Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อิงอร พงษ์สุวรรณ์

อิงอร พงษ์สุวรรณ์

Published by SAHACHOK NOIMAI, 2020-09-24 13:58:05

Description: book smail egon 12 34

Search

Read the Text Version

2 ขนมไทย บทนำ� ประวตั ิความเปน็ มาของขนมไทย ในสมยั โบราณคน ไทยจะทำ�ขนมเฉพาะวาระสำ�คัญเทา่ นั้น เปน็ ตน้ ว่างานท�ำ บุญ เทศกาล ส�ำ คัญ หรือตอ้ นรับแขกสำ�คัญ เพราะขนมบางชนดิ จ�ำ เปน็ ต้องใช้ กำ�ลงั คนอาศยั เวลาในการท�ำ พอสมควร สว่ นใหญ่เปน็ ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เน่ืองในงานแต่งงาน ขนมพ้ืนบา้ น เชน่ ขนมครก ขนมถว้ ย ฯลฯ สว่ นขนมในร้ัวในวงั จะมหี นา้ ตาจุ๋มจม๋ิ ประณตี วจิ ติ ร บรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม ขนมไทยด้ังเดิม มสี ว่ นผสมคอื แปง้ นำ�้ ตาล กะทิ เทา่ นน้ั ส่วนขนมทีใ่ ช้ ไขเ่ ป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยบิ ทองหยอด เม็ดขนุน นัน้ มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ทา้ วทองกีบม้า)หญิงสาวชาวโปรตเุ กส เปน็ ผู้คิดค้นขึ้นมา ขนมไทยที่นยิ มทำ�กันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพธิ กี ารตา่ งๆ เน่อื ง ในการทำ�บุญเลี้ยงพระ ก็คอื ขนมจากไข่ และมกั ถือเคลด็ จากช่ือและ ลักษณะของขนมน้ันๆ งานศิรมิ งคลต่างๆ เชน่ งานมงคลสมรส ท�ำ บญุ วันเกิด หรอื ท�ำ บุญขึ้นบา้ นใหม่ ส่วนใหญก่ ็จะมกี ารเลีย้ งพระ กับแขกทม่ี าในงาน เพ่อื เปน็ ศิรมิ งคลของงานขนมกจ็ ะมฝี อยทอง เพื่อ หวงั ใหอ้ ยดู่ ว้ ยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นกใ็ หไ้ ด้เลือ่ นขนั้ เงินเดอื น ขนมถ้วยฟูกข็ อใหเ้ ฟ่อื งฟู ขนมทองเอกก็ขอใหไ้ ด้เป็นเอก เป็นต้น ในสมัยรชั กาลท่ี 5 มกี ารพิมพต์ �ำ ราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงต�ำ รา ขนมไทยด้วย จึงนบั ไดว้ ่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลาย ลกั ษณ์อักษรครง้ั แรก ต�ำ ราอาหารไทยเลม่ แรกคือแมค่ รวั หวั ป่าก์ เขียนโดยท่านผหู้ ญิงเปล่ยี น ภาสกรวงศ์ ในหนังสือเลม่ น้ี มีรายการ สำ�รบั ของหวานเลี้ยงพระได้แก่ ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหมอ้ แกง ขน

ขนมไทย 3 จดั ท�ำ โดย น.ส. องิ อร พงษ์สวุ รรณ์ ปวช2/14 เลขท7ี่

4 ขนมไทย

ขนมไทย 5 เนอื้ หา การแบง่ ประเภทของขนมไทย แบง่ ตามวิธีการทำ�ให้สุกได้ดังนี้ [1] ขนมท่ที �ำ ให้สกุ ดว้ ยการกวน สว่ นมากใช้กระทะทอง กวนตัง้ แต่เปน็ น้ำ�เหลวใสจนงวด แลว้ เทใส่พิมพ์หรอื ถาดเมื่อเย็นจงึ ตดั เปน็ ช้นิ เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปียกปูน ขนมศลิ าอ่อน และผลไมก้ วนต่าง ๆ รวมถึงข้าวเหนยี วแดง ขา้ วเหนยี วแกว้ และกะละแม ขนมท่ีทำ�ใหส้ ุกด้วยการนึง่ ใช้ลังถงึ บางชนิดเทสว่ นผสมใสถ่ ้วยตะไล แลว้ น่ึง บางชนดิ ใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนิดห่อด้วยใบตองหรือใบ มะพรา้ ว เช่น ช่อม่วง ขนมช้นั ข้าวตม้ ผดั สาลอ่ี อ่ น สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใสไ่ ส้ ขนมเทยี น ขนมน�ำ้ ดอกไม้ ข้าวเกรยี บปากหมอ้ ขนมทที่ �ำ ใหส้ กุ ดว้ ยการเชือ่ ม เปน็ การใส่ส่วนผสมลงในน�ำ้ เชอ่ื มที่ ก�ำ ลงั เดือดจนสกุ ไดแ้ ก่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เมด็ ขนนุ กลว้ ยเชื่อม จาวตาลเช่อื ม ขนมที่ทำ�ใหส้ กุ ดว้ ยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะทม่ี ีน้�ำ มันร้อนๆ จนสกุ เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมค้างคาว ขนมฝักบัว ขนมนางเลด็ ขนมท่ที ำ�ให้สุกด้วยการนึ่งหรืออบ ได้แก่ ขนมหมอ้ แกง ขนมหนา้ นวล ขนมกลีบลำ�ดวน ขนมทองมว้ น สาล่ีแขง็ นอกจากนี้ อาจรวม ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมดอกลำ�เจียกทใ่ี ชค้ วามร้อนบนเตาไวใ้ นกลมุ่ นี้ดว้ ย ขนมที่ทำ�ให้สกุ ดว้ ยการตม้ ขนมประเภทนีจ้ ะใชห้ ม้อหรือกระทะต้มน�ำ้ ใหเ้ ดือด ใส่ขนมลงไปจนสกุ แล้วตกั ขนึ้ น�ำ มาคลกุ หรือโรยมะพรา้ ว ได้แก่ ขนมถัว่ แปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร นอกจากน้ียงั รวม ขนมประเภทน้�ำ ที่นยิ มนำ�มาตม้ กับกะทิ หรอื ใสแ่ ปง้ ผสมเปน็ ขนมเปียก และขนมท่ีกินกับน้�ำ เช่อื มและน้�ำ กะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดชอ่ ง ซา่ หร่ิม

6 ขนมไทย เน้อื หา ขนมไทย เปน็ ขนมหวาน มมี าตัง้ แต่สมัยโบราณ ถอื เปน็ เอกลกั ษณแ์ ละวฒั นธรรมของชาตซิ ่งึ อย่คู ู่กับสังคมไทยมาช้านาน ใน สมัยกอ่ นขนมไทยจะทำ�เฉพาะเวลามงี านส�ำ คัญเท่าน้ัน ไม่ว่าจะเปน็ ใน งานเทศกาล งานประเพณี งานทางศาสนา หรือการประกอบพิธกี รรม ตา่ งๆ แตท่ ่เี ห็นมขี นมหลากหลายกินทกุ วัน หลงั สำ�รบั คาวหวานหรือ กินเป็นของวา่ ง ก็ลว้ นแตค่ ดิ ประดดิ ประดอยขึ้นภายหลงั แล้วทัง้ ส้นิ รวมถงึ ขนมจากตา่ งชาตทิ ี่เข้ามาโดยผา่ นความสัมพันธ์ทางการเมอื ง ก็ถกู ดแั ปลง ใหม้ รี ปู รส ลักษณะเปน็ แบบไทยๆจนบางทนี ึกกันไปวา่ เป็นขนมไทยแทด้ ้งั เดมิ กม็ ี แตแ่ ท้ทจี่ รงิ แลว้ ขนมไทยแท้ๆน้ัน จะมสี ่วน ประกอบเพียงสามอย่าง คือ แปง้ นำ้�ตาล มะพรา้ ว โดยการทำ�ขนม ไทยนเ้ี ปน็ การบ่งบอกถึงลกั ษณะนิสยั ของคนไทย ในเร่ืองความอดทน ใจเยน็ ละเอียดลออ และชา่ งสงั เกต ทั้งยังไดแ้ ฝงความหมายอนั ลกึ ซง้ึ ไว้ในช่ือของขนมไทยแตล่ ะชนิดดว้ ย เชน่ ขนมฝมี ือชาวบา้ นและชาววงั นัน้ ในเร่อื งของรสชาติ และการเรยี ก ชือ่ ขนมจะไมแ่ ตกตา่ งกนั มากนกั รูปร่างหนา้ ตาก็มีความคล้ายกนั มาก แตข่ นมของชาววังจะเปน็ ชิน้ เลก็ ๆนา่ รับประทาน และใชฝ้ ีมือในการ ประดดิ ประดอยมากกวา่ ชนมท่ชี าวบา้ นท�ำ สว่ นขนมทำ�ยากนน้ั จะนิยม ท�ำ กนั แตใ่ นวังเท่านน้ั เชน่ ขนมจ่ามงกฎุ ส่วนในเร่อื งของโภชนาการ น้นั ขนมไทยท�ำ ใหอ้ ้วนงา่ ย เพราะมีทงั้ ความหวานมันจากน�ำ้ ตาลและ กะทิ ขึ้นชอ่ื วา่ ขนมแลว้ ไมว่ า่ จะเป็นของชาติใด ก็ลว้ นแตม่ ีรสชาติ ความหวานเจือปนอยู่เหมือนกันท้ังนั้น

ขนมไทย 7 เนื้อหา แตค่ วามหวานของขนมไทยเราจะออกรสชาติแบบหวานมนั และละมุน มากกวา่ ชาติอ่ืนๆ โดยเฉพาะขนมไทยจะต้องใส่กะทคิ วบคู่กับนำ�้ ตาล ดว้ ยเสมอ ความมันจากกะทิจะชว่ ยลดความหวานจากนำ�้ ตาล ลกั ษณะ พเิ ศษที่แตกต่างจากขนมของชาติอ่นื ๆ ก็คอื เมอ่ื น�ำ มาจดั วางให้เปน็ ระเบยี บจะดสู วยงามและมีกลน่ิ หอมอยูใ่ นตวั ชวนให้น่ารบั ประทานมาก ยง่ิ ขน้ึ ความสวยงามของขนมไทยนนั้ หากนำ�ขนมของชาตติ ่าง ๆ มา วางเรยี งกัน แล้วใหค้ นต่างชาตชิ ้วี า่ ชนิ้ ไหนเปน็ ขนมของคนไทย เขา จะสามารถบอกได้ถูกตอ้ งทนั ที เปน็ เพราะความปรานตี บรรจงของฝมี อื คนไทย ท�ำ ให้ขนมไทยมคี วามละเอยี ดลออต่างจากขนมของชาติอืน่ ๆ นิสยั ของคนไทยโดยทั่วไปนัน้ เมอื่ รบั ประทานอาหารคาวเสร็จแล้ว ก็ ตอ้ งตามด้วยของหวานเสมอ เน่อื งจากเมอื งไทยอยใู่ นเขตอากาศรอ้ น ผลไมต้ า่ งๆมีให้บรโิ ภคตลอดทั้งปแี ละสามารถน�ำ มาตากแห้ง เชอ่ื ม กวน ท�ำ เป็นขนมเกบ็ ไวร้ ับประทานไดต้ ลอดในหน้าหนาวกจ็ ะนิยมรับ ประทานขนมรอ้ น เช่น ขนมบวั ลอย, ถ่วั เขยี วตม้ น�้ำ ตาลหนา้ ร้อนขนม จะใสน่ ้ำ�แข็ง เพอ่ื ช่วยดบั ความร้อน เช่น ขนมซา่ หรมิ่ , ลอดชอ่ ง และ ทบั ทมิ กรอบ ส่วนในฤดูฝนการเดินทางลำ�บาก ผ้หู ญิงไทยก็รจู้ กั การท�ำ ขนมแห้งเก็บไวร้ ับประทานได้นาน เมอ่ื ถึงงานบญุ ประเพณีต่างๆ ใครที่ มฝี มี อื ในการทำ�ขนมอะไรกม็ าชว่ ยกนั คนละไมล้ ะมอื เป็นวัฒนธรรมอัน ดีท่สี ร้างความสามคั คีในหมบู่ ้านหรอื บ้านใกลเ้ คยี งทม่ี ีมา ตงั้ แต่สมยั โบราณทุกวนั นย้ี ังมใี ห้เห็นอยู่บ้างตามตา่ งจังหวดั เมือ่ มงี านบญุ งาน กศุ ลต่างๆ ขนมที่ใช้ในงานประเพณีก็จะเป็นขนมทีม่ ชี ่อื ในความหมายดๆี เสมอเปน็ มงคลนามมลี กั ษณะทีแ่ ลดเู หมาะสมเพื่อนำ�ไปใชใ้ นแต่ละงาน ไดอ้ ย่างเหมาะ สมมากยิง่ ขึ้น ขนมทใ่ี ชใ้ นงานบุญงานกุศลต่างๆของชาวไทยในสมยั ก่อนท่นี ยิ ม ทำ�กนั มีมากมายโดยจะแยกเป็นพิธปี ระเพณี ดงั น้ี

8 ขนมไทย เนื้อหา ความหมายของขนมไทย ขนมไทยเป็นขนมหวานมีมาต้ังแต่ สมัยโบราณถอื เปน็ ทางศาสนาหรอื การประกอบพิธีกรรมต่างๆ แตท่ ่เี ห็น มีหลายชนดิ กินทุกวันหลงั คิดถงึ หวานหรอื กนิ เปน็ ของกเ็ ลยลว้ น แต่ คดิ ประดดิ ประเดดิ ข้นึ แล้ว นรวมถงึ ขนมหวานจากต่างชาติท่ีเข้ามาโดย ผ่านทางความเปน็ ไปไดท้ เี่ ราจะไดร้ บั มสี ว่ นประกอบของสามเมด็ คือแป้ง น�ำ้ ตาลมะพรา้ วโดยการทำ�ขนมไทยให้กบั แบรนด์ที่มีลกั ษณะนิสัยของคน ไทยในเรอื่ งความอดทน งความหมายอนั ลกึ ซึง้ ไวใ้ นชื่อ ของขนมไทย แต่ละชนิดด้วยเช่น ขนมสามเกลอ ซงึ่ เปน็ ขนมท่ีแสดงถึงความสามัคคี และไม่มี วันพรากจากกนั โดยใช้เปน็ ขนมเสย่ี งทายในงานแต่งงาน ลักษณะ ของขนมสามเกลอเปน็ ลูกกลมๆ เรียงกนั 3 ลกู แบบก้อนเสา้ การ เสยี่ งทายจะดูกันตอนทอด กล่าวคอื ถา้ ทอดแล้วยงั อยตู่ ดิ กัน 3 ลกู ถือวา่ บา่ วสาวจะรักใคร่กลมเกลยี วกนั ถ้าทอดแล้วตดิ กนั 2 ลกู แสดง ว่าจะมีลกู ยากหรือไม่มเี ลย และถ้าหลดุ จากกนั หมด ไมต่ ดิ กนั เลย แสดงว่าชีวติ คจู่ ะไมย่ ั่งยืนหรือชวี ิตสมรสจะไม่มีความสุข อีกนยั หนงึ่ ถ้าทอดขนมสามเกลอแลว้ พองฟูข้ึนจะถอื วา่ เป็นค่ทู เ่ี หมาะสมกับราว กงิ่ ทองกับใบหยก แตถ่ ้าทอดแล้วด้าน ไม่พองฟู กถ็ อื ว่าใชไ้ ม่ได้

ขนมไทย 9 เน้อื หา กะละแม จดั เป็นขนมไทยประเภทกวนมีวิธที ำ�ทไี่ มย่ ุง่ ยาก สามารถหาวตั ถดุ ิบไดใ้ นทอ้ งถ่ินมี รสชาติ อร่อย หอม หวาน และสามารถเก็บไวร้ บั ประทานได้นาน กะละแมเป็นทีน่ ยิ มมาก มีหลายรส เช่น กาแฟขนนุ ใบเตยและอ่นื ๆ อีกมากมาย ขนมทองม้วน ความหมาย ใหเ้ หมาะสมกับ วฒั นธรรม การ ด�ำ เนนิ ชวี ิต ความเปน็ อยู่ วตั ถดุ บิ ข้าวของเคร่อื งใช้ เอกลักษณ์ รสนยิ ม และอปุ นสิ ัยในการบริโภคอาหารของประเทศไทยเราเอง

10 ขนมไทย เน้ือหา อกี ข้อสนั นษิ ฐานหนึ่งกน็ บั ว่าน่าสนใจไมน่ ้อย คำ�วา่ “ขนม” อาจมาจาก ค�ำ ในภาษาเขมรวา่ “หนม” ทห่ี มายถงึ อาหารทีท่ �ำ มาจากแป้ง เมื่อลอง พิจารณาดูแล้วพบวา่ ขนมสว่ นใหญล่ ้วนทำ�มาจากแป้งทั้งนนั้ โดยมี น้�ำ ตาลและกะทิเปน็ สว่ นผสม ดังนน้ั จึงอาจกลา่ วไดว้ า่ “ขนม” เพี้ยนมา จาก “ขนม” ในภาษาเขมรก็เปน็ ได้ ไม่ว่าขนมจะมีรากศัพทม์ าจากค�ำ ใดหรือภาษาใด ขนมกไ็ ดเ้ ข้ามามี บทบาทสำ�คญั ในสังคมไทยด้วยฐานะของขนมไทยอย่างเต็มภาคภมู ิ และคนไทยเองกไ็ ดช้ ื่อวา่ เป็นชนชาติหนึ่งท่ชี อบกินขนมเป็นชวี ิตจติ ใจ คำ�วา่ ขนม มีใชม้ าหลายร้อยปยี ากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่น เดียวกบั ไมม่ หี ลักฐานยืนยันแนน่ อนว่า “ขนมไทย” เกดิ ขึ้นมา ตัง้ แตส่ มัยใดเปน็ ครง้ั แรก แต่ตามประวตั ศิ าสตร์ไทยมีหลกั ฐาน ตอนหน่ึงว่า มกี ารจารกึ ชือ่ ขนมในแทง่ ศิลาจารึก เป็นการจารึก แบบลายแทงสมยั โบราณ ขนมทีป่ รากฏคือ “ไขก่ บ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตอ้ื ” ถามผใู้ หญด่ ูถึงได้รู้วา่ ไขก่ บ หมายถึง เมด็ แมงลกั นกปลอ่ ย หมายถงึ ลอดช่อง บวั ลอย หมายถึง ขา้ ว ตอก อ้ายตอื้ หมายถงึ ขา้ วเหนียว ขนมท้ังสีใ่ ชน้ �ำ้ กระสายอยา่ ง เดยี วกันคือ “น�ำ้ กะทิ” โดยใช้ถว้ ยใส่ขนม ซงึ่ เราเรยี กการเลี้ยง ขนม 4 อยา่ งนี้วา่ “ประเพณี 4 ถว้ ย”

ขนมไทย 11 ราคาขนมไทย รายการ ราคา กล่อง โปร ขนม ขนมเสนห่ ์ กลอ่ งละ35 10กลอ่ งขึ้น 450 บาท จันทร บาท ไป ขนมกล้วย 4 20 บาท 50 ชนิ้ ขึน้ ไป 200 บาท ชน้ิ ขนมหมอ้ แกง ถาดละ 35 3 ถาด 100 บาท บาท

12 ขนมไทย รปู ไมม่ เี น้อื หา

ขนมไทย 13

14 ขนมไทย ข้อรูปภาพและเนอื้ หา ในสมัยโบราณคนไทยจะทำ�ขนมเฉพาะวาระส�ำ คญั เท่านัน้ เปน็ ต้น วา่ งานท�ำ บญุ เทศกาลสำ�คัญ หรอื ตอ้ นรับแขกส�ำ คญั เพราะขนม บางชนิดจำ�เป็นต้องใชก้ �ำ ลงั คนอาศยั เวลาในการท�ำ พอสมควร สว่ นใหญเ่ ปน็ ขนบประเพณี เป็นต้นวา่ ขนมงาน เน่อื งในงาน แตง่ งาน ขนมพ้นื บ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ สว่ นขนมใน รัว้ ในวงั จะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวจิ ิตรบรรจงในการจัดวางรปู ทรงขนมสวยงาม

ขนมไทย 15 ขนมไทยด้งั เดิม มสี ว่ นผสมคอื แป้ง น�ำ้ ตาล กะทิ เท่านัน้ ส่วนขนม ทีใ่ ชไ้ ข่เป็นสว่ นประกอบ เชน่ ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนนุ น้นั มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ทา้ วทองกีบมา้ )หญงิ สาวชาวโปรตุเกส เปน็ ผู้ คดิ ค้นขึน้ มา ขนมไทยทน่ี ิยมท�ำ กันทกุ ๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธกี ารตา่ งๆ เนื่องในการทำ�บญุ เล้ียงพระ กค็ อื ขนมจากไข่ และมกั ถือเคล็ดจาก ช่ือและลกั ษณะของขนมนนั้ ๆ งานศริ มิ งคลตา่ งๆ เช่น งานมงคล สมรส ท�ำ บญุ วันเกดิ หรือท�ำ บุญขนึ้ บ้านใหม่ สว่ นใหญก่ ็จะมกี าร เลีย้ งพระกับแขกทีม่ าในงาน เพอื่ เปน็ ศริ มิ งคลของงานขนมก็จะมี ฝอยทอง เพ่อื หวังใหอ้ ยู่ดว้ ยกันยดื ยาว มีอายยุ นื ขนมชั้นก็ให้ได้ เลอื่ นขน้ั เงนิ เดือน ขนมถ้วยฟกู ข็ อให้เฟ่อื งฟู ขนมทองเอกกข็ อใหไ้ ด้ เปน็ เอก เป็นตน้ ในสมัยรัชกาลท่ี 5 มกี ารพมิ พต์ �ำ ราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำ�รา ขนมไทยด้วย จงึ นับได้วา่ วัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเปน็ ลาย ลกั ษณ์อกั ษรคร้ังแรก ต�ำ ราอาหารไทยเล่มแรกคือแมค่ รวั หวั ป่าก์ เขียนโดยท่านผู้หญงิ เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ในหนังสือเล่มนี้ มรี ายการ สำ�รบั ของหวานเลย้ี งพระได้แก่ ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหมอ้ แกง ขนมหันตรา ขนมถว้ ยฟู ขนมลืมกลนื ข้วเหนยี วแกว้ วนุ้ ผลมะปราง ในสมัยต่อมาเมอ่ื การค้าเจริญข้ึนในตลาดมขี นมนานาชนิดมาขาย ท้งั ขายอยกู่ ับที่ แบกกระบงุ หาบเร่ และมีการปรับปรุงการบรรจุหีบหอ่ ไปตามยคุ สมยั เช่นในปจั จบุ ันมกี ารบรรจุในกล่องโฟมแทนการหอ่ ด้วยใบตองในอดตี

16 ขนมไทย แบง่ ตามวิธีการท�ำ ใหส้ กุ ไดด้ งั น้ี [1] ขนมท่ที ำ�ให้สุกดว้ ยการกวน ส่วนมากใชก้ ระทะทอง กวนตง้ั แตเ่ ปน็ น้�ำ เหลวใสจนงวด แล้วเทใสพ่ มิ พ์หรือถาดเมือ่ เยน็ จงึ ตดั เปน็ ช้นิ เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลนื ขนมเปียกปนู ขนมศลิ าอ่อน และผลไมก้ วนตา่ ง ๆ รวมถงึ ข้าวเหนยี วแดง ข้าวเหนียวแก้ว และกะละแม ขนมทที่ ำ�ให้สุกด้วยการนง่ึ ใชล้ ังถงึ บางชนดิ เทส่วนผสมใสถ่ ้วยตะไล แลว้ น่งึ บางชนดิ ใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนดิ ห่อดว้ ยใบตองหรือใบ มะพร้าว เช่น ชอ่ มว่ ง ขนมชัน้ ขา้ วต้มผดั สาล่ีออ่ น สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ ขนมเทยี น ขนมน�้ำ ดอกไม้ ขา้ วเกรียบปากหม้อ ขนมทที่ ำ�ให้สุกดว้ ยการเช่อื ม เป็นการใสส่ ว่ นผสมลงในน้ำ�เชอื่ มทกี่ �ำ ลัง เดือดจนสกุ ไดแ้ ก่ ทองหยอด ทองหยบิ ฝอยทอง เมด็ ขนนุ กลว้ ย เชือ่ ม จาวตาลเชือ่ ม ขนมท่ีทำ�ใหส้ กุ ดว้ ยการทอด เปน็ การใสส่ ่วนผสมลงในกระทะทม่ี นี �ำ้ มนั รอ้ นๆ จนสกุ เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมคา้ งคาว ขนม ฝกั บวั ขนมนางเลด็

ขนมไทย 17 มะพรา้ วและกะทิ มะพรา้ วน�ำ มาใช้เป็นส่วนประกอบของขนมไทยไดต้ ้ังแตม่ ะพร้าวออ่ น จนถึงมะพรา้ วแก่ดงั นี้ [2] มะพรา้ วอ่อน ใช้เนื้อผสมในขนม เชน่ เปียกสาคู วนุ้ มะพร้าว สงั ขยา มะพร้าวอ่อน มะพรา้ วทนึ ทึก ใชข้ ดู ฝอยทำ�เป็นไส้กระฉีก ใชค้ ลุกกบั ข้าวต้มมดั เป็น ขา้ วตม้ หวั หงอก และใช้เป็นมะพร้าวขดู โรยหน้าขนมหลายชนิด เชน่ ขนมเปยี กปนู ขนมข้หี นู ซึง่ ถอื เปน็ เอกลักษณอ์ ย่างหน่ึงของขนม ไทย[3] มะพรา้ วแก่ นำ�มาค้ันเปน็ กะทิก่อนใส่ในขนม นำ�ไปท�ำ ขนมไดห้ ลาย แบบ เชน่ ต้มผสมกบั สว่ นผสม เชน่ กล้วยบวชชี แกงบวดต่างๆ หรอื ตักหัวกะทริ าดบนขนม เชน่ สาคูเปยี ก ซ่าหร่มิ บวั ลอย เปน็ ขนมท่ที ำ�กนั งา่ ยๆ ไม่พิถพี ถิ นั มากเหมอื นขนมภาคอื่น ขนมพ้ืน บา้ นอสี านได้แก่ ข้าวจ่ี บายมะขามหรอื มะขามบ่ายข้าว ข้าวโปง่ [9] นอกจากนัน้ มักเป็นขนมในงานบญุ พธิ ี ทเี่ รียกวา่ ขา้ วประดับดิน โดย ชาวบา้ นนำ�ขา้ วท่ีหอ่ ใบตอง มัดดว้ ยตอกแบบขา้ วตม้ มัด กระยาสารท ขา้ วทิพย์ ข้าวยาคู ขนมพืน้ บ้านของจังหวดั เลยมักเปน็ ขนมง่ายๆ เช่น ขา้ วเหนียวน่งึ จิม้ น้ำ�ผึ้ง ข้าวบ่ายเกลอื คือข้าวเหนียวปั้นเป็นกอ้ น จิม้ เกลอื ใหพ้ อมีรสเค็ม ถา้ มมี ะขามจะเอามาใสเ่ ป็นไส้เรียกมะขามบา่ ย ข้าว น�ำ้ ออ้ ยกะทิ ท�ำ ด้วยนำ้�อ้อยท่ีเคี่ยวจนเหนียว ใสถ่ ว่ั ลิสงคัว่ และ มะพรา้ วซอย ข้าวพองทำ�มาจากข้าวตากคัว่ ใสม่ ะพรา้ วห่ันเปน็ ชน้ิ ๆ และถั่วลิสงค่ัว กวนกบั น้ำ�อ้อยจนเหนยี วเทใส่ถาด ในงานบญุ ตา่ งๆ จะนิยมท�ำ ขนมปาด (คลา้ ยขนมเปยี กปนู ของภาคกลาง) ลอดชอ่ ง และขนมหมก (แป้งข้าวเหนยี วโม่ ปนั้ เปน็ กอ้ นกลมใส่ไส้กระฉกี หอ่ เปน็ สามเหล่ียมคลา้ ยขนมเทียน นำ�ไปนึ่ง) [10]

18 ขนมไทย ขนมไทย เปน็ ของหวานของคนไทยต้งั แต่สมยั โบราณกาล ใช้ แปง้ น�้ำ ตาล และกะทิเป็นส่วนผสมหลัก รสชาตหิ วาน มัน นมุ่ เหนยี ว รปู ลกั ษณ์สสี นั สวยงาม กลน่ิ หอมหวานจากวัตถุดบิ ทีใ่ ชท้ ำ�ชวนนา่ รับประทาน แตเ่ พื่อนๆ รไู้ หมวา่ ขนมไทยมีประวัตคิ วามเป็นมาอยา่ งไร บ้าง ขนมไทย มปี ระวัตคิ วามเป็นมายาวนาน หลักฐานเกา่ แกท่ ่ีสุดระหว่าง ขนมไทยกับคนไทยคอื วรรณคดีมรดกสโุ ขทยั เรอ่ื ง “ไตรภูมพิ ระร่วง” (พ.ศ. 2431) ทีก่ ล่าวถึง ขนมตม้ ไวว้ ่า “กาลวันหนงึ่ พระองคจ์ ึงใหห้ า เขา้ หนมตม้ ได้ 16,000 ลกู พระองคจ์ ึงถอดแหวนพระธ�ำ มรงคว์ ง หนึง่ ออกจากพระกรแห่งพระองค์ พระองคจ์ งึ ใสเ่ ข้าในเข้าหนมน้ัน” เปน็ สงิ่ บอกเลา่ ได้ดีว่าขนมไทยมมี าแต่โบราณ

ขนมไทย 19 ReSume Name : Engon Pongsuwan Nickname :Fine Age : 16 Studying at : Siam business administa- tion technological college High : 150 cm. Nationality : Thai Religion : Buddhism Weight : 50 Studying in thr year : 2

20 ขนมไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook