แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน 100% HOMEWORK นายธนกร บุญรอด https://sites.google.com/bsru.ac.th/thanakornbunrod
บทที่ 1
ชอ่ื นายธนกร นามสกุล บุญรอด ช้นั ปี 2 หมเู่ รียน D8 เลขท่ี 12 กจิ กรรมทา้ ยบท จงทำแบบฝกึ หัดต่อไปน้ี แบบฝึกหัดท่ี 1 คำช้ีแจง จงพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปนี้ ว่าเป็นการวดั ผลหรอื การประเมินผล 1. วิจารณ์ ชกมวยเก่ง การประเมินผล 2. รัตนาสอบวัดจุดประสงคท์ ี่ 1 ผา่ น การประเมนิ ผล 3. อารยามีเพชรหนกั 10 กะรตั การวดั ผล 4. สนุ สิ าไดเ้ กรด A วชิ าภาษาไทย การประเมนิ ผล 5. สมคั รได้คะแนนเสียงเก้าแสนคะแนน การวัดผล 6. อรวีร้องเพลงไพเราะ การประเมนิ ผล 7. วชั ราทำแบบทดสอบได้ 80 คะแนน การวดั ผล 8. สทุ ินขบั รถด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. การวดั ผล 9. บา้ นของบุษบาอยหู่ า่ งจากบ้านของยุรนนั ท์ 3 กโิ ลเมตร การวดั ผล 10. นางสาวไทยปีน้ีสวยมาก การประเมินผล ******************* แบบฝกึ หดั ท่ี 2 คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปน้ี ถ้าต้องการทราบข้อมูลต่อไปน้ี ครูต้องทำการวัดผลเพื่อ จดุ มุง่ หมายใด : เพื่อจดั ตำแหน่ง เพ่อื เปรียบเทยี บ เพื่อวินจิ ฉยั เพอ่ื พยากรณ์ หรือ เพ่ือประเมินผล 1. นกั เรยี นคนใดเก่งเปน็ ท่ี 1 ของห้อง เพอ่ื จัดตำแหนง่ 2. ผ้เู ขา้ รบั การอบรมไดร้ ับความรู้เพมิ่ ขนึ้ ไหม เพื่อเปรียบเทียบ 3. พัชรจี บ ม.6 แลว้ ควรเรยี นต่อสาขาใด เพอ่ื พยากรณ์ 4. วิธกี ารสอนแบบใหม่ของครทู ิพย์ดหี รือไม่ เพือ่ เปรียบเทียบ 5. เหตใุ ด ด.ญ.น้อยจึงอ่านหนงั สือไม่ออก เพอื่ วนิ จิ ฉัย 6. โสรยาสอบว่ายน้ำผา่ นหรอื ไม่ เพอ่ื ประเมนิ ผล 7. อนุชาได้ระดับผลการเรียนเท่าใด เม่ือสนิ้ สุดภาคเรยี น เพอ่ื วินจิ ฉยั
2 การวดั 8แล. ะปอรนะาเมคนิ ตผลเพกาชรเรรสียนุดราู้ จะเป็นครไู ดห้ รือไม่ เพื่อพยากรณ์ 9. ววิ ัฒน์ควรเข้าเรียนในห้องเก่งหรือออ่ นดี เพ่ือจัดตำแหนง่ เพ่อื เปรียบเทยี บ 10. ผลการเรยี นของจนิ ตนาพฒั นาขึน้ หรือไม่ ******************* แบบฝึกหดั ที่ 3 คำช้ีแจง จงพิจารณาข้อความต่อไปน้ีว่า ต้องทำการประเมินผลในระยะใด ; ก่อนสอน ผลย่อย หรือผลรวม 1. นกั เรยี นควรไดผ้ ลการเรยี นระดบั ใด ผลรวม 2. ครูควรปรับปรงุ การสอนหรอื ไม่ ผลรวม 3. นกั เรยี นมคี วามรเู้ ดิมอยูเ่ พียงใด ก่อนสอน 4. นักเรยี นเข้าใจแตล่ ะบทเรยี นหรือไม่ ผลย่อย 5. ครคู วรปรับกิจกรรมอย่างไรจึงจะเหมาะกับนักเรยี น ก่อนสอน 6. นักเรยี นสัมฤทธผ์ิ ลในเน้ือหาทงั้ หมดหรอื ไม่ ผลรวม 7. นักเรยี นบกพรอ่ งในเนื้อเร่ืองใด ผลยอ่ ย 8. นักเรยี นควรซำ้ ชนั้ หรือควรเล่ือนชัน้ ผลรวม ******************* แบบฝึกหดั ที่ 4 คำชี้แจง จงพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี้วา่ เปน็ การรายงานผลแบบองิ กลุ่ม หรอื องิ เกณฑ์ 1. รตั นาวดี สอบไดล้ ำดับที่ 1 อิงกลุ่ม 2. พินทพิ ยส์ อบบทที่ 1 ไมผ่ ่าน อิงเกณฑ์ 3. รังษเี ก่งกวา่ เพ่ือนๆ อยรู่ ้อยละ 70 องิ กลุม่ 4. มคี นไดค้ ะแนนสงู กว่าอาทรรอ้ ยละ 60 องิ กลมุ่ 5. มนตรา ได้ E เพราะทำคะแนนไม่ถงึ ร้อยละ 50 องิ เกณฑ์ 6. ทพิ ย์ลดาทำข้อสอบวัดจุดประสงค์ที่ 1 ผ่านร้อยละ 80 องิ เกณฑ์ 7. เปียทิพยไ์ ดค้ ะแนนสงู กวา่ คะแนนเฉลี่ยของห้องเลก็ นอ้ ย องิ เกณฑ์
บทที่ 2
ช่ือ นายธนกร นามสกลุ บุญรอด ชัน้ ปี 2 หมเู่ รียน D8 เลขที่ 12 กิจกรรมทา้ ยบท จงทำแบบฝกึ หดั ตอ่ ไปน้ี แบบฝกึ หดั ที่ 1 คำช้ีแจง จงขีด ✓ หน้าข้อท่ีเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม และขีด หน้าข้อท่ีไม่เป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม และในกรณีที่เป็น จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม จงระบุองค์ประกอบโดย ขีดเส้นใต้หนง่ึ เสน้ ในสว่ นท่ีเป็นสถานการณ์/เงอ่ื นไข ขีดเสน้ ใต้สองเส้น ในสว่ นทเ่ี ป็นพฤตกิ รรมท่คี าดหวัง ขดี เสน้ ปะ ในส่วนทเ่ี ปน็ มาตรฐาน/เกณฑ์ ✓ 1. เมื่อเรยี นเรื่องการวดั แล้ว นักเรียนเขา้ ใจวธิ กี ารเลือกใช้เคร่ืองมือวัดอย่างถกู ตอ้ ง ✓ 2. หลังจากเรียนเรือ่ งเวลาแลว้ นักเรียนสามารถ อ่านเวลาจากนาฬกิ าจรงิ ได้ 3. นกั เรียนสามารถนำคำทีก่ ำหนดใหม้ าแตง่ เป็นประโยคส้ันๆ ได้ อยา่ งนอ้ ย 5 ประโยค ✓ 4. เม่อื เรียนเร่อื งการหาพนื้ ท่ีจบแลว้ นักเรยี นสามารถจำสูตรการหาพน้ื ท่สี ่เี หลีย่ มจัตรุ ัสได้ 5. นกั เรยี นสามารถร้อยมาลัยดอกไม้สดได้ 6. ครสู ามารถอธิบายให้ นกั เรียนเขา้ ใจเรือ่ งคุณค่าของสารอาหารประเภทตา่ งๆ ได้ ✓ 7. เมื่อกำหนดช่ือสารเสพติดให้ นักเรยี นสามารถร้ถู งึ โทษจากการใช้สารเสพตดิ ชนดิ นั้นอย่างถกู ต้อง 8. นักเรียนสามารถจำแนกประเภทสตั ว์บก สัตวน์ ำ้ ได้ แบบฝึกหัดท่ี 2 คำชีแ้ จง จงวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคต์ อ่ ไปน้ี วา่ เป็นพฤติกรรมด้านพทุ ธพิ ิสยั ขัน้ ใด : ความรู้ความจำ/ความเข้าใจ/การนำไปใช/้ การวเิ คราะห์/ การสังเคราะห/์ การประเมนิ คา่ 1. เพือ่ ให้นักเรียนบรรยายเรื่องราวจากภาพได้ ความเข้าใจ 2. เพื่อให้นักเรียนระบุใจความสำคัญของเรอื่ งท่ีอ่านได้ การสงั เคราะห์ 3. เพื่อใหน้ กั เรยี นแต่งโคลงสีส่ ภุ าพได้ การนำไปใช้ 4. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นบรรยายเหตุการณส์ ำคญั ในวนั วิสาขบชู าได้ ความรคู้ วามจำ 5. เพอ่ื ให้นกั เรยี นบอกวิธกี ารหาพน้ื ที่สี่เหล่ียมผืนผา้ ได้ การนำไปใช้ 6. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นเขยี นประโยคสัญลักษณจ์ ากโจทยป์ ญั หาทก่ี ำหนดใหไ้ ด้ ความเขา้ ใจ 7. เพื่อใหน้ ักเรียนยกตวั อย่างอาหาร 1 ม้ือทเ่ี หมาะกับคนเปน็ โรคคอหอยพอกได้ การนำไปใช้ 8. เพื่อใหน้ ักเรียนวจิ ารณ์ข่าวและเหตุการณไ์ ด้ การประเมินคา่ 9. เพื่อใหน้ ักเรียนเขียนคำขวัญต่อต้านการสูบบหุ ร่ีได้ ความร้คู วามจำ 10. เพอ่ื ให้นกั เรยี นแยกแยะคำโฆษณาท่กี ำหนดใหไ้ ด้ วา่ เช่ือถอื ได้หรือไม่ การวิเคราะห์ แบบฝึกหดั ท่ี 3 คำชี้แจง จงพจิ ารณาจุดประสงค์ต่อไปน้ีว่าเป็นพฤตกิ รรมทางการศึกษาดา้ นใด : พุทธพิ สิ ัย /จิตพสิ ัย /ทักษะพสิ ยั 1. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นบอกขน้ั ตอนการกรองนำ้ ได้ พทุ ธพิ ิสัย 2. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสามารถวาดภาพระบายสีได้ ทกั ษะพสิ ยั 3. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนนำศัพทท์ ก่ี ำหนดใหม้ าแต่งประโยคได้ ทกั ษะพสิ ยั 4. เพื่อใหน้ กั เรยี นมีเจตคติทีด่ ตี ่อวิชาคณิตศาสตร์ จิตพิสัย 5. เพื่อให้นักเรยี นวางแผนการจดั แสดงละครได้ พทุ ธิพิสยั
14 76..กเเาพพร่อืื่อวใใัดหหแนน้้ ลัักกะเเปรรรียียะนนเจทมบัำนิ ขใผจนลคมกวไาาทรมยเรสโียำดนคยญัรกู้ าขรอตง้มเรไอ่ืดง้ ได้ ทักษะพิสยั 8. เพ่ือให้นักเรยี นมีความรบั ผิดชอบในการทำงาน พุทธิพิสยั 9. เพ่อื ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสียงได้ จติ พสิ ยั 10. เพ่ือใหน้ กั เรียนอา่ นแผนภมู ิแทง่ ได้ ทกั ษะพสิ ัย พทุ ธิพิสัย
ชื่อ นายธนกร นามสกลุ บุญรอด ชั้นปี 2 หมูเ่ รียน D8 เลขที่ 12 แบบสำรวจพฤตกิ รรมใฝ่ เรียนรู้ทำงภำษำองั กฤษ คำชีแ้ จง ครูสงั เกตวา่ นกั เรียนมีพฤติกรรมตามรายการต่อไปน้ีหรือไม่ ถา้ มีให้ 1 คะแนน ถา้ ไมม่ ีให้ 0 คะแนน ชื่อ.......................................................นามสกุล.....................................................................เลขที่......................... รำยกำรพฤตกิ รรม มี ไม่มี 1.ขวนขวายหาความรู้ภาษาองั กฤษจากส่ือออนไลน์ คะแนน 2.สนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมค่ายภาษาองั กฤษ 3.นาแบบฝึกหดั ภาษาองั กฤษใหม่ๆมาฝึกฝน 4.ฝึกออกเสียงคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษใหมๆ่ 5.แลกเปล่ียนพดู คยุ เน้ือหาภาษาองั กฤษท่ีเรียนกบั ครู และเพ่ือน 6.จดบนั ทึกความรู้วิชาภาษาองั กฤษเพม่ิ เติม 7.สรุปเน้ือหาภาษาองั กฤษที่เรียนได้ รวม
มำตรประมำณค่ำใช้สังเกตพฤติกรรมควำมมวี นิ ัย คำชีแ้ จง ครูสังเกตวา่ นกั เรียนมีพฤติกรรมความมีวินยั ในระดบั ใด โดยมีเกณฑใ์ ห้คะแนนดงั น้ี ทุกคร้ัง ให้ 4 คะแนน บ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน บางคร้ัง ให้ 2 คะแนน นานๆคร้ัง ให้ 1 คะแนน ไมเ่ คย ให้ 0 คะแนน ชื่อ.......................................................นามสกลุ .....................................................................เลขที่......................... รำยกำรพฤตกิ รรม ทุกคร้ัง บ่อยคร้ัง บำงคร้ัง นำนๆ ไม่เคย คร้ัง 1.เขา้ เรียนตรงต่อเวลา 2.แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ได้คะแนนรวม...................................คะแนน 3.พูดคยุ กบั เพือ่ นในระหวา่ งที่ครูสอน 4.นาอาหารเขา้ มารับประทานในช้นั เรียน 5.ไม่เล่นโทรศพั ทม์ ือถือในระหวา่ งท่ีครูสอน 6.หลบั ในระหวา่ งเรียน 7.โดดเรียน / ไม่เขา้ เรียน รวม
มำตรำประมำณค่ำของLikert แบบสอบถำมควำมคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ควำมคิดเห็นของนกั เรียนต่อกำรสอนของครูในรำยวิชำ คำชีแ้ จง นกั เรียนมีความคิดเห็นเก่ียวกบั การสอนของครูวา่ เห็นดว้ ยตอ่ ประเดน็ พฤติกรรมท้งั ดา้ นการสอน บคุ ลิกภาพ และ การวดั ผล ประเมินผลการเรียนรู้มากนอ้ ยเพียงใด โปรดเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องใหต้ รง กบั ความคดิ เห็นของนกั เรียนตามความเป็นจริง เกณฑ์กำรให้คะแนน 5 หมายถึง มีความเห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ 4 หมายถึง มีความเห็นดว้ ย 3 หมายถึง เฉยๆ 2 หมายถึง ไมเ่ ห็นดว้ ย 1 หมายถึง ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ ข้อ พฤตกิ รรมกำรสอนของครู ระดบั ควำมคิดเห็น 54321 ด้ำนกำรสอน 1 ครูสอนไดเ้ ขา้ ใจงา่ ย 2 ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดซ้ กั ถาม 3 ครูใหน้ กั เรียนไดร้ ่วมการทางานเป็นกลุ่ม ด้ำนบคุ ลกิ ภำพ 4 ครูพดู จาสุภาพไพเราะอ่อนโยน 5 ครูมีน้าใจช่วยเหลือนกั เรียน 6 ครูแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสม 7 ครูมีความเป็นกนั เองกบั นกั เรียน ด้ำนกำรวดั ผล ประเมินผลกำรเรียน 8 ครูประเมินผลการเรียนอยา่ งยตุ ิธรรม 9 ครูบอกจุดประสงคข์ องการเรียนรู้อยา่ งละเอียดถี่ถว้ น 10 ครูบอกถึงเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนอยา่ งชดั เจน
มำตประมำณค่ำของ Osgood แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ เกย่ี วกบั ควำมคิดเหน็ ของนกั เรียนต่อกำรสอนของครูในรำยวิชำ คำชี้แจง นกั เรียนมีความคิดเห็นเก่ียวกบั การสอนของครูวา่ เห็นดว้ ยตอ่ ประเด็นพฤติกรรมท้งั ดา้ นการสอน บคุ ลิกภาพ และ การวดั ผล ประเมินผลการเรียนรู้มากนอ้ ยเพยี งใด โปรดเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องใหต้ รง กบั ความคิดเห็นของนกั เรียนตามความเป็นจริง เกณฑ์กำรให้คะแนน 3 หมายถึง มีความเห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ 2 หมายถึง มีความเห็นดว้ ยปานกลาง 1 หมายถึง มีความเห็นดว้ ยนอ้ ย 0 หมายถึง เฉยๆ -1 หมายถึง ไมเ่ ห็นดว้ ยนอ้ ย -2 หมายถึง ไมเ่ ห็นดว้ ยปานกลาง -3 หมายถึง ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ ด้ำนกำรสอน เขา้ ใจ 3 2 1 0 -1 -2 -3 ไมเ่ ขา้ ใจ เปิ ดโอกาสซกั ถาม 3 2 1 0 -1 -2 -3 ปล่อยผา่ น ทางานเป็ นกลมุ่ 3 2 1 0 -1 -2 -3 ทางานเดี่ยว ด้ำนบุคลกิ ภำพ พูดจาหยาบคาย -3 -2 -1 0 1 2 3 พดู จาสุภาพ มีน้าใจ ไมม่ ีน้าใจ -3 -2 -1 0 1 2 3 เรียบร้อย เป็นกนั เอง ไมเ่ รียบร้อย -3 -2 -1 0 1 2 3 ถือตวั -3 -2 -1 0 1 2 3 ด้ำนกำรวัดผล ประเมินผลกำรเรียน ยตุ ิธรรม 3 2 1 0 -1 -2 -3 ไม่ยตุ ิธรรม ละเอียดถี่ถว้ น 3 2 1 0 -1 -2 -3 ไมล่ ะเอียดถี่ถว้ น 3 2 1 0 -1 -2 -3 ชดั เจน ไม่ชดั เจน
บทที่ 3
นาย ธนกร บญุ รอด เลขท่ี 12 D8 เรื่องท่ี 1 กะปิ กบั ซีซาร์ เลขท่ี 12 D8 ในช่วงเชา้ ของฤดูหนาว กะปิ ต่ืนนอนและอาบน้าแต่งตวั สวมเส้ือผา้ สีครามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวและสวม หมวกสาน หลงั จากแตง่ ตวั เสร็จเขาก็นาขา้ วปลาไปกินดว้ ย เม่ือเดินออกจากบา้ นกะปิ ไดไ้ ปพบซีซาร์นอนตวั แขง็ ใกลต้ ายเพราะความหนาว กะปิ เกิดความสงสารและมีจิตใจที่เมตตา ถึงแมจ้ ะรู้วา่ ตอ้ งเส่ียงอตั รายขนาดไหน กะปิ กไ็ ม่ลงั เลและกม้ ลงประคองมนั ข้ึนมาแลว้ อมุ้ มนั ไวใ้ นออ้ มแขนของเขาเพ่ือใหม้ นั หายหนาวและไดม้ ีชีวิตอยู่ ตอ่ ไป เม่ือซีซาร์ไดร้ ับความอบอุ่น มนั ก็เร่ิมมีอาการท่ีดีข้ึนและมีกาลงั มากข้นึ มนั จึงกดั กะปิ ท่ีไดช้ ่วยเหลือมนั ก่อนท่ีจะหนีไป กะปิ ทกุ ขท์ รมานจากพิษบาดแผลจนทนไมไ่ หวกส็ ิ้นใจตายในเวลาต่อมา จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะการแตง่ ตวั ของตวั ละครได้ 1.ขอ้ ใดคือลกั ษณะการแต่งตวั ของกะปิ (รู้จา) ก.สวมเส้ือผา้ สีฟ้าผกู ผา้ ขนหนูคาดเอวและสวมหมวกสาน ข.สวมเส้ือผา้ สีครามผกู ผา้ ขนหนูคาดเอวและสวมหมวกสาน ค.สวมเส้ือผา้ สีครามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน ง.สวมเส้ือผา้ สีมว่ งผกู ผา้ ขา้ วมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์จากเรื่องท่ีอา่ นได้ 2.ลาดบั ของเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในขอ้ ใดถูกตอ้ ง (รู้จา) 1)กะปิ ต่ืนนอนและอาบน้าแตง่ ตวั 2)กะปิ เกิดความสงสารและมีจิตใจท่ีเมตตา 3)กะปิ ทุกขท์ รมานจนทนไมไ่ หวก็สิ้นใจตาย 4)กะปิ กไ็ มล่ งั เลและกม้ ลงประคองมนั ข้ึนมาแลว้ อมุ้ มนั ไวใ้ นออ้ มแขน 5)กะปิ ไดไ้ ปพบซีซาร์ ก. 1) 2) 5) 4) 3) ข. 5) 1) 4) 2) 3) ค. 1) 5) 4) 2) 3) ง. 1) 5) 2) 4) 3)
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถแปลความจากเรื่องท่ีอา่ นได้ 3.“ เส้ือผา้ สีครามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน ” เปรียบเหมือนอะไร (แปลความ) ก.ชุดของขา้ ราชกาล ข.ชุดปกติที่ใส่อยบู่ า้ น ค.ชุดออกกาลงั กาย ง.ชุดทาการเกษตร จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกใจความสาคญั ของเรื่องได้ 4.ใจความสาคญั ของเร่ืองคอื อะไร (ตีความ) ก.กะปิ เจอซีซาร์และเกิดความสงสารเมตตาเลยเอาซีซาร์มาอยดู่ ว้ ย ข.กะปิ ไปทางานและพบเจอซีซาร์จึงทาการช่วยเหลือดูแลอยา่ งดี ค.กะปิ พบซีซาร์จึงช่วยเหลือแต่พอซีซาร์อาการดีข้ึนจึงกดั กะปิ จนทนพิษไมไ่ หวตาย ง.กะปิ พบซีซาร์จึงช่วยเหลือดูและเป็นอยา่ งดีแต่สุดทา้ ยกโ้ ดนซีซาร์ที่อาการดีข้ึนกดั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนใหม่ได้ 5.จากในเน้ือเรื่อง ถา้ กะปิ ไมอ่ อกจากบา้ นจะเป็นอยา่ งไร (ขยายความ) ก.กะปิ ก็จะไมโ่ ดนซีซาร์กดั จนทนพิษไม่ไหวตาย ข.ซีซาร์จะไดพ้ บเจอกบั กะปิ ท่ีบา้ น ค.กะปิ จะออกไปทางานอยา่ งปลอดภยั ง.ซีซาร์จะนอนตวั แขง็ จนตาย จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถนาบทความที่อา่ นไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 6.หากนกั เรียนเป็นกะปิ นกั เรียนจะทาอยา่ งไรกบั ซีซาร์ (นาไปใช)้ ก.เขา้ ไปช่วยเหลือดว้ ยตวั เองและเอามาเล้ียงดู ข.หลีกเล่ียงและพยายามไมเ่ ขา้ ไปใกล้
ค.ติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เขา้ มาช่วยเหลือ ง.ไมส่ นใจและเดินผา่ นไปเฉยๆ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ความสาคญั ของเน้ือเรื่องได้ 7.ขอ้ ใดคอื ส่ิงท่ีสาคญั ที่สุดในการช่วยเหลือผทู้ ี่เดือดร้อน(วิเคราะห์ ความสาคญั ) ก.เบียร์ช่วยพูดโนม้ นา้ วใจสิงห์ที่กาลงั อกหกั ข.ลีโอมีจิตใจท่ีเมตตาอยากช่วยเหลือไอซท์ ่ีกาลงั กงั วลเร่ืองเรียน ค.บอลอาสาช่วยครูยกสมดุ ไปไวท้ ี่หอ้ งเรียน ง.มีมี่ใหบ้ ุญเรืองลอกการบา้ นเพราะกลวั วา่ บุญเรืองจะทางานส่งไมท่ นั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธจ์ ากเรื่องท่ีอ่านได้ 8.จากในเน้ือเรื่องนกั เรียนคิดวา่ “กะปิ ” และ “ซีซาร์” เก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากท่ีสุด(วิเคราะห์ ความสัมพนั ธ)์ ก.ชาวนากบั นกกระสา ข.ชาวนากบั งูเห่า ค.ราชสีห์กบั คนตดั ไม้ ง.ชาวนากบั ก่ิงไม้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะห์หลกั การและเหตุผลจากเน้ือเรื่องได้ 9.เพราะเหตใุ ด “ซีซาร์” ตอ้ งกดั “กะปิ ” (วิเคราะห์หลกั การและเหตุผล) ก. “ซีซาร์” มีสญั ชาตญาณของงูพษิ ข. “ซีซาร์” โกรธแคน้ กะปิ ค. “ซีซาร์” ขาดความอบอ่นุ ง. “ซีซาร์” ป้องกนั ตวั เร่ืองที่ 2 จุกเลยี้ งนุ่มฟู จุกมีนิสยั ชอบโกหก ในวนั ท่ีวา่ งวนั หน่ึงจุกเกิดความเหงาเลยคดิ อะไรที่จะทาใหเ้ กิดความสนุกสนาน จุก เลยเร่ิมแผนการโดยเดินไปท่ีหม่บู า้ นแลว้ ตะโกนวา่ \"ช่วยดว้ ย! ช่วยดว้ ย! เข้ยี วกดุ กาลงั เขมือบนุ่มฟขู องเขา เมื่อ ผใู้ หญบ่ า้ นไดย้ นิ จึงรีบเรียกชาวบา้ นมาช่วยจุก แต่เมื่อมาถึงกลบั ไม่เจอเข้ยี วกดุ เลยสักตวั เห็นเพียงจุกที่นง่ั
หวั เราะชอบใจที่หลอกคนอ่ืนได้ หลายวนั เขา้ จุกกท็ าแผนการน้ีซ้าแลว้ ซ้าเล่าเพ่ือแกค้ วามเหงาของจุก ชาวบา้ นก็ ต่างออกมาเพ่อื จะมาช่วยเหลือจุก อยมู่ าวนั หน่ึง เข้ียวกุดก็กาลงั มาเขมือบนุ่มฟูจริงๆ จุกจึงรีบตะโกนขอความ ช่วยเหลือ แตไ่ มม่ ีใครมาช่วยเขาเลยเพราะคดิ วา่ เขาโกหกเหมือนอยา่ งเช่นเคย ท่ีสุดนุ่มฟูทุกตวั ของเขาจึงถกู เข้ียว กดุ เขมือบจนหมด จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกนิสยั ของตวั ละครได้ 10.ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะนิสยั ของจุก (รู้จา) ก.ชอบช่วยเหลือคนอื่น ข.ชอบโกหก ค.ชอบความสนุกสนาน ง.ข้ีเหงา จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกจานวนของตวั ละครได้ 11.จากในเรื่องมีตวั ละครท้งั หมดก่ีตวั ละคร (รู้จา) ก. 3 ตวั ข. 4 ตวั ค. 5 ตวั ง. 6 ตวั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถแปลความจากเรื่องท่ีอ่านได้ 12.ในเน้ือเรื่อง “นุ่มฟู” หมายถึงอะไร (แปลความ) ก.ววั ข.กวาง ค.แกะ ง.งู จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกชื่อเรื่องที่เหมาะสมท่ีสุดได้ 13.ชื่อเรื่องใดเหมาะสมที่สุด (ตีความ) ก.เข้ยี วกดุ กบั นุ่มฟู ข.จุกเล้ียงนุ่มฟู ค.นุ่มฟกู บั เข้ียวกุด ง.จุกเดก็ ข้เี หงา จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดข้นึ ใหม่ได้
14.จากในบทความ ถา้ จุกไมท่ าเหตกุ ารณ์แบบเดิมซ้าๆจะเป็นอยา่ งไร (ขยายความ) ก.นุ่มฟูจะถูกเข้ียวกดุ เขมือบ ข.ทกุ คนในหมบู่ า้ นจะไม่ออกไปช่วยเหลือจุกอีก ค.ผใู้ หญ่บา้ นจะไมอ่ อกไปเรียกใหช้ าวบา้ นออกมาช่วยเหลือจุก ง.จุกจะไมม่ าเสียใจภายหลงั เพราะการการทาของตวั เอง จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถนาบทความท่ีอ่านไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 15.หากนกั เรียนเป็นจุกจะทาอยา่ งไรใหช้ าวบา้ นเขา้ มาช่วยเหลือ (นาไปใช)้ ก.สร้างความเชื่อใจโดยการพูดความจริง ข.ตะโกนใหด้ งั กวา่ ทกุ คร้ัง ค.กล้นั แกลง้ ชาวบา้ นดว้ ยความสนุกสนาน ง.สร้างความเป็นมิตรที่ดีดว้ ยการโกหก จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ความสาคญั ของเร่ืองที่อา่ นได้ 16.ตวั ละครใดสาคญั ท่ีสุดในการช่วยเหลือผคู้ น(วิเคราะห์ ความสาคญั ) ก.จุก ข.เข้ยี วกดุ ค.ผใู้ หญบ่ า้ น ง.ชาวบา้ น จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์จากเรื่องท่ีอ่านได้ 17. “จุก” : ชอบโกหก ชาวบา้ น : ช่วยเหลือ “เข้ยี วกดุ ” : …………… (วเิ คราะห์ ความสมั พนั ธ)์ ก.หิวกระหาย ข.ดุร้าย ค.สันโดษ ง.วอ่ งไว จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะหห์ ลกั การและเหตผุ ลจากเน้ือเรื่องได้
18.เหตใุ ดทุกคนในหม่บู า้ นจึงไมอ่ อกไปช่วยจุกอีกในคร้ังต่อไป (วิเคราะห์หลกั การและเหตผุ ล) ก.เพราะจุกเป็ นคนชอบโหกจึงไม่มีใครเช่ืออีก ข.เพราะทุกคนในหมู่บา้ นรู้ว่าจุกตอ้ งโกหกอีกตามเคย ค.เพราะการกระทาซ้าๆเดิมๆของจุก ง.ถูกทกุ ขอ้ เร่ืองที่ 3 หนง่ึ ต่ืนตูม หน่ึงกาลงั หลบั อยตู่ รงแถวระเบียงท่ีมีหนา้ ต่าง ขณะที่นอนหลบั อยนู่ ้นั มีลมพดั แรงทาให้หนา้ ต่าง กระแทกชนกบั ท่ีกรงกนั หนา้ ต่างตรงที่หน่ึงนอนอยู่ หน่ึงเกิดความตกใจเลยตื่นข้ึน คิดวา่ ลูกปื นใหญ่ระเบิดลง เพดาน หน่ึงไมท่ นั ไดค้ ดิ ใหด้ ีๆจึงลุกข้นึ แลว้ ว่งิ ไปอยา่ งสุดกาลงั เพราะกลวั ความตาย คนอ่ืนๆในโรงเรียนตา่ ง ตกใจเมื่อเห็นหน่ึงวิง่ มาจนเต็มกาลงั เมื่อสองเห็นจึงถามหน่ึงวา่ รีบว่ิงไปไหนเพื่อน หน่ึงว่งิ มาพร้อมบอกวา่ ระเบิดลงหนีเร็ว สองจึงรีบวง่ิ ตามหน่ึงไป วงิ่ ไปเร่ือยๆจนไปพบกบั สาม สามที่มีสติจึงหยดุ หน่ึงที่กาลงั วิง่ และให้ หน่ึงเลา่ ถึงเหตกุ ารณ์ท้งั หมด สามจึงใหห้ น่ึงพาที่เกิดเหตกุ ารณ์เมื่อถึงที่เกิดเหตกุ ลบั พบวา่ ไมม่ ีรอยระเบิดอะไร แตเ่ ห็นวา่ หนา้ ตา่ งมนั ปิ ด สามจึงวเิ คราะหส์ ถานการณ์ท้งั หมดแลว้ บอกกบั หน่ึงวา่ แคห่ นา้ ต่างมนั กระแทกชนกบั ที่กรงกนั หนา้ ตา่ งเองจะตกใจไปทาไม เมื่อรู้สาเหตแุ ลว้ จึงไปบอกคนอ่ืนในโรงเรียนแลว้ ก็นาความเงียบสงบ กลบั มาอีกคร้ัง จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกเหตกุ ารณ์ที่ไม่เกิดข้ึนจากเร่ืองท่ีอ่านได้ 19.จากเน้ือเรื่องเหตุการณ์ใดไม่เกิดข้ึน (รู้จา) ก.สองถามหน่ึงวา่ รีบวง่ิ ไปไหน ข.หน่ึงวง่ิ ไปชนสอง ค.หน่ึงนอนหลบั ง.สามใหห้ น่ึงพาไปดูท่ีเกิดเหตกุ ารณ์ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกคาศพั ทท์ ่ีมีความหมายเหมือนกนั ได้ 20.คาวา่ “ลม” มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด (รู้จา)
ก.พสุธา ข.อคั นี ค.สาคร ง.วาโย จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถแปลความจากเรื่องที่อา่ นได้ 21.จากเร่ือง “ลกู ปื นใหญ่ระเบิดลงเพดาน” หมายถึงอะไร (แปลความ) ก.อาวธุ สงคราม ข.เสียงพดู คุย ค.หนา้ ตา่ งท่ีกระแทกเขา้ กบั กรง ง.เสียงที่ดงั สนน่ั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถบอกใจความสาคญั ของเร่ืองที่อา่ นได้ 22.ในเน้ืองเรื่อง “หน่ึงเกิดความตกใจเลยต่ืนข้ึน คิดวา่ ลกู ปื นใหญ่ระเบิดลงเพดาน หน่ึงไม่ทนั ไดค้ ดิ ใหด้ ีๆจึงลุก ข้ึนแลว้ วิง่ ไปอยา่ งสุดกาลงั ” ตรงกบั สานวนใด (ตีความ) ก.ชา้ ๆไดพ้ ร้าเล่มงาม ข.กระต่ายตื่นตูม ค.ลูกไมห้ ล่นไม่ไกลตน้ ง.หนีเสือปะจระเข้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดข้นึ ใหม่ได้ 23.นกั เรียนคิดวา่ ถา้ หน่ึงไม่พบเจอสามจะเป็นอยา่ งไร (ขยายความ) ก.หน่ึงจะว่ิงไปเร่ือยๆจนชนเขา้ กบั สาม ข.สองจะหยดุ หน่ึงที่กาลงั ว่งิ ค.อาจจะมีใครสกั คนหยดุ หน่ึงที่ว่ิงและใหห้ น่ึงลองเล่าสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนท้งั หมด ง.หน่ีงจะชวนสองและสามวง่ิ ไปที่เกิดเหตุการณ์ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถนาบทความที่อา่ นไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 24.ถา้ นกั เรียนตกอยใู่ นสถานการณ์แบบหน่ึงนกั เรียนควรทาอยา่ งไร (นาไปใช)้ ก.คดิ ไตร่ตรองใหถ้ ี่ถว้ นวา่ เกิดอะไรข้ึน ข.หาท่ีหลบภยั
ค.รีบลุกและตะโกนออกไปดงั ๆดว้ ยความตกใจ ง.ตกใจและวง่ิ ออกไปอยา่ งไมส่ นโลก จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั :นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ความสาคญั ของเร่ืองที่อา่ นได้ 25.ถา้ พิจารณาเก่ียวกบั การวิเคราะห์เหตุการณ์ตวั ละครใดมีความสาคญั ที่สุด(วเิ คราะห์ ความสาคญั ) ก.หน่ีง ข.สอง ค.สาม ง.คนในโรงเรียน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์จากเรื่องท่ีอ่านได้ 26.ขอ้ ใดมีความสัมพนั ธ์ท่ีสอดคลอ้ งกนั (วิเคราะห์ ความสมั พนั ธ์) ก. หน่ึง : ตื่นตระหนก ข. สอง : คลอ้ ยตามเพ่อื น ค. สาม : มีสติสัมปชญั ญะ ง. ถกู ทุกขอ้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม/ตวั ช้ีวดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะห์หลกั การและเหตุผลจากเน้ือเรื่องได้ 27.จากในเน้ือเร่ืองการกระทาของ “หน่ึง” ขาดหลกั การใด (วิเคราะหห์ ลกั การและเหตุผล) ก.สติสมั ปชญั ญะ ข.การคบบณั ฑิต ค.การอยใู่ นถิ่นอนั สมควร ง.ความเพยี รพยายาม
บทที่ 4
กจิ กรรมทา้ ยบท คำช้แี จง จงวเิ คราะห์คุณภาพข้อสอบรายข้อ โดยใชข้ ้อมูลจากตารางแจกแจงความถ่คี ำตอบของนักเรยี นกล่มุ สูง และกล่มุ ตำ่ ตอ่ ไปนี้ ตารางวเิ คราะหข์ อ้ สอบรายขอ้
52 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ นาย ธนกร บุญรอด เลขที่ 12 D8 เลขท่ี 12 D8 กิจกรรมท้ายบท ข้อ ตวั เลอื ก จำนวนนกั เรยี น ความยาก อำนาจจำแนก การแปลความหมาย สรุปผล กลุม่ สงู กลุ่มต่ำ (p) (r) ดี นำไปใช้ (H) (L) ดี นำไปใช้ ไมด่ ี ตัดทง้ิ 1ก 0 5 0.25 ตัวลวงดี ไมด่ ี ตัดท้ิง ข 20 0 0.50 1.00 ยากงา่ ยพอเหมาะ จำแนกดี ค0 3 0.15 ตัวลวงดี ดี นำไปใช้ ง05 0.25 ตวั ลวงดี จ07 0.35 ตวั ลวงดี 2ก 1 2 0.05 ตัวลวงดี ข23 0.05 ตัวลวงดี ค3 4 0.05 ตวั ลวงดี ง 10 6 จ45 0.40 0.20 คอ่ นข้างยาก จำแนกพอใช้ 3 ก 15 12 0.05 ตัวลวงดี ข35 ค1 1 0.675 0.15 คอ่ นขา้ งง่าย จำแนกไม่ได้ ง12 จ00 0.10 ตัวลวงดี 4ก 4 5 0.00 ตวั ลวงไมด่ ี 0.05 ตัวลวงดี ข31 0.00 ตัวลวงไมด่ ี ค5 3 0.05 ตวั ลวงดี ง67 -010 ตวั ลวงไมด่ ี จ24 0.20 0.10 คอ่ นขา้ งยาก จำแนกไมไ่ ด้ 5ก 0 2 0.05 ตัวลวงดี ข34 0.10 ตวั ลวงดี ค8 2 0.10 ตวั ลวงดี ง53 0.05 ตวั ลวงดี จ49 -0.30 ตวั ลวงไมด่ ี -0.10 ตวั ลวงไมด่ ี 0.325 0.25 ค่อนข้างยาก จำแนกพอใช้
การวัดและประเมนิ ผลกา5ร3เรยี นรู้ ข้อ ตัวเลอื ก จำนวนนกั เรยี น ความยาก อำนาจจำแนก การแปลความหมาย สรปุ ผล กลุ่มสูง กลมุ่ ตำ่ (p) (r) ไมด่ ี ตดั ทง้ิ 0.825 ตวั ลวงดี ดี นำไปใช้ (H) (L) 0.450 0.05 ตัวลวงดี ไม่ดี ตัดทงิ้ 6ก 0 1 0.325 0.10 ง่ายมาก จำแนกดี ดี นำไปใช้ 0.550 0.35 ข0 2 0.05 ตัวลวงดี ไมด่ ี ตัดทิง้ ค 20 13 0.50 0.15 ตวั ลวงดี ง 13 1 0.30 ยากง่ายพอเหมาะ จำแนกดี จ0 3 0.05 ตวั ลวงดี 7 ก 12 6 0.15 ตวั ลวงดี ข2 3 0.10 ตัวลวงดี ค4 7 0.00 ตัวลวงไมด่ ี ง24 0.00 ตัวลวงไมด่ ี จ0 0 ตวั ลวงดี 8ก 1 1 0.05 ตวั ลวงดี ข3 2 0.10 ตัวลวงดี ค3 5 0.10 คอ่ นข้างยาก จำแนกไมไ่ ด้ ง57 0.15 ตวั ลวงดี จ8 5 0.20 ยากง่ายพอเหมาะ จำแนกดี 9ก 3 7 ตัวลวงดี 0.30 ตัวลวงดี ข 14 8 0.05 ตวั ลวงไมด่ ี ค3 4 ตัวลวงไมด่ ี 0.05 ตัวลวงไมด่ ี ง01 0.00 ตัวลวงไมด่ ี จ0 0 -0.35 10 ก 7 0 -0.25 ยากง่ายพอเหมาะ จำแนกผดิ -0.20 ตวั ลวงไมด่ ี ข5 0 ค4 0 -1.00 -0.20 ง 0 20 จ4 0
นาย ธนกร บุญรอด เลขท่ี 12 D8 เลขท่ี 12 D8 แบบฝึ กหดั 1. จงหาดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่างขอ้ สอบกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (IOC) โดยใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญ 5 คน ผล การพจิ ารณาของผเู้ ชย่ี วชาญ สรุปไดด้ งั น้ี จดุ ประสงคก์ าร ขอ้ สอบ ผลการพิจารณา R/N IOC ความหมาย เรียนรู้ +1 0 -1 R=จานวน คะแนนท่ีได้ นกั เรยี นสามารถหา 1. 13+17 มคี า่ เทา่ ไร 11111 - - 5/5 1.00 ใชไ้ ด้ ผลบวกของจานวน 2. 9+12 มคี ่าเท่าไร 1111 0 - 4/5 0.80 ใชไ้ ด้ สองจานวนทไ่ี มเ่ กนิ 2 3. 10+13+16 มคี า่ เทา่ ไร 1 - -1-1-1-1 -3/5 -0.60 ตดั ทง้ิ หลกั ไดถ้ กู ตอ้ ง 4. 19+105 มคี า่ เท่าไร 11 00 -1 1/5 0.20 ปรบั ปรุง 5. 11+12-15 มคี ่าเทา่ ไร - - -1-1-1-1-1 -5/5 -1.00 ตดั ทง้ิ นักเรยี นสามารถหาผล 6. 79-23 มคี า่ เท่าไร 11111 - - 5/5 1.00 ใชไ้ ด้ ลบของจานวนสอง 7. 12-5 มคี ่าเทา่ ไร 111 0 -1 2/5 0.40 ปรบั ปรุง จานวนทไ่ี ม่เกนิ สอง 8. 32-3-12 มคี า่ เทา่ ไร 1 00 -1-1 -1/5 -0.20 ตดั ทง้ิ หลกั ไดถ้ กู ตอ้ ง 9. 45-54 มคี ่าเท่าไร 111 0 -1 2/5 0.40 ปรบั ปรุง 10. 12+32-44 มคี า่ เท่าไร 11 0 -1 1/5 0.20 ปรบั ปรงุ 0.50 - 1.00 หมายถึง ข้อสอบขอ้ นัน้ “ใช้ได้. 0.01 - 0.49 หมายถึง ข้อสอบขอ้ นัน้ ต้อง “ปรบั ปรงุ ” 0.00- -1.00 หมายถึง ข้อสอบขอ้ นัน้ ต้อง “ตดั ทิ้ง”
2. แบบทดสอบวชิ าวทิ ยาศาสตรน์ าไปทดสอบกบั นกั เรยี น 10 คน จานวน 2 ครงั้ โดยเวน้ ช่วงการทดสอบ ประมาณ 2 สปั ดาห์ ไดผ้ ลการสอบดงั ตาราง จงหาค่าความเช่อื มนั่ ของแบบทดสอบฉบบั น้โี ดยใชส้ ตู ร สหสมั พนั ธข์ องเพยี รส์ นั (Pearson Product Moment) ขอ้ สอบชุดน้ี มคี วามเช่อื มนั่ เท่าใด จงแสดงวิธีทา เพื่อให้ได้ค่าความเชื่อมนั่ ตามวธิ กี ารทถ่ี ูกตอ้ ง นกั เรยี นคนท่ี ผลการสอบ X2 Y2 XY ครงั้ ท่ี 1 (X) ครงั้ ท่ี 2 (Y) 1 5 6 25 36 30 2 4 5 16 25 20 3 6 6 36 36 36 4 3 4 9 16 12 5 5 5 25 25 25 6 6 6 36 36 36 7 3 3 99 9 8 4 4 16 16 16 9 5 6 25 36 30 10 4 5 16 25 20 ผลรวม 45 50 213 260 234 จากตาราง n = 10 Σ������������ = 234 Σ������ = 45 Σ������2 = 213 Σ������ = 50 Σ������2 = 260 หาค่าสมั ประสทิ ธสิ์ หสมั พนั ธด์ ว้ ยสตู ร Pearson Product Moment rxy = nΣxy−ΣxΣy rxy = 90 = √{nΣx2−(Σx)2}{nΣy2−(Σy)2} = √10500 = = (10×234)−(45×50) 90 √{(10×213)−452}{(10×260)−502} 102.46 2340−2250 0.878 √(2130−2025)(2600−2500) = 90 rxy = 0.88 √(105)(100) ดงั นนั้ ความเชอ่ื มนั่ แบบทดสอบฉบบั น้ีมคี า่ เท่ากบั 0.88 มคี วามเช่ือมนั สงู
3. ครวู ไิ ลวรรณ ไดอ้ อกแบบทดสอบวชิ าภาษาไทยชดุ หน่งึ นา ไปทดสอบกบั นกั เรยี น 10 คน แลว้ นามา ตรวจ โดยการตรวจใชว้ ธิ ตี รวจ 2 ครงั้ คอื ครงั้ แรกตรวจขอ้ คู่ แลว้ รวมคะแนนไวใ้ หเ้ ป็นค่า X ครงั้ ต่อมาตรวจ ขอ้ ค่ี แลว้ รวมคะแนนไวใ้ หเ้ ป็นคา่ Y ไดค้ ะแนนของนกั เรยี นแต่ละคน นามาใสใ่ นตารางเพอ่ื หาค่าความ เชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบฉบบั น้โี ดยใชส้ ตู รสหสมั พนั ธข์ องเพยี รส์ นั (Pearson Product Moment) และ สตู ร ของ Spearman Brown จงแสดงวิธีทา เพื่อให้ได้ค่าความเช่ือมนั่ ตามวธิ กี ารทถ่ี ูกตอ้ ง นกั เรยี นคนท่ี ผลการสอบ X2 Y2 XY ขอ้ คู่ (X) ขอ้ ค่ี (Y) 1 18 19 324 361 342 2 19 18 361 324 342 3 18 17 324 289 306 4 17 16 289 256 272 5 16 19 256 361 304 6 17 18 289 324 306 7 15 16 225 256 240 8 19 19 361 361 361 9 18 17 324 289 306 10 20 19 400 361 380 ผลรวม 177 178 3153 3182 3159 จากตาราง n = 10 Σ������������ = 3159 Σ������ = 177 Σ������2 = 3153 Σ������ = 178 Σ������2 = 3182 หาคา่ สมั ประสทิ ธสิ์ หสมั พนั ธด์ ว้ ยสตู ร Pearson Product Moment rxy = nΣxy−ΣxΣy rxy = 84 √{nΣx2−(Σx)2}{nΣy2−(Σy)2} √27336 = (10×3159)−(177×178) √{(10×3153)−1772}{(10×3182)−1782 = 84 = 31590−31506 rxy 165.34 √(31530−31329)(31820−31684) = 0.508 = 0.51 = 84 √(201)(136)
แทนค่าในสตู รของ Spearman Brown จะไดค้ ่าความเช่อื มนั่ ของขอ้ สอบทงั้ ฉบบั บ ดงั น้ี rtt 2 ������11 = 2×0.51 = 1.02 = 0.675 = 0.68 = 22 1+0.51 1.51 1+ ������11 22 ดงั นนั้ ความเชอ่ื มนั่ แบบทดสอบฉบบั น้ีมคี า่ เท่ากบั 0.68 มคี วามเชอ่ื ปานกลาง 4. แบบทดสอบวชิ าภาษาไทย จานวน 6 ขอ้ ใหค้ ะแนนตามวธิ ี 0-1 (Zero-one method) นาไปทดสอบกบั ผสู้ อบ 10 คน ผลการสอบปรากฏดงั ตาราง จงหาความเช่อื มนั่ ของแบบทดสอบฉบบั น้โี ดยใชส้ ตู ร KR-20 และ KR-21 จงแสดงวิธีทา เพ่ือให้ได้ค่าความเชื่อมนั่ ตามวธิ กี ารทถ่ี ูกตอ้ ง นักเรียน 2 ข้อท่ี 5 6 คะแนน X2 คนท่ี 1 34 รวม (X) 1111011 5 25 2011001 39 3101100 39 4110111 5 25 5111100 4 16 6010010 24 7110110 4 16 8110101 4 16 9111111 6 36 10 1 1 1 1 1 1 6 36 ตอบถูก 8 9 6 7 6 6 42 192 p 8/10=0.8 9/10=0.9 6/10=0.6 7/10=0.7 6/10=0.6 6/10=0.6 x̅ = 4.2 q 2/10=0.2 1/10=0.1 4/10=0.4 3/10=0.3 4/10=0.4 4/10=0.4 s2t = 1.56 pq 0.16 0.09 0.24 0.21 0.24 0.24 Σpq = 1.18
x̅ = Σ������ = 42 = 4.2 ������ 10 s2t = ∑x2 − [∑x]2 nn = 192 − [42]2 แทนคา่ สตู ร KR-21 10 10 = 19.2 – 17.64 rtt = k {1 − x̅(kks−2tx̅)} = k−1 = 1.56 = 6 {1 − (4.2)(6−4.2)} = = 6−1 (6)(1.56) = แทนคา่ สตู ร KR-20 = 1.2 {1 − (4.2)(1.8)} 9.36 rtt = k {1 − Σsp2tq} 1.2 {1 − 7.56)} = k−1 = 9.36 6 {1 − 1.18} (1.2)(1-0.81) 6−1 1.56 1.2(1-0.76) (1.2)(0.19) = 1.2(0.24) 0.228 = 0.23 = 0.288 = 0.29 ดงั นนั้ ความเช่อื มนั่ ของแบบทดสอบมคี า่ เทา่ กบั 0.29(KR-20) และ 0.23 (KR-21) มคี วามเชอ่ื มนั่ ต่า
นาย ธนกร บุญรอด เลขท่ี 12 D8 เร่ืองที่ 1 กะปกิ บั ซีซาร์ ในช่วงเชา้ ของฤดหู นาว กะปิตน่ื นอนและอาบนา้ แตง่ ตวั สวมเสอื้ ผา้ สีครามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวแลเะลสขวทม่ี 1ห2มวกสาน D8 หลงั จากแต่งตวั เสรจ็ เขาก็นาขา้ วปลาไปกินดว้ ย เม่ือเดินออกจากบา้ นกะปิไดไ้ ปพบซซี ารน์ อนตวั แข็งใกลต้ ายเพราะความหนาว กะปิเกดิ ความสงสารและมจี ติ ใจท่เี มตตา ถงึ แมจ้ ะรูว้ ่าตอ้ งเส่ียงอตั รายขนาดไหน กะปิกไ็ มล่ งั เลและกม้ ลงประคองมนั ขนึ้ มาแลว้ อมุ้ มนั ไวใ้ นออ้ มแขนของเขาเพ่อื ใหม้ นั หายหนาวและไดม้ ชี วี ิตอยตู่ ่อไป เม่ือซซี ารไ์ ดร้ บั ความอบอนุ่ มนั ก็เรม่ิ มอี าการท่ีดี ขนึ้ และมกี าลงั มากขึน้ มนั จงึ กดั กะปิท่ไี ดช้ ว่ ยเหลอื มนั กอ่ นท่จี ะหนไี ป กะปิทกุ ขท์ รมานจากพษิ บาดแผลจนทนไม่ไหวก็สนิ้ ใจ ตายในเวลาตอ่ มา คะแนนสีแดง ภสั สร นาพิลา คะแนนสีมว่ ง ธวลั รตั น์ กศุ ลเอยี่ ม คะแนนสีสม้ นทั ธยา ทงี าม (ความรูค้ วามจา) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถบอกลกั ษณะการแตง่ ตวั ของตวั ละครได้ 1.ขอ้ ใดคือลกั ษณะการแต่งตวั ของกะปิ ก.สวมเสอื้ ผา้ สีฟ้าผกู ผา้ ขนหนคู าดเอวและสวมหมวกสาน ข.สวมเสือ้ ผา้ สีครามผกู ผา้ ขนหนคู าดเอวและสวมหมวกสาน ค.สวมเสอื้ ผา้ สคี รามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน ง.สวมเสอื้ ผา้ สีมว่ งผกู ผา้ ขา้ วมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน (ความรูค้ วามจา) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถเรยี งลาดบั เหตกุ ารณจ์ ากเร่ืองท่อี า่ นได้ 2.ลาดบั ของเหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ในขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ 1)กะปิตืน่ นอนและอาบนา้ แตง่ ตวั 2)กะปิเกิดความสงสารและมจี ิตใจท่เี มตตา 3)กะปิทกุ ขท์ รมานจนทนไม่ไหวก็สนิ้ ใจตาย 4)กะปิก็ไมล่ งั เลและกม้ ลงประคองมนั ขนึ้ มาแลว้ อมุ้ มนั ไวใ้ นออ้ มแขน 5)กะปิไดไ้ ปพบซซี าร์ ก. 1) 2) 5) 4) 3) ข. 5) 1) 4) 2) 3) ค. 1) 5) 4) 2) 3) ง. 1) 5) 2) 4) 3) (แปลความ) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถแปลความจากเร่อื งท่อี า่ นได้ 3.“ เสอื้ ผา้ สคี รามผกู ผา้ ขาวมา้ คาดเอวและสวมหมวกสาน ” เปรียบเหมอื นอะไร 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.ชดุ ของขา้ ราชกาล ข.ชดุ ปกตทิ ่ใี ส่อย่บู า้ น
ค.ชดุ ออกกาลงั กาย ง.ชดุ ทาการเกษตร (ตคี วาม) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถบอกใจความสาคญั ของเรือ่ งได้ 4.ใจความสาคญั ของเร่อื งคืออะไร ก.กะปิเจอซีซารแ์ ละเกดิ ความสงสารเมตตาเลยเอาซซี ารม์ าอยดู่ ว้ ย ข.กะปิไปทางานและพบเจอซีซารจ์ งึ ทาการชว่ ยเหลอื ดแู ลอยา่ งดี ค.กะปิพบซีซารจ์ งึ ชว่ ยเหลอื แต่พอซีซารอ์ าการดีขนึ้ จงึ กดั กะปิจนทนพิษไม่ไหวตาย ง.กะปิพบซซี ารจ์ งึ ชว่ ยเหลอื ดแู ละเป็นอยา่ งดแี ตส่ ดุ ทา้ ยกโ้ ดนซซี ารท์ ่อี าการดขี นึ้ กดั (ขยายความ) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณท์ ่เี กิดขนึ้ ใหม่ได้ 5.จากในเนอื้ เรื่อง ถา้ กะปิไมอ่ อกจากบา้ นจะเป็นอยา่ งไร ก.กะปิกจ็ ะไมโ่ ดนซีซารก์ ดั จนทนพษิ ไม่ไหวตาย ข.ซีซารจ์ ะไดพ้ บเจอกบั กะปิท่บี า้ น ค.กะปิจะออกไปทางานอย่างปลอดภยั ง.ซซี ารจ์ ะนอนตวั แขง็ จนตาย (นาไปใช)้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถนาบทความท่อี ่านไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ 6.หากนกั เรยี นเป็นกะปินกั เรยี นจะทาอยา่ งไรกบั ซซี าร์ 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก.เขา้ ไปชว่ ยเหลือดว้ ยตวั เองและเอามาเลยี้ งดู ข.หลกี เลีย่ งและพยายามไม่เขา้ ไปใกล้ ค.ตดิ ต่อหนว่ ยงานท่รี บั ผดิ ชอบใหเ้ ขา้ มาชว่ ยเหลอื ง.ไม่สนใจและเดินผา่ นไปเฉยๆ (วิเคราะห-์ ความสาคญั ) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถวิเคราะหค์ วามสาคญั ของเนอื้ เรือ่ งได้ 7.ขอ้ ใดคอื สิ่งท่สี าคญั ท่สี ดุ ในการช่วยเหลอื ผทู้ ่เี ดือดรอ้ น ก.เบยี รช์ ว่ ยพดู โนม้ นา้ วใจสิงหท์ ่กี าลงั อกหกั ข.ลโี อมจี ิตใจท่เี มตตาอยากชว่ ยเหลอื ไอซท์ ่กี าลงั กงั วลเรื่องเรียน ค.บอลอาสาชว่ ยครูยกสมดุ ไปไวท้ ่หี อ้ งเรยี น ง.มีม่ีใหบ้ ญุ เรอื งลอกการบา้ นเพราะกลวั วา่ บญุ เรอื งจะทางานส่งไมท่ นั
(วเิ คราะห-์ ความสมั พนั ธ)์ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธจ์ ากเร่อื งท่อี า่ นได้ 8.จากในเนอื้ เรือ่ งนกั เรยี นคดิ วา่ “กะปิ” และ “ซีซาร”์ เกี่ยวขอ้ งกบั ขอ้ ใดมากท่ีสดุ 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.ชาวนากบั นกกระสา ข.ชาวนากบั งเู หา่ ค.ราชสหี ก์ บั คนตดั ไม้ ง.ชาวนากบั ก่ิงไม้ (วเิ คราะห-์ หลกั การและเหตผุ ล) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถวเิ คราะหห์ ลกั การและเหตผุ ลจากเนอื้ เรอ่ื งได้ 9.เพราะเหตใุ ด “ซซี าร”์ ตอ้ งกดั “กะปิ” 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก. “ซซี าร”์ มีสญั ชาตญาณของงพู ษิ ข. “ซีซาร”์ โกรธแคน้ กะปิ ค. “ซซี าร”์ ขาดความอบอ่นุ ง. “ซีซาร”์ ป้องกนั ตวั เรื่องที่ 2 จกุ เล้ียงนุ่มฟู จกุ มีนิสยั ชอบโกหก ในวนั ท่วี า่ งวนั หน่งึ จกุ เกิดความเหงาเลยคดิ อะไรท่จี ะทาใหเ้ กิดความสนกุ สนาน จกุ เลยเรม่ิ แผนการโดยเดินไปท่หี ม่บู า้ นแลว้ ตะโกนวา่ \"ชว่ ยดว้ ย! ชว่ ยดว้ ย! เขยี้ วกดุ กาลงั เขมอื บน่มุ ฟขู องเขา เม่ือผใู้ หญ่บา้ นไดย้ ินจงึ รีบ เรยี กชาวบา้ นมาชว่ ยจกุ แต่เม่ือมาถึงกลบั ไมเ่ จอเขยี้ วกดุ เลยสกั ตวั เห็นเพยี งจกุ ท่ีน่งั หวั เราะชอบใจท่หี ลอกคนอ่นื ได้ หลายวนั เขา้ จกุ ก็ทาแผนการนซี้ า้ แลว้ ซา้ เลา่ เพ่อื แกค้ วามเหงาของจกุ ชาวบา้ นกต็ า่ งออกมาเพ่อื จะมาชว่ ยเหลือจกุ อย่มู าวนั หน่ึง เขยี้ ว กดุ กก็ าลงั มาเขมอื บน่มุ ฟจู รงิ ๆ จกุ จงึ รบี ตะโกนขอความชว่ ยเหลอื แตไ่ ม่มีใครมาชว่ ยเขาเลยเพราะคดิ วา่ เขาโกหกเหมือน อย่างเชน่ เคย ท่สี ดุ น่มุ ฟทู กุ ตวั ของเขาจึงถกู เขยี้ วกดุ เขมือบจนหมด (ความรูค้ วามจา) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถบอกนิสยั ของตวั ละครได้ 10.ขอ้ ใดไม่ใช่ลกั ษณะนสิ ยั ของจกุ 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก.ชอบช่วยเหลือคนอนื่ ข.ชอบโกหก ค.ชอบความสนกุ สนาน ง.ขเี้ หงา (ความรูค้ วามจา) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถบอกจานวนของตวั ละครได้ 11.จากในเรื่องมีตวั ละครทง้ั หมดกี่ตวั ละคร 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก. 3 ตวั ข. 4 ตวั ค. 5 ตวั ง. 6 ตวั
(แปลความ) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถแปลความจากเร่อื งท่อี า่ นได้ 12.ในเนอื้ เรอื่ ง “นมุ่ ฟ”ู หมายถงึ อะไร ก.ววั ข.กวาง ค.แกะ ง.งู (ตีความ) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถบอกช่ือเรอ่ื งท่เี หมาะสมท่ีสดุ ได้ 13.ช่อื เรอ่ื งใดเหมาะสมท่ีสดุ 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.เขีย้ วกดุ กบั นมุ่ ฟู ข.จกุ เลยี้ งนมุ่ ฟู ค.น่มุ ฟกู บั เขยี้ วกดุ ง.จกุ เดก็ ขเี้ หงา (ขยายความ) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณท์ ่เี กิดขนึ้ ใหม่ได้ 14.จากในบทความ ถา้ จกุ ไม่ทาเหตกุ ารณแ์ บบเดิมซา้ ๆจะเป็นอยา่ งไร ก.น่มุ ฟจู ะถกู เขยี้ วกดุ เขมอื บ ข.ทกุ คนในหม่บู า้ นจะไม่ออกไปชว่ ยเหลือจกุ อกี ค.ผใู้ หญ่บา้ นจะไม่ออกไปเรยี กใหช้ าวบา้ นออกมาช่วยเหลอื จกุ ง.จกุ จะไม่มาเสียใจภายหลงั เพราะการการทาของตวั เอง (นาไปใช)้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถนาบทความทอ่ี า่ นไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ 15.หากนกั เรยี นเป็นจกุ จะทาอยา่ งไรใหช้ าวบา้ นเขา้ มาช่วยเหลอื 0 0 1 = 1/3 = 0.33 ปรับปรุง ก.สรา้ งความเช่ือใจโดยการพดู ความจรงิ ข.ตะโกนใหด้ งั กว่าทกุ ครงั้ ค.กลนั้ แกลง้ ชาวบา้ นดว้ ยความสนกุ สนาน ง.สรา้ งความเป็นมติ รท่ดี ีดว้ ยการโกหก (วเิ คราะห-์ ความสาคญั ) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของเรือ่ งท่อี า่ นได้ 16.ตวั ละครใดสาคญั ท่สี ดุ ในการช่วยเหลือผคู้ น 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.จกุ ข.เขยี้ วกดุ ค.ผใู้ หญ่บา้ น ง.ชาวบา้ น
(วเิ คราะห-์ ความสมั พนั ธ)์ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธจ์ ากเรื่องท่อี ่านได้ 17. “จกุ ” : ชอบโกหก ชาวบา้ น : ชว่ ยเหลอื “เขยี้ วกดุ ” : …………… 1 1 0 = 2/3 = 0.66 ใช้ได้ ก.หิวกระหาย ข.ดรุ า้ ย ค.สนั โดษ ง.ว่องไว (วเิ คราะห-์ หลกั การและเหตผุ ล) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหห์ ลกั การและเหตผุ ลจากเนอื้ เรอื่ งได้ 18.เหตใุ ดทกุ คนในหม่บู า้ นจึงไมอ่ อกไปชว่ ยจกุ อกี ในครงั้ ตอ่ ไป 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก.เพราะจกุ เป็นคนชอบโหกจงึ ไมม่ ใี ครเช่ืออีก ข.เพราะทกุ คนในหมบู่ า้ นรูว้ า่ จกุ ตอ้ งโกหกอกี ตามเคย ค.เพราะการกระทาซา้ ๆเดมิ ๆของจกุ ง.ถกู ทกุ ขอ้ เร่อื งท่ี 3 หนงึ่ ตืน่ ตูม หนง่ึ กาลงั หลบั อยตู่ รงแถวระเบยี งท่มี หี นา้ ต่าง ขณะท่นี อนหลบั อยนู่ น้ั มลี มพดั แรงทาใหห้ นา้ ตา่ งกระแทกชนกบั ท่กี รง กนั หนา้ ตา่ งตรงท่หี น่ึงนอนอยู่ หนง่ึ เกดิ ความตกใจเลยต่นื ขนึ้ คิดวา่ ลกู ปืนใหญ่ระเบิดลงเพดาน หน่งึ ไมท่ นั ไดค้ ดิ ใหด้ ีๆจงึ ลกุ ขึน้ แลว้ ว่ิงไปอยา่ งสดุ กาลงั เพราะกลวั ความตาย คนอื่นๆในโรงเรยี นต่างตกใจเม่อื เหน็ หนงึ่ วงิ่ มาจนเตม็ กาลงั เม่ือสองเห็นจงึ ถาม หน่งึ วา่ รีบวิง่ ไปไหนเพ่อื น หนึ่งวิ่งมาพรอ้ มบอกว่าระเบดิ ลงหนเี รว็ สองจึงรบี วิ่งตามหนง่ึ ไป ว่งิ ไปเรอ่ื ยๆจนไปพบกบั สาม สามท่ี มสี ตจิ งึ หยดุ หนง่ึ ทก่ี าลงั ว่งิ และใหห้ น่งึ เล่าถงึ เหตกุ ารณท์ งั้ หมด สามจงึ ใหห้ นง่ึ พาท่เี กดิ เหตกุ ารณเ์ มอ่ื ถงึ ท่เี กดิ เหตกุ ลบั พบวา่ ไม่ มีรอยระเบดิ อะไร แตเ่ ห็นวา่ หนา้ ตา่ งมนั ปิด สามจึงวเิ คราะหส์ ถานการณท์ ง้ั หมดแลว้ บอกกบั หนง่ึ ว่าแค่หนา้ ตา่ งมนั กระแทกชน กบั ท่กี รงกนั หนา้ ตา่ งเองจะตกใจไปทาไม เม่อื รูส้ าเหตแุ ลว้ จงึ ไปบอกคนอน่ื ในโรงเรยี นแลว้ ก็นาความเงยี บสงบกลบั มาอกี ครงั้ (ความรูค้ วามจา) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถบอกเหตกุ ารณท์ ่ไี ม่เกิดขนึ้ จากเรอ่ื งท่อี า่ นได้ 19.จากเนอื้ เรอ่ื งเหตกุ ารณใ์ ดไม่เกดิ ขนึ้ 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.สองถามหนง่ึ วา่ รีบวงิ่ ไปไหน ข.หนึ่งว่งิ ไปชนสอง ค.หนง่ึ นอนหลบั ง.สามใหห้ นงึ่ พาไปดทู ่เี กดิ เหตกุ ารณ์ (ความรูค้ วามจา) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถบอกคาศพั ทท์ ่มี ีความหมายเหมอื นกนั ได้ 20.คาวา่ “ลม” มคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.พสธุ า ข.อคั นี ค.สาคร ง.วาโย
(แปลความ) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถแปลความจากเรือ่ งท่อี ่านได้ 21.จากเรือ่ ง “ลกู ปืนใหญ่ระเบดิ ลงเพดาน” หมายถงึ อะไร 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใชไ้ ด้ ก.อาวธุ สงคราม ข.เสยี งพดู คยุ ค.หนา้ ต่างท่กี ระแทกเขา้ กบั กรง ง.เสียงท่ดี งั สน่นั (ตีความ) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถบอกใจความสาคญั ของเรอื่ งท่อี า่ นได้ 22.ในเนอื้ งเร่อื ง “หนึง่ เกดิ ความตกใจเลยตื่นขนึ้ คดิ วา่ ลกู ปืนใหญ่ระเบิดลงเพดาน หน่ึงไม่ทนั ไดค้ ิดใหด้ ๆี จงึ ลกุ ขนึ้ แลว้ วงิ่ ไป อยา่ งสดุ กาลงั ” ตรงกบั สานวนใด 1 -1 0 = 0/3 = 0 ตดั ทง้ิ ก.ชา้ ๆไดพ้ รา้ เล่มงาม ข.กระต่ายต่ืนตมู ค.ลกู ไมห้ ลน่ ไมไ่ กลตน้ ง.หนีเสอื ปะจระเข้ (ขยายความ) 0 1 1 = 2/3 = 0.66 ใช้ได้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรียนสามารถคาดคะเนเหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ใหม่ได้ 23.นกั เรยี นคดิ วา่ ถา้ หน่งึ ไมพ่ บเจอสามจะเป็นอยา่ งไร ก.หนึ่งจะวง่ิ ไปเรือ่ ยๆจนชนเขา้ กบั สาม ข.สองจะหยดุ หนง่ึ ท่กี าลงั วง่ิ ค.อาจจะมใี ครสกั คนหยดุ หนึ่งท่วี ง่ิ และใหห้ นงึ่ ลองเล่าสถานการณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ทงั้ หมด ง.หน่งี จะชวนสองและสามวงิ่ ไปท่เี กดิ เหตกุ ารณ์ (นาไปใช)้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถนาบทความท่อี า่ นไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ 24.ถา้ นกั เรยี นตกอย่ใู นสถานการณแ์ บบหน่งึ นกั เรยี นควรทาอยา่ งไร 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก.คดิ ไตรต่ รองใหถ้ ี่ถว้ นว่าเกิดอะไรขนึ้ ข.หาท่หี ลบภยั ค.รีบลกุ และตะโกนออกไปดงั ๆดว้ ยความตกใจ ง.ตกใจและวงิ่ ออกไปอยา่ งไม่สนโลก (วเิ คราะห-์ ความสาคญั ) 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั :นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของเรอ่ื งท่อี า่ นได้ 25.ถา้ พิจารณาเก่ียวกบั การวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณต์ วั ละครใดมคี วามสาคญั ท่สี ดุ ก.หน่งี ข.สอง ค.สาม ง.คนในโรงเรยี น
(วเิ คราะห-์ ความสมั พนั ธ)์ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธจ์ ากเร่ืองท่อี า่ นได้ 26.ขอ้ ใดมีความสมั พนั ธท์ ่สี อดคลอ้ งกนั 1 1 1 = 3/3 = 1.00 ใช้ได้ ก. หน่งึ : ตนื่ ตระหนก ข. สอง : คลอ้ ยตามเพ่อื น ค. สาม : มสี ติสมั ปชญั ญะ ง. ถกู ทกุ ขอ้ (วิเคราะห-์ หลกั การและเหตผุ ล) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม/ตวั ชีว้ ดั : นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหห์ ลกั การและเหตผุ ลจากเนอื้ เรือ่ งได้ 27.จากในเนอื้ เร่อื งการกระทาของ “หน่งึ ” ขาดหลกั การใด 0 1 1 = 2/3 = 0.66 ใช้ได้ ก.สตสิ มั ปชญั ญะ ข.การคบบณั ฑติ ค.การอยใู่ นถ่นิ อนั สมควร ง.ความเพยี รพยายาม
บทที่ 5
นายธนวตั น์ อ่องละออง 6321123025 เลขท่ี 4 นายธนกร บุญรอด 6321123065 เลขท่ี 12 นางสาวนทั ธยา ทีงาม 6321123075 เลขท่ี 20 แบบวดั เจตคติเกยี่ วกับพฤติกรรมใฝ่ เรียนรู้ของนักเรียน เกณฑ์การให้คะแนน 5 หมายถึง มีความเห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ 4 หมายถึง มีความเห็นดว้ ย 3 หมายถึง เฉยๆ 2 หมายถึง ไมเ่ ห็นดว้ ย 1 หมายถึง ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ คาชี้แจง ใหท้ าเคร่ืองหมาย ✓ ลงในแบบวดั เจตคติตอ่ พฤติกรรมดา้ นใฝ่เรียนรู้ตามความรู้สึกที่แทจ้ ริงของทา่ น ข้อ พฤตกิ รรมใฝ่ เรียนรู้ ระดับความคดิ เห็น 54321 1 เมื่อมีเวลาวา่ ง ฉนั รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ 2 เมื่อมีส่ิงไหนท่ีไม่เขา้ ใจ ฉนั แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ เรียนรู้ต่างๆ 3 ฉนั จดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ เพ่อื ให้เกิดความเขา้ ใจง่าย 4 ฉนั แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดเห็นกบั ผอู้ ื่น เนื่องจากเขามีความเขา้ ใจ มากกวา่ ฉนั 5 ฉนั ขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมจากส่ือออนไลน์ ทาใหฉ้ นั เกิดความรู้ ใหม่ๆ 6 เม่ือมีกิจกรรมตา่ งๆ ฉนั มกั จะเขา้ ร่วมดว้ ยความเตม็ ใจ 7 ฉนั ทบทวนบทเรียนอยา่ งสม่าเสมอ เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจในเน้ือหาที่ มากข้นึ 8 ฉนั สรุปองคป์ ระกอบความรู้ตา่ งๆ ดว้ ยความเขา้ ใจของตวั เองได้ 9 ฉนั เอาใจใส่และมีความเพยี รพยามในการเรียนรู้สิ่งตา่ งๆ 10 เมื่อมีเทคโนโลยใี หม่ๆเขา้ มา ฉนั เทา่ ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 6
นายธนกร บุญรอด เลขที่ 12 6321123065 D8 กลุ่มที่ 9 ชอ่ื สมาชกิ กลมุ่ 1. นายธนกร บุญรอด เลขท่ี 12 6321123065 2. น.ส.ธวัลรตั น์ กุศลเอ่ียม เลขท่ี 19 6321123074 กจิ กรรมทา้ ยบทที่ 6 คำชแ้ี จง จงตอบคำถามและทำแบบฝึกหัดดังต่อไปนี้ 1. จงยกตวั อยา่ งพฤติกรรมที่สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องการวดั ทักษะพสิ ัยอยา่ งละ 5 พฤติกรรม 1.1 พฤติกรรมทักษะพิสัยที่ต้องวัดรายคน การแสดงความสามารถพิเศษของตนเอง การทอ่ งอาขยาน การรอ้ งเพลง การแกะสลัก การคิดคำนวณเลข 1.2 พฤตกิ รรมทักษะพิสยั ท่ีตอ้ งวัดเปน็ กลมุ่ การแสดงละคร การเลน่ แบดมินตนั การสวดมนตส์ รภัญญะ การแสดงบทบาทสมมุติ Role-play การทดลองวทิ ยาศาสตร์ 1.3 พฤติกรรมทกั ษะพสิ ัยท่ีนักเรียนตอ้ งผลิตชิ้นงาน การสานกระเป๋าจากหลอดน้ำ งานแกะสลกั การวาดรูป การทำอาหาร การทำเปเปอรม์ าเช่ 1.4 พฤติกรรมทกั ษะพสิ ยั ที่นกั เรยี นต้องแสดงทา่ ทางหรือเปล่งเสียง การพรีเซนงาน การใบค้ ำโดยใช้มือ การเตน้ ลลี าศ การกล่าวสนุ ทรพจน์ การเล่นกีฬา 2. จงยกตวั อยา่ งพฤตกิ รรมท่สี อดคลอ้ งลักษณะของการวดั ทักษะพสิ ัยอย่างละ 5 พฤตกิ รรม 2.1 พฤติกรรมทกั ษะพิสยั ที่วัดจากผลงานอย่างเดยี ว การคัดลายมือ รปู ภาพจากท่นี ักเรยี นวาด การแตง่ กลอน การประดิษฐ์ส่ิงของจากส่งิ ของเหลือใช้ การทำวจิ ยั 2.2 พฤตกิ รรมทกั ษะพิสัยที่วดั กระบวนการและผลงานแยกจากกัน การประกอบอาหาร งานฝมี อื ตดั เยบ็ เสอื้ ผา้ การปลูกผัก การทดลองวทิ ยาศาสตร์ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ Role-play 2.3 พฤติกรรมทกั ษะพสิ ัยทีว่ ัดกระบวนการและผลงานพร้อม ๆ กัน การรอ้ งเพลงทต่ี ัวเองชอบ การยิงปนื การชกมวย การแสดงดนตรี การเตะฟตุ บอล 3. จงพจิ ารณาสถานการณต์ ่อไปน้ีว่าควรเลอื กวิธีการวัดผลแบบใดระหวา่ ง การสังเกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ กับ การสังเกตโดยใช้มาตรประมาณคา่ 3.1 ตอ้ งการตรวจสอบว่านักเรยี นอา่ นคำควบกล้ำถูกหรือผิด การสงั เกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ 3.2 ตอ้ งการตรวจสอบวา่ งานประดษิ ฐข์ องนักเรยี นมีคุณภาพระดับใด การสังเกตโดยใชม้ าตรประมาณค่า 3.3 ตอ้ งการตรวจสอบว่านกั เรยี นปรงุ อาหารถกู ต้องตามขั้นตอนหรอื ไม่ การสังเกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ 3.4 ตอ้ งการตรวจสอบวา่ นกั เรยี นมีหรือไมม่ ีทกั ษะการเลน่ วอลเล่ยบ์ อลพื้นฐาน การสงั เกตโดยใชแ้ บบสำรวจรายการ 3.5 ตอ้ งการตรวจสอบวา่ นักเรียนรอ้ งเพลงได้ดีมากหรือนอ้ ยเพยี งใด การสงั เกตโดยใชม้ าตรประมาณคา่
นางสาวธวลั รตั น์ กุศลเอ่ยี ม เลขที่ 19 6321123074 D8 กลมุ่ ท่ี 9 ชื่อสมาชกิ กลมุ่ 1. นายธนกร บุญรอด เลขท่ี 12 6321123065 2. น.ส.ธวัลรตั น์ กศุ ลเอ่ียม เลขท่ี 19 6321123074 กจิ กรรมท้ายบทท่ี 6 คำชแี้ จง จงตอบคำถามและทำแบบฝึกหดั ดงั ต่อไปนี้ 4. จงยกตวั อย่างพฤติกรรมท่สี อดคลอ้ งกับธรรมชาตขิ องการวัดทักษะพสิ ัยอย่างละ 5 พฤตกิ รรม 4.1 พฤติกรรมทักษะพิสัยทีต่ ้องวัดรายคน การแสดงความสามารถพเิ ศษของตนเอง การทอ่ งอาขยาน การร้องเพลง การแกะสลัก การคดิ คำนวณเลข 4.2 พฤตกิ รรมทักษะพสิ ัยที่ต้องวดั เปน็ กลุ่ม การแสดงละคร การเลน่ แบดมนิ ตัน การสวดมนต์สรภัญญะ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ Role-play การทดลองวทิ ยาศาสตร์ 4.3 พฤติกรรมทักษะพิสยั ทน่ี กั เรยี นต้องผลติ ช้นิ งาน การสานกระเป๋าจากหลอดนำ้ งานแกะสลัก การวาดรูป การทำอาหาร การทำเปเปอรม์ าเช่ 4.4 พฤตกิ รรมทกั ษะพสิ ยั ทน่ี ักเรียนต้องแสดงทา่ ทางหรอื เปลง่ เสียง การพรเี ซนงาน การใบ้คำโดยใชม้ ือ การเต้นลีลาศ การกลา่ วสุนทรพจน์ การเลน่ กีฬา 5. จงยกตวั อย่างพฤตกิ รรมที่สอดคล้องลักษณะของการวัดทักษะพสิ ัยอย่างละ 5 พฤติกรรม 5.1 พฤติกรรมทักษะพสิ ยั ที่วดั จากผลงานอย่างเดยี ว การคดั ลายมือ รูปภาพจากที่นักเรยี นวาด การแต่งกลอน การประดษิ ฐ์สิ่งของจากส่งิ ของเหลอื ใช้ การทำวิจัย 5.2 พฤตกิ รรมทกั ษะพิสัยที่วดั กระบวนการและผลงานแยกจากกัน การประกอบอาหาร งานฝีมอื ตัดเยบ็ เสื้อผ้า การปลูกผัก การทดลองวทิ ยาศาสตร์ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ Role-play 5.3 พฤติกรรมทกั ษะพิสัยที่วดั กระบวนการและผลงานพร้อม ๆ กัน การร้องเพลงท่ตี ัวเองชอบ การยงิ ปืน การชกมวย การแสดงดนตรี การเตะฟุตบอล 6. จงพจิ ารณาสถานการณ์ตอ่ ไปนว้ี า่ ควรเลือกวธิ ีการวัดผลแบบใดระหว่าง การสงั เกตโดยใชแ้ บบสำรวจรายการ กับ การสงั เกตโดยใช้มาตรประมาณคา่ 3.1 ตอ้ งการตรวจสอบว่านักเรียนอา่ นคำควบกล้ำถกู หรอื ผิด การสงั เกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ 3.2 ต้องการตรวจสอบวา่ งานประดิษฐข์ องนกั เรยี นมีคณุ ภาพระดบั ใด การสงั เกตโดยใช้มาตรประมาณคา่ 3.6 ตอ้ งการตรวจสอบวา่ นกั เรยี นปรุงอาหารถูกตอ้ งตามขั้นตอนหรอื ไม่ การสงั เกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ 3.7 ต้องการตรวจสอบวา่ นกั เรียนมหี รือไมม่ ที ักษะการเล่นวอลเล่ยบ์ อลพ้นื ฐาน การสังเกตโดยใช้แบบสำรวจรายการ 3.8 ตอ้ งการตรวจสอบว่านกั เรียนรอ้ งเพลงได้ดีมากหรอื นอ้ ยเพยี งใด การสังเกตโดยใชม้ าตรประมาณค่า
4. จงสร้างเครื่องมือวัดผลการเรียนรูด้ า้ นทักษะพิสัย 1 ฉบับตามข้นั ตอนการสร้างเคร่ืองมือ 4.1 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ การเล่านทิ านอสี ปภาษาอังกฤษ หมายถงึ ความสามารถของนักเรียนในการใช้ทกั ษะการพูด สรปุ เน้ือเรอื่ งของนทิ านอีสป จากเร่ืองที่ได้อ่านหรือฟังตามความเข้าใจของตนเอง ผ่านการออกมาเล่านิทานอีสป โดยถูกต้องตามเนื้อหา ออกเสยี งได้ น่าฟัง และมีความชดั เจนทำให้ผ้ทู ฟ่ี ังเขา้ ใจเน้ือเรือ่ งไดง้ ่าย 4.2 ทำ Rubric Score ใหร้ ายละเอยี ด (ประเดน็ นี้ เป็นเกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนแบบบรรยาย ให้กรรมการหรอื ผใู้ หค้ ะแนน ทุกคนเข้าใจตรงกนั ) ตัวอย่างการกำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนนในแต่ละรายการ จดุ ประสงค์ “เล่านทิ านอีสปภาษาอังกฤษ” รายการที่ 1) ความถกู ต้องของเนอ้ื หา ให้ 1 คะแนน เมื่อ เลา่ เรือ่ งไดต้ รงกบั ต้นฉบบั ของนิทานอสี ปภาษาอังกฤษจากเรื่องท่ีอา่ นได้ ให้ 0 คะแนน เม่อื เล่าเรอ่ื งไมต่ รงกบั ต้นฉบับของนทิ านอีสปภาษาองั กฤษจากเรื่องทไี่ ด้อา่ น รายการที่ 2) ความเขา้ ใจ ให้ 1 คะแนน เม่ือ เลา่ นทิ านอสี ปภาษาอังกฤษไดช้ ดั เจน เข้าใจงา่ ย ให้ 0 คะแนน เมื่อ เลา่ นิทานอีสปภาษาองั กฤษได้คลมุ เครือ เข้าใจยาก รายการท่ี 3) ความเหมาะสมของท่าทาง ให้ 1 คะแนน เมื่อ แสดงทา่ ทางสอดคลอ้ งกบั เหตุการณ์ในเรอ่ื งขณะกำลงั เล่า ให้ 0 คะแนน เม่ือ ไมแ่ สดงทา่ ทาง หรอื แสดงทา่ ทางไมส่ อดคลอ้ งกบั เหตุการณใ์ นเรอ่ื งขณะกำลงั เลา่ รายการที่ 4) ความเหมาะสมของน้ำเสยี ง ให้ 1 คะแนน เม่ือ ใชน้ ้ำเสยี งเพ่ือแสดงอารมณ์สอดคล้องกับเหตกุ ารณใ์ นเร่อื งขณะกำลังเล่า ให้ 0 คะแนน เม่ือ ใช้นำ้ เสยี งเพื่อแสดงอารณ์ไม่สอดคลอ้ งกับเหตุการณ์ในเรอื่ งขณะกำลงั เลา่ รายการท่ี 5) ความคล่องแคล่ว ให้ 1 คะแนน เมอ่ื เลา่ เรือ่ งไดอ้ ย่างราบรนื่ ไมม่ ีสะดดุ และตดิ ขัด ทำให้คล้อยตามในเร่อื งราวท่ีเลา่ ให้ 0 คะแนน เมือ่ เล่าเรื่องได้ไม่ราบรื่น สะดดุ ตดิ ขดั ไม่คล้อยตามในเรือ่ งราวท่เี ลา่
4.3 สร้างแบบวัดทกั ษะพิสัย ตามความเหมาะสมกบั พฤตกิ รรมทก่ี ำหนด ตัวอย่างแบบประเมนิ สำหรบั สงั เกตพฤตกิ รรมทักษะพสิ ัย จดุ ประสงค์ “เล่านทิ านอสี ปภาษาองั กฤษได้” คำชี้แจง ใหค้ รสู ังเกตนกั เรียนขณะเลา่ นทิ านอสี ปภาษาอังกฤษตามรายการพฤติกรรมและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนท่กี ำหนดในแบบ ประเมนิ แล้วเขียนคะแนนลงในช่องคะแนนทไ่ี ด้ ชอ่ื ........................................................นามสกลุ ..............................................................เลขท่ี..............................ชั้น........................ รายการพฤติกรรม ผา่ น (1คะแนน) ไม่ผา่ น (0คะแนน) คะแนนที่ ได้ 1.ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา เลา่ เรื่องไดต้ รงกับต้นฉบับบของ ล่าเรื่องไม่ตรงกับตน้ ฉบบั บของ 2.ความเข้าใจ นทิ านอสี ปภาษาองั กฤษทไี่ ดอ้ า่ น นิทานอีสปภาษาองั กฤษทไี่ ดอ้ ่าน เล่านิทานอสี ปภาษาอังกฤษได้ เลา่ นทิ านอสี ปภาษาองั กฤษได้ 3.ความเหมาะสมของ ชดั เจน เขา้ ใจง่าย ชัดเจน เขา้ ใจงา่ ย ทา่ ทาง แสดงท่าทางสอดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณ์ ไม่แสดงทา่ ทาง หรือ แสดงทา่ ทาง ในเรือ่ งขณะกำลงั เลา่ ไมส่ อดคล้องกับเหตุการณใ์ นเรอื่ ง 4.ความเหมาะสมของ ขณะกำลงั เลา่ น้ำเสยี ง ใช้น้ำเสียงเพือ่ แสดงอารมณ์ ใชน้ ้ำเสยี งเพอื่ แสดงอารณ์ไม่ สอดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณ์ในเรอื่ งขณะ สอดคลอ้ งกับเหตุการณ์ในเร่อื ง 5.ความคล่องแคล่ว กำลงั เล่า ขณะกำลงั เลา่ เลา่ เรื่องไดอ้ ย่างราบรื่น ไมม่ สี ะดุด เลา่ เรอ่ื งได้ไม่ราบรืน่ สะดดุ ติดขัด และตดิ ขดั ทำให้คล้อยตามใน ไม่คล้อยตามในเรื่องราวท่ีเลา่ เรอ่ื งราวทเี่ ลา่ คะแนนรวม ผลการประเมิน ผ่านการประเมนิ เมื่อ ได้คะแนนรวม 3 – 5 คะแนน ไมผ่ า่ นการประเมนิ เมื่อ ได้คะแนนรวม 0 – 2 คะแนน ความคิดเห็นเพ่ิมเติม.................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... ผู้สงั เกต.................................................................................... วันทีส่ งั เกต................. /.......................... /..........................
บทที่ 7
Search