3วิทยาศาสตร์ ม.2

เเผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (ว๒๒๑๐๑) ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ นางสุมณฑา เอมเอก ตาเเหนง่ ครู โรงเรียนเทศบาล ๕ (วัดหัวป้อมนอก) สงั กัดสานักการศกึ ษา เทศบาลนครสงขลา

แผนการจดั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบรา่ งกายมนษุ ย์ เร่อื ง ระบบสบื พนั ธุ์ สอนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/9 วันท่ี 14 เดือน ก สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชวี ิต หน่วยพื้นฐานของสิง่ มีชีวิต การลำ และมนษุ ย์ท่ีทำงานสัมพนั ธก์ นั ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องอวัยวะต่าง ตวั ช้ีวัด ว1.2 ม.2/12 ระบุอวยั วะและบรรยายหนา้ ท่ีของอวยั วะระบบสบื พัน สาระสำคัญ ระบบสืบพันธุ์เพศชายประกอบด้วย อัณฑะ หลอดเก็บอสุจิ หลอดนำอสุจิ ต่อมสร้าง หญิงประกอบด้วยรังไข่ ท่อนำไข่ มดลกู ปากมดลูก และชอ่ งคลอด โดยระบบสืบพันธ ไข่ ซง่ึ เปน็ เซลลส์ ืบพันธเ์ พศหญงิ ส่วนอณั ฑะในเพศชายจะทำหนา้ ทส่ี ร้างเซลลอ์ สจุ ิ ซง่ึ สาระการเรยี นรู้ - ระบบสืบพันธุ์ 4.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ทข่ี องอวยั วะในระบบสืบพนั ธุข์ องเพศชายและเพศหญงิ โ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P) - สืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู หนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบสบื พนั ธขุ์ องเพศชายและเพศหญิง

ดการเรียนรู้ รหสั วชิ า ว22101 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 วิชาวทิ ยาศาสตร์ เวลา 1 ช่ัวโมง กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.00-13.50 น. ำเลียงสารผ่านเซลล์ความสมั พันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ ๆ ของพืชทที่ ำงานสัมพนั ธ์กนั รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ นธ์เพศชายและเพศหญงิ โดยใช้แบบจำลอง งน้ำเลี้ยงอสุจิ ต่อมลูกหมาก และต่อมคาวเปอร์ ส่วนระบบสื บพันธุ์ระบบสืบพันธุ์เพศ ธุ์ของแต่ละเพศมีอวยั วะท่ีทำหน้าท่ีเฉพาะ เชน่ รงั ไข่ในเพศหญิงจะทำหน้าที่ผลิตเซลล์ งเปน็ เซลล์สืบพันธเ์ พศชาย โดยใชแ้ บบจำลอง ง

4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)/สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น - ใฝร่ ูเ้ รยี นรู้ - ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ (วิเคราะห์องค์ประกอบ/วเิ คราะห กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ แผนการปฏิบัตขิ องครู พฤตกิ รรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรับการจดั การเรยี นรู้ 1. Warm Up (Engage; Check Prior Knowledge) ขนั้ เตรยี มความพรอ้ ม (สร 1. นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน ใน หนังสือเรียนหน้า 98 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานท่ี ถูกต้องและเพียงพอที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องระบบ สืบพันธุ์

หค์ วามสมั พันธ์) นองของผเู้ รียนท่ีอาจจะเกดิ ขึ้น; ส่ิงท่คี รอู าจต้องสนับสนุนให้แกน่ ักเรียน เพิ่มเติม (จากการคาดการณแ์ ละการสะท้อน ผลห้องเรยี น) รา้ งการมสี ว่ นรว่ มในชน้ั เรียน และตรวจสอบความรู้เดมิ (5 นาที)

แผนการปฏบิ ัตขิ องครู พฤติกรรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรับการจัดการเรียนรู้ 2. Introduction of the main topic (Explore) ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรยี น (สำรวจ) การต้ังสมมตฐิ าน การชี้แจงกจิ กรรม (5 นาท)ี 2. ใหน้ กั เรียนดูภาพเด็กนแลว้ รว่ มอภปิ ราย ในประเด็น ต่าง ๆ ดังนี้ Q1 ภาพเด็กเปน็ เพศหญิงหรือเพศชาย นกั เรยี นทราบ A1 - เพศชาย ดูจากทรงผ ได้อยา่ งไร - เพศหญงิ ดูจากหนา้ ต 3. ใหน้ ักเรียนดูภาพผูใ้ หญ่ 2 คนแล้วร่วมอภปิ ราย ใน ประเด็นตา่ ง ๆ 12

นองของผูเ้ รียนท่อี าจจะเกดิ ขน้ึ ; สง่ิ ที่ครอู าจต้องสนับสนุนให้แก่นักเรียน เพมิ่ เตมิ (จากการคาดการณ์และการสะทอ้ น ผลห้องเรียน) ) การแจ้งวตั ถุประสงคข์ องการเรียนรปู้ ระจำวัน การวางเป้าหมายของบทเรียน คำถามเพ่ิมเตมิ - ระบบใดบา้ งท่ีมีอวัยวะแตกต่างกนั ผม ตา

แผนการปฏิบตั ิของครู พฤติกรรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรบั การจดั การเรียนรู้ Q2 ภาพใดเป็นเพศหญิงและภาพใดเพศชาย นักเรียน ทราบได้อย่างไร A2 - ภาพที่1 เพศชาย มีห Q3 นักเรียนคดิ วา่ ระบบตา่ ง ๆในร่างกายเพศหญงิ และ - ภาพที่ 2 เพศหญิง ผ เพศชายเหมือนกนั หรือต่างกันอย่างไร A3 เหมอื นกัน Q4 อวยั วะในแต่ละระบบสบื พันธุ์เพศหญิงและเพศชาย A4 นกั เรียนอาจตอบวา่ เห เหมอื นกันหรือตา่ งกันอย่างไร นักเรียนรู้ 3. Body (Explain) ขนั้ กจิ กรรมการแก้ไขปัญหา การรวบรวมหลักฐานเชิงประจ (15 นาที) 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จำนวน 8 กลุ่ม และครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนร้ใู ห้นกั เรียนทราบ 5. แจกใบกิจกรรมภาพจำลองอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย พร้อมทั้งข้อความส่วนประกอบและหน้าที่ของอวัยวะ -นักเรียนร่วมกันติดส่วน สืบพันธุ์เพศชาย ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้น สืบพันธุ์เพศชายและส่วน และติดส่วนประกอบและหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธุ์เพศ สืบพันธุ์เพศหญงิ ชายตา่ ง ๆใหถ้ กู ต้องใหเ้ วลา 10 นาที

นองของผูเ้ รียนที่อาจจะเกดิ ขน้ึ ; สง่ิ ทคี่ รูอาจต้องสนับสนุนให้แก่นกั เรยี น เพมิ่ เตมิ (จากการคาดการณ์และการสะทอ้ น ผลห้องเรียน) หนวด มเี ครา ผมส้นั ผมยาวแตง่ หนา้ ทาปาก มีหน้าอก หมือนกันหรือตา่ งกัน ตามที่ จักษ์ กจิ กรรมการวางแผน การลงมือปฏบิ ตั ิ และการแปลความ(อธบิ าย) นประกอบและหน้าที่ของอวัยวะ นประกอบและหน้าที่ของอวัยวะ

แผนการปฏิบัตขิ องครู พฤตกิ รรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรับการจัดการเรยี นรู้ 6. สังเกตการทำกิจกรรมและตัดเลือกชิ้นงานกลุ่ม นักเรียนที่ทำได้ถูกต้อง และเป็นระเบียบ ให้ตัวแทน กลุ่มนำเสนอ 2 กลุ่ม 7. แจกภาพจำลองอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงพร้อมท้ัง ข้อความส่วนประกอบและหน้าที่ของอวัยวะสืบพันธ์ุ เพศหญิง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นและติด ส่วนประกอบและหนา้ ทีข่ องอวยั วะสบื พนั ธุเ์ พศหญงิ ให้ ถูกต้องใหเ้ วลา 3 นาที 8. สังเกตการทำกิจกรรมและคัดเลือกชิ้นงานกลุ่ม นักเรียนที่ทำได้ถูกต้อง และเป็นระเบียบ ให้ตัวแทน กลุม่ นำเสนอ จำนวน 2 กลุม่ 4. Closing Application, Homework Assignment, Interdisciplinary Link จริง การบา้ น และการเช่อื มโยงกบั สาระวิชาอ่ืน (10นาท)ี 6.นักเรียนร่วมอภิปรายผลการทำกิจกรรม ในประเด็น ต่าง ๆ ดงั นี้ Q7 อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายมีอะไรบ้าง และแต่ส่วนมี หนา้ ท่ีอะไร A7 - อัณฑะ – สรา้ งอสจุ ิ - หลอดเก็บอสจุ ิ - เกบ็

นองของผ้เู รยี นท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน; สง่ิ ทค่ี รูอาจต้องสนับสนุนให้แก่นกั เรียน เพมิ่ เติม (จากการคาดการณ์และการสะท้อน ผลหอ้ งเรียน) kages (Elaboration) (5 – 10 min) ขน้ั ปิดบทเรียนการเชอ่ื มไปสกู่ ารนำไปใช้ สรา้ งฮอรโ์ มนเพศชาย บตัวอสจุ ิให้เจริญเติบโต

แผนการปฏิบตั ิของครู พฤตกิ รรมการตอบสน : คำถามหลกั ; แผนสำหรับการจัดการเรยี นรู้ - หลอดนำอสุจิ - ลำเ - ต่อมสร้างน้ำเลีย้ งอส - ต่อมลูกหมาก - สร้า - ตอ่ มคาวเปอร์ – สรา้ Q8 เซลล์สืบพันธเ์ พศชาย เรียกวา่ อะไร A8 อสจุ ิ (sperm) Q9 นำ้ อสจุ ิของเพศชายประกอบด้วยอะไรบา้ ง A9 อสุจิ อาหารเลี้ยงอสุ อ่อน A10 - รงั ไข่ - สรา้ งเซล Q10 อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงมีอะไรบ้าง และแต่ส่วนมี - มดลูก- เป็นทฝี่ งั ตวั หนา้ ท่อี ะไร - ปากมดลูก เป็นทาง ของทารก Q11เซลล์สืบพนั ธเ์ พศหญิงเรยี กว่าอะไร - ช่องคลอด -เป็นทา ของทารก A11 เซลล์ไข่ Q12 อวัยวะใดในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงและเพศชายท่ี A12 รังไข่ กับอัณฑะ สร้า ทำหน้าที่เหมือนกัน หลอดนำอสจุ ิ เปน็ บริเวณ

นองของผเู้ รียนทอี่ าจจะเกดิ ขึ้น; สิ่งที่ครูอาจต้องสนับสนนุ ให้แก่นกั เรียน เพิ่มเตมิ (จากการคาดการณ์และการสะทอ้ น เลยี งอสุจิ สจุ ิ - สร้างอาหารเล้ยี งอสุจิ ผลหอ้ งเรยี น) างสารทเ่ี ป็นเบสอ่อน ๆ างสารหล่อล่ืน จิ สารหล่อลื่นและสารที่เป็นเบส ลล์ไข่ สรา้ งฮอรโ์ มน วของตวั อ่อน งผ่านของตัวอสุจิและเป็นทางออก างผ่านของตัวอสุจแิ ละเปน็ ทางออก างเซลล์สืบพันธุ์ ส่วนท่อนำไข่ กับ ณทเี่ ซลล์สืบพนั ธุเ์ คลอื่ นที่

แผนการปฏบิ ตั ิของครู พฤติกรรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรับการจดั การเรยี นรู้ 7. จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุประบบอวัยวะใน - ระบบสืบพนั ธ์ุเพศชายปร สืบพนั ธ์ุ หลอดนำอสุจิ ต่อมสร้างน ต่อมคาวเปอร์ ส่วนระบบ ประกอบด้วยรังไข่ ท่อน คลอด โดยระบบสืบพันธุ เฉพาะ เช่น รงั ไข่ในเพศหญ เซลล์สืบพันธ์เพศหญิง ส สร้างเซลล์อสุจิ ซง่ึ เปน็ เซล 5. Exit, (Evaluation) ขนั้ ประเมินผลการเรยี นรู้ สะทอ้ นผลการเรยี นรู้ และการส ใหน้ กั เรียนเขยี น Exit Tic

นองของผเู้ รียนท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน; สง่ิ ที่ครูอาจต้องสนับสนนุ ให้แก่นักเรยี น เพิม่ เติม (จากการคาดการณแ์ ละการสะทอ้ น ผลหอ้ งเรยี น) ระกอบด้วย อัณฑะ หลอดเก็บอสุจิ นำ้ เล้ียงอสุจิ ต่อมลกู หมาก และ บสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง นำไข่ มดลูก ปากมดลูก และช่อง ์ของแต่ละเพศมีอวัยวะที่ทำหน้าที่ ญงิ จะทำหนา้ ทีผ่ ลิตเซลล์ไข่ ซึ่งเป็น ส่วนอัณฑะในเพศชายจะทำหน้าท่ี ลลส์ ืบพันธ์เพศชาย สะท้อนถงึ ความสมเหตุสมผล (5 นาที) cket

แผนการปฏบิ ตั ขิ องครู พฤติกรรมการตอบสน : คำถามหลัก; แผนสำหรบั การจดั การเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ -1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เล่ม 1 2 จัดการเรยี นร้ขู องคร:ู ทราบได้อยา่ งไรว่าแผนการจดั การเรยี นรู้น้ี สำเร็จผลด้วยดี(ร 1) ตรวจผลงานนักเรยี นผลงาน (หลกั ฐานใบกจิ กรรม) 2) ตรวจจาก Exit ticket

นองของผู้เรยี นท่อี าจจะเกดิ ขน้ึ ; ส่ิงท่คี รอู าจต้องสนบั สนุนให้แก่นกั เรยี น เพมิ่ เติม (จากการคาดการณแ์ ละการสะทอ้ น ผลห้องเรยี น) 2. Exit ticket 3. ภาพจำลองอวยั วะสบื พนั ธ์เุ พศชายและเพศหญงิ ระบหุ ลกั ฐาน)

ส่งิ ที่ต้องการวดั วิธีการวัด ความรู้ (K) - ตรวจภาพจำลองอวัยวะสบื พนั ธ์ุเพ ชายและเพศหญิง ทกั ษะ/กระบวนการ (P) - ตรวจจาก Exit ticket - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์(ก คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)/สมรรถนะ เชื่อมโยง) สำคญั ของผู้เรียน - การทำงานกลุ่ม - ใฝ่เรียนรู้ สังเกตพฤติกรรมในช้ันเรียน 9.ความคดิ เหน็ ฝ่ายวิชาการ √ ใชจ้ ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ได้ ปรับปรงุ แผนการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………................ ลงชือ่ เล (นางทิพวรรณ รตั นชูศรี) 12 / 8./ 2563

เครอ่ื งมือวดั เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พศ - ตรวจภาพจำลองอวัยวะสบื พันธ์ุ เพศชายและเพศหญิง คำตอบถกู ต้องร้อยละ 60 ข้ึนไป - Exit ticket การ - แบบประเมินนักเรียน - ผ่านเกณฑท์ ่คี ุณภาพระดบั 3 - แบบประเมินความสามารถใน การคดิ วิเคราะห์(การเชอ่ื มโยง) แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึง ประสงค์ - ผา่ นเกณฑ์ทีร่ ะดบั ดี ลงชอ่ื ผสู้ อน (นางสมุ ณฑา เอมเอก) 10 กันยายน 2563 .................................……………………………………………………………………… ลขานกุ ารคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รสถานศกึ ษา

เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมิน ดีมาก(4) ด(ี 3) พอใช้(2) ต้องปรบั ปรุง(1) 1. ใฝเ่ รียนรู้ - คน้ คว้าหาความรู้จาก - ค้นคว้าหาความรู้ - ค้นคว้าหา - คน้ ควา้ หา - ไมค่ น้ ควา้ หา แหลง่ เรียนรตู้ ่าง ๆ เพมิ่ เติมจากแหลง่ ความรเู้ พม่ิ เตมิ ความร้เู พ่ิมเตมิ ความรู้เพิ่มเติม เรียนรูต้ า่ ง ๆ เป็น จากแหลง่ เรียนรู้ จากแหลง่ เรยี นรู้ จากแหล่งเรียนรู้ ประจำ ตา่ ง ๆ เปน็ สว่ น ตา่ ง ๆ เปน็ ต่าง ๆ ใหญ่ บางคร้งั - มกี ารตอบคำถาม และ - รว่ มตอบคำถาม - รว่ มตอบคำถาม - รว่ มตอบคำถาม - ไม่มกี ารรว่ ม ซกั ถามครูหรือเพ่ือน เพ่ือให้ ในเร่ืองที่ครูถาม ในเร่ืองที่ครูถาม ในเรอื่ งท่ีครูถาม ตอบคำถามใน ได้ความรเู้ พ่มิ ข้ึน และมกี ารซักถาม และมกี ารซักถาม และมีการซักถาม เร่อื งที่ครถู ามและ ครูหรอื เพื่อนอยา่ ง ครูหรือเพ่ือน ครูหรือเพ่ือน ไม่มีมกี ารซักถาม สม่ำเสมอ บอ่ ยครัง้ บางครง้ั ครหู รือเพื่อนเลย - มีความกระตือรือรน้ ใน - มีความ - มคี วาม - มคี วาม - ไมม่ ีความ การจัดกิจกรรมการเรียน กระตือรือรน้ ต่อ กระตือรือร้นต่อ กระตือรือร้นต่อ กระตือรอื รน้ ต่อ การสอน การจดั กจิ กรรมทกุ การจดั กจิ กรรม การจัดกิจกรรม การจดั กิจกรรม ครั้ง บ่อยคร้ัง บางครั้ง เกณฑ์การประเมินสมรรถนะดา้ นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เกณฑ์การประเมิน หมาย เหตุ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ต้องปรับปรงุ (1) (4) (3) (2) นักเรียนสามารถ 1. นักเรียนสามารถจับ นักเรียนสามารถจบั นักเรียนสามารถ นักเรยี นสามารถ จับประเด็นตา่ ง ๆ และเชอ่ื มโยง ประเด็นตา่ ง ๆ และ ประเด็นตา่ ง ๆ และ จับประเดน็ ต่าง จับประเด็นตา่ ง ความสัมพันธ์ได้ น้อย เชือ่ มโยงความสมั พันธ์ เชือ่ มโยง ๆ และเชอ่ื มโยง ๆ และเชื่อมโยง ได้ ความสัมพันธ์ได้เปน็ ความสมั พนั ธ์ได้ ความสมั พันธ์ได้ อย่างดี ดี บางสว่ น