44 เรื่องท่ี 3 3.4 3.4.23 อาคารปฏิบัติธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ 72 พรรษา มหาราชนิ ี ต้ังอยู่ทางด้านทิศ ตะวันออกของพระอุโบสถติดกับศาลาไทยคม สร้างข้ึนเมื่อปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เก่ียว อุปเสโณ ป.ธ.9) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าท่ีแทนสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ ราชวรวิหาร เป็น ประธานเปิด เมอ่ื วันอาทติ ยท์ ่ี 9 เมษายน พ.ศ. 2549 อาคารหลังนเี้ ปน็ อาคารอเนกประสงค์ ใช้ เป็นสถานที่อบรมนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และเป็นสถานที่พักสาหรับใช้ในการอบรมบาลีก่อน สอบ ท่ีประชุมสงฆ์ หน่วยงานราชการ และเอกชน อาคารปฏบิ ัติธรรมเฉลิมพระเกยี รติ 72 พรรษา มหาราชนิ ี
45 เรือ่ งที่ 3 3.4 3.4.24 ศาลาทรงไทย อทุ ยานการศึกษาพระเบญจภาคี วารปี าฏิหาริย์ (5 พ่นี อ้ ง) ต้ังอยู่ติด แม่น้าท่าจีน เป็นทรงไทยไม้สักทองทั้งหลัง ประดับด้วยลวดลาย พื้นปูด้วยไม้ และหินอ่อน สร้างขึ้น พ.ศ. 2553 ด้านในศาลาประดิษฐานอุทยานการศึกษาพระเบญจภาคี วารียป์ าฏหิ ารยิ ท์ ั้ง 5 องค์ เริ่มทา การก่อสร้างในสมัยพระเทพศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวดั ไร่ขิง พระอารามหลวง รูปปัจจุบนั ศาลาทรงไทย อุทยานการศกึ ษาพระเบญจภาคี วารีปาฏิหาริย์
46 เรื่องที่ 3 3.4 3.4.25 อาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา เป็นอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 5 ชั้น ต้ังอยู่ฝ่งตรงข้ามแม่น้าท่าจีน ห่างจากวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ประมาณ 200 เมตร ดาเนินการก่อสร้าง ต้ังแต่ปี พ.ศ.2553 แล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2557 งบประมาณการก่อสร้าง 148 ล้านบาท ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม การอบรม การประชุม และการเรียนของคณะสงฆ์ ตลอดจนเป็น ที่รองรับงานของกิจการคณะสงฆ์ ปัจจุบันเป็นสถานท่ีใช้ในการอบรมบาลีก่อนสอบคณะสงฆ์ภาค 14 และงานสาธารณประโยชนต์ ่าง ๆ อาคารปฏิบตั ธิ รรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา
47 เร่ืองท่ี 3 3.4 3.4.26 บ้านดินอินทณัฐ ตามแนวพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี บ้านดิน คือ บ้านที่สร้างจากวสั ดุธรรมชาติทม่ี ีตามท้องถิ่นนน้ั จึงถือเป็นทางเลอื กหนงึ่ ในการดึงเอาศักยภาพที่ทุกคนมีอยู่ และถูกทิ้งให้หลงลืมไปว่า เราเองก็สามารถสร้างบ้านดินได้เอง โดยอาศัยวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นลดความร้อน มีราคาไม่แพง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซ่ึงถือว่า เป็นการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ ประกอบด้วย บ้านดิน 3 หลัง ปัจจุบันบ้านดินอยู่ด้านหน้าตึกพระประดิสสะเกสร มีสระน้าล้อมรอบ และสวนหย่อม ภายใน บ้านแตล่ ะหลังประกอบด้วย งานปูนปั้นลงสี เร่อื งราวตามพุทธประวัติของพระพุทธเจา้ มชี ่ือวา่ “บา้ น ดินอนิ ทณฐั ”เร่ิมก่อสร้างต้ังแต่ปี พ.ศ. 2555 – 2556 รอบบ้านมีสระนา้ ล้อมรอบ เล้ยี งปลาคาร์ฟดูดนม เพ่ือเป็นสถานท่ีพักผ่อน ดาเนินการก่อสร้างโดย พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอาราม หลวง รปู ปัจจบุ ัน บ้านดินอนิ ทณัฐ
48 เรื่องท่ี 3 3.4 3.4.27 พระอุปคุต เริ่มก่อสร้างต้ังแต่ปี พ.ศ. 2556 ลักษณะเป็นศิลปะการป้ันตาม ราศี 12 ราศีสากล ด้านหน้ามีสระน้าล้อมรอบ เพือ่ ลอยเรือสะเดาะเคราะห์ มรี ูปปนั้ พระอุปคตุ ท้ังสอง ฝ่ัง มีความเช่ือว่า ผู้ใดได้ใส่บาตรให้แก่ “พระอุปคุต” หรือบูชาท่านอย่างสม่าเสมอ ก็จะพบกับชีวิตที่ ประสบความสาเร็จเจริญรุ่งเรือง ร่ารวยได้อย่างรวดเร็ว เพราะความเช่ือดังกล่าวจึงเป็นที่มาของพิธี การตักบาตรและการบูชาพระอุปคุต ซึ่งเป็นความเชื่อท่ียึดถือมาอย่างยาวนาน ดาเนินการสร้างโดย พระเทพศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง รปู ปจั จุบัน พระอุปคุต
49 เรื่องที่ 3 3.4 3.4.28 ซุ้มประตูวัด มีลักษณะจตุรมุขประดับยอดฉัตรสูง เป็นซุ้มทางเข้าวัด มี 3 ซุ้ม ล้อมรอบด้วยกาแพงแก้ว แบ่งเป็น อาณาเขตสงฆ์ ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการบูรณปฏิสังขรณ์ ในสมัย ของพระเทพศาสนาภิบาล เจา้ อาวาสวดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง รปู ปัจจุบัน ซ้มุ ประตูวดั
50 เรื่องที่ 3 3.4 3.4.29 ซุ้มประตูเล็ก มีลักษณะสามเหลี่ยม ยอดมีลักษณะเป็นรูปพญานาค 3 เศยี ร ตกแต่งดว้ ยลายไทยแบบวจิ ิตร ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการทาสี ตกแตง่ ลวดลายใหม่ โดยพระเทพ ศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง รูปปัจจุบัน ซุ้มประตูเลก็
51 เร่อื งท่ี 3 3.4 3.4.30 เสากาแพงแก้ว มลี ักษณะเปน็ เสา ประกอบด้วย 3 เสา แลว้ เวน้ ระยะห่างใน แต่ละช่วง ตลอดแนวกาแพงแก้ว ปลายเสาเป็นลักษณะโคมแบบวิจิตร ในปี พ.ศ. 2557 ได้ทาการ บรู ณปฏิสังขรณ์ ในสมยั ของพระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไร่ขงิ พระอารามหลวง รปู ปจั จบุ นั เสากาแพงแก้ว
52 เร่อื งที่ 3 3.4 3.4.31 พระพทุ ธเมตตามหามงคล ประดิษฐานอยใู่ ตต้ ้นโพธ์ิอายุกวา่ ร้อยปี หน้าพระ อโุ บสถ องคพ์ ระพุทธรปู ขนาดหนา้ ตกั กวา้ ง 29 นิ้ว สูง 39 นว้ิ จัดสร้างขน้ึ เพอื่ เป็นพระประธานฉลอง ปีพุทธชยันตี ณ ลานปฏิบัติธรรม ก่อสร้างเม่ือปี พ.ศ.2556 ในสมัยของพระเทพศาสนาภิบาล เจ้า อาวาสวัดไร่ขงิ พระอารามหลวง รปู ปจั จบุ นั พระพทุ ธเมตตามหามงคล
53 เรือ่ งท่ี 3 3.4 3.4.32 พระพทุ ธมหาภิเนษกรมณ์ ประดิษฐาน ณ อาคารพิพธิ ภัณฑ์ สรา้ งเพอ่ื ระลึก ถึงพระพุทธเจา้ ตอนเสดจ็ ออกผนวช ทเ่ี รยี กการเสดจ็ ออกผนวชของพระพุทธเจ้าเชน่ น้ีเพราะพระองค์ ทรงออกผนวช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาโมกขธรรม คือความหลุดพ้นจากความทุกข์ ลักษณะ เป็นปูนปั้น มีบ่อน้าล้อมรอบ จาลองการเสด็จออกผนวชของพระพุทธเจ้า โดยดาริและการดาเนินงาน สรา้ งของ พระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง รปู ปจั จุบนั พระพุทธมหาภิเนษกรมณ์
54 เร่ืองท่ี 3 3.4 3.4.33 หลวงพ่อวัดไร่ขิงประจาวันเกิด ประดิษฐานอยู่ ณ ลานปฏิบัติธรรม เริ่ม ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2556 แล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2557 พุทธลักษณะตามปางประจาวันเกิด พระพักตร์เป็น แบบหลวงพ่อวัดไร่ขิง พระประธานในพระอุโบสถวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ดาเนินการจัดสร้างโดย พระเทพศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง รปู ปจั จบุ นั เรื่องที่ 3 3.4 3.4.34 หลวงพ่อวัดไร่ขิงปางนาคปรก ประดิษฐานข้างพระอุปคุต ด้านตะวันออก ของพระอุโบสถ มีลักษณะคือ องค์พระเป็นหลวงพ่อวัดไร่ขิงปางนาคปรก 9 เศียรประทับใต้ใบโพธิ์ ขนาดใหญ่
55 เรอ่ื งท่ี 3 3.4 กล่าวโดยสรุป ศิลปกรรมในวัดไร่ขิง พระอารามหลวงท้ังหมดเป็นศิลปกรรมทาง พระพุทธศาสนา เป็นศิลปกรรมที่สร้างขึ้นตามวัดวาอารามต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางพุทธศาสนา มี ดังน้ี พระสถูปเจดีย์ต่าง ๆ พระปรางค์ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ ซุ้ม ระเบียง กาแพงแก้ว เป็นต้น ศิลปกรรมทางพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมท่ีจัดสร้างข้ึนเพื่อเป็น อนสุ รณ์อันควรแกก่ ารสักการบูชาของพุทธศาสนกิ ชนทงั้ หลาย กิจกรรมทา้ ยบท กกกกกกก1. กจิ กรรมที่ 1 กกกกกกก1. คาชีแ้ จง : คาช้แี จง : โปรดเลอื กตวั อักษรหนา้ ข้อทนี่ ักศึกษาคดิ ว่าข้อนัน้ เป็นตาตอบที่ ถูกต้องทสี่ ุดเพียงข้อเดยี ว แล้วเขยี นคาตอบลงในกระดาษของนกั ศกึ ษา กกกกกกก1. ข้อ 1. วดั ไรข่ ิงต้ังอยูร่ ิมแมน่ ้าใด กกกกกกก ข้อ 5. ก. แมน่ ้าแมก่ ลอง กกกกกกก ขอ้ 5. ข. แมน่ า้ แควใหญ่ กกกกกกก ขอ้ 5. ค. แม่นา้ นครชัยศรี กกกกกกก ข้อ 5. ง. แม่นา้ เจ้าพระยา กกกกกกก1. ข้อ 2. ถ้านกั ศึกษาต้องการเดินทางไปวดั ไร่ขิง พระอารามหลวง นกั ศึกษาสามารถ เดินทางโดยรถในขอ้ ใด กกกกกกก ขอ้ 5. ก. รถโดยสาร 84 กกกกกกก ขอ้ 5. ข. รถตู้ สายใต้-ไรข่ งิ กกกกกกก ข้อ 5. ค. รถโดยสารปรบั อากาศ 84 กกกกกกก ข้อ 5. ง. รถโดยสารปรบั อากาศ กรุงเทพฯ-นครปฐม กกกกกกก1. ข้อ 3. วัดไรข่ งิ พระอารามหลวง สรา้ งขึ้นตรงกับรชั สมยั ใด กกกกกกก ขอ้ 5. ก. พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ วั กกกกกกก ข้อ 5. ข. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กกกกกกก ข้อ 5. ค. พระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกลา้ เจ้าอยูห่ วั กกกกกกก ข้อ 5. ง. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว กกกกกกก1. ข้อ 4. วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ได้รับการยกฐานเปน็ พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนดิ สามัญ เม่ือปี พ.ศ. ใด กกกกกกก ขอ้ 5. ก. 2325 กกกกกกก ขอ้ 5. ข. 2394 กกกกกกก ข้อ 5. ค. 2533 กกกกกกก ขอ้ 5. ง. 2540
56 กกกกกกก ข้อ 5. ภาพวาดบนฝาผนังของพระอุโบสถวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ถือเปน็ ศิลปะ ประเภทใด กกกกกกก ขอ้ 5. ก. จติ รกรรม กกกกกกก ขอ้ 5. ข. วรรณกรรม กกกกกกก ขอ้ 5. ค. ประติมากรม กกกกกกก ขอ้ 5. ง. สถาปัตยกรรม กกกกกกก ข้อ 6. ศลิ ปกรรมใดไมไ่ ดเ้ ปน็ ศิลปกรรมของวัดไรข่ งิ กกกกกกก ข้อ 5. ก. พระสังกจั จายน์ กกกกกกก ขอ้ 5. ข. พระวหิ ารประจาทิศ กกกกกกก ขอ้ 5. ค. ศาลาจตุรมุข กกกกกกก ขอ้ 5. ง. พระรว่ งโรจนฤทธิ์ กกกกกกก2. กิจกรรมท่ี 2 กกกกกกก2. คาชแ้ี จง : โปรดจบั คู่ขอ้ มลู ทอ่ี ย่หู ลังตวั อักษร ที่ตรงกับขอ้ เลขนั้น ๆ หรือมีความสมั พันธ์ ตรงกบั ตวั เลขขอ้ นัน้ ๆ ให้ถกู ตอ้ งแล้วนาตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ มลู มาใส่ท่หี น้าตวั เลขข้อนัน้ ๆ กกกกกกก2. ............1. รอยพระพุทธบาทจาลอง ก. ศาลาจตั รมขุ กกกกกกก2. ............2. พระบรมสารรี ิกธาตุ ข. พระอุโบสถ กกกกกกก2. ............3. จติ รกรรมฝาผนงั ค. มณฑป กกกกกกก2. ............4. งานปนู ปัน้ เรอ่ื ง พุทธประวติ ิ ง. กุฏิอดีตเจ้าอาวาส กกกกกกก2. ............5. รปู หลอ่ จาลอง พระปะดสิ สะเกษร (ใช)้ จ. พระปรางค์ กกกกกกก3. กิจกรรมที่ 3 กกกกกกก3. คาช้แี จง : โปรดทาเคร่ืองหมายถูก() หรือเครื่องหมายผดิ () ลงหนา้ ข้อตัวเลขท่ี นักศกึ ษาอ่านข้อมูลแล้วคิดวา่ ถกู ใหท้ าเครือ่ งหมายถูก() ถ้าคดิ วา่ ข้อมลู ท่ีอ่านผิดให้ทาเครอ่ื งหมาย ผดิ () กกกกกกก2. ..............1. หลวงพ่อวัดไรข่ งิ เปน็ พระพุทธรปู ปางสมาธิ กกกกกกก2. ..............2. วดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง เป็นพระอารามหลวงช้ันตรี กกกกกกก2. ..............3. ใบเสมาของวดั ไรข่ ิงเหมือนใบเสมาของวัดบวรนิเวศวรวิหาร กกกกกกก2. ..............4. พระพุทธรปู ปางป่าเลไลยก์ เปน็ พระบชู าประจาวันเกดิ ของผู้ที่เกดิ ในวันพุธ เวลากลางวนั กกกกกกก2. ..............5. ภายในพระปรางค์ของวัดไร่ขงิ ประดิษฐานพระบรมสารรี ิกธาตุจากประเทศ อินเดีย
57 กกกกกกก4. กจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกก4. คาชีแ้ จง : โปรดเติมข้อความสั้น ๆ ลงในช่องว่างของแต่ละข้อให้สมบรู ณถ์ ูกตอ้ งกกกก กกกกกกก4. 1. ศิลปกรรมหมายถึงอะไร ............................................................................................ ................................................................................................................................................................ กกกกกกก4. 2. ภาพจิตรกรรมฝาผนังทงั้ 4 ด้านของพระอโุ บสถวดั ไรข่ งิ มีเรื่องใดบา้ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................ ................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก4. 3. เหตุใดจึงต้องมีการฝงั ลูกนิมติ รอบพระอุโบสถ ……………………………………………………………………………………………………………...................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………......................................
58 บทที่ 3 เจ้าอาวาสวดั ไรข่ งิ และหลักธรรม คาสอน สาระสาคัญ กกกกกกก1. เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จนถึงปัจจุบันมี 10 รูป ดังน้ี รูปที่ 1 หลวงพ่อจาด รูปที่ 2 หลวงพ่อคง รูปท่ี 3 หลวงพ่อรักษ์ รูปท่ี 4 หลวงพ่อมุ้ย รูปท่ี 5 พระอธิการใช้ ปติฎโฐ รูปท่ี 6 พระครูมงคลวิลาส (เฉย กิตติสาโร) รูปที่ 7 พระอาจารย์ช้ืน ปฏิกาโร รูปท่ี 8 พระครูถาวรวิทยาคม (เพ่ิม ทิฏโฐ) รูปท่ี 9 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) และรูปท่ี 10 พระเทพศาสนาภิ บาล (แย้ม กติ ตฺ ินฺธโร) กกกกกกก2. หลกั ธรรมคาสอนของ พระอบุ าลคี ุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทฺ ปญโฺ ญ) อดีตเจ้าอาวาสวัด ไรข่ งิ พระอารามหลวง ทส่ี าคญั มดี ังน้ี (1) หลักธรรมทเี่ กีย่ วข้องกับการดาเนินชีวิต และ (2) หลักธรรม ท่เี กี่ยวข้องกับการศกึ ษา กกกกกกก3. หลกั ธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภบิ าล เจา้ อาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวงท่สี าคัญ คือ หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับการดาเนนิ ชวี ิต ความสุขและความทุกข์ เปน็ ส่งิ ท่จี ติ เราปรุงแต่งขนึ้ มา ถา้ เรารับรู้ถึงสิ่งที่ดีงาม ส่ิงสวยงาม และความสุขท่ีรายรอบตัวเราเองอยู่ทุกขณะแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้ ความรู้สกึ ทเ่ี ปน็ ทกุ ข์ มาครอบงาจติ ใจเราได้ ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวัง กกกกกกก1. บอกลาดบั เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวงได้ กกกกกกก2. สามารถนาหลักธรรมคาสอนของพระอบุ าลีคุณูปมาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส และพระเทพ ศาสนาภบิ าล เจ้าอาวาสวัดไร่ขงิ พระอารามหลวง ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ กกกกกกก3. เหน็ คณุ ค่า และประโยชน์ของหลกั ธรรมคาสอนของพระอบุ าลคี ุณูปมาจารย์ อดตี เจ้า อาวาส และพระเทพศาสนาภิบาล เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง ท่นี าไปใช้ในชีวติ ประจาวัน กกกก กกกกกกก ขอบขา่ ยเนอ้ื หา กกกกกกกเรื่องที่ 1 ลาดบั เจ้าอาวาส วัดไร่ขิง พระอารามหลวง กกกกกกกเร่ืองท่ี 2 หลักธรรมคาสอนของ พระอบุ าลคี ุณปู มาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระ อารามหลวง กกกกกกกเรื่องท่ี 3 หลักธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภิบาล เจา้ อาวาสวัดไร่ขงิ พระอารามหลวง ส่อื ประกอบการเรียนรู้ กกกกกกก1. ประวตั หิ ลวงพอ่ วดั ไรข่ ิง ผ้แู ตง่ วดั ไร่ขิง พระอารามหลวง อาเภอสามพราน จงั หวัด นครปฐม ปที ่พี ิมพ์ 2560 โรงพมิ พ์ หจก.พี วาย พรน้ิ ต้งิ จากดั กกกกกกก2. ปัญญานิพนธ์ ผ้แู ตง่ วดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ปที ี่ พมิ พ์ 2559 โรงพิมพ์ หจก.สามลดา
59 เร่อื งที่ 1 ลาดบั เจ้าอาวาส วดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง กกกกกกก1.1 เจ้าอาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง ลาดับท่ี 1-4 อยใู่ นชว่ งสมัยรัตนโกสินทรต์ อนตน้ ทาให้ไมม่ ีข้อมลู รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ประวตั ิและผลงาน ของท่านใหศ้ ึกษามเี พียงชือ่ ของท่าน ดงั น้ี กกกกกกก1.1 ลาดบั เจา้ อาวาส รปู ท่ี 1 คือ หลวงพ่อจาด กกกกกกก1.1 ลาดบั เจา้ อาวาส รูปท่ี 2 คือ หลวงพอ่ คง กกกกกกก1.1 ลาดับเจ้าอาวาส รูปที่ 3 คอื หลวงพ่อรักษ์ กกกกกกก1.1 ลาดบั เจ้าอาวาส รูปท่ี 4 คือ หลวงพอ่ มยุ้ กกกกกกก1.2 เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง ลาดบั ท่ี 5-10 มีรายละเอียดของทา่ น ต้งั แต่ ประวตั แิ ละผลงานมีดงั น้ี กกกกกกก1.2 1.2.1 ลาดับเจ้าอาวาส รปู ท่ี 5 คือ พระอธิการใช้ ปตฎิ โฐ กกกกกกก1.2 กกกกกกกประวัติ “พระอธิการใช้ ปติฎโฐ” หรือ “หลวงพ่อใช้” จากประวัติของท่านทราบว่า เดิม ท่านมบี า้ นเกดิ อยทู่ างวัดวังตะกู อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ต่อมาไดบ้ วชอยู่ท่ีวัดสรรเพชญ เนื่องดว้ ยท่านมเี ชอ้ื สายคนจีน จึงพูดไทยไดไ้ ม่ชัดเจนนัก หลังจากบวช จาพรรษาอย่ทู ่ีวัดสรรเพชญ ได้ เกิดอาพาธ(ป่วย) หนัก คืนหน่งึ ทา่ นไดฝ้ ันไปว่าตวั ของทา่ นลอยขน้ึ มาทางเหนือน้า พบตน้ ไมใ้ หญ่ จึงได้ ลงท่ีต้นไม้น้ัน พอตื่นขึ้นมาในตอนย่ารุ่ง เม่ือท่านหายป่วยและรักษาตัวดีแล้ว จึงได้ลงเรือล่องข้ึนมา ทางเหนือน้า เม่ือถึงวัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง)ก็จาได้ตามฝัน จึงได้ขอย้ายมาจาพรรษาที่วัดมงคล จินดาราม (วัดไร่ขิง) น้ี ต่อมาหลวงพ่อมุ้ย เจ้าอาวาส รูปท่ี 4 มรณภาพลง หลวงพ่อใช้ ปติฏโฐ จึงได้ รกั ษาการเจ้าอาวาส แตน่ ั้นมาประมาณ 20 ปี ต้ังแต่ พ.ศ. 2455 ถงึ พ.ศ. 2475 และไดร้ บั แต่งต้ังเป็น เจา้ อาวาสในปี พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2477 จึงมรณภาพ
60 กกกกกกกผลงานของท่าน ได้แก่ การย้ายกุฏิทรงไทย ที่ต้ังอยู่ริมแม่น้าทั้งหมด นาไปตั้งเรียงแถวใหม่ โดยเร่ิมจากริมน้าวางไปตามแนวจนถึงมณฑปในปัจจุบนั ซ่ึงทากฏุ ไิ ด้เพียง 2 - 3 หลังเท่านนั้ ต่อมาได้ สร้างตึกทรงไทยประยุกต์ก่ออิฐถือปูนสองชนั้ เป็นแบบตรมี ขุ หรือมหี นา้ จว่ั สามดา้ น ดา้ นหนา้ มมี ขุ โถง ย่ืนออกมา หน้าบันมีรูปครุฑหล่อด้วยปูน อาคารหลังนี้มีลวดลายตกแต่งท่ีซุ้มประตูหน้าต่างไว้ อย่างสวยงามทุกด้าน บางส่วนได้ตกแต่งด้วยงานลวดลายปูนหล่อ และบางส่วนเป็นไม้ฉลุลวดลาย ประดับไว้ที่ช่องระบายลม ใต้ชายคาช้ันล่างมีข้อความปูนป้ันดังน้ี “พระพุทธศักราช 2472” และอีก ดา้ นฝง่ั ตรงข้าม ข้อความ “พระปะดิสสะเกษร (ใช้) เปน็ ผสู้ รา้ ง” ในเขตกาแพงของกุฏนิ ี้ ดา้ นหนา้ มตี ้น สมอพิเภกขนาดใหญ่อยู่ 1 ต้น ซึ่งท่านได้ดูแลรักษาเอาไว้ เพราะท่านเล่าว่ามีเทวดารักษาอยู่ และได้ พาทา่ นเหาะลอยมาในอากาศ แล้วนาท่านลงท่ีต้นสมอพิเภกน้ี กกกกกกกส่วนเร่ืองพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่าน ได้แก่ พระเหรียญหล่อรุ่นแรกพิมพ์ “ก้น แมงดา” โดยทาเป็นพระพิมพ์ปางสมาธิ ประทับนั่งบนดอกบัวสามกลีบ ด้านหลังมียันต์พุทโธ หล่อ ด้วยโลหะผสม หรือที่เรียกว่าเน้ือขันลงหิน ซ่ึงเป็นท่ีรู้จักกันอย่างแพร่หลาย ต่อมา ได้แก่ยันต์ “ฮู้” เขียนด้วยดินสอ หรือปากกาเป็นยันต์ภาษาจีนลงไปในแผ่นกระดาษ เสร็จแล้วม้วนเป็นแท่งใช้ผูกติด กับสร้อยคอเดก็ เพอื่ ป้องกนั ภัยต่าง ๆ ตอ่ มามผี ู้ต้องการมาก จึงได้ทาเปน็ แม่พมิ พ์ไม้ใชช้ าดสแี ดง แทน หมึกพิมพ์ลงไปบนแผ่นกระดาษ ปัจจุบันไม่มีแล้ว เน่ืองจากกระดาษเมื่อโดนน้าหรือเหงื่อจะชารุด เสียหายได้ง่าย และท่านยังได้ทามี “ตะกรุด” ด้วยเนื้อทองฝาบาตร และเน้ือทองแดง เม่ือคลี่ดูจะพบ อักขระยันต์อยู่ภายใน ตะกรุดชุดน้ีได้ถูกค้นพบเม่ือคราวบูรณปฏิสังขรณ์ “กุฏิเจ้าอาวาส” เมื่อ พ.ศ. 2553
61 1.2.2 ลาดบั เจา้ อาวาส รูปท่ี 6 คือ พระครูมงคลวลิ าส (เฉย กติ ติสาโร) กกกกกกกประวัติ “พระครูมงคลวิลาส” หรือ “หลวงพ่อเฉย” เกิดเม่ือวันพุธ แรม 5 ค่า เดือน 4 ปี ระกา พ.ศ. 2427 ท่ีบ้านคลองใหม่ ตาบลไร่ขิง อาเภอตลาดใหม่ (ปัจจุบันเป็นอาเภอสามพราน) จังหวัดนครปฐมเป็นบุตรนายเจียด - นางเอม รอดอนันต์ เมื่อเยาว์วัย ได้รับการศึกษาหนังสือไทยอยู่ กับพระอาจารย์จ๋ิว วัดบางช้างใต้ อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซ่ึงเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา ภายหลังได้ออกจากวัดไปช่วยบิดามารดาทาอาชีพกสิกรรม เมื่ออายุครบ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางช้างใต้ เมื่อวันท่ี 20 มีนาคม 2448 มีพระเดชพระคุณ ท่านพระครูทักษิณานุกิจ (ผัน) วัดสรรเพชญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์ บุก วัดท่าข้าม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เม่ืออุปสมบทแล้ว ได้พานักจาพรรษาอยู่ที่วัดสรรเพชญ เป็น เวลา 3 พรรษา แล้วย้ายไปอยทู่ ี่วัดสปุ ระดิษฐาราม (วดั ใหม)่ อาเภอนครชยั ศรี จังหวดั นครปฐม อยู่กับ อาจารย์เป้า ศึกษาเล่าเรียนในทางวปิ ัสสนา กรรมฐานกับพระอาจารย์ดา อีก 3 พรรษา ต่อจากน้ันได้ ย้ายไปอยู่ที่วัดเรไร อาเภอตล่ิงชัน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือเขตตล่ิงชัน กรุงเทพมหานคร) กับท่าน อาจารย์รื่น เรียนมูลไวยากรณ์กับท่านอาจารย์เทศ 3 พรรษา และได้เข้าสอบไล่ธรรมวินัยใน สนามหลวง วัดช่างเหล็ก อาเภอตล่ิงชัน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือเขตตล่ิงชัน กรุงเทพมหานคร) ได้ ช้ันนักธรรมตรี ต่อจากน้ันได้ย้ายมาอยู่ วัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) เมื่อ พ.ศ.2456 จนเม่ือวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2478 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดมงคลจินดาราม (วัดไร่ขิง) ในระหว่างที่ท่านดารง ตาแหน่งเจา้ อาวาสวดั มงคลจินดาราม (วัดไร่ขงิ )น้ี ท่านไดก้ ระทาคณุ งานความดีในด้านตา่ ง ๆ มากมาย
62 นานัปการ ไมว่ ่าจะเป็นการปฏิสงั ขรณ์ ซ่อมแซม และกอ่ สรา้ งศาสนสมบัติ ถาวรวัตถตุ า่ ง ๆ ภายในวัด อาทิ พระกาแพงแก้วรอบพระอุโบสถ และซุ้มประตูท้ัง 4 ทิศ โรงเรียนประชาบาล หอระฆัง เป็นต้น จวบจนท่านย่างเข้าสู่วัยชรา สุขภาพของท่านไม่สมบูรณ์ดีนัก ต้องให้แพทย์ทาการรักษาอยู่ตลอด แต่ ท่านก็ยังเอาใจใส่ทานุบารุงภายในวัดโดยตลอด ด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทน โดยมิได้เห็นแก่ความ เจ็บปว่ ยเหน่ือยยาก ตราบจนกระท่งั วาระสุดท้ายของท่าน ทา่ นพระครูมงคลวิลาศ (เฉย) ได้มรณภาพ เมอื่ เดอื น 9 ขนึ้ 15 ค่า ตรงกับวนั ท่ี 11 สงิ หาคม พ.ศ. 2500 สริ ริ วมอายุได้ 73 ปี พรรษาที่ 52 กกกกกกกท่านได้สร้าง “โรงเรียนอนันต์สนุ ทรศึกษา” ขึ้นเป็นโรงเรียนราษฎร์ของวัดในปี พ.ศ. 2489 โดยเปิดเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ต่อมาในปี พ.ศ.2517 พระอุบาลี คุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปญโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รูปที่ 9 ได้จัดสร้างโรงเรียนข้ึนใหม่อีก 1 หลังต้ังอยู่ทางทิศใต้ของพระอุโบสถ ซ่ึงอยู่นอกเขตกาแพงวัด และโอนให้เป็นโรงเรียนของรัฐบาล ช่ือว่า “โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา” ในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว พระครูมงคลวิลาส (เฉย)ได้จัดสร้าง โรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นอีก 1 หลัง ชื่อ “โรงเรียนปริยัติธรรมกิตติสารสามัคคี พ.ศ. 2497” และมี การซ่อมแซมพระอุโบสถบางส่วน อน่ึงในการซ่อมพระอุโบสถน้ีเล่ากันว่า ในปี พ.ศ.2498 พระครู มงคลวิลาส (เฉย) ได้มีการซ่อมพระเศียรของหลวงพ่อวัดไร่ขิงด้วย พระเกศได้มอบให้นายหร่ี รอด อนันต์ น้องชายเป็นผ้จู ัดสร้างดว้ ยปูนขาวผสมรัก สมกุ สดี าเน้อื ดอู อก สเี ทา พระเกศน้ีมีขนาดค่อนข้าง ใหญ่กว่าพระเกศของเดิมมากจึงไม่ได้นาข้ึนไปติด ต่อมาได้จัดสร้างขึ้นใหม่มีขนาดเล็กลงมา ดังท่ีเห็น ในทกุ วันนี้ กกกกกกกส่วนเรื่องพระเคร่ืองและวตั ถุมงคลของท่านเท่าท่ีทราบ ในปี พ.ศ.2480 ได้สร้างพระเนื้อผง รุ่นแรกข้ึน โดยสร้างจากผงเกศล้วน ๆ ผสมยางรักเป็นรูปพระพิมพ์ปางสมาธิเรียกกันว่า “พระผงมิ่ง มงคลโมลี” ต่อมาในปี พ.ศ.2482 ไดส้ รา้ งพระเหรยี ญรปู หลวงพอ่ วัดไร่ขิงรนุ่ แรกรปู “เหรยี ญหยดนา้ ” โดยมอบให้พระอาจารย์จิตต์ดาเนินการสร้าง มี 3 เนื้อได้แก่ เน้ือทองแดง เน้ือฝาบาตรออกสีเหลือง และเนื้อเงินสร้างจากโกศบรรจุอัฐิเก่า นอกจากน้ีในปีเดียวกันได้สร้าง “แหวนมงคลวัดไร่ขิง” เนื้อ ทองแดงข้ึนอีกหน่ึงแบบ ปี พ.ศ. 2491 สร้าง “เข็มกลัดรูปพระหลวงพ่อวัดไร่ขิง” เน้ือเงินเพื่อแจก ให้กับคณะกรรมการที่มาชว่ ยในงานประจาปขี องวัดอีกดว้ ย 1.2.3 ลาดับเจา้ อาวาส รูปท่ี 7 คือ พระอาจารย์ชน้ื ปฏกิ าโร กกกกกกกพระอาจารย์ชื้น ปฏกิ าโร ไดร้ บั การแต่งตง้ั เปน็ ผ้รู ักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลงั จาก พระครมู งคลวิลาส (เฉย กิตตสิ าโร) มรณะภาพได้ 7 วนั รักษาการอยู่ได้ไมน่ านกล็ าออก
63 1.2.4 ลาดับเจา้ อาวาส รปู ที่ 8 คือ พระครถู าวรวทิ ยาคม (เพิ่ม ทฏิ โฐ) กกกกกกกพระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม ทิฏโฐ) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสรรเพชญ ซ่ึงรักษาการแทนเจ้า อาวาสวัดไร่ขิงมาโดยตลอดมาจนถึงปี 2503 จึงลาออก เพราะมีเจ้าอาวาสรูปใหม่ท่ีได้รับการแต่งต้ัง มาปกครองวดั แทน กกกกกกกผลงานของท่านคือ ได้ดาเนินการสร้างสะพาน 2 สะพาน สายเข้าวัดไร่ขิง นอกจากน้ีได้ สรา้ งถนนจากบนั ไดศาลาการเปรยี ญตรงไปทางทศิ ใต้ ซงึ่ ตรงกับฌาปนสนถานของวดั ในปัจจบุ นั
64 1.2.5 ลาดบั เจา้ อาวาส รูปท่ี 9 คอื พระอบุ าลีคณุ ปู มาจารย์ (ปัญญา อนิ ทฺ ปญโฺ ญ ป.ธ.6) กกกกกกกประวัติ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เดิมช่ือ ปัญญา ทิพย์มณฑา เป็นบุตรของนายไป๋และนาง แช่ม ทิพย์มณฑา อาชีพกสิกรรม เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ที่อาเภอนครชัยศรี จังหวัด นครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเม่ือวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 10 ค่า เดือน 6 ปีขาล ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดกลางบางแก้ว อาเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พระครู ปัจฉิมทิศบริหาร (เกิด) วัดง้ิวราย ตาบลงิ้วราย อาเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาเม่ืออายุได้ 20 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเดิม เมื่อวันท่ี 17 มิถุนายน พ.ศ. 2485 ตรง กับวันพุธ ขึ้น 5 ค่า เดือน 8 ปีมะเมีย โดยมีพระพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญฺญวสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า \"อินทฺปญฺโญ\" พระธรรมธร มูล วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระ อาจารย์ชด ฐิตธมฺโม วัดกลางบางแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ นับได้ว่าท่านเป็นศิษย์รูปหนึ่งของ หลวงปเู่ พม่ิ วัดกลางบางแก้ว อดตี พระเกจิอาจารยผ์ ู้มีช่ือเสียโด่งดังด้านเบี้ยแก้ ยาจินดามณี และวัตถุ มงคลตารับพระพุทธวิถีนายก (หลวง ปู่บุญ ) บูรพาจารย์ของวัดกลางบางแก้ว ลุ่มน้านครชัยศรี เมื่อ บรรพชาอุปสมบทแล้วท่านได้จาพรรษา อยู่ท่ีวัดไร่ขิง ศึกษาเล่าเรียนพระปริยตั ิธรรม สอบได้นักธรรม ช้ันเอก ศึกษาด้านบาลีไวยากรณ์ กระทั่งสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค ท่ีสานักเรียนวัดพระปฐม เจดยี ์
65 กกกกกกกวิทยฐานะ กกกกกกกพ.ศ. 2487 สอบไดน้ กั ธรรมชน้ั เอก สานกั เรียนวดั กลางบางแก้ว จังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 สอบได้เปรยี ญธรรม 6 ประโยค ที่สานักเรียนวดั พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2496 สอบไดป้ ระโยคพิเศษมูล (พ.) กกกกกกกความชานาญพเิ ศษ กกกกกกก1. มีความชานาญวชิ าพิมพด์ ีดสมั ผสั ภาษาไทย กกกกกกก2. มีความชานาญด้านนวัตกรรม ควบคุมการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ เช่น อาคารโรงเรียน มธั ยมวดั ไรข่ งิ วทิ ยา โรงเรยี นประชาบาลวดั ไรข่ ิง (สนุ ทรอุทิศ) โรงพยาบาลเมตตาประชารกั ษ์ (วดั ไรข่ ิง) หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”อาเภอสามพราน กกกกกกกงานการปกครอง กกกกกกกพ.ศ. 2496 เป็นพระธรรมธรจงั หวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2503 เป็นเจา้ อาวาสวัดไรข่ ิง กกกกกกกพ.ศ. 2503 เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ กกกกกกกพ.ศ. 2508 เปน็ เจา้ คณะจังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2508 เปน็ ผู้รกั ษาการแทนเจ้าอาวาสวดั พระงาม กกกกกกกพ.ศ. 2517 เปน็ รองเจ้าคณะภาค 14 (จังหวัดนครปฐม จังหวดั สพุ รรณบรุ ี จังหวดั กาญจนบรุ ี และจงั หวดั สมุทรสาคร) กกกกกกกพ.ศ. 2533 ได้รบั พระบัญชาแตง่ ตงั้ ใหเ้ ปน็ เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2543 เปน็ ผ้รู ักษาการแทนเจ้าคณะภาค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2544 ได้รับพระบัญชาแต่งต้ังเป็นเจ้าคณะภาค 14 ลงวันท่ี 27 มีนาคม ปกครอง คณะสงฆ์ในเขตจังหวดั นครปฐม จังหวัดสุพรรณบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี และจงั หวัดสมุทรสาคร กกกกกกกพ.ศ. 2545 ไดร้ ับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นทป่ี รึกษาเจา้ คณะภาค 14 กกกกกกกงานดา้ นการศกึ ษา กกกกกกกพ.ศ. 2485 เป็นครูสอนพระปรยิ ัตธิ รรม กกกกกกกพ.ศ. 2486 เปน็ กรรมการตรวจประโยคนกั ธรรมสนามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2488 เป็นผู้กอ่ ตง้ั โรงเรียนบาลี วัดตุ๊กตา อาเภอนครชยั ศรี จังหวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 เปน็ อาจารยใ์ หญ่โรงเรยี นสหศึกษาบาลี วัดพระปฐมเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2495 เป็นผ้รู ักษาการแทนศกึ ษาอาเภอเมืองนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2498 เปน็ ศกึ ษาจังหวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2501 เป็นผู้กอ่ ตัง้ โรงเรยี นบาลี วัดออ้ มใหญ่ อาเภอสามพราน จังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2503 เปน็ เจ้าสานักเรียนวดั ไรข่ งิ อาเภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2512 เป็นกรรมการตรวจประโยคบาลีสนามหลวง กกกกกกกพ.ศ. 2517 เปน็ อาจารย์ใหญโ่ รงเรยี นศึกษาผู้ใหญ่วดั ไรข่ งิ กกกกกกกพ.ศ. 2518 เป็นผู้อานวยการฝกึ ซอ้ มอบรมบาลีกอ่ นสอบ ของคณะสงฆภ์ าค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2522 เปน็ ผู้อานวยการโรงเรยี นพระพุทธศาสนาวันอาทิตยว์ ดั ไรข่ งิ กกกกกกกพ.ศ. 2525 เป็นวิทยากรผบู้ รหิ าร สถาบนั พัฒนาผบู้ รหิ ารการศึกษา (วัดไรข่ งิ )
66 กกกกกกกงานเผยแผ่ กกกกกกกพ.ศ. 2496 กกกกกกก - เป็นพระธรรมทูต อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม กกกกกกก - เปน็ อนกุ รรมการอบรมประชาชน (อ.ก.ช.) กกกกกกกพ.ศ. 2503 กกกกกกก - อบรมพระภกิ ษสุ ามเณรภายในวดั เสมอ หลงั เวลาทาวัตร เชา้ -เย็น กกกกกกก - อบรมศีลธรรมแก่ศิษย์วัดและนักศึกษาท่ีพักอยู่ในวัด พร้อมกับให้มีการไหว้พระสวด มนต์เปน็ ประจา กกกกกกก - อบรมอบุ าสก อุบาสกิ า ทม่ี ารกั ษาอโุ บสถศีลในวัดเปน็ ประจา กกกกกกกพ.ศ. 2508 ร่วมมือกบั ทางคณะสงฆแ์ ละทางราชการออกอบรมประชาชนตามท้องถิ่นตา่ ง ๆ ในเขตปกครองเสมอ กกกกกกกพ.ศ. 2512 เปน็ วิทยากรผู้อานวยการฝึกซ้อมอบรมพระอปุ ัชฌาย์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ภาค 14 กกกกกกกพ.ศ. 2517 เป็นวิทยากรผู้บรรยายถวายความรู้แก่พระสังฆาธิการ ท้ังในเขตปกครองและ นอกเขตปกครอง กกกกกกกเกียรตคิ ุณทไ่ี ดร้ ับ กกกกกกกพ.ศ. 2526 ไดร้ บั โล่ประกาศเกยี รติคุณ ผู้บาเพ็ญประโยชน์ ด้านการศึกษาจาก รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ กกกกกกกพ.ศ. 2527 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า บริจาคทรัพย์ซ้ือท่ีดินมอบให้โรงเรียนภัทร ญาณวทิ ยา จงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2528 ได้รบั โลป่ ระกาศเกียรตคิ ุณแสดงวา่ ใหก้ ารอปุ การคุณแกส่ มาคม นักหนงั สอื พมิ พแ์ หง่ ประเทศไทย กกกกกกกพ.ศ. 2529 ได้รับโลป่ ระกาศเกยี รตคิ ุณแสดงว่า ไดม้ อบเงินสมทบทุน “มูลนธิ ิคน หนงั สอื พมิ พ์” กกกกกกกพ.ศ. 2530 ได้รบั พระราชทานเกียรตคิ ุณบัตรและเสมาธรรมจกั รในฐานะบคุ คลผ้ทู า ประโยชนต์ อ่ พระพุทธศาสนา ประเภท “สง่ เสริมพฒั นาชมุ ชน โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา” จากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี กกกกกกกพ.ศ. 2531 ไดร้ ับปรญิ ญาพทุ ธศาสตรดษุ ฎีบณั ฑิตกติ ติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์ จากมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ กกกกกกกพ.ศ. 2532 ได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาชุมชน จากสภา การฝกึ หัดครู กกกกกกกพ.ศ. 2533 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า เป็นผู้ให้ความอนุเคราะห์ปรับปรุงห้อง บรกิ ารโสตทัศนวัสดใุ นหอสมุด และโครงการห้องสมุดสู่ชนบทของวิทยาลยั ครนู ครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2534 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณแสดงว่า เป็นผู้จัดสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิม ราชกุมารี” อาเภอสามพราน
67 กกกกกกกพ.ศ. 2536 ได้รบั โลป่ ระกาศเกยี รติคุณแสดงวา่ เป็นบุคคลดีเดน่ แห่งวงการศึกษาของชาติ สาขาการพัฒนาสังคม จากสมาคมศึกษานิเทศกแ์ หง่ ประเทศไทย กกกกกกกพ.ศ. 2537 ไดร้ บั โล่ประกาศเกียรตคิ ุณแสดงวา่ เปน็ บุคคลดเี ดน่ ด้านการบารุงสง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา พัฒนาสงั คมการศึกษาและวฒั นธรรมไทย จากผวู้ า่ ราชการจังหวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2540 ไดร้ บั โล่ประกาศเกยี รตคิ ุณในฐานะผูม้ อี ุปการคณุ ต่อวงการห้องสมุดจาก สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จากสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี กกกกกกกพ.ศ. 2545 ได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎบี ัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาชมุ ชน จาก มหาวิทยาลัยราชภฎั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ. 2547 ได้รบั ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑติ กิตติมศักด์ิ สาขาหลกั สตู รและการสอน จากมหาวิทยาลัยศลิ ปากร กกกกกกกพ.ศ. 2547 ได้รับโล่เกียรติคณุ ในฐานะเป็นบุคลากรภาคเอกชนทีจ่ ดั หรอื สนับสนุน การศกึ ษานอกโรงเรียนดเี ดน่ สานักงานบริหารการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กกกกกกกสมณศักดิ์ กกกกกกกพ.ศ. 2500 ไดร้ บั พระราชทานสมณศักด์ิ เป็นพระครสู ญั ญาบัตรชน้ั เอก ท่ี “พระครู ทักษิณานุกิจ” กกกกกกกพ.ศ. 2504 ได้รบั พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชนั้ สามัญที่ “พระปัญญาวิมลมุนี” กกกกกกกพ.ศ. 2511 ได้รบั พระราชทานสมณศักด์ิ เปน็ พระราชาคณะชนั้ ราชที่ “พระราชปญั ญา ภรณ์” กกกกกกกพ.ศ. 2524 ไดร้ ับพระราชทานเล่ือนสมณสักด์ิ เป็นพระราชาคณะชน้ั เทพท่ี “พระเทพวร เวท”ี กกกกกกกพ.ศ. 2533 ไดร้ ับพระราชทานเลื่อนสมณสักดิ์ เป็นพระราชาคณะชน้ั ธรรม ที่ “พระธรรม มหาวีรานุวัตร” กกกกกกกพ.ศ. 2539 ไดร้ ับพระทานสถาปนาสมณศักด์ิ เปน็ พระราชาคณะเจ้าคณะรองชนั้ หริ ัญบัฏ ในราชทินนามที่ “พระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์” กกกกกกกท่านมีบทบาทสาคัญในการอบรมส่ังสอนพระสงฆ์สามเณรและประชาชนทั่วไป เป็นผู้มีศิลปะ ในการแสดงพระธรรมเทศนา เป็นปราชญ์ด้านการเขียนท้ังร้อยแก้ว ร้อยกรอง ตารา วิชาการทาง พระพุทธศาสนา มีผลงานการประพันธ์เป็นจานวนมาก เช่น บทความ สารคดี คู่มือบาลีไวยากรณ์ คู่มือพระอุปัชฌาย์ นิทานธรรม รวมพระธรรมเทศนา บทร้อยกรองประเภทต่างๆ โดยท่านจะใช้นาม จริง และนามแฝงในการประพันธ์วรรณกรรม นอกจากนี้ยังมีเทปธรรมะอีกเป็นจานวนมาก ด้าน การส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา งานศึกษาสงเคราะห์ ท่านเป็นผู้ริเร่ิมก่อต้ังโรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทร อุทิศ) เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา และก่อต้ังโรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา ขนาดใหญ่ อนุญาตให้ใช้ท่ีดินของวัดไร่ขิง จานวน 49 ไร่ จัดต้ังสถาบันพัฒนาผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ อนุญาตให้ใช้ท่ีดินวัดไร่ขิงจานวน 20 ไร่ จัดตั้งวิทยาลัยการอาชีพนครปฐม (วัดไร่ขงิ ) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ การกอ่ ต้งั โรงเรียนมหิดลวทิ ยานุสรณ์ และโรงเรียนกาญจนาภิเษกวทิ ยาลัย สนับสนุน การจัดตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 หน้าท่ีดูแลประสานงานการเรียนการสอน
68 สาหรับนักเรียนพิการ นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุน การก่อต้ังห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อาเภอสามพราน 1.2.6 ลาดบั เจา้ อาวาส รูปท่ี 10 คือ พระเทพศาสนาภบิ าล (แย้ม กิตตฺ นิ ฺธโร) กกกกกกกประวัติ พระเทพศาสนาภิบาล เดิมช่ือ แย้ม อินทร์กรุงเก่า เป็นบุตรของนายหยวก อินทร์กรุงเก่า และนางทวี ศรีบุญรอด เกิดเมื่อวันท่ี 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ท่ี บ้านคลองรางไทร ตาบลบางภาษี อาเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้บรรพชาเป็นสามเณรเม่ือวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ขณะมีอายุได้ 12 ปี ณ วัดไร่ขิง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมีพระปัญญาวิมล มุนี (ปญั ญา อนิ ทฺ ปญโฺ ญ) วัดไร่ขิง อาเภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ ต่อมาเม่ืออายุ ได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดไร่ขิง เม่ือวันท่ี 30 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยมี พระปฐมนคราภิรักษ์ (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดวังตะกู อาเภอเมือง นครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูไพศาลคณารักษ์ (ปราณี อินฺทวโส) ปัจจุบันดารงสมณศักดิ์ท่ี พระราชวิสุทธาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ที่ปรึกษาเจ้าคณะอาเภอสามพราน เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุปจติ บญุ วัฒน์ (บญุ ธรรม จารวุ ณโฺ ณ) วดั บางเลน เป็นพระอนุสาวนา จารย์ ได้รับฉายาว่า \"กติ ฺตนิ ธฺ โร\"
69 กกกกกกกประวตั ิการศกึ ษา กกกกกกกเปรียญธรรม 3 ประโยค, นักธรรมชั้นเอก กกกกกกกเกียรติคุณพเิ ศษ กกกกกกกพ.ศ.2541 รบั ถวายปรญิ ญาพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ กติ ติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลยั มหาจฬุ า ลงกรณราชวิทยาลัย กกกกกกกพ.ศ.2548 รบั ถวายปริญญาพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิตกติ ติมศักดิ์ สาขาสังคมศึกษา จาก มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2549 รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ผู้ทาคุณประโยชนต์ อ่ พระพุทธศาสนา จากสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กกกกกกกพ.ศ.2552 รบั ถวายปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑิตกิตตมิ ศักด์ิ (ปร.ด.กติ ต์)ิ จากวิทยาลัยทองสขุ กกกกกกกพ.ศ.2553 รบั ถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎบี ณั ฑติ กิตติมศักดิ์ สาขาบริหารการศึกษา จาก มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ.2555 รับถวายปรญิ ญาปรัชญาดุษฎีบณั ฑิตกิตตมิ ศักด์ิ สาขาพ้นื ฐานการศึกษา มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง กกกกกกกพ.ศ.2555 รบั ถวายปริญญาศาสนศาสตรดุษฎบี ัณฑิตกิตตมิ ศักด์ิ สาขา วชิ าพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามงกฏุ ราชวิทยาลยั กกกกกกกพ.ศ.2555 รบั ถวายปรญิ ญาพทุ ธศาสตรดุษฎบี ัณฑติ กิตตมิ ศักดิ์ สาขา วิชาการจดั การเชิง พทุ ธมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กกกกกกกพ.ศ.2556 รับถวายปริญญาศกึ ษาศาสตรดษุ ฎบี ัณฑิตกิตตมิ ศักด์ิ สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศิลปากร กกกกกกกพ.ศ.2557 รบั ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตตมิ ศักดิ์ สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยกรงุ เทพธนบุรี กกกกกกกพ.ศ.2559 รบั ถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑติ กติ ติมศักด์ิ สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏธนบุรี กกกกกกกสมณศกั ดิ์ กกกกกกกพ.ศ.2533 เป็นพระครูวนิ ยั ธร ฐานานุกรมในพระธรรมมหาวรี านุวตั ร (ปญั ญา อินทฺ ปญฺโญ) สมณศักดิส์ ุดทา้ ยที่พระอบุ าลีคณุ ปู มาจารย์ วัดไร่ขิง จงั หวดั นครปฐม กกกกกกกพ.ศ.2535 เป็นพระครูสัญญาบัตรผูช้ ่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชน้ั โทท่ี พระครูโสภณ ปัญญาวธุ กกกกกกกพ.ศ.2540 เปน็ พระครสู ญั ญาบตั รผู้ช่วยเจา้ อาวาสพระอารามหลวงช้ันเอก ในราชทนิ นาม เดิม กกกกกกกพ.ศ.2545 เป็นพระครูสัญญาบตั รผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพเิ ศษ ในราชทินนาม เดิม กกกกกกกพ.ศ.2549 ได้รบั พระราชทานตงั้ สมณศักด์เิ ป็นพระราชาคณะชัน้ สามัญท่ี ในราชทินนามที่ พระพพิ ัฒน์วริ ยิ าภรณ์
70 กกกกกกกพ.ศ.2554 ได้รบั พระราชทานเลอ่ื นสมณศักด์ิ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามท่ี พระราชวิริยาลงั การ สวุ ิธานศาสนกิจ มหาคณสิ สร บวรสงั ฆาราม คามวาสี กกกกกกกพ.ศ.2558 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักด์ิ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทนิ นามที่ พระเทพศาสนาภบิ าล ไพศาลสังฆกิจธารง อุบาลีวงศพิพฒั น์ มหาคณสิ สร บวรสังฆาราม คามวาสี กกกกกกกผลงานของท่าน ผลงานท่ี 1) สรา้ งอาคารปฏบิ ตั ิธรรมเฉลมิ พระเกียรติ 84 พรรษา เรมิ่ การ กอ่ สรา้ งตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2553-2557 กกกกกกกผลงานท่ี 2) สร้างศาลาทรงไทยพระพทุ ธปัญจภาควี ารีปาฏหิ ารยิ ์ (5 พ่นี ้อง) สรา้ งเมอ่ื พ.ศ.2553 กกกกกกกผลงานที่ 3) สรา้ งอาคารราชวิริยาลงั การ เรมิ่ การก่อสร้าง พ.ศ.2558 กกกกกกกผลงานท่ี 4) สรา้ งศูนยป์ ฏบิ ตั ิธรรมหลวงพ่อวดั ไรข่ งิ แหง่ ท่ี 2 กกกกกกกผลงานที่ 5) เป็นผู้บรรยายพเิ ศษแก่พระธรรมทูตสายต่างประเทศ ร่นุ ที่ 22 เฉลิมพระ เกียรตฯิ กกกกกกกผลงานที่ 6) จดั ทาโครงการขบั เคล่อื นหมู่บ้านรักษาศีล 5 กกกกกกกผลงานที่ 7) ไดร้ ับคัดเลอื กเปน็ วดั พฒั นาตัวอย่างท่ีมีผลงาน ดีเด่น และอุทยานการศกึ ษา ในวัด ปี 2559 โดยเขา้ ถวายสักการะรบั พดั -โล่ และเกียรติบตั ร กับสมเด็จพระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก กกกกกกกผลงานท่ี 8) ได้จดั อบรมบาลกี ่อนสอบของคณะสงฆภ์ าค 14 เรอื่ งท่ี 2 หลกั ธรรมคาสอนของ พระอบุ าลคี ุณูปมาจารย์ อดตี เจ้าอาวาสวัดไรข่ งิ พระอารามหลวง หลักธรรมคาสอนของ พระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์ท่ีสาคัญมดี งั น้ี 2.1 หลักธรรมที่เก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินชีวิต แม้ในคนรักมักค้นุ เคยกัน วางใจม่นั แม่นแฟ้นแสนสดใส อาจนาทุกขม์ าสู่ได้วอ่ งไว พงึ ฝกึ ใจดว้ ยดีเชงิ ปรชี า การไวใ้ จทางมกั วางใจคน จักต้องจนใจเองน่าศกึ ษา ถงึ คล่องพุทธธรรมควรนาพา ใชป้ ญั ญาใครครวญไมด่ ่วนไวใ้ จเอย เตอื นชาวพุทธ บัดเดยี๋ วนี้มกั มีเรื่องน่าแปลก วิธีแหกตาชนคนฉลาด ซมึ แทรกแหวกชมุ ชนกลุ่มอานาจ ให้ระบาดเชิงแตกแยกชุมชน ทางด้านการเป็นอยหู่ มมู่ นุษย์ บริสทุ ธหิ์ รือหาไม่ใช่น่าสน ทาอย่างไรแตกแยกกันจะทน ยอมเสียผลใชเ้ งนิ หวา่ นให้ย่านใจ นอกจากน้มี ีบทบาทในหมู่พระ ไดจ้ ังหวะเข้าแทรกใหห้ ว่ันไหว ใชว้ ิธีวัสสการฯ ชานาญใน ตรงจดุ ไหนพอสอดจนวอดวาย
71 1 ยุชาวบ้านชาววัดให้ขัดกัน ถอื สาคัญอนั ดบั หน่ึงพงึ ขวนขวาย 2 หาชอ่ งโหว่เจ้าอาวาสแลว้ ทาลาย ต้ังจดุ หมายใหเ้ สียชื่อระบือดงั 3 ยุลกู วัดขดั กบั เจ้าอาวาส และประกาศรวมพวกไล่สมหวงั 4 เจ้าอาวาสเข้มแข็งแรงพลงั รวมกลุ่มต้งั ยงิ ปืนรัวให้กลวั เลย 5 หาแง่ยแุ ละเสริมพระผ้ใู หญ่ ให้ผิดใจระแวงขน้ั เปดิ เผย ไม่ปรองดองสามัคคเี ช่นเคย ตา่ งเฉลยความรา้ ยทาลายกัน เจ้าอาวาสนกั ปกครองอย่ามองเฉย เร่อื งเปดิ เผยใช่เล่าเขย่าขวญั แผ่ไปทัว่ ทุกศาสน์ควรรู้ทัน เพื่อนใกล้กนั ถูกทาลาย ควรอาวรณ์ สนั โดษ สนั ตุฏฐิ สุขา ยา อติ ะรีตะเรนะ ฯ แปล “ร้จู กั พอก่อสุขทุกสถาน” มีบางทา่ นไมซ่ งึ้ ถึงคาสอน นึกไขว้เขวเหหันพลันตัดรอน คล้ายมาวอนให้คร้านงานไมท่ า ผู้คดิ ถกู ซาบซึง้ ในคาสอน พระประนมกรไหว้พุทธะอุปถัมภ์ สรรเสรญิ พระปรีชาผูห้ นุนนา ทกุ เช้าคา่ พรา่ คุณไมเ่ วน้ วาง คาวา่ “พอ”ย่อมาวา่ สนั โดษ จากพระโอษฐ์พุทธะจบอัฏฐางค์ ทรงประทานโอวาทเปน็ แนวทาง โดยสายกลางใหส้ าวกฝกึ ตาม สันโดษคือ “ยนิ ดีกับของตน” มุง่ เหตผุ ลคาหมายนัน้ มสี าม เพ่ือขยายแต่ละข้อให้ชัดความ ดาเนนิ ตามใครค่ รวญไมเ่ ชอื นแช ขอ้ หนึง่ “รู้จักพอตามทมี่ ”ี ถูกวิธพี ุทธะตรัสกระแส พอทุกอย่างของเราไม่ผันแปร เทย่ี วชะแง้แลมองใช่ของตัว ท้งั ของเราพ่อแม่แลสิง่ ของ ญาตพิ ่ีน้องการงานและเมยี ผวั ประเทศชาติศาสนานา่ พนั พัว เป็นของตัวควรรกั เฝ้าภักดี บางผ้ไู มร่ ู้พอของ “ของเรา” รกั ของเขาจึงพรากจากสุขี หาว่าเขาทาเราเฝา้ ราวี ตวั กาลีหาคิดสกั นิดเดียว อาจมีแยง้ แจง้ ต่อสปู้ ัญหา เป็นวาจาสอดแทรกในบดั เด๋ียว หากเชน่ นม้ี ี “สิง่ ไมด่ ”ี เทยี ว คงข้องเกยี่ วเก็บดะไม่ละเลย เม่ือปญั หาเช่นว่านัน้ มาถงึ ควรคานงึ เปรยี บเทียบนะท่านเอ๋ย มี กราก หิด ตดิ ตัวบ่อสะเบย จะปลอ่ ยเฉยไว้เกาหรืออยา่ งไร หรือโรคร้ายไขเ้ จ็บและโซ่ตรวน มันคู่ควรกบั เราหรือไฉน ? ที่จริงหาใชข่ องตอ้ งการอะไร อยากผลักไสขจดั ทุกวันไป ไดม้ รดกมดี คมสนมิ เขรอะ หากมัวเซอะรักษาเห็นไมไ่ หว ตอ้ งกาจดั สนิมให้หายไป ละมันไว้ส่วนดจี ะมนิ าน ข้อเปรียบเทียบนน้ี น้ั ขน้ั แจ่มแจง้ ดงั แสดงเนือ้ ความตามไขขาน “พอ” เฉพาะมปี ระโยชนเ์ ปน็ ประมาณ คงชื่นบานพ้นเขลาเบาปญั ญา ขอ้ สอง “ร้จู กั พอตามท่ีได้” ใช่อืน่ ไกลความหมายเชน่ นีห้ นา
72 รจู้ ักพอต่อสิ่งทไ่ี ด้มา ไม่เลอื กว่าสิ่งนนั้ เปน็ อันใด ผหู้ าเงนิ ยศฐาบรรดาศักด์ิ ทง้ั ค่รู ักลาภผลอนั สดใส ยอ่ มมีทุกข์”ความอยาก”ทุกคนไป ในจิตใจเว้นอยากจักไมม่ ี อยากสง่ิ ใดไดส้ ิง่ นัน้ สน้ิ เร่ือง จักชว่ ยเปล้อื งทกุ ขเ์ พราะ “อยาก” ไดส้ ุขี ทมี่ ที ุกขเ์ พราะไมส่ มฤดี ในตวั มแี ตอ่ ยากมากสว่ นเกนิ ต้องการดไี ด้ชว่ั เขา้ มว่ั กลา้ ตอ้ งการดาได้ขาวเกิดฉกุ เฉนิ มีทุกข์กระวนกระวายไมเ่ พลดิ เพลนิ เพราะส่วนเกนิ ความอยากท่สี มดุล อนั ทุกนี้มนี ามว่า “อยากได้” เป็นทกุ ข์ใหญส่ ืบเนื่องดังเขาขุน เข้าราวภี ายในใหช้ ลุ มนุ ดุจไฟกรนุ่ รอ้ นระอรุ นอุรา อันตัวอยากกบั ไดใ้ ชอ่ ย่างเดียว ควรเฉลียวฉลาดตรติ รึกนกึ คน้ หา เราเองสรา้ งตวั อยากมนั ขึ้นมา ชว่ั พริบตาใหญโ่ ตมโหฬาร เป็นความ จรงิ สง่ิ ได้ทุกอยา่ งนั้น ตอ้ งรว่ มกนั จดั หามากไพศาล “ตม้ ยา”จะถึงทอ้ งรองประมาณ ระยะกาลนานมากจักไดท้ าน หาพริกใบมะกรูดและตะไคร้ มะนาวใสบ่ ีบเหยาะรว่ มประสาน จัดหา กงุ้ ปู ปลา ตามรายการ ปริมาณคนมากสมอยากเรา ตัวอยา่ งปรุงคนเดยี วบัดเดี๋ยวใจ สว่ นท่ีไดม้ ีคนมากหากพวกเขา สมดุลกนั ไม่ไดเ้ กิดใจเบา พอกความเขลาก่อยุง่ ให้นุงนัว ทกุ ข์อยา่ งน้มี ีทางแก้อยู่ สอง ถูกทานองตรง “ได้” ไมเ่ วยี นหัว เอาให้ไดอ้ ยา่ งเดียวจนพอตัว ไมต่ ้องกลัวเสียหายในทางธรรม เมอ่ื ใช้เล่หไ์ ม่ไดต้ ้องใช้กล ไมด่ ว้ ยมนต์ ก็คาถาใหค้ มขา หมัดมิได้ใชป้ ืนให้ขมา คงจะสาเรจ็ ความหวังสมดงั ใจ แกแ้ นวนีว้ ธิ ขี องทางโลก มิพน้ โศกผลาญเผาดไี ฉน หาทางอ่นื ดีกว่าไม่กวนใคร ทั้งเวรภยั กล็ ดหมดกังวล นัยหลงั หันมาแกท้ ่ีใจอยาก มิได้มากตามอยากอย่าฉงน ลดความอยากใหส้ มกบั ใจตน คลายกงั วลไม่ได้ไปร่ าพัน สมมตุ ิวา่ อยากได้เงนิ แสนบาท หรือมุง่ มาตรหว่ันไหวในของขวญั เหน็ สิง่ ใดชอบใจทุกสิง่ อัน เกดิ มงุ่ ม่นั อยากได้เปน็ ของตน แตท่ วา่ มนั มิได้ตามที่อยาก เพยี งอย่างมากครงึ่ หน่งึ ทส่ี บผล มันน้อยไปมชิ ุม่ ดวงกมล พอเพียงผลท่ีไดไ้ มอ่ าทร นยั หลงั ดังวา่ นเี้ หน็ ดแี น่ ใช้ธรรมแก้ทุกข์ได้ตามคาสอน ขาดความพอตามไดไ้ ม่สงั วร มกั ยอกย้อนดูถูกโชคตนเอง ใสไ่ ฟตนเปน็ คนแสนอาภพั คนอ่นื กลับเหยียดหยามตามข่มเหง ขัดลาภผลท่ไี ม่กลัวเกรง ทีตนเองเส่ือมเสียไมค่ านึง ผู้ไมร่ จู้ กั พอประเภทนี้ มักร้อนจ๋ีส่วนได้อันมาถงึ มีอาลยั อาวรณอ์ ้อนราพึง ครวญคะนึงแตส่ ว่ นเสียละเห่ียใจ สาม “รู้จกั พอตามสมควรที่ได้” สูงขึน้ ไปขนั้ ยอดอันสดใส
73 รจู้ ักพอข้อสองก็สขุ ใจ แตม่ ใิ ช่ประณตี ถึงขีดดี ของได้มาต้องเลือกแตข่ องแท้ ให้ดีแนส่ ว่ นเสียควรหลกี หนี ดงั ตัวอย่างได้ปลามาอว้ นพี กินส่วนดเี หลือกา้ งขวา้ งทง้ิ ไกล อย่าละโมบกินมันเข้าทง้ั กา้ ง จกั เสรมิ สรา้ ง ทกุ ขร์ ะทมสุดขานไข ควรยินดีตามควรสว่ นพอใจ เลกิ อาลัยปลาใหญ่ตวั หลดุ มือ รจู้ กั พอตามควรน้นั มีสาม หน่ึง “พอตามฐานะ” ตอ้ งยึดถือ ฐานะเชน่ ไรอย่าใหใ้ จกระพือ ทาบนั ลือ ดงั หมูขพู่ ยัคฆ์ พระ เณร เถร ชี นารี บุรุษ ควรดูจดุ ทค่ี วรให้สมศักด์ิ จะยืนเดนิ น่ังนอนและผ่อนพัก ที่พานักผใู้ หญ่ต้องใคร่ครวญ เขาวางเบาะท่นี ัง่ ต่ังเกา้ อ้ี ทาตรงรี่เขา้ นงั่ สอบสวน ทาใฝ่สงู เกนิ ศักดิ์จงเกิดควร คงจะสรวลเย้ยหยันพลันได้อาย อน่งึ อาจกลายเป็นเชน่ คนมที ุกข์ มงุ่ ความสขุ เกินวาสนาพากระหาย เปน็ เลขาฯ มกิ ี่วันฝนั คุณนาย มสิ มหมายคงตรมระทมทรวง ข้อสอง “พอแก่กาลงั ” ฟงั ดี บางคนมีกาลังอันใหญห่ ลวง บางคนนอ้ ยดอ้ ยกวา่ เขาทั้งปวง บางคนหวงความรู้เพยี งนดิ เดียว กาลงั บญุ วาสนาและความคดิ บางคนนิดบ้างใหญ่ฉลาดเฉลียว “สงิ่ ได”้ ใช่จะมากเสยี ทเี ดยี ว ยอ่ มต้องเกยี่ วแกก่ าลังเป็นสาคัญ ผ้ขู าดรูจ้ กั พอในขอ้ นี้ มักจะตีค่าตัวอย่างหนุ หนั เขาเป็นอะไรไดต้ ้องให้ทนั ถึงตวั ฉันก็หนึ่งอย่เู หมือนกัน เพิม่ มากมนั จะกลายเปน็ ดูหม่ิน จนเคยชนิ ตเี สมอถูกเย้ยหยนั ปรารถนารฐั มนตรมี มี ากครนั ตาแหนง่ นัน้ อาจไม่ควรกับใครเลย เพราะกาลงั ของเขาอาจไม่ถงึ การงานตงึ เคร่งเครยี ดนะทา่ นเอ๋ย ข้อสาม “พอสมควรแก่ศักด์ศิ รี” ดังวาทีอรรถกถาทา่ นขยาย มีภมู ศิ ลี ภมู ิธรรมประจากาย เลิกสิง่ ร้ายได้มาไมช่ อบธรรม ของลักปลน้ สนิ จา้ งในทางผิด ทาเชยชิดมักได้ให้ถลา ในส่ิงลดเกยี รตศิ ักดห์ิ กั ขมา มเี ลิกทาพนิ าศปราชญต์ ิเตียน เลกิ มกั มากอยากใหญเ่ สียใหห้ มด เกยี รติปรากฏศักด์ิศรีมิพาเหียร อยเู่ ป็นสุขสบายคลายอาเกยี ร์ เจดิ จาเนยี รแจ่มจ้าชะตาเรา ความพอแตล่ ะ แงต่ ามท่ีว่า กรุณาใคร่ครวญอย่ามวั เขลา มิได้แนะทางคร้านพานใจเบา เพือ่ ช่วยเกาสะกิดมติ รทวั่ ไป มีคนเขลาเท่าน้ันเขา้ ใจผิด เฝ้าแต่คดิ ตรงขา้ มกับความไข ความเกยี จคร้านม่ัวสุมเขา้ รุมใจ จงึ ทาใหเ้ อือมระอาตอ่ การงาน แม้เกง่ กาจมีอานาจสกั ปานใด ฐานะใหญ่อักโขโก้ไพศาล มตี กึ สูงเยี่ยมเทยี มวิมาน และหลกั ฐานเหลอื นบั ทรัพย์มากมี เอาความพอไปไวท้ ี่ใจ ทาอยา่ งไรใจพอไมห่ วนั่ ไหว ถงึ เปน็ ใหญ่เช่นไรในโลกีย์ ก็ไม่มีความสขุ ไดส้ มใจ
74 เมื่อเอาความพอมีไว้ที่ใจ ทาอย่างไรใจพอไมห่ วั่นไหว หัดรจู้ ักความพอมีท่ใี จ ถึงยากไร้ดอ้ ยทรัพย์กลับโชคดี ทาคนเป็นเศรษฐีให้ดีย่ิง สมบูรณจ์ ริงสมศักดชิ์ ัน้ เศรษฐี ดั่งคาถาโอวาทพระมนุ ี ทรงยินดีโปรดปรานประทานมา “สนั ตุฏฐิ ปะระนงั ธะนงั ” เกดิ สุขังเพราะ “พอยอดทรัพย์”หนา มีอุทานธรรมของพระเถราฯ ท่านนามากล่าวไว้ให้เปน็ ทาน “ความไม่พอใจจนเป็นคนเขญ็ พอแล้วเปน็ เศรษฐมี หาศาล จนท้งั นอกทง้ั ในไม่ไดก้ าร เร่งคดิ อา่ นแกจ้ นเปน็ คนพอ” อน่งึ รจู้ ักพอทาคนให้สนใจ มเิ ล่ือมใสยงั กลบั ใจเชยี วหนอ มศี รัทธาก็เกิดเพราะความพอ ดัง่ จะขอสาธกยกเรื่องมา แต่ปางหลังครั้งพระพุทธองค์ เมอื่ ยังทรงพระชนมอ์ ย่นู นั้ หนา ทีฆพราหมณ์คนหน่ึงไมศ่ รัทธา ไดข้ า่ วว่าพระสงฆซ์ ื่อตรงดี ไมม่ ักมากโลภหาในอาหาร ทวั่ ทุกทา่ นรู้จักพอไวศ้ ักดศ์ิ รี ได้ของน้อยก็แจกกนั ฉันพอดี ผดิ กบั ทีเ่ คยเลย้ี งบรรดาพราหมณ์ ได้เลี้ยงพวกชีพราหมณ์มาก็หลายคราว แกงกับข้าวตอ้ งใชค้ นหาบหาม แมก้ ระนัน้ ยังไมพ่ อกับพวกพราหมณ์ จึงรีบถอื ขันข้าวพอไปไหว มงุ่ สู่พระวหิ ารโดยทันใด ประเคนให้สงฆ์เถระโดยจานง พระเถระหยิบไว้เพยี งหน่อยหนึ่ง แบง่ ใหถ้ ึงองคส์ ดุ ของหมู่สงฆ์ ขา้ วหนึ่งขันพอท่ัวกันทุกองค์ ท่านบรรจงขบขนั สารวมใจ ความปีตปิ ลาบปล้ืมดว้ ยศรัทธา เต็มอรุ ายดึ ม่ันไมห่ วั่นไหว พาครอบครวั เข้าถงึ รตั นตรัย ด้วยเล่ือมใสหว่านทรัพย์ไม่นับเลย สร้างเจดยี ว์ ิหารการกุศล ดว้ ยมงุ่ ผลความสขุ อยา่ งเปดิ เผย รว่ มบารงุ ศาสนาไม่ละเลย รบั เสวยความสขุ ทุกราตรี อีกเรื่องหนง่ึ พระเจา้ สัทธาดิส พระทยั คดิ ศรัทธาไม่หนา่ ยหนี กอ่ นเสวยนกกระทามีรสดี จิตเปรมปรีด์มิ ่งุ หมายถวายทาน ให้นมิ นต์เณรน้อยรปู หนึ่งมา ดว้ ยศรัทธาประจาเกดิ อาจหาญ ถวายนกกระทามิทนั ทาน แต่เณรทา่ นทรงศลี อภิญญา สามเณรรับไวแ้ ต่พอควร อีกหน่งึ ส่วน มอบคนื ดว้ ยหรรษา ใหร้ าชนั หมน่ั พระทัยยง่ิ ศรัทธา ตามจรรยามักน้อยขององคเ์ ณร พระองค์ถวายสารบั มากท่ี ทรงเปรมปรีด์เิ ลือ่ มใสที่ได้เหน็ เปน็ โยมปวารนาต่อสามเณร ทรงบาเพ็ญสงั ฆทานแต่นัน้ มา สามเณรน้อยคลอ้ ยตามธรรมผูร้ ู้ กตัญญูในสงฆ์ยง่ิ นักหนา ไมล่ ืมคุณอาจารย์อปุ ชั ฌาย์ จติ ปรดี าคารวะไม่ละเลย เหลอื ไวแ้ ต่พอควรสว่ นท่ฉี ัน ส่วนเกนิ นั้นจัดถวายไม่น่ิงเฉย ทกุ ทุกวนั เป็นนจิ จติ สะเบย ออกโอษฐ์เอ่ยหมปู่ ราชญ์ประกาศคุณ ดงั น้ันเมอื่ ทกุ คนมีความพอ ความสุขหนอย่อมโอบเอ้ือเข้าเก้อื หนนุ
75 ไดร้ ับความโลง่ ใจมชิ ุลมุน ขอคุณคุณรูจ้ กั พอสขุ ใจแล พดู ถงึ สันโดษนั้นมคี วามคล้ายกนั ธรรมข้อนน้ั “มักนอ้ ย” ตามกระแส พระพทุ ธองคท์ รงตรัสมิเปลยี่ นแปร โดยทีแ่ ทท้ ราบความจักเขา้ ใจ สนั โดษกับมกั น้อยความคล้ายกนั สนั โดษนัน้ ยินดีของเราผิดไฉน ? มิมีขอบเขตมากสักปานใด มใิ ห้ใครไม่ผดิ ในทางธรรม “มักน้อย”ยนิ ดีของเราแต่พอใช้ เหลือควรไว้ให้ผอู้ ่นื จึงคมขา สละชดุ นุง่ หม่ เกนิ ใช้ประจา ใหถ้ ูกธรรมใช้ชุดเดียวพอใจ พรหมวิหารธรรม กกกกกกกคนส่วนมาก เชน่ พราหมณน์ ับถือพระพรหม อย่างจับจิตจับใจ จะทาอะไรก็ตอ้ งการจะให้ พระพรหมเหน็ อกเหน็ ใจ ชว่ ยให้ตนมีความสุข พระพุทธเจ้าของเรากลับเป็นนกั ปฏวิ ัติจติ ใจ ไมต่ ้องการ ให้ทุกคนอ้อนวอนให้ใครชว่ ยแม้แต่พระองค์เอง ต้องการให้ทกุ คนทาในทางท่ีดีมธี รรมะเป็นหลกั ปฎบิ ตั ิ จะได้พบพระองค์เองหรือไดเ้ ป็นพระพรหมเสียเอง กกกกกกกพรหมวหิ ารธรรม คอื ธรรมเป็นเคร่ืองอยูข่ องผใู้ หญ่ มี 4 ประการ คือ กกกกกกกประการที่ 1 เมตตา ปรารถนาใหผ้ อู้ ่ืนเปน็ สขุ กกกกกกกประการที่ 2 กรณุ า สงสารคดิ จะชว่ ยให้พน้ ทุกข์ กกกกกกกประการท่ี 3 มุทิตา พลอยยนิ ดีเม่ือผอู้ ่นื ไดด้ ี กกกกกกกประการที่ 4 อเุ บกขา วางเฉยไมด่ ใี จ ไมเ่ สียใจ เม่ือผู้อืน่ ถึงความวิบัติ กกกกกกกคาว่าพรหม คือผ้ปู ระเสริฐ เขา้ ใจกันส่วนมาก พรหมมวี ิมานอยู่ส่วนหนงึ่ ตา่ งหากจากพวก เทพ ไมม่ ีคู่ครองเหมือนพวกเทพ อยูเ่ ดยี่ ว พวกพราหมณ์ถือวา่ เปน็ ต้นวงศ์ของพวกเขา ทางพุทธ ศาสนากม็ ีเก่ยี วเร่อื งพรหมอยู่หลายที่ ผูบ้ าเพญ็ ตนได้ฌานสมบตั ิก็วา่ ตายไปเป็นพรหม ส่วนใหญ่ พระพทุ ธเจา้ มงุ่ ใหท้ กุ คนประพฤติธรรมทจ่ี ะทาใหเ้ ปน็ พรหมมากกวา่ กกกกกกกคาวา่ วหิ ารธรรม คือธรรมเป็นเคร่ืองอยู่ หมายถึงเอาใจเข้าหาธรรมะ เข้ามาไว้ทใี่ จ พูด งา่ ย ๆ กค็ ือทั้งเนื้อทั้งตัวมีธรรมะ กกกกกกกเม่ือนาคาท้ังสองมารวมเข้ากันเป็น พรหมวหิ ารธรรม หมายถงึ ธรรมเป็นเครือ่ งอยู่ของผู้ใหญ่ มีรรมเป็นเคร่ืองอยู่อย่างประเสริฐ ผู้มีคุณธรรม 4 ข้อดังกล่าวน้ี จะอยู่ในวัยไหนก็ตาม เรียกว่าผู้ใหญ่ ทงั้ นน้ั โลกจะร่มเย็นดับยุคเขญ็ ได้ จะเวน้ ธรรมเหลา่ นเ้ี สียไมไ่ ด้ กกกกกกกข้อท่ี 1 เมตตา รักใคร่ปรารถนาใหเ้ ป็นสุข ความรักใคร่มี 2 ประเภท รักอย่างมีกิเลส ด้วย อานาจกามตัณหาไม่ใช่เมตตาในท่ีน้ี รักชนิดปรารถนาดี เช่น บิดามารดารักบุตรธิดา ครูบาอาจารย์ ปรารถนาดีต่อศษิ ย์ เป็นตน้ เรยี กวา่ เมตตาในทีน่ ้ี เมตตามิได้ 3 ทาง กกกกกกกทางกาย มีการช่วยทาการงานน้อยใหญ่ของเขาให้แล้วเสร็จ หรือเท่าที่จะช่วยได้ เช่น ผ้าผ่อนฝนจะตกเปียก ช่วยเกบ็ ให้ เปน็ ต้น กกกกกกกทางวาจา ช่วยแนะนาให้ทาทางถูก หรือส่ังผู้อื่นให้ช่วยทากิจการของเขาให้สาเร็จเพียง เทา่ ท่จี ะทาได้ ก็เป็นการดี หรือเหน็ คนประพฤติชว่ั แนะให้ทาดี เป็นตน้ กกกกกกกทางใจ ช่วยอะไรทางกาย ทางวาจาไม่ได้ ก็เพียงแต่นึกปรารถนาดีทางใจให้เขามีความสุข ความเจรญิ เทา่ นั้นกใ็ ช้ได้
76 กกกกกกก1. การแผ่เมตตากระทาได้ 2 ลักษณะ คือ กกกกกกก1. ลกั ษณะท่ี 1 โอทิสสผรณา แผโ่ ดยเจาะจงผ้ทู ต่ี นตอ้ งการ คอื จากดั ตัวบคุ คล กกกกกกก1. ลักษณะท่ี 2 อโนทสิ สผรณา แผ่ไปในหม่สู ตั วโ์ ดยไมเ่ จาะจง กกกกกกก1. วธิ ีแผเ่ มตตา กระทาได้ 3 วิธี กกกกกกก1. วธิ ที ่ี 1 แผ่ให้ตัวของเราให้มีความสขุ เสียก่อน ให้คดิ ถงึ วา่ ตัวเราเป็นท่ีน่ารัก แล้วแผ่ไป ในคนทต่ี นรกั มี บดิ า มารดา ครูอาจารย์ เปน็ ต้น กกกกกกก1. วิธีท่ี 2 แผ่ไปในผู้ท่ีเป็นศัตรูกัน ตั้งแต่ส่วนน้อยจนถึงส่วนใหญ่โดยลาดับ มักทาได้ยาก ถ้าทากป็ ระเสริฐนัก กกกกกกก1. วธิ ีท่ี 3 แผไ่ ปในหมู่สตั วท์ วั่ พิภพ ไมเ่ ลือกจะเปน็ ประเภทไหน กกกกกกก1. วธิ ีที่ 3 คาแผเ่ มตตาตามหลกั สากลนยิ ม กกกกกกก1. วิธีที่ 3 สัตว์ท้งั หลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกดิ แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกนั ทง้ั หมดท้ังสิน้ กกกกกกก1. วธิ ที ี่ 3 จงเป็นสขุ เปน็ สุขเถิด อย่าไดม้ ีเวรแก่กนั และกันเลย กกกกกกก1. วธิ ีท่ี 3 จงเป็นสขุ เปน็ สุขเถดิ อย่าเบยี ดเบียนซึง่ กันและกันเลย กกกกกกก1. วธิ ีท่ี 3 จงเป็นสขุ เปน็ สุขเถดิ อย่าได้ทุกขก์ าย ทกุ ข์ใจเลย กกกกกกก1. วิธที ่ี 3 จงเป็นสขุ เป็นสขุ เถดิ รักษาตนให้พน้ จากทกุ ขภ์ ัยทงั้ ส้ินเถดิ กกกกกกก1. อานสิ งสเ์ มตตา กกกกกกก1. ในเมตตานิสังสสูตร พระพุทธเจ้าตรสั อานสิ งส์การเจรญิ เมตตา สาหรับผเู้ จรญิ ได้ดี ไดร้ บั ผล 11 ประการ คอื กกกกกกก1. ประการท่ี 1 ตื่นอย่กู เ็ ปน็ สุข กกกกกกก1. ประการท่ี 2 หลับอยู่กเ็ ป็นสขุ กกกกกกก1. ประการที่ 3 ไมฝ่ นั ร้าย กกกกกกก1. ประการที่ 4 เป็นทร่ี ักของมนุษย์ กกกกกกก1. ประการท่ี 5 พวกอมนุษย์กร็ ักใคร่ กกกกกกก1. ประการท่ี 6 เทวดารักษา กกกกกกก1. ประการท่ี 7 ปลอดภัยจากไฟ-ยาพษิ -ศัตรู กกกกกกก1. ประการท่ี 8 จิตม่นั คง กกกกกกก1. ประการที่ 9 ใบหนา้ ผ่องใส กกกกกกก1. ประการท่ี 10 ไมห่ ลงตาย คือ ตายมสี ติ กกกกกกก1. ประการท่ี 11 ปฏิบัติเมตตาสมบรู ณ์แลว้ เขาถึงพรหมโลก กกกกกกกข้อท่ี 2 กรุณา คือความสงสาร มีจิตใจหวั่นไหว ในเม่ือเห็นผู้อื่นได้รับทุกข์ เช่น คนถูกน้า ท่วม ไฟไหม้ คนถูกจองจา สัตว์เดรัจฉานถูกทรมาน เป็นต้น คนมีความกรุณา เห็นใครก็ตามตกทุกข์ แล้วอดที่จะช่วยเหลือมิได้มีจิตหวั่นไหว เมื่อได้ช่วยเหลือแล้วจึงจะสบายใจ ผู้ฉลาดท้ังหลายได้เคยทา มาแลว้ มิใชน่ อ้ ย กกกกกกกข้อที่ 3 มุทิตา คือความพลอยยินดีในเม่ือผู้อ่ืนได้ดี จะน้อยหรือมากก็ตาม ต้องแสดงความ ยินดีต่อกันเสมอ ผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้น้อยได้รับเกียรติยศหรือตาแหน่งก็ไปแสดงความยินดี ไปแสดง ความยินดีในความทุกข์ ความชั่วของผู้อ่ืนที่ตนไม่ชอบ ไม่เป็นมุทิตาก็มีอยู่มิใช่น้อยเหมือนกัน ท่ีเห็น
77 เขาได้ดีก็กลับอิจฉาตาร้อนหาทางทาลาย บางคร้ังจาเป็นเพราะหน้าท่ีบังคับใหต้ ้องทาก็ไปแสดงความ ยินดีอย่างแกน ๆ อย่างน้ันแหละ คนท่ีขาดมุทิตาจะหาความสุขมิได้เลย ใจคอหงุดหงิดทุรนทุราย ปัญญาเสือ่ ม ไมค่ อ่ ยมองเห็นความเจริญทัง้ ส่วนตวั และสว่ นผู้อืน่ ชาตนิ ี้ทงั้ ชาตเิ พียงมีลมหายใจเท่านั้น เขาจะไม่มีความสุขเลย ทั้ง ๆ ทม่ี ีทรพั ยส์ มบัตทิ ุกอย่างสมบูรณ์ดี ตรงกนั ขา้ มกับผู้ที่มมี ุทิตา แมจ้ ะเป็น คนยากจนเขากม็ คี วามสขุ ในชีวิตอยา่ งสมบูรณ์ กกกกกกกข้อ 4 อุเบกขา วางเฉยไม่ดใี จ เสยี ใจ เมือ่ ผู้อนื่ ถึงยามวบิ ัติ คาว่าวางเฉย หมายถึง ผูท้ ี่ตนจะ ช่วยทาผิดต่าง ๆ เช่น ผิดกฎหมาย ถูกจองจาตามผลของกรรมก็ไม่ช่วยเหลือ เพราะช่วยคนผิดทาให้ เสียหลักยุติธรรม หรือผู้ที่ตกน้าไปต่อหน้า แต่หมดทางท่ีจะช่วย ท่านให้วางเฉย การวางเฉยต้องไม่ ประกอบดว้ ยอคติ ถา้ ยงั ประกอบด้วยอคติแลว้ เขาจะมีความวางเฉยไมไ่ ด้เลย กกกกกกกผทู้ ่ีมพี รหมวิหารธรรม แม้จะอยใู่ นฐานะเชน่ ไร จะดารงไว้ซึง่ ความยตุ ิธรรม ชว่ ยเหลอื บาบัด ทุกข์ภัย ใหค้ วามสุขสนับสนุนให้ก้าวหน้า พลอยยินดีในความดี หรอื ผลงานของบุคคลทั่ว ๆ ไป ไม่ สง่ เสริมในทางชว่ั ร้าย ทั้งส่วนตวั และสว่ นรวม กจ็ ะเปน็ อยู่อย่างสุขสบายเป็นนจิ นริ นั ดร์ บทกลอน 8 ของอานสิ งส์เมตตากกกกกกก ถงึ จะตืน่ จะหลบั ดมี ีสขุ ไมม่ ีทุกข์ฝันร้ายใจผวา มนุษยอ์ มนุษยร์ ักทกุ เวลา เทพรกั ษาปลอดยาพิษ ไฟ ศัตรู จติ ม่นั คง มีวงหน้าแจ่มใส สติไวไมห่ ลงตายคลา้ ยพวกหมู เมตตาสงู จูงใจให้เฟื่องฟู ด่งิ ไปสพู่ รหมโลกไรโ้ สกเอย กกกกกกเมตตาปารมีกถา กกกกกกก อนุสสนธิพระธรรมเทศนา เร่ืองบารมี 10 ข้อที่ 9 คือเมตตา เพ่ือชี้แนวปฏิบัติแก่พุทธ บริษัทผู้ใคร่ในการศึกษา ตามสมควรแก่เวลา คาว่า เมตตา แปลว่า ความรัก และเอ็นดู ความ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้สุข หรือความสนิทสนม บารมี แปลว่า คุณสมบัติทาให้ย่ิงใหญ่รวมเป็นเมตตา บารมี แปลว่า คุณสมบัติทาให้ย่ิงใหญ่คือความรัก คาว่าความรักในท่ีน้ีหมายถึงความรักซ่ึงปราศจาก ความใคร่ตามอารมณ์อันไม่เจือปนดว้ ยราคะความกาหนัดเป็นความรักท่ีเกิดข้ึนในสรรพสัตว์ทัว่ ไป อัน ตนมีความประสงค์ให้ได้สุขตามหลักสามัญชนคิดว่า เมตตาจะเกิดได้ต้องอาศัยคาถา ภาวนาให้เกิด พลังใจ ช่วยทาให้พลังใจของอีกฝ่ายหนึ่งมีความอ่อนไหว เกิดความรัก ความเอ็นดู ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จึงได้เกดิ มีพธิ ีกรรมต่าง ๆ ตามความเขา้ ใจของเกจิอาจารย์วางแนวทางและกฏเกณฑ์ของตนขึน้ ไว้เพ่ือ ศึกษาของศิษย์ต่อไป อันท่ีจริง เมตตาน้ีสร้างให้เกิดข้ึนในตัวได้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวาง แนวทางให้ทุกคนหมั่นระลกึ กันไมร่ ู้จักลืม ดงั ทที่ รงตรสั ไว้ในสาราณยิ ธรรมสูตร ในสามประการขั้นต้น ทรงแบ่งเป็น ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ว่า เมตตากายกรรม เข้าไปตั้งไว้ซึ่งเมตตาทางกาย ได้แก่ การช่วยเหลือผู้อ่ืนด้วยกาลังเร่ียวแรงของตน เช่น ประชาชนกาลังพัฒนาถนนหนทาง เพ่ือสะดวกใน การสัญจรไปมาของท้องถิ่น หรือพากันขุดลอกสันดอนของลาคลอง เพื่อสะดวกในการอาศัยน้า เกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชพันธ์ุธัญญาหาร หรือทาอย่างอ่ืนใดที่ต้องอาศัยคนหมู่มากเป็นต้น เขาจะพา กันขอร้องหรือไม่ก็ตาม ยอมเขา้ ร่วมช่วยเหลือด้วยตนเองบ้าง หรือไมอ่ าจชว่ ยด้วยตนเองก็หาอาหาร มาร่วมช่วยเหลือบา้ ง มิฉะนัน้ กส็ ละทรัพยข์ องตนเองออกจ่ายสง่ิ ของต่าง ๆ มารว่ มเลยี้ งดู ให้พลังทาง
78 ร่างกาย หรือในที่สุดแม้เพียงปรากฏตัวในท่ีชุมชนเช่นนั้น ในการพัฒนาสาธารณสถาน ซึ่งจะเป็นเหตุ ส่งเสริมให้เกิดพลังใจแก่ส่วนรวมในที่นั้น ๆ หรือการช่วยเหลือเพาะบุคคลในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยการ ช่วยเก็บวัตถุส่ิงของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเกิดเมตตาอย่างสูง เช่นสละเลือดให้แก่โรงพยาบาล เพื่อความ อยดู่ ีของผ้ปู ว่ ยไข้ นีช้ ่อื ว่าเมตตาทางกาย กกกกกกก เมตตาวจกี รรม เข้าไปต้งั ไว้ซง่ึ เมตตาทางวาจา ได้แกก่ ารช่วยเหลอื ทางวาจา คอื จะช่วยทาง กายไม่ได้ แตข่ วนขวายทางวาจา เชน่ ชกั จูงให้เขาช่วยเหลอื ชที้ างให้เขาเห็นแก่ประโยชนส์ ว่ นรวมของ ประเทศชาติและสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ที่ควรร่วมแรงร่วมใจทาในที่สุดแม้ที่สาธารณะ มีอาคาร สวยงามด้วยสีสัน สถานท่ีประดับประดาไวด้ ้วยพันธ์ุไมน้ านาชนดิ มีพันธ์ุไม้ต้น พันธุ์ไม้ใบ พันธุ์ไม้ดอก และมีสนามหญ้าอันสวยงาม ช้ีแจงให้รู้จัก รักษาความสะอาดไม่เดินลัดสนามหญ้า ไม่เด็ดดอกไม้ หัก รานก่ิง โค่นตน้ ทาลายปา่ สงวนของชาตหิ รือขีดเขียนอาคารสถานสาธารณะท่ัวไปใหเ้ ป้ือนเปรอะเลอะ เทอะไม่น่าดู ช้ีแจงให้เขารู้จักทามากินให้ประกอบอาชีพต่าง ๆ แม้แนะนาให้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ เหมาะสมเป็นพลเมืองดขี องประเทศชาติ กไ็ ดช้ ื่อวา่ มีเมตตาทางวาจา กกกกกกก เมตตามโนกรรม เข้าไปต้ังไว้ซึ่งเมตตาทางใจ คือทาใจให้ประกอบด้วยเมตตา ได้แก่ทาง กาย ทางวาจา ไม่อาจช่วยเหลือเขาได้ ก็ให้ตั้งใจประกอบด้วยความรกั ความเอ็นดู ในสรรพสัตวท์ ั่ว ๆ ไปทัง้ ในส่วนที่ใกล้ชิดและห่างออกไป แม้ท่ีสุดในสรรพสัตว์ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตจองเวรกนั และกันก็ตาม การทาใจใหม้ คี วามรักที่เรียกกันวา่ แผ่เมตตาน้ัน ในเบื้องตน้ ต้องแผ่เมตตาใหก้ ับตัวเองก่อน คอื ใหร้ ู้จัก ว่า “เรารักตัวฉันใด ผู้อื่นก็รักตัวฉันน้ัน ตัวเรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด ผู้อื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์ฉันนั้น” อกเราเช่นไร อกเขาก็เช่นน้ัน หมายความว่า ให้รู้จักอกเขาอกเรา หลังจากน้ัน จึงแผ่เมตตาในสัตว์ ตา่ ง ๆ ตามวิธีแผเ่ มตตา ดังต่อไปนี้ กกกกกกก โอทิสสผรณา แผ่ความรักไปในบุคคลท่ีตนรักใกล้ชิดท่ีสุด เช่น บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร ธิดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ศิษยานุศิษย์ ญาติมิตรโดยลาดับ หรือในหมู่คณะ อันตนมีส่วน รับผิดชอบอยู่ดว้ ย การแผเ่ มตตาแบบนีน้ บั ว่าเปน็ ไปในวงแคบ วงจากดั ไมป่ ลอดภัย อาจยังมีศตั รคู ูเ่ วร อยู่ กกกกกกก อโนทิสสผรณา แผ่เมตตาไปในบุคคลท่ีตนไม่รัก ไม่ชัง หรือในผู้ที่ตนเกลียดชงั ซึ่งเป็นศัตรู คอู่ าฆาตจองเวรกันอยู่ ไดแ้ ก่การแผ่เมตตาโดยไม่เลือกว่าผ้ทู ี่ตนต้ังใจนั้น จะเป็นผูท้ ่ีตนรกั หรือเป็นศัตรู ก็ตาม ทาให้ห่างเวรห่างภัย ไม่ต้ังตนเป็นศัตรูคู่พยาบาทของสรรพสัตว์ใด ๆ เป็นการแผ่เมตตาท่ีทาง พุทธศาสนานิยมยกย่อง แม้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงปฏิบัติเป็นประจา ถึงกับมีคาสดุดีซ่ึง นักปราชญ์สดุดพี ระองคไ์ ว้วา่ วธเก เทวทตตฺ มฺหิ โจเร องคฺ ลุ ิมาลเก ธนปาเล ราหุเล จ สพฺพตฺถ สมมานโส กกกกกกก แปลว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระทัยเมตตาเสมอในบุคคลต่าง ๆ คือ พระเทวทัต องคุ ลิมาลโจร นักแม่นธนู ช้างธนบาลและพระราหุล ได้แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นการทาได้ยาก แต่มิใช่ ว่าจะทาไม่ได้ ผู้ที่ตั้งใจทา แล้วย่อมทาได้เสมอ ในเบ้ืองต้นควรนึกถึงความดีของเขาเท่าที่พอจะนึกให้ เหน็ ได้ คิดนึกถงึ ความดีทีเ่ ขาทา เพ่ือประโยชน์ส่วนรวมเทา่ ท่มี อี ยจู่ ะน้อยหรือมากกต็ าม หากยังไม่เห็น ความดีของเขา ควรนึกถึงผู้ใกล้เคียง เช่นพ่อ แม่ ลูกหลาน สามีภรรยา ญาติพ่ีน้อง มิตรสหายของเขา ยังทาดีเพ่ือหมู่ เพื่อสังคมมีมาก หากยังไม่เห็นความดีของสาวสัมพันธ์ของเขา ในข้ันสุดท้ายให้นึกว่า
79 ชีวิตเริ่มแรกของทุกคนท่ีเกิดขึ้นมานั้น มีความบริสุทธิ์สะอาดยังไม่มีเวรภัยกับใคร ๆ แต่เพราะอาศัย สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สถานท่ี ดินฟ้าอากาศ ชุมนุม สังคม เปล่ียนแปลงนิสัยต่าง ๆ ของผู้นั้นให้ กลายเป็นผู้ที่ไม่น่าคบหาสมาคมเป็นศัตรูกัน และกัน เป็นคนช่ัวเสียหาย เขาทากรรมใดไว้ ย่อมต้อง ได้รับผลกรรมน้ันเสมอ ไม่ช้าก็เร็วใครจะไปซ้าเติมหรือไม่ก็ตาม ผู้ที่ไปช่วยซ้าเตอมเขาน้ัน ย่อมจะก่อ เวรภัยสืบต่อไปอีกไม่รู้จกั จบสิ้นเม่ือนึกไดอ้ ย่างนน้ั ก็จะทาให้คลายความโกรธอาฆาตจองเวรลงได้ คน ผู้ยังเป็นปุถุชนอยู่ย่อมมีทั้งความดี และความช่ัว ความเกลียดชังเกิดข้ึนเพราะเห็นความร้ายกาจบ้าง ผลประโยชน์ขดั กนั บา้ ง ทาไมถ่ ูกกบั ทัศนะของตวั บ้าง บางทไี ม่ใชเ่ รอื่ งส่วนตวั แต่เปน็ เพราะทากับพวก พ้องพ่ีน้องวงศว์ ารของตนบา้ ง ขัดกับนโยบายของหมู่คณะ ประเทศชาติ ศาสนาของตนบ้าง ทาให้ต้อง เป็นศัตรูคู่อาฆาต บางครั้งเพียงได้ยินข่าวเล่าลือเร่ืองความเสียหายยังไม่ทันจะได้พบเห็น ก็ตั้งตัวเป็น ศัตรูเสียก่อนแล้ว ความรวนเรของปุถุชนเป็นอยู่อย่างน้ี จึงควรจะนึกถึงความดีของศัตรู จักบรรเทา ความเป็นศตั รลู งโดยลาดบั กกกกกกก การแสดงความบริสุทธ์ิไม่เป็นศัตรูคู่เวรกับใคร ๆ มีแต่ความหวังดีเท่านั้น ย่อมจะเปลี่ยน ความคิดศัตรู ความระแวงสงสัยให้อีกฝ่ายหน่ึงคลายลงไป จนกลายเป็นมิตรที่ควรคบอย่างย่ิง ดัง ตัวอย่างที่สุวรรณสามโพธิสัตว์และบิดามารดาแผ่เมตตาไปในหมู่สัตว์ไม่จากัดปริมาณ ทั้งที่เป็นที่รัก และศัตรู จึงทาให้สัตว์ร้ายต่าง ๆ เช่น เสือ สิงห์ เป็นต้น เกิดความรักไม่ทาร้าย กลายเป็นมิตร นอกจากน้ัน แม้สรรพสัตว์ที่เคยเป็นศัตรูกัน เป็นภักษาหารของกันและกัน ซ่ึงอยู่ในบริเวณน้ัน กลายเป็นมิตรรกั สนทิ สนมอยูร่ ่วมกันไดฉ้ ะน้นั กกกกกกก ก่อนท่ีจะแผ่เมตตา ต้องทาใจให้บริสุทธ์ิสะอาด ปราศจากความวุ่นวายต่าง ๆ ทาให้สงบ แนว่ แน่ แผ่เมตตาจริง ๆ ในวันหน่งึ อยา่ งนอ้ ยควรแผเ่ มตตาสักหนึง่ ครั้งก่อนนอนหลงั จากสวดมนต์ไหว้ พระแล้ว หรือจะทาได้มากครั้งขณะมีใจว่างในอิริยาบถต่าง ๆ คือ ขณะยืน เดิน น่ัง นอน ทาได้มาก ย่อมเป็นความดีส่วนเดียว ไม่มีเสียหายอะไร การแผ่เมตตาท่ีรู้กันทั่ว ๆ ไป ตามหลักสากลนิยมมี 4 ประการ กกกกกกก สพฺเพ สตฺตา สัตว์ท้ังหลายท่ีเป็นเพ่ือนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันท้ังหมด ทั้งสิ้น อเวรา จงเป็นสุขเป็นสขุ เถิด อยา่ ได้มีเวรแก่กนั และกนั เลย กกกกกกก สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายท่ีเป็นเพ่ือนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด ท้ังสิ้น อพฺยาปชฌฺ า จงเป็นสขุ เปน็ สขุ เถิด อย่าเบยี ดเบยี นซ่ึงกันและกันเลย กกกกกกก สพฺเพ สตฺตา สัตว์ท้ังหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันท้ังหมด ทั้งส้ิน อนีฆา จงเปน็ สุขเป็นสขุ เถดิ อยา่ ได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย กกกกกกก สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายท่ีเป็นเพ่ือนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด ท้ังสิ้น สุขี อตฺตาน ปรหรนฺตุ จงมคี วามขุ กายสุขใจ รกั ษาตนให้พน้ จากทุกข์ภัยทัง้ สน้ิ เถดิ กกกกกกก สุวรรณสามโพธิสัตว์บาเพ็ญเมตตาเป็นประจา แม้ถูกศัตราวุธ คือลูกศรของพระเจ้าปิลยัก กษัตริย์เมืองพาราณสี นักนิยมการล่าสัตว์ประจานิสัย ก็ไม่เป็นอันตรายด้วยศัตราวุธนั้น เมื่อทุก ๆ ท่านบาเพ็ญเมตตาทั่ว ๆ กันตามแนวพระพุทธศาสนา ก็จะทาให้ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าหากัน ช่วยเหลือ ประโยชน์ของกันและกัน เป็นเหตุก่อให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียว เป็นน้าหนึ่งใจเดียวกัน แผ่กว้าง มากเท่าใดก็ได้เชื่อว่า ก่อให้เกิดความสุขมากเท่าน้ัน สมดังวจนประพันธ์ธรรมภาษิตที่ยกข้ึนเป็น นิกเขป บทเบ้ืองต้นนั้นว่า โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา แปลว่าเมตตาย่อมค้าจุนโลกไว้ ดังนี้ เพราะฉะน้ัน
80 เม่อื ทุกท่านประกอบด้วยเมตตา คือเมตตาเปน็ พรประจาชวี ติ จกั ทาใหเ้ กดิ ประสิทธผิ ลทกุ คนื ทุกวัน ดัง รบั ประทานแสดงพระธรรมเทศนา ขอยุติไว้ดว้ ยเวลาเพยี งเทา่ นี้ เอวังกม็ ดี ว้ ยประการฉะนี้ 2.2 หลกั ธรรมทีเ่ ก่ยี วข้องกับการศึกษา 2.2 การศึกษา คือ หนา้ ทส่ี าคัญทส่ี ดุ ในการดาเนินชวี ติ 2.2 การศึกษา คือ ยาวิเศษแก้โรคโง่ 2.2 การศึกษา คือ อาหารบารงุ สมอง 2.2 การศึกษา คือ การเรยี นรู้ประสบการณ์ 2.2 การศึกษา คือ การพฒั นาชวี ติ 2.2 การศึกษา คือ อาภรณเ์ ลิศประดบั ตัว 2.2 การศึกษา คือ ขุมทรัพย์แสวงหาประโยชน์ 2.2 การศึกษา คือ การลงทุนเพื่อค้ากาไรชีวิต 2.2 การศึกษา คือ ประทปี เพ่ือค้ากาไรชีวติ 2.2 การศึกษา คือ ทางเดินสู่ความสงบ แสงแหงสจั จะความจรงิ หยดุ ทกุ สิง่ ท่เี ทจ็ แสงสองทางสาเร็จ จุดกาเนิดทใ่ี จ แสงสวางกวางไกล คือดวงอาทติ ย แสงสองทางชีวติ คอื การศึกษา กกกกกกก กล่าวโดยสรุป หลักธรรมคาสอนของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ท่ีสาคัญ แบ่งออกเป็น 2 หลักการด้วยกัน คือ (1) หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิต และ (2) หลักธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับ การศกึ ษา กกกกกกกในการเรียนหรือการทางานส่ิงใดก็ตาม ต้องมีความมุ่งม่ัน มีขันติความอดทนและก็มีสัจจะ ความจริงใจในการทางานอุปสรรคปัญหานั้น มีอยู่ตลอดเวลา ในขณะท่ีเราทางานจะต้องรู้จักแก้ไข และแก้ไขท่ีตัวปัญหา เราต้องค้นหาก่อนว่า อะไร คือปัญหา เทียบทางพระพุทธศาสนาก็คือใช้หลัก อริยสัจสี่ คือ ค้นหาว่าอะไรเป็นทุกข์ อะไรเป็นตัวปัญหา อะไรคือสาเหตุของปัญหา อะไรคือสาเหตุ ของปัญหา คือสมุทัย อะไรคือความดับแห่งปัญหาหรือความดับทุกข์ คือนิโรธ และสุดท้ายอะไรคือ หนทางแห่งความดบั ทุกข์ คือดบั ปญั หา หนทางแกป้ ญั หาคือมรรค
81 หวั เรือ่ งที่ 3 หลกั ธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวดั ไรข่ งิ พระอารามหลวง กกกกกกก3. หลักธรรมที่เกีย่ วข้องกบั การดาเนินชีวติ กกกกกกก3. ความสขุ และความทุกข์ เปน็ ส่ิงท่จี ิตเราปรุงแต่งข้ึนมา ถ้าเรารบั รูถ้ งึ สิ่งที่ดีงาม สิง่ สวยงาม และความสขุ ทีร่ ายรอบตวั เราเองอยทู่ ุกขณะแลว้ เราจะไมป่ ลอ่ ยให้ความรสู้ กึ ท่ีเปน็ ทกุ ข์ มา ครอบงาจิตใจเราได้ บทกลอนและสุภาษติ ในการดาเนนิ ชีวิต คนด้ืออย่าสอน คนจรอยา่ คบ คนประจบอย่ารัก คนทกั อยา่ น่งิ คนจรงิ อยา่ หนา่ ย คนอายอย่าลอ้ คนมางอ้ อย่าโกรธ คนโฉดอยา่ เข้าใกล้ วันใดที่ ทอ้ งฟ้า ครึ้มมดื มิด ก็จงคิด ถึงวัน ท่สี ดใส วนั นแ้ี ม้ ท้องฟา้ ไมอ่ าไพ จงรไู้ ว้ ว่าพรุ่งนี้ จะรุ่งเรือง เกดิ กเิ ลสตณั หาเพราะความหลงใหล เจ็บ ไม่จาสรา้ งแตก่ รรมชั่วเรอ่ื ยไป ตาย เปล่าไปหาส่งิ ดีไมม่ เี ลย “คนมีปญั ญา ทาจติ ทด่ี นิ้ รน กวัดแกวง่ รักษายาก หา้ มยาก ให้ตรงได้ เหมือนชา่ งศร ทาลกู ศร ให้ตรงได้ ฉนั นนั้ ” พทุ ธสภุ าษติ “ดกู ่อนอานนท์” ธรรมหน่ึงคือ อานาปานสตสิ มาธิ ภิกษเุ จริญแลว้ ทาใหม้ ากแล้ว ยอ่ มยังสตปิ ฏั ฐาน 4 ให้บริบรู ณ์ สตปิ ฏั ฐาน 4 อันภกิ ษเุ จรญิ แลว้ ทาใหม้ ากแล้ว ย่อมยงั โพชฌงค์ 7 ใหส้ มบรู ณ์ โพชฌงค์ 7 อนั ภิกษุเจริญแล้ว ทาใหม้ าก ย่อมยังวิชชาและวมิ ุตติให้บริบรู ณ์
82 พรปีใหม่หลวงพอ่ วดั ไรข่ ิง 2557 แบง่ พวกเสยี ความรัก แบ่งพรรคเสยี ความสามคั คี ไมแ่ บง่ พวกไม่แบ่งพรรค จะได้ท้งั ความรกั และความสามัคคี ความเพยี ร เป็นสมบัติ ของนักสู้ ความรู้ เป็นสมบัติ ของนกั ปราชญ์ ความฉลาด เป็นสมบตั ิ ของนักขบคดิ ความเป็นระเบยี บทุกชนดิ เป็นสมบัติ ของคนดี ประโยชน์ของความไม่เทย่ี ง ความไม่เที่ยง ไม่เพยี งชี้ มแี ตโ่ ทษ มีประโยชน์ ก็มากมาย หลากหลายสว่ น เชน่ สานกึ ระลึกใน ไมแ่ น่นอน กกกกกก ให้ผลย้อน สะท้อนทกุ ข์ เป็นสขุ แทน กกกกกกกถ้าเข้าใจในเร่ืองราวความเป็นไปของโลกแล้ว จะทาให้เป็นผู้ท่ีเข้าใจในชีวิตมากข้ึน รู้จักใช้ ชีวิตแบบผมู้ ปี ญั ญาที่ใชช้ วี ิตบนโลกแตไ่ ม่ตดิ โลก ไมไ่ ปยดึ ม่ันถือมน่ั อะไรให้มากมายนัก เพราะทุกส่ิงทุก อย่างเต็มไปด้วยความแปรปรวน เด๋ียวข้ึนบ้างเดี๋ยวลงบ้าง ทาดีก็เช่นกัน เม่ือทาความดีแล้วก็อย่าไป อวดดีถือดี อย่าไปแบกความดีไว้ข่มผู้อ่ืน อย่าไปคิดว่าตนดีท่ีสุดหรอื ดีกว่าคนอื่น ทางท่ีดีคือ ไม่ควรไป เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นเลย เพราะเราทาดีเพ่ือลดละเลิกกิเลสในตัวเอง ถ้าท่านได้รู้จักพิจารณา อย่างลึกซงึ้ และตอ่ เน่อื งว่า จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์นานัปการตอ่ ตวั ท่านเองดงั น้ี กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะช่วยทาให้ชีวิตเป็นสุขมากขึ้น มีความเบากายเบาใจ เพราะเมื่อนึกถึงความไม่เท่ียงแล้วจะช่วยทาให้ลดความโลภ ความโกรธ ความ หลงให้น้อยลง จิตก็จะปลอดโปร่งผ่องใส เบิกบานและเป็นอิสระ เน่ืองจากลดอุปทานคือ การยึดมั่น ถือม่ันลงได้ เพราะทุกคนรู้แน่แก่ใจว่าสิ่งท่ีเราหลงรักหรือหลงคิดว่าเป็นของของตนนั้น ไม่มีความ แน่นอนอยู่เลย มีโอกาสแปรปรวนได้เสมอ เม่ือสุขก็ไม่ติดในสุข ไม่มืดมัวหมกมุ่นลุ่มหลงในสุขเมื่อมี ความสุขผันแปรไปก็ไม่ถูกความทุกข์ครอบงา มีผลกระทบกระเทือนใจน้อย สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ อย่างผมู้ สี ติ กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนบ่อย ๆ แล้วจะทาให้ท่านเป็นผู้ไม่ ประมาทหลงระเริงในชวี ิต เมอ่ื ประสบความสุขความเจริญ เมือ่ ทุกขก์ ็มีความหวังว่าสักวันหน่ึงอาจพ้น จากทุกข์ได้ ไม่ประมาทมัวเมาในวัยหนุ่มสาว ไม่ประมาทในความไม่มีโรค เพราะรู้ดีว่าชีวิตจะจบลง เมื่อไหร่ก็ได้ ร่างกายท่ีแข็งแรงดีก็อาจเจ็บป่วยได้เช่นกัน จึงไม่ควรเอาเวลาอันมีค่าของชีวิตน้ีไปทา กรรมชวั่ หรอื ถ้าทาไปแลว้ ก็ไม่กลา้ ท่ีจะทาอกี จึงทาใหท้ ่านเปน็ ผ้รู คู้ ุณคา่ ของเวลา มคี วามกระตือรือร้น ในการท่ีจะสร้างสมความดี เอาเวลาทมี่ ีไปแสวงหาความดีใส่ตวั กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะทาให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท ในทรัพย์สิน เพราะรู้ดีว่าคนรวยผู้มีทรัพย์มากก็อาจจะกลายเป็นคนจนในอนาคตได้ หรือคนจนก็อาจ
83 กลายเป็นคนรวยได้เช่นกัน ทาให้ไม่ดูถูกดูหมิ่นผู้อ่ืนท่ีไร้ทรัพย์ ไร้ยศหรือต่าต้อยกว่าตน ทาให้รู้จัก สารวมระวังตนอยู่เสมอ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะมองเห็นด้วยปัญญาว่าความสุขความรุ่งเรือง ต่าง ๆ นั้น ไม่มีความเท่ียงแท้แน่นอนอยู่เลยและทาให้รู้จักคาว่าพอได้ง่ายขึ้น สะสมทรัพย์ทางโลกให้ น้อยลง เพราะสมบตั ทิ างโลกไมม่ คี วามแนน่ อนและเปน็ สิ่งท่ีท่านต้องท้ิงเอาไว้ กกกกกกกเมื่อท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนบ่อย ๆ จะทาให้ท่านเห็นแก่ตัวน้อยลง นึกถึงคนอื่นมากข้ึน ให้อภัยคนอื่นได้ง่ายข้ึน เพราะทราบชัดแล้วว่า ทุกคนที่เกิดมาต้องประสบกับ ความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น เม่ือเกิดความเส่ือมหรือเกิดความสูญเสียข้ึนก็ไม่ควรทุกข์จนเกินควร ความ ทุกข์นั้นมีอยู่ทุกแห่งเป็นเร่ืองธรรมดาของสิ่งหลายส่ิงท้ังหลายเราจะหนีทุกข์อย่างไรก็ไม่พ้นจากทุกข์ ไปได้ จึงไม่ควรหนีปัญหา เมื่อประสบกับส่ิงท่ีทาให้ไม่พอใจพึงรู้ว่าส่ิงท่ีเกิดขึ้นน้ันไม่เที่ยงมีโอกาส เปล่ยี นแปลงไปในทางที่ดขี ้ึนได้ ทาให้สน้ิ หวงั ไม่ท้อใจจนเกนิ ไป กกกกกกกเม่ือท่านได้รู้จักระลึกนึกถึงความไม่เท่ียงแท้แน่นอนบ่อย ๆ อาจจะช่วยกระตุต้นให้ตัวท่าน เอง เกดิ ปญั ญาจนมองเหน็ ทุกข์มองเห็นโทษภัยแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มองเห็นสจั ธรรมของชีวิตว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงน้ันไม่เท่ียง แม้แต่กายสังขารของตนเองส่ิงท่ีไม่เที่ยงน้ันย่อมก่อให้เกิดทุกข์เป็น ธรรมดา ดังน้ันความทุกข์ทั้งหลายจึงเปน็ เร่อื งธรรมดาของโลก สตั วโ์ ลกนนั้ จมอยใู่ นกองทกุ ข์ ดนิ้ รนอยู่ ในกองทุกข์ หย่ังลงสู่กองทุกข์และยังมีกองทุกข์มากมายดักรออยู่เบื้องหน้าอีกเป็นความจริงอัน โหดร้ายของชีวิตทีส่ ัตวท์ ั้งหลายตอ้ งพบเจอจะแตกต่างกันไปก็เพียงแต่ในรายละเอียดเท่านั้น มากบ้าง น้อยบ้างตามเหตปุ ัจจัย ถ้าตวั ทา่ นยดึ ม่ันมากก็ทุกขม์ าก ถ้าทา่ นยดึ มั่นน้อยกท็ ุกขน์ อ้ ย กกกกกกกเวลาท่ีท่านเกิดทุกข์จากกิเลสตัณหาต่าง ๆ จากความยึดมั่นถือม่ัน ก็ให้ลองใช้ความไม่เทย่ี ง ฟาดฟันความทุกข์ลงไป เพราะพิจารณาแล้วว่าส่ิงทั้งหลายไม่เท่ียงแท้แน่นอน ตัวตนของตนยังไม่มี แล้วจะเอาอะไรมาเป็นฐานของทุกข์อีก ความทุกข์หรือความสุขต่าง ๆ นั้นมันก็ไม่เที่ยง อย่าไปใส่ใจ มาก เวลาของชีวิตมีค่ามากมายนัก แล้วมัวจะเสียเวลาทุกข์ไปทาไมกันเม่ือคิดได้ดังนี้ ความทุกข์ ทั้งหลายมันก็คงตั้งอยู่ไม่ได้ วันน้ีจึงอยากจะขอเชิญชวนให้ท่านท้ังหลายมาระลึกถึงความไม่เที่ยงบอ่ ย เพอื่ เตรยี มตัวเตรียมใจรบั กบั สถานการณ์ของความไมแ่ น่นอนต่าง ๆ ที่จะเขา้ มาในชีวติ กกกกกกกเพ่ือให้เข้าใจถึงประโยชน์ของความไม่เท่ียงได้อย่างชัดเจน จึงได้ยกข้อความในนันทขยสตู ร ท่ี 1 (พระไตรปฎิ ก เล่มที่ 18 พระสุตตันตปิฎก เลม่ ที่ 10 สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค) มาใหพ้ จิ ารณา ดังนี้ กกกกกกก “ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย ภิกษุเห็นจักษุอันไม่เท่ียงนั้นแลว่า ไม่เท่ียง ความเห็นของภิกษุนั้น ช่อื ว่าเป็นความเห็นชอบ เม่ือเห็นชอบย่อมเบื่อหนา่ ย เพราะสน้ิ ความเพลิดเพลนิ จึงสิน้ ราคะ เพราะสิ้น ราคะจึงสิ้นความเพลิดเพลินเพราะส้ินความเพลิดเพลินและราคะ เราจึงเรียกว่า จิตหลุดพ้นดีแล้ว เป็นต้น ไม่เทยี่ งเหน็ ความเปน็ โทษ ประโยชนเ์ กดิ ส่ิงประเสรฐิ เลอเลศิ เหลอื ก็เบ่ือหน่าย ร่นื รมยจ์ ิต มติ ิดเพลิน จาเริญกาย ตณั หาหาย ได้วิมตุ ิ พุทธธรรม
84 กกกกกกกเมื่อทา่ นทั้งหลายระลึกถึงความไม่เที่ยงอยา่ งสม่าเสมอเป็นปกติ ถอื เปน็ ผไู้ ม่ประมาทในชีวิต ทาให้ไม่ยินดีในร่างกายของตนเองและผู้อื่น ไม่ไยดีในความเป็นอยู่ติเตียนการทาช่ัวท้ังหมด เป็นผู้ ปราศจากมลทินคือความตระหน่ีในส่ิงของทั้งหลายส่วนผู้ท่ีไม่ได้ระลึกนึกถึงความไม่เท่ียง ถือเป็นผู้ไม่ ประมาทในชีวิต เพราะเมื่อเวลาที่ความแปรปรวนต่าง ๆ จู่โจมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว จะก่อให้เกิด ทุกข์โทษภัยแสนสาหัสแต่ท่านผู้ท่ีพิจารณาถึงความไม่เท่ียงสม่าเสมอจะไม่ เป็นเช่นน้ันเลย เพราะฉะนั้น ท่านท้ังหลายผมู้ ีปัญญาดี ไม่พึงประมาทในความไม่แน่นอนของชวี ติ จงระลึกถึงความไม่ เท่ยี งซงึ่ มอี านภุ าพมากมายเช่นน้ีไว้ทุก ๆ ขณะจิตเถิด “ทางานอยา่ งไรจึงจะไดค้ วามสขุ ” กกกกกกกไดม้ โี อกาสไปโรงพยาบาลสระบรุ ี ไปเหน็ สโลแกนอนั หนึ่งวา่ “คุณธรรมนาค่มู าตรฐาน” เป็น อะไรที่ชอบมาก เพราะการทางานท่ีมีคุณธรรมนน้ั ประเสรฐิ อย่แู ลว้ ยิ่งมาควบคู่กับมาตรฐานแลว้ เปน็ อะไร ที่ดีมากเลย ไปเห็นพยาบาลโดยเฉพาะคนท่ีเป็นหัวหนา้ ก่อนจะทางานกม็ ีการพูดคุยกอ่ น ทุกคน มีหนา้ ตากระตอื รือร้น ย้มิ แย้ม แจ่มใส ไปหลายครั้งกเ็ ป็นอยา่ งนัน้ ตลอด กน็ ึกชมอยู่ในใจว่า ถ้าทกุ โรงพยาบาลเป็นอย่างนกี้ ็ดี คนรกั ษาก็ใจดีตง้ั ใจทางาน คนป่วยที่ไปรบั การบริการก็สบายใจ กกกกกกกไปอ่านพบผลงานของท่านเจ้าคุณประยุทธ ปยุตโต ช้ินหน่ึงว่า “ทางานอย่างไรจึงจะได้ ความสุข” เห็นว่าเป็นความคิดที่ดีมาก จึงขอสรุปคาสอนของท่านมาฝากทุกท่าน เพ่ือพวกเราจะได้ ความคิดดี ๆ นากลับไปใชง้ านไม่มากกน็ ้อย กกกกกกกคนเราโดยทวั่ ไปมนี ิสยั อยู่ 2 ลักษณะ คือ ลกั ษณะท่ี 1 คา่ นยิ มผลิต ชอบทางาน ลกั ษณะที่ 2 ค่านิยมบริโภค ไม่ชอบทางานแต่ชอบบริโภค กกกกกกกคนท่มี ีคา่ นิยมบริโภคมาก เม่ือต้องทางานมากก็ยิ่งเครียดมากโดยเฉพาะคนท่ีต้องการ ผลตอบแทนทางวัตถุ จะทาให้เกิดปญั หาและทาให้เกิดความเครียด อนั นเ้ี กิดจากแรงจงู ใจท่เี รยี กว่า ตณั หามานะและมีความกงั วลเกรงงานจะไมเ่ สรจ็ กกกกกกกส่วนแรงจูงใจทถี่ ูกธรรม (ฉันทะ)คือทางานดว้ ยใจท่ีใฝ่สร้างสรรค์ มองงานเป็นโอกาสพัฒนาตน พัฒนา ประเทศชาติและสังคม ต้องการผลสาเร็จของงาน แต่ก็มีความเครียดและทุกขไ์ ด้เหมือนกันเพราะมี ความรีบรอ้ นจะทา กกกกกกกสรุปว่า ไม่ว่าฝา่ ยแรงจูงใจทไ่ี มด่ หี รือแรงจูงใจท่ีดี ต่างกม็ ีความเครียดไดท้ ง้ั นัน้ แล้วถา้ ทางานดีและมสี ุขด้วยมวี ธิ ีทา 2 วิธี คือ กกกกกกกวธิ ีท่ี 1 ในการทจ่ี ะทาให้เกิดผลดีต่อชวี ติ และสงั คม เราต้องต้องมีแรงจูงใจที่ถกู ต้อง ต้องการจุดหมายของงาน มีฉันทะ มคี วามใฝด่ ี มคี วามใฝส่ ร้างสรรค์ และรู้เท่าทันความจริงว่าสงิ่ ทั้งหลายเปน็ ไปตามเหตุปัจจยั กกกกกกกเมือ่ เร่งงานเตม็ ท่ี แตค่ วามกระวนกระวายจะนอ้ ยลง เพราะรูเ้ ท่าทันวา่ สิง่ ทง้ั หลายเปน็ ไป ตามเหตุตามปัจจยั ไมต่ ้องกังวลกับผล เราทาเหตขุ องเราใหด้ กี แ็ ลว้ กัน กกกกกกกวิธีที่ 2 ในเวลาทางานไม่แบ่งแยกวา่ “นนั่ เรา น่ชี วี ติ เรา น่นั งานท่จี ะต้องทา” ตลอดจนรู้สึก ว่างานเป็นเรอ่ื งเหนด็ เหน่ือยต้องตรากตรา แต่มองวา่ งานนแ่ี หละเป็นเน้อื เป็นตวั ของชีวติ งานเป็น ตวั การดาเนนิ ชวี ิตทเี ดียว เพราะฉะน้ัน การทางานจึงเปน็ เนื้อหาหรอื เปน็ เน้ือเป็นตวั ชวี ิตของเราเอง
85 เม่ือมาถงึ ข้ันน้ี คนเราจะไม่ขนึ้ อยกู่ ับความหวัง เพราะความหวังสาเร็จจบสิ้นอยใู่ นตัวแล้ว ตอนนจี้ ะมี ความสุขยิ่งกวา่ ตอนแรกทีม่ ีความหวัง ความหวังเป็นค่กู ับความหว่ งและกังวลแต่คนท่ีไม่หวังคือ ลอย พ้นความหวังไปแล้ว ความสุขของเราจงึ ไม่ข้ึนต่อความหวังเพราะ ชวี ิตเปน็ สุขอยูต่ ลอดเวลาโดยไมต่ ้อง หวงั เลยและไมต่ ้องหว่ งกังวล กกกกกกกเพราะฉะนั้น ถ้าเราจะทางานให้ได้ผลโดยที่ว่าชีวิตก็มีความสุข และงานก็ได้ผลดีด้วยก็ควร จะมาถึงข้ันนี้ คือถึงขั้นที่ว่ามองงานกับชีวิตเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันมองว่างานเป็นกิจกรรมท่ีจะเป็น เนือ้ เป็นตวั ของชีวิตแท้แท้ แลว้ เรากท็ างานไป อยา่ งทเี่ รารสู้ ึกว่ามันเป็นการดาเนินชีวิตของเราเองและ ดาเนินชีวิตนนั้ ใหด้ ที สี่ ุด กกกกกกกเมื่อเราทางานไปไม่ว่าจะมองในความหมายว่าเป็นการพัฒนาตนเองเพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชนหรือสังคมในเวลาท่ีทาอยู่นั้นสภาพจิตใจก็ควรเกิดขึ้นคือความร่าเริงความบันเทิงใจความ เบิกบานใจ ลักษณะของสภาพจติ ท่ีดีของผปู้ ฏบิ ัตธิ รรม 5 ประการ คอื กกกกกกกประการท่ี 1 มปี ราโมทย์ ความร่าเริงบนั เทิงใจ กกกกกกกประการท่ี 2 มีปีติความอิม่ เอม กกกกกกกประการที่ 3 มีปัสสิทธิ ความผ่อนคลาย หรือสงบเยน็ เมือ่ ผ่อนคลายก็ไม่เครียด กกกกกกกประการที่ 4 มคี วามสุขจติ ใจก็ผ่อนคลาย กกกกกกกประการท่ี 5 มสี มาธิ แนว่ แน่แนบสนิท และมัน่ คงไม่ฟงุ้ ซ่านเรียบสมา่ เสมออยู่กบั งาน เหมือนเป็นอนั หนึ่งอันเดยี วกัน กกกกกกก1. องคป์ ระกอบ 5 ประการน้ีเปน็ สภาพของจติ ผ้ปู ฏิบัตธิ รรม กกกกกกก1. ดงั น้ันในการเป็นอยู่และในการทากจิ กรรมทุกอยา่ ง เราจึงปฏิบัติได้ดังนน้ั เมื่อเราดาเนิน ชีวิตถูกต้องทาส่ิงน้ันน้ันได้ถูกต้องเราก็มีสภาพจิตท้ัง 5 อย่างนี้เรียกว่าเรากาลังปฏิบัติธรรมอยู่ ตลอดเวลา กกกกกกก1. ถ้าเราฝึกตนเองตลอดเวลาดูรายการทางานแบบนี้เราก็ปฏิบัติธรรมตลอดเวลาอยู่แล้ว เราทางานไปโดยมีสภาพจิตโดยเฉพาะกิจบทน้ีจะไม่มีปัญหาสุขภาพจิตเลยเพราะมันเป็นสุขภาพจิต เองอยู่ในตัวเป็นสุขภาพจิตท่ีดีโดยสมบูรณ์ขอให้มีปราโมทย์ให้มีปีติ มีปัสสัทธิ มีสุขมีสมาธิเถิด ถ้าทา อยา่ งนแี้ ลว้ สบายงานก็ได้ผลดว้ ยจิตใจกด็ ีด้วยการทางานกค็ อื การปฏบิ ัตธิ รรม “อานนท์” กกกกกกก1. พุทธบริษัททั้งส่ี คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทาสักการบูชาด้วยเครื่องบูชา สักการะทั้งหลาย อันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น ด้วยการบูชาอันย่ิงใหญ่ อานนท์เอย ผู้ใดปฏิบตั ิตามธรรมปฏบิ ัติอันชอบยิ่ง ปฏิบตั ธิ รรมอันเหมาะสม ผนู้ ั้นแลช่อื ว่าสักการบูชาเรา ดว้ ยการ บูชาอนั ยอดเยย่ี ม กกกกกกก1. กล่าวโดยสรุป หลักธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภิบาล ท่ีสาคัญคือ หลักธรรมท่ี เกี่ยวขอ้ งกับการดาเนินชวี ิต ความสุขและความทุกข์ เป็นสงิ่ ทีจ่ ติ เราปรุงแตง่ ขน้ึ มา ถ้าเรารบั รถู้ ึงสิ่งท่ี ดีงาม สิ่งสวยงาม และความสุขที่รายรอบตัวเราเองอยู่ทุกขณะแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกท่ี เป็นทุกข์ มาครอบงาจิตใจเราได้
86 กิจกรรมท้ายบท กกกกกกก1. กิจกรรมท่ี 1 กกกกกกก คาช้ีแจง : โปรดเลอื กตัวอักษรหน้าข้อท่นี กั ศึกษาคิดวา่ ขอ้ นั้นเป็นคาตอบท่ีถูกต้องที่สดุ เพยี งข้อเดียวแลว้ เขียนคาตอบลงในกระดาษของนักศึกษา กกกกกกก ขอ้ 1. พระครูมงคลวลิ าส “หลวงพ่อเฉย” ท่านได้สรา้ งสถานศกึ ษาใด กกกกกกก ก. โรงเรียนอนันตส์ นุ ทรศึกษา กกกกกกก ข. โรงเรยี นวัดไรข่ งิ (สนุ ทรอุทศิ ) กกกกกกก ค. วทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม กกกกกกก ง. ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กกกกกกก ขอ้ 2. เจา้ อาวาสวดั ไร่ขงิ ท่านใดไดส้ ร้างโรงพยาบาลเมตตาประชารกั ษ์ กกกกกกก ก. พระอธกิ ารใช้ ปตฎิ โฐ กกกกกกก ข. พระเทพศาสนาภิบาล กกกกกกก ค. พระอุปาลีคุณูปมาจารย์ กกกกกกก ง. พระครถู าวรวทิ ยาคม (เพิม่ ทิฏโฐ) กกกกกกก ข้อ 3. วิธวี สั สการฯ ในหลักธรรมชาวพุทธ มีกีว่ ธิ ี กกกกกกก ก. 4 กกกกกกก ข. 5 กกกกกกก ค. 6 กกกกกกก ง. 7 กกกกกกก ขอ้ 4. มุทติ า ในพรหมวหิ ารธรรมมีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด กกกกกกก ก. น้องดาวเกดิ ความสงสารเพ่ือนท่ีถูกรถชน กกกกกกก ข. น้องจอยแสดงความนิ่งเฉยเมื่อเพื่อนไดด้ ี กกกกกกก ค. น้องโบวใ์ ห้ความรว่ มมือกับครใู นการจัดกิจกรรม กกกกกกก ง. น้องเดียร์แสดงความยินดีกับเพื่อนเพราะเพื่อนสอบตดิ แพทย์ กกกกกกก ขอ้ 5. สมบัตขิ องคนดใี นหลกั ธรรมของพระเทพศาสนาภิบาล ตรงกบั ข้อใด กกกกกกก ก. ความรู้ กกกกกกก ข. ความเพยี ร กกกกกกก ค. ความฉลาด กกกกกกก ง. ความเป็นระเบยี บ
87 กกกกกก ข้อ 6. จากกลอนบทนี้ ผูเ้ ขียนมีจดุ มุง่ หมายในเรอ่ื งใด กกกกกก ข้อ 6. ไมเ่ ที่ยงเห็น ความเปน็ โทษ ประโยชนเ์ กดิ กกกกกก ข้อ 6. ส่ิงประเสริฐ เลอเลิศเหลอื ก็เบ่ือหนา่ ย กกกกกก ข้อ 6. ร่นื รมย์จติ มิตดิ เพลิน จาเริญกาย กกกกกก ข้อ 6. ตณั หาหาย ไดว้ มิ ตุ ิ พุทธธรรม กกกกกก ขอ้ 6. ก. ตัณหาเป็นสง่ิ ที่ไมค่ วร กกกกกก ขอ้ 6. ข. ความไมเ่ ท่ียงแท้ในชวี ิต กกกกกก ข้อ 6. ค. ความไมเ่ ท่ียงเป็นสิ่งท่ีน่าเบื่อหนา่ ย กกกกกก ข้อ 6. ง. ความร่ืนรมเปน็ สิ่งที่มนุษยป์ รารถนา กกกกกกก2. กิจกรรมที่ 2 กกกกกกก คาชี้แจง : โปรดจับคูข่ ้อมูลที่อยู่หลงั ตัวอักษรท่ีตรงกบั ข้อเลขนั้น ๆ หรือมีความสัมพนั ธ์ ตรงกับตวั เลขข้อนน้ั ๆ ใหถ้ ูกต้องแล้วนาตัวอักษรหน้าข้อมูลมาใส่ทหี่ ลงั ตวั เลขข้อนน้ั ๆ กกกกกกก ............1. หลวงพ่อจาด ก. เจ้าอาวาสรปู ที่ 1 กกกกกกก ............2. พระอุบาลีคณุ ูปมาจารย์ ข. ยันต์ “ฮู้” เพ่ือป้องกนั ภยั รา้ ย ข. ต่าง ๆ กกกกกกก ............3. พระครูถาวรวทิ ยาคม(เพมิ่ ทฎิ โฐ) ค. เปน็ ผูส้ รา้ งสรา้ งสะพาน 2 สะพานสายเข้าวดั ไรข่ ิง กกกกกกก ............4. พระเทพศาสนาภบิ าล ง. เปน็ ผบู้ รรยายพเิ ศษแก่พระธรรม ข. ทตู สายตา่ งประเทศ ร่นุ ที่ 22 กกกกกกก ............5. พระอธกิ ารใช้ ปตฎิ โฐ จ. เป็นผู้สร้างหอ้ งสมดุ ประชาชน ข. “เฉลมิ ราชกุมารี” กกกกกกก3. กิจกรรมที่ 3 กกกกกกก คาชี้แจง : โปรดทาเครื่องหมายถูก () หรือ เคร่ืองหมายผิด () ลงหน้าข้อความที่ เป็นตัวเลข ท่ีนักศึกษาอ่านข้อมูลแล้วคิดว่าถูก ให้ทาเครื่องหมายถูก () ถ้าคิดว่าข้อมูลท่ีอ่านผิดให้ ทาเคร่ืองหมายผดิ () กกกกกกก ..............1. พระเคร่ืองและวัตถมุ งคลของหลวงพ่อใช้ รุ่นแรก คือ พระเหรยี ญหล่อ กกกกกกก ..............1. ร่นุ แรกพมิ พ์ “ก้นแมงดา” กกกกกกก ..............2. เจา้ อาวาสวดั ไรข่ องรูปท่ี 7 คอื พระครมู งคลวิลาส (เฉย กติ ตสิ าโร) กกกกกกก ..............3. พระอบุ าลีคณุ ปู มาจารย์ มคี วามชานาญในการการพิมพ์ดดี ภาษไทย กกกกกกก ..............4. พระเทพศาสนาภิบาลท่านสอบไดเ้ ปรยี ญธรรม 3 ประโยค กกกกกกก ..............5. พระเทพศาสนาภบิ าลเกิดเมอ่ื วันที่ 17 พฤษภาคม 2510
88 กกกกกกก4. กจิ กรรมที่ 4 กกกกกกก คาชีแ้ จง : โปรดเตมิ คาหรือข้อความลงในช่องวา่ งของแต่ละข้อใหส้ มบรู ณ์ถูกต้อง กกกกกกก 1. พระอุบาลคี ุณูปมาจารย์ท่านได้ใหห้ ลักธรรมคาสอนในด้าน...................................... ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก 2. พระอุบาลคี ณุ ปู มาจารย์ ท่านมีความชานาญในทางด้าน.......................................... ................................................................................................................................................................ กกกกกกก 3. หลกั ธรรมคาสอนของพระเทพศาสนาภบิ าล ที่สาคัญคือ…………………………………… ............................................................................................................................. ...................................
89 บทที่ 4 บารมีของหลวงพอ่ วัดไรข่ ิงท่มี ีต่อชมุ ชนและประชาชน สาระสาคัญ กกกกกกก1. ด้านการศึกษา วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ได้สนับสนุนส่งเสริมด้านการศึกษากับ สถานศึกษาต่าง ๆ ต้ังแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา อาทิ โรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 จังหวัด นครปฐม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสามพราน ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อาเภอสามพราน วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม ศูนย์การศึกษาวิทยาลัยทองสุข (วัดไร่ขิง) วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตลอดจน สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ได้แก่ ดา้ นสถานทตี่ ัง้ และอาคาร งบประมาณ ในการก่อสร้างอาคารสถานท่ี งบประมาณในการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ในการดาเนินงาน และ งบประมาณในคา่ ใชจ้ ่ายอน่ื ๆ กกกกกกก2. ด้านการสาธารณสุข กล่าวโดยสรุป วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ได้สนับสนุนส่งเสริม ด้านสาธารณสุข กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) และโรงพยาบาลสามพราน (วัดไร่ขิง) ด้านสถานทีต่ ง้ั และอาคาร ตลอดจนงบประมาณในการจัดซื้อวสั ดคุ รภุ ณั ฑ์ดาเนนิ งาน กกกกกกก3. ด้านการสังคมสงเคราะห์ วัดไร่ขิง พระอารามหลวง ได้สนับสนุนส่งเสริมด้านสังคม สงเคราะห์ จัดต้ังมูลนิธิ 3 มูลนิธิ คือ มูลนิธิเมตตาประชารกั ษ์ (วัดไร่ขิง) ให้การสังคมสงเคราะห์ ด้าน สาธารณสุข มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิงให้การสังคมสงเคราะห์ด้านทุนการศึกษา ด้านสังคมสงเคราะห์ และสาธารณประโยชน์ และมูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) ให้การสังคม สงเคราะห์ด้านการเรียนการสอนพระปรยิ ตั ธิ รรม การศกึ ษาและสาธารณประโยชน์ ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั กกกกกกก1. อธบิ ายบารมขี องหลวงพ่อวัดไร่ขิงท่ีมตี ่อชุมชน และประชาชนในดา้ นตา่ ง ๆ ได้ กกกกกกก2. เห็นคุณคา่ ความสาคญั ของหลวงพ่อวดั ไร่ขิง และวดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง ขอบข่ายเนอื้ หา กกกกกกกเร่ืองท่ี 1 ด้านการศกึ ษา กกกกกกกเร่ืองท่ี 2 ดา้ นการสาธารณสขุ กกกกกกกเร่ืองท่ี 3 ดา้ นการสงั คมสงเคราะห์
90 สื่อประกอบการเรียนรู้ กกกกกกก1. ประวตั ิหลวงพอ่ วัดไร่ขงิ ผ้แู ต่ง วดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง อาเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม ปีทพ่ี ิมพ์ 2560 โรงพิมพ์ หจก.พี วาย พรนิ้ ต้ิง จากัด กกกกกกก2. พิธบี าเพญ็ กศุ ลทกั ษิณากตเวทิตาทาน ครบ 94 ปี ชาตกาล ผแู้ ตง่ วัดไร่ขงิ พระอาราม หลวง อาเภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม ปีท่ีพิมพ์ 2559 โรงพมิ พ์ หจก.พี วาย พริน้ ต้งิ จากัด กกกกกกก3. วดั ไร่ขิง พระอารามหลวง ที่อยู่ 51 หมู่ท่ี 2 ตาบลไรข่ งิ อาเภอสามพราน จังหวดั นครปฐม หมายเลขโทรศัพท์ 0-3431-1384 และ 0-3432-3056 เรือ่ งที่ 1 ด้านการศกึ ษา เรื่องที่ 1 วดั ไร่ขงิ พระอารามหลวง ไดส้ นบั สนนุ ส่งเสริมดา้ นการศึกษา ดังนี้ เรอ่ื งท่ี 1 1.1 โรงเรียนวัดไร่ขิง (สนุ ทรอุทิศ) เป็นโรงเรยี นประถมศกึ ษาขนาดใหญพ่ ิเศษ สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอย่เู ลขท่ี 51 หมู่ 2 ตาบลไรข่ งิ อาเภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม รหัสไปรษณีย์ 73210 บนพ้ืนที่วัด (ท่ีธรณีสงฆ์) วัดไร่ขิง จานวนเนื้อท่ี 9 ไร่ 1 งาน 12 ตารางวา เปิด ทาการสอนตง้ั แต่ระดบั อนุบาล-ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เรอื่ งที่ 1 1.1 ประวตั ิโรงเรยี นวัดไรข่ งิ (สนุ ทรอุทิศ) ก่อตง้ั เม่อื วนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 พระอธิการใช้ ปติฎโฐ อดตี เจา้ อาวาสวดั ไรข่ ิงรูปที่ 5 อนุญาตใหใ้ ชศ้ าลาการเปรยี ญวัดไร่ขิงเป็นท่ีเรียน การศึกษาได้เจริญขึ้นตามลาดับ ศาลาการเปรียญท่ีใช้เรียนไม่เพียงพอ พระครูมงคลวิลาส (เฉย กิตติ สาโร) อดีตเจ้าอาวาสวดั ไร่ขิงรูปที่ 6 และประชาชนร่วมกันหาเงนิ จดั สร้างอาคารเรยี นให้ 1 หลัง และ เปิดใช้เรียน เมื่อวันท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484 พ.ศ. 2516 ทางราชการอนุญาตให้เปิดชัน้ เด็กเล็ก ถึง ช้ันประถมศึกษาปีที่ 7 ทาให้สถานที่เรียนไม่เพียงพอ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ)
91 อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เห็นความจาเป็นจึงได้สร้างอาคารเรียนให้ใหม่ 1 หลัง เป็นอาคารไม้ 2 ช้ัน แบบทรงไทย 18 ห้องเรียน ยาว 87 เมตร และสร้างห้องน้าอีก 1 หลัง มีห้องส้วม 32 ที่น่ัง เปิดใช้ เรียน เม่ือวันที่ 1 พฤษภาคม 2517 นักเรียนได้เพิ่มขึ้นทุกปี ทาให้ห้องเรียนไม่เพียงพอ ในปี พ.ศ. 2518 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) จึงอนุมัติเงินของวัดสร้างอาคารเรียนให้อีก 1 หลัง เป็นตึก 3 ชั้น แบบทรงไทย มี 12 ห้องเรียน ช้ันล่างจัดเป็นห้องประชุม เปิดใช้เรียนเม่ือเดือน มิถุนายน 2520 ปี พ.ศ. 2529 ทางราชการอนุมัติให้สร้างอาคารแบบรัตนโกสินทร์ 1 หลัง เป็นตึก 4 ชั้น มีห้องเรียน 20 ห้องเรียน กับ 1 ห้องกิจกรรม ด้วยเงินงบประมาณ 2,930,000 บาท ซ่ึงเป็น ราคาคร่ึงหน่ึงของงบประมาณการก่อสร้าง ที่เหลือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อนุมัติเงินวัดสร้างให้ใช้เงินท้ังสิ้น 5,000,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,930,000 บาท เปิดใช้เรียน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2530 ปี พ.ศ. 2534 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) ได้สร้าง บ้านพักเรือนแถวให้คณะครูโรงเรียน จานวน 10 ชุด เป็นเงิน 2,000,000 บาท ต่อมาปี พ.ศ. 2535 ทางราชการอนุมัติให้สร้างอาคารแบบรัตนโกสินทร์ 1 หลัง เป็นตึก 4 ชั้น มีห้องเรียน 20 ห้องเรียน กับ 1 ห้องกิจกรรม ด้วยเงินงบประมาณ 7,200,000 บาท ท่ีเหลือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อนุมัติเงินวัดสร้างใช้เงินทั้งส้ิน 7,200,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งส้ิน 14,400,000 บาท เปดิ ใช้เรยี นเมือ่ วนั ที่ 9 มิถนุ ายน 2537 เร่อื งท่ี 1 1.1 กล่าวโดยสรปุ วัดไรข่ งิ พระอารามหลวง สนับสนนุ สง่ เสริมโรงเรยี นวดั ไรข่ ิง (สุนทร อุทิศ) ดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สถานท่ตี ้งั และงบประมาณในการสร้างอาคารสถานท่ี บา้ นพักครู เร่อื งท่ี 1 1.2 โรงเรียนวดั ไรข่ ิงวิทยา เป็นโรงเรยี นมธั ยมศึกษาประจาตาบลขนาดใหญ่ สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีเนื้อที่ 37 ไร่ 2 งาน ประกอบ ด้วยอาคารเรยี น 5 หลัง ต้ังอยู่ท่ี 53 หมู่ 2 ถนนไร่ขิง-ทรงคนอง ตาบลไร่ขิง อาเภอสามพราน จังหวัด นครปฐม
92 เรื่องที่ 1 1.2 ประวัติโรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา ก่อตั้งโดย พระครูมงคลวิลาศ (เฉย รอดอนันต์) อดีต เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รูปที่ 6 พร้อมด้วยประชาชนในท้องถ่ินได้ร่วมมือร่วมใจก่อกาเนิดโรงเรียนมัธยม ศึกษาข้ึน เปิดเรียนเมื่อวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 โดยมีฐานะเป็นโรงเรียนราษฎร์ ช่ือว่า “โรงเรียนอนันต์สุนทรศึกษา” มีพระครูมงคลวิลาศ (เฉย รอดอนันต์) เป็นองค์สนับสนุนส่งเสริม เปิด ทาการสอนต้ังแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยใช้ศาลาการเปรียญวัดไร่ขิงเป็นท่ี เรียน ปี พ.ศ. 2500 พระครูมงคลวิลาศ (เฉย รอดอนันต์) ได้จัดหาท่ีเรียนให้ใหม่ โดยต่อเติมเรือน ปั้นหยา 2 ชั้น ซงึ่ อยทู่ างทิศตะวันตกของวัดไร่ขงิ (ปจั จบุ ันเปน็ ทีต่ ั้งของโรงเรยี นวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ)) ให้เป็นที่เรียน จนถึงปี พ.ศ. 2510 ได้มีการเร่ิมต้นปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนอนันต์สุนทรศึกษา อย่างขนานใหญ่ โดย พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้จัดซ้ือ ท่ีดินแปลงใหม่เน้ือที่ 18 ไร่ สร้างอาคารเรียน 3 ชั้น แบบคอนกรีตทรงไทยประยุกต์ ขนาด 24 ห้องเรียน จานวน 1 หลัง พร้อมด้วยอาคารประกอบต่าง ๆ มีโรงอาหาร-หอประชุม 1 หลัง ห้องสุขา ชาย 1 หลงั ห้องสุขาหญงิ 1 หลัง เจาะบ่อนา้ บาดาล 1 บ่อ สร้างถงั น้าบาดาล 1 ถัง ใชเ้ วลาดาเนนิ การ จนถึงปี พ.ศ. 2514 จึงแล้วเสร็จ และได้ย้ายโรงเรียนมาตั้งในที่ปัจจุบัน เม่ือวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ต่อมาภายหลัง พระอบุ าลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อนิ ฺทปญฺโญ) ได้จัดซ้อื ทีด่ ินเพิ่มเติมใหโ้ รงเรียน จนมีเนื้อที่อาณาเขตร้ัวโรงเรียนรวมท้ังสิ้น 37 ไร่ 2 งาน ปี พ.ศ. 2516 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) ในฐานะองค์สนับสนุนส่งเสริมโรงเรียนพร้อมด้วยคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เห็นชอบให้โอนกิจการของโรงเรียนไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เม่ือวันท่ี 19 มีนาคม พ.ศ. 2517 กระทรวงศึกษาธิการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้รับการโอนโรงเรียนอนันต์สุนทรศึกษามา เป็นโรงเรียนรัฐบาล สังกัดกองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา และเปล่ียนชื่อใหม่นามวา่ \"โรงเรียน วัดไร่ขิงวิทยา” พ.ศ. 2521 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา เปิดสอนตั้งแต่ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนต้น จนถึงชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เรื่องที่ 1 1.2 ในวันท่ี 22 ตุลาคม พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได้เสด็จพระราชดาเนินมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดไร่ขิง และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมเปิดป้ายนาม \"โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา\" เพื่อเป็นสิริมงคลสืบไป นับเป็นเกียรติประวัติ สูงยิ่งของโรงเรียนและนาความปลาบปลื้มปิติยินดีมาสู่ชาวไร่ขิง ด้วยความสานึกในพระมหา กรณุ าธิคณุ เป็นลน้ พ้น เรือ่ งที่ 1 1.2 กลา่ วโดยสรปุ วดั ไร่ขิง พระอารามหลวง สนับสนนุ สง่ เสรมิ โรงเรียนวดั ไร่ขิงวิทยาด้าน ต่าง ๆ ได้แก่ สถานทีต่ ง้ั และอาคารสถานท่ี งบประมาณการศึกษา เรื่องที่ 1 1.3 ศนู ยก์ ารศึกษาพเิ ศษ เขตการศึกษา 1 จงั หวัดนครปฐม เป็นสถานศึกษาที่จดั การศึกษาพิเศษเพื่อเด็กพกิ าร สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ต้ังอยู่เลขท่ี 55/23 หมู่ 2 ซอยไร่ขิง 16 (บ้านไร่-หมอศรี) ตาบลไร่ขิง อาเภอ สามพราน จังหวัดปฐม 73210
93 เร่ืองที่ 1 1.2 ประวัติศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 จังหวัดนครปฐม กระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอมาตรการการจัดการศึกษาเพื่อคนพิการต่อคณะรัฐมนตรี (หนังสือกระทรวงศึกษาธิการท่ี ศธ 025/5993 ลงวันท่ี 12 พฤษภาคม 2542) และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการและ มาตรการการจดั การศกึ ษาเพื่อคนพิการ เมอ่ื วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2542 โดยกระทรวงศกึ ษาธิการให้กรม สามัญศึกษาเตรียมการจัดตั้ง ศนู ยก์ ารศึกษาเพื่อคนพิการเพิ่มอีก 8 แห่ง และในช่วงเดือนกรกฎาคม– กันยายน 2542 กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมสามัญศึกษาได้มอบหมายให้สานักงานสามัญศึกษา จังหวัดนครปฐม และนายพะโยม ชินวงศ์ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นศกึ ษาพเิ ศษนครปฐม ดาเนนิ งานตดิ ต่อ ประสานงานที่ดินเพ่ือการก่อสร้าง ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 จังหวัดนครปฐม และได้รับ ความอนเุ คราะห์จากพระอุบาลีคุณปู มาจารย์ (ปัญญา อนิ ฺทปญโฺ ญ) อดตี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อนญุ าตใช้ ทด่ี ินของวดั จานวน 20 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ณ เพอื่ เปน็ สถานท่ีก่อสร้าง ศูนย์การศึกษาพเิ ศษ เขต การศึกษา 1 จังหวัดนครปฐม เม่ือวันท่ี 1 พฤศจิกายน 2544 ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 1 จังหวัดนครปฐม ไดย้ ้ายมาอยู่ ณ ที่ทาการในปัจจบุ ัน โดยจัดการศึกษาเพื่อคนพิการ ประกอบด้วย จดั การศกึ ษาสาหรบั เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา ทางการไดย้ ิน ทางรา่ งกาย และออทสิ ติก เรื่องท่ี 1 1.2 กลา่ วโดยสรปุ วดั ไรข่ ิง พระอารามหลวง สนับสนนุ สง่ เสรมิ ศูนย์การศึกษาพเิ ศษ เขต การศึกษา 1 จังหวัดนครปฐม ไดแ้ ก่ ดา้ นสถานท่ีตั้งเพอื่ กอ่ สร้างและอาคารสถานที่ของศนู ย์ เรอื่ งท่ี 1 1.4 ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอสามพราน เป็นสถาน ศึกษาสังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ต้ังอยู่บนอาคารชั้น 3 ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราช กุมารี” อาเภอสามพราน เลขท่ี 51 หมู่ 2 ตาบลไร่ขงิ อาเภอสามพราน จงั หวัดปฐม 73210 หมายเลข โทรศพั ท์ 034-225195-6
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168