พันธ์ุ เลือกต้นพนั ธุท์ ีแ่ ข็งแรง มรี ะบบรากสมบรู ณ์ไมข่ ดงอ อายุไม่นอ้ ยกวา่ 2 ปี มคี วามสงู ไมต่ ่ากวา่ 30 เซนติเมตร 3
พืน้ ทปี่ ลูกทเ่ี หมาะสม สภาพพ้นื ท่ี มีความอดุ มสมบูรณส์ ูง ระบายน้า่ ไดด้ ี หนา้ ดนิ ลกึ กวา่ 50 เซนติเมตร มีความเป็นกรดด่าง 5.5 - 6.5 สภาพภูมอิ ากาศ อณุ หภมู ิระหว่าง 25 - 35 องศาเซลเซยี ส ปรมิ าณนา้่ ฝน มากกว่า 2,000 มลิ ลเิ มตร/ปี การกระจายตวั ของฝนดี มีช่วงแลง้ ตอ่ เนอ่ื ง น้อยกว่า 3 เดอื น/ปี และความชนื้ สัมพัทธร์ อ้ ยละ 70 – 80 แหลง่ นา่้ มีปรมิ าณเพยี งพอตลอดปี ไม่มีสารอินทรีย์ และอนินทรีย์ ทีเ่ ปน็ พิษปนเปอ้ื น มีความเป็นกรดดา่ ง 6.0 - 7.5 4
การเตรียมพื้นทีป่ ลกู (1) พ้นื ท่ดี อน ไถพรวน ปรับพ้ืนที่ใหเ้ รยี บ หากมีปัญหานา่้ ทว่ มขงั ให้ขดุ รอ่ งระบายนา่้ ปรบั พน้ื ที่ใหเ้ รียบ รอ่ งระบายนา้่ การเตรยี มพืน้ ทีป่ ลกู สาหรบั พื้นทีด่ อน 5
การเตรยี มพ้ืนท่ปี ลกู (2) พื้นที่ลุ่ม ยกโคกปลูก หากมนี ้่าทว่ มขังมากและนาน ควรยกรอ่ งสวนให้มขี นาดสันร่องกวา้ งไมน่ อ้ ยกว่า 6 เมตร ร่องน่า้ กว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร มีระบบระบายน่า้ เข้า-ออกเป็นอยา่ งดี ยกโคกปลกู ยกร่องสวน การเตรยี มพืน้ ที่ปลกู สาหรับพ้ืนท่ลี มุ่ แบบยกโคกปลูก การเตรียมพ้นื ทป่ี ลกู สาหรับพ้นื ท่ลี ่มุ แบบยกร่องสวน 6
(1) การวางผังปลกู มี 2 ระบบ คอื -ระบบสี่เหลี่ยมจตั ุรสั หรอื สามเหล่ยี มดา้ นเท่า ระยะปลูก 8x8 หรอื 10x10 เมตร -ระบบแถวกว้างตน้ ชดิ ระยะปลกู 8x3 หรือ 10x5 เมตร ผงั ปลูกระบบสีเ่ หล่ียมจตั รุ ัส ผงั ปลูกระบบสามเหลี่ยมดา้ นเท่า ผงั ปลกู ระบบแถวกว้างต้นชดิ *** ตน้ มังคดุ มองจากมุมบน 7
(2) วธิ กี ารปลูก วิธีการปลกู แบบเตรียมหลุมปลูก วิธีการปลูกแบบนง่ั แทน่ หรือยกโคก เหมาะกับพ้นื ท่ีค่อนขา้ งแห้งแลง้ เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก ช่วยให้ดนิ ระบายนา้ ไดด้ ีข้นึ 8
(1) เกบ็ ตัวอยา่ งดินและใบมงั คดุ เพอื่ สง่ วิเคราะห์ปริมาณธาตอุ าหารและใส่ปุ๋ย ใหส้ อดคล้องกับคา่ วเิ คราะห์ดินและใบ หรอื ใสต่ ามอัตราแนะน่า โดย ช่วงหลงั การเก็บเก่ยี ว ช่วงพัฒนาของผล ปุ๋ยอนิ ทรีย์ ปุ๋ยสัดสว่ น 3:1:4 เชน่ ปยุ๋ สูตร 15-5-20 อตั รา 20-30 กโิ ลกรัมต่อตน้ อัตรา 1/3 ของเส้นผ่าศูนยก์ ลาง ทรงพ่มุ (กิโลกรมั ตอ่ ตน้ ) + หรอื ปยุ๋ สูตร 15-15-15 ตามค่าวิเคราะห์ดินหลงั การตดิ ผล อัตรา 1/3 ของเส้นผ่าศนู ยก์ ลาง ร่วมกบั พ่นปุย๋ ทางใบสดั ส่วน 4:1:6 ทรงพมุ่ (กิโลกรมั ต่อตน้ ) อัตรา 100 กรัมต่อน้่า 20 ลิตร เช่น ถ้าทรงพุ่มกวา้ ง 6 เมตร ใหใ้ ส่ป๋ยุ 2 กิโลกรมั โดยโรยรอบชายขอบของทรงพุม่ ให้ทั่วถึง 10
(2) ใหน้ ้่าเพยี งพอกับความต้องการของมังคดุ ในแต่ละชว่ งการเจริญเตบิ โต ระยะตดิ ผล อายุผลประมาณ 5 สปั ดาห์ ใหน้ ้า่ ทกุ 3 วัน อตั รารอ้ ยละ 80 ของการให้น้่าปกติ ระยะอายุผล 5 สปั ดาห์ถึงกอ่ น 10 สัปดาห์ ใหน้ ่้าอตั รารอ้ ยละ 90 ของการใหน้ ้า่ ปกติ ระยะอายผุ ลประมาณ 10-12 สปั ดาหถ์ งึ เก็บเกีย่ ว ให้นา่้ อตั ราร้อยละ 80 ของการให้น้า่ ปกติ 11
(3) ตารางสรุปจากข้อมลู จาก สถาบนั วิจยั พืชสวน และ เอกสารสวนอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาพรรณไม้เขตรอ้ น 12
(1) การพรางแสง ช่วงแรกปลกู ควรมรี ่มเงา อาจใชว้ ัสดธุ รรมชาติ ช่วยพรางแสง หรืออาจปลูกตน้ ไมโ้ ตเร็วระหว่าง แถวมงั คดุ เชน่ กลว้ ย ใชท้ างมะพร้าวช่วยพรางแสงให้กับตน้ มังคดุ 13
(2) การตดั แต่งและควบคุมทรงพ่มุ มงั คดุ ตน้ เล็ก ตดั แต่ง เฉพาะกิง่ ดา้ นลา่ งใหส้ ูงจากพืน้ ดนิ ประมาณ 50 เซนติเมตร และกงิ่ ทีซ่ อ้ นทับกนั จนแนน่ ทึบออก มังคดุ ทีใ่ หผ้ ลผลิตแลว้ ตัดแต่งกงิ่ ทอ่ี ยู่ด้านขา้ งของ ทรงพุ่มทีป่ ระสานกันออก ให้มีชอ่ งวา่ งระหวา่ งชายพมุ่ โดยรอบกับต้นขา้ งเคียงประมาณ 50-70 เซนติเมตร ตดั ยอดประธานทสี่ ูงเกินตอ้ งการออก ตัดกิ่งรองออกให้ เหลือดา้ นละ 1-5 ก่ิง ใหเ้ ลี้ยงกงิ่ แขนงทีอ่ ย่ใู นทรงพุม่ ไว้เพ่ือไดผ้ ลผลิตเพ่ิม 14
(3) มุมมองด้านขา้ งของการไว้กง่ิ มมุ มองด้านบนของการไว้กงิ่ ตดั กิง่ ในทรงพุ่มออกใหเ้ หลือด้านละ 1-5 กงิ่ เพื่อใหแ้ สงเขา้ ในทรงพุ่ม 15
(4) ตัดกิง่ ในทรงพุ่มออกใหเ้ หลอื ดา้ นละ 1-5 ก่งิ เพ่อื ใหแ้ สงเขา้ ในทรงพ่มุ 16
(5) ตัดก่ิงแขนงในทรงพุ่มออกบ้าง เพ่อื ใหแ้ สงเขา้ ในทรงพ่มุ 17
(6) กง่ิ ประสานกันอย่ทู า่ ใหแ้ สง ไม่สามารถลอดผ่านได้ เม่อื ตัดแตง่ กง่ิ ทีป่ ระสานกันออก แสงสามารถลอดผ่านได้ ทรงพมุ่ ที่ผ่านการตัดแตง่ กิ่งด้านขา้ งแล้ว ทรงพมุ่ ท่ียงั ไมผ่ ่านการตัดแต่งกง่ิ ดา้ นขา้ ง การตดั แตง่ ก่งิ ดา้ นข้างของทรงพุ่มท่ปี ระสานกนั ออก 18
(7) มังคุดที่ไมไ่ ดต้ ดั แตง่ ทรงพ่มุ มังคดุ ท่ไี ดร้ บั การตดั แตง่ ทรงพ่มุ 19
(1) การจดั การโรคพชื ในมงั คดุ สถานการณโ์ รคมงั คดุ โรคที่พบ ไดแ้ ก่ โรคใบจุด โรคผลเน่า นอกจากนย้ี งั พบโรคที่เกิดจากราเข้าท่าลายข้ัวผล ท่าใหข้ วั้ ผลเน่า ซึ่งจะมผี ลต่อโรคพชื หลงั การเก็บเกย่ี ว สว่ นอาการยางไหล อาการเน้อื แก้ว และอาการยางตกใน เป็นอาการท่ีเกดิ จากสภาพแวดล้อม และสรีรวิทยาของพชื 21
(2) การจัดการโรคพชื ในมงั คดุ 22
(3) การจดั การโรคพืชในมังคดุ โรคใบจุด/แผลแตกยางไหล/ผลเนา่ (1) ภาพแสดง อาการเปน็ แผลจดุ แหง้ สีน้าตาลไหม้บนใบ แผลขยายใหญ่ ขึน้ เปน็ สีฟางข้าว ราเขา้ ทาลายก่งิ ออ่ น และอาการบนผลมงั คดุ 23
(4) การจดั การโรคพืชในมงั คุด โรคใบจุด/แผลแตกยางไหล/ผลเน่า (2) สาเหตุ : เกิดจากเช้ือ Pestalotiopsis flagisettula (Guba) Stay ลกั ษณะอาการ : เกดิ อาการแผลจุดสนี ้่าตาลหรอื น่า้ ตาลปนเทาบนใบ ขนาดและรูปรา่ งไมแ่ น่นอน อาจจะเลก็ หรือใหญ่ขนึ้ อยู่กับความรุนแรง ของโรค ขอบแผลคอ่ นขา้ งจะมีสีม่วงเขม้ แผลเก่าๆ บรเิ วณกลางแผล พบจุดเล็กสดี า่ กระจายอยู่ ซึ่งจดุ ดา่ ๆ เหลา่ น้คี ือส่วนขยายพันธข์ุ องรา ถ้าเปน็ โรครุนแรงจะท่าให้ใบสญู เสียเน้ือท่ใี นการสงั เคราะหแ์ สง มีผลกระทบ กับการเจริญเตบิ โตของมงั คดุ นอกจากนรี้ ายังสามารถเขา้ ทา่ ลายลา่ ต้น โดยเฉพาะในระยะต้นกลา้ 24
(5) การจดั การโรคพชื ในมงั คุด โรคใบจดุ /แผลแตกยางไหล/ผลเน่า (3) การแพร่ระบาด : ราสาเหตุสรา้ งสปอร์แพรก่ ระจายไปตามลม ระบาดมากในฤดูฝน ถา้ พบโรคใบจดุ ทีใ่ บมากและช่วงทตี่ ิดผลมคี วามชนื้ สูง ฝนตกชกุ โรคจะเข้าทา่ ลายผลมังคดุ ดว้ ย การเกดิ จดุ แผลขนาดเลก็ ใหญ่ต่างๆ กันนั้น ขึน้ อยกู่ ับสภาพแวดล้อม ไดแ้ ก่ สภาพความชื้นสูง มีปริมาณเช้อื สาเหตุโรคมาก หรือใบเป็นแผล จากการท่าลายของแมลง เชน่ หนอนชอนใบ กจ็ ะเปน็ สาเหตใุ ห้รา เข้าท่าลายไดง้ า่ ยขนึ้ 25
(6) การจดั การโรคพชื ในมังคดุ โรคใบจุด/แผลแตกยางไหล/ผลเนา่ (4) การปอ้ งกันก่าจดั : 1. การท่าความสะอาดแปลงปลูก ก่าจดั วัชพืชทีเ่ ป็นแหลง่ สะสมโรค 2. พ่นสารเคมปี อ้ งกันก่าจดั โรคพืช ในช่วงทีม่ งั คุดแตกใบอ่อน ไดแ้ ก่ -คอปเปอร์ออ็ กซคี ลอไรด์ 85% ดับบลิวพี อัตรา 30-80 กรัมตอ่ น้า่ 20 ลิตร -คาร์เบนดาซิม 50% ดบั บลิวพี อตั รา 10-20 กรัมตอ่ น่้า 20 ลิตร -แมนโคเซบ 80% ดับบลวิ พี อตั รา 50 กรมั ต่อน่า้ 20 ลิตร 3. ป้องกันก่าจดั แมลงพวกหนอนชอนใบ เพื่อลดการเกิดแผลบนใบ 26
(7) โรคผลเน่าแอนแทรคโนส (1) การจัดการโรคพชื ในมงั คดุ ภาพแสดง ลกั ษณะอาการผลเนา่ แอนแทรคโนส 24
(8) โรคผลเน่าแอนแทรคโนส (2) การจดั การโรคพชื ในมงั คดุ สาเหตุ : เกิดจากเชอื้ Colletotrichum gloeosporioides (Penz.) Penz. & Sacc. ลกั ษณะอาการ : เร่มิ แรกเป็นแผลจุดเล็ก สีด่าบนผล ต่อมาแผลจะขยายใหญข่ น้ึ โรคเกิดได้ตั้งแต่ผล สนี ่า้ ตาลจนถงึ ผลแก่ ถา้ สภาพแวดล้อมมีอุณหภมู ิ และความชนื้ สงู จะพบราสร้างกลมุ่ ของสปอร์สีสม้ เปน็ วงซ้อนกัน เจริญอย่บู นแผล สามารถเข้าท่าลายได้ทง้ั ส่วนของใบและผล โรคมีระยะพกั ตวั เป็นเดอื น โดยไมแ่ สดงอาการในระยะผลออ่ น แตจ่ ะแสดงอาการเมอื่ ผลแก่ โดยเฉพาะใกล้เกบ็ เก่ยี ว 28
(9) โรคผลเน่าแอนแทรคโนส (3) การจดั การโรคพชื ในมังคดุ การแพร่ระบาด : ราสรา้ งสปอรแ์ พรก่ ระจายไปตามลมและฝน ระบาดมากในชว่ งฤดฝู น และระยะใกล้เกบ็ เก่ียว การปอ้ งกนั ก่าจดั : 29 1. การทา่ ความสะอาดแปลงปลกู และทา่ ลายส่วนท่ีเปน็ โรค 2. พ่นสารเคมีปอ้ งกันก่าจัดโรคพชื ไดแ้ ก่ -คารเ์ บนดาซิม 50% ดับบลิวพี อตั รา 10-20 กรมั ตอ่ น่้า 20 ลิตร -ไอโปรไดโอน 50% ดับบลวิ พี อัตรา 20-30 กรัมตอ่ น่า้ 20 ลิตร -แมนโคเซบ 80% ดบั บลิวพี อัตรา 50 กรัมตอ่ น้่า 20 ลิตร
(10) โรคผลเนา่ หลงั เก็บเก่ียว (1) การจัดการโรคพชื ในมังคดุ ภาพแสดง โรคผลเน่าหลงั การเก็บเกย่ี วเกิดจากรา Lasiodiplodia theobromae 30
(11) โรคผลเน่าหลงั เกบ็ เกยี่ ว (2) การจดั การโรคพชื ในมังคุด สาเหตุ : เกิดจากผลมังคุดได้รบั การกระทบกระเทือนจากการเกบ็ เก่ียว การขนส่ง ท่าให้เกิดอาการยางตกในหรือเน้ือแกว้ ซึง่ เปน็ สภาพเออื้ อ่านวยใหเ้ ชือ้ รา สาเหตุโรคพืชสามารถเขา้ ทา่ ลายให้เกิดการเนา่ เสยี ได้ หรือเกิดจากสภาพ การเก็บรักษาในอณุ หภูมทิ ่ไี มเ่ หมาะสม มคี วามร้อนและความช้นื สูง รวมทง้ั ระยะเวลาในการเกบ็ รักษานาน เหลา่ น้เี ป็นปัจจยั ที่เอือ้ อา่ นวยให้ เชื้อสาเหตุโรคพืชหลายชนิด เข้าทา่ ลายทา่ ให้เกิดอาการเน่าเสียภายในเน้อื ผลได้ 31
(12) โรคผลเน่าหลงั เก็บเกี่ยว (3) การจดั การโรคพชื ในมงั คดุ ลกั ษณะอาการ : ทา่ ให้เกิดอาการผลแขง็ เนื้อของมังคดุ เปล่ียนสี มีลกั ษณะช่้า บางครั้ง พบเส้นใยของราภายในผลมังคดุ ทีม่ ีอาการเน่าเสีย มักจะไมแ่ สดงอาการ ภายนอกใหเ้ ห็นชดั เจนมากนัก นอกจากถ้าบบี ผลดู จะพบอาการแหง้ แขง็ ของเปลือก เมื่อเปดิ เปลอื กดูภายในอาจจะพบราหลายชนดิ หรือไม่พบเลย กเ็ ป็นได้ ราท่ีพบเข้าท่าลายหลงั เก็บเกยี่ วเปน็ ราปนเปอ้ื นทม่ี ีอยใู่ นอากาศ ทว่ั ไป เช่น รา L. theobromae มลี ักษณะเส้นใยเป็นสเี ทาดา่ เปน็ ต้น 32
(13) โรคผลเน่าหลังเกบ็ เก่ียว (4) การจัดการโรคพืชในมงั คุด การแพรร่ ะบาด : อาการเน่าของเนือ้ ภายในผลจะพบภายหลังการเกบ็ เกี่ยวประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในสภาพการเก็บเก่ยี วแลว้ เกบ็ รกั ษาในอณุ หภูมิหอ้ ง ส่วนใหญพ่ บเกิดกบั ผลทีม่ ีปัญหาเกบ็ เกีย่ วไมถ่ กู ต้อง เกิดแผลหรือ รอยชา่้ ตา่ งๆ ซึ่งทา่ ใหร้ าสามารถเขา้ ท่าลายเนอ้ื ผลภายในไดง้ ่าย การเน่าเสียของเน้อื ภายในมงั คุดเกดิ ไดน้ อ้ ยมาก หากมวี ธิ ีการเก็บเก่ยี ว และการขนสง่ มังคุดทด่ี ี ไมใ่ หผ้ ลไดร้ ับความกระทบกระแทกและมี กรรมวิธีหลงั เก็บเกี่ยวท่ถี กู ต้อง 33
(14) โรคผลเน่าหลังเกบ็ เกี่ยว (5) การจดั การโรคพืชในมงั คุด การปอ้ งกนั กา่ จดั : เกษตรกรผูป้ ลกู ควรต้องดแู ลรกั ษาในเร่อื งการปอ้ งกันก่าจดั โรคพชื ต้งั แต่ชว่ งออกดอกและติดผลอ่อน โดยการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกา่ จัด โรคพชื ได้แก่ -คารเ์ บนดาซมิ 50% ดบั บลิวพี อัตรา 10-20 กรมั ตอ่ น้่า 20 ลติ ร -เบโนมิล 50% ดบั บลวิ พี อตั รา 10-15 กรมั ต่อน้า่ 20 ลติ ร เพือ่ ลดความเสย่ี งจากราทีอ่ าจจะเข้าไปในผล และไปท่าความเสียหาย ในชว่ งหลงั เกบ็ เก่ยี ว นอกจากน้นั กรรมวธิ หี ลงั การเกบ็ เกย่ี ว เชน่ การจุ่มขัว้ ผล หรอื ผล ในสารเคมีปอ้ งกนั กา่ จดั โรคพืชอาจช่วยลดความเสยี หายได้ 34
(15) การจดั การโรคพชื ในมงั คุด อาการเน้ือแกว้ และยางไหล (1) ภาพแสดง ผิวของเปลือกมรี อยร้าวตามแนวนอน และเนอ้ื มังคดุ ทีเ่ ปน็ เนื้อแกว้ จะใสและมีลกั ษณะคล้ายฉ่าน้าอยภู่ ายใน 35
(16) การจดั การโรคพืชในมังคดุ อาการเนอื้ แก้วและยางไหล (2) สาเหตุ : เกิดจากการเปลยี่ นแปลงทางสรีรวิทยาของผล เมื่อไดร้ ับนา้่ มากเกินไป ในช่วงผลใกลแ้ ก่ ซง่ึ นา้่ เหล่านีจ้ ะเข้าไปแทนท่ีอากาศส่วนหนงึ่ ทา่ ให้ ชอ่ งวา่ งลดลง เกดิ เป็นเนื้อใสที่เตม็ ไปดว้ ยนา้่ และท่ีส่าคัญคอื เมอื่ ผลมงั คุด มนี ่า้ มากก็จะขยายตวั มากเกินไป จงึ มผี ลทา่ ใหท้ ่อนา่้ ยางแตก และเกดิ อาการ ยางไหลในผลมังคดุ ซง่ึ สงั เกตเหน็ ได้ดว้ ยตาเปล่า คอื น่า้ ยางสเี หลืองไหลออกมา เป็นจดุ ๆ บนเปลอื ก นอกจากนน้ั การเสยี ดสขี องผลดว้ ยกนั เองหรอื กับใบ กเ็ ป็นสาเหตทุ ่าใหเ้ กดิ อาการเนอ้ื แกว้ และยางไหล 36
(17) การจดั การโรคพชื ในมังคุด อาการเน้ือแกว้ และยางไหล (3) ลกั ษณะอาการ : เน้อื มังคดุ ทเี่ ปน็ เนอ้ื แกว้ จะใสและมลี ักษณะคลา้ ยฉ่าน้่าอยูภ่ ายใน อาการเนือ้ แก้วมักเกดิ กบั กลีบเนอื้ หรอื พูท่มี เี มล็ดและลุกลามไปยงั พูขา้ งเคยี ง มังคดุ เน้ือแก้วจะมีความกรอบและรสชาติคอ่ นข้างจืด ถา้ อาการรุนแรงอาจสังเกตไดจ้ ากภายนอก คือ ผวิ ของเปลอื กจะมี รอยรา้ วตามแนวนอน ถา้ รอยร้าวน้นั ยาวอาการเน้ือแกว้ ในผลจะมมี าก แต่หากอาการเน้ือแก้วมีเพียงเลก็ น้อยจะ ไม่สามารถสงั เกตเห็นอาการ ผิดปกตใิ ด ๆ บนผิวของผล 37
(18) การจดั การโรคพชื ในมังคุด อาการเน้อื แก้วและยางไหล (4) ลกั ษณะอาการ : อาการยางไหล จะสังเกตเห็น น่า้ ยางสเี หลอื งบางสว่ นไหล ออกมาเปน็ จดุ ๆ บนเปลอื ก 38
(19) การจัดการโรคพชื ในมังคุด อาการเนื้อแกว้ และยางไหล (5) การแพรร่ ะบาด : ข้นึ อย่กู บั ปรมิ าณน้่าฝนท่ีมากกวา่ ปกติในชว่ งผลมังคุดใกลแ้ ก่ อายตุ ้น สภาพดนิ และการจดั การสวน ตน้ มังคดุ ทมี่ อี ายุมาก กม็ ีโอกาสท่ีจะเกดิ เน้ือแกว้ ได้นอ้ ยกว่าตน้ อายนุ อ้ ย มังคุดทป่ี ลูกในดินทม่ี ีลักษณะเปน็ ทราย มโี อกาสจะเกดิ เนือ้ แกว้ ไดม้ ากกวา่ ในดนิ เหนยี ว และการจัดการนา่้ ท่ีเหมาะสม จะช่วยให้ เกดิ อาการเนอ้ื แก้วน้อยลง 39
(20) การจดั การโรคพืชในมงั คดุ อาการเน้อื แก้วและยางไหล (6) การป้องกนั ก่าจดั : 1. มีการจัดการต้นมงั คุดให้ออกดอกเร็วกวา่ ฤดกู าล เพือ่ ใหส้ ามารถเกบ็ เกย่ี ว ไดก้ อ่ นท่ฝี นจะตกชุก 2. มีการใหน้ า้่ มังคุดอยา่ งสม่าเสมอในช่วงตดิ ผล การบ่ารงุ รกั ษาต้นใหม้ ีความสมบูรณ์ ปราศจากความเสียหายจากอาการใบไหม้ ใบจดุ หรอื ใบรว่ ง ซ่งึ จะช่วยใหม้ ังคุด มที รงพุ่มที่มกี ง่ิ และใบสมบูรณ์ 3. มีการใหน้ า่้ เหนือทรงพุ่มเป็นระยะ ๆ ในขณะทผ่ี ลมังคุดเจรญิ เตบิ โตเตม็ ที่ 40
(21) อาการยางตกในผล (1) การจัดการโรคพชื ในมงั คุด ภาพแสดง ลักษณะอาการยางตกใน 41
(22) อาการยางตกในผล (2) การจดั การโรคพืชในมงั คดุ สาเหตุ : 1. การกระทบกระแทกของผลในขณะเก็บเกย่ี วและข้ันตอนการขนส่ง 2. ไดร้ บั น่า้ มากเกนิ ไปจากสภาวะฝนตกตอ่ เนื่อง ทา่ ใหส้ ภาวะน้่าภายในผล เปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ จนท่าให้ท่อน้่ายาง (latex vessel) แตก 42
(23) อาการยางตกในผล (3) การจดั การโรคพชื ในมงั คุด ลกั ษณะอาการ : ผลมังคุดท่ไี ดร้ บั การกระทบกระแทกจากการเก็บเก่ียวและการขนยา้ ย หากไปถึงมอื ผบู้ ริโภคเรว็ กย็ งั พอรบั ประทานได้ แต่ถา้ ท้งิ ไวน้ าน เปลอื กจะแข็ง เน้ือในแหง้ แข็งและมียางแทรกอยใู่ นเนือ้ ไม่สามารถ รับประทานได้ ส่าหรบั อาการทไี่ มร่ นุ แรงเนือ้ ยงั รบั ประทานได้แต่ จะมรี สฝาดหรือขมของยางตดิ มาดว้ ย ส่วนอาการยางไหลภายในผล เกิดจากการทีต่ น้ มงั คดุ ได้รับนา้่ ในปรมิ าณ มากและตอ่ เนอ่ื ง ในชว่ งที่มังคุดใกล้แก่ 43
(24) อาการยางตกในผล (4) การจดั การโรคพืชในมงั คดุ การแพรร่ ะบาด : ขึ้นอยกู่ บั ปริมาณน้า่ ฝน อายตุ ้น สภาพดิน การจัดการสวนและ วธิ กี ารเก็บเก่ียว การจดั การลงั การเก็บเกีย่ วและการขนสง่ การป้องกนั ก่าจัด : เก็บเกยี่ วให้ผลมังคุดได้รบั ความกระทบกระแทกนอ้ ยทสี่ ุด กจ็ ะสามารถรกั ษาคณุ ภาพ ของเน้อื ภายในให้ มีคณุ ภาพดีอยู่ไดน้ านวนั ส่วนการแกป้ ัญหายางตกในผลท่ีมีสาเหตุจากการไดร้ ับนา่้ มากเกินไปนนั้ วิธกี ารแก้ไข ใช้วิธเี ดียวกับการจดั การปัญหาเนอื้ แก้ว 44
(25) การจัดการแมลงและไรศตั รพู ืชในมงั คุด สถานการณ์แมลงและไรศตั รพู ชื ในมังคดุ แมลงศัตรูสา่ คญั ท่เี ข้าท่าลายมังคุด ในระยะใบออ่ น คอื เพลย้ี ไฟ หนอนชอนใบ และหนอนกนิ ใบออ่ น สว่ นในระยะดอกและผลออ่ น คือ เพล้ยี ไฟ และไรขาวพรกิ ทา่ ลายโดย ดูดกนิ น่า้ เล้ยี ง ทา่ ให้ผลมงั คดุ ที่ได้มคี ุณภาพไม่ดี มลี ักษณะผวิ ข้กี ลาก สว่ นชว่ งระยะการพัฒนาของผลถึงระยะเกบ็ เกย่ี ว จะมเี พลีย้ แปง้ เขา้ ท่าลาย สว่ นในระยะผลสกุ จะมีผีเส้อื มวนหวานเข้าทา่ ลายในบางปี 45
(26) การจัดการแมลงและไรศตั รูพืชในมงั คดุ 46
(27) เพลี้ยไฟ (thrips) (1) การจัดการแมลงและไรศตั รพู ชื ในมังคุด ภาพแสดง ตวั ออ่ น (ซ้าย) และตัวเตม็ วยั (ขวา) เพล้ยี ไฟพรกิ 47
(28) เพลย้ี ไฟ (thrips) (2) การจัดการแมลงและไรศตั รูพืชในมังคุด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Scirtothrips dorsalis Hood (เพล้ียไฟพริก) และ Scirtothrips oligochaetus Karny (เพล้ยี ไฟมงั คดุ ) ความสา่ คญั และลักษณะการทา่ ลาย : เพล้ียไฟจะดูดกินน่้าเล้ียงของมังคุด ถ้าเขา้ ทา่ ลายช่วงออกดอกและติดผลอ่อน จะท่าให้ดอกและผลแห้งและรว่ ง ส่วนผลที่ไม่รว่ ง เมื่อมกี ารพฒั นาโตขนึ้ จะเหน็ รอยทา่ ลายชดั เจน มลี ักษณะเปน็ แผลขรขุ ระสีนา้่ ตาลทีเ่ รียกว่า ผวิ ข้กี ลาก ผลมงั คุดทม่ี ีลักษณะดังกลา่ วจงึ ขายได้ในราคาตา่ 48
(29) เพลี้ยไฟ (thrips) (3) การจัดการแมลงและไรศตั รพู ืชในมังคดุ ใบออ่ นมงั คดุ ที่แตกใหม่ทุกครง้ั เป็นตัวดึงดูดให้เพลีย้ ไฟเขา้ มาทา่ ลาย โดยเฉพาะ เม่ือมังคุดมีการทยอยแตกใบออ่ น ท่าใหก้ ารระบาดของเพลยี้ ไฟเกิดข้นึ อย่างต่อเน่อื ง เพลี้ยไฟจะระบาดรุนแรงในช่วงอากาศแหง้ แล้ง ช่วงระหวา่ งเดือน พฤศจกิ ายน ถงึ มนี าคม บนทรงพ่มุ มงั คุดจะพบเพล้ียไฟปริมาณมากทางทศิ ใต้ ทศิ ตะวนั ออก และทิศตะวันตก บริเวณดา้ นบนของทรงพมุ่ ช่วงเวลา 9.00-11.00 น. 49
(30) เพลยี้ ไฟ (thrips) (4) การจัดการแมลงและไรศัตรูพชื ในมังคุด ภาพแสดง ลกั ษณะการทาลายของเพล้ียไฟทีย่ อดอ่อนมงั คดุ 50
Search