Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อะไรนะ

อะไรนะ

Description: อะไรนะ

Search

Read the Text Version

พิมพ์แจกเปน็ ธรรมบรรณาการด้วยศรทั ธาของญาตโิ ยม หากท่านไมไ่ ดใ้ ช้ประโยชน์จากหนังสอื นี้แลว้ โปรดมอบใหก้ บั ผ้อู ื่นทีจ่ ะได้ใช้ จะเป็นบุญเป็นกศุ ลอยา่ งยิ่ง

อะไรนะ? ชยสาโร ภกิ ขุ สงวนลิขสิทธิ์ หา้ มคัดลอก ตัดตอน หรือน�ำ ไปพิมพ์จ�ำ หน่าย หากท่านใดประสงคจ์ ะพิมพแ์ จกเป็นธรรมทาน โปรดตดิ ต่อ มลู นิธปิ ัญญาประทีป หรือ โรงเรียนทอสี ​๑๐๒๓/๔๗ ซอยปรดี พี นมยงค์ ๔๑ สขุ ุมวิท ๗๑ เขตวัฒนา กทม. ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๒๗๑๓-๓๖๗๔ www.thawsischool.com, www.panyaprateep.org ขอขอบคณุ และอนโุ มทนา ผถู้ อดเทป สภุ าวดี จนั ทรทตั ณ อยธุ ยา ผเู้ รยี บเรยี ง ศรวี รา อสิ สระ จดั ท​ �ำ ​โดย​ มูลนิธิปญั ญาประทีป พ​ มิ พ์​ครั้งท​ ่​ี ​๑​​ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕ จำ�นวน ๕,๐๐๐ เล่ม พมิ พ์​ครง้ั ท​ ​่ี ​๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำ�นวน ๕,๐๐๐ เล่ม ศลิ ปกรรม ปริญญา ปฐวนิ ทรานนท์ ดำ�เนนิ การพมิ พ์ บริษทั ควิ พร้นิ ท์ แมเนจเมน้ ท์ จ�ำ กัด โทรศัพท์ ๐-๒๘๐๐-๒๒๙๒

ค�ำ นำ� ท่านอาจารย์ชยสาโร  ได้เมตตาอบรมส่ังสอนให้ลูกศิษย์ ระลึกถึงความสำ�คัญของการส่ือสารทางวาจาอยู่เป็นนิจ  เพราะ เป็นส่ิงท่ีพวกเราทุกคนต้องกระทำ�กันอยู่ทุกวันและสามารถ เผลอไผลไดต้ ลอดเวลา แมแ้ ตก่ บั ลกู ศษิ ยต์ วั นอ้ ยๆ ทา่ นกส็ อนให้ ลงทา้ ยค�ำ พดู ดว้ ยค�ำ วา่ ครบั หรอื คะ่ เพราะค�ำ สน้ั ๆ น้ี จะชว่ ยใหค้ �ำ พูดไพเราะร่ืนหูข้ึนมาก  ท่านต้องการให้เรารู้เท่าทันเจตนาในการ พดู และถอื วา่ การพดู เปน็ สว่ นหนง่ึ ทส่ี �ำ คญั ของการปฏบิ ตั ขิ องเรา คณะผู้จัดพิมพ์ได้กราบเรียนขออนุญาตท่านอาจารย์ รวบรวมเน้ือหาการเทศนร์ ะหวา่ งปี พ.ศ. ๒๕๔๖-๒๕๔๘ ทีเ่ ก่ยี วกับ การสื่อสารทางวาจาสามเรื่องมาไว้ด้วยกัน คือ พูดจาชอบ หรอื ชอบพดู จา, ตดิ สญั ญาณป้องกันโอษฐภยั และ งามวาจามาจาก การปฏิบัติ ซึ่งท่านก็ได้เมตตาอนุญาต  และตั้งชื่อหนังสือว่า  “อะไรนะ ?”

หวังเปน็ อย่างยิ่งวา่ หนงั สอื “อะไรนะ ?” จะเปน็ ประโยชน์ แก่ทุกท่านท่ีได้อ่าน  หากเราสามารถปฏิบัติตามคำ�สั่งสอนได้ดี  ยอ่ มจะนำ�ความสุขความสงบมาสทู่ ั้งตนเองและคนรอบข้าง หากมีสิ่งใดผิดพลาด  คณะศิษย์ขอขอกราบขอขมาท่าน อาจารย์ชยสาโรมา ณ โอกาสนี้ และขอทา่ นผูอ้ า่ นไดโ้ ปรดใหอ้ ภัย  และรว่ มกนั อนุโมทนาบุญอนั เกดิ จากการใหธ้ รรมเปน็ ทาน คณะศษิ ย์ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๕

อะไรนะ? ภาวนา คือการท�ำ ให้เจรญิ คำ�วา่ ภาวนา แปลวา่ ท�ำ ใหม้ ีขนึ้ ท�ำ ใหเ้ จรญิ นักปราชญ์ บางท่านแปลค�ำ ว่า ภาวนา เปน็ ภาษาอังกฤษว่า Cultivate หรือ Cultivation ไมใ่ ช่ Meditation ค�ำ วา่ Cultivation คือ การทำ�ให้สิ่ง ท่ดี ีงามเกิดขึ้น การปฏบิ ตั ธิ รรมกค็ อื การภาวนา คอื การท�ำ ใหส้ ง่ิ ทด่ี งี ามทง้ั หลายไดเ้ กดิ ขน้ึ และไดเ้ จรญิ งอกงามในชวี ติ ของเรา นกั ปฏิบตั ิหลายคนเขา้ ใจว่า การปฏิบัติธรรม คอื การปลกี วิเวกไปอยใู่ นวัดหรือในสถานทวี่ เิ วกตา่ งๆ น่นั แสดงว่ายังไม่เขา้ ใจ ความหมายของธรรมะ และยงั ไมเ่ ข้าใจความหมายของการปฏบิ ตั ิ ชยสาโร ภิกขุ 1​

ธรรม ค�ำ วา่ ธรรมะ หมายถงึ ทกุ สิง่ ทุกอย่าง ไม่มีสิง่ ใดทไี่ มใ่ ช่ ธรรมะ  ส่วนการปฏิบัติธรรม  คือการปฏิบัติทั้งในเร่ืองของ กาย พฤตกิ รรม เร่อื งวาจา และ เรื่องใจ ไม่มีท่ีไหนท่ีเรา ปฏบิ ัติไม่ได้ เพราะการปฏบิ ัตไิ มไ่ ด้อยทู่ ่อี ิริยาบถว่านัง่ วา่ เดนิ หลบั ตาหรอื ลมื ตา แตม่ ันอยู่ที่ว่า เราท�ำ อะไรอยู่ เราพูดอะไรอยู่ เราคดิ อะไรอยู่ นค่ี ือเรอื่ งศาสนา มนั ไมไ่ ดอ้ ย่ทู ี่แหง่ ใดแหง่ หนง่ึ มัน อยู่ทเ่ี รา การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำ�วัน  เราต้องฉลาดในการทำ� ส่ิงดีงามให้เกิดขึ้นและทำ�ให้เจริญงอกงาม  พระพุทธองค์ตรัส เปรยี บเทียบ เหมอื นเราปลกู ต้นไม้ เราก็เลือกตน้ ไม้ดีๆ ลำ�ตน้ ตรงๆ มาปลูก แลว้ เรากบ็ ำ�รุงรกั ษาใหด้ ี คอยถางเถาวลั ย์ หรือ หญ้าท่ีจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรญิ เตบิ โตของต้นไมท้ ี่ดนี นั้ การท�ำ สมาธภิ าวนา เป็นสว่ นหนึ่งของการภาวนา จะเรียก ว่าเป็นหวั ใจกไ็ ม่ผิด หากไม่ทำ�สมาธิภาวนาเลย จะส่งผลให้การ ปฏิบัติธรรมในด้านอ่ืนๆ  เนิ่นช้า  หรือได้ผลน้อย  เพราะการทำ� 2​ อะไรนะ ?

สมาธิเป็นการเพิ่มพูนพลังของจิตใจ  พลังท่ีมีสติ  เป็นพลังที่จะ ทำ�ให้เราได้ก�ำ ไรจากประสบการณ์ชวี ติ ในดา้ นอืน่ ๆ ในชีวิตประจำ�วัน  โอกาสที่เราจะน่ังสมาธิภาวนาอาจจะมี น้อย หากการอยู่ในโลกก็คือการกระท�ำ กระท�ำ ดว้ ยกาย กระท�ำ ด้วยวาจา ฉะนั้นการภาวนาในดา้ นความประพฤตทิ ง้ั กายทัง้ วาจา จึงมคี วามสำ�คญั มาก เราไมค่ วรลืมว่า พระพุทธองคต์ รสั ถึงบุญวา่ บุญเกิดจากทาน เกดิ จากศีล และเกิดจากภาวนา (ในทนี่ ้ี หมาย ถึงจติ ภาวนา หรือปญั ญาภาวนาโดยเฉพาะ) แต่ส่วนมากเรามกั เข้าใจวา่ การทำ�บญุ คอื การไปวัด ใสบ่ าตรหรือถวายภตั ตาหาร และสิ่งของท่ีเหมาะแก่สมณบริโภค เรามักไม่คอ่ ยมองวา่ การรกั ษา ศลี คอื การทำ�บุญ แทจ้ ริงแลว้ การท่ีเรามเี จตนาชัดเจนในการงด เวน้ จากการกระทำ�และการพูดที่เปน็ บาปเป็นอกุศล เช่น ตง้ั ใจว่า วันนี้เราจะอยู่ในกรอบของศีลตลอดวัน  แม้จะมีสิ่งใดมายั่วยวน หรือมาชกั ชวนให้เราผดิ ศลี กต็ าม นัน่ คอื การทำ�บญุ และเปน็ การ ปฏบิ ัติธรรมดว้ ย ชยสาโร ภิกขุ 3​

สมั มาวาจา นำ�เรากา้ วสมู่ รรคมากกว่าท่คี ิด เมือ่ เราระลกึ ถึงอริยมรรค หนทางอันประเสริฐ บางทีนกึ ถงึ สัมมาทฐิ ิ สัมมาสังกัปปะ ....ทอ้ แท้.... สมั มาสติ สมั มาสมาธิ ....ไม่ แน่ใจ....เอาสมั มาวาจากแ็ ล้วกัน.... อย่างน้อยกไ็ ด้หนงึ่ ในแปดของ อริยมรรค.... แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ถ้าเราต้ังใจรักษาสัมมาวาจาของเราให้ ดี หรือพัฒนาวาจาของเราใหด้ ีย่งิ ๆ ขึน้ ไป เราจะได้ก้าวไปในมรรค มากกวา่ ท่คี ดิ สัมมาวาจา หรือการพูดจาชอบ ในอรยิ มรรคมอี งค์แปด คือ ๑. งดเว้นจากการพดู เท็จ ๒. งดเวน้ จากการพูดสอ่ เสยี ด ๓. งดเว้น จากการพูดค�ำ หยาบ และ ๔. งดเวน้ จากการพูดเพอ้ เจอ้ ในการรักษาวาจาน้ัน  ต้องมีสัมมาทิฐิหนุนหลังอยู่แล้ว เพราะสัมมาทิฐคิ วามเหน็ ชอบ ซง่ึ เป็นองค์แรกของอรยิ มรรค คือ ความรู้ความเข้าใจในเรอ่ื งบาปบญุ คณุ โทษ มีความรู้ความเขา้ ใจว่า สมั มาวาจาเปน็ อย่างไร มิจฉาวาจาเปน็ อย่างไร รวู้ า่ อย่างนค้ี อื การ 4​ อะไรนะ ?

พูดผิด  อย่างน้ีคือการพูดถูก  น่ันก็คือสัมมาทิฐิในเร่ืองของสัมมา วาจา เมือ่ เราได้ก�ำ หนดว่า อย่างนี้คือสมั มาวาจา อย่างน้ีคือมิจฉา วาจา แล้วพยายามไม่พดู สงิ่ ใดทีเ่ ปน็ มจิ ฉาวาจา พยายามพูดแต่ สงิ่ ท่ีเป็นสัมมาวาจา ท่านว่าน่นั คอื สัมมาวายามะ ความเพยี รชอบ ของนักปฏิบัติ  และเม่ือมีสติในขณะพูด  รู้ตัวว่ากำ�ลังพูดอะไรอยู่ ก�ำ ลงั พูดสิ่งทีถ่ ูกตอ้ งดีงาม ไมพ่ ูดในสิง่ ทีผ่ ิด นน่ั คือสัมมาสตขิ อง นักปฏบิ ัติ ฉะน้ันในการปฏิบัตติ ามหลักอริยมรรคมอี งค์ ๘ นั้น เพยี ง แคต่ ้งั อกตัง้ ใจเร่ืองวาจา เรากไ็ ด้เจริญท้งั สัมมาทฐิ ิ ความเห็นชอบ สัมมาวายามะ ความพากเพยี รชอบ สัมมาสติ ความระลกึ ชอบ พร้อมสัมมาวาจา การพูดจาชอบ ไดถ้ งึ ๔ ข้อหรือครง่ึ หนึ่งของ อริยมรรค  ๘  จากการต้ังอกตั้งใจเรื่องการพูด  จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก น้อยเลย ชยสาโร ภิกขุ 5​

วาจาให้ทัง้ คณุ และโทษ ถ้าเราอยากจะสำ�นึกในความสำ�คัญ  หรือน้ำ�หนักของเร่ือง การพดู น้นั ดงู ่ายๆ เรอื่ งทเี่ ราเคยร้สู ึกละอายแกใ่ จ เสียใจ หรือ เสียดายมากท่ีสุดมีอะไรบ้าง  ให้นึกถึงสักเร่ืองสองเรื่อง  รับรอง ว่าจะต้องเกย่ี วกบั การพดู ไม่มากก็นอ้ ย หากเรากำ�ลงั เดอื ดร้อน เรื่องอดีต ถา้ ไมใ่ ชเ่ รือ่ งการพูดโดยเฉพาะ ก็มักจะต้องมีเร่อื งการ พูดเกยี่ วขอ้ งดว้ ย อาจจะเคยโกรธ แลว้ พูดอะไรกบั ญาติหรอื คนที่ เรารกั ท�ำ ใหบ้ าดหมาง ไม่ยอมพดู คยุ กันเปน็ เดอื นเปน็ ปีก็มี นเ่ี ป็น เรอ่ื งมิจฉาวาจา ส่วนสัมมาวาจาเป็นสิ่งที่เลิศและประเสริฐย่ิง  คำ�ส่ังสอน ของพระพทุ ธเจ้าท้งั ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ลว้ นเปน็ พระวาจา ของพระพุทธองค์  ซ่ึงพระอานนท์จดจำ�เอาไว้  ก่อนการจารึก เป็นพระไตรปิฎก  คำ�สอนของครูบาอาจารย์ในปัจจุบันเกิดจาก อะไร สว่ นหนง่ึ เกดิ จากการกระทำ�ของท่าน ปฏิปทาของทา่ นเป็น 6​ อะไรนะ ?

ที่เคารพเล่ือมใสของผู้ที่มีบุญได้สัมผัสหรือได้มองเห็น  แต่ส่วน ส�ำ คญั กเ็ กิดจากวาจาของทา่ น วาจาทเี่ ราฟังจากเทปบา้ งหรือที่ลกู ศษิ ย์ได้ถา่ ยทอดทำ�เปน็ หนังสือบ้าง วาจาจึงเป็นส่ิงท่ีจะก่อให้เกิดประโยชน์หรืออาจจะสร้าง ความเสียหายอย่างยิง่ นับเปน็ ส่วนสำ�คัญในชีวติ เราทุกคน ในชีวติ ประจ�ำ วัน อยา่ เพิ่งนอ้ ยใจว่ามเี วลาส่วนตัวน้อย ทำ�ให้มีเวลาน่งั สมาธินอ้ ย เพราะโอกาสปฏิบตั ิธรรมอ่นื ๆ ยงั มมี าก เชน่ การมี สตใิ นการพูด พยายามงดการพูดทีไ่ มด่ ี และพยายามพดู แตส่ ิง่ ท่ดี ี ซ่งึ ตอ้ งใชป้ ญั ญามาก แล้วเราจะไดเ้ ห็นจิตใจของตวั เองชดั เจนจาก การพูดของเรา  เพราะจิตใจเป็นอย่างไร  การพูดก็เป็นอย่างนั้น บ่อยคร้ังทมี่ นั ไหลออกมาโดยเราตงั้ สติไมท่ ัน เพราะมนั เรว็ เผลอ นิดเดียวก็พูดอะไรออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว  สติจึงต้องมั่นคงและ คมมาก จึงจะสามารถรู้เทา่ ทนั เจตนาในการพูดของตนเอง ชยสาโร ภกิ ขุ 7​

การพดู ทน่ี า่ ปรารถนา และไมน่ า่ ปรารถนา ๑๐ อยา่ ง นอกจากนี้พระพุทธองค์ยงั ตรัสถึงการพูด ๑๐ อย่าง ซง่ึ เรา ควรจะสนใจศึกษาเรียนรู้ท้ังจากวาจาตัวเองและจากวาจาคนอื่น เพ่ือที่จะไดร้ เู้ ท่าทนั และวางใจให้ดี ซ่งึ ก็คือ ๑. พดู เรือ่ งจรงิ ๒. พูดเรอื่ งไม่จริง ๓. พูดส่งิ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ๔. พดู สิ่งทไี่ มเ่ ป็นประโยชน์ ๕. พูดถกู กาลเทศะ ๖. พดู ไมถ่ ูกกาลเทศะ ๗. พดู ด้วยความหวังดี หรือด้วยเมตตา ๘. พูดด้วยความไมห่ วังดี หรือด้วยโทสะ ๙. พูดอยา่ งสภุ าพออ่ นโยน ๑๐. พดู หยาบคาย 8​ อะไรนะ ?

การพูดที่ดีท่ีเราปรารถนาจะฟังจากผู้อ่ืนหรือที่ผู้อ่ืน ปรารถนาจะฟงั จากเรา มี ๕ อยา่ ง ส่วนทไ่ี มน่ ่าปรารถนาก็มีอีก ๕ อยา่ ง คำ�พดู บางอย่างอาจจะดหี รือไมด่ ที กุ ข้อ หรืออาจดีหรือ ไม่ดีเพียงบางประการ  หรืออาจมีท้ังดีและไม่ดีผสมกัน  คือมี combination หรอื ลักษณะผสมมากมาย เชน่ เม่อื มใี ครมาพูดกบั เรา แม้จะหยาบคาย แตเ่ รารสู้ กึ ได้วา่ เขาพูดด้วยความหวงั ดี เราก็ สามารถทำ�ใจได้ ถ้าเราสามารถจดจำ�ลักษณะค�ำ พูด ๑๐ ประการ น้จี นคล่อง เรากม็ หี ลกั ท่ีจะวางใจให้เป็นกลาง ไมเ่ อาเปน็ เรอ่ื งส่วน ตัวหรือเร่ืองอัตตา  หากรู้เท่าทันว่าน่ีก็เป็นลักษณะการพูดอย่าง หนึ่งของคน พระพุทธองค์ทรงตักเตือนว่า  ไม่ว่าเราจะพูดอะไร  โดย เฉพาะถ้าเปน็ เร่ืองส�ำ คัญ เราตอ้ งมีสติในการพูด สตมิ หี นา้ ทช่ี ่วย ให้เราอยู่ในหนทางท่ีเรากำ�หนดไว้ว่าถูกต้องดีงาม  สตินี้จะต้องมี เครอื่ งระลกึ ที่เป็นข้อๆ เช่น ถ้าต้งั ใจว่าจะพูดแต่สงิ่ ท่ีดี งดเว้นจาก การพูดสิ่งท่ีไมด่ ี มันอาจจะพร่ามวั เกนิ ไป และจะกลายเป็นเพยี ง ชยสาโร ภิกขุ 9​

อุดมการณ์ท่ีไม่มีที่ต้ังท่ีชัดเจน  จนไม่สามารถจะเป็นประโยชน์ใน ภาคปฏิบตั ิได้เท่าท่ีควร วาจาสภุ าษติ การพดู ท่ดี งี ามครบ ๕ ประการ เรียกวา่ วาจาสภุ าษติ กอ่ น จะพูด  พระพุทธองค์ทรงให้เราสำ�รวจเสียก่อนว่า  ส่ิงที่จะพูดนี้ เปน็ ความจรงิ ไหม จรงิ ร้อยเปอร์เซน็ ตไ์ หม และถงึ จะจรงิ เราหวัง ประโยชน์อะไรจากการพูดความจริงนี้  เราต้องดูที่เจตนาของการ กล่าวความจริงนั้น  เราพูดด้วยความหวังดี  หรือด้วยเมตตาหรือ ไม่ และถึงจะจรงิ ถึงจะเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ฟู้ งั เวลาทเี่ ราพดู จะถูก กาลเทศะไหม เม่ือสำ�รวจและแนใ่ จแล้ว เราจงึ พดู ดว้ ยความสภุ าพ อ่อนโยน วาจา...จดุ ออ่ นของมนษุ ย์ นักปฏิบัติส่วนมากท้ังพระและโยมยังมีจุดอ่อนอยู่ท่ีการ ปฏิบัติธรรมด้านวาจา  คนมักจะมองข้ามไม่ให้ความสำ�คัญเร่ือง 10​ อะไรนะ ?

วาจาการพูดเท่าทคี่ วร ได้สังเกตเหน็ หลายครั้งวา่ พระผูต้ งั้ อกตัง้ ใจประพฤติปฏิบัติ  สละความสุขทางโลกเพื่อปฏิบัติธรรมในเพศ บรรพชิต  เรื่องข้อวัตรปฏิบัติส่วนมากดีเรียบร้อยน่าชม  การนั่ง สมาธิเดินจงกรมดี  แต่วาจากลับไม่น่าฟัง  เรียกว่าไม่อยู่ในข้ันที่ สอดคล้องกับส่วนอ่ืนของการปฏิบัติ  ส่วนคฤหัสถ์ก็เช่นเดียวกัน หลายคนตั้งใจปฏิบัติธรรมน่ังสมาธิเดินจงกรม  แต่เรื่องวาจายัง อย่ใู นขัน้ เบื้องตน้ ทเี ดยี ว คือไม่เอาใจใส่ในเร่อื งวาจา ท้งั ๆ ทก่ี าร ปฏิบตั ธิ รรมในดา้ นวาจานน้ั คือ การปฏบิ ัติด้านการพฒั นา ความสามารถในการสอื่ สาร ซึ่งเปน็ เรื่องส�ำ คญั มาก เราจะสงั เกตไดว้ ่า การเจรญิ สตสิ มาธิภาวนาที่ถูกต้องดีงาม ย่อมมีผลต่อกายและวาจาของเราในระดับหน่ึง  การได้สัมผัส ความเงียบของนกั ปฏิบัติ จะท�ำ ให้มมี มุ มองหรอื perspective ใหมต่ อ่ การพูด ทำ�ให้เรามสี ตใิ นการพดู ได้มากขึ้นและง่ายขนึ้ แต่ ไม่ใช่เราจะหวังว่า  วาจาของเราจะงดงามได้จากการนั่งสมาธิเดิน จงกรมมากๆ  เพราะคนเรามีความเคยชินบางอย่าง  ซ่ึงมักจะ กลายเป็นจดุ บอดที่เราต้องตงั้ อกตง้ั ใจดูแลขดั เกลาเป็นพเิ ศษ ชยสาโร ภกิ ขุ 11​

การปฏิบัติที่สมดุลและสมบูรณ์  ต้องมีเวลาอยู่คนเดียว บ้างและอยู่กบั คนอนื่ บ้าง เม่อื เราอยูเ่ งยี บๆ ทำ�สมาธภิ าวนา กม็ ี โอกาสท่ีจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เม่ืออยู่กับคนอื่นเราจะมองไม่ เหน็ แต่กม็ กี ิเลสหลายตัวทมี่ ักจะออกมาให้เหน็ เมื่อเรามีการ สือ่ สารสมั พันธ์กบั คนอน่ื กิเลสทุกอยา่ งตอ้ งมีทางออก ทางกาย และทางวาจา และกเิ ลสท่ีออกมาทางปากมนั เยอะมาก เราต้องเสียเวลาในชีวิตมากทีเดียวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิด ขึ้นเพราะการพูด จะเปน็ การพดู โดยต้งั ใจก็ดี ไมต่ ้ังใจก็ดี แตเ่ กิด ผลเสีย ทำ�ให้นึกเสียดายวา่ ไมน่ า่ พูดออกไปเลย รสู้ ึกเปน็ ทุกขแ์ ละ เสียกำ�ลงั ใจเพราะสิ่งท่เี ราไดพ้ ูดออกไป เสียเวลาทต่ี อ้ งทุกข์ใจและ เสยี เวลาท่จี ะตอ้ งไปประสานกันใหม่ ที่จะตอ้ งอธิบาย ตอ้ งชแ้ี จง เพ่ือ  ปรับปรุงแก้ไขความเข้าใจผิดที่เกดิ ขึ้น  ขณะนัง่ สมาธิภาวนา ส่ิงที่เข้ามารบกวนส่วนมากจะเป็นเร่ืองค�ำ พูด  เช่น  นึกถึงคำ�พูด ของคนอ่ืน... ท�ำ ไมเขาถงึ พูดอย่างนนั้ เขาไมน่ า่ พดู อย่างนเ้ี ลย เขา ไมน่ ่ามาว่าเราเลย มันน่าเกลยี ด... หรือถา้ นกึ ถงึ ค�ำ พดู ของตัวเอง... 12​ อะไรนะ ?

แหม.. เราไม่ควรพูดอยา่ งนั้นเลย ไมร่ ู้วา่ เขาจะคดิ อย่างไร อายเขา เหลือเกนิ ... เปน็ การนง่ั สมาธทิ ่เี สียเวลาแทๆ้ ถ้าเราลองคำ�นวณเวลาที่เคยเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ดว้ ยการคดิ เรือ่ งค�ำ พดู ของตวั เอง และคำ�พูดของคนอน่ื เราอาจ จะตกใจ การปฏบิ ัติจึงเป็นเร่ืองของชีวิตทกุ ๆ ดา้ น ถา้ เราใหเ้ วลา นั่งสมาธิทุกวัน  แต่ไม่ควบคุมเรื่องวาจา  สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผล นอกจากจิตใจตัวเองจะเศร้าหมองเป็นบาปเป็นกรรมแล้ว  ยังก่อ ให้เกดิ ปัญหาในหมู่คณะ ปัญหาในครอบครวั ปญั หาในชุมชนในท่ี ท�ำ งาน เพราะไมป่ ฏิบัตเิ รอ่ื งวาจา ฉะนน้ั ใหเ้ ราเรยี นรู้เร่อื งวาจา คอยเฝา้ สังเกตการพูด  และหาเวลาทบทวนการพูดและการ แสดงออกของตัวเองบ่อยๆ  ซึ่งเป็นการเรียนรู้ภายในของ เราด้วย ชยสาโร ภิกขุ 13​

การพูดเท็จ ลองเร่ิมจากการพูดเท็จก่อน  ทุกคร้ังท่ีเราตั้งใจหรือเผลอ พูดเท็จ  เราต้องไม่ปล่อยปละละเลย  เราต้องทบทวนว่าเราคิด อย่างไร  มีเหตุผลอะไรที่เราต้องโกหก  พูดเพื่ออะไร  พูดเพราะ อะไร เปน็ เพราะกเิ ลสตวั ไหน คนเราอาจจะพูดเทจ็ เพราะอยากได้ อะไรสักอย่าง อยากได้ผลประโยชน์อย่างใดอยา่ งหนึ่ง หรอื พดู เพอื่ ใหเ้ ขารักเรา ใหเ้ ขาเคารพเรา อยากให้เขาหันมามองเราอย่างนั้น อยา่ งน้ี หรอื โกหกเพือ่ ปิดบงั อ�ำ พรางขอ้ มลู บางอย่าง โกหกเพราะ อาย หรอื เพ่อื ปอ้ งกนั ผลประโยชนบ์ างอยา่ ง เปน็ ตน้ เราอาจจะ ยกเร่ืองที่คนอ่ืนโกหกมาเป็นอุทาหรณ์พิจารณาว่าเขาพูดเท็จเพ่ือ อะไร โดยไม่ต้องไปโกรธเขาซึ่งจะทำ�ให้จิตใจเราเศรา้ หมอง เมอ่ื เราโกหกไปแล้ว กไ็ มป่ ล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ให้ทบทวน และถือว่าเป็นเรื่องใหญ่  นานๆ  เข้าการพูดโกหกก็จะเป็นเร่ือง ใหญม่ ากสำ�หรบั เรา สำ�หรับพระแล้ว เรอื่ งโกหกถอื เปน็ เรอ่ื งใหญ่ 14​ อะไรนะ ?

มาก ความรู้สึกเจบ็ แสบหากพระถกู กลา่ วหาวา่ โกหก จะเทยี บได้ กับความเจ็บแสบของโยมเม่ือโดนกล่าวหาว่าไปลักขโมยของคน อืน่ นัน่ เพราะการไม่พูดโกหกเป็นหลักชีวิตของพระท่จี ะต้องระลึก ถงึ อยบู่ อ่ ยๆ เรอ่ื งมสุ าวาทการพดู เท็จน้ัน บางคนอาจถอื ว่า โดยท่ัวๆ ไป ก็ไม่พูดเท็จหรอก แตบ่ างครงั้ ในการท�ำ ธุรกิจคา้ ขาย ความจ�ำ เป็น บังคับให้ต้องพูดเท็จ  เรายังไม่ต้องพูดถึงเร่ืองการค้าขายหรอก เพยี งแคใ่ นชวี ติ ประจำ�วนั แน่ใจหรอื ว่าไม่เคยพดู เท็จ ไม่วา่ จะเป็น เรอ่ื งเล็กน้อยหรือเร่อื งใหญก่ ็ตาม ให้เราลองพจิ ารณาวา่ โทษของการพูดเท็จมอี ะไรบา้ ง การพูดโกหกทำ�ให้จิตใจเราเศร้าหมอง  ทำ�ให้เราเคารพ นับถือตวั เองได้ยาก ยิง่ พูดเทจ็ บ่อยๆ กย็ ่งิ เกิดความเครียด กงั วล ว่าเขาจะรู้ หรือระแวงวา่ เขารู้แล้ว ถา้ เขารแู้ ล้ว เขาจะโกรธ เขาจะ ไมเ่ คารพ ถ้าเราพดู เท็จแลว้ ถูกจบั ได้ ก็ต้องไดร้ บั ความเดือดรอ้ น ชยสาโร ภกิ ขุ 15​

นอกจากนีก้ ารพูดเท็จบอ่ ยๆ จะทำ�ให้คนอ่นื ไมเ่ ชอื่ ถือเรา และเรา เองก็จะไม่เช่ือคนอ่ืนด้วย  เพราะเราเอาการกระทำ�คำ�พูดของคน อน่ื มาเทียบกับตวั เรา ทกุ ครง้ั ที่มีใครพูดอะไรทเี่ ราฟงั แล้วไมม่ น่ั ใจ เราจะมีสัญญาความจำ�ว่า  ถ้าเป็นตัวเรา  ก็คงจะพูดเท็จในเร่ือง น้ี  คนพูดเท็จจึงต้องอยู่ด้วยจิตใจท่ีไม่ปลอดโปร่งและเต็มไปด้วย ความระแวง ในการปฏบิ ัติเพ่ือพัฒนาจิต เราต้องถือวา่ การไมพ่ ดู เท็จและการเป็นผู้ตั้งอยู่ในสัจจะ  เป็นส่ิงที่ดีงามท่ีน่าจะเป็น เปา้ หมายหนงึ่ ในชวี ิต เราก็ต้ังไว้เป็นเปา้ หมาย ต้งั ไวเ้ ป็นอุดมคติ ยอมรบั ว่าตัวเองยงั มกี ิเลสอยู่ ยังไม่บริสุทธ์ิ แต่กม็ คี วามจรงิ ใจใน อดุ มการณ์ของเรา จะพยายามเตม็ ความสามารถทจ่ี ะเปน็ ผู้ตงั้ อยู่ ในสจั จะ เม่ือเราถือว่าสัจจะเป็นเรื่องสำ�คัญ  มันจะเป็นเคร่ืองระลึก ของสตเิ ราตลอดเวลา เช่นถา้ ต้องการเป็นผตู้ ัง้ อยู่ในสจั จะ ตอ้ งการ เป็นผู้มีสัจจะบารมี  เม่ือเราคิดจะพูดเท็จ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ 16​ อะไรนะ ?

หรือเร่ืองเล็กน้อย  มันจะต้องมีสัญญาณเกิดข้ึนในสมองว่า  เอ... น่ี ไม่ใช่การพดู ของผู้มีสจั จะนะ สมองหรือความคดิ จะบอกว่า สง่ิ ท่ีจะพูดขัดแย้งกับอุดมการณ์ของเรา  ความรู้สึกที่เกิดพร้อมกับ ความคิดเห็นน้ัน  คือ  ความรู้สึกละอาย  และความรู้สึกเกรงกลัว เป็นความรสู้ กึ ทเี่ กิดขึ้นจากปัญญาในระดบั พน้ื ฐาน ความเกรงกลัวอย่างนี้  เกิดจากความรู้ความเข้าใจและ ความเช่อื ในกฎแหง่ กรรม รวู้ า่ ถา้ ท�ำ อย่างนแ้ี ล้ว ผลจะเกิดขน้ึ ใน ทางท่ีไม่พึงปรารถนา  น่ากลัว  เป็นการทำ�ลายตัวเอง  เป็นการ ทำ�ลายคนอ่นื และเป็นการบ่อนทำ�ลายคุณธรรมของตัวเอง เพราะ ถ้าเราหวงั ดตี ่อตวั เองจริงๆ แลว้ เราจะต้องหวงั คณุ ธรรมเป็นอรยิ ทรพั ย์ เราจะตอ้ งเชื่อว่าทกุ คร้ังทีเ่ ราต้ังอยู่ในอดุ มการณ์ของตนได้ กเ็ หมอื นกบั วา่ อริยทรพั ย์เพ่ิมขึ้น เกิดความปลาบปล้มื ใจ และทุก ครง้ั ท่ีเราทรยศต่ออดุ มคติ หรอื ว่าแพ้กเิ ลส ก็เหมือนกบั อริยทรัพย์ ของเราลดน้อยลง ชยสาโร ภิกขุ 17​

พูดใหค้ นเจบ็ ใจ พูดส่อเสียด การพูดใหค้ นเจ็บใจมหี ลายอยา่ ง พูดตรงๆ ใชค้ ำ�หยาบ พดู ทางอ้อม พูดกระทบกระเทยี บ พดู แรง พดู กระแทก ให้พิจารณา ว่าการพูดอะไรให้ผู้อื่นรู้สึกเจ็บใจไม่สบายใจ  มันเกิดจากอะไร ท�ำ ไมจงึ ตอ้ งพูดอยา่ งน้นั พดู เพอ่ื อะไร เห็นตวั โทสะตัวความโกรธ ไหม ใหพ้ จิ ารณาวา่ เราปฏิบัติเพอ่ื อะไร เราปฏบิ ตั ิเพ่อื ให้พน้ จาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง บางครง้ั เมื่อน่ังสมาธิเดินจงกรม เราไดเ้ หน็ ตวั โกรธ ได้เรยี น ร้เู รื่องความโกรธ และได้อบุ ายในการปล่อยวางความโกรธ แต่ใน ชีวิตประจำ�วัน  โอกาสท่ีจะได้เรียนรู้เร่ืองนี้มีมากกว่า  เมื่อความ โกรธเกิดขนึ้ มันเปน็ อยา่ งไร และโดยปกตินิสัยเรา เวลาเราโกรธ หรอื ไมพ่ อใจ เราเคยแสดงออกอย่างไร แสดงออกทางกายอยา่ งไร แสดงออกทางวาจาอยา่ งไร เคยพูดหยาบไหม เคยไปด่าไปว่าเขา ไหม ถ้าเราอยากจะฝกึ หัดในสว่ นนี้ เราควรจะท�ำ อยา่ งไร 18​ อะไรนะ ?

พดู ใหค้ นแตกแยก นินทาลับหลงั การพูดให้คนอื่นแตกแยก  เช่นอาจจะเป็นการพูดถึงความ ไมด่ ขี องคนหนึ่งใหอ้ กี คนหนงึ่ ฟงั ในเร่อื งน้ตี อ้ งมีสตมิ าก สติที่จะ รู้เจตนาของตัวเอง  จำ�เป็นไหมท่ีต้องเปิดเผยความไม่ดีของคนๆ นั้น  เราเปิดเผยเพ่ืออะไร  แล้วที่เราพูดน้ันควรจะพูดท้ังหมดไหม หรือพูดเป็นบางส่วนก็พอ  บางเรื่องอาจจะเป็นหน้าที่ของเราท่ีจะ ต้องเปิดเผยข้อมูล  เพ่ือไม่ให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม  หรือ อาจจะผดิ กฎหรอื กฎหมายหากไม่เปิดเผย เชน่ พระสงฆ์ ถ้าทราบ วา่ พระอีกรปู หน่ึงต้องอาบัตหิ นัก เปน็ ปาราชิกสงั ฆาทิเสส ทา่ น ต้องเปิดเผย ถ้าปดิ บงั อาบัติของเพอ่ื นดว้ ยความเมตตา ตนเองก็ ต้องอาบตั ิดว้ ย เพราะไม่เคารพพระธรรม ไมเ่ คารพพระวนิ ัย และ กำ�ลังเป็นสว่ นหน่ึงของปัญหาทจ่ี ะคอ่ ยๆ เกิดขึ้น ฉะนั้นทุกคร้ังท่ีเราจะกล่าวถึงคนที่ไม่อยู่ต่อหน้า  ควรจะมี สัญญาณเตอื นว่า เจตนาคอื อะไร พดู เพ่ืออะไร ในท�ำ นองเดียวกัน ชยสาโร ภิกขุ 19​

ถ้ามีคนตำ�หนิคนที่ไม่อยู่ต่อหน้าให้เราฟัง  เราก็ควรจะมีสัญญาณ เตือนว่าเขาพูดเพื่ออะไร  เราควรจะคุยเรื่องนี้ด้วยหรือไม่  คือ นอกจากศลี ๕ แลว้ เรากส็ ามารถตัง้ ข้อวตั รปฏบิ ัตสิ ่วนตัว เชน่ ต้งั ขอ้ วตั รปฏิบตั กิ บั ตวั เองว่า เราจะไม่กลา่ วถึงคนท่ีไม่อยตู่ อ่ หน้า นอกจากมน่ั ใจวา่ พดู เพอื่ ประโยชน์จรงิ ๆ ถ้ายังมีความสงสยั นิดๆ กไ็ ม่พดู ดีกว่า และหากใครจะกล่าวตำ�หนิใครที่ไม่อยู่ตอ่ หนา้ เรา จะไมค่ ุยดว้ ย เราจะเปล่ียนไปพดู เรอื่ งอน่ื หรือแสดงอาการว่าไม่ สนใจท่ีจะคุยเรื่องน้ี  เราจะสร้างเนกขัมมะบารมี  คือจิตเสียสละ หรือภาษาบาลีเรียกว่า  จาคะ  ต้องยอมรับว่า  การคุยนินทาคน อ่ืนนั้น  คนเรามักรู้สึกสนุก  แต่เรายอมเสียสละความสนุกในการ วจิ ารณค์ นอน่ื เป็นขอ้ วตั รปฏบิ ัติเพอ่ื ฝึกหัดตัวเอง พูดประจบ การพูดในแง่ดีก็ต้องระวังเช่นกัน  คือต้องดูเจตนาตัวเอง ด้วย  เพราะกิเลสบางตัวมันละเอียดมาก  สมมติว่าคนๆ  หนึ่งมี 20​ อะไรนะ ?

เพ่ือนสนิทที่เขารัก  แล้วเราไปพูดยกย่องเพ่ือนสนิทของเขา  ให้ ถามตวั เองว่า ยกย่องเพอ่ื นเขาท�ำ ไม อาจจะเป็นเพราะเราร้วู ่า ถา้ เรายกยอ่ งเพ่อื นเขา เขาจะชอบเรา เปน็ เรอ่ื งธรรมดาว่า ถา้ มีใคร มาพดู ยกยอ่ งลูกหลานหรอื คนที่เรารัก เราจะชอบฟงั และจะชอบ ผู้พูดด้วย เช่นถ้าคนมาบอกว่า ลกู ของเธอนี่รูปหล่อนะ ฉลาดด้วย เรยี บรอ้ ยด้วย เราก็จะคดิ วา่ เขาเก่งนะ เขาดคู นออก เขาสงั เกตคน เก่ง แล้วเรากจ็ ะพอใจ เมอื่ เราพอใจคนไหน พอใจส่ิงไหน จติ ใจก็ ไมเ่ ปน็ กลางแล้ว เมอื่ ไมพ่ อใจไม่ว่าสิ่งใดหรอื ผใู้ ด จติ ใจก็ไม่เปน็ กลางเช่นกัน เชือ่ ใจตัวเองไม่ได้ เราตอ้ งระวงั พูดยกตนข่มท่าน การพูดยกตนข่มท่านนั้น  เป็นกิเลสตัวสำ�คัญ  เม่ือพูดถึง ข้อบกพร่องของคนอนื่ ก็มกั จะเสมอื นกบั บอกวา่ ตวั เราเองดีกวา่ เพราะเราไม่เป็นเช่นเขา  การข่มท่านนี่มักจะพ่วงด้วยการยกตน ในขณะทเี่ รากดคนอ่ืน เราก็ยกตัวเอง ชยสาโร ภกิ ขุ 21​

การพดู ของบัณฑิตกบั พาล คนพาลชอบพูดเร่ืองไม่ดีของคนอื่น  โดยไม่ต้องมีใคร ชกั ชวนให้พดู และพดู ละเอยี ด พดู ยาว สว่ นความดขี องคนอน่ื ไม่ อยากพูดถึง แมจ้ ะมคี นชกั ชวนให้พดู กไ็ มอ่ ยากพูด ถา้ จำ�เปน็ ตอ้ ง พูด กพ็ ูดให้สนั้ ทส่ี ดุ ส่วนบัณฑิต  ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดีของคนอ่ืน  ถึงมีใคร ชักชวนก็ไม่พูด ถา้ จ�ำ เปน็ ต้องพูด กพ็ ดู ให้สัน้ ท่สี ุด สว่ นเรอื่ งความ ดขี องคนอ่นื นัน้ อยากพูด ถงึ แม้ไมม่ ีใครชักชวนก็พดู และพูดอยา่ ง ละเอียด น่ีเกีย่ วกับเร่ืองของคนอื่น สว่ นเรื่องของตัวเองน้นั พาลชอบพดู ถงึ เรือ่ งตวั เอง โดยไม่ ต้องมีใครชักชวนให้พูด  ชอบพูดถึงเร่ืองความดีของตัวเองอย่าง ยาวและละเอียด มีการ์ตูนฝร่ัง  ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง  กำ�ลังทานอาหารกัน อาจจะในวัน Valentine แลว้ ผู้ชายก็บอกวา่ ผมพดู เร่ืองของผม 22​ อะไรนะ ?

มามากแล้ว ขอใหค้ ุณพูดถงึ เรอื่ งผมบา้ ง อะไรๆ ก็ตอ้ งเป็นเรอ่ื ง ของตัวเอง แตเ่ รือ่ งความไมด่ ขี องตวั เองนนั้ ไม่อยากพูดถึงเลย จะ ปดิ บงั อ�ำ พราง แมม้ ีใครขอร้องใหพ้ ดู ก็ไมพ่ ดู ถ้าพดู กพ็ ดู สั้นที่สุด ส่วนบัณฑิตนั้น  เร่ืองความไม่ดีของตัวเองก็ไม่ปิดบัง  ยอม พดู อยา่ งเปดิ เผย แล้วถ้าเหมาะสม และเป็นประโยชน์ ก็ยินดจี ะ พูดอย่างละเอียด  แต่ไม่อยากพูดถึงความดีของตัวเอง  แม้ใคร ชักชวนให้พูด ก็ไมพ่ ดู ถา้ จ�ำ เปน็ ต้องพูด กพ็ ูดให้สน้ั ทีส่ ดุ พดู เพอ้ เจ้อ สัมมาวาจาในอริยมรรคมีองค์  ๘  เห็นได้ชัดว่าการพูดเท็จ พูดหยาบ พดู สอ่ เสียดใหค้ นฟงั เป็นทกุ ข์หรือเจบ็ ใจน้นั ผดิ ศลี การ พดู ให้คนอนื่ มีปญั หากัน การเปดิ เผยความไมด่ หี รอื ความผดิ ของผู้ อ่นื กต็ อ้ งม่นั ใจในเจตนา หากข้อทพี่ จิ ารณายากท่ีสุดในเรอื่ งการ พูด คือ การพดู เพ้อเจอ้ เพราะก�ำ กวมกวา่ แม้ในพระวนิ ยั ของ พระกย็ อมรบั การพูดเพอ้ เจอ้ น้นั เป็นอาบตั เิ ล็กน้อย ไมไ่ ด้ถอื เป็น ชยสาโร ภิกขุ 23​

อาบตั ิระดบั ปาจิตตีย์ เช่นเดียวกบั การพูดเทจ็ พูดหยาบ พูดสอ่ เสยี ด พดู ให้แตกแยก ถ้าการพูดเพอ้ เจอ้ เป็นอาบัติระดับปาจิตตยี ์ พระจะเครียดมาก  การที่เราจะอยู่ในโลกที่ไม่มีเร่ืองเพ้อเจ้อเลย คงเป็นไปไดย้ าก บางครง้ั เราเหน็ คนทกุ ขใ์ จ เสียใจ ก็เข้าไปน่ังพูด คุย อาจจะเป็นเรอื่ งท่ไี มม่ ีแก่นสารอะไร แตเ่ รารูว้ ่า เรามเี จตนา พูดเพ่ือให้เขาสบายใจ  นี่เรียกว่าเป็นอาการของเมตตา  อย่างไร ก็ตาม เราต้องมีสัญญาณเตือนให้ระลกึ อยู่เสมอวา่ เราพูดเร่อื งนๆ้ี เพ่ืออะไร  ถ้าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อท่ีท�ำ ให้กิเลสเพ่ิมข้ึน  เราต้องระวัง พยายามลดหรอื ไมพ่ ูดเสียจะดกี ว่า พดู เป็นประโยชน์ นอกจากเราจะต้องพูดแต่ความจริงแล้ว  เราต้องพิจารณา ด้วยว่าความจริงท่ีจะพูดน้ันเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังหรือไม่อย่างไร เพราะความจริงมีอยูม่ ากมายนัก ทกุ วันนี้ข่าวสารสาระตา่ งๆ ที่ลง ในหนงั สอื พิมพ์ และนติ ยสารตา่ งๆ สว่ นมากคงจะเปน็ ความจริง แต่ก็เป็นความจริงที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง  เช่นเรื่องดารา 24​ อะไรนะ ?

เม่ือคืนน้ดี าราคนนไี้ ปกินขา้ วทีภ่ ัตตาคารน้ี แตง่ ตัวอย่างนี้ๆ นีเ่ ปน็ ความจริงท่ไี มเ่ ป็นประโยชน์ ทุกวันน้ีสมองคนเรารกมาก รกด้วย ความจรงิ ทไ่ี ม่เป็นประโยชน์ พูดถกู กาละเทศะ แม้สิ่งที่จะพูดเป็นเรื่องจริง  และเป็นประโยชน์  แต่ถ้าจะ ให้เกิดผลย่อมต้องถูกกาละเทศะด้วย  กาละเทศะนี้อาจจะอยู่ที่ สถานทีก่ ไ็ ด้ แตท่ ่สี �ำ คญั กวา่ สถานท่ีคอื อารมณ์ ท้ังของผู้พดู และ ผู้ฟัง ถา้ เราเหน็ ความผิดพลาดของใคร เกิดความหงุดหงดิ ร�ำ คาญ อยากจะไปว่ากล่าวตักเตือนเขา  แต่ถ้าเราพูดในขณะที่จิตกำ�ลังมี อารมณ์น้ัน หรอื มอี ารมณร์ อ้ น การพดู กม็ กั จะไม่พอดี ไมต่ รงตาม ทีเ่ ราควรจะพดู และจะแสดงอารมณอ์ อกมาพร้อมกบั คำ�พูด ซ่ึง จะทำ�ให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกต่อต้านได้ง่าย  หรือถ้าผู้ฟังกำ�ลังโกรธ หรือหงุดหงิดใจ  เขาจะไม่อยู่ในอารมณ์ท่ีจะรับฟังความคิดของ เราได้ ฉะนั้นถา้ พูดไม่ถกู กาละเทศะยอ่ มไมเ่ กิดผลดี และอาจจะ ทำ�ใหเ้ สียโอกาสไปเลย คอื หลังจากท่ีได้พูดไปแล้วในเวลาท่ไี ม่ควร ชยสาโร ภิกขุ 25​

พดู การที่จะพดู ใหม่อกี ครั้ง โอกาสท่ผี ู้ฟงั จะรบั ฟังอาจจะยากขึน้ เราจึงต้องฉลาดในเร่ืองกาละเทศะ  ว่าควรจะพูดที่ไหน  และพูด เมอื่ ใด พูดด้วยความหวงั ดี ดว้ ยเมตตา เราต้องดูท่ีเจตนาของเราว่า  สิ่งท่ีเราจะพูดน้ี  เราพูดด้วย ความหวงั ดี พดู ด้วยเมตตา ไมไ่ ด้พูดเพอ่ื เอาชนะใคร เราพดู เพราะ เราอยากใหเ้ ขามีความสุข อยากใหเ้ ขาพ้นทุกข์ หวงั ว่าสิง่ ท่ีเราพดู จะเป็นประโยชน์ต่อเขา  แต่เราจะเอาแค่เจตนาของเราเป็นใหญ่ โดยมองขา้ มค�ำ พูดท่เี ราใชก้ ไ็ มไ่ ด้ พูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ผู้ทฉี่ ลาดในการสื่อสาร ต้องฉลาดในการเลอื กคำ�พดู และ เลอื กใช้ภาษาทเ่ี หมาะสม และพูดอย่างสภุ าพออ่ นโยน บางค�ำ พูด อาจจะจรงิ เปน็ ประโยชน์ ถกู กาละเทศะ และพดู ดว้ ยความหวงั 26​ อะไรนะ ?

ดี แต่ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมาเกินไป หรือไมไ่ พเราะออ่ นโยน คน บางคนอาจจะไม่ยอมรบั ฉะน้ันการพูดท่ีดีสมบูรณ์แบบ  และได้ผลน้ันต้อง ครอบคลมุ ลกั ษณะของวาจาสภุ าษติ ทง้ั ๕ ประการ คอื เปน็ เร่อื งจริง  เป็นประโยชน์  ถูกกาละเทศะ  ผ้พู ูดพูดด้วยความ หวงั ดี และพดู อยา่ งสภุ าพออ่ นโยน เปรยี บเหมอื นหมอจะใหย้ า คนไข้ แมจ้ ะเปน็ ยาทด่ี ขี นาดไหนกต็ าม แตต่ อ้ งดดู ว้ ยวา่ คนไขแ้ พย้ า ประเภทนห้ี รอื ไม่ ถา้ แพก้ ถ็ อื เปน็ ยาทไ่ี มด่ แี ละเปน็ อนั ตรายแกค่ นไข้ คนนน้ั เราจงึ ตอ้ งรจู้ กั นสิ ยั ของคนทเ่ี ราจะพดู ดว้ ย ตอ้ งฉลาดท่ี จะรวู้ า่ จะตอ้ งพดู อยา่ งไรจงึ จะถงึ ใจเขา เรอ่ื งการพดู การวาง ค�ำ พดู การสอ่ื สาร จงึ ตอ้ งใชป้ ญั ญาหลายอยา่ ง ตอ้ งรเู้ ทา่ ทนั เจตนาของตนเอง  และตอ้ งเรม่ิ ตน้ ดว้ ยจติ ใจเยย่ี งนกั ศกึ ษาท่ี ตอ้ งการจะเขา้ ใจเขา และตอ้ งการจะใหเ้ ขาเขา้ ใจเรา ชยสาโร ภกิ ขุ 27​

พดู ด้วยอารมณ์ขัน อารมณ์ขันน่ีสำ�คญั มาก และเป็นส่ิงที่ดโี ดยส่วนรวม แตว่ า่ กิเลสยงั สามารถเอาอารมณข์ นั มาบังหนา้ ได้ คนท่มี ีโทสะอยูใ่ นใจ อยากจะว่าคนอ่ืน  บางทีก็จะพูดในลักษณะพูดเล่น  การท่ีพูดว่า คนอื่นแบบเล่นๆ  อันนั้นก็เป็นอาการของโทสะท่ีเอาหน้ากากมา บังหนา้ ให้สงั เกตว่าการพูดเล่นน้ันๆ เกดิ จากเจตนาอะไร ทุกส่งิ ทกุ อยา่ งต้องดทู เ่ี จตนา เทคนคิ การขอ เมอ่ื เราตอ้ งการจะให้ใครท�ำ อะไรๆ ตามความตอ้ งการของ เรา หรอื คดิ เหมือนเรา ไม่ใช่ว่าจะต้องไปบงั คับเขา แตเ่ รามีสทิ ธิที่ จะขอ และเราก็ควรจะขอ หากการขอนนั้ ตอ้ งเป็นการขอท่ีเขา ปฏเิ สธได้ และควรจะเปน็ การขอทเ่ี จาะจง เช่นพูดว่า  “ต่อจากน้ีไปขอให้ลูกช่วยงานบ้านมากข้ึน”  ขอ อยา่ งน้ีถูกไหม ก็ไมถ่ กู เพราะเปน็ การพูดกวา้ งๆ ไม่ชัดเจน แล้วทัง้ 28​ อะไรนะ ?

สองฝา่ ยก็ไมแ่ นใ่ จว่า จะต้องทำ�มากนอ้ ยแคไ่ หน เราควรจะพูดวา่ “อยากให้ลูกช่วยงานบ้านมากข้ึน  โดยจะขอให้กวาดห้องนอนทุก เช้า” อย่างนี้เปน็ ต้น เป็นการพูดเฉพาะเรอ่ื ง ท�ำ ให้เขา้ ใจขอบเขต ความต้องการได้ ถา้ เราอยากใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแก้ไข เราอยา่ ไปว่าหรือวิจารณ์เขาอย่างกว้างๆ  เช่น  “อยากให้คุณเห็นแก่ตัว น้อยลง”  อย่างน้ีไม่ได้  เราต้องพูดเฉพาะจุด  จะตำ�หนิหรือจะ วิจารณก์ ็พูดเฉพาะจดุ เชน่ “ที่คุณเคยท�ำ อยา่ งน้ี ขอไม่ให้ท�ำ ได้ ไหม” หรือ “จะขอให้คุณท�ำ อย่างนๆ้ี   คณุ จะทำ�ไดไ้ หม”  เครอ่ื งท่ี จะวัดหรือตัดสินว่าคำ�ขอนั้นถูกหลักหรือไม่  ก็คือปฏิกิริยาของเรา ถ้าเราขอดีๆ แลว้ แต่เขาไมย่ อมทำ�ตาม แล้วเราโกรธหรอื น้อยใจ อยา่ งน้กี ็ไม่ใชค่ �ำ ขอทถ่ี ูกหลัก บางคนเม่ือขอแล้วไม่ได้  ก็พยายามทำ�ให้เขารู้สึกผิด  โดย ใชอ้ ัตตาหรอื ความรู้สกึ ผดิ ของเขาไปบังคับให้เขายอม คนเรามักมี อตั ตา อยากจะร้สู กึ วา่ ตวั เองเปน็ คนดี เป็นลูกทีด่ ี เปน็ แมท่ ดี่ ี เป็น ชยสาโร ภกิ ขุ 29​

เจ้านายทด่ี ี เป็นความภาคภมู ใิ จ แต่กเ็ ปน็ จุดอ่อน ซึง่ คนอาจจะ ใช้บงั คบั เราได้ เช่น เมื่อเขาขออะไรจากเราแลว้ เราไม่ให้ เขากจ็ ะ พยายามทำ�ใหเ้ รารู้สกึ ว่า ทเี่ ราไมใ่ ห้นน้ั เพราะเราเปน็ คนไม่ดี เปน็ ลกู ท่ไี ม่ดี เป็นแม่ทีไ่ มด่ ี เปน็ ต้น เราจึงตอ้ งมีสติจับตรงจดุ น้ดี ว้ ย ภาษา วฒั นธรรม ความเคยชินทแ่ี ตกตา่ ง เรอ่ื งวาจามเี รื่องใหเ้ รยี นรูม้ ากมาย เอาตง้ั แต่เรื่องภาษา การ ใชภ้ าษา เร่ืองวัฒนธรรม ไมต่ อ้ งพดู ถงึ วฒั นธรรมไทย วฒั นธรรม อังกฤษ แคใ่ นเมืองไทย วัฒนธรรมภาคเหนอื วัฒนธรรมอีสานกไ็ ม่ เหมือนกัน หรอื แมใ้ นภาคเดยี วกนั วัฒนธรรมของตระกลู หน่งึ กับ วัฒนธรรมของอกี ตระกูลหนึ่ง ของครอบครัวหนึ่งกับอีกครอบครวั หน่งึ กไ็ ม่เหมอื นกนั ในทีน่ ้ี วัฒนธรรม หมายถงึ ประเพณตี า่ งๆ ความเคยชินต่างๆ  ส่ิงที่เป็นค่านิยม  ส่ิงท่ีเห็นว่าสำ�คัญไม่สำ�คัญ สภุ าพไม่สภุ าพ ความยึดมัน่ ถอื ม่นั อะไรต่างๆ มากมาย สัญญาความจำ�ของคนพูดและคนฟังก็ต่างกัน  แม้จะพูด 30​ อะไรนะ ?

ภาษาเดียวกัน  แต่อาจจะใช้ศัพท์ไม่เหมือนกัน  นำ้�หนักของศัพท์ ก็ต่างกัน ยิ่งถา้ เป็นภาษาตา่ งประเทศ สิง่ ทยี่ ากท่ีสุดในการเรียน ภาษาต่างประเทศคือ  เรื่องน้ำ�หนักของศัพท์  ซ่ึงเรียนรู้จาก พจนานุกรม หรือจากต�ำ ราไมไ่ ด้ เพราะเป็นเรอ่ื งของวัฒนธรรม เราต้องไปอยู่ในประเทศน้ัน  ไปอยู่กับคนท่ีใช้ภาษาน้ันเป็นภาษา แม่  เราจึงจะชั่งนำ้�หนักของศัพท์ได้  ศัพท์ที่เราอาจจะถือว่าเป็น ศพั ทก์ ลางๆ เขาอาจจะถือวา่ หยาบ หรือถือว่าหนัก หรือเขาอาจ จะใช้ในกรณีที่เขาโกรธเท่าน้ัน  เราใช้ศัพท์นั้นโดยไม่มีความโกรธ เขาอาจจะเขา้ ใจว่าเราโกรธ น่เี ป็นเรอ่ื งความละเอยี ดของภาษา เมื่อความคดิ เห็นไมต่ รงกัน เม่ือความคิดเห็นไม่ตรงกัน  ทิฐิมานะต่างๆ  มักจะถูก กระทบตลอดเวลา เพราะเรามองตัวเองอยา่ งหน่งึ แต่คนอ่ืนกค็ ง ไม่ได้มองเหมือนที่เรามอง  ให้เราคอยสังเกตเวลาเรามีความคิด เห็นไม่ตรงกัน เราพดู อย่างไร มองเขาอย่างไร ส่วนมากคนจะตอ้ ง ชยสาโร ภิกขุ 31​

รสู้ ึกวา่ เราถูก เขาผดิ เรารู้ เขาไม่รู้ น่ีเป็นการตัง้ ต้นทไ่ี ม่ถกู และ เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ของการสนทนาทไ่ี ม่ดี ปกตคิ นเราจะตกรอ่ ง เวลาความเห็นไมต่ รงกนั เราจะมอง วา่ เราเป็นฝา่ ยมเี หตผุ ล เขาไมม่ ีเหตุผล พดู ไมม่ ีเหตผุ ล หรือเรา จะมองวา่ เขาเป็นเผด็จการ ชอบบังคับให้อะไรๆ เป็นไปตามที่เขา คิด เขาต้องถกู เสมอ เขาไมร่ ับฟงั เรา หรือ เราจะมองเขาว่าเขาไม่รู้ เรอื่ ง ยงั ไม่เหน็ ไมเ่ ขา้ ใจความจริง ไมเ่ หมือนเรา เราร้มู ากกวา่ เขา หรือมองวา่ เขาเหน็ แก่ตวั เม่ือคดิ เชน่ น้นั เรากฝ็ นื สู้ เม่อื คิดว่าเขา เป็นคนไม่มีเหตุผล  เราก็จะต้องไปยำ้�เหตุผลของเรา  โดยหวังว่า สุดท้ายแล้ว  เขาต้องยอมแพ้เพราะความไม่มีเหตุผลของเขา  ถ้า เราเหน็ วา่ เขาเหน็ แกต่ ัว เราจะต้องใหเ้ ขารู้ตัวเสียบ้าง เม่อื พูดกับเขา  ให้เราดูเจตนาของเราด้วยว่า  เรามีเจตนา อยากใหเ้ ขาเปลย่ี นพฤตกิ รรมความคดิ   ไมใ่ หเ้ ปน็ อยา่ งทเ่ี ขาคดิ อยา่ ง ทเ่ี ขาเปน็ หรอื ไม่ นเ่ี ปน็ วธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ่ ปญั หาทไ่ี มไ่ ดผ้ ล เพราะเราถอื วา่ เรารดู้ กี วา่ เขา รวู้ า่ เขาควรจะเปน็ อยา่ งไร ยง่ิ กวา่ เขารขู้ องเขาเอง 32​ อะไรนะ ?

เมือ่ มีความขดั แย้ง หรอื ความคิดเหน็ ไม่ตรงกนั เจตนาของ เราควรเป็นอย่างไร  เราควรจะมีเจตนาของนักศึกษา  ให้ถือว่า การทำ�ความเข้าใจกับคนท่ีเรากำ�ลังมีความขัดแย้งเป็นส่วน หน่ึงของการปฏิบัติธรรม  ยอมรับว่าความเข้าใจตลอดจน มุมมองความคิดของเราและของเขาไม่ตรงกัน  และสนใจ ศึกษาวเิ คราะห์ดว้ ยใจเปน็ กลางว่าเปน็ เพราะอะไร แทนทีจ่ ะ พยายามทำ�ใหเ้ ขาเห็นวา่ เขาผดิ ตรงไหน เราถูกตรงไหน เราต้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน  เรารู้ว่าเราคิดอย่างไร แต่เราแน่ใจหรือเปล่าว่า  เราเข้าใจความคิดของเขาท้ังหมด  หรือ เป็นแค่การแปลความหมาย หรอื การสรปุ เอาเอง หรือคิดเอาเอง เสียสว่ นใหญ่ ดว้ ยจติ ใจทีอ่ อ่ นนอ้ มถ่อมตน เราตอ้ งยอมรับวา่ เขา อาจจะมคี วามคิด อาจจะมีเหตผุ ล อาจจะมอี ะไรบางอยา่ งทท่ี �ำ ให้ เขาคดิ ไม่เหมือนกับเรา ถ้าเราสรุปเอาเพียงแคว่ ่า ท่ีเขามองอย่าง นน้ั เปน็ เพราะเขาไมร่ ู้ เห็นแกต่ วั หรอื เขาหวงั ผลประโยชน์ส่วน ตวั หรือเขาเปน็ อยา่ งนัน้ อย่างนี้ โอกาสท่ีการสนทนาจะเป็นการ ชยสาโร ภิกขุ 33​

สนทนาเพอ่ื ชว่ ยกนั หาคำ�ตอบของปัญหา จะเป็นไปไดย้ าก มนั จะ เปน็ การต่อสกู้ นั และเรากบั เขาจะเป็นคูต่ อ่ สูก้ นั พยายามเขา้ ใจกัน ไมใ่ ชเ่ อาชนะกัน การสนทนาท่ีเราต้องการ  ควรเป็นการสนทนาของคนท่ี เป็นเพ่ือนกัน  ในการแสวงหาความจริงที่จะเป็นท่ียอมรับของทั้ง สองฝา่ ย ไมใ่ ชต่ อ้ งการจะเอาชนะกนั แต่เมือ่ มีปญั หาวา่ ความคิด เห็นไม่ตรงกัน มมุ มองก็ไมต่ รงกัน ก็ให้ยอมรับว่า เรายังไมเ่ ข้าใจ เขารอ้ ยเปอร์เซน็ ต์ เพราะฉะนัน้ ก็ต้องเปดิ โอกาสให้เขาได้เปดิ เผย ให้เราเข้าใจเขาได้ดีกว่าน้ี  และในขณะเดียวกัน  เขาอาจจะยังไม่ เขา้ ใจเรากไ็ ด้ อาจจะมบี างสง่ิ บางอย่างทีเ่ ขาไม่เข้าใจ ซึง่ เรากต็ ้อง พยายามใหเ้ ขาเข้าใจ เพราะฉะน้ัน  ไม่ใช่ว่าเราจะให้เขาเปลี่ยน  ให้เขาปรับตัว ปรับความคิด  จะได้เปล่ียนเป็นคนท่ีดีกว่านี้  แต่ควรมีมุมมองว่า เราตอ้ งการเขา้ ใจซึง่ กันและกนั เพราะมีความเชอื่ วา่ ความเขา้ ใจ 34​ อะไรนะ ?

เกดิ ที่ไหน วิชชาเกดิ ทไ่ี หน ความทกุ ข์ก็ผ่อนคลาย หรือหมด ไปทน่ี ั่น ส่ิงท่คี วรจะระลกึ อย่เู สมอให้เปน็ เคร่ืองระลกึ ของสติ คอื เราตอ้ งพยายามแยกแยะระหวา่ งสง่ิ ทเ่ี ราเห็น สง่ิ ทเี่ ราเชอ่ื และสิ่ง ท่ีเราสรปุ โดยแปลจากส่งิ ท่ีเราเหน็ ถา้ เขาทำ�อะไรตอ่ หน้าเรา เรา รับรองพฤตกิ รรมที่เราเห็นได้ แตเ่ ราตอ้ งยอมรบั ว่า เจตนาของเขา ในการทำ�อยา่ งนัน้ เปน็ สิ่งทเ่ี รายังไม่รู้ เพราะเราไม่รู้วาระจติ ของ คนอื่น เขาอาจมเี หตุผลที่เราไม่รู้ เหตผุ ลทีเ่ ราอาจจะนกึ ไม่ถงึ ถ้า เราสรปุ ร้อยเปอร์เซน็ ต์ จะเป็นการสรุปในส่งิ ท่ียังไมค่ วรสรุป พูดรับรองได้เฉพาะความรู้สกึ ของตวั เอง เม่ือต้องการจะสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน  โดยเราไม่ สามารถสรุปเจตนาความคิดการกระทำ�ของผู้อ่ืน  ถ้าอย่างนั้นจะ ทำ�อย่างไร  เราก็ต้องพูดในลักษณะว่า  เมื่อคุณทำ�อย่างนั้น  ฉัน รสู้ ึกอยา่ งไร อนั นเี้ ราพูดรบั รองความรู้สึกของตวั เองได้ เมื่อคณุ ท�ำ อย่างนั้น  ฉันรู้สึกอย่างน้ันเพราะอะไร  ฉันต้องการให้คุณเคารพ ชยสาโร ภกิ ขุ 35​

ฉัน เม่ือคณุ พดู อย่างนัน้ ฉันเขา้ ใจว่าคุณดูถกู ไม่ทราบวา่ ฉันมอง ถกู หรอื เปลา่ คือเป็นคำ�ถาม คำ�สงสยั โดยให้โอกาสเขาชแ้ี จง ถา้ เขารสู้ ึกวา่ เรามองเขาผิด เราสรปุ เขาผิด เขากแ็ กไ้ ด้ เพราะเรายงั ไมไ่ ดต้ ดั สินเขา เพยี งแคต่ งั้ ข้อสนั นิษฐานวา่ เขาอาจจะไม่พอใจใช่ ไหม เขาก็บอกไดว้ า่ เปลา่ ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเขา้ ใจ ความเขา้ ใจผิดเกิดข้นึ ไดเ้ สมอเป็นธรรมดา บ่อยคร้ังมากท่ีปัญหาการสื่อสารเกิดจากความเข้าใจผิด มองพฤตกิ รรมของคนอ่ืนผดิ เข้าใจเจตนาผ้อู ื่นผิดๆ เพราะเมื่อ คนเราพูดคยุ หรอื ส่อื สารกัน แตล่ ะคนกม็ ีอดีต หรอื สัญญาของตน มาเกีย่ วข้องท้ังในการแสดงออก การพูด การฟัง ซง่ึ สง่ ผลต่อการ รบั รพู้ ฤตกิ รรมและคำ�พดู ของผูอ้ ่นื ชาวอเมริกันคนหน่ึงเล่าว่า  เขาไปสอนฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ การ แล้วเขากพ็ ดู เรอ่ื งใดเรอื่ งหนึ่งท่ที ำ�ให้นำ�้ ตาไหล ส�ำ หรับผชู้ าย การพดู จนนำ�้ ตาไหลตอ่ หน้าผู้คนมากมาย เขาจะร้สู ึกเขนิ แลว้ เขา 36​ อะไรนะ ?

ก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง  มองเขาด้วยใบหน้าท่ีแสดงออกถึงความ ดูถูกดหู มน่ิ ว่า ลกู ผูช้ ายทำ�ไมน้�ำ ตาไหลอย่างนี้ มันนา่ เกลยี ด เขา รู้สึกทุกข์มากว่าถูกคนอื่นดูถูกดูหมิ่น  ภายหลังเขามีโอกาสถาม “เมือ่ กนี้ ้ีทผ่ี มน้ำ�ตาไหล ผมรู้สึกว่าคุณมองผมเหมือนกับดูถกู ผม ไม่สบายใจ  ไม่ทราบว่าผมมองถูกหรือเปล่า”  ชายคนนั้นตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”  แล้วเขาก็อธิบายว่า  เขามีปัญหาเถียงกับ ภรรยาอยู่เป็นประจำ�  และทุกคร้ังท่ีเถียงกัน  เขาจะน่ังนิ่ง  จน ภรรยากลา่ วหาวา่ เหมอื นกอ้ นหิน เหมือนคนไมม่ ีความรู้สกึ อะไร เลย เขาจงึ รู้สึกอจิ ฉาว่า “ทัง้ ๆ ที่อยตู่ ่อหน้าผู้คน คุณก็ยงั สามารถ แสดงความรูส้ ึกจนน้ำ�ตาไหลได้ ผมท�ำ ไมไ่ ด้ ผมไม่กลา้ พูด ไดแ้ ต่ เก็บกดส่ิงที่กระทบความร้สู ึกตวั เอง” ชาวอเมรกิ ันคนนน้ั จงึ ได้รู้ว่า เขามองคนอืน่ ผดิ ไป เปน็ เรอ่ื งธรรมดาวา่ คนเรามกั เอาประสบการณท์ ่ไี ม่ดีเก่ยี ว กับคนหนงึ่ หรือคนกลมุ่ หนง่ึ ไปเหมาวา่ อกี คนหนงึ่ ที่ไมม่ คี วามผดิ อะไร โดยคนท่ถี ูกวา่ กไ็ มร่ ู้วา่ เขาเคยทำ�อะไรจงึ โดนรังเกยี จ ต้อง ชยสาโร ภิกขุ 37​

พยายามทบทวนว่าได้ทำ�อะไรบ้างที่ทำ�ให้เขาไม่ชอบ  ฉะน้ันเมื่อ เจอคนท่มี ีอคติตอ่ เรา หรอื มคี วามลำ�เอียงต่อเรา กอ็ ยา่ ด่วนสรุป ว่า เปน็ เพราะเรา หรือคิดว่าเปน็ เรอื่ งปจั จบุ ัน เพราะอาจจะเปน็ เรือ่ งอดีตของเขาเองกไ็ ด้ เชน่ คนๆ หน่งึ มพี สี่ าวแต่งงานกบั คน อังกฤษ  แล้วเกิดมีปัญหา  คนอังกฤษคนนั้นขี้เมา  ตีเมียบ่อยๆ สุดท้ายก็หย่ากัน  ทำ�ให้พ่ีสาวเป็นทุกข์มาก  น้องสาวคนน้ีอยู่ต่าง จงั หวัด และไม่เคยรจู้ ักคนองั กฤษมาก่อน รู้จกั แต่พ่ีเขยคนเดียว ก็ เลยสรปุ วา่ คนอังกฤษไม่ดี พอไปเจอคนอังกฤษคนอนื่ โดยบงั เอิญ กม็ ีอคติต่อคนน้นั ทันทีโดยทคี่ นอังกฤษคนนนั้ ก็ไม่รู้วา่ ทำ�ไมจงึ โดน รังเกยี จและถกู มองวา่ เป็นคนก้าวรา้ ว ทัง้ ๆ ท่ยี ังไม่ไดท้ �ำ อะไรเลย ความสัมพันธ์ระหว่างคน  มักจะมีเร่ืองอื่นๆ  มาเก่ียวข้อง อยู่ตลอดเวลา อาจจะเปน็ เรือ่ งสว่ นตวั หรือเปน็ เร่ืองใต้ส�ำ นกึ ก็ได้ อย่างเช่นเราปฏิบัติต่อผู้ใหญ่  หรือผู้ท่ีทำ�หน้าท่ีแทนพ่อแทนแม่ สิ่งที่อยู่ใต้สำ�นึกท่ีเก่ียวกับความสัมพันธ์ของเรากับพ่อแม่มักจะ ปรากฏในความสมั พนั ธร์ ะหว่างเรากับผู้ใหญค่ นนน้ั โดยทีเ่ ราอาจ 38​ อะไรนะ ?

จะไมร่ ู้สกึ ตัวหรืออาจจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ สมยั ทอ่ี าตมาเปน็ เจา้ อาวาสวดั ปา่ นานาชาติ สงั เกตบอ่ ยครง้ั ว่า  พระฝรั่งหนุ่มๆ  ที่ทำ�ตัวมีปัญหากับเจ้าอาวาสมักจะเป็น ผู้ที่มปี ัญหาตดิ ค้างกับพอ่ ของตวั เอง การทำ�หนา้ ท่ีเป็นเจา้ อาวาส ทำ�หน้าที่อาจารย์ ก็เสมือนเป็นตัวแทนของพ่อ อารมณ์ความ โกรธต่างๆ  ท่ีค่ังค้างอยู่ในใจ  ก็จะมาลงท่ีเจ้าอาวาส  เร่ืองน้ี หลวงพ่อชาก็เคยพูดกับท่านอาจารย์สุเมโธว่า  เจ้าอาวาสต้อง พร้อมที่จะเป็นถังขยะของลูกศิษย์ด้วย อยา่ เชอ่ื รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ตใ์ นสง่ิ ทเ่ี หน็ สง่ิ ทฟ่ี งั สง่ิ ทจ่ี �ำ เราตอ้ งมีสตแิ ยกระหว่างส่งิ ท่ีเหน็ กบั สิ่งทีส่ รปุ จากสงิ่ ท่เี ห็น แม้เราจะเหน็ กับตา เรากย็ งั เช่อื ไม่ไดร้ ้อยเปอร์เซน็ ต์ สง่ิ ท่เี ห็น ส่ิง ที่จำ� หรือสงิ่ ที่ฟงั มักเปน็ สิง่ ท่ตี รงกบั ประเดน็ ของเรา เช่นคนมาฟงั เทศนร์ อ้ ยคน หลังจากฟงั เทศน์แลว้ วนั สองวันก็คยุ กนั วา่ อาตมา เทศน์เรื่องอะไร  ส่วนมากคนจะจำ�ไม่ได้  ส่วนผู้ที่จำ�ได้ก็จำ�ได้ไม่ ชยสาโร ภกิ ขุ 39​

เหมอื นกัน คอื ประเดน็ ไหนทีม่ ันถูกกับเรากจ็ �ำ ได้ แต่เรือ่ งทม่ี ันไม่ คอ่ ยจะถูกกับเรากจ็ ำ�ไม่คอ่ ยได้ หูของทุกคนอาจจะได้ยินทุกคำ�  แต่ส่ิงท่ีเรารับได้และจำ�ได้ ไม่เหมือนกัน  เพราะอารมณ์ของเรามีผลต่อการรับรู้  และความ ทรงจ�ำ คนเราไมใ่ ชเ่ ครอื่ งอดั เทปทีร่ บั ไดท้ ้ังหมด การรบั ฟงั และส่ิง ที่ให้ความส�ำ คญั จะข้นึ อยกู่ ับมุมมอง ความคิด และอารมณห์ ลาย อยา่ ง ยง่ิ ถ้าเราสรุปเจตนาของผู้พดู ก็มโี อกาสจะผิดพลาดไดม้ าก อย่าตราหนา้ คน การตราหนา้ คนอื่นๆ ว่า คนนั้นเป็นคนดี คนนัน้ เป็นคนไมด่ ี คนนั้นขอ้ี ิจฉา คนน้นั ข้ีโกรธ จะท�ำ ให้เกิดปญั หาในการสื่อสาร เช่น เรือ่ งที่กลา่ วถงึ การรงั เกียจคนองั กฤษคนหน่งึ แลว้ ก็ไปรังเกยี จคน อังกฤษอกี คนหนึง่ ท้ังๆ ท่ีเขายังไม่ได้ทำ�อะไรผิด นคี่ อื การตรา หนา้ หรอื label คน มนุษย์เราแต่ละคนมีอะไรหลายๆ อย่างที่สลบั ซับซอ้ น การทจ่ี ะสรปุ สน้ั ๆ แค่ขอ้ เดียวว่า เขาเปน็ คนแบบนี้ แบบ 40​ อะไรนะ ?

นัน้ เมอื่ เรามองอย่างนนั้ เรากพ็ รอ้ มทจี่ ะรบั รรู้ บั ฟงั เฉพาะในสิง่ ที่ ตรงกับมมุ มองของเรา และมองไมเ่ ห็นสิง่ ท่ไี มต่ รง ซึง่ จะทำ�ใหเ้ รา ไมเ่ ห็นความจริงทัง้ หมดของคนๆ นนั้ และไมย่ ตุ ิธรรมกับเขาด้วย ก า ร ท่ี เ ร า ม อ ง ค น อ่ื น ว่ า เ ป็ น ค น อ ย่ า ง นั้ น อ ย่ า ง น้ี เป็นการลืมไตรลักษณ์  ลืมอนิจจัง  เป็นการมองคนอย่าง ตายตัว  ไม่มีการเปลี่ยนแปลง  คือมองว่าเขาเป็นคนอย่างน้ัน และจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป  เราควรต้องมองว่า  คนเรา เปลีย่ นแปลงได้ตลอดเวลา ฉะนนั้ เราไมต่ ้องไปสรุปใคร ไม่ตอ้ ง ไปตราหน้าใครว่าเป็นอย่างน้ันอย่างนี้อย่างเด็ดขาด  นี่คือความ กรุณาในการปฏบิ ตั ิต่อคนรอบขา้ ง ในทำ�นองเดียวกนั เราจะรู้สกึ อึดอัดหากมีคนตราหน้าเรา  โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงอาจจะน้อย ลง เพราะรู้สกึ วา่ ถึงแมว้ า่ เราจะปรับปรงุ แกไ้ ขตวั เองอยา่ งไร เขา ก็ยังมองเราเหมือนเดมิ แล้วเราจะทำ�ไปท�ำ ไม ชยสาโร ภิกขุ 41​

ควรจะ...นา่ จะ... คำ�พูดที่ใหโ้ ทษ คำ�พูดบางคำ� เปน็ ค�ำ พดู ธรรมดาๆ แตม่ ีโทษ คอื คำ�วา่ ควร จะ... หรอื น่าจะ... ถ้าเราพดู กบั ใครว่า คุณควรจะ... คณุ นา่ จะ... น่ี ไม่ใช่ทางที่จะนำ�ไปส่คู วามสงบ หรอื ความเขา้ ใจซึง่ กนั และกัน ถา้ มใี ครมาบอกวา่ ....เราควรจะ... หรอื ...เรานา่ จะ..... เรากต็ ้องรสู้ ึกวา่ คนๆ น้ันยงั ไมเ่ ขา้ ใจเรา หรือกำ�ลังสง่ั สอนเรา ส่ิงท่ีเราต้องการจากคนอ่ืนคืออะไร  เราต้องการความรู้สึก ว่า เขาเข้าใจเรา ไมด่ ถู ูกเรา ไมต่ ัดสนิ เรา เขาต้องการเข้าใจเรา และ พยายามเข้าใจเรา  ถึงแม้ว่าในบางครั้งบางคราวเรารู้สึกว่าเขาไม่ เข้าใจ แตค่ วามรู้สกึ วา่ เขาพยายามจะเขา้ ใจเรา กท็ ำ�ใหเ้ ราสบายใจ แล้วว่า  เขาให้ความสำ�คัญกับเรามากพอท่ีจะพยายามเข้าใจเรา คำ�พูดทว่ี า่ ควรจะ... น่าจะ.....จึงเปน็ ค�ำ ทเี่ ราควรระมดั ระวังมาก 42​ อะไรนะ ?

ไม่มคี �ำ วา่ “คุณทำ�ใหฉ้ นั ........” คำ�พูดท่ีว่า....คุณทำ�ให้ฉันดีใจมาก...  คุณทำ�ให้ฉันเสียใจ มาก... เป็นคำ�พูดทผี่ ิดร้อยเปอร์เซน็ ต์ เพราะไมเ่ คยมีใครทำ�ให้ คนอ่ืนรู้สึกอย่างไร  เมื่อเรารู้สึกอะไร  เราต้องรับผิดชอบ ความรูส้ กึ ของตวั เอง ถ้าเรามองว่า คนอน่ื ทำ�ใหเ้ ราร้สู ึกอย่างนั้น รู้สึกอย่างนี้ เรยี กวา่ มองไมเ่ หน็ ธรรมะแนน่ อน เปน็ การโอนความ รับผิดชอบให้กบั คนอื่น คลา้ ยๆ กับเรากลายเป็นเหยอื่ ของเขา ที่ จริงแล้วเราไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะคนอ่ืนหรือการกระท�ำ ของคนอื่น เรารู้สกึ อย่างไร เพราะเรามีความตอ้ งการอยา่ งใดอย่างหนง่ึ แล้ว คนนนั้ ทำ�ใหเ้ ราไดห้ รอื ไม่ไดใ้ นสง่ิ ท่ีเราตอ้ งการ สมมุตวิ า่ เราปว่ ย แล้วมคี นมาเย่ยี มให้กำ�ลังใจ “วันนคี้ ณุ มา เย่ยี ม คุณท�ำ ให้ฉันดใี จมาก” จรงิ ๆ แลว้ ไม่ใช่ เราต้องพดู ว่า “คณุ มาวนั นี้ ฉันรสู้ กึ ดใี จมาก เพราะก�ำ ลงั เหงา กำ�ลงั อยากให้มีคนมา เยยี่ มอยูพ่ อดี” ฉะนนั้ เราตอ้ งดูตรงน้ี ดวู ่าเรากำ�ลงั ต้องการอะไร เราต้องรจู้ กั ความตอ้ งการของตัวเอง ชยสาโร ภกิ ขุ 43​

เวลาเราโกรธ  คำ�พูดว่า  “โอ้...วันนี้เขาทำ�ให้ฉันโกรธมาก” เป็นคำ�พูดท่ีผิด ภาษาพาใหเ้ ราคิดผดิ ขอ้ น้ตี ้องจำ�ไวใ้ หด้ ี ไมม่ ีใคร ท�ำ ให้เราโกรธได้ เขาแคเ่ ปิดโอกาสให้เราโกรธเท่านั้น ทกุ ครง้ั ท่ีเรา โกรธ เป็นเพราะเราตอ้ งการอะไรสักอย่าง แล้วเราไม่ได้ เชน่ ถา้ เราต้องการใหเ้ ขาเอาใจเรา แลว้ เขาไม่เอาใจ จะบอกวา่ เขาทำ�ให้ เราโกรธมาก  นั่นไม่ใช่  เราโกรธ  เพราะเราต้องการให้เขาเอาใจ เรา แลว้ เขาไมเ่ อาใจเรา เราต้องการใหเ้ ขาเหน็ ใจ แต่เขาไม่เห็นใจ ต้องการให้เขาช่วยแบ่งเบาภาระ  แต่เขาไม่ทำ�  เราต้องกลับมาดู ความรสู้ ึกของตวั เอง ดคู วามต้องการของตวั เอง อยา่ ไปมองว่าคน อนื่ ท�ำ ใหเ้ รารู้สึกอะไร ไมว่ ่าในทางดีหรอื ทางเสีย แต่ใหเ้ ราสังเกตดู สงิ่ ที่เราตอ้ งการ บางครั้งเราอาจไม่อยากดู เพราะเรากร็ ู้ว่ามนั เป็น สง่ิ ที่เป็นไปไมไ่ ด้ บางทีเมื่อดูแล้ว  จะพบว่ามันเป็นเรื่องน่าขบขัน  เช่น  เรา ตอ้ งการใหท้ กุ คนรักเรา มันจะเปน็ ไปได้หรอื พอพดู อยา่ งนี้ เราก็ หัวเราะ แตใ่ นทางความรสู้ ึก มนั เปน็ อย่างนั้นจริงๆ เพียงแค่คนๆ 44​ อะไรนะ ?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook