ั ตอน กระบวนการบริหารยุทธศาสตรท์ ่ีประกอบดว้ ย 5 ขั้นตอน 4 ข้ันตอน 3 ขั้นตอน 1. การวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อม 1. การวิเคราะหส์ ถานการณ์ 2.การกาหนดทิศทาง หรือสภาพแวดล้อมภายใน ของหน่วยงาน และภายนอกหนว่ ยงาน 1. การคดิ หรอื การ 3. การกาหนดยุทธศาสตร์ 2. การวางแผนยุทธศาสตร์ วางแผน ด้วยการกาหนด (1) วสิ ยั ทศั น์ (2) พนั ธกจิ (3) เป้าหมาย (4) ยุทธศาสตร์ (5)แผนทท่ี างยุทธศาสตร์ และตัวชวี้ ดั 4. การนายุทธศาสตร์ไปปฏบิ ัติ 3. การดาเนนิ ยทุ ธศาสตร์ ดว้ ยการแปลงยทุ ธศาสตร์ 2. การลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ ไปสกู่ ารปฏิบัติ หรอื การนายทุ ธศาสตร์ ไปปฏบิ ตั ิจรงิ 5. การควบคมุ และ 4. การควบคมุ และ 3. การประเมินผล การประเมนิ ผลยทุ ธศาสตร์ การประเมนิ ผลยุทธศาสตร์ ทม่ี า : วิรชั วิรัชนภิ าวรรณ (2554)

ภาพที่ 8.3 กระบวนการบรหิ ารยทุ ธศาสตร์ท่ปี ระกอบดว้ ย 4 ขนั้ ตอน 196 สอดคลอ้ ง 1. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์หรอื สอดคลอ้ ง นาไปสู่ สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอก นาไปสู่ หน่วยงาน 4. การควบคุมและการ 2. การวางแผนยุทธศาสตร์ ประเมนิ ยุทธศาสตร์ สอดคล้อง 3. การดาเนินยทุ ธศาสตรด์ ว้ ยการ สอดคล้อง นาไปสู่ แปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏบิ ัติ นาไปสู่ ท่มี า : วิรชั วิรชั นภิ าวรรณ (2554) วิรัช วิรัชนิภาวรรณ (2554) จะอธิบายถึงเฉพาะขั้นตอนที่ 2 การวางแผนยุทธศาสตร์ นั้นอาจ ประกอบด้วยหลายส่วนหรือหลายข้ันตอนโดยหน่วยงานของรัฐอาจกาหนดไว้เหมือนกันหรือแตกต่างกันได้แต่ ในทีน่ ้ีไดก้ าหนดการวางแผนยทุ ธศาสตร์ไว้ 5 ส่วน (ข้นั ตอน) ทมี่ ีความสัมพนั ธ์กันโดยประกอบดว้ ย 1) วสิ ัยทัศน์ (vision) 2) พนั ธกจิ (mission) 3) เป้าหมาย (goal) (อาจเรียกวา่ จดุ หมายปลายทาง วัตถปุ ระสงค์ หรือเปา้ ประสงค์) 4) ยุทธศาสตร์ (strategic issues) (อาจเรียกว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนา ยุทธศาสตร์การ ดาเนินงาน หรือประเดน็ ยุทธศาสตร)์ 5) แผนทท่ี างยทุ ธศาสตร์ (strategic maps) และตวั ชีว้ ัด (indicator) การวางแผนยุทธศาสตร์ที่ประกอบด้วย 5 ส่วน (ข้ันตอน) น้ีจะใช้เป็นแนวทางสาหรับการดาเนิน ยุทธศาสตร์ด้วยการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติหรือการนายุทธศาสตร์ไปปฏิบัติจริงต่อไปพร้อมกันน้ีเพ่ือ ช่วยให้เข้าใจการวางแผนยุทธศาสตร์ที่ประกอบด้วย 5 ส่วนโดยมีความสัมพันธ์กับกระบวนการบริหาร ยทุ ธศาสตรท์ ่ปี ระกอบด้วย 4 ขนั้ ตอนดังภาพท่ี 8.4

197 ภาพที่ 8.4 ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการบริหารยุทธศาสตร์ท่ีประกอบด้วย 4 ข้ันตอนกับการวางแผน ยุทธศาสตร์ท่ีประกอบดว้ ย 5 ขน้ั ตอน สอดคลอ้ ง 1. การวเิ คราะห์สถานการณห์ รอื สอดคลอ้ ง นาไปสู่ สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอก นาไปสู่ 4. การควบคุมและการ หนว่ ยงาน ประเมินยุทธศาสตร์ 2. การวางแผนยุทธศาสตร์ สอดคล้อง 3. การดาเนินยทุ ธศาสตรด์ ้วยการ สอดคลอ้ ง นาไปสู่ แปลงยทุ ธศาสตร์ไปสู่การปฏิบตั ิ นาไปสู่ 1. วิสัยทัศน์ ภาพของความสาเรจ็ ของหน่วยงานทห่ี น่วยงานตอ้ งการจะเป็นหรือปรารถนาให้เกดิ ขนึ้ ในอนาคต เช่น 5 ปี 2.พันธกิจ (หรือ “กจิ ”ที่หนว่ ยงานต้องมี “พนั ธะ”ดว้ ย) หมายถงึ สิ่งท่ีหน่วยงานจะตอ้ งมีหรือต้องทาตาม อานาจหนา้ ท่ใี หเ้ กดิ ขน้ึ และประสบผลสาเร็จ 3. เปา้ หมาย (หรอื เปา้ ประสงค์) หมายถึง เป้าหมายหลกั ของหน่วยงานท่ีระบกุ ลมุ่ เป้าหมายหรือผูร้ ับบรกิ าร รวมท้งั ผลประโยชนท์ จี่ ะดีรับไว้อย่างชดั เจนโดยมีความสอดคล้องกับพนั ธกิจ 4. ยทุ ธศาสตรห์ รือยุทธศาสตร์การพฒั นา หมายถึง แนวทางหรือวธิ ีการทีห่ น่วยงานดาเนนิ งานเพือ่ นาไปสูค่ วามสาเร็จหรอื ทางเลือกที่ดที ีส่ ุด ท่ปี ระกอบดว้ ยหลายขนั้ ตอนทีห่ นว่ ยงานได้กาหนดไว้เพอื่ นาไปสูก่ ารปฏบิ ัติให้ประสบผลสาเรจ็ 5. แผนท่ีทางยุทธศาสตร์และตัวช้วี ดั หมายถึง แผนภาพหรือแผนภูมสิ รุปภาพยุทธศาสตรท์ ั้งหมดโดยแสดงถึงยทุ ธศาสตร์ของหน่วยงาน ทม่ี คี วามสมั พนั ธแ์ ละความเชื่อมโยงแต่ละขนั้ ตอนของแตล่ ะยุทธศาสตร์ในเชิงเหตุและผลอนั จะ กอ่ ใหเ้ กิดหรือนาไปสู่ผลลัพธต์ ามเปา้ หมายท่ีได้กาหนดไว้รวมทงั้ การกาหนดตัวช้วี ดั ไวด้ ้วย ที่มา : วิรัช วิรัชนภิ าวรรณ (2554)

198 บทสรปุ การเขียนแผนพัฒนาการท่องเท่ียว คือแนวทางในการนาไปสู่การปฏิบัติในการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว ให้เป็นระบบแบบแผน เพ่ือให้การดาเนินงานเป็นไปตามทิศทางที่ถูกต้องท้ัง เน้ือหาสาระ ระยะเวลา ขั้นตอน สถานที่ งบประมาณ เป็นต้น ซ่ึงการเขียนแผนพัฒนาการท่องเท่ียว จะต้องศึกษารูปแบบและโครงสร้าง ส่วนประกอบของแผนด้านกายภาพ เช่น บริบททั่วไปและบริบทเฉพาะของพื้นที่ การเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆ การพัฒนาด้านกายภาพ การวางแผนและการพัฒนาเบื้องต้น สิ่งที่ต้องพิจารณาในการวางแผน การบริหาร จัดการแหล่งท่องเท่ียว การนาแผนการพัฒนาการท่องเท่ียวไปปฏิบัติ ซึ่งทิศทางเหล่านี้จะเป็นตัวกาหนด รูปแบบการพัฒนาพ้ืนที่ให้มีความสอดคล้องซ่ึงกันและกัน นาไปสู่การพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวให้มีความ สอดคล้องกันทั้งระบบ ทั้งระดับชาติ ระดับจังหวัดและระดับท้องถ่ิน การเขียนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวควร คานึงถึง ความต้องการของชุมชนโดยยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา นาไปสู่ การพัฒนาการท่องเท่ียวอย่าง ยัง่ ยนื แบบฝึกหัด 1. จงอธิบายและเขียนแผนพัฒนาการท่องเทยี่ วมาใหถ้ ูกตามหลกั การที่ไดศ้ ึกษามา 2. จงอธิบายรปู แบบและโครงสรา้ งสว่ นประกอบของแผนด้านดา้ ยภาพ 3. จงสรา้ งกลยทุ ธ์การพัฒนาด้านกายภาพใหม้ คี วามสอดคล้องกับพ้ืนท่ีอาศัยของนักศึกษา 4. จงยกตวั อยา่ งการวางแผนและการพัฒนารสี อร์ทในประเทศไทยมากลมุ่ ละ 1 แหง่ 5. จงอธบิ ายส่ิงทต่ี ้องพิจารณาในการวางแผนมาใหถ้ ูกตอ้ ง 6. จงอธบิ ายลกั ษณะการบริหารจดั การแหลง่ ท่องเท่ยี วมาให้สอดคล้องกบั สถานการณ์การทอ่ งเท่ยี วในปจั จบุ ัน 7. จงอธบิ ายวธิ กี ารและขน้ั ตอนการนาแผนการพฒั นาการท่องเท่ยี วสกู่ ารปฏิบตั ิมีแนวทางอยา่ งไร 8. ให้นักศกึ ษาเขยี นแผนพัฒนาการท่องเท่ียวโดยประยุกต์ใช้การวางแผนกลยทุ ธห์ รอื ยุทธศาสตร์นามาเปน็ แนวทางในการเขียนแผนพัฒนาการท่องเท่ยี ว

199 เอกสารอ้างอิง คนึงภรณ์ วงเวียน. (2554). การพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา เกาะเสม็ด จังหวดั ระยอง. วทิ ยานพิ นธ์นี้เป็นส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร. ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ียวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549). แนวทางการวาง แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน : คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนยร์ งั สิต. เฉลียว บุรีภักดี. (2548). ชุดการศึกษาค้นคว้า รายวิชา 2553101 ทฤษฎีระบบและการประยุกต์ใช้ในการ พัฒนา. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร. บุญเลิศ จิตต้ังวัฒนา. (2542). การวางแผนพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน. เชียงใหม่ : คณะ มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (2542).จากัดความของกลยุทธ์.ราชบัณฑิตยสถาน. ค้นเม่ือ 20 ม ก ร า ค ม 2 5 5 9 จ า ก http://dictionary.sanook.com/search/%E0 % B8 % 81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C. วิรัช วิรัชนิภาวรรณ. (2554).การวางแผนยุทธศาตร์ด้วยการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนที่ทางยทุ ธศาสตร์และตัวช้ีวดั .การบริหารจดั การและการบริหารยทุ ธศาสตร์ของ หนว่ ยงานภาครฐั กรงุ เทพมหานคร.

200 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 9 ผลกระทบจากการทอ่ งเที่ยว เนอ้ื หาประจาบท 1. ผลกระทบจากการท่องเที่ยว 2. การประเมินผลกระทบจากการทอ่ งเท่ียว 3. ผลกระทบของการทอ่ งเที่ยวตอ่ ชุมชนทอ้ งถนิ่ 4. สรุป 5. แบบฝึกหัดท้ายบท วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. อธิบายผลกระทบจากการทอ่ งเท่ยี วได้ 2. สามารถอธบิ ายหลกั การประเมินผลกระทบจากการท่องเท่ียวได้ 3. สรปุ ผลกระทบของการทอ่ งเทีย่ วตอ่ ชุมชนท้องถิน่ ได้ 4. สามารถประเมนิ ผลกระทบท้ังดา้ นบวกและด้านลบจากการทอ่ งเทย่ี วได้ วิธีสอน 1. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนวชิ าการพฒั นาการท่องเทย่ี วอย่างยั่งยนื 2. อาจารย์ผสู้ อนใหห้ ัวข้อผเู้ รียนอภปิ รายผลและสรุป 3. ใช้ปัญหาเปน็ ฐาน ถาม-ตอบผ้เู รียน 4. บรรยายและยกตวั อย่างประกอบ กิจกรรม 1. แบ่งกล่มุ ใหน้ กั ศึกษาสรุปเนือ้ หาสาคัญและนาเสนอ 2. การแสดงบทบาทสมมติ 3. คน้ คว้าเพ่มิ เติมจากอินเตอรเ์ น็ต 4. ตอบคาถามระหว่างบรรยาย 5. ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพฒั นาการท่องเทย่ี วอย่างยง่ั ยืน 2. PowerPoint ประกอบการบรรยาย 3. ภาพประกอบตา่ งๆจากอินเตอร์เน็ต

201 การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการนาเสนอรายงาน 2. ประเมินผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 3. สงั เกตพฤติกรรมผ้เู รียนในการถาม-ตอบ 4. สงั เกตจากพฤติกรรมความสนใจและการรว่ มกิจกรรมในช้นั เรยี น

202 บทท่ี 9 ผลกระทบจากการทอ่ งเทย่ี ว อุตสาหกรรมท่องเท่ียวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นอันดับ 1 มาหลายปีจะ เห็นได้จากนโยบายการสนับสนุนจากภาครัฐท่ีมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การหยุดยาว ติดต่อกันหลายวัน การลดหย่อนภาษีจากการท่องเท่ียว เป็นต้น ซ่ึงการท่องเท่ียวมีบทบาทในการกระตุ้น เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างดี อีกมุมหน่ึงการท่องเท่ียวก็ส่งผลกระทบบางอย่างไปสู่ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม ทรัพยากรต่างๆของประเทศ ซงึ่ จะต้องมกี ารศึกษาผลกระทบท่ีเกดิ ขึ้นจากการท่องเท่ียวทง้ั ด้านบวก และด้านลบเพ่ือหาวิธีป้องกันและแก้ไขนาไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน ในบทนี้จะกล่าวถึง ผลกระทบจาการท่องเท่ียว ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชุมชนท้องถิ่น การประเมินผลกระทบจากการ ทอ่ งเที่ยว ผลกระทบจากการทอ่ งเท่ียว การทอ่ งเทีย่ วเป็นอตุ สาหกรรมท่ีส่งผลต่อภาพลักษณ์และภาพรวมของประเทศเป็นอยา่ งมาก พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553: 24-27) ได้อธิบายถึงการศึกษาวิจัยท่ีน่าสนใจของ มอสคาร์โด (Moscardo, 2008) ที่ได้ศึกษากรณีศกึ ษาเกี่ยวกับผลกระทบของการท่องเท่ยี วถึง 329 กรณศี ึกษาดว้ ยกนั จาก ประเทศต่างๆ 90 ประเทศ ซ่ึงได้ระบุถึงผลกระทบในแง่ลบท่ีเกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยวในภาพรวม ซึ่ง สามารถแยกออกเป็นข้อใหญ่ท่ีชัดเจนได้ 5 หัวข้อด้วยกัน คอื 1. การเกดิ การทาลายสิง่ แวดล้อม 2. เกดิ การขดั แยง้ 3. ผลกระทบทางวฒั นธรรม 4. ผลกระทบตอ่ ชวี ติ ประจาวันของชมุ ชน 5. ความคาดหวงั ทว่ี ่าการทอ่ งเที่ยวจะนาผลประโยชน์มาสูช่ มุ ชนนัน้ ไมเ่ ป็นไปตามความคาดหวงั หากจะมองในรายละเอียดของแต่ละข้อแล้ว ในด้านการทาลายสิ่งแวดล้อมสามารถแยกออกเป็น 5 มมุ มองด้วยกัน คอื 1. การทาลายส่ิงแวดล้อมและระบบนเิ วศเม่ือมีการก่อสร้างส่ิงอานวยความสะดวกหรือสาธารณูปโภค ดา้ นการทอ่ งเที่ยวข้นึ 2. เกิดมลภาวะและปัญหาดา้ นขยะ 3. การเส่ือมสลายหรอื ไมเ่ พียงพอในเรอ่ื งของทรพั ยากรธรรมชาติของชมุ ชนรวมไปถึงน้าและอาหาร 4. การเปลยี่ นพฤติกรรมของสตั วท์ ่อี าศัยในชุมชน 5. ลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรมทไ่ี มเ่ หมาะสมซ่งึ อานวยประโยชนเ์ พียงดา้ นการท่องเทีย่ วเท่านน้ั ในหัวข้อที่ 2 คือ เร่ืองของความขัดแย้งซ่ึงความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึน และถูกกล่าวถึงมากคือ เร่ืองของ ความขัดแย้งระหว่างสมาชิกของชุมชนโดยท่ัวไปและจะเกิดข้ึนระหว่างกลุ่มท่ีสนับสนุนการท่องเที่ยวกับกลุ่มท่ี ต่อต้านการท่องเท่ียว ความขัดแย้งเกิดได้จากกความเห็นท่ีไม่ลงรอยกันในรูปแบบของการพัฒนาทางการ ทอ่ งเทย่ี วเนือ่ งจากผลประโยชนท์ ี่เกดิ ขน้ึ การได้รับการจัดการท่ีไม่ลงตวั ความขดั แยง้ ของกลุ่มอานาจตา่ งๆ ใน ชุมชนก็เป็นอกี รูปแบบหน่ึงของความขัดแย้งท่ีทาลายความเช่ือม่นั หรือความสัมพันธอ์ นั ดีทนี่ า่ จะเกิดข้นึ ใหม่ใน ชุมชน อันอาจเป็นผลให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกันของสมาชิกภายในชุมชน หรือแม้แต่สมาชิกใน ครอบครัวเอง เน่ืองจากการเปล่ียนแปลงในด้านของบทบาทของสมาชกิ ครอบครวั ซึ่งทาให้เกิดความตึงเครยี ด จากการเปลี่ยนแปลงน้ีได้ เช่น บทบาทของสตรีท่ีมีมากข้ึน ความขัดแย้งในรูปแบบสุดท้ายที่เกิดขึ้นจาก

203 กรณีศกึ ษา คือ ความขัดแย้งระหวา่ งกิจกรรมทางการท่องเท่ียวกับกิจกรรมดา้ นอื่นๆ เช่น การก่อสรา้ งอาคารท่ี พักรีสอร์ท อาจเกิดการจากัดการเข้าถึงสถานท่ีต่างๆ ที่ชุมชนเคยเข้าถึงได้ รวมถึงสถานท่ีท่ีเคยเป็นแหล่ง นันทนาการในชมุ ชน เป็นต้น ผลกระทบหัวข้อที่ 3 คือ เรอื่ งของการกระทบทางด้านวัฒนธรรม ซึง่ ความต้องการที่จะชมวฒั นธรรม ของชุมชนของนักท่องเที่ยวอาจทาให้เกิดการขายหรือแสดงวัฒนธรรมขึ้น เพ่ือตอบสนองความต้องการของ นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัญหาที่เห็นโดยทั่วไป ผลกระทบเช่นนี้คือการเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรมท่ีเกิดข้ึนโดยมิ อาจควบคุมได้ แตใ่ นทางตรงกนั ข้ามบางชุมชนเกดิ ปญั หาในเร่อื งของการทม่ี ิอาจจะเปลี่ยนแปลงวฒั นธรรมของ ตนได้ เพอื่ สนองความต้องการทางการท่องเทีย่ ว เน่อื งจากการใชภ้ าพลักษณ์อย่างใดอย่างหน่ึง หรอื วฒั นธรรม ที่นาเสนอในการประชาสัมพันธ์ทางการท่องเท่ียวก่อให้เกิดปัญหาที่ชุมชนต้องติดอยู่กับวิถีชีวิตท่ีถูกนาเสนอ น้ันๆ เพียงเพื่อไม่ทาให้นักท่องเท่ียวผิดความคาดหวัง รูปแบบการจ้างงานด้านการท่องเท่ียวของชุมชนก็ สามารถนาผลกระทบมาส่วู ัฒนธรรมได้ คอื แรงงานที่ต้องการมากในชว่ งฤดูการท่องเท่ียว อาจไมส่ มั พันธ์กับฤดู การทางานในชีวิตประจาวัน เช่น อาชีพ ทาไร ทานา จึงทาให้ชุมชนต้องเลือกและอาจกระทบต่อประเพณี วัฒนธรรมทเี่ คยปฏิบัตมิ าได้ ซง่ึ อาจก่อใหเ้ กิดผลเสียในระยะยาวมใิ ชน่ าสูก่ ารท่องเทยี่ วท่ยี ่งั ยืน ในด้านของผลกระทบต่อชีวติ ประจาวนั ของชุมชน สามารถแยกออกได้ 4 ประการดว้ ยกัน คอื 1. การจราจรทต่ี ดิ ขดั และชุมชนท่ีแออดั 2. การเพ่มิ ของคา่ ครองชีพทสี่ งู ขึ้น 3. การท่มี ีผคู้ นแปลกหน้าเข้ามาในชมุ ชน ซง่ึ อาจมาเขา้ ร่วมในงานพิธีต่างๆ โดยชมุ ชนไมเ่ ต็มใจ 4. การเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เคยเป็นของชุมชน ซึ่งอาจมีผลให้ชุมชนต้องโยกยา้ ย ออกไปอกี ไม่วา่ จะเปน็ ด้านที่อยอู่ าศยั การทางานหรือแหลง่ นนั ทนาการ หัวข้อผลกระทบสุดท้าย คือ ด้านความคาดหวังว่า การท่องเที่ยวจะนาผลประโยชน์ที่ดีมาให้แกช่ ุมชน แต่หากไม่เป็นไปตามความคาดหวังก็จะเกิดการผิดหวังข้ึน และเกิดทัศนคติท่ีไม่ดีต่อการท่องเที่ยว ความ ผิดหวังนั้น เช่น รายได้ท่ีไม่ดีอย่างท่ีคาด งานท่ีไม่มากอย่างท่ีคาดหวัง เป็นต้น จากกรณีศึกษาพบว่า งานท่ีคน ในชุมชนสามารถทาได้น้ันมีไม่มาก เน่ืองจากเกิดการแย่งงานจากคนภายนอกชุมชนที่มีทักษะความชานาญใน งานนนั้ ๆ มากกวา่ และคนในชมุ ชนไมไ่ ด้รบั การฝึกทักษะทต่ี รงต่อความต้องการสาหรับงานนัน้ ๆ จงึ ทาให้คนใน ชุมชนไดเ้ พียงงานในระดบั ล่างทีม่ ีรายได้ไม่มากและบางคร้ังก็เป็นเพยี งงานชว่ั คราว หรือตามฤดกู าล นอกจากน้ี ยังเกิดปัญหาด้านการล้มของธุรกิจขนาดย่อมท่ีชุมชนเป็นเจ้าของธุรกิจ เน่ืองจากขาดประสบการณ์และทักษะ หรือความรู้เก่ียวกับการประกอบธุรกิจทางการท่องเที่ยวหรือเน่ืองจากนักท่องเที่ยวท่ีเข้ามาไม่เพียงพอตาม ความคาดหมาย ซ่ึงทาให้การพฒั นาทางด้านการทอ่ งเทยี่ วต้องลม่ สลายลง จากผลกระทบที่กล่าวมาข้างต้นเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงผลในด้านลบท่ีการพัฒนาการท่องเท่ียวอาจ นามาสู่ชุมชนได้หากการบริหารจัดการเป็นไปอย่างไม่ระมัดระวัง ท้ังน้ี การมองจุดแข็งจุดอ่อน วิกฤตและ โอกาสต่างๆ ของสถานการณ์ของชุมชนน้ันๆ เป็นวิธีการหนึ่งท่ีจะทาให้การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนเป็นไป อย่างรอบคอบมากยง่ิ ขนึ้

204 การประเมนิ ผลกระทบจากการทอ่ งเท่ียว การประเมินผลกระทบจากการท่องเที่ยวมีความสาคัญเป็นอย่างย่ิง เป็นแนวทางท่ีจะทาให้การ ทอ่ งเทย่ี วของประเทศไทยมคี วามย่งั ยนื อย่างเป็นรปู ธรรม ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549 : 75 -115)ได้ อธิบายถึงการศึกษาและการวัดผลกระทบของการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นส่ิงท่ีทาได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากเม่ือเรามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของผลกระทบที่เกิดจากการท่องเที่ยวเพ่ิมมากข้ึน ความยุ่งยาก ซับซ้อนในการวัดก็เพ่ิมข้ึนตาม การชี้ให้เห็นถึงผลกระทบทางบวกและทางลบของการท่องเท่ียวนัน้ ค่อนข้างจะ ทาได้ชัดเจน แต่ในทางตรงกันข้ามการรวบรวมข้อมูลท่ีจาเป็นและการลงมือประเมินผลกระทบกลบั เปน็ เร่ืองที่ สลับซับซ้อน ในบทน้ี มีจุดประสงค์เพื่อท่ีจะระบุเขตของผลกระทบและเพื่อช้ีให้เห็นถึงเคร่ืองมือท่ีเหมาะสมใน การประเมินผลกระทบ การนาผลทไ่ี ด้จากการประเมินผลกระทบไปใช้น้ันต้องมีการพจิ ารณาอย่างละเอียดรอบ คอบ ท้ังนี้จากการที่การพัฒนาการท่องเที่ยวมีความสลับซับซ้อนและจากแรงกดดันทางด้านสังคม เศรษฐกิจ ทาให้มีความจาเป็นท่ีจะต้องรักษาสมดุลระหว่างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมกับการบรร ลุผลสาเร็จใน การพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาชุมชน ดังน้ันการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างรอบคอบ และการเน้นให้ผู้มี สว่ นรว่ มไดเ้ สียเขา้ รว่ มในกระบวนการตดั สนิ ใจน้นั เป็นส่ิงจาเป็นอย่างมาก โดยไมม่ กี ระบวนการการประเมินผล กระทบใดๆ จกั สามารถจะมาแทนท่ีได้กจิ กรรมการท่องเทย่ี วนัน้ ส่งผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบ มเี พียง บางกรณเี ทา่ นั้นทเ่ี ราสามารถมองเห็นเส้นแบ่งระหว่างตน้ ทุนราคาและผลกาไรได้อย่างชดั เจน ดงั นนั้ จึงเหน็ ได้ วา่ กระบวนการประเมินผลกระทบเป็นกระบวนการท่ีค่อนขา้ งยุ่งยากและมีความซับซ้อน การพัฒนาการท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บนพ้ืนฐานความเชื่อผิดๆ ท่ีว่าผลกระทบของการท่องเที่ยวจะ เป็นไปในทางบวกเสมอ ซ่ึงอันที่จริงแล้วการท่องเที่ยวนั้นสามารถส่งผลกระทบท้ังในทาบวกและทางลบ ผลดี ของการพัฒนาการท่องเทยี่ วมดี ังนี้ 1. การเพมิ่ จานวนกิจกรรมเชิงธุรกจิ 2. การเพิ่มข้ึนของการจ้างงาน 3. การเพ่มิ ข้ึนของรายไดจ้ ากการสง่ ออก 4. การไหลเวียนของการแลกเปลยี่ นเงนิ ตราตา่ งประเทศเพ่ิมขึ้น 5. ประเทศแลชุมชนมีชื่อเสียงดีย่งิ ข้ึน ซึ่งจะนาไปสู่การลงทุนในด้านอ่ืนๆ ท่ีแม้ไม่ใช่ การท่องเท่ียว 6. การเพม่ิ ขน้ึ ของเงนิ ทนุ เพือ่ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิง่ ทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม 7. เปน็ การสนบั สนุนงานฝีมอื หตั กรรมของชุมชน 8. เปน็ การคงไว้ซงึ่ ประเพณีและวิถีชีวติ เพื่อประโยชน์ในการทอ่ งเที่ยว 9. เกิดกจิ กรรมใหม่ๆ ในอตุ สาหกรรมการกอ่ สรา้ งและการพฒั นา 10. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน 11. การพัฒนาในระดับภมู ิภาค เมอ่ื เราศกึ ษาผลกระทบของกิจกรรมการท่องเทีย่ วแลว้ เราพบว่าผลกระทบบางอยา่ งอาจเปน็ ไป ในทางตรงกนั ข้ามกบั ท่ีกลา่ วมาขา้ งต้น นน่ั คือ 1. ผลกระทบทเ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ สิง่ แวดล้อมทเ่ี ปราะบางและอ่อนไหว 2. ก่อความราคาญให้กบั ชุมชน 3. ผลในทางลบต่อวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีทีม่ มี าแต่ดง้ั เดิม

205 4. ความแออัดในพืน้ ที่ทอ่ งเท่ยี ว 5. อุปสงค์ความต้องการบรกิ ารดา้ นสาธารณูปโภคเพิ่มข้ึน 6. เกิดการเรียกร้องในกรรมสิทธท์ิ ่ดี ิน 7. เกิดการแตกแยกเสอื่ มสลายของสังคมและชุมชน 8. เกดิ มลภาวะตามชายหาด 9. การพัฒนาโรงแรมที่พักอยา่ งไม่เหมาะสม 10. ปัญหาการคา้ ประเวณี 11. การทาใหว้ ัฒนธรรมกลายเป็นการค้า 12. ระดบั น้าใต้ดินหมด 13. การพ่ึงพากิจกรรมการทอ่ งเที่ยวมากเกนิ ไป 14. การสญู เสียความเป็นชุมชน 15. คนในทอ้ งถ่ินเกิดความตึงเครยี ด 16. การสูญเสียความเป็นสว่ นตัว 17. อาชญากรรมเพมิ่ ขึ้น 18. การเกบ็ ภาษเี พม่ิ ขึน้ 19. การพฒั นาท่ีสญู เสียความเป็นของแท้-ของตน้ ตาหรับ 20. การจ้างงานในตาแหน่งทเ่ี งินเดือนนอ้ ยและสถานภาพต่า 21. ภาวะเงนิ เฟ้อ 22. ตน้ ทนุ คา่ ใชจ้ า่ ยเพิ่มข้ึน (ทีด่ นิ ท่ีอยู่อาศยั อาหาร และค่าบริการ) 23. ปญั หามลภาวะ ภาพที่ 9.1 ปญั หาขยะจากการท่องเท่ยี ว ท่มี า : http://local.environnet.in.th/news2_detail.php?id=6909 เราจะเห็นได้ว่าผลกระทบของการท่องเที่ยวนั้นอาจปรากฏให้เห็นได้ชัดในระยะเวลาอันสั้น ซ่ึงเรา สามารถพิจารณาได้อย่างละเอียด และง่ายต่อการประเมิน หรือในทางตรงกันข้าม ผลกระทบนั้นอาจจะค่อยๆ เกดิ ขน้ึ อยา่ งช้าๆ ซ่ึงยากทจ่ี ะประเมนิ ในกระบวนการวางแผนโครงการโดยทว่ั ๆ ไป

206 นอกจากนั้นจากการท่ีมีความเร่งรีบที่จะบรรลุผลในการพัฒนาอาจทาให้กระบวนการประเมินผล กระทบจากการท่องเท่ียวมีข้อจากัด โดยอาจมีการทาการประเมินที่ไม่ครอบคลุมหรือไม่รอบด้าน หรืออาจมี การข้ามข้ันตอนการประเมินบางขั้นไปเพ่ือให้ได้ผลที่รวดเร็ว เพื่อรองรับต่อนโยบายการพัฒนา และหากการ พัฒนาเป็นไปอย่างไร้ขีดจากัดแล้วจะก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และชมุ ชน ในบางกรณโี ครงการอาจถูกละทิ้งกลางคันหรืออาจถูกยับยัง้ โดยชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มผลประโยชน์ ดงั น้ันการทาการศึกษาผลกระทบ จงึ จะเปน็ ต้องทาอย่างถกู ต้องละเอียดรอบคอบ การประเมินผลกระทบทาให้คาดการณ์ถึงสถานการณ์และผลของการพัฒนาท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต เปน็ ไปอยา่ งเปน็ ระบบจึงจาเป็นต้องนาวิธีการต่างๆ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประเมินผลกระทบ เพอื่ ช่วยใหเ้ ราเข้า ใจความซับซ้อนของระบบสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมได้ดี เพ่ือว่าการจัดผลกรทบจะได้บรรลุ วัตถปุ ระสงคท์ ต่ี ง้ั ไว้ วิธีการประเมินผลกระทบ แม้ว่าจะมีข้อจากัดอยู่บ้าง ทว่าเป็นเสมือนกระบวนการทางตรรกะวิทยา และหลกั ต-ุ ผล ท่ีเปิดเผยให้เห็นถงึ ผลท่ีจะเกดิ ขึน้ จากการตดั สนิ ใจดาเนินการตามแผนการทีไ่ ด้วางไว้ สิ่งสาคัญที่ต้องคานึงถึง คือ การประเมินผลกระทบมิได้ประกอบขึ้นเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย โดยตรง หากแต่เป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้ท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบในกระบวนการตัดสินใจ ระบบการตัดสินใจกาหนด นโยบายบางระบบ กาหนดให้ต้องมีการประเมินผลกระทบเสียก่อนที่จะดาเนินการได้ โดยปกติจะเป็นการ ประเมินผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงหลังจากผา่ นกระบวนการทางการเมืองแลว้ จึงจะกลายเป็นนโยบายตอ่ ไป การประเมินผลกระทบเป็นการคาดการณ์สภาพแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจในท้องถิ่นและภูมิภาคและ สภาพชุมชนในอนาคต อันเป็นผลมาจากการพัฒนาท่ีเสนอมา การประเมินผลกระทบเป็นระบบบริหารจดั การ ในการรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ ตีความหมาย และนาเสนอข้อมูล ทานายผล คานึงถึงความไม่แน่นอน ระบุ ทางเลอื กอนื่ ๆ ท่ีจะทาให้บรรลเุ ปา้ หมายและชใ้ี หเ้ ห็นถึงกลยุทธ์ท่ีจาเป็นในการลดและบรรเทาความเสยี หายต่อ ส่ิงแวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคม การเตรียมการประเมินผลกระทบเป็นส่ิงท่ีไม่สามารถหลีกเล่ียงได้ หากกาหนดนโยบายต้องการท่ีจะ ทราบถึงผลที่จะตามมาจากการพัฒนาท่ีได้รับการเสนอมา การประเมินผลกระทบนั้นเป็นเรื่องของหลักการใช้ สามัญสานึก ลักษณะความยากง่ายของการประเมินเป็นเครื่องบ่งบอกถึงระดับความชานาญการที่ต้องใช้การ ประเมนิ ผลกระทบ โดยสว่ นใหญจ่ ะเป็นในดา้ นเศรษฐกจิ สิ่งแวดลอ้ ม สังคม และวัฒนธรรม การประเมินด้านเศรษฐกิจ จุดประสงค์ของการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ คือเพ่ือชี้ให้เห็นถึงผลที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมและ การพัฒนาในด้านการจ้างงาน รายได้ และความม่ันคง ผลของการประเมินจะแสดงให้เห็นถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย และผลกาไรที่ได้หรืออัตราส่วนของต้นทุนและผลได้จากการท่องเที่ยวต่อความอยู่ดีกินดีทางเศรษฐกิจในพื้นที่ น้นั การประเมนิ ดา้ นสงิ่ แวดล้อม คุณภาพทางกายภาพของสถานท่ีท่องเท่ียว รวมทั้งบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด กับความน่าดึงดูดใจในการท่องเท่ียว ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อส่ิงแวดลอมและระบบนิเวศวิทยาน้ันอาจเกิดจาก การพัฒนาและกิจกรรมการท่องเที่ยวถึงแม้ว่าผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดจากแต่ละบุคคลน้ันจะน้ อยมาก แต่เมื่อนามารวมกันแล้วอาจกลายเป็นปัญหาร้ายแรงท่ีคุกคามคุณภาพส่ิงแวดล้อม การประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมนั้นควรแสดงให้เห็นถึงลักษณะ ระดับ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อหาวิธีการจัดการเพ่ือลด ระดบั ความไม่สมดลุ ของการรักษาภาวะสิ่งแวดลอ้ มกบั การพัฒนา

207 การประเมนิ ดา้ นสงั คม การท่องเท่ียวเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และระบบทาง การเมือง ซ่ึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจใช้ระยะเวลานานกว่าจะเป็นท่ีประจักษ์ อย่างไรก็ตามการติตาม ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งอาจเป็นผลท่ีเกิดจากการท่องเที่ยวน้ันมีความจาเป็น อยา่ งยง่ิ ในการท่ีจะปกป้อง และรักษาส่ิงทช่ี มุ ชนหวงแหน ในการประเมินผลกระทบน้ัน จาเป็นต้องศึกษาท้ังทาบวกและทางลบ สิ่งหนึ่งที่ท้าทายการบูรณาการ แผนการท่องเท่ียวคือการพฒั นาการท่องเที่ยวซ่งึ ก่อใหเ้ กดิ ผลประโยชน์สงู สุด และใหเ้ กิดผลกระทบทางลบน้อย ที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ แนวทางนี้นาไปสู่การพัฒนาวิธีการประเมินค่าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น การนามา ประยกุ ตใ์ ช้ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสูงสุดควรทาโดยผ้ชู านาญการที่ผ่านการฝึกอบรมเปน็ เฉพาะ ในหนงั สือเล่มนี้จัก นาเสนอเฉพาะวิธีการโดยท่ัวไป ส่วนการประเมินความเหมาะสมและได้ผลที่น่าเชื่อถือน้ัน ควรกระทาโดยนัก เศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐมิติ-ผู้ใช้เทคนิคทางสถิติและคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และนักสังคม วิทยาที่มีความชานาญการในหลายๆ ด้านการประเมินผลกระทบแบบผลหลายๆ ด้านเป็นวิจารณญาณของ ชุมชน และกระบวนการทางการเมือง โดยใช้ผลการประเมินค่าทางเทคนิคเป็นข้อมูลนาเข้าสู่กระบวนการ ตัดสนิ ใจ อย่างไรกต็ าม ตารางที่ 9.1 การประเมนิ ผลกระทบการท่องเทีย่ ว ผลกระทบทางลบ ด้าน ผลกระทบทางบวก สังคม  การผสมผสานทางสงั คม  จานวนนักทอ่ งเทีย่ วมากว่าผู้ อาศัย  การผสมรวมทางวฒั นธรรม  ความขดั แย้ง  หลกั ฐานทางวฒั นธรรม  สภาพทแ่ี ออัด  พฤติกรรมของนกั ทอ่ งเท่ยี วท่ีขาด  สนบั สนนุ วฒั นธรรมและงาน ฝีมือ ความรับผดิ ชอบ เศรษฐกิจ  นาเงนิ ตราสูเ่ ศรษฐกจิ ในท้องถิ่น  การนาเสนอวฒั นธรรมเพื่อการค้า  การสร้างงานและความม่นั ค่ังใน  ปัญหาอาชญากรรม  ปญั หาการคา้ ประเวณี ทอ้ งถิน่  ผลกระทบทวีคูณ  มงี านให้เลอื กนอ้ ย  ปรบั ปรงุ ระดบั การบริการ  การวา่ งงานนอกฤดกู าล  ขนาดและความหลากหลาย  แหลง่ ท่ีมาของรายไดท้ ีเ่ พมิ่ ขึ้น  ผลกาไรร่วั ไหลออกนอกพนื้ ท่ี  มกี ารลงทุนใหมๆ่  ความต้องการในสิ่งสาธารณูปโภค เพ่มิ ข้ึน  การละท้งิ โอกาสทางเศรษฐกิจ อ่นื ๆ

208 ด้าน ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ ส่ิงแวดลอ้ ม  มแี ผนงานในการปรับปรุง  ความแออัดและการที่ สง่ิ แวดลอ้ ม นักทอ่ งเที่ยวใชส้ ิง่ แวดลอ้ ม มาก  การบรหิ ารจัดการพ้ืนท่ี เกนิ ไป ธรรมชาติ  การกระทาของพวกทช่ี อบทาลาย  การปรบั ปรงุ ซ่อมแซม และ  การคกุ คามถ่ินท่ีอยู่ของพชื และ การฟ้ืนฟใู ห้กลบั คนื สู่สภาพ สัตว์ ปกติ  มลภาวะทางสายตา  การรเิ ร่ิมการอนรุ กั ษ์  ความไม่แนน่ อน สิ่งแวดล้อม  นาเงินทนุ ไปใชใ้ นการอนรุ ักษ์ ที่มา : ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเทยี่ วและการแก้ไขปญั หาความยากจนแห่งเอเชยี (2549) การประเมินผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นการตัดสินใจท่ีเก่ียวข้องกับการชั่งน้าหนักสิ่งท่ีจะได้มา -เสียไป (trade offs) ซ่งึ ถอื เป็นสทิ ธขิ องชมุ ชนในการตดั สินใจ และการตัดสินทางการเมอื ง ผลกระทบทางบวกและทางลบต่อสังคม เศรษฐกิจ และส่ิงแวดล้อม ซึ่งเกิดจากการพัฒนาการ ท่องเทีย่ ว สามารถสรปุ ไดด้ ังน้ี ในกระบวนการการประเมิน เราตอ้ งคานึงถึงปจั จัยทจี่ ะสง่ ผลต่อระดับความรนุ แรงของผลกระทบ ไดแ้ ก่ 1. จานวนนักทอ่ งเที่ยว 2. ความสามารถในการกลบั คืนสสู่ ภาพเดิมของระบบนิเวศ 3. ความรบั ผิดชอบของนกั ทอ่ งเท่ียว 4. ความสามารถในการเข้าถึง 5. วิธีการบรหิ ารจัดการ ส่ิงทที่ า้ ทายในการประเมินผลกระทบ ได้แก่ 1. ไมค่ วรแยกการประเมินออกมาพจิ ารณาเดีย่ วๆ 2. การประเมินเปน็ เพียงข้อมูลนาเข้าส่กู ระบวนการตดิ ตาม ตรวจสอบ และการบริหารจัดการอยา่ ง ต่อเนอ่ื ง ซงึ่ ไม่ใชจ่ ดุ สิ้นสดุ ตอนทา้ ยในตัวเอง 3. การตรวจสอบหลังจากเสร็จสิน้ โครงการควรเป็นตัววดั ความแม่นยาของการคาดการณ์ เพือ่ เป็น แรงจงู ใจในการพิจารณาทบทวนการบรหิ ารจดั การ 4. การประเมนิ อาจต้องดาเนินการด้วยข้อมูลท่ไี ม่สมบรู ณ์ 5. การประเมินควรเป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการบรู ณาการวางแผนและการจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาติ ในลาดับต่อไปจะกล่าวถึงการประเมินผลกระทบจากการท่องเท่ียวการประเมินผลกระทบเป็นระบบ บริหารจัดการ ในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ ตีความหมายและนาเสนอข้อมูล ทานายผล คานึงถึงความไม่ แน่นอน ระบุทางเลือกอื่นๆ ที่จะทาให้บรรลุเป้าหมาย เป็นการลดและบรรเทาความเสียหายต่อส่ิงแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ เพ่ือเป็นแนวทางในการบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวให้มีคุณภาพและลดผลกระทบจาก

209 การท่องเท่ียวให้มีน้อยท่ีสุด ซึ่งการประเมินผลกระทบจากการท่องเที่ยวจะคานึงถึง ด้านสังคม เศรษฐกิจและ สง่ิ แวดลอ้ ม ศราวุธ ผิวแดง (2556) ได้ศึกษา รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างย่ังยืนภายใต้แนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง กรณีศึกษา ตาบลหนองกุงทับม้า อาเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี โดยได้ประเมินผล กระทบจากการท่องเท่ียวด้าน สังคมและเศรษฐกิจ (Social and Economic) ด้านส่ิงแวดล้อม (Environmental) การแยกแยะส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ (stakeholder identification) การวิเคราะห์ผู้มีส่วน เกยี่ วข้อง (stakeholder Analysis) เพ่อื เป็นแนวทางในการพฒั นาแหล่งท่องเท่ียว บ้านวงั ใหญ่ ตาบลหนองกุง ทบั มา้ อาเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี โดยมรี ายละเอยี ดดังต่อไปน้ี ภาพท่ี 9.2 การดแู ลความปลอดภยั ใหก้ บั นักท่องเท่ียว ทมี่ า : http://loeitouristpolice.go.th

210 ตารางท่ี 9.2 การประเมนิ ผลกระทบสงั คมและเศรษฐกิจ (Social and Economic) ผูม้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง ัปญหาอาชญากรรม และไดร้ ับผลกระทบ การผสมรวมทาง ัวฒนธรรม ันก ่ทองเ ี่ทยวมากก ่วา ู้ผ อา ัศย สภาพ ่ทีแออัด ความ ัขดแ ้ยงภายใน ุชมชน ันก ่ทองเ ี่ทยวขาดความ ัรบ ิผดชอบ การเผยแพ ่ร ัวฒนธรรม สนับสนุน ัวฒนธรรมและ การแปร ูรปผ ิลต ัภณฑ์ นาเ ิงนตรา ู่สเศรษฐ ิกจ ้ทอง ่ิถน มีการลง ุทนใหม่ การส ้รางงานและความ ม่ันคงใน ุชมชน การ ่วางงานนอกฤดู ่ทองเ ี่ทยว ผลกาไร ั่รวไหลออกจาก ุชมชน การย้าย ่ิถนฐานมาทางาน รวม ลาดับ 1.ภาครัฐ - + + - + - + + + + + - + -9 อบจ.อดุ ร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดร - + - - - - + + + - - - - - 4 การท่องเท่ียวแห่ง - + + - + + + + + + + - - + 10 3 ประเทศไทย อดุ รธานี ท่องเท่ียวและกฬี า - + - - + - + + + + + - - +8 จงั หวัดอดุ ร อบต.หนองกุงทบั มา้ + + + + + + + + + - + - - + 11 2 พัฒนาชมุ ชนจงั หวดั อดุ ร - + - - - - + + + - + - - - 4 เกษตรจงั หวัดอุดร - - - - - - + + + + + - - -5 ชลประทานจงั หวดั อดุ ร - - - - - - + + + + + - - - 5 อาเภอวงั สามหมอ - - - - - - + + + + + - - -5 2.ภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมจังหวัด - + + - - - + + + + + - + + 9 อุดร หอการค้าจังหวดั อุดร - + + - - - + + + + + - + - 8 ชมรมมัคคเุ ทศก์จงั หวดั - - + - - - + + + + + - - - 6 อดุ ร 3.ภาคประชาชน ประชาชนในพืน้ ท่ี + + + + + + + + + + + - - + 12 1 ร้านอาหารในพ้ืนท่ี - - + - + - + + + + + - - -7 รา้ นจาหนา่ ยสินค้าใน + + + - + - + + + + + - - - 9 พื้นท่ี วดั - - - - - - + - - + + - - - 3 4.นักท่องเท่ยี ว วยั เดก็ - - + - - + + - + + + - - - 5 วยั รุ่น - + + - + + + - + + + - - + 8 วยั ทางาน - - - - + - + + + + + - - +7 วัยผสู้ งู อายุ - - - - + - + + - - + - - -3 รวม 3 11 11 2 10 4 20 17 18 16 19 0 3 7 ลาดบั 13 2 ที่มา : ศราวุธ ผวิ แดง (2556) จากตารางที่ 9.1 การประเมินผลกระทบสังคมและเศรษฐกิจ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบ ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ในการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว ประกอบไปด้วย ลาดับท่ี 1 ประชาชนใน พ้ืนที่ ลาดับท่ี 2 อบต.หนองกุงทับม้าและลาดับท่ี 3 คือการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทยสานักงานอุดรธานีซ่ึง ผลกระทบทางด้านส่ิงแวดล้อมในการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประกอบไปด้วย ลาดับท่ี 1 การเผยแพร่ วัฒนธรรม ลาดับที่ 2 การสร้างงานและความม่ันคงในชุมชนและลาดับท่ี 3 คือการนาเงินตราสู่เศรษฐกิจ ทอ้ งถิ่น

211 ตารางที่ 9.3 การประเมนิ ผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม (Environmental Impacts Matrix) ผมู้ สี ่วนเกย่ี วข้องและไดร้ ับ การ ัจดการ ูภมิ ัทศน์ ผลกระทบ ่อางเ ็กบน้า ทรัพยากรร่อยหรอ ส่ิงป ิฏ ูกล/ขยะ มลภาวะทาง ิดนจาก การใช้สารเคมี สถาน ี่ทจอดรถ มลภาวะทางอากาศ จากยานพาหนะ การถางพื้นท่ีการ ั้ตง ค่ายพักแรม ูภมิ ัทศน์เสียหาย มลภาวะทางน้าของ ่อางเ ็กบน้า มลภาวะทางเสียง การ ุอปโภคและ บริโภคน้าของชุมชน รบกวน ิ่ถนที่อยู่อา ัศย ของสัต ์วน้า รวม ลาดับ 1.ภาครฐั อบจ.อดุ ร + -+ + + - - - + + + + 8 มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ ร + + + + - + - - + + + + 9 3 การท่องเที่ยวแหง่ + -+ - - - - - - - - -2 ประเทศไทย อดุ รธานี ท่องเทีย่ วและกีฬา + -+ - - - - - - - - - 2 จังหวัดอุดร อบต.หนองกงุ ทบั ม้า + + - - + + + + + + + + 12 0 พฒั นาชุมชนจงั หวดั อดุ ร + - - - - - - - + - + - 3 เกษตรจงั หวัดอุดร + ++ + - - - - + - + + 7 ชลประทานจังหวัดอุดร + - + + - - - - + - + + 6 อาเภอวังสามหมอ + -+ - + - + + + - + - 7 2.ภาคเอกชน สภาอตุ สาหกรรมจังหวัด + - + - - - - - - - - -2 อุดร หอการค้าจงั หวดั อดุ ร + - + - + - - - - - - - 3 ชมรมมคั คเุ ทศกจ์ ังหวัด + - - - - - - - + - + - 3 อดุ ร 3.ภาคประชาชน ประชาชนในพน้ื ท่ี + + + - + + + + + + + + 11 1 ร้านอาหารในพื้นท่ี + ++ + + - - - + - + + 8 ร้านจาหนา่ ยสินค้าใน + - + + + - - - + + + + 8 พนื้ ที่ วัด + - + - + - + + + - + - 7 4.นักทอ่ งเท่ยี ว วัยเดก็ - + + + - - - - - - + + 7 วยั ร่นุ - - + + - - - - + - + + 6 วยั ทางาน + -+ - + - + + + - + - 7 วัยผสู้ ูงอายุ + -+ - + - + + + - + - 7 รวม 18 6 17 8 10 3 6 6 15 5 16 10 ลาดับ 1 2 3 ท่ีมา : ศราวธุ ผวิ แดง (2556) จากตารางท่ี 5 การประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม ผู้มีส่วนเก่ียวข้องและได้รับผลกระทบทางด้าน สิ่งแวดล้อมในการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ประกอบไปด้วย ลาดับท่ี 1 ประชาชนในพ้ืนท่ี ลาดับที่ 2 อบต.หนองกุงทับม้าและลาดับท่ี 3 คือมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดร ซึ่งผลกระทบทางด้านส่ิงแวดล้อมในการ วางแผนพฒั นาแหลง่ ท่องเทย่ี วประกอบไปดว้ ย ลาดบั ท่ี 1 การจัดการภูมทิ ศั น์แปลงเกษตรต่างๆและอ่างเก็บน้า ลาดบั ท่ี 2 สงิ่ ปฏิกลู /ขยะและลาดบั ที่ 3 คือการอุปโภคและบริโภคน้าของชุมชน

212 ตารางที่ 9.4 การแยกแยะสว่ นเกยี่ วขอ้ งต่างๆ (stakeholder identification) ทรพั ยากร ผู้มีส่วนไดเ้ สยี การใชท้ รพั ยากร ประโยชน์ที่ได้ ผลกระทบ ความขดั แย้ง ท่องเที่ยว ในชุมชน ประมง/อปุ โภค/ แหลง่ ท่องเทย่ี ว และอืน่ ๆ อ่างเกบ็ น้าลา อบต/ประชาชน พันชาด ในพืน้ ท่ี ปลกู ผกั / ยังชพี /รายได/้ ด้านบวก กฎเกณฑ์ เล้ยี งปลา พักผอ่ นหยอ่ น -การเผยแพร่ ระหวา่ ง ใจ/จัดกิจกรรม วัฒนธรรม ของชุมชนและ -การสรา้ ง หน่วยงาน ของอาเภอวัง งานและ ราชการกับ สามหมอ เชน่ ความม่นั คง ชมุ ชนในดา้ น บุญบั้งไฟ ในชุมชน การบรหิ าร ประเพณี -นาเงินตราสู่ จัดการพ้ืนท่ี สงกรานต์ เศรษฐกจิ ทอ้ งถิน่ ดา้ นลบ -นกั ท่องเทยี่ ว ขาดความ รบั ผิดชอบ -การเผยแพร่ วฒั นธรรมที่ ผิด เช่น การ พนันบ้งั ไฟ แปลงปลูกผกั อบต/ประชาชน รายได้ คุณภาพชวี ิต ปลอดสารพษิ ในพ้ืนที่ สายพนั ธ์ตา่ งๆ ดีขน้ึ จากการ รอบอ่างเกบ็ น้า ประชาชนใน พื้นที่ มรี ายไดเ้ สรมิ วิถชี ีวติ การทา ประมงแบบ รายได้ - คุณภาพ กฎเกณฑเ์ ร่ือง พอเพียง ชีวติ ดขี ึ้นจาก คุณภาพของนา้ การมีรายได้ ระหว่าง เสริม หน่วยงาน -คณุ ภาพของ ราชการกับ น้าจากการ ชุมชน เลี้ยงปลา ทม่ี า : ศราวุธ ผิวแดง (2556)

213 ตารางที่ 9.5 การวเิ คราะหผ์ ้มู ีสว่ นเกย่ี วขอ้ ง (stakeholder Analysis) 1. Environmental Box A (Manage : Take Action) Box B (Involve : Key Players) อบต.หนองกงุ ทบั มา้ ประชาชนในพื้นที่ เปน็ กลมุ่ ผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี จากการจัดการท่องเทย่ี ว ชมุ ชนหนองกุงทับมา้ ถือไดเ้ ป็นกลมุ่ ที่มีสว่ นไดส้ ่วน แตไ่ ม่มปี ากเสยี งมากนัก เนอ่ื งจากภายในชุมชนมกี าร เสียอยา่ งเต็มที่และมีปากมีเสียงในชมุ ชน เนอื่ งจาก เลือกต้ังนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบลจึงแบ่ง การจัดการท่องเทยี่ วจะส่งผลกระทบทางทั้งตรง ออกเป็น 2 กลุม่ ซ่งึ ในชุมชนหนองกุงทับมา้ ได้ให้ และทางอ้อมกบั ชมุ ชน เชน่ สง่ิ แวดล้อมต่างๆใน ความสาคญั กับการลงมตขิ องชมุ ชนเปน็ สว่ นใหญ่ และ ชุมชนจงึ จาเปน็ อย่างยง่ิ ท่ีจะต้องมีการจัดทาประชา การลงมติจากสภาองค์การบริหารสว่ นตาบลหนองกงุ พิจารณ์เพอ่ื รบั ฟงั ความคิดเห็นและหา Degree of Importanc ทบั มา้ เพอ่ื ลดข้อขดั แข้งและข้อพิพาทในการจัดการ วิธีดาเนินการแบบมสี ว่ นรว่ มเพือ่ ให้การท่องเที่ยว ท่องเท่ียวชมุ ชนและเป็นผู้รบั ผดิ ชอบพน้ื ที่และ เปน็ การท่องเที่ยวอยา่ งยง่ั ยืนตอ่ ไป สิ่งแวดลอ้ มในชุมชนทัง้ หมด Box C (Monitor : Watch Over) Box D (Support : Keep Informed) รา้ นอาหารในพนื้ ท่ี มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ ร ร้านอาหารในพน้ื ท่ีเป็นกลุม่ ท่ีไม่มสี ว่ นได้สว่ นเสยี มาก มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรเป็นกลมุ่ ทไ่ี มม่ ีส่วนได้สว่ น นกั และไม่มีปากมเี สยี งเนื่องจากกลมุ่ นี้กค็ ือกล่มุ เสียแตอ่ ยา่ งใด แตส่ ามารถให้คาแนะนาและความรู้ ประชาชนในพืน้ ท่นี ั้นเอง ซ่ึงไดร้ บั ผลกระทบดา้ น ตา่ งๆในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนกดุ ลงิ งอ้ สงิ่ แวดลอ้ มทัง้ ทางตรงและทางอ้อมอยู่แล้ว เพือ่ ใหเ้ กดิ ความย่งั ยืนภายในชมุ ชนและสง่ ผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยทีส่ ดุ ที่มา : ศราวธุ ผวิ แดง (2556) Degree of Influence อบต.หนองกุงทับม้าเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการจัดการท่องเท่ียวแต่ไม่มีปากเสียงมากนัก เนื่องจากภายในชุมชนมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตาบลจึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งในชุมชนกุดลิง ง้อได้ให้ความสาคัญกับการลงมติของชุมชนเป็นส่วนใหญ่ และการลงมติจากสภาองค์การบริหารส่วนตาบล หนองกุงทับม้าเพ่ือลดข้อขัดแข้งและข้อพิพาทในการจัดการท่องเที่ยวชุมชนและ เป็นผู้รับผิดชอบพ้ืนท่ีและ ส่งิ แวดลอ้ มในชมุ ชนท้ังหมด ประชาชนในพ้ืนที่ชุมชนหนองกุงทับม้าถือได้เป็นกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเต็มท่ีและมีปากมีเสียง ในชุมชน เนื่องจากการจัดการท่องเท่ียวจะส่งผลกระทบทางท้ังตรงและทางอ้อมกับชุมชน เช่น สิ่งแวดล้อม ตา่ งๆในชุมชนจงึ จาเป็นอย่างยง่ิ ที่จะต้องมกี ารจดั ทาประชาพิจารณ์เพ่ือรบั ฟงั ความคิดเหน็ และหาวิธีดาเนินการ แบบมสี ่วนรว่ มเพอ่ื ใหก้ ารท่องเท่ียวเปน็ การท่องเที่ยวอย่างย่งั ยืนต่อไป ร้านอาหารในพ้ืนที่เป็นกลุ่มท่ีไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมากนักและไม่มีปากมีเสียงเน่ืองจากกลุ่มน้ีก็คือกลุ่ม ประชาชนในพืน้ ทีน่ ้นั เอง ซง่ึ ได้รบั ผลกระทบด้านสง่ิ แวดลอ้ มทงั้ ทางตรงและทางอ้อมอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรเปน็ กลุม่ ทีไ่ มม่ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี แต่อยา่ งใด แตส่ ามารถใหค้ าแนะนาและความรู้ ต่างๆในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนกุดลิงง้อ เพ่ือให้เกิดความยั่งยืนภายในชุมชนและส่งผลกระทบต่อ สงิ่ แวดล้อมให้น้อยทส่ี ดุ

214 ตารางท่ี 9.6 การวิเคราะห์ผ้มู ีสว่ นเกยี่ วข้อง (stakeholder Analysis) 2. Social and Economic Box A (Manage : Take Action) Box B (Involve : Key Players) อบต.หนองกงุ ทบั ม้า ประชาชนในพนื้ ที่ เป็นกลุ่มผูม้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียจากการจดั การท่องเที่ยว หนองกงุ ทบั ม้าถือไดเ้ ปน็ กล่มุ ทม่ี ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย แต่ไม่มปี ากเสียงมากนัก เนื่องจากเป็นหนว่ ยงานทมี่ า อย่างเตม็ ท่ีและมปี ากมีเสียงในชุมชนเน่ืองจากการ จากการเลือกต้งั ของประชาชนเวลาจะดาเนนิ การ จัดการท่องเท่ยี วจะสง่ ผลกระทบทั้งทางทงั้ ตรงและ อะไรตอ้ งฟังเสยี งจากประชาชนเป็นสว่ นใหญ่ แต่ถือ ทางอ้อมกับเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนจึงจาเปน็ ไดว้ ่า อบต.หนองกุงทับมา้ ก็คือหน่วยงานราชการใน อย่างยงิ่ ทีจ่ ะต้องมีการจดั ทาประชาพจิ ารณเ์ พื่อรับ พ้ืนทีซ่ งึ่ ออกนโยบายทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม ฟังความคดิ เห็นและหาวธิ ดี าเนินการแบบมสี ่วน ต่างๆใหก้ บั ประชาชนในพืน้ ทีเ่ พอื่ ใช้เป็นมอนเิ ตอร์ ร่วมเพอื่ หาวิธีลดผลกระทบจากการท่องเทยี่ วให้ ขบั เคล่อื นชมุ ชนต่อไป นอ้ ยท่ีสดุ และเป็นการทอ่ งเท่ียวชมุ ชนอยา่ งยัง่ ยนื ต่อไป Degree of Importanc Box C (Monitor : Watch Over) Box D (Support : Keep Informed) รา้ นจาหน่ายสนิ ค้าในพื้นท่ี การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย สานักงาน รา้ นจาหน่ายสินคา้ ในพื้นท่ีเป็นกลมุ่ ท่ีไมม่ สี ว่ นไดส้ ว่ น อดุ รธานี เป็นกลุ่มที่ไม่มสี ว่ นได้สว่ นเสยี แต่อย่างใด เสียมากนักและไมม่ ีปากมเี สียงเน่ืองจากกลมุ่ นี้ก็คือ แต่สามารถให้คาแนะนาแผนส่งเสริมการตลาดใน กลมุ่ ประชาชนในพ้ืนทีน่ ัน้ เอง ซงึ่ ได้รับผลกระทบดา้ น การจัดการท่องเท่ียวของชุมชนหนองกุงทับม้า เศรษฐกิจและสงั คมท้งั ทางตรงและทางอ้อมอยแู่ ลว้ เพื่อให้เกิดความย่ังยืนและกระตุ้นการท่องเท่ียว ส่งผลตอ่ เศรษฐกจิ และสงั คมภายในชมุ ชน ที่มา : ศราวธุ ผวิ แดง (2556) Degree of Influence อบต.หนองกุงทับม้าเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการจัดการท่องเที่ยวแต่ไม่มีปากเสียงมากนัก เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มาจากการเลือกต้ังของประชาชนเวลาจะดาเนินการอะไรต้องฟังเสียงจากประชาชน เปน็ ส่วนใหญ่ แต่ถอื ได้ว่า อบต.หนองกงุ ทบั มา้ ก็คือหนว่ ยงานราชการในพ้นื ท่ีซึ่งออกนโยบายทางดา้ นเศรษฐกิจ และสงั คมตา่ งๆใหก้ ับประชาชนในพน้ื ที่เพ่อื ใชเ้ ป็นมอนเิ ตอร์ขับเคล่ือนชมุ ชนต่อไป ประชาชนในพื้นท่ีชุมชนหนองกุงทับม้าถือได้เป็นกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเต็มที่และมีปากมีเสียง ในชุมชนเนื่องจากการจัดการท่องเที่ยวจะส่งผลกระทบท้ังทางท้ังตรงและทางอ้อมกับเศรษฐกิจและสังคมใน ชุมชนจึงจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดทาประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นและหาวิธีดาเนินการแบบมี สว่ นรว่ มเพ่ือหาวธิ ีลดผลกระทบจากการทอ่ งเทย่ี วใหน้ ้อยท่ีสดุ และเป็นการท่องเทีย่ วชุมชนอย่างยั่งยืนตอ่ ไป ร้านจาหน่ายสินค้าในพื้นที่เป็นกลุ่มท่ีไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมากนักและไม่มีปากมีเสียงเน่ืองจากกลุ่มน้ีก็ คือกลมุ่ ประชาชนในพน้ื ท่นี ้นั เอง ซงึ่ ไดร้ ับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมทัง้ ทางตรงและทางอ้อมอยแู่ ล้ว การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย (ททท.) สานักงานอุดรธานี เป็นกลุ่มที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด แต่สามารถให้คาแนะนาแผนส่งเสริมการตลาดในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนหนองกุงทับม้าเพ่ือให้เกิด ความยงั่ ยืนและกระตุ้นการท่องเท่ยี วส่งผลตอ่ เศรษฐกิจและสังคมภายในชุมชน

215 ผลกระทบของการทอ่ งเท่ยี วต่อชุมชนท้องถ่ิน ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชุมชนท้องถ่ินจะต้องคานึงถึง ผลกระทบที่เกิดข้ึนในด้าน เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรมและสิง่ แวดล้อม บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548 : 156-160) ได้กล่าวถึงชุมชนท้องถ่ินเกิดจากวิวัฒนาการทางสังคม แรกเริ่มเป็นครอบครัวเดียวประกอบด้วยพ่อแม่และลูกๆ คร้ันลูกๆ แต่งงานไปก็มีการขยายครอบครัว มีเครือ ญาติเป็นพันธุ์ เม่ือมีหลายครอบครัวอาศัยในขอบเขตถ่ินฐานเดียวกันก็ก่อเกิดความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้าน กลายเป็นหมู่บ้านหรือชุมชนท้องถิ่นข้ึนในยุคต้นๆชุมชนท้องถิ่นยังมีประชากรน้อยเม่ือเปรียบเทียบกับสัดส่วน ของทรัพยากรธรรมชาติ จึงยังไม่เกิดสิทธิในทรพั ยากรเหล่านั้นต่อมาเมื่อประชากรเพ่ิมขึ้นก็มีการตกลงแบง่ ปนั เขตแดนในการครอบครองพ้ืนท่ีทากินบนพื้นฐานการตกลงกันระหวา่ งเครอื ญาติและเพื่อนบ้าน เม่ือเกิดปัญหา กรณีพิพาทกันก็จะมีหัวหน้าชุมชนท้องถ่ินน้ันเป็นผู้ไกลเกลี่ยหรือพิพากษา แต่ในปัจจุบันชุมชนท้อถิ่นในแหล่ง ท่องเที่ยวมีความหมายถึงผู้คนในท้องถิ่นที่ใดท้องถิ่นหนึ่งที่มีเขตแดนการปกครองภายใต้กฎหมายท่ีกาหนดใน เรื่องความเก่ียวข้องของชุมชนท้องถิ่นกับการท่องเที่ยวน้ัน เนื่องจากสังคมไทยแต่เดิมเป็นสังคมเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในเขตชนบทที่ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติในป่าเขาเพ่ือยังชีพ และมีชีวิต ผูกพนั อยกู่ ับธรรมชาติอย่างแนบแน่ เมื่อมกี ารพัฒนาการท่องเท่ียวเกิดขนึ้ ในชุมชนท้องถิ่น ทาให้ชุมชนท้องถิ่น ขยายตัวอยา่ งรวดเร็ว และกอ่ ผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนท้องถิ่นทั้งด้านผลบวกและผลลบอย่างหลีกเลย่ี งไม่ได้ ซง่ึ ผลกระทบของการท่องเทีย่ วต่อชมุ ชนท้องถน่ิ อาจจาแนกเปน็ 4 ด้านคือ

216 ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชมุ ชนท้องถนิ่ ดา้ นเศรษฐกจิ เมื่อชุมชนท้องถนิ่ ใดมกี ารทอ่ งเที่ยวเกิดขึ้นย่อมกอ่ ให้เกิดผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ ทั้งด้านผลบวกและ ดา้ นผลลบต่อชุมชนท้องถนิ่ นั้น ซ่ึงพอสรุปไดถ้ ึงผลกระทบของการท่องเที่ยวตอ่ ชมุ ชนท้องถิน่ ดา้ นเศรษฐกจิ ตารางที่ 9.7 ผลกระทบของการท่องเทีย่ วตอ่ ชุมชนท้องถิน่ ด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของการท่องเที่ยวตอ่ ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ดา้ น ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชมุ ชนท้องถนิ่ เศรษฐกิจทางดา้ นผลบวก ดา้ นเศรษฐกิจทางด้านผลลบ 1. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกิดประโยชน์ในการ 1. การท่องเที่ยวก่อให้เกิดปัญหารายไดใ้ น เปลย่ี นแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของ นอกฤดกู าลท่องเทยี่ วแกช่ ุมชนท้องถิ่น ชุมชนทอ้ งถิน่ 2. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกิดปญั หาคณุ ภาพ 2. การท่องเที่ยวก่อใหเ้ กิดประโยชน์ในการ ของแรงงานแก่ชมุ ชนท้องถ่ิน ขยายตวั ของธุรกจิ ท่องเทีย่ วในชมุ ชนทอ้ งถนิ่ 3. การท่องเทย่ี วก่อให้เกิดปญั หาคา่ ครองชีพ 3. การทอ่ งเทีย่ วก่อให้เกิดประโยชนใ์ นการ สูงแก่ชมุ ชนท้องถ่ิน สรา้ งสรรค์อาชีพและการจ้างงานแกช่ มุ ชน 4. การทอ่ งเทีย่ วก่อให้เกิดปญั หาการสง่ั ซอ้ื ทอ้ งถิ่น สนิ คา้ จากต่างประเทศแกช่ มุ ชนท้องถิ่น 4. การท่องเทย่ี วก่อเกิดประโยชนใ์ นการนา 5. การทอ่ งเทยี่ วก่อใหเ้ กดิ ปญั หาแก่งแย่ง รายไดส้ ชู่ ุมชนทอ้ งถน่ิ ผลประโยชน์แกช่ มุ ชนท้องถน่ิ 5. การท่องเท่ียวก่อให้เกิดประโยชนใ์ นการ 6. การท่องเที่ยวก่อใหเ้ กิดปัญหาส่วนแบง่ กระจายรายไดส้ ู่ภูมิภาค ผลประโยชน์อนั ควรไดข้ องชมุ ชนทอ้ งถิน่ 6. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่ม 7. การท่องเทีย่ วก่อใหเ้ กดิ ปัญหาคา่ ใชจ้ ่าย รายได้ต่อหวั ของชมุ ชนท้องถิ่น การจัดการชมุ ชนท้องถ่นิ 7. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกดิ ประโยชนใ์ นการ 8. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กิดปัญหาราคาที่ดิน กระต้นุ การผลติ ของชุมชนทอ้ งถนิ่ แกช่ มุ ชนทอ้ งถน่ิ 8. การท่องเท่ียวก่อใหเ้ กิดประโยชน์ในการช่วย แก้ปญั หาดุลการชาระเงินระหวา่ งประเทศ 9. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกดิ การหมนุ เวยี นเงนิ ตรา ภายในประเทศ ทมี่ า : ปรับปรงุ จาก บญุ เลิศ จิตตั้งวฒั นา (2548)

217 ผลกระทบของการท่องเท่ียวตอ่ ชุมชนท้องถน่ิ ด้านสังคม เมอื่ ชมุ ชนท้องถิ่นใดมีการทอ่ งเท่ียวเกดิ ขึ้น ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบดา้ นสังคมท้งั ดา้ นผลบวกและด้าน ผลลบตอ่ ชุมชนท้องถน่ิ น้ัน ซึ่งสรปุ ไดถ้ งึ ผลกระทบของการท่องเทย่ี วต่อชมุ ชนทอ้ งถิน่ ด้านสงั คม ตารางที่ 9.8 ผลกระทบของการทอ่ งเทย่ี วต่อชุมชนทอ้ งถ่ินด้านสังคม ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชุมชนท้องถ่ินด้าน ผลกระทบของการท่องเท่ียวตอ่ ชมุ ชนทอ้ งถ่ิน สงั คมทางด้านผลบวก ด้านสงั คมทางดา้ นผลลบ 1. การทอ่ งเทยี่ วก่อให้เกิดประโยชนใ์ นการเปลี่ยน 1. การทอ่ งเทีย่ วก่อใหเ้ กดิ ปัญหาการ แบบแผนการประกอบอาชพี ของชมุ ชนท้องถ่ิน เปล่ียนแปลงวิถีชวี ติ และค่านิยมของ สงั คมชุมชนทอ้ งถ่ิน 2. การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการ สร้างสรรค์ความเจรญิ ทางสงั คมแกช่ ุมชน 2. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กดิ ปญั หาความ ท้องถ่ิน ผกู พนั ของครอบครวั ของชมุ ชนท้องถ่นิ 3. การทอ่ งเท่ียวก่อให้เกิดประโยชนใ์ นการช่วยยก 3. การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ปัญหาความไม่ มาตรฐานการครองชีพของชุมชนทอ้ งถนิ่ เปน็ ธรรมในสงั คมชมุ ชนท้องถิ่น 4. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กิดในการเปล่ียนแปลง 4. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกิดปญั หาการ โครงสร้างครอบครวั ของชุมชนทอ้ งถ่ิน เปลีย่ นแปลงอปุ นสิ ัยอนั ดขี องชุมชน ทอ้ งถน่ิ 5. การทอ่ งเท่ยี วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการสร้าง ความเข้าใจอันดีระหว่างนกั ท่องเท่ยี วกบั ชมุ ชน 5. การท่องเท่ียวก่อใหเ้ กดิ ปญั หาเพศ ทอ้ งถิ่น พาณชิ ย์ในชมุ ชนท้องถิน่ 6. การท่องเที่ยวก่อใหเ้ กดิ ประโยชนก์ ารสร้าง 6. การทอ่ งเท่ียวก่อใหเ้ กดิ ปัญหาการอพยพ ความสามคั คีแก่ชมุ ชนท้องถิน่ ยา้ ยถิ่นฐานของชุมชนท้องถนิ่ 7. การท่องเทีย่ วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการ 7. การทอ่ งเท่ยี วก่อให้เกิดปญั หาการ ป้องกนั การอพยพยา้ ยถ่นิ ของชมุ ชนทอ้ งถ่ิน หลอกลวงเอาเปรียบนักท่องเทย่ี วของ ชุมชนทอ้ งถน่ิ 8. การท่องเทย่ี วก่อให้เกิดประโยชน์ในการเร่ิม สรา้ งการศึกษาแก่ชุมชนท้องถน่ิ 8. การท่องเที่ยวก่อให้เกดิ ปญั หา อาชญากรรมขึน้ ในชุมชนท้องถนิ่ 9. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกิดประโยชน์ในการ เสริมสร้างความปลอดภัยแกช่ ุมชนทอ้ งถน่ิ 9. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กิดปัญหาการขดั แย้ง ระหวา่ งนกั ท่องเที่ยวกับชุมชนทอ้ งถ่นิ ท่มี า : ปรบั ปรุงจาก บญุ เลิศ จิตตงั้ วฒั นา (2548)

218 ผลกระทบของการท่องเที่ยวตอ่ ชุมชนทอ้ งถน่ิ ด้านวัฒนธรรม เมอ่ื ชมุ ชนท้องถน่ิ ใดมกี ารท่องเทย่ี วเกิดขึน้ ยอ่ มกอ่ ให้เกิดผลกระทบด้านวัฒนธรรมทั้งดา้ นผลบวกและ ด้านผลลบต่อชมุ ชนทอ้ งถ่ินน้ัน ซ่ึงสรปุ ไดถ้ งึ ผลของการท่องเท่ียวตอ่ ชมุ ชนท้องถน่ิ ด้านวัฒนธรรม ตารางท่ี 9.9 ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชมุ ชนท้องถ่นิ ดา้ นวฒั นธรรม ผลกระทบของการท่องเที่ยวตอ่ ชมุ ชนท้องถิ่นด้าน ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชุมชนทอ้ งถิ่น วัฒนธรรมทางดา้ นผลบวก ด้านวฒั นธรรมทางดา้ นผลลบ 1. การทอ่ งเทยี่ งก่อให้เกดิ ประโยชนใ์ นการใช้ 1. การทอ่ งเทย่ี วก่อใหเ้ กิดปัญหาการขดั แย้ง วัฒนธรรมของชุมชนท้องถ่นิ เปน็ สิ่งดงึ ดูดใจ ทางวฒั นธรรมระหว่างนกั ท่องเทีย่ วกบั นกั ทอ่ งเท่ยี ว ชมุ ชนท้องถ่ิน 2. การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการสรา้ ง 2. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กดิ ปญั หาการ ความเขา้ ใจแก่นักท่องเท่ยี วกับวฒั นธรรมของ เปลี่ยนแปลงค่านยิ มทางวฒั นธรรมของ ชุมชนท้องถน่ิ ชุมชนท้องถ่นิ 3. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกดิ ประโยชน์ในการช่วย 3. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกิดปญั หาการ ฟ้ืนฟสู ืบทอดวฒั นธรรมของชุมชนทอ้ งถ่ิน เปลย่ี นแปลงรปู แบบวัฒนธรรมอยา่ ง รวดเรว็ แกช่ มุ ชนทอ้ งถ่ิน 4. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกิดประโยชนใ์ นการสรา้ ง ความรกั ความหวงแหน และความภาคภูมิใจ 4. การท่องเที่ยวก่อใหเ้ กดิ ปัญหาการลด ของวฒั นธรรมประเพณีชมุ ชนท้องถิ่น คณุ ค่าของวัฒนธรรมในชุมชนทอ้ งถิน่ 5. การทอ่ งเทยี่ วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการรว่ มมอื 5. การทอ่ งเทีย่ วก่อให้เกดิ ปญั หาการลด ร่วมใจชว่ ยอนรุ ักษ์วัฒนธรรมของชุมชนท้องถนิ่ คณุ ค่างานศิลปะหัตกรรมของชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ 6. การท่องเที่ยวก่อให้เกดิ ประโยชน์ในการ แลกเปล่ียนวัฒนธรรมอนั ดรี ะหวา่ งชมุ ชน 6. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกดิ ปญั หาการทาลาย ท้องถิน่ ศิลปวตั ถขุ องชุมชนทอ้ งถิน่ 7. การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการ ส่งเสรมิ การผลิตและจาหนา่ ยงาน ศลิ ปวัฒนธรรมแกช่ ุมชนท้องถิ่น ทีม่ า : ปรับปรงุ จาก บุญเลิศ จติ ตั้งวฒั นา (2548)

219 ผลกระทบของการท่องเท่ียวตอ่ ชุมชนท้องถน่ิ ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม เม่อื ชุมชนท้องถิ่นใดมกี ารทอ่ งเทย่ี วเกดิ ขึน้ ย่อมก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบดา้ นส่งิ แวดลอ้ มทั้งด้านผลบวก และดา้ นผลลบต่อชมุ ชนท้องถิ่นนน้ั ซึง่ พอสรุปไดถ้ ึงผลกระทบของการท่องเทยี่ วตอ่ ชมุ ชนทอ้ งถ่ินด้าน ส่งิ แวดลอ้ ม ตารางท่ี 9.10 ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชุมชนท้องถ่ินดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ผลกระทบของการท่องเท่ียวตอ่ ชุมชนทอ้ งถ่นิ ดา้ น ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชมุ ชนทอ้ งถิน่ สง่ิ แวดล้อมทางดา้ นผลบวก ด้านสิง่ แวดล้อมทางดา้ นผลลบ 1. การท่องเทยี่ วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการสรา้ ง 1. การทอ่ งเที่ยวก่อให้เกิดปัญหาการ ความตระหนักถงึ คณุ ค่าส่งิ แวดล้อมของชุมชน ทาลายทรัพยากรป่าไม้ของชมุ ชน ท้องถน่ิ ทอ้ งถ่ิน 2. การทอ่ งเทยี่ วก่อใหเ้ กิดประโยชน์ในการชว่ ย 2. การทอ่ งเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ปญั หา รักษาสิ่งแวดลอ้ มของชุมชนท้องถิ่น ทรัพยากรน้าของชุมชนทอ้ งถิ่น 3. การทอ่ งเที่ยวก่อใหเ้ กิดประโยชนใ์ นการช่วย 3. การท่องเทย่ี วก่อให้เกิดปญั หาทาลาย ฟ้นื ฟูและเสริมคุณค่าของสิง่ แวดล้อมในชุมชน ทรพั ยากรชีวภาพของงชุมชนทอ้ งถิ่น ทอ้ งถ่นิ 4. การท่องเทีย่ วก่อใหเ้ กิดปัญหามลภาวะ 4. การทอ่ งเท่ียวก่อให้เกดิ ประโยชนใ์ นการพัฒนา ในชมุ ชนท้องถนิ่ และปรบั ปรุงสิง่ แวดล้อมของชุมชนท้องถิน่ 5. การทอ่ งเทยี่ วก่อใหเ้ กดิ การทรดุ ตัวของ 5. การทอ่ งเทย่ี วก่อให้เกิดประโยชนก์ ารคน้ ควา้ ทรพั ยากรดนิ ในชมุ ชนท้องถิน่ หาแนวทางรักษาสง่ิ แวดลอ้ มของชมุ ชนท้องถ่ิน ให้มีประสิทธิภาพย่ิงขึน้ 6. การท่องเที่ยวก่อใหเ้ กิดปญั หาทาลาย ภมู ทิ ศั น์ของชุมชนท้องถิ่น ทม่ี า : ปรับปรุงจาก บุญเลศิ จิตตง้ั วฒั นา (2548)

220 บทสรุป บทนี้ได้กล่าวถึง ผลกระทบจาการท่องเท่ียว ผลกระทบของการท่องเท่ียวต่อชุมชนท้องถิ่น การ ประเมินผลกระทบจากการท่องเท่ียวซ่ึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอันดับ 1 นาความเจริญเข้าสู่ชุมชนท้องถ่ินท้ังจากทางตรง เช่น โครงสร้างพ้ืนฐานต่างๆ ประปา ไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ เป็นต้น ทางอ้อมคือ การสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับชุมชนนาไปสู่คุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น ตามมุมมองของธรรมชาติและความเป็นจริง เหรียญมี 2 ด้าน มีขาวก็ ต้องมีดา มมุ มองการทอ่ งเท่ยี วจงึ ต้องมีท้ัง 2 ดา้ นคอื ด้านบวกและดา้ นลบจาเปน็ อยา่ งยิง่ ทผ่ี ู้มีสว่ นเกี่ยวข้องทุก ภาคสว่ นจะต้องใหค้ วามสาคัญกบั มิตทิ ่จี ะส่งผลกระทบสู่การทอ่ งเที่ยว ทงั้ ดา้ น สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและ สิ่งแวดล้อม ว่าจากการท่องเท่ียวท่ีกาลังขยายตัวควรมีการประเมินผลกระทบส่ิงเหล่านี้เพื่อให้การจัดการ ทอ่ งเที่ยวสามารถบรรลวุ ัตถุประสงค์ได้อย่างชดั เจนและยัง่ ยนื นาน การประเมนิ ผลกระทบจากการท่องเที่ยวจึง เป็นแนวทางหนึ่งท่ีจะสร้างหรือพัฒนาการท่องเท่ียวให้มีทิศทางท่ีสามารถสร้างความยืดหยุ่นและพัฒนาไปใน มุมมองของธรรมชาตขิ องสรรพสงิ่ ถา้ สามารถเข้าถึงความจรงิ ทั้งหมดได้กจ็ ะลดปญั หาตา่ งๆได้ดี พรอ้ มทัง้ กาจัด สิ่งท่ีไม่พึงประสงค์บางอย่างออกไป นาไปสู่แนวทางที่สามารถพัฒนาให้การท่องเท่ียวของประเทศไทยไปสู่มิติ แหง่ ความยง่ั ยนื รองรับยคุ ดิจติ อลในฉบับ 4.0 และรองรบั ศตวรรษท่ี 21 ต่อไป แบบฝกึ หัดท้ายบท 1. จงอธบิ ายผลกระทบจากการทอ่ งเทีย่ วที่เกดิ ข้ึนกบั ประเทศไทยมาให้เขา้ ใจ 2. สามารถอธบิ ายหลกั การประเมนิ ผลกระทบจากการท่องเทยี่ ว 3. จงสรุปผลกระทบของการท่องเทยี่ วต่อชุมชนท้องถน่ิ 4. จงประเมินผลกระทบจากการทอ่ งเที่ยวทง้ั ด้านบวกและด้านลบของจงั หวดั อดุ รธานี 5. จงอธิบายผลกระทบจากการท่องเทยี่ วทสี่ ่งผลตอ่ สงั คม 6. จงอธบิ ายผลกระทบจากการทอ่ งเท่ยี วทสี่ ง่ ผลต่อเศรษฐกิจ 7. จงอธบิ ายผลกระทบจากการทอ่ งเท่ียวทส่ี ง่ ผลต่อวฒั นธรรม 8. จงอธบิ ายผลกระทบจากการทอ่ งเท่ยี วทส่ี ง่ ผลต่อสงิ่ แวดลอ้ ม

221 เอกสารอา้ งองิ กรมสง่ เสรมิ คุณภาพส่งิ แวดล้อม. (2008). อกี 30 ปี ปริมาณขยะจะมากกวา่ ปลาในท้องทะเล.ค้นเม่ือ 25 กันยายน 2559. จาก http://local.environnet.in.th/news2_detail.php?id=6909 บุญเลศิ จติ ตงั้ วฒั นา. (2542). การวางแผนพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอย่างย่งั ยนื . เชียงใหม่ : คณะ มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. พิมพ์ระวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553). การทอ่ งเท่ยี วชมุ ชน. พิมพค์ รัง้ ท่ี 1: กรงุ เทพ สานกั พิมพ์โอเดยี นสโตร์. ศราวุธ ผวิ แดง (2556) .รูปแบบการจัดการท่องเทย่ี วโดยชมุ ชนอยา่ งยั่งยนื ภายใตแ้ นวคิดเศรษฐกิจ พอเพยี ง กรณศี ึกษา ตาบลหนองกุงทับมา้ อาเภอวังสามหมอ จงั หวดั อดุ รธานี.มหาวทิ ยาลับราช ภฏั อดุ รธานี ศนู ย์เพื่อการวางแผนการท่องเท่ยี วและการแก้ไขปญั หาความยากจนแหง่ เอเชีย (2549). แนวทางการวาง แผนการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอยา่ งย่ังยืน : คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ย์รังสิต. สถานตี ารวจทอ่ งเท่ียว 6. (2559). ตร.ทท.เปดิ โครงการตตู้ ารวจท่องเท่ียว’อานวยความสะดวกนกั ท่องเท่ยี ว. ค้นเมอ่ื 20 มถิ ุนายน 2559.จาก http://loeitouristpolice.go.th/.

222 บรรณานกุ รม ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว แ บบ ย่ัง ยื น. จ าก http://wean-wean-greentourism blogspotcom. blogspot.com/. สืบค้นเมอื่ 10 ม.ค. 2559. การมีส่วนรว่ มของประชาชน.http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title. สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 20 มกราคม 2558. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม. (2558).บูรณาการหนว่ ยงานภาครัฐ จดั ระเบียบ “ภทู ับเบกิ ” เพอ่ื รักษาธรรมชาติให้อยู่อย่างย่งั ยนื และสมดุล.สืบค้นเมื่อวนั ที่ 25 กนั ยายน 2558.จาก http://www.mnre.go.th/ewt_news.php?nid=7139. คนึงภรณ์ วงเวียน. (2554). การพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเท่ียวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา เกาะเสมด็ จงั หวดั ระยอง. วิทยานพิ นธ์นีเ้ ปน็ ส่วนหนึ่งของการศกึ ษาตามหลกั สตู รปรชั ญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายทุ ธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภฏั พระนคร. เจิมศักด์ิ ปิ่นทอง. (2528). การระดมประชาชนเพื่อการพัฒนาชนบท. วารสารเศรษฐศาสตร์ปริทัศน์. กรงุ เทพฯ: คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ฉัตร ณ สมุย. (2009). อีกด้านของงานฟูลมูนปาร์ต้ี เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี.ค้นเม่ือวันท่ี 20 กันยายน 2558.จาก http://www.oknation.net/blog/Chatsamui/2013/02/01/entry-1. เฉลียว บุรีภักดี. (2548). ชุดการศึกษาค้นคว้า รายวิชา 2553101 ทฤษฎีระบบและการประยุกต์ใช้ในการ พัฒนา. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร. ชสู ิทธิ์ ชูชาต.ิ (2553). ค่มู อื การท่องเท่ียวในมติ เิ ศรษฐกจิ พอเพียง.มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ ชานาญ วัฒนศิริ. (2543). ความเข้มแขง็ ของชมุ ชนและประชาคม. วารสารพัฒนาชมุ ชน, มกราคม, 24- 26. ณักษ์ กุลิสร์และคณะ. (2553). แผนการตลาดการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการบนฐานข้อมูลพฤติกรรม นักท่องเที่ยวและการมีส่วนร่วมของชุมชนจังหวัดชัยนาท. สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.). ดลฤทัย โกวรรธนะกุล. (2556).การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน.เอกสารประกอบการสอน คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . ทวีศิลป์ กุลนภาดล. (2553). การพัฒนาภาวะผู้นาเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถ่ินของ ประชาชน. สานกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษาและสานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย. เทิดชาย ช่วยบารงุ . (2552).บทบาทขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ กบั การพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอยา่ ง ยั่งยนื บนฐานเศรษฐกจิ พอเพียง.วิทยาลัยการปกครองท้องถ่นิ สถาบันพระปกเกล้า. นรเพชร ฟองอ่อน (2558) สัมภาษณ์ประเด็นความจาเป็นท่ีต้องมีการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน.วันที่ 24 สงิ หาคม 2558 ณ คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี. นรเพชร ฟองออ่ น. (2558) สมั ภาษณ์ประเดน็ ข้อดีข้อเสียของการท่องเที่ยวชุมชน. วนั ท่ี 24 สิงหาคม 2558 ณ คณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธาน.ี นิสา บุญทะสอนและคณะ (2557). การพัฒนาการตลาดและการทอ่ งเทีย่ วของธุรกิจชมุ ชนสวู่ ิสาหกิจชุมชน เพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอาเภอหันคา จังหวัดชัยนาท. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม. บุญลาภ ภูสุวรรณ. (2015).สายการบินภายในประเทศ. ค้นเม่ือวันที่ 20 กันยายน 2558. จาก http://thaipublica.org/2015/06/icao-1/.

223 บุญเลศิ จิตตงั้ วฒั นา. (2542 ).การวางแผนพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอย่างย่ังยนื . เชยี งใหม่ : คณะ มนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม.่ บุญศิลป์ จิตตะประพันธ์และคณะ. (2556 ). การท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดชุมพร: สถานะ ความตอ้ งการ ปญั หา และแนวโนม้ ในการพฒั นาการท่องเทย่ี วอยา่ งยัง่ ยนื . มหาวิทยาลัย แมโ่ จ้. บริษัท ส (นภา)ประเทศไทย จากัด. (2015). การบาบัดและกาจัดน้าเสีย.ค้นเมื่อวันท่ี 22 สิงหาคม 2558. จากhttp://www.snapa.co.th/th/wastewater_treatment.html. ประจวบ อมแก้ว. (2543). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการป่า. วารสารพัฒนาชุมชน, มิถุนายน, 39-44. ประมาณ เทพสงเคราะห์และจรินทร์ เทพสงเคราะห์. (2551) การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ ชุมชนลมุ่ นา้ ทะเลสาบสงขลาฝง่ั ตะวนั ตก. มหาวทิ ยาลัยทักษิณ. ประทปี มีคตธิ รรม. (2557).แนวความคิดการพฒั นาที่ยงั่ ยืน. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 4 มกราคม 2558. จาก http://www.lrct.go .th/tools/?p=425. ฝาตีม๊ะ เกนุ้ย และคณะ. (2556). วิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลตาบลรูปแบบ “เกิดผลเร็ว” โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจพัฒนาพ้ืนที่ ตาบลนาทอน อาเภอทุง่ หวา้ จังหวดั สตลู . สานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวิจัย (สกว). พจนา สวนศรี. (2542). การท่องเท่ียวที่ยั่งยืนโดยชุมชน. เอกสารประกอบการบรรยายหลักสูตรปริญญาโท สาขาวชิ าการจัดการอุตสาหกรรมทอ่ งเที่ยว. เชยี งใหม:่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (เอกสารอดั สาเนา). พจนา สวนศร.ี (2546). คู่มือการจดั การท่องเท่ยี วโดยชมุ ชน. กรงุ เทพฯ: โครงการทอ่ งเท่ียวเพื่อชีวิต. พจนา สวนศรี (2556) คู่มือการจดั การท่องเท่ียวโดยชุมชน. โครงการท่องเท่ยี วเพอื่ ชวี ติ และธรรมชาติ. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (2542).จากัดความของกลยุทธ์.ราชบัณฑิตยสถาน. ค้นเม่ือ 20 ม ก ร า ค ม 2 5 5 9 จ า ก http://dictionary.sanook.com/search/%E0 % B8 % 81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C. พทิ ยะ ศรวี ฒั นสาร. (2554).การท่องเท่ียวแบบยง่ั ยนื .สืบค้นเม่อื 10 ม.ค. 2559 จาก (http://sustainabletourismdpu.blogspot. com/ 2011/02/blog-post_7353.html.. พมิ พร์ ะวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553). การทอ่ งเท่ียวชมุ ชน. พิมพ์คร้ังที่ 1: กรุงเทพ สานกั พิมพโ์ อเดยี นสโตร.์ เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์. (2543). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการป่า: กรอบคิดข้อจากัดและการ วิเคราะห์ทางเลือก. วารสารพฒั นาชุมชน, มถิ ุนายน. มาริษา แก้วบารุง. (2553).ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับการขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว.ค้นเม่ือวันที่ 22 สิงหาคม 2558.จาก http://marisaof .blogspot.com / 2010/11/blog-post_11.html. ยุวดี นิรัตน์ตระกูล. (2544). Eco-Tourism การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์: จุลสารการท่องเท่ียวปที ี่ 16 เล่มที่ 4 ตุลาคม-ธนั วาคม. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพก์ องวิชาการและฝึกอบรมการท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย. รชพร จันทร์สว่าง. (2546). ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับการท่องเท่ียว .เอกสารการสอนชุดฝึกอบรมทางไกล หลกั สูตรการจัดการท่องเทยี่ วชมุ ชนอยา่ งยงั่ ยืน. นนทบุร:ี มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช. ราไพพรรณ แก้วสุริยะ. (2544). การท่องเท่ียวชมวิถีชีวิตชนบทอย่างยั่งยืน. เอกสารประกอบการบรรยาย เรื่อง การจัดการท่องเท่ียวชนบท ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคารสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กรุงเทพมหานคร.26-28 กนั ยายน. (อดั สาเนา).

224 เลิศพร ภาระสกุล. (2551). การจดั การการท่องเท่ยี วแบบยงั่ ยนื : เอกสารคาสอน ภาควชิ าการท่องเทย่ี ว และ การโรงแรม คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรุ กิจบณั ฑติ ย.์ วิชุดา สายสมุทร. (2558).ผาชะนะไดอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัอุบลราชธานี. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธาน.ี (ภาพถ่าย) วิชุดา สายสมุทร.(2558). ไร่ปลูกรัก จังหวัดราชบุรี. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. (ภาพถ่าย) วีระพงษ์ บุญโญภาสและคณะ. (2556). การจัดการความร้เู กย่ี วกับการสร้างการมีส่วนรว่ มของประชาชนใน การสนบั สนุนการป้องกนั และปราบปรามอาชญากรรม. สานกั งานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว). วิรัช วิรัชนิภาวรรณ. (2554).การวางแผนยุทธศาตร์ด้วยการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ยุทธศาสตร์และแผนท่ีทางยุทธศาสตรแ์ ละตัวชี้วดั .การบรหิ ารจดั การและการบริหารยทุ ธศาสตร์ของ หน่วยงานภาครัฐ กรงุ เทพมหานคร. ศราวธุ ผิวแดงและคณะ. (2558). การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรคก์ ลุ่มชาติพนั ธุ์ลุ่มนา้ โขง. สานักงานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ (วช.) และสานกั งานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั (สกว.). ศราวุธ ผวิ แดง (2556) .รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยนื ภายใตแ้ นวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง กรณศี กึ ษา ตาบลหนองกุงทับมา้ อาเภอวังสามหมอ จังหวัดอดุ รธานี. สานักงาน คณะกรรมการอุดมศึกษา ศูนย์เพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาความยากจนแห่งเอเชีย (2549). แนวทางการวาง แผนพัฒนาการท่องเทยี่ วอย่างย่ังยืน: คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ รงั สติ . สนธยา พลศรี. (2547). ทฤษฏีและหลักการพฒั นาชุมชน.พิมพค์ รัง้ ที่ 5: กรุงเทพ สานกั พมิ พ์โอเดียนสโตร.์ สินธ์ุ สโรบล และอุดร วงษ์ทับทิม. (2546). การท่องเท่ียวโดยชุมชนแนวคิดและประสบการณ์พื้นที่ ภาคเหนือ. โครงการประสานงานวิจัยและพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน สานักงาน กองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว.). กรุงเทพฯ: วนิดา เพรส. สุเนตร สุวรรณละออง. (2555). การท่องเท่ียวทางเลือกกับความย่ังยืนของสังคมไทย. ภาควิชาสังคม วิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สุจิตราภา พันธ์วิไล และธีรเทพ ชนไมตรี. (2550). ศักยภาพและความต้องการในการวางแผนและจัดการ การท่องเท่ียวของชมุ ชนในจังหวัดเชยี งราย: สานักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว.). สบื ชาติ อนั ทะไชย. (2558).มมุ มองการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ : การท่องเทยี่ วเชิงกีฬา.ข้อเสนอโครงวจิ ัยมงุ่ เป้า คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี. สืบชาติ อันทะไชย. (2558).สัมภาษณ์ประเด็นความหมายการท่องเที่ยวชุมชน.วันที่ 24 สิงหาคม 2558 ณ คณะวิทยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธาน.ี อนุรักษ์ อิ่มสิรักษ์. (2554) การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน.สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558.จาก http://anurak0 0 1 7 dpuanurakaimserak. blogspot. com/2 0 1 1 / 0 2 / sustainable- tourism-4-3-using-resource.html. Country style, (2553). Community Tourism: Principles. สืบค้นเม่ือ 23 มกราคม 2553. จาก http://www.countrystylecommunitytourism.com/ community-tourism.htm.

225 Doiron.,S,&Weissenberger.,S. (2014).Sustainabledrive tourism: Social and environmental impacts – The case of Roatan, Honduras.Tourism Management Perspectives10 (2014) 19-26. e – TAT Tourism Journal การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย. (2552). การท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน: กระบวน ทัศนก์ ารส่งเสรมิ และพัฒนาการทอ่ งเท่ยี วยุคใหม่. John Swarbrooke. (1 9 9 8 ) . Sustainable Tourism manage. Principal Lecturer in Tourism School of Leisure and Food Management Sheffield Hallam University Sheffield,UK. Kian Foh Lee. (2001). Sustainable tourism destinations: the importance of cleaner Production. Journal of Cleaner Production 9 (2001) 313-323. Schiffman, L.G. and Kaunuk, L.L. (1991). Consumer Behavior. 4th. Prentice-Hall, Singapore. UNWTO. (2537). e – TAT Tourism Journal. การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน: กระบวนทัศน์การส่งเสริมและ พัฒนาการทอ่ งเทีย่ วยุคใหม่การท่องเทยี่ วแหง่ ประเทศไทย 2552.

226 ประวตั ผิ เู้ ขยี น ชอื่ -นามสกุล นายศราวุธ ผวิ แดง สถานที่ทางาน คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี ประวัติการศกึ ษา - ปรญิ ญาเอก Ph.D. (Tourism Management) มหาวทิ ยาลัยพะเยา (กาลังศึกษาตอ่ ) - ปริญญาโท บริหารธรุ กิจมหาบัณฑติ (การจดั การการท่องเท่ียว) มหาวิทยาลยั ขอนแก่น : 2553 - ปรญิ ญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑติ (อุตสาหกรรมท่องเที่ยว) มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี : 2546 - ประกาศนียบตั รวชิ าชีพครู (ป.บัณฑิต) มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขต เชยี งใหม่ : 2549 ประวตั ิการฝกึ อบรม 1. อบรมโครงการการใช้สถิติสาหรบั งานวจิ ยั : 2558 2. อบรมโครงการการจดั ทาแผนยุทธศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี : 2558 3. อบรมโครงการการพฒั นาศักยภาพและขีดความสามารถด้านการวจิ ัยและการออกแบบวจิ ยั : 2558 ประวัตผิ ลงานวจิ ยั ศราวธุ ผวิ แดง. (2559). การพัฒนาศกั ยภาพการทอ่ งเท่ยี วชุมชนเชงิ สรา้ งสรรคก์ ลุ่มชาตพิ นั ธ์ลุ่มนาโขง. แหล่งเงนิ ทุน เครือขา่ ยองค์กรบริหารงานวิจยั แหง่ ชาติ (คอบช.). ศราวุธ ผิวแดง.(2559). อนาคตภาพการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์กลุ่มจังหวัดภ าค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบน 1. แหลง่ เงนิ ทุน คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี. ศราวธุ ผิวแดง. (2559).การจัดการท่องเท่ียวชุมชนอย่างยงั่ ยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตาบล หนองกุงทับมา้ อาเภอวงั สามหมอ จังหวัดอดุ รธาน.ี แหลง่ เงนิ ทนุ เครอื ขา่ ยบริหารการวจิ ัยและ ถ่ายทอดเทคโนโลยสี ชู่ มุ ชน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบน (สกอ.รว่ มกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น) ศราวุธ ผิวแดง.(2557). ความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการธุรกิจนาเท่ียวในเขตเทศบาลนคร อดุ รธานี.แหล่งเงนิ ทุน มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธาน.ี ศราวุธ ผิวแดง. (2557).รูปแบบการจัดการการท่องเท่ียวชุมชนอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียงกรณีศึกษา ตาบลหนองกุงทับม้า อาเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี. แหล่งเงินทุน เครือข่ายบริหารการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (สกอ. รว่ มกับมหาวิทยาลยั ขอนแก่น)

227 ศราวธุ ผิวแดง.(2556). บทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมของผูป้ ระกอบการในอตุ สาหกรรมทอ่ งเท่ียว ของ ประเทศไทย. แหลง่ เงนิ ทุน มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี. ศราวธุ ผิวแดง. (2556).การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กรณีศึกษา บ้านกุดลิงง้อ ตาบลนาดี อาเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี. แหล่งเงินทุน สานักงานคณะกรรมการวิจัย แห่งชาติ (วช). ศราวุธ ผิวแดง. (2553).มาตรวัดการจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในชุมชน กรณีศึกษา วัดองค์ตือ อาเภอท่าบอ่ จงั หวัดหนองคาย.แหลง่ เงินทุน คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. ศราวุธ ผวิ แดง. (2553). พฤติกรรมการท่องเท่ียวของนกั ศกึ ษาคณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภัฏ อดุ รธานี. แหลง่ เงนิ ทุน คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธาน.ี ศราวุธ ผิวแดง. (2548).การใช้กลยุทธ์นาทีทองต่อความตังใจในการเรียนของนักศึกษา แผนกการจัดการ การทอ่ งเทยี่ วระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชีพ โรงเรยี นพณชิ ยการเชยี งใหม่. แหลง่ เงินทนุ คุรสุ ภา ผลงานตีพมิ พ์ S. Piewdang, P. Mekkamol, and S. Untachai (2012). Measuring Spiritual Tourism Management in Community: A case study of Sri Chom Phu Ongtu Temple, Thabo district, Nongkhai province, Thailand, Proceeding of The 4th International Science, Thailand, Hosted by Kasem Bundit University and Udon Thani Rajabhat University. (หัวหนา้ โครงการวจิ ยั ) P. Mekkamol, S. Piewdang, and S. Untachai (2012). Modeling e-CRM for Community Tourism in Upper Northeastern Thailand, Proceeding of The 4th International Science, Social Science, Engineering and Energy Conference (I-SEEC 2012), December 11-14, 2012 in Thailand, Hosted by Kasem Bundit University and Udon Thani Rajabhat University. (ผู้ร่วมโครงการวจิ ยั ) S. Piewdang and Associate Prof. Dr. S. Untachai (2014).The Role of Corporate Social Resposiblity (CSR) in the Tourism Industry, Thailand. Australian Journal of Basic and Applied Sciences, 8(8) Special 2014, Pages: 149-155. (หวั หน้าโครงการวิจยั ) S. Piewdang and Associate Prof. Dr. S. Untachai (2014).The Antecedents of the Creative Community Based Tourism in Ethnographic Mekong Basin . The 4th International Conference on Social Science and Management (ICSSAM 2016) May 10-12 Osaka, Japan. (หัวหน้าโครงการวิจยั )

228 ประวัติการสอน พ.ศ. 2552-2558 อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าการจัดการการท่องเที่ยว ประสบการณด์ ้านการสอน 1. การพฒั นาการท่องเทีย่ วอยา่ งย่ังยนื 2. การตลาดเพื่อการทอ่ งเทีย่ ว 3. พฤตกิ รรมนักท่องเทีย่ ว 4. การท่องเที่ยวเชงิ นิเวศ 5. การจัดการการขนสง่ ผู้โดยสาร 6. การจดั การทรัพยากรมนษุ ยใ์ นอตุ สาหกรรมท่องเท่ยี ว ประสบการณก์ ารเปน็ วิทยากร 1. วทิ ยากรบรรยายเร่อื ง “SMEs Roadmap” ให้กบั ผปู้ ระกอบการจังหวดั หนองคาย อดุ รธานี เลย ปกี ารศึกษา ๒๕๕๕ 2. วิทยากรบรรยายเรื่อง “การพัฒนาศกั ยภาพผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเทย่ี ว” ให้กับ ผู้ประกอบการจังหวดั หนองคาย อดุ รธานี หนองบวั ลาภู ปีการศกึ ษา ๒๕๕๗ 3. วิทยากรบรรยายเรอื่ ง “การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจยั สู่ชมุ ชน” ให้กับ บา้ นวงั ใหญ่ อาเภอวงั สามหมอ จงั หวัดอุดรธานี ปกี ารศึกษา ๒๕๕๘

 


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook