Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปโครงการเศรษฐกิจ1-64

สรุปโครงการเศรษฐกิจ1-64

Published by Piathip Sangseebarng, 2021-08-16 07:43:49

Description: สรุปโครงการเศรษฐกิจ1-64

Search

Read the Text Version

ก คำนำ การจดั การเรยี นรู้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จัดข้ึนเพ่ือส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้พัฒนา ความรู้ ความเข้าใจการจัดทาการเกษตรผสมผสานตามแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ ประชาชนเกิดการเรียนรู้บูรณาการความรู้ ประสบการณ์ และทักษะอาชีพให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคม และชมุ ชน สรุปผลการจัดกิจกรรมเล่มนี้ ได้เรียบเรียงผลการจัดกิจกรรมโครงการการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้ สู้สร้างภูมิคุ้มกัน ตาบลท่าสะแก ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มาก กน็ ้อยต่อผู้ท่พี บเห็น หากมขี ้อผดิ พลาดหรอื มีข้อเสนอแนะทคี่ ิดว่าจะเป็นประโยชน์ โปรดแจง้ ผจู้ ัดทาเพ่ือใช้ในการ ปรบั ปรงุ แก้ไขข้อมูลในครง้ั ต่อไปและขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสน้ี กศน.ตาบลท่าสะแก

สำรบญั ข เรื่อง หนา้ คานา ก สารบญั ข สว่ นท่ี 1 สรุปผลการดาเนินโครงการจดั การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 1 เรียนรู้ สูส้ ร้างภูมิคุม้ กัน ตาบลทา่ สะแก 3 หลักการและเหตุผล 11 วตั ถปุ ระสงค์ 12 เปา้ หมาย 18 22 ส่วนที่ 2 เนอื้ หาสาระ ส่วนที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ การ การดาเนนิ การจัดกิจกรรม สว่ นท่ี 4 ผลการดาเนนิ งาน ส่วนที่ 5 สรุปผลโครงการ อภิปรายผล และข้อเสนอนะ ภาคผนวก ภาพกิจกรรม เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง คณะทางาน

สรุปผลการดาเนนิ โครงการ โครงการการเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เรียนรู้ สู้สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ตาบลท่าสะแก บทที่ ๑ หลกั การและเหตผุ ล ๑. หลักการและเหตผุ ล เศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาชถ้ี ึงแนวการดารงอยู่ และปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดับต้ังแต่ระดับ ครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนา และบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงน้ี เป็นกรอบ แนวความคดิ และทิศทางการ พัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาคของไทย เพ่ือมุ่งสู่การพัฒนาที่สมดุล ยังยืน และมี ภูมิค้มุ กัน เพ่อื ความอยู่ดีมีสุข มุ่งสู่สังคมที่ มีความสุขอย่างยั่งยืน หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงการพัฒนา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือการพัฒนาที่ต้ังอยู่บน พื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดย คานึงถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีใน ตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และ คุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ ประกอบกบั การดาเนิน ชีวิตประจาวัน ย่อมมีรายรับ และรายจ่าย ต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น รายรับได้มาจากการทามาหาเล้ียงชีพทั้งจากอาชีพหลัก และ อาชีพรอง ส่วนรายจ่ายก็ได้แก่ คา่ ใช้จ่ายตา่ งๆ ได้แกค่ ่าอุปโภค และบรโิ ภคท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิต ซ่ึงค่าใช้จ่ายเหล่าน้ีมี จานวนเพ่ิมสูงข้ึนมา โดยตลอด และไม่มแี นวโน้มท่ีจะลดลง การทาบัญชีครัวเรือนเป็นบัญชีท่ีใช้ สาหรับบันทึกรายได้ และรายจ่ายท่ี เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน เกิดการวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ใช้จ่ายอย่างพอเพียงเท่าที่มี ทาให้เกิดการ ประหยัดและการออม โดยมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย ให้ชุมชนเป็นฐานในการพัฒนาการเรียนรู้ และทุน ทางสังคม เปน็ เครอื่ งมือในการจดั การเรียนรู้ เพอื่ พัฒนาสงั คมและชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเอง ได้ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง และประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทาให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ นาไปสสู่ ังคมท่เี ข้มแข็ง มีความ เออื้ อาทรต่อกนั และพ่ึงพาตนเองได้อยา่ งยง่ั ยืน สถานการณป์ จั จุบนั การระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (covid 2019) โรคโควิด ๑๕ คือโรคติดต่อ ซงึ่ เกิดจากไวรสั โคโรนาชนิดทมี่ กี ารคน้ พบล่าสดุ ไวรัสและโรคอุบตั ิใหมน่ ี้ ไมเ่ ป็นทร่ี ู้จักเลยก่อนที่จะมีการระบาด ในเมอื งอู่ ฮน่ั ประเทศจีน ในเดอื นธนั วาคมปี ๒๐๑๙ ขณะน้ี โรคโควิด๑๙ มีการระบาดใหญ่ไปท่ัว ส่งผลกระทบ แกห่ ลายประเทศ ท่ัวโลก ดังนั้น ตาบลบ่อภาค จึงได้จัดทาโครงการการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้ สู้ สรา้ งภูมิค้มุ กนั เพอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ตามหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร ทฤษฎีใหม่ ในการ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และย่ังยืน ภายใต้แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการพึ่งพา ตนเองอย่าง ยัง่ ยืนตามแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และใหค้ วามรเู้ กยี่ วกับเรอ่ื งโรค โควิด ๑๔ และการป้องกันตัวเอง ให้ ปลอดภัย และสมุนไพรไทยต่างๆที่เก่ียวข้องกับโรคโควิด ๑๙ กาหนดจัดกิจกรรมโครงการ วันท่ี ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี หมู่ ๔ บ้านนาน้อย ต.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พษิ ณโุ ลก

2. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเกดิ การเรยี นรู้บูรณาการความรู้ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๒. เพ่ือให้ประชาชนมีความรู้และป้องกันตนเองจากการระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (covid-19) ๓. เพอื่ ใหป้ ระชาชนมีความรู้เร่อื งสมนุ ไพรต้านโควดิ -๑๙ 3. เปา้ หมายของตวั ชว้ี ัดความสาเรจ็ เชิงปรมิ าณ - ประชาชน จานวน 4 คน - บคุ ลากรที่เกีย่ วข้อง จานวน 4 คน รวมทั้งสนิ้ 8 คน เชิงคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจการเรียนรู้บูรณาการความรู้ ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ มีภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง มีความรู้ เร่ืองโรคโควิดด๙ และสมุนไพรไทยทเี่ ก่ียวข้องกับ โรคโควดิ ๑๙ 4. สถานท่ี ศนู ยเ์ รียนรชู้ ุมชนทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวตั วิถี หมู่ ๔ บา้ นนาน้อย ต.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พษิ ณุโลก 5. งบประมาณท่ีได้รับ 1,6๐๐.- บาท 6. ผ้รู ับผดิ ชอบโครงการ กศน.ตาบลทา่ สะแก กศน.อาเภอชาติตระการ

บทท่ี ๒ หลกั สูตรและเอกสารทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ๑. แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ ๒. การทาการเกษตรผสมผสานตามแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๓. การทาบัญชีครัวเรือน/การพ่ึงพาตนเอง ๔. ความร้เู กย่ี วกับโรค COVID-19 และสมุนไพรไทยทเี่ กี่ยวขอ้ งกับ COVID-19 ๑. แนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพ่ือใหก้ ้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นท่จี ะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจาก การเปลยี่ นแปลงท้ังภายในภายนอก ทงั้ น้ี จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างย่ิง ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนนิ การ ทกุ ขัน้ ตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้าง พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสานึกใน คุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อย่างดี ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิ ดังนี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทีไ่ ม่นอ้ ยเกนิ ไปและไม่มากเกินไป โดยไมเ่ บยี ดเบียนตนเอง และผ้อู น่ื เชน่ การผลิตและการบรโิ ภคทอี่ ยู่ในระดบั พอประมาณ ๒. ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเกย่ี วกบั ระดบั ความพอเพียงน้นั จะตอ้ งเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทาน้ันๆ อย่าง รอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านต่างๆ ท่ีจะ เกดิ ขึน้ โดยคานึงถงึ ความเปน็ ไปไดข้ องสถานการณต์ า่ งๆ ทคี่ าดว่าจะเกดิ ขึน้ ในอนาคต เศรษฐกิจพอเพียงความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่ โดยท่ีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอก หลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะท่ี แนวพระราชดาริเก่ียวกับทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรทฤษฎี ใหม่ ซงึ่ เป็นแนวทางการพัฒนาการเกษตรอย่างเปน็ ข้ันตอนนน้ั เปน็ ตัวอยา่ งการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทาง ปฏิบัติ ที่เป็นรูปธรรม เฉพาะในพ้ืนท่ีที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ อาจเปรียบเทียบกับหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ซ่งึ มอี ยู่ 2 แบบ คอื แบบพ้ืนฐาน กับ แบบกา้ วหน้า ได้ดังนี้ความพอเพียงในระดับบุคคล และ ครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรเปน็ เศรษฐกิจพอเพียงแบบพืน้ ฐาน เทียบไดก้ บั ทฤษฎใี หม่ ทฤษฎใี หม่ขัน้ ตน้ ให้แบง่ พนื้ ท่อี อกเป็น 4 สว่ น ตามอตั ราส่วน 30:30:30:10 ซึง่ หมายถงึ พ้นื ที่สว่ นทีห่ น่ึง ประมาณ 30% ให้ขดุ สระเก็บกกั น้าเพื่อใช้เก็บกักน้าฝนในฤดูฝน และใช้เสริม การปลกู พชื ในฤดแู ลง้ ตลอดจนการเลย้ี งสตั วแ์ ละพืชน้าตา่ งๆ พื้นท่ีส่วนที่สอง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝนเพ่ือใช้เป็นอาหารประจาวันสาหรับ ครอบครวั ใหเ้ พยี งพอตลอดปี เพอ่ื ตัดค่าใช้จา่ ยและสามารถพ่งึ ตนเองได้ พืน้ ท่สี ว่ นทส่ี าม ประมาณ 30% ให้ปลกู ไมผ้ ล ไมย้ ืนต้น พืชผกั พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้ เป็นอาหารประจาวัน หากเหลอื บริโภคกน็ าไปจาหน่าย

พืน้ ที่ส่วนท่สี ่ี ประมาณ 10% เป็นท่อี ยู่อาศัย เลี้ยงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอน่ื ๆ ทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ีสอง เมอื่ เกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเร่ิม ขัน้ ท่สี อง คือให้เกษตรกรรวมพลงั กันในรูป กลุ่ม หรือ สหกรณ์ รว่ มแรงร่วมใจกันดาเนินการในด้าน 1. การผลติ (พันธ์พุ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) 2. การตลาด (ลานตากขา้ ว ยุ้ง เครือ่ งสขี ้าว การจาหนา่ ย) 3. การเปน็ อยู่ (กะปิ นา้ ปลา อาหาร เคร่อื งนงุ่ หม่ ฯลฯ) 4. สวัสดิการ (สาธารณสขุ เงนิ ก้)ู 5. การศึกษา (โรงเรยี น ทนุ การศกึ ษา) 6. สงั คมและศาสนา ทฤษฎีใหม่ข้ันที่สาม เมื่อดาเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกร หรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนา ก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สามต่อไป คือติดต่อประสานงาน เพ่ือจัดหาทุน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษัท ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งน้ี ทั้งฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือ บรษิ ัทเอกชนจะได้รบั ประโยชนร์ ่วมกัน กลา่ วคอื - เกษตรกรขายขา้ วไดร้ าคาสูง (ไม่ถูกกดราคา) - ธนาคารหรือบริษัทเอกชนสามารถซื้อข้าวบริโภคในราคาต่า (ซื้อข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกร และมาสเี อง) - เกษตรกรซื้อเคร่ืองอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่า เพราะรวมกันซื้อเป็นจานวนมาก (เป็นร้าน สหกรณร์ าคาขายสง่ ) - ธนาคารหรือบรษิ ัทเอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพื่อไปดาเนินการในกิจกรรมต่างๆ ให้ เกดิ ผลดยี ่งิ ข้นึ ๒. การทาการเกษตรผสมผสานตามแนวคิดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระบบเกษตรกรรมท่ีจะนาไปสู่การเกษตรยง่ั ยนื โดยมีรูปแบบทดี่ าเนนิ การมลี ักษณะใกล้เคียงกัน และทา ให้ ผ้ปู ฏบิ ตั มิ คี วามสับสนในการใหค้ วามหมายและวิธปี ฏบิ ัติที่ถูกต้อง ได้แก่ระบบเกษตรผสมผสานและระบบ ไร่ นาสวนผสม ในท่นี ีจ้ งึ ขอให้คาจากดั ความรวมทงั้ ความหมายของคาท้งั 2 คา ดงั ต่อไปนี้ ระบบเกษตรผสมผสาน (Integrated Farming System) เปน็ ระบบการเกษตรท่ีมกี ารเพาะปลูกพืชหรือ การเล้ียงสัตว์ต่าง ๆ ชนิดอยู่ในพื้นที่เดียวกันภายใต้การเก้ือกูล ประโยชน์ต่อกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุด โดยอาศัยหลักการอยู่รวมกันระหว่างพืช สัตว์ และส่ิงแวด ล้อมการอยู่รวมกันอาจจะอยู่ในรูป ความสมั พันธ์ระหวา่ งพชื กับพชื พชื กับสัตว์ หรอื สตั ว์กับสตั ว์ก็ได้ ระบบ เกษตรผสมผสานจะประสบผลสาเร็จได้ จะต้องมีการวางรูปแบบ และดาเนินการ โดยให้ความสาคัญต่อกิจกรรม แต่ละชนิดอย่างเหมาะสมกับ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม มีการใช้แรงงาน เงินทุน ที่ดิน ปัจจัย การผลิตและ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรู้จักนาวัสดุเหลือใช้จากการผลิตชนิดหน่ึงมาหมุน เวียนใช้ ประโยชน์กับการผลติ อกี ชนิดหน่ึงกับการผลิตอีกชนิดหน่ึงหรือหลายชนิด ภายในไร่นาแบบครบวงจร ตัวอย่าง กิจกรรมดังกล่าว เช่น การเลีย้ งไก่ หรือสกุ รบนบ่อปลา การเลี้ยงปลาในนาขา้ ว การเลยี้ งผงึ้ ในสวนผลไม้ เปน็ ต้น ระบบไร่นาสวนผสม (Mixed/Diversefied/Polyculture Farming System) เป็นระบบการเกษตรที่มี กจิ กรรมการผลิตหลาย ๆ กจิ กรรมเพ่ือตอบสนองต่อการบริโภคหรือลดความเสี่ยงจากราคา ผลิตผลท่ีมีความไม่ แน่นอนเทา่ นน้ั โดยมิได้มกี ารจดั การใหก้ ิจกรรมการผลิตเหล่านั้นมีการผสมผสานเกื้อกูลกันเพื่อ ลดต้นทุนการ ผลิต และคานึงถึงสภาพแวดล้อมเหมือนเกษตรผสมผสานการทาไรน่ าสวนผสมอาจมีการเกื้อกูลกันจาก กิจกรรม การผลติ บ้าง แต่กลไกการเกิดข้ึนน้ันเป็นแบบ “เป็นไปเอง” มิใช่เกิดจาก “ความรู้ ความเข้าใจ” อย่างไร ก็ตาม ไร่นาสวนผสม สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถของเกษตรกรผู้ดาเนินการให้เป็นการดาเนินการในลักษณะ ของระบบเกษตรผสมผสานได้

รูปแบบของระบบเกษตรผสมผสาน ระบบเกษตรผสมผสานนั้น ถึงแม้วา่ เกษตรกรจะมีการดาเนินการกนั มาชา้ นานแล้วก็ตามแต่ลักษณะของ การดาเนินการ ยงั มคี วามแตกต่างกันไป แลว้ แต่การจะนาองค์ประกอบต่าง ๆ มาผสมผสานกันมากน้อยแค่ไหน และผสมผสานในรปู รปู แบบใดก็ตามยงั มีความหมายหลากหลาย การศึกษารายละเอยี ดเชิงวิชาการในด้านน้ีก็ยัง มไี มม่ าก เมื่อเปรยี บเทียบ กับการศกึ ษาในดา้ นกิจกรรมเด่ียว ๆ ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือปลาก็ตาม ฉะน้ันการ กาหนดรูปแบบดาเนินการเกษตร ผสมผสานก็จะมีหลายแบบเช่นกัน ท้ังนี้อาจจะยึดการแบ่งตามวิธีการ ดาเนนิ การลกั ษณะพน้ื ทก่ี ิจกรรมทด่ี าเนินทรัพยากร เป็นต้น ซง่ึ พอทจี่ ะกลา่ วไดด้ ังน้ี 1. แบง่ ตามกจิ กรรมทด่ี าเนินการอยู่เปน็ หลัก 1.1 ระบบเกษตรผสมผสานที่ยึดกิจกรรมพืชเป็นหลัก ซึ่งกิจกรรมที่ดาเนินการน้ีจะมีพืชเป็น รายไดห้ ลกั 1.2 ระบบเกษตรผสมผสานทยี่ ดึ กิจกรรมเล้ยี งสตั ว์เป็นหลัก ซึ่งการดาเนินการเลี้ยงสัตว์จะเป็น รายไดห้ ลัก 1.3 ระบบเกษตรผสมผสานท่ียึดกิจกรรมประมงเป็นหลัก ซึ่งจะมีกิจกรรมเล้ียงสัตว์น้าเป็น รายได้หลกั 1.4 ระบบเกษตรผสมผสานแบบไร่นาป่าผสมหรอื วนเกษตรเป็นระบบที่มีการจัดการป่าไม้เป็น หลักรว่ มกบั การเกษตร 2. แบง่ ตามวิธีการดาเนินการ 2.1 ระบบเกษตรผสมผสานที่มีการใช้สารเคมี ในระบบการผลิตจะมีการใช้สารเคมีในกิจกรรม ต่าง ๆ เพ่อื จุดประสงค์ ให้ไดผ้ ลผลติ และรายได้สูงสุด 2.2 ระบบการเกษตรอินทรีย์หลีกเล่ียงการใช้สารเคมีทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ฮอร์โมน สารเคมใี นอาหาร สัตว์ คานึงถงึ การสงวนรักษาอนิ ทรียวัตถใุ นดินด้วยการปลูกพชื หมุนเวียนการปลูกพืช คลุมดิน ใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ใช้ เศษอินทรียวัตถุจากไร่นา มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พืชด้วยการบารุงดินให้ อุดมสมบูรณ์ ผลผลติ ท่ีได้กจ็ ะอยใู่ นรปู ปลอดสารพษิ 2.3 ระบบการเกษตรธรรมชาติ เป็นระบบการเกษตรที่ใช้หลักการจัดระบบการปลูกพืชและ เล้ียงสัตวท์ ป่ี ระสานความ รว่ มมอื กบั ธรรมชาติอย่างสอดคล้องและเกอื้ กลู ซงึ่ กันและกนั 3. แบง่ ตามประเภทของพชื สาคญั เปน็ หลัก 3.1 ระบบเกษตรผสมผสานที่มขี ้าวเป็นพืชหลกั พนื้ ท่ีสว่ นใหญจ่ ะเป็นที่นาทาการปลูกข้าวนาปี เป็นพืชหลักการผสม ผสานกิจกรรมเข้าไปให้เกื้อกลู อาจทาได้ทั้งในรูปแบบของพืช-พืชเช่นการปลูกพืชตระกูลถั่ว พืชผัก พืชเศรษฐกิจอื่นๆ พื้นท่ีนาบางส่วนเป็นร่องสวนปลูกไม้ผลเลี้ยงปลาในร่องสวน เล้ียงสัตว์ปีก โค โดยใช้ เศษอาหารจากพืชตา่ ง ๆ ในฟารม์ ให้เปน็ อาหารสัตว์ไดด้ ว้ ย 3.2 ระบบเกษตรผสมผสานทีม่ พี ืชไรเ่ ป็นพืชหลัก การผสมผสานกิจกรรม พชื -พืช เช่น ลักษณะ การปลกู พชื ตระกลู ถัว่ แซมในแถวพชื หลกั เชน่ ข้าวโพด มนั สาปะหลงั ฝ้าย เปน็ ต้น สาหรับรูปแบบของกิจกรรม พืช-สตั ว์ เชน่ ปลกู พืชอาหาร สตั วต์ ่าง ๆ ควบคกู่ บั การเลย้ี งโค การปลูกหม่อนเลีย้ งไหม เป็นต้น 3.3 ระบบเกษตรผสมผสานท่ีมีไม้ผล ไม้ยืนต้น เป็นพืชหลัก การผสมผสานกิจกรรม พืช-พืช เชน่ การใชไ้ ม้ผลตา่ งชนดิ ปลูกแซม เชน่ ในกรณีโกโกแ้ ซมในสวนมะพร้าว การปลูกพืชตระกูลถ่ัวในแถวไม้ผลยืน ต้น การปลูกพืชต่างระดับ เป็นต้น รูปแบบกิจกรรม พืช-สัตว์ โดยการเล้ียงสัตว์ เช่น โคในสวนไม้ผล สวนยางพารา การปลูกพืชอาหารสัตว์ในแถวไม้ผล ไมย้ นื ต้น แล้วเลีย้ งโคควบคู่จะมีการเกือ้ กูลซงึ่ กันและกนั

4. แบง่ ตามลกั ษณะของสภาพพน้ื ท่ีเปน็ ตัวกาหนด 4.1 ระบบเกษตรผสมผสานในพืน้ ท่ีสูง ลักษณะของพ้นื ทจ่ี ะอยใู่ นท่ีของภูเขาซึ่งเดิมเปน็ พื้นท่ีป่า แตไ่ ด้ถูกหักลา้ งถางพง มาทาพืชเศรษฐกิจและพืชยังชีพต่าง ๆ ส่วนใหญ่พื้นที่มีความลาดชันระหว่าง 10-50% ด้งั เดมิ เกษตรกรจะปลกู พชื ใน ลกั ษณะเชงิ เดี่ยวอายุสั้น เช่น ข้าว ข้าวโพด พืชตระกูลถ่ัว ผักต่าง ๆ ซึ่งมักจะเกิด ปัญหาของการทาลายทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม มีการชะล้างหน้าดินสูง ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดลงรวดเรว็ มีผลกระทบต่อผลผลติ พืชใน ระยะยาว ฉะน้ัน รูปแบบของการทาการเกษตรผสมผสานจะช่วย รักษาหรอื ชะลอความสูญเสียลงไดร้ ะดบั หนึง่ 4.2 ระบบเกษตรผสมผสานในพื้นทีร่ าบเชงิ เขา พื้นท่ีส่วนใหญ่จะเป็นท่ีดอนอาศัยน้าฝน มีการ ปลกู พืชไรช่ นิดตา่ ง ๆ เปน็ หลัก รองลงมาจะเปน็ ไมผ้ ลยืนตน้ ข้าวไร่ 4.3 ระบบเกษตรผสมผสานในพ้ืนท่ีดอน โดยท่ัวไปในพ้ืนที่ดอนจะมีการปลูกพืชไร่เศรษฐกิจ ตา่ ง ๆ เชงิ เด่ยี วเป็นหลัก ลักษณะของการทาการเกษตรผสมผสานอาจทาได้หลายรูปแบบ เช่น ลักษณะการปลูก พืชแซม โดยใชพ้ ชื ตระกูลถว่ั แซม ในแถวพืชหลักต่าง ๆ เช่น ข้าวโพด ฝ้าย มันสาปะหลัง ฯลฯ การเปล่ียนพื้นท่ี เป็นไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอยผสมผสาน และอาจจะมีพืชตระกูลถ่ัวแซมในแถวพืชหลักในระยะแรก ๆ อีก แนวทางหนึ่ง ได้แก่ การใช้พ้นื ทม่ี าดาเนินการเลย้ี ง ปศุสตั ว์ เชน่ โค และปลูกพืชอาหารสัตว์ควบคกู่ ันไป เป็นตน้ 4.4 ระบบเกษตรผสมผสานในพ้นื ที่ราบลุ่ม พ้ืนที่ส่วนใหญ่จะเป็นนาข้าวแบบแผนการปลูกพืช สว่ นใหญ่จะเปน็ ข้าว อยา่ งเดียว ขา้ ว-ข้าว, ข้าว-พืชไรเ่ ศรษฐกิจ, ข้าว-พืชผักเศรษฐกิจ, พืชผัก-ข้าว-พืชไร่, พืชไร่- ขา้ ว-พชื ไร่ เป็นต้น การจะปลูกพชื ได้มากครง้ั ในรอบปขี ้ึนอยู่กับระบบการชลประทานเป็นหลัก 3. การทาบญั ชคี รัวเรอื น/การพ่งึ พาตนเอง การทาบัญชี คือ การจดบันทึก ข้อมูลเก่ียวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดารงชีวิตของตัวเอง และภายใน ครอบครวั ชมุ ชน รวมถึงประเทศ ข้อมูลท่ีได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีตปัจจุบันและอนาคตของชีวิตของ ตัวเอง สามารถนาข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้ ที่บันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ วางแผนชีวติ และกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ในครอบครัว บัญชีครัวเรือน มิได้หมายถึง การทาบัญชีหรือบันทึกรายรับรายจ่ายประจาวันเท่านั้น แต่อาจหมายถึง การบนั ทึกข้อมูลดา้ นอื่น ๆ ในชวี ติ ในครอบครัว เป็นต้น ของเราได้ดว้ ย เช่น บัญชีทรัพย์สิน พันธ์ุพืช พันธ์ุไม้ ใน บ้านเราในชุมชนเรา บัญชีความรู้ความคิดของเรา บัญชีผู้ทรงคุณ ผู้รู้ในชุมชนเรา บัญชีเด็กและเยาชนของเรา บัญชภี ูมิปญั ญาด้านต่าง ๆ ของเรา เป็นตน้ หมายความว่า ส่งิ หรือเร่ืองราวตา่ ง ๆ ในชีวิตของเรา เราจดบันทึกได้ ทุกเร่ือง หากประชาชนทุกคนจดบันทึกจะมีประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศ จะเป็นแหล่ง เรียนรู้ ครอบครัวเรียนรู้ ชุมชนเรียนรู้ และประเทศเรียนรู้การเรียนรู้เป็นท่ีมาของปัญญา ปัญญาเป็นท่ีมาของ ความเจรญิ ทง้ั กาย สังคม ใจ และจิตวิญญาณของมนุษยจ์ ะเหน็ วา่ การทาบัญชี หรือการจดบันทึกนี้สาคัญยิ่งใหญ่ มาก บคุ คลสาคัญในประเทศหลายทา่ นเปน็ ตวั อย่างทดี่ ขี องการจดบันทกึ เช่น ทา่ นพทุ ธทาส ในหลวง และสมเด็จ พระเทพ ล้วนเป็นนักบันทึกทั้งสิ้น การบันทึก คือ การเขียน เม่ือมีการเขียนย่อมมีการคิด เมื่อมีการคิดย่อมก่อ ปัญญา แกไ้ ขปัญหาได้โดยใช้เหตุผลวเิ คราะห์พิจารณา ได้ถูกตอ้ ง นั่นคือ ทางเจรญิ ของมนษุ ย์ การทาบัญชีครัวเรือนเปน็ การจดบันทกึ รายรบั รายจา่ ยประจาวนั ของครัวเรือน และสามารถนาข้อมูลมา วางแผนการใช้จ่ายเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสม ทาให้เกิดการออม การใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดคุ้มค่า ไม่ ฟมุ่ เฟอื ย ดงั นน้ั การทาบัญชชี ีครัวเรือนมคี วามสาคัญดังนี้ 1. ทาใหต้ นเองและครอบครวั ทราบรายรบั รายจา่ ย หน้สี ิน และเงนิ คงเหลอื ในแต่ละวัน 2. นาข้อมูลการใช้จ่ายเงินภายในครอบครัวมาจัดเรียงลาดับความสาคัญของรายจ่าย และ วางแผนการใชจ้ ่ายเงนิ

การจัดทาบัญชีครัวเรือน หรือ บัญชีรายรับรายจ่ายน้ี ไม่ใช่เป็นแต่เพียงการจดบันทึกรายการต่างๆ ที่ เปน็ เงนิ เทา่ นน้ั แตย่ ังเปน็ การสรา้ งความสามคั คภี ายในครอบครัว รจู้ ักช่วยเหลือแบ่งปันกันในสังคม มีการเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน ซ่งึ เกดิ จากประสบการณต์ ่างๆ ทีไ่ ดร้ ับจากการจดบันทึกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทาให้ประชาชนทุก คนร้จู ักการบริหารจดั การด้านการเงินและการวางแผนการทางานทุกอย่างเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายได้ การทาบัญชี ครัวเรือนทาให้ครอบครัวมีความสุขใช้ชีวิตโดยยึดหลักความพอเพียง มีเหตุมีผล รู้จักพึ่งพาตนเอง มีความ พอประมาณ การเงนิ มสี ภาพคลอ่ ง รู้จกั การเกบ็ ออม ทกุ คนรู้ถึงแหลง่ ท่ีมาของรายรับและการใช้ไปของค่าใช้จ่าย ในแตล่ ะวันสามารถนาขอ้ มูลการใช้จา่ ยมาวางแผนบรหิ ารการเงนิ ในอนาคตได้ ๔. ความรเู้ ก่ยี วกบั โรค COVID-19 และสมุนไพรไทยท่เี ก่ียวข้องกับ COVID-19 ไวรสั โคโรนาเปน็ ไวรสั ในสัตว์ มหี ลายสายพันธ์ุ โดยปรกตไิ ม่กอ่ โรคในคน แต่เม่ือกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ ใหม่ทีก่ ่อโรคในมนษุ ย์ได้ (ซง่ึ มกั เกดิ จากการจัดการที่ผิดธรรมชาติโดยมนุษย์) ในขณะท่ีมนุษย์ยังไม่รู้จักและไม่มี ภูมิต้านทาน ก็จะเกิดการระบาดของโรคในคน โรคโควดิ -19 (COVID-19, ย่อจาก Coronavirus disease 2019) เปน็ โรคติดเชอื้ ทางเดนิ หายใจที่เกิด จากไวรสั โคโรนา ซงึ่ มีชอ่ื ทางการว่า SARS-CoV-2 ท าใหเ้ กดิ ไข้ ไอ และอาจมปี อดอักเสบ เรมิ่ พบผู้ป่วยครั้งแรก เมอื่ เดอื น ธนั วาคม พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ภาคกลางของประเทศ จีน ซึง่ เปน็ เมืองใหญม่ ีผูค้ น หนาแน่น จึงเกดิ การระบาดใหญ่ไดร้ วดเรว็ แหล่งแพร่เช้ือไวรัส COVID-19 1. คาดว่าเริ่มจากสัตว์ป่าท่ีน ามาขายในตลาดสดเมืองอู่ฮ่ัน ประเทศจีน ซ่ึงคนไปสัมผัสและนา มา เผยแพร่ตอ่ โดยเรม่ิ จากไวรัสจากคา้ งคาวทม่ี กี ารผสมพนั ธก์ุ ับไวรสั อื่และกลายพนั ธุ์ 2. คนที่มีเช้ือแล้วแพร่สู่คนอื่น ทางสิ่งคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ข้ันตอนจากการรับเช้ือถึงการป่วย ประกอบดว้ ย การสัมผสั เชือ้ โรค การรบั เช้อื การติดเชื้อ และการป่วย อาการท่วั ไป ไดแ้ ก่ อาการระบบทางเดนิ หายใจ มไี ข้ ไอ หายใจถ่ี หายใจลาบาก ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจ ทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดออกั เสบ ไตวาย หรอื อาจเสียชวี ิต การป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้มีอาการป่วย รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หลีกเลี่ยงการ สัมผสั บริเวณตา จมกู และปาก โดยไม่ได้ล้างมือ ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้าและสบู่ หรือน้ายาแอลกอฮอล์ล้างมือ 70% หากมีไข้ ไอ หายใจลาบาก ให้ไปพบแพทยท์ นั ที และแจ้งประวตั กิ ารเดนิ ทาง ปกป้องตนเองและคนรอบตัวโดยการหาข้อมูลและปฏิบัติตามข้อควรระวังท่ีเหมาะสม รวมถึงปฏิบัติตาม คาแนะนาจากหน่วยงานสาธารณสุขในพน้ื ท่ี วธิ ปี ้องกันการแพรร่ ะบาดของโควิด-19 ลา้ งมือบอ่ ยๆ โดยใช้สบแู่ ละนา้ หรอื เจลล้างมือทีม่ สี ่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์ รกั ษาระยะหา่ งท่ีปลอดภยั จากผู้ทไี่ อหรอื จาม สวมหนา้ กากอนามัยเมือ่ เวน้ ระยะหา่ งไมไ่ ด้ ไม่สัมผสั ตา จมูก หรือปาก ปดิ จมูกและปากด้วยข้อพบั ด้านในขอ้ ศอกหรอื กระดาษชาระเมื่อไอหรือจาม เกบ็ ตวั อยบู่ ้านเม่ือรู้สกึ ไมส่ บาย หากมีไข้ ไอ และหายใจลาบากโปรดไปพบแพทย์ โปรดตดิ ตอ่ ลว่ งหนา้ เพอื่ ทผ่ี ู้ใหบ้ รกิ ารด้านสุขภาพจะแนะนาให้คุณไปยังสถานพยาบาลท่ีถูกต้องได้อย่าง รวดเรว็ ซึง่ จะชว่ ยปกปอ้ งคณุ รวมถงึ ป้องกันการแพร่กระจายของไวรสั และการตดิ เช้ืออื่นๆ

หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ท่ีสวมแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อ่ืน อย่างไรก็ตาม หน้ากากอนามัย เพียงอย่างเดียวป้องกันเช้ือโควิด-19 ไม่ได้ จึงควรรักษาระยะห่างและหม่ันทาความสะอาดของมือร่วมด้วย รวมถงึ ปฏิบตั ิตามคาแนะนาจากหนว่ ยงานสาธารณสุขในพน้ื ที่ สมุนไพรไทยท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั COVID-19 1. ขิง ประโยชน์ของขิง มีวิตามนิ เอ บี เเละ ซี สูงช่วยขบั เหง่ือได้ดี แกไ้ อไดแกจ้ กุ เสยี ด เเนน่ ทอ้ ง ชว่ ยขบั ลม บารุงหวั ใจ วธิ ที านขงิ สมนุ ไพรเพ่ิมภมู คิ ุ้มกนั ต้านโควดิ – 19 ห่ันขิงเปน็ แว่นๆ ประมาณ 5 – 6 เเว่น เตรียมนา้ 1.5 ลติ ร ตงั้ ไฟตม้ ใหเ้ ดอื ด ใสข่ งิ ลงไป ปิดฝาหม้อ เเละปิดไฟ ทิ้งไวใ้ หพ้ ออนุ่ ๆ เเละสามารถดื่ม จบิ ได้ทัง้ วนั ขอ้ ควรระวงั น้าขงิ เป็นสมนุ ไพรทีไ่ มค่ วรด่มื ตดิ ต่อกันหลายวนั เพราะเปน็ เหตุใหเ้ กดิ อาการกรดไหลยอ้ นได้ 2. มะขามป้อม มะขามปอ้ มเปน็ สมุนไพรทีม่ รี สเปรี้ยว ฝาด เเละให้ฤทธเ์ิ ยน็ ต่อร่างกาย สรรพคณุ มะขามป้อม ชว่ ยเเกไ้ อ มฤี ทธ์ิชว่ ยกระต้นุ น้าลายใหอ้ อกมาเเละละลายเสมหะได้ดี ชว่ ยเป็นยาระบาย แก้อาการคลื่นไส้ อาเจยี น มีสารต้านอนุมลู อสิ ระ ชว่ ยชะลอความแก่ได้วิตามนิ ซสี ูงมาก วธิ ีทานมะขามป้อม เพมิ่ ภูมคิ ุ้มกนั ตา้ นโควิด – 19 สตู รทานมะขามป้อมแก้ไอ ให้ใช้เนื้อท่ีเปน็ ผงสด ครง้ั ละประมาณ 2 – 5 ผล โขลกใหห้ ยาบจนเกือบแหลกๆ ผสม กับเกลอื เล็กนอ้ ยใชอ้ มหรือเค้ยี ววนั ละ 4 ครง้ั ทานมะขามป้อมแก้ไอ เจ็บคอ ปากเเห้ง เเบบน้า ให้ใชผ้ ลสดๆ ประมาณ 30 ผล ตานามาค้ันใหม้ นี า้ เพือ่ ใช้ด่มื บ่อยๆ ขอ้ ควรระวัง ผูท้ ีห่ นาวง่าย มีปญั หาเลอื ดจาง เเละ ท้องเสียง่าย ไม่ควรทานมะขามปอ้ มในปริมาณมาก เเละเกินความจาเปน็

3. ตะไคร้ สรรพคณุ ของตะไคร้มีวติ ามนิ อี บี ซี สงู แร่ธาตสุ ูง ช่วยเเกห้ วดั ขับเหงื่อไดด้ ี ช่วยเเก้อาการเป็นไข้ ปวดศรีษะ ไอ ไดช้ ่วยขับลม แก้ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ เเก้ปัสสาวะขัดไดช้ ว่ ยเเกอ้ าการเบอื่ อาหาร ทาให้เจริญอาหารได้ดี ช่วย บารงุ รักษาสายตาได้ ช่วยบารงุ กระดูกเเละฟันใหแ้ ขง็ เเรงด้วย วธิ ีทานตะไคร้ เพม่ิ ภูมิคุม้ กัน ต้านโควดิ – 19 นา้ ตะไคร้ เตรียมตะไคร้ โหระพา ใบเตย นามาทบุ เเละหนั่ หยาบๆ อย่างละ 1 หยบิ มอื ต้งั นา้ 1.5 ลิตร ให้เดือด เเละใส่ตะไคร้ โหระพา ใบเตย ลงไปต้ม เเละลดไฟออ่ นลง ต้มไวป้ ระมาณ 10 นาทีจากนัน้ ปดิ ไฟ ทงิ้ ไวใ้ ห้พอ อนุ่ ๆ เเละจบิ ไดท้ ัง้ วนั 4. กระชายขาว สรรพคณุ กระชายขาว มผี ลวจิ ัยในหลอดทดลองวา่ กระชายขาวมีสารพิโนสโตบนิ เเละแพนดรู าทินเอ ทส่ี ามารถ ยบั ย้งั การเจริญเติบโตของเชอื้ ไวรัสโควดิ – 19 ได้ ชว่ นตา้ นอาการหวัด เเกว้ งิ เวียนศรษี ะ เเละลดไขมนั ในเลือด ได้ ช่วยบารงุ หัวใจ ช่วยแกอ้ าการท้องอืด ทอ้ งเฟ้อได้ วิธีทานกระชายขาว เพมิ่ ภูมคิ มุ้ กัน ตา้ นโควิด – 19 สตู รทานา้ กระชาย เตรยี มกระชาย 3 – 4 แทง่ ,มะนาว 1 – 2 ซีก , น้าผ้ึง 1 ชอ้ นโต๊ะ, เกลอื ¼ ช้อนชา, นา้ เปลา่ 500 มล.,โซดา ลา้ งกระชายใหส้ ะอาด เเละห่นั กระชายเป็นชน้ิ แว่นๆ เเละ ชน้ิ เล็กลงในเคร่อื งป่นั ใสน่ ้าลงไปเเลว้ ป่ัน หากปั่นเเล้วมฟี องขน้ึ ต้องตกั ฟองออก เพื่อไม่ใหน้ า้ กระชายขม กรองน้ากระชายป่นั โดยเทผ่านกระชอน ใสน่ ้าผ้ึงมะนาว เเละเติมโซดาเพื่อความสดชนื่

5. ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณฟ้าทะลายโจร บรรเทาอาการไขห้ วัด ไอ เเละเจบ็ คอ เเก้อาการปวดหัว ตัวร้อน มีฤทธิข์ ขบั เสมหะ ช่วยขับน้าลาย ทาใหช้ ุ่มคอ ชว่ ยฆา่ เช้ือเเบคทเี รยี ท่ีนามาซง่ึ ปัญหาระบบทางเดินหายใจ วธิ ีทาน ฟ้าทะลายโจร เพ่ิมภูมคิ ุม้ กัน ต้านโควดิ – 19 ฟา้ ทะลายโจรเป็นสมนุ ไพรท่ใี ช้รักษาเมื่อมอี าการ หากร้สู กึ เปน็ ไข้ ไมส่ บาย การทานฟ้าทะลายโจรกเ็ ปน็ ทางเลอื ก ทด่ี ี หากอยากทานฟ้าทะลายโจรเพอ่ื ปอ้ งกันไมใ่ หร้ ่างกายออ่ นเเอหรอื ไม่สบาย สามารถทานใบสด วนั ละ 2 -3 ใบ ช่วยกระต้นุ ภูมคิ มุ้ กนั ไดด้ ี หากทานเพ่อื รักษาอาการเปน็ ไข้ ไม่สบาย สามารถทานฟ้าทะลายโจรเเบบแคปซูล ตามคาเเนะนาของแพทยไ์ ด้ ข้อควรระวังในการทานฟ้าทะลายโจร ไมค่ วรทานติดตอ่ กันนานเกิน 5 วัน หา้ มใชใ้ นหญิงตงั้ ครรภ์ ใหน้ มบุตร ควรระวังหากทานยารว่ มกับผู้ปว่ ยโรคตับ ผู้ทีท่ านยาลดความดนั

บทท่ี ๓ วธิ กี ารดาเนนิ การ ผู้ดาเนินการจึงได้จัดทาโครงการการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง เรยี นรู้ สสู้ รา้ งภมู คิ ้มุ กัน ตาบลทา่ สะแก วันที่ ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนยเ์ รยี นรู้ชมุ ชนท่องเทีย่ ว OTOP นวัตวิถี หมู่ ๔ บ้านนานอ้ ย ต.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ได้ดาเนินการในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการ วิเคราะห์ขอ้ มูลดงั นี้ การดาเนินการจัดกจิ กรรม 1. เตรยี มการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน - ประชุมวางแผนรปู แบบการจัดกิจกรรม - เลือกกจิ กรรมที่จะจดั กิจกรรมการเรียนการสอน - มอบหมายงานให้บุคลากรทเ่ี กยี่ วข้อง - ตดิ ต่อประสานงานในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน 2. วิธกี ารดาเนนิ งาน - เขยี นเสนอโครงการ - เสนอโครงการ - เตรยี มการจดั กิจกรรมโครงการ 1. เตรียมการกอ่ นการจัดกจิ กรรมโครงการ - การจดั เตรียมเอกสารโครงการ - ติดต่อสถานที่ - จัดชุดวิทยากร - อน่ื ๆ 2. ตดิ ตอ่ ประสานงานเครือขา่ ย - จัดการกจิ กรรมโครงการตามแผนท่ีวางไว้ - ลงทะเบียนผเู้ ข้ารว่ มการกจิ กรรมโครงการ - วทิ ยากรใหค้ วามรู้ - จดั กิจกรรมกลมุ่ ยอ่ ย - สรปุ กจิ กรรมย่อย - ปิดโครงการ - สรุปรายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการเป็นรูปเล่ม - รายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการให้ผู้ท่ีเกยี่ วขอ้ งรบั ทราบ

บทท่ี ๔ ผลการดาเนนิ งาน ผดู้ าเนินการจัดทาจดั ทาโครงการการเรียนรูต้ ามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เรยี นรู้ สู้ สรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ตาบลทา่ สะแก วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี หมู่ ๔ บา้ นนาน้อย ต.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณโุ ลก เก็บรวบรวมข้อมูล และการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดังนี้ ๑. เครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการจดั กจิ กรรม ขอ้ มลู ปฐมภูมิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผู้เข้ารว่ มกิจกรรม ขอ้ มลู ทุติยภมู ิ ศึกษาจากเอกสาร ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง ๒. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ๒.๑ ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ๒.๑.๑ ประชาชน หมู่ 1 ตาบลบ่อภาค ๒.๒ วิธดี าเนนิ การในการตดิ ตามและประเมินผลการดาเนินงานได้ดาเนินการดงั นี้ ๒.๒.๑ เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ เป็นแบบสอบถาม แบง่ ออกเปน็ 3 ตอน คอื ตอนท่ี ๑ ขอ้ มูลสถานภาพทว่ั ไปเกย่ี วกับผ้ตู อบแบบสอบถาม ตอนท่ี ๒ ขอ้ มูลเกี่ยวกับความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการฯ ตอนที่ ๓ ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ๒.๒.๒ วิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ ดาเนนิ การดงั น้ี ตอนที่ ๑ ขอ้ มลู สถานภาพทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถามวเิ คราะห์ผลดว้ ยการหาคา่ ร้อยละ ค่ารอ้ ยละ (%) P =  ๑๐๐ เมอื่ p แทน รอ้ ยละ F แทน จานวนผ้ตู อบแบบสอบถาม n แทน จานวนทัง้ หมด ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเกย่ี วกบั การดาเนินงานตามโครงการ ใช้คา่ เฉล่ีย x = เม่ือ x แทน คา่ เฉลี่ย แทน จานวนผู้ตอบแบบสอบถาม x แทน จานวนทัง้ หมด n

ตอนท่ี 3 สรุปขอ้ เสนอแนะ โดยใช้ความถี่ ( f ) ๒.๒.๓ การแปลผลข้อมลู ในการแปลความหมายของข้อมลู แปลผลจากคา่ เฉลย่ี เลขคณิต x โดยใชห้ ลักเกณฑด์ ังน้ี คา่ เฉล่ียเลขาคณิต x ความหมาย ๑.๐๐ – ๑.๕๐ น้อยท่สี ุด ๑.๕๑ – ๒.๕๐ น้อย ๒.๕๑ – ๓.๕๐ ปานกลาง ๓.๕๑ – ๔.๕๐ มาก ๔.๕๑ – ๕.๐๐ มากทสี่ ุด 3. ผลการดาเนินโครงการ จากการจดั กิจกรรมโครงการการเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรยี นรู้ สู้ สรา้ งภูมคิ ุ้มกนั ตาบลท่าสะแก ได้มีการสารวจความพึงพอใจของผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมทีม่ ตี อ่ รปู แบบการจัดกิจกรรม จานวน 6 คน โดยวิธกี ารตอบแบบสอบถาม จงึ ได้มกี ารนาเสนอข้อมูลในรปู ตารางประกอบคาบรรยาย โดยแบง่ ออกเป็น ๓ สว่ น ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสถานภาพท่ัวไปเกีย่ วกบั ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ประเมินความพงึ พอใจในการเขา้ ร่วมโครงการ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ 3.1 ตอนท่ี 1 การวิเคราะห์ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางท่ี 1 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามเพศ เพศ จานวน ( n = 6 ) ร้อยละ ชาย 1 16.67 หญิง 5 83.33 รวม 6 ๑๐๐ จากตารางที่ 1 ผลการศกึ ษาพบวา่ ผู้เข้ารว่ มอบรมสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง คดิ เป็นร้อยละ 83.33 รองลงมาคอื เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 16.67 ตารางที่ 2 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามอายุ อายุ จานวน ( n = 6) ร้อยละ ๓๐ – ๓๙ ปี 1 16.67 4๐ – 4๙ ปี 3 50.00 5๙ – 5๙ ปี 2 33.33 6๐ ปีข้ึนไป -- รวม 6 6 จากตารางท่ี 2 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมสว่ นใหญ่ คอื 4๐ – 4๙ ปี คดิ เป็นร้อยละ 50.00 รองลงมาคอื อายุ 5๐ – 5๙ ปี ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 33.33 และอายุ 30 – 3๙ ปี คิดเป็นร้อยละ 16.67

ตารางที่ 3 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามระดับการศึกษาสงู สุด ระดับการศกึ ษาสงู สดุ จานวน ( n = 6 ) รอ้ ยละ ประถมศกึ ษา 3 50.00 1 16.67 มธั ยมศึกษาตอนตน้ 2 33.33 มธั ยมศึกษาตอนปลาย - 6 - อืน่ ๆ 100 รวม จากตารางท่ี 3 ผลการศกึ ษาพบวา่ ผู้เขา้ ร่วมอบรมส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงสุด คอื ศกึ ษาระดับประถม คดิ เปน็ ร้อยละ 50.00 รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเปน็ ร้อยละ 33.33 และระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คดิ เป็นรอ้ ยละ 16.67 ตารางที่ 4 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามอาชพี อาชีพ จานวน ( n = 6) ร้อยละ เกษตรกร 6 100 รบั จ้าง - ค้าขาย - - รวม 6 - ๑๐๐ จากตารางที่ 4 ผลการศึกษาพบวา่ ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญป่ ระกอบอาชพี เกษตรกร คดิ เปน็ ร้อยละ 100

3.2 ตอนท่ี 2 การวเิ คราะหข์ อ้ มูลเกีย่ วกบั ความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรม ตารางที่ 5 แสดงจานวน รอ้ ยละ และคา่ เฉล่ียของความพงึ พอใจของผเู้ ข้าร่วมโครงการทมี่ ีต่อการจัดกิจกรรม ระดับความพงึ พอใจ/ความร้คู วามเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประเด็นความคิดเห็น มากที่สดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สดุ ค่าเฉลีย่ อยใู่ น 5 4 3 2 1 ระดบั ตอนท่ี 1 ความพึงพอใจดา้ นเน้ือหา = 4.67 1.1 เนื้อหาตรงตามความ 5 1 - - - 4.83 มาก ตอ้ งการ (83.33) (16.67) ทส่ี ดุ 1.2 เนอ้ื หาเพยี งพอต่อความ 4 2 - - - 4.67 มาก ตอ้ งการ (66.67) (33.33) ท่ีสุด 1.3 เนื้อหาปัจจุบันทนั สมัย 4 2 - - - 4.67 มาก (66.67) (33.33) ที่สดุ 1.4 เนื้อหามีประโยชนต์ อ่ การ 3 3 - - - 4.50 มาก นาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ (50.00) (50.00) ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจด้านกระบวนการจดั กิจกรรมการอบรม = 4.63 2.1 การเตรยี มความพรอ้ มก่อน 3 3 - - - 4.50 มาก อบรม (50.00) (50.00) 2.2 การออกแบบกิจกรรม 4 2 - - - 4.67 มาก เหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ (66.67) (33.33) ทีส่ ุด 2.3 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 5 1 - - - 4.83 มาก กบั เวลา (83.33) (16.67) ที่สุด 2.4 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 4 2 - - - 4.67 มาก กบั กลุ่มเปา้ หมาย (66.67) (33.33) ที่สดุ 2.5 วธิ กี ารวัดผล/ประเมนิ ผล 3 3 - - - 4.50 มาก เหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ (50.00) (50.00) ตอนท่ี 3 ความพึงพอใจต่อวิทยากร = 4.78 3.1 วทิ ยากรมีความรู้ 4 2 - - - 4.67 มาก ความสามารถในเรอื่ งที่ถ่ายทอด (66.67) (33.33) ที่สดุ 3.2 วิทยากรมีเทคนิคการ 5 1 - - - 4.83 มาก ถ่ายทอดใชส้ อ่ื เหมาะสม (83.33) (16.67) ทีส่ ุด 3.3 วิทยากรเปิดโอกาสใหม้ ี 5 1 - - - 4.83 มาก สว่ นรว่ มและซักถาม (83.33) (16.67) ที่สุด

ระดับความพึงพอใจ/ความร้คู วามเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประเด็นความคิดเห็น มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ดุ คา่ เฉลี่ย อยู่ใน 5 4 3 2 1 ระดบั 4. ความถึงพอใจดา้ นการอานวยความสะดวก = 4.61 4.1 สถานที่ วสั ดุ อปุ กรณ์และ 5 1 - - - 4.83 มาก ส่ิงอานวยความสะดวก (83.33) (16.67) ท่ีสุด 4.2 การส่อื สาร การสร้าง 33 - - - 4.50 มาก บรรยากาศเพ่ือใหเ้ กิดการเรยี นรู้ (50.00) (50.00) 4.3 การบรกิ าร การช่วยเหลอื 3 3 - - - 4.50 มาก และการแกป้ ัญหา (50.00) (50.00) 5. ความพงึ พอใจดา้ นการนาความรไู้ ปใช้ = 4.72 5.1 สามารถนาความรู้ท่ีรับไป 4 2 - - - 4.67 มาก ประยุกต์ใช้ในการปฏบิ ัติงานได้ (66.67) (33.33) ทส่ี ดุ 5.2 สามารถนาความรู้ไป 4 2 - - - 4.67 มาก เผยแพร่/ถ่ายทอดแก่ชุมชนได้ (66.67) (33.33) ที่สดุ 5.3 มคี วามมั่นใจและสามารถ 5 1 - - - 4.83 มาก นาความรทู้ ไี่ ด้รับไปใช้ได้ (83.33) (16.67) ที่สดุ รวมทงั้ สน้ิ 73 35 - - - 4.67 มาก (67.59%) (32.41%) ทสี่ ดุ ค่าเฉล่ยี ถ่วงนา้ หนกั 4.67 ระดับความคิดเหน็ มากที่สุด จากตารางที่ 5 จากการศึกษาพบว่า ผเู้ ข้าร่วมอบรมสว่ นใหญม่ ีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมโครงการการ เรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เรียนรู้ สู้ สร้างภูมิคมุ้ กัน ตาบลบอ่ ภาค โดยรวมอยใู่ นระดับมาก ทส่ี ุด ( x = 4.71) ตอนท่ี ๑ ความพงึ พอใจดา้ นเนื้อหา ( x = ๔.67) มากทีส่ ดุ ๑.1 เนื้อหาตรงตามความต้องการ ( x = ๔.63) มากท่ีสุด 1.๒ เน้อื หาเพยี งพอต่อความตอ้ งการ ( x = ๔.67) มากที่สดุ 1.3 เนือ้ หาปจั จุบนั ทันสมยั ( x = ๔.67) มากทส่ี ุด 1.๔ เนื้อหามีประโยชนต์ อ่ การนาไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ( x = ๔.50) มาก ตอนที่ ๒ ความพึงพอใจดา้ นกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม ( x = ๔.63) มากท่สี ุด 2.1 การเตรียมความพรอ้ มก่อนอบรม ( x = ๔.50) มาก 2.2 การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ ( x = ๔.67) มากทีส่ ุด 2.3 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา ( x = 4.83) มากที่สดุ 2.4 การจดั กิจกรรมเหมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมาย ( x = 4.67) มากท่ีสดุ 2.5 วิธีการวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ ( x = 4.50) มาก ตอนที่ ๓ ความพึงพอใจต่อวิทยากร ( x = ๔.78) มากทส่ี ุด 3.1 วทิ ยากรมีความร้คู วามสามารถในเรอ่ื งทถ่ี า่ ยทอด ( x = ๔.67) มากที่สดุ 3.2 วิทยากรมเี ทคนคิ การถ่ายทอดใช้ส่ือเหมาะสม ( x = ๔.83) มากท่สี ุด 3.3 วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ ีสว่ นรว่ มและซักถาม ( x = ๔.83) มากท่ีสุด

ตอนที่ ๔ ความพึงพอใจด้านการอานวยความสะดวก ( x = ๔.61) มากท่ีสดุ 4.1 สถานท่ี วสั ดุ อปุ กรณ์และสิง่ อานวยความสะดวก ( x = 4.83) มากทส่ี ุด 4.2 การสือ่ สาร การสรา้ งบรรยากาศเพ่ือใหเ้ กิดการเรยี นรู้ ( x = ๔.50) มาก 4.3 การบริการ การชว่ ยเหลือและการแก้ปัญหา ( x = ๔.50) มาก ตอนท่ี ๕ ความพึงพอใจด้านการนาความรู้ไปใช้ ( x = ๔.47) มากทส่ี ดุ 5.1 สามารถนาความรูท้ ีร่ ับไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏบิ ัติงานได้ ( x = ๔.67) มากท่ีสดุ 5.2 สามารถนาความร้ไู ปเผยแพร่/ถ่ายทอดแก่ชมุ ชนได้ ( x = ๔.67) มากท่ีสุด 5.3 มีความมน่ั ใจและสามารถนาความรู้ที่ไดร้ ับไปใช้ได้ ( x = ๔.83) มากท่ีสุด สรปุ ภาพรวมความพึงพอใจของผเู้ ข้าร่วมโครงการ ทั้งหมด อยู่ในระดับ มากท่สี ุด มีคา่ เฉลี่ย = 4.67 ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ - หมายเหตุ คิดคะแนนเฉพาะทค่ี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับมากขนึ้ ไป

บทท่ี 5 สรปุ ผลโครงการ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ การจดั โครงการการเรียนร้ตู ามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรยี นรู้ สสู้ รา้ งภมู ิคมุ้ กัน ตาบลทา่ สะแก มจี ุดประสงค์ในการจดั กจิ กรรมดังน้ี 1. เพ่ือส่งเสรมิ ประชาชนให้เกิดการพึ่งตนเองโดยใช้การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลกั เกษตรทฤษฎใี หม่ ประชาชนมภี ูมิคุ้มกนั ใหก้ บั ตนเอง และสามารถยนื หยดั อยไู่ ดอ้ ย่างย่ังยนื 2. เพอ่ื ให้ประชาชนมีความรเู้ กยี่ วกบั การเพาะเล้ยี งสตั วน์ ้าในบ่อดินและในวงบ่อ ๓. เพื่อส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีความร้เู กย่ี วกบั ยาเสพตดิ และการป้องกันยาเสพติด การดาเนินการจดั กจิ กรรม ๑. ผู้เขา้ ร่วมกิจกรรม ผูเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมโครงการ จานวน 6 คน - เพศชาย จานวน 1 คน - เพศหญิง จานวน 5 คน 2. เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการอบรม ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรม ขอ้ มลู ทุติยภมู ิ ศึกษาจากเอกสาร ข้อมูลตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลวิเคราะหแ์ บบสอบถามในแตล่ ะส่วน ดังนี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มลู สถานภาพท่ัวไปเกี่ยวกบั ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ประเมนิ ความพงึ พอใจในการเข้าร่วมโครงการ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ๔. วิธีการวเิ คราะหข์ ้อมลู ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ผู้จัดได้ดาเนนิ การ 2 ลกั ษณะ คือ 4.1 การสงั เคราะหเ์ ชงิ คุณลักษณะ ผจู้ ดั กจิ กรรมทาการสังเคราะหโ์ ดยใชว้ ิธีการวเิ คราะห์สงั เคราะห์ 3 ดา้ น คอื ข้อมูลสถานภาพ ทัว่ ไปเกย่ี วกบั ผู้ตอบแบบสอบถาม ประเมนิ ความพงึ พอใจในการเข้ารว่ มโครงการ ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ 4.2 การสังเคราะหก์ ารอบรมเชิงปรมิ าณ ในการสงั เคราะหก์ ารจดั กจิ กรรมเชิงปริมาณ ผจู้ ัดกจิ กรรมแยกออกเป็นคุณลกั ษณะต่าง ๆ ใน การสงั เคราะห์ขอ้ มูลดงั นี้ ๑. ขอ้ มูลเก่ยี วกบั เพศ / อายุ / อาชพี ๒. ข้อมลู ระดับความพงึ พอใจในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ๓. ขอ้ เสนอแนะ โดยเปรียบเทยี บจานวนคนคดิ เป็นรอ้ ยละในแต่ละสว่ นของข้อมูลการอบรม พรอ้ มการบรรยายประกอบ

สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมโครงการ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการการเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เรียนรู้ สู้ สรา้ งภูมคิ มุ้ กนั ตาบลท่าสะแก โดยใชว้ ิธกี ารวิเคราะห์ สงั เคราะหจ์ ากแบบประเมนิ ความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และรูปแบบการจัดกิจกรรม สามารถสรปุ ไดด้ งั น้ี การสงั เคราะหข์ อ้ มลู ทัว่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญงิ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมสว่ นใหญ่เปน็ มีอายุ 40 - 49 ปี เนอื่ งมาจากเป็นชว่ งวัยทต่ี อ้ งการศึกษาเรียนรู้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพือ่ ประกอบอาชีพ มผี ลทาให้ การหาค่ารอ้ ยละในชว่ งนสี้ ูงกว่าชว่ งอืน่ ๆ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลเกยี่ วกับความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จากการศึกษาพบวา่ ผู้เข้าร่วมอบรมสว่ นใหญม่ คี วามพึงพอใจต่อการจัดกจิ กรรมโครงการการเรยี นรตู้ าม หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เรยี นรู้ สูส้ รา้ งภมู ิคุ้มกนั ตาบลท่าสะแก โดยรวมอยใู่ นระดบั มากทีส่ ุด ( x = 4.67) ตอนท่ี ๑ ความพงึ พอใจด้านเนื้อหา ( x = ๔.67) มากท่สี ุด ๑.1 เน้อื หาตรงตามความต้องการ ( x = ๔.63) มากท่ีสุด 1.๒ เนื้อหาเพียงพอต่อความตอ้ งการ ( x = ๔.67) มากที่สดุ 1.3 เนอื้ หาปัจจุบนั ทันสมยั ( x = ๔.67) มากทีส่ ุด 1.๔ เนอื้ หามีประโยชน์ตอ่ การนาไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชีวติ ( x = ๔.50) มาก ตอนท่ี ๒ ความพึงพอใจด้านกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม ( x = ๔.63) มากทีส่ ุด 2.1 การเตรยี มความพร้อมก่อนอบรม ( x = ๔.50) มาก 2.2 การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ ( x = ๔.67) มากที่สุด 2.3 การจดั กิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา ( x = 4.83) มากท่ีสดุ 2.4 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมาย ( x = 4.67) มากที่สุด 2.5 วิธกี ารวดั ผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ ( x = 4.50) มาก ตอนท่ี ๓ ความพงึ พอใจต่อวิทยากร ( x = ๔.78) มากท่ีสุด 3.1 วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถา่ ยทอด ( x = ๔.67) มากท่ีสุด 3.2 วทิ ยากรมีเทคนคิ การถ่ายทอดใช้ส่อื เหมาะสม ( x = ๔.83) มากที่สุด 3.3 วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนรว่ มและซกั ถาม ( x = ๔.83) มากท่ีสดุ ตอนที่ ๔ ความพึงพอใจดา้ นการอานวยความสะดวก ( x = ๔.61) มากทีส่ ดุ 4.1 สถานที่ วัสดุ อุปกรณแ์ ละสิ่งอานวยความสะดวก ( x = 4.83) มากที่สุด 4.2 การสื่อสาร การสรา้ งบรรยากาศเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ( x = ๔.50) มาก 4.3 การบริการ การชว่ ยเหลือและการแกป้ ญั หา ( x = ๔.50) มาก ตอนท่ี ๕ ความพึงพอใจด้านการนาความรูไ้ ปใช้ ( x = ๔.47) มากที่สุด 5.1 สามารถนาความร้ทู ่ีรับไปประยุกตใ์ ชใ้ นการปฏิบัติงานได้ ( x = ๔.67) มากท่ีสุด 5.2 สามารถนาความรูไ้ ปเผยแพร/่ ถ่ายทอดแก่ชุมชนได้ ( x = ๔.67) มากท่สี ุด 5.3 มคี วามม่ันใจและสามารถนาความรูท้ ไ่ี ดร้ บั ไปใชไ้ ด้ ( x = ๔.83) มากท่สี ดุ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ - หมายเหตุ คิดคะแนนเฉพาะท่คี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับมากข้ึนไป

อภิปรายผล จากการดาเนินการพบประเดน็ สาคัญท่ีสามารถนามาอภปิ รายผลได้ดงั น้ี ๑. ด้านกลมุ่ เป้าหมาย ๑.๑ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เกิดการเรียนมีความตระหนักและเห็นความสาคัญของการทา การเกษตรแบบผสมผสาน มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และย่ังยืน การจัดทาบัญชีครัวเรือนอย่างง่าย เพ่ือให้ ทราบต้นทุนการประกอบอาชีพ และการดารงชีวิต มีการออมเงิน รวมทั้งน้อมนาหลักของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใชใ้ นการดาเนินชีวิต และพ่ึงพาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามวิถีของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้อย่าง เหมาะสม ๒. ด้านงบประมาณ ๒.๑ จากการดาเนินงานพบว่างบประมาณท่ีใช้ในการจัดซ้ือวัสดุอุปกรณ์จัดกิจกรรมโครงการ การเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรยี นรู้ สู้สร้างภูมิคุ้มกันตาบลบ่อภาคเพียงพอต่อการศึกษาดู งานในครั้งนี้ ๓. ดา้ นกิจกรรมการเรียนการสอน ๓.๑ จากการดาเนนิ งานพบวา่ กจิ กรรมยดื หย่นุ ตามสภาพกลมุ่ เป้าหมาย เนื่องมาจากสภาพชวี ิต ความเป็นอยู่ของกลมุ่ เปา้ หมายมสี ว่ นสาคัญตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔. ด้านสถานท่ี ๔.๑ การดาเนนิ การเป็นไปดว้ ยความสะดวก เรยี บร้อย ๔.๒ การใช้สถานที่ของผเู้ รียน/ผรู้ บั บริการเปน็ จดุ เรยี นรู้ในชมุ ชนทาให้เกดิ ความ เชือ่ มโยง สัมพันธ์กนั ระหว่าง กศน. ผเู้ รียน และชมุ ชน ขอ้ มูลความตระหนกั ในการจดั กจิ กรรมโครงการการเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เรียนรู้ สู้สรา้ ง ภมู ิค้มุ กนั ตาบลบอ่ ภาค สาหรบั ประชาชนทั่วไปทเ่ี ข้ารับการอบรมแล้วสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้และ เกดิ ทกั ษะในการอย่รู ่วมกันในสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ ขอ้ มูลการปฏิบัติ (ความพยายาม) เมอื่ บคุ ลากรได้รบั แนวทางในการปฏิบัตแิ ละนโยบายจาก กศน.อาเภอชาติตระการและร่วม ดาเนินการจัดกจิ กรรมโดยครอู าสาสมัครฯ,ครู กศน.ตาบล,ครู ศรช. เพ่ือประสานประชาชนและนกั ศกึ ษามา กาหนดรูปแบบการจัดกิจกรรม เพอ่ื ให้เปน็ ไปตามแผนงานท่ีวางไว้ จดุ เดน่ ๑. กลุ่มเป้าหมายมีความรับผิดชอบ ๒. กลุม่ เป้าหมายมีความสนใจในกิจกรรมของโครงการ ๓. กลุม่ เป้าหมายมีความรับผิดชอบ ๔. กล่มุ เปา้ หมายสามารถนาความรูท้ ี่ไดไ้ ปใช้ในการดาเนินชวี ติ ประจาวันของตนเองได้ จุดควรพัฒนา (จดุ ด้อย) ๑. ระยะเวลาในการจดั กิจกรรมน้อย ทาให้ผู้เขา้ รว่ มโครงการไมไ่ ดร้ ับความร้เู ท่าที่ควร 2. ขาดการประชาสมั พันธ์ยงั ไม่ทัว่ ถงึ

แนวทางการพัฒนา ๑. ควรมกี ารปรบั เวลาการจดั กิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ๒. สถานท่ีจัดกิจกรรมในครัง้ ตอ่ ไป ควรเปลี่ยนสถานท่ีเป็นห้องจัดอบรม ขอ้ เสนอแนะในการดาเนินการคร้ังตอ่ ไป 1. ควรทาการศึกษาความตอ้ งการของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้เคร่ืองมือที่หลากหลายรูปแบบ เพ่ือให้ได้ ขอ้ มลู ทถี่ ูกต้อง ตรงตามความตอ้ งการของผเู้ รยี นมากทสี่ ดุ 2. ควรศึกษาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการรับบริการจาก กศน. เพื่อให้ ทราบและสามารถจัดกิจกรรมตามหลกั สูตรให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของท้องถน่ิ ได้ 3. ควรศึกษาผลกระทบจาการดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการศึกษาจาก กลุ่มเปา้ หมาย และชุมชน 4. ควรเก็บขอ้ มูลของผู้เข้ารับการอบรมหลังการอบรมด้วยทุกคร้งั

ภำคผนวก - เอกสารท่ีเกยี่ วขอ้ ง - ภาพประกอบกจิ กรรม

ภาพประกอบกจิ กรรม โครงการการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรียนรู้ สสู้ ร้างภูมิค้มุ กนั ตาบลทา่ สะแก วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนยเ์ รียนรู้ชมุ ชนท่องเทย่ี ว OTOP นวัตวิถี หมู่ ๔ บ้านนาน้อย ต.ชาตติ ระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณโุ ลก

ภาพประกอบกจิ กรรม โครงการการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรียนรู้ สสู้ ร้างภูมิค้มุ กนั ตาบลทา่ สะแก วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนยเ์ รียนรู้ชมุ ชนท่องเทย่ี ว OTOP นวัตวิถี หมู่ ๔ บ้านนาน้อย ต.ชาตติ ระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณโุ ลก

คณะทางาน ทป่ี รกึ ษา ผู้อานวยการ กศน.อาเภอชาตติ ระการ 1. นางพรสวรรค์ กันตง ครูชานาญการ 2. นายร้งุ ภธู ร ภาศรี ครผู ูช้ ว่ ย 3. นางสาวชมพนู ชุ ล้วนมงคล คณะทางาน บุญประกอบ ครูอาสาสมัครฯ 1. นางสาวประยรู แสงสบี าง ครู กศน.ตาบล 2. นางสาวเปยี ทพิ ย์ ผ้รู บั ผดิ ชอบ/ผเู้ รยี บเรียบ/ผูจ้ ดั รปู เลม่ /ออกแบบปก 1. นางสาวเปียทพิ ย์ แสงสีบาง ครู กศน.ตาบล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook