Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยในชั้นเรียน-พัฒนาคุณภาพผลสัมฤทธิ์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

วิจัยในชั้นเรียน-พัฒนาคุณภาพผลสัมฤทธิ์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

Published by Piriyapong S.L., 2021-10-18 04:14:33

Description: วิจัยในชั้นเรียน-พัฒนาคุณภาพผลสัมฤทธิ์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบโครงงาน

Search

Read the Text Version

44 14. หลงั ปลูกผกั ควรคลมุ ด้วยวสั ดคุ ลุมดนิ ตา่ ง ๆ ได้แก่ ฟางขา้ ว เศษหญา้ แห้งเศษใบไม้ ขุย มะพรา้ ว และวัสดอุ ื่น ๆ ทีห่ าได้ ในทอ้ งถ่นิ การคลุมดนิ จะชว่ ยให้ดนิ มีความชุ่มชน้ื ตลอดเวลา ลดการระเหย ของน้ำ ปอ้ งกนั วัชพืช และทำให้ผกั งอกงามเรว็ 15. หม่ันรดนำ้ ในกรณีที่ฝนไม่ตก และควรหมนั่ ใสปุ๋ยหมักบำรุงดนิ สมำ่ เสมอและควร กำจัด วัชพชื อยา่ งสมำ่ เสมอเชน่ กนั โดยการถอนทิง้ 16. บางคร้ังอาจจะมีแมลงมารบกวน แตไ่ มต่ ้องตกใจ แมลงและเพล้ยี เหลา่ นนั้ สามารถกำจัด ได้โดยวิธธี รรมชาติ เช่น การเก็บออกด้วยมอื ใช้สารไล่แมลงจากธรรมชาติ เชน่ สารสะเดา หรือสารตะไคร้หอม อย่างไรก็แลว้ แต่ การปลูกผักรวมกันหลาย ๆ ชนิด และการบำรงุ ดนิ ให้อดุ มสมบรู ณม์ าก ๆ จะเป็นการป้องกัน โรคแมลงได้อย่างดี นอกจากนัน้ พชื ชนิดต่าง ๆ ทมี่ ีกล่ินแรง ๆ เช่น ตะไครแ้ ละดอกดาวเรอื งควรจะปลกู ไว้ใกล้ ๆ กบั แปลงผกั เพราะกลน่ิ เหล่านี้จะไล่แมลงและเพลยี้ ได้เป็นอย่างดี ควรมีการทำปยุ๋ หมักอย่างสมำ่ เสมอ เพ่ือ ไวใ้ ชแ้ ทนปุย๋ วทิ ยาศาสตรป์ ุ๋ยหมกั ทำไดง้ ่ายและมีประโยชน์ต่อดนิ และพืชมาก (รายละเอยี ดในเอกสารการทำ ปุ๋ยหมกั ซ่งึ แยกเผยแพรต่ า่ งหาก) (สมศกั ดิ์ สุนทรนวภทั ร. 2551 : เว็บไซต์) การบริโภคผักท่ีปลอดภัยจากสารพษิ การปลูกผักไว้รับประทานเอง เปน็ วธิ ที ดี่ ที ่สี ุดท่จี ะทำให้ได้บริโภคผักที่ปลอดภัยจ าก สารพิษ แตท่ กุ ครอบครัวคงไม่สามารถปลกู ผักทกุ ชนดิ ไวร้ ับประทานเองได้ ดงั นนั้ การตอ้ งซือ้ หาผกั จากตลาดจึง เป็นสิ่งทีจ่ ำเปน็ อยู่ ทัง้ นผี้ กั ต่างๆ เหล่าน้ันอาจจะปลอดภยั หรอื ไมป่ ลอดภัยจากสารพิษตกคา้ งก็ได้ ดังนัน้ ควรมี การลา้ งผกั ให้ถูกวิธแี ละให้ปลอดภยั จากสารพิษมากทส่ี ุด วธิ ีการลา้ งผกั ให้สะอาดเพ่ือลดปริมา ณสาร พิษ สามารถเลือกใชไ้ ดต้ ามความสะดวกดังนี้ 1. ลอกหรอื ปอกเปลือกแลว้ แชใ่ นน้ำสะอาด นาน 5-10 นาที หลงั จากนั้นลา้ งด้วยน้ำ สะอาดอกี ครง้ั จะช่วยลดปรมิ าณสารพษิ ตกค้างไดร้ ้อยละ 27-72 2. แช่นำ้ ปนู ใสนาน 10 นาที และล้างดว้ ยน้ำสะอาดอกี คร้ัง ลดปริมาณสารพษิ ตกค้างได้ รอ้ ยละ 34-52 3. แชไ่ ฮโดรเจนเพอรอ์ อกไซดน์ าน 10 นาที (ไฮโดเจนเพอรอ์ อกไซด์ 1 ช้อนชา ผสมนำ้ 4 ลิตร) และล้างดว้ ยนำ้ สะอาดอกี คร้งั ลดปรมิ าณสารพษิ ตกคา้ งไดร้ ้อยละ 35-50 4. แช่น้ำด่างทบั ทิมนาน 10 นาที (ด่างทบั ทมิ 20-30 เกลด็ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างออก ดว้ ยนำ้ สะอาดอกี ครัง้ ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43 5. ลา้ งด้วยนำ้ ไหลจากกอ๊ กนาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างไดร้ ้อยละ 25-39 6. แชน่ ้ำซาวข้าวนาน 10 นาที และล้างดว้ ยนำ้ สะอาดอีกคร้ัง ลดปริมาณสารพิษตกค้าง ได้ร้อยละ 29-38 7. แช่น้ำเกลือนาน 10 นาที (เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยนำ้ สะอาดอีกครัง้ ลดปริมาณสารพษิ ตกคา้ งไดร้ อ้ ยละ 29-38 8. แชน่ ำ้ ส้มสายชูนาน 10 นาที (น้ำสม้ สายชู 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมนำ้ 4 ลิตร) และล้างดว้ ยนำ้ สะอาดอีกคร้งั ลดปรมิ าณสารพษิ ตกคา้ งได้รอ้ ยละ 27-36 9. แชน่ ำ้ ยาล้างผักนาน 10 นาที และล้างดว้ ยนำ้ สะอาดอีกครง้ั ลดปริมาณสารพษิ ตกค้าง ไดร้ ้อยละ 22-36 ปจั จบุ ันน้รี ัฐบาลไดส้ ง่ เสรมิ การผลติ ผักปลอดสารพิษเพ่อื การสง่ ออกมากข้นึ และเปน็ ที่ ตอ้ งการของผบู้ ริโภคเปน็ สว่ นใหญ่ เนื่องจากได้ตระหนกั ถงึ ปญั หาสารตกค้างในพืชผกั ปลอดสารพิษ จงึ หันมา บรโิ ภคมากข้นึ

45 งานวิจัยที่เกีย่ วข้อง 1. งานวิจัยในประเทศ ประยุทธ ศรดี ารา (2562 : 84) ไดว้ จิ ัยการจัดกจิ กรรมการเรียนร้โู ดยโครงงา นเชิงทดลอง เรือ่ ง การปลูกพชื ผกั สวนครวั กลมุ่ การงานและพ้นื ฐานอาชีพ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 กลุม่ ตวั อยา่ งคือ นกั เรยี น ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 จำนวน 20 คน โรงเรียนบ้านเกาะแจนแวนกลุม่ โรงเรยี นแจนแวน สำนักงานการ ประถมศึกษากงิ่ อำเภอศรีณรงค์ จังหวดั สุรินทร์ ผลการวจิ ัย พบวา่ (1) นักเรียนทเี่ รียนตามแผนการจดั กิจกรรม การเรียนรู้ โดยโครงงาน เรือ่ ง การปลกู พชื ผัก สวนครวั มคี ะแนนเฉล่ยี หลงั เรยี นเพมิ่ ขึน้ จากก่อนเรียน อยา่ งมี นัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ.01 (2) แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยโครงงานเชงิ ทดลอง เรอื่ ง การปลูกพืชผัก สวนครวั มีดัชนปี ระสิทธิผลเทา่ กับ 0.6478 ซึง่ หมายความวา่ นกั เรยี นมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้เพ่ิมข้ึน เท่ากบั ร้อยละ 64.78 (3) นักเรียนทเี่ รียนตามแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยโครงงานเชิงทดลองกลุ่มการ งานและพน้ื ฐานอาชพี มเี จตคตติ ่อการเรียนร้โู ดยโครงงาน และต่อการปลูกพชื ผกั สวนครวั อยูใ่ นระดบั ดี วรดา ลาภจิตร (2562 : 65-69) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ โครงงาน กลุ่มสาระงานอาชีพและเทคโนโลยี เร่อื ง เกษตรอนิ ทรีย์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 การศกึ ษาค้นคว้าใช้ กลุ่มตวั อยา่ ง คอื นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 20 คน โรงเรยี นบ้านผือ สำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา สุรนิ ทร์เขต 1 ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน กลมุ่ สาระการงานอาชีพ เร่อื ง เกษตรอินทรยี ์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสทิ ธภิ าพ 91.56/85.17 สูงกวา่ เกณฑท์ ่ีตงั้ ไว้ 85/85 นักเรียน ท่ีเรียนด้วยแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นระหวา่ งคะแนน เฉลี่ยหลัง เรยี นเพ่มิ ขึ้นจากกอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิท่ี ระดบั .01 สุนทรี วังศรี (2562 : 82-86) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการเรียนโดยโครงงานเรื่อง การ ประดิษฐข์ องใช้ดว้ ยวัสดใุ นท้องถนิ่ กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 การศกึ ษาค้นคว้า ใชก้ ลุม่ ตัวอยา่ ง คือ นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 27 คน โรงเรยี นชยั ภูมภิ ักดชี ุมพล อำเภอเมอื งชัยภูมิ จงั หวดั ชัยภูมิ ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ พบวา่ การพัฒนาแผนการเรยี นรู้โดยโครงงาน เรอื่ งการประดิษฐข์ องใช้ด้วย วสั ดุในท้องถน่ิ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มปี ระสิทธิภาพเท่ากบั 90.75/87.77 ซ่งึ สูงกว่าเกณฑ์ 85/85 ทก่ี ำหนดไว้ และนักเรยี นมีเจตคติตอ่ แผนการเรยี นรู้โดยโครงงาน เรอ่ื ง การประดษิ ฐข์ องใชว้ ัสดุในทอ้ งถ่นิ อย่ใู นระดบั เห็น ด้วย สมบูรณ์ หงษว์ ิเศษ (2562 : 102-105) ได้ศึกษาการพฒั นาแผนการเรียนรู้แบบโครงงาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรอื่ ง การแปรรปู อาหารจาก มะละกอ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 มคี วามมุ่งหมาย เพ่อื พัฒนาแผนการเรียนรู้แบบโครงงานที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพ่อื ศกึ ษาดัชนปี ระสิทธิผลของการ เรียนรู้ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนที่มีตอ่ การเรียนรู้ดว้ ยแผนการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลุ่ม ตัวอยา่ ง คือ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบ้านปา กช่อง สังกัด สำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 จำนวน 35 คน เครือ่ งมอื ท่ใี ชไ้ ด้แก่ แผนการเรียนรแู้ บบโครงงาน จำนวน 8 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อและ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรยี นรู้ จำนวน 20 ข้อ ผลการศึกษาคน้ คว้าพบวา่ แผนการเรียนรู้แบบ โครงงาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ เรื่องการแปรรูปอาหารจากมะละกอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ประสิทธภิ าพเท่ากบั 80.05/92.90 และมคี ่าดัชนีประสทิ ธิผลของการเรียนรูด้ ว้ ยแผนการเรยี นรแู้ บบโคร งงาน เทา่ กบั 0.8106 หมายความวา่ นักเรียนมีความรเู้ พมิ่ ข้นึ รอ้ ยละ 81.06 นอกจากนีน้ กั เรียนมีความพึงพอใจ ต่อ การเรียนรดู้ ว้ ยแผนการเรียนรู้แบบโครงงานอยู่ในระดับมาก

46 สเุ พยี ร สารลึก (2562 : 100-102) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ โครงงาน เรื่อง การถนอมอาหาร และการแปรรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ งานเกษตร ช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โดยมีความมงุ่ หมายเพ่ือพัฒนาแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงาน เพ่ือศึกษาค่า ดชั นีประสิทธิผลของการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงานและเพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจที่มตี ่อกา รเรียนรู้ แบบโครงงาน กลมุ่ ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียน บา้ นดงสง่ เสรมิ ธรรม สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาอุดรธานี เขต 1 จำนวน 29 คน ไดม้ าโดยการส่มุ อย่างง่าย เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ ไดแ้ ก่แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานจำนวน 8 แผน แบบประเมิน พฤติกรร ม ระหว่างปฏิบตั แิ ละแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ขอ้ ผลการศึกษาค้นควา้ พบว่าแผนการ จัดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เรอื่ งการถนอมอาหารและการแปรรูป กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ งานเกษตร ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธภิ าพ 85.64/89.14 ดัชนีประสทิ ธผิ ลจากการพฒั นาการจัดกิจกรรม การเรียนรูแ้ บบโครงงาน เทา่ กบั 0.7838 และนักเรยี นมคี วามพงึ พอใจต่อแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ โครงงานเร่ืองการถนอมอาหารและการแปรรปู ที่ได้พฒั นาข้ึนเท่ากบั 4.46 มานิตย์ วงศ์น้ำคำ (2562 : 99-104) ไดท้ ำการศกึ ษา การพฒั นาแผนการเรียน รู้กลุ่มสาร ะ การงานอาชพี แบบโครงงาน เรือ่ ง การปลูกพชื ผกั สวนครัวทีม่ ผี ลชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการศึกษาค้นคว้า ปรากฏว่า แผนการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการงานอาชีพ แบบโครงงาน เรอื่ ง การปลูกพืชผกั สวนครวั ทม่ี ีผล ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 มีประสิทธิภาพ 83.17/84.83 เปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ี มีค่าดชั นปี ระสิทธิผลเท่ากบั 0.6579 ซึ่ง หมายความว่า นักเรยี นมีความก้าวหนา้ ทางการเรยี นรู้ เพ่มิ ข้นึ คดิ เป็นรอ้ ยละ 65.79 และนกั เรียนมคี วามพึงอยู่ พอใจตอ่ การเรียนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงานอยใู่ นระดบั มากท่สี ดุ กญั ญา คูช่ ยั ภูมิ (2562 : 96-97) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการเรียนรู้แบบโครงงานเรอื่ ง การ แปรรูปอาหารจากข้าวเหนียว กล่มุ การงานและพื้นฐานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยมมี คี วามมุ่งหมายเพื่อ พฒั นาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรือ่ ง การแปรรูปอาหารจากขา้ วเหนยี วกลุม่ การ งานและ พนื้ ฐานอาชีพ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ที่มีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และเพอื่ หาดัชนีปร ะสิทธิผลของ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เร่อื ง การแปรรูปอาหารจากข้าวเหนียว กลุ่มการงานและพนื้ ฐาน อาชพี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2548 โรงเรียนบ้านตลาด (คำนายครรุ าษฎร์รังสรรค์) สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาชัยภูมิ เขต 1 จำนวน 26 คน เครือ่ งมือที่ใช้ ได้แก่ แผนการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน จำนวน 8 แผน แบบประเมินโครงงาน แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น แบบปรนยั 4 ตัวเลอื ก จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อ การจั ด กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน จำนวน 20 ขอ้ ผลการศึกษาค้นคว้าพบวา่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แบบโครงงาน เร่อื ง การแปรรปู อาหารจากขา้ วเหนยี ว กลมุ่ การงานและพ้ืนฐานอาชีพ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ที่ ผู้ศึกษาค้นควา้ พัฒนาข้นึ มปี ระสิทธิภาพ 85.47/91.53 ซึง่ สงู กวา่ เกณฑ์80/80 ทตี่ ง้ั ไว้ 2) ดัชนปี ระสิทธิผลของ กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เร่ือง การแปรรูปอาหารจากข้าวเหนยี ว ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.75.42 หมายความว่า ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มข้ึนร้อยละ 75.42 และ 3) นักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 มคี วามพึงพอใจต่อการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรื่อง การแปรรูปอาหารจากข้าวเหนียว โดยรวม และเปน็ รายด้าน 4 ดา้ น คือ ด้านเน้ือหา ด้านการกจิ กรรมการเรยี นการสอน ด้านส่อื และอุปกรณก์ ารเรียนการ สอน และดา้ นการวดั ผลประเมนิ ผล อยใู่ นระดบั มาก ยพุ า ชาวพงษ์ (2562 : 102) ได้ศึกษาการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงานเรื่อง การทำ ขนมไทยจากวัตถุดิบในท้องถนิ่ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมคี วามมุ่งหมาย เพือ่ พัฒนาแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นร้แู บบโครงงานเร่ือง การทำขนมไทยจากวตั ถดุ ิบในท้องถิน่ กลุ่มสาระ

47 การเรียนรู้การงานอาชีพชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และเพอ่ื ศึกษาควา มพึง พอใจของนกั เรยี นทมี่ ตี ่อการจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลมุ่ ทดลองเปน็ นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนบา้ นตำแย (ประชานเุ คราะห์) จำนวน 25 คน เครอ่ื งมือที่ใช้ในการศึกษาค้นควา้ มี 4 ชนิด คือ 1) แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน เรือ่ ง การทำขนมไทยจากวัตถุดบิ ในท้องถน่ิ จำนวน 9 แผน 2) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นแบบปรนยั 3) แบบประเมินโครงงานท่ีผ่านการตรวจสอบจากอาจารย์ที่ ปรกึ ษา 4) แบบวัดความพึงพอใจของนกั เรียนที่มีตอ่ การจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงาน ผลการศึกษา ค้นคว้าพบว่า แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบโครงงานเรอื่ ง การทำขนมไทยจากวัตถดุ ิบในท้องถิ่น กลุ่มสาระการ เรยี นรู้การงานอาชีพช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าประสิทธภิ าพ เทา่ กบั 87.38/85.07 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ทต่ี ั้งไว้นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ แบบโครงงานเรื่อง การทำขนมไทยจากวตั ถุดิบในท้องถ่ินอยูใ่ นระดับมาก และมคี วามพึงพอใจต่อการทำขน มจา กวัตถุดิบใน ท้องถิ่นอยู่ในระดบั มากทสี่ ุด 2. งานวจิ ัยตา่ งประเทศ Yun (2007 : 3850–A) ไดศ้ กึ ษาจริยศกึ ษาของเด็กปฐมวัย โดยใชว้ ิธีการสอนแบบโคร งงาน โดยวธิ สี ังเกตเดก็ วยั 4–6 ปี จำนวน 25 คน สังเกตสปั ดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 ภาคเรยี น โดยเฉพาะเมื่อเด็ก ทำโครงงานกลมุ่ สัมภาษณค์ รแู ละเด็กทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการผลการศึกษาพบว่า บริบทของการมี ปฏิสมั พันธข์ องเดก็ สอดคล้องกันในดา้ นการประชุมช้นั เรยี นงานแต่ละบคุ คลและงานกลุ่มที่ปฏบิ ัติโดยร่วมมือ กัน แตส่ ำหรบั การสอนจรยิ ศกึ ษา พบว่างานกลุม่ ทป่ี ฏบิ ตั ิโดยร่วมมือกนั เป็นทน่ี ิยมมากท่ีสุด สำหรบั จรยิ ธรรม แบบควบคกู่ นั ไปของงานกล่มุ แบบรว่ มมือปฏิบัตนิ ัน้ รวมอย่ใู นจริยธรรมแบบเสริมกนั ของงานกลุ่มแตล่ ะบุคคล และจริยธรรมแบบสัมพันธ์กันพบว่ามีขึ้นในการประชุมทั้งชั้น สำหรับงานกลุ่มแบบรว่ มมือปฏิบัตินัน้ มี องคป์ ระกอบของบริบททางจริยธรรมซงึ่ ประกอบด้วยความสนใจสว่ นบุคคล งานที่กระตือรอื รน้ และผลสมั ฤทธิ์ ของงานรว่ มกนั มากกวา่ งานรายบุคคลหรือการประชุมชั้นเรยี น การสอนแบบโครงงานนี้เหมาะกับเด็กปฐมวัย ซึ่งสง่ ผลให้เดก็ กระตือรอื รน้ และการเรียนแบบร่วมมือ จะเปน็ ท่นี ยิ มใชใ้ นการเรยี นทโี่ รงเรยี นตลอดชีวติ Niesz (2008 : 378) ได้ศึกษาเพื่อสำรวจว่ารูปแบบการเรียนรูแ้ บบโครงงานจะช่วยให้ นักเรียนมีโอกาสในการเรียนรู้ตามสภาพจริงและเรียนรอู้ ยา่ งมคี วามหมายได้อยา่ งไร ในปจั จุบันในห้องเรียน ทั้งหมดครูจะตอ้ งชว่ ยเหลอื นักเรยี นให้มีความสามารถด้านการเรยี นรู้อยา่ งหลากหลายครูไมจ่ ำเป็น ต้องสอน นักเรยี นสว่ นใหญ่เปน็ เวลานาน แต่ครตู ้องสอนนกั เรียนทกุ ๆคน โดยใหน้ ักเรียนท้ังหมดมนั่ ใจว่าจะไดร้ ับโอกาส ไดร้ ับความรู้อย่างเต็มความสามารถ สง่ิ นจี้ ะเป็นสิ่งท่ีทา้ ทายให้ครคู ้นพบรูปแบบการสอน ที่จ ะให้นักเรียน ประสบความสำเรจ็ ในการศึกษาครง้ั น้ีก็เพ่ือที่จะดูวา่ รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงงานจะนำไปใช้ในห้องเรียน ขนาดกลางอยา่ งไร และรูปแบบน้ีจะสามารถชว่ ยให้นกั เรียนทั้งหมดไดร้ ับโอกาสในการเรียนรอู้ ยา่ งไร จาก การศกึ ษาแสดงใหเ้ หน็ ว่าหลักสูตรทีอ่ อกแบบมาเพ่อื ให้ใชร้ ปู แบบการเรียนรแู้ บบโครงงานนั้นชว่ ยให้การเรียนรู้ ของนักเรยี นมผี ลในทางบวก Greenwood (2008 : 377) ได้ศกึ ษาวิเคราะห์ของการเรียนรู้ท่ีอาศยั โครงงา น เป็น ฐา นใน หอ้ งเรียนมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ภายในกรอบบรรยากาศทางการศกึ ษา ปจั จุบนั การเรยี นรู้ที่อาศัยโคร งงาน เป็น พ้นื ฐานและการนำรา้ นออกรา้ นวัฒนธรรมข้นั สดุ ยอดไปใช้เปน็ วิธนี ำไปสู่การบรรลเุ ปา้ หมายการปร ะเมินการ เรยี นของรัฐวอชิงตนั พบว่ามปี ระโยชน์หลายประการและมีอปุ สรรคมากตอ่ การนำการเรียนรู้ทอ่ี าศัยโครงงาน เป็นฐานไปใช้แล้วประสบผลสำเร็จ ในสภาพแวดลอ้ มของโรงเรยี นมธั ยมศึกษาตอนตน้ แหง่ ใดท่ีอาศัยโครงงาน เป็นฐานมีศักยภาพทีจ่ ะสรา้ งประสบการณ์ในการเรยี นรู้ตามสภาพจริง ช่วยสง่ เสรมิ ให้เกิดสภาพแวดล้อมการ

48 เรียนรแู้ บบรว่ มมือกันและจูงใจนักเรยี นมัธยมศกึ ษาตอนต้นแล้งอุปสรรคตา่ งๆจะไม่มีความย่งุ ยากซับซ้อนทาง ภูมปิ ัญญาเวลาทตี่ อ้ งการความท้าทายการหลอมรวมการสอนทักษะพน้ื ฐานไปใช้กบั ประสบการณ์ในการเรียนรู้ ท่ีอาศยั โครงงานเปน็ ฐานคงจะเกิดข้ึนบอ่ ย ๆ Aziz (2009 : unpaged) ได้ศึกษาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงาน เก่ียวกับ ข้อมลู โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื พฒั นาการเรียนการสอนให้มคี ุณภาพและแก้ปัญหาการเรียนแบบบรรยาย และใน ภาคเรียนที่ 2 นกั เรียนจะเร่ิมลงมือปฏบิ ัติตามแผนงานของโครงงานซึง่ จะชว่ ยให้นักเรียนได้เรียนรู้เก่ียวกับ เครอื่ งมือและการออกแบบโปรแกรม การทำโครงงานนีจ้ ะช่วยให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมี ประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นหาแหล่งเรยี นรู้และขอ้ มลู ต่างๆทางอินเตอรเ์ น็ต และนักเรียนได้ออกแบบ โครงงานทตี่ นเองสนใจ วิธีการน้จี ะทำตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลา 2 ปนี กั เรียนเกดิ ความพงึ พอใจและมีผลสัมฤทธิท์ างการ เรียนสูงขึน้ Tomasek (2009 : 4135-A) ได้ศึกษากระบวนการเรียนรู้และแรงจูงใจของนกั เรียน ใน ชั้น เรียนเกี่ยวกบั โครงงานวิชาวิทยาศาสตร์ (Bird Watch) ซึง่ การวจิ ยั น้มี วี ัตถุประสงค์เพือ่ ศกึ ษาและบรร ยายถึง รูปแบบวธิ กี ารของผทู้ ่มี สี ว่ นเกย่ี วข้องไม่วา่ จะเป็นนักพัฒนาหรือผู้ประสานงาน ครูในโรงเรียนระดบั ปฐมศึ กษา หรอื มธั ยมตน้ และนักเรียนเกรด 5-8 ในการทำโครงงานกลมุ่ เรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ โดยใชว้ ธิ ีการ Bird หรือ Bird Watch ในกระบวนการไดม้ ีการผสมผสานหลายวิธีการและถูกนำมาใช้เพือ่ ศกึ ษากลุ่มนกั เรยี นเป้าหมาย ในกระบวนการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์นี้ โดยการจดั หมวดหมู่ความแตกตา่ งของนักเรียนที่เรียน ในวิชา วิทยาศาสตร์ เพ่ือรวบรวมขอ้ มลู การมสี ว่ นรว่ มของนกั เรียนเหล่านวี้ า่ มลี กั ษณะอยา่ งไรบา้ ง การวจิ ัยในคร้ังนถ้ี ูก สรา้ งข้ึนตามโครงงาน (Framework)ตามกระบวนการเรยี นรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ที่ได้แสดงออกมา ซ่ึงเป็น รูปแบบของ Chinn และ Malhotra, 2008 ผลจากการวิจัยนี้ทำให้ทราบผลการวิเครา ะห์ร ะบบข อง กระบวนการเรยี นร้กู ล่มุ สาระการงานอาชพี เรื่อง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ซ่ึงขอ้ มูลท่ี ถูกนำมาวเิ คราะหไ์ ดแ้ ก่ ข้อมูลจากการทดลองและแบบสัมภาษณ์ เป็นรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรม นอกจากน้ีผ้ทู ำวจิ ยั ยงั เสนอแนะวา่ ควรทำการสอนในกลุ่มสาระการงานอาชพี เร่อื งการปลกู ผักปลอดสารพิษ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หรอื การปลกู ผักสวนครวั อน่ื ๆ ควรจะเปน็ รูปแบบการสอนในช้นั เรยี นเดิมหรือช้ันใกล้เคียง ทั้งนี้เพอ่ื ท่จี ะสามารถสนับสนนุ การเรียนการสอนตามหลกั การสอนซง่ึ จะทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน จากการศกึ ษารายงานการวิจยั ทเี่ กีย่ วขอ้ งสรุปได้ว่า การจดั กิจกรรมการเรยี นร้แู บบโครงงาน เป็นกิจกรรมท่ีได้รับความสนใจจากครูผู้สอนทัง้ ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นกระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่เี น้นผู้เรยี นเป็นสำคญั เปน็ การเสาะแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง เปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นคิดริเริ่มวางแผน และดำเนินการศกึ ษาด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นผู้ให้คำปรึกษาเนน้ กระบวนการแสวงหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์ ทำใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นรู้วธิ ีการศกึ ษาค้นคว้าและผลของการ ทำ โครงงานจะทำใหผ้ เู้ รียนเกิดเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรียนรู้ตามแนวทางการปฏิรปู การเรียนรู้ ทำใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนรู้ ตามสภาพจรงิ สามารถสรุปเปน็ องค์ความรู้และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ ผศู้ กึ ษาค้นคว้าจงึ สนใจท่ี จะนำองค์ความรูเ้ กย่ี วกบั โครงงานมาพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้การ งานอาชีพ เรอ่ื ง การปลูกพืชผกั ปลอดสารพิษ และนำไปใชก้ บั นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ในโรงเรียนราช ประชานเุ คราะห์ 56 จงั หวดั นา่ น สงั กดั สำนักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ โดยคาดหวังว่าจะเป็นการ พัฒนา ทักษะกระบวนการเรียนรแู้ บบโครงงานของผเู้ รียนส่งผลให้ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และเจตคตขิ องนกั เรยี นให้ดขี ้นึ

49 บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ การศึกษาค้นคว้า การศึกษาคน้ คว้าคร้ังนี้ ผู้ศกึ ษาคน้ คว้าไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง ดังตอ่ ไปน้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 2. เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการศึกษาค้นคว้า 3. การสรา้ งและการหาคณุ ภาพของเครื่องมือ 4. ข้นั ตอนดำเนินการศึกษาค้นคว้า 5. การวิเคราะห์ขอ้ มลู 6. สถติ ทิ ีใ่ ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง 1. ประชากรทีใ่ ชเ้ ปน็ เปน็ นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 กลุ่มโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 56 จังหวัดน่าน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 สงั กดั สำนักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษจำนวน 27 คน เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการศึกษาคน้ คว้า มี 3 ประเภท คือ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ งานเกษตร เร่ืองการปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 จำนวน 9 แผน เวลาทีใ่ ชส้ อน 18 ชวั่ โมง 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี งานเกษตร เรอื่ ง การปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เปน็ แบบปรนัย ชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลือก จำนวน 30 ข้อ 3. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนท่เี รียนดว้ ยแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน กลุ่มการเรียนรู้การงานอาชีพ งานเกษตร เรือ่ ง การปลูกผักปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 25 ขอ้ การสร้างและการหาคุณภาพของเครือ่ งมอื การสรา้ งและการหาคุณภาพของเครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ มีขนั้ ตอน ดังนี้ 1. แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงาน กลมุ่ สาระการงานอาชีพ งานเกษตร เร่ือง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 มีข้นั ตอน การ จัดทำดังนี้ 1.1 ศึกษาวิธีการ หลักการ หลกั ทฤษฎี และเทคนิคการเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ จากเอกสารสมั มนาหลักสตู รและการสอนการงานอาชพี ของเดชา จันทคัต (2562 : 1-158) 1.2 ศึกษาหลักสตู ร คู่มอื ครู แบบเรียน ขอบข่ายเนอื้ หา และวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ ทค่ี าดหวงั ของกลุ่มสาระการงานอาชีพ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (กรมวชิ าการ. 2560 : 1-31) 1.3 ศึกษาเนอื้ หา เพ่ือเขยี นแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานกลุ่มสาร ะ การงานอาชีพ งานเกษตร เรื่อง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระเพ่ิมเติมเพื่อสร้า งแผน การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน

50 1.4 วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ของสาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั และเวลา เพอ่ื จัดทำแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1.5 จดั ทำแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน อาชีพ งานเกษตร เรือ่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ได้แบ่งเน้ือหาออกเป็น 9 แผน เวลาสอนทง้ั หมด 18 ชว่ั โมง ท้ังนไี้ ม่รวมเวลาทดลองและการ ทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ปู ระกอบดว้ ย 1.5.1 สาระสำคญั 1.5.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.5.3 สาระการเรยี นรู้ 1.5.4 กระบวนการเรยี นรู้ 1.5.5 สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ 1.5.2 การวดั และประเมินผล 1.5.7 ขอ้ เสนอแนะ 1.5.8 บันทึกหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1.6 นำแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ ีส่ ร้างขึ้นเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพอื่ พจิ ารณา ตรวจสอบ ใหข้ ้อเสนอแนะ ซงึ่ อาจารย์ท่ีปรกึ ษาใหแ้ นะนำในดา้ นจุดประสงคใ์ ห้ครอบคลุมทั้งด้าน ความรู้ ทักษะและเจตคติ ความสอดคล้องของการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนการวัดและประเมินผลในแต่ ละแผน 1.7 นำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ที่สร้างข้นึ เสนอตอ่ ผ้เู ชี่ยวชาญ ตรวจสอบความสอดคล้อง ระหว่างเน้อื หาจดุ ประสงค์ ตรวจสอบความเท่ยี งตรงของเนือ้ หา และการวดั และประเมนิ ผล 1.8 นำแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูม้ าปรับปรุง ซึง่ ผเู้ ชี่ยวชาญได้เสนอแนะเวลาใน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรมคี วามยืดหยุน่ ตามเนอ้ื หาในแต่ละกิจกรรม ผู้ศึกษาคน้ คว้าทำการปรับปรุงตาม คำแนะนำก่อนนำไปให้ผู้เชีย่ วชาญประเมินคุณภาพ 1.9 ผู้เชี่ยวชาญประเมินโดยใช้แบบประเมินที่มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า (Rating Scale) ตามวธิ ีของ ลเิ คอรท์ (Likert) ซึง่ มี 5 ระดบั โดยกำหนดเกณฑ์ ดงั น้ี (บุญชม ศรีสะอาด. 2562 : 29-71) คะแนน ความหมาย 4.51-5.00 เหมาะสมมากท่สี ุด 3.51-4.50 เหมาะสมมาก 2.51-3.50 เหมาะสมปานกลาง 1.51-2.50 เหมาะสมน้อย 1.00-1.50 เหมาะสมน้อยทสี่ ดุ 1.10 นำแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทีผ่ ู้เช่ียวชาญประเมินแล้วมาหา ค่าเฉลี่ยได้ แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความเหมาะสมตั้งแต่ 3.51-5.00 นำไปใชใ้ นการจัดการเรียนรูไ้ ดส้ ว่ นแผนการ จัดกิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ไม่เข้าเกณฑ์ ทำการปรบั ปรุงแก้ แล้วให้ผู้เช่ียวชาญตรวจประเมินอีกค รั้ง ผลการ ประเมินแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูม้ ีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั 4.23

51 1.11 นำแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ทู ีแ่ กไ้ ขแล้ว เพอ่ื นำไปทดลองสอน (Tryout) กบั นกั เรยี นที่ไมใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งเพื่อหาคุณภาพกบั นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 56 จังหวัดนา่ น จำนวน 105 คน เพอ่ื หาความเหมาะสมของเวลาในการทำกจิ กรรม สอ่ื ที่ใชค้ วามเหมาะสมของ กจิ กรรม ผู้ศึกษาคน้ ควา้ นำขอ้ บกพรอ่ งทไี่ ดจ้ ากการทดลองเก่ียวกบั เวลาที่ใชใ้ นการจัดกิจกรรมบางแผน มีเวลา น้อยเกนิ ไปทำให้ทำกจิ กรรมไม่เสร็จทันตามกำหนด จากนนั้ ปรบั ปรุงจนเป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมี ความเหมาะสมย่ิงขึ้นก่อนนำไปทดสอบสอนจริงกับกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1.12 จัดพิมพแ์ ผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฉบับสมบูร ณ์แล้ว นำไปใชท้ ดลองกับนกั เรียนกลมุ่ ตัวอย่าง 2. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลมุ่ สาระการงานอาชพี งานเกษตร เร่อื ง การ ปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 มีขั้นตอนการสร้างดังน้ี 2.1 ศึกษา วิเคราะห์หลกั สูตร สาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด งานเกษตร เรื่อง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ชน้ั มธั ยมศึกษา ปีที่ 1 (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. 2560 : 4-31) หนังสอื การเขยี นข้อสอบระดับมัธยมศึกษาของ ภาควิชาวิจัยและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (2560 : 5) หนังสือวัดผล การศึกษาของ สมนึก ภัททยิ ธนี (2560 : 74-79) และหนังสือพนื้ ฐานการวจิ ัยการศึกษาภาควิชาวจิ ยั และพัฒนา การศึกษา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม (2560 : 33) เพอ่ื สร้างข้อสอบให้ครอบคลมุ สาระและมาตรฐาน 2.2 จดั ทำตารางวเิ คราะห์ สาระการเรยี นรู้ และจุดประสงค์การเรียนรกู้ ลุม่ สาระการ งานอาชีพ งานเกษตร เรื่อง การปลูกผักปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งชนั้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 เพื่อนำไปสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น จำนวน 50 ขอ้ 2.3 สรา้ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น วิชางานเกษตร เร่อื งการปลูกผัก ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กลมุ่ สาระการงานอาชีพ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 แบบ ปรนยั เลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 50 ขอ้ คัดเลือกไว้ 30 ขอ้ 2.4 นำแบบทดสอบที่สร้างขึ้นพิจารณาความเท่ยี งตรงของเนื้อหา ความเหมาะสม ดา้ นภาษา แลว้ นำไปปรบั ปรงุ แก้ไข เก่ยี วกับการต้งั ขอ้ คำถามให้มีความชัดเจนสอดคล้องกับเนอื้ หา โคร งงาน คำตอบควรมีความชดั เจน 2.5 นำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแล้วเสนอตอ่ ผู้เชี่ยวชาญชุดเดมิ ตรวจสอบความ เทยี่ งตรงของเนอื้ หา และทำการประเมนิ ความสอดคล้องระหวา่ งเน้ือหากับผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวังโดยมีเกณฑ์ การประเมนิ ดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแนใ่ จวา่ ขอ้ สอบน้ัน วัดตามผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั ให้คะแนน 0 เมื่อไมแ่ น่ใจวา่ ขอ้ สอบนนั้ วัดตามการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั ใหค้ ะแนน -1 เม่อื แนน่ ใจว่าข้อสอบขอ้ นน้ั ไมว่ ดั ตามผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั 2.2 วเิ คราะหข์ อ้ มูลหาคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ งระหว่างข้อคำถามของแบบทดสอบกับ ผลการเรียนที่คาดหวังใช้สตู ร IOC (Index of Item Objective Congruence) (สมนึก ภัททิยธนี. 2560 : 220) เพื่อหาผลรวมของคะแนนขอ้ สอบแตล่ ะข้อของผู้เช่ียวชาญทั้ง 3 คน นำคะแนนมาหาคา่ เฉล่ียค่า ดัชนี ความสอดคล้อง (IOC) ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.00 เป็นข้อสอบท่ีอยู่ในเกณฑ์ความเทีย่ งตรงของเนื้อหา ผลการ วิเคราะหพ์ บวา่ แบบทดสอบมคี า่ ความสอดคลอ้ งตั้งแต่ 0.22-1.00 จำนวน 30 ขอ้ 2.7 นำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิ เรือ่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่ีผา่ นการตรวจสอบความเท่ยี งตรงเชิงเนอื้ หาจากผู้เชย่ี วชาญไปทดสอบ (Try-out) กับ

52 นกั เรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 56 จังหวดั น่าน สำนกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ ท่ีไม่ใช่กลมุ่ ตัวอย่างชดุ เดยี วกันกับที่นำแผนการจัดกิจกรรมเรียนรู้ที่ไปทดลองสอน จำนวน 27 คนแล้วนำ แบบทดสอบมาหาคุณภาพดงั นี้ 2.7.1 ตรวจให้คะแนน โดยให้ข้อถูก 1 คะแนน ข้อผิด 0 คะแนนแลว้ รวมคะแนน ของแต่ละคนแล้วทำการวิเคราะห์คณุ ภาพของแบบทดสอบ โดยวเิ คราะหห์ าค่าอำนาจจำแนก (B) โดยใช้ สตู รการหาคา่ อำนาจจำแนกตามวิธขี อง Brennan (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2562 : 87) คดั เลือกข้อสอบท่ีมีค่า อำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.20 ถึง 1.00 คัดเลือกไว้จำนวน 30 ข้อ เพ่ือใช้เป็นเครือ่ งมอื ในการทดลอง พบวา่ แบบทดสอบมคี ่าอำนาจจำแนกตงั้ แต่ 0.21 ถึง 0.89 2.7.2 วเิ คราะห์หาความเชอ่ื ม่นั ของแบบทดสอบทงั้ ฉบับตามวิธีการของ Lovett โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ B-Index (สาคร แสงผ้งึ . 2560 : 7) พบวา่ ไดค้ า่ ความเช่ือมนั่ ทง้ั ฉบับเท่ากบั 0.82 2.8 นำแบบทดสอบที่ได้รบั การหาคุณภาพ ไปใชเ้ ปน็ เครื่องมอื ใน การ ทดลอง สอนกบั กล่มุ ตวั อยา่ ง นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 56 จังหวัดนา่ น สำนัก บริหารงานการศึกษาพิเศษ ตอ่ ไป 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี น ที่เรียนด้วยแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กลุ่ม สาระการงานอาชพี แบบโครงงาน เร่ือง การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ผวู้ ิจยั ค้นควา้ ดำเนินการสร้างแบบสอบถามพงึ พอใจของนักเรยี น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ท่ี เรียนด้วยแผนการจดั กิจกรรมเรยี นรู้แบบโครงงาน เรื่อง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงซึ่งเป็นแบบสอบถามประเภทมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยศึกษา การสร้างแบบสอบถามจากทฤษฎี การวดั ผลทางการศึกษาของ สมนกึ ภทั ทยิ ธนี (2560 : 37) บญุ ชม ศรี สะอาด (2562 : 25-72) ตามข้นั ตอน ดังน้ี 3.1 ศึกษาทฤษฎี เน้ือหาสาระแนวคดิ เอกสาร และงานวิจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ความพึงพอใจ เพ่ือเปน็ แนวทางในการสร้างแบบสอบถาม 3.2 สร้างแบบสอบถามพงึ พอใจของนักเรียน ที่เรียนรู้ดว้ ย แผนการจดั กิจกรรม การ เรียนรู้ แบบโครงงาน เรื่อง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มสาระการ เรยี นรู้การงานอาชพี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ตามวธิ ีของ ลเิ คอรท์ (Likert) ซง่ึ มี 5 ระดบั โดยกำหนดเกณฑ์ ดังน้ี (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 29-70) ค่าเฉล่ยี ความหมาย 4.51-5.00 มีความพงึ พอใจมากทีส่ ดุ 3.51-4.50 มคี วามพึงพอใจมาก 2.51-3.50 มีความพึงพอใจมากปานกลาง 1.51-2.50 ความพึงพอใจน้อย 1.00-1.50 ความพึงพอใจนอ้ ยทสี่ ดุ 3.3 นำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีสรา้ งเรียบร้อยแล้ว จำนวน 30 ข้อ เสนออาจารย์ท่ีปรกึ ษาการศึกษาคน้ ควา้ เพื่อใหค้ ำแนะนำในส่วนที่บกพร่อง แลว้ มาปรบั ปรงุ โดยได้ปรับปรุง เกย่ี วกับกรอบข้อคำถามให้ครอบคลุมพฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ ว้ ยโครงงานเน้นความรูส้ ึกของผูเ้ รยี นทมี่ ีต่อการจัด กจิ กรรม

53 3.4 นำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีปรับปรุงแล้วเสนอผู้เช่ียวชาญชุดเดิม เพ่ือให้คำแนะนำในส่วนที่บกพร่อง ได้แก่ พฤติกรรมการเรียนควรสอดคล้องกับเนื้อหา ภา ษา ท่ีใช้กร ะชับ ผู้ศึกษาค้นควา้ นำมาปรบั ปรุง 3.5 นำแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนที่ไดร้ บั การปรับปรงุ แก้ไขแล้วไปให้ ผู้เช่ยี วชาญพิจารณาความถกู ต้อง ความเทีย่ งตรงของขอ้ คำถามอกี คร้ัง 3.2 นำแบบสอบถามความพึงพอใจท่ีปรับปรุงแล้วไปทดลอง (Try-out) กบั นักเรียนท่ี ไม่ใช่กลุ่มตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 27 คน โรงเรยี นราชประชานุเครา ะห์ 56 จังหวัดนา่ น สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กลุ่มเดยี วกันกบั ทนี่ ำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปทดลอง แล้วนำไปหาคณุ ภาพ 3.7 นำแบบสอบถามความพึงพอใจมาตรวจให้คะแนนและวิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนก โดยวิธีการค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายร ะหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวม (Item-total Correlation) โดยมคี า่ อำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.20-1.00 ข้นึ ไปถอื ว่าเขา้ เกณฑ์ และวเิ คราะห์หาค่าความ เชื่อมั่นทัง้ ฉบับตามวธิ ีของครอนบาช (Cronbach) (บุญชม ศรสี ะอาด. 2545 : 99) พบว่า แบบสอบถามความ พึงพอใจมคี ่าอำนาจจำแนกรายข้อตงั้ แต่ 0.35 ถึง 0.82 จำนวน 30 ข้อ คัดเลอื กไว้ 25 ข้อ ตามตอ้ งการ 3.8 นำคะแนนของแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 25 ข้อ มาวเิ คราะหห์ าค่าความ เช่ือมนั่ ทัง้ ฉบับตามวิธีของครอนบาช (Cronbach) ไดค้ า่ ความเชือ่ ม่ันทัง้ ฉบับเทา่ กับ 0.87 3.9 จดั พมิ พแ์ บบสอบถามความพึงพอใจ ฉบบั สมบรู ณ์ จำนวน 25 ขอ้ เพ่อื นำไปใช้กับ นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 56 จังหวดั นา่ น สำนกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ หลังจากการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ครบทกุ แผน ข้นั ตอนดำเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ การศึกษาค้นควา้ คร้งั นี้ ผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ไดท้ ำการทดลองด้วยตนเองกบั นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษา ปีที่ 1 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 56 จังหวัดนา่ น สำนักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ จำนวน 105 คน โดยใช้ เวลาในการทดลองสปั ดาหล์ ะ 1 คร้ัง จำนวน 9 สปั ดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชัว่ โมง รวมเวลาทีใ่ ชด้ ำเนินการทดลอง 18 ชว่ั โมง ทั้งนีไ้ ม่รวมเวลาปฐมนเิ ทศทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น การวัดความพงึ พอใจจากการฝกึ ภาคปฏิบัติ และการทำกจิ กรรมนอกตารางเรียนระยะเวลาในการทดลอง คอื ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ดงั นี้ 1. ปฐมนิเทศชี้แจงเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเชิงทดลองแจ้ง วตั ถปุ ระสงค์การเรยี น เกณฑ์การวัดและประเมินผลการปฏิบตั ิงาน กระบวนการทำงานกลุ่มแบบจ๊กิ ซอ การ เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ ขอ้ ตกลงในการการทำกิจกรรมตามตารางเรยี น นอกตารางเรียนและวธิ ีแบ่งกลุ่มตา ม ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยเรยี งลำดับกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลมุ่ อ่อนคละกนั ใหไ้ ด้กลุ่มละ 5-2 คน รวม 5 กลมุ่ 2. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) เพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐานของนักเรียน โดยใช้ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน กล่มุ สาระการงานอาชพี แบบโครงงานเรอ่ื ง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 30 ขอ้ 3. ดำเนนิ การศึกษาค้นคว้า โดยใช้แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานกล่มุ สาระการ งานอาชพี งานเกษตร เรื่อง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในรปู กึ่งทดลอง ใช้เวลาทดลอง 9 สปั ดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชว่ั โมง รวมเวลาทดลอง 18 ชั่วโมง ทัง้ นไ้ี ม่รวมเวลาปฐมนเิ ทศ ทดสอบ กอ่ นเรียน-หลงั เรยี น การสอบถามความพึงพอใจการฝึกภาคปฏบิ ตั แิ ละการทำกจิ กรรมนอกตารางเรยี น

54 4. หลงั จากเรียนครบ 9 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และนักเรียนไดน้ ำเสนอโครงงานแล้ว ผูศ้ ึกษาคน้ คว้าไดน้ ำเครื่องมือมาทำการทดสอบนักเรยี น ดงั น้ี 4.1 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน จำนวน 30 ขอ้ ชดุ เดียวกันกบั ทดสอบก่อน เรยี น แตส่ ลับข้อ ซึ่งการสลับข้อดำเนนิ การสลับขอ้ ตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยนำขอ้ สุดทา้ ยของจดุ ประสงค์ สลบั ขน้ึ มาเป็นข้อแรกของจุดประสงค์นัน้ ๆ 4.2 แบบสอบถามวดั ความพึงพอใจของนกั เรียนด้วยแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ โครงงาน กลุม่ สาระการงานอาชพี งานเกษตร เรือ่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งจำนวน 15 ขอ้ ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการทดลองแสดง ดงั ตาราง 7 ตาราง 1 ระยะเวลาทใี่ ช้ในการทดลองและเกบ็ รวบรวมข้อมูล วนั /เดือน/ปี เวลา รายการทดลอง จำนวนช่วั โมง ความรเู้ กี่ยวกบั การปลกู ผกั สวนครัว 2 2 พ.ย. 2562 09.20-11.10 น. ความรเู้ กี่ยวกบั การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ 2 การเตรียมแปลงปลูกผกั ปลอดสารพิษ 2 9 พ.ย. 2562 09.20-11.10 น. วิธปี ลกู ผักและการดแู ลรกั ษาผกั ปลอดสารพิษ 2 สารกำจัดแมลงจากสะเดาและพืชไล่แมลง 2 12 พ.ย. 09.20-11.10 น. ป๋ยุ ชวี ภาพ 2 การเกบ็ เกี่ยวผลผลิต และการจัดการผลผลติ 2 2562 09.20-11.10 น. ตัวอยา่ งการปลูกผักปลอดสารพิษ 2 การจดั แสดงผลงาน 2 23 พ.ย. 09.20-11.10 น. ทดสอบหลงั เรยี น 18 2562 09.20-11.10 น. รวม 30 พ.ย. 09.20-11.10 น. 2562 09.20-11.10 น. 7 ธ.ค. 2562 09.20-11.10 น. 14 ธ.ค. 2562 20 ธ.ค. 2562 27 ธ.ค. 2562 รปู แบบของการศกึ ษาค้นคว้า การศึกษาค้นคว้าครั้งน้ี เป็นการศึกษาค้นคว้ากึง่ ทดลอง โดยใช้แผนวิจยั One Group Pretest-Posttest Design (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2562 : 109) โดยมีลกั ษณะการทดลอง ดังตาราง 8 ตาราง 8 แบบแผนการทดลอง ทดสอบกอ่ นเรยี น ทดสอบ ทดสอบหลังเรียน O1 X O2 สัญลักษณท์ ใี่ ช้ในการศึกษาคน้ ควา้ O1 แทน การทดสอบกอ่ นเรียน X แทน การทดลองโดยใช้แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบโครงงาน O2 แทน การทดสอบหลังเรยี น

55 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การศกึ ษาค้นควา้ นี้ ได้วิเคราะห์คณุ ภาพของเคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า ดังน้ี 1. วเิ คราะหป์ ระสิทธิภาพของแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงานกลุ่มสาระการงาน อาชพี เรื่อง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 80/80 2. วเิ คราะหห์ าดชั นปี ระสิทธิผลของแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานกลุ่มสาระ การงานอาชพี เร่ืองการปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โดย การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน 3. วิเคราะห์ความพึงพอใจของนกั เรียนท่เี รียนรู้ ดว้ ยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบ โครงงาน กล่มุ สาระการงานอาชพี งานเกษตร เรอื่ งการปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โดยกำหนดเกณฑท์ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ ตามวิธขี อง ลิเคอรท์ (Likert)ซงึ่ มี 5 ระดบั โดยกำหนดเกณฑ์ ดังน้ี (บุญชม ศรสี ะอาด. 2562 : 29-70) ดังนี้ ค่าเฉล่ีย 4.51-5.00 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจมากทีส่ ดุ คา่ เฉล่ยี 3.51-4.50 หมายถงึ มีความพงึ พอใจมาก คา่ เฉลี่ย 2.51-3.50 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจปานกลาง ค่าเฉลยี่ 1.51-2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจนอ้ ย คา่ เฉล่ีย 1.00-1.50 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจนอ้ ยทสี่ ดุ สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู 1. สถิติทใี่ ช้ในการวิเคราะหค์ ณุ ภาพของเคร่ืองมอื 1.1 หาคา่ ความเทย่ี งตรง (Validity) โดยการหาความเที่ยงตรงเชิงเนอ้ื หา (ContentValidity) ของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น กลุม่ สาระการงานอาชพี แบบโครงงาน เรื่อง การปลกู พชื ผกั ปลอด สารพิษตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โดยใช้วธิ หี าค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC (สมนกึ ภทั ทยิ ธนี. 2560 : 221) IOC = ∑ R N เม่อื IOC แทน ดัชนีความสอดคลอ้ งระหวา่ งขอ้ สอบกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ R แทน คะแนนของผ้เู ชี่ยวชาญแตล่ ะคน ∑ R แทน ผลรวมของคะแนนผเู้ ชี่ยวชาญแตล่ ะคน N แทน จำนวนผเู้ ช่ียวชาญ 1.2 หาคา่ อำนาจจำแนก (B - Index) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระ การงานอาชีพแบบโครงงาน เรอ่ื ง การปลูกพชื ผกั ปลอดสารพษิ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใชว้ ธิ ี Brennan (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2562 : 90)

56 B = U - L n1 n2 เมอื่ B แทน ค่าอำนาจจำแนก U แทน จำนวนผู้รอบรู้หรือสอบผ่านเกณฑ์ทตี่ อบถูก L แทน จำนวนผไู้ ม่รอบรู้หรอื สอบไม่ผ่านเกณฑท์ ี่ตอบถกู n1 แทน จำนวนผ้รู อบร้รู อบรู้ หรอื สอบผ่านเกณฑ์ n2 แทน จำนวนผู้ไม่รอบรหู้ รือสอบไมผ่ ่านเกณฑ์ 1.3 หาค่าความเชือ่ มัน่ (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนโดยใช้วธิ ี ของ Lovett (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2562 : 96) เมื่อ rcc แทน คา่ ความเชือ่ ม่นั ของแบบทดสอบ K แทน จำนวนข้อสอบ X1 แทน คะแนนของแต่ละคน C แทน คะแนนเกณฑ์ หรอื จดุ ตัดของแบบทดสอบ 1.4 การหาคา่ อำนาจจำแนก (Discrimination) ของแบบวัดความพงึ พอใจของนกั เรียนโดยใช้ สตู รสหสมั พันธ์อย่างง่ายของเพียรส์ ัน (Pearson) ระหวา่ งคะแนนรวม (Item-total Correlation) (บุญชม ศรี สะอาด. 2562 : 110) เมอ่ื rxy แทน สัมประสทิ ธสิ์ หสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปร X กับ X แทน ผลรวมของคา่ ตวั แปร X ∑Y แทน ผลรวมของค่าตวั แปร Y ∑XY แทน ผลรวมของผลคูณระหวา่ งคา่ ตัวแปร X และ Y ∑X2 แทน ผลรวมของกำลงั สองของค่าตวั แปร X ∑Y2 แทน ผลรวมของกำลังสองของค่าตัวแปร Y N แทน จำนวนคู่ของค่าตวั แปรหรือจำนวนสมาชกิ ในกลุ่ม 1.5 การหาค่าความเชือ่ มัน่ ของแบบวดั ความพึงพอใจของนกั เรียน โดยวธิ ขี อง Cronbach (บุญชม ศรีสะอาด. 2562 : 110) ดังน้ี

57 เม่ือ แทน ค่าสมั ประสิทธ์ิความเชอ่ื มน่ั k แทน จำนวนข้อเคร่ืองมอื วดั ∑S2i แทน ผลรวมของความแปรปรวนของคะแนนแตล่ ะขอ้ S2t แทนความแปรปรวนของคะแนนรวม 2. สถติ พิ ้ืนฐาน ได้แก่ 2.1 รอ้ ยละ (Percentage) ใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด. 2562 : 96) เมอ่ื P แทน รอ้ ยละ f แทน ความถ่ีท่ตี ้องการแปลงใหเ้ ปน็ ร้อยละ N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด 2.2 ค่าเฉล่ยี (Mean) ของคะแนนใช้สูตร (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2562 : 96) เมอ่ื แทน คา่ เฉลีย่ ∑X แทน ผลรวมของคะแนนท้ังหมดในกลมุ่ N แทน จำนวนคนในกลมุ่ 2.3 การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใช้สตู ร (บุญชม ศรสี ะอาด. 2562 : 98) เมอื่ S แทน ความเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนน N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตวั อยา่ ง ∑X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด ∑X2 แทน ผลรวมของกำลังสองของคะแนนนกั เรยี นแต่ละคนในกลุ่มตัวอยา่ ง 3. สถิติท่ีใช้ในการหาประสิทธิภาพของแผน 3.1 ประสิทธิภาพของแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน เรอ่ื ง การปลกู ผกั ปลอด สารพษิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ท่ผี วู้ ิจยั พัฒนาขึ้น โดยวเิ คราะหค์ ะแนน ใชส้ ตู รคำนวณดังน้ี (เผชญิ กิจระการ. 2560 : 44 - 51)

58 เม่อื E1 แทน ประสิทธภิ าพของกระบวนการ ∑X แทน คะแนนของแบบประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรยี นทุกชดุ และแบบประเมิน โครงงานรวมกัน A แทน คะแนนเต็มของแบบประเมินพฤติกรรมระหว่างเรยี นทกุ ชุดและแบบประเมนิ โครงงานรวมกัน N แทน จำนวนนักเรยี นทั้งหมด เม่อื E2 แทน ประสทิ ธิภาพของผลลัพธ์ ∑X แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบหลงั เรียน B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบหลงั เรยี น N แทน จำนวนนักเรียนทง้ั หมด 4. การหาค่าดชั นีประสิทธิผลของแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ แบบโครงงาน เรอื่ ง การปลูกผัก ปลอดสารพษิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยการวเิ คราะหค์ ะแนน ใชส้ ตู รคำนวณ ดงั นี้ (เผชิญ กจิ ระการ.2560 : 52) E.I. = ผลรวมของคะแนนหลังเรยี นทุกคน − ผลรวมของคะแนนกอ่ นเรยี นของทุกคน (จำนวนนักเรียน x คะแนนเตม็ )− ผลรวมของคะแนนกอ่ นเรียนของทุกคน

59 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล ผศู้ ึกษาคน้ ควา้ ได้เสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตามลำดับ ดังน้ี 1. สญั ลกั ษณ์ทีใ่ ชใ้ นการเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 2. ลำดับขน้ั ตอนในการเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 3. ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู สญั ลักษณท์ ใี่ ช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล เพื่อให้แปลความหมายได้ตรงกัน ผู้ศึกษาค้นควา้ จึงกำหนด สญั ลกั ษณท์ ่ใี ช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดงั น้ี N แทน จำนวนนักเรียน แทน คา่ เฉลีย่ ของคะแนน S.D. แทน คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนน E1 แทน คา่ ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E.I. แทน ดัชนีประสิทธิผล ลำดบั ขน้ั ตอนในการเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล การวิเคราะหข์ อ้ มูลครงั้ น้ี ผูศ้ ึกษาคน้ คว้าได้นำเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู เป็น 3 ข้ันตอนดังนี้ ตอนท่ี 1 วิเคราะหป์ ระสิทธิภาพของแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ เรื่อง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ใหม้ ีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ตอนท่ี 2 วเิ คราะหห์ าค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยแผน การจัดการ เรยี นรูแ้ บบโครงงาน เร่ือง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มสาระการ เรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ตอนท่ี 3 วิเคราะหศ์ ึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ทม่ี ีตอ่ การเรยี นรู้ด้วยการ จัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เรอื่ ง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง กลุม่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ตอนที่ 1 วิเคราะหป์ ระสิทธภิ าพของแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ เรือ่ ง การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ให้ มีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 ผศู้ กึ ษาค้นคว้านำขอ้ มลู ที่เก็บรวบรวมได้มาวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ งานเกษตร เรื่อง การปลูกผักปลอด สารพษิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยนำแผนการจดั กิจกรรม การเรียนรู้ท่ี ผา่ นการตรวจสอบคุณภาพแล้ว ไปสอนนกั เรียนท่เี ป็นกลุ่มทดลอง แล้วนำคะแนนระหวา่ งเรียน ได้แก่ คะแนน

60 ประเมินพฤติกรรมระหว่างเรยี น คะแนนประเมินผลงาน คะแนนทดสอบย่อยท้ายแผน คะแนนการประเมิน การเขียนรายงานโครงงาน และคะแนนการประเมินการจัดแสดงผลงานในแต่ละแผนการเรียนรู้ มาหาค่า ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (E1) และนำคะแนนทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิหลังการเรยี น มาหาค่าประสทิ ธิภาพ ของผลลพั ธ์ (E2) ได้ค่าประสิทธภิ าพของแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั ตาราง 3

ตาราง 3 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และรอ้ ยละของคะแนนกระบวนการเรียนรรู้ เรอื่ ง การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชัน้ มัธ คะแนนกระบวนการเรียนรู้ระหวา่ งเรยี น แผนท่ี 1 แผนที่ 2 แผนที่ 3 แผนท่ี 4 คน ่ที การทดสอบ ่กอนเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน 30 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 1 16 8 8 8 8 7 8 7 9 9 10 8 8 2 12 8 8 7 8 7 8 7 9 8 10 8 9 3 12 7 9 6 7 10 7 10 8 8 8 7 8 4 14 7 9 8 8 10 8 10 8 7 8 7 8 5 16 8 8 7 8 8 8 8 8 8 10 10 8 6 16 8 8 8 7 8 7 8 8 7 10 10 8 7 15 7 7 7 9 8 8 9 7 8 7 8 8 8 9 7 7 8 987979788

61 ระหวา่ งเรยี นดว้ ยแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบโครงงาน ธยมศึกษาปีที่ 1 นด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน แผนที่ 5 แผนที่ 6 แผนท่ี 7 แผนท่ี 8 แผนท่ี 9 พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน ประเ ิมนการจัดแสดงผลงาน รวม การทดสอบห ัลงเรียน 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 75 10 25 330 30 7 8 9 9 8 8 8 8 8 8 65 8 20 272 26 7 8 8 9 8 7 8 8 8 8 65 8 20 269 24 10 8 9 7 8 8 8 7 7 9 70 9 23 276 23 10 8 8 7 8 9 8 7 8 9 70 9 23 279 25 8 9 9 9 7 8 10 8 7 8 69 7 22 279 26 8 9 7 9 7 8 10 8 8 8 69 7 22 277 25 7 7 8 8 8 8 8 7 8 9 70 8 20 269 24 7 7 9 8 8 8 8 7 7 9 70 8 20 270 25

30 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 คนท่ี ตารางที่ 3 (ต่อ) 9 15 8 8 9 8 7 8 8 8 8 8 8 8 แผนที่ 1 10 14 7 7 8 9 8 7 9 7 7 7 8 7 การทดสอบกอ่ นเรียน 11 13 8 8 8 8 7 8 7 9 8 10 8 8 คะแนนกระบวนการเรียนร้รู ะหวา่ งเรยี น 12 16 7 9 8 7 8 7 10 8 7 8 7 8 พฤติกรรมระหวา่ งเรยี น แผนที่ 2 แผนที่ 3 แผนที่ 4 13 9 7 7 8 9 8 8 9 7 8 7 8 8 การประเมินผลงาน 14 14 8 8 8 8 7 8 8 8 8 10 10 7 15 13 8 8 7 8 7 7 8 8 8 8 8 8 การทดสอบระหวา่ งเรียน 16 16 8 8 8 8 7 8 8 8 8 10 10 7 พฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหว่างเรยี น พฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหวา่ งเรยี น

62 นดว้ ยการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน แผนที่ 5 แผนที่ 6 แผนท่ี 7 แผนที่ 8 แผนที่ 9 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 75 10 25 330 30 9 8 8 7 7 7 8 9 9 8 72 10 23 281 24 7 7 7 8 8 8 8 7 8 9 70 8 20 266 24 7 8 8 9 9 8 8 8 8 8 65 8 20 270 24 10 8 9 7 7 9 8 7 7 9 70 9 23 278 25 7 7 8 8 8 8 8 7 8 9 70 8 20 270 23 8 9 8 9 7 7 10 8 8 8 69 7 22 278 24 9 8 8 7 7 8 8 9 8 8 72 10 23 278 24 8 9 8 9 7 9 10 8 7 8 69 7 22 279 24 พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน ประเ ิมนการจัดแสดงผลงาน รวม การทดสอบห ัลงเรียน

30 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 คนท่ี ตารางท่ี 3 (ตอ่ ) 17 19 8 8 9 8 7 8 8 8 8 8 8 8 แผนท่ี 1 18 12 7 9 8 7 8 7 10 8 8 8 7 7 การทดสอบกอ่ นเรียน 19 14 8 8 7 8 7 8 7 9 9 10 8 8 คะแนนกระบวนการเรียนรู้ระหว่างเรียน 20 16 7 9 8 7 8 8 10 8 8 8 7 7 พฤติกรรมระหวา่ งเรยี น แผนที่ 2 แผนท่ี 3 แผนท่ี 4 21 14 8 8 9 8 7 8 7 9 8 10 8 8 การประเมินผลงาน 22 12 7 7 8 9 8 9 9 7 8 7 8 9 23 11 8 8 8 8 7 8 8 8 8 10 10 8 การทดสอบระหวา่ งเรียน 24 10 8 8 7 8 7 8 8 8 7 8 8 9 พฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหว่างเรยี น พฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน การประเมนิ ผลงาน การทดสอบระหวา่ งเรยี น

63 นด้วยการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน แผนท่ี 5 แผนที่ 6 แผนท่ี 7 แผนท่ี 8 แผนที่ 9 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 75 10 25 330 30 9 8 9 7 7 8 8 9 8 8 72 10 23 282 25 10 8 8 7 8 7 8 7 8 9 70 9 23 276 24 7 8 7 9 8 8 8 8 8 8 65 8 20 269 25 10 8 8 7 8 9 8 7 8 9 70 9 23 279 25 7 8 9 9 8 8 8 8 8 8 65 8 20 272 24 7 7 8 8 8 9 8 7 8 9 70 8 20 273 23 8 9 8 9 7 8 10 8 9 8 69 7 22 281 23 9 8 8 7 7 9 8 9 8 8 72 10 23 280 24 พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน ประเ ิมนการจัดแสดงผลงาน รวม การทดสอบห ัลงเรียน

ตารางที่ 3 (ตอ่ ) คะแนนกระบวนการเรยี นรู้ระหว่างเรยี แผนท่ี 1 แผนที่ 2 แผนที่ 3 แผนที่ 4 คน ่ที การทดสอบ ่กอนเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน 30 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 25 12 8 8 8 8 7 8 8 8 8 8 8 8 26 13 8 8 8 8 7 7 7 9 8 10 8 9 27 14 7 9 7 7 8 8 10 7 8 8 7 8 รวม 367 205 217 210 215 200 209 227 216 214 233 220 215 x 13.59 7.59 8.04 7.78 7.69 7.41 7.74 8.41 8.00 7.93 8.63 8.15 7.96 S.D 2.36 0.50 0.65 0.70 0.65 0.50 0.53 1.08 0.68 0.55 1.21 0.99 0.59 รล้อะย 45.31 75.93 80.37 77.78 79.65 74.07 77.41 84.07 80.00 79.26 86.30 81.48 79.63

64 ยนด้วยการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน แผนท่ี 8 แผนท่ี 9 แผนท่ี 5 แผนท่ี 6 แผนท่ี 7 พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระหว่างเรียน พฤ ิตกรรมระหว่างเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน พฤ ิตกรรมระห ่วางเรียน การประเ ิมนผลงาน การทดสอบระห ่วางเรียน ประเ ิมนการจัดแสดงผลงาน รวม การทดสอบห ัลงเรียน 10 10 10 10 10 10 10 10 10 10 75 10 25 330 30 9 8 9 7 7 8 8 9 8 8 72 10 23 281 23 7 8 7 9 8 8 8 8 8 8 65 8 20 269 25 10 8 8 7 8 8 8 7 8 9 70 9 23 277 23 222 216 220 216 206 218 226 210 213 227 1865 227 583 7430 657 8.22 8.00 8.15 8.00 7.63 8.07 8.37 7.78 7.89 8.41 69.07 8.41 21.59 275.19 24.33 1.22 0.62 0.66 0.92 0.49 0.62 0.79 0.75 0.51 0.50 2.42 1.01 1.39 4.82 0.88 82.22 80.00 81.48 80.00 76.30 80.74 83.70 77.78 78.89 84.07 92.10 84.07 86.39 83.39 81.11

65 จากตาราง 3 พบว่า คะแนนท่ีไดจ้ ากการกระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ คะแนนจากการประเมิน พฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมินผลงาน และการทดสอบระหว่างเรียน ทง้ั 9 แผนมคี า่ เฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 275.19 จากคะเตม็ 330 คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ 83.39 และคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นกอ่ นเรียน 13.59 คิดเปน็ รอ้ ยละ 45.31 ของคะแนนเต็มและได้คะแนนเฉล่ียหลังเรียน 24.33 คดิ เป็นร้อยละ 81.11 ของคะแนนเตม็ ดงั นนั้ แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ เรื่อง การปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มคี า่ ประสิทธภิ าพ (E1/E2) เทา่ กับ 83.39 / 81.11 ซึ่งสงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ทต่ี ัง้ ไว้ ตาราง 4 สรปุ ประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ เรื่อง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอ เพียง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 คะแนน N คะแนน เฉลยี่ S.D. รอ้ ยละ เตม็ ( x ) 83.39 ประสิทธภิ าพดา้ นกระบวนการ (E1)27 27 330 275.19 4.82 81.11 ประสิทธภิ าพด้านผลลัพธ์ (E2) 27 30 24.33 0.88 ประสทิ ธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเท่ากับ 83.39/81.11 จากตาราง 4 พบว่า ประสิทธิภาพด้านกระบวนการจากการสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน การประเมินผลงาน การทดสอบระหว่างเรยี น การประเมนิ การเขยี นเค้าโครงโครงงาน และการประเมนิ การจัด แสดงผลงาน จำนวน 9 แผน มคี ะแนนเฉล่ียเท่ากับ 275.19 จากคะแนนเต็ม 330 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.39 และคะแนนเฉล่ยี จากการทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรียน มคี ะแนนเฉลี่ยเท่า กับ 24.33 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ 81.11 ดงั นนั้ แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ เรอ่ื ง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 มีคา่ ประสทิ ธิภาพ(E1/E2) เท่ากับ 83.39 / 81.11 ซ่งึ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80 ทตี่ ัง้ ไว้ ตอนท่ี 2 วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยแผนการจดั การเรียนรู้แบบโครงงาน งานเกษตร เร่ือง การปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ผศู้ ึกษาค้นควา้ ได้ทำการวเิ คราะหค์ า่ ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลจากการเรยี นรดู้ ว้ ยแผนการจัดกจิ กรรมการ เรียนรู้ ด้วยแผนการจัดการเรียนรแู้ บบโครงงาน งานเกษตร เรือ่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยใชว้ ิธกี ารของกูดแมน, เฟลคเทอร์ และ ชไนเดอร์ (เผชญิ กจิ ระการ. 2560 : 1-3 ; อา้ งองิ มาจาก Goodman, Flecther and Schneider. 1980 : 30-34) ผลปรากฏดงั ตาราง 5

66 E.I. = ผลรวมของคะแนนหลังเรยี นทุกคน−ผลรวมคะแนนก่อนเรียนทกุ คน (คะแนนนักเรียน ������ คะแนนเต็ม)−ผลรวมของคะแนนกอ่ นเรยี นทกุ คน E.I. = 657−367 (27x30)−367 = 290 443 = 0.6546 E.I. = 0.6546 ดังนั้น ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลของแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ด้วยแผนการจดั การเรียนรู้แบบโครงงาน งาเกษตร เรือ่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงาน อาชีพ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 มีคา่ เท่ากับ 0.6546 ซึง่ หมายความว่า นกั เรียนทเ่ี รียนดว้ ยแผนการจดั กิจกรรมการ เรยี นรแู้ บบโครงงาน มีความก้าวหนา้ ในการเรยี นรูร้ อ้ ยละ 65.46 ตาราง 5 ค่าดัชนปี ระสทิ ธผิ ลของแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบโครงงาน เรอื่ ง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน คะแนนเต็ม คะแนน ร้อยละ E.I. นกั เรียน กอ่ นเรียน หลังเรียน กอ่ นเรยี น หลังเรยี น 27 30 367 657 45.31 81.11 0.6546 จากตาราง 5 พบวา่ ค่าดชั นีประสทิ ธิผลของแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยแผนการจดั การเรียนรู้ แบบโครงงาน งานเกษตร เรือ่ ง การปลูกผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุม่ สาระ การเรยี นรู้การงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เทา่ กบั 0.6546 แสดงว่านกั เรยี นมีความกา้ วหน้าใน การเรี ยน ร้อยละ 65.46 ตอนท่ี 3 วเิ คราะห์ศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ที่มตี อ่ การเรียนรู้ด้วยการ จัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน งานเกษตร เรื่อง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงกลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ การวิเคราะห์ความพงึ พอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการจดั กจิ กรรมการ เรยี นรแู้ บบโครงงานเร่ือง การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลุ่มสาระการ เรยี นรู้การงานอาชพี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ในครงั้ น้ี ผู้ศกึ ษาค้นคว้าไดน้ ำคะแนนท่ีได้จากการตอบแบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรยี นรู้แบบโครงงานมาทำการวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยความคิดเห็นปรากฏผล ดงั ตาราง 6

67 ตาราง 6 ความพึงพอใจของนักเรยี นทีม่ ตี ่อการเรยี นด้วยการจดั กิจกรรมการเรียนร้แู บบโครงงาน เรื่องการปลูกผักปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงาน อาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ความพงึ พอใจตอ่ การเรยี นด้วยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ X S.D ระดบั ความพงึ พอใจ แบบโครงงาน 4.37 0.63 มาก 1. ขา้ พเจ้าไดเ้ ลอื กโครงงานตามความสมคั รใจ 4.07 0.73 มาก 2. ขา้ พเจา้ ได้ศกึ ษาค้นคว้าในเรือ่ งท่เี รยี นตามท่ีตอ้ งการ 4.37 0.56 มาก 3. เนอื้ หาทเี่ รียนไม่ยากจนเกินไป 4.37 0.63 มาก 4. เรอ่ื งทเี่ รียนเป็นเรอื่ งทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ชีวิต ประจำวนั 4.26 0.59 มาก 5. ความรทู้ ฉี่ ันไดร้ บั สามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ 4.48 0.58 มาก 6. ข้าพเจา้ มสี ว่ นร่วมในการทำกิจกรรมกลุม่ ทกุ ๆ คร้งั 4.26 0.76 มาก ในการเรยี น 4.37 0.74 มาก 7. ขา้ พเจ้ามคี วามสขุ ในการทำหน้าที่เปน็ ผู้นำและผตู้ ามได้ 4.41 0.57 มาก 8. ข้าพเจ้าชอบกจิ กรรมการระดมความคดิ 9. ขา้ พเจ้าชอบกจิ กรรมแสวงหาความรู้ 4.52 0.64 มากท่ีสุด 4.56 0.51 มากที่สุด 10. ขา้ พเจ้าชอบบนั ทึกและรวบรวมขอ้ มูล 4.44 0.64 11. ขา้ พเจา้ ชอบกจิ กรรมภาคสนาม 4.52 0.51 มาก 12. ข้าพเจ้ามโี อกาสในการนำเสนองาน 4.52 0.58 มากทีส่ ุด 13. ขา้ พเจ้าชอบทำงานรว่ มกบั คนมากๆ 4.30 0.72 มากที่สดุ 14. ข้าพเจ้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ ตลอดเวลา 4.48 0.51 15. ขา้ พเจา้ ทำงานนีด้ ว้ ยความตง้ั ใจ 4.37 0.56 มาก 16. ขา้ พเจ้ามีโอกาสรับทราบคะแนนผลงานของตนเอง 4.41 0.64 มาก 17. ข้าพเจา้ ต้องการปฏิบตั งิ านทกุ ครง้ั เมอ่ื เรยี นงานเกษตร มาก 18. เม่อื ทดสอบขา้ พเจา้ พอใจในคะแนนของตนเองทกุ ครั้ง 4.56 0.58 มากทส่ี ุด 4.45 0.55 19. ครมู ีวิธีการวัดและประเมินผลทที่ า้ ทายและสนกุ สนาน 4.44 0.58 มากที่สุด 20. เมือ่ ทำงานสำเร็จข้าพเจา้ ไดร้ บั คำชมเชยจากครูเสมอ 4.48 0.58 มาก 21. ข้าพเจ้าทำงานทกุ ชิ้นด้วยความตงั้ ใจ 4.41 0.64 มาก 22. ขา้ พเจ้าพอใจในการพฒั นาช้ินงาน 4.44 0.58 มาก 23. ขา้ พเจ้าพอใจในผลงานกลุม่ 4.41 0.69 มาก 24. ขา้ พเจ้าพอใจในการสร้างงานอยา่ งอสิ ระ มาก 25. ขา้ พเจ้าภูมิใจในผลงานทเ่ี กิดจากความสามัคคี 4.41 0.17 มาก รวม มาก จากตาราง 6 พบว่า นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 มีความพงึ พอใจต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ โครงงาน เร่อื ง การปลกู ผักปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อ พิจารณาเป็นรายขอ้ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด 5 ขอ้ โดยเรยี งลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3

68 อันแรก คือ ขา้ พเจา้ ชอบกิจกรรมภาคสนาม ครูมีวิธีการวดั และประเมนิ ผลท่ที ้าทายและสนกุ สนานและขา้ พเจ้า ชอบบันทกึ และรวบรวมขอ้ มลู และมคี วามพงึ พอใจอกี 20 ขอ้ อยใู่ นระดับมาก

69 บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาคน้ คว้าคร้ังน้ี เป็นการศกึ ษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน เรอ่ื งการปลูกผัก ปลอดสารพษิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ใหม้ ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ซ่งึ สรุปผลการวจิ ัยไดด้ งั น้ี 1. ความม่งุ หมายของการศกึ ษาค้นควา้ 2. สรุปผล 3. อภปิ รายผล 4. ขอ้ เสนอแนะ ความมงุ่ หมายของการศกึ ษาค้นคว้า 1. เพื่อพฒั นาแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน เร่อื ง การปลูกผกั ปลอดสารพิษตา มหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กล่มุ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพตาม เกณฑ์ 80/80 2. เพ่อื หาคา่ ดชั นีประสทิ ธผิ ลของแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เร่อื ง การปลูกผัก ปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ทีม่ ตี ่อการจัดกิจกรรมการ เรียน รู้แบบ โครงงาน เร่อื ง การปลูกผกั ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงาน อาชพี สรุปผล ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรื่อง การปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 สรุปผลการศกึ ษาค้นควา้ ดังน้ี 1. แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน เร่ือง การปลกู ผักปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทผ่ี ้ศู กึ ษาคน้ คว้า พัฒนาข้ึน มี ประสทิ ธิภาพเท่ากบั 83.39/81.11 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑ์ 80/80 ท่ตี ัง้ ไว้ 2. ค่าดชั นีประสิทธผิ ลของแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เร่อื ง การปลูกผักปลอด สารพษิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ มีคา่ เทา่ กับ 0.6546 แสดง ว่านักเรียนมคี วามก้าวหนา้ ในการเรยี นคิดเป็นร้อยละ 65.46 3. นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยการจัดกิจกรรมกา รเรียน รู้แบบ โครงงาน เร่ืองการปลูกผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยรวมอยู่ในระดบั มาก

70 อภปิ รายผล จากผลการศึกษาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน เรอื่ ง การปลกู ผักปลอดสารพิษตา มหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 นำผลมาอภปิ รายได้ ดงั นี้ 1. แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี เรอื่ ง การปลกู ผัก ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ทผ่ี ้ศู กึ ษาค้นคว้า พัฒนาข้ึน มี ประสทิ ธภิ าพเทา่ กับ 83.39/81.11 ซึง่ หมายความวา่ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน น้ี ช่วย พฒั นาความรคู้ วามสามารถและทักษะด้านตา่ ง ๆ ของนกั เรยี น จนสามารถทำคะแนนระหวา่ งเรยี นให้มีค่าเฉล่ีย เทา่ กบั ร้อยละ 83.39 และมีคะแนนเฉล่ียหลงั เรียนเทา่ กบั ร้อยละ 81.11 ซ่งึ สอดคลอ้ งกับผลการ ศึกษา ของ สนุ ทรี วงั ศรี (2562 : 82-86) พบว่า การพฒั นาแผนการเรยี นรู้โดยโครงงาน เรื่องการประดิษฐ์ของใช้ด้วยวัสดุ ในท้องถิ่น ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 มีประสทิ ธิภาพเท่ากับ 90.75/87.77 สอดคล้องกบั ผลการศึกษาของมานิตย์ วงศ์น้ำคำ (2562 : 99-104) ที่พบว่า แผนการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการงานอาชีพ แบบโครงงาน เรื่อง การ ปลกู พืชผกั สวนครวั ที่มีผล ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 มปี ระสิทธิภาพ 83.17/84.83 สอดคลอ้ งกบั ผลการศึกษาของ สมศกั ด์ิ ตุม้ ทอง (2562 : 85-87) ที่พบวา่ แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน การเล้ยี งสัตวเ์ ศรษฐกิจ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.37/86.90 สอดคล้องกบั ผลการศึกษา ของยุพา ชาวพงษ์ (2562 : 102) พบว่า แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เรือ่ ง การทำขนมไทยจากวัตถดุ บิ ในทอ้ งถนิ่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 มคี ่าประสทิ ธภิ าพ เทา่ กับ 87.38/85.07 ทง้ั น้เี นื่องจาก 1.1 แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรอ่ื ง การปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการ สร้างและพัฒนามาอยา่ งเป็นระบบ กลา่ วคือ กอ่ นลงมอื สร้างผ้ศู กึ ษาคน้ ควา้ ได้ศกึ ษาหลักสูตร คมู่ ือครูเอกสาร และงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้องกบั การสรา้ งแผนการเรยี นร้แู บบโครงงาน จากน้นั นำความรูท้ ไี่ ด้จากการศกึ ษาค้น คว้า มาใช้ในการวิเคราะห์หลักสูตร กำหนดเน้ือหา ผลการเรียนร้ทู คี่ าดหวัง กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื อุปกรณ์การ เรยี นรู้ การวดั และประเมินผล และนอกจากน้ียังผา่ นการตรวจสอบและประเมินคุณภาพจากผู้เชี่ยวชา ญอีก ด้วย จงึ เป็นเหตใุ ห้แผนการเรียนรู้ดงั กลา่ วมีประสทิ ธิภาพ สามารถส่งเสริมให้นักเรียนมพี ฒั นาการทางการเรียน ในทกุ ๆ ดา้ น ทั้งดา้ นความรู้ ด้านทักษะ และดา้ นพฤติกรรมการเรยี นรู้ ตามเป้าหมายท่ีต้ังไว้ได้ 1.2 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ชว่ ยใหก้ ารเรียนรู้ของนักเรียนเป็น ไปอย่า งมี ประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล เพราะเป็นกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ่ีเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ นักเรียนสามารถเลือก เรียนได้ตามความถนัดและความสนใจ และเรยี นรเู้ รอ่ื งใดเรื่องหน่ึงอย่างลุ่มลึก เป็นขั้นเป็นตอน ส่งเสริมให้ นักเรยี นรจู้ กั คดิ รจู้ ักปฏิบัติ รูจ้ ักแก้ปญั หา และสามารสร้างองคค์ วามรูไ้ ดด้ ้วยตนเอง สามารถนำไปใช้ในชีวิต จริงได้ ซ่งึ สอดคลอ้ งกับคำกลา่ วของวิมลรัตน์ สุนทรโรจน์ (2562 :126-163) ทวี่ า่ การเรียนรู้โดยโครงงาน เปน็ การเรียนรซู้ งึ่ เกดิ จากประสบการณ์ตรงทไ่ี ดร้ ับจากการปฏบิ ัติจริง ฝกึ ให้แก้ปัญหาท่ีสงสยั โดยใช้กระบวน การ ทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการและวิธีการท่ีเป็นขน้ั ตอน นักเรียนยงั สามารถนำความรู้ไปปร ะยุกต์ใช้ใน สถานการณ์อ่นื ได้ ทกั ษะทไ่ี ด้รบั จะติดตัวนักเรยี นมาและยัง่ ยืนกวา่ การอา่ นจากตำรา สง่ิ ทีน่ ักเรยี นได้รับจาก การเรียนรู้โดยโครงงานน้นั มหี ลากหลาย อาทิ ความรใู้ นเนื้อหาวิชา ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะ การแสวงหาความรูด้ ้วยตนเอง ความสามารถในการถ่ายโยงการเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการแกป้ ัญหา เจตคติที่ดี ต่อการศึกษา และคุณสมบัตทิ างบวกอื่นๆ เช่น ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ ความเชือ่ มั่นในตนเองควา มมีวินัย ความรบั ผดิ ชอบ การทำงานรว่ มกับผู้อ่นื เป็นตน้ นอกจากนย้ี ังสอดคล้องกับคำกล่าวของชา ตรี เกิดธรรม (ม.ป.ป. : 5) ท่ีวา่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงานเปน็ รปู แบบหนงึ่ ของการจดั การเรยี นการสอน ที่เน้น

71 ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ เปน็ การสง่ เสริมให้ผเู้ รยี นได้คิด และไดล้ งมือปฏบิ ัติจริงด้วยตนเอง เป็นการเสริมสร้าง ศกั ยภาพการเรียนรู้ให้กับผูเ้ รียน ผเู้ รยี นไดเ้ รียนโดยวิธเี รยี นรู้ของตนเองทำให้ผู้เรยี นได้สร้างองค์ควา มรู้ด้วย ตนเอง รวมท้งั รู้จกั วางแผนการทำงานการลงมือปฏบิ ัติ ไดต้ รวจสอบผลงาน เพ่อื การปรับปรงุ หรอื แก้ปัญหาท่ี เกิดขึน้ จากการปฏิบัติดว้ ยตนเอง 2. คา่ ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน งานเกษตรเรอ่ื ง การปลูกผัก ปลอดสารพษิ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มคี ่าเทา่ กับ 0.6546 แสดงวา่ นักเรยี นมีความก้าวหนา้ ในการเรียนคิดเปน็ ร้อยละ 65.46 ซงึ่ สอดคล้องกับผล การศึกษาของมานิตย์ วงศ์น้ำคำ (2562 : 99-104) ที่พบวา่ แผนการเรียนรู้กลุ่มสาระการงานอา ชีพ แบบ โครงงาน เร่ือง การปลกู พชื ผกั สวนครัวท่ีมผี ลช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 มคี ่าดชั นปี ระสิทธิผลเท่ากับ 0.6579 สอดคล้องกับผลการศึกษาของสมศกั ด์ิ ตมุ้ ทอง (2562 : 85-87) ท่ีพบวา่ แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ โครงงาน การเล้ยี งสตั วเ์ ศรษฐกิจ มปี ระสทิ ธิผลเทา่ กบั 0.6866 ทัง้ น้ีเน่ืองมาจาก โครงงานที่นกั เรียนทำนัน้ เกดิ จากความสนใจของตนเอง และเป็นเรื่องใกลต้ วั ทนี่ กั เรยี นพบเห็นได้ในชวี ิตประจำวัน จงึ ทำให้นักเรยี นตระหนัก และเหน็ คณุ ค่าของการทำโครงงาน สง่ ผลให้เกดิ ความกระตือรอื ร้นท่ีจะทำให้โครงงานน้ันประสบผลสำ เร็จ นอกจากน้กี ระบวนการเรยี นรู้แบบโครงงานยังมรี ูปแบบการเรยี นรู้ท่ีเป็นระบบและเปดิ โอกาสให้นักเรียนได้ พฒั นาผลงานของตน โดยจะมีการประเมินโครงงานทั้งจากครผู สู้ อนตนเอง และเพ่อื นกลมุ่ อืน่ ๆ เป็นระยะ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ซง่ึ จะประเมนิ ในชว่ งก่อนทำโครงงานระหวา่ งทำโครงงาน และหลังทำโครงงานเสร็จส้นิ แลว้ ทำ ใหน้ ักเรียนมองเห็น จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ยตลอดจนข้อบกพร่องในการทำโครงงาน ชว่ ยใหส้ ามารถแก้ไขปัญหา ได้ อย่างทนั ทว่ งทีจึงส่งผลให้โครงงานของนักเรียนเปน็ โครงงานที่มีคุณภาพ สอดคล้องกบั คำกล่าวของจลุ จกั ร โน พันธ์ (2560 :55) ท่ีว่าการปรับปรงุ และพัฒนาโครงงาน เปน็ การท่สี ะท้อนภาพความสำเรจ็ ของการจัดกิจ กรรม การเรยี นรู้ ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันประเมินผลวา่ กิจกรรมท่ที ำไปนัน้ บรรลจุ ุดประสงค์ท่ีกำหน ดไว้หรือไม่ อย่างไร ได้ใชว้ ิธีการแก้ไขอย่างไร ผู้เรียนได้เรยี นรู้อะไรไปบา้ ง จากนน้ั จึงนำมาเสนอครูที่ปรึกษาให้ควา ม เหน็ ชอบเสนอแนะต่อไป และสอดคล้องกับทว่ี ลัยพนั ธ์ สขุ ประเสริฐ (2562 :25) ไดก้ ลา่ วไว้วา่ ประโยชน์ของ การประเมินโครงงานนน้ั ทำให้ทราบข้อบกพร่องและความสำเร็จของงานทำใหม้ ีการปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลา ผ้ปู ฏิบัติงานมคี วามกระตือรอื รน้ ท่จี ะทำงานด้วยความต้ังใจ เสียสละและจริงใจ ทำให้ทราบวา่ โครงงานได้รับ ความสำเรจ็ หรอื ล้มเหลวถ้าสำเรจ็ จะนำไปเป็นแบบอย่างต่อไป ถา้ ล้มเหลวก็จะไดห้ าแนวทาง แกไ้ ข ปรับปรุง จนสำเร็จลลุ ่วงไปด้วยดี 3. นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 มคี วามพึงพอใจต่อการจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู บบโครงงาน เรือ่ ง การ ปลกู ผักปลอดสารพิษตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมือ่ พิจารณาเป็นราย ข้อมีความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากถึงมากที่สุด โดยเรียงลำดับคา่ เฉลี่ยจากมากไปหานอ้ ย 3 อันแรก คือ ขา้ พเจา้ ชอบกิจกรรมภาคสนาม ครูมวี ิธีการวดั และประเมนิ ผลที่ท้าทายและสนุกสนาน และข้าพเจา้ ชอบบนั ทึก และรวบรวมขอ้ มลู ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของมานิตย์ วงศน์ ำ้ คำ (2562 : 99-104) ท่ีพบว่า นักเรียนมี ความพงึ อยู่พอใจตอ่ การเรยี นดว้ ยแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบโครงงานอยูใ่ นระดับมากทีส่ ดุ สอดคล้อง กบั ผลการศึกษาของสมศักดิ์ ตมุ้ ทอง (2562 : 85-87) ท่ีพบวา่ นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดกิจ กรร มการ เรยี นรูแ้ บบโครงงาน เรื่อง การเลย้ี งสตั วเ์ ศรษฐกจิ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มาก สอดคล้องกับผลการศึกษา ของยุพา ชาวพงษ์ (2562 : 102) ที่พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนดว้ ย กิจกรรมการเรยี นรู้ แบบโครงงานเร่ือง การทำขนมไทยจากวตั ถดุ ิบในทอ้ งถิน่ อยู่ในระดับมาก และมีความพึง พอใจตอ่ การทำขนมจากวัตถุดิบในท้องถ่นิ อยใู่ นระดบั มากทีส่ ดุ และสอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของเอซิส (Aziz. 2009 :194-A) ท่พี บว่า การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานเกีย่ วกับขอ้ มูล ทำใหน้ ักเรียนเกิดความ

72 พึงพอใจและมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นสงู ขึ้น ท้งั นีเ้ นอื่ งมาจากการเรยี นรู้แบบโครงงานเปน็ การเรียนรู้ที่สามารถ ตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล นักเรียนมอี สิ ระในการเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถเลอื กเรียนเรอ่ื งที่ตนถนัด และสนใจ และเปิดโอกาสให้นกั เรียนมีส่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียนร้ทู ุกขน้ั ตอน ได้คดิ ลงมือปฏิบัติ กิจกรรม ด้วยตนเอง และแก้ปัญหาดว้ ยตนเองและเมือ่ พิจารณาความพึงพอใจของนักเรยี นเป็นรายข้อจ ะพบว่า ข้อที่ นกั เรียนมคี วามพึงพอใจมากทสี่ ุด คอื นกั เรยี นชอบกิจกรรมภาคสนาม ชอบบันทึกและรวบรวมข้อมลู ชอบ ทำงานร่วมกับคนมากๆ ชอบร่วมกจิ กรรมกล่มุ ตลอดเวลา เพราะการเรียนรู้แบบโครงงาน เปน็ การให้ นกั เรียนไดอ้ อกสำรวจแหล่งเรยี นรู้ในทอ้ งถิน่ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลนอกหอ้ งเรยี น การทำงานร่วมกนั เพอ่ื น ๆ ในกลมุ่ ไดเ้ รยี นรู้และจดบันทึกข้อมลู จากการเปล่ียนแปลงของผักสวนครัวทต่ี นเองเป็นผู้ลงมือกร ะทำ อย่าง ภาคภูมใิ จ สนุกสนานเมือ่ ได้ทำกิจกรรมภาคสนาม นอกห้องเรียน เพราะไม่จำเจกับการเรียนเฉพาะในชั้นเรียน อยา่ งเดยี ว นกั เรยี นร้สู ึกมคี วามสนกุ ที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการเรียน นอกจากน้ยี งั พึงพอใจท่ีครูมี วิธีการวดั และประเมินผลท่ีทา้ ทายและสนกุ สนาน ไมว่ า่ จะเป็นการประเมนิ ดว้ ยใบงานใบกจิ กรรมท่ีตอ้ งทำนอก หอ้ งเรยี น การใช้เกมการศึกษาที่ได้แสดงออกอย่างอิสระ การประเมนิ ดว้ ยการนำเสนอผลงานหน้า ชั้น เรียน การแจ้งคะแนนทีน่ ักเรยี นทำไดใ้ ห้นักเรยี นทราบคะแนน ซง่ึ เป็นการกระตุน้ การเรยี นรู้และเปน็ การประเมินตาม สภาพจรงิ ทำให้นกั เรียนเกิดความสนกุ สนาน รสู้ กึ ทา้ ทายไมน่ า่ เบือ่ หน่าย มีอิสระในการเรยี น กอ่ ใหเ้ กิดความ ภาคภมู ใิ จในตนเอง ใช้ส่ือที่มคี วามทนั สมยั ทำให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง นกั เรยี นมีความเช่ือมั่นใน ตนเอง ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนำแผนไปใช้ 1.1 ผลจากการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ทำใหน้ ักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ เกิด ความสนกุ สนานตอ่ การเรียนที่ได้ลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง สามารถสรุปองค์ความรู้ท่ีได้จากกิจกรรมที่เรียนได้ภายใต้ การดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชดิ ของครผู สู้ อน ดงั น้ันครผู ูส้ อนควรวางแผนการดำเนินการสอน ให้เป็น อยา่ งดี เพราะหากนักเรยี นเกิดความเขา้ ใจจะทำให้การดำเนนิ กจิ กรรมเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว ซ่ึงจากการสังเกต การสอน พบวา่ การเขียนเคา้ โครง การเกบ็ รวบรวมข้อมูล นกั เรียนยงั ขาดประสบการณ์ ขาดทักษะในการเขยี น ไม่มคี วามมั่นใจ ทำใหเ้ สยี เวลาในการทำกิจกรรม ครูผูส้ อนต้องคอยแนะนำทำใหเ้ สียเวลาในการดำเนินกจิ กรรม ในขนั้ ตอนอื่น ๆ 1.2 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยโครงงาน สามารถส่งเสรมิ พัฒนาการเรียนของผู้เรียนให้มี ประสิทธิภาพได้ จงึ ควรสง่ เสรมิ การเรยี นดว้ ยโครงงานในระดับชัน้ อ่ืน ๆ หรือหมวดวิชาอืน่ ๆ ใหก้ ว้างขวางมาก ยง่ิ ข้นึ เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์มากท่ีสดุ ต่อการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น 1.3 ครูผสู้ อนควรเขา้ ใจในความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผู้เรียนแต่ละคน ซง่ึ บางกลุ่มอาจ ใช้เวลาในการเรียนร้แู ตกตา่ งกัน ดังนน้ั จงึ ควรจดั เวลาเรยี นให้เหมาะกับกิจกรรมมากขน้ึ และควรเอาใจใสด่ ูแล นกั เรยี นท่ีเปน็ กลมุ่ อ่อนมากขนึ้ 1.4 การจัดการเรยี นรู้ดว้ ยโครงงาน ควรมคี วามยดื หยุ่นในแต่ละเนื้อหา เนอ่ื งจากเนื้อหามี ความยากงา่ ยตา่ งกัน ดงั นัน้ ครูผู้สอนจำเปน็ ต้องใช้เวลาในการสอนให้เหมาะสม เพอ่ื ให้ผู้เรยี นเรียนรู้ในแต่ละ เน้อื หา อย่างถ่องแท้ และเข้าใจให้มากท่สี ดุ 2. ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาคน้ คว้าต่อไป

73 2.1 ควรมีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้การจัดกิจกรรมโครงงานเกิดประสิทธิภาพและ ประสทิ ธผิ ล 2.2 ควรมีการศกึ ษาเปรยี บเทียบผลการจัดการเรยี นรูแ้ บบโครงงานกบั การจัดกิจ กรร มการ เรยี นรู้วธิ อี ่นื ๆ 2.3 ควรมกี ารพัฒนาแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานทสี่ อดคลอ้ งกบั สภาพท้องถน่ิ ในรายวิชาอ่ืน และระดบั ช้นั อน่ื ๆ ตอ่ ไป

74 บรรณานกุ รม กรมวิชาการ. การจัดสาระการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ ุสภาลาดพร้าว, 2561. _________. ค่มู อื การจดั การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์องคก์ ารรับสง่ สนิ ค้าและพสั ดุภัณฑ์, 2562. _________. แนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น. กรงุ เทพฯ : กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2560. กระทรวงศกึ ษาธิการ. หลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551. พิมพ์คร้งั ที่ 3. กรุงเทพฯ : โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว, 2562. กองวจิ ัยทางการศกึ ษา กรมวชิ าการ. การวจิ ยั เพ่ือการพัฒนาการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรการศึกษา ข้นั พน้ื ฐาน. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ, 2561. กัญญา ค่ชู ยั ภูมิ. การพฒั นาแผนการเรียนรแู้ บบโครงงาน เร่ือง การแปรรูปอาหารจากขา้ วเหนยี ว กลุ่มการงานและพืน้ ฐานอาชพี ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6. การศกึ ษาคน้ ควา้ อิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2562. กดิ านนั ท์ มลทิ อง. เทคโนโลยีการศกึ ษาและนวตั กรรม. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์, 2560. ขิณรตั น์ ค้วิ สวุ รรณวงศ์. การผลิตพืชผักปลอดภัยจากสารพิษ. เชียงราย : ม.ป.พ., 2561. จิราภรณ์ ศิรทิ วี. “โครงงานการสรา้ งทางเลือกใหม่ของการสรา้ งปญั ญาชน,” วารสารวชิ าการ. 2(8) : 43-48 ; สิงหาคม, 2560. จลุ จักร โนพนั ธ์. โครงงาน. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ , 2560. ชอ่ ขวัญ วงศ์สุวรรณ. ผกั สวนครัว. กรุงเทพฯ : เกษตรสาสน์ , 2560. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. ระบบสื่อการสอน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2560. ชาตรี เกดิ ธรรม. เทคนิคการสอนแบบโครงงาน. เพชรบุรี : สถาบันราชภัฏเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, ม.ป.ป. เดชา จันทคตั . “การจดั การเรยี นรู้แบบโครงงาน,” ใน เอกสารประกอบการสัมมนาหลักสตู รและ การสอนการงานอาชพี และเทคโนโลยี. หนา้ 73-89. มหาสารคาม : ภาควิชา หลักสตู รและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. เดชา จนั ทคัต. เอกสารประกอบการวชิ า 0506716 สมั มนาหลกั สูตรและการสอนการงานอาชพี และเทคโนโลยี. มหาสารคาม : ภาควิชาหลกั สตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2562. ทองสุข รวยสูงเนนิ . ค่มู อื ปฏิบัติการสรา้ งแผนการสอนทีเ่ นน้ กระบวนการ. สรุ นิ ทร์ : เสมาธรรม, 2562. นฤมล ยุตาคม. “การเรียนร้โู ดยการทำโครงงาน,” ศึกษาศาสตรป์ ริทศั น์. 15(2) : 36 ; พฤษภาคม-สิงหาคม, 2562. นิยม ทิพจกั ร์. การศึกษาการสอนท่เี นน้ กระบวนการ วชิ าสงั คม (ส503) เรอื่ ง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ชั้นมธั ยมศึกษาป่ีที่ 5 ตามหลักสตู รมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ -ปลาย พทุ ธศักราช 2560 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560). วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม :มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2560. บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบอ้ื งต้น. พิมพ์ครง้ั ท่ี 7. กรุงเทพฯ : สุวรี ยิ าสาส์น, 2562. _________. การวจิ ัยสำหรับครู. กรุงเทพฯ : สวุ รี ิยาสาสน์ , 2561.

75 บูรชัย ศริ มิ หาสาคร. การทำโครงงานวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์, 2562. ประเทือง จันทไทย. การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธแ์ิ ละเจตคตติ ่อโครงงานวิชาสรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ชวี ติ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ระหวา่ งการสอนโดยโครงงานแบบกลมุ่ ตามสงั กัดผลสัมฤทธผิ์ ลทางการเรียน (STAD) และแบบกลุม่ ตามความสนใจ.วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2562. ประยุทธ ศรดี ารา. การจดั กิจกรรมการเรยี นร้โู ดยโครงงานการทดลอง เร่อื ง การปลกู ผักสวนครวั กลุ่มการงาน และพน้ื ฐานอาชพี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2562. ประสาท อิศรปรดี า. สารตั ถะจิตวิทยาการศกึ ษา. มหาสารคาม : ภาควิชาจติ วทิ ยาการศึกษาและ การแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2560. เผชิญ กิจระการ. “การวเิ คราะหป์ ระสิทธภิ าพสอื่ และเทคโนโลยเี พื่อการศกึ ษา (E1/E2),” วารสาร การวดั ผลการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. 7 : 50-51 ; กรกฎาคม, 2560. _________. ดชั นีประสิทธผิ ล (Effectiveness Index). เอกสารประกอบคำบรรยายรายวชิ า 0503710 สาขา เทคโนโลยกี ารศึกษา ศูนย์ร้อยเอด็ , 2561. พรรณี ช. เจนจิต. จิตวทิ ยาการเรียนการสอน. พมิ พ์คร้ังที่ 4. กรงุ เทพฯ : ภาควชิ าการศกึ ษา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, 2560. ภาควชิ าวิจยั และพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. การเขียนข้อสอบระดบั ประถมศึกษา. มหาสารคาม : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2562. _________พน้ื ฐานการวจิ ยั การศึกษา. มหาสารคาม : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2561. มานิตย์ วงศน์ ำ้ คำ. การพัฒนาแผนการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี แบบโครงงาน เรอื่ ง การปลกู พืชผกั สวนครัวทม่ี ีผล ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5. การศึกษาค้นควา้ อสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2562. ยพุ า ชาวพงษ์. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรอ่ื ง การทำขนมไทยจากวตั ถุดบิ ในท้องถนิ่ กล่มุ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2. การศกึ ษาคน้ ควา้ อิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. วรดา ลาภจิตร. การพฒั นาแผนการจดั การกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงาน สาระงานอาชีพและ เทคโนโลยี เรือ่ ง เกษตรอินทรีย์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1. การศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. วลัยพนั ธ์ สขุ ประเสริฐ. การพฒั นาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กล่มุ การงานพื้นฐานอาชพี เรือ่ ง การทำน้ำหมัดชวี ภาพจากผลไม้ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โดยใช้กจิ กรรมแบบ โครงงาน. การศึกษาคน้ ควา้ อสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. วัฒนาพร ระงบั ทุกข์. เทคนิคและกจิ กรรมการเรยี นรู้ทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ตามหลักสูตร การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : พรกิ หวานกราฟิก, 2562. วลั ลภ กันทรัพย์. “การประเมินแนวการสอนหรอื แผนการสอน,” วารสารวิจยั ทางการศกึ ษา. 24(2) : 10 ; เมษายน-มถิ นุ ายน, 2560. วชิ ชกุ ร มาลาวทิ ยา. “การเรียนรู้โดยโครงงาน,” ใน ประมวลบทความการปฏริ ูปกระบวน การเรยี นรสู้ ู่มาตรฐาน. หนา้ 29-38. สรุ ินทร์ : รุ่งธนเกยี รติออฟเซ็ท, 2562. วมิ ลรัตน์ สุนทรโรจน์. โครงงาน. มหาสารคาม : ภาควชิ าหลักสตู รและการสอน

76 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2562. _________. นวัตกรรมเพอ่ื การเรยี นรู้. มหาสารคาม : ภาควชิ าหลกั สตู รและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. วิมลศรี สวุ รรณรตั น์ และมาฆะ ทิพยค์ รี ี. ค่มู อื การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยการทำ โครงการ. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รุ๊ปแมเนจเม้นท์, 2562. ศลิ ปศักด์ิ มนต์จริยาพร. วธิ สี อนแบบโครงงาน. 2551. <http://gotoknow.org/blog/silapasak/ 13990> 2562. ศภุ สริ ิ โสมาเกตุ. การเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธใ์ิ นการเรยี นและความพงึ พอใจในการเรียน ภาษาอังกฤษของนกั เรยี น ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : สมนกึ ภัททิยธนี. การวัดผลการศึกษา. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 4. กาฬสนิ ธ์ุ : ประสานการพิมพ์, 2561. สมบรู ณ์ หงษ์วเิ ศษ. การพัฒนาแผนการเรยี นรแู้ บบโครงงาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี เรื่อง การแปรรปู อาหารจากมะละกอ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6. การศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. สมยศ นาวีการ. การบริหารพฒั นาองคก์ รและแรงจงู ใจ. พมิ พค์ รง้ั ที่ 3. กรุงเทพฯ : ดวงกมล, 2560. สมศกั ดิ์ ตมุ้ ทอง. การพฒั นาแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ แบบโครงงาน งานเกษตร เรือ่ ง การเล้ยี งสัตวเ์ ศรษฐกิจ กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3. การศึกษาค้นควา้ อิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2562. สมศกั ด์ิ สนุ ทรนวภัทร. การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ. 2551. <http://www.andamanfriend.org/ database/data/4/0002.html> 2562. สาคร แสงผึ้ง. การวิเคราะห์ข้อสอบแบบเลอื กตอบโดยวธิ ี B –Index และการวิเคราะห์ขอ้ สอบ แบบคะแนนไมใ่ ช่ 0-1 ด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์. เชยี งใหม่ : หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ กรมสามญั ศึกษา เขตการศึกษา 8, 2561. สำนักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ. โครงงาน : การเรยี นรทู้ ีล่ ุม่ ลึก. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว, 2560. _________. แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยโครงงาน. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพร้าว,2562. _________. แนวการใช้หลกั สตู รประถมศกึ ษาพทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 3. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว, 2560. สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ. แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยโครงงาน. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว, 2560. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองพฒั นาศกั ยภาพผู้บริโภค. การขจัดสารพิษในผักผลไม้. 2562. <http://elib.fda.moph.go.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp &cat=aut&lang= 1&db=Jindex&pat=%A2%E8%D2%C7%E1%A8%A1&cat=aut&skin=u&lpp=20&catop= &scid=zzz&bid=33960> 2562. สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรยี ์ (มกท.). ผักปลอดสารพษิ . กรงุ เทพฯ : ม.ป.พ., 2562. สุชา จนั ทนเ์ อม. จติ วิทยาทวั่ ไป. พิมพค์ รัง้ ท่ี 11 ฉบบั แก้ไขเพม่ิ เตมิ . กรงุ เทพฯ :ไทยวฒั นาพานชิ , 2560. สุนทร เรืองเกษม. คมู่ ือการปลกู ผัก. กรุงเทพฯ : ดวงกมล, 2560.

77 สนุ ทรี วังศรี. การพฒั นาแผนการเรยี นรู้ โดยโครงงาน เร่อื ง การประดิษฐข์ องใชด้ ้วยวสั ดุ ในทอ้ งถน่ิ กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1. ศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2562. สนุ ทร หลกั คำ. การพฒั นาแผนการจดั การเรยี นรกู้ ลมุ่ สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรอ่ื ง การจดั ทำปยุ๋ ชวี ภาพโดยใช้กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1. การศึกษาคน้ คว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม, 2562. สุเพียร สารลึก. การพัฒนาแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรอื่ งการถนอมอาหาร และการแปรรูป กลุ่มสาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี งานเกษตร ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6. การศึกษาค้นคว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัย มหาสารคาม, 2562. สุรศักดิ์ สมมตุ ิ. การพฒั นาแผนการจัดการเรยี นรู้แบบโครงงาน กลุม่ สาระการงานและพ้นื ฐาน อาชพี เร่ือง การทำนำ้ ปลาจากปลาร้า ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5. การศึกษาค้นควา้ อิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2562. อรสา ดิสถาพร. เกษตรดที ่ีเหมาะสม (GAP) สำหรับ การผลติ ผกั ปลอดภยั จากสารพษิ . กรงุ เทพฯ : กองสง่ เสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการเกษตร, 2562. อุดมศักด์ิ ธนะกิจรุ่งเรอื ง และคณะ. “โครงงานวชิ าการ,” วารสารวิชาการ. 3(6) : 17 ; มถิ ุนายน,2562. Aziz, Nahida. “The Impact of the BACIP Physical Construction Improvement Techniques on Classroom Learning Environment,” Masters Abstracts International. 44(02) : unpaged ; April, 2007. Greenwood Nicole Lauren. “The Culture Fair : Reinventing Project-based Learning to Meet Current Standards,” Masters Abstracts International. 42(02) : 377 ; April, 2008. Niesz, Tallia Marie. “The Project Approach to Learning : How the Project Approach Provides Opportunities for Authentic Learning,” Masters Abstracts International. 42(02) : 378 ; April, 2008. Tomasek, Terry Morton. “Student Cognition and Motivation During the Classroom Bird Watch Citizen Science Project,” Dissertation Abstracts International. 67(11) : 4135-A ; May, 2009. Yun, Eunju. “Moral Education as Contextual : A Qualitative Study in an Early Childhood Classroom,” Dissertation Abstracts International. 63(11) : 3850-A ; May, 2007.

78 ภาคผนวก

79 ภาคผนวก ก ตวั อย่างแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงาน

80 ผงั มโนทัศนส์ าระการเรียนรู้ สาระเพิม่ เติม (งานเกษตร) ผงั มโนทศั น์หนว่ ยการเรียนรู้

81 แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการงานอาชพี เวลา 18 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื ง การปลูกผักปลอดสารพษิ เวลา 2 ชั่วโมง เร่อื ง ความสำคัญของผักปลอดสารพิษ มาตรฐาน ง. 1.1 เข้าใจ มีความคดิ สร้างสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทักษะการทำงานรว่ มกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลกั ษณะ นสิ ยั ในการทำงาน มจี ิตสำนึกในการใช้พลงั งาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพ่ือการดำรงชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน ง. 2.1 เข้าใจ มีทักษะท่จี ำเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้ เทคโนโลยีเพ่ือการพัฒนาอาชพี มคี ุณธรรม และมเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ อาชพี สาระสำคญั พืชผกั ปลอดสารพิษมีความสำคัญทางโภชนาการ รกั ษาสุขภาพอนามยั ปราศจา กสาร พิษ ตกคา้ งในรา่ งกาย ไดค้ ณุ คา่ ทง้ั ด้านอาหารและด้านยารักษาโรค ผักทป่ี ลอดจากสารพิษจะช่วยให้ผู้บริโภค ปลอดภัยจากสารเคมี ทำให้มสี ขุ ภาพดีและปลอดภยั ผักที่ปลูกโดยปลอดภยั จากสารพิษเชน่ ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวชั พืช ปยุ๋ เคมี ยอ่ มมคี ุณคา่ ตอ่ รา่ งกายสงู สุด จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายความสำคัญของผกั ปลอดสารพษิ ได้ 2. นักเรยี นสามารถบอกประโยชน์ของผกั ปลอดสารพิษได้ 3. นักเรยี นสามารถบอกลักษณะของผกั ปลอดสารพิษได้ 4. นกั เรยี นมีความรบั ผิดชอบและทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ งมีความสขุ สาระการเรยี นรู้ 1. ความสำคัญของผกั สวนครัวปลอดสารพษิ 2. ประโยชน์ของผกั ปลอดสารพษิ 3. ลกั ษณะของผกั ปลอดสารพษิ บรู ณาการกบั เศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความพอประมาณ เน้อื หามปี ระโยชน์ตอ่ ชีวติ ประจำวันและความสนใจของนกั เรยี น 2. ความมีเหตุผล เห็นความสำคญั ของผักปลอดสารพิษ นำผักปลอดสารพิษ ไปใช้ประโยชน์อยา่ งค้มุ ค่า 3. การมภี มู ิคมุ้ กันในตัว นำผกั ปลอดสารพิษไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งเหมาะสม และป้องกนั ตนเองจากอัน ตรายจาก สารพษิ ได้ 4. เงอ่ื นไขความรู้

82 สามารถบอกความสำคัญของผกั ปลอดสารพิษ บอกประโยชน์ของผกั ปลอดสารพิษ ลกั ษณะ ของผกั ปลอดสารพิษได้ 5. เงอื่ นไขคณุ ธรรม นกั เรียนมีความรับผิดชอบ มีความสามคั คี มีความขยันอดทน มีความตระหนกั ในอนั ตรายต่อ สง่ิ แวดลอ้ มและทำงานรว่ มกับผูอ้ ื่นอยา่ งมีความสุข กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. กจิ กรรมกอ่ นการเรียนรู้ 1.1 ครูสนทนาทบทวนเน้อื หาเก่ียวกบั ผกั สวนครัวที่เรียนมาแล้ว ครถู ามนกั เรยี นเกย่ี วกบั การ ดูแล การให้น้ำ การใหป้ ยุ๋ การกำจดั แมลงศัตรพู ชื ของผกั ทป่ี ลูกที่บา้ นและชมุ ชนว่าใช้ปุ๋ยอะไรทำอยา่ งไร และ ทำอยา่ งไรจงึ จะไดผ้ กั ทปี่ ลอดภยั จากสารพิษ 1.2 ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. กจิ กรรมระหว่างเรยี น 2.1 ครูนำผกั สวนครัว 5-10 ชนิด ให้นักเรียนดู ครแู ละนักเรยี นสนทนาถงึ ลักษณะของผักแต่ ละชนดิ และลักษณะของผกั ปลอดสารพิษ 2.2 ครแู ละนักเรียนสนทนาถงึ ผักทนี่ ักเรียนเคยรับประทานว่าปลอดภัยจากสารพิษหรือไม่ดู จากสิง่ ใด 2.3 ครูนำแผนภมู ิภาพผักชนิดตา่ งๆ ตดิ ทกี่ ระดานให้นกั เรยี นดู และพจิ ารณาว่าผักชนิดใด ปลอดสารพิษบ้าง มลี ักษณะอย่างไร 2.4 ครูอธิบายถงึ ความสำคัญของผักปลอดสารพิษประโยชน์ และลักษณะของผักปลอด สารพิษ 2.5 ครูแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน แบ่งกล่มุ โดยคละนกั เรียน เก่ง ปานกลาง ออ่ น อย่ดู ้วยกัน เพ่ือนักเรียนจะไดช้ ว่ ยเหลอื กนั แตล่ ะกลมุ่ เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม 2.6 ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มรบั ใบความรู้ ท่ี 2 เรอ่ื ง ความสำคัญของผักปลอดสา ร พิษ ประโยชน์ และลกั ษณะของผักปลอดสารพิษ สมาชกิ รว่ มกนั ศกึ ษา และแสดงความคดิ เหน็ 2.5 ตัวแทนกลมุ่ รับ ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง ความสำคัญของผกั ปลอดสารพิษ ประโยชน์ และลกั ษณะของผกั ปลอดสารพษิ เท่ากับจำนวน สมาชกิ 2.7 ใหต้ อบคำถามจากจากการศกึ ษาจากใบความรู้ แผนภูมผิ กั ชนดิ ตา่ งๆ 2.8 แต่ละกลุ่มรวบรวมใบงานสง่ ครูตรวจ ครชู ้แี นะและเพิม่ เติมความรู้ให้สมบรู ณ์ยง่ิ ขึน้ 2.9 นกั เรยี นรับใบงานกลับคนื แก้ไขปรบั ปรุง นำใบงานเกบ็ ไวใ้ นแฟม้ สะสมงานของตนเอง 2.10 แตล่ ะกลุ่มนำความร้ไู ปรว่ มกันสรปุ เปน็ แผนผงั ความคดิ ในกระดาษชาร์ด 2.11 นกั เรียนจับสลากเรียงลำดับเพื่อนำเสนอหน้าชัน้ 3. กิจกรรมหลังการเรียน 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้ เร่อื ง ความสำคัญของผกั ปลอดสารพษิ ประโยชนแ์ ละ ลักษณะของผกั ปลอดสารพษิ โดยครตู ้ังคำถามจากเร่ือง แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบถ้าตอบไมถ่ ูกให้ดูที่ใบความรู้ ครู บนั ทกึ สรปุ ไวท้ ่ีกระดาน 3.2 นักเรียนบันทึกสรุปความรู้ เรื่อง ความสำคญั ของผักปลอดสารพิษ ประโยชน์ และ ลกั ษณะของผกั ปลอดสารพษิ โดยยอ่

83 3.3 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มค้นคว้าหาผักปลอดสารพิษ 1 ชนดิ พร้อมกบั บอกประโยชน์บอก ลักษณะของผักปลอดสารพิษ จากอนิ เทอรเ์ น็ต 3.4 นักเรยี นนำผลงานสง่ ครตู รวจ นำผลงานจดั แสดงที่ป้ายนิเทศ นักเรียนรว่ มกนั แสดงความ ช่นื ชม สอ่ื การเรียนการสอน 1. ของจริงผกั ชนดิ ตา่ งๆ 2. แผนภมู ริ ปู ภาพผกั สวนครวั ผกั ปลอดสารพษิ 3. ใบความรทู้ ่ี 2 เรื่อง ความสำคญั ของผกั ปลอดสารพษิ ประโยชน์ และลักษณะของผักปลอดสารพษิ 4. ใบงานที่ 2 เรื่อง ความสำคญั ของผักปลอดสารพิษ ประโยชน์ และลกั ษณะของผักปลอดสารพษิ 5. กระดาษชาร์ด สีเมจิก 6. อินเทอร์เน็ต การวดั ผลประเมินผล 1. วิธีการวดั ผลประเมินผล 1.1 การสงั เกตพฤติกรรม 1.2 การประเมินการทำงาน 1.3 การตรวจผลงาน 2. เคร่อื งมอื วดั ผลประเมินผล 2.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 2.2 แบบประเมนิ การทำงาน 3. เกณฑก์ ารวัดผลประเมินผล 3.1 ตรวจผลงาน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 80 3.2 ประเมนิ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 80 ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… (ลงชอื่ ) …………………………………… (จา่ สบิ เอกเสวก ฉนุ หอม) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 56 จังหวัดนา่ น

84 บันทึกหลงั สอน ดา้ นความรู้ (K) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ด้านคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................. ครผู สู้ อน (นายพริ ยิ พงษ์ ลอยเลิศ) ตำแหนง่ ครู

85 ใบความรทู้ ่ี 2 กลมุ่ สาระการงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้เร่อื ง การปลกู ผักปลอดสารพษิ แผนท่ี 2 ความสำคัญ ประโยชน์ และลักษณะของ ผกั ปลอดสารพิษ ความสำคัญของผกั ปลอดสารพิษ ในสถานการณ์ปจั จบุ ัน การพัฒนาทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคมได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมท้ังใน ชุมชนเมือง และชุมชนชนบทเป็นอยา่ งมาก สารเคมตี า่ งๆ ได้เข้ามามบี ทบาทต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของ คนเรา พืช ผกั ผลไม้ ตลอดจนอาหารที่เราบริโภค ลว้ นแต่อยูใ่ นภาวะท่ีทุกคนหลีกเล่ียงไม่ได้ในเร่ืองควา ม ปลอดภยั ต่อสุขภาพ เน่ืองจากมีภารกจิ การงานที่เร่งรีบ ตา่ งคนต่างอยู่ ต้องการความสะดวกสบา ยในการ บรโิ ภค จงึ ไม่มีเวลาผลติ และควบคมุ ดว้ ยตนเอง ประกอบกบั การมีพนื้ ทีท่ จี่ ำกดั อยา่ งเชน่ ในสังคมเมืองและขาด การรวมกลุม่ ประสานเช่อื มโยงซ่งึ กันและกัน เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ท่ีทำให้ต่างคนตา่ งอยู่ ขาดการพ่ึงตนเอง ดังนน้ั ผักปลอดสารพษิ จงึ มคี วามสำคญั ต่อการดำรงชีวิต สิ่งทต่ี ามมาไมว่ า่ จะเป็นการบริโภคผักหรือ อาหารที่ไม่ปลอดสาร ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพ การออม ขาดการพงึ่ ตนเอง และขาดการเชอ่ื มโยงของค น จึง จำเป็นตอ้ งรูเ้ รื่องผักปลอดสารพิษ ซง่ึ เปน็ วิธกี ารหนึ่งทีจ่ ะสามารถแก้ไขปัญหาทกี่ ล่าวมาข้างต้นได้ การปลูกผักปลอดสารพษิ เปน็ ส่วนหนึ่งของทฤษฎีเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถสง่ เสริมวิถีชีวิตของคน ในชุมชนให้พออยู่พอกินและพ่ึงตนเองได้ มอี าหารเพยี งพอตอ่ การบริโภคภายในครัวเรือน มผี ลผลิตไวจ้ ำหน่าย สร้างเสริมรายได้จนุ เจอื ครอบครัวและพฒั นาคุณภาพชีวติ ท้งั เกดิ การเอ้ือเฟ้ือเกื้อกูลกัน ทำให้บุคลากรใน โรงเรยี นเข้มแข็งด้วยการพงึ่ ตนเอง และมีเศรษฐกจิ ชุมชน ดา้ นสขุ ภาพที่ดีขน้ึ เพราะทกุ คน บริโภคแต่ผักท่ี ปลอดสารพษิ อาหารปลอดภัย ทำให้โรงเรียนและชมุ ชนมีการพัฒนาและมวี ถิ ีชีวิตทีย่ ัง่ ยนื ประโยชน์ของการปลูกผักปลอดสารพษิ 1. เพือ่ ใหไ้ ด้ผักทีป่ ลอดภยั จากสารพษิ ตกคา้ ง 2. เพ่อื ใหน้ ักเรยี นเกิดทักษะเบื้องต้นในด้านการปลูกผักปลอดสารพิษโดยใช้พืชไล่แมลงและยาฆ่า แมลงทท่ี ำจากสารสะเดา 3. เพ่อื เป็นแหล่งเรียนรแู้ ละแลกเปลยี่ นประสบการณภ์ ายในโรงเรียน 4. เพื่อสง่ เสริมสขุ ภาพทีป่ ลอดภยั แขง็ แรง ตอ่ นักเรียน ผู้ปกครอง ชมุ ชน 5. เพอ่ื ถา่ ยทอดเทคโนโลยดี ้านการเกษตรปลอดสารพษิ แก่นักเรียนและชุมชน ผกั ปลอดสารพิษ หมายถงึ ผกั ท่ีปราศจากสารพิษตกค้าง(pesticide residue free) โดยหลกั การน้ีต้อง เพาะปลูกในพื้นดนิ ท่ปี ราศจากสารเคมี โดยจะใชว้ ธิ ีธรรมชาติในการเพาะปลูก และต้องไดร้ ับกา รดูแลจ าก เกษตรกรเปน็ อยา่ งดี แตอ่ กี ความหมายหน่งึ ผักปลอดภัยสารพษิ นั้นรวมถึงผักท่ยี ังคงมสี ารพิษตกคา้ งปนอยู่บา้ ง แตไ่ ม่เกินค่า MRL (Maximum Residue Limit) ซ่งึ เปน็ เคร่ืองมือตรวจระวังระดับของสารพิษตกคา้ งท่ีกำหนดโดยองคก์ ารอนามัยโลก ผกั ปลอดภยั จากสารพิษ หมายถงึ ผลผลติ พืชผกั ที่ไม่มีสารเคมีปอ้ งกันและกำจัดศตั รูพืชตกค้างอยู่ หรอื มีตกคา้ งอยู่ไม่เกนิ ระดบั มาตรฐานท่กี ระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบับ ที่ 163 พ.ศ. 2538 ลงวนั ท่ี 28 เมษายน 2538 เรือ่ งอาหารท่ีมสี ารพิษตกคา้ ง ผกั ปลอดภยั จากสารพิษ ได้แก่ ผักท่ีปลกู โดยท่วั ไป มกี ารใชป้ ุ๋ยเคมี ยาป้องกันและกำจดั ศตั รูพชื แต่จะตอ้ งรอให้สารเคมีเหลา่ น้ันสลายไปก่อน

86 จึงจะทำการเกบ็ เกี่ยวได้ ซ่งึ อาจจะยังมีสารเคมีตกค้างอยู่บ้าง แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ ค่า MRL (Maximum Residue Limit) ตามทอี่ งคก์ ารอนามยั โลกกำหนด จึงจะสามารถบรโิ ภคได้อย่างปลอดภัย ท่ีมา : http://www.watsrisukschool.th.gs/web-w/atsrisukschool/cluster51/s01.htm ลักษณะของผักปลอดสารพษิ ลักษณะของผกั ปลอดสารพษิ มีดงั น้ี 1. ปลกู ในดินทไ่ี มม่ ีสารพษิ ตกคา้ ง เชน่ ยาฆ่าแมลง ปยุ๋ เคมี สารกำจัดวชั พชื หรือไม่ใชด้ ินในการปลกู 2. ไมใ่ ช้ปยุ๋ เคมี หรือ ยาฆ่าแมลง สารกำจดั วชั พืช 3. ใชป้ ยุ๋ คอก ปุย๋ หมัก และปยุ๋ ชีวภาพ ในการบำรุงผัก ปุ๋ยนำ้ ชวี ภาพ ใช้อตั ราส่วนทเ่ี หมาะสมฉีดพ่น พชื ผกั ช่วยลดต้นทุนการผลติ ได้ 4. ใชส้ ารกำจัดแมลงจากธรรมชาติ หรือจากพชื ไล่แมลง วธิ ีใช้สารสกดั ธรรมชาติจากพชื สมุนไพร คอื การลดปริมาณของศัตรพู ืชผัก โดยใช้สารเคมสี กัดได้ธรรมชาติจากพืชสมนุ ไพร ซึง่ มคี ณุ สมบตั ิ เปน็ สารไล่ สาร ยับยั้งการกนิ อาหารและเปน็ สารฆา่ ไดแ้ ก่ สะเดา (สะเรยี ม) สาบเสอื ยาสบู ตะไคร้หอม ว่านนำ้ ดาวเรอื ง พรกิ หรือพชื ทีม่ กี ล่นิ ฉนุ แมลงไม่ชอบ 5. การกำจัดศตั รูพชื โดยวธิ ีการตา่ งๆ คือ วิธีเขตกรรม คือ การดัดแปลงสภาพแวดล้อม ให้เกิดความไม่เหมาะสม ต่อการดำรงชีวิตและ ขยายพนั ธุ์ของศัตรพู ืชผัก ได้แกก่ ารจดั การน้ำ การตดั วชั พืช การพรวนดนิ การเก็บเผาทำลายการยกแปลงให้ สูง (ฤดฝู น) การทำร่องระบายน้ำ การปรบั ปรงุ ดนิ วธิ ีกล คอื การลดปรมิ าณศัตรูพชื ผัก โดยการดักลอ่ การกรดี ขวางการทำลาย ได้แก่การใชซ้ าแรนดำ คลมุ แปลง (ฤดรู อ้ น) การใชพ้ ลาสติกคลุมแปลง การใช้กบั ดักเหลอื งทากาวเหนยี ว วิธีกายภาพ คอื การลดปรมิ าณศัตรูพืชผัก โดยใช้ปจั จยั ทางดา้ นกายภาพ ได้แก่ การใชแ้ สงไฟ การใช้ ความรอ้ นจากพลงั งานแสง วิธีชีวภาพ คอื การใชป้ ระโยชนจ์ ากศัตรูธรรมชาตซิ งึ่ ประกอบดว้ ยตัวห้ำตัวเบียน และเชื้อโรคปฏิปักษ์ เพอ่ื ควบคมุ ศัตรูพืชผักให้อยู่ระดับตำ่ ไดแ้ ก่ มวนพฆิ าต มวนเพชฌฆาต แมงมุม แตนเบียนอะพานทีเลส เชื้อ แบคทเี รยี บีที เชอ้ื ไวรัสเอ็นพวี ี ไสเ้ ดือนฝอย สะไตรเนอรน์ มี ่า 6. ปลูกโดยใชม้ งุ้ หรอื กระโจมครอบ

87 ใบงานท่ี 2 เร่ือง ลักษณะของผกั ปลอดสารพิษ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ประกอบแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง ความสำคญั ประโยชน์ และลกั ษณะของผักปลอดสารพิษ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรียนบอกความสำคญั ประโยชน์ของผักปลอดสารพษิ ได้ 2. นักเรียนบอกลักษณะของผกั ปลอดสารพิษ ได้ คำช้ีแจง 1. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาใบความรู้ เร่อื ง ญ ประโยชน์ และลักษณะของผักปลอดสารพิษ และทำ ใบงาน 2. แต่ละกลุ่มชว่ ยกันปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเสร็จแล้ว ใหส้ ง่ ตวั แทนออกมานำเสนอผลงานตามที่ไดร้ บั มอบหมายหน้าชน้ั เรียน

88 ใบงานที่ 2 เร่ือง ประโยชนข์ องผกั ปลอดสารพิษ กลุม่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื ง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ แผนที่ 2 ความสำคัญ ประโยชน์ และลกั ษณะของ ผกั ปลอดสารพิษ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นระดมความคิดหาประโยชน์ของผักปลอดสารพษิ ทำเปน็ แผนผงั ความคดิ (10 คะแนน) ชื่อ 1........................................................................................................เลขท่ี............................................ ประโยชน์ของผกั ปลอดสารพิษ สมาชกิ กลุ่ม................................ ชื่อ 1...........................................................................................เลขท่ี.............................. 2........................................................................................... เลขท่ี ............................. . 3........................................................................................... เลขท่ี .............................. 4........................................................................................... เลขที่ ..............................

89 ใบงานท่ี 2 เร่อื ง ลกั ษณะของผักปลอดสารพิษ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 หนว่ ยการเรียนรู้เร่อื ง การปลกู ผกั ปลอดสารพิษ แผนท่ี 2 ความสำคญั ประโยชน์ และลกั ษณะของ ผกั ปลอดสารพษิ คำช้ีแจง ให้นักเรียนระดมความคิดหาลักษณะของผักปลอดสารพิษทำเปน็ แผนผังความคดิ (10 คะแนน) ชื่อ 1......................................................................เลขท่ี............................................ ลักษณะของผกั ปลอดสารพิษ สมาชกิ กล่มุ ................................ ชื่อ 1...........................................................................................เลขที่.............................. 2...........................................................................................เลขท่ี.............................. 3........................................................................................... เลขที่ .............................. 4...........................................................................................เลขที่..............................