Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 970 วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒๐๐ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

970 วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒๐๐ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

Description: 970 วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒๐๐ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

Search

Read the Text Version

พิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ ๓๒๓ วดั และพธิ ที ำ� บญุ อทุ ศิ สว่ นกศุ ล แด่ผู้วายชนม์จากเหตกุ ารณค์ วามไม่สงบ ใน ๔ จังหวัดภาคใต้ ปที ี่ ๑๕ ครั้งที่ ๑๔๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ อยู่ในบญุ 49 www.kalyanamitra.org

พิธีนจี้ ดั ขน้ึ เดือนละครงั้ หมุนเวยี นไปตามสถานท่ีต่าง ๆ ใน ๔ จงั หวดั ภาคใต้ โดย วัดพระธรรมกายและคณะศิษยานุศิษย์ คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใน ๔ จังหวัดภาคใต้ พรอ้ มดว้ ยหนว่ ยงานทง้ั ภาครฐั ภาคเอกชน ร่วมกันจัดข้ึนเป็นครั้งแรกเมอื่ วนั ท่ี ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ณ วดั มจุ ลนิ ทวาปวี หิ าร จ.ปตั ตานี นบั เปน็ เวลานานถงึ ๑๕ ปมี าแลว้ ซง่ึ ชาวพทุ ธ ในพื้นท่ีต่างมองเหน็ ความจรงิ ใจในการลงไปชว่ ยบรรเทาปัญหา หลังจากจัดพิธีทั้งสองน้ีได้ประมาณ ๓ ปี ก็มี พิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ เกดิ ขน้ึ เพ่อื เปน็ กำ� ลงั ใจแก่คณุ ครูผยู้ นื หยดั ทำ� หนา้ ทีใ่ ห้ความรแู้ ก่เยาวชนในดินแดนแถบน้ี พิธีกรรมครง้ั ล่าสดุ จดั ขึ้นทห่ี อประชมุ โรงเรยี นเบญจมราชูทศิ อ.เมอื ง จ.ปตั ตานี เมื่อ วนั ที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วยพิธีถวายสงั ฆทานแดค่ ณะสงฆ์ ๓๒๓ วัด และ พธิ ที ำ� บญุ อทุ ศิ สว่ นกศุ ลแดผ่ วู้ ายชนมจ์ ากเหตกุ ารณค์ วามไมส่ งบใน ๔ จงั หวดั ภาคใต้ ปที ี่ ๑๕ ครง้ั ท่ี ๑๔๕ พิธมี อบกองทนุ หนนุ แรงใจชว่ ยครใู ต้ ปที ี่ ๑๒ คร้งั ท่ี ๑๑๐ 50 อยู่ในบุญ สงิ หาคม ๒๕๖๒ www.kalyanamitra.org

พิธีเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ โดยมีประชาชน มารว่ มกนั ตกั บาตรพระสงฆ์ ๑๐๐ รปู ประธาน ฝา่ ยสงฆ์ คอื พระครอู ดุ มธรรมาทร เจา้ คณะ- อำ� เภอยะหรง่ิ เจา้ อาวาสวดั ปิยาราม ต่อด้วยพิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจ- ช่วยครูใต้ ๔๓๒ กองทุน พิธีท�ำบุญอุทิศ ส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์เนื่องจากเหตุการณ์ ความไม่สงบ และพิธีถวายสังฆทานแด่ คณะสงฆ์ ๓๒๓ วดั โดยมพี ระโสภณคณุ าธาร รองเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เจ้าอาวาส วัดทองดีประชาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระภาวนาธรรมวิเทศ ผู้ช่วยเจา้ อาวาสวดั พระธรรมกาย เป็นผู้แทนวดั พระธรรมกายและ กัลยาณมิตรทั่วโลกไปร่วมพิธี พร้อมท้ังมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ทหาร ต�ำรวจ ผู้ปฏิบัติ หนา้ ทใ่ี นพื้นทีเ่ สย่ี งภัยดว้ ย ปัญหาเล็ก ๆ บางอย่าง หากไม่แก้ไข ปล่อยให้ลุกลาม ยังกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ แล้วปัญหาระดับความเป็นความตายของพระพุทธศาสนา เราจะไม่สนใจไยดีได้อย่างไร... ขออนุโมทนาบุญกับพุทธศาสนิกชนทุกท่านท่ีให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ท�ำให้กิจกรรม ท่ีทรงคณุ ค่าและมีความหมายตอ่ พระพทุ ธศาสนายงั ดำ� รงอยูไ่ ด้ถงึ ทกุ วนั นี้ สงิ หาคม ๒๕๖๒ อยู่ในบุญ 51 www.kalyanamitra.org

หลวงพ่อตอบปัญหา เร่อื ง : หลวงพ่อทัตตชีโว หลวงพอ่ ตอบปัญหา ถาม : เราจะมีวธิ ีการด�ำเนินชีวิตอย่างไร จึงเรียกได้วา่ ใช้ชีวติ อย่างผ้มู ปี ญั ญา ? ตอบ : เร่อื งการใชช้ วี ิตหรือด�ำเนนิ ชวี ติ อย่างผมู้ ปี ัญญานี้ ค�ำสอนในพระพุทธศาสนามอี ยู่ใน กามโภคสี ตู ร ใจความวา่ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงสรรเสรญิ มนษุ ยใ์ นโลกประเภทหนง่ึ วา่ เปน็ ยอดคนกว่าใครในบรรดาคนทัง้ โลก ๑๐ จำ� พวก วันนีเ้ ราจะมาดูกนั ว่า ยอดคนที่วา่ นนั้ เขามี การด�ำเนนิ ชีวติ อยา่ งไร ในโลกนี้ ทรัพย์มีความส�ำคัญและจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิตท่ีดี ไม่มีทรัพย์ชีวิตก็ด�ำรงอยู่ อยา่ งยากลำ� บาก และทรพั ยน์ นั้ ตอ้ งดนิ้ รนแสวงหามาจงึ จะได้ ในเบอ้ื งตน้ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงจ�ำแนกคนจากวธิ ีการแสวงหาทรัพยอ์ อกเปน็ ๓ จำ� พวก ได้แก่ ๑. พวกทแ่ี สวงหาทรัพย์มาโดยวธิ ีไมช่ อบธรรม ๒. พวกทแี่ สวงหาทรัพยโ์ ดยวธิ ีชอบธรรมและไม่ชอบธรรม ๓. พวกท่แี สวงหาทรพั ยโ์ ดยวธิ ีชอบธรรมเท่านน้ั พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญการแสวงหาทรัพย์โดยวิธีชอบธรรม ทรงติเตียนการแสวงหา ทรัพย์โดยวิธีไม่ชอบธรรม ส�ำหรับคนจ�ำพวกที่สองซึ่งแสวงหาทรัพย์ทั้งโดยวิธีชอบธรรมและ ไมช่ อบธรรมนน้ั เป็นบุคคลจ�ำพวกทท่ี ั้งควรสรรเสริญและควรตเิ ตียน 52 อยู่ในบุญ สิงหาคม ๒๕๖๒ www.kalyanamitra.org

เมื่อได้ทรัพย์มาแล้ว ความจริงต้องน�ำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าอย่างถึงที่สุด แต่ด้วย ความไมร่ ขู้ องปถุ ชุ นผยู้ งั มกี เิ ลสหนาปญั ญาหยาบ จงึ ไดใ้ ชท้ รพั ยไ์ ปถกู บา้ งผดิ บา้ ง พระพทุ ธองค์ ทรงแยกจำ� พวกของคนตามวธิ กี ารใชท้ รัพยอ์ ีก ๓ จำ� พวก คือ ๑. พวกทหี่ าทรพั ยม์ าไดแ้ ลว้ แตไ่ มไ่ ดใ้ ชท้ รพั ยท์ หี่ ามาไดเ้ ลย้ี งตนและครอบครวั ใหเ้ ปน็ สขุ ใหอ้ มิ่ หนำ� ไม่ใชท้ รพั ยเ์ พอื่ การแบ่งปนั ไมใ่ ชท้ รพั ยเ์ พอื่ การทำ� บุญ ๒. พวกทใ่ี ชท้ รัพยท์ ห่ี ามาไดเ้ ลี้ยงตนและครอบครัวให้เปน็ สุข ให้อิ่มหนำ� แต่ไมแ่ บ่งปัน ไมท่ �ำบญุ ๓. พวกทใี่ ชท้ รพั ยท์ ห่ี ามาไดเ้ ลย้ี งตนและครอบครวั ใหเ้ ปน็ สขุ ใหอ้ ม่ิ หนำ� แบง่ ปนั (บรจิ าค ช่วยเหลือสงั คม) และทำ� บญุ ในบรรดาคนท่ีใช้ทรัพย์ด้วยวิธีต่าง ๆ น้ี ส่ิงท่ีควรแก่การสรรเสริญก็คือ การใช้ทรัพย์ เลีย้ งดูตนและครอบครวั ใหเ้ ป็นสุข ใหอ้ ิ่มหนำ� ใช้ทรัพยน์ ้นั เพ่ือแบ่งปนั และท�ำบุญ ดังนั้น เม่ือน�ำการจ�ำแนกคนโดยใช้วิธีการแสวงหาทรัพย์และใช้ทรัพย์มารวมกันแล้ว จงึ จ�ำแนกผคู้ นออกได้เป็น ๙ จ�ำพวก ๑. แสวงหาทรัพย์ในทางไม่ชอบธรรม ไม่ใช้ทรัพย์เลี้ยงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ใหอ้ ิ่มหนำ� ไมใ่ ช้ทรพั ย์เพอื่ การแบง่ ปัน ไม่ใช้ทรพั ยเ์ พื่อการทำ� บญุ ๒. แสวงหาทรัพย์ในทางไม่ชอบธรรม ใช้ทรัพย์เล้ียงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ให้ อิม่ หน�ำ ไมใ่ ช้ทรพั ยเ์ พ่ือการแบ่งปนั ไมใ่ ช้ทรัพยเ์ พอ่ื การทำ� บุญ ๓. แสวงหาทรัพย์ในทางไม่ชอบธรรม ใช้ทรัพย์เลี้ยงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ให้ อม่ิ หน�ำ ใชท้ รัพยเ์ พ่ือการแบ่งปนั และใช้ทรพั ยเ์ พื่อการทำ� บุญ ๔. แสวงหาทรัพย์ทั้งในทางชอบธรรมและไม่ชอบธรรม ไม่ใช้ทรัพย์เล้ียงตนและ ครอบครัวใหเ้ ป็นสุข ให้อ่ิมหนำ� ไม่ใช้ทรพั ยเ์ พอื่ การแบ่งปัน ไม่ใชท้ รัพยเ์ พอ่ื การทำ� บญุ ๕. แสวงหาทรัพย์ทัง้ ในทางชอบธรรมและไม่ชอบธรรม ใช้ทรพั ยเ์ ล้ียงตนและครอบครัว ใหเ้ ปน็ สุข ใหอ้ ิ่มหนำ� ไมใ่ ชท้ รัพย์เพอ่ื การแบง่ ปัน ไมใ่ ช้ทรัพย์เพ่ือการทำ� บญุ ๖. แสวงหาทรพั ยท์ งั้ ในทางชอบธรรมและไม่ชอบธรรม ใช้ทรัพย์เล้ยี งตนและครอบครวั ให้เป็นสขุ ให้อ่มิ หนำ� ใช้ทรัพยเ์ พ่อื การแบ่งปัน และใช้ทรพั ย์เพื่อการทำ� บญุ ๗. แสวงหาทรพั ยแ์ ตใ่ นทางชอบธรรม ไมใ่ ชท้ รัพย์เลย้ี งตนและครอบครวั ใหเ้ ปน็ สุข ให้ อ่ิมหน�ำ ไม่ใชท้ รัพยเ์ พ่ือการแบ่งปัน ไม่ใช้ทรัพยเ์ พอ่ื การทำ� บุญ ๘. แสวงหาทรัพย์แต่ในทางชอบธรรม ใช้ทรัพย์เล้ียงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ให้ อ่มิ หน�ำ ไม่ใชท้ รัพย์เพื่อการแบ่งปนั ไมใ่ ชท้ รัพย์เพ่ือการทำ� บุญ ๙. แสวงหาทรัพย์แต่ในทางชอบธรรม ใช้ทรัพย์เลี้ยงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ให้ อิ่มหน�ำ ใช้ทรัพยเ์ พือ่ การแบ่งปัน และใชท้ รพั ย์เพ่อื การทำ� บญุ ในบรรดา ๙ จ�ำพวกน้นั ท่ีควรแกก่ ารสรรเสรญิ ทั้ง ๒ ด้านก็คอื จ�ำพวกที่ ๙ แสวงหาทรพั ย์ ในทางชอบธรรม แล้วใช้ทรัพย์เพื่อเลี้ยงตนและครอบครัวให้เป็นสุข ให้อ่ิมหน�ำ แบ่งปัน ทรพั ย์ และทำ� บุญด้วย แต่น่นั กย็ งั ไมใ่ ชย่ อดคน เพราะยงั เปน็ ผู้มีใจก�ำหนัด หมกมุ่น จดจอ่ ใน สงิ หาคม ๒๕๖๒ อยู่ในบญุ 53 www.kalyanamitra.org

กามสขุ ไมเ่ หน็ โทษในชวี ติ ไมม่ ปี ญั ญาเปน็ เครอ่ื งสลดั ออก ยงั ยนิ ดตี อ่ การเวยี นวา่ ยในหว้ งทกุ ข์ ยอดคนกวา่ ใครในบรรดาคนทุกจำ� พวกนนั้ คอื คนในจ�ำพวกที่ ๑๐ เปน็ บคุ คลท่แี สวงหา ทรพั ย์ ทำ� มาหากนิ โดยวธิ ชี อบธรรม เมอื่ ใชท้ รพั ยท์ หี่ ามาไดก้ น็ ำ� ไปเลยี้ งดตู นใหเ้ ปน็ สขุ อมิ่ หนำ� แบง่ ปนั สงเคราะห์ ทำ� บญุ และเปน็ ผมู้ คี วามเจรญิ ในดา้ นจติ ใจ ไมก่ ำ� หนดั ไมห่ มกมนุ่ ไมจ่ ดจอ่ เหน็ โทษในการเวยี นวา่ ยตายเกดิ มปี ญั ญาเปน็ เครอ่ื งสลดั ออก ตวั อยา่ งของบคุ คลผเู้ ปน็ ยอดคน เหลา่ นีใ้ นสมัยพุทธกาล ไดแ้ ก่ อนาถบิณฑกิ เศรษฐี มหาอุบาสิกาวสิ าขา เปน็ ต้น แตล่ ะท่าน ด�ำเนินชีวิตของผู้ครองเรือนอย่างเป็นสุขและปฏิบัติธรรมจนบรรลุเป็นพระโสดาบัน ชีวิต มจี ุดหมายปลายทางมงุ่ ส่พู ระนิพพานชัดเจนม่นั คงแนน่ อน ถามว่าบคุ คลเชน่ ไรจึงจะฝึกหัดขดั เกลาตนจนมคี วามเจรญิ มปี ญั ญาด่งั บคุ คลจำ� พวกที่ ๑๐ น้ีได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพ้ืนฐานการพัฒนาของคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนไว้ตามล�ำดับ คอื ทาน ศลี และภาวนา ด้านพระภิกษสุ งฆ์ผอู้ อกบวชแล้วกม็ ลี �ำดับการฝกึ ตนตามไตรสกิ ขา คือ ศลี สมาธิ และปญั ญา บคุ คลท่ีจะมปี ัญญาได้คอื ผทู้ ่ฝี ึกสมาธิภาวนามาโดยสม�่ำเสมอ ดัง มีพุทธพจน์ที่กล่าวถึงอานุภาพของใจที่ใสไว้ว่าสามารถจะมองเห็นได้กระจ่างถึงประโยชน์ตน ประโยชน์ทา่ นได้ ตรงกนั ขา้ มกับใจท่ขี นุ่ มัว ไมอ่ าจมองเห็นอะไรได้ตามความเป็นจริง การเจริญสมาธิภาวนาจึงเป็นบทฝึกตนท่ีส�ำคัญของคฤหัสถ์และบรรพชิต ถ้าใครไม่ได้ ฝกึ ตนมาถึงขน้ั ภาวนาอยา่ งจริงจงั ในชีวติ การแก้ไขชวี ิตตนเองใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ก็จะไม่บรรลุ ถึงที่สดุ ทาง เมอ่ื ใจไมผ่ ่องใสจะไม่มโี อกาสรู้และเขา้ ใจว่าชวี ิตนเี้ ปน็ ทุกข์ จะไมร่ ้แู ละตระหนกั ถงึ วตั ถปุ ระสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ วา่ ชวี ติ นเี้ ราเกดิ มามเี ปา้ หมายจะตอ้ งออกจากทกุ ขไ์ ปใหไ้ ดอ้ ยา่ งสนิ้ เชงิ จะไม่รู้ว่าเราก�ำลังอยู่ในโลกที่เป็นเสมือนคุกขนาดใหญ่ที่คุมขังทุกชีวิตเอาไว้ ไม่อาจรอดพ้น คุกนี้ไปได้ด้วยวิธีอื่นใด ทางรอดทางเดียวท่ีจะออกไปจากโลกหรือคุกน้ีได้ ก็ด้วยธรรมของ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ โดยด�ำเนนิ ชีวติ ตามแนวทางอรยิ มรรคมีองค์ ๘ เท่าน้ัน การด�ำเนินชวี ิตตามอริยมรรคมอี งค์ ๘ ประการ ไดแ้ ก่ มี สมั มาทิฐิ ความเหน็ ถูกเรือ่ ง โลกและชีวิต สัมมาสังกปั ปะ ความด�ำรชิ อบวา่ จะดำ� เนนิ ชวี ิตอยา่ งไร สมั มาวาจา การพูดจา ในทางที่ชอบธรรม สัมมากมั มันตะ การกระทำ� ทีช่ อบธรรม สมั มาอาชวี ะ การประกอบอาชพี โดยชอบธรรม สัมมาวายามะ ความพยายามในทางที่ชอบ สมั มาสติ ความระลึกรตู้ วั ไดถ้ กู และ สมั มาสมาธิ การมจี ติ ตงั้ มน่ั ชอบ หรอื จะยอ่ ลงมาเปน็ ๓ ประการไดแ้ ก่ ศลี สมาธิ ปญั ญา ในกรอบของศีลได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ ในกรอบของสมาธิ ได้แก่ สัมมาวายามะ สมั มาสติ และสมั มาสมาธิ ในกรอบของปัญญาไดแ้ ก่ สมั มาทิฐิ และ สัมมาสงั กปั ปะ มนุษย์มีบุญเป็นเครื่องหล่อเล้ียงชีวิต หมดบุญก็หมดอายุขัยต้องจบชีวิตชาติน้ีลงไป และเกิดใหมใ่ นภพอื่น การจะไปส่ภู พภูมใิ ดก็ตามแต่ก�ำลงั แห่งบุญบาปที่ส่ังสมเอาไว้ยามเม่ือ มชี ีวติ อยู่ กำ� ลังบญุ มากสง่ ผลใหไ้ ปเกิดในสุคตภิ มู ิ ในโลกสวรรค์ หรือโลกมนุษย์ ถา้ บาปมาก ก็สง่ ผลไปสู่ทุคติ อาจจะเปน็ สัตวเ์ ดรัจฉาน เปรต อสรุ กาย สัตวน์ รก ดังน้นั เมื่อชีวติ ยังต้อง 54 อยู่ในบุญ สงิ หาคม ๒๕๖๒ www.kalyanamitra.org

เวยี นเกิดเวยี นตายอยู่ ยามเป็นมนษุ ยพ์ ึงสง่ั สมบุญไว้ใหม้ าก บญุ มากความสขุ ความส�ำเรจ็ ก็มาก ไปตามส่วน การด�ำเนินชวี ติ ของผ้มู ีปญั ญา จงึ ท�ำไปตามเส้นทางของทาน ศลี และภาวนา เมือ่ ชีวติ นี้ มีทุกขเ์ ป็นพ้ืนฐาน ทกุ ชีวิตต้องประสบกับทกุ ข์ ๔ ประการเหมอื นกนั ตา่ งต้องพึง่ พาตนเอง ขจดั ทกุ ขข์ องตน แตก่ ใ็ ชว่ า่ ทกุ คนจะเกง่ กาจสามารถแกไ้ ขทกุ ขไ์ ดเ้ สมอ ในยามประสบอปุ สรรค ทเี่ กินก�ำลงั ของตน กต็ ้องการความช่วยเหลือแบ่งปนั จากเพอื่ นมนษุ ย์ผเู้ ป็นมติ รแท้ ทุกขข์ องชวี ิตประการที่ ๑ ทกุ ขป์ ระจ�ำกาย รา่ งกายนี้ประสบเป็นประจำ� กับความหนาว ร้อน หวิ กระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ มนุษยข์ าดแคลนปจั จยั ๔ ทจ่ี ะมาหลอ่ เลยี้ ง ร่างกายน้ีให้คงอยู่ได้ตลอดเวลา จึงเป็นที่มาว่าต้องท�ำมาหากิน แสวงหาทรัพย์นั้นมาเลี้ยงดู ตนให้เป็นสขุ และอม่ิ หนำ� เพอ่ื คลายทุกข์น้ี และยามใดทีใ่ ครขาดแคลนปจั จยั ๔ เหล่าน้ี หรือ หาไดโ้ ดยยาก เมือ่ เพื่อนมนษุ ย์มีใจอารีหยิบยน่ื ให้ความชว่ ยเหลอื ในเวลาท่ตี อ้ งการ จะน่าชนื่ ใจ สักเพยี งไร เหตนุ เ้ี องพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าจึงทรงสรรเสรญิ การแบง่ ปนั ทรัพย์ และสรรเสริญ การเล้ยี งดตู นใหเ้ ปน็ สขุ ทุกข์ของชีวิตประการที่ ๒ ทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน การด�ำรงอยู่ของมนุษย์ต้องอาศัย การพง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั ตง้ั แตค่ รอบครวั คนใกลช้ ดิ คนทที่ ำ� งานรว่ มกนั การอยดู่ ว้ ยกนั มโี อกาส ทีจ่ ะเกิดการกระทบกระทั่งกนั ได้ เพราะตา่ งคนก็ตา่ งใจ ต่างอธั ยาศยั โอกาสเข้าใจผิด พูดผิด ท�ำผิดก็มีได้ และการกระทบกระทั่งง่ายที่สุดและมากท่ีสุดก็ไม่เกินค�ำพูด ดังนั้นการมีศีล เสมอกนั การสอ่ื สารพดู จากนั ดว้ ยปยิ วาจา พดู สรา้ งสรรคใ์ หก้ ำ� ลงั ใจกนั จงึ เปน็ เรอื่ งสำ� คญั และ การใชท้ รพั ยท์ ห่ี ามาไดเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ คนใกลช้ ดิ เพอ่ื ผกู สมั พนั ธใ์ หแ้ นน่ แฟน้ กเ็ ปน็ สง่ิ ควรทำ� ทกุ ขข์ องชวี ติ ประการที่ ๓ ทกุ ขจ์ ากการประกอบอาชพี เมอื่ ทำ� การงานในอาชพี แลว้ ประสบ ปัญหาอุปสรรคอันใด ซ่ึงท�ำให้หาทรัพย์ได้ยาก ได้น้อย หากได้รับน�้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ ให้ความช่วยเหลือ แนะนำ� เก่ียวกับการงานอาชีพ ส่งเสริมให้เขาได้เลี้ยงชีวิตต่อไปได้ดีด้วย การงานท่ชี อบธรรม จงึ เปน็ สง่ิ ท่ีควรสรรเสริญ ทกุ ขข์ องชวี ติ ประการท่ี ๔ ทกุ ขอ์ นั เกดิ จากกเิ ลสทบี่ งั คบั ใจ ไมว่ า่ จะเปน็ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทท่ี ำ� ใหค้ นเรามนี สิ ยั และความประพฤติไม่ดี เบยี ดเบยี นทงั้ ตนเองและคนอ่ืน ซ่งึ จะเปน็ ปญั หาอปุ สรรคตอ่ ความสมั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งเพอ่ื นมนษุ ยอ์ ยา่ งยง่ิ ถา้ หากคนทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั มคี วามจรงิ ใจต่อกนั มีความเป็นกันเอง มีความประพฤตสิ มำ�่ เสมอจนเชื่อใจกัน สามารถพดู และเตือนกันได้ ความเป็นมิตรเช่นน้ีย่อมจะผูกน้�ำใจกันและอยู่ช่วยเหลือเก้ือกูลกันไปได้ ตลอดรอดฝัง่ เมอ่ื ชวี ติ ในโลกนมี้ ที กุ ขเ์ ปน็ พนื้ ฐาน การดแู ลและรกั ษาชวี ติ ไวโ้ ดยอาศยั การทำ� มาหาทรพั ย์ และใชท้ รพั ย์นน้ั มาเป็นเครอื่ งหลอ่ เลี้ยงชวี ติ จงึ เป็นการขจดั ทกุ ขอ์ อกไปชั่วขณะเปน็ คร้ังคราว เท่านน้ั ถ้าหากจะรักษาชีวติ ไวเ้ พ่อื ด�ำเนินไปใหถ้ งึ จดุ หมายปลายทางการพน้ ทกุ ข์ พน้ ไปจาก การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เข้าถงึ บรมสขุ คอื พระนิพพาน ก็ต้องด�ำเนินชีวติ อยา่ งผู้มปี ัญญา อยา่ ง บัณฑิตทัง้ หลายในกาลก่อนที่ได้ด�ำเนนิ ชีวิตด้วยหลักอรยิ มรรคมีองค์ ๘ ประการ สงิ หาคม ๒๕๖๒ อยู่ในบุญ 55 www.kalyanamitra.org

อ่านอดีต ขีดอนาคต เรอ่ื ง : พระมหาพงศศ์ ักด์ิ านโิ ย, ดร. ย้อนอดีต...ทอ่ งประวัตศิ าสตรพ์ ระพุทธศาสนา ตอนท่ี ๒๐ : รปู แบบคณะกรรมการบรหิ าร (Executive Board) ในสมัยพทุ ธกาล ภายหลังจากที่พระพุทธองค์ได้ทรงปักหลักพระพุทธศาสนาลงในแคว้นมคธเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว ไดม้ กี ลุ บตุ รผมู้ ศี รทั ธาเขา้ มาศกึ ษาพระพทุ ธศาสนากนั เปน็ จำ� นวนมาก บา้ งฟงั ธรรมแลว้ บงั เกดิ ศรทั ธา ขอถงึ พระรตั นตรัยวา่ เปน็ สรณะตลอดชวี ิต บ้างขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา เป็นเหตใุ ห้ พระศาสนาของพระชินสีหข์ จรขจายไปทว่ั แผน่ ดนิ อนิ เดียในยคุ นั้น เกี่ยวข้องกับการบรรพชาอุปสมบท ท�ำให้เราได้เห็นถึงวิวัฒนาการการโอนถ่ายอ�ำนาจ การตัดสินใจจากตัวบุคคลไปสู่รูปแบบของคณะกรรมการบริหาร (Executive Board) ซ่ึงเป็นหน่ึง ในเหตุผลสำ� คัญทที่ �ำใหพ้ ระพทุ ธศาสนาสืบทอดมาถึงปจั จบุ นั นานกว่า ๒,๖๐๐ ปี โดยมีววิ ัฒนาการ ดงั กลา่ ว ดังตอ่ ไปน้ี รูปแบบที่ ๑ การบวชแบบ “เอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา” ซึ่งเปน็ วธิ ีการทพ่ี ระพทุ ธเจ้าทรงใหก้ ารบวช แก่กุลบุตรด้วยพระองค์เอง ดังเช่นการบวชของพระปัญจวัคคีย์ พระยสะและสหาย พระกัสสปะ ๓ พ่ีน้องและบริวารผู้เป็นอดีตชฎิล รวมถึงพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะผู้เป็นอัครสาวก (ดูรายละเอียดได้ใน วิ.มหา. ๔/๑๘/๒๕, ๔/๒๘/๓๖, ๔/๓๐-๓๑/๓๘-๔๐, ๔/๕๑-๕๓/๖๑-๖๓, ๔/๖๒/๗๗ แปล.มจร) รูปแบบที่ ๒ การบวชแบบ “ติสรณคมนูปสัมปทา” ซ่ึงเป็นวิธีการท่ีพระพุทธเจ้าทรงอนุญาต ให้พระอรหันตสาวกท�ำการบวชให้แก่กุลบุตรผู้มีศรัทธา โดยไม่ต้องรอนแรมเดินทางมาเข้าเฝ้า พระพุทธองค์จากแดนไกล (ดูรายละเอียดได้ใน ว.ิ มหา. ๔/๓๔/๔๒-๔๓ แปล.มจร) รูปแบบท่ี ๓ การบวชแบบ “ญัตติจตุตถกรรมวาจา” ซึ่งเป็นวิธีการบวชให้แก่กุลบุตร โดย พระพุทธองค์ไดท้ รงยกเลิกการบวชแบบ “ติสรณคมนปู สมั ปทา” แลว้ ทรงให้อำ� นาจการตัดสนิ ใจแก่ คณะสงฆใ์ นรปู แบบของ “คณะกรรมการบรหิ าร” นน่ั เอง(ดรู ายละเอยี ดไดใ้ น ว.ิ มหา. ๔/๖๙-๗๐/๙๗-๙๙ แปล.มจร) ดงั จะเห็นไดว้ ่า ในระยะเริม่ ตน้ ของการประกาศพระศาสนา อ�ำนาจในการตดั สินใจทัง้ หมดจะอยทู่ ่ี พระพุทธองค์เอง และต่อมาอ�ำนาจการตัดสินใจได้ขยายออกไปสู่พระอรหันตสาวก ในระยะนี้เอง แมจ้ ะมีการบวชแบบ “ตสิ รณคมนปู สัมปทา” (รปู แบบท่ี ๒) แตพ่ ระพุทธองค์ก็ยังประทานการบวช แบบ “เอหภิ กิ ขุอุปสมั ปทา” (รูปแบบที่ ๑) อย่นู ัน่ เอง ครนั้ เม่ือพระพทุ ธศาสนาเรมิ่ ปักหลัก มหี ม่สู งฆ์ บังเกิดขึ้นมากมาย พระพุทธองค์จึงทรงโอนถ่ายอ�ำนาจการตัดสินใจในการรับกุลบุตรเข้ามาสู ่ พระธรรมวนิ ยั ในรปู แบบของ “คณะกรรมการบรหิ าร” หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “ญตั ตจิ ตตุ ถกรรมวาจา” (รปู แบบ ที่ ๓) อันเป็นรูปแบบทส่ี ืบต่อกนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั 56 อยู่ในบุญ สงิ หาคม ๒๕๖๒ www.kalyanamitra.org

ยอ้ นอดตี ...ทอ่ งประวตั ศิ าสตร์พระพุทธศาสนา ตอนที่ ๒๐ ภาพ : พ.ณัฏฐวัฒน์ ณฏฺฐโิ ต หลวงพ่ีเปรม รูปแบบคณะกรรมการบริหาร (Executive Board) ในสมัยพุทธกาล Timeline ท่านจงเป็นภิกษเุ ถดิ ยคุ ของการอปุ สมบท (เอหิ ภกิ ฺขุ) สำ�หรับพระพทุ ธเจ้า รปู แบบที่ ๑ แต่หากยังไมไ่ ดเ้ ปน็ พระอรหันตจ์ ะตรัสวา่ การบวชแบบเอหิภิกขอุ ปุ สัมปทา “จงมาเป็นภกิ ษุ เพ่ือทำ�ที่สนิ้ สดุ ทุกข์เถิด” (เอ-หิ-พกิ -ขุ-อุบ-ปะ-ส�ำ -ปะ-ทา) (เอหิ ภกิ ขฺ ุ ทกุ ฺขสฺส อนตฺ กริ ิยาย) พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าประทานการบวช ให้แกก่ ุลบตุ รด้วยพระองคเ์ อง ส�ำ หรบั พระสาวก รปู แบบท่ี ๒ พระสาวก บวชให้ การบวชแบบตสิ รณคมนปู สมั ปทา พทุ ธัง สะระณัง คัจฉามิ (ต-ิ สะ–ระ-นะ-คะ–มะ-นู-ปะ-ส�ำ -ปะ-ทา) ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ตอ่ มาเน่อื งจากการเดนิ ทางไกล พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ จึงทรงอนุญาต ให้พระสาวกทำ�การบวชใหแ้ กก่ ุลบุตรแทนพระพทุ ธองค์ พุทธงั สะระณงั คัจฉามิ โดยใหก้ ารอปุ สมบทดว้ ยการรบั “ไตรสรณคมน”์ ธมั มัง สะระณงั คจั ฉามิ บวชให้ บวชให้ สงั ฆงั สะระณงั คัจฉามิ จึงไมต่ อ้ งพาผ้ขู อบวชเดนิ ทางไกลมาหาพระพุทธองค์อีกตอ่ ไป ทำ�ให้มีจำ�นวนพระภิกษุเพม่ิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ (ต่อมายกเลิกการบวชแบบ “ตสิ รณคมนูปสมั ปทา” ใหแ้ กพ่ ระภิกษุ แลว้ ใหใ้ ช้สำ�หรบั การบรรพชาสามเณรแทน) ส�ำ หรับคณะสงฆ์ รปู แบบที่ ๓ ภกิ ษสุ งฆ์ทสวรรค (๑๐ รปู ) พระอปุ ชั ฌาย์ ท่านผ้นู ้อี ยากบวช การบวชแบบญตั ติจตุตถกรรมวาจา คณะสงฆ์เหน็ ว่าควร (ยดั -ติ-จะ-ตดุ -ถะ-กำ�-มะ-วา-จา) จะให้บวชไหม ? ปรนิ ิพพาน พระพุทธองคไ์ ดท้ รงยกเลิกการบวชแบบ “ติสรณคมนูปสมั ปทา” แล้วทรงให้อำ�นาจแก่ “คณะสงฆ์” ด้วยการใหพ้ ระอปุ ัชฌายป์ ระกาศ ทา่ มกลางหมูส่ งฆ์ ๑ คร้ัง แลว้ ถามย�ำ้ อกี ๓ ครงั้ เพอ่ื ใหค้ ณะสงฆ์ ชว่ ยกนั พจิ ารณาคัดกรองกลุ บตุ ร ในการรบั เข้าเปน็ พระภิกษุ จึงนับว่าเป็นรปู แบบของ “คณะกรรมการบริหาร” ใหช้ ่วยกันพิจารณา ดงั นน้ั จะเหน็ ได้วา่ ในยุคแรกอำ�นาจการตัดสินใจทง้ั หมด จะอยู่ที่พระพทุ ธองค์ ตอ่ มาทรงกระจายอำ�นาจใหแ้ กพ่ ระสาวก และต่อมากใ็ ห้อำ�นาจแก่คณะสงฆ์ในการชว่ ยกันพจิ ารณา การทำ�สังฆกรรมตา่ ง ๆ ปัจจบุ นั เพื่อความรอบคอบในการตดั สินใจ www.kalyanamitra.org

๔ ช่องทาง..ท่คี ุณจะได้รับสอ่ื ดี ๆ โดยตรงจากส�ำ นกั ส่ือธรรมะก่อนใคร • อ่าน e-book วารสารอยูใ่ นบุญและหนังสือทุกเล่มทส่ี �ำนกั ส่ือธรรมะผลติ • รบั ชม รับฟงั และโหลดธรรมะดี ๆ ผา่ น YouTube เช่น ไฟล์เสียงน�ำนั่งสมาธิ โอวาทหลวงพ่อธัมมชโย สกปู พเิ ศษ Case Study รวมแล้วนับหม่นื ๆ ชนิ้ • อ่านบทความดี ๆ ทเ่ี ราคัดมาแล้วเพ่อื คุณ จาก ๔ ช่องทาง เพียงคณุ สแกน QR Code ผา่ นมอื ถอื หรือแทบ็ เล็ตของคณุ ไลน@์ สำ� นกั สอื่ ธรรมะ เพจสำ� นกั ส่ือธรรมะ Line ID : @hkp4852i ส�ำนกั สอื่ ธรรมะ บลอ็ กเกอร์สำ� นักสื่อธรรมะ dhamma-media.blogspot.com สนใจสมคั รมารบั บญุ เป็นหนงึ่ ในทมี งานเผยแผ่สอื่ ธรรมะกบั เรา ได้ท่ี Line ID : rung0622265415 www.kalyanamitra.org

ทปี่ รึกษา ๕ สิ่งท่ีใหแ้ ล้วไม่ได้บุญ พระวเิ ทศภาวนาจารย์ ว.ิ (สมบญุ สมฺมาปญุ โฺ ) พระสธุ รรมญาณวิเทศ ว.ิ (สธุ รรม สุธมโฺ ม) พระครูปลดั สวุ ฒั นโพธิคณุ (สมชาย านวฑุ โฺ ฒ) พระครสู มุหว์ ษิ ณุ ปญฺ าทโี ป พระครูธรรมธรอารกั ษ์ าณารกโฺ ข พระครูใบฎกี าอำ� นวยศกั ด์ิ มุนสิ กฺโก บรรณาธิการบรหิ าร พระสมบตั ิ รกขฺ ิตจิตโฺ ต กองบรรณาธิการ หลายคนอาจเขา้ ใจวา่ เวลาจะให้ทาน ไมว่ า่ จะให้อะไร พระสนิทวงศ์ วุฑฒฺ วิ ํโส, พระมหามญิ ช์ พทุ ธฺ วิ ฑโฺ ฒ, ดร., กไ็ ดบ้ ญุ ทง้ั นนั้ แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ มหี ลายอยา่ งทใี่ หแ้ ลว้ ไมไ่ ดบ้ ญุ พระมหาธรี ะ นาถธมฺโม, พระวิฑูรย์ อุชจุ าโร, เพราะสง่ิ ที่ให้นั้นเกิดโทษภัยแก่ผู้รับ ซึง่ มีอยู่ ๕ อย่างดังนี้ พระสุรศักด์ิ ปภสฺสโร, พระณัฏฐวฒั น์ ณฏฺโิ ต, ๑. ใหส้ ุรายาเสพติด เชน่ บุหรี่ เหลา้ ฝ่นิ กัญชา ยาบา้ พระมหาอรรถพล กลุ สทิ โฺ ธ, พระปลัดบรบิ ูรณ์ ธมฺมวิชโฺ ช, เพราะใหแ้ ลว้ ท�ำใหเ้ กดิ โทษกับรา่ งกายและจติ ใจ พระมหาภูรัช ทนตฺ วํโส, พระมหาณัฐวุฒิ ณฏฺ ชโย, ๒. ให้มหรสพ เช่น พาไปดูหนัง ดูละคร ดูคลิปโป๊ วันชัย ภทั รโกมล, นำ�้ ผง้ึ พมุ่ มาล,ี ฟังดนตรี เพราะการให้ส่งิ นที้ �ำใหก้ ามกำ� เรบิ ไม่เป็นไปเพือ่ ระพีพรรณ ใจภกั ดี, รดั เกลา้   ล่ิวเฉลิมวงศ์, ความสงบระงบั ของจติ ใจ อมรรัตน์ สมาธิทรพั ยด์ ี, สธุ ิดา จนิ ดากจิ นุกูล, ๓. ใหค้ นเพศตรงขา้ ม เชน่ หาสาว ๆ ใหเ้ จา้ นาย เพราะ กนกพร เทศนา, เมธนิ ี จอกทอง, ใหแ้ ลว้ เป็นการเพ่ิมพูนกิเลส ก่อใหเ้ กิดภพชาติ (ความเกดิ ) อมรพรรณ ทองสมบรู ณ,์ พงษว์ นาถ ดวงปาน, ซึ่งเป็นทุกข์ พรรณนภิ า ทองเตม็ , จตรุ พร สมแกว้ , กติ ตศิ กั ดิ์ พรหมสขุ , ๔. ให้สัตว์เพศตรงข้ามหรือให้สัตว์เพื่อน�ำไปฆ่า เช่น บญุ ฐสิ า สรอ้ ยส�ำโรง, เมษนิ ีย์ คลา้ ยอุดม, อริยา ผาลาโห, หาสนุ ขั ตัวเมยี ใหต้ วั ผู้ ใหไ้ กเ่ พื่อเอาไปฆ่าเป็นอาหาร วา่ ที่ ร.ต. วทิ วสั ยงถาวร, สุณษิ า วงษว์ ทิ ยา ๕. ให้ภาพลามก เช่น หนังสือลามกที่ยั่วยุกามารมณ์ ฝา่ ยภาพ ทั้งหลาย เพราะให้แล้วกิเลสเพิ่มพูน ก่อให้เกิดการท�ำ ศนู ย์ภาพนิ่งและบรรณาธิการภาพ ผดิ ศีลผดิ ธรรมไดง้ ่าย ถึงแม้การให้เป็นส่ิงที่ดี แต่ถ้าให้ส่ิงท่ีไม่ควร ฝา่ ยศลิ ปกรรม กเ็ ทา่ กบั เปน็ การมอบความหายนะใหแ้ กเ่ พอ่ื นมนษุ ย์ สถาบนั พุทธศิลป์แห่งโลก, พระศิริพงษ์ สิรวิ โํ ส, ด้วยกนั ... ลือพงศ์ ลีลพนงั , ชยั ชนะ กติ ตโิ สภาพันธุ,์ อดิเศรษฐ์ นฐั กรานต์นุวฒั น์, ธาดา วงศ์คุณานนท,์ สันทัด ศกั ดสิ์ าคร, สพุ ตั รา ปัญญาแสง, ดารณี โกยทอง ฝา่ ยโฆษณา ปราณี ชยั ผดงุ ๐๙ ๑๕๔๙ ๒๔๙๒ ฝา่ ยสมาชกิ ปยิ ธิดา เกตุสถล ๐๙ ๒๖๓๒ ๕๔๖๒ โรงพมิ พ์ บรษิ ทั รุ่งศิลปก์ ารพมิ พ์ (๑๙๗๗) จ�ำกัด จดั ทำ� โดย ส�ำนกั สอ่ื ธรรมะ วัดพระธรรมกาย วารสาร “อยใู่ นบุญ” เป็นวารสารเพ่ือการเผยแผธ่ รรมะ ในพระพุทธศาสนาเปน็ รายเดอื น มวี ตั ถุประสงคด์ ังตอ่ ไปน้ี ๑. เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมะขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเกิดก�ำลังใจในการปฏิบัติธรรม เพ่อื เข้าถงึ ธรรมะภายใน ๒. เพอ่ื ปลกู ฝงั คณุ ธรรมแกป่ ระชาชนทกุ เพศ ทกุ วยั ทกุ อาชพี และทุกระดบั การศกึ ษา ๓. เพื่อถ่ายทอดความรู้ในพระพุทธศาสนาให้ง่ายแก่ การนำ� ไปใช้ให้เปน็ ประโยชน์ในชีวิตประจำ� วนั ๔. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนในสังคมเป็นคนดี ทโี่ ลกตอ้ งการ ๕. เพ่ือเป็นสื่อกลางในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ให้เปน็ ทพ่ี ่งึ แกช่ าวโลกสบื ไป www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

อาโรคยฺ ปรมา ลาภา ความไมม่ โี รคเป็นลาภอนั ประเสรฐิ ขอเชิญรว่ มพธิ ีถวายยารักษาโรค ในวันเสาร์ที่ ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ วัดพระธรรมกาย www.kalyanamitra.org