Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pl658_2-1-3-2018-10-16_143938-1

pl658_2-1-3-2018-10-16_143938-1

Published by กศน.ตำบลตองปิด, 2021-09-10 07:07:27

Description: pl658_2-1-3-2018-10-16_143938-1

Search

Read the Text Version

แบบเสนอผลงานการปฏบิ ัติทเี่ ป็นเลศิ (Best Practice) “การจดั การเรยี นรู้โดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน” (PROBLEM-BASED LEARNING) ดา้ นการจดั การเรียนรู้แบบ Active Learning ผูน้ ำเสนอผลงำน นำงปวีณำ วรรณปัญญำ ตำแหน่ง ครู วิทยฐำนะ ชำนำญกำร โทรศพั ท์ ๐๘๗-๙๘๗ ๘๙๙๙ โรงเรยี นบำ้ นโคนพทิ ยำ เลขที่ ๑๙๙ ตำบลบำ้ นโคน อำเภอพชิ ยั จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ รหสั ไปรษณยี ์ ๕๓๑๒๐ โทรศพั ท์ ๐๕๕-๔๕๕๐๔๕

คานา เอกสารฉบับน้ี จัดทาขึ้น เพื่อเสนอผลงานวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ Best Practice : BP “การจัดการ เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน” PROBLEM-BASED LEARNING ด้านการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ซง่ึ ผรู้ ายงานได้เสนอขอ้ มลู ผลงานจากการ ปฏิบัติหน้าท่ีสาหรับใช้ประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการ มีการนาเสนอข้อมูลครอบคลุมตามหลัก หลักเกณฑ์ และวิธีการ ขอขอบคุณ ผู้อานวยการโรงเรียน คณะครู นักเรียน โรงเรียนบ้านโคนพิทยา ท่ีให้ความ ช่วยเหลือ ให้คาปรกึ ษา แนะนา ในการปฏบิ ัติงาน ขอขอบคณุ ทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ให้กาลังใจและ ให้ความร่วมมอื ใน การปฏิบตั งิ านด้วยดีตลอดมาจงึ ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ ปวีณา วรรณปัญญา

สารบญั หนา้ ผลงานปฏิบตั ิทเี่ ปน็ เลศิ Best Practice ๑ ๒ บทสรปุ ๓ ความเปน็ มาและความสาคญั ๓ วตั ถปุ ระสงค์ ๓ กระบวนการพัฒนา ๓ สภาพปญั หาก่อนการพัฒนา ๕ การออกแบบนวัตกรรมเพอื่ การพัฒนา ๖ ขน้ั ตอนการดาเนินการพฒั นา ๖ ผลท่ีเกิดจากการดาเนนิ งาน ๖ สรปุ สง่ิ ท่เี รียนรแู้ ละการปรับปรงุ ใหด้ ีขึ้น ๖ การขยายผลและการเผยแพร่ผลการพัฒนา ๖ ขอ้ เสนอแนะและแนวทางพัฒนาอยา่ งต่อเนอื่ ง จุดเด่น หรือลกั ษณะพิเศษของผลงานการปฏบิ ตั ิทีเ่ ป็นเลศิ บรรณนุกรม ภาคผนวก ภาพกจิ กรรมการเรยี นการสอน แผนการจัดการเรียนรู้

-๑- บทสรุป ๑. คณุ สมบตั เิ ด่นของ Problem Based Learning ( PBL) การเรยี นรดู้ ้วย PBL มีคณุ สมบตั ิทโี่ ดดเด่นสาหรบั การนามาใช้จดั การเรยี นรู้เพื่อพัฒนาผเู้ รียน ดงั นี้ -เป็นการเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั -เป็นการเรยี นร้ทู ี่ใช้ปัญหาเป็นตวั กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ -เป็นการเรียนรู้ที่เนน้ ให้ผู้เรยี นพฒั นาทักษะการคิด -เปน็ การเรียนรทู้ ี่เน้นการเรยี นรู้รว่ มกนั -เป็นการเรยี นรู้เนน้ การแสวงหาความรู้ -เป็นการเรียนรูท้ ี่เนน้ การบูรณาการความรู้ -เป็นการเรยี นร้ทู ่เี นน้ ให้ผู้เรียนควบคมุ และประเมินกระบวนการเรียนรู้ (Metacognition) -เป็นการเรยี นรูท้ ส่ี ง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นกากบั ตนเองในการเรยี นรู้ (Self-directed Learning) ๒. คณุ ค่าของ PBL ต่อผูเ้ รยี น การเรยี นรู้ด้วย PBL ช่วยเสรมิ สรา้ งสิง่ สาคัญต่อผู้เรียนอนั จะสง่ ผลใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทักษะการเรียนร้ตู า่ งๆ ดงั นี้ -เพม่ิ แรงจงู ใจในการเรยี นรู้ -พฒั นาการคิดอย่างมวี ิจารณญาณการเขยี น การส่ือสาร -ช่วยให้การจาข้อมลู ต่าง ๆ ได้ดี -ชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นรู้จกั การปรบั ตัวรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผเู้ รยี น เพื่อชว่ ยให้เรยี นรู้และทางานร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้ดี -ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเป็นผรู้ ับผิดชอบตอ่ การเรยี นรขู้ องตนเอง -เสรมิ สร้างการเรยี นรูต้ ลอดชีวติ ๓. จดุ เด่นของการจัดการเรียนการสอนแบบ PBL ทส่ี ง่ ผลตอ่ การจดั การศึกษา และเป็นแบบอยา่ งได้มี ดังนี้ ๓.๑ ขั้นดาเนนิ การสอน มขี นั้ ตอนท่ีชัดเจน ๓.๒ กจิ กรรมการจดั การเรียนร้เู พ่ือพฒั นาความสามารถในการแกป้ ัญหามขี ัน้ ตอนละเอยี ด ครอบคลุม ๓.๓ มีการวัดผลประเมนิ ผลท่ีมเี กณฑก์ ารวดั และประเมินท่ีน่าเช่อื ถือ ละเอียด มีรูบิคทชี่ ัดเจน

-๒- ความเปน็ มาและความสาคัญ หน่ึงในนโยบายสาคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ในปี ๒๕๕๙ คอื การยกระดบั ความสามารถด้านภา องั กฤษ และการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาเซยี น ซ่ึงภาษาองั กฤษจะเปน็ ภาษามาตรฐานกลางท่ีสาคัญอันจะ นาไปสกู่ ารเรียน การฝึกฝนในทักษะวชิ าชีพต่างๆในแถบประเทศอาเซียน ดังนน้ั คนไทยทุกคนจงึ จาเป็นต้อง เรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษได้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร การทางานและการศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม เพื่อให้เข้าถึงสังคม วัฒนธรรม และประเพณีต่างๆ ท่ีจะมีส่วนช่วยในการดาเนินชีวิตในประชาคมอาเซียน ของเราให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดี ซ่ึงประเทศไทยมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลาช้า นาน และมีวิธีการสอนท่ีหลากหลายมาใช้ในการสอน แต่การสอนภาษาอังกฤษยังประสบปัญหาต่างๆ เช่น ผเู้ รียนเรยี นภาษาอังกฤษหลายปแี ต่ไมส่ ามารถสอ่ื สารหรอื พูดภาษาอังกฤษได้ หรอื ไมส่ ามารถอา่ นเขียนได้ และสืบเน่ืองมาจากการใช้ภาษาในสังคมออนไลน์ซึ่งผิดบ้างถูกบ้างทุกคนไม่ได้ให้ความใส่ใจนักจน บางคนนาคาเหล่านั้นมาใช้จนเกิดความเคยชินโดยท่ีไม่รู้ว่าคานั้นผิดหรือถูกอย่างไรโดยเฉพาะกับ ภาษาองั กฤษซึ่งคนไทยสว่ นใหญ่ใช้ผิดกนั อย่างมากหลาย ซง่ึ กก็ ลายมาเป็นปัญหาในการเรยี นการสอนโดยท่ี นักเรียนนาคาจากสังคมออนไลนม์ าใช้ และในปัจจุบนั เด็กนักเรยี นส่วนใหญ่จะไมน่ ิยมค้นหาความหมายของ คาจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษจะค้นหาจากแอพพลิเคช่ันแปลภาษาซึงก็ยังดีกว่าการแปลภาษาจากกูเกิ้ล นกั เรียนพิมพค์ าที่ตอ้ งการหาความหมายใส่ไปให้กูเกิ้ลแปลภาษาถา้ เป็นคาศัพท์คาเดียวไม่คอ่ ยมีปญั หาอะไร สามารถแปลความหมายได้ แต่ถ้าเป็นวลีหรือประโยคจะแปลภาษาไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่นามาตรวจสอบให้ถูกต้องมักจะนาประโยคเหล่าน้ันไปใช้เลยซึ่งส่งผลให้มี การใช้ภาษาอังกฤษไม่ถูกตอ้ งอย่างแพรห่ ลาย โดยมีข่าวออกมาอย่างหลากหลายเก่ียวกับการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทย มีมุมมองออกมาหลาย มุมมอง บางคนมองว่าคนไทยอ่อนภาษาอังกฤษ บางคนมองเป็นเรื่องธรรมดาของคนไทยกับการใช้ ภาษาอังกฤษ บางคนมองเป็นเรื่องขาๆน่ารกั แบบไทย จากกรณีท่ียกมาเป็นตวั อยา่ งคือ การใชภ้ าษาอังกฤษ บอกป้ายหรือข้อความเตอื นตามสถานท่ตี ่างๆท่ีไม่ถูกต้องและใช้กันอย่างแพร่หลาย ถ้าใช้ตามแบบที่เป็นข่าว จริง ถอื วา่ นา่ เปน็ ห่วงกับการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยเรา จึงได้นาสถานการณด์ งั กลา่ วมาจดั การเรียนรู้ให้นักเรียนมที ักษะกระบวนการแกป้ ัญหา โดยสามารถ วิเคราะห์เพ่ือหาปัญหาและสาเหตุของปัญหา วางแผนในการแก้ปัญหา ดาเนินการตามแผน และสามารถ ตรวจสอบผลลัพธ์ท่เี กิดขึ้นได้ วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เกิดทักษะดังกล่าวเรยี กว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) เพื่อฝึกให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้ อย่างถูกต้องและนาผลของการแก้ปัญหาไปปรับใช้ได้ ซึ่งการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานน้ี สามารถใชไ้ ด้กับทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้

-๓- วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาอยา่ งมีเหตผุ ลและเป็นระบบให้แก่นกั เรยี นโดยจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ท่ีเน้นทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ คิดวิจารณญาณ การสืบค้นและรวบรวมข้อมูล กระบวนการกลุ่ม การบนั ทึกและการอภปิ ราย กระบวนการพฒั นา ๑.สภาพปัญหาก่อนการพฒั นา จากข่าวสารตา่ งๆในปัจจบุ นั หรอื กระแสตา่ งๆในโชเชียลรวมถงึ สภาพปญั หาของการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนบ้านโคนพิทยา พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ใช้การแปลภาษาจากกูเกิ้ล โดยพิมพ์คา หรือประโยคท่ีต้องการแปลภาษาใส่ไป แล้วนาประโยคที่ได้มาใช้โดยไม่มีการตรวจสอบความ ถูกต้อง ซ่ึงนักเรยี นคดิ ว่าประโยคดังกลา่ วถกู ต้องแล้ว หรือคาท่ีใชใ้ นโชเชียล พมิ พ์ผิด ดเู ปน็ เรอื่ งขาๆ จนเกิด ความเคยชินในการใช้ และใชก้ นั อย่างหลากหลาย จนกลายเป็นปญั หาดังท่ปี รากฏเป็นขา่ ว ๒. การออกแบบนวตั กรรมเพ่ือพฒั นา การจัดการเรียนรู้ของครูท่ีเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning มีเทคนิคการ สอน ท่ีหลากหลายเพื่อให้เด็กเกิดทกั ษะต่างๆ ท่ีจาเป็นในการดารงชีวิต เน้นให้เด็กได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ จริงและเรยี นรู้จากสถานการณ์ปญั หาทเ่ี กิดข้ึนจริงในชีวิตประจาวันเพ่ือให้ได้ฝึกทกั ษะการคิด โดยมีการวาง เง่ือนไขและกติกาในการร่วมกิจกรรม ซ่ึงกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจัดข้ึนเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกกระบวนการทางาน กลุ่ม การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตลอดจนทักษะการสื่อสารที่ถือว่ามีความจาเป็นและสาคัญต่อการ ดารงชวี ิตอย่างมาก โดยเดก็ จะเสนอส่ิงทต่ี นเองอยากเรยี นรขู้ ้นึ มาและครูมบี ทบาทเปน็ ผ้ชู ้ีแนะ การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ซ่ึงในการจัดทาคู่มือจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานคร้ังนี้ ขอนาเสนอสาระสาคัญ เก่ียวกับแนวคิดพื้นฐาน จุดมุ่งหมายของการจัดการเรียนรู้ ลักษณะของปัญหาในการจัดการเรียนรู้ การ เตรียมตัวของครูก่อนการจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ และบทบาท ของครูในการจัดการเรียนรู้ -แนว คิดพ้ืนฐ านของการจั ดการเรียนรู้แบบใช้ปั ญหาเป็นฐ าน การจัดการเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐานเป็นจดั การเรียนรู้ที่เน้นในสิง่ ทเ่ี ดก็ อยากเรียนรู้ โดยสิ่งที่อยากเรียนรู้ ดังกล่าวจะต้องเร่ิมมาจากปัญหาท่ีเด็กสนใจหรือพบในชีวิตประจาวันที่มีเนื้อหาเก่ียวข้องกับบทเรียน อาจ เป็นปัญหาของตนเองหรือปัญหาของกลุ่ม ซ่ึงครูจะต้องมีการปรับเปล่ียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามความ สนใจของเด็กตามความเหมาะสม จากน้ันครูและเดก็ รว่ มกนั คิดกิจกรรมการเรยี นร้เู ก่ยี วกบั ปัญหานน้ั โดย

-๔- ปัญหาที่จะนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้บางคร้ังอาจเป็นปัญหาของสังคมท่ีครูเป็นผู้กระตุ้นให้เด็กคิดจาก สถานการณ์ ข่าว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะเน้นที่กระบวนการเรียนรู้ของเด็ก เด็กต้องเรียนรู้จากการ เรียน (learning to learn) เน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนในกลุ่ม การปฏิบัติและการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning) นาไปสู่การค้นคว้าหาคาตอบหรือสร้างความรใู้ หม่บนฐานความรู้เดิมท่ีผูเ้ รียนมี มาก่อนหน้านี้ -รูปแบบ ของการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐ าน รปู แบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานมีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างมี เหตุผลและเป็นระบบให้แก่นักเรียนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา การ คิดสรา้ งสรรค์ คิดวจิ ารณญาณ การสืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู กระบวนการกลุ่ม การบันทกึ และการอภปิ ราย -ลักษณะของปัญหาในการจั ดการเรียนรู้แบบใช้ปั ญหาเป็นฐ าน • เกิดขึ้นในชีวิตจริงและเกิดจากประสบการณ์ของผู้เรียนหรือผู้เรียนอาจมีโอกาสได้เผชิญกับ ปัญหานนั้ • เป็นปัญหาทีพ่ บบอ่ ยมคี วามสาคัญมขี ้อมลู เพียงพอสาหรับการคน้ ควา้ • เป็นปัญหาท่ียังไม่มีคาตอบชัดเจน ตายตัวหรือแน่นอนและเป็นปัญหาท่ีมีความซับซ้อนคลุมเครือหรือ ผู้เรียนเกดิ ความสงสัย • เป็นปัญหาที่มีประเด็นขัดแย้ง ข้อถกเถียงในสังคมยังไม่มีข้อยุติเป็นปัญหาท่ีอยู่ในความสนใจ เป็นส่ิงที่ อยากรู้แต่ไมร่ ู้ • ปัญหาท่ีสร้างความเดือดร้อน เสียหาย เกิดโทษ ภัย และเป็นส่ิงไม่ดี หากมีการนาข้อมูลมาใช้โดยลาพัง คนเดียวอาจทาใหต้ อบปัญหาผิดพลาด • ปญั หาท่ีได้รับการยอมรับจากผู้อื่นว่าจริง ถูกต้อง แต่ผเู้ รยี นไม่เชือ่ วา่ จรงิ ยังไม่สอดคล้องกบั ความคิดของ ผู้เรียน • ปัญหาที่อาจมีคาตอบ หรือแนวทางการแสวงหาคาตอบได้หลายทางครอบคลุมการเรียนรู้ที่กว้างขวาง หลากหลายเนื้อหา • เปน็ ปัญหาท่มี ีความยากง่ายเหมาะสมกบั พื้นฐานของผเู้ รียน • เป็นปัญหาที่ไม่สามารถหาคาตอบของปัญหาได้ทันที ต้องมีการสารวจ ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล หรือ ทดลองดูก่อน จึงจะได้คาตอบ ไม่สามารถคาดเดา หรือทานายได้ง่ายๆ ว่าต้องใช้ความรู้อะไร ยุทธวิธีใน การสบื เสาะหาความรู้เป็นอย่างไร หรอื คาตอบ หรือผลของความรเู้ ป็นอย่างไร • เป็นปัญหาทีส่ ่งเสรมิ ความรู้ดา้ นเนือ้ หา ทักษะ สอดคลอ้ งกับหลกั สูตรการศึกษา

-๕- -การเตรียมตัว ของครูก่ อนการจัดการเรียนรู้ ๑) ศึกษาหลักสูตร เพื่อให้ครูเกิดความเข้าใจจุดประสงค์ของหลักสูตร ตลอดจนตัวชี้วัดและมาตรฐานการ เรียนรู้ต่างๆอย่างละเอียดและสามารถนาความรดู้ ังกลา่ วไปจดั กระบวนการเรยี นรู้ ให้สอดคล้องกับหลกั สตู ร แกนกลางตามเปา้ หมายการเรียนรไู้ ด้ ๒) วางแผนผังการจัดการเรียนรู้เก่ียวกับเนื้อเรื่องท่ีจะสอน โดยครูต้องหาความรู้ที่เช่ือมโยงกับเน้ือเรื่องใน การกาหนดแผนการจัดการเรียนรู้ คือมีการออกแบบกิจกรรมด้วยตนเอง ใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ชุมชนเพื่อ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ให้กับเด็ก ออกแบบกิจกรรมใช้สื่อให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ทัน กับคาตอบของเด็ก และเช่ือมโยงกับส่ิงที่เด็กเรียนรู้ โดยเน้นออกแบบกิจกรรมการสอนแบบบูรณาการ รายวชิ า ๓) ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ครูผู้สอนต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างรัดกุมให้ รายละเอยี ดการจัดกจิ กรรมท่ีชัดเจน คือ ไม่วา่ ครูทา่ นใดอา่ นแผนการจัดการเรยี นรู้ แลว้ สามารถจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ตามแผนดังกล่าวได้ ๔) ครูผู้สอนสอบถามความต้องการในการเรียนและสร้างความคุ้นเคยกับนักเรียน ครูจะต้องสร้าง ความคุ้นเคยกับนักเรียนและถามความต้องการของนักเรียนว่าอยากเรยี นอะไรในปีการศึกษานั้นเพ่ือสารวจ ความตอ้ งการของผูเ้ รยี นไว้เป็นแนวทางในการออกแบบการจัดการเรยี นรูใ้ ห้สอดคลอ้ งระหว่างหลักสูตรและ ความต้องการของนักเรียน เพ่ือความสะดวกในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความเหมาะสมและเป็น กิจกรรมที่น่าสนใจสาหรบั นกั เรยี นมากขน้ึ ๓.ข้นั ตอนการดาเนนิ การพฒั นา ข้ันตอนที่ ๑ เสนอสถานการณ์ของปัญญา ครูให้นักเรียนดูวีดีโอคลิปข่าว สถานการณ์การใช้ ภาษาอังกฤษแบบคนไทย ขั้นตอนที่ ๒ ศึกษาสถานการณ์ของปัญหา นักเรียนศึกษาพิจารณาสถานการณ์ของปัญหาการใช้ ภาษาอังกฤษจากคลิปวดี โี อที่ครนู าเสนอ ขั้นตอนที่ ๓ ระบุปัญหา นักเรียนช่วยกันระดมสมองหาสาเหตุของปัญหาท่ีเกิดขึ้นให้ได้มากท่ีสุด แลว้ ปัญหาท่ีสาคญั มา ๓ ปัญหา ข้ันตอนที่ ๔ วิเคราะห์ปัญหา นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และระบุประเด็นปัญหาที่แท้จริงเพื่อระบุ สาเหตุของปัญหาและอ้างอิงอย่างเป็นระบบโดยเลือกปัญหามา 1 ปัญหาและบอกให้ชัดเจนว่าทาไมเลือก ปญั หานี้ ข้ันตอนท่ี ๕ ศกึ ษาค้นควา้ หาแนวทางแก้ไขปญั หาจากเอกสาร และอนิ เตอร์เน็ต ขั้นตอนที่ ๖ เสนอแนวทางแก้ไข นักเรียนระดมสมองหาวิธีการแก้ไขปัญหาโดยเลือกวิธีท่ีดีท่ีสุด และเขยี นวิธกี ารแกป้ ญั หาแตล่ ะขอ้ ให้ละเอียด ข้ันตอนท่ี ๗ เลือกแนวทางโดยใช้เกณฑ์ที่เหมาะสมในการประเมินวิธีการแก้ปัญหาโดยนักเรียน ร่วมกันวเิ คราะห์และตัดสินใจเลอื กวธิ ีการพรอ้ มทงั้ บอกเหตผุ ลในการเลือกวธิ ีดงั กลา่ ว ขั้นตอนท่ี ๘ นาเสนอวิธีการแก้ปัญหาท่ีดีที่สุด นักเรียนเลือกแนวทางโดยใช้เกณฑ์ที่เหมาะสม ร่วมกนั กาหนดเป้าหมายท่ตี อ้ งการ

-๖- ข้ันตอนท่ี ๙ ศึกษาวธิ ีการแก้ปญั หาและปฏิบตั ติ นตามวธิ แี กป้ ญั หาท่ีไดเ้ ลอื ก ข้นั ตอนท่ี ๑๐ นักเรียนร่วมกันอธิบายสรุปความร้ทู ่ีได้จากการศึกษาวธิ ีการแก้ปญั หาเพ่อื นามาปรับ ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ๔.ผลท่ีเกิดขน้ึ จากการดาเนินงาน จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานดังกล่าวทาให้เห็นถึงพัฒนาการในการ เรยี นรู้เพ่ือพัฒนาทักษะการคดิ แก้ปัญหาของนักเรียนได้ดมี าก นักเรยี นมีการคิดเป็นขั้นตอน ระบุสาเหตุของ ปญั หาและระดมสมองหาวิธแี กไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งมเี หตุผลเกิดการคน้ พบความร้ดู ้วยตนเองโดยใช้แหล่งเรยี นรู้ ได้อยา่ งหลากหลาย สามารถเรียนรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ ได้อยา่ งเต็มศกั ยภาพ มกี ารประเมินตามสภาพจริง เป็นการวัดผลหรือประเมินผลการปฏบิ ัติงานของนกั เรียนโดยตรง เช่น การดาเนินการด้านการสืบสวน ค้นคว้า การร่วมมือกันทางานกลุ่มในการแก้ปัญหา การวัดผลจากการ ปฏบิ ตั งิ านจรงิ ๕.สรุปส่งิ ทเี่ รยี นรแู้ ละการปรับปรุงให้ดีข้ึน การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานครูผู้สอนจะทาหน้าที่สนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย ใหค้ าปรกึ ษา กระตุ้นให้ผู้เรียนเอาความรู้เดิมทม่ี อี ยู่มาใช้และเกดิ การเรียนรู้โดยการต้ังคาถาม ส่งเสริม ให้ผู้เรียนประเมินการเรียนรู้ของตนเอง รวมทั้งเป็นผู้ประเมินทักษะของผู้เรียนและกลุ่ม พร้อมให้ข้อมูล ย้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการพัฒนาตนเอง ฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาให้หลากหลายและบูรณาการกับ รายวิชาอืน่ เพ่ือพัฒนานักเรียนในดา้ นการคดิ แกป้ ญั หาซึง่ นักเรยี นสามารถเช่ือมโยงไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้ ๖.การขยายผลและการเผยแพร่ผลการพฒั นา หลังจากทค่ี รทู าการสอนแลว้ ครูนาผลของการพฒั นามาพูดคุยเพ่ือแลกเปล่ยี นเรียนรู้การจัด กิจกรรมการเรียนการสอน (PLC ) ในโรงเรยี น เพอ่ื พฒั นาตนเองและนักเรียน ข้อเสนอแนะและแนวทางพัฒนาอย่างต่อเนอ่ื ง ควรเพ่ิมการสังเกตอย่างเป็นระบบ เป็นอีกวิธีหนึ่งท่ีมีความเกี่ยวข้องกับการประเมินผลในด้าน ทักษะกระบวนการของผู้เรียนในขณะเรียน ผู้สอนต้องมีการกาหนดเกณฑ์การประเมินให้ชัดเจน เช่น การ แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์นั้น ควรมีการกาหนดเกณฑ์การประเมินไว้ ได้แก่ การสร้างปัญหาหรือคาถาม การสร้างสมมติฐาน การระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม การอธิบายแนวทางในการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู และการประเมนิ ผลสมมตฐิ านบนพ้ืนฐานของข้อมลู ทดี่ ี จุดเด่น หรือลกั ษณะพิเศษของผลงานการปฏบิ ตั ิทเี่ ป็นเลศิ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยยึดผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง ครูทาหน้าท่ีเป็นเพียงที่ปรึกษา ผู้เรียนฝึกคิดแก้ปัญหา ได้อย่างมีขั้นตอน และพัฒนาศักยภาพ ของตนเองไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพและเตม็ ตามศักย

บรรณานกุ รม https://candmbsri.wordpress.com/2015/04/07/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0 %B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E 0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89% E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%8A/ http://www.ires.or.th/?p=801

ภาคผนวก

ภาพกจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้



การเผยแพรแ่ ลกเปล่ยี นเรยี นรู้

แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 เรอ่ื ง ปัญหา และแนวทางแก้ไขการใชภ้ าษาอังกฤษไม่ถูกต้อง จานวน 4 ชั่วโมง สอนเม่ือวันท.ี่ ......................................................... ผ้สู อน นางปวีณา วรรณปัญญา .................................................................................. ...................................................................................... มาตรฐาน ต 1.2มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สกึ และ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชี้วัด ต1.2 ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองต่างๆใกล้ตวั ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว / เหตุการณ์ ประเด็นท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอย่างตอ่ เน่ืองและเหมาะสม สาระสาคัญ การร้คู าศพั ท์ สานวนภาษาท่ใี ช้ในการทักทาย การกล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ ชมเชย การพดู แทรกอยา่ งสภุ าพ การชักชวน เขียนโต้ตอบข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง เรอ่ื งต่าง ๆใกลต้ ัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว /เหตกุ ารณ์ และประเด็นทีอ่ ยู่ในความสนใจของสงั คม สาระสาคญั 1. รู้ความหมายของคาศัพท์ ประโยค 2. บอก/เขียน/อธิบาย ให้ข้อมูล ปา้ ยบอกสถานทีห่ รือสถานการณ์ตา่ งๆเปน็ ภาษาองั กฤษได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธิบายถงึ ความสาคัญของการใช้ภาษาอังกฤษในการส่อื สาร (K) 2.ระบสุ าเหตขุ องการใช้ภาษาอังกฤษไมถ่ ูกต้อง(K) 3.มีทักษะในการส่ือสารทางภาษาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ (P) 4. มีความตะหนักในการใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร (A) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ ม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

กจิ กรรมการเรียนการสอน ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1. ครนู าเขา้ สู่บทเรียนเก่ยี วกบั ปัญหา และแนวทางแก้ไขการใชภ้ าษาองั กฤษในปัจจบุ นั 1.1 ความสาคญั ของการใช้ภาษาอังกฤษในการสอื่ สาร? (ตวั อย่างคาตอบ ภาษาองั กฤษเป็น ภาษาหลกั ทค่ี นต่างชาติต่างภาษานยิ มใช้เพ่ือการสื่อสารระหวา่ งประเทศกันมากที่สดุ จนหลายคนนยิ าม ภาษาอังกฤษวา่ เปน็ ภาษานานาชาติ หรอื ภาษาสากล) 1.2 ปญั หาการใชภ้ าษาองั กฤษในปจั จุบัน? (ตัวอยา่ งคาตอบ จากการใชภ้ าษาในสังคมออนไลน์ ซึง่ ผิดบา้ งถูกบา้ งทุกคนไม่ได้ให้ความใสใ่ จนกั จนบางคนนาคาเหล่าน้ันมาใชจ้ นเกิดความเคยชนิ โดยท่ีไมร่ วู้ ่า คาน้นั ผิดหรือถูกอย่างไรโดยเฉพาะกบั ภาษาอังกฤษซ่ึงคนไทยสว่ นใหญ่ใชผ้ ดิ กนั อยา่ งมากหลาย และใน ปัจจบุ นั เด็กนกั เรยี นสว่ นใหญ่จะไมน่ ิยมค้นหาความหมายของคาจากพจนานกุ รมภาษาอังกฤษจะค้นหาจาก การแปลภาษาจากกลเู กิ้ล) 1.3 วธิ ีแก้ปัญหาการใชภ้ าษาอังกฤษไม่ถูกตอ้ ง? (ตวั อยา่ งคาตอบ ศึกษาทาความเข้าใจ ท่อง คาศัพท์ ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆให้ถูกต้อง) ข้นั ดาเนนิ การสอน ขั้นตอนท่ี 1 เสนอสถานการณ์ของปัญญา ครูให้นักเรียนดูวีดีโอคลิปข่าว สถานการณ์การใช้ ภาษาองั กฤษแบบคนไทย ข้ันตอนท่ี 2 ศึกษาสถานการณ์ของปัญหา นักเรียนศึกษาพิจารณาสถานการณ์ของปัญหาการใช้ ภาษาองั กฤษจากคลิปวีดโี อทคี่ รนู าเสนอ ข้ันตอนท่ี 3 ระบุปัญหา นักเรียนช่วยกันระดมสมองหาสาเหตุของปัญหาท่ีเกิดขึ้นให้ได้มากท่ีสุด แล้วปัญหาที่สาคัญมา 3 ปัญหา ขั้นตอนที่ 4 วิเคราะห์ปัญหา นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และระบุประเด็นปัญหาที่แท้จริงเพื่อระบุ สาเหตุของปัญหาและอ้างอิงอย่างเป็นระบบโดยเลือกปัญหามา 1 ปัญหาและบอกให้ชัดเจนว่าทาไมเลือก ปญั หาน้ี ขน้ั ตอนที่ 5 ศึกษาค้นควา้ หาแนวทางแก้ไขปญั หาจากเอกสาร และอินเตอรเ์ น็ต ขั้นตอนท่ี 6 เสนอแนวทางแก้ไข นักเรียนระดมสมองหาวิธีการแก้ไขปัญหาโดยเลือกวิธีท่ีดีท่ีสุด และเขียนวธิ กี ารแกป้ ญั หาแตล่ ะข้อให้ละเอียด ขั้นตอนที่ 7 เลือกแนวทางโดยใช้เกณฑ์ที่เหมาะสมในการประเมินวิธีการแก้ปัญหาโดยนักเรียน ร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละตัดสนิ ใจเลือกวิธีการพรอ้ มทง้ั บอกเหตุผลในการเลอื กวิธดี ังกลา่ ว ข้ันตอนท่ี 8 นาเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด นักเรียนเลือกแนวทางโดยใช้เกณฑ์ท่ีเหมาะสม ร่วมกนั กาหนดเปา้ หมายท่ีต้องการ ขน้ั ตอนที่ 9 ศึกษาวิธีการแก้ปญั หาและปฏิบัตติ นตามวธิ แี กป้ ัญหาทไ่ี ดเ้ ลือก

ข้ันตอนท่ี 10 นักเรียนร่วมกันอธิบายสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิธีการแก้ปัญหาเพื่อนามาปรับ ใช้ในชีวิตประจาวัน ขัน้ สรุป ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ท่ีได้จากบทเรยี นครเู พิ่มเติมในประเดน็ ท่พี กพร่องให้สมบรู ณ์มาก ข้นึ สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้ เคร่อื งมือ 1. วีดโี อคลิป 1.แบบสังเกตพฤติกรรมการปฎิบัตกิ จิ กรรมกลุ่ม 2. กระดาษฟลปิ ชารต์ 3. ปากกาเมจกิ 2.แบบทดสอบ 9. การประเมนิ ผล วิธีการประเมิน 1.สังเกตพฤตกิ รรมการปฎบิ ัติกจิ กรรมกล่มุ 2.ทาแบบทดสอบ เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล 1. พฤติกรรมการทางานกล่มุ ของนักเรยี น ระดบั คะแนน 4 หมายถงึ ผลงานอย่ใู นระดบั ดีมาก ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ผลงานอยู่ในระดับดี ระดับคะแนน 2 หมายถึง ผลงานอยู่ในระดบั พอใช้ ระดับคะแนน 1 หมายถงึ ผลงานอย่ใู นระดบั ต้องปรบั ปรงุ เกณฑ์ผ่าน ร้อยละ 70 2. แบบทดสอบผา่ นร้อยละ 70

สถานการณป์ ญั หา

กจิ กรรมการจดั การเรยี นร้เู พอ่ื พฒั นาความสามารถในการแก้ปัญหาชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ความสามารถในการ แนวคาตอบ แนวทางการจัดกิจกรรม แนวทางการวดั และ แกป้ ญั หา การจัดการเรยี นรู้ ประเมนิ ผล ขน้ั วเิ คราะห์ อธิบายสภาพปญั หา คนไทยไมใ่ ห้ความใส่ใจใน นกั เรยี นร่วมกนั วิเคราะห์ แบบประเมินการ ภาษาองั กฤษจนทาให้การใช้ สถานการณ์และอธบิ าย นาเสนอสภาพปัญหา ภาษาอังกฤษของคนไทยไม่ สภาพปญั หาท่เี กิดขน้ึ ถกู ต้อง ระบปุ ระเดน็ ปัญหา คนไทยใช้ภาษาอังกฤษไม่ นกั เรียนรว่ มกันวิเคราะห์ แบบประเมินการ ถูกต้อง และระบปุ ระเด็นปญั หาท่ี นาเสนอประเด็นปญั หา แทจ้ ริง ระบสุ าเหตุของปัญหา การนาภาษาในสังคม นกั เรยี นศกึ ษาคลิปวีดโี อ แบบประเมินการ ออนไลนซ์ ่ึงผดิ บา้ งถกู บา้ งทกุ เพ่ือระบุสาเหตุของปัญหา นาเสนอสาเหตุของ คนไม่ไดใ้ ห้ความใสใ่ จนกั จน และอ้างอิงอยา่ งเป็นระบบ ปญั หา บางคนนาคาเหล่านนั้ มาใช้ จนเกิดความเคยชนิ การ แปลภาษาจากกูเกิล้ ขน้ั วางแผน วิธกี ารแก้ไขปญั หา 1. ปรกึ ษาผทู้ ี่มีความรู้ด้าน นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์ ประเมินการนาเสนอ ภาษาองั กฤษ สถานการณ์ประเด็น วิธกี ารแก้ไขปัญหา 2. หาแหลง่ อา้ งอิงท่ีเชอื่ ถอื ปญั หาและสาเหตุของ ได้ ปัญหาพรอ้ มเสนอวธิ กี าร 3. เรียนร/ู้ พฒั นาทกั ษะใน ในการแก้ไขปัญหาที่ การสอื่ สารภาษาองั กฤษ สอดคลอ้ งกบั สาเหตโุ ดย การระดมความคิด เลอื กวิธกี ารแก้ไขปญั หา หาแหล่งอ้างอิงทีเ่ ช่ือถือได้ นกั เรียนรว่ มกันวเิ คราะห์ แบบประเมินความ และตดั สนิ ใจเลือกวธิ ีการ เปน็ ไปได้และความ พร้อมทงั้ บอกเหตผุ ลใน เหมาะสมในการเลือก การเลอื กวิธดี ังกลา่ ว วธิ ีการแก้ไขปัญหา กาหนดเป้าหมาย นักเรยี นมีความรู้ในการใช้ นักเรยี นเลือกแนวทางโดย แบบสังเกตพฤติกรรม ความสาเร็จ ภาษาองั กฤษใน ใชเ้ กณฑ์ทเ่ี หมาะสม ชีวติ ประจาวัน ร่วมกันกาหนดเปา้ หมายที่ ต้องการจากวิธกี ารทเ่ี ลือก

ความสามารถในการ แนวคาตอบ แนวทางการจดั กิจกรรม แนวทางการวดั และ แก้ปัญหา ขน้ั วางแผน (ตอ่ ) การจัดการเรียนรู้ ประเมินผล การกาหนดข้นั ตอนใน การแก้ปัญหา -ประชมุ ปรกึ ษาหารือ นกั เรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ แบบประเมนิ การ มอบหมายงาน ข้ันลงมอื ปฏบิ ตั ิ -ศกึ ษาเอกสารความรทู้ ่ี ในการทากจิ กรรมเพ่ือ ออกแบบและโครงร่าง ลงมือปฏิบัตติ ามแผน เก่ียวขอ้ ง -ออกแบบและจดั ทา แกป้ ัญหา การวางแผนการ ข้ันตรวจสอบ ปฏิทินการปฏบิ ัติงาน การตรวจสอบผลของ แกป้ ญั หา การดาเนนิ งาน ปฏบิ ัติตามแผนท่ีกาหนด นกั เรยี นร่วมกนั วิเคราะห์ ประเมินตามสภาพจรงิ ตรวจสอบผลท่ีเกิดขน้ึ ไว้ ความเป็นไปไดข้ อง ระบผุ ลดีผลเสยี แผนการแก้ปัญหาพร้อม ทั้งลงมอื ปฏิบตั ติ ามแผน -เขียนรายงานสรุป นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ ผลการเขยี น -นาเสนอการดาเนินงาน ตรวจสอบผลในการลง รายงาน การนาเสนอ -ประเมินผล มือปฏิบตั ติ ามแผนว่ามี ผลงาน ปญั หาอย่างไรพร้อม นักเรยี นมคี วามร้เู รื่อง วิธกี ารแก้ไขในแตล่ ะข้ัน การทดสอบความรู้ ผลกระทบจากการที่ใช้ ภาษาอังกฤษไม่ถูกต้อง นาเสนอความร้เู กี่ยวกบั ประเมินการนาเสนอ ผลกระทบทเี่ กิดจากการ นกั เรียนเกิดความ ใช้ภาษาอังกฤษไม่ ตระหนักในการใช้ ถกู ต้องอย่างเหมาะสม ภาษาองั กฤษมากขึ้น นักเรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ ผลดีผลเสยี จากผลการ ดาเนินงาน เสนอแนะเพื่อ นักเรียนนาความรู้ที่ได้ นักเรยี นร่วมกนั อธบิ าย แบบสอบถาม ประยกุ ต์ใช้ให้เกิด ไปใช้ให้ถูกต้อง สรปุ ความรู้ท่ีได้จาก ประโยชน์ การศกึ ษาวิธีการ แก้ปญั หาเพ่อื นามาปรบั ใช้ในชีวิตประจาวัน

แบบทดสอบวดั ความรูเ้ กี่ยวกับผลกระทบทเ่ี กดิ จากการใช้ภาษาอังกฤษไมถ่ ูกต้อง คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนเขยี นอธิบายจากคาถามที่กาหนดใหเ้ พอื่ ใหไ้ ด้ใจความสมบรู ณ์ 1.การใชภ้ าษาอังกฤษมีความสาคัญอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ........................................................................................................... ............................................................. 2.ปญั หาการใชภ้ าษาองั กฤษของคนไทยในปจั จุบนั เปน็ อยา่ งไร ................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................ ........................................................................................................................................................ ................. ............................................................................................................... ......................................................... 3.ผลกระทบของการใช้ภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องมีอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................ ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................... .................................................... 4.นกั เรียนมวี ธิ ีการอยา่ งไรในการใช้ภาษาอังกฤษอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ......................................................................................................................................... ................................ ................................................................................................... ...................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ .............................................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................ .................................................................

แบบประเมนิ พฤติกรรมการทางานกลมุ่ กลุม่ .......................................................................................................... สมาชกิ ในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ...................................................................... 3. 4....................................................................... ...................................................................... 5. 6....................................................................... ...................................................................... คาชี้แจง: ให้นักเรียนทาเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องทต่ี รงกับความเปน็ จริง พฤติกรรมท่ีสังเกต คะแนน 1 32 1. มีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ 2. มีความกระตอื รือรน้ ในการทางาน 3. รบั ผดิ ชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย 4. มขี ้ันตอนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 5. ใช้เวลาในการทางานอย่างเหมาะสม รวม เกณฑ์การให้คะแนน พฤตกิ รรมทีท่ าเป็นประจา ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมทที่ าเปน็ บางครั้ง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทีท่ าน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรับปรงุ

แบบบนั ทกึ กระบวนการแกป้ ัญหา ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 คาชแ้ี จง สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นและทาเครอื่ งหมาย/ในช่องพฤตกิ รรมให้ตรงตามสภาพความเปน็ จรงิ ท่ี รายการพฤตกิ รรมการแกป้ ญั หาของผู้เรียน พฤติกรรม ข้อสังเกต ปฏิบตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ ขัน้ วเิ คราะห์ 1. ร่วมกันอภิปรายสภาพปัญหาตา่ งจากสถานการณป์ ัญหาท่ีเกี่ยวข้อง หรือทก่ี าหนดใหไ้ ด้เหมาะสมกับวยั 2. ระบปุ ระเด็นสาคญั ของปญั หาโดยใชก้ ารระดมความคิดไดค้ รบถว้ น ชดั เจน 3. ร่วมกันระบสุ าเหต/ุ เง่ือนไขของปัญหาได้อย่างสมเหตุสมผลหรือมี การอา้ งองิ จากแหล่งข้อมูลท่ีน่าเชื่อถอื ขั้นวางแผน (จะประเมนิ ได้เม่ือนักเรียนได้ปฏิบัตขิ น้ั วเิ คราะหท์ ุกข้ันตอน) 1. ร่วมกนั กาหนดเปา้ หมายความสาเรจ็ 2. รว่ มกนั กาหนดวิธีการแกไ้ ขปัญหาที่เปน็ ไปได้ 3. รว่ มกนั เลือกวธิ ีการแก้ไขปญั หาทสี่ มเหตุสมผล 4. ร่วมกันกาหนดขั้นตอนการลงมือปฏบิ ตั ิ ขน้ั ลงมือปฏบิ ตั ิ ( จะประเมนิ ได้เม่ือนักเรียนไดป้ ฏิบตั ิขัน้ วางแผนทุกข้ันตอน) 1. ลงมือปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนโดยใชก้ ระบวนกล่มุ 2. บนั ทึกผลการปฏิบตั ิในแตล่ ะข้ัน 3. รว่ มกันสรปุ ผลการปฏิบัติ ข้ันตรวจสอบ( จะประเมนิ ได้เม่ือนกั เรียนไดป้ ฏิบัตขิ ั้นลงมอื ปฏิบตั ิทุกขน้ั ตอน) 1. ร่วมกนั ตรวจสอบผลระหวา่ งการดาเนินการในแตล่ ะขัน้ ตอน 2. รว่ มกนั แก้ไขเมื่อพบปญั หาในแตล่ ะขัน้ ตอน 3. รว่ มกนั ตรวจสอบผลทเ่ี กิดขึน้ 4 ระบผุ ลดีผลเสยี ของการปฏบิ ตั ิโดยการระดมความคิด 5. ระดมความคิดเพอ่ื หาขอ้ เสนอแนะในการประยุกตใ์ ชใ้ น สถานการณ์อ่ืน ๆ ข้อเสนอแนะ/ขอ้ คดิ เหน็ ........................................................................................................ ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................... ...............................

สรปุ ผลการสงั เกตพฤตกิ รรม 1. ขน้ั วเิ คราะหป์ ฎิบตั ติ ามขัน้ ตอนได.้ ......................ขอ้ 2. ขั้นวางแผนปฏิบัตติ ามขั้นตอนได้.........................ขอ้ และมีวิธกี ารแก้ปญั หา ..........วธิ ี 3. ขน้ั ลงมือปฏิบตั ิ มีการลงมือปฏบิ ตั ไิ ด้...................ข้อ 4. ขั้นตรวจสอบ ปฏบิ ัติตามข้นั ตอนได.้ ....................ขอ้ เกณฑ์การตดั สิน ระดับคุณภาพ 4 หมายถึง 1. ขั้นวิเคราะห์ ปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอนครบทั้ง 3 ขอ้ 2. ข้ันวางแผน ปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนครบทง้ั 4 ข้อและมวี ิธีการแกไ้ ขปัญหามากกวา่ 1 วธิ ี 3. ขั้นลงมือปฏบิ ัติ ปฏิบัติตามข้ันตอนครบทั้ง 3 ข้อ 4. ขน้ั ตรวจสอบ ปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอนครบทั้ง 5 ข้อ ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง 1. ขั้นวิเคราะห์ ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนครบท้ัง 3 ข้อ 2. ขน้ั วางแผน ปฏบิ ัติตามขนั้ ตอนครบทงั้ 4 ข้อและมีวิธกี ารแกไ้ ขปัญหาเพยี ง 1 วธิ ี 3. ขัน้ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติตามขั้นตอนครบท้ัง 3 ข้อ 4. ข้นั ตรวจสอบ ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนครบท้ัง 5 ขอ้ ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง 1. ขน้ั วเิ คราะห์ ปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอนครบท้ัง 3 ข้อ 2. ขน้ั วางแผน ปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนครบทัง้ 4 ข้อและมีวิธกี ารแก้ไขปัญหาเพยี ง 1 วิธี 3. ขน้ั ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนไมค่ รบทั้ง 3 ข้อ หรือปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนครบทั้ง 3 ข้อ แตไ่ ม่ สมเหตุสมผลและ/หรือไมส่ อดคล้องกับสาเหตุ 4. ขั้นตรวจสอบ ปฏิบัตติ ามข้ันตอนไม่ครบทง้ั 5 ข้อ หรือปฏบิ ัติตามขน้ั ตอนครบท้งั 5 ข้อ แตไ่ ม่ เหมาะสม ระดบั คุณภาพ 1 หมายถึง 1. ขั้นวิเคราะห์ ปฏบิ ัติตามขั้นตอนแต่ไมค่ รบ 3 ข้อ เม่ือไม่ผ่านขัน้ วเิ คราะห์ ไม่พิจารณาข้ันตอนอื่น ๆ

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รายวิชาภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ช่ือ – สกลุ รักชาติ ศาสน์ ก ัษตริย์ รวม เทยี บสว่ น ลาดับที่ ซื่อสัตย์สุจริต มี ิวนัย 1 นายอภชิ ัย ทองสองสี ใฝ่เรียนรู้ 2 น.ส.ขนั ทรพ์ ิมพ์ สีมี อ ูย่อ ่ยางพอเ ีพยง 3 น.ส.พรธิชา ฮวบสมบูรณ์ ุ่มง ่ัมนในการทางาน 4 น.ส.สโรชา เหลก็ แจ้ง รักความเ ็ปนไทย 5 นายเจษฏากร แตงกุล ีม ิจตสาธารณะ 6 นายพเิ ชษฐ แกน่ เหลย่ี ม 7 นายรพีภัทร ปานสมบัติ 8 นายทศวรรษ เปยี ทอง 9 นายพทิ กั ษ์ เมืองมนั่ 10 น.ส.ฐิติวรดา บุญนาค 11 น.ส.สกุ ญั ญา ไหล่แท้ 12 น.ส.จันทิมา ดา่ งแก้ว 13 นายนันทิพฒั น์ จะมะชะ 14 น.ส.รตั นวรรธน์ ด้วงเฟ่ือง 15 นายภาณุ ภ฿ประเสริฐ

เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน 3 หมายถึง ดี ( มีลักษณะบ่งช้ี / พฤตกิ รรมครบ 3 ขอ้ ) คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ ( มีลักษณะบ่งชี้ / พฤตกิ รรม 2 ข้อ ) คะแนน 1 หมายถึง ต้องปรับปรุง ( มีลกั ษณะบ่งชี้ / พฤติกรรม 1 ขอ้ ) ลงชอ่ื ……………………………… ( ......................................................... ) ผ้ปู ระเมนิ

เกณฑ์การตัดสิน ลกั ษณะบ่งช้ี / พฤติกรรม คุณลกั ษณะ 1. ต้งั ใจเพยี รพยายามในการเรยี น และเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ พฤตกิ รรม 1. ใฝ่รู้ใฝเ่ รยี น บง่ ชี้ เช่น ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่และมีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้ และ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นร้ตู า่ งๆ 2. แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ย การเลือกใชส้ อ่ื อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์สรุปเปน็ องค์ ความรู้ และสามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ พฤติกรรมบง่ ช้ี เชน่ ศกึ ษา คน้ ควา้ หาความร้จู ากหนังสอื เอกสาร สงิ่ พมิ พ์ ส่อื เทคโนโลยีตา่ งๆ แหลง่ เรียนรู้ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใชส้ ่ือได้อย่างเหมาะสม 2. มง่ มั่นในการทางาน 3. บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสิง่ ที่เรยี นรู้ สรุปเปน็ องค์ ความรู้ และแลกเปลยี่ นความร้ดู ว้ ยวธิ ีการต่างๆเพื่อนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 1. ต้งั ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทกี่ ารงาน พฤตกิ รรมบง่ ชี้ เชน่ เอาใจ ใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ทีท่ ี่ไดร้ ับมอบหมาย ตง้ั ใจและรับผิดชอบในการทางานให้ สาเรจ็ 2. ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสาเร็จตาม เป้าหมาย พฤติกรรมบ่งช้ี เช่น ทุ่มเททางาน อดทน ไม่ย่อท้อตอ่ ปัญหาและ อปุ สรรคในการทางาน พยายามแกป้ ัญหาและอปุ สรรคในการทางานให้สาเรจ็ 3. ชืน่ ชมผลงานด้วยความภาคภมู ใิ จและปรับปรุงและพัฒนาการทางานดว้ ย ตนเอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook