Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์

สวนพฤกษศาสตร์

Published by kunchira092, 2020-11-02 14:55:07

Description: นายอมเรศ เจ้าเล่ห์ดี เลขที่ 9 ม.5/1
นางสาวกุลจิรา แซ่ลี เลขที่23 ม.5/1

Search

Read the Text Version

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรยี น ประกอบรายวชิ า ว 32101 เทคโนโลย2ี ครูประจาวชิ า คุณครรู ชั ชนก วงศ์เียี ว

คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เร่ือง สวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียนเล่มน้ีประกอบดว้ ยเน้ือหาเกี่ยวกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ น โรงเรียนวงั เหนือวิทยาเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เน้ือหาในหนงั สือ อิเลก็ ทรอนิกส์น้ีจะเป็นประโยชนส์ าหรับผทู้ ่ีศึกษาไดเ้ ป็น อยา่ งดี ผจู้ ดั ทา อมเรศ เจา้ เลห่ ์ดี กลุ จิรา แซ่ลี

ช่ือพนั ธ์ุไม้ ชาทอง ข้อมูลพฤกษศาสตร์ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Duranta erecta L. ช่ือวงศ์ : VERBENACEAE ช่ือสามญั : Golden Dewdrop ,Japan Camillia ,Pigeon berry ,Sky flower ชื่อพ้ืนเมือง : เทียนทอง ,พวงม่วง ,เทียนพญาอินทร์ ถิ่นกาเนิด : อเมริกา เขตร้อน การกระจายพนั ธุ์ : - ในประเทศไทย พบในทว่ั พ้ืนท่ีเขตร้อน -ในประเทศอ่ืน ๆ ประเทศในเขตร้อน นิเวศวทิ ยา : เติบโตไดด้ ีในเขตร้อนช้ืน เวลาออกดอก : ตลอดปี เวลาติดผล : ตลอดปี การขยายพนั ธุ์ : การปักชากิ่ง และตอนก่ิง การใชป้ ระโยชน์ : 1. นิยมปลูกเพื่อเป็นไมป้ ระดบั ตน้ และเพ่ือชมดอก 2.ใบสดใชห้ า้ มเลือด แกฝ้ ีฝักบวั แกอ้ กั เสบบวมเป็นหนอง 3. เมลด็ แหง้ ใช้ ชงน้ารับประทานแกไ้ ขม้ าลาเรีย แกช้ ้าใน

ไมพ้ มุ่ สูง 1 เมตร ผวิ ลาตน้ หยาบ ขรุขระ สีเทาออ่ น ใบเด่ียวแบบตรงขา้ ม ใบรูปรี กวา้ งประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ใบสีเขียวออ่ นอมเหลืองถึงสีเหลืองทอง ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ ดอกช่อแบบช่อวง แถวเด่ียว กล่ินหอม ออท่ีปลายยอด กลีบเล้ียง 6 กลีบ สีเขียวกลีบ ดอก 5 กลีบ สีม่วงออ่ น เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสรเพศเมีย 1 อนั ผล เด่ียว ผลสด เมลด็ เด่ียวแขง็ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีส้ม เมลด็ 1 เมลด็ /ผล

แคฝร่งั ชื่อไทย : แคฝรั่ง ชื่อทอ้ งถิ่น : ช่ือสามญั : Madre de Cocoa/ Quick Stick ชื่อวิทยาศาสตร์ :Gliricidia sepium (Jacq.) Walp. ชื่อวงศ์ : PAPILIONACEAE ลกั ษณะวสิ ัย :ไมย้ นื ตน้ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง สูง 5-10 เมตร ยอดอ่อนมีขนสีน้าตาลปกคลุม ใบ ประกอบแบบขนนก เรียงตวั แบบสลบั มีใบยอ่ ย 6-10 ใบ ขนาด กวา้ ง 1.5-2 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบและตามก่ิงแก่ ดอกยอ่ ยสีขาวอมชมพ-ู ม่วง ผล เป็นฝักรูปร่างแบนยาว มีกลีบเล้ียงเจริญร่วมดว้ ย เมลด็ รูปไข่แบน สีดา มี 3- 8 เมลด็ แคฝรั่ง (Mata Raton) เป็นไมย้ นื ตน้ พลดั ใบขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง นิยม ปลูกเพอ่ื เป็นไมป้ ระดบั ดอก เนื่องจาก ออกดอกเป็นช่อใหญ่หลงั การหล่นร่วง ของใบ ดอกมีสีขาวหรือชมพอู มขาว แลดูสวยงาม รวมถึงเพอ่ื การรับประทาน ดอก โดยนามาประกอบอาหารไดห้ ลากหลายชนิด ปัจจุบนั เป็นท่ีนิยมปลกู มาก ท้งั ในสถานท่ีสาธารณะหรือราชการ สถานที่ท่องเท่ียว ตามบา้ นเรือน และหวั ไร่ ปลายนา

ถน่ิ กาเนิด และการแพร่กระจาย แคฝรั่ง (Genus : Gloriosa) มีถ่ินกาเนิดในอเมริกา แถบประเทศแมก็ ซิโก และแถบ ประเทศทะเลคาริเบ้ียน ต้งั แต่เมือง Sinaloa ทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศ แมก็ ซิโกไปจนถึงประเทศคอสตาริกา้ ชอบข้ึน และเติบโตไดด้ ีในประเทศแถบอากาศร้อน ซ้ืน และข้ึนไดด้ ีในทุกสภาพดิน โดยแพร่กระจายต่อมาในท้งั แถบแคริเบียน ทางตอนเหนือ ของอเมริกาใต้ ตอนกลางของแอฟริกา เอเชีย และเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศ ไทย การปลูกแคฝร่ังในประเทศไทยในระยะแรกจะปลูกเพอื่ การเป็นไมป้ ระดบั ดอก โดย สาเหตุท่ีต้งั ช่ือวา่ แคฝร่ัง เนื่องจาก ตวั ดอกมีลกั ษณะคลา้ ยดอกแคทุกประการ ท้งั รูปร่าง และสี แต่เป็นไมท้ ี่นามาจากต่างประเทศจึงต้งั ชื่อวา่ แคฝร่ัง เพิ่มเติมจาก [1] ท้งั น้ี แคฝร่ังเป็นดอกไม้ ประจาของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม เขตจตุจกั ร กรุงเทพมหานคร การปลูกแคฝรั่ง การปลูกดว้ ยเมลด็ เมลด็ แคฝร่ังท่ีนามาเพาะ ควรเลือกเมลด็ จากผลแก่ โดยเกบ็ ผลมาพกั ทิ้งไว้ 2-3 เดือน เพ่ือใหเ้ มลด็ มีการฟักตวั ก่อน โดยเมลด็ แคฝรั่งหนกั 1 กิโลกรัม จะมีเมลด็ ประมาณ 4,500-11,000 เมลด็ หลงั จากน้นั นาเมลด็ มาแช่น้าทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนาลงถุงเพาะหรือ แปลงเพาะ ซ่ึงเมลด็ จะเริ่มงอกภายใน 7-10 วนั หลงั จากตน้ กลา้ เติบโตไดป้ ระมาณ 1 เดือน หรือ มีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กส็ ามารถนาลงหลุมปลูกได้ ท้งั น้ี การเจริญเติบโตของแคฝรั่งในช่วงแรก จะคอ่ นขา้ งชา้ แต่หากต้งั ตน้ ไดแ้ ลว้ จะสามารถเติบโตไดถ้ ึง 3 เมตร ภายในปี เดียว

ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ลาตน้ แคฝร่ัง เป็นไมย้ นื ตน้ มีความสูงต้งั แต่ 3-15 เมตร ลาตน้ ต้งั ตรง มีการ แตกกิ่งกา้ นนอ้ ย ทาใหท้ รงพมุ่ โปร่ง เปลือกลาตน้ มีสีเทาอมขาว หรือน้าตาลอมเทา และเม่ือลาตน้ แก่ เปลือกลาตน้ แตกสะเกด็ ทว่ั ลา ตน้ ใบ ดอก ผล

ประโยชนแ์ คฝรั่ง 1. แคฝร่งั ปลกู เพ่ือเป็นไมป้ ระดบั ดอก อีกทงั้ ปลกู และเติบโต งา่ ย และทนตอ่ โรค และแมลง 2. เน่ืองจากดอกมีรสหวาน และนมุ่ จึงนิยมใชป้ ระกอบอาหาร หลายอยา่ ง 3. รากแคฝร่งั สามารถตรงึ ไนโตเจนได้ จงึ ใชป้ ลกู เพ่ือเป็นพืช บารุงดนิ ในไรเ่ พ่ือเป็นไมพ้ ่ีเลยี้ ง 4. ใบ ดอก ฝักออ่ น และเมลด็ ใชเ้ ป็นอาหารสตั ว์ ทงั้ การใหส้ ด การหมกั รว่ มกบั หญา้ หรอื อาหารหยาบ 5. สารสกดั จากใบ ฝัก เมลด็ และราก ใชเ้ ป็นยาเบ่ือหนู 6. เปลือกลาตน้ และใบนามาสกดั ใชเ้ ป็นยากาจดั แมลง ศตั รูพืช

ลีลาวดี ชื่อพฤกษศาสตร์ : Plumeria spp. ช่ือวงศ์ : APOCYNACEAE ชื่อทอ้ งถิ่น : ลน่ั ทม ช่ือสามญั : Frangipani , Pagoda tree, Temple tree ถิ่นกาเนิด : อเมริกาเขตร้อน แหลง่ ที่พบ : พบไดท้ ว่ั ไปใน ประเทศไทย ลกั ษณะสณั ฐาน : วสิ ยั เป็นไมย้ นื ตน้ มีขนาดต้งั แต่พุ่มเต้ียแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ท่ีสูง มาก อาจสูงถึง 12 เมตร ลาตน้ แตกก่ิงกา้ นสาขาและพมุ่ ใบสวยงาม มีน้ายางสีขาวขน้ เป็น ไมผ้ ลดั ที่สลดั ใบในฤดูแลง้ ก่อนที่จะผลิดอกและผลิใบรุ่นใหม่ ก่ิงท่ียงั ไม่แก่มีสีเขียว อ่อนนุ่ม ดูเกือบจะอวบน้า กิ่งแก่มีสีเทามีรอยตะป่ ุมตะป่ า กิ่งไม่สามารถทานน้าหนกั ได้ ก่ิงเปราะ ลาตน้ เปลือกลาตน้ หนา ตน้ ที่โตเตม็ ที่แลว้ จะพฒั นาจนกระทง่ั มีความแขง็ แรงมากข้ึน ใบ เป็นใบเดี่ยว มีการเรียงตวั แบบสลบั และหนาแน่นใกลป้ ลายก่ิง ดอก ช่อดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ เห็นเป็นช่อดอกใหญ่สวยงาม แต่ กม็ ีบางชนิดท่ีออกช่อดอกระหวา่ งใบ ในหน่ึงช่อจะมีดอกบานพร้อมกนั 10 – 30

ฝัก/ผล มีลกั ษณะคลา้ ยกบั ฝักตน้ ชวนชม ฝักอ่อนสีจะมีสีเขียวเม่ือแก่ฝักจะมีสีแดงถึงดา ฤดูกาลออกดอก: ประมาณเดือนกมุ ภาพนั ธ์-เดือนเมษายน ประโยชน์: ปลูกเป็นไมป้ ระดบั และพืชสมุนไพร ดอกไมป้ ระจาชาติ : ประเทศลาว แหล่งกระจายพนั ธุ์ พบในบริเวณพ้ืนที่ต้งั แต่ประเทศเมก็ ซิโกตอนใตถ้ ึงตอนเหนือของ ทวปี อเมริกา โดยเฉพาะหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน ลกั ษณะ มีขนาดต้งั แต่พ่มุ เต้ียแคระ จนถึงตน้ ที่สูงมาก ลาตน้ แตกกิ่งกา้ นสขาและพมุ่ ใบสวยงาม มีน้ายางสีขาวขน้ ใบ เป็นใบเดี่ยว มีการเรียงตวั แบบสลบั และหนาแน่นใกล้ ปลายกิ่ง ดอก โดยทว่ั ไปจะมีขนาดใหญ่ถึงกลาง กลีบดอกมี 5 กลีบ ฝัก มีลกั ษณะคลา้ ย กบั ฝักตน้ ชวนชม ฝักอ่อนสีจะมีสีเขียวเมื่อแก่ฝักจะมีสีแดงถึงดา ประโยชน์ ตน้ = ใชป้ รุงเป็นยารักษาโรคลาไสพ้ ิการของมา้ ใบ = ใบแหง้ ชงน้าร้อนดื่มรักษาโรคหอบหืด เปลือกราก = เป็นยารักษาโรคหนองใน ยา ถ่าย แกโ้ รคไขขอ้ อกั เสบ ขบั ลม เปลือกตน้ = ตม้ เป็นยาถ่าย ขบั ระดู แกไ้ ข้ แกโ้ รคโกโนเรีย

เฟิ ร์น เฟิ ร์น หรือ เฟิ น[3] (องั กฤษ: Fern) เป็นหน่ึงในกลุ่มของพชื ท่ีมีราว ๆ 20,000 สปี ชีส์ ท่ีถูกจาแนกในไฟลมั Pteridophyta หรือ Filicophyta พืชกลุม่ น้ียงั เป็น Polypodiophyta หรือ Polypodiopsida ดว้ ย เมื่อถือตามส่วนยอ่ ยของพชื มีท่อ ลาเลียง คาวา่ เทอริโดไฟต์ (pteridophyte) ใชเ้ พอ่ื กล่าวถึงพืชมีท่อลาเลียงท่ีไม่มี เมลด็ ท้งั หมด ทาใหม้ นั หมายถึง \"เฟิ ร์นและพชื ใกลเ้ คียงเฟิ ร์น\" ซ่ึงสามารถสร้าง ความสับสนเมื่อสมาชิกของเฟิ ร์นในส่วน Pteridophyta บางคร้ังอา้ งเป็นเทอริโด ไฟตไ์ ดด้ ว้ ยเหมือนกนั การศึกษาในเรื่องของเฟิ ร์นและเทอริโดไฟตอ์ ื่น ๆ เรียกวา่ วทิ ยาเฟิ ร์น (Pteridology)แกมีโทไฟตข์ องเฟิ ร์นที่สร้างสปอร์ชนิดเดียว มีลกั ษณะ เป็นแผน่ แบนบางสีเขียว (มีคลอโรฟิ ลล)์ ดา้ นล่างมีไรซอยด์ ส่วนใหญ่มกั มีรูปร่าง คลา้ ยรูปหวั ใจ (prothallus) ส่วนใหญ่สร้างสปอร์ชนิดเดียว เช่น เฟิ ร์นสไบนาง เฟิ ร์นชายผา้ สีดา เฟิ ร์นชายผา้ สีดาแกรนเด้ เป็นตน้ เฟิ ร์นที่สร้างสปอร์สองชนิดบาง ชนิดอยใู่ นน้า และท่ีช้ืนแฉะ ไดแ้ ก่ เฟิ ร์นนาคราช เฟิ ร์นลูกไก่ เป็นตน้

นิเวศวทิ ยา เฟิ ร์นที่สวนพฤกษศาสตร์หลวงเมลเบิร์น เฟิ ร์นตน้ อาจเป็น Dicksonia antarctica ในประเทศ ออสเตรเลีย เฟิ ร์นชนิดต่าง ๆ มีถิ่นอาศยั ท่ีหลากหลาย เช่น อาศยั บนภเู ขา สูง, พ้ืนที่ชุ่มช้ืน, พ้ืนท่ีเปิ ดโล่ง, ในน้า, บนหินในทะเลทราย ที่แหง้ แลง้ , บนรอยแตกบนหิน, พ้ืนที่ชุ่มน้าที่มีสภาพเป็น กรด เช่น บึง และ หนองน้า, หรือ บนตน้ ไมเ้ ขตร้อน เป็นตน้ เฟิ ร์นที่พบข้ึนในระบบนิเวศป่ าชายเลน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ไดแ้ ก่ เฟิ ร์นท่ีข้ึนบนดิน และ เฟิ ร์นที่ข้ึนเกาะตามตน้ ไม้ โดยเฟิ ร์นที่พบข้ึน บนดินน้นั จะตอ้ งเป็นพืชท่ีสามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ ม ในพ้นื ที่ป่ าชายเลนที่มีการข้ึนลงของน้า ทนต่อความเคม็ และความ แลง้ ไดด้ ี ซ่ึงไดแ้ ก่ ปรงทะเล ปรงหนู ซ่ึงมกั พบข้ึนอยรู่ วมกนั เป็น กลุม่ ในพ้ืนท่ีป่ าชายเลน สาหรับเฟิ ร์นอีกกลุม่ ไดแ้ ก่ เฟิ ร์นท่ีพบข้ึน เกาะตามตน้ ไม้ จะข้ึนและเกาะอยตู่ ามตน้ ไมใ้ นป่ าชายเลนและไดร้ ับ ความช้ืนจากน้ าฝนและไอน้ าในบบรยากาศเป็ นส่วนใหญ่ในการ เจริญเติบโต

ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ เฟิ ร์นในระยะสปอโรไฟต์ เฟิ ร์นในระยะสปอโรไฟต์ ลกั ษณะใบอ่อนมว้ นงอของเฟิ ร์น เฟิ ร์นจะมีลกั ษณะเช่นเดียวกนั กบั พชื มีเมลด็ ในระยะสปอโรไฟตอ์ ื่น โดยเฟิ ร์น จะประกอบไปดว้ ย: ลาตน้ : โดยมากมกั เป็นเหงา้ อยใู่ ตด้ ิน บางคร้ังกเ็ ป็นไหลอยเู่ หนอื ดิน (เช่น Polypodiaceae) หรือลาตน้ ต้งั ตรงเน้ือคลา้ ยไมเ้ หนือดิน (เช่น Cyatheaceae) ซ่ึงอาจสูงไดถ้ ึง 20 เมตรในบางชนิด (เช่น Cyathea brownii บนเกาะนอร์ฟอลก์ และ Cyathea medullaris ในประเทศ นิวซีแลนด)์ ใบ: ส่วนสีเขียวท่ีใชใ้ นการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ใบเฟิ ร์นมกั ถูกเรียกวา่ ฟรอนด์ (Frond) [5] เป็นเพราะในอดีตผทู้ ี่ทาการศึกษาแบ่งเป็นผทู้ ่ีศึกษาในเฟิ ร์น กบั ผทู้ ี่ศึกษาในพืชมีเมลด็ มากกวา่ ที่จะมาศึกษาถึงความแตกต่างทางโครงสร้าง ใบใหม่จะแผจ่ ากใบท่ีขมวดเกลียวแน่นหรือที่เรียกวา่ crozier หรือ fiddlehead การคลี่ออกของใบเป็นแบบมว้ นเขา้ ดา้ นในแบบลานนาฬิกา (Circinate vernation)

ผจู้ ดั ทา นาย อมเรศ เจ้าเล่หด์ ี เลขท9ี่ ม.5/1 feeling In Pond [email protected] น.ส กุลจริ า แซ่ลี เลขท2ี่ 3ม.5/1 Kunchira Saeli [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook