Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะใกล้มือ

ธรรมะใกล้มือ

Description: ธรรมะใกล้มือ

Search

Read the Text Version

ธรรมะใกล้มือ เรา เปน็ คน รวย ๑๑๐ พุทธ ทาส ภิกขุ

เราเปน็ คนรวย พทุ ธทาสภกิ ขุ การบรรยาย อบรมพระธรรมทูต ปี ๒๕๑๐ วนั ทีแ่ สดง ๑๙ เมษายน ๒๕๑๐, ๑๗ เมษายน ๒๕๑๐ รหัส ๒๔๑๕๑๐๐๔๑๙๑๒๐, ๒๔๑๕๑๐๐๔๑๗๐๗๐ ผู้ถอดเสียง ศภุ รดา มหทั ธนะกุล, ขนษิ ฐา ผู้พัฒน์ ผู้ตรวจทาน ลลติ า อิทธิอมรเลศิ ISBN 978-616-7574-87-5 พิมพค์ รงั้ แรก พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ จำ�นวน ๑๕,๐๐๐ เลม่ จัดพิมพ์โดย มลู นิธหิ อจดหมายเหตุพทุ ธทาส อนิ ทปญั โญ พมิ พ์ที่ บริษัท พมิ พ์ดี จำ�กัด ประสงค์รบั หนงั สอื เพ่อื ใชใ้ นงานพิธหี รอื เผยแผใ่ นวาระต่างๆ ติดต่อท่ี มูลนธิ ิหอจดหมายเหตพุ ุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชริ เบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟสาย ๒ แขวงจตจุ ักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ : ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ต่อ ๕๑๐๑ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๖ ๒๖๘๕ อเี มล : [email protected] Facebook : CoDhammaSpace www.bia.or.th

3



สารบญั ๗ เปน็ อยแู่ บบคนรวย ๑๑ ทรพั ยข์ องคนรวย ๑๕ โวหารคนรวย ๒๑ คนรวยแจกของ ๒๗ การประหยดั ๓๑ การใชจ้ วี ร ๓๕ ทกุ สกิ ขาบทมคี วามหมายเรอื่ งการประหยดั ซอ่ นอย ู่

อยูก่ ลางพ้นื ดนิ เป็นเกลอกับยงุ อาบนำ�้ ค้างกน็ อนได้ และมีการกนิ การอยู่ อยา่ งทเี่ รียกวา่ ตามแต่จะเปน็ ไป ... เราจะไดอ้ ะไรจากการฝกึ น้ี ผมขอตอบว่า ‘เราเป็นคนรวย’

เป็นอย่แู บบคนรวย บัดน้วี ันท่ ี ๑๙ เมษายน ๒๕๑๐ สำ� หรับพวกเรา ได้ ลว่ งมาแลว้ ถงึ เวลา ๒๑.๓๐ น. เปน็ เวลาทเ่ี ราก�ำหนดไว้สำ� หรับ การพดู จาสนทนากนั ดว้ ยเรอื่ งใดเรอ่ื งหนง่ึ สำ� หรบั วนั นจี้ ะไดพ้ ดู เรอ่ื ง “เราเปน็ คนรวย” วันก่อนได้พูดว่าธรรมทูตจักต้องเป็นคนไม่มีทรัพย์ สมบัติอะไร คือเป็นคนจน มีทรัพย์สมบัติเปรียบเหมือนนก มีแต่ปีกสองข้างเป็นภาระเท่านั้นเอง แต่บัดน้ีเราเป็นคนรวย ขอให้ท�ำความเขา้ ใจในเร่ืองนี้กนั ให้ดๆี ตงั้ แตต่ น้ มาจนถงึ วนั นเ้ี ราฝกึ การเปน็ อยอู่ ยา่ งทเี่ รยี กวา่ อยู่กลางพืน้ ดนิ เป็นเกลอกบั ยุง อาบน้�ำคา้ งก็นอนได้ และมี

การกนิ การอยอู่ ยา่ งทเี่ รยี กวา่ ตามแตจ่ ะเปน็ ไป เรอ่ื งทต่ี อ้ งคดิ กม็ อี ยู่ว่า ถา้ เราฝกึ อยา่ งนเี้ สร็จไป เราจะได้อะไรจากการฝึกน้ี ผมขอตอบว่า “เราเป็นคนรวย” ต่อไปนี้โลกท้ังโลกจักเป็นของเราเพราะว่าเราจะ อยู่ที่ไหนก็ได้ท่ัวท้ังโลกโดยท่ีไม่มีอะไรเป็นปัญหาเลย ดัง เช่นกลางสนามเราก็อยู่ได้ เหมือนกับที่เราก�ำลังอยู่ การ เป็นอยู่ในแบบน้ี เหมือนกับการพักแรมและยิ่งกว่าการพัก แรม ถ้าเราอยู่อย่างนี้ได้ก็เป็นอันว่าหมดปัญหาท่ีว่าเราจะ อยู่ท่ีไหนในโลกน้ีก็ได้ ไม่มีใครจะท�ำให้เราเกิดปัญหาใน เร่ืองท่ีอยู่ได้ เพราะว่าท่ีเช่นนี้ก็จะมีให้เราธรรมทูตในทุกหน ทกุ แหง่ ในโลกเป็นแน่นอน ทวี่ า่ เราเปน็ คนรวยอยา่ งไรนน้ั ถา้ ใครยงั นกึ ไมอ่ อกกเ็ ปน็ เพราะไมไ่ ดน้ กึ ถงึ พระพทุ ธภาษติ ทวี่ า่ สนตฺ ฏุ ฺ ี ปรมํ ธนํ –ความ สันโดษเปน็ ทรัพย์อย่างย่งิ น่เี รากำ� ลังฝกึ ความสันโดษเพ่อื เปน็ ผอู้ ย่อู ยา่ งสันโดษ เราก็จะต้องมที รัพย์อย่างยิ่ง เม่อื เรามที รัพย์ อย่างยิ่งแล้วจะไม่ให้เรียกว่าเราเป็นคนรวยได้อย่างไรกัน เรา ต้องเป็นคนรวยโดยแน่นอน เพราะว่าการฝึกทุกอย่างน้ีเป็นไป เพ่ือความสันโดษ ท่ีอยู่อาศัยเป็นไปเพ่ือความสันโดษ อาหาร 8

การกินเป็นไปเพ่ือความสันโดษ จีวรก็เป็นไปเพ่ือความสันโดษ ยาแก้โรคก็เป็นไปเพอ่ื ความสันโดษ แม้แต่เคร่อื งใช้ไม้สอย เช่น หมอนไม้ โคม ผ้า เหลา่ น้กี เ็ ป็นเรือ่ งของความสันโดษ เมอื่ เต็ม ไปดว้ ยความสนั โดษกต็ อ้ งเตม็ ไปดว้ ยทรพั ยอ์ ยา่ งยง่ิ ดงั นน้ั เราจงึ ตอ้ งเปน็ คนรวย เม่อื กล่าววา่ เปน็ คนรวยขนึ้ มา มขิ ดั กันกบั ขอ้ ท่กี ล่าววา่ ธรรมทตู ตอ้ งไมม่ ที รพั ยส์ มบตั อิ ะไรตดิ ตวั เลยไปหรอื ผมู้ ปี ญั ญา จะมองเห็นได้ว่าไม่ขัดกัน คือเราไม่มีทรัพย์ในทางฝ่ายวัตถุแต่ เรามีทรัพย์ในทางฝ่ายนามธรรม ข้อน้ีเป็นสิ่งท่ีต้องเข้าใจแจ่ม แจ้งยงิ่ ขนึ้ ไปอกี เทา่ ตัว เพราะวา่ เราจะตอ้ งไปสอนสิ่งนใ้ี หท้ วั่ ไป ทง้ั โลก ถ้าโลกมีทรพั ยอ์ ยา่ งน้ีกนั แลว้ โลกนจ้ี ะไมม่ วี กิ ฤตการณ์ ใดๆ ซึ่งเปน็ ความเดอื ดรอ้ นหรอื เป็นทุกข์ เดยี๋ วนโี้ ลกทั้งโลกเต็ม ไปดว้ ยวกิ ฤตการณ์ และเปน็ การถาวร คอื มคี วามทกุ ขร์ อ้ นเดอื ด ร้อนเป็นการถาวร เชน่ มาจากการสงครามเปน็ ต้น นี่กเ็ พราะวา่ โลกหรือชาวโลกเหล่านั้นไม่มีทรัพย์อย่างน้ี มีทรัพย์แต่ในทาง วตั ถุและยังต้องการเพ่ิมอีกมากมายไม่มที ี่สิ้นสดุ สงครามไม่ว่าท่ีไหนและเม่ือไรเป็นไปเพื่อจะป้องกัน วตั ถขุ องตน และแสวงหาวตั ถเุ พม่ิ เตมิ กะแผนการไวอ้ ยา่ งยาว 9

ยดื ไมม่ ที สี่ น้ิ สดุ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งรบกนั เอาลทั ธนิ นั่ ลทั ธนิ ข่ี น้ึ มาอา้ ง เปน็ ข้อบงั หน้าเปน็ เคร่ืองบังหน้า แต่เน้ือแท้นั้นก็เพอื่ ประโยชน์ ในทางวตั ถนุ ั่นเอง แต่ถ้าเป็นผู้มีทรัพย์ที่เป็นอริยทรัพย์ คือทรัพย์ในทาง ธรรมแล้วมันจะเป็นเช่นน้ีไม่ได้ ผู้ท่ีมีใจประกอบไปด้วยธรรม อิ่มเอิบไปด้วยทรัพย์อย่างยิ่งและชั้นสูงแล้ว ก็ไม่ไปมัวเมา หลงใหลในวตั ถุ ตะกละตะกลามในวตั ถุ มแี ผนการทจ่ี ะหา รกั ษา คุ้มครองแต่ทรัพย์สมบัติทางวัตถุไม่มีท่ีสิ้นสุด จนกลายเป็นคน ยากจนไปทั้งที่มีทรัพย์สมบัติทางวัตถุมากมายมหาศาล กลาย เป็นคนยากจน ก็คือไม่มีความสงบใจ ไม่มีความผาสุกใจ เป็น คนอยาก คอแห้งกระหายอยู่เสมอ แล้วยังเป็นการเบียดเบียน ตนและผอู้ นื่ ใหเ้ ปน็ ทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ นนอนไมห่ ลบั อยดู่ ว้ ยกนั ทง้ั นน้ั แล้วจะเรียกวา่ คนรวยไดอ้ ยา่ งไร สำ� หรบั เรา เปน็ คนรวยกเ็ พราะมอี รยิ ทรพั ย์ อยา่ งนอ้ ย กค็ อื ความสันโดษ ทีเ่ รากำ� ลังฝกึ กันอยู่ 10

ทรพั ย์ของคนรวย ทีน้ีจะดูให้ละเอียดอีกต่อไป คือดูความแตกต่างตรง กันข้ามระหว่างทรัพย์ทางวัตถุกับทรัพย์ทางนามธรรม คือ คณุ ธรรม ซง่ึ เรยี กว่าอริยทรัพย์กบั ทรพั ย์ทไี่ มใ่ ช่อริยทรพั ย์ ของ สองอย่างนี้ถ้ากล่าวโดยปกติสามัญหรือโดยทั่วๆ ไปแล้วมัน เปน็ ขา้ ศกึ แก่กัน มันอยู่ดว้ ยกนั ไมไ่ ด้ ถ้าพอใจในอรยิ ทรพั ย์กจ็ ะ ขยะแขยงตอ่ ทรพั ยท์ างวตั ถุ ถา้ ไปหลงใหลในทรพั ยท์ างวตั ถกุ จ็ ะ เกลยี ดและกลวั ทรพั ยท์ เ่ี ปน็ อรยิ ทรพั ยเ์ ปน็ แนน่ อน ดงั นนั้ มนั จงึ ตอ้ งแยกกันเป็นธรรมดา แตถ่ า้ บคุ คลมปี ญั ญา คอื มอี รยิ ทรพั ยเ์ ตม็ ทแ่ี ลว้ ทรพั ย์ ทางวัตถุก็กลายเป็นของง่ายที่จะมีมา แต่เขาก็จะรับเอาไว้ 11

แต่เพียงเท่าท่ีจ�ำเป็นเพ่ือไม่ท�ำความยุ่งยาก การมีทรัพย์เกิน กว่าจ�ำเป็นน่ันก็เป็นการเพิ่มความล�ำบากยุ่งยากไม่สงบ การ มีมากเกินกว่าความจ�ำเป็นน่ันเป็นบาปชนิดหนึ่ง คือท�ำให้ผู้ อื่นขาดแคลน เป็นบาปได้โดยไม่รู้สึกตัวในข้อท่ีว่าท�ำให้ผู้อื่น ขาดแคลน ถ้าต่างคนต่างมีกันแต่พอเหมาะสมแล้วก็จะอยู่กัน เปน็ ผาสุกไปทั้งโลกทีเดียว ทีน้ีทรัพย์ในทางวัตถุนั้นมันท�ำให้ไม่รู้จักอ่ิมจักพอ ส�ำหรับผู้ท่ีไม่รู้จักมัน คือคนธรรมดา มีกิเลสหนาย่อมตะกละ ตะกลามทรัพย์ทางวัตถุไม่มีอิ่มไม่มีพอ มันจึงเผาผลาญบุคคล น้นั และท�ำใหผ้ ู้อืน่ พลอยล�ำบากเดอื ดรอ้ นไปด้วย ธรรมทตู ในศาสนาครสิ เตยี นดงั ทไ่ี ดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั แลว้ วา่ ตอ้ ง ประกอบไปด้วยคุณส�ำคัญข้อนี้คือ ‘ความจน’ หรือความไม่มี อะไรดว้ ยเหมอื นกนั นนั้ กห็ มายความวา่ ตอ้ งรวยดว้ ยอรยิ ทรพั ย์ คอื ความเสยี สละ ความเหน็ แกผ่ อู้ น่ื แลว้ กเ็ อาอรยิ ทรพั ยน์ แ้ี หละ ไปแจกจ่าย ที่ว่ารับใช้พระเป็นเจ้า ไปประกาศธรรมะ ก็คือไป ประกาศใหค้ นเหน็ แกพ่ ระเปน็ เจา้ อยา่ ไปเหน็ แกท่ รพั ยท์ างวตั ถุ เรอ่ื งกนิ เร่ืองกาม เร่อื งเกียรติ เป็นต้น ก็จะทำ� ใหโ้ ลกนี้ดขี ้นึ ได้ เหมือนกัน 12

ถงึ พวกเราพวกธรรมทตู ในฝ่ายพุทธศาสนากไ็ มค่ อ่ ยจะ มีอะไรผิดแปลกแตกต่างไปจากนี้ คือจะไปสอนเรื่องความไม่ เห็นแก่ตัวให้ทุกคนไม่เห็นแก่ตัว ถึงกับเลิกมีตัวเสียได้ก็ย่ิงเป็น การด ี เมอ่ื ไมเ่ หน็ แกต่ วั แลว้ กต็ อ้ งเหน็ แกธ่ รรมะเปน็ แนน่ อน เมอื่ ไม่เห็นแก่โลกียทรัพย์แล้วก็ย่อมจะเห็นแก่โลกุตตรทรัพย์หรือ อริยทรัพย์เป็นแน่นอน เมื่อเห็นแก่ธรรมะหรืออริยทรัพย์แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะเบียดเบียนกันได้เลย ดังน้ันลัทธิท่ีต้องการจะ เผยแผ่น้ีจึงเป็นลัทธิที่ประเสริฐท่ีจะท�ำโลกน้ีให้อยู่เป็นผาสุก ให้คนไม่ลุ่มหลงในโลกียทรัพย์ โลกียวัตถุ โลกียสุข หรือโลกีย อะไรอีกมากมาย แต่ให้อยู่เหนือวิสัยแห่งโลกียะเหล่านั้น เป็น อริยะหรือเป็นโลกุตตระขึ้นมาทีเดียว นั่นแหละเราเป็นคนรวย แลว้ มหิ นำ� ซำ้� ยงั แจกอกี ดว้ ย คอื แจกไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ตามหนา้ ทข่ี อง พระธรรมทตู ทจี่ ะตอ้ งเอาอรยิ ทรพั ยไ์ ปแจกใหไ้ มม่ ที ส่ี น้ิ สดุ แลว้ เราก็ต้องเป็นคนรวยจริงด้วยเสียก่อน จึงจะมีแจกไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเหตุเช่นนี้เองเราจะต้องสนใจในสิ่งท่ีเราจะรวยและจะ เอาไปแจกใหถ้ ูกต้องใหเ้ พยี งพอ 13

คนท่ไี ม่เอาอะไรนั้นคอื คนท่ไี ดท้ ้งั หมด

โวหารคนรวย ทีนี้เก่ียวกับเรื่องนี้เราจะนึกคิดกันอย่างไร ในทาง โลกุตตระหรือโวหารทางโลกุตตระนั้นก็มีอยู่ชัดแล้วว่า คน ท่ีไม่เอาอะไรนั้นคือคนที่ได้ท้ังหมด คนท่ีไม่เอานั่นแหละจะ ได้ ถ้าพูดอย่างส�ำนวนฝ่ายคริสเตียนก็ว่า คนท่ียอมเสียชีวิต น่นั แหละจะไดช้ ีวิต ชีวิตแรกหมายถึงโลกยี ะ ชีวติ หลังหมายถงึ โลกุตตระ จะต้องระวังดูให้ดีๆ ว่าแม้แต่ในฝ่ายอ่ืนเขาก็มีหลัก เกณฑอ์ ยา่ งนี้ แลว้ เราจะไปงมงาย คลานตว้ มเตยี้ มอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร กัน มันต้องมีอะไรที่เสมอกันหรอื ดีกว่าในสิง่ ท่ีเป็นเน้อื หาของ พระศาสนาหรือส่ิงท่ีจะต้องเผยแผ่นั่นเอง เร่ืองที่ว่าไม่เอานั่น แหละจะได้หรือคนไม่เอาเลยเป็นคนได้ท้ังหมด คนที่เอากลับ 15

ไมไ่ ด้ อยา่ งน้มี ีอยูด่ ้วยกันในหลายๆ ลัทธิหรอื ในหลายๆ ศาสนา โดยเฉพาะในลัทธิเล่าจ๊ือก็ยิ่งมีส�ำนวนโวหารอย่างน้ีมาก ใน พุทธเรา ฝ่ายพทุ ธเรากม็ อี ยา่ งน้ี ฝ่ายคริสเตียนกม็ อี ย่างนี้ พอท่ี จะกล่าวได้ว่าน้ีเป็นหลักท่ีสูงสุด และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปใน หมู่ผู้มีปัญญาหรือในหมู่พระศาสดา หรือศาสดาแม้ในอันดับท่ี รองๆ ลงมา มีส�ำนวนโวหารประจ�ำบ้านประจ�ำเมืองน้ีอยู่อย่างหน่ึง ว่า ‘ดีอยู่ท่ีละ พระอยู่ที่จริง นิพพานอยู่ท่ีตายเสียก่อนตาย’ หรอื ถา้ วา่ ใหห้ มดกต็ อ้ งวา่ มาตงั้ แตต่ น้ วา่ ความงามนนั้ อยทู่ ซี่ าก ผี ความดอี ยู่ท่ีละ –คือไม่เอา พระนั้นอยทู่ ่จี ริง นพิ พานอย่ทู ี่ ตายเสยี กอ่ นตาย นเี้ ปน็ สำ� นวนโลกตุ ตระหรอื เปน็ สำ� นวนอรยิ ะ แท้ ความงามอยู่ท่ีซากผี มันฝืนความรู้สึกของคนท่ัวไป เขา้ ใจไมไ่ ด้ กย็ งั ตะกละในเรอ่ื งของโลกยี ะ ผทู้ รี่ เู้ รอ่ื งของโลกตุ ตระ จะมองเห็นได้ทันทีว่า ‘ซากผีมีความงาม’ เพราะว่ามันแสดง ความจริง มันไม่ปิดบังความจริง มันไม่หลอกลวง มันเปิดเผย เพราะฉะนน้ั จึงเรียกว่า ‘ของงาม’ เพราะเปน็ ของจริง และของ มีประโยชน์ เป็นของไมท่ �ำให้คนหลง แตจ่ ะท�ำให้คนฉลาด จะ 16

น�ำคนให้พ้นจากทุกข์ ส่วนความงามท่ีอยู่ท่ีคนเป็นๆ แต่งเนื้อ แตง่ ตาสวยๆ แตง่ ตวั สวยๆ ด้วยการตบแตง่ หรือเมคอัพมากขึ้น อยา่ งสมยั น้นี ัน้ คือ ความสกปรก ความหลอกลวง ความมายา มดเท็จ เพราะฉะนั้นจึงไม่เรียกว่างาม ไปมองเห็นว่าซากผีนี้ ประกอบไปด้วยความงาม ความจรงิ ความเป็นที่พง่ึ ไดอ้ าศัยได้ ความมปี ระโยชน ์ สว่ นความงามอย่างเมคอัพนัน้ น่นั แหละเป็น ผียงิ่ กวา่ ผี คือหลอกลวงยิง่ กว่าผี อนั น�ำมาซ่ึงความโง่เขลาแลว้ แหละเป็นทุกข์ในที่สุด จึงควรเห็นว่าที่กล่าวว่าความงามอยู่ที่ ซากผนี ้เี ป็นการถูกต้องอยา่ งยิ่ง ดีอยู่ทลี่ ะ คอื ไมเ่ อา คนสมัยนีด้ ีอยทู่ ไี่ ด้ ไดม้ ากๆ ย่งิ ดี จนถือ ‘ศาสนาได้’ เป็นศาสนากันไปเสียแล้ว แทนที่จะพูดว่า พุทธงั สรณงั คจั ฉามิ กพ็ ดู ว่า สตางค์ สรณงั คจั ฉามิ ได้ยนิ กนั มากหนาหขู นึ้ น่กี ็เพราะถอื ‘ลัทธไิ ด้’ นั้นเป็นดี, ไมถ่ ือลทั ธทิ วี่ า่ ‘สละออกไป’ น้นั เปน็ ดี มันตา่ งกนั อยา่ งน้ี แลว้ ใครจะอยตู่ ่ำ� สดุ ใครจะอยสู่ งู สดุ ก็ไปคิดดู ทนี ้ี พระอยทู่ จี่ รงิ นอ้ี ยา่ ตอ้ งพดู กนั เลย ควรจะรกู้ นั ดวี า่ พระนนั้ อยู่ทีบ่ วชจรงิ เรียนจริง ปฏบิ ตั ิจริง ร้จู รงิ ไดผ้ ลจริง แล้ว สอนสบื ๆ กนั ไปจริงๆ ใหม้ ันจรงิ อย่างนี้ 17

ส่วน นิพพานน้ันอยู่ที่ตายแล้วก่อนตาย เดี๋ยวน้ียัง ไม่ทันจะร่างกายแตกดับนี่ เราก็หมดชีวิตแล้ว หมดตัวกูแล้ว หมดตวั ตนแล้ว น่สี ละหมดไม่เอาอะไรเลย แม้แตต่ ัวตนกไ็ ม่เอา ไว ้ ดงั นน้ั จงึ เปน็ นพิ พานหรอื สงิ่ สงู สดุ นน่ั แหละคอื ไมม่ อี ะไรเลย แตก่ ลบั ไดห้ มด ไมเ่ อาอะไรเลยกลบั ไดห้ มด ไมย่ ดึ มน่ั ถอื มนั่ สงิ่ ใดแมก้ ระทง่ั ชวี ติ วา่ เปน็ ของตน แตก่ ลบั ไดท้ งั้ หมดของสง่ิ ทค่ี วร จะไดค้ ือพระนิพพาน จงึ เรยี กวา่ เปน็ คนทรี่ วยทส่ี ดุ พวกเราก็อยู่ในลักษณะอย่างนี้กันอย่างเต็มที่ และ พยายามทจ่ี ะเปน็ อยา่ งน ้ี และชกั จงู กนั ใหเ้ ปน็ อยา่ งน้ี สรรเสรญิ ความเปน็ อยา่ งนี้ ไมม่ อี ะไรทจ่ี ะตอ้ งเอาตอ้ งเปน็ ไมอ่ ยากจะเอา อะไร ไม่อยากจะเป็นอะไร เพราะว่าความอยากน้ันเป็นเรื่อง ของความโงเ่ ขลามาแตอ่ วชิ ชา เรยี กวา่ ตณั หา มคี วามอยากชนดิ นี้มากเท่าไรก็ยิ่งเป็นคนจนมากขึ้นเท่านั้น คือจะกระหายจะ กระวนกระวายเหมอื นคนจนมากขนึ้ เทา่ นนั้ พอไมอ่ ยาก เพราะ มปี ญั ญารสู้ งิ่ ทงั้ หลายทงั้ ปวงตามทเี่ ปน็ จรงิ ไมอ่ ยากเอาอะไรเลย กเ็ ปน็ คนมเี ปน็ คนมง่ั มขี นึ้ มาทนั ที และเปน็ ความมงั่ มที ส่ี งู สดุ ดว้ ย ไดแ้ ก่ พระอรหนั ตผ์ หู้ มดอปุ าทานในการทจี่ ะยดึ ถอื สง่ิ ใดวา่ เปน็ ของตน นีค้ อื คนทีร่ �ำ่ รวยท่ีสุด มีพระพุทธเจ้าเป็นจอมประธาน 18

ของบุคคลประเภทน้ี เราก็เป็นสาวกของทา่ น มันจงึ เปน็ การ แน่นอนท่ีว่าเราจะต้องเดินตามอย่างไม่ขบถ ไม่ทรยศต่อท่าน เราจะตอ้ งเปน็ คนรวยอย่างของท่าน เป็นคนรวยชนิดของทา่ น เป็นคนรวยเหมือนท่าน ซึ่งหมายถึงรวยอริยธรรม อริยทรัพย์ ดังที่กลา่ วแลว้ แตอ่ ยา่ งต�่ำท่ีสุดอย่างเลวทีส่ ดุ ก็จะมสี นั โดษ ความสนั โดษดงั ที่เรากำ� ลังฝึกกันอยดู่ ว้ ยธดุ งค์ เพือ่ เปน็ อริยทรัพย์อย่างย่ิง นี้ก็เป็นทรัพย์อย่างย่ิงด้วยเหมือนกันแม้ จะยังไม่หมดกิเลสอุปาทานเป็นพระอรหันต์ ก็ยังเรียกว่าเป็น ทรพั ยอ์ ยา่ งยง่ิ ยง่ิ ถา้ ไดห้ มดกเิ ลส หมดอปุ าทานมคี วามเปน็ พระ อรหนั ตแ์ ลว้ กเ็ ปน็ ทรพั ยส์ งู สดุ ทงั้ อยา่ งยง่ิ และทง้ั สงู สดุ กค็ อื เปน็ ยอดสดุ ของคนรวย ดว้ ยเหตผุ ลดงั ทก่ี ลา่ วมาทง้ั หมดนแ่ี หละคอื คำ� อธบิ ายทว่ี า่ เราเป็นคนรวยอย่างไร 19

มหาเศรษฐฝี า่ ยโลกียทรัพยม์ แี ต่กักตุนสะสม มหาเศรษฐีฝา่ ยโลกุตตรทรัพย์มแี ตแ่ จกจ่าย

คนรวยแจกของ เมอ่ื เราเป็นคนรวย เราก็ภาคภูมใิ จท่ีจะไปแจกของ ถา้ เราไมเ่ ปน็ คนรวย เรากว็ า้ เหวใ่ จไมร่ เู้ อาอะไรไปแจก ทเ่ี อาไปแจก กค็ อื ของลมๆ แลง้ ๆ ตามประสาคนจนไมม่ อี ะไรแลว้ จะเผยอหยงิ่ จะเปน็ ผแู้ จกกบั เขาดว้ ย ถา้ จะเปน็ ผแู้ จกกบั เขาสกั ทกี จ็ ะตอ้ งมี อะไรท่ีดีๆ ทคี่ วรจะแจกและใหม้ ากพอกัน ดังนั้นเราไม่ต้องไปสนใจกับเรื่องโลกียทรัพย์ โลกีย- ธรรมหรือวัตถุ เพราะมันมีเฟ้อเต็มโลก ท�ำโลกให้ยุ่งยากเต็มที แลว้ เราก็สนใจในสิ่งทต่ี รงกันขา้ มคืออริยทรัพย์ โลกุตตรทรัพย ์ โลกตุ ตรธรรม ซึ่งเปน็ ของบริสุทธ์แิ ทจ้ ริงไมท่ ำ� อันตรายใคร ย่งิ มมี ากเทา่ ไรก็ยง่ิ เป็นการดีทีส่ ุดเท่านั้น เพราะฉะนัน้ ขอได้โปรด สนใจในวธิ ที จ่ี ะนำ� มาซง่ึ อรยิ ทรพั ยท์ จี่ ะพอกพนู อรยิ ทรพั ย์ อยา่ ง 21

เชน่ อานาปานสตภิ าวนา น้เี ป็นตน้ เพอ่ื จะพอกพนู อรยิ ทรัพย์ ให้ทวีมากข้ึนตามล�ำดับให้สูงขึ้นตามล�ำดับ แล้วก็จะน�ำไปแจก ไดจ้ รงิ เดี๋ยวน้ีเราเป็นคนสันโดษแล้วเป็นอย่างน้อย เราก็ต้อง เป็นคนรวยในระดับหนึ่ง และเม่ือเราประสบผลส�ำเร็จในเร่ือง ของอานาปานสตภิ าวนา เป็นต้น เรากเ็ ปน็ คนรวยถงึ ทีส่ ดุ เป็น ส่ิงที่เราหวงั อยใู่ นอนาคต พยายามกระท�ำให้อยู่ในวสิ ยั ในความ เป็นไปได้ส�ำหรับเรา และม่ันใจว่าเราจักต้องได้ เราจึงมั่นใจว่า เราเป็นคนรวยแล้ว และจะเป็นคนรวยต่อไปจนถึงที่สุด เป็น คนรวยในส่ิงท่จี ะแจกเท่าไรกไ็ มร่ จู้ ักหมดจกั สิ้น จะแจก จะจา่ ย จะหวา่ น จะโปรยเทา่ ไรกไ็ มร่ จู้ กั หมดสนิ้ แถมกลบั จะทำ� ใหม้ มี าก ยิ่งข้ึนในโลกนี้ น่ีแหละคือความประหลาดของอริยทรัพย์ ย่ิง ใหย้ ง่ิ มมี าก ย่ิงใหย้ ่ิงมีมาก ยง่ิ ใช้ยิ่งมมี าก ยิง่ ไมร่ ู้จกั หมดจักสิน้ เปน็ สง่ิ ทนี่ ่าสนใจ เปน็ ส่ิงที่น่าแสวงหา เป็นสิ่งท่นี า่ จะมี และใช้ ให้เป็นประโยชนท์ ้ังแก่ตนเองและผูอ้ นื่ ก็จะไมเ่ สียทีที่ไดเ้ กดิ มา เป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา แล้วยังท�ำตนจะเป็นผู้จ่าย ผแู้ จก หวา่ นโปรยทำ� นองเดยี วกนั กบั พระศาสดา ในฐานะทเี่ ปน็ สาวกผู้ซ่ือสัตย์สุจริตอย่างยิ่งต่อพระองค์ เป็นทาสท่ีจงรักภักดี 22

อยา่ งไมม่ อี ะไรเปรยี บได้ สมตามทเี่ ราทกุ ๆ รปู มคี วามตงั้ ใจไว้ ใน เจตนารมณข์ องกจิ การธรรมทตู ดงั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ นนั้ ทกุ ประการ หวังว่าพวกเราจะได้นึกถึงข้อนี้กันไว้บ้าง เพ่ือเป็นเคร่ืองจูงใจ หรือกระตุ้นใจใหเ้ ราเพลิดเพลินสนกุ สนานในหน้าท่ขี องเรา ถา้ จะพดู อยา่ งสำ� นวนคริสเตียนว่าต้องเป็นคนจน หมด ไมม่ อี ะไรเลย กด็ จู ะวา้ เหว่ สเู้ ปน็ คนรวยไมไ่ ด ้ ดงั นน้ั จงึ เลอื กเอา ขา้ งความเปน็ คนรวย โดยยอมสละทรพั ย์ฝ่ายโลกยี ะให้หมดให้ สน้ิ เชงิ ถงึ กบั วา่ เปน็ คนสนิ้ เนอ้ื ประดาตวั ในทางฝา่ ยโลกยี ะ แลว้ ก็เป็นมหาเศรษฐีในฝ่ายโลกุตตระหรืออริยะ แล้วแต่จะเรียก ดว้ ยกันจงทกุ คนเถดิ เป็นมหาเศรษฐีมีอริยทรัพย์ไว้ส�ำหรับแจกผู้อื่นโดยทุก วิถีทาง มหาเศรษฐีฝ่ายโลกียทรัพย์มีแต่กักตุนสะสม มหา เศรษฐฝี ่ายโลกุตตรทรัพย์มีแต่แจกจ่าย เพราะความแจกจา่ ย นนั่ เองจงึ ไดเ้ ปน็ มหาเศรษฐยี ่ิงๆ ข้ึนไป ร่ำ� รวยและสมบรู ณด์ ้วย คุณธรรมอย่างสงู สุด ไมม่ ีอะไรจะเปรียบได้ จึงเป็นยงิ่ กวา่ มหา เศรษฐจี นไมม่ คี ำ� จะเรยี ก จะเรยี กไดด้ ว้ ยคำ� สนั้ ๆ คำ� เดยี ววา่ เปน็ ‘มนุษย์ท่เี ตม็ ’ ตรงกันขา้ มกบั ‘มนุษย์ท่ีพร่อง’ หรอื กลวง เรา ไดเ้ ป็นคนเต็มก็พอแล้ว ดงั นัน้ จึงหวังว่าเราทกุ คนซงึ่ อา้ งตนเป็น 23

พระธรรมทูตน้ีจะเป็นทูตท่ีร�่ำรวยด้วยธรรมแล้วก็จ�ำแนกแจก จ่ายธรรม ถือตะเกยี งเท่ียวสอ่ งให้ท่วั โลก คอื แจกจา่ ยแสงสวา่ ง อันเป็นสิง่ ซงึ่ ไม่รูจ้ ักหมดจกั สนิ้ เหมอื นกับโคมท่ีมีแสงสว่างส่อง ไปในที่ท่ีแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงด้วยกันจงทุกๆ รูปเถิด สิ่งต่างๆ ก็จะเป็นไปในทางท่ีไม่ต้องเสียใจทีหลัง ไม่มีอะไรท่ีจะต�ำหนิ ติเตียนกันท่ีตรงไหน มีแต่จะเป็นท่ีอนุโมทนาสาธุการทั้งของ เทวดาและมนุษย์ เป็นพุทธบุตร เป็นธรรมบุตร เป็นสังฆบุตร เป็นอะไรในทำ� นองน้ี อยา่ งไม่มอี ะไรทจี่ ะเปรยี บปาน คุ้มคา่ กัน แลว้ ทเี ดยี วกบั การเสยี สละทกุ อยา่ งทกุ ประการเพอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ อันน้ี เวลาของเราก�ำหนดไว้อย่างนจี้ งึ ขอยุตเิ ฉพาะคราวน้.ี 24

ย่งิ ใหย้ งิ่ มีมาก ยิ่งใชย้ ่ิงมีมาก ยง่ิ ไม่รูจ้ กั หมดจกั ส้นิ เป็นสิ่งที่นา่ สนใจ เปน็ สิ่งทน่ี า่ แสวงหา

ถา้ ปราศจากการประหยัดแลว้ ไม่ใชก่ ารเปน็ อยขู่ องภิกษุเลย

การประหยัด วนั ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๐ ส�ำหรับพวกเราได้ล่วงมาถงึ เวลา ๕.๐๐ น. แลว้ เราจะไดเ้ รม่ิ การอบรมของเราดว้ ยการพดู จา เกย่ี วกบั บางสงิ่ บางอยา่ งตอ่ ไป สำ� หรบั วนั น้ี ผมอยากจะพดู เรอื่ ง “การประหยัด” ในฐานะเป็นส่ิงจ�ำเป็นอย่างหน่ึงเก่ียวกับการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี ผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ควรจะทบทวนความเขา้ ใจ เกยี่ วกบั คณุ สมบตั สิ ำ� หรบั การเผยแผพ่ ทุ ธศาสนาโดยทวั่ ๆ ไปกนั อีกครงั้ หนง่ึ คุณสมบตั ิทีส่ �ำคญั ทีส่ ุดก็คอื คุณธรรม ทมี่ ีอย่จู รงิ ในตัว ของตัว คือตัวธรรมะแท้ ท่ีประพฤติได้ท่ีมีอยู่จริงในตัวของตัว เราเรยี กวา่ คณุ ธรรม การมคี วามรเู้ กย่ี วกบั พระศาสนาทแี่ จม่ แจง้ 27

แตกฉานพอสมควร น้กี อ็ ยา่ งหนง่ึ ตา่ งหากจากคุณธรรม เพราะ คณุ ธรรมหมายถงึ ความดี ความงาม ความละ ความเชอ่ื ละกเิ ลส ได้ ความร้หู มายถึงแต่ความรู้ ทนี ้ียังจะตอ้ งมปี ฏภิ าณ ซ่งึ ภาษา ไทยธรรมดาเรยี กกว่าไหวพริบ ถา้ ขาดปฏิภาณก็ยากที่จะท�ำให้ คณุ ธรรมหรอื ความรขู้ องเราเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ นื่ เตม็ ทไี่ ด้ สง่ิ ที่ เรยี กว่า บคุ ลกิ ภาพ ดูจะเป็นท่ีรวมของส่ิงทั้งสามน้ี ทีนี้ก็มาถงึ คณุ สมบัตทิ ่เี ป็นสอ่ื คอื ความรทู้ างภาษาต่าง ประเทศ เปน็ ตน้ ตลอดจนเคร่อื งมอื เครื่องใชท้ เ่ี กย่ี วกนั นีอ้ ย่าง หนึง่ ในฐานะที่เปน็ สอื่ ทีนี้ก็มีองค์ประกอบส�ำคัญท่ีเน้ือที่ตัวเรา เช่น ความ เสียสละด้วยความจงรักภักดี ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่าง แท้จรงิ ซึ่งจะเรียกวา่ ความเสยี สละ ทนี กี้ ม็ าถงึ ความอดกลนั้ อดทน ซง่ึ ดเู ราจะมกี นั นอ้ ยอยู่ มากจนตอ้ งฝกึ ฝนเพม่ิ เตมิ ใหเ้ ปน็ ผอู้ ดกลนั้ อดทนเขม้ แขง็ ทนได้ ในทกุ กรณีท่คี วามทุกข์ยากลำ� บากจะเกิดขนึ้ ดังน้นั มนั จึงเนอ่ื ง กนั ไปถงึ ความมพี ลานามยั ดี รา่ งกายดี สมบรู ณด์ ดี ว้ ย และกเ็ นอื่ ง ไปถึงคุณธรรมท่เี น่อื งกนั เชน่ ความสุขุมรอบคอบ ทจ่ี ะท�ำให้สงิ่ ต่างๆ ผสมผสานกนั ดี 28

แตแ่ ลว้ ในทส่ี ดุ ผมกอ็ ยากจะพดู ถงึ การประหยดั ซงึ่ พวก เราก็มีอยู่น้อย มีคุณธรรมข้อน้ีอยู่น้อย ด้วยอีกข้อหนึ่ง หลาย คนอาจจะมองเห็นไปว่าการประหยัดหรือเศรษฐกิจ น้ีมันจะ เก่ียวข้องอะไรกันกับพวกพระ หรือการเผยแผ่ธรรมะ น่ันก็ เพราะวา่ เขารจู้ กั ความหมายของการประหยดั นนั้ นอ้ ยเกนิ ไป ท่ี จรงิ การประหยดั หรอื ทเ่ี รยี กกนั สมยั นวี้ า่ เศรษฐกจิ มคี วามสำ� คญั อยา่ งยง่ิ ดูเหมือนเราจะได้ยินหนาหูมากท่ีสุดเร่ืองค�ำว่า การ ทหารและการเศรษฐกิจ การทหารคือการสู้รบ เศรษฐกิจคือ กำ� ลังทจี่ ะใชใ้ นเรอื่ งนนั้ พวกเราก็เปน็ นักรบหรือการสู้รบ เช่น ค�ำว่า ธัมมโยโธ ท่ีมีอยู่ในที่ต่างๆ เกล่ือนไปหมดในอรรถกถา ธรรมบทก็มีตั้งหลายครั้งหลายหน เพราะว่าการท�ำลายกิเลส น้ันเป็นการสู้รบอย่างย่ิง ย่ิงกว่าการสู้รบตามธรรมดาของคน ธรรมดาสมัยนี้เสียอีก คนสมัยนี้เขาสู้รบกันใหญ่โตคล้ายกับจะ ท�ำโลกให้ถล่มทลาย การสู้รบน้ันก็ยังไม่มากเท่าการสู้รบของ ภิกษใุ นพระพุทธศาสนา ซ่ึงเป็นการสูงกว่า ยากกวา่ ประเสรฐิ กวา่ ดกี วา่ อะไรกก็ วา่ ไปทงั้ นน้ั ซงึ่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตรสั วา่ ชนะ ตนดีกว่าชนะอย่างอื่นหมด ดังนั้นภิกษุก็คือนักรบชนิดหนึ่งที 29

เดยี ว ทีน้ีการสู้รบก็ต้องมีก�ำลัง นี่คือการประหยัดหรือ เศรษฐกจิ เราประหยดั ตั้งแตก่ ินน้อย ใชน้ ้อย กนิ ของชาวบา้ น น้อยเท่าที่จ�ำเป็น มีวัตถุบริขารน้อย แต่เพียงไตรจีวรกับบาตร มีทรัพย์สมบัติเพียงเท่านี้ จนถึงกับพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ‘เหมอื นกบั นกมสี มบตั แิ ตป่ กี สองขา้ งเทา่ นนั้ กพ็ อแลว้ ’ การเปน็ อยู่ของภิกษุถ้าถูกต้องตามธรรมตามวินัยแล้วเป็นการประหยัด อยา่ งยิ่ง ซ่ึงไปสอบไลด่ ูทุกหัวข้อธรรมะและสกิ ขาบท ดังน้นั จึง เปน็ อนั กล่าวไดท้ ีหนง่ึ ว่า ถ้าปราศจากการประหยดั แล้ว ไม่ใช่ การเป็นอยขู่ องภกิ ษเุ ลย สง่ิ ฟุม่ เฟอื ยมอี ยมู่ ากในการเปน็ อยขู่ องภกิ ษุสมัยนี้ นนั่ คือการไม่ประหยัดและการท�ำให้ไม่เป็นภิกษุในทางพระพุทธ- ศาสนา เรอ่ื งอนั เนอื่ งกนั กบั ปจั จยั สี่ คอื เครอื่ งนงุ่ หม่ อาหารการ กิน ทอี่ ยู่อาศยั และยาแกโ้ รค ส่ีประการน้ี ยังไมค่ ่อยจะเปน็ ไป ในลักษณะทีป่ ระหยัด 30

การใชจ้ ีวร สำ� หรบั เรอ่ื งจวี รนนั้ ขอไดน้ กึ ถงึ สตู รหนงึ่ ในมชั ฌมิ นกิ าย หรือในวินัยปิฎก ท่ีพูดถึงเรื่องพระอานนท์เผยแผ่พระพุทธ- ศาสนาส�ำเร็จประโยชน์อย่างย่ิงครั้งหนึ่ง คือการท�ำให้พระเจ้า แผน่ ดนิ ทสี่ �ำคญั องคห์ นงึ่ ชอ่ื พระเจา้ อเุ ทนะ กลายเปน็ ผนู้ บั ถอื พทุ ธศาสนาได้อย่างนา่ ประหลาด เพราะว่าเป็นผดู้ ุร้าย เป็นผู้มี วตั ถนุ ยิ มจดั หรอื อะไรท�ำนองนนั้ แตแ่ ลว้ กม็ ากลายเปน็ ผนู้ บั ถอื พุทธศาสนาอย่างสูงสุด เป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่าง สงู สุดไปได้ แล้วจะว่าไมน่ ่าอศั จรรย์อย่างไร และข้อความท่ีพระอานนท์พูดกับพระราชาองค์น้ีที่ สำ� คญั ทส่ี ดุ คอื เรอื่ ง การประหยดั เรม่ิ ตน้ ดว้ ยเรอ่ื งการถวายจวี ร 31

พระอานนท์ท่านบอกว่า “มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องการจะ ใหเ้ ป็นความเหลือเฟือ” พระเจ้าแผ่นดินน้ันเลยถามว่าใช้จีวรอย่างไร? พระ อานนท์ก็บอกว่า “ใช้ด้วยความระมัดระวังที่สุด อย่างที่วินัยก็ บญั ญัติใหพ้ วกเรากระท�ำกันอยู”่ ทนี ถี้ า้ จวี รมนั ขาด มนั เกา่ เขา้ มนั กเ็ รม่ิ จะชำ� รดุ หรอื ขาด จะทำ� อยา่ งไร? พระอานนทก์ ว็ า่ “เยบ็ ปะเหมอื นทพ่ี ระพทุ ธองค์ ทรงอนุญาตบริขาร คือกล่องเขม็ และดา้ ย” ถ้าเย็บปะหนักเข้า มันก็เต็มไปด้วยแผลปะแล้วจะท�ำ อย่างไร? พระอานนท์ท่านว่า “ดามเป็นสองชั้นคือเอาสองช้ัน มาทาบกนั เข้าก็พอจะใช้ไปไดอ้ กี ” พระราชาถามว่าแม้ดามสองช้ันแล้วก็ยังเปื่อย แล้วจะ ทำ� อยา่ งไร? พระอานนท์ก็บอกวา่ “เอามาพบั ทบกันเข้าเป็นผา้ ปูนอนยาวๆ” ถา้ เปน็ ผา้ ปนู อนกไ็ มไ่ หว เพราะมนั กะรงุ่ กะรงิ่ แลว้ จะทำ� อย่างไร? “เอามาพบั ทบซ้อนกันเข้าเป็นผ้าปูน่งั ” ถา้ ผา้ ปนู งั่ นนั้ เปอ่ื ยกะรงุ กะรงิ่ ไปแลว้ จะทำ� อยา่ งไร? “ก็ เอามาทบกันเข้าเป็นผ้าเชด็ เท้า” 32

ถา้ เปน็ ผ้าเชด็ เทา้ มนั กก็ ระจุยกระจาย ยยุ่ ไปหมดแลว้ จะท�ำอย่างไร? “ก็เอามาเผาไฟ เอาขี้เถ้าผสมกันกับมูลโคฉาบ ฝากุฏิซึง่ ทำ� ด้วยดนิ ใหเ้ ปน็ ของใหมข่ ึ้นมาอีกครั้งหน่งึ ” ค�ำพูดท้ังหมด ในท่ีสุดก็เป็นเหตุให้พระราชาองค์น้ัน ยกมือท่วมหัว นี่ใช้ภาษาไทยเราดีกว่า ก็กลายเป็นพุทธบริษัท ไปทันที 33

การท�ำลายกเิ ลสน้นั เปน็ การส้รู บอยา่ งย่งิ

ทกุ สกิ ขาบทมคี วามหมายเรือ่ งการประหยดั ซ่อนอยู่ นคี้ อื เรอ่ื งทจี่ ะตอ้ งนกึ ตอ้ งคดิ เกย่ี วกบั ความหมายของคำ� วา่ ‘ประหยดั ’ ทนี เ้ี รามองดทู พี่ ระพทุ ธองคท์ รงบญั ญตั สิ กิ ขาบท และธรรมะ สิกขาบทเก่ียวกับเร่ืองบาตร ประหยัดอย่างไร เพื่อน สพรหมจารที ง้ั หลายกย็ อ่ มจะรดู้ ี เพราะเราทอ่ งปาฏโิ มกขป์ ตั ต- วรรคกันอยบู่ ่อยๆ จะตอ้ งใชบ้ าตรกนั ถึงวาระสดุ ทา้ ยอยา่ งไร สิกขาบทสังฆาทิเสสเก่ียวกับเร่ืองขอ คนข้ีขอคือคน ไม่ประหยัด สร้างกุฏิใหญ่เกินกว่าขนาด ๑๒ คืบ ๗ คืบอะไร ทำ� นองนนั้ ถกู ปรบั ถงึ อาบตั สิ งั ฆาทเิ สส ซงึ่ รองจากอาบตั ปิ าราชกิ คนไมป่ ระหยดั ต้องอาบตั ิถงึ ขนาดน้กี ็สมน้�ำหน้าแลว้ ยังมสี ิกขา 35

บทอ่ืนๆ อกี เป็นอันมาก ในทำ� นองเดยี วกนั น้ี นอกจากประหยัด สิ่งของแล้ว ยังประหยดั เวลา ประหยดั สิง่ ต่างๆ อีกมากมาย น้ัน ในทางวินัย ทีน้ีในทางธรรม ที่เป็นหลักธรรมก็ยังทรงส่งเสริม การประหยัดน้ีเป็นอย่างยิ่ง มีธรรมะหลายข้อท่ีสนับสนุนการ ประหยัด โดยเฉพาะอย่างย่ิงก็คือ ‘การรู้จักประมาณในการ บริโภควัตถุปัจจัยท้ังสี่’ ธรรมะทุกข้อมีความหมายแห่งการ ประหยดั ซอ่ นอยู่ในน้นั เพราะวา่ การทำ� ให้ไม่มีกิเลส ไม่มคี วาม ทุกข์ ให้มีความสบายน้ันมันเป็นการประหยัดชีวิต ฉะน้ันเรา รจู้ กั ความหมายของการประหยดั ใหล้ กึ ซงึ้ ถงึ กบั ทจี่ ะเรยี กวา่ การ ประหยดั ชวี ิต กเ็ ป็นอนั ว่าเรารจู้ กั พระพุทธศาสนาดี ขอให้เพ่ือนสพรหมจารีทั้งหลายมองสิ่งที่เรียกว่า ประหยัดลงไปให้ลึกซึ้งถึงขนาดน้ี ถ้าท่านประหยัดบุหร่ีสัก เดอื นหนงึ่ ทา่ นกจ็ ะซอ้ื ตำ� รบั ตำ� ราไดห้ ลายเลม่ ถา้ ทา่ นประหยดั ยาสีฟนั ดีๆ สบู่ดๆี ออกไปเสียสักเดอื นหนง่ึ ทา่ นกจ็ ะซ้อื ตำ� รับ ต�ำราเกี่ยวกับอานาปานสติได้อย่างเพียงพอ ทั้งภาษาต่าง ประเทศและภาษาไทย นี่ลองคิดดูเถิดว่าการประหยัดน้ีมัน เปน็ ปญั หาเนื่องเฉพาะกนั กับเรา ผู้จะปฏิบัติธรรมะและเผยแผ่ 36

พระพุทธศาสนามากน้อยเพยี งไร ทีน้ีอีกทางหนึ่ง มองดูกันให้กว้างออกไปว่า เราก�ำลัง ท�ำความหมดเปลืองให้แก่เศรษฐกิจของประเทศชาติและ ประชาชนอยา่ งไร ดูง่ายๆ ตรงทีว่ ่า เราใชจ้ า่ ยอะไรไปในทางที่ ไมจ่ ำ� เปน็ เรากท็ ำ� ลายเศรษฐกจิ ของประชาชนหรอื ประเทศชาติ หรือแม้ท่ีสุดแต่เราปล่อยหรือยอมให้ประชาชน ทายกทายิกา ท�ำอะไรลงไปที่เก่ียวกับศาสนา แต่แล้วไม่ได้รับผลคุ้มกัน หรือ พอกัน ก็เรียกว่าเราเป็นผู้ท�ำลายเศรษฐกิจของประชาชนหรือ ประเทศชาติอย่างไร ถ้าทุกๆ สิ่งมันเป็นไปในท�ำนองนี้ก็แปล ว่าทั้งภิกษุและทั้งทายกทายิกาช่วยกันท�ำลายเศรษฐกิจของ ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ผิดพระพุทธประสงค์โดยส้ินเชิง และอย่างรา้ ยกาจทส่ี ุด ผลก็ตอ้ งถกู ปรบั ให้ตกนรก ไมม่ ที างอืน่ เพราะมันเปน็ การกระท�ำท่ีรา้ ยกาจเกนิ ไป ดังนั้น เท่าท่ีกล่าวมาท้ังหมดนี้ก็พอจะท�ำให้เห็นความ ส�ำคัญของสิ่งที่เรียกว่าประหยัด เดี๋ยวน้ีเราก�ำลังฝึกเร่ืองการ ประหยัดอย่างไรก็ขอให้มองดูเองเถิด เราใช้บริขารเพียงเท่าน้ี ในลักษณะเช่นนี้ แทนท่ีจะใช้ไฟฉาย ขอให้ใช้โคมที่เรียกว่า ตะเกียงส�ำหรับภิกษุ ซ่ึงมีมาแล้วต้ังแต่บูรพาจารย์ อาจารย์ 37

ของอาจารย์ อาจารย์ของอาจารย์ ถอยหลังข้ึนไป ไมท่ ราบได้ ว่าต้ังแต่ครั้งไหนท่านใช้ตะเกียงอย่างนี้กันท้ังนั้น แทนท่ีจะใช้ ไฟฉายซงึ่ มันแพง ในบางกรณีทีต่ ้องใชไ้ ฟฉายก็เปน็ การสมควร อยู่ แตใ่ นบางกรณีหรือทั่วไป ละเวน้ เสียได้เรากล็ ะเว้นเสยี เพ่อื ความประหยัด เร่ืองเสื่อเร่ืองหมอน อยากจะเล่าให้ฟังว่ามีเร่ืองน่า หัวเราะ เมื่อมีการอบรมลูกเสือ ช้ันผู้บังคับบัญชา นายหมู่ซึ่ง ล้วนแต่เป็นครูท้ังนั้นที่นี่ ต้องขนเส่ือขนหมอน ต้องหยิบยืมมา มากมายเป็นภูเขาเลากา ทุกเซ็นเตอร์มีกระจกส่องหน้ามีหวี มีอะไรต่างๆ ดูแล้วน่าเวทนา แล้วจะอบรมลูกเสือให้มีสปิริต อย่างไรกัน เด๋ียวนี้เรามีเท่าน้ี มีหมอนไม้ มีผ้าพอรองนอนได้ ติดตัวมาได้ไม่ต้องรบกวนใครไม่ต้องหยิบยืมท่ีไหน น่ีเราก็เป็น ลกู เสอื ทดี่ กี วา่ ลกู เสอื ชนดิ นนั้ เพราะการประหยดั ของเรา ความ อดกลัน้ อดทนของเรา ทีช่ ่วยใหท้ �ำการประหยดั ได ้ ภกิ ษมุ ชี อื่ วา่ ธรรมบตุ ร เหมอื นชอื่ คา่ ยลกู เสอื นซี้ งึ่ ผมเปน็ ผตู้ ง้ั ใหเ้ อง พวกธรรมบตุ รถา้ ไมป่ ระหยดั แลว้ กส็ ญู เสยี ความเปน็ ธรรมบตุ ร ซงึ่ เปน็ บตุ รของพระธรรมหรอื ของพระพทุ ธเจา้ ซงึ่ เปน็ ไปในลกั ษณะประหยัด 38

การมีมากเกินกวา่ ความจ�ำเป็น นน่ั เปน็ บาปชนดิ หน่ึง E-Book YouTube สมาชกิ รายปี

คนท่ีไม่เอาอะไรน้ัน คอื คนที่ไดท้ ั้งหมด ธรรมะใกล้มือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook