190 ขอ้ บ่งใช้ บรรเทาอาการท้องผูกเป็นพรรดกึ อาการปวดเมื่อยท่วั ร่างกาย มือชาเทา้ ชา ปวดศรี ษะ หน้ามืดวงิ เวยี น จกุ เสยี ดท้อง แน่นหนา้ อก ท่ีเกิดจาก โทสนั ฑฆาตและกลอ่ นแหง้ รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธใี ช้ รบั ประทานครั้งละ 2 กรัม วนั ละ 2 คร้ัง ก่อนอาหาร เช้าและเยน็ นา้ กระสายยาท่ีใช้นา้ ผ้ึงรวง ถา้ หาน้ากระสายยาไม่ได้ ให้ใชน้ า้ สกุ แทน ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญิงต้ังครรภ์ ผทู้ ม่ี ีไข้ และผูท้ ี่มีอายุตา่ กวา่ 18 ปี ข้อควรระวัง 1. ควรระวังการรับประทานร่วมกบั ยาในกลุ่มสารกันเลอื ดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใช้รว่ มกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารับนี้มีพริกไทยในปริมาณสูง 3. ควรระวงั การใช้ยาน้ใี นผู้ป่วยสูงอายุ ข้อมูลเพ่ิมเติม ตอ้ งฆ่าฤทธดิ์ องดึงกอ่ นนาไปปรุงยา 9. ยาอมั ฤตยโ์ อสถ ท่ีมาของตารับยา แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม 2 พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ.126 “ขนานหน่ึงชื่ออัมฤตย์โอสถ แก้ลมไกษยทั้งปวงเอา สหัสคุณ 1 แก่นแสมทเล 1 รากสม้ กุ้ง 1 ลูกมะตูม 1 ลูกมะแหน 1 ลูกพิลังกาสา 1 สมอเทศ 1 สมอไทย 1 โกฏเขมา 1 เทียนดา 1 เทียนขาว 1 ลูกจันทน์ 1 ดอกจันทน์ 1 กระวาน 1 กานพลู 1 ดีปลี 1 ยาท้ังนี้เอาเสมอภาค เอาเปลือกหอยโข่ง 1 เปลือก หอยขม 1 เปลือกหอยแครง 1 เบ้ียผู้เผา 1 เอาสิ่งละ 3ส่วน เอากันชา10ส่วน เอาพริกไทย 2 เท่ายา ทัง้ หลาย ตาผงกระสายยกั ย้ายใช้ใหช้ อบโรคท้งั หลายเถิด” สตู รตารบั ยา ประกอบดว้ ย ตัวยา 22 ชนดิ รวมน้าหนัก 76 สว่ น ดังน้ี ลาดับ ตวั ยา นา้ หนักยา 1 สหสั คุณ 1 สว่ น 2 แก่นแสมทะเล 1 สว่ น 3 รากสม้ กงุ้ 1 สว่ น 4 ลูกมะตูม 1 ส่วน 5 ลกู มะแหน (สมอพเิ ภก) 1 สว่ น 6 ลูกพลิ งั กาสา 1 ส่วน 7 สมอเทศ 1 สว่ น 8 สมอไทย 1 สว่ น
191 ลาดบั ตวั ยา น้าหนกั ยา 9 โกฐเขมา 1 สว่ น 10 เทียนดา 1 ส่วน 11 เทยี นขาว 1 สว่ น 12 ลกู จันทน์ 1 ส่วน 13 ดอกจันทน์ 1 สว่ น 14 กระวาน 1 สว่ น 15 กานพลู 1 ส่วน 16 ดีปลี 1 ส่วน 17 เปลอื กหอยโขง่ 3 สว่ น 18 เปลือกหอยขม 3 สว่ น 19 เปลือกหอยแครง 3 สว่ น 20 เบ้ียผูเ้ ผา 3 ส่วน 21 กัญชา 10 สว่ น 22 พรกิ ไทย 38 สว่ น ข้อบ่งใช้ แก้ลมกษยั รปู แบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวิธใี ช้ รับประทานครั้งละ 2 กรัม วนั ละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น ข้อหา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญงิ ตัง้ ครรภ์ ผ้ทู ่มี ไี ข้ และผทู้ ี่มีอายตุ ่ากว่า 18 ปี ข้อควรระวงั 1. ควรระวงั การรบั ประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกนั เลือดเปน็ ลม่ิ (anticoagulant) และยาต้านการจับตวั ของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใช้ร่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตารับน้มี ีพริกไทยในปริมาณสูง 3. ควรระวังการใช้ในผูป้ ่วยโรคความดนั โลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้ปว่ ยโรคแผล เป่ือยเพปติก ผูป้ ่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็น ตารบั ยารสร้อน 4. ควรระวงั การใช้ยานใี้ นผปู้ ่วยสูงอายุ ข้อมูลเพิม่ เติม ลมกษยั เป็นลมท่ีทาใหผ้ อมแหง้ แรงน้อย ทาใหม้ นึ ตงึ มอื เท้าอ่อนแรง เปน็ ตน้
192 10. ยาอไภยสาลี ทม่ี าของตารบั ยา เวชศึกษา แพทยศ์ าสตร์สงั เขป เลม่ 1, 2, 3 พระยาพิศณปุ ระสาทเวชร.ศ. 127 “ยาอไภ ยสาลี เอาลู กจั น 1 สลึ ง ดอกจั น 2 สลึ ง ลู กกระวาน 3 สลึ ง กาน พ ลู 1 บ าท ลูกพิลังกาสา 1 บาท 2 สลึง ว่านน้า 1 บาท 3 สลึง โกฐสอ 2 บาท โกฐเขมา 2 บาท 1 สลึง เทียนเข้า เปลือก 2 บาท 2 สลึง เทียนแดง 2 บาท 3 สลึง เทียนขาว 2 บาท เทียนตาตั๊กแตน 2 บาท 1 สลึง เจตมูลเพลิง 3 บาท สมอไทย 3 บาท 1 สลึง สมอเทศ 3 บาท 1 สลึง หัวบกุ รอ 3 บาท 3 สลึง สหัศคณุ เทศ 1 ตาลึง 2 บาท จันทน์เทศ 1 ตาลึง กัญชา3 บาท 3 สลึง พริกล่อน 1 ตาลึง กินเช้าเย็นทุกวัน แก้สารพัด ลม 80 จาพวก แก้โลหิต 20 จาพวก แก้ริดสีดวง 20 จาพวก ยานี้กินได้ 3 เดือน หายโรคาพยาธิมิได้มีเลย อายุวัฒนะท้ังเกิดปัญญารู้หลักนักปราชญ์มากกว่าคนท้ังปวง ถ้าผู้ใดพบให้ทากินวิเศษนัก ใครกินยาน้ีดุจ ยาทพิ ยน์ น้ั แล ฯ” สตู รตารบั ยา ประกอบด้วย ตวั ยา 20 ชนิด รวมนา้ หนกั 757.50 กรัม ดงั น้ี ลาดับ ตวั ยา นา้ หนกั ยา (กรัม) 1 ลกู จนั ทน์ 3.75 2 ดอกจนั ทน์ 7.50 3 กระวาน 11.25 4 กานพลู 15 5 ลกู พลิ ังกาสา 22.50 6 ว่านนา้ 26.25 7 โกฐสอ 30 8 โกฐเขมา 33.75 9 เทียนขา้ วเปลือก 37.50 10 เทียนแดง 41.25 11 เทียนขาว 30 12 เทยี นตาต๊ักแตน 33.75 13 เจตมูลเพลิง 45 14 สมอไทย 48.75 15 สมอเทศ 48.75
193 ลาดับ ตวั ยา น้าหนักยา (กรมั ) 16 หวั บกุ รอ 56.25 17 สหสั คณุ เทศ 90 18 จันทนเ์ ทศ 60 19 กญั ชา 56.25 20 พรกิ ไทยลอ่ น 60 ขอ้ บ่งใช้ แก้โรคทางลม บรรเทาอาการจกุ เสียดแนน่ รปู แบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ีใช้ รบั ประทานครั้งละ 2 กรัม วนั ละ 2 ครัง้ ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ข้อหา้ มใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตง้ั ครรภ์ ผทู้ ีม่ ไี ข้ และผูท้ ี่มีอายตุ ่ากวา่ 18 ปี ขอ้ ควรระวัง 1. ควรระวังการรับประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเปน็ ล่ิม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใช้ร่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตารับนมี้ ีพริกไทยในปริมาณสูง ขอ้ มูลเพ่ิมเติม ยาอไภยสาลเี ปน็ สูตรตารบั เดียวกันกบั ยาอภยั สาลี ในบญั ชียาหลกั แห่งชาติ ปี 2561 เพยี งแตใ่ นบัญชยี าหลักแหง่ ชาติไม่ได้ใส่กัญชาในสูตรตารับ เน่อื งจากเสนอตารับยากอ่ นที่ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบบั ท่ี 7 ) พ.ศ. 2562 ประกาศใช้ 11. ยาแก้ลมแก้เส้น ทมี่ าของตารับยา เวชศาสตรว์ ัณณ์ ณา เลม่ 5 “ขนานหนึ่งเอา เทียนขาว 1 เทียนดา 2เทียนข้าวเปลือก 3ขิง 4เจตมูล 5ใบกันชา20พริกไทย 40ส่วน ทาเปนจุณ ละลายน้าผงึ้ น้าส้มซ่ากนิ แกล้ มแกเ้ ส้นแก้เม่ือยแกเ้ หน็บชาแก้ตีนตายมือตายหายดนี ัก” สตู รตารบั ยา ประกอบด้วย ตวั ยา 7 ชนิด รวมน้าหนัก 75 สว่ น ดังน้ี ลาดบั ตวั ยา นา้ หนกั ยา 1 เทียนขาว 1 สว่ น 2 เทยี นดา 2 สว่ น 3 เทียนข้าวเปลอื ก 3 ส่วน 4 ขงิ 4 ส่วน 5 เจตมูลเพลิงแดง 5 ส่วน
194 ลาดบั ตัวยา นา้ หนกั ยา 6 ใบกญั ชา 20 ส่วน 7 พรกิ ไทย 40 สว่ น ข้อบ่งใช้ แก้ลมในเสน้ บรรเทาอาการมือเท้าชา อ่อนแรง รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธีใช้ รบั ประทานคร้ังละ 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้าและเยน็ น้ากระสายยาท่ีใช้น้าผง้ึ รวง น้าส้มซ่า อย่างใด อยา่ งหนง่ึ ถา้ หานา้ กระสาย ยาไม่ได้ ใหใ้ ชน้ า้ สกุ แทน ขอ้ ห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญงิ ตัง้ ครรภ์ ผู้ที่มไี ข้ และผู้ทีม่ ีอายุต่ากวา่ 18 ปี ข้อควรระวงั 1. ควรระวงั การรบั ประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกันเลือดเป็นล่มิ (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใชร้ ว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตารับน้มี ีพริกไทยในปริมาณสูง 3. ควรระวงั การใชใ้ นผปู้ ่วยโรคความดนั โลหิตสงู โรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคแผล เป่ือยเพปติกผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนอื่ งจากเปน็ ตารับยารสรอ้ น 4. ควรระวังการใชย้ านีใ้ นผู้ป่วยสูงอายุ ขอ้ มูลเพิม่ เติม ลมในเส้น เป็นลมท่พี ัดประจาอยตู่ ามเส้นตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย เชน่ ลมจนั ทก ระลาพัดอยู่ในเสน้ อิทา ลมสญู ทกลา พัดอยใู่ นเสน้ ปิงคลา เม่ือลมเหลา่ นี้ ผดิ ปกติจะทาให้ผ้ปู ว่ ยมอี าการปวดหรอื ชาตามแนวเสน้ ท่ีลมน้นั พดั ประจา หรอื บรเิ วณใกลเ้ คยี ง เปน็ ต้น 12. ยาแก้โรคจติ ท่ีมาของตารับยา อายุรเวทศกึ ษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม 2 “1483 ยาแก้โรคจิต ขนานท่ี 1 เอาเปลือกกุ่มน้า 2 บาท เปลือกมะรุม 6 บาท แห้วหมู เปล้าน้อย เป ล้ าให ญ่ รางแด ง จัน ท น์ เท ศ เป ลือก มะตูม ก้ าน กัญ ช า บ อระเพ็ ด เป ลือกโมก มั น หญ้าชันกาด สนเทศ สิ่งละ 1 บาท ระย่อมเท่ายาทั้งหลาย รวมตาผงละลายน้าร้อนแทรกพิมเสน กิน คร้งั แรกหนัก 2 ไพ ถ้านอนไม่หลบั ใหท้ วยี าขน้ึ ไปถงึ 1 สลงึ ” สตู รตารับยา ประกอบดว้ ย ตัวยา 14 ชนิด รวมน้าหนัก 570 กรัม ดงั นี้
195 ลาดบั ตัวยา น้าหนกั ยา (กรัม) 1 เปลอื กกุ่มน้า 30 2 เปลือกมะรมุ 90 3 แหว้ หมู 15 4 เปล้าน้อย 15 5 เปลา้ ใหญ่ 15 6 รางแดง 15 7 จนั ทน์เทศ 15 8 เปลือกมะตมู 15 9 ก้านกัญชา 15 10 บอระเพ็ด 15 11 เปลือกโมกมัน 15 12 หญา้ ชนั กาด 15 13 สนเทศ 15 14 ระย่อม 285 ขอ้ บ่งใช้ แกโ้ รคลมทท่ี าให้กังวล เครียด นอนไมห่ ลับ รปู แบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ใี ช้ 1. รับประทานครงั้ แรก คร้งั ละ 500 มลิ ลกิ รัม วนั ละ 2 ครั้งกอ่ นอาหาร เชา้ และเย็น 2. ถา้ นอนไมห่ ลับ รับประทานคร้ังละ 1 กรัม วนั ละ 2 ครงั้ ก่อนอาหารเช้า และเยน็ 3. นา้ กระสายยาท่ใี ช้นา้ ร้อนแทรกพมิ เสนถา้ หาน้ากระสายยาไม่ได้ ใหใ้ ช้ น้าสุกแทน ขอ้ ห้ามใช้ 1. ห้ามใชใ้ นหญงิ ตั้งครรภ์ และผู้ทม่ี ีอายตุ า่ กวา่ 18 ปี 2. ห้ามใช้ในผ้ทู ่ใี ช้ยาลดความดันโลหิต ขอ้ ควรระวัง ควรระวังการใช้ยาตารบั ทีม่ ีระยอ่ มเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากสาระสาคัญ ซ่ึงมีฤทธ์ใิ นการลดความดนั คือ สาร reserpine และอัลคาลอยด์อนื่ ๆ หากไดร้ บั ในขนาดทีส่ งู เกินไป มผี ลกดการทางานของประสาท ทาให้เกดิ อาการวงิ เวียนศีรษะ ปากแห้ง คัด จมูก ท้องรว่ ง มนึ งง หน้ามืด ใจส่นั ซึม มือแขนส่ัน
196 ขอ้ มูลเพ่ิมเติม 1. ยาแก้โรคจิตตารับน้ี เป็นตารับยาตามหนังสืออายรุ เวทศึกษา (ขนุ นทิ เทสสขุ กจิ ) เล่ม 2 ท้ังน้ีไม่ไดห้ มายถึงโรคจติ ในความหมายของการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั (โรคทางจติ เวชและไบโพล่า) 2. ระย่อมจะต้องฆ่าฤทธ์ิตามกรรมวธิ ีกอ่ นนาไปปรงุ ยา 13. ยาไพสาลี ทม่ี าของตารับยา อายุรเวทศึกษา (ขนุ นิทเทสสขุ กจิ ) เลม่ 2 “ ยา ไพสาลี ว่า พระพุทธเจ้า ทรงให้พระอานนท์ทาแจกเป็นทาน เอาลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ส่ิงละ 1 สลึง กระวาน 1 สลึง 1 เฟือ้ ง กานพลู 2 สลึง ดีปลี 2 สลึง 1 เฟื้อง ลูกพลิ ังกาสา 3 สลึง วา่ นน้า 3 สลึง 1 เฟื้อง เกลือสินเธาว์ 1 บาท เทียนดา 1 เฟื้อง เทียนเยาพาณี 6 สลึง 1 เฟื้อง การบูร 7 สลึง สมอเทศ 7 สลึง 1 เฟื้อง เทียนข้าวเปลือก 6 สลึง สมอไทย 2 บาท สมอพิเภก 2 บาท 1 เฟื้อง โกฐสอ 9 สลึง โกฐ เขมา 9 สลึง 1 เฟ้ือง บุกรอ 7 สลึง ขิงแห้ง 10 สลึง 1 เฟ้ือง เจตมูลเพลิง 7 สลึง หัสคุณเทศ 5 บาท กัญชา 30 บาท พริกไทยร่อน 60 บาท ยาท้ังน้ีทาเป็นผงละลายนา้ ผ้ึงน้าอ้อยแดง น้านมโคก็ได้ กิน หนัก 1 สลึง กนิ 3 เวลา แกส้ ารพัดโรค ไส้เลือ่ นกล่อน หืดไอ กุษฐงั เสมหะ ตามดื ตาฟาง หหู นวก หูตึง ลมสติ มักหลงลืม เจ็บตะโพก จุกเสียด ลมสลักอก ขี้เรื้อน คุดทะราด เป็นฝีในเพดานและลาคอ ลมมักให้หาว เรอ ให้รากสะอึก ลมสะแกเวียน นอนไม่หลับ ให้ง่วงเหงาหาวนอน ลมปวดมวนในท้อง เป็นป้างเป็น จุกผามม้ามย้อย หงอย เพอ้ พดู มิชดั ” สูตรตารบั ยา ประกอบด้วย ตวั ยา 23 ชนิด รวมนา้ หนัก 1,820.63 กรมั ดังนี้ ลาดับ ตวั ยา นา้ หนักยา (กรัม) 1 ลกู จนั ทน์ 3.75 2 ดอกจนั ทน์ 3.75 3 กระวาน 5.625 4 กานพลู 7.5 5 ดีปลี 9.375 6 พิลังกาสา 11.25 7 ว่านน้า 13.125 8 เกลอื สนิ เธาว์ 15 9 เทยี นดา 1.875 10 เทยี นเยาพาณี 24.375 11 การบูร 26.25 12 สมอเทศ 28.125
197 ลาดบั ตัวยา นา้ หนักยา (กรมั ) 13 เทยี นขา้ วเปลือก 22.5 14 สมอไทย 30 15 สมอพเิ ภก 31.875 16 โกฐสอ 33.75 17 โกฐเขมา 35.625 18 บกุ รอ 26.25 19 ขิงแห้ง 39.375 20 เจตมลู เพลงิ 26.25 21 หสั คุณเทศ 75 22 กัญชา 450 23 พรกิ ไทยล่อน 900 ขอ้ บ่งใช้ แก้โรคลม แกห้ ดื ไอ มีเสมหะ รูปแบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวิธใี ช้ รับประทานครง้ั ละ 2 กรมั วันละ 3 คร้ัง ก่อนอาหาร เชา้ กลางวันและเย็น น้ากระสายยาที่ใช้น้าผง้ึ รวง น้าอ้อยแดง น้านมโคอย่างใด อย่างหน่ึง ถ้าหาน้ากระสายยาไม่ได้ ให้ใชน้ า้ สกุ แทน ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใช้ในหญงิ ตัง้ ครรภ์ ผ้ทู ่ีมีไข้ และผทู้ ่ีมีอายุตา่ กว่า 18 ปี ข้อควรระวงั 1. ควรระวงั การรับประทานร่วมกบั ยาในกลุ่มสารกนั เลือดเปน็ ลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใชร้ ว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารับนีม้ ีพริกไทยในปริมาณสูง 3. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้ปว่ ยโรคแผล เปื่อยเพปติก ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็น ตารับยารสร้อน 4. ควรระวังการใชย้ าน้ีในผ้ปู ่วยสูงอายุ 5. ควรระวังการใชย้ าอยา่ งต่อเนอื่ ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในผูป้ ว่ ยท่มี คี วาม ผิดปกติของตับ ไต เนื่องจากอาจเกดิ การสะสมของการบูรและเกิดพิษได้ ข้อมูลเพม่ิ เติม -
198 14. ยาทาริดสดี วงทวารหนักและโรคผิวหนงั “เอาขมิ้นชัน ใบกัญชา ส่ิงละ 15 กรัม น้ามันเม็ดฝ้าย พอเปียก ใส่แก้ริดสีดวงทวารหนัก ใส่แก้โรค ผิวหนังตา่ ง ๆ” สตู รตารบั ยา ประกอบด้วย ตัวยา 3 ชนดิ รวมนา้ หนัก 60 กรัม ดังน้ี ลาดับ ตัวยา นา้ หนกั ยา (กรัม) 1 ขม้ินชัน 15 2 ใบกัญชา 15 3 นา้ มันเมล็ดฝา้ ย 30 ขอ้ บ่งใช้ ทาแกร้ ิดสีดวงทวารหนัก และทาแก้โรคผวิ หนัง (เชน่ เร้อื นกวาง เรื้อนมลู นก) รปู แบบยา ยานา้ มัน ขนาดและวิธใี ช้ ทาวันละ 2 ครง้ั หลังอาบนา้ เช้าและเย็น ข้อหา้ มใช้ - ขอ้ ควรระวัง ควรระวงั การใช้กับผู้ทแี่ พ้สว่ นประกอบของตารับ ข้อมูลเพ่ิมเติม - 15. ยาทาลายพระสเุ มรุ ทม่ี าของตารับยา คัมภรี แ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ ขนุ โสภิตบรรณลักษณ์ เลม่ 2 “ยาทาลายพระสุเมรุ เอาลูกจันทน์ 1 เฟื้อง ดอกจันทน์ 1 สลึง ลูกกระวาน 1 สลึงเฟ้ือง กานพลู 2 สลึง เกลือสินเธาว์ 3 สลึง ดีปลี 2 สลึงเฟ้ือง หว้านน้า 3 สลึงเฟื้อง โกฐสอ 1 บาท โกฐเขมา 1 บาทเฟ้ือง เทียน ดา 5 สลึง เทียนแดง 5 สลึงเฟ้ือง เทียนขาว 6 สลึง เทียนตาต๊ักแตน 6 สลึงเฟื้อง เทียนข้าวเปลือก 7 สลึง ขิ งแ ห้ ง 7 ส ลึ งเฟื้ อ ง กั ญ ช า2 บ าท ราก เจ็ ต มู ล เพ ลิ ง 2 บ าท เฟ้ื อ ง หั วบุ ก รอ 9 ส ลึ ง เน้ือลูกสมอไทย 9 สลึงเฟื้อง เน้ือลูกสมอเทศ 10 สลึง การะบูน 10 สลึงเฟื้อง หัศกุนเทศ 10 สลึงเฟ้ือง พริกไทยล่อน 57 บาท 3 สลึง บดเป็นผงละลายน้าอ้อยแดง หรือน้านมโค กินคร้ังละ 1 สลึง แก้ลมจุก เสียด ลมปะทะอก ลมตามืดหูหนัก ปวดหัวมึนตึง ลมเมื่อยขบในร่างกาย ลมสะดุ้งแลส่ันไปทั้งตัว ลมเปร่ียวดา แก้จุกผามม้านย้อย มารกะไษย ไส้พองท้องใหญ่ ลมคล่ังเพ้อ ลมอามะพฤกษ์อามะพาธ ลมปตั ฆาต แกโ้ รคผิวหนัง ลมชักปากเบ้ยี วตาแหก แก้รดิ สดี วงทวาร แกโ้ รคเสมหะโลหิตเรื้อรัง หายแล” สูตรตารบั ยา ประกอบดว้ ย ตวั ยา 23 ชนิด รวมน้าหนกั 1,338.75 กรัม ดงั นี้ ลาดบั ตัวยา นา้ หนักยา (กรมั ) 1 ลกู จันทน์ 1.875 2 ดอกจันทน์ 3.75
199 ลาดบั ตวั ยา น้าหนักยา (กรัม) 3 กระวาน 5.625 4 กานพลู 7.5 5 เกลือสนิ เธาว์ 9.375 6 ดปี ลี 11.25 7 วา่ นนา้ 13.125 8 โกฐสอ 15 9 โกฐเขมา 16.875 10 เทียนดา 18.75 11 เทยี นแดง 20.625 12 เทียนขาว 22.5 13 เทยี นตาตกั๊ แตน 24.375 14 เทยี นขา้ วเปลอื ก 26.25 15 ขิงแหง้ 28.125 16 กญั ชา 30 17 เจตมูลเพลงิ 31.875 18 บกุ รอ 33.75 19 สมอไทย 35.625 20 สมอเทศ 37.5 21 การบรู 39.375 22 หสั คณุ เทศ 39.375 23 พริกไทยลอ่ น 866.25 ขอ้ บ่งใช้ แกล้ มจกุ เสยี ด ลมเม่อื ยขบในรา่ งกาย ลมเปลย่ี วดา ลมอัมพฤกษ์อัมพาต รปู แบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวธิ ใี ช้ รบั ประทานครั้งละ 2 กรัม วันละ 2 คร้ัง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ น้ากระสายยาทใ่ี ช้นา้ อ้อยแดง น้านมโคอยา่ งใด อย่างหนง่ึ ถ้าหาน้ากระสายยา ไม่ได้ ให้ใช้น้าสุกแทน ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญิงต้ังครรภ์ ผทู้ ี่มีไข้ และผู้ท่ีมีอายุต่ากว่า 18 ปี
200 ข้อควรระวงั 1. ควรระวงั การรับประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเป็นลม่ิ (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตวั ของเกลด็ เลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใช้ยาน้ี รว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และrifampicin เนือ่ งจากตารับน้ีมีพริกไทยในปริมาณสูง 3. ควรระวังการใช้ในผ้ปู ว่ ยโรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปือ่ ยเพปติก ผู้ปว่ ยโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็นตารบั ยารสร้อน 4. ควรระวังการใชย้ านีใ้ นผปู้ ่วยสงู อายุ 5. ควรระวังการใช้ยาอยา่ งต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผปู้ ว่ ยทม่ี ีความ ผิดปกติของตบั ไต เน่ืองจากอาจเกดิ การสะสมของการบรู และเกดิ พิษได้ ขอ้ มูลเพ่มิ เติม ลมเปลยี่ วดา เป็นโรคลมชนิดหนง่ึ เกดิ จากการกระทบกับความเยน็ มากจนเปน็ ตะคริว ผปู้ ่วยมีอาการกล้ามเนอ้ื เกรง็ อย่างรุนแรง กระตุก ทาให้เจบ็ ปวดบรเิ วณ ที่เป็นมาก มักแก้โดยการนวดจุดบริเวณตาตุ่มด้านในหรืออาจรักษาด้วยยา สังขวไิ ชย หรือยาทาลายพระสุเมรุ 16. ยาทพั ยาธคิ ณุ ทม่ี าของตารับยา คัมภรี แ์ พทย์ไทยแผนโบราณ ขนุ โสภติ บรรณลกั ษณ์ เลม่ 2 “ยาชื่อทัพยาธิคุณ เอาสะค้าน ผักแพวแดง ดองดึง หว้านน้า ยาดา มหาหิงค์ุ โกฐสอ โกฐจุลาลาพา โกฐพุงปลา กัญชา หัวอุตพิด เน้ือฝักราชพฤกษ์ ชะเอมเทศ ดีปลี แก่นแสมทะเล เอาส่ิงละ 1 ส่วน พริกไทยล่อนเท่ายาทั้งหลาย ตาเป็นผง เอาน้าใบกาเม็ง น้าลูกประคาดีควาย เคล้ายาผงตากแดดให้ แห้งสิ่งละ 7 คร้ัง แล้วบดดว้ ยน้าผึ้งกินหนัก 1 สลึง แกก้ ลอ่ น 5 ประการ ซ่ึงให้จุกเสียดแลเป็นพรรดึก แก้ลมเป็นก้อนในอุทร ให้เจ็บท่ัวร่างกาย เจ็บสะเอว มือเท้าตายกระด้างแลเมื่อยขบทุกข้อทุกลา ขัด แข้งขา เจ็บทวารหนัก เบาพิการต่าง ๆ เจ็บศีรษะเวียนหน้าตา เจ็บไหล่ท้ังสอง ปากเปรย้ี ว เสียงแหบ แห้ง ขัดสีข้าง ขัดอก ท้องขึ้น กินอาหารไม่มีรส นอนไม่ใคร่หลับ โรคท้ังน้ีเป็นเพราะเสมหะแห้ง บุรุษ และสตรีเปน็ เหมือนกัน” สูตรตารับยา ประกอบดว้ ย ตวั ยา 16 ชนิด รวมนา้ หนกั 30 ส่วน ดงั น้ี ลาดับ ตัวยา น้าหนกั ยา 1 สะค้าน 1 ส่วน 2 ผักแพวแดง 1 สว่ น 3 ดองดงึ 1 สว่ น 4 ว่านนา้ 1 ส่วน 5 ยาดา 1 สว่ น
201 ลาดบั ตัวยา น้าหนักยา 6 มหาหิงคุ์ 1 สว่ น 7 โกฐสอ 1 สว่ น 8 โกฐจฬุ าลมั พา 1 ส่วน 9 โกฐพุงปลา 1 สว่ น 10 กัญชา 1 ส่วน 11 อตุ พดิ 1 สว่ น 12 เน้อื ในฝักราชพฤกษ์ 1 สว่ น 13 ชะเอมเทศ 1 สว่ น 14 ดปี ลี 1 สว่ น 15 แกน่ แสมทะเล 1 สว่ น 16 พริกไทยล่อน 15 ส่วน ส่วนประกอบอืน่ ในตารับ ใบกะเม็ง ลกู ประคาดีควาย ขอ้ บ่งใช้ แก้กล่อนท่ีทาใหจ้ กุ เสียดเป็นพรรดกึ เจบ็ เม่ือยขบตามรา่ งกาย กินอาหารไม่รรู้ ส นอนไมห่ ลบั รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธีใช้ รับประทานครั้งละ 2 กรัม วนั ละ 2 คร้งั ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ น้ากระสายยาที่ใช้น้าผึ้งรวงถา้ หานา้ กระสายยาไม่ได้ ใหใ้ ช้น้าสุกแทน ขอ้ ห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นหญิงตงั้ ครรภ์ ผทู้ ม่ี ไี ข้ และผทู้ ่มี ีอายตุ ่ากวา่ 18 ปี ขอ้ ควรระวัง 1. ควรระวังการรับประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลือดเปน็ ลมิ่ (anticoagulant) และยาตา้ นการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) 2. ควรระวังการใชร้ ว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนือ่ งจากตารบั น้ีมีพริกไทยในปริมาณสงู 3. ควรระวังการใช้ในผ้ปู ่วยโรคความดนั โลหิตสูง โรคหวั ใจ ผู้ป่วยโรคแผลเปื่อย เพปติก ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เน่ืองจากเปน็ ตารับยารสร้อน 4. ควรระวังการใช้ยาน้ใี นผ้ปู ่วยสูงอายุ
202 ขอ้ มูลเพ่มิ เติม 1. กลอ่ น 5 ประการ ไดแ้ ก่ กล่อนดิน กล่อนนา้ กลอ่ นลม กลอ่ นไฟ และกษยั กล่อน 2. ดองดึงจะตอ้ งฆ่าฤทธ์ติ ามกรรมวิธีกอ่ นนามาปรุงยา ภาพท่ี 68ตวั อยา่ งบรรจภุ ณั ฑ์ตารบั ยาศขุ ไสยาศน์ กกกกกกกกล่าวโดยสรุปตารบั ยาท่ีมีกัญชาเป็นส่วนประกอบที่ได้มีการคัดเลือก และมีการรับรองโดย กระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน พ.ศ. 2562ประกาศใช้ท้ังหมด 16 ตารับ ได้แก่(1) ยาอัคคินีวคณะ (2) ยาศุขไสยาศน์(3) ยาแก้ลมเนาวนารีวาโย (4) ยาน้ามันสน่ันไตรภพ (5) ยาแก้ลมข้ึนเบื้องสูง (6) ยาไฟอาวุธ(7) ยาแก้นอนไม่หลับ หรือ ยาแก้ไข้ผอมเหลือง (8) ยาแก้สัณฑฆาต กล่อนแห้ง (9) ยาอัมฤตย์โอสถ (10) ยาอไภยสาลี(11) ยาแก้ลมแก้เส้น(12) ยาแก้โรคจิต (13) ยาไพสาลี (14) ยาทาริดสดี วงทวารหนกั และโรคผวิ หนัง(15) ยาทาลายพระสุเมรุและ (16) ยาทัพยาธคิ ณุ
203 ภาพท่ี 69ตารับยาแผนไทยที่มกี ัญชาเปน็ สว่ นผสม จานวน 16 ตารับ (ภาพท่ี 1) ภาพที่ 70ตารับยาแผนไทยที่มกี ญั ชาเปน็ ส่วนผสมจานวน 16 ตารบั (ภาพท่ี 2)
204 ถาม จริงหรอื ไม่ ตารับยาแผนไทยทีม่ ีการใช้กญั ชาสว่ นใหญ่ใช้กะหลก่ี ัญชา ในการเข้าตารบั ตอบ ไม่จริง เพราะ ตารับยาแผนไทยสว่ นใหญ่ใช้ใบกัญชาในการเข้าตารบั ยา และจะไม่ใช้ เป็นยาเด่ยี ว ส่วนใหญ่จะใช้เป็นยาตารับคือใช้ร่วมกบั สมุนไพรอ่ืน ๆ กะหล่กี ัญชาส่วนใหญ่ ใชใ้ นการสูบเพื่อการผอ่ นคลาย เรื่องท่ี 4 ภมู ิภเู บศรรวบรวมและเผยแพร่ภมู ิปญั ญาไทย 1.ประวตั ิความเป็นมาของภมู ภิ ูเบศร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มีการพัฒนาสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง เร่ิมต้นต้ังแต่ พ.ศ. 2536 โดย เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร และทีมงานเภสัชกร จนเป็นท่ียอมรับในระดบั ชาติและ นานาชาติและได้เปิดภูมิภูเบศรศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ สร้างความรอบรู้ด้าน สุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย ภายใต้แนวคิด “พ่ึงตนเอง อนุรักษ์ สร้างมูลค่าเพ่ิม” เมื่อวันท่ี 10 กันยายน 2561 โดยมีการอบรมแก่ประชาชน ผู้ป่วย และญาติเพ่ือเพ่ิมทักษะการกล่ันกรอง ประเมิน และเลือกใช้สมุนไพร ตามภูมิปญั ญาในการดูแลสขุ ภาพ มวี ัตถปุ ระสงค์การจัดต้ังทงั้ 3 มิติ ไดแ้ ก่ มิติที่ 1 พ่ึงตนเอง ส่งเสริมให้ประชาชน ดูแลอาการเจ็บป่วยเบ้ืองต้น ด้วยสมุนไพรและ ศาสตรก์ ารแพทย์แผนไทย มิติท่ี2อนุรักษ์ภูมิปัญญา ศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และพรรณพืช สมนุ ไพรทีก่ าลงั สูญหาย มติ ทิ 3ี่ สร้างมูลค่าเพ่ิมให้สมนุ ไพร และภูมิปญั ญาไทยผา่ นนวตั กรรมผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร โดยภูมิภูเบศรจะเป็นศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่ง เป็น 1 ใน 13 จังหวัดที่รฐั บาลกาหนดให้เป็นเมืองสมุนไพร (Herbal City) รองรับนโยบายการปฏิรูป ระบบสขุ ภาพดา้ นการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy)
205 ภาพที่ 71 ภูมิภเู บศร 2.องคค์ วามรู้ในภูมิภเู บศร 2.ภมู ภิ ูเบศร อุทยานการเรียนรู้สมนุ ไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ จังหวัดปราจนี บรุ ี เป็นพพิ ิธภณั ฑห์ มอไทย (หม่ืนชานาญแพทยา) หมอหลวงในรัชกาลท่ี 5 อายุกว่า 100 ปีภายในพิพิธภณั ฑ์ อุทยานการเรียนรู้สมุนไพร ได้จดั ส่วนการแสดงออกเปน็ 3 สว่ น ดงั นี้ 2.2.1เรือนหมอพลอยพิพิธภัณฑ์หมอไทย เป็นต้นแบบของท่ีอยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะ มีองค์ ความร้ดู ้านการแพทย์ซุกซ่อนอยู่ในทุกที่ แม้แต่การออกแบบพื้นท่ีใช้สอย ด้วยการออกแบบมาอย่างดี ให้ลมพัดผ่านเย็นสบายตลอดทั้งวัน ช่วยสร้างสมดุลของธาตุทั้ง 4ในร่างกายให้แก่ผู้ท่ีอยู่อาศัย ชั้นล่างมี ผลิตภัณฑ์ประทินผิวและบารุงร่างกายภายใต้แบรนด์อภัยภูเบศรมากมายวางเรียงรายให้เลือกซื้อหา ช้ันบนจัดแสดงอุปกรณ์ทายาชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยาน้า หรือยาเม็ด มีกล่องใส่ตัวอย่างสมุนไพรตาม รส ตามฤดู ภาพที่ 72 เรอื นหมอพลอย ภูมภิ ูเบศร
206 2.2.2 สวนสมุนไพรภูมิภูเบศร เป็นแหล่งเรียนรู้และการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ของภูมิ ภูเบศร มีการจัดสวนตามกลุ่มโรคอาการ ตามกลุ่มรสของสมุนไพร ซึ่งเป็นตัวกาหนดสรรพคุณของยา สมุนไพรให้สี ให้กลิ่นหอมท่ีมักใช้ในตารับยาไทยช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย สมุนไพรผักสวนครัว และสมุนไพรสดี าทค่ี นไทยเชอื่ ว่าช่วยขับไล่สิง่ ไมด่ ี ภาพที่ 73 สวนสมุนไพรและภูมปิ ัญญาสุขภาพ สร้างความรอบรูส้ ุขภาพดว้ ยแพทย์แผนไทย 2.2.3 อภัยภูมิภูเบศรโมเดล ต้นแบบการใช้กัญชาทางการแพทย์ เน้นมาตรฐานความ ปลอดภัย ตามมาตรฐานทางการแพทย์ ประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และเหมาะสมกับคนไทยมาก ท่ีสดุ (รายละเอยี ดตามข้อ 4.3 ในลาดบั ถัดไป) 3. ความสาคัญของภมู ภิ เู บศร 2.โรงพยาบาลเจา้ พระยาอภัยภเู บศรยังได้จดั ต้งั “ภูมิภูเบศร” เพ่ือเป็นทฝ่ี ึกอบรม สัมมนา ศึกษา เรยี นรู้ เร่ืองการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ในส่วนของกัญชา นั้นทางภูมิภูเบศรถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง และเป็นสถานท่ีทดลอง วิจัย การใช้กัญชาทางการแพทย์ อย่างครบวงจร
207 ภาพที่ 74 สมุนไพรและภูมปิ ัญญาสขุ ภาพ สร้างความรอบร้สู ุขภาพดว้ ยแพทย์แผนไทย 4. องค์ความรู้กญั ชาอภัยภเู บศรโมเดล โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้พัฒนากัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือกอย่างครบวงจร เรียกว่า อภัยภูเบศรโมเดล ทาการรวบรวมความรู้ในการใช้ไว้ท้ังจากตารา และจากการลงพนื้ สัมภาษณ์ผ้รู ู้ จาการค้นควา้ ในเอกสารพบว่ากญั ชามกี ารบรรยายสรรพคณุ ไว้ดังน้ี ลาดบั รายการ สรรพคุณทางยา ผลข้างเคียง 1 ดอกกญั ชา ปรุงเป็นยารบั ประทาน ทาให้ง่วงนอน และ - อยากรบั ประทานอาหาร 2 กัญชา รู้เจริญอาหาร ชูกาลัง มีรสเมา และทาใหใ้ จ สะด้งุ กลวั 3 กญั ชา เปน็ ยาจาพวกที่ใช้ในทางระงับเส้นประสาท - ทาใหน้ อนหลับ และเจริญอาหารดี 4 เล่าหมา ทาใจให้สุขมุ ดี นอนหลบั รบั ประทาน แต่ถ้ามากเกินไป ไม่ผดิ หรอื กญั ชา อาหารได้ อะไรกบั คนบา้ รอ้ งไห้กับ หัวเราะพร้อมกัน 5 กัญชา เปน็ ยาเจริญอาหาร ชกู าลัง แก้โรคประสาท ถา้ กินมากไปจะเปน็ โทษ แกโ้ รคนอนไมห่ ลับ แตต่ ้องเอาไปประสมยา ซง่ึ ทางการจับกุมกนั อยู่
208 ลาดบั รายการ สรรพคุณทางยา ผลขา้ งเคยี ง 6 กัญชา มรี สมนึ เมาสบายดี มีความรน่ื เรงิ อย่ใู นใจ อาหารและกาลงั ถอย ทาให้จิตใจ ฟุ้งซ่านใจขลาด เป็นยาชูกาลงั หรอื ทาให้ตัวสั่นและเสีย 7 กญั ชา บ้างเล็กนอ้ ย สติเป็นคนจรติ พิการไป หมดถา้ รบั ประทานมาก รบั ประทานน้อยๆ เป็นยาชูกาลัง เจริญ เกนิ ขนาดอาจทาใหเ้ บ่อื อาหาร เมา ทาใหใ้ จขลาด รอ้ ยกรองเก่ยี วกบั การเมากัญชา กกกกกกกกัญชา ทาให้เมา เล่าหนา ช่ือว่ากัญชา ฤทธาคมขา สูบกินส้ินแรง ตาแดงตาดา กลางคืนกลางค่า ตามคลาเพ้อไปหัวเราะงอหาย หัวเราะใบไม้ น่ังน้าลายไหล อยากแต่ ของ หวาน ใคร่ได้รับประทาน ของหวานเพ้อไป พูดเองหัวเอง ไม่เกรงคนไหน เดินมาเดินไปยัก ย้ายท่าทางด้วยฤทธ์ิกัญชาเหมือนอย่างคนบ้า ทีท้ากีดขวาง ขี้ขลาดตาขาว ต้มเหล้าไม่พราง แต่เพียงข้างๆ สัก 2 กระบุงมเหเดชา นอนทอดกายา เพื่อนมาไม่ยุ่ง ละเห่ียเมียด่านอนทอด กายา ชักผ้าปดิ พุง รอ้ งเพลงหัวพลางสาเหนียกเรียกนาง ยักเงินเดนิ ตงุ ดจุ เพศปีศาจเข้าแผลง อานาจในท้องในพุง วิปริตผิดไป อาการเล่าไว้จิตใจใฝ่ยุ่งกะทกกะทุง ไปท่ัวกายการหันเห เซซุดดุจโถนตกฉาเหยียบแก้วเหยียบกา ฉวยพร้าเป็นขวานจิตใจมัวยุ่ง คว้ามุ้งถูกม่าน เจริญ อาหาร ประเสรฐิ เลิศดี สาหรบั แทรกยาพระยากัญชา จบลงเพยี งนี้ ตาราใครมี ให้ขนึ้ ใจ ในส่วนของตารับยาพ้ืนบ้าน กัญชาเข้ายาหลายชนิด ท่ีเดน่ คือโรคนอนมหิ ลับ ตวั อยา่ งตารับยาเช่น ลำดบั ชื่อยำ สว่ นประกอบของยำ 1 ยาเจรญิ ธาตุ เอากัญชา โสม อบเชยญวณ เอาสง่ิ ละ 1 สลึง ใบกระวาน กานพลู สะคา้ น เอาส่งิ ละ 2 สลึง ขงิ แหง้ 3 สลึง เจ็ตมลู เพลงิ ดีปลี สิง่ ละ 1 บาท น้าตาลกรวด 6 สลึง บดละลายน้าผึ้งกิน แก้กินขา้ วไม่ได้ นอนไมห่ ลบั
209 ลำดบั ช่อื ยำ สว่ นประกอบของยำ 2 ยาหม้อตม้ กิน ตามตาราท่านใหใ้ ช้ตวั ยาดงั นี้ รากชะพลู กัญชา สมอเทศ สมอ แก้นอนไมห่ ลับ ไทยหนักอยา่ งละเท่า ๆ กนั ต้มรวมกนั กนิ แกน้ อนไม่หลับ กระสบั กระส่าย ประสาทแขง็ ใจสั่น กนิ ทั้งเช้า 3 ยาแกโ้ รคนอน ไม่หลบั ขนานที่ 1 ทา่ นใหเ้ อาลูกมะตมู อ่อน 1 บอระเพ็ด 1 พริกไทยลอ่ น 1 ขมิน้ อ้อย 1 ตวั ยาท้ัง 4 อย่างน้ี เอาหนกั อยา่ งละ 1 บาท เท่ากนั 4 ยาแก้โรคนอน นามาตาใหล้ ะเอยี ดผสมกับน้าผงึ้ แท้ ใช้รบั ประทานมสี รรพคุณ ไมห่ ลบั ขนานที่ 2 ทาใหน้ อนหลบั สนทิ เคยใชร้ กั ษาใหห้ ายมามากแล้ว ได้ผลดี อย่างชะงักนักแล ท่านให้เอา ลูกสมอไทย 1 ลูกสมอเทศ 1 รากช้าพลู 1 กญั ชา 1 ตวั ยาทง้ั 4 อย่างน้ี เอาหนักอยา่ งละเท่า ๆ กัน นามาใสห่ ม้อดิน ตม้ ใช้นา้ ยารับประทาน มีสรรพคณุ แกโ้ รคนอนไมห่ ลับไดผ้ ล อยา่ งละงัดนักแล ฯ กกกกกกกนอกจากนี้ในสามจังหวัดภาคใตก้ ็ยังมีการใช้กัญชาเป็นยา โดยมีชื่อตามภาษามลายูท้องถ่ิน เรยี กตน้ กญั ชาวา่ “กนั ยอ (Ganja)”โดยมีสรรพคุณ สว่ นและวิธกี ารใช้ ดังน้ี กัญชา ภูมปิ ัญญาในแดนใต้ สรรพคุณ สว่ นและวธิ กี ารใช้ แหลง่ ข้อมลู แกท้ อ้ งเสีย ท้องรว่ ง นารากมาฝนให้ขน้ ผสมนา้ ต้มสุก นายนอิ ุมา นเิ งาะ ประมาณ ½ แกว้ ชา แลว้ นามากรอง ที่อยู่ อนี อ ลาโละ กอ่ นดื่มทกุ ครัง้ เมื่อมีอาการ จงั หวดั นราธวิ าส ชว่ ยรักษาผมร่วง นาใบขนาดพอประมาณ มาตาให้ นางมือลอ มะแซ และ แกอ้ าการคันบนหนังศีรษะ ละเอยี ดแลว้ นามาคน้ั ผสมน้าต้มสุกดม่ื นางซารเี ปาะ แวกาจิ รกั ษาอาการปวดฟนั เนือ่ งจากฟันผุ และนามาชโลมศีรษะหมักท้งิ ไว้ ทอ่ี ยู่ จะกว๊ะ ประมาณ ½ ชวั่ โมง แล้วลา้ งออกด้วย จังหวดั ยะลา นา้ สะอาด แล้วสระผมตามปกติ นาใบมาขยี้ใหพ้ อแหลก แลว้ นามาอดุ นางตเี มาะ รงโซะ หรอื ทา ถู บริเวณท่ีมอี าการปวดฟัน ทอี่ ยู่ เมือง จงั หวัดยะลา
210 สรรพคณุ ส่วนและวธิ ีการใช้ แหลง่ ข้อมลู รกั ษาอาการปวดเมอ่ื ย -นาใบสดประมาณ 3 ใบต่อน้า 1 ลิตร มา นายอสั ฮาน คาเร็ง แก้กระษัยเสน้ เปน็ ยาชูกาลัง ต้มให้เดือดประมาณ 20 นาที แล้วนามา ทอี่ ยู่ เมือง จงั หวดั ยะลา ทาใหข้ ยันทางานร้สู ึกผ่อน ดื่มอุ่นๆวันละ 2-3 เวลา หลังอาหาร หรือ คลาย สบายตัวช่วยลด ดืม่ เมอ่ื มอี าการ อาการตงึ เครียดไดช้ ่วยให้ -นาท้งั ต้นทไี่ ด้ทาการตากจนแห้งแล้ว หลับสบาย ประมาณ ½ กามือต่อน้า 1 ลิตร มาตม้ ให้เดือด แลว้ นามาดม่ื อุน่ ๆเปน็ ชาตา่ งนา้ หรอื เมอ่ื มีอาการ เปน็ อาหาร -ใบออ่ นสามารถนามารับประทานสดเปน็ นายมัสบดู หาแว เจรญิ อาหาร ผักกบั ขา้ วจ้ิมนา้ พริก น้าบูดู เป็นผักข้าว ทีอ่ ยู่ บา้ นตาเปาะ รอื เสาะ ยาได้ จังหวดั นราธิวาส -ส่วนใบเพสลาดสามารถนามาใส่ในแกง หรอื เมนอู าหารชนิดต่างๆได้ เชน่ ต้มซุป แกงสม้ แกงกะทิ แกงมสั มนั่ เมนูผัดต่างๆ และอืน่ ๆ เป็นต้น โดยจะใช้ใบเพียง เล็กน้อยหรอื ประมาณ 1-2 ใบเท่าน้นั เพื่อ เพ่ิมรสชาติอาหารให้อร่อย ซง่ึ จะช่วยให้ เจริญอาหาร และรู้สึกผ่อนคลายอกี ดว้ ย (แต่ก็ไมแ่ นะนา)ใสม่ ากเกนิ ไป เพราะ อาจจะทาให้เกิดอาการเมาได)้ ไมป้ ระดบั -ในสมัยก่อนชาวบ้านนยิ มนามาปลกู เพ่ือ นายอัสฮาน คาเรง็ ประดับสวนรอบบริเวณบ้านให้มีความ ท่อี ยู่ เมือง จังหวัด ยะลา สวยงามน่าอยู่ เพราะต้นกัญชาเป็นต้น พชื ทม่ี คี วามสวยงามอยใู่ นตัว -นาใบมาจดั ใสช่ ดุ สารับหมาก ใช้ประโยชน์ตา่ งๆ รับประทานยามวา่ งหรอื สาหรบั ตอ้ นรบั แขกท่ีมาเย่ยี มเยียนบ้าน กกกกกกกกล่าวโดยสรุปภูมิภูเบศรศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรครบวงจร ภายใต้แนวคิดการพ่ึงพาตนเอง เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร ประกอบด้วย (1) เรือนหมอพลอย (2) สวนสมุนไพร ภูมภิ ูเบศร และ (3) อภัยภเู บศรโมเดล
211 ภาพท่ี 75 โครงการปลูกกัญชาเพ่ือใช้ประโยชนท์ างการแพทย์โดยระบบปดิ เร่ืองท่ี 5 ภมู ิปญั ญาหมอพ้ืนบา้ นนายเดชา ศิรภิ ทั ร ประวัติ ครอบครัวของนายเดชา ศิริภัทร หมอพ้ืนบ้านตารับยาพื้นบ้านไทยจากกระแสความนิยม ที่มาจากตะวันตก มีท่ีนานับหมื่นไร่ และเป็นเจ้าของโรงสีที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี นายเด ชาได้เข้าเรียนคณะสัตวบาล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เม่ือเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้ว ได้เข้ารับ ราชการเป็นเวลา 4 ปี และเมื่อเขามีอายุประมาณ 30 ปี นายเดชา ศิริภัทร ได้ทาตามความต้องการของ แม่ที่ต้องการให้บวชเรียน จากการที่นายเดชา ศิรภิ ัทร เปน็ คนอ่านมาก เขาจึงรู้ว่าวัดไหนเป็นอย่างไร ใครคือพระจริงพระปลอม เขาจึงเลือกบวชที่วัดสวนโมกข์ รุ่นราวคราวเดียวกับพระพิศาลธรรมวาที หรือพระพะยอม กัลป์ยาโณนายเดชา ศิริภัทร บวชเป็นเวลา 3 - 4 เดือน ภายใต้การปกครองและ พร่าสอนของพระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปญฺโญ) หรือรู้จักในนาม พุทธทาสภิกขุ เขารู้สึกว่าตัวเอง ดวงตาสว่าง มองเห็นทางเดินสู่ความพอดีของชีวิต เมื่อลาสิกขาบทออกมา จึงได้ประกาศขอแยกตัว ออกจากธรุ กิจครอบครวั ไม่รบั มรดกใดๆ ทง้ั สนิ้ มุ่งทางานดา้ นการเกษตร และเปน็ นกั เคลอ่ื นไหวดา้ น เกษตรกรรมยง่ั ยืน1
212 ภาพที่ 76ภูมปิ ญั ญานายเดชา ศริ ภิ ทั ร นายเดชา ศิริภทั ร เป็นท่ีร้จู ักดีจากงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรที่เหมาะสมกับทอ้ งถ่ิน แล ะพั ฒ น าพั น ธุ ก รรม ข้ าว ท่ี เข าสน ใจอ ย่ างต่ อ เนื่ อ งม าร่ วม 20 ปี เร่ิ ม ต้ น ม าตั้ งแ ต่ ปี พ.ศ.2527 และดาเนินการต่อเนื่องมา จนกระทั่งมีอายุ 55 ปี นายเดชา ศิริภัทร ได้ดารงตาแหน่ง ผู้อานวยการมูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบกับมารดาได้เสียชีวิตลงจากเหตุโรคมะเร็ง ร้ายทีค่ รา่ ชวี ิตผู้เป็นแม่เมอื่ ประมาณ 40 ปีก่อน เปน็ ประสบการณ์ที่ทาให้ นายเดชา ศิริภัทร ผู้บุกเบิก เกษตรกรรมทางเลือกในประเทศไทย ในวัย 71 ปี แรงจูงใจท่ีทาให้นายเดชาสนใจในการใช้น้ามัน กัญชาในการรักษาโรคคือ“แม่ผมเป็นมะเร็งตับเสียชีวิต ทั้งท่ีเรามีเงินมีทุกอย่างพร้อมเมื่อปี พ.ศ. 2519 หลังจากน้ันน้าชายผมอีก 4 คน เป็นแบบเดียวกันทั้งหมดเลย เป็นมะเร็งตับ และตายกัน หมดท้ังท่ีทุกคนมีฐานะดีมาก” นั่นเป็นจุดเร่ิมต้นของศึกษาการผลิตยากัญชาทางการแพทย์ เม่ือ ปี พ.ศ.2556 นายเดชา ศิริภัทร ได้เลือกศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศถึงวิธีการสกัดกัญชา ออกมาใน รูปแบบที่ทาเป็นยาน้ามันกัญชา โดยใช้วิธีการที่ ริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) นักเคลื่อนไหวชาว แคนาดาเพ่ือกัญชาทางการแพทย์ ในระยะแรกซึ่งเม่ือพบว่าสารสกดั มีความไมป่ ลอดภัย ก็ได้ใช้น้ามัน มะพรา้ วสกดั เยน็ มาสกดั นายเดชามีความเชื่อวา่ ใช่ว่ากัญชาเป็นยาวิเศษท่ีทาให้ผู้ปว่ ยรอดพ้นการตาย หากการหายจากมะเร็ง ก็ต้องมีปัจจัยในการดูแลรักษาสุขภาพทางกายและจิต ต้องเข้าใจว่าทุกคนมันตายทุกคน เกดิ แล้วตาย แต่จะตายแบบไหน ไม่ทรมานไม่ตอ้ งเจ็บปวด ถึงจะหายด้วยโรคมะเร็งกต็ ายด้วยโรคอ่ืนอยู่ดี” นายเด ชากล่าว ตามวิสัยท่ีใช้หลักธรรมของพุทธศาสนา เป็นหลักในการดาเนินชีวิต “ไม่ใช่ว่ามีกัญชาแล้วไม่ ตาย แต่ตายแบบไหน” อย่างไรก็ตาม องค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลว่า สาหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะ สุดท้ายสารสกัดจากกัญชามีผลในแง่ของการใช้เพ่ือควบคุมอาการเท่าน้ัน ซึ่งสอดคล้องกับ รอง
213 ศาสตราจารย์ นายแพทย์วโิ รจน์ ศรีอฬุ ารพงศ์ อดีตนายกสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่บอกว่า การวิจัยที่บอกว่าสารจากกัญชาฆ่าเซลล์มะเร็งได้ยังเป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการ ส่วน การใช้นา้ มนั กญั ชาเพ่อื ลดผลขา้ งเคยี งจากเคมีบาบดั ก็มปี ระสทิ ธภิ าพไม่ตา่ งจากยาแผนปจั จุบัน ปัจจุบันตารับของนายเดชาได้รับการรับรองให้ เป็นตารับยาหมอพื้นบ้านท่ีได้ รับการรับรองโดย คณะกรรมการรับรองตารับยาแผนไทยที่ มีกัญชาปรุงผสม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือกโดยตารับยาน้ีนายเดชา ศิริภัทร จะต้องเป็นผู้อนุญาตให้ผู้ป่วยใช้ได้เท่าน้ัน ผู้ป่วยจึงจะ นามาใช้ไดม้ ีส่วนประกอบและขอ้ บง่ ใช้คือ ตารับยาแผนไทยที่ มีกัญชาของนายเดชา ศิรภิ ทั ร หมอพ้นื บ้าน ลาดับ ส่วนประกอบ สรรพคุณ รปู แบบยา ขนาด/วิธีการใช้ 1 1 กญั ชา 100 1. ช่วยให้นอนหลับ มีลักษณะเป็นยาน้ามนั กรัม 2. ช่วยเจริญอาหาร ขนาดและวธิ ใี ช้ เร่มิ ต้นรบั ประทานครั้งละ 2 น้ามันมะพร้าว 3. บรรเทาอาการปวดศีรษะ 1-3 หยดตามคาสงั่ ของแพทย์แผนไทย/ 1000มิลลิลิตร ข้างเดียว แพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ หากติดตาม (ลมปะกัง) อาการแล้วไม่ดขี ้นึ ให้ปรบั ขนาดยาเพ่มิ ข้ึน 4. บรรเทาอาการปวดเร้ือรัง ครัง้ ละ1- 2 หยด 5. บรรเทาอาการส่ันจาก คา้ แนะน้าเพิ่มเตมิ วธิ ีการหยดนา้ มนั กญั ชา กลมุ่ โรคระบบประสาท ให้หยดใส่ ชอ้ นก่อนรบั ประทานเพอ่ื หรอื ใช้ กบั อาการ, ภาวะ ปอ้ งกันการใช้ ยาเกินขนาด อื่นๆตามดุลพนิ จิ ของ แพทย์ แผนไทยและแพทย์ แผนไทยประยกุ ต์ที่ส่ังใช้ยา นา้ มันกญั ชา กกกกกกกกล่าวโดยสรปุ นายเดชา ศิรภิ ัทร หมอพื้นบา้ นประธานมูลนิธิข้าวขวญั เป็นผู้ทีไ่ ดน้ ากญั ชา มารักษาโรคตามตารับยาพ้ืนบ้านไทยจากกระแสความนิยมที่มาจากตะวันตกได้เริ่มทดลองใช้กัญชา รักษ าตัวเอ ง โดยนาความรู้พ้ืนฐานในการสกัดที่เผยแพร่โดย Rick Simpson (ริค ซิมสัน) ชาวอเมริกันท่ีป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วสกัดกัญชารักษาโรคมะเร็งที่ตัวเอง มาผสมผสานกับความรู้ พื้นบ้าน เป็นน้ามันเดชา(Decha Oil) นามาใช้กับตนเองในการช่วยให้นอนหลับได้ลึกข้ึน หลงลืมง่าย
214 และต้อเน้ือในตาในช่วง 4-5 ปี ท่ีผ่านมา จึงขยายผลเผยแพร่ ทายาแจกให้ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ โดยไม่ เกิดค่าใช้จ่าย เป็นจานวนมากกว่า 4,000 ราย ปัจจุบัน น้ามันเดชาได้รับการรับรองให้เป็นเป็นตารับยา พื้นบ้าน ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหมอพื้นบ้านผู้เป็นเจ้าของตารับสามารถจ่ายให้กับผู้ป่วยของ ตนเองได้ และกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างทาการวิจัยเพื่อวิจัยพิสูจน์ประสิทธิภาพและความ ปลอดภยั ของสูตรการรกั ษาดังกลา่ ว กิจกรรมทา้ ยบท กกกกกกก1. กจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกคาช้แี จง:โปรดเลอื กคาตอบทผ่ี เู้ รยี นคิดว่าขอ้ น้ันเปน็ คาตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ดุ เพยี งข้อเดียว แล้วเขยี นคาตอบในกระดาษของผูเ้ รยี น กกกกกกก ข้อ 1 ข้อห้ามของการใชย้ าที่มีกัญชาเปน็ ส่วนผสมท้งั 16 ตารบั ตามประกาศของ กระทรวงสาธารณสุขคอื ขอ้ ใด กกกกกกก ข้อ 1ก. ห้ามใชใ้ นเด็ก สตรี และคนชรา กกกกกกก ขอ้ 1ข. ห้ามใชใ้ นผู้ชายท่ีมอี ายตุ ัง้ แต่ 25 ปขี ึน้ ไป กกกกกกก ข้อ 1ค. ห้ามใช้ในผหู้ ญิง และผ้ชู ายมอี ายุมากกวา่ 18 ปี กกกกกกก ขอ้ 1ง. ห้ามใช้ในหญงิ ตัง้ ครรภ์ และผู้มอี ายุตา่ กวา่ 18 ปี กกกกกกก ขอ้ 2 หากเพ่ือนของท่านนอนไมห่ ลับท่านควรแนะนาอย่างไร กกกกกกก ข้อ 1ก. ทาใจให้สบายและไปพบแพทย์ กกกกกกก ข้อ 1ข.สวดมนต์ ทาสมาธิ ใชว้ ธิ ีจติ บาบัด กกกกกกก ข้อ 1ค. ทาใจให้สบายและซ้ือยานอนหลบั มารับประทาน กกกกกกก ขอ้ 1ง. รับประทายยาศขุ ไสยาศน์เพราะแก้นอนไม่หลบั ได้ กกกกกกก ขอ้ 3 นางสาวก่งิ ดาวมีอาการจุกเสียด ปวดบวมท้อง เป็นดาน ไปพบแพทยแ์ ผนไทย แพทยจ์ า่ ยยาไฟอาวุธ ใหร้ บั ประทาน จากอาการดังกล่าวขนาดและวิธีใชใ้ นข้อใดถูกต้อง กกกกกกก ข้อ 1ก. รับประทานยาตามแพทย์ส่ัง และใชน้ า้ มะพรา้ วเปน็ กระสายยา กกกกกกก ข้อ 1ข. รับประทานยาตามแพทย์ส่งั และใชน้ ้ามะนาวเปน็ กระสายยา กกกกกกก ขอ้ 1ค. รบั ประทานยาตามแพทยส์ ัง่ และใช้นา้ ผงึ้ รวงเปน็ กระสายยา กกกกกกก ขอ้ 1ง. รับประทานยาตามแพทย์สงั่ และใชน้ ้าส้มซ่าเปน็ กระสายยา
215 กกกกกกก ขอ้ 4 “นา้ มันกัญชา ของนายเดชา ศิรภิ ทั ร หมอพน้ื บา้ นสามารถรักษาโรคไดท้ กุ โรค” ท่านเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด กกกกกกก ข้อ 1ก. เหน็ ด้วย เพราะนายเดชา ศริ ภิ ัทร เป็นหมอพ้ืนบา้ น กกกกกกก ขอ้ 1ข. ไมเ่ ห็นดว้ ย เพราะนา้ มันนายเดชา ศิรภิ ทั ร ยังไม่ได้รับการรับรองใหร้ ักษาโรค กกกกกกก ข้อ 1ค. ไม่เห็นดว้ ย เพราะน้ามันนายเดชา ศิริภัทร ใช้บรรเทาอาการปวดจาก โรคมะเรง็ เท่านัน้ กกกกกกก ขอ้ 1ง. เหน็ ด้วย เพราะนายเดชา ศริ ิภัทรเป็นผศู้ ึกษาทดลองการรักษาโรคดว้ ยน้ามัน กญั ชามาเป็นเวลานาน กกกกกกก ขอ้ 5 ภมู ิภูเบศรสาคัญอย่างไร กกกกกกก ข้อ 1ก. เป็นวสิ าหกิจชมุ ชน เนน้ การพัฒนาระบบของเศรษฐกิจของชุมชนเป็นหลัก กกกกกกก ข้อ 1ข. เป็นตน้ แบบของการรักษา แต่ทาเป็นรปู ธรรมไม่ได้จริงและยังไมเ่ ปน็ ท่ียอมรบั ในปัจจบุ นั กกกกกกก ข้อ 1ค. เปน็ สถานท่ีฝกึ อบรม สมั มนา ศกึ ษา เรียนรูเ้ รอื่ งการดูแลสขุ ภาพ และพัฒนา ผลติ ภัณฑ์ด้วยสมุนไพร กกกกกกก ขอ้ 1ง. เป็นท่จี ัดแสดงผลติ ภัณฑ์ทางการแพทยท์ ที่ ันสมยั หลากหลาย โดยเป็นท่ี ยอมรับในระดบั อาเซยี นและนานาประเทศ กกกกกกก2. กิจกรรมท่ี 2 กกกกกกก คาช้ีแจง : โปรดจับคู่ข้อมูลที่อยหู่ ลงั ตัวอกั ษรท่ีตรงกับตวั เลขของข้อนั้น ๆ หรือมคี วาม สัมพันธ์ตรงกบั หวั ข้อเลขนั้น ๆ ใหถ้ กู ตอ้ ง แล้วนาตวั อักษรของหนา้ ขอ้ มูลมาใสห่ น้าตัวเลข ตรงกบั ขอ้ นั้น ๆ 1. สถานทฝี่ กึ อบรม สมั มนา ศกึ ษา เรยี นรเู้ ร่ือง ก. กรมการแพทย์แผนไทยและ กกกก........ การดูแลสขุ ภาพ และพฒั นาผลิตภัณฑ์ดว้ ย การแพทย์ทางเลือก กกกก........ สมุนไพร .......... 2. ผูส้ กดั น้ามนั กญั ชาด้วยน้ามนั มะพร้าวสกดั เย็น ข. 16 ตารบั ยาที่รบั รอง กกกก........ ใชร้ ักษาโรคมะเรง็ โดยกระทรวงสาธารณสขุ .......... 3. หากท่านมีความจาเป็นต้องใช้ยาท่มี กี ัญชาปรุง ค. นายเดชา ศริ ิภทั ร กกกก........ ผสมอยู่โดยไม่ผิดกฎหมายในความควบคมุ ง. อภยั ภูเบศรโมเดล กกกก...... ของแพทย์ จ. ตารับยาโอสถพระนารายณ์ ..........4. นา้ ผง้ึ รวง นา้ มะพร้าว นา้ มะนาว น้าส้มซ่า ฉ. กระสายยา กกกก........นา้ ตาลทราย น้าเบญจทับทิม ช. ริค ซิมปส์ นั ..........5. หนว่ ยงานทีฝ่ ึกอบรมหมอพืน้ บา้ น ซ. กระทรวงสาธารณสุข
216 กกกกกกก3. กิจกรรมท่ี 3 กกกกกกกคาช้ีแจง : โปรดทาเครื่องหมายถูก () หรือ เครื่องหมายผิด () ลงหน้าข้อตัวเลข ที่ผู้เรียนอ่านข้อมูลแล้วคิดว่าคาตอบนี้ถูก ให้ทาเคร่ืองหมายถูก () ถ้าคิดว่าข้อมูลที่อ่านเป็นคาตอบท่ี ผิด ใหท้ าเคร่อื งหมาย () ..........1. ประเทศอนิ เดียเป็นผู้คดิ ค้นการนากัญชาเพอ่ื ใช้รักษาโรคเปน็ ประเทศแรก ..........2. ประเทศไทยมีการค้นพบว่ามกี ารใช้กญั ชาเป็นส่วนประกอบของสูตรยามาต้ังแตส่ มยั พระนารายณม์ หาราช ..........3. กระทรวงสาธารณสขุ ประกาศตารับยาแผนไทยท่ีมีกัญชาเปน็ สว่ นผสม มจี านวน 16 ตารับ.......... 4. หากมคี วามประสงค์ใชย้ าแผนไทยทม่ี ีกญั ชาเป็นส่วนผสมต้องไปรับทีภ่ ูมภิ ูเบศรเทา่ นน้ั ..........5. น้ามันกัญชาของนายเดชา ศิริภทั รรักษาทุกโรค
217 บทท่ี 6 กัญชาและกัญชงกับการแพทยแ์ ผนปจั จุบัน สาระสาคัญ 1. ประวัตกิ ารใช้กัญชาและกญั ชงทางการแพทย์แผนปจั จุบัน 1.1 ตา่ งประเทศ ในต่างประเทศ มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาในทางการแพทย์หลายรูปแบบ ได้แก่ น้ามันหยดใต้ล้ิน แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ลิ้น ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง มีการศึกษาวิจัย และใช้กัญชาเป็นยารักษาโรค เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นต้น นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจดสิทธิบัตร และพบฤทธ์ิของกัญชาท่ีอาจมีผลดีต่อ โรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคที่เกิดจากเซลล์ ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative) เป็นต้น แต่ยังต้องการการศึกษาวิจัยในมนุษย์เพ่ิมเติมอีก ในอนาคต 1.2 ประเทศไทย ประวัติการใช้กัญชาในการแพทย์แผนปัจจุบันในประเทศไทย ไม่ปรากฏข้อมูล หลักฐาน สืบเนื่องจากกัญชา ได้ถูกบรรจุให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงท้าให้ขาดการศึกษาวิจัย มาพัฒนาเพื่อใช้เป็นยาในทางการแพทย์ แผนปัจจุบัน ส่งผลให้ไม่มีประวตั ิการใช้กัญชาในประเทศไทย ท่ีถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในปัจจุบันได้ มีการแก้ไขกฎหมายเพ่ิมเติม ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 ก้าหนดให้ ใช้เพอื่ ประโยชนท์ างราชการ ประโยชน์ทางการแพทย์ ประโยชน์การรักษาผ้ปู ว่ ย และประโยชน์ในการ ศึกษาวจิ ยั ในปัจจุบนั จึงอยู่ระหว่างการศึกษาวิจยั 2. กัญชาและกัญชงที่ชว่ ยบรรเทาโรคแผนปจั จบุ ัน 2.1 กญั ชาและกัญชงกับโรคพาร์กินสนั สาร CBD เปน็ สารสกดั ท่ไี ด้จากกญั ชงและกญั ชา ไมม่ ฤี ทธิ์ตอ่ จติ และประสาท ช่วย ให้ผู้ป่วย ลดความวิตกกังวล บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ มีฤทธิ์ระงับปวด และมีกลไก ท่ี เชื่อว่าอาจท้าให้ลดอาการส่ันจากโรคพาร์กินสัน ท้าให้การเคล่ือนไหวดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่ทราบกลไก การออกฤทธ์ิท่ีชัดเจน คาดว่าสาร CBD มีส่วนช่วยชะลออาการของโรคพาร์กินสัน จากฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์สมอง ซ่ึงต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในอนาคตถึงสัดส่วนสาระส้าคัญ ท่ใี ชใ้ นโรคพารก์ นิ สนั
218 2.2 กัญชาและกัญชงกบั โรคมะเรง็ ในต่างประเทศ มีผลการศึกษาวิจัยสารในกัญชา สาร THC และสาร CBD ทีส่ ามารถเชอื่ ถือได้ ในการรกั ษาโรคมะเรง็ ปอด และมะเรง็ เม็ดเลือดขาว ในประเทศไทย มีการศึกษา การใช้กัญชาต่อต้านมะเร็งพบว่า กัญชาสามารถออกฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งในการเพาะเล้ียงเซลล์ ในห้องทดลอง แต่ยงั ไมม่ กี ารศกึ ษาถึงผลของกัญชาตอ่ โรคมะเร็งในมนษุ ย์ 2.3 กัญชาและกญั ชงกับการลดอาการปวด มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถบรรเทา อาการปวดแบบเร้ือรัง (Chronic pain) ท่ีเป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ ส่วนการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น หลังผ่าตัด ยังไม่ได้ ให้ผลที่ดี ส้าหรับอาการปวดเร้ือรังในผู้ป่วยมะเร็ง ยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน สารสกัดกัญชา อาจมีประโยชน์ในการรักษาอาการปวด แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนท่ีชัดเจนเพียงพอ ในดา้ นความปลอดภยั และประสิทธผิ ล ซง่ึ ยังต้องศึกษาวิจัยต่อไปเพ่ือให้ผูป้ ว่ ยได้รับประโยชนส์ งู สุด 2.4 กัญชาและกัญชงกับโรคลมชกั ส้าหรับกัญชาท่ีองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration) ของ ประเทศสหรัฐอเมริกา อนุมัติยาจากสารสกัดกัญชา ตัวแรก (ไม่ใช่สารสังเคราะห์) ช่ือการค้า Epidiolex® ประกอบด้วยตัวยา CBD 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ในรูปแบบสารละลายให้ทางปาก (Oral solution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผปู้ ่วยอายุ 2 ปีขนึ้ ไป ในประเทศไทย กรมการแพทย์ ประกาศถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชา ทางการแพทย์ ในการน้าตัวยา CBD มาใช้กับโรคลมชักท่ีรักษายาก และโรคลมชักที่ด้ือต่อยารักษา เทา่ น้นั 2.5 กญั ชาและกญั ชงกบั โรคผิวหนัง นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ศึกษาวิจัยเก่ียวกับการน้าน้ามันกัญชามาใช้ใน โรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธ์ุผิวหนังชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับในต่างประเทศ นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา โดยผลิตน้ามันกัญชา เรียกว่า ริค ซิมป์สนั ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพรแ่ ก่ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา และ ประเทศอังกฤษ ทางอนิ เทอร์เนต็ 2.6 กัญชาและกัญชงกับโรคต้อหิน การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคต้อหิน ด้วยกัญชา พบว่าการใช้กัญชา ท้าให้ ความดันในลูกตาลดลงได้ มีฤทธ์ิอยู่ได้เพียง 3 ชั่วโมง และขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้กัญชาด้วย ซึ่งอาจ เพม่ิ การเกิดผลขา้ งเคียง จากการได้รับขนาดยากญั ชามากเกินไป ไดแ้ ก่ ความดนั โลหิตต่้าลง และหัวใจ
219 เต้นเร็วขึ้น ด้วยเหตุผลท่ีว่ามีหลายปัจจัยเข้ามาเก่ียวข้องในการควบคุมความดันลูกตา ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการออกฤทธ์ิ ความแรงของยากัญชา ท้าให้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ยอมรับ การน้ากัญชามาใช้รักษาโรคต้อหิน เน่ืองจากยาแผนปัจจุบันสามารถคุมความดันในลูกตาได้อย่างมี ประสิทธิภาพคงท่ี และสม้า่ เสมอมากกวา่ 3. การใชน้ ้ามันกัญชาและกญั ชงกบั การแพทย์แผนปัจจบุ ัน น้ามันกัญชา คือ สารสกัดกัญชา (Cannabis extract) ที่เจือจางอยู่ในน้ามันตัวพา (Carrier oils หรือ Diluent) ส่วนมากนิยมใช้น้ามันมะกอก และน้ามันมะพร้าวสกัดเย็น โดยหากผ่านการผลิตท่ีได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ ปริมาณความ เข้มข้นของตัวยา THC และ CBD รูปแบบของน้ามันกัญชามีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีน้าตาล ลักษณะ ข้นหนืด น้ามันกัญชาที่มีการผลิตอย่างได้มาตรฐาน ในประเทศไทยจากองค์การเภสัชกรรม และ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภูเบศร ปจั จุบันมอี ยู่ 3 สตู ร สูตรที่ 1 น้ามนั สูตร THC สงู สูตรที่ 2 น้ามนั สูตร THC : CBD ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน สูตรท่ี 3 น้ามันสูตร CBD สูง วิธีการสกัดน้ามันกัญชา ด้วยตนเอง เป็นวิธีการท่ีไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาที่มีมาตรฐาน ได้รับ จากคลินิกกัญชา ที่มีแพทย์อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาในการรักษาโรคจึงจะมีความปลอดภัย ขนาด การใช้น้ามันกัญชาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมีหลักการ คือ เร่ิมใช้น้ามัน กัญชาที่ขนาดต้่า ๆ โดยแนะน้าให้เริ่มท่ี 0.05 - 0.1 ซีซี หรือเท่ากับ 1 - 2 หยด และปรับเพิ่มขนาด มากขึ้นตามคาแนะนาของแพทย์เท่านัน้ น้ามนั กัญชาอาจจะทา้ ให้มีภาวะงว่ งซึม จงึ แนะนา้ ให้ใชเ้ วลา กอ่ นนอน และหลีกเลย่ี งการท้างานใกลเ้ ครอื่ งจักร หรือขบั รถ 4. ผลติ ภณั ฑ์กัญชาและกญั ชงทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ส้าเร็จรูปจากกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส้าหรับคน มีรูปแบบ น้ามันหยดใต้ลิ้น แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ล้ิน ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง ผลิตภัณฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดส่วน และปริมาณสารส้าคัญ THC และ CBD ผลิตภัณฑ์ กัญชาที่ได้รับการข้ึนทะเบียน (Registered drug) ขณะน้ีมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์ THC สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบนิ อยด์จากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สารสกดั CBD นอกจากน้ี ในต่างประเทศยงั มผี ลติ ภัณฑ์รกั ษาอาการเจบ็ ป่วยในสตั ว์ 5. การใชผลิตภัณฑกัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน แนะน้าโดย กรมการแพทย์ เพือ่ ใชใ้ นการดูแลรกั ษา และควบคมุ อาการของผ้ปู ว่ ย เน่ืองจากมีหลกั ฐานทางวิชาการ ท่ีมีคุณภาพสนับสนุนชัดเจน โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด (Chemotherapy induced nausea and vomiting) โดยแพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือ รักษาภาวะคลนื่ ไสอ้ าเจยี นจากเคมีบา้ บัดท่ีรกั ษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล (2) โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา (Intractable epilepsy) ผู้สั่งใช้ควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ
220 ประสาท และได้รับการอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาเพ่ือการรักษาผู้ป่วย (3) ภาวะกล้ามเนื้อ หดเกร็ง (Spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเส่ือมแข็ง (Multiple sclerosis) แพทย์สามารถใช้ ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือบรรเทาอาการปวดและเกร็งในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอ่ืน ๆ แล้วไม่ได้ผล และ (4) ภาวะปวดจากระบบประสาท (Neuropathic pain) แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาในกรณี ทรี่ กั ษาภาวะปวดจากระบบประสาทที่ด้ือตอ่ การรักษาดว้ ยยามาตรฐาน 6. การใช้ผลติ ภัณฑก์ ัญชาและกัญชงทางการแพทย์นา่ จะไดป้ ระโยชน์ ในการควบคุมอาการ ในกรณีท่ีผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้ว ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ หากจะน้า ผลิตภัณฑก์ ัญชาและกญั ชง มาใชก้ ับผูป้ ่วยเฉพาะราย ปฏิญญาเฮลซิงกิ ของแพทยสมาคมโลก (ปี ค.ศ. 2013) ระบุว่ามีความเป็นไปได้หากไม่มีวิธีการรักษาอื่น ๆ หรือมีวิธีการรักษา แต่ไม่เกิดประสิทธิผล ภายหลังจากได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ และได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย หรือญาติโดยชอบธรรม แล้ว แพทย์อาจเลือกวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงมาช่วยชีวิตผู้ป่วย ฟื้นฟูสุขภาพ หรือลด ความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั 1. เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ ประวัติการใช้กัญชาและกัญชงทางการแพทย์แผน ปัจจุบัน กัญชาและกัญชงท่ีช่วยบรรเทาโรคแผนปัจจุบัน การใช้น้ามันกัญชาและกัญชงกับการแพทย์ แผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์ การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงให้ได้ ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน และการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์น่าจะได้ ประโยชนใ์ นการควบคุมอาการ 2. เพื่อให้มีทักษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับกัญชาและกัญชง กบั การแพทยแ์ ผนปัจจุบัน 3. ตระหนักถึงความสา้ คัญของการน้ากัญชาและกญั ชงไปใชร้ ักษาโรค และลดอาการปวด ในการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ขอบข่ายเน้ือหา บทท่ี 6 กญั ชาและกัญชงกบั การแพทย์แผนปัจจบุ นั เร่อื งที่ 1 ประวตั ิการใช้กญั ชาและกัญชงทางการแพทยแ์ ผนปจั จุบัน เรอ่ื งที่ 2 กัญชาและกัญชงท่ีช่วยบรรเทาโรคแผนปจั จบุ ัน เร่อื งท่ี 3 การใช้น้ามนั กญั ชาและกัญชงกบั การแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั เรือ่ งที่ 4 ผลิตภัณฑ์กญั ชาและกญั ชงทางการแพทย์
221 เรอื่ งท่ี 5 การใช้ผลิตภณั ฑ์กัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ ในปัจจุบนั เรอ่ื งที่ 6 การใชผ้ ลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์น่าจะได้ประโยชน์ ในการควบคุมอาการ สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. ช่ือหนังสือ สุริยัญกัญชา อัมฤตย์โอสถแห่งความหวัง ชื่อผู้แต่ง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โรงพมิ พ์ บคุ๊ ดอ็ ท คอม ปที ่พี มิ พ์ 2562 2. ช่ือบทความ กัญชากับการรักษาโรค ชื่อผู้เขียน ดร.ภญ.ผกาทิพย์ ร่ืนระเริงศักดิ์ สบื ค้นจาก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/453/กัญชา/ 3. ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ต้ังอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือห้องสมุดใกล้บ้าน ผู้เรยี น เร่อื งที่ 1 ประวัตกิ ารใชก้ ัญชาและกญั ชงทางการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั 1. ประวัตใิ นต่างประเทศ ในต่างประเทศใช้กัญชาเป็นยารักษาโรค ได้แก่ ประเทศอังกฤษ อนุญาตให้ใช้กัญชาใน ลักษณะเป็นผลิตภณั ฑ์ที่ใช้ทางการแพทย์ ในรูปของยาเม็ด ยาแคปซลู น้ามนั กัญชา แตไ่ ม่อนญุ าตให้มี การสูบ ในประเทศเยอรมนี ให้ใช้ในรูปแบบ สเปรย์ (Spray) ส้าหรับรักษาอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ในประเทศสเปน มีการวิจัยทางคลินิกการใช้กัญชารักษามะเร็งหรือเนื้องอกชนิดกลัยโอบลาสโตมา (Glioblastoma หรอื GBM) ผลการวิจยั ปรากฏวา่ ไดผ้ ลดี ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า มีการจดสทิ ธบิ ตั ร กัญชา และพบฤทธิ์ของกัญชา ท่ีอาจมีผลดีต่อโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคที่เกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative) โรคหัวใจ โรคปลอกประสาทเส่ือมแข็ง โรคเบาหวาน เป็นต้น โดยรัฐโคโลราโด อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่าง ถูกกฎหมาย และอีก 33 รัฐ อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาทางการแพทย์ได้ นอกจากนี้ ประเทศอิสราเอล โคลมั เบีย และแคนาดา อนุญาตใหใ้ ช้ผลติ ภัณฑ์จากกญั ชาเปน็ ยารกั ษาโรค ในปี ค.ศ. 1893 หรือ พ.ศ. 2382 นายแพทย์วิลเลียม บรูก โอชอเนสซ่ี (William Brooke O'Shaughnessy) ชาวอังกฤษ ปฏิบัติงานอยู่ในประเทศอินเดีย ได้ท้าการทดลอง และค้นพบว่า กัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์ สามารถใช้ระงับอาการปวด เพิ่มความอยากอาหาร ลดการอาเจียน คลายกลา้ มเนื้อ และลดอาการชักได้ โดยได้ตพี ิมพ์ผลงานวจิ ัยในวารสารทางยาในสมัยนั้น
222 ปี ค.ศ. 1937 หรือ พ.ศ. 2480 มีรายงานว่า การใช้กัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกา ท้าให้ผู้ใช้ขาดสติ เกิดอาการประสาทหลอน ประเทศอังกฤษจึงเพิกถอนกัญชาออกจากบัญชียา แต่ใน ปัจจุบันรัฐบาลอังกฤษ ประกาศให้แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เพ่ือการรักษาทางการแพทย์ ได้อย่างถูกกฎหมาย และอนุญาตให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ในทางตอนใต้ของ กรุงลอนดอน ปี ค.ศ. 1992 หรือ พ.ศ. 2535 ยาโดรนาบินอล (Dronabinol) ได้รับการรับรองให้ใช้ รักษาโรคเอดส์ ท่ีเกิดจากอาการน้าหนักลดมากจนผอมแห้ง (AIDS-wasting syndrome) ได้ใน ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ปี ค.ศ. 1996 หรือ พ.ศ. 2539 รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เป็นรัฐแรกในประเทศ สหรัฐอเมรกิ า ทีอ่ นุญาตใหใ้ ช้กญั ชาทางการแพทย์ จากนน้ั จงึ ตามดว้ ยประเทศแคนาดา ปี ค.ศ. 1997 หรือ พ.ศ. 2540 นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) ชาวแคนาดา ซ่ึงเคย ท้างานเป็นวิศวกรอยู่ในโรงพยาบาล ต่อมาประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติงาน ล้มหัวฟาดพ้ืน เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ และตาลาย จากการรักษาโดยแพทย์ทั่วไปไม่ดีข้ึน เขาได้ยินสรรพคุณของ กัญชาว่ามีประโยชน์ จึงแอบน้ามาใช้กบั ตนเอง และพบว่าอาการตา่ ง ๆ ดีขึน้ อยา่ งมาก ปี ค.ศ. 1999 หรือ พ.ศ. 2542 รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จดสิทธิบัตรกัญชา หมายเลข US6630507 B1 อ้างสิทธิการใช้กัญชาในการรักษาโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคที่เกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress) เป็นต้น แต่ในขณะเดยี วกัน กฎหมาย และองค์การอาหารและยา ยังคงปฏิเสธกัญชาเพ่ือใช้เปน็ ยา ปี ค.ศ. 2003 หรอื พ.ศ. 2546 บรษิ ทั GW Pharmaceuticals ในประเทศอังกฤษ ไดร้ ับ อนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อการทดลอง ด้วยความหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้ท้าการผลิต และจ้าหน่าย ผลิตภณั ฑ์ท่ีท้ามาจากกัญชา และมตี วั อย่างการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งผวิ หนัง นายรคิ ซมิ ป์สัน (Rick Simpson) ได้สังเกตเห็น ตุ่ม ผิดปกติท่ีผิวหนังบนแขน จ้านวน 3 ตุ่ม และเม่ือไปพบแพทย์ ผลการตรวจช้ินเน้ือยืนยันว่าเป็น มะเร็งผิวหนัง เขาจึงตัดสินใจจะใช้กัญชาในการรักษามะเร็งผิวหนัง ด้วยตนเอง เพราะเคยอ่าน และได้ยินมาว่าสาร THC สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในหนูทดลองได้ เขาจึง สกัดกัญชาแล้วน้ามาประคบไว้บริเวณท่ีเป็นตุ่มเน้ือมะเร็งบนผิวหนัง หลังจากน้ัน 4 วัน พบว่า ตุ่มเน้ือน้ันมีขนาดลดลงอย่างมาก จากนั้นจึงพัฒนาสูตรในการผลติ กัญชาสกัดเป็นของตนเอง เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่โดยรักษาประชาชนชาว สหรัฐอเมรกิ า ประมาณ 5,000 ราย โดยการสกัดกัญชา และใช้สารเอทานอล ทม่ี ีความเข้มข้นร้อยละ 99 สกัดประมาณ 2 วนั จะได้คลอโรฟิลล์ตดิ ออกมาด้วย ซง่ึ สารสกดั ที่ได้จากวิธีการน้ีจะมี สารเตตรา ไฮโดรแคนนาบินอล (THC ร้อยละ 90) แคนนาบิไดออลออยล์ (CBD ร้อยละ 2 - 6)
223 ปี ค.ศ. 2005 หรอื พ.ศ. 2548 บริษัท GP Pharmaceuticals ได้รบั อนุญาตให้จ้าหน่าย ผลติ ภัณฑ์จากกัญชาในประเทศแคนาดา (Canada) ปี ค.ศ. 2013 หรือ พ.ศ. 2556 บริษัท โอซูก้า ฟาร์มาซูติคอล จ้ากัด โตเกียว ประเทศ ญี่ปุ่น บริษัทยาในประเทศญ่ีปุ่น และประเทศอังกฤษ ได้จดสิทธิบัตรพบฤทธ์ิต้านมะเร็งของกัญชาใน หลอดทดลอง และหนูทดลอง ปี ค.ศ. 2014 หรือ พ.ศ. 2557 รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการใช้กัญชา ถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบภายใต้การควบคุมท้ังการผลิต ซื้อขาย และเสพ เป็นสัญญาณแห่งการ จบสิ้นยคุ มดื ของกญั ชา ปี ค.ศ. 2018 หรือ พ.ศ. 2561 องค์การอาหารและยาประเทศสหรฐั อเมรกิ า (U.S.FDA) อนุมัติยาจากสารสกัดกัญชาตัวแรก (ไม่ใช้สารสังเคราะห์) ช่ือการค้า Epidiolex® ประกอบด้วยตัวยา แคนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ในรูปแบบสารละลายให้ ทางปาก (Oralsolution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผูป้ ว่ ยอายุ 2 ปขี ึ้นไป กล่าวโดยสรุป ประวัติการใช้กัญชาและกัญชงทางการแพทย์แผนปัจจุบันในต่างประเทศ มกี ารใชผ้ ลติ ภัณฑ์กัญชาในทางการแพทยห์ ลายรูปแบบ ได้แก่ น้ามนั หยดใตล้ ้ิน แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่น ใต้ลิ้น ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง มีการศึกษาวิจัย และใช้กัญชาเป็นยา รักษาโรค เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นต้น นอกจากน้ีในประเทศ สหรัฐอเมริกา มีการจดสิทธิบัตร และพบฤทธิ์ของกัญชาที่อาจมีผลดีต่อโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคที่เกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative) เปน็ ตน้ แตย่ ังต้องการการศึกษาวิจยั ในมนุษย์เพิ่มเตมิ อีกในอนาคต 2. ประวตั ิในประเทศไทย ประวัติการใช้กัญชาในการแพทย์แผนปัจจุบันในประเทศไทย ไม่ปรากฏข้อมูลหลักฐาน สืบเน่ืองจากกัญชา ได้ถูกบรรจุให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงท้าให้ขาดการศึกษาวิจัย มาพัฒนาเพ่ือใช้เป็นยาในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่งผลให้ไม่มีประวัติการใช้กัญชาในประเทศไทย ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในปัจจุบันได้มีการแก้ไข กฎหมายเพ่ิมเติม ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ก้าหนดให้ใช้เพ่ือ ประโยชน์ทางราชการ ประโยชน์ทางการแพทย์ ประโยชน์การรักษาผู้ป่วย และประโยชน์ในการ ศึกษาวิจยั ในปัจจุบนั จงึ อยูร่ ะหวา่ งการศกึ ษาวิจยั
224 เรื่องที่ 2 กญั ชาและกัญชงที่ชว่ ยบรรเทาโรคแผนปัจจบุ ัน 1. กัญชาและกญั ชงกบั โรคพาร์กินสนั โรคพาร์กินสัน คือ โรคทางสมองที่เกิดจากเซลล์ประสาทในบางต้าแหน่ง เกิดมีการตาย โดยไม่ทราบสาเหตุท่ีแน่ชัด ท้าให้สารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสาร ที่มีหน้าท่ีควบคุมการเคล่ือนไหวของร่างกายมีปริมาณลดลง จึงส่งผลกระทบต่อการเคล่ือนไหวของ ผู้ป่วย และสาเหตุส้าคัญของการเกิดโรคพาร์กินสัน มี 10 สาเหตุ ได้แก่ (1) ความชราของสมอง โดยมากพบในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ทั้งเพศชายและเพศหญิง (2) ยากล่อมประสาท หรือยานอนหลับ ทอ่ี อกฤทธ์ิกดหรือต้านการสร้างสารโดปามีน โดยมากพบในผ้ปู ่วยโรคทางจิตเวช ทตี่ ้องไดร้ ับยากลุ่มนี้ เพ่ือป้องกันการควบคุมอาการ (3) ยาลดความดันโลหิตสูง (4) ภาวะหลอดเลือดในสมองอุดตัน (5) สารพษิ ท้าลายสมอง ได้แก่ สารแมงกานสี ในโรงงานถ่านไฟฉาย พษิ จากสารคาร์บอนมอนนอกไซด์ (6) ภาวะสมองขาดออกซิเจน ในกรณีที่จมน้า ถูกบีบคอ เกิดการอุดตันในทางเดินหายใจจากเสมหะ หรอื อาหาร เปน็ ต้น (7) ศรี ษะถูกกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ (8) เกดิ การอักเสบของสมอง (9) โรค ทางพันธุกรรม เชน่ โรควลิ สัน เป็นตน้ และ (10) ผ้รู บั ยากลมุ่ ตา้ นแคลเซียมท่ใี ช้ในโรคหัวใจ โรคสมอง ยาแก้เวียนศรี ษะ และยาแกอ้ าเจียนบางชนดิ การรักษาโรคพาร์กินสัน มี 3 วิธี คือ รักษาด้วยยา ส้าหรับยาที่ใช้ในปัจจุบัน คือยากลุ่ม เลโวโดปา (LEVODOPA) และยากลุ่ม โดพามีน อะโกนสิ ต์ (DOPAMINE AGONIST) เป็นหลัก (การใช้ ยาแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยจากแพทย์ ตามความเหมาะสม) และการท้ากายภาพบ้าบัด การผ่าตัด ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน จ้าเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้างในการพัฒนาฟ้ืนฟู ทางด้านร่างกาย รวมถึงจิตใจ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา กล่าวว่า จากข้อมูลภาวะ และโรคที่ควร รวบรวมบรรจุเพ่ิมเติมอยู่ในรายการที่กัญชาจะสามารถน้ามาใช้ได้ในคนป่วยในประเทศไทย อาทิ อาการแข็งเกร็ง ที่อาจร่วมกับการบิดของกล้ามเน้ือที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง รวมถึง โรคทางสมอง เชน่ โรคพารก์ นิ สนั จากการศึกษางานวิจัยพบว่า สาร THC ช่วยป้องกันเซลล์สมองจากอันตราย โดยอนุมูล อิสระ ส่วนสาร CBD จะช่วยป้องกันเซลล์สมองจากการเสื่อมสภาพ และพบว่าหลังจากใช้สารสกัด กญั ชา 30 นาที กท็ ้าให้อาการของโรคดีขึ้น และหลาย ๆ งานวจิ ยั แสดงผลการวจิ ัยตรงกนั วา่ สาร CBD ทา้ ให้อาการของโรคดีขึน้ ชัดเจน หลงั จากใชย้ าไป 1 อาทิตย์ กล่าวโดยสรุป สาร CBD เป็นสารสกัดที่ได้จากกัญชงและกัญชา ไม่มีฤทธ์ิต่อจิต และ ประสาท ช่วยให้ผู้ป่วย ลดความวิตกกังวล บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเน้ือ มีฤทธ์ิระงับปวด และ มีกลไกที่เชื่อว่าอาจท้าให้ลดอาการสั่นจากโรคพาร์กินสัน ท้าให้การเคล่ือนไหวดีข้ึน ปัจจุบันยัง ไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่ชัดเจน คาดว่าสาร CBD มีส่วนช่วยชะลออาการของ โรคพาร์กินสัน
225 จากฤทธติ์ า้ นอนมุ ลู อิสระ ลดการอกั เสบ และปกป้องเซลลส์ มอง ซงึ่ ตอ้ งการงานวิจัยเพิ่มเตมิ ในอนาคต ถงึ สัดสว่ นสารสา้ คัญทใ่ี ชใ้ นโรคพาร์กินสนั 2. กัญชาและกญั ชงกบั โรคมะเรง็ มะเร็ง เป็นโรคที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย ต้ังแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึง ผู้สูงอายุ แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และจะพบได้มากในผู้ป่วยที่อายุ ตง้ั แต่ 50 ปีข้ึนไป “มะเร็ง” หรือทางการแพทย์เรียกว่า “เน้ืองอกท่ีเป็นเน้ือร้าย” เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้อง กับการเจริญของเซลล์ที่มีความผิดปกติ คอื เซลลจ์ ะแบง่ ตวั และเจริญเติบโตอยา่ งควบคุมไมไ่ ดก้ ่อเป็น เนื้อร้าย และรุกรานไปยังอวัยวะส่วนข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่ีอยู่ ห่างไกล ผ่านระบบน้าเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอก ไมร่ า้ ยจะไม่ลุกลามไปยังอวยั วะข้างเคยี ง และไม่กระจายไปท่วั ร่างกาย สาเหตขุ องการเกดิ โรคมะเรง็ ร้อยละ 90 - 95 ของสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็ง มาจากปัจจัยสิ่งแวดลอ้ ม ส่วนท่ี เหลืออีก ร้อยละ 5 – 10 มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ค้าว่า “สิ่งแวดล้อม” ท่ีใช้โดยนักวิจัย มะเร็ง หมายถึง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรม ปัจจัยที่พบบ่อยท่ีน้าไปสู่การตายของโรคมะเร็ง ได้แก่ ยาสูบ ร้อยละ 25 - 30 อาหาร และโรคอ้วน ร้อยละ 30 – 35 การติดเชื้อ ร้อยละ 15 – 20 การสัมผัสกับรังสี ร้อยละ 10 นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากความเครียด ขาดการออกก้าลังกาย และ มลพิษจากสง่ิ แวดลอ้ มอกี ด้วย อาการของโรคมะเร็ง ในระยะแรกของการเกิดโรคมะเร็งข้ึนในร่างกาย อาจไม่ทราบได้ว่ามีอาการอย่างไร แต่เม่ือระยะเวลานาน หรือหลายปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลีย เบ่ืออาหาร รบั ประทานอาหารได้นอ้ ยลง อม่ิ เรว็ ผอมซูบ น้าหนักลด ร่างกายเริ่มทรดุ โทรมลง ไมส่ ดชืน่ เหมอื นเดิม ต่อมาเม่ืออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้น จะเร่ิมปรากฏอาการอย่างชัดเจน โดยในระยะน้ี จะรู้สึกเจ็บปวด และทรมานเป็นอย่างมากตามจุดต่าง ๆ ที่เกิดมะเร็งขึ้น ท้ังนี้จะมีอาการมากน้อย อย่างไรขึ้นอยู่กับเป็นมะเร็งชนิดน้ัน ๆ และการกระจายของเซลล์มะเร็งภายในร่างกายไปเบียดบัง อวยั วะส่วนใดในขณะนนั้ ๆ 2.1 กัญชาและกัญชงกบั โรคมะเร็งปอด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภญ.สุรางค์ ลีละวัฒน์ ผู้อ้านวยการสถาบันวิจัยกัญชาเพื่อ การแพทย์ กล่าวว่าเคยมีการรายงานวิจยั พบวา่ สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากกัญชา ได้แก่ สาร THC และ สาร CBD ท่ีสามารถลดการเพ่ิมจ้านวนเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหลอดทดลอง ดังน้ันจึงได้น้าไป ศึกษาต่อ ด้วยการฉีดสารท้ัง 2 ตัวลงไปท่ีเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ ในหนูทดลองทุกวัน เป็นเวลา
226 3 สัปดาห์ พบว่าหนูทดลองท่ไี ด้รับสารมีขนาดของก้อนมะเรง็ เล็กลง จึงสรปุ ไดว้ า่ สารทงั้ 2 ตวั มฤี ทธิ์ ตา้ นมะเร็งปอดของมนษุ ยใ์ นหลอดทดลอง และสตั ว์ทดลอง 2.2 กัญชาและกญั ชงกบั โรคมะเรง็ เม็ดเลอื ดขาว โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบรุนแรงเฉียบพลัน (Acute Leukemia) คือ กลุ่ม โรคมะเร็งทางโลหติ วทิ ยาที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ตน้ ก้าเนดิ เม็ดโลหติ กรณีศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร Case Reports in Oncology ในหัวข้อ Cannabis extract treatment for terminal acute lymphoblastic leukemia with a Philadelphia chromosome mutation ซ่ึงรายงานโดย Yadvinder Singh และ Chamandeep Bali เป็นการรายงานของผู้ป่วย โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Acute Lymphoblastic Leukemia) อายุ 14 ปี ซึ่งผ่านการรักษาตาม แพทย์แผนปัจจุบัน ท้ังการคีโมบ้าบัด และการฉายแสงเป็นเวลา 34 เดือน แต่ล้มเหลว แพทย์จึงยอม ให้ครอบครัวใช้สารสกัดแคนนาบินอยด์ ในรูปของน้ามันกัญชง (Hemp Oil) คร้ังแรกผู้ป่วยได้รับ น้ามันกัญชงด้วยการหยดใต้ล้นิ ทยอยเพ่ิมข้ึนจากน้อยไปหามาก ปรากฏว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวลดลง หลังการใช้น้ามันกัญชงในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ แต่เน่ืองจากมีการเปล่ียนแปลงแหล่งท่ีมาของ กัญชงแต่ละช่วง พบว่าเซลล์มะเร็งกลับขยายตัวมากข้ึน และเซลล์มะเร็งกลับลดลงได้อีกเมื่อ เปลี่ยนแปลงแหล่งท่ีมาของกัญชง ซ่ึงรายงานดังกล่าวได้ระบุอาการอย่างละเอียด จนถึงวันที่ 78 ปรากฏว่า แม้เซลล์มะเร็งจะลดลงอย่างเหน็ ได้ชัด แต่ผู้ป่วยกลับป่วยด้วยอีกโรคหน่ึง คือเกิดเลือดไหล ในกระเพาะอาหาร และเสียชีวิตด้วยโรคล้าไส้ทะลุในที่สุด แม้สุดท้ายผู้ป่วยรายดังกล่าวจะเสียชีวิต แต่ท้าให้รู้ตัวแปรการใช้น้ามันกัญชงในหลายมิติ ท้ังในเรื่องความถ่ีและปริมาณท่ีใช้ รวมถึงศักยภาพ ของพันธ์ุกัญชง ซึ่งเป็นปัจจัยท่ีส้าคัญอย่างย่ิงในการใช้กัญชงรักษาโรค และอย่างน้อยก็ท้าให้เห็นเรอ่ื ง ของการลดปรมิ าณเซลลม์ ะเร็งเม็ดเลือดขาวได้จริง สา้ หรับในประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.วโิ รจน์ ศรีอุฬารพงศ์ อดตี นายก สมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคมะเร็ง ครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงเรื่องบทบาทของ “กัญชา” กับโรคมะเร็งไวว้ า่ ในปัจจุบนั มีแรงผลักดันให้มีการน้ากัญชามาใช้ในประเทศไทยอย่างมาก จากหลายภาคส่วนเน้นเป้าหมายว่า กัญชาไม่ควรที่จะถูกจัดกลุ่มอยู่ในสารเสพติด และควรเปิดกว้างให้มีการใช้อย่างแพร่หลายมากข้ึน เสียงเรียกร้องที่ออกมาคลา้ ยกับว่า กญั ชาเปน็ พืชที่มแี ตป่ ระโยชน์สูงมาก มีผลเสยี นอ้ ย ไม่ควรที่จะถูก ปิดกั้นให้อยู่ในกลุ่มสารเสพติด หนึ่งในประเด็นส้าคัญที่มีการอ้างอย่างมาก คือ ประโยชน์ของกัญชา ในการรกั ษาโรคมะเรง็ ด้านฤทธิ์ต่อต้านมะเร็ง มีการศึกษาในประเทศไทย พบว่า กัญชาสามารถออกฤทธ์ิ ฆ่าเซลลม์ ะเร็ง ในการเพาะเล้ยี งเซลล์ในห้องทดลอง แต่ยังไมม่ ีการศึกษาถงึ ผลของกัญชาต่อโรคมะเร็ง ในมนุษย์ กล่าวคือ แม้ว่าจะมีการศึกษากัญชาในห้องปฏิบัติการมานานแล้ว กลับไม่มีหลักฐาน
227 การน้าเอากัญชามาใช้วิจัยเพื่อรักษามะเร็งในมนุษย์ นอกจากนี้ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลการน้ากัญชามา ใช้บรรเทาอาการ หรือผลขา้ งเคียงจากโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธภิ าพมากพอ จากหลักฐานท่ีตีพิมพ์ เผยแพรท่ างวชิ าการ กล่าวโดยสรุป ในต่างประเทศ มีผลการศึกษาวิจัยสารในกัญชา สาร THC และ สาร CBD ท่ีสามารถเชื่อถือได้ ในการรักษาโรคมะเร็งปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในประเทศไทย มีการศึกษาการใช้กัญชาต่อต้านมะเร็งพบว่า กัญชาสามารถออกฤทธ์ิฆ่าเซลล์มะเร็งในการเพาะเล้ียง เซลล์ในหอ้ งทดลอง แต่ยงั ไม่มีการศกึ ษาถงึ ผลของกัญชาต่อโรคมะเรง็ ในมนุษย์ 3. กญั ชาและกญั ชงกบั การลดอาการปวด มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถบรรเทาอาการ ปวดแบบเรื้อรัง (Chronic pain) ที่เป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) เช่น ปวดเสียวแปลบเหมือนไฟช็อต แสบร้อน รู้สึกยิบ ๆ ชา ๆ ท่ีมีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อ การรักษาในยามาตรฐาน เป็นต้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้ ส่วนการบรรเทาอาการปวด เฉียบพลัน เช่น หลังผ่าตัด เป็นต้น ยังไม่ได้ให้ผลท่ีดีนัก เภสัชกรหญิง ดร.ผกาทิพย์ ร่ืนระเริงศักด์ิ กล่าวว่า มีการทดลองทางคลินิก พบว่า สาร THC ในขนาด 2.5 หรือ 2.7 มิลลิกรัม สามารถช่วย ลดอาการปวดเรื้อรังที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลาง (Central neuropathic pain) และช่วยให้ ผู้ป่วยนอนหลับได้เพิ่มขึ้น มีการตั้งต้ารับยาสเปรย์ (Oromucosal spray, Nabiximols) โดยใช้ สว่ นผสมของสาร THC และ สาร CBD ซ่ึงสามารถช่วยลดอาการปวดข้อ (Rheumatoid arthritis) แต่ ส้าหรับอาการปวดเร้ือรังในผู้ป่วยมะเร็งนั้น ยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน สารสกัดกัญชาอาจมี ประโยชน์ในการรักษาอาการปวด แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนท่ีชัดเจนเพียงพอในด้าน ความปลอดภัย และประสิทธผิ ล ซึ่งยังตอ้ งศึกษาวิจยั ตอ่ ไปเพ่อื ให้ผู้ป่วยได้รบั ประโยชน์สูงสุด กล่าวโดยสรุป มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถ บรรเทาอาการปวดแบบเร้ือรัง (Chronic pain) ท่ีเป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ ส่วนการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น หลังผ่าตัด ยังไม่ได้ให้ผลที่ดี ส้าหรับอาการปวดเร้ือรังในผู้ป่วยมะเร็ง ยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน สารสกัด กัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษาอาการปวด แต่ยังขาดข้อมลู จากงานวิจัยสนับสนุนทช่ี ัดเจนเพียงพอ ในด้านความปลอดภยั และประสทิ ธิผล ซึง่ ยงั ตอ้ งศกึ ษาวิจยั ต่อไปเพื่อใหผ้ ู้ป่วยไดร้ บั ประโยชนส์ งู สดุ 4. กัญชาและกญั ชงกบั โรคลมชัก โรคลมชักชนิดรุนแรงมี 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome พบได้ในผู้ป่วยอายุ 2 ปีขึ้นไป อาการชักท่ีมักพบได้บ่อย มี 7 อาการซ่ึงขึ้นอยู่กับแต่ละ บุคคล ได้แก่ (1) อาการชักแบบเหม่อลอย (Absence Seizures) (2) อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) (3) อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Atonic Seizures) (4) อาการชักแบบชักกระตุก
228 (Clonic Seizures) (5) อาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง (Tonic - clonic Seizures) (6) อาการชัก แบบชกั สะดุ้ง (Myoclonic Seizures) และ (7) อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) สาเหตุของโรคลมชักยังไม่เป็นท่ีแน่ชัด บางกรณีสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีหลายรายที่ ไม่สามารถรกั ษาใหห้ ายได้ทา้ ได้เพียงยับยั้งไม่ใหเ้ กิดอาการชักดว้ ยการรับประทานยาควบคมุ อาการ การใช้ยาผู้ป่วยโรคลมชักส่วนใหญ่ จะรักษาโดยการใช้ยาต้านอาการชัก (Anti - Epileptic Drugs, AEDs) เพ่ือควบคุมอาการชัก ส้าหรับสรรพคุณกัญชาทางการแพทย์ท่ีใช้รักษาโรคลมชัก พบว่าในกัญชา มีสาร CBD มีคุณสมบัติลดอาการชักเกร็ง ซ่ึงมีงานวิจัยที่ระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคลมชัก ในเด็กที่ รกั ษายาก หรอื ในผปู้ ่วยเดก็ โรคลมชักที่ด้ือต่อการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ โดยแพทย์หญิงอาภาศรี ลสุ วัสด์ิ กุมารประสาทวทิ ยา สถาบนั ประสาทวิทยา กล่าวว่า การใชน้ ้ามนั กัญชาทมี่ สี าร CBD สูง หรือ แคนนา บินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) ร้อยละ 99 ในผู้ป่วยโรคลมชักในเดก็ มีผลการศกึ ษาว่าใชไ้ ด้ผลดี กบั กลุม่ อาการชกั รักษายาก คือ ชักเกร็งกระตกุ ท้ังตวั อยา่ งรนุ แรง และชกั แบบผงกหัวทีเ่ ส่ียงต่อการหัวแตก ส่วนหลักเกณฑ์ในการขอใชแ้ คนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) นายแพทย์อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ผู้อ้านวยการสถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานพยาบาล ท่ีจะใช้แคนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) จะต้องขออนุญาตกับส้านักงานคณะกรรมการ อาหารและยา (อย.) ก่อนการน้ามาใช้กับผู้ป่วยต้องเป็นผู้ป่วยที่มีความจ้าเป็นจริง ๆ เช่น การใช้ยา หรือผา่ ตดั แลว้ ไมไ่ ดผ้ ล เป็นต้น ในประเทศไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเม่ือวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ ในการน้าสาร CBD มาใช้กับโรคลมชัก ท่ีรักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ซึ่งกัญชาเองก็ไม่ได้ท้าให้โรคลมชักหายขาด แต่ช่วยลด ความถขี่ องการชักได้ กลา่ วโดยสรปุ ส้าหรับกัญชาทอ่ี งค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration) ของประเทศสหรัฐอเมริกา อนุมัติยาจากสารสกัดกัญชาตัวแรก (ไม่ใช่สารสังเคราะห์) ช่ือการค้า Epidiolex® ประกอบด้วยตัวยา CBD 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ในรูปแบบสารละลายให้ทางปาก (Oral solution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผ้ปู ่วยอายุ 2 ปีข้นึ ไป ในประเทศไทย กรมการแพทย์ ประกาศถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชาทาง การแพทย์ ในการนา้ ตวั ยา CBD มาใช้กับโรคลมชกั ทร่ี ักษายาก และโรคลมชักที่ด้อื ต่อยารักษาเทา่ นั้น 5. กัญชาและกญั ชงกบั โรคผิวหนงั โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) คือ โรคผิวหนังเรื้อรัง เป็นสภาพผิวท่ีน้าไปสู่การสะสมของ เซลลบ์ นพนื้ ผิวหนงั ท้าให้เกิดการอักเสบเปน็ ผื่นหนาหยาบขนาดใหญส่ ีแดง และมสี ะเก็ดสีเงนิ ปกคลุม
229 ท่ีผิวหนัง ซ่ึงเกิดท่ีต้าแหน่งใดของร่างกายก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของ โรคสะเก็ดเงินที่ผู้ป่วยเป็น ความผิดปกติท่ีพบได้บ่อยตามร่างกาย เช่น ผิวหนังมีลักษณะแดง ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว เป็นผื่นแดงนูน เกิดการอักเสบของผิว ผิวแห้งมากจนแตก และมีเลือดออก หนังศีรษะลอกเป็นขุย เล็บมือและเล็บเท้าหนาข้ึน มีรอยบุ๋ม ผิดรูปทรง ปวดข้อต่อ และมีอาการบวม ตามข้อต่อ และยังท้าให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บ คัน หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวหนัง ซ่ึงอาการของโรค แต่ละชนิดมีความคล้ายคลึงกัน อาการอาจคงอยู่นานหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ แล้วค่อย ๆ บรรเทาลง แต่เม่ือมีส่ิงมากระตุ้นก็อาจท้าให้อาการของโรคก้าเริบข้ึนมาได้ สาเหตุการเกิดโรคสะเก็ดเงิน ยังไม่ชัดเจน แต่คาดการณ์ว่าปัจจัยส้าคัญ ที่ท้าให้เกิดการพัฒนาของโรคอาจมาจากเซลล์ เม็ดเลอื ดขาว ในระบบภมู ิคมุ้ กนั เกิดความผิดปกติ จึงไดท้ ้าลายเซลล์ผวิ หนังแทนส่งิ แปลกปลอมที่เข้าสู่ ร่างกาย และมีปัจจัยอ่ืน ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดโรคได้ เช่น การบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง การติดเช้ือ HIV ยาหรืออาหารบางชนิด ความเครียด เป็นต้น ซ่ึงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นเหล่าน้ีจะแตกต่างกันไปในแต่ละ บุคคล การรักษา โรคสะเก็ดเงินไม่สามารถรักษาได้หายขาด แต่การรักษาท้าได้เพียงบรรเทา อาการให้ผู้ป่วยรู้สึกดีข้ึน ลดการอักเสบ และผิวหนังที่ตกสะเก็ด ชะลอการเติบโตของเซลล์ผิวหนัง และขจัดผิวหนังท่ีเป็นแผ่นแข็ง ซึ่งการรักษาสามารถท้าได้หลายวิธี ผู้ป่วยที่มีอาการเพียงเล็กน้อยถึง ปานกลาง อาจรักษาด้วยการใช้ยาทาภายนอก ส่วนในรายท่ีมีอาการปานกลางไปจนถึงรุนแรง แพทย์ อาจรักษาด้วยการให้ยารับประทาน ยาฉีดหรือการฉายแสงด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต การรักษาอาจใช้ หลายวิธีควบคู่กัน เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น นอกจากน้ีผู้ป่วยควรมีการดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ระมัดระวังการรบั ประทานวิตามินเสริม หลีกเลี่ยงการด่ืมแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหร่ี ควบคุมน้าหนักให้ อยใู่ นเกณฑ์ปกติ ส้าหรับกัญชาท่ีใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ท่ีปรึกษา ผู้อ้านวยการด้านวิชาการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศึกษาวิจัย เก่ียวกับการน้าน้ามันกัญชา เมดิคัลเกรด ที่องค์การเภสัชกรรมจะผลิตมาใช้ในการวิจัยรักษาโรค โดย ในส่วนของสถาบันโรคผิวหนัง เบ้ืองต้นจะด้าเนินการศึกษาวิจัยสารสกัดน้ามันกัญชา ส้าหรับโรค ผิวหนัง 2 โรค ได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธุ์ผิวหนัง ชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับ ในต่างประเทศ มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา ในปี ค.ศ. 2003 นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) สังเกตเห็น “ตุ่ม” ผิดปกติที่ผิวหนังบนแขน จ้านวน 3 ตุ่ม และเมื่อไปพบแพทย์ ผลการตรวจชิ้นเนื้อยืนยันว่าเป็น “มะเร็งผิวหนัง” เขาจึงตัดสินใจจะใช้กัญชาในการรักษามะเร็ง ผวิ หนงั ดว้ ยตวั เขาเอง เพราะเคยอา่ นได้ยินมาวา่ สาร THC สามารถฆา่ เซลล์มะเรง็ ในหนูทดลอง เขาจึง สกัดกัญชาแล้วน้ามาประคบไว้บริเวณที่เป็นตุ่มเน้ือมะเร็งบนผิวหนัง หลังจากนั้น 4 วัน เขาพบว่า ตุ่มเนื้อ มีขนาดลดลงอย่างมาก จากนั้นมาเขาก็พัฒนาสูตรในการผลิตกัญชาสกัดเป็นของตนเอง
230 เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่แก่ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษทางอินเทอร์เน็ต แต่ในประเทศไทย ยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิผล ของการใช้สารสกัดนา้ มันกัญชารักษา ท้ัง 2 โรคนี้ กล่าวโดยสรุป นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ศึกษาวิจัยเก่ียวกับการน้าน้ามันกัญชามาใช้ ในโรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธุ์ผิวหนังชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับในต่างประเทศ นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา โดยผลิตน้ามันกัญชา เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่แก่ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา และ ประเทศอังกฤษ ทางอนิ เทอร์เน็ต 6. กญั ชาและกญั ชงกบั โรคตอ้ หนิ การศกึ ษาวจิ ัยเก่ียวกับการรกั ษาโรคต้อหินดว้ ยกัญชา พบว่าการใช้กัญชา ทา้ ใหค้ วามดัน ในลูกตาลดลงได้ มีฤทธ์ิอยู่ได้เพียง 3 ชั่วโมง และขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้กัญชาด้วย ซึ่งอาจเพิ่ม การเกดิ ผลขา้ งเคียงจากการไดร้ ับขนาดยากัญชามากเกินไป ไดแ้ ก่ ความดันโลหติ ต่้าลง และหัวใจเต้น เร็วข้ึน ด้วยเหตุผลที่ว่ามีหลายปัจจัยเข้ามาเก่ียวข้องในการควบคุมความดันลูกตา ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความแรงของยากัญชา ท้าให้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ยอมรับการ น้ากัญชา มาใช้รักษาโรคต้อหิน เน่ืองจากยาแผนปัจจุบันสามารถคุมความดันในลูกตาได้อย่างมี ประสิทธิภาพคงท่ี และสมา้่ เสมอมากกวา่ ถาม กญั ชาชว่ ยลดความดนั จรงิ หรือไม่ ตอบ จรงิ สารในกัญชามีผลท้าให้หลอดเลอื ดขยาย ดงั นน้ั จึงมีผลท้าให้ความดัน ลดลงไดจ้ รงิ แต่ไมค่ วรใช้แทนยาลดความดัน เนอื่ งจากยังมผี ลขา้ งเคยี งอ่นื ผูป้ ่วยความดันควรรับประทานยาตามทแ่ี พทยส์ ั่ง เรือ่ งท่ี 3 การใชน้ ้ามันกญั ชาและกญั ชงกบั การแพทยแ์ ผนปัจจุบนั 1. น้ามันกญั ชาคอื อะไร น้ามันกัญชา คือ สารสกัดกัญชา (Cannabis extract) ท่ีเจือจางอยู่ในน้ามันตัวพา (Carrier Oils หรอื Diluent) สว่ นมากนิยมใช้น้ามันมะกอก และน้ามันมะพร้าวสกัดเย็น โดยหากผ่าน การผลิตที่ได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ หรือตัวยาให้มีสัดส่วน และ
231 ปริมาณตรงตามท่ีระบุในฉลากหรือเอกสารก้ากับยา แต่น้ามันกัญชาท่ีผลิตข้ึนมาใช้เอง และไม่ผ่าน การควบคุมคุณภาพ ผู้ใช้จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าปริมาณความเข้มข้นของตัวยา THC และ CBD มอี ยูป่ รมิ าณเทา่ ใด เนื่องจากความเข้มข้นของตัวยาไมข่ ึน้ อยู่กับความเข้มของสนี ้ามันกัญชาแตอ่ ย่างใด 2. ลกั ษณะของน้ามันกัญชา น้ามันกัญชาท่ีรู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ปัจจุบันมักจะเป็นรูปแบบของ น้ามันที่มีสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีน้าตาล ลักษณะข้นหนืด ขึ้นอยู่กับการเตรียมต้ารับ และการสกัดของ ผผู้ ลิต และนยิ มบรรจใุ นขวดแกว้ ทบึ แสงท่มี ีหลอดหยด 3. สตู รของน้ามันกญั ชา น้ามันกัญชาท่ีมีการผลิตอย่างได้มาตรฐานในประเทศไทย มีท้ังจากองค์การเภสัชกรรม (GPO) และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในท่ีนี้ขอน้าเสนอเฉพาะสูตรน้ามันกัญชาของ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภูเบศร โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ สูตรที่ 1 น้ามันสูตร THC สูง (ร้อยละ 1.7 หรือ 0.5 มิลลิกรัมต่อหยด) ข้อบ่งใช้ ภาวะ คล่ืนไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด กระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ และอาจใช้ในภาวะปวด จากระบบประสาท เพิม่ คุณภาพชีวติ ในผูป้ ว่ ยมะเร็งระยะสุดท้าย หรอื ใช้ตามแพทย์สั่ง สูตรที่ 2 น้ามันสูตร THC : CBD ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน (ร้อยละ 2.7 : 2.5) ข้อบ่งใช้ ภาวะกล้ามเนอ้ื หดเกร็ง ผ้ปู ว่ ยโรคปลอกประสาทเส่ือมแขง็ และอาจใช้ในภาวะปวดจากระบบประสาท หรอื ใชต้ ามแพทย์ส่ัง สูตรที่ 3 น้ามันสูตร CBD สูง (มี CBD ร้อยละ 10) ข้อบ่งใช้ รักษาโรคลมชักท่ีรักษายาก หรือดอื้ ตอ่ การรักษา โรคพาร์กนิ สัน หรอื ใช้ตามแพทย์สั่ง ภาพที่ 77 ตวั อยา่ งน้ามันกญั ชา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเู บศร
232 นอกจากนี้มีตัวอย่างนา้ มนั กญั ชาจากองค์การเภสชั กรรม (GPO) ใหไ้ ด้ศึกษา ดงั ภาพ ภาพท่ี 78 ตวั อย่างนา้ มนั กญั ชาทั้ง 3 สูตรขององค์การเภสัชกรรม (GPO) ในต่างประเทศ อาจจะพบน้ามันกัญชาสูตรอ่ืน ๆ ที่แตกต่างกับประเทศไทย เนื่องจาก ในบางประเทศมีการอนุญาตให้ใช้มานานมากกว่าในประเทศไทย น้ามันกัญชาจึงมีการพัฒนา และ คิดค้นไว้หลากหลายสูตร แต่โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีการวางขายอย่างถูกต้อง จะมีการควบคุม คุณภาพ และระบุปริมาณตัวยาส้าคัญคือ THC และ CBD อย่างชัดเจน เช่น ในประเทศแคนาดา มีน้ามันกัญชาสูตรที่มี THC สูงกว่า ร้อยละ 20 มีสูตร THC : CBD ในอัตราส่วนแตกต่างกัน ต้ังแต่ 0 : 1, 1 : 2, 1 : 1, 2 : 1, 1 : 0, 30 : 1 และ 1 : 30 เปน็ ตน้ 4. วธิ กี ารสกดั น้ามันกญั ชา การสกดั น้ามนั กญั ชาดว้ ยตนเองเป็นวิธีการทีไ่ ม่ปลอดภัย และเปน็ อันตรายตอ่ ผใู้ ชค้ วรใช้ ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาที่มีมาตรฐาน ได้รับจากคลินิกกัญชาท่ีมีแพทย์อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาในการ รกั ษาโรค จึงจะมคี วามปลอดภัย 5. วิธีการใช้น้ามนั กัญชา ขนาดการใช้น้ามันกัญชา จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมีหลักการ คือเริ่มใช้น้ามันกัญชาท่ีขนาดต่้า ๆ โดยแนะน้าให้เร่ิมที่ 0.05 - 0.1 ซีซี หรือเท่ากับ 1 - 2 หยด และ ปรับเพ่ิมขนาดมากข้ึนตามคาแนะนาของแพทย์เท่านั้น การหยดน้ามันให้หยดก่อนนอน บริเวณใต้ล้ิน เพ่ือให้ตัวยาสามารถซึมผ่านเส้นเลือดใต้ล้ิน และออกฤทธ์ิอย่างรวดเร็ว เพ่ือหลีกเล่ียงการถูก เปล่ียนแปลงยาท่ีตับ เนื่องจากอาจท้าให้ประสิทธิภาพของยาลดลง หลังหยดน้ามันกัญชา ห้ามดื่มน้า กลืนน้าลาย และรบั ประทานอาหาร หลังหยดนา้ มันกัญชาทันที ควรเวน้ ระยะให้ตวั ยาดูดซึมประมาณ
233 5 นาที หากลืมใช้ยาไม่ควรเพ่ิมขนาดยาเป็น 2 เท่า น้ามันกญั ชาอาจจะท้าให้มภี าวะง่วงซึม จงึ แนะน้า ให้ใช้เวลาก่อนนอน และหลีกเล่ยี งการทา้ งานใกล้เครือ่ งจักร หรือขับรถ กลา่ วโดยสรปุ น้ามันกญั ชา คอื สารสกัดกญั ชา (Cannabis extract) ท่เี จอื จางอยู่ในน้ามัน ตัวพา (Carrier oils หรือ Diluent) ส่วนมากนิยมใช้น้ามันมะกอก และน้ามันมะพร้าวสกัดเย็น โดยหากผ่านการผลิตท่ีได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ ปริมาณ ความเขม้ ขน้ ของตวั ยา THC และ CBD รปู แบบของน้ามันกัญชามสี เี หลอื งอ่อนจนถึงสีน้าตาล ลักษณะ ข้นหนืด น้ามันกัญชาท่ีมีการผลิตอย่างได้มาตรฐาน ในประเทศไทยจากองค์การเภสัชกรรม และ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภูเบศร ปจั จุบันมอี ยู่ 3 สตู ร สูตรที่ 1 นา้ มันสตู ร THC สงู สูตรท่ี 2 นา้ มนั สูตร THC : CBD ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน สูตรที่ 3 น้ามันสูตร CBD สูง วิธีการสกัดน้ามันกัญชา ด้วยตนเองเป็นวิธีการท่ีไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาที่มี มาตรฐาน ได้รับจากคลินิกกัญชา ท่ีมีแพทย์อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาในการรักษาโรคจึงจะมี ความปลอดภัย ขนาดการใช้น้ามันกัญชาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมีหลักการ คือ เร่ิมใช้น้ามันกัญชาที่ขนาดต้่า ๆ โดยแนะน้าให้เร่ิมท่ี 0.05 - 0.1 ซีซี หรือเท่ากับ 1 - 2 หยด และปรับเพิ่มขนาดมากขึ้นตามคาแนะนาของแพทย์เท่าน้ัน น้ามันกัญชาอาจจะท้าให้มี ภาวะง่วงซมึ จงึ แนะน้าใหใ้ ชเ้ วลาก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการทา้ งานใกลเ้ ครื่องจกั ร หรือขับรถ ถาม การดม่ื หรอื กนิ ผลติ ภณั ฑท์ มี่ กี ัญชาเปน็ สว่ นประกอบทา้ ให้เมาคา้ งนาน มากกวา่ การสูบกัญชาหรือใช้น้ามนั กญั ชาหยดใตล้ น้ิ จรงิ หรือไม่ ตอบ จรงิ ในปรมิ าณท่ีเท่ากันการดมื่ หรือกินผลติ ภัณฑ์ท่มี ีกัญชาเป็น สว่ นประกอบจะถูกเปลี่ยนแปลงทตี่ บั ท้าให้เปล่ยี นแปลงไปเปน็ สารท่ีมฤี ทธ์ิ เมาแรงขนึ้ และเกดิ การขบั ออกจากรา่ งกายได้ช้ากว่า
234 ถาม . การดม่ื หรือรับประทานผลติ ภณั ฑท์ ีม่ กี ัญชาเปน็ สว่ นประกอบทา้ ให้ออก ฤทธิช์ า้ กวา่ การสูบกัญชาหรอื ใชน้ ้ามนั กัญชาหยดใต้ลิ้น จรงิ หรอื ไม่ ตอบ จริง เน่ืองจากการดืม่ หรอื รบั ประทานผลติ ภัณฑท์ ี่มกี ัญชาเป็น ส่วนประกอบจะต้องผ่านทางเดนิ อาหารก่อนจงึ จะเกดิ การดดู ซมึ ท้าให้ ออกฤทธ์ิชา้ แต่การสบู กญั ชาหรือใช้นา้ มนั กญั ชาหยดใตล้ นิ้ จะซึม เข้าสกู่ ระแสเลือดโดยตรงจึงออกฤทธิเ์ รว็ กวา่ เรื่องที่ 4 ผลติ ภัณฑ์กญั ชาและกัญชงทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ส้าเร็จรูปจากกัญชาเพ่ือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ส้าหรับคน ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ กัญชา ท่ีได้รับการข้ึนทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือผลิตภัณฑ์กัญชาท่ีใช้ในทางการแพทย์ มีหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบน้ามันหยดใต้ล้ิน ที่มีการสั่งใช้โดยแพทย์ในประเทศอิสราเอล และ ประเทศไทย รูปแบบแคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ล้ิน ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะ บนผวิ หนงั ซ่ึงผลติ ภณั ฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดสว่ น และปริมาณสารสา้ คญั สาร THC และ สาร CBD และใช้ในกลุ่มโรคที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้รับการข้ึนทะเบียน (Registered drug) ขณะนี้มีอยู่ 3 รูปแบบ นอกจากน้ียังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ส้าหรับสัตว์เพ่ือใช้ในการรักษาโรค ในต่างประเทศดว้ ย 1. ผลิตภัณฑ์ THC สงั เคราะห์ (Synthetic THC) 1.1 ยาโดรนาบินอล (Dronabinol) ช่อื การค้าคือ มารนิ อล (Marinol®) เปน็ เมด็ เจลลาติน แคปซูล บรรจุตัวยา THC มีความแรงตั้งแต่ 2.5 - 10 มิลลิกรัม มีข้อบ่งใช้ เพ่ือลดอาการคล่ืนไส้ อาเจยี นจากยาเคมีบ้าบัดในผู้ปว่ ยมะเร็ง ในกรณที ใี่ ชย้ าอ่ืนแลว้ ไม่ได้ผล และกระตุ้นความอยากอาหาร ในผปู้ ว่ ยเอดส์ ท่ีมีภาวะน้าหนักลด และเบ่ืออาหารรุนแรง (Anorexia)
235 ภาพท่ี 79 โดรนาบนิ อล (Dronabinol) 1.2 นาบิโลน (Nabilone) ชื่อการคา้ คอื ซซี าเมท (Cesamet®) เป็นผลติ ภัณฑ์รูปแบบ แคปซูลตัวยา คือ อนาล็อก ของสาร THC ขนาดความแรง 1 มิลลิกรัมต่อเม็ด ใช้ป้องกัน การคลื่นไส้ การอาเจียน ทเ่ี กิดจากยารักษาโรคมะเรง็ ใช้ในกรณที ใี่ ช้ยาอ่นื ไมไ่ ดผ้ ล ภาพที่ 80 นาบิโลน (Nabilone)
236 2. ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบินอยด์จากธรรมชาติ (Natural purified cannabinoid) ได้แก่ นาบิกซีมอล (Nabiximol) ชื่อการค้า คือ ซาติเวกซ์ (Sativex®) เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบสเปรย์ ใช้ในช่องปากบริเวณฉีดพ่นใต้ลิ้น ปริมาณ THC : CBD อัตราส่วน 1.08 : 1 ใช้บรรเทาอาการเกร็ง และปวดในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) ในกรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล และบรรเทาอาการปวดในมะเรง็ ระยะรกุ รานท่ีไม่ตอบสนองต่อยาในกลุ่ม Opioids ภาพท่ี 81 ซาตเิ วกซ์ (Sativex) 3. ผลิตภณั ฑส์ ารสกดั CBD ชอื่ การค้า คือ เอพดิ ิโอเล็กซ์ (Epidiolex®) เป็นยาน้า (Oral Solution) ที่สกัดสาร CBD และ THC จากต้นพืชกัญชา พัฒนาโดยบริษัท GW Pharmaceuticals (UK) เป็นยาท่ีใช้ในการรักษา ควบคุมอาการของโรคลมชัก (Epilepsy) ลมชกั ชนดิ รุนแรง คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผู้ใหญ่ และเด็กที่มีอายุต้ังแต่ 2 ปีขึ้นไป ท่ีไม่ตอบสนองต่อยารักษามาตรฐาน EPIDIOLEX® เป็นยาท่ีสกัดมาจากพืชกัญชาโดยมีความเข้มข้น CBD 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ได้รบั การอนมุ ัตจิ าก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมรกิ า เม่อื เดือน มิถนุ ายน ค.ศ. 2018
237 ภาพท่ี 82 เอพิดิโอเลก็ ซ์ (Epidiolex ) 4. ผลิตภัณฑส์ า้ หรบั สัตว์ ในต่างประเทศ มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยในสัตว์ ข้อบ่งใช้ จะคล้ายกับการรักษาในมนุษย์ คือ ใช้ในสัตว์ท่ีได้รับผลกระทบจากการได้รับเคมีบ้าบัด เพื่อเพ่ิม ความอยากอาหาร ลดอาการเจ็บปวดหรืออักเสบ รักษาอาการชัก ช่วยให้สัตว์เล้ียงผ่อนคลาย ไม่ต่ืน ตกใจ มีทั้งรูปแบบเป็นน้ามันหยด ที่มีสูตร THC และ CBD ในอัตราส่วนต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารส้าหรับสัตว์เลี้ยง โดยใช้น้ามันจากกัญชาผสมในคุกกี้ส้าหรับสุนัข เพื่อให้สุนัขกินได้ง่าย รูปแบบคล้ายกับขนมปังกรอบ (Snack) แต่ในประเทศที่มีการอนุญาตให้ใช้ในสัตว์ เช่น ประเทศ แคนาดา การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการรักษาในสัตว์ ห้ามใช้เพ่ือเป็นขนมทานเล่นของสัตว์ แต่อนุญาต ใช้เพ่อื วตั ถปุ ระสงค์ในการรักษาเทา่ นนั้ เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลว่า ในอดีตทางกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีการใช้พืชกัญชาในการขุนหมู เพ่ือให้หมูกินอาหารได้ มลี กั ษณะอว้ นพี แต่ไมร่ ะบวุ ่ามีการใชเ้ พอ่ื เปน็ การรักษาโรคในสตั ว์
238 ภาพท่ี 83 น้ามนั กัญชาในรปู แบบคุกกสี้ า้ หรบั สนุ ัข ภาพที่ 84 น้ามันกญั ชาส้าหรับรกั ษาสตั ว์ กล่าวโดยสรปุ ผลิตภัณฑส์ า้ เร็จรูปจากกญั ชาเพือ่ ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สา้ หรบั คน มีรูปแบบน้ามันหยดใต้ลิ้น แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ลิ้น ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะ
239 บนผิวหนัง ผลิตภัณฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดส่วน และปริมาณสารส้าคัญ THC และ CBD ผลิตภัณฑ์กัญชาท่ีได้รับการขึ้นทะเบียน (Registered drug) ขณะน้ีมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์ THC สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบินอยด์ จากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD นอกจากน้ใี นตา่ งประเทศยงั มผี ลิตภณั ฑ์รักษาอาการเจ็บป่วยในสตั ว์ ถาม กัญชาและกัญชงสามารถใช้ในการรักษาโรคในสัตวไ์ ด้จริงหรือไม่ ตอบ จรงิ ในต่างประเทศมกี ารใช้กัญชาและกญั ชงในการรักษาโรคในสัตว์โดย กลมุ่ โรค เหมือนกบั การใช้รักษาในคน เชน่ ช่วยลดการปวดจากการรับ คีโม เพม่ิ การอยากอาหารในสตั วป์ ่วย และในอดตี ประเทศไทยมีการใช้ กญั ชาและกัญชงเพอ่ื ช่วยในการขุนหมใู ห้อว้ นพี และเคยมีการน้ามาใช้ใน การรกั ษาอาการเจบ็ ป่วยในสตั วด์ ้วยเชน่ กนั เรื่องท่ี 5 การใชผลติ ภณั ฑกญั ชาและกัญชงใหไ้ ด้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปจั จุบัน การใชผลิตภัณฑกัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน แนะน้าโดย กรมการแพทย์ เพือ่ ใชใ้ นการดแู ลรกั ษา และควบคุมอาการของผูป้ ว่ ย เน่ืองจากมีหลักฐานทางวิชาการ ท่ีมคี ณุ ภาพสนับสนุนชัดเจน โดยแบง่ เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด (Chemotherapy induced nausea and vomiting) โดยแพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อรักษาภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัดได้ ภายใต้ ขอ้ พิจารณาดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ไม่แนะนา้ ให้ใช้ผลติ ภัณฑก์ ญั ชาเป็นการรักษาเร่ิมตน้ 1.2 แนะนา้ ให้ปรึกษากับผปู้ ว่ ยถึงประโยชน์ และความเสี่ยงของผลติ ภัณฑ์กัญชาก่อนใช้ 1.3 ใช้ผลิตภณั ฑ์กัญชาเพ่ือรกั ษาอาการคลนื่ ไสจ้ ากเคมบี ้าบดั ที่รักษาด้วยวิธตี า่ ง ๆ แลว้ ไม่ไดผ้ ล 1.4 ไม่แนะน้าให้ใชใ้ นกรณขี องภาวะคล่นื ไสอ้ าเจยี นท่ัวไป 1.5 ไม่แนะน้าให้ใช้ในกรณีของภาวะคล่ืนไส้อาเจียนในหญิงต้ังครรภ์ หรือมีอาการ แพท้ อ้ งรุนแรง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318