ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน ช่อื _w__w__w_._w_n_i_o_ih__ti___ นามสกุล__e_r_o_ñ_o_s__g_r_ra_'___ ชัน้ ม.6/_o_r _ เลขท่ี__IS_ ๑
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน ๒
ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน โครงการสอน (Course Outline) รายวชิ า ส33101 สงั คมศึกษา สถานภาพรายวิชา พน้ื ฐาน จำนวนเวลา 2 คาบ/สปั ดาห์ (40 ชัว่ โมง/ภาคเรียน) จำนวน 1 หน่วยกิต ระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 กล่มุ สาระฯ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี น สามเสนวทิ ยาลัย ผสู้ อน 1. นายณัฏฐ์ชฎลิ มาอ่นิ แก้ว ม.6/5,7,11,17 ม.6/1,8 2. นายภาณวุ ฒั น์ มัธยมนนั ทน์ ม.6/2,4,6 3. นางสาวทัศนท์ อง เขม็ กลัด ม.6/3,9,10,12 4. นางสาวภสั นนั ท์ นธิ พิ งษ์วรากลุ 1. คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาและวิเคราะห์อารยธรรมของโลกสมยั โบราณ ได้แก่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ ไทกรสี – ยเู ฟรตีส อารยธรรมลมุ่ แมน่ ้ำไนล์ อารยธรรมลุม่ แม่น้ำฮวงโห อารยธรรมลมุ่ แม่น้ำสินธุ อารยธรรมกรกี และอารย ธรรมโรมนั การติดต่อระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตกและอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่มีต่อกันและกัน เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เช่น ระบบศักดินาสวามิภักดิ์ สงครามครเู สด เป็นต้น ประวตั ศิ าสดาของศาสนาอืน่ ๆ โดยสงั เขป และหลักธรรมสำคญั ในการอยรู่ ่วมกัน อยา่ งสนั ติสขุ ของศาสนาอืน่ ๆ ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ กระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางประวัติศาสตร์สากล กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถถ่ายทอดความรู้ความเขา้ ใจอย่างถูกต้องเหมาะสม รู้จัก การแก้ไขปัญหา ตระหนักถึงความสำคัญ ยอมรับและเคารพในความแตกต่างทางความเชื่อและศาสนา เพ่ือการอย่รู ว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ุขท่ามกลางความหลากหลาย เหน็ ความสำคญั ของการศึกษาประวัติศาสตร์ ที่เป็นรากฐานการเจริญเติบโตของสังคมโลก และมีความซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝ่หา ความรู้ ตงั้ ใจปฏิบัตหิ นา้ ที่ รวมทงั้ ยอมรบั ผลท่เี กิดจากการกระทำของตนเอง 2. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วดั มาตรฐานที่ 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาทีต่ นนับถือและศาสนาอื่น มีความศรทั ธาท่ถี กู ตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏิบัตติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่ร่วมกัน อยา่ งสันติสขุ ๓
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 โครงการสอน มาตรฐานที่ 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสำคัญ และสามารถวิเคราะห์ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ จดุ เนน้ ที่ 5 ความมีวนิ ยั ในตัวเอง (ตามผลการเรยี นรวู้ ชิ าหน้าที่พลเมือง) ▪ ส 1.1 ม.4–6/17 อธบิ ายประวตั ิศาสดาของศาสนาอืน่ ๆ โดยสงั เขป ▪ ส 1.1 ม.4–6/21 วิเคราะห์หลักธรรมสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของศาสนาอื่นๆ และชักชวน ส่งเสริมสนับสนุนใหบ้ ุคคลอื่นเห็นความสำคัญของการทำความ ดรี ว่ มกนั ▪ ส 4/2 ม.4–6/1 วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณและการตดิ ตอ่ ระหว่างโลกตะวันออก กับโลกตะวนั ตกท้ังท่มี ผี ลตอ่ พัฒนาการและการเปล่ียนแปลงของโลก ▪ ส 4/2 ม.4–6/2 วิเคราะห์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมืองเข้าสู่โลกสมยั ปัจจบุ นั ▪ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ้มู ีวินยั ในตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝ่หาความรู้ ตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ี รวมท้งั ยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของตนเอง 3. สาระการเรยี นร้แู ละโครงการสอนระยะยาว สัปดาห์ท่ี หนว่ ยการเรยี นรู้ หัวเรอื่ ง จำนวน คาบ 1 ปฐมนเิ ทศ แนะนำรายวชิ า 1 1 2 1. ความรพู้ ้ืนฐานทาง ▪ การเทียบเวลาและยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์สากล 1 ประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล ▪ ตวั อย่างหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล 3 ▪ ความรู้พ้นื ฐานทางศาสนาสากล 3 2 3 – 6 2. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ อารยธรรมจนี 1 3 และศาสนาในโลกตะวันออก ▪ อารยธรรมอนิ เดยี 2 1 ▪ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู 2 2 ▪ การติดต่อระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวันตก 6 – 8, 3. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ อารยธรรมเมโสโปเตเมียและดินแดนเอเชียไมเนอร์ 10 - 12 สมัยโบราณและศาสนาในโลก ▪ ศาสนาครสิ ต์ ตะวนั ตก ▪ อารยธรรมอยี ิปต์ ▪ อารยธรรมกรีก ▪ อารยธรรมโรมนั ๔
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน สัปดาหท์ ี่ หน่วยการเรยี นรู้ หัวเร่อื ง จำนวน คาบ 12 – 15 4. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ สภาพการปกครองหลังจักรวรรดิโรมนั ลม่ สลาย ตะวันตกและศาสนาสมยั กลาง ▪ ลกั ษณะการปกครองของยโุ รปสมัยกลาง : ระบบศกั ดินาสวามิภักดิ์ 2 ▪ ลกั ษณะเศรษฐกจิ ของยุโรปสมยั กลาง : ระบบแมเนอร์ ▪ ลกั ษณะสงั คมของยุโรปสมัยกลาง: อทิ ธิพลของศาสนจักร ▪ ลกั ษณะงานศิลปะและวิทยาการของยุโรปสมยั กลาง 1 ▪ เหตกุ ารณ์สำคญั : สงครามครูเสดและสงครามร้อยปี 1 ▪ ศาสนาอิสลาม 2 ▪ การฟน้ื ฟูศิลปวิทยาการ 1 ▪ ความเข้าใจอันดรี ะหว่างศาสนา 1 9 ทบทวนบทเรียน (รวมงดการเรียน) และสอบกลางภาคเรยี น 2 16 สอบเกบ็ คะแนน 1 17 – 18 ทบทวนบทเรยี น (รวมงดการเรียน) และสอบปลายภาคเรยี น 4 รวม 36 หมายเหตุ : โครงการสอนระยะยาวเปน็ เพียงกำหนดการกอ่ นจัดการเรยี นการสอน อาจมปี รบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ▪ การบรรยายและอภิปราย ▪ การอภปิ รายกลุ่มย่อย ▪ การศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง ▪ การศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้ เช่น หอ้ งสมดุ ฐานข้อมูลออนไลน์ ▪ ศูนยก์ ารเรียน ▪ การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื 5. สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งการเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ ▪ เอกสารประกอบการเรียนวิชา ส33101 สังคมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ใบความรู้ / แบบฝกึ หัด) โรงเรยี นสามเสนวิทยาลัย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ▪ ส่ือ Microsoft Power Point ▪ ชุดกจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมศนู ยก์ ารเรยี น Jigsaw II เกม และการอภปิ รายกลมุ่ ย่อย ๕
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 โครงการสอน แหลง่ การเรยี นรู้ ▪ หอศิลปวฒั นธรรมแหง่ กรุงเทพมหานคร ▪ หอสมุดเมอื งกรุงเทพมหานคร ▪ สำนกั หอสมดุ แห่งชาติ ▪ เวบ็ ไซต์สถาบนั เอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั (http://www.ias.chula.ac.th/) ▪ เว็บไซต์สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (http://www.asia.tu.ac.th/) ▪ เวบ็ ไซต์ศนู ยย์ ุโรปศึกษาแห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั (www.ces.in.th) ฯลฯ 6. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ รหสั ตัวชี้วัด / ผลการเรยี นรู้ ก่อนกลางภาค กลาง หลังกลางภาค ปลาย ชอ่ งกรอก SGS ขอ้ 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ภาค ข้อ 10 ขอ้ 11 ขอ้ 12 ข้อ 13 ภาค คะแนนเต็ม 5 10 10 20 10 10 10 5 20 อ่าน คดิ วิเคราะห์ เขียน 10 คุณลกั ษณะพึงประสงค์ 10 ส 4.2 ม.4-6/1 10 10 17 10 8 ส 4.2 ม.4-6/2 6 ส 1.1 ม.4-6/17 3 56 ส 1.1 ม.4-6/21 จดุ เน้นหนา้ ท่พี ลเมือง ข้อ 5 5 7. ภาระงานและการเก็บคะแนน SGS คะแนน ภาระงาน กำหนดสง่ ประเภทคะแนน ขอ้ ที่ สอบ งานเดยี่ ว งานกลุ่ม 21 – 25 1 5 ใบข้อมูลนกั เรียน มิถุนายน ✓ กอ่ นกลางภาค 2 10 กิจกรรมการเรยี นออนไลน์จาก เรียน ✓ Google Form* สงั เกต พฤติกรรม ✓ 3 10 การมสี ่วนร่วมในชัน้ เรยี นออนไลน์* กลาง ภาคเรียน ✓ กลาง 20 สอบกลางภาคเรยี น ภาค ๖
ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน SGS คะแนน ภาระงาน กำหนดสง่ ประเภทคะแนน ข้อที่ สอบ งานเด่ียว งานกลุ่ม 10 10 แบบฝกึ หดั เอกสารหน้า 81 – 97 ก่อนกลางภาค/ ✓ ปลายภาค 11 10 คุณลักษณะ สังเกต - - - พฤติกรรม 12 10 บันทกึ ความรู้ในเอกสารประกอบการเรยี น ก่อนกลางภาค/ ✓ เอกสารหน้า 1 – 80 ปลายภาค 13 5 แบบวิเคราะห์การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา 13 – 17 ✓ กันยายน ปลาย 20 สอบปลายภาค ปลาย ✓ ภาค ภาคเรียน หมายเหตุ : - ขอ้ มลู อาจมีการเปลยี่ นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม หากมีการเปลีย่ นแปลงครผู ู้สอนจะแจง้ ให้ทราบ ภายหลัง - * หากนักเรียนมีคะแนนข้อที่ 2 – 3 น้อยกว่าร้อยละ 50 จะต้องทำ Infographics เปรียบเทียบ วัฒนธรรมชดเชยคะแนนและส่งก่อนสอบปลายภาคเรียน - หากนักเรยี นขาดสง่ / คดั ลอกผลงาน infographics (กรณที ำชดเชยคะแนน) เอกสารประกอบการเรียน และแบบวเิ คราะหก์ ารเข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนา จะได้รับผลการเรยี น ร และสอบซอ่ มโดยการรับงานชน้ิ ใหม่ ๗
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 สารบญั หน้า โครงการสอน ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานทางประวัตศิ าสตร์และศาสนาสากล 1 ▪ ความหมายของประวตั ศิ าสตรแ์ ละอารยธรรม 1 ▪ บดิ าแหง่ ประวตั ศิ าสตร์ 1 ▪ เวลาและศักราช 2 ▪ ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล 3 ▪ หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์สากล 6 ▪ ความรพู้ ืน้ ฐานทางศาสนา 8 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก 10 ▪ อารยธรรมจีน 10 ▪ อารยธรรมอนิ เดยี 17 ▪ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู 24 ▪ การติดตอ่ ระหว่างโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตก 29 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์สมัยโบราณและศาสนาในโลกตะวันตก 33 ▪ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี และดนิ แดนเอเชียไมเนอร์ 33 ▪ ศาสนาครสิ ต์ 39 ▪ อารยธรรมอยี ิปต์ 44 ▪ อารยธรรมกรีก 48 ▪ อารยธรรมโรมนั 54 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ตะวนั ตกสมัยกลาง 59 ▪ สภาพการปกครองหลังจกั รวรรดโิ รมันลม่ สลาย 59 ▪ ลกั ษณะการปกครองของยุโรปสมัยกลาง : ระบบศกั ดนิ าสวามิภักดิ์ 60 ▪ ลกั ษณะเศรษฐกจิ ของยุโรปสมยั กลาง : ระบบแมเนอร์ 61 ▪ ลักษณะสังคมของยโุ รปสมยั กลาง : อิทธิพลของศาสนจกั ร 62 ▪ ลกั ษณะงานศลิ ปะและวทิ ยาการของยโุ รปสมัยกลาง 64 ▪ ศาสนาอิสลาม 67 ▪ เหตกุ ารณ์สำคญั : สงครามครเู สดและสงครามรอ้ ยปี 72 ▪ การฟืน้ ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ 74 ▪ ความเขา้ ใจอันดีระหวา่ งศาสนา 79 เอกสารอา้ งองิ 81 แบบฝกึ หัด 82 ๘
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 ช่ือบ_ท__ท_่ี_1__ค__ว_า_ม__ร_ู้พ__ืน้ _ฐ_า__น_ท__า_ง_ป__ร_ะ_ว_ตั__ศิ าชส้นั ตรม์แ.6ล/ะ_ศ__าสเลนขาทสา_ี่ _ก_ล__ vi. ioianrnfoorursru-n.rinu-7-ninvinnsn.in - nthoiniwsiwmmvnidm' iivnwyu.ci souñoir VOIWYVV บทที่ 1 - 185in.mu/ori.-wjINnv-dn.iofN , Ñnuioniosrov ñnusiivosoiinw \" MIN ' ryung - witnonolioiñoog, ความรูพ้ ้ นื ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาสากลlirpartrovñ,, ประวตั ิศาสตร์ หมายถงึ การศกึ ษาเหตกุ ารณ์สำคัญ การศึกษาประวัติศาสตร์สากล ของสังคมมนุษย์ในอดีตอย่างมีเหตุผล และปราศจากอคติ จำเป็นต้องทราบวา่ ช่วงเวลาที่ตรงกนั ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอาศัยร่องรอย ในอดีต ชนชาติต่างๆ ในโลกเกิด www.r#tXoPnv-in.oinwYoei,a.io8yrinuioisavwyv-Vของหลกั ฐานหรอื พยานบุคคล nthv-onowsowrovoiwlynriossi.sn/-nv-ni'roioriovoiñs1vyonb- เหตกุ ารณส์ ำคัญรว่ มสมยั กนั อย่างไร อารยธรรม ตามความหมายในแงป่ ระวตั ิศาสตร์ หมายถึง การศึกษาพัฒนาการทางความคิดของ ระบบสังคมมนุษย์ที่ซับซ้อน อารยธรรมเป็นวัฒนธรรมขั้นสูงท่ีมีพัฒนาการเจริญก้าวหน้าในลักษณะ วฒั นธรรมของสงั คมเมอื ง ปัจจยั ในการกำหนดอารยธรรม การสร้างสรรค์อารยธรรมของมนุษย์เกิดควบคู่กับการปรับตัวและพัฒนาวิถีชีวิตให้เข้ากับ ธรรมชาติในพื้นที่ อารยธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน i. www.hiiiwr : India ข้ึนอยกู่ บั ปัจจัยตา่ ง ๆ สรปุ ไดด้ ังน้ี , 1. ปัจจัยด้านภูมิศาส\"ต\"ร์\"ได\"้แ\"ก่\"ท\"\"ำ\"เล\"\"ท\"ี่ต\"ั้ง สภาพภูมิอากาศ เช่น Igtการเพาะปลกู เลยี้ งสัตว์ ทำใหผ้ ูค้ นเขา้ มาตัง้ ถ่นิ ฐานจำนวนมาก จนกลายเปน็ สังคมเมืองในเวลาต่อมา\"ส\"ภ\"า\"พ\" ภ\"\"ูมิประเทศ ชุมชนที่ต้ัง และศูนย์กลางของอารยธรรมjมักuอยู่ใกrล้แหoล่งน้ำrซึ่งมีน้ำใช้เพื่อการ@อุปโภคบริโภค การ☐คมนาคม และ 2. ปัจจัยด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้แก่ ความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น การคดิ คน้ ระบบbชcลsปiisรiะwทoาioนเพื่อใชท้ ดน้ำเข้าไปในพ้ืนที่ที่อยูห่ ่างไกลแม่น้ำ 2เทคโนโลยีและ-วทิ ยาการ เช่น murmur ตลอดจนการสร้างประตูระบายน้ำและทำนบก้ันน้ำเพ่ือป้องกนั น้ำทว่ ม n.niwwrivuvovr.ms/-n.io8N,nnaNn,onrquwniqoq InfoWorld ) ) G) youu )WVd 3. ปัจจัยดา้ นการจัดระเบยี บสQงั คม เชน่ การ-ตรากฎหมายเป็นเคร่อื . งมอื ในการปกครอง หรอื การ ยอมรบั ในสถานะทส่ี งู สง่ ของผปู้ กครอง past >- Iaioiihivu . 4. Ñ0Ñwñwn.Ñwwfvvn / ÉO www.viuosrsssirinoonn.nivriolhwiii . *n.ñnñvrwot4) IÉOÑO + Unsound lraVrihiwn9urswWe@f_unoVaaA.or.oirnncwe.sเฮโรโดตัส ( Hero#doTtuhsi \") ' \" \"ññnnMoÑionnq. ศ . ) เป็น ช าวกรีก (484-424 ก่อน ค. lofin.winnii.nl บิดาแห่งประวัติศาสตร์โลก ผู้บัญญัติคำว่า “ประวัติศาสตร์” เป็นภาษา กรีก คือ Historiai แปลว่า ไต่สวน สืบสวน และบันทึกเหตุการณส์ งคราม ระหว่างกรีกกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานความรู้ทาง ประวตั ิศาสตร์ และตอ่ มาจึงพฒั นาไปสู่ “วธิ ีการท*างปรKะEวYตั ิศ#าสตร์” 1 j
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พน้ื ฐานทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาสากล Morio waist since iwidñivn . - ซือหม่าเชียน ชาวจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น (140-87 ก่อน ค.ศ.) เป็น บิดาแห่งประวัติศาสตร์ตะวันออก ผู้เขียนตำราประวัติศาสตร์ชื่อว่า O“สื่อจ้ี” แสดงประวัติศาสตร์ชนชาตจิ ีนจนถึงสมยั ราชวงศฮ์ ่นั ชว่ งเวลา BÉW ▪ ทศวรรษ : รอบ 10 ปี ตัวอย่างเช่น ทศวรรษท่ี 1960 ตรงกบั ค.ศ.1960 – 1969 6Éw O ou 9 • - - Éw ▪ ศตวรรษ : รอบ 100 ปี ตัวอย่างเชน่ พุทธศตวรรษที่ 26ouตรงกับ พ.ศ.2501 - 2600 GÉN 07 new nun 14808 ÑU OU 00 → - - - in I - 700 ▪ สหัสวรรษ : รอบ 1,000 ปี ตวั อย่างเช่น สหัสวรรษท่ี 3OU ตรงกบั ค.ศ.2001 – 3000 BÉW 07 ou new nun 14808 ÑU 00 → - - - I - 7000 jปapฏaิทnjuินmโบnfรowาณiwhrvov.98mo(Tohnaiitnunmio.iionvtnm.noeotn)9Ñ5wwwdo:ñnizrunyjy@ จักรพ▪รรอดาิครยรอธงรรรามชจยีน์ เรนียับกแวบ่าบ“☐จรัชันศทกร”คตเมิ ื่อทจุกักร3วปรรีจดะิอเพงคิ่ม์ใเหดมือ่ขนึ้นทคIี่aรi1nอ'3oงiรÉสาoมชIัยยโกบ็เรริ่มาณตน้ นนับับศรักัชรศากชทตี่ า1มใปหีทม่ี่ ทำให้การนบั ศักราชของจีนสมยั โบราณไม่ต่อเนื่องแบบครสิ ต์ศกั ราช ปัจจุบนั ยงั คงพบในญJปี่ aุน่paเทn่าOนh้ันtftolqpeiwa ;Éw{roiniw.no\" V47 = w.hr . -1627 ▪ อารยธรรมอินเดีย นับแบบจันทรคติ ในสมัยพระเจ้ากนิษกะแห่งราชวงศ์กุษาณะ ครองราชย์เมื่อ ซงึ่ แพรเ่ ขา้ มาสดู่ ินแดนเอเชยี ตะ,วTนัhaอi อsiกncเeฉ9ียNงใ④ตใ้-นเวลาต่อมา I vsonyrroofn.omitiiiiiijtiiriiovo.sn\"\" sun n.netniwiirioiovr-T.irnnuniiqoo.ir ค.ศ.78iv.a. 622 เร่มิ นบั ศักราชใหม่ คอื มหาศักราช ▪*อารยธรรมโรมนั *นบั แบบ①สุริยคติ คือ\"ปฏิทินจเู ลยี น\"มีจำนวนวนั ในปฏทิ นิ 365¼ วัน pcwini wli sbrrwO-ioionM29-nivimosnnioi-ow-n.ggการเทยี บศกั ราช vjnwognwiuiunowmooniitoydwuninnririoforro.ru Note : past 9J moon ,,, → Inioon ! ( owuwniyoniw-iratoorwnni-swn.nnn.ntn.az 32J apis n,nt32JrÉs+Ñ lion ศกั ราช บคุ คลหรอื เหตกุ ารณ์ท่ีนำไปส่กู ารเร่มิ ต้นของศกั ราช ใช้ในสมยั ช้ากว่า พ.ศ. 1. มหาศกั ราช พระเจา้ กนษิ กะแหง่ ราชวงศก์ ษุ าณะของอนิ เดยี สโุ ขทัยถึงอยุธยา 621 ปี 1,181 ปี (ไทยรบั ผา่ นเขมรเขา้ มา) ตอนตน้ 2,324 ปี 2. จลุ ศกั ราช พระเจ้าบุพพะโสระหนั หรือพระเจา้ สูรยิ วิกรมของพมา่ * อยธุ ยาถึงรัชกาลท่ี 5 543 ปี (ไทยรบั ผา่ นลา้ นนาเขา้ มา) *ข้อสนั นิษฐานแยกเป็น 2 ทาง (พ.ศ.2432) 3. รัตนโกสนิ ทรศ์ ก การสถาปนากรงุ รตั นโกสินทร์ในปี พ.ศ.2325 รัชกาลที่ 5 (เป็นศกั ราชเดียวทเ่ี ปน็ ของไทย) (พ.ศ.2432-2455) 4. พุทธศกั ราช พระพทุ ธเจ้าดับขันธป์ รนิ ิพพานโดยแบ่งเป็น 2 แบบ รชั กาลท่ี 5 เปน็ ต้นมา 1. แบบลงั กา เรม่ิ นับทันทีท่ีพระพทุ ธเจา้ ปรินิพพาน (ปีย่าง) (ต้ังแต่ พ.ศ.2455) 2. แบบไทย เร่มิ นับหลงั พระพทุ ธเจา้ ปรนิ ิพพาน 1 ปี (ปเี ตม็ ) 5. คริสตศ์ กั ราช พระเยซูประสูติ - กอ่ นเร่ิม ค.ศ. ใช้ตัวยอ่ “B.C.” (Before Chris) - เรมิ่ ค.ศ. แล้วใช้ตัวยอ่ “A.D” (Anno Domini หรือ In the year of our Lord) 2
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พืน้ ฐานทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล ศักราช บคุ คลหรือเหตกุ ารณท์ ี่นำไปสกู่ ารเรม่ิ ต้นของศักราช ใช้ในสมยั ชา้ กวา่ พ.ศ. 6. ฮจิ เราะหศ์ กั ราช พระมฮู ัมหมดั อพยพชาวมุสลิมจากเมอื งเมกกะไปเมดนิ ะห์ใน ปัจจบุ ัน ปี ค.ศ.622 (เป็นศักราชเดยี วที่นับปตี ามจันทรคติ ทุก 32 ปี 1,122 ปี ครง่ึ จะเพิ่มขน้ึ 1 ป)ี ยคุ กอ่ นประวัติศาสตร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์เน้นพัฒนาการทางเทคโนโลยีเครือ่ งมือเครื่องใช้ ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็น ช่วงที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการบันทึกอักษร การศึกษาประวัติศาสตร์สมัยนี้จึงต้องอาศัยหลักฐานทาง โบราณคดีและวชิ ามานษุ ยวทิ ยาเป็นสำคัญ ยคุ กอ่ นประวัตศิ าสตรส์ รุปได้ดังน้ี ปัจจุบันมีการยอมรับว่ายุคก่อนประวัติศาสตร์เริ่มต้นนานกว่า 5 ล้านปีจากการ Australopithecus Africanus ค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ Australopithecus Africanus ที่ประเทศแทนซาเนีย เคนยา และเอธิโอเปยี ซง่ึ เป็นชน้ิ ส่วนมนษุ ยท์ เี่ กา่ แก่ทส่ี ุดพบในทวปี แอฟริกา นอกจากนี้ ยังพบโครงกระดกู มนุษย์ Steinheim ท่ีประเทศเยอรมนี อายุประมาณ 2.5-3.5 แสนปี ยคุ ก่อนประวัตศิ าสตร์สรุปได้ดังน้ี ibbisaowraisosooornjogggLyt.nMdoNn: ยคุ ยุคหนิ 13,500,000 -4,000J ) ยคุ โลหะ 14,000 -1,500J ) ช่วงเวลา หนิ เกา่ หนิ กลางliililootiniinn;) 10.nหNินÉWใหbiñมv่nNnn) สำรดิ เหลก็ 5 ล้าน – 10,500 ปี 10,500 – 6,000 ปี 6,000 – 4,000 ปี 4,000 – 2,500 ปี 2,500 – 1,500 ปี เคร่ืองมือ หนิ กะเทาะ หนิ กะเทาะประณตี หนิ ขดั สำริด- join เหลก็ wvแñลVะie(ขtnนaาmดเล็กลง (ขวานหนิ ขัด) (ทองแดงผสมดบี ุก) ruin rrisrrrsniio> For หน้าเดียว (เครือ่ งมHือuaฮbัวinบhเีiaนnยี น) vision :uvvinµv + texture ricin ชมุ ชน ชุมชนล่าสัตว์ (เก็บของป่า ล่าสตั ว)์ 6ช10มุ ^ช47นNเกanษdตhรiกniร:ÉรÑมy ชมุ ชนเมอื ง การ (อาศยั ตwเารwมwร่ .ถ่อbi้ำนnhtเoพreงิzrผrioาv)oiirosiai!ioi ตัง้ ถิน่ ฐานถาวร ตั้งถิ่นฐาน รวมตัวเป็นชุมชน เร่ิมการกอ่ ตง้ั รัฐ อาศยั อยรู่ วมกัน หรiือrnอisาyณonาsจoักirñร ขนาดใหญ่ เปน็ ชุมชน (มีการจัดสรรหนา้ ท)ี่ (มีชนช้นั ทางสังคม) niiiinw - minnow (สงั คมเรม่ิ ซบั ซอ้ น) - ñnoioñivv วทิ ยาการ - การใช้ไฟ conium เครือ่ งจักสาน - การเพาะปลูก* การหลอมแรโ่ ลหะ การพัฒนากองทัพ - การเล้ยี งสตั ว์ เช่น กลimอuงrrมswโหoiรotะiiท.mึกy (เพราะมีอาวุธ cave - กIาioรoฝñังศvพ - การทอผI้าWnÉNnigñN - Mวาaดgภaาleพnบidนnผaนrfัง - ✓onion , ท่แี ขง็ แรงขึน้ ) - Vsinouwionsrw Iถ้ำหรอื เพิงผา - เครอ่ื งปนั้ ดินเผา UÑO } V7 forn.IE'd HriinwÑvÑioarwysÑ) w w.inirwat.oouosyvidovddvlnwli ) htinivsinovwonsitr 3 wt
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 nnoonñii, บทที่ 1 ความรู้พืน้ ฐานทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล LutyAustralopithecus : aficanus \" \" - rhinitis : downriver in .info or magic ( \"\" \"\" \"\" \"\" \" \" \" \" lยุค ' www.ioiisno \"\" \" \" ° \"\" \" ยุคหิน ยุคโลหะ หินเก่า หนิ กลาง หินใหม่ สำริด เหลก็ *- StonehJeonngtey หรือ - เมืองโมเฮนโจดาโร HabilisHomo เหตุการณ์ - พบชิ้นส่วนมนุษย์ - พบการเพาะปลูก โบราณ เช่น มนุษย์ และเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง โบสbถo์ไrvรim้หrลlvัsงyคnาwใivน! และฮารัปปาในลุ่ม - isatvwoi สำคัญ ชวา มนษุ ย์ปักกงิ่ และ แลว้ . สหราชอาณาจักร แม่น้ำสินธุที่จัดอยู่ใน Homo erectus ม น ุ ษ ย ์ ห ย ว น โ ห ม่ ว เป็นสถาปัตยกรรม ยุคสำริด แม้จะพบ - Yudhmoumdh Civ ) และมนุษย์นีแอน- เพื่อศาสนาชิ้นแรก จารึกจำนวนมาก - Java man (into) เดอรท์ ัลท่ีเยอรมนี ของมนุษย์ แต่ยังไม่มีผู้ใดอ่าน - Peking mantis - พบศิลปะแบบ - การเพาะปลูกถือ ออก (ยังไมถ่ ือวา่ เข้าสู่ Homo Neanderthalensis เมกกาเลเนียน คือ เป็นการปฏิวัติทาง สมยั ประวัติศาสตร์) ภาพเขียนสีวัวป่าใน - Vlrbqo -ruin ถำ้ อลั ตามริ า เศรษฐกิจครั้งแรก (Altamira) ของสเปน Homo sapiens sapiens ภาพฝูงวัวและม้าใน แห่งมนษุ ยชาติ * - Uji / uiiov / sin )nqn I ÑiñNdo two:(i' Woitlioreiiiñroj rrñihrlnunrnssw Cro-Magnon man ถ้ำลาสกา (Lascaux) - Nniivomrnvnrnrrw cuisine , ภาพม้า วัวป่า สิงโต lihronviunsrwnroafj และแรดในถ้ำโชเว n' 2 : luñovlsoñiin ! - niinioriovou.at (Chauvet) ของ married digital ฝร่ังเศส within.us:ynñvñ}nD ! มนุษยโ์ ครมันยองที่พบในเพิงหินโครมันยองทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสถือเป็น มนุษยย์ คุ หนิ เก่าร่นุ สดุ ท้ายท่ีมีลกั ษณะเหมอื นมนุษยใ์ นปจั จุบนั มาก อายุราว 40,000 ปี Von' ; ยคุ ประวตั ิศาสตร์ vii.ñvrjñoinvriwioonn . Koror 1- furor ยุคประวัติศาสตร์เน้นพัฒนาการทางเทคโนโลยีการบันทึกอักษร ยุคประวัติศาสตร์ของโลก สันนิษฐานว่าเริ่มขึ้นโดยชาวสุเมเรียน,ในÉwอiาiwรยioธรรมเมโสโปเตเมียจากการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม 2- ANT (Cuneiform) หรืออักษรลิ่ม เมื่อ 3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนมีคำกล่าวว่า “ประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นที่ \" ซูเมอร์” (Histoirny.ibvñengÉinos> atno Sumer) ภาพรวมยุคประวตั ศิ าสตรข์ องโลกสรุปไดด้ งั น้ี mm 3- law 4- V00 อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก ooivoriwrnis ' niwnrnovnirn Ninñryvosisvind อารยธรรมจนี อารยธรรมอินเดีย แบง่ ตามรปู แบบmกาaรrปrกoคnร! อง แบง่ ตามศนู ยก์ ลางอำนาจ แบ่งตามเหตุการณส์ ำคญั สBมoยั rโiบn'รÑาณ* - และส้ินสดุ เม่อื จักรวSรTรOดPิโรมนั ตะวันตกลม่ สลาย)Dog (เรมิ่ ต้นเมอ่ื ชาวสุเมเรียSนTปAระRดTิษฐต์ วั อกั ษรคนู ิฟอร์ม §สมยั ราชวงศ์ : ชาง โจว ฉนิ ฮั่น สมัยจกั รวรรดิ (ราชวงศ์เมารยะ เ1มsโtสโปเตเมยี 2อnยี dิปต์ ก3rรdกี โร4มtนัh การวางรากฐานสู่การสรา้ งจักรวรรดิ กษุ าณะ คปุ ตะ) การสั่งสมอารยธรรมและความเจริญ iñnonrosroi จกั รวรรดิของชาวอารยนั niirrrn pnstopvolraivriovuv.io: NV9nsTAkTaÑvrioN ? 4
ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พื้นฐานทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอินเดยี แบ่งตามรูปแบบการปกครอง แบ่งตามศนู ย์กลางอำนาจ แบง่ ตามเหตกุ ารณส์ ำคญั oirvor\"rwgnra.mtan\"/-oiNส.มnัยroกvลiาiiงnv(เรnมิ่Tตmน้ หaลfnังจoกั iร!วรรดิโรมนั ตะวันตกล่มสลาย และสิน้ สุดเมอ่ื คริสโตเฟอร์ โคลัมบสั คน้ พบดินแดนอเมริกา) สมยั ราชวงศ์ : สยุ ถงั ซง่ หยวน สลุ ตา่ นแห่งเดลฮี สมัยศกั ดนิ าสวามภิ กั ด์ิ oiniiniiuoon : การครอบงำโดยคริสต์ศาสนาและระบบ myผสานจกั รวรรดิ พฒั นาความเจริญ จกั รวรรดขิ องชาวมุสลมิ จนถกู ชาวมองโกลรกุ ราน ñnrin\" (เชือ้ สายอัฟกาน) ขุนนาง wrinnioioirniovnnoinihi.nrisn.ir จักรวรรดอิ นิ เดีย(ราชวงศม์ ูคัล) สมัยฟืน้ ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ จักรวรรดขิ องชาวมุสลมิ การฟื้นฟูอารยธรรมกรีกและโรมันสมัย (เชอื้ สายเตริ ก์ + มองโกล) โบราณ สมัยใหม่ (เรมิ่ ต้นหลงั คริสโตเฟอร์ โคลมั บัสคน้ พบดนิ แดนอเมรกิ า และสน้ิ สดุ เมือ่ จบสงครามโลกครง้ั ท่ี 2) สมัยราชวงศ์ : หมิง ชงิ สมัยอาณานิคมองั กฤษ สมัยการปฏวิ ัติทางอารยธรรม ขับไล่มองโกล และสิ้นสุดFจoาmกinการ การสำรวจและค้นพบดินแดน การปฏิรูป niivoonoovironi ปกครองโดยชาวแมนจู ศาสนา การปฏิวัติวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวัติ อุตสาหกรรม การปฏิวัติการปกครอง และ [email protected] สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 และ 2 nironoiiros สมัยปจั จุบัน (เรม่ิ ต้นเม่อื เร่ิมสงครามเยน็ ถึงปัจจุบัน) สมยั สงครามเยน็ สมยั สาธารณรiฐัvปuรsะeชttาoธtิปeไzตย สมยั การไดเ้ อกราชและการ สมัยสงั คมนิยมคอมมิวนสิ ต์ แยกประเทศ สงครามอดุ มการณ์ ▪ การเทยี บชว่ งเวลาทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ออก และประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ตก ประวตั ศิ าสตร์ไทย ประวัตศิ าสตร์ตะวนั ออก ประวัติศาสตร์ตะวันตก - พทุ ธศตวรรษท่ี 12 อาณาจักร0ทวารวดี - ค.ศ.476 จกั รวรรดโิ รมนั ตะวันตกล่มสลาย เจรญิ รุ่งเรือง viii. invwiniñvntiivfurinrvosvon:[on 5
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาสากล ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย truants Highlights 'o ประวตั ศิ าสตร์ตะวันตก ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ออก - พ.ศ.1826 พ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์ - ค.ศ.1294 จักรวรรดิ กบุ ไล ขา่ น สวรรคต - ค.ศ.1215 อังกฤษร่างกฎบตั รแมกนา Yvvitoaviñkingoinovini ลายสอื ไทย ' piracy roiirviwiniviinrr.in/vfon คาร์ตา 0811 oivrrnwniiir.in noduwiuciorihv > ooJ ) - ค.ศ.1291 สิ้นสุดสงครามครเู สด - พ.ศ.2006 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ - ค.ศ.1420 พระราชวังต้องห้ามแห่งราชวงศ์ - ค.ศ.1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบ ผนวกสุโขทัยรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ หมงิ สรา้ งเสรจ็ อาณาจกั รอยธุ ยา www. no?i iTQvnoinivoi viwi niwhi niniviunivT-พ.ศ.2092สมเด็จพระสุรโิยทัยส้นิ พระชนม์ ดนิ แดนอ☐เมรกิ า - ค.ศ.1517 มาร์ติน ลูเธอร์นำการปฏิรูป บนคอชา้ งในศึกตะเบ็งชะเวต้ี ศาสนา - พ.ศ.2135 สงครามยทุ ธหัตถี - ค.ศ.1632 พระเจา้ ชาห์ ชะฮันแหง่ ราชวงศ์ - ค.ศ.1608 กาลิเลโอ กาลิเลอิประดิษฐ์ มูคัล เรม่ิ สร้างทัชมาฮาล กล้องโทรทรรศน์ - พ.ศ.2228 สมเด็จพระนารายณส์ ่งคณะ - ค.ศ.1688 อังกฤษปฏิวัติอันรุ่งโรจน์เป็น ราชทูตไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรีกบั ฝรง่ั เศส ประชาธิปไตยประเทศแรก - พ.ศ.2310 เสียกรงุ ศรีอยธุ ยาคร้งั ท่ี 2 - ค.ศ.1750 องั กaฤsษtเuรr่มิ iปanฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรม - พ.ศ.2325 สถาปนากรุงเทพมหานคร ** - ค.ศ.1776 ชาวอเมริกนั ทำสงคราม ประกาศอิสรภาพกบั อังกฤษ nnwwoiyino.info Washington 0.0 - ค.ศ.1789 การปฏวิ ตั ิฝร่ังเศส rini'ovnñsJ - พ.ศ.2331 สังคายนาพระไตรปิฎกฉบับ ทองใหญ่ - พ.ศ.2398 ทำสนธิสัญญาเบาว์ริงสมัย - ค.ศ.1858 อนิ เดยี ตกเปน็ อาณานคิ มของ - ค.ศ.1865 สหรัฐอเมริกาเลิกทาสในสมัย รัชกาลท่ี 4 องั กฤษ อับราฮัม ลนิ คอลน์ - ค.ศ.1860 สิน้ สุดสงครามฝ่นิ ระหวา่ งจนี สมัยราชวงศช์ ิงกบั อังกฤษ - พ.ศ.2461 รัชกาลที่ 6 ทดลองดุสิตธานี - ค.ศ.1911 การปฏวิ ัติซrิน4ไ0ฮÑข่ อง0จนี - ค.ศ.1917 การปฏิวัตริ สั เซยี it nuirlvoivru เมอื งประชาธิปไตยจำลอง gstosnrowfron เปลีย่ นเป็นประชาธปิ ไตย สน้ิ สุดสมยั ราชวงศ์ - ค.ศ.1918 สิ้นสดุ สงครามโลกครงั้ ที่ 1 = - พ.ศ.2482 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม - ค.ศ.1941 ญป่ี ุ่นโจมตอี ่าวเพริ ์ลในฮาวาย - ค.ศ.1939 เริม่ สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 เปลย่ี นชอื่ ประเทศ “สยาม” เปน็ “ไทย” - พ.ศ.2489 รัชกาลที่ 9 เสด็จขึ้นครอง - ค.ศ.1947 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ - ค.ศ.1945 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 - ค.ศ.1949 จนี ปฏวิ nัตiิเsปiล@่ยี นเป็นเผด็จการ และเริ่มตน้ สงครามเยน็ ราชสมบตั ิ คอมมวิ นิสต์ นำโดยเหมา เจ๋อ ตุง - พ.ศ.2535 เกดิ เหตกุ ารณ์พฤษภาทมฬิ - ค.ศ.1991 สหภาพโซเวียตล่มสลาย และ www.oiivflsvn สน้ิ สุดสงครามเย็น . ยคุ สมัย อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอนิ เดยี - โครงกระดูกมนุษย์สไตนไ์ ฮม์ นีแอนเดอรท์ ัล โครมนั ยอง ยคุ ก่อน - โครงกระดกู มนุษยป์ ักกงิ่ - เมอื งโบราณโมเฮนโจดาโร - - ภาพเขยี นสใี นถ้ำอัลตามรี า ถ้ำลาสกา ถำ้ โชเว ประวัตศิ าสตร์ - เครอื่ งปัน้ ดนิ เผาในวฒั นธรรม ฮารัปปา - Stonehenge ในองั กฤษ หยางเชา–หลงชาน 6
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาสากล ยุคสมยั อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอินเดยี สมยั โบราณ - จารกึ อักษรภาพบนกระดอง - คัมภรี ์พระเวท - ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี เต่า และภาชนะสำรดิ - คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ - คัมภรี ์มรณะ (Book of the Dead) - สสุ านจักรพรรดฉิ นิ ซี - งานเขียนประวัติศาสตร์กรีก – - ส่ือจี้ (ตำรากฎหมาย และศาสนบญั ญัติ โรมัน เช่น ประวัติศาสตร์สงคราม ในศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด)ู เปอร์เซยี ของเฮโรโดตสั ประวัตศิ าสตร์ - คมั ภีร์อรรถศาสตร์ สงครามเพโลพอนนีเชียนของทซู ิดิดสี บนั ทึกสงครามกอลของจเู ลยี ส ซีซาร์ (ตำราการปกครองและเศรษฐกิจ) - มหากาพยอ์ ีเลียดและโอดสิ ซี - จารึกพระเจา้ อโศกมหาราช (เสาหนิ อโศก) สมยั กลาง - งานบันทึกประวัติศาสตร์ - ประวัติสุลต่าน ฟีรุส ชาห์ - ประวัติศาสตรข์ องพวกแฟรงก์ ราชวงศ์ เช่น สื่อลู่ (จดหมายเหตุ ตุคลุก (คำแนะนำในสุลต่านแห่ง (อนารยชนผู้สถาปนาจกั รวรรดโิ รมัน อนั ศกั ดส์ิ ิทธิ์ในดินแดนกอล) ประจำรชั กาล) เดลฮีทุกพระองค์ทรงปฏิบัติหน้าท่ี ตอ่ ศาสนาอิสลาม) - มหากาพย์ชองซอง เดอ โรลองด์ - แหลง่ โบราณคดถี ้ำพทุ ธศลิ ป์ - วรรณกรรมของอะมรี ์ คสุ เรา (สดุดีอัศวนิ ของฝร่งั เศสในสมัยกลาง) เช่น ถ้ำหลงเหมินในสมัยราชวงศถ์ งั (กวีในราชสำนกั สุลตา่ นแห่งเดลฮ)ี - ทะเบียนราษฎร (โดยพระเจ้า วิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเพื่อควบคุม อำนาจของขนุ นางทอ้ งถิน่ ) - กฎบัตรแมกนา คาร์ตาของ อังกฤษ - หนงั สือแหง่ กาลเวลา (วิถีชวี ติ ชนชั้นของคนในสมยั กลาง) สมยั ใหม่ - วรรณกรรมของโจว ซูเ่ หริน - บนั ทึกประวตั ิของอกั บาร์ - เอกสารคำประกาศอิสรภาพ (หลู่ ซ่นุ ) เช่น บ้านเกดิ ขงจอื๊ กับ - พระบรมราชโองการของ ของสหรฐั อเมริกา สงั คมสมัยใหมข่ องจนี สมเดจ็ พระราชนิ ีนาถวิกตอเรยี - รัฐธรรมนญู แห่งสหรฐั อเมริกา (คำสัญญาในการเข้าปกครองของ - เอกสารคำประกาศหลกั สทิ ธิ องั กฤษแก่ชาวอนิ เดีย) มนษุ ยชนและพลเมอื งของฝรั่งเศส - สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (ข้อตกลง หลงั จบสงครามโลกคร้ังท่ี 1) - ประวัติศาสตร์ความเสื่อมและ การส้ินสุดของจักรวรรดโิ รมนั สมยั ปัจจบุ นั - แถลงการณร์ ่วมระหว่างกลุ่ม - ผลงานของมารก์ บลอ็ ก เช่น สังคมฟวิ ดัลทักษะของนักประวตั ิศาสตร์ - งานเขียนประวตั ิศาสตรข์ องนกั ผู้นำประเทศในอาเซียนกับ ประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ เช่น ประธานาธิบดีเจียง เจ๋อ หมิน ของจีน ค.ศ.1997 อารยธรรมและทนุ นยิ ม ครสิ ตศ์ ตวรรษ ที่ 15-18 / ศกึ ษาประวัติศาสตร์ 7
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 ชอื่ _______________บ_ท__ท_่ี_1__ค__ว_า_ม__ร_ู้พ__ื้น_ฐ_า_นชทน้ั างมป.6ร/ะ_ว_ัต__ศิ าเลสขตทรส์ี่__า_ก_ล_ YMÑnñwñwoV ! n' Mona .lÉoiÉo,Éu ex ,ÑiwrapiWuÑnrrrN ศาสนา (Religion) หมายถึง ระบบ*ความเชื่อที่เป็นศูนย์รวมแห่งความเคารพนับถือของมนุษย์ มีจดุ มงุ่ หมายใหท้ กุ คนประพฤติปฏบิ ัติดี เพอ่ื ความพน้ ทกุ ข์และเปน็ ที่พ่ึงทางจิตใจ bbhloñn / uinn.io:O 9Ño7ÑvéosJÑoissw www.irioonw) rrruvirvvn - von ลัทธิแตกต่างจากศาสนา เพราะลัทธิมีขึ้นเพื่อประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องมีหลักคำสอนเกี่ยวกับ ศีลธรรม เนน้ จดุ ม่งุ หมายสงู สดุ ในชวี ติ ปจั จุบนั ไม่มีศาสดา และไมจ่ ำเปน็ -ตwอ้ ÉงoมsีพÉิธwกี uรoรnมo> naioviloiwywivsinouzo.ir; มลู เหตุการเกิดศาสนา - join)U .int/rJioriviaIaqwoUsosordI1. ความไมร่ ู้ (อวชิ wชayา) r> lion - ivory )N ขาดความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติหรือการเกดิ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ieคคnrrววoiาrา,iมมnกจtfลงrัวรัก>เกภñิดักiñจดoาiีnกคwควiinวiาwoามoมmกoไioลnมa-ัร่ว>lู้ทsyจo:ำึง/uใเชหwrือ่h้เwกวin่าิwดมคo.oเี วท.าiพrมiเiiเจiสiา้iiื่อหiiมwรือใoสสiใi่ิงoนศwคกั iวดoา์สิ nมิทinศธoัก์ิมuดีอำิ์สนิทาธจิ์ขเหอนงเือทมพนเษุ จย้า์ดหลรบือันสดิ่งาล {n'www.ns o i o32.. airwoman.no ✓ lwitinihtrnwri ) ศักดสิ์ ิทธ์นิ ำไปสูก่ ารเกิดพธิ ีกรรม เพ่ือเซน่ สรวงบูชาเทพเจ้าหรือสิง่ ศักด์สิ ิทธต์ิ ามความเชอ่ื 4. ความตอ้ งการที่พึง่ ทางจิตใจและศูนย์รวมกำลังใจ 5. ความต้องการหาเหตผุ ล มนุษยไ์ ดศ้ ึกษาความเปน็ ไปของธรรมชาติให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ประเภทของศาสนา ▪ แบง่ ตามผู้นับถอื 1. ศาสนาสากล (Universal Religions) คือ ศาสนาที่เกิดในประเทศหนึ่ง แต่มีผู้ยอมรับนับถือ หลายประเทศท่ัวโลก เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู พระพทุ ธศาสนา ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม 2. ศาสนาของชาติ (National Religions) คือ ศาสนาท่เี กิดในประเทศนั้น และมีผู้นับถือเฉพาะ ในประเทศน้นั เช่น ศาสนาชนิ โต ▪ แบง่ ตามสภาพการณ์ในปัจจุบัน 1. ศาสนาท่ีตายไปแล้ว (Dead Religions) rinoyvirrroorno} 2. ศาสนาที่ยังมีผู้นับถือ (Living Religions) เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนา ศาสนายูดาห์ ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ▪ แบง่ ตามคOวOาNมÑเOชV่ือเรือ่ งพระเจา้ 1. ศาสนาเทวนยิ ม (Theism) คอื ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้า มเี ช่อื วา่ พระเจ้ามีอยู่จริง เป็นผู้สร้าง สรรพสิ่งและลิขติ ชวี ิตมนษุ ย์ มีจุดมุง่ หมายสงู สุดเพอ่ื ชีวิตนริ นั ดรร์ ่วมกบั พระเจ้า แบง่ เป็น - เอกเทวนิยม (Monotheism) คือ ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอสิ ลาม - พหเุ ทวนิยม (Polytheism) คอื ศาสนาท่เี ช่ือในพระเจ้าหลายองค์ เชน่ ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู 8
how r r r N Finov ai n r ri N Vo, A
viii. in to Ini si ar r r n Ai on air In' Ñ
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พน้ื ฐานทางประวัตศิ าสตรส์ ากล 2. ศาสนาอเทวนิยม (Atheism) คอื ศาสนาที่ไม่นับถือพระเจ้า เชือ่ ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แต่มิได้ สร้างสรรพสิ่งและลิขิตชีวิตมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้ลิขิตชีวิตตัวเอง จุดมุ่งหมายสูงสุดเพื่อรอดพ้นจาก ความทกุ ข์ เชน่ พระพทุ ธศาสนา ศาสนาเชน องคป์ ระกอบของศาสนา 1. ศาสดา คือ ผู้ก่อตั้งหรือผู้ประกาศศาสนา ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (ยกเวน้ ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ 5ด)ูทWี่ไมIN่ปrรoาoก-ฏ> vนioาlมinศNาสดา) ex . Wrayh Shh , WillUru 2. หลักคNำสeeอdนed*rคigือorค!ำสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาที่ศาสดาสร้างขึ้นให้เป็นหลักในการดำเนิน ชีวิต มีการจดจำหรือบันทกึ เป็นลายลักษณอ์ ักษร เกดิ เป็นคมั ภีร์ หลกั คำสอนแบ่งออกเป็น - ระดบั ศลี ธรรม : สอน•เ:รอ่ืviง. ñกnาñรละเว้นความช่วั ทำความดี เพือ่ ความสงบสขุ ของสังคม nfnvowimex.iwwowfww-iai ivrinouw.fi- ระดบั ปรมตั ถ์สัจจะ : สอ0น,9เHรa่อื nงdสsร้างความสขุ นริ นั ดร์เพ่ือมงุ่ ไปสจู่ ดุ มุ่งหมายสงู สดุ ของชีวิต 3. นักบวช คือ บุคคลหรือสาวกผู้ปฏิบัติศาสนกิจสืบทอดเผยแผ่ศาสนาโดยตรง (ยกเว้นศาสนา อสิ ลามไม่มนี กั บวช) L Ñnuinivn 1hr V9iiinvov 4. ศาสนพิธี คือ การประกอบพิธีต่างๆ ตามแนวความเชื่อของแต่ละศาสนา เพื่อแสดงความเป็น ÑowoÑn หนึง่ ของศาสนิกชนและสร้างความศักดสิ์ ทิ ธใิ์ นหลกั คำสอน ex . its - woos , L Christ 5. ศาสนสถาน คือ สถานทีศ่ กั ด์ิสทิ ธ์ทิ ่ีใชป้ ระกอบศาสนกิจและศาสนพิธีของศาสนา ประโยชนข์ องศาสนา 1. เป็นทพี่ ่งึ และยดึ เหนี่ยวทางจิตใจของมนุษย์ 2. เปน็ แนวทางการดำเนนิ ชวี ิตเพ่ือความสำเร็จ และแกไ้ ขปัญหาในการดำเนนิ ชีวติ อยา่ งมสี ติ 3. เป็นหลักจริยธรรมที่สอนให้มนุษย์มีจิตบริสุทธ์ิ ยกระดับจิตใจ และพัฒนาให้เป็นมนุษย์ ท่ีสมบรู ณ์ 4. มงุ่ หวังให้เกดิ ประโยชน์สุขแกท่ ุกคน เสริมสรา้ งความความสามัคคใี หเ้ กิดเอกภาพในสังคม 5. เปน็ บอ่ เกดิ ของการสรา้ งสรรค์วฒั นธรรมeกxล. Tายurเnป'็นaมinรดoกiiแoลñะiiเอTกeลnักษณ์ของชาติ ( Airman qwk-rndlnguvoviwsoiaova.nlunion90 ! ) 9
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บชทอ่ื ท__ี่ _2__พ__ัฒ_น__า_ก__า_ร_ท_า__ง_ป_ร_ะ__ว_ตั _ิศ__า_ส__ต_ร_์แ_ล_ ะชศน้ั าสมน.6า/ใ_น_โ_ล__กตเละขวทนั ่ี_อ_อ_ก__ บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก nioiroon -88 อารยธรรมตะวันออก ได้แก่ อารยธรรมจีนและอินเดีย - จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดดินแดน o-vroivnissisinons.comหนึ่ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าไปบ่งชี้ว่า อารยธรรมจีนมอี ายถุ งึ 5,000 ปี มีเหตุการณ์สำคัญหรือความ ( lñonivoñwiov Innu :/ Ñ ) ปัจจยั ทม่ี อี ิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมจนี Yiñvvi โดดเดน่ ในแตล่ ะสมยั อย่างไรบา้ ง ▪www.nrnviw-ncoonl 4--10%101 ni ciyio ) - ลุ่มแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำวิปโ①ยค1ห5ร90ือ,nnÑv6ANO n :(awning ! แมน่ ้ำเหลอื ง) เปmน็ %ปNัจÑจ0ัยVทoสี่ia่งoเrสÑรruิม5กo,าW\"รñตurั้งnrถoิ่นoฐาLoนess \" 0Ésn-i ublloockioMoainognaninvขอ-wงmชnนurชrmาwติจ-ีrนoบvนsพinื้นwที่กgว.้าsงiใ#หiญvi่ทnาiง1ภiwาคiiเnหiนvือ 1- bbhihilsovszfrtwhl) rraiovrninyltv'ÑO ของจีนที่มคี วามอุดมสมบูรณ์ roiovoonoi n' iron / ÑoÑV - เทือกเขาด้านตะวันตกและใต้ •- → Himalaya Mt . มหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออก ทะเลทราย onwsiwownovlwkbhilVVVOJN.fr โกบีและทุ่งหญ้าตอนเหนือ เป็นปราการ mini rivnvtw ธรรมชาติที่ป้องกันการรุกรานจากภายนอก มีส่วนช่วยให้อารยธรรมจีนคงอยู่มาต่อเนื่อง * oirñnñveirrñvirriwtlimalai yisluhi ; ยาวนาน โดยไดร้ บั อิทธพิ ลจากดินแดนอื่นนอ้ ยมาก :p10887 nnioi Warrior :[sirin o-svnrr.wjoinrwoinwiovnovionboislliiimonwrrormwvnlwnnrvmoJoTV-IUniiVni.IsJu687-uns.myn'noir } 1. ▪ จนี ยคุ ก่อนประวัติศาสตร์ thdhmalhdh ใ 1.) NUT lguiyrj , 7,000 ปี พบ ➢ วัฒนธiรnรnมitห, ยางเชา :|2. อPยekู่ใiนngยุคmaหnิน หม่ อายุประมาณ เครอ่ื งปั้นดนิ เผาลายเขยี นสี รปู เรขาคณ- wิตÑWตv้นoไUมn้vสัตว์ตา่ งๆ และลายเชือกทาบ วัฒนธInรhรibมitiหon0ล)Ñงชาน อยู่ในยุคสำริด อายุประมาณ 5,000 ปี พบ เครอ่ื งปั้นดินเผา 0iiw,9iii ) ลายเขียนสี 3. 1nfosÑy เคร่อื งป้นั ดินเผาขัดมันเงา ใชแ้ ปน้ หมุน มีเนื้อละเอยี ดและบาง นยิ มทำหม้อ 3 ขา ➢ โลกทัศน์ของชาวจwีนwชwา.วrจriีนiiมiiiอinงวv่าinชvนชาติตนเป็น①ศูนย์กลางของโลก giuliani,ñuiwvrrw มีวัฒนธรรมที่เจริญเหนือกว่าชนชาตอิ ื่น และหวงแห②นในoวbัฒliนvธioรnรมความเจริญของ เครอ่ื งปั้นดินเผา ii. rsvnoiwnvarorrñou ตนโดยไ③ม่ยอมtwรoบั :วัฒojนiñธoรvรioมoจiาvกsiดswินแoiดrนอื่น sirna : ñjiirrirrnv จงึ มองวา่ ชนชาติที่ไม่ยอมรับวัฒนธรรม ขัดมนั เงา - anti / \"%- \" \" \" \" \"\" จีนเป็นชนชาติท่ปี ่าเถื่อน ซง่ึ ตอ่ มาอารยธรรมจีนได้เป็นแม่แบบของวัฒนธรรมญ่ีปุ่น \" \"\" \"\" \" \" \" \" - our เกาหลี และเวยี ดนาม ④ srosiioynñiqrvorvsrvotsw>nniioirn.iwovvrwn.ir ⑤ www.ygnn.ownmuwnjiwngn ➢ การกำเนดิ สรรพสิ่ง คอื สมดุลของ 2 ธาตทุ ต่ี รงข้ามกบั ได้แก่ หยิน (ธาตุ ออ่ น) แzล-ะiหsnยาwงn(vธาrrตiุแnขiw็ง)oเrมrอ่ืwทis้งั สvอvงrมoาnผwสtมrกwันiจ-oะเiกlwดิ lเuปwน็ สwงิ่ oตา่nงmๆWในNจักTร.tวnาลขน้ึ '1ÑÑdV oiowrvidqotssniv-7oillrn.li ' who 10
living 3,000J ) iiyovñn | . 103N.vn in I. now -7008M (72 iron -7 now . usioiiñniiiisnist dsiñiñnoniznd ironing > 1h50 ) nowiwowonvro.sn .
91min \"\" Ynvosnirmnvvn InMMgoÑné1Ñ2vnaiuvIovtovÑ { lwinuñuñvohowonidvnn MVIVWT. England us:ñiñÑsn2
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก อารยธรรมจีนสมยั โบราณ (1,776 ปกี ่อน ค.ศ. – ค.ศ.220) orÑVrwnnasirnwoiignssgñ④sM✗LLn-r-sin.ooivoiovhnoekmi-npigwe▪roo➢rรlาจsชลีนtสวbักสมงษNมยัศัยณร์ชIIาโาะบชง!กรว(าาง1ioรศณ,7ปi์ชwอ7กoาย6nnงคู่ใywแ–นรñบoอส13่งnงม,ก,0vแ1ัย0าrล20รร2Jะาปเชศกปวครกี งษร่อศอฐน์ ปงกเคริจปะ.ศน็%ก.นอ) คบ:¥รรดรา้ว%ัฐชยว(ช4mงนศรเ์แ-าผoชรา่ *กว)งขKเEศปอY์็นงไจดสนีแ้ังคกยมุ่ครปาชระววงศัต์ชศิ าางสโตจรว์ ฉิน และฮัน่ เกษตรกรรมมีขนาดนอ้ ยใหญก่ bcวiu่าañ2oñ0vo0voร,ัฐ ศูนย์กลางอย่ทู ่ีเมืองอันหยาง Ihoviiiñrnvnhr linsoiroiiwr : ñniaiñvriniihr ! ➢ มรดกทางวัฒนธรรม : o-nvr dvwf-oiov7-jvjn.irสันนิษฐานว่าเป็นกระดูกเซียมซีที่ใช้สำหรับเสี่ยงทาย ทำนายโชคชะตา AKA \" อักษiNรwภFาloพnบniนñnก9รvะ{oดmอfgง,เต, ,่า →(กระดูกมังกร) ตัวอักษรภาพโบราณ ของจีนท่ีเป็นหลักฐานแสดงถึงการเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ของจีน หรอื พยากรณ์เรอ่ื งราวของกษตั ริย์ อกั ษรภาพบนกระดอง a. Wairau เต่าสมยั ราชวงศ์ชาง รวมไปถึงหยก ก, ารนบั ถอื เทพชางต้ี (เทพแห่งการเพาะปลกู ) ➢ วิทยาการสำคัญ : เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือสำริด การทำ ปฏิทินบอกฤดูกาลต่างๆ สำหรบั เพาะปลกู และเก็บเกีย่ ว การใช้ทศนยิ ม ▪ 2nd Wajid : nsioovoowoi 1 Longest era ) : ราชวงศ์ท่ีปกครองจนี ยาวนานที่ส#ุด muumuu ราชวงศโ์ จว (จวิ ) (1,122 – 249 ปีกอ่ น ค.ศ.) roiwoiwi awowooifvwoyrwisiwr.mil/wirnVIuvjif- สมัยราชวงศ์โจวแบ่งการปกครองเป็นแคว้นโดยใช้ระบบศักดินาสวามิภักด์ิ กษัตริย์แบ่ง ➢ ลกั ษณะการปกครองและเศรษฐกจิ ดินแดนออกเป็นแคว้นต่างๆ ให้ขุนนางและหัวหน้าชนเผ่าต่างๆ ถือครองและใช้ประโยชน์จากที่ดิน รวมทั้งแต่งตั้งใหเ้ ป็นเจา้ ผู้ครองนค-รหรือปกครองแควw้นiiตw่าioงๆuinขrุนiinนvาnงiจv'ะตอบแทนให้กษัตริย์เป0็นเงิน0ตรา หร④ือผลผลิตตา่ งๆ ศูนยก์ ลางอยู่ที่เมืองฉางอาน (ซีอาน) - Moira - lnwhioswoiñniorsrpvg' - ปรากฏแนวคิดเทียนหมิงหรืออาณัติสวรรค์ ซึ่งเชื่อว่าสวรรค์จะมอบอำนาจการปกครองให้ ฮ่องเต้ ฮ่องเต้จึงมีฐานะเปรียบเสมือนเป็นโอรสสวรรค์ ทรงเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินที่อยู่ภายใต้สวรรค์มา noini wwzq-ivonioiaoiroinnmwi iwivnasooorydoni.si/-ปกครองบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสงบสุข หากฮ่องเต้ปกครองบ้านเมืองโดยไร้คุณธรรม ทำให้ประชาชนเดือดร้อน สวรรค์จะเพิกถอนอาณัติสวรรค์และมอบให้บุคคลอื่นที่มีคุณธรรมปกครอง แทน แนวKคinิดgกhาoรrเnม.aอื mงน?nส้ี l่งaผnลtiiใioหi้แUผrr่น.nดuินoจrnีนiaเกkiิดnกgrาoรiแwยn่งiiชniิงsอKำinนgา9จyแnลi ะ-เ7ปล่ีย( lนoiรnsา>ชroวsงnศiiuบ์ a่อi )ยครั้ง ➢ มรดกทางวัฒนธรรม ยุคแห่งปรัชญาเมธี คือ ยุคทองแห่งภูมิปัญญา เป็นยุคท่ียกย่องคนมีความรู้ เกิดจากปลาย สมัยราชวงศ์โจวเกิดความแตกแยกและวุ่นวาย เนื่องจากแต่ละแคว้นพยายามสร้างความยิ่งใหญ่ จนนำไปสู่สงครามwรณwรwัฐ.o(nWfoavrrjing State) ทำให้มีนักปราชญ์ที่พยายามเสนอทางออก เพื่อแก้ปัญหา ความแตกแยกภายในแผ่นดินจีน นักปราชญ์คนสำคัญ ได้แก่ ขงจื๊อ①(ลัทธิขงจื๊อ) และเล่าจื๊อ①(ลัทธิเต๋า) ซงึ่ สง่ มีอทิ ธิพลต่อระบบความเชอ่ื ค่านิยม และปรัชญาของสังคมจนี มาจนถงึ ปจั จุบนั or,uÉo%inwniw uniniiñissrwiuwlwnih ) n.oisow-n.aihooniiirrnroi.NU / Éoii \"nivorrarsiñrrnisnyvuioihhv \" ioisnvmsitnwh-iioinvont.io Uojoiiniicrnsovuoosau 11
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวนั ออก EI-ijjjniionrn-ontnmrin.in#.oiiroiaw \" off ,wñv \" ลัทธิขงจื๊อ lisonivrionor ลทั ธเิ ตา๋ oisawoitmctyrenrw )M ohrionarovasarstdtus environ a- ONE n' no isolate junior o \"\" \" misono Vnñio , ) ( Groovie ) เน้นความสัมพันธ์ของบุคคลในสังคมจีน 5 ประการ ได้แก่ เน้นการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย จักรพรรด①ิกับราษฎร บิดา①กับบุตร พี่ก①ับน้อง สามีก⑨ับภรรยา และเพื่อน⑤กับเพื่อน โดยบุคคลนั้นต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ ให้มนุษย์เข้าใจ ยอมรับ และ ปรบั ตัวเขา้ กับธรรมชาติ เหมาะสมกบั สถานภาพตามโครงสรา้ งทางสงั คม ไม่ยึดระเบียบแบบแผน ต่อต้าน เคร่งครัดในระเบ( ียcoบnsแeบrvaบtiแveผ)น พิธีกรรม และจารีตประเพณี กฎเกณฑ์ ( wosiliisrrvo :[civilian ) โบราณ (แนวคดิ เป็นแบบอนรุ ักษน์ ยิ ม) เนน้ ความกตัญญูตอ่ บรรพบรุ ุษ เคารพผู้อาวโุ ส ใหค้ วามสำคญั เข้าหาธรรมชาติ รกั ษาสมดุลของ กับครอบครัว เน้นความสำคัญของการศึกษาและคุณธรรม ธรรมชาติ หลีกหนีสังคม ปฏิเสธ ทำให้สงั คมจีนยกaย-อ่ aงéผiñทู้ riี่มñีกvwารñศihึกaษnsา เชน่ ครูอาจารย์ บัณฑิต การศึกษาและประเพณี จnอitหroงuวsน ขุนนาง เป็นตน้ มีอทิ ธิพลตอ่ ชนชน้ั ปกครองจนี เช่น จกั รพรรดิ ขนุ นาง มอี ทิ ธิพลต่อศิลปินและกวีจนี ถือเปน็ หลกั สำคัญในการดำเนินชีวิตของคนจนี จนถงึ ปจั จุบัน มีลักษrtณiñะriตvรnงirขoา้oมsnกiับosลaัทvธoขิ irงoจiv๊ือ! ➢ วิทยาการสำคัญ : ความรู้ด้านการแพทย์ (ฝังเข็ม) แม่เหล็ก การนับเวลา (พบว่า 1 ปีมี 365¼ วัน) การประดิษฐ์ตะเกียบคีบอาหาร และขดุ คลองชลประทานเพอื่ การเกษตร zrdainioiroi : oinswiroiubisioiro ! ▪ ราชวงศ์ฉนิ (จนิ๋ ) (221 – 206 ปกี อ่ น ค.ศ.) : ราชวงศ์ทสี่ ถาปนาจักรวรรดิจนี ➢ ลกั ษณะการปกครองและเศรษฐกจิ lnvoilvn.nwr-itosihinr sioj-wnwoowwnoorwo.ro- สมัยราชวงศ์ฉิน จักรพรรดิจิ๋นซี (ฉินส่ือหวงตี้) รวมแผ่นดินต่างๆ ให้เป็น ปึกแผ่นและมีเอกภาพครั้งแรกโดยการสถาปนาจักรวรรดิจีน กำเนิดระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้น ผู้ปกครองมีฐานะเป็นจักรพรรดิ (ฮ่องเต้) รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางโดยให้ มณฑลต่างๆ ขึ้นตรงต่อเมืองหลวง (ฉางอาน) มีการเกณฑ์แรงงานทำงานก่อสร้างและเป็นทหารอย่าง เข้มงวด รวมไปถึงต่อต้านปรัชญาเมธี มีการเผาตำราขงจื๊อมิให้เผยแพร่ ฆ่านักปราชญ์ที่อ่านตำราขงจื๊อ oioaivn.nhnrozvnvivapiwfiwa9rivsfonislnsowoivr.ua เป็นจำนวนมาก sniffypiano)ÑIoaIdqro ooiswoa ! rosin - สมัยราชวงศ์ฉินใช้หลักนิติธรรมนิยม (ฟาเฉีย) เป็นกฎหมายหลักในการปกครองอย่าง เคร่งครัด ซึ่งเกิดขึ้นตอนปลายสมัยราชวงศ์โจว มีความเชื่อว่าโดยธรรมชาติมนุษย์ชั่วร้าย ดังนั้น รัฐจึงต้องใช้อำนาจเด็ดขาด และใช้กฎหมายที่รุนแรงในการควบคุม โดยการลงโทษผู้กระทำผิดและให้ รางวัลแกผ่ ู้ทำความดี ซึง่ นำไปใชเ้ ป็นหลกั การของกฎหมายจนี ในเวลาตอ่ มา ➢ มรดกทางวฒั นธรรม สร้างมาตรฐานจักรวรรดิให้เป็นเอกภาพ เช่น ภาษาเขียน ระบบชั่งตวงวัด เงินตรา ระบบ ภาษี ซงึ่ กำหนดใหใ้ ชเ้ ปน็ แบบเดียวกนั ท้ังจักรวรรดิ เพอ่ื ให้เกดิ ความเปน็ อนัiหนงึ่ อันเดียวกัน 12
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ➢ วทิ ยาการสำคัญ : 008144+000,54 - กำแพงเม✓ ือlaงwจnนี 'vnสsรN้าNงÑเพ7่ือป้องกนั การรุกรานของอนาiwรยiYชI4นYเผ่า ทางตอนเหนือ โดยสร้างต่อจากแนวกำแพงที่มีตั้งแต่สมยั ราชวงศ์ชางและ สสุ าน เชื่อมต่อเป็นแนวมีความยาว 21,196.18 กิโลเมตร (sรooวoม)ÑรuะvยoVะทMี่สonรg้าosงroเsพuิ่ม จิ๋นซีฮอ่ งเต้ ในสมัยราชวงศ์ห⑤มิง)bถioือ:เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในสมัยโบราณที่ยังคง ความสมบรู ณ์อยู่ wviirñrrwisvnurvirininjavods ✓ pain.am - สoุสoาnนgจoนิ๋ vซuฮี.eอ่ uง#เต/V้ rเiมInอื VงiซiuีอiiาiwนliuปoรiVากWฏoแ.vนoวyคi ิดโ\"ลaก. หiÉoลงั\"ควา\" มY'ตs าย - ninja .fr . 9) woinvojvoioiwon }iUrÉosÑJin.iriawon qthjgi rionwmsoorwnbniunv-kloivitiwnasovlnroo.io▪ ราชวงศ์ฮัน่ (206 ปีกอ่ น ค.ศ. ถงึ ค.ศ.220) ➢ ลกั ษณะการปกครองและเศรษฐกิจ oirnoiswin loite-r จีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นปกครองแบบรัฐ '' niแขrrล้าoระuาฟnชoื้นกuฟsาoูลรhัทเ\"ธริขิ่มงมจีกื๊อาอรีกสคอรบั้งเโdขด)้ายrรใivชับs้ตรoNำาoรชisากrขnางiรwจื๊อ(จเปอ หงวน) ็นตำรา 6VVJna.nnrnsiwrivvn.im onion หลกั ในการNสoอoบo up rooviñonroiioroiinwntnnriorohrsr tinworks ! ! - เศรษฐกิจในสมัยราชวงศ์ฮั่นเกิดเส้นทาง สายไหม (Silk Road→) เ\"ป1น็ Wเสvu้นisทÑาoงwกoาvรvคrsา้ mทñาÑงบñyกvโoบiIรdาnณ\"* เส้นทางสายไหมทางบก (โบราณ) และทางทะเล .vn/an#1ieiivrwfnivoiVoi6rinn.zเริ่มจากเมืองฉางอานtrแrvลioะwเoชioื่อsมiuตiis่อiiyอjsาoรoยrvธoรsรwมnnตiñั้งvแต่จีน อินเดีย เปอร์เซีย กรีก และโรมัน นำไปสู่การ แลกเปลี่ยนอารยธรรมrแñลnoะiaสoินioคñi้าvรivะnvหrวnn่าiงovโaลnกiwตaะoวrrันrnอ!อกกับโลกตะวันตก จีนใช้เส้นทางนี้ในการขยาย การค้าผา้ ไหม เครือ่ งลายครามเครื่องเทศ และหนงั สตั ว์ 6004,VW7uÑwÑV / Afghanistan) iwiwsiwhos.tl ➢ มรดกทางวฒั นธรรม - ภ( Fาพarวnาoดnทิว, ทศั น์ธรรมชาติ (อิทธพิ ลลทั ธเิ ตา๋ ) นยิ มวาดลงบนผา้ ไหม แผ่นหิน และหลมุ ฝังศพ - ตำราประวัติศาสตร์ของซือ หมา่ เชยี น (บิดาแห่งประวตั ิศาสตร์ตะวันออก) คอื ส่อื จ้ี - พระพุทธศาสนาเริ่มเผยแผ่จากอินเดียเข้ามา it # ➢ วิทยาการสำคัญ : -ประดิษฐ์กระดาษ (ชนชาติแoรกของโลกในปี ค.ศ.105) พู่กัน เข็มทิศ (ใช้ใน การเดนิ เรอื และการทหาร) ลูกคิด เคร่อื งวัดแผน่ ดินไหว การถลุงเหล็ก - vnioovpniuninosiwdrrvñiiñnirwirrirlyo ประวัติศาสตรจ์ ีนหลังสมยั โบราณถงึ สมัยปจั จบุ ัน สมัยราชวงศ์ของจีนตั้งแต่หลังสมัยโบราณ ประกอบด้วย 6 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์สุย ถัง ซ่ง หยวน หมิง และชงิ หลังจากนนั้ กส็ ้ินสดุ สมัยราชวงศ์ เข้าสู่สมัยประชาธปิ ไตยและสมัยคอมมิวนสิ ต์ ราชวงศ์ ลักษณะการปกครอง เหตกุ ารณ์สำคญั สยุ สมัยสามกก๊ (ก่อนสุย) - สมัยแห่งความแตกแยก หลังราชวงศ์ฮั่นเสื่อม เกิดการแย่งชิง ค.ศ.589 อำนาจและนำไปสู่ความแตกแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ ก๊กวุ่ย ก๊กฮ่ัน – 618 และก๊กอู๋ หลงั สมัยสามก๊กตอ่ มาราชวงศส์ ยุ ปกครองจนี เวลาส้ันๆ \\Évp30Ñ 13
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวันออก ราชวงศ์ ลักษณะการปกครอง เหตกุ ารณส์ ำคัญ A) qhaandrofif wiivsfdoi.w.IOÑSMOI ถงั - ยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม ค.ศ.618 \\vhib6Uv9ñNU Korea ศลิ ปกรรมและพระพุทธศาสนา , – 907 - รับเrอisาwพ@riรñะwพrilุทosธศาสนามาจากอินเดีย โดยพระเสวียนจังเดินทาง Swindon ไปศึกษาพระไต'รsปtswิฎoกnnผo่าnoน→เส้นทางสายไหม รับมาประดิษฐานที่ voodoo)NNvn wrivñow.no จีน และแปลพระไตรปฎิ กเปน็ ภาษาจนี - วิทยาการสำคญั คือUดVินsป§oืน*แล9ะ0,ธ1%น0บ>Iaตั nร (จนี เร่ิมใช้เป็นชนชาตแิ รก) Ñnvuvoorhoonrohlo wranitviean- ย.คุioทอrงvขอoงจnติ ร.rกoรรiมsจีนoเiกiดิvเ(คnร.ื่อrงoเคลihอื บiล.cายoคราม ซง่ - ฟน้ื ฟูลัทธิขงจื๊อ ผสมผสานแนวคดิ ลัทธิขงจ๊ือ เต๋า และศาสนาพุทธ qiviut ← (ซ้อง) - เกิดธรrnรoiมviuเñนroยี raมuoกoาuรรัดขsv้อoเnทorา้ oขdvอirงñสioตovรี - วิทยาการสำคัญ คือ ประดิษฐ์แ(ท(่นñnพioิvมcพur์oกpาร lniioiiaroourivnsiw ค.ศ.960 nooviovndsnfnnio – 1279 ictrñnrosiñniniisni ต่อเรือ ใช้เขม็ ทิศแม่เหล็กในการเดินเรือ รักษา โรคดว้ ยการฝงั เข็มประดิษฐล์ ูกคดิ ปืนใหญ่ garrison ! ; - ย้ายเมอื งหลวงไปอย่ทู G่ปี ักก-่ิง วhาiงrผinงั gเมraือisงeเป็นอยา่ งดี - ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขาย เช่น มาร์โค โปโล พ่อค้าชาว ( origin ! ← หยวน จักรวรรดิมองโกล ค.ศ.1279 (ราชวงศ์แรกที่ – 1368 ชนชาตอิ ่ืนเขา้ อิตาเลียนที่เข้ามาทำการค้าในจีนและได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ⑤ถอื เปน็ ชาวยุโรปคนแรกทเ่ี→ดินaทnาirงaขrา้ vมrทoวีปมาเอเชยี ได้สำเร็จ lriinrotiñni ปกครองจีน) ribwort) = n.ninsoioiwgnJanioslavoidvo.n.in#NosIndrnvJnswrroi - เริ่มแลกเปลี่ยนอารยธรรมกับตะวันตก โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ wiwiiiIr.tIajnoeyn'wm \"oN'nw'ÑÑnnsNvrÑñ1hHÉ.iVI17nirUoY4NwiVuVii9tW a-- ขเแรlยลิ่มาyะกยราอบั รำชiตนาิดnาวตจต่อส่าท่ภู,งwiชาูมooงาิภyกตwาาเิnคขรwเi้าทอnรูตnwเบัชกhรียwับาตgอชrะnกาวiwณาaันÑราอใจนอัก-กรราเฉสชียุโnสขงำใทนตัยัก้.ใmrsนÑp0สar7gOมyYh7ัยeIoUrtJจItv8iักÑ7twoร6nพNYรรดิ กบุ ไล ขา่ นดำเนินการค้าในระบบบรรณาการ (จ้มิ กอ้ ง) หมงิ ชาวจีนเข้าปกครอง - ยุคทองของสถาปัตยกรรมจีน เกิดการสร้างพระราชวังปักกิ่งหรือ ค.ศ.1368 อีกครั้งหน่งึ (ขบั ไล่ พระราชวงั ตอ้ งห้าม nnivoyoviicrlwri-invi.nu– 1644 ชาวมองโกลออกไป) - ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมจีน กลับไปเลียนแบบงานศิลปกรรมสมัย oioroiw anti oiioiisoioi ราชวงศ์ถงั มคี วามเปน็ อนรุ กั ษ์นิยมสงู ต่อต้านชาวตา่ งชาติ intuitional - นายพลgเจิ้งuเหaอnบุกoเบิกirnกiาqรawสำgรnwวจดินแดน เป็นOมbหrivาwขoiันvñทีท01ี่น14ำ-ก5Wอง เรือขนาดl #ใหcญria่อwอlsกtvสoำsiรoวsnจirดoินiroแoดiñนsoจuนfnถnึง-ช> าaย:oฝVั่งnตnVะ&วHัน8อ*อกของ dพระราชวงั ต้องห้าม'r แอฟริกาใชเ้ วลา 28 ปี เป็นช่วงท่กี ารค้าระบบบรรณาการเฟ่ืองฟู หลงั จากน้ันจีนกป็ ิดประเทศ เพราะกลัวอทิ ธิพลของชาติตะวันตก - วทิ ยาการสำคญั คือ การค้าทางทะเลและการต่อเรอื ทร่ี ุ่งเรืองมาก rrwrt).v←royชiงิ nsrwจกั รwวรรoดขิ อrงvb-nเผชsิญwกับภnัยคvุกคoามvจา.กrลoัทธิจักรวรรดินิยมของตะวันตก ซึ่งเป็น - inwinrrw (เชง็ ) ชาวแมนจู ช่วงทีก่ ลบั มาติดตอ่ คา้ ขายกบั ชาติตะวนั ตกอกี ครั้ง ( nonoip-rfvovw.lv men itiñnoioinvnss A. ñsivv 14
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาในโลกตะวนั ออก ราชวงศ์ (ราชวงศข์ อง yñirinlroÑionÑnwvi!sñv เหตุการณ์สำคัญ ชนชาตอิ น่ื ) ชิง - จีนแพ้สงครามฝิ่นกับอังกฤษ จึงถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญา สนธิสญั ญานานกงิ lomirrouuvosaiiwnnvilivvn.it (ตอ่ ) กบฏไท่ผิง น•านกงิ ในปี ค.ศ.1842 ซ่ึงมสี าระสำคัญดังน้ี กบฏนกั มวย ค.ศ.1644 1. ยกเลิกการการคา้ ผูกขาด (กง้ หอง) เปน็ การคา้ เสรี – 1911 2. กำหนดภาษีขาเข้าในอตั ราต่ำและแนน่ อน 3. เปดิ เมืองท่า 5 แหง่ ใหอ้ ังกฤษทำการคา้ โดยเสรี 4. การคา้ ฝิ่นเป็นสง่ิ ถกู กฎหมาย ทำไดโ้ ดยเสรี ถือเปน็ ยารกั ษาโรค mrronini.sioo.is 5. ยกเกาะฮอ่ งกงให้อังกฤษเช่านาน 99 ปี ตั้งแตป่ ี ค.ศ.1898 6. เสียสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต ส=นeธxิส.ieัญroญrrาvนoาoน.sกi ,ิงเป็นต้นแบบของสนธิสัญญาที่ชาติตะวันตกทำ jriooiwriownrhasnairrwvprvgaiss.vnกับชาติอืน่ ในเอเชียในลักษณะเดียวกนั - เกิดความวนุ่ วายภายในประเทศ เชน่ / Favor minivan 1. กบฏไท่ผิง เกิดจากชาnวñ%จีนNทVoี่รAักJชwา.ติได้ต่อต้านผู้ปกครองชาว แมนจู และไม่พอใจชาติตะวันตกที่เข้ามารกุ ราน เกิดการทำลาย เจดียก์ ระเบ้อื งนานกิง insoo-roieyotiinrwrroiosdi.mn 2. กบฏนกั มวย เกดิ จากชาวจีนต่อตา้ นชาวตะวันตกและชาวจีนท่ี oioinrooionroorñiiyñsaiiviñw' เข้ารตี นับถอื ศาสนาครสิ ต์ Crowhurst 3. จีนทำสงครามแพ้ญี่ปุ่น ต้องทำสัญญาชิโมโนเซกิ ยกเกาหลี ให้แกญ่ ี่ปนุ่ วรรณกรรมจีนสำคญั ในยุคราชวงศ์ ได้แก่ ตำราขงจ๊ือ (แต่งขึ้นสมัยราชวงศ์โจว) สามก๊ก (แต่งขึ้นสมัยราชวงศ์ หยวน) ไซอิ๋ว (แต่งข้ึนสมยั ราชวงศ์หมงิ ) ความรกั ในหอแดงหรอื หงโหลวเมง่ิ (แตง่ ข้นึ สมัยราชวงศ์ชงิ ) ▪ สมัยประชาธปิ ไตย (ค.ศ.1911 – 1949) IÑbGwnrosÑ8o arrives - ดร.eซ- VุนEÑยัตwbเซwนnqwจvัดnต.Mั้งสUมาคมสันนิบาต (ตงเหมิงหุ้ย) นำการปฏิวัติ ✓ join a. ซินไฮ่ใ น ป ี ค.ศ.1911 เพื่อโค่นล้มจักรพรรดิอ้ายซิงเจี่ยหรอ ฝูอี้ (ปูยี) ของ ราชวงศ์ชิงที่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของญี่ปุ่นกดขี่คนจีนเป็นอย่างมาก และเปลี่ยนประเทศเป็Nนoสvา.ñธoาoรsณwร8ัฐ¥จUีนra8ปwกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยประกาศลvัทifธvิไvตiuรoราiiษoฎ; ร์ ประกอบด้วย หลัก①เอกราชของiigชoiาaoตrwิ y(rโnคiiv่นinลm้oมsio แมนจู) หลัก②อธิปไตยเป็นของประชาชiv. นa.U(nตaั้งwสaาreธารณรัฐ) และหลัก③ความยุติธรรมในการครองชีพ ÑIAWÑUW a(ช่วiiaยroเหrrnลiñือwคiñนnยoาwก,จน) - ชw้หñลiักwเvบinญÉจ②าNธิป2ÑไตNยWใน⑤กา; ต ่ อม า ได ้ จ ั ด ต ั้ งพ รร ค ก๊ ก ร บ ร ิห า รป ร ะเทศ มินตั๋ง และใ (บ①รหิ าร น②ติ บิ ัญญัติ ต③ลุ าการ ④สอบแข่งขนั และต⑤รวจตราควบคุม) เพือ่ มอบอำนาจอธิปไตยแกร่ าษฎร ntoovoouoer cvinrisrrairwoñnosvjoiñiaitñ ) Csiro )ÑÉv ) www.onoirair iat nuwnooriwonqo 15 s
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก - หยวน ซื่อไข/่ lovingly'biwaÉsBsJÑu ) ได้ร่วมมือกับ ดร.ซุน อดีตแม่ทัพของราชวงศ์ชิง ยัตเซน เป็นผู้นำกองกำลังปฏิวัติซินไvฮdi่ roแnลivะroดiwำaรoงvตoiำwแvrหuนrn่ง.mปil/รsะnธานาธtoิบดีคน แรกของสาธารณรัฐจีน ภายหลังกลับrฟutื้นriñฟnaูรoaะoบonบgจักรoพรiรดnิขึ้นมาอีกคร้ัง Tiwari เนื่องจากต้องการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิขึ้นปกครองไปตลอด แต่ก็ เสียชีวิตในปvี oคf.ioศii.ñ1ir9ñ1s6ct ต่อมาจีนเข้าสู่ยุคขุนศึก เกิดความแตกแยก ( Vrrniisiaiairroiiioo oñVYVRn:9Ubwnoñyzui, ภายในประเทศ d)orviirrov - เจียง ไคเชก ผู้ปราบขุนศึก ข✓ึ้นsเuปr็นrผoูน้ uำnจdนี แ2ล0ะTผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง สืบต่ออุดมการณ์ของ ดร. ซุน ยัดเซน ที่เสียชีวิตลง และพยายามรวมแผ่นจีนให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง แต่รัฐบาลของเจียง ไค เชก ก็ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ราษฎร และปราบปรามพรรค คอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง ทำให้เกิดความแตกแยกในจีนกลายเป็นสงคราม กลาrงtsเมnือrvงnoปsรrะaชsาoชsrนiuจiึงisหvันorไnปnสvนaoับwสoนdุนbเhหoมiา เจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ แทน ในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ได้ปฏิวัติจีนอีกครั้งในปี ค.ศ.1949 และบุกเข้า ยึดการปกครองได้สำเร็จ ฝ่ายของเจียง ไคเชกพ่ายแพ้จึงย้ายสาธารณรัฐจีนมา จดั ต้ังรัฐบาลพลัดถนิ่ ทไี่ ต้หวนั (เbกioาsะeฟnอsรoโ์rมmซeาm) orial hair : Taipei rlornthrtfsvosrwav ▪ สมัยคอมมิวนสิ ต์ (ค.ศ.1949 ถึงปจั จบุ ัน) ( wñons=aowÑWn) no - เหมา เจ๋อตุง- ปVร-nะdธnา.นtlพn-รrรoคgคoอovมoมsิวoนbิสofตv์แvหyi่งoสnwาธtsา.รnณuรroัฐtประชาชน จีน ได้สถาปนาrสivาieธrาaร.uณÉoรwัฐÉป7oรiะuiชboาwชoน%จีmน sปnก.iคnรt/อriงwดr้วrยiipรwะบอบเผด็จการ * unwiriñoiniosonp คอมมิวนิสต์ ยึดหลักพึ่งตนเ①องIIOใช-a้รjnะwบuบinน-lาtnร.วir/มwaปgiฏniิวiioัตinิอMุตrสoาinหrnกoรioรrมonแiiบvrบn-ก1m้าWว ①กรlñะstโrdดñดo ไ/ NกVลWโYดAWยOระINดMมVรn-าdษtiฎblrรrเsพwvื่อavเlรlr่งwกobาvรinผvลsiิpต.IOและดำเนินการปNowninnisinvasono, ฏิว③ัติ oUÑHissown4rm: vvniyiwnictnvn.nuuingp;ios.(mn iwrt-ilvn.MN วัฒr÷wนrธvรoรrwมuใsนynช.่ÑวงñปnEี คir9.ศJl.R1e9d6g6ua–rd1]976 เน้นการสร้างความเท่าเทียมในสังคม เพื่อทำลายจารีตศักดินา liriivnoisirisiir sovñiarohyooo การแบ่งชนชั้น และผู้ท่ีไม่เห็นด้วยกับพรรคคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนแนวคิดทุนนิยม โดยใช้ เยา③วชนขบวlnนrกaาnรพtiทิaกัoษrr์แnดioง i(rRiieodf-Gnunanrdn)nเnปa็นwกำ.nลuงั สnำoคญั / /ñSoinogvarpoonreirodiwraiwñss - เติ้ง เสี่ย→วผioิงinปohรiะbธaาoนwคasณoะhกr รรมาธิการที่ปรึกษาสat่วoนraกoลorาaงoแirหos่งoพhรruรiคrrคrnอrnมoมoิวywนoิสhตr์ของจีน Ñiwñonv ดำเนินนโยบาย 4 ทันสมัย ได้แก่ การพัฒนาด้านเ①กษตรกรรม อ②ุตสาหกรรม⑨การป้องกันประเทศ และ ( MN ) noun → ivanovna; ④วิทยาศาสตร์–เทคโนโลยี และบริหารประเทศด้วยนโยบายหนึ่งประเทศสอง ระบบ (ระบrบisสroังrคroมrนvnิยiมoñคaอoมloมuิวaนirิiสiñตe์ผoสnมiooinowolii) 1tiihiwroiwvinSoUvNiet Joo .ÑyivÑdloniK รoะivบnบuทiuุนisนwยิ bมn) -โvดiยwทvำyกyาwรgเปwิดeปz.รcะoเmทศwแoลnะt dr.iwivguosioo.no : ดvำiเsนioินnก'VาUร-คsw้าเoสoรnี .Vสn่งผNลOใJหlw้ปnลÑายwท9ศeวqรoรvษNที่ ค.ศ.1989 เกิดวิกฤตการณ์ 19n7ts0asจrnีนowกa้าoวnขivึ้นtiมาเป็นชาติมหาอำนาจทาง เทียนอันเหมิน นักศึกษาและ a.quAY. An. t19iñ89nni← เศรษฐกิจมากขึ้น แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ประชาชนรวมตัวกันเรียกร้อง ประชาธิปไตย แต่ไมส่ ำเร็จ iiqiarñvvérruatu iiovnosvron /nitwit . ( www.hafsroivd ) การปกครองเป็นประชาธปิ ไตย YuÉoTirñq ปจั จบุ ันจีนไดฐ้ านเศรษฐกจิ คนื คอื ฮ่องกง (ได้คนื จากองั กฤษปี ค.ศ.1997) และมาเก๊า (ได้คืนจาก______________ raw )gÑg ปี ค.ศ.1999 ถอื วา่ สน้ิ สุดยุค____________________) 16 ?⃝
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บชอื่ท_ท_่ี_2__พ__ฒั __น_า__ก_า_ร_ท__า_ง_ป__ร_ะ_ว_ตั__ศิ _า_ส__ต_ร_์แ__ละชศน้ั าสมน.6า/ใ_น__โ_ลกเลตขะทวัน่ี__อ_อ__ก Org - rhinitis - \"wit - srrdnisoorqosrwñiiiiiiñignllu's yñrlndidnvos , ÷India c- udivosfnn Narration .tn OWoioawnioqiyaiisa-qnr,uinnogai .÷÷:÷-o g. :OOverson การตั้งถิ่นฐานของชนชาติอินเดีย ดินแดนนี้เดิมเรียกว่า ñiivivonan ▪ ปจั จยั ทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ การสร้างสรรคอ์ ารยธรรมอินเดีย to ลุ่มแม่น้ำสินธุ (ประเทศปากีสถานปัจจุบัน) ตั้งอยู่ Induทsางทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือของอินเดีย เปน็ ปัจจัยท่ีส่งเสริม www..mn “อนทุ วปี ” หมายถงึ ดินแดนในภูมภิ าคเอเชยี ใต้ทัง้ หมด ,' www.n.m.mg. g. ÷ . rain ▪ อินเดียยคุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ .mn Than desert wsirriniiwvrgw.ro➢ สมยั สนิ ธุ (ประมาณ 3,000 – 1,500 ปีกอ่ น ค.ศ.) www.iirioiio,gio,o@-anoniunyuriislอvoาaรยธรรpมaขinอtsงช: นnพ- dื้นDเbมiWืองWผÑิว0ดJำ คือ ชาวทราวิฑ (Dravidian) หรืออนาริยกะ มิลักขะ ทัสยุ gun .si,Ñoi : noir . อพวกทมิฬ) เมือง . มีรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ จมูกแบนกว้าง (ปัจจุบันค ื ป ร ะ ก อ บ อ า ช ี พ เ ก ษ ต ร ก ร รม พบซHiroshi า ก โบราณขนาดใหญ่ในลุ่มแม่น้ำสินธุ คือ เมืองoโ&มvเñฮvนuโiจ) ดาโรและเnมoือisงyฮ'sารัปปา . ในgยุคสำ-ริด มKคี Wวoา8มiÑเจ0JรVญิ 8ท7nา9งuอÑา9รbย&ธwรรwมwด.hงั iนltbี้ gwovviirnov ) เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ initiation iniiñssnvorwrsrw, - (การวางผBังเaมsือisง,เป็นระเบียบรูปสี่เหลือม แบ่งเขต Gwihtrviniwsrodjwv restunuosivigññir dioanldñvuñneiorib ภายในเมืองเป็นสัดส่วน เช่น ที่ทำการของรัฐ ย่านที่อยู่อาศัย ย่านการค้า ฯลฯ อาคารบ้านเรือนก่อสร้างด้วยอิฐดินเuผrาinมaีปry้อม rohirwnvratnrpbw-ni wcnviow-nvorlniu-N.vnปราการถนนประปาท่อระบายนำ้ ยุ้งฉางโรงอาบน้ำสาธารณะ แบบจำลองผังเมอืงโมเฮนโจดาโร - การเพาะปลูกและการเลี้ยงสตั ว์ มกี ารปลกู ฝ้ายเพื่อการทอผา้ ข้าวสาลี ถวั่ งา และการเลี้ยง ควาย แพะ หมู สุนัข เป็ด และไก่ รวมทั้งรู้จกั ใช้โลหะทองแดงและสำริด - การจารึกตวั อักษร แต่ยงั ไม่มผี ูอ้ า่ นได้ พบรปู ปั้นสำรดิ จึงอาจจัดว่าอย่ใู นยคุ ก่งึ ประวตั ิศาสตร์ ท้ายที่สุด เมืองโมเฮนโจดาโรและเมืองฮารัปปา ล่มสลายลงจากภัยธรรมชาติ คือ อุทกภัยและ พายทุ ราย โรคระบาด ประกอบกบั ถูกชนเผา่ อารยนั เข้ารกุ ราน เมืองโมเฮนโจดาโรและเมืองฮารัปปาสันนิษฐานว่ามีอายุใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ซึ่งพบเหรียญของ เมโสโปเตเมียทเ่ี มอื งแหง่ นี้ด้วย สันนษิ ฐานวา่ มกี ารตดิ ตอ่ คา้ ขายระหวา่ งกัน .Vnasou ➢ สมัยพระเวท (ประมาณ 1,500 – 500 ปกี ่อน ค.ศ.) aigowvwsnrisrorñhrrwooionn:(annunciator • r :b :(rrn innit ✓ อารยธรรมของชนผิวขาว คือ ชาวอริยกะ (Aryan) เป็นพวกกึ่งเร่ร่อนและเลี้ยงสัตว์ในเขต rionnvrovoar : ท-ะเลสNาMบNแlnคeสisเปhiียlrนh-ใoนrภooูมivิภnาhคcเaอ-เaช.tียn :(own Wisely , Jnasoj แห้งแล้ง มีรูปร่างสูง ผิวขาว จมูกโด่ง ซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่บริเวณ Ibibio ' :ow ] • oiosurhlnnroi กลาง ชาวอารยันมีความสามารถในการรบและชำนาญในการประดิษฐ์อาวุธ จึงอพยพหาแหล่ง srrvvrirrivinv อุดมสมบูรณ์และได้เข้ารุกราน เกิดเป็น\"สงคaร.xาjJมbขvับvVไลdI่ช\"าวดราวิเดียนให้ถอยร่นลงทางใต้ และยึดครอง Uriaogiosriñn moron ดนิ แดนล่มุ แมน่ ำ้ สินธุ การปกครองระย4ะ5แhร0กmเปiน็ nแ.บVnบnชwนoเผ\"่า แต่ละเผา่ แยกกันอยู่และเปน็ อสิ ระไม่ขึ้นต่อ กัน มีผู้ปกครองเป็นหัวหน้าในแต่ละเผ่า ต่อมาปกครองแบบราชาธิปไตย ปรากฏแนวคิดเทวราชา มีพิธี เสริมสร้างพระราชอำนาจของกษตั ริย์ เช่น พิธอี ัศวเมธุหรอื พธิ ีปลอ่ ยมา้ อปุ การ a. WÉwrNdJ : ñiisaiisrsnsyarohioo> sanitary raisins;nnaiÑÑr8 , 17
nriorñvr aiovi a.lk/oeobsinyst |( risnidln . ✓ naro , |ribavirin Niihau Jnaroj Hunch ex . Morosini, vintner, etc \\
t rvtrñiñv! * o i o i r i 4 o o J vViorovi- oriaÑ Loot - liosonrñov > oo J -
ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก poy2u.rOon:°ro9v4nisI8n0n1T178wr:ñ(inaho:nกoionาnรmสwรÑ้าrงสisชiรารoวCคอas์อoาsaารr:รยr=ยันÑrธwรiรับ2wรอ)มาใnรหยมธw่ รเรชมw่น①ขอกnงำ@ชเน.าsิวดดศrราาvสวนิเnดาพียnนราบnหามงiปณioร์ ะเกกiิ.ดาNรคัมแภลOะีร์ nthsubiriaow พระเวท แนวคิดพหุเทวนิยม แล②ะระบWบวaรrร:ñณvะ ได้แก่ ว⑨รรณะพราหมณ์ 078W I (นักบวชหรือครูอาจารย์)②วรรoณiñnoะvrกorrioษsirinัตnuiรiñ:ิยas์ r(นักWปaกitคinร:อn§งwหwรnือqนwÑักรบ) วรรณะ 78018 wlvn.ru's ③แพศย์ (พ่อค้า) แ④ละวรรณะศูทร (กรรมกร ทาส หรือเกษตรกร) จนต่อมา เกิดคมั ภีร์อปุ นิษัทวา่ ดว้ ยเรือ่ sงilกoาsรrเiวlvยี nนoวvา่ rยnตnาoยhเก-ดิ > riiigownvo : พฒั นาสูศ่ าสนาฮนิ ดู \"£ww7U ③วรรณกรรมทางศาสนาของชาวอารยนั เขียนเป็นภาษาสนั สกฤต วรรณกรรมทสี่ ำคัญ ได้แก่ - คัมภีร์พระเวrทiovกoลsุ่มsnพrรnาsหrnมmณsñ์ช>าoวuอtารยันได้รวบรวมบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าiทnwี่สืบ.wทsอ?ด:=ดV้ว7ยnoioUin วิธที อ่ งจำและถ่ายทอดสืบต่อกันมาเปน็ คัมภีร์ ประกอบด้วย 4 คัมภรี ์ ไดแ้ ก่ คัมภีร์ฤคเวท คมั ภรี ์ยชุรเวท คัมภีร์สามเวท และคัมภีร์อาถรรพเวท ถือเป็น*วรรณกรรมทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด กล่าวถึงชาวอารยัน เร่มิ แรกท่อี พยพเขา้ มาตั้งถน่ิ ฐานในอินเดีย และทีม่ าของชอ่ื สมยั พระเวท ทำสงคราม-รมะหหาวก่าางพฝ่ายย์รธา8รม)ราVม1ย0ะณ-ะ(o0ลiิงoแiตrนn่งำโrโrดดioยยoฤพๅr{iษรisjะีoวราinาลมม)ิก)แี มลีเะนฝื้อ่าหยาอเธกรี่ยรวมกับ(ยกักาษร์ 7Th นñำoโดiiยnทrศroกnัณnฐi์)@ผrู้แiตn่งtaมñีจุดitมุ่งหมายที่จะแสดงถึงวีรกรรมของชาวoอoาaรyยraันrwทr่ี.nu ทำสงครามขับไลช่ นพ้ืนเมอื งชาoวnทioรnา.oวsิฑhอñอnกoไiปvไoดs้สyrำwเรt็จoiokihgquijviwr.wsO)VdÑor - มหากาพย์มหาภารตะ แต่งโดยฤๅษีวยาสะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการ มหากาพย์รามายณะ ทำสงครามแย่งชิงแม่น้ำคงคาระหว่างกษfัoตrรrิยiv์อrาvrรiยrioันsr2vioรvาcชiวiisงiศv์iทl .ี่เmป็นnพ) ี่น้อง vo0s0wmosnINoo8itvhnio-2ปrรoตะwรเพrะoกณvูลoี แ-คvลuือะvต[iตำsnรoรtาะv-คrrกoiวoูลiาvvปมnoารwnูต้ณ-vv่าoฑงwsๆพnr-.แvมnลvาgnะกooตมnnาร.i.ยoะoiกiมnูลบีivเทdกทoาrรี่ไiพvพ]iเ.รrแrาrละwทะeย่ีสilัุดงaรiaควuือบoรrภnวค.มirวwนัฑิwทคwาีตนา (แปลว่า บทเพลงของพระเจ้า) เป็นบทสนทนาตอบโต้ระหว่างพระกฤษณะ a. iÉoai,niqM กบั อรชนุ (สุดยอñดvวñรiรnณnคinดñีขaองฮ→ินดู : มหากาพย์ท่ยี าวท่สี ดุ ในโลก) มหากาพยม์ หาภารตะ donor www.nsio-nl claims 1 - คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ มีเนื้อหาเป็นหลักกฎหมาย ศาสนบัญญัติ จารีตประเพณี หลัก n' www.nrnhriivujsvosrrq ศีลธรรม และการทำหนา้ ท่ขี องชาวฮ-ินด1ู 8804807 vous.oNÉw /trnyuvrrnsoaiwaos - ตำรานาฏยศาสตร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับท่าร่าKยoรำnขdอoงพrร:ะrอiiิศriวoรtทivี่ฟos้อwนรrำ:Ñเพoื่:อปราบปรามฤๅษีที่ ประพฤติผดิ ซ่งึ ภารตมนุ ไี ด้บนั ทึกท่าร่ายรำนีไ้ ว้ สมัยพระเวทไม่ปรากฏหลักฐานงานศิลปะของชาวอารยัน ส่งผลให้ศิลปะของ อินเดยี ขาดชว่ งไปเปน็ เวลาเกอื บหนึ่งพันปี อารยธรรมอินเดียสมยั โบราณ ยุคประวัติศาสตร์ของอินเดียเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 7 – 8 ก่อน คริสต์ศักราช เมื่อมีอักษรพราห์มิลิปิใช้ อารยธรรมอินเดียสมัยโบราณ อักษรพราหม์ ิลปิ ิของอินเดีย มพี ัฒนาการท่ีสำคัญดงั น้ี 18
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวนั ออก ▪ สมยั จักรวรรดิมคธ (600 – 321 ปีก่อน ค.ศ.) inwriw.no/oi*-n---nr6WVirwia7dwi94hiex.Yhrir8➢ ลักษณะการป<กคwรoอ=WงrhrriÑrin9rW * จักรวรรดิมคธสถาปนาขึ้นร่วมสมัยพุทธกาล เป็นจักรวรรดิที่ยังไม่ได้รวมดินแดนแคว้นต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของแม่น้ำคงคา มีศูนย์กลางอยู่ที่แคว้นมคธ ปกครองแบบ \" ราชาธิปไตยIกษัตริย์องค์สำคัญ ได้แก่ พระเจ้าพW'0ิมพิสารและพระเจ้าอInชาตlศsiัตniรoูirไoดijh้ขrยarาoยssอoำriน)าจและ อาณาเขตไปอย่างกว้างขวาง และเป็นสมัยที่อินเดียเจริญรุ่งเรืองด้วยพระyพryุทiiธsศvoาdสpนiาirirโnดrยeไnดa้รiiับoกniาinรrdr.in, อุปถัมภจ์ ากกษัตริย์ ทำให้แควน้ มคธเปน็ ศูนยก์ ลางของการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ➢ การล่มสลาย จักรวรรดิมคธิล่มสลายจากการรุกรานของจักรวรรดิเปอร์เซียและการรุกรานของพร ะเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งจักรวรรดิกรีก ส่งผลให้ศาสนาพราหมณ์เสื่อมลง มีศาสดาประกาศศาสนา ใหม่ เชน่ พระพทุ ธศาสนา ศาสนาเชน และบางแควน้ มีชาวกรีกปกครอง เช่น พระยามลิ นิ ท์ (เมนันดอร)์ ▪ สมยั จักรวรรดเิ มารยะหรอื โมรยิ ะ (321 – 184 ปีกอ่ น ค.ศ.) ➢ ลกั ษณะกrาioรปteกคrsรอง หลังจากจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งจักรวรรดิกรีก w w.hsgirwsiw riovouiordnruivuiroivonrpstยกกองทัพมาเพื่อหวังจะบุกยึดอินเดีย ส่งผลให้เวลาต่อมาพระเจ้า จันทรคุปต์แห่งราชวงศ์เมารยะรวมดินแดนให้เป็นปึกแผ่นครั้งแรก โดยการสถาปนาจักรวรรดิเมารยะ รวมอำนาจเป็นจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ พระเจ้าจันทรคุปต์ ปกครองแบบราชาธิปไตย โดยตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของอินเดีย มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตรทางภาคตะวันออกของอินเดีย จักรวรรดิเมารยะมีการสร้างถนนขนาด ใหญ่เชื่อมการคมนาคมระหว่างเมืองหลวงกับเมืองสำคัญต่างๆ พร้อมทั้งมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่เพื่อรักษา ความมน่ั คงของจกั รวรรดิ กษัตริย์องค์สำคัญในราชวงศ์เมารยะ ได้แก่ พระเจ้าอโศกมหาราช (272 – 232 ปีก่อน ค.ศ.) ไดข้ ยายดินแดนจักรวรรดิเมารยะจนกว้างใหญ่ไปถึงอัฟกานิสถานในปัจจุบนั ตอ่ มาใชห้ ลักธรรมวิชัยเป็น หลักในการปกครอง คือ การใช้ธรรมะและศีลธรรมในการปกครองบ้านเมือง จัดระเบียบและควบคุม สังคม เน้นความสำคัญของหน้าทท่ี างมนุษยธรรมของรัฐ และขยายดินแดนโดยการเผยแผธ่ รรมะ ➢ มรดกทางวฒั นธรรม : ความเจริญของพระพุทธศาสนา โดยพระเจ้าอMโศYกhมoหnาoรuาrช\"ที่ศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนาอย่างแนน่ แฟน้ ทรงทำนบุ ำรงุ พระพทุ ธศาสนาอยา่ งจริงจัง มีการ จัดส่งสมณทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ และสร้างสถาปัตยกรรม ทางพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เชน่ iสnถ-vปู nสrาigญnจnีrเioสnา-หnิน.rอvโiศnsกdอinยllา่vงnไuร.กirต็ -oาlมorfแvoมin้วj่า nrroiivuitivorroñu พระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงเป็นพุทธมามกะ แต่ก็ทรงให้เสรีภาพในการเลือกนบั ถือศาสนาแก่ประชาชน โดยเฉพาะศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู เสาหินอโศก 19
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัติศาสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก ▪ สมัยแห่งความแตกแยกและการรุกรานจากภายนอก ➢ ลกั ษณะการปกครอง หลังราชวงศ์เมารยะล่มสลาย อินเดียก็เข้าสู่สมัยแห่งการรุกรานและปกครองโดยชนชาติอื่น บ้านเมืองแตกแยกออกเป็นแคว้นต่างๆ เกิดสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างกัน มีการรุกรานจากชนเผ่า ภายนอกทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เช่น เปอร์เซีย กรีก ซึ่งได้ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนศิลปะและ วิทยาการให้แกอ่ นิ เดยี โดยเฉพาะดา้ นสถาปัตยกรรมและประติมากรรม ราชวงศ์กุษาณะr> เijขw้าoปiirกwคuร>Eอnงsอoินrเดียช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ. ถึง ค.ศ.320 โดยพระเจ้ากนิษกะ มีศูนย์กลางอยทู่ ีแ่ คว้นแคชเมียwรr์ใiนioปnจัirจvุบ-nันiiwyhrwwniiwoirwjnrnw.hr hrstiirinrrvnrovño door ] ➢ มรดกทางวัฒนธรรม - ความเจริญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยพระเจ้ากนิษกะ ทรงนับถือและอุปถัมภ์ พระพุทธศาสนาอย่างจรงิ จงั มกี ารเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาไปยงั จีนและญีป่ ุ่น rrrtx - ศิลปะคันธาระ : มีการสร้างพระพุทธรูปที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ อนิ เดยี กบั กรีก (ลกั ษณะเหมอื นมนษุ ยเ์ สมอื นจริงงดงามตามธรรมชาติ) y - ศิลปะอมราวดี : มีการสร้างพระพุทธรูปให้มีพระพักตร์ยาว มีเกตุ มาลา เสน้ พระเกศาขมวดเปน็ ปม ▪ สมยั จกั รวรรดิคปุ ตะ (ค.ศ.320 – 535) oirrñvtnn ➢ ลกั ษณะการปกครอง พระพุทธรูปศลิ ปะคันธาระ lñvoir)I ' พระเจ้าจนั ทรคุปตท์ ี่ 1 ทรงขบั ไลช่ าวต่างชาติออกไป รวบรวมแควน้ ต่างๆ ทีแ่ ยกตัวเป็นอิสระ เข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจการปกครอง สถาปนาจักรวรรดิคุปตะขึ้นทางตอนเหนือของอินเดีย สถาปนา ราชวงศค์ ปุ ตะขึ้นปกครองจักรวรรดิ มีศูนยก์ ลางอยู่ทเี่ มอื งปาฏลบี ุตร และเริม่ ตน้ ใชร้ ะบบศกั ดนิ าขึน้ ➢ มรดกทางวัฒนธรรมและวิทยาการสำคญั *ย@ุคทองขarอaiงoอooาyรrยñnธoรhรrrมiyอaiินiuเoด: >- voronoi weditavoriñv ี ั บ ก า ร ย ก ย ่ อ ง ว ่ า เ ป ็ น ศ ิ ล ป ะ อ ิ น เ ด ี ย อ ย ่ า ง ย ศิลปะแ บบคุปตะได้ร แท้จริงและมีความงดงาม แสดงถึงความเจริญของศาส(นWาinพstoรn/าÉหoมvaณri์a-ฮnิน) ดูท่ีกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่ พระพุทธศาสนาเริม่ เสื่อมความนยิ มลง ความเจริญในสมยั นี้ มดี งั นี้ ③- ด้านการศกึ ษา มีกอ่ ตั้งมหาวิทยาลัย เช่น wมwหwา.วnิทivยosาaลiiัยstนvoาsลioันnท!า Éo' วิทยาการสำคัญของอินเดีย มหาวทิ ยาลยั พาราณสี มหาวทิ ยาลยั อชนั ตา) air / sailor คือ ตัวเลขอารบิก ตัวเลข 0 ทศนิยม รากที่สอง เลขกำลัง ②- ด้านoวiรirรrณnrrคwดี มีความเจริญรุ่งเรืองมากโดยได้รับการสนับสนุน จากราชสำนัก กวคี นสำคญั คือ กาลิทาส ผู้แตง่ บทละครศกนุ ตลา สอง ค่า Pi ①- ดiา้ inนaศnลิoปvoกnรoรwม พบศาสนสถานในถำ้ เชน่ ถ้ำอชันตา (พทุ ธ) ถำ้ เอลโลรา่ (ฮินดู) ดา้ นวิทRhยiาanกnาoรnก} า!ร-ผ7 า่ ตoัดidiกnvาoรnทriำwสcบrwแู่ ล, ะriทnำñปzนู ,ซroีเมunนdตs ์ ,ซoงึ่ iเlผPยi ,แพJuรgไ่ ป- Oยังisยiุโnรป= uisnvosnin.vn : ⑨- > aaivnorlda.vn : แม้ว่าในสมยั ราชวงศค์ ุปตะ กษตั รยิ อ์ ปุ ถัมภศ์ าสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู แต่กส็ นบั สนุนพระพทุ ธศาสนา เชน่ สมยั พระเจา้ จันทรคปุ ตท์ ่ี 2 หลวงจีนฟาเหียนไดเ้ ดินทางจากจนี มาสบื พระไตรปิฎกจากอินเดียกลับไปจีน (สมัยราชวงศ์ฮ่ัน) 20
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พัฒนาการทางประวัติศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ➢ การล่มสลาย หลังจากราชวงศ์คปุ ตะล่มสลาย อนิ เดยี ก็เข้าสู่สมยั แหง่ ความแตกแยก แควน้ ต่างๆ ทำสงคราม แย่งชิงอำนาจกัน มีอาณาจักรต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกนั ขึ้นมาเป็นผูป้ กครองอินเดยี ในระยะส้ันๆ โดยชนชาติ ที่เข้ามารุกรานในอินเดียตอน☐เหนอื เป็นชาวพราหมณ์ – ฮินดู จึงสั่งให้ทำลายศาสนสถานและศาถ้ำอชัน ตา สนวัตถใุ นพระพทุ ธศาสนา สว่ นอินเดยี ตอนOใตป้ รากฏอาณาจักรสำคญั ได้แก่ 1. อาณาจักรปัลลวะ มีการถ่ายทอดตัวอักษรปัลลวะเข้าสู่ ดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตัวอักษรต' ้นaloแiyบirบiniใioหn้แurกni่อvnักtsษomรv มอญ อกั ษรไทย อกั ษรลาว และอกั ษรชวา 2. อาณาจักรโจฬะ มีการถ่ายทอดศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ไปยงั พมา่ มลายู และชวา ประวตั ิศาสตร์อินเดียหลงั สมัยโบราณถงึ สมยั ปจั จุบัน อกั ษรปัลลวะในจารึกปราสาท ④varrrmoodris▪nagwสมirvัยuอrาณาจกั รสุลต่าinน,dแÑหNง่ เ!ดลฮMี (Aค.wศw.w1.h2o0n6fw–nin1ts5rh2t6b) เขาน้อย จงั หวัดสระแก้ว gunligroin อินเดียในสมuัยนr้ีปnกครองโดยÉมุสลิมเชื้อสายเติร์กจากภูมิภาคเอเชียกลาง เข้ารุกรานทางตอน. เหนือของอินเดีย และสถาปนาอาณาจักรขึ้นมา ตั้งเมืองเดลฮีเป็นเมืองหลวง กษัตริย์ในราชวงศ์มัมลุค ศรัทธาศาสนาอิสลามเป็นอย่างมาก จนสถาปนาศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำอาณาจักร และ พยายามขยายศาสนาอิสลาr§มsisโñดvยการปราบปรามและบีบบังคับให้ชาวอินเดียเปลี่ยนศาสนา มานับถือ อิสลาม เกิดการทำลายศาสนสถานของศาสนาฮินดูและพุทธ และทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งถือ เป็นการทำลายพระพnุทwnธiศsliาioส-นn.าnอ.aยvn่าisงiเrดnv็ดwขiiาirrดw.cรoวมไปiถnrึงvเdกr็บirภarาwษoีจnิซnยinาrii(rjoi.zhyra/q) oจากราษฎรที่ไม่ใช่ชาว uMMo\"oÑirii^ñivto%1rÑiÑuมรj2ะสุ c.หลmวิมio่าใsrงนnชอiาwnัตวgรฮาqินสvnดูงriูแirนnลoโiะยvoชบqาrาวwgยมyทiุสoาลniงfิมศowiมาnuสoาrนovจwoiนาasใถvcนoึงrสfrnปvมzัจvi.ยั iจ-ivoนุบrี้สOn;ันง่nผrปiลvVัญiใ.vหหoiir้อsาDwaินทi.wเี่เiดrก.vnยีñิดfnoเขiกhnrึ้นvิดionนคrvuoี้นวiaาoำt.aมไuoปแvawสต.Ñู่กกwnาแiรrยiเsกnกl8แิดÑลศndะาwคสaoวนVาามifÑสขิvกaัดwขแñ์ข.ย>ึ้นsV้งม0ร0nาุน.ท0แ:ารuiงงnYsiw&Ñ4q ) Uiñonivirunoinoriñsr ตอนเหนอื ของอินเดีย เพอื่ ผสานความเชอื่ ระหว่างศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดูและศาสนาอิสลาม มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญwคnืoอi-vภaiาiiษooาuอeูรisดwู r(iUusrrdrui -)oชtrาgวnเrตo-ิรs์กnไoดw้นaำliเoอoาisภ.iาn.ษ;rาwสÑันnสกฤต nnoviovsyroow ; ภาษา อารบิก และภาษาเปอร์เซียมาผสมกนั ซ่งึ เป็นภาษาทีช่ าวมสุ ลมิ ใช้กนั ในประเทศอินเดียปจั จบุ ัน yntnrhriñnsorroiarrrñin -wooing ▪ สมยั จกั รวรรดมิ ูคัล (โมกุล) (ค.ศ. 1526 – 1858) อินเดียในสมัยนี้ปกครองโดยมุสลNิมiเaชoื้อwสaาrยoเiaตiิร์ก – มองโกลจากเปอร์เซีย (สมัยราชวงศ์ตีมูร์) ที่เข้ารุกรานและรวบรวมดินแดนอินเดียตอนเหนือและตอนใต้ แล้วสถาปนาจักรวรรดิมูคัลขึ้น ราชวงศ์ .vn/-crIwnv oinaongsn)roiroirv rionirsosnr5n-มูคัลถือเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองอินเดียเป็นราชวงศ์ที่สนับสนุนและเผยแผ่ศาสนาอิสลามอย่าง กวา้ งขวาง ทำให้เกดิ ความแตกแยกระหวา่ งชาวฮินดกู ับชาวมสุ ลมิ และในสมัยนีเ้ ริม่ มีชาติตะวนั ตกเข้ามา ติดตอ่ ค้าขาย ชาตแิ รก คอื โปรตุเกส niñoioiio bw-iognvinn.atnnniismvrowt.info> rnÑrrdIrnVvoamWn.ñÑrÑooÑo 21
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก clsiñoinosvionvnj ) -กพษรตั ะรเิยจ์อ้าองคกั ์สบำาคร์มัญหในารร⑦าาชชrวo:งrทศoม์รsงoคู นiลั oับaไถsดอืoแ้ ศrกiาa่ สviนlñาwอnสิ nลาม แต่ก็ทรง ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ทุกชนชั้น ①ยกเลิกการเก็บภาษีจิซยา ทรงร②ับชาวฮนิ ดเู ขา้ รับราชการในราชสำนกั สรา้ งความสามัคคใี ห้เกิดข้ึน ในจักรวรรดิ และสามารถขยายอทิ ธพิ ลไปทางตอนใต้ของอินเดยี - พระเจา้ ชาร์ชะฮาน : ทรงเปน็ มุสลมิ ทเ่ี คร่งครดั และศรัทธาใน ศาสนาอิสลาม จึงยกเลJิกVกWาWรใIหYM้เสJรKีภsาvvพrใwนivกwาuรeนnับnถahือhศnาihส.นofาnnแhลoะa.ทioรioงg.rbidr บันทึกประวัตขิ อง สร้างทัชมาฮาล เป็นอนุสรณ์ÑสถÑาaนñsแWด%่พรWะrมuเLหgaสñีขgองพระองค์ จัดเป็น rrr. พระเจ้าอกั บารม์ หาราช ส่งิ มหัศจรรยข์ องโลกสมยั ใหม่ เปน็ ศิลปะอนิ เดียผสมศลิ ปะเปอรเ์ ซีย - พระเจ้าiอiiอ. oรัñงเvซliปlin:niทnรiaงwสrถioาñปrนi าศาสนาอิสลามเป็นศาสนา ประจำจักรวรรดิ และทำลายล้างศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูอย่างรุนแรง เทวสถานของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูถูกทำลาย กลับมาเกบ็ ภาษจี ิซยา และขา้ ราชการชาวฮนิ ดถู ูกปลด ส่งผลใหช้ าวฮินดกู อ่ กบฏขน้ึ หลายคร้งั ทัชมาฮาล อย่างไรก็ตาม ปลายสมัยจักรวรรดิมูคัล กษัตริย์ทรงใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องเพิ่มภาษีและเพิ่มการ เกณฑ์แรงงาน ทำให้ประชาชนอดอยาก และยังกดขี่ทำลายล้างศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูอย่างรุนแรง ทำให้ยิ่งเพม่ิ ความแตกแยกภายในจักรวรรดิ v7 Ooqaroj 9 Britis▪h➢ส. มออยั ังังอกกาฤณฤษษ@าเนโขคiคิvา้ ่นcมปvลอกr้นิมwครเoรดาgอยีชrงrแวoองหiินvศ่งnเ์มอดhังูคียtกvัลlฤaษagแi.ล(ะnคส.v.ศถv.าo1ปnv8ovน5ygา8wอq–iาofณvv1oo9าs4oนo7iิคin)oมoinอorิน.nrเiarด>mrsียsiaeแowg#หrnAr่งu'o.อrq3i&ัง.nwกoiruฤworษivnooiin(swBirsorwiiurtoioilsisqohnooiRtznnaaiujdv)-ngdใ-นnr2-ป.nvavีvnry-rwo.>nravo.Esodo.in.rir animus ค.ศ.1858 มีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดีย ทรงแต่งตั้งข้าหลวง raw ใหญ่เป็นผู้แทนรัฐบาลจากอังกฤษเข้าปกครองอินเดียโดยตรง เรียกว่า “อุปinราaชn”ity(Viceroy) ซึ่งหลัง cwjinvnuinriosnnvririiwnhniosnnvdnaro.govอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อังกฤษเข้าปกครองอินเดีย โดยใช้หลักแบง่ lrแoยirกhแoลlo้วoปoกsคnรsอwงih(nDlihvtidoiehdiioannsdooRule) ซง่ึ เป็น ความพยายnา.nมrใwหn้ชnาoวnฮyินjiดioูแvลqะnชvาwว.มroุส'mลิมcขirัiดioแirยrr้งnกvrันroเ:อง เขrตoกssาaร.ปrrกnคnรrอrงใñนwอาrÉณoาoนiñิคÑมNอินWเดsWียแห่งอังกฤษ แบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ คือ 1. แคว้นที่อังกฤษปกครองโดยตรง เรียกว่า อินเดีย ขององั กฤษ (British India) ปกครองโดยอุปราช 2. แคว้นที่อังกฤษให้มหาราชาในท้องถิ่นปกครอง แผนท่แี สดงเขตการปกครองในอาณานคิ ม อนิ เดียแหง่ องั กฤษตงั้ แต่ปี ค.ศ.1858 เรยี กวา่ อนิ เดียของชาวอนิ เดีย (Indian India) นอกจากนี้ องั กฤษยงั ปฏิรปู และวางรากฐานให้แกอ่ นิ เดยี เช่น wovoihcrvv ; 1. วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยให้อนิ เดีย iwirawvwiñ.nvnrovuojno.ñniiieoy:rjIyciqtmnlvvronvwso'ioingv-onoonfnvoiiooid sntñvrnownivnsraiot 22 ?⃝
ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัติศาสตร์และศาสนาในโลกตะวนั ออก 2. จัดระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน กฎหมาย การศาล และการศึกษาในดินแดนตา่ งๆ ของ อินเดียให้เป็นแบบเดียวกันภายใต้การปกครองเดียวกัน อังกฤษพยายามสร้างความเป*็นเอกภาพให้แก่ อนิ เดีย แมว้ า่ อินเดยี จะเปน็ ดนิ แดนที่กวา้ งใหญ่ มีความหลากหลายทางเชอ้ื ชาติและศาสนามาก 3. ปฏริ ปู ระบบกฎหมายและการศาล โดยยกเลิกประเพณลี ้าหลังบางอย่างของอินเดยี เช่น - การแบง่ วรรณะและการเหยยี ด⑤จัณoฑVาลñตirาñมiหwลกัÑศiาwสwนาrพmรา:ห(มaณrr์o–wฮ)นิ ดู - พิธสี ตี คอื การเผาตัวตายตามสามีของแมห่ ม้ายชาวฮินดู - การบชู ายญั ด้วยมนษุ ย์เพ่อื บชู าCพร✓ะ\"แ\"\"ม\"่ก-า%ลี YIIwwriaorwnr.innagio.:a&m,, 4. สรา้ งtสhาroธmารbณinปู . nโภaคwพgืน้awฐาwน.y.เjชo่น,,ร,ถไฟ ถนน ไปรษณยี ์โทรเลข ➢ การเรยี กรอ้ งเอกราชจากอังกฤษ soso.info/Rrnrosrono8 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขบวนการ0ชาตินิยมในอินเดีย ชื่อว่า คองเกรสแห่งชาติอินเดีย (Indian National Congress) เพื่อเรียกร้อง ✓ rinroona.qU11sJ7d3urnja.o9p@oiooi ru.k① nเโสอดoัตdกยยuรไwามาoเชใ่คvชiจรr้กoาาiำñกะลoหอnังัง์t)i(กñsกvรiฤioาiวwษsรมooตไsนvป่nอrำrñสถuโvtู้ึงดดoข้วยoบ③ยuชvวควiนvวาlกาหwมารnrรsจะinสsรลlvnวงิาoo)าลoiเแuทเmลนสะvหิ ห(r์รตiลrูอ่rแักv②ตลอdา้ ะหoนมhิงสหrสินoาาisคตiri(า้.มกwขiาะwอรsคงตiชoา่อาiนwสตธู้อvิตีทoยะdี่ใ่าวชiงiัñน้หสnตลงiwบกักtiyw , ; มหาตมะ คานธี control) ! และสนับสนุนสนิ ค้าของอินเดีย) มปี ระชาชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วม องั กฤษ ใช้กำลังรุนแรงเข้าปราบปรามอย่างไร้มนุษยธรรมจนนานาชาติประณาม ในที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคแรงงานของอังกฤษชนะการเลือกต้ัง ด้วยนโยบายปลดปล่อยประเทศอาณานิคมให้ได้รับเอกราช ส่งผลให้อินเดีย ชวาหระลาล เนหร์ ู 1872485W ) ไดร้ ับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อวนั ที่ 15 สิงหาคม 1947rltsosnriwrwn - oisngowiswiovroivrorrruosnoiñwrroiorei} inUrns-i:o/nnnnarirsooñoiravisvofivnavwivnuvoioinñvsrivoi.orvovon➢rvr oอ- นิoอเนิ iดhเยีดnหียoไลดงั i้รไwบัด้รเoอับvกเรอrาoกชรnาโsชดoย-Iชroวu-iาñowหsiooรsrsaะrarลaiswาirrwลornsเaนsfqsหwñs์ร'f2ูขyvึ้น9vดVoำhรsJงDuตWำkแN.หmน่งn นายกรัฐมนตรคี นแรกของอนิ เดยี สว่ นมหาตมะ คานธถี ูกลอบสงั หาร - ความแตกแยกทางเชื้อชาติและศาสนาในอินเดีย นำไปสู่การ แยกประเทศปากีสถานออกจากประเทศอินเดียใน ค.ศ.1947 (เหตุผล ความแตกต่างทางศาสนา) แบ่งดินแดนออกเป็น 2 ส่วน คือ ปากีสถาน ตะวันตกและปากีสถานตะวันñตñก และการแยกประเทศบังคลาเทศ แผนทป่ี ากีสถานหลงั แยกประเทศ (ปากีสถานตะวันออก) ออกจากประเทศปากีสถานใน ค.ศ.1971 (เหตุผลความเหล่ือมล้ำทางเศรษฐกิจ) รวมไปถึงเกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนา เช่น ความขัดแย้งทางศาสนาในแคว้นแคชเมียร์ ความขดั แยง้ ทางเชือ้ ชาตnใิ นMศรMลี ัง@กาO(iทoมnิฬ5แnลvะgสงิiNหลs)ironoiarrwrwonwiwwnvoaoaninJwoorrowrion.o - อินเดียปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากไม่เคยเกิดการปฏิวัติและ รัฐประหารทางการเมือง เพราะอังกฤษวางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาเป็นอย่างดี อินเดียได้ช่ือว่าเปน็ ประเทศประชาธปิ ไตยท่ีใหญท่ สี่ ุดในโลก 23
ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บชทอื่ ท__ี่ _2__พ__ัฒ__น_า_ก__า_ร_ท__า_ง_ป_ร__ะ_ว_ัต__ศิ _า_ส__ต_ร_์แ__ละชศน้ั าสมน.6า/ใ_น_โ_ล_กเลตขะวทัน่ี__อ_อ_ก_ €0 พัฒนาการ 6Éwñtronriyogrnwriiussswron ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 3,500 ปี จึงไม่ปรากฏนามหรือ หลักฐานของศาสดาผู้ก่อตั้ง กำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุในดินแดนอินเดียโบราณ โดยชาวอารยัน (อริยกะ) เดมิ เรยี กว่า “สนาตนธรรม” หมายถงึ ศาสนาหรอื ธรรมะอนั เป็นของเกา่ หรือนริ นั ดร์ เม่ือมีอายุ ได้ 1,000 ปีก็เสื่อมลง ต่อมามีการฟื้นฟูจนกลายเป็นศาสนาฮินดู ซึ่งก็ยังเป็นศาสนาของชาวอารยัน lwrthtnrnw.nownisivownoisninvnivw-i itryiua.pt▪ จึงเรยี กศาสนาใหม่ว่า “ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู”/ Awning ส9มwัย¥อÉรwยิ ! - vosnriirñivrovws:( on : การผสมผสานความเชอ่ื ก่อนเกดิ ศาสนาของ 2 กลมุ่ ชน กะ (1,500 ปกี อ่ น ค.ศ.) - พหเุ ทวLนoิยnsมiivเiปitrน็ wคriวioาnมเชือ่ แบบวญิ ญาณนิยมและธรรมชาตินิยมของกลุม่ คน ได้แก่ In ,ÑN87 1. ชาวดราวิเดียน นิยiมoบoูชroาnโลiyกoธiาinตwุ 4ioคiñือroดiินr นM้ำ ลigมrไaฟin(ธeรรมชาตินิยม) และบูชาบวงสรวง a.iÉo ; วญิ ญาณบรรพบรุ ษุ ตามธรรมชาติฝ่ายบุรษุ i(วญิ ญาณนิยม)t 2. ชาวอารยัน นิยมบูชาสุริยเทพ (ธรรมชาตินิยม) และบูชาบรรพบุรุษ (วิญญาณนิยม) มีการ ทำพลี (ใชอ้ าหารวางที่พน้ื ดนิ เพ่อื บูชา) ต่อมาชาวอารยันอi.พnยriพvหnาrแirหñลi่งiiอุดมสมบูรณ์มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ จึงเกิดสงครามรบกับชาว ด\"ราวเิ ดยี น ชาวwอารยนั =ชนะและเขา้ ปกครอง ทำใหอ้ ารยธรรมและความเชอ่ื ของ 2 ชนชาตผิ สมผสานกัน 2nd▪ สมัยพระเวท (1,500 – 1,000 ปกี ่อน ค.ศ.) : ชาวอารยันขยายการต้ังถิ่นฐาน สรา้ งความเจรญิ และพัฒนาความเชือ่ - พหุเทวนิยม พัฒนามาจากวิญญาณนิยมและธรรมชาตินิยม เกิดเทพเจ้าตามธรรมชาติอีก หลายองค์ บูชาอยา่ งอสิ ระตามโอกาสต่างๆ ไมม่ ีการจัดลำดบั ความสำคญั แบ่งเปน็ 1. เทพเจ้าแหง่ สวรรค์ เชน่ Kพinรgะvอoiินniทn)ร์ พระวิษณุ 2. เทพเจ้าแหง่ ท้องฟ้า เชน่ พระ8วรณุ พระวาตะ row 3. เทพเจ้าแห่งพ้ืนดนิ เช่น พระ☐ยม9ÑaÑhotÑniwriourov disoiuirvirwhryv ) พระ☐อัคนี , - พัฒนาพิธีกรรม บูชาเทพเจ้าโดยการgบชู าย-ัญแทนการทำ0พลี มีบทสวดและถวายเครื่องบูชาที่ คิดวา่ เทพ-เเจร้า่ิมโแปบรด่งชปนรÑาชนsัน้ wแเลปioะ็นsอr3ัญmเก%ชลิญ่มุtว!คิญอื ญiiiพาsณรmาบwหรมoรwณพwบ์ (นรุlwมุกั uาบรwวว่ ชiมo)พgกrธิ ษjดีrhตั ้วsรยvยิ เสt์ -(มนsอcกั wรบw)rแnพorศsยiu์ (vพoอ่ sคs้าa)r.irrontvwsouwrf ) = ะaเว.Iท - ก ำ เ น ิ ด ร = กลุ่มพราหมณ์แข่งกันสร้างศรัทธาโดยคิดค้นพิธีกรรมและบทสวด คัมภีร์พ อ้อนวอนพระเจา้ ท่ีเป็นความลับของตระกลู ตน ตอ่ มากลมุ่ พราหมณ์ผู้ใหญ่ได้รวบรวมบทสวดของตระกูล พราหมณ์เป็น “คัมภีร์พระเวท” โดยเชื่อว่ารับจากพระเจ้าโดยตรง ☐(ศรุติ)*คำสอนออกมาจากลมหายใจ ของพระพรหม จึงถือว่าปราศจากข้อผดิ พลาดท้งั ปวง แรกเร่มิ มี 3 คมั ภรี ์ย่อย เรียกวา่ “①ไตรเพ3 ท” ไดแ้ ก่ (wound glinting ) 1. ฤคเวท คอื บทสวดออ้ นวอนและสรรเสรญิ เทพเจ้า (เก่าแก่ทสี่ ดุ เปน็ พื้นฐานของคมั ภีร)์ 2. ยชรุ เวท คอื บทอธบิ ายวธิ ปี ระกอบพิธีกรรมของพราหมณ์ 3. สามเวท คอื บทขบั กล่อมในพธิ ถี วายน้ำโสมแก่พระอินทร์ และขบั กล่อมเทพเจา้ องคอ์ ื่นๆ 24
hi light = oongovir
irui wort
*
ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ▪ สมัยพราหมณ์ (1,000 – 400 ปีก่อน ค.ศ.) : กลุ่มพราหมณ์ชาวอารยันมีบทบาทสูง ได้กำเนิด ศาสนาพราหมณ์ข้ึนมาอย่างเป็นระบบ โดยพัฒนาจากความเชอื่ เร่อื งธรรมชาตนิ ิยมและวิญญาณนยิ ม - เอกเทวนิยม ชาวอารยันได6้ย6กmยin่อ10งsพinรdะuพsรtrหyม เทพผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง เป็นเทพเจ้าสูงสุด เพยี งองคเ์ ดียว ถอื เปน็ “ประชาบดี” (ผู้เป็นใหญใ่ นหมสู่ รรพสัตว์) ไม่มีตวั ตน - กำเนิดหลกั คำส13อ.น271เชน่ หลักปรมาตมัน (พรหมมนั ) หลักปุรษุ รถะ หลักอาศรม 4 - กำเนิดระบบวรรณะ วรรณะ แoปnsลaวiv่าorสeีioหvมoาooยnถrึงrñสviีผusิวtขoองคนอaินroเดirียñu2roกvลeุ่มiiaรoะiiบoบrrวñรrรoณi ะ ' iWrTrÑo§ojn -071008021 เป็นการกำหนดอาชีพของบุคคลในสังคม พั ฒ น า มา จ า กกา ร แบ ่ ง ช น ช ั ้ น ใน ส ม ั ย พร าYมotเhชu่ือ, ะเวท มาจากคว- inunewou ที่ว่ามนุษย์เกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ระบบวรรณะมีนัยของการเหยียดสีผิวโดยชาวอารยัน ซึ่งต้องการ เหยยี ดชาวดราวเิ ดียนให้อย่ภู ายใตก้ ารปกครอง จงึ ตัง้ กฎเกณฑ์ให้พวกตนเปน็ ใหญ่ วรรณะ ชนชาติ แหล่งกำเนดิ หนา้ ที่ จากพระพรหม พราหมณ์ ปาก นักบวช ผู้ประกอบพิธีกรรม ติดต่อเทพเจ้า ศึกษาและจดจำคัมภีร์ พระเวท (วรรณะสงู สดุ ) Kirin อารยนั มอื ผู้ปกครองและนักรบ ปกปอ้ งบา้ นเมือง ศึกษาการปกครองและยุทธวธิ ี กษัตริย์ แพศย์ ขา คา้ ขายและประกอบอาชพี อน่ื ๆ เปน็ คนส่วนใหญ่ในสงั คม morons จiัณnศฑ;ทู nารล ดราวิเดยี น เทา้ กรรมกร เปน็ แรงงานให้บคุ คลวรรณะอนื่ (วรรณะต่ำสดุ ) เป็นบคุ คล “อวรรณะ” คอื คนท่เี กิดจากบดิ า-มารดาทต่ี ่างวรรณะกัน ไม่มสี ทิ ธิประกอบอาชีพใดๆ - shนirอtsกoจsากsขNอ%ทาGนrเñปÑ็นnบnุคคñลaตnอ้ iงหา้ ม หา้ มคบคา้ สมาคม ห้ามเขา้ ใกลแ้ ม้แตเ่ งากห็ ้ามสมั ผสั เพ่ือทำลาย-สเิ่งพอมิ่ ปั เมตงมิ คคลัม(ภกรี ลพ์ ุ่มรพะรเาวหทมเณลม่์บทางี่ 4กลคุ่มอื ไมคย่ัมอภมรี ร์อ\"ับาrnถว-า่รuรรvวพiมnเวอ-ทvยlูเ่aเปกioน็่ียtคiวoกัมroบัภoไีรส-์พyยรnศะrาnเวสiyทตn)รs์ wคาrnถvาoอiาiคofมnตwา่ .งioๆ ovarian , ▪ สมยั ฮินดู (400 ปีก่อน ค.ศ. ถงึ ค.ศ.200) ศาสนาพราหมณ์ความนยิ มลดลง เน่ืองจากปลายสมยั พราหมณ์พระพุทธศาสนาเจริญขึ้น สมัยนี้ จงึ เกิดการฟน้ื ฟศู าสนาเกิดเป็น “ศาสนาฮนิ ดู”i(icภwาษioาvเปnอiwร์เmซียnทoี่เrพiw้ยี นnuจาwกnคiำ-วoา่ .b“gสินธุ”) Nino Winrow :wruwÑy - พหเุ ทวนิยม เคารพนับถือเทพเจา้ 3 องคโ์ ดยเทา่ เทียมกัน เรียกรวมกนั ว่า “ตรมี รู ติ” ได้แก่ \\ {Ussswisninas - 1. พระพรหม : เทพผู้สรา้ งสรรพสิ่ง มี 4 พักตร์ 4 กร ทรงถือคัมภีร์พระเวท ลูกประคำ คนโท น้ำ และช้อนสำหรบั หยดเนยลงไฟ มีพาหนะเป็นหงส์ ประทับอยู่บนยอดเขาพระสเุ มรุ 2. พระนารายณ์ (วิษณุ) : เทพผู้คุ้มครองรักษา มี 4 กร ทรงถือศาสตราวุธเป็น ตรี คฑา จักร และสังข์ พาหนะเป็นครุฑ มีพญานาคเป็นบัลลังก์ เมื่อโลกเกิดยุคเข็ญ ฝ่ายอธรรมแข็งแกร่งกว่าฝ่าย ธรรมะ พระนารายณ์จะทรงอวตารลงมาปราบยคุ เข็ญ 10 ปาง เช่น รามาวตาร กฤษณาวตาร พทุ ธาวตาร 3. พระศิวะ (อิศวร) : เทพผู้ทำลายและเทพแห่งการฟ้อนรำ มี 3 พักตร์ 4 กร ทรงถือศาสตรา วุธเป็นตรี ธนู และคฑาหัวกะโหลก พระศอดำห้อยด้วยประคำร้อยหัวกะโหลกและมีงูพันรอบเป็น สงั วาลย์ มศี วิ ลงึ คเ์ ป็นเคร่ืองหมายพลงั แห่งการสร้างสรรค์ มพี าหนะเปน็ โคนนที ประทับบนเขาไกรลาส 25
ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวันออก “โอม” หมายถงึ ตรมี รู ติ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู (เกดิ จากการเอย่ พระนามของเทพเจา้ ท้ัง 3 องค์ ไดแ้ ก่ อุ คอื พระนารายณ์ / อะ คอื พระศวิ ะ / มะ คือ พระพรหม) - ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก โลกที่พระพรหมสร้างขึ้นมีอายุขัย ระยะเวลาตั้งแต่สร้างโลกจนถึง ล้างทำลายโลก เรียกว่า “กัลป์” แบ่งเป็น 4 ยุค (มหายุค) ได้แก่ กฤตยุค เตรตายุค ทวาปรยุค และ กลียุค โดยในแต่ละยุคความดีงามในโลกจะลดลง พระนารายณ์จะอวตารลงมาปราบยุคเข็ญ จนกระทั่ง เม่อื โลกขาดความดีในท่ีสดุ พระศวิ ะจะเป็นผ้ทู ำลายโลก - กำเนดิ ปรัชญาทรรศนะ 6 ปรชั ญาชาวฮินดู 6 คน ไดค้ ิดค้นหลกั ศาสนาฮนิ ดูมปี รชั ญาทรรศนะ ทัง้ 6 สำนกั คอื นยายะ ไวเศษิกะ สางขยะ โยคะ มมี างสา และเวทานตะ คมั ภีร์ คัมภรี ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. คัมภีร์ศรุติ คือ สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากพระเจ้าโดยตรง ไม่มีผู้แต่ง พบโดยกลุ่มพราหมณาจารย์ คือ คมั ภีร์พระเวท มที ้ังหมด 4 เล่ม แตล่ ะเลม่ มี 4 หมวด ได้แก่ - มนตระหรือสัมหิตา ใช้ขบั กล่อมสรรเสรญิ ออ้ นวอนพระเจา้ (สมั หติ า) - พรามหณะ ใช้อธิบายประกอบพิธีกรรม - อารัณยกะ ใชเ้ ป็นคู่มอื ปฏบิ ตั ิตนของพราหมณ์ - อปุ นิษทั เป็นปรชั ญาว่าดว้ ยจดุ มุ่งหมายสงู สุดของชีวิต (โมกษะ) 2. คมั ภีร์สมฤติ คือ สิ่งที่มนุษย์สรา้ งขึน้ ภายหลงั เช่น - คัมภีร์อปุ นษิ ทั เปน็ บทสรุปของคัมภรี พ์ ระเวทที่ถือเปน็ การคน้ พบทางปรัชญาอันลึกซึ้งของ ฮินดู ซ่ึงวา่ ด้วยเร่อื งพรหมมัน อาตมนั โมกษะ สังสารวัฏ พระเจา้ โลก และมนุษย์ - คัมภีร์อิตสิ าหะ เป็นมหากาพย์ประวตั ศิ าสตร์วา่ ดว้ ยวรี กรรมของวีรบรุ ุษที่เลา่ สืบตอ่ กันมา 1. รามายณะ เพ่อื สอนคณุ ธรรม (ธรรมะชนะอธรรม) 2. มหาภารตะ มีบทร้อยกรองสำคัญบทหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นคัมภีร์หัวใจของศาสนาฮินดู คือ คมั ภีร์ภควัทคตี า เป็นหลกั ปรชั ญาวา่ ด้วยเรอื่ งการทำหน้าทข่ี องตนเองอย่างสมบูรณแ์ ละการหลดุ พน้ - คมั ภรี ์พระธรรมศาสตร์ เป็นหลักกฎหมาย จารีตประเพณี วางระเบียบความประพฤติ - คมั ภีร์ปรุ าณะ กล่าวถงึ การกำเนิดเทพเจ้าตรีมรู ติ และการสรา้ งโลก และการทำลายโลก - คมั ภรี ต์ นั ตระ เปน็ บทสนทนาของพระศวิ ะและพระอุมาเรอื่ งการสรา้ งและความพนิ าศ 26
Search
