คำประกาศราชสดดุ ีเฉลมิ พระเกยี รตคิ ุณ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ในโอกาสท่มี หาวทิ ยาลยั เชียงใหมท่ ลู เกลา้ ทูลกระหมอ่ ม ถวายปรญิ ญาดุษฎีบณั ฑิตกติ ตมิ ศักด์ิ
๑๕๐ พระบารมีองค์ภูมินทร์ ปิ่นสยาม คำกราบบังคมทูล สดดุ พี ระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ของนายกสภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ่ ในพธิ ที นู เกลา้ ฯ ถวายปรญิ ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดิ์ (รฐั ศาสตร)์ ณ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ่ วนั พฤหสั บดที ี่ ๑๖ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๒ ข อ เดชะฝา่ ละอองธลุ ีพระบาทปกเกลา้ ปกกระหมอ่ ม ตามท่ีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนยี บตั ร และอนปุ รญิ ญาบตั ร แกผ่ สู้ ำเรก็ ารศกึ ษาของมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ในวนั อนั เปน็ มหามงคลฤกษน์ ี้ ข า้ พ ร ะ พทุ ธเจ้าทง้ั หลายรู้สึกซาบซง้ึ ในพระมหากรณุ าธิคุณเปน็ ล้นเกล้าลน้ กระหม่อมหาท่ีสุดมิได้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบงั คมทลู พระกรณุ า ทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทวา่ ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เม่ือวันท่ี ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๑ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ ขอพระราชทานทูนเกล้าทูนกระหม่อมถวายปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางรัฐศาสตร์แด่ใต้ฝ่า ละอองธลุ พี ระบาท เนอื่ งจากพจิ ารณาเหน็ วา่ ใตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาททรงพระปรชี าสามารถเปน็ เลศิ ทางรฐั ประศาส- นโยบาย นบั ตง้ั แตเ่ สดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั สิ บื มาจนถงึ ปจั จบุ นั ทรงดำรงอยใู่ นทศพธิ ราชธรรม และทรงบำเพญ็ พระราชกรณียกิจตามโบราณราชประเพณีดังเช่นมหากษัตริยาธิราช ในพระบรมราชวงศ์จักรีได้ทรงปฏิบัติสืบมา ทุกสมัย ยังผลให้อาณาประชาราษฎรได้รับความร่มเย็นเป็นสุขถ้วนหน้า นับว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรง ด ำ เนินรัฐประศาสโนบายถูกต้องตามหลักวิชารัฐศาสตร์โดยครบถ้วน บัดน้ี ข้าพระพุทธเจ้าในนามของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสทูนเกล้า ทูนกระหม่อมถวายปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์รัฐศาสตร์แด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท อันเป็น ปริญญาสูงสุดของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพ่ือเป็นมหามงคลและเป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยแห่งน้ีสืบไป ด้วยเกล้าดว้ ยกระหมอ่ มขอเดชะฯ คัดลอกจากสูจิบัตร พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร อนุปรญิ ญาบตั ร ครั้งที่ ๓ วันพฤหสั บดีท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๑๒, น. ๔-๕.
พระบารมีองคภ์ ูมินทร์ ปน่ิ สยาม ๑๕๑ คำประกาศราชสดุดีเฉลมิ พระเกียรตคิ ุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ วศิ วกรรมศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตศิ กั ด ิ์ สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ในการประชมุ คร้งั ท่ี ๗/๒๕๓๐ เมื่อวนั ท่ี ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้มมี ติ เปน็ เอกฉนั ทใ์ หข้ อพระราชทานทนู เกลา้ ฯ ถวายปรญิ ญาวศิ วกรรมศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแ์ิ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธบิ ดี จักรนี ฤบดนิ ทร์ สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ด้วยพิจารณาเห็นว่า ทรงถึงพร้อมด้วยพระคุณวุฒิ และพระคุณธรรม กอปรด้วยพระวิริยะอุตสาหะ บำเพ็ญ พระราชกรณียกิจนานัปการอันดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ในวงวิชาการ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเน่ืองตลอดมานั้น ได้ทรงนำวิทยาการทางด้านวิศวกรรมศาสตร์หลายสาขามา ประยุกต์ใช้ โดยมีพระราชประสงค์ที่จะให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า และประชาชนทั้งในกรุงเทพมหานคร ในภมู ภิ าค และในทอ้ งถน่ิ ทรุ กนั ดารมคี วามผาสกุ โดยทวั่ ถงึ กนั ดว้ ยพระราชกรณยี กจิ อนั เปน็ ทปี่ ระจกั ษต์ อ่ พสกนกิ ร ชาวไทยเช่นนี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชฯ ทรงสมควรจักไดร้ ับการเทดิ ทูน ยกยอ่ งในวง ว ิช า ก า ร เพื่อเป็นแบบอย่างใหผ้ ูอ้ ่ืนไดเ้ จรญิ รอยตามเบื้องพระยุคลบาทสบื ตอ่ ไป พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ทรงบำเพญ็ พระราชกรณยี กจิ ตามพระปฐมบรมราช- โองการทว่ี า่ “เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพื่อประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม” จึงทรงใสพ่ ระราชหฤทัยใน สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและภูมิประเทศ เพื่อพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า ตามพระบรมราชวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง พระราชดำริในการพัฒนาประเทศน้ันอาศัยศาสตร์ทางวิศวกรรมหลาย ส า ข า ป ระกอบกบั เทคโนโลยีหลายดา้ นด้วยกัน ด้านวิศวกรรมส่ือสารและไฟฟ้า ทรงสนพระราชหฤทัยศึกษาค้นคว้า จนกระทั่งทรงแตกฉานทั้งในทาง ทฤษฎีและทางปฏบิ ตั ิ ทรงซอ่ มแซมและปรับแสงเครือ่ งสง่ วิทยดุ ้วยพระองคเ์ อง ทรงทดลองสายอากาศวทิ ยุและ สายสง่ สญั ญาณวทิ ยุ พระราชทานขอ้ สงั เกตเกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะการแผก่ ระจายคลนื่ อยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ทรงทดลองส่งวิทยุทางไกล ทั้งน้ีโดยมีพระราชประสงค์ที่จะทรงใช้ระบบส่ือสาร เพ่ือความรวดเร็วในการติดต่อ ประสานงานในอนั ทจ่ี ะชว่ ยบำบดั ทกุ ขบ์ ำรงุ สขุ ของประชาชนไดท้ นั ทว่ งที นบั ไดว้ า่ พระองคท์ รงมสี ว่ นสำคญั ยงิ่ ในการ พ ฒั น า ระบบส่ือสารของประเทศไทย ดา้ นวศิ วกรรมสำรวจและแผนท่ี ทรงเปน็ นกั สงั เกตทท่ี รงมวี ญิ ญาณของนกั สำรวจอยา่ งเตม็ เปยี่ ม ทรงศกึ ษา แผนท่ีเพ่ือให้เข้าพระราชหฤทัยในสภาพภูมิประเทศเพ่ือการวางแผนและกำหนดรูปแบบเบ้ืองต้นของโครงการ พัฒนาต่างๆ ทรงเร่ิมใช้แผนที่เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออก เฉียงเหนือและทรงใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายทางอากาศทั้งภาพปกติและพิเศษประกอบแผนที่ด้วยทรงมีความ เ ช ่ยี ว ช าญในการแปลภาพถา่ ยเปน็ อย่างมาก คดั ลอกจากสูจบิ ตั ร พธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ครัง้ ท่ี ๒๒ (๒๕๓๑), น. ๕-๘.
๑๕๒ พระบารมอี งคภ์ ูมินทร์ ป่นิ สยาม ดา้ นวศิ วกรรมทางเรอื ทรงสง่ เสรมิ ใหก้ องทพั เรอื ตอ่ เรอื ไวใ้ ชใ้ นราชการ ทำใหม้ กี ารพฒั นาบคุ ลากรระดบั ตา่ งๆ ในกองทพั เรอื ทงั้ ทางวชิ าการและทางปฏบิ ตั ทิ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั เทคโนโลยกี ารตอ่ เรอื ในสว่ นพระองคเ์ องไดท้ รงออกแบบ แ ล ะ ส ร้างเรอื ใบมดข้นึ เพอ่ื การแข่งขนั พระปรีชาสามารถดา้ นกีฬาเรอื ใบเป็นทปี่ ระจกั ษ์ทั้งในและต่างประเทศ ด้านการคมนาคมและการขนส่ง ดว้ ยความห่วงใยท่ีทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยในชนบท พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ทรงตง้ั พระราชปณธิ านอยา่ งแรงกลา้ ในอนั ทจี่ ะพฒั นาประเทศเพอ่ื ประโยชน์ สงู สดุ ของประชาชน ดว้ ยการเรมิ่ โครงการถนนชนบท ทรงพระปรชี าสามารถในการเลอื กลกั ษณะโครงการทจี่ ะดำเนนิ ในพื้นที่ต่างๆ ทรงกำหนดและเสนอแนะแบบเกี่ยวกับถนนชนบท แนวเส้นทางเพ่ือให้ได้ถนนชนบทที่ครบวงจร เก ิด ป ร ะโยชน์แก่ชุมชน โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการอื่นๆ เช่น แหล่งน้ำ ไฟฟ้า การส่งเสริมอาชีพ ดา้ นการพฒั นาแหลง่ นำ้ ทรงสนพระราชหฤทยั และทรงใหค้ วามสำคญั เปน็ อยา่ งมาก โครงการในพระราชดำริ เปน็ ไปเพอ่ื การเกษตรกรรม มกี ารชลประทาน ระบายนำ้ เพอ่ื การเพาะปลกู การใชแ้ หลง่ นำ้ เพอื่ ปศสุ ตั วแ์ ละการประมง เพื่อการอปุ โภคบริโภค การอนุรักษป์ ่าไมเ้ พ่ือการรักษาต้นน้ำ เพอื่ ควบคุมปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มเพ่อื ผลติ กระแส ไฟฟ้า และเพ่ือบรรเทาอุทกภัย โดยการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ โครงการบรรเทาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล แนวพระราชดำริในการแก้ปัญหาที่เกิดข้ึนในโครงการเป็นการประยุกต์ใช้หลักวิชาการทางวิศวกรรม ท ี่เ ห ม า ะสม เต็มไปด้วยความคิดริเริ่มและได้ผลอย่างจริงจัง ด้านวิศวกรรมการเกษตร มีโครงการฝนหลวงอันเป็นการประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทำ ฝนเทียม โครงการด้านปศุสัตว์ โครงการท่ีเก่ียวข้องกับเคร่ืองทุ่นแรงที่ใช้ในด้านเกษตรกรรม โครงการหลวง อาหารสำเรจ็ รปู เพอื่ แปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตรทเ่ี หลอื จากการบรโิ ภค ใหเ้ ปน็ อาหารสำรองเกบ็ ไวบ้ รโิ ภคในระยะ เวลายาวนาน ทรงส่งเสรมิ ให้เกษตรกรมคี วามรู้ความเขา้ ใจกิจการเกษตร ผนวกกบั การปรบั เปลี่ยนประสบการณ์ท่ี ไดร้ บั จากชนรุน่ กอ่ น มีสำนักงานสหกรณ์การเกษตร เพื่อชว่ ยลดคา่ ครองชพี และให้ความร้เู กี่ยวกับการดำเนนิ งาน ใ น ร ปู ข องสหกรณ์ มีศนู ยโ์ ภชนาการอาหารเดก็ และสถานีอนามัยชนั้ สอง เปน็ ต้น ด้านการศกึ ษาทางชา่ งและวศิ วกรรมศาสตร์ ทรงรเิ ร่มิ โครงการพระดาบส ใหค้ วามรู้แกผ่ ู้สนใจในหลกั สูตร เตรยี มชา่ ง หลกั สตู รชา่ งไฟฟา้ –วทิ ยุ หลกั สตู รชา่ งยนตใ์ นระดบั ทส่ี งู ขนึ้ ไป ทรงพระราชทานทนุ จำนวนหนงึ่ จากกองทนุ อานันทมหิดล ทุนภูมิพลและทุนเล่าเรียนหลวง เพ่ือให้นิสิต นักศึกษา และนักเรียนไปศึกษาด้านวิศวกรรม ณ ตา่ งประเทศ เพอื่ นำความรู้ความสามารถกลับมาสร้างความเจริญแก่ประเทศชาติ และยังทรงสง่ เสรมิ กจิ กรรม นอกหลักสูตรของชมรมอาสาพัฒนา นสิ ิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยพระราชทานนาม “ ย วุ ว ศิ วกรบพิธ” แกโ่ ครงการท่คี ่ายอาสาพัฒนา จดั สรา้ งขนึ้ เพ่ือเปน็ สาธารณสมบตั ิในท้องถ่ินทุรกันดาร ดว้ ยเหตทุ พ่ี ระราชกรณยี กจิ ทางงานชา่ งในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ มหี ลายสาขา และมากมายเหลือคณานบั ยงั ผลให้เกิดประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎรโดยถว้ นหน้า ดว้ ยพระปรีชาสามารถ อนั สงู สง่ สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมจ่ งึ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสทนู เกลา้ ฯ ถวายปรญิ ญาวศิ วกรรมศาสตร ดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดิ์ เพอ่ื เปน็ มหามงคลและเปน็ เกยี รตอิ นั สงู สดุ แกม่ หาวทิ ยาลยั แหง่ นี้ และเปน็ การเทดิ พระเกยี รติ แด่องค์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ของประชาชนชาวไทยสบื ตอ่ ไป
พระบารมีองค์ภูมินทร์ ปน่ิ สยาม ๑๕๓ คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกียรตคิ ุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ วทิ ยาศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ สาขาเกษตรศาสตร ์ สภามหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ในการประชุมครง้ั ที่ ๗/๑๕๓๑ เมอื่ วันที่ ๑ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑ ไดม้ ี มตเิ ปน็ เอกฉนั ท์ ใหข้ อพระราชทานทลู เกลา้ ฯ ถวายปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด์ิ สาขาเกษตรศาสตร์ แด่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รีนฤบดนิ ทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพติ ร เพื่อเปน็ การเทิดทนู ยกยอ่ งในพระคณุ วฒุ ิ และพระคุณธรรม เปน็ แบบอยา่ งให้ผู้อื่นได้ดำเนินการ ต า ม ร อ ยเบื้องพระยคุ ลบาทตอ่ ไป นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้เสด็จข้ึนเถลิงถวัลยราชสมบัติ เปน็ ต้นมา ได้ทรงดำรงมั่นอยใู่ นทศพธิ ราชธรรม ๑๐ สังคหวัตถุ ๔ และจกั รวรรดวิ ตั ร ๑๒ ประการ อย่างครบถว้ น มาโดยตลอด ทรงต้ังม่ันอยู่ในธรรมแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และขัตติยราชประเพณี ทรงมีพระราชจริยาวัตร และความยุติธรรมที่สมบูรณ์ ทรงอุทิศเวลาในการปฏิบัติพระราชภารกิจเพื่อความเจริญของประเทศชาติ และ เพ่ือความผาสุกของประชาชน จนเป็นที่ประจักษ์ชัดท่ัวไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อย่หู วั ทรงหว่ งใยเอื้ออาทรในสขุ ทกุ ข์ของประชาชนทกุ หมเู่ หล่า เสด็จพระราชดำเนนิ ทรงเยี่ยมเยียนราษฎร โดยไมเ่ ลือกเชื้อชาติศาสนาในพน้ื ทีต่ า่ งๆ ทัว่ ราชอาณาจักร ทำใหท้ รงทราบถงึ ปัญหาความทุกขย์ ากอันแทจ้ ริงของ ประชาชน ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ เกษตรกร จงึ ทรงมพี ระราชดำรใิ หจ้ ดั ตงั้ โครงการพฒั นาตา่ งๆ ขน้ึ ดว้ ยหลกั การทใี่ หร้ าษฎร ไดร้ จู้ กั การชว่ ยเหลอื ตนเอง ทง้ั ยงั รจู้ กั การทำงานรว่ มกนั เปน็ หมคู่ ณะ เปน็ ความรว่ มมอื กนั ระหวา่ งประชาชนกบั ทาง ร า ช ก า ร ตลอดจนพอ่ ค้าเอกชนท่เี กย่ี วข้อง ก่อนที่โครงการตามพระราชดำริแต่ละโครงการจะเกิดข้ึน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงศึกษา พิจารณา และปรึกษาอย่างรอบคอบกับเจ้าหน้าที่ผู้เก่ียวข้อง และตัวแทนราษฎรในท้องถิ่นน้ัน โดยทรงเน้น อย่เู สมอวา่ พระราชดำรเิ ป็นเพยี งขอ้ เสนอแนะ ขอให้ช่วยกนั ทักทว้ งแก้ไข เพอ่ื ใหถ้ ูกต้องตามหลักวิชาการ ทงั้ ยัง ประสานสอดคลอ้ งกบั สภาวะทางเศรษฐกจิ และนโยบายของทางราชการดว้ ย เมอ่ื เรมิ่ ดำเนนิ งานตามโครงการแลว้ กจ็ ะทรงตดิ ตามผลงาน ความก้าวหนา้ ตลอดจนปญั หาและอปุ สรรคอยูท่ ุกระยะ เพอ่ื เปลยี่ นแปลงและแก้ไขให้ เหมาะสมแล้วเกดิ ประโยชนสูงสดุ ทรงเริ่มโครงการศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนา อันเป็นศูนยร์ วมแหง่ การศึกษาค้นควา้ ทางดา้ นการพฒั นาในแขนงตา่ งๆ ในพนื้ ทช่ี นบทของประเทศ โดยมเี ปา้ หมายเพอ่ื การพง่ึ ตนเองในระยะยาว มที ง้ั หมด ๖ ศนู ย์ กระจายอยใู่ นภาคตา่ งๆ ได้แก่ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาเขาหนิ ซ้อน อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ ต้งั อยทู่ ี่ อำเภอพนมสารคาม จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา ในภาคกลาง เพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ ของพชื หลายชนดิ ศนู ยศ์ กึ ษา การพฒั นาหว้ ยทราย อำเภอชะอำ จงั หวดั เพชรบรุ ี ในภาคตะวนั ตก มงุ่ เน้นศึกษากรรมวธิ ที ่ีจะพฒั นาฟ้นื ฟสู ภาพ ปา่ เสอื่ มโทรม ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาอ่าวคุ้งกระเบน อำเภอทา่ ใหม่ จังหวัดจันทบุรี ในภาคตะวันออก เพ่ือพัฒนา ปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านประมงชายฝั่ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ มุ่งเน้นการจัดปรับปรุงบำรุงดิน การเร่งรัดพัฒนาป่าไม้โดยอาศัยระบบชลประทาน และ การปลูกพืชเศรษฐกิจ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในภาคเหนือ ศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับรูปแบบที่เหมาะสมของการพัฒนาพ้ืนท่ีต้นน้ำลำธาร เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และ คดั ลอกจากสูจบิ ัตร พธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ครงั้ ท่ี ๒๓ (๒๕๓๒), น. ๕-๙.
๑๕๔ พระบารมีองคภ์ มู ินทร์ ปนิ่ สยาม ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อำเภอเมอื ง จังหวัดนราธิวาส ในภาคใต้ ศึกษาวิจัยดินพรุ ใหส้ ามารถนำมาใช้ ป ร ะ โ ย ชน์ในด้านเกษตรกรรมใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด โครงการตามพระราชดำริอันเนื่องด้วยการเกษตรมีมากมายหลายประเภท โดยอาจจะสรุปเป็นประเภท ไ ด ้ด ัง น ี้ ดา้ นการพฒั นาและการอนรุ กั ษท์ ดี่ นิ : ดนิ นบั วา่ เปน็ ปจั จยั ทสี่ ำคญั ยง่ิ อยา่ งหนงึ่ ตอ่ ผลผลติ ทางการเกษตร อันเป็นรายไดห้ ลกั ของราษฎร จงึ ทรงมีพระราชดำริในการพฒั นาทดี่ ินเสอื่ มโทรมใหส้ ามารถใช้ประโยชน์ได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพสูงสุดในรปู แบบตา่ งๆ อาทิ รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั ทรพั ยากรธรรมชาติ ศกึ ษา คน้ คว้า ทดลอง วจิ ัย พัฒนา ปรับปรุงบำรุงดิน การอนุรักษ์ดินและน้ำ เพ่ือป้องกันการเสื่อมโทรมและถ่ายทอดข้อมูลทางวิชาการ พัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากน้ียังทรงเห็นว่า ควรให้ราษฎรมีกรรมสิทธ์ิที่ดิน เป็นของตนเองและครอบครัว โดยรัฐควรออกใบสญั ญารับรองสทิ ธิทำกิน (สทก.) แบบมรดกตกทอดแกท่ ายาท ใ ห ส้ า ม ารถทำกินได้ตลอดไป ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ : เพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญและ มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประเทศเกษตรกรรม จึงทรงมีพระราชดำริให้วางโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ โดยแบง่ เป็น ๕ ประเภทดว้ ยกัน คอื โครงการพฒั นาแหล่งน้ำเพอ่ื การเพาะปลกู และอุปโภค โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการรักษาต้นน้ำลำธาร โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพ่ือการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการ ระบายน้ำออกจากพื้นท่ีลุ่ม และโครงการบรรเทาอุทกภัย โดยทรงมีหลักและวิธีดำเนินการโดยทรงพิจารณาถึง ความเหมาะสมเกย่ี วกบั สภาพภมู ปิ ระเทศ ความเหมาะสมเกยี่ วกบั สภาพแหลง่ นำ้ ความเหมาะสมในดา้ นเศรษฐกจิ แ ล ะ ส งั คม ดา้ นการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรปา่ ไม้ : ปา่ ไมเ้ ปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งหนงึ่ ทอี่ ำนวยประโยชนท์ ง้ั ทางตรง และทางอ้อมให้แก่มนุษยชาติมากมายหลายประการ จึงทรงมีพระราชดำริเก่ียวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ โดยมีการปลูกป่าทดแทน สงวนพันธุ์สัตว์ป่าและเพาะเล้ียงสัตว์ป่าที่หายาก จัดสวนสัตว์เปิดให้ประชาชนเข้าไป เทยี่ วชม จดั พนื้ ทท่ี ำกนิ และศึกษาวิจัยด้านปา่ ไม้ ตามสภาพทอ้ งถ่นิ ความสมั พนั ธข์ องปา่ ไม้กบั สง่ิ แวดล้อมอื่นๆ แ ล ะ ก า รปอ้ งกนั ไฟปา่ ดา้ นการพฒั นาการเลีย้ งสตั ว์ : แม้วา่ อาชพี การเล้ยี งสัตว์จะมีข้อไดเ้ ปรยี บในแง่ทไ่ี มจ่ ำเปน็ ตอ้ งพงึ่ นำ้ ฝน หรือการชลประทานอยา่ งมากมายแลว้ ยังไม่ต้องเสย่ี งต่อความเสียหายอันเกิดจากภาวะฝนแลง้ หรือนำ้ ทว่ ม แนวพระราชดำริในการพัฒนาการเล้ยี งสัตว์ เปน็ ไปเพอื่ การสาธติ การใหค้ วามร้เู ก่ยี วกบั การปรบั ปรุงพนั ธุ์สัตว์ การป้องกนั การกำจดั โรคและพยาธสิ ตั ว์ การปลกู พืชอาหารสัตว์ ตลอดจนการสง่ เสรมิ และเผยแพรโ่ ดยการแจก จ า่ ย ส ตั วพ์ ันธดุ์ ีใหแ้ ก่เกษตรกรที่ยากจน และจำหน่ายสตั ว์พันธุด์ ใี หแ้ ก่เกษตรกรในราคาถกู ดา้ นการพฒั นาการประมง : ทรงมพี ระราชดำรใิ หม้ กี จิ กรรมการทดลอง คน้ ควา้ วจิ ยั ทางดา้ นการประมง ในศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาตา่ งๆ เพอ่ื นำผลการวิจยั มาใช้ในทอ้ งที่และปฏิบตั ิได้จริง โครงการพัฒนาการประมงตาม พระราชดำริ ไดก้ ระจายครอบคลมุ พน้ื ทอี่ ยา่ งกวา้ งขวาง ทำใหจ้ ำนวนของเกษตรกรผสู้ นใจการเลยี้ งปลาเพม่ิ มากขนึ้ ท ัง้ ท ่เี ล ย้ี งเพือ่ การบริโภคในครัวเรอื นเปน็ อาชีพเสริมและเปน็ อาชีพหลกั ด้านการพัฒนาชาวเขา : วิถีทางการดำรงชีวิตตามธรรมชาติของชาวเขา ไม่เป็นผลดีทั้งต่อชาวเขาเอง และภูมภิ าคถ่นิ ทีอ่ าศัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจงึ ทรงมพี ระราชดำริให้เริ่มดำเนนิ การโครงการหลวงพฒั นา ชาวเขาขึ้นเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ปัจจุบันการดำเนินงานครอบคลุมหมู่บ้านชาวเขา ๑๒๖ แห่ง ในพ้ืนท่ีจังหวัด เช ยี ง ใ ห ม่ เชยี งราย แม่ฮ่องสอน และลำพนู เปน็ ระบบการพัฒนาแบบครบวงจร
พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปิ่นสยาม ๑๕๕ โครงการธนาคารข้าว : ทรงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งธนาคารข้าวต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เม่ือครั้งเสด็จ พระราชดำเนนิ ไปทรงเย่ียมราษฎรชาวเขาเผ่ากระเหรีย่ งในเขตอำเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่ ไดพ้ ระราชทาน ข้าวเปลือกจำนวนหน่ึงให้แก่ผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้าน เพ่ือเป็นทุนดำเนินกิจการธนาคารข้าว โดยพระราชทาน แนวทางดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน กล่าวคือ ให้มคี ณะกรรมการควบคุมทค่ี ดั เลือกจากราษฎรในหมบู่ า้ นเปน็ ผเู้ ก็บ รักษา พิจารณาจำนวนข้าวที่จะให้ยืมและรับคืน จัดทำบัญชียืมไปใช้ในยามจำเป็น เมื่อเก็บเกี่ยวได้นำมาใช้คืน พร้อมดอกเบ้ียจำนวนเล็กน้อย ดอกเบ้ียรวมได้ท่ีธนาคารถือเป็นสมบัติส่วนรวม หากมีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถ ใ ช ้ค ืน ไ ด้ ก็ให้แจ้งกรรมการทราบเพ่ือพิจารณาข้อเท็จจริง โครงการธนาคารโค-กระบอื : พระราชดำรใิ นเรอ่ื งโครงการธนาคารโค-กระบอื เรมิ่ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยกรมปศสุ ตั วม์ อบกระบอื จำนวน ๒๘๐ ตวั ไปชว่ ยเหลอื เกษตรกรผยู้ ากจนในพนื้ ทรี่ าบเชงิ เขา จงั หวดั ปราจนี บรุ ี ต้องการใชเ้ ชา่ ซื้อและผ่อนสง่ ใช้คนื ภายในระยะเวลา ๓ ปี ปัจจุบันธนาคารโค-กระบอื ตามพระราชดำริมีวิธกี ารให้ บริการในลักษณะของการใหเ้ ช่าซือ้ ผ่อนสง่ ระยะยาว ให้เช่าเพอื่ การใชง้ าน ให้ยืมเพื่อทำการผลิตพันธ์ุ และให้ยมื ไ ป ใ ช ้ง าน ผลประโยชนท์ ีเ่ กดิ ขึ้นสง่ ผลโดยตรงกบั ตวั เกษตรกรผู้ยากจนให้สามารถมีปจั จยั การผลิตเป็นของตนเอง โครงการฝนหลวง : เรม่ิ ต้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ได้ทรงทุม่ เวลาคิดคน้ และวจิ ยั เพอ่ื จะนำเทคโนโลยีการทำฝนใหป้ ระเทศไทย ซึง่ อยูใ่ นภูมภิ าคเขตร้อนมาใช้ เปน็ มาตรการหน่งึ ในการ ป้องกันและบรรเทาสภาวะแห้งแลง้ กรรมวธิ ีฝนหลวงน้นั กำหนดไว้เปน็ ๓ ขน้ั ตอน คอื ก่อกวน เล้ยี งใหอ้ ้วน และโจมตี กิจกรรมฝนหลวงของประเทศไทยเป็นท่ียอมรับ ส่งผลใหป้ ระเทศไทยเป็นศูนยก์ ลางกจิ กรรมทำฝนให้ เขตร้อนของภมู ิภาคอาเซีย่ น ประเทศท่รี บั ไปเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ ได้แก่ ประเทศอนิ โดนเี ซีย มาเลเชยี ฟลิ ิปปินส์ ศรลี งั กา และบงั คลาเทศ สว่ นประเทศทข่ี อความรว่ มมอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และเทคโนโลยี ไดแ้ ก่ ประเทศออสเตรเลยี อติ าลี ฝร่ังเศส และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีประเทศแคนาดา และสหรฐั อเมรกิ า ซ่งึ เปน็ ประเทศที่กา้ วหน้า ท า ง เ ท คโนโลยีดา้ นน้ีใหค้ วามรว่ มมอื และช่วยเหลอื ทจี่ ะทำวจิ ยั และพัฒนากจิ กรรมท่ีรว่ มกันด้วย ดา้ นการแพทยเ์ คลอื่ นที่ : นอกเหนอื จากพระราชดำรทิ างดา้ นการเกษตรโดยตรงดงั กลา่ วแลว้ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระราชดำริในเรื่องเก่ียวกับโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานด้วย ท้ังนี้เพราะทรง ตระหนกั วา่ ความสมบรู ณแ์ ขง็ แรงของรา่ งกาย เปน็ ปจั จยั ของเศรษฐกจิ ทด่ี แี ละสงั คมทม่ี น่ั คง โครงการหนว่ ยแพทย์ พระราชทาน ประกอบด้วย การบำบดั รกั ษาจากคณะแพทย์ และการอบรมหมอหม่บู า้ น เพือ่ ช่วยแก้ไขปญั หาดา้ น สุขภาพอนามัยของราษฎรในพ้ืนท่ีห่างไกล และมีปัญหาอุปสรรค ท่ีระบบปกติยากจะดูแลให้ทั่วถึง โดยเฉพาะ อ ย ่า ง ย ง่ิ ราษฎรสว่ นใหญม่ ฐี านะยากจนและขาดความรใู้ นการดูแลรักษาตนเอง โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นกรณีพิเศษใน กจิ กรรมทางเกษตรอยา่ งกวา้ งขวาง ไดท้ รงใชพ้ ระราชวริ ยิ ะอตุ สาหะอยา่ งแรงกลา้ ในการทรงศกึ ษาคน้ ควา้ หาวธิ กี าร ตลอดจนทรงริเร่ิมโครงการต่างๆ ทางด้านการเกษตรเป็นจำนวนมาก อันนำมาซึ่งผลสำเร็จสู่เกษตรกรอย่างเห็น ได้ชัด จึงมผี ถู้ วายพระราชสมัญญาว่า “กษตั ริย์นักพฒั นา” ครง้ั นี้ จงึ ถือเป็นวโรกาสมหามงคลอนั พิเศษย่ิง ท่ีจะ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเกษตรศาสตร์ แดพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ผูท้ รงพระคุณอันประเสริฐ และทรงถึงพรอ้ มด้วยเกียรติและศกั ด์ิแห่งปรญิ ญาน้ี ท กุ ป ร ะการ ในวโรกาสมหามงคลสมัยน้ี ข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลายขอตั้งสัตยาธิษฐาน ถวายพระพรชัยมงคล แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช ขอจงทรงเจริญด้วยพระชนมายุยงิ่ ยืนนาน นำมาซึ่งความ เป็นสริ ิมงคลแก่มหาชนชาวสยามเป็นนิจกาล
๑๕๖ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปิ่นสยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกยี รติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ในวโรกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ฯ ถวาย ปรญิ ญาวศิ วกรรมศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดิ์ (วศิ วกรรมสงิ่ แวดลอ้ ม) ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๓๗-๒๕๓๘ สภามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ได้มีมตเิ ป็นเอกฉนั ท์ ในคราวประชมุ ครัง้ ท่ี ๕/๒๕๓๘ เม่อื วนั ท่ี ๒๑ ตลุ าคม ๒๕๓๘ ใหข้ อพระราชทานทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปรญิ ญาวศิ วกรรมศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด์ิ (วศิ วกรรม สิ่งแวดล้อม) แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามนิ ทราธิราช บรมนาถบพติ ร เพ่อื เปน็ การเทิดทนู ยกยอ่ งในพระคุณวุฒแิ ละพระคุณธรรม เปน็ แบบอย่างให้ พ ส ก น ิกรชาวไทยได้ดำเนนิ ตามรอยเบ้อื งพระยุคลบาทต่อไป นับต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เม่ือปี พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นต้นมา และตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง ๕๐ ปี ได้ทรงอุทศิ พระองค์บำเพญ็ พระราช กรณยี กิจ เพื่อบำบดั ทกุ ข์ บำรุงสุข แกอ่ าณาประชาราษฎรอ์ ย่างสุดพระกำลัง แมว้ ่าการดำเนนิ การพระราชทาน ความชว่ ยเหลอื ราษฎรของพระองค์ จะตอ้ งทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ดว้ ยความยากลำบาก แตด่ ว้ ยพระปรชี าญาณ และพระอัจฉริยภาพอันเป็นเลิศท่ีเพียบพร้อมด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ทำให้พระองค์ทรงฝ่าฟันอุปสรรคปฏิบัติ พระราชกรณยี กจิ ทง้ั ปวงสำเรจ็ ลลุ ว่ งไปได้ และพระราชกรณยี กจิ ตา่ งๆ นน้ั กไ็ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ โครงการพระราชดำรใิ นการ พัฒนาสงิ่ แวดล้อมของประเทศอย่างกวา้ งขวาง ท้ังนก้ี ด็ ้วยทรงอาศยั ศาสตรท์ างวศิ วกรรมหลายสาขาประกอบกับ เทคโนโลยีหลายดา้ นในการดำเนนิ การ โดยสรปุ ได้ดงั น ี้ ดา้ นการชลประทาน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทยั และทรงใหค้ วามสำคญั ด้านการชลประทานและการ พัฒนาแหล่งน้ำเป็นอยา่ งมาก พระองคไ์ ด้พระราชทานพระราชดำริใหส้ ว่ นราชการตา่ งๆ นำไปพจิ ารณาและดำเนนิ การก่อสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำรติ ่างๆ ซงึ่ สามารถแบ่งออกได้ ๕ ประเภท ดังตอ่ ไปนี ้ ๑. โครงการพัฒนาแหลง่ น้ำเพื่อการเพาะปลูก อุปโภค และบริโภค ไดแ้ ก่ อ่างเกบ็ นำ้ และฝายทดน้ำ ๒. โครงการพฒั นาแหล่งน้ำเพ่อื การรกั ษาต้นนำ้ ลำธาร ๓. โครงการพัฒนาแหลง่ น้ำเพ่ือการผลิตไฟฟา้ พลังนำ้ ๔. โครงการระบายนำ้ ออกจากพน้ื ท่ลี มุ่ ๕. โครงการบรรเทาอุทกภัย คดั ลอกจากสูจบิ ัตร พธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร คร้ังที่ ๓๑ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ (๒๕๔๐), น. ๒๕-๒๘.
พระบารมีองค์ภมู ินทร์ ปิน่ สยาม ๑๕๗ ดา้ นการเกษตร โครงการฝนหลวง เป็นโครงการหน่ึงท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทุ่มเทเวลาคิดค้น และวิจัย เพ่ือนำเทคโนโลยีการทำฝนให้ประเทศไทย ซึ่งอยู่ในภูมภิ าคเขตร้อน โครงการนเี้ ป็นมาตรการหนง่ึ ในการป้องกัน แ ล ะ บ รรเทาสภาวะแห้งแล้ว โครงการธนาคารโค-กระบอื เพอ่ื เกษตรกรตามพระราชดำริ เปน็ โครงการตามพระราชดำรทิ ชี่ ว่ ยเหลอื เกษตรกร ผ ้ยู า ก จ น ผลประโยชน์ที่เกดิ ข้นึ ส่งผลโดยตรงตอ่ เกษตรกรผู้ยากจน ใหส้ ามารถมปี ัจจัยการผลติ เปน็ ของตนเอง โครงการธนาคารข้าว ทรงสนบั สนนุ ให้มีการจัดตงั้ ธนาคารข้าว โดยได้พระราชทานข้าวเปลือกจำนวนหนึ่ง ใหแ้ กผ่ ใู้ หญบ่ า้ นหลายหมบู่ า้ นเพอื่ เปน็ ทนุ ดำเนนิ กจิ การธนาคารขา้ ว และไดพ้ ระราชทานแนวทางดำเนนิ งานไวอ้ ยา่ ง ชัดเจน ดา้ นการคมนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยในชนบทเป็นอย่างมาก มีพระราชปณิธาน อย่างแรงกล้าในอันท่ีจะพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ด้วยการทรงริเริ่มโครงการถนนชนบท ทรงพระปรชี าสามารถในการเลอื กลกั ษณะโครงการทจ่ี ะดำเนนิ การในพน้ื ทตี่ า่ งๆ ทรงกำหนดและเสนอแนะเกยี่ วกบั ถนนชนบท แนวเสน้ ทางเพอื่ ใหถ้ นนชนบททคี่ รบวงจรเกดิ ประโยชนแ์ กช่ มุ ชน โดยมสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั โครงการอน่ื ๆ เช น่ แ หลง่ นำ้ ไฟฟ้า การส่งเสรมิ อาชพี ในส่วนของการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์จราจรในกรุงเทพมหานคร ได้พระราชทานพระราชดำริให้ทำการ ศึกษาและจัดทำโครงการ “จราจรตามพระราชดำร”ิ ขนึ้ และไดผ้ ลเป็นท่นี า่ พอใจ ปัญหาการจราจรทต่ี ิดขัดอย่าง หนักมาแตเ่ ดมิ จงึ ได้ลดลงอย่างเหน็ ได้ชัด ด้านทรพั ยากรธรรมชาต ิ โครงการพระราชดำรเิ กยี่ วกบั ดินและพนื้ ท่ีดนิ ไดแ้ ก่ โครงการแกไ้ ขปญั หาดินเคม็ ดนิ เปรี้ยว เพอื่ สรา้ ง ความสมดุลในสภาพแวดลอ้ ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงแนะนำให้ดำเนนิ การปลกู หญ้าแฝก เพ่อื อนุรกั ษ์ ผิวดินและป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ในด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ได้พระราชทาน แนวพระราชดำริให้ปลูกป่าทดแทนโดยใช้ “ไม้ ๓ อยา่ ง” คอื ไม้ใชส้ อย ไมผ้ ล และไมเ้ พื่อการอนุรกั ษ์เพอื่ ฟื้นฟู สภาพป่าไมค้ วบคู่กนั ไปกบั การใช้ประโยชนใ์ นการดำรงชีวติ ในเรอื่ งการป้องกนั ไฟไหม้ป่าทรงกำหนดใหม้ ีโครงการ ปอ้ งกันไฟป่าโดยใช้ “แนวกนั ไฟเปียก” ดว้ ยการทำฝายก้นั นำ้ ตามลำห้วยตา่ งระดบั และปลกู ไม้ท่ีไม่ผลดั ใบเปน็ แ น ว ร อ บปา่ หรอื ท่เี รียกกนั วา่ “Green Fire Break” โครงการด้านอากาศและสภาพแวดล้อมของโลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักและห่วงใย ถงึ ปญั หาสภาวะแวดล้อมของโลกทเี่ ปลย่ี นไปในทางเสื่อมโทรมลง ทรงพระราชปรารภถึงสภาพภูมอิ ากาศของโลก ทีร่ ้อนขึ้น เนื่องจากภาวะปฏิกริ ยิ าเรอื นกระจก (Green House Effect) อันเปน็ ผลจากการตัดไมท้ ำลายปา่ โดยไมไ่ ดค้ ำนงึ ถงึ อนาคตและการเผาผลาญเชอื้ เพลงิ ทรงแนะนำใหท้ กุ ฝา่ ยใชท้ รพั ยากรอยา่ งประหยดั เทา่ ทจี่ ำเปน็ แ ล ะ ร ่ว มกนั สรา้ งความชุม่ ชนื่ ใหก้ บั ธรรมชาติเพื่อคุณภาพชวี ติ ท่ดี ีของมนษุ ยท์ กุ คน
๑๕๘ พระบารมอี งค์ภมู ินทร์ ปนิ่ สยาม โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชฯ ทรงเปน็ ธรรมราชาธริ าชเปยี่ มด้วยอำนาจ พระปญั ญาบารมี มีพระปรีชารอบรู้ มีสายพระเนตรท่ียาวไกล ทรงเหน็ ปญั หาอย่างเปน็ ระบบครบวงจรในเร่ืองของ ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ทรงตระหนกั ถงึ ความสมั พนั ธข์ องวงจรชวี ติ กบั ธรรมชาติ โดยจะทรงเนน้ ถงึ การอยรู่ ว่ มกนั ของสรรพสิ่งในระบบนิเวศน์ ทรงคำนึงถึงการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย เป็นการพัฒนา เพือ่ ผคู้ นทย่ี ากไร้ และรกั ษาสภาพแวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตเิ อาไวใ้ นขณะเดยี วกนั ตามหลกั “การพัฒนา แบบย่งั ยืน” มาโดยตลอด ทั้งทรงให้ความสำคัญแก่ปัญหาสิง่ แวดล้อมทง้ั ในชนบทและในเมอื ง ตลอดจนสภาวะ แวดลอ้ มของโลกดว้ ย จึงอาจกล่าวได้วา่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ทรงเปน็ พระมหากษตั ริย์นกั พัฒนา และ ทรงเปน็ นกั อนรุ กั ษส์ ภาพแวดลอ้ มสำคญั ยง่ิ ของประเทศ ดว้ ยพระปรชี าสามารถอนั สงู สง่ ดงั กลา่ วมา สภามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักด์ิ (วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเพื่อเป็น สิริมงคลและเป็นเกียรติอันสูงสุดแก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สืบไป
พระบารมีองคภ์ มู ินทร์ ป่นิ สยาม ๑๕๙ คำประกาศราชสดุดีเฉลมิ พระเกียรติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ของ ศาสตราจารย์ นายแพทยโ์ ชต ิ ธตี รานนท ์ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ่ ข อ เ ด ช ะ ฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทปกเกล้าปกกระหมอ่ ม สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไดม้ ีมตเิ ป็นเอกฉนั ทใ์ นคราวประชุมครัง้ ท่ี ๗/๒๕๔๑ เม่ือวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ให้ขอพระราชทานทูลเกล้าทลู กระหม่อมถวายปรญิ ญาทันตแพทยศาสตรดุษฎบี ัณฑิตกิตติมศกั ดแิ์ ด่ ใต้ฝ่าละอองธุลพี ระบาท เพื่อเป็นการเทิดทูน ยกยอ่ งในพระคุณวุฒิและพระคุณธรรม เป็นแบบอย่างใหพ้ สกนิกร ช า ว ไ ท ยได้ดำเนินตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาทตอ่ ไป นบั ตง้ั แตใ่ ตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาทเสดจ็ ขน้ึ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ เมอื่ วนั ที่ ๙ มถิ นุ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ เป็นต้นมา ได้ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงเอื้ออาทรต่อ ประชาราษฎร์ มงุ่ หวงั ทจี่ ะใหร้ าษฎรทกุ หมเู่ หลา่ มคี วามเปน็ อยทู่ ด่ี ี สามารถพงึ่ ตนเองได้ โครงการพระราชดำรติ า่ งๆ จำนวนนับพันโครงการเกิดข้ึนได้ด้วยพระเมตตาที่จะพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นด้าน การศกึ ษา ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นสังคม และดา้ นสขุ ภาพอนามยั พระราชจรยิ าวตั ร อันเป็นพระมหากรณุ าธคิ ุณนี้ ปรากฏเป็นท่ีประจักษ์แก่พสกนิกรท่ัวไป พระราชกรณียกิจต่างๆ รวมถึงงานด้านทันตสาธารณสุขเป็นพระราช กรณียกิจหนึ่งที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสนพระราชหฤทัย ด้วยทรงเห็นความสำคัญของงานทันตสุขภาพว่า เป็นพื้นฐานเบื้องต้นของสุขภาพที่ดีของประชาชน จึงได้ทรงสนับสนุนส่งเสริมและพระราชทานความช่วยเหลือใน ก ิจ ก า ร งานด้านต่างๆ ต่อเน่ืองตลอดมา พระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีต่อพสกนิกรในด้านทันตสาธารณสุขและต่อการ พ ัฒ น า วิชาการทางทนั ตแพทยศาสตร์ ประมวลสรปุ ได้ ดงั นี ้ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ในดา้ นการสง่ เสรมิ การศกึ ษาดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ใตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาท ทรงใหค้ วามสำคญั ในการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และสบื ทอดพระกรณยี กจิ ของสมเดจ็ พระมหติ ลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในงานดังกล่าว ซ่ึงมีงานด้านทันตสาธารณสุขและ ดา้ นทนั ตแพทยศาสตรศ์ กึ ษารวมอยดู่ ว้ ย ปรากฏเปน็ ทปี่ ระจกั ษแ์ กพ่ สกนกิ รอยา่ งกวา้ งขวาง ไมว่ า่ จะเปน็ ในโอกาส ง า น ว ัน มหิดล งานในหน่วยแพทย์ พอสว. และวนั ทนั ตสาธารณสุขแหง่ ชาติ เป็นประจำทุกปี คัดลอกจากสจู ิบตั ร พิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ครัง้ ท่ี ๓๓ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒๕๔๔), น. ๗-๑๐.
๑๖๐ พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม พระมหากรณุ าธคิ ณุ ทมี่ ตี อ่ วงการทนั ตแพทยน์ น้ั ในดา้ นวชิ าชพี ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม รบั ทันตแพทยสมาคมไวใ้ นพระบรมราชปู ถมั ภ์ ตง้ั แต่วนั ที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ทางด้านการศกึ ษาและวิจัย ทางทันตแพทยศาสตร์ ได้พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหค้ ณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยแพทยศาสตร์ (คณะทนั ตแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ในปจั จบุ นั ) จดั ฉายภาพยนตรส์ ว่ นพระองคเ์ พอ่ื รวบรวมรายได้ จากผมู้ จี ติ ศรทั ธาทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายโดยเสดจ็ พระราชกศุ ลสมทบกบั งบประมาณแผน่ ดนิ สรา้ งอาคารเรยี น ป ฏ บิ ตั กิ ารคลนิ ิกและการวิจัยทางทนั ตแพทยศาสตร์ พระราชทานนามอาคารวา่ “ตกึ ทันตรักษว์ ิจัย” สำหรับพระมหากรุณาธิคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อประชาชนในเร่ืองของทันตสุขภาพน้ัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้พระราชทานเรอื ยนต์ “เวชพาหน์” แกส่ ภากาชาดไทย เพอื่ เปิดบรกิ ารรกั ษาทางการแพทย์ และ ทนั ตกรรมแกร่ าษฎรในชนบททต่ี งั้ บา้ นเรอื นอยสู่ องฝง่ั แมน่ ำ้ ลำคลอง เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ พระราชทานพระราชทรพั ย์ สว่ นพระองคใ์ หจ้ ดั สรา้ งรถยนตท์ ำฟนั เคลอื่ นท่ี พรอ้ มทง้ั เครอื่ งมอื เครอ่ื งใชแ้ ละเวชภณั ฑท์ จี่ ำเปน็ โดยมที นั ตบคุ ลากร อาสาไปใหก้ ารบรกิ ารรกั ษาทันตกรรมเบ้อื งตน้ และความรทู้ างด้านทันตสขุ ศึกษาดว้ ย ได้พระราชทานนามหน่วยนี้ วา่ “หนว่ ยทนั ตกรรมพระราชทาน” โดยมคี ณะทนั ตแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เปน็ หนว่ ยดำเนนิ การ ในเบอ้ื งตน้ และตอ่ มาเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ หนว่ ยทันตกรรมพระราชทาน คณะทนั ตแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ไดก้ ำเนิดข้นึ โดยได้ขอพระราชทานขยายการดำเนินการเป็นหนว่ ยในส่วนภมู ิภาค และไดร้ ับพระมหา- กรณุ าธคิ ณุ จากใตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาทพระราชทานรถยนตเ์ คลอ่ื นที่ และพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคเ์ พอ่ื ใชใ้ นการ บรกิ าร สง่ เสรมิ และใหค้ วามรดู้ า้ นทนั ตสขุ ภาพแกป่ ระชาชนในพน้ื ทภ่ี าคเหนอื และขณะนหี้ นว่ ยทนั ตกรรมพระราชทาน ได้ขยายออกไปในส่วนภูมิภาคอ่ืนๆ อีก โดยความร่วมมือจากคณะทันตแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ การดำเนนิ งานของหนว่ ยทนั ตกรรมพระราชทานในพระราชดำรนิ ้ี ไดร้ บั ความสนใจเปน็ อยา่ งมากจากวงการทนั ตแพทย์ ต า่ ง ป ร ะเทศวา่ เปน็ โครงการทนั ตกรรมเคล่ือนท่ีท่ใี หญท่ ีส่ ดุ ในโลก ในส่วนพระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีต่อคุณภาพการศึกษาและขวัญกำลังใจของ ทันตแพทย์นั้น เม่ือคราวเสร็จพระราชดำเนินมาเพ่ือทรงรับการถวายรักษาพระทนต์ท่ีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะกรรมการผู้บริหารคณะทันตแพทยศาสตร์ แห่งประเทศไทย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นการส่วนพระองค์ ได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานทุน การศึกษามูลนิธิ “อานันทมหิดล” แผนกทันตแพทยศาสตร์ โดยเร่ิมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมาทุกปี ปัจจบุ นั มีนักเรียนทุนมลู นิธิอานันทมหดิ ล แผนกทนั ตแพทยศาสตร์ ไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดบั ปริญญาโท และปริญญาเอก รวมแล้วเป็นจำนวน ๘ คน และอกี หลายวาระทีเ่ สดจ็ พระราชดำเนินมาทรงรบั การถวายรักษา พระทนตเ์ ป็นการส่วนพระองค์ จะพระราชทานพระราชดำรัสเป็นแง่คดิ ในด้านการบำบัดรกั ษาทางทันตกรรม และ พระราชดำรสั อนั เปน็ ขวญั และกำลงั ใจแกบ่ คุ ลากรทางทนั ตกรรมตลอดมา ยงั ความปลาบปลม้ื ปติ แิ กช่ าวทนั ตแพทย์ อ ย ่า ง ห าท่สี ดุ มไิ ด ้ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๑ วงการทนั ตแพทยไ์ ด้รับพระมหากรณุ าธิคณุ อกี ครงั้ หนง่ึ กล่าวคือ ใต้ฝ่าละอองธุลี พระบาทได้พระราชทานเงินท่ีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือจัดตั้งเป็น “กองทนุ ทันตกรรมพระราชทานเฉลมิ พระเกียรติในวโรกาส ๗๒ พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว” เป็นจำนวนเงิน ๕๐ ล้านบาท เพ่ือใช้จ่ายในการขยายงานให้บริการรักษา และส่งเสริมอนามัยช่องปากให้กับ ประชาชนในทอ้ งถน่ิ หา่ งไกล รวมถงึ การสง่ เสรมิ และเผยแพรง่ านวจิ ยั ทจ่ี ะกระทบตอ่ สขุ ภาพชอ่ งปากของประชาชน จ ึง น ับ เ ปน็ พระมหากรณุ าธคิ ุณล้นเกล้าล้นกระหมอ่ มอกี คร้งั หนง่ึ
พระบารมีองค์ภูมินทร์ ปนิ่ สยาม ๑๖๑ โดยเหตทุ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ทรงเปน็ ดงั่ “พระอคั รปติ รุ าชา” พระผทู้ รง เป็นพลังแผ่นดิน ทรงเป็นพระมหาบุรุษเลิศสุดด้วยพระปัญญาบารมิศ สรรพพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญใน ด้านทันตสาธารณสุขเป็นหนึ่ง ไม่มีเสมอสอง ทรงตั้งพระราชหฤทัยมุ่งปองแต่จะให้ประชาชนมีทันตสุขภาพที่ดี มาโดยตลอด นับเปน็ พระมหากรุณาธิคณุ ลน้ เกล้าลน้ กระหม่อมอย่างหาที่สุดมไิ ด้ และเนอ่ื งในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธคิ ุณในพระราช กรณียกิจด้านทันตแพทยศาสตร์ สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายปริญญาทันตแพทยศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเพื่อเป็นการ เฉลิมพระเกยี รติ และเพือ่ เป็นสริ ิมงคลอันสูงสดุ แกม่ หาวิทยาลัยเชียงใหมส่ ืบไป ด้วยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ มขอเดชะฯ
๑๖๒ พระบารมีองคภ์ ูมินทร์ ปนิ่ สยาม คำกราบบงั คมทูลประกาศราชสดุดีเฉลมิ พระเกยี รติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ของ ศาสตราจารย์ นายแพทยโ์ ชต ิ ธตี รานนท ์ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ่ ข อ พ ร ะ ราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในคราวประชุมครงั้ ท่ี ๕/๒๕๔๒ เมอ่ื วันท่ี ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดม้ ีมติ เป็นเอกฉันท์ให้ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เพือ่ เปน็ การเทิดทูน ยกย่องในพระปรีชา และความมสี ายพระเนตรอนั ยาวไกลใน ก า ร พ ฒั นาทางดา้ นเศรษฐกจิ และเพอ่ื เปน็ แบบอยา่ งใหพ้ สกนกิ รชาวไทยไดด้ ำเนนิ ตามรายเบอ้ื งพระยคุ ลบาทตอ่ ไป นับต้งั แตพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวเสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบัติมาจนถึงปัจจุบนั ไดท้ รงอุทศิ พระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงเอ้ืออาทรต่อประชาราษฎร์ มุ่งหวังให้ราษฎร ทุกหมู่เหล่ามีความเป็นอยู่ท่ีดี โครงการพระราชดำริในการพัฒนาด้านต่างๆ ได้เกิดขึ้นนับพันโครงการ กระจาย ไปท่ัวทุกภูมิภาคของประเทศไทย ท้ังพระราชทานแนวพระราชดำริในการพัฒนาประเทศ โดยมีแนวทางในการ ดำเนนิ การอยา่ งมขี นั้ ตอน ดว้ ยการสรา้ งพน้ื ฐานคอื ความพอมี พอกนิ และพอใช้ ของประชาชนสว่ นใหญใ่ หม้ น่ั คง เป็นเบื้องต้น เพ่ือให้ราษฎรสามารถพ่ึงตนเองได้ และเม่ือมีความมั่นคงแล้วจึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ ฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นไปตามลำดับ แต่ถ้าหากจะมุ่งทุ่มเทสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นอย่าง รวดเรว็ เพยี งประการเดยี ว โดยไมส่ มั พนั ธก์ บั สภาวะของประเทศและประชาชน กจ็ ะเกดิ ความไมส่ มดลุ ในเรอื่ งตา่ งๆ แ ล ะ อ าจจะกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาในหลายๆ ด้านได ้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเห็นว่าราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดังนั้น แนว พระราชดำริในการพัฒนาประเทศจึงเร่ิมต้นข้ึนด้วยการศึกษาค้นคว้า ทดลองในด้านการเกษตร ทั้งในและนอก พระราชฐาน ภายในบริเวณพระราชฐานสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มีการศึกษา ค้นคว้าทางด้านการเกษตร นานาชนิด การเลี้ยงปลา การทำนาข้าวทดลอง การปลูกป่าสาธิต การปลูกพืชสมุนไพร การผลิตแก๊สชีวภาพ เปน็ ตน้ และเพอื่ ใหโ้ ครงการดา้ นเกษตรกรรมสามารถเชอ่ื มโยงกบั ดา้ นอตุ สาหกรรม พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จึงไดท้ รงริเรมิ ดำเนินงานในโครงการสว่ นพระองค์สวนจติ รลดา ซง่ึ มที งั้ โรงโคนมสวนจติ รลดา โรงนมผงสวนดสุ ิต โรงเนยแข็งสวนจติ รลดา ซึง่ โครงการเหล่าน้ีได้ทำหน้าทใี่ นฐานะโครงการทดลอง โครงการตวั อยา่ งและโครงการ ซ ึง่ ไ ม ่ห วังผลตอบแทน นบั วา่ มีบทบาทอนั สำคัญย่งิ ในเชิงวิจยั และพฒั นาประเทศเปน็ อย่างมาก ในขณะที่ประเทศชาติประสบภาวะวกิ ฤตทางเศรษฐกิจเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริในเรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจแบบพอเพียง ซึ่งแนวพระราชดำริดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงความ พอเพียงตอ่ การครองชพี ความพอประมาณ ซอ่ื ตรง ไมโ่ ลภมาก และไม่เบียดเบียนผอู้ นื่ ทฤษฎเี ศรษฐกิจแบบ พอเพียงเป็นปรัชญาท่ีมีแนวทางการดำรงชีพและการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดบั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศใหด้ ำเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นา คดั ลอกจากสูจิบตั ร พธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ครงั้ ที่ ๓๔ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๒๕๔๓)
พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปิ่นสยาม ๑๖๓ เศรษฐกิจเพื่อใหก้ า้ วทนั ตอ่ ยคุ โลกาภวิ ัตน์ นอกจากนค้ี วามพอเพียงยังหมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล และจะตอ้ งมรี ะบบภูมคิ ุ้มกันในตวั ท่ีดพี อสมควรตอ่ การมีผลกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปลยี่ นแปลงทง้ั ภายนอก และภายใน รวมถึงความมคี ุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ดำเนินชวี ิตดว้ ยความพากเพียร อดทน มสี ติ ปัญญา และ ความรอบคอบ เพอ่ื ใหพ้ รอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทง้ั ดา้ นวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม แ ล ะ ว ฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอย่างด ี จากพระปญั ญาอนั ลำ้ เลศิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ประกอบกบั การทท่ี รงสนพระราชหฤทยั ในการ บำบดั ทกุ ขบ็ ำรงุ สขุ แกอ่ าณาประชาราษฎรเ์ ปน็ ทยี่ งิ่ แมว้ า่ การปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ เพอ่ื พระราชทานความชว่ ยเหลอื ราษฎรน้ันจะทรงยากลำบากเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยพระปรีชาและพระอัจฉริยภาพอันเป็นเลิศที่เพียบพร้อมด้วย พ ร ะ ร า ชวิริยะอุตสาหะ ทำให้ทรงฝ่าฟันอุปสรรค ปฏิบัติพระราชกรณียกิจท้ังปวงสำเร็จลุล่วงไปได้ เนื่องในมหามงคลสมัยท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา และ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทรงนำความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ จนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน อันแสดงให้ประจักษ์ ถึงความเป็นเลิศแห่งพระปรีชาสามารถ สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ขอพระราชทานทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายปริญญาเศรษฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพ่ือเป็นการ เฉลมิ พระเกยี รตแิ ละเป็นสิริมงคลอยา่ งยงิ่ แก่มหาวิทยาลยั เชียงใหม่สืบไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
๑๖๔ พระบารมีองค์ภมู นิ ทร์ ป่นิ สยาม คำประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาบรหิ ารธรุ กจิ ดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงรอบรูใ้ นศาสตรต์ ่าง ๆ อย่างกวา้ งขวาง และทรงนำศาสตร์ต่าง ๆ นัน้ มา ปรบั ใชใ้ นการดำเนนิ โครงการพฒั นาประเทศไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ไดท้ รงใชห้ ลกั วชิ าการบรหิ ารธรุ กจิ สาขาต่าง ๆ เช่น ในดา้ นการจดั องค์กร การจดั การ การตลาด การเงิน สอดแทรกไว้ในทุกโครงการอนั เนอื่ งมาจาก พระราชดำริ เปน็ ผลให้โครงการตา่ ง ๆ ประสบความสำเรจ็ ด้วยดี ท้งั ในเชิงกายภาพและเชงิ พาณชิ ย์ สอดคล้องกับ เจตนารมณ์ มคี วามมน่ั คงยง่ั ยนื และสามารถขยายกจิ การออกไปไดอ้ ยา่ งสมั ฤทธผิ ล และกอ่ ใหเ้ กดิ ความอยดู่ กี นิ ดี แ ก ่พสกนกิ รเป็นสำคญั ความรอบรู้ในหลักวชิ าการบรหิ ารธุรกจิ ดงั กลา่ ว กลา่ วโดยสังเขปได้ดงั นี้ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานแนวพระราชดำรใิ นการพฒั นา จนบงั เกดิ เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ ซึ่งประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาท่ีเกิดข้ึนกับประชาชนและประเทศชาติ โดยทรงวางแนวทางในการดำเนินงานดังนี้คือ ทรงวางแผนโครงการอย่างเป็นข้ันเป็นตอน โดยเร่ิมจากทรงศึกษา ขอ้ มูลอยา่ งละเอยี ดทกุ ครัง้ หาข้อมูลในพน้ื ที่ศึกษาขอ้ มูลและจดั ทำขอ้ มลู ดำเนนิ งานตามโครงการ และติดตาม ป ร ะเมนิ ผล นอกจากน้ี ยงั ทรงใชห้ ลกั วธิ กี ารบรหิ ารจดั การโครงการอยา่ งเปน็ ระบบ เพอื่ ใหก้ ารดำเนนิ งานประสบความ สำเรจ็ ทรงใหเ้ จา้ หนา้ ทท่ี ด่ี ำเนนิ โครงการ รวมทง้ั ประชาชนทอ่ี ยใู่ นพน้ื ทโี่ ครงการเขา้ มามสี ว่ นรว่ มดว้ ยในเรอื่ งสำคญั ๆ เชน่ ทรงนำวชิ าการทกุ แขนงมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการพฒั นาโครงการ คน้ ควา้ ทดลองวจิ ยั เนน้ สรา้ งความเขม้ แขง็ ให้ชมุ ชน และเสริมสรา้ งความรู้ในการพัฒนาแกร่ าษฎรและแกเ่ จา้ หน้าที่ ทง้ั นเ้ี พอื่ ให้ผ้เู ข้าร่วมโครงการมีวสิ ัยทัศน์ อันยาวไกล ทำงานด้วยความซื่อสัตย์และด้วยความสุข ความสนุกและความฉลาด ฉับไว รู้รักสามัคคี ถือการ ป ร ะสานงานเปน็ เรอื่ งสำคญั และยดึ หลกั ผลประโยชนข์ องประชาชน และการได้รับการยอมรับ ดา้ นการตลาด การตลาดเปน็ แขนงวชิ าการบรหิ ารธรุ กจิ ทท่ี รงพระปรชี าสามารถเปน็ อยา่ งยงิ่ ทรงตระหนกั วา่ การตลาดเปน็ กจิ กรรมทส่ี ำคญั ทส่ี ดุ กจิ กรรมหนง่ึ ของโครงการพฒั นาการเกษตร จงึ ไดพ้ ระราชทานแนวคดิ เกยี่ วกบั หลกั การจดั การการตลาดของผลผลติ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของโครงการ เชน่ สว่ นทเี่ ปน็ แบบกง่ึ ธรุ กจิ ของโครงการ สว่ นพระองคส์ วนจิตรลดา ทรงให้ใช้กลยทุ ธ์การต้ังราคาผลิตภณั ฑ์ท่ียอ่ มเยา เพ่ือจูงใจประชาชนใหห้ ันมาบริโภค สนิ คา้ ไทยคณุ ภาพดี ไดท้ รงแนะนำให้ใชก้ ารเพ่มิ ชนิดผลติ ภัณฑใ์ ห้หลากหลายจากวตั ถดุ บิ เดียวกัน เชน่ การผลิต นมผง นมเม็ด และเนยแข็ง ออกจำหน่ายควบคู่กับนมสดในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และการต้ังช่ือ ผลติ ภณั ฑท์ ่จี งู ใจก็เปน็ อีกกลยทุ ธ์หน่งึ ดว้ ย เช่น การใช้ช่ือ “ดอยคำ” สำหรับผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวง เป็นต้น กลยทุ ธด์ งั กลา่ วจะชว่ ยขยายการใชป้ ระโยชนแ์ ละเพมิ่ มลู คา่ ของผลติ ผล รวมทง้ั เพม่ิ ทางเลอื ก และสรา้ งการยอมรบั ผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ สำหรับสหกรณ์การเกษตรมีพระราชดำริให้ดำเนินการทั้งซ้ือปัจจัยการผลิต แ ล ะขายผลติ ผล โดยใชว้ ิธซี ื้อขายในรปู กลมุ่ คดั ลอกจาก คำประกาศราชสดดุ เี ฉลมิ พระเกียรตคิ ุณพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ในโอกาสท่มี หาวทิ ยาลัยเชียงใหมท่ ูลเกลา้ ทูลกระหมอ่ มถวายปรญิ ญาดษุ ฎีบณั ฑติ กติ ตมิ ศักด์ิ พ.ศ. ๒๕๔๙. ๑ เลม่ .
พระบารมอี งคภ์ ูมินทร์ ปิ่นสยาม ๑๖๕ ดา้ นการเงนิ ทรงเล็งเห็นความจำเป็นของเงินทุนในการประกอบธุรกจิ จงึ ไดพ้ ระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ประเดิมแก่หลายโครงการท่ีขาดแคลนเงินทุน พร้อมกับทรงแนะนำวิธีท่ีเหมาะสมในการจัดหาและ ระดมเงนิ ทนุ ใหพ้ อเพยี งแกก่ ารดำเนนิ โครงการอกี ดว้ ย สำหรบั สหกรณก์ ารเกษตรนน้ั ไดท้ รงแนะนำใหด้ ำเนนิ ธรุ กรรม ร บั ฝากเงนิ และบริการสนิ เช่อื แก่สมาชิกด้วย การจดั องคก์ ร การจดั องคก์ รเปน็ อกี แขนงหนง่ึ ของวชิ าการบรหิ ารธรุ กจิ ทม่ี คี วามสำคญั ยงิ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดำริให้ผปู้ ลกู ผักและผลไมใ้ นโครงการจัดพฒั นาที่ดินฯ หบุ กะพง อำเภอ ชะอำ จงั หวดั เพชรบรุ ี กบั ผเู้ ลยี้ งโคนมสหกรณโ์ คนมหนองโพ อำเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบรุ ี จดั องคก์ รในรปู แบบ ทเ่ี หมาะกบั สถานภาพของกลมุ่ เสยี กอ่ น และเมอ่ื พฒั นาความพรอ้ มไดแ้ ลว้ จงึ จดั ตงั้ เปน็ สหกรณก์ ารเกษตรในโอกาส ต อ่ ไป อนึ่ง ได้ทรงนำหลักการของธนาคารพาณิชย์มาประยุกต์ใช้กับพืชผลและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เชน่ โปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มให้จดั ตั้งธนาคารขา้ ว เพอ่ื จดั การธรุ กิจกยู้ ืมข้าวใหร้ าษฎรท่ีตอ้ งการขา้ วไปใชบ้ ริโภค และทำพันธ์ุในยามจำเปน็ รวมท้ังดูแลการรับชำระหน้ี คิดดอกเบีย้ และรักษาขา้ วหมุนเวยี นไว้เพ่ือให้มยี ืมอยา่ ง ต่อเน่ือง จัดตั้งธนาคารโค-กระบือ เพื่อให้เกษตรกรยืมไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร และเพิ่มปริมาณโค-กระบือ ธนาคารเหลา่ นี้ มผี ลการดำเนนิ งานในเชิงธรุ กจิ ทป่ี ระสบผลสำเรจ็ อย่างมาก เพราะบังเกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ รงิ แก่สมาชิกธนาคารข้าวที่มีข้าวไม่พอกิน สามารถบรรเทาความเดือดร้อนจากการอดอยาก ขาดแคลน โดยการ กยู้ มื ข้าวไปบริโภคได้ตลอดเวลาท่ีมคี วามจำเป็นโดยเสยี ดอกเบีย้ ต่ำ กรณีธนาคารโค-กระบอื ทำให้เกษตรกรที่มี ฐานะยากจนมที ท่ี ำกนิ ขนาดเลก็ จำเปน็ ตอ้ งใชแ้ รงงานจากโค-กระบอื แตไ่ มม่ โี ค-กระบอื ของตนเอง ไดม้ โี ค-กระบอื ใ ช ใ้ นการ เพาะปลกู โดยไมต่ อ้ งเสยี ค่าใช้จ่ายสงู อนั เป็นการบรรเทาความเดอื ดรอ้ นทต่ี รงจดุ ทางหน่ึง ด้วยพระปรชี าสามารถในการทรงนำแนวคิดและหลักวิชาการดา้ นการบรหิ ารธุรกิจท่ีเหมาะสมและ ทันสมัยมาปรับใช้ตามสภาวะของโครงการดังกล่าว เป็นผลให้โครงการพัฒนาการเกษตรอันเนื่องมาจาก พระราชดำรทิ งั้ หลายประสบความสำเร็จไดต้ ามความคาดหมาย และเป็นทแี่ น่ใจได้วา่ กจิ กรรมการพัฒนา ต่าง ๆ ของโครงการเหล่านี้จะยั่งยืนตลอดไป ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สภามหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ในคราวประชมุ ครั้งท่ี ๙/๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จงึ มีมติเป็นเอกฉันท์ ขอ พระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เพ่อื เปน็ การเฉลิมพระเกยี รติคณุ ใหเ้ ป็นท่ปี ระจกั ษโ์ ดยทัว่ กัน และเพื่อ เป็นสิริมงคลและเกียรติอนั สงู ส่งแก่มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่และวงวชิ าการสาขาบรหิ ารธรุ กิจสบื ไป
๑๖๖ พระบารมีองค์ภูมนิ ทร์ ปน่ิ สยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาบญั ชดี ษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมบี ทบาทสำคญั ยง่ิ ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การยกระดบั และการปรบั ปรงุ คณุ ภาพชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนใหด้ ขี น้ึ ทง้ั นเี้ นอ่ื งดว้ ยทรงเขา้ พระราชหฤทยั ถงึ สภาพชวี ติ ความเปน็ อยแู่ ละปญั หาความเดอื ดรอ้ นของราษฎรทอ่ี าศยั อยใู่ นภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของประเทศทง้ั ในชมุ ชน เมอื ง ชนบท และแมแ้ ตช่ าวไทยภเู ขา โดยเฉพาะทหี่ า่ งไกลและทรุ กนั ดาร ไดท้ รงใชส้ รรพวทิ ยาการตา่ ง ๆ เพอื่ พฒั นา คณุ ภาพชวี ติ ราษฎรเหลา่ นน้ั ใหด้ ำรงอยใู่ นสถานะทดี่ ขี น้ึ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดว้ ยพระราชดำรทิ เ่ี กดิ จากพระปรชี าญาณ กอปรกับพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยราษฎร ได้ส่งผลให้เกิดโครงการและแผนงานต่าง ๆ ข้ึน ได้แก่ โครงการใน พ ร ะบรมราชานุเคราะห์ โครงการหลวง โครงการตามพระราชดำริ และโครงการตามพระราชประสงค ์ ในคราวท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการ ศึกษาของมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ เมอ่ื วันที่ ๒๔ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๕๓๕ ไดม้ พี ระราชดำรสั กับศาสตราจารย์ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ขณะดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เก่ียวกับการยกระดับและการ ปรับปรุงคณุ ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นท่ปี ฏิบตั ิงานโครงการหลวง ให้รู้จกั การ วางแผนการใช้เงิน และการทำบัญชีค่าใช้จ่ายในครอบครัวอย่างง่าย ๆ โดยให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดวิทยากร ดำเนินการอบรมชาวไทยภูเขาและเกษตรกรในพ้ืนที่ให้รู้ถึงประโยชน์ของการทำบัญชี รู้การทำบันทึกบัญชี รายรบั -รายจา่ ย รเู้ ทคนคิ ในการลงบญั ชี ท้งั นี้เพื่อให้ทราบรายรับผลผลติ และรายจา่ ยในการผลิต ซงึ่ จะสามารถ นำไปวางแผนในการเพาะปลกู ปตี อ่ ไป นอกจากน้ี ยงั จะไดท้ ราบถงึ รายไดจ้ ากการประกอบอาชพี ขายผลผลติ และ รายจา่ ยในการลงทนุ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการตดั สนิ ใจวา่ จะลงทนุ เพาะปลกู อะไรเพม่ิ ขนึ้ หรอื ลดลง จากพระราชดำรสั ดงั กลา่ ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไดน้ ้อมรบั ใส่เกล้าใสก่ ระหมอ่ ม เพื่อจดั ทำเปน็ โครงการให้ความรู้ด้านบัญชี และ การวางแผนการใชจ้ า่ ยของครอบครวั ชาวไทยภเู ขา และเกษตรกรในพน้ื ทปี่ ฏบิ ตั งิ านของโครงการหลวงขนึ้ โดยไดร้ บั ความรว่ มมอื จากหลายฝา่ ย เชน่ งานพฒั นาการศกึ ษาและสงั คม ฝา่ ยพฒั นามลู นธิ โิ ครงการหลวง จงั หวดั เชยี งใหม่ คณะวทิ ยากรจากกองคลงั สำนกั งานอธิการบดี มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ได้รับการสนับสนนุ คา่ ใช้จ่ายจากมูลนิธิ ศภุ นมิ ติ แหง่ ประเทศไทยและกลมุ่ ประชาอาสา โครงการดงั กลา่ วไดฝ้ กึ อบรมใหค้ วามรดู้ า้ นการบญั ชี และการวางแผน ใช้จ่ายในครอบครัวในหลาย ๆ อำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น อำเภอหางดง อำเภอพร้าว อำเภอเชียงดาว อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แตง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่ริม อำเภอฝาง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอแม่อาย อำเภอสันกำแพง และก่ิงอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอำเภอ เชยี งแสน จังหวดั เชยี งราย โดยมีการฝึกอบรมให้ความรู้ไปท้งั สิ้น จำนวน ๒๗ ศูนย์ ๒๗ รุ่น มีผ้เู ขา้ รบั การอบรม จำนวน ๑,๒๑๘ คน เร่มิ การอบรมร่นุ แรกเมื่อวนั ท่ี ๒๘ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕ และรุ่นสดุ ท้ายเม่อื วันท่ี ๑๗ ธันวาคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๗ ปัจจุบัน สำนักงานเกษตรภาคเหนือไดร้ บั ไปดำเนินการอยา่ งต่อเน่ืองและไดร้ บั ผลเปน็ ทนี่ า่ พอใจอย่างย่งิ กล่าวคือ ผเู้ ข้ารบั การอบรมได้นำคณุ ความรูด้ ังกล่าวไปใช้ในการดำรงชพี และทำใหก้ าร ด ำ รงชพี เปน็ ไปอย่างมรี ะบบและหลักเกณฑ์ มคี วามม่ันคงทางดา้ นเศรษฐกจิ ขึ้นเปน็ ลำดับ
พระบารมีองคภ์ ูมนิ ทร์ ปิ่นสยาม ๑๖๗ พระปรีชาสามารถและพระราชกรณียกิจทางด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนท่ีได้ ทรงบำเพญ็ อยา่ งต่อเนอ่ื ง นับไดว้ ่าก่อใหเ้ กิดประโยชน์สขุ แกอ่ าณาประชาราษฎรท์ ้ังมวล จนเป็นที่ปรากฏ เดน่ ชดั อยา่ งกวา้ งขวาง ดว้ ยความสำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ดงั กลา่ ว สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมใ่ นคราว ประชุมครง้ั ท่ี ๙/๒๕๔๘ เมอ่ื วนั ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จงึ มมี ติเปน็ เอกฉันท์ ขอพระราชทานทลู เกล้า ทลู กระหมอ่ มถวายปรญิ ญาบญั ชดี ษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแ์ิ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เพอ่ื เป็นการเฉลิมพระเกียรติคณุ ใหเ้ ป็นทีป่ ระจักษโ์ ดยทวั่ กนั และเพือ่ เปน็ สิริมงคลและเกยี รติอนั สูงส่งแก่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่และวงวชิ าการสาขาบัญชสี บื ไป
๑๖๘ พระบารมอี งคภ์ ูมนิ ทร์ ป่นิ สยาม คำประกาศราชสดุดเี ฉลมิ พระเกียรติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญานติ ศิ าสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พสกนิกร และความเจรญิ รงุ่ เรอื งเปน็ ปกึ แผน่ แกป่ ระเทศชาตเิ ปน็ ระยะเวลาอนั ยาวนาน ตง้ั แตพ่ ทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ จนถงึ ปจั จบุ นั ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม และดำรงพระองค์ในฐานะท่ีทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทยอยา่ งไมบ่ กพรอ่ ง ทรงพระเมตตาอนกุ ลู พสกนกิ รในรฐั สมี าอาณาจกั รดว้ ยความยตุ ธิ รรม เทย่ี งตรง โดยเสมอหนา้ ทรงพระมหากรณุ าพระราชทานแนวพระราชดำรปิ รชั ญาทางกฎหมายทเี่ หมาะสมแกส่ งั คมไทย เพอื่ ใหน้ กั กฎหมายไดศ้ กึ ษาตรกึ ตรองใครค่ รวญในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ทรงพระปรชี าเชยี่ วชาญในทางนติ ศิ าสตรอ์ ยา่ งลกึ ซงึ้ พ ร ะเกยี รตคิ ุณเปน็ ท่ชี ่ืนชมโสมนสั ท่วั ไป ท้งั ในหมูช่ าวไทยและชาวต่างประเทศ พระปรชี าสามารถทางด้านทฤษฎีกฎหมายของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวนัน้ ลว้ นเป็นทป่ี ระจกั ษ์แจง้ แก่บรรดานกั นิตศิ าสตร์ทั้งมวล โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในสาขาสังคมวิทยากฎหมาย พระราชดำรสั ทเ่ี ก่ียวกับบทบาท ของกฎหมายทไ่ี ด้พระราชทานทกุ ครั้ง แสดงใหเ้ ห็นอย่างชดั เจนวา่ มไิ ด้ทรงศกึ ษากฎหมายแบบแยกส่วน หากแต่ ทรงศกึ ษาพเิ คราะหก์ ฎหมายอยา่ งเปน็ องคร์ วม กลา่ วคอื ทรงพจิ ารณากฎหมายในฐานะทเ่ี ปน็ ปรากฏการณอ์ ยา่ งหนงึ่ ในสังคม มิได้ทรงมองกฎหมายในลักษณะท่ีเป็นเอกเทศหรือแปลกแยกจากสังคม ทรงเห็นว่ากฎหมายนั้นเป็น ปจั จยั หรอื เครอื่ งมอื ในการสรา้ งความเปน็ ธรรมในสงั คม และภารกจิ ดงั กลา่ วของกฎหมายจะสมั ฤทธผิ์ ลได้ กต็ อ่ เมอื่ กฎหมายน้ันสอดคล้องกับสภาพท่ีเป็นจริงของสังคม ดังน้ัน จึงได้พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยว่า นอกจาก จะตอ้ งมีการปรบั ปรุงแก้ไขกฎหมายอยู่เสมอ เพ่ือมิใหล้ ้าสมยั แล้ว การจดั ทำกฎหมายใหม่ ๆ กจ็ ะตอ้ งศกึ ษาวจิ ยั ถ ึง สภาพทแ่ี ท้จริงของสงั คมไทยดว้ ย นอกจากน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงเปน็ นกั เนตธิ รรมอกี ดว้ ย กลา่ วคอื ไมเ่ พยี งแตจ่ ะทรงเปน็ แบบอยา่ งของผเู้ คารพกฎหมายเทา่ นน้ั แตย่ งั ทรงชน้ี ำแนวทางการใชก้ ฎหมายทถี่ กู ตอ้ งชอบธรรมแกน่ กั กฎหมายไทย อกี ดว้ ย ทรงชใี้ หเ้ หน็ วา่ ในการอำนวยความยตุ ธิ รรมนนั้ ตวั บทกฎหมายหาใชเ่ ปน็ ปจั จยั สำคญั เพยี งประการเดยี วไม่ ห า กจะตอ้ งอาศยั ผใู้ ชก้ ฎหมายทมี่ คี ณุ ธรรมและมคี วามสามารถดว้ ย นกั กฎหมายจะตอ้ งมจี ติ สำนกึ รบั ผดิ ชอบในหนา้ ท่ี อกี ทงั้ มคี วามกลา้ หาญในวชิ าชพี ของตน ยดึ มนั่ ในมโนธรรม และความซอื่ สัตย์สจุ ริตไว้เสมอดว้ ยชวี ิต ปฏบิ ัตหิ น้าท่ดี ว้ ยความสขุ ุมรอบคอบ กอปรด้วยอุเบกขา ปราศจากอคติ ๔ คือ ฉันทาคติ โมหาคติ โทสาคติ และภยาคติ จึงจะรกั ษาความเป็นกลางไวไ้ ด้ ประการสำคัญ นกั กฎหมาย จะต้องมีวิสยั ทัศนท์ ่ีจะมองสังคมภายนอกตามความเป็นจริง โดยจะตอ้ งมคี วามรอบรใู้ นวทิ ยาการดา้ นอนื่ ๆ ด้วย ม ใิ ชเ่ ชยี่ วชาญแตเ่ พยี งหลกั กฎหมายทางตำราเท่านัน้ นอกจากน้ี ยังไดพ้ ระราชทานขอ้ สงั เกตเก่ยี วกับการใช้และการตคี วามกฎหมายท่สี ำคญั ยิ่ง คือ ประการแรก ในการใชแ้ ละการตคี วามกฎหมายนนั้ นกั กฎหมายจะตอ้ งรกั ษาเจตนารมณ์ หรอื วตั ถปุ ระสงค์ ข อ งกฎหมายแต่ละฉบบั ไว้อย่างเครง่ ครดั
พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปนิ่ สยาม ๑๖๙ ประการทส่ี อง นกั กฎหมายหรอื ผมู้ อี ำนาจตามกฎหมายจะตอ้ งใชก้ ฎหมายอยา่ งอะลมุ่ อลว่ ย มเี มตตาธรรม มิใช่ใช้เพอื่ เอาเปรียบหรือกดขีผ่ อู้ ืน่ ซึ่งนับเปน็ พระราชดำริทีส่ อดคลอ้ งกบั ภาวการณ์ของสงั คมไทยในปจั จุบันเป็น อ ย า่ งยงิ่ จากพระปรีชาสามารถด้านนิติศาสตร์อันสูงส่ง ประกอบกับการที่ทรงสนพระราชหฤทัยในสภาพปัญหา ความทุกข์ยากของพสกนกิ ร พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั จึงมพี ระบรมราชวินิจฉัยไดอ้ ยา่ งถูกต้องแมน่ ยำ ทงั้ ยัง มีแนวพระราชดำริทางกฎหมายเฉพาะพระองค์ อันเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาสังคมได้อย่างแท้จริง จนเป็น ท่ีประจักษ์และเป็นที่ชื่นชมอย่างกว้างขวางจากวงการนักกฎหมายไทยว่า ทรงเป็นปราชญ์ทางกฎหมายท่ีมีแนว พ ร ะราชดำรสิ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ พระราชจริยาวตั รอัธยาศัยที่เป่ียมดว้ ยความยตุ ิธรรมอยา่ งบรสิ ทุ ธิโ์ ดยแท ้ ในดา้ นของจรยิ ศาสตร์ทางกฎหมายน้นั ทรงช้วี ่า การตรากฎหมายก็ดี การใช้และการตคี วามกฎหมายก็ดี ก า รพพิ ากษาอรรถคดีกด็ ี ตลอดจนการบังคบั ใช้กฎหมายก็ดี ตอ้ งกระทำดว้ ยความบริสทุ ธ์ยิ ตุ ธิ รรม แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี ไดท้ รงยำ้ วา่ กฎหมายกับความยตุ ธิ รรมนัน้ มใิ ชส่ ่ิงเดยี วกนั กฎหมายมีสถานะเป็นเพียง เครื่องมือที่ใช้อำนวยความยุติธรรมให้บังเกิดแก่คู่กรณีหรือแก่สังคมเท่าน้ัน ความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่ที่จิตสำนึก ของผใู้ ชก้ ฎหมายวา่ จะใชก้ ฎหมายใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมไดเ้ พยี งใด นกั กฎหมายควรเปดิ ใจรบั ความจรงิ และพจิ ารณา ข้อเทจ็ จริงต่าง ๆ ด้วยใจเปน็ ธรรม และใช้กฎหมายเปน็ เครอื่ งมือในการสรา้ งความยุติธรรมใหเ้ กิดขนึ้ อย่างแทจ้ ริง นกั กฎหมายไมค่ วรฝนื ทจ่ี ะใชก้ ฎหมายใดทขี่ ดั กบั ความยตุ ธิ รรม ดว้ ยเหตผุ ลเพยี งวา่ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม เพราะกฎหมาย คือกฎหมาย หรอื อีกนัยหน่ึงนักกฎหมายไมค่ วรจะถอื วา่ กฎหมายมคี วามสำคัญยง่ิ กว่าความยุตธิ รรม จนไม่ใส่ใจ ต ่อ ความเป็นธรรม ซึ่งมีอยู่ในใจของวญิ ญชู น หรอื ทีเ่ รียกวา่ ความยุตธิ รรมตามธรรมชาตินนั่ เอง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการประสานทฤษฎกี ฎหมายกบั การใชก้ ฎหมาย ในทางปฏบิ ัตอิ ยา่ งดียิง่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสว่ นที่เกยี่ วกบั การบงั คบั ใช้หลักกฎหมายทว่ั ไปที่ว่าด้วย “ความไมร่ ู้ กฎหมายไม่เป็นขอ้ แก้ตวั ” นน้ั ทรงชวี้ า่ แม้หลกั กฎหมายดงั กล่าวจะเป็นหลักการท่เี ปน็ สากล ซ่ึงเรารบั มาเป็นหลัก ปฏิบัติในการปกครองบ้านเมือง แต่ก็ควรคำนึงว่า การท่ีราษฎรจะรู้กฎหมายในทุก ๆ เรื่อง เป็นเร่ืองยาก เพราะ กฎหมายในบ้านเมืองนั้นมีเป็นจำนวนมากประการหนึ่ง ส่วนอีกประการหน่ึงน้ัน นอกจากราษฎรจะมีข้อจำกัด ใ น การแสวงหาตัวบทกฎหมายมาศึกษาแล้ว ยังมีความยากลำบากในการอ่านและทำความเข้าใจกฎหมายอีกด้วย ดงั นัน้ จงึ ไดท้ รงเสนอแนะใหม้ กี ารเผยแพรก่ ฎหมายใหแ้ ก่ผู้ท่ีด้อยโอกาสในสงั คม และแก่ผทู้ อ่ี ย่ใู นชนบท อันห่างไกล เพราะถ้าราษฎรมีความรู้เร่ืองกฎหมายพอเพียง ก็จะทำให้การปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บ ้า นเมอื งอยู่เยน็ เปน็ สุข โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระธรรมราชาธิราชท่ีเป่ียมด้วยพระปรีชารอบรู้ ในทางนติ ิศาสตรอ์ ย่างกวา้ งขวางลึกซ้งึ ท้งั ทรงปฏบิ ตั ิพระราชกรณยี กิจทางด้านกฎหมายเป็นคณุ ประโยชน์ แกป่ ระเทศชาตแิ ละผปู้ ระกอบวชิ าชพี นม้ี าโดยตลอด ดว้ ยความสำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ สภามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ในคราวประชุมคร้ังที่ ๙/๒๕๔๘ เม่ือวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช เพือ่ เปน็ การเฉลมิ พระเกยี รตคิ ุณใหเ้ ปน็ ทปี่ ระจักษโ์ ดยท่วั กัน และเพอื่ เปน็ สิรมิ งคลและเกียรติอันสูงสง่ แกม่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่และวงวชิ าการสาขานติ ิศาสตร์สบื ไป
๑๗๐ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม คำประกาศราชสดดุ ีเฉลิมพระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญารฐั ประศาสนศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระปรชี าสามารถในทางรฐั ประศาสนศาสตร์ การบรหิ ารและการปกครอง บา้ นเมอื ง ทรงเปน็ พระบรมธรรมกิ ราชผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ตอ่ อาณาประชาราษฎรเ์ ปน็ ทยี่ งิ่ ทรงปกครองประเทศ ตามที่ได้มีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการตลอดมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการบริหารประเทศ ท้ังทางด้าน จารีตประเพณีและทางการเมืองการปกครอง ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกร และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ ป ร ะ เทศชาติอย่างอเนกอนันต์ พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแผ่ไพศาลปกเกล้าปกกระหม่อมพสกนิกรทุกหมู่เหล่าให้มี ความอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ตลอดทวั่ ทง้ั พระราชอาณาเขต กด็ ว้ ยเหตทุ ที่ รงบำเพญ็ พระราชกรณยี กจิ ในฐานะ “พระธรรมราชา” ไดโ้ ดยสมบูรณ์ ทรงรบั ไตรสรณคมน์ มีพระราชศรัทธาปสาทะในพระพทุ ธธรรมเปน็ อยา่ งยงิ่ และทรงดำรงอยู่ใน ทศพธิ ราชธรรม จกั รวรรดวิ ตั ร และสงั คหวตั ถุ อนั เปน็ หลกั จรยิ ธรรมในการปกครองใหเ้ กดิ ผลดแี กอ่ าณาประชาราษฎร์ ป ร า กฏเปน็ รูปธรรมอยา่ งชดั เจน ในฐานะพระประมขุ ของรฐั ทรงเปน็ สญั ลักษณ์ของชาติ และเปน็ ศนู ย์รวมจติ ใจของพสกนกิ รทุกเชอื้ ชาติ ศาสนา ทรงปฏิบตั ิพระราชกรณยี กจิ ดว้ ยพระราชจริยวตั รอนั งดงาม ดังจะเห็นไดจ้ ากพระราชดำริดา้ นการบริหาร ประเทศ พระบรมราชวนิ จิ ฉยั ในการแกไ้ ขวกิ ฤตการณท์ างการเมอื ง พระราชกรณยี กจิ และพระราชดำรดิ า้ นนโยบาย สาธารณะ และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อันถือได้ว่าเป็นหัวใจของหลักทางรัฐศาสตร์ในการดำเนิน รฐั ประศาสโนบาย ทรงเปน็ ทยี่ อมรบั และเคารพสกั การะสงู สดุ ของปวงชนชาวไทย ทรงวางพระองคอ์ ยา่ งเหมาะสม และเขา้ กบั สภาพการณท์ างการเมอื งทผ่ี นั แปร และเปลย่ี นแปลงตามกาลเวลาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทกุ ครงั้ ทเ่ี กดิ วกิ ฤตการณ์ ทางการเมอื ง กท็ รงหาขอ้ ยตุ ทิ พ่ี งึ ประสงคแ์ กท่ กุ ฝา่ ยไดด้ ว้ ยดี ดว้ ยเดชะบารมี พระขนั ตธิ รรม และพระมหากรณุ าธคิ ณุ ยังผลให้ประเทศชาติสามารถผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและทางสังคมมาได้โดยสันติ และปราศจาก ค ว า มรุนแรง ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัดคือ เมื่อคราวเกิดเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ ซ่ึง ศนู ยก์ ลางนสิ ติ นกั ศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย ไดเ้ ปน็ ผนู้ ำประชาชนดำเนนิ การเพอื่ เรยี กรอ้ งใหร้ ฐั บาลประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู จนเกดิ การจลาจล โดยฝ่ายรัฐบาลได้นำทหารเข้าปราบปรามจลาจล มีผคู้ นบาดเจ็บลม้ ตายจำนวนมาก และกำลงั ขยายเปน็ เหตใุ หญอ่ ันอาจนำไปส่คู วามหายนะแกป่ ระเทศชาตโิ ดยสว่ นรวม ด้วยพระเมตตาปรานี พระปรีชาญาณ และทรงหว่ งใยประชาชน ก็ได้ทรงแก้ไขสถานการณ์ใหย้ ุติลงโดยเรว็ โดยพระราชทานพระราชดำรสั ผ่านทางวิทยุ และโทรทศั น์ เตอื นสตใิ หป้ ระชาชนชาวไทยตง้ั อยใู่ นขนั ตธิ รรมและสามคั คธี รรม ซงึ่ ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าต อ ัญ เชิญมา ความตอนหนึ่งวา่ “... ขอให้ทุกฝ่ายทุกคน จงระงับเหตุแห่งความรุนแรง ด้วยการตั้งสติยับย้ัง เพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่ สภาพปรกติโดยเร็ว ...”
พระบารมอี งค์ภมู ินทร์ ป่นิ สยาม ๑๗๑ และทรงขอฝา่ ยรฐั บาลไมใ่ หท้ ำรา้ ยประชาชน ดงั ความวา่ “... ขอใหท้ างฝา่ ยรฐั บาลอยา่ ไดท้ ำรา้ ยแกน่ กั เรยี น นสิ ิต นักศึกษา ประชาชนเป็นอันขาด ไม่ว่าเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั บาลจะถกู ยัว่ โทสะอย่างไร และถึงแม้จะมีการทำร้าย ตำรวจ ทหารก่อนด้วยมีด ไม้ หรือแม้แต่ระเบิดขวด ก็ขออย่าได้ทำร้ายตอบ ...” ซึ่งปรากฏว่าทั้งฝ่ายประชาชน ชาวไทยและเจ้าหน้าท่ีฝ่ายบ้านเมืองต่างน้อมรับปฏิบัติตามพระราชดำรัสโดยพร้อมเพรียงกัน จึงทำให้เหตุการณ์ ก ล บั คืนสู่ภาวะปรกตไิ ดใ้ นเวลาอันรวดเร็ว เหตุการณ์ทำนองเดียวกันได้เกิดข้ึนอีก เมื่อวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๕ ที่เรียกกันว่า “พฤษภาทมิฬ” อันเป็นการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยกับกองกำลังฝ่ายทหาร พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหผ้ นู้ ำทงั้ สองฝา่ ยเขา้ เฝา้ ฯ พรอ้ มกนั โดยโปรดเกลา้ โปรด กระหม่อมให้มีการเผยแพร่ภาพผ่านทางโทรทัศน์ วาระนี้ได้มีพระราชดำรัสให้สติให้เหตุผล ความตอนหนึ่งว่า “... สู้กันไปกม็ แี ตแ่ พท้ งั้ สองฝา่ ย จะมีประโยชน์อะไรกับชัยชนะบนกองซากปรกั หกั พังของบ้านเมอื ง ขอใหท้ ้ังสอง ฝา่ ยหนั หนา้ เขา้ หากนั รว่ มมอื กนั แกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหย้ ตุ โิ ดยเรว็ ...” แลว้ เหตกุ ารณก์ ก็ ลบั คนื สภู่ าวะปรกตอิ ยา่ งฉบั ไว พ ร ะ เกยี รตคิ ณุ และพระปรชี าสามารถในการปกครองและบรหิ ารบา้ นเมอื ง เป็นทป่ี ระจักษแ์ ก่นานาอารยประเทศ สว่ นพระราชกรณยี กจิ ดา้ นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ เยอื นประเทศต่าง ๆ ในทวีปยโุ รป อเมริกา และเอเชยี เพอ่ื เจรญิ และกระชับสมั พันธไมตรีกับต่างประเทศ รวมทั้ง ทรงเชิญประมุขของต่างประเทศมาเยือนประเทศไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะส่วนพระองค์ ในบางกรณีก็ได้ พระราชทานความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพิเศษด้วย เป็นผลให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากย่ิงข้ึน ทง้ั เปน็ การเผยแพรช่ อื่ เสยี งของประเทศ ทำใหป้ ระเทศไทยเปน็ ทรี่ จู้ กั และยอมรบั อยา่ งกวา้ งขวางในสงั คมโลก และ นานาชาตไิ ดถ้ วายราชสดดุ วี า่ ทรงเปน็ “กษตั รยิ ท์ รงงาน” (Working Monarch) ซง่ึ นบั เปน็ การเผยแพรพ่ ระเกยี รตคิ ณุ ต ่อ ช าวโลกดว้ ย โดยเหตทุ พี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระปรชี าสามารถในรฐั ประศาสโนบาย และทรงบำเพญ็ พระราชกรณยี กจิ ในการบรหิ ารบา้ นเมอื งดว้ ยทศพธิ ราชธรรม เพอื่ ใหพ้ สกนกิ รไดอ้ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ทวั่ ถว้ นหนา้ ดว้ ยความสำนึกในพระมหากรุณาธคิ ณุ สภามหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ในคราวประชมุ ครัง้ ที่ ๙/๒๕๔๘ เม่อื วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญา รฐั ประศาสนศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแ์ิ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เพอ่ื เปน็ การเฉลิมพระเกียรติคุณให้เป็นท่ีประจักษ์โดยท่ัวกัน และเพื่อเป็นสิริมงคลและเกียรติอันสูงส่งแก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และวงวิชาการสาขารัฐประศาสนศาสตร์สืบไป
๑๗๒ พระบารมีองค์ภูมนิ ทร์ ป่ินสยาม คำประกาศราชสดุดเี ฉลิมพระเกยี รติคณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาศลิ ปดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสมเด็จพระมหากษัตราธิราชผู้ทรงคุณอันประเสริฐแก่ชาติไทย พระเมตตาคณุ พระปัญญาคณุ และพระบรสิ ุทธิคณุ เปน็ ท่ีประจกั ษใ์ นหมพู่ สกนิกร ตลอดถึงชาวโลกทงั้ หลาย ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีท่ีทรงครองสิริราชสมบัติ ได้ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อ ประโยชนส์ ขุ ของมหาชนชาวสยามตามนยั แหง่ พระปฐมบรมราชโองการทพี่ ระราชทานไวต้ ลอดมา ทรงดำรงพระองค์ เปน็ แบบอยา่ งของชาวไทยทกุ ดา้ น ทรงพระปรชี าสามารถในการงานศลิ ปะทกุ แขนง ผลงานดา้ นศลิ ปกรรมทกุ ดา้ น ทพ่ี ระราชทานล้วนทรงคุณค่าปรากฏแผ่ไพศาลไปท่ัวทิศานุทิศ สมควรได้รบั การยกยอ่ งเทิดทูนในวงวิชาการ เป็น แ บ บอยา่ งใหเ้ จรญิ รอยตามพระยคุ ลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านศิลปะอยู่เนือง ๆ เป็นโอกาสให้อาณา ประชาราษฎรไ์ ดช้ นื่ ชมกบั งานศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ อนั ถอื เปน็ อาภรณป์ ระดบั ชาติ ทงั้ นกี้ เ็ นอื่ งดว้ ยทรงพระปรชี าสามารถ ในศิลปกรรมทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นสาขาทัศนศิลป์ สาขานฤมิตศิลป์ สาขาดุริยางคศิลป์ และสาขานาฏศิลป์ เ ป ็น การสืบทอดมรดกศลิ ป์ไมใ่ ห้ขาดสาย พระคุณลักษณ์น้ี อาจกลา่ วได้ว่าทรงเป็นอคั รศิลปนิ โดยแท้ ในงานด้านทศั นศิลป์ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงเปน็ จติ รกรที่ได้สร้างสรรค์ผลงานไวอ้ ยา่ งมคี ุณคา่ โดยเรมิ่ ตน้ วาดภาพทวิ ทศั นด์ ว้ ยสนี ำ้ แลว้ ทรงเปลย่ี นมาเปน็ สนี ำ้ มนั ในภายหลงั ภาพจติ รกรรมฝพี ระหตั ถส์ ว่ นมาก เป็นภาพท่ีแสดงออกทางด้านนามธรรมอย่างเด่นชัด เช่น ภาพที่พระราชทานชื่อว่า “เงา” “ยุแหย่” “กว่าสอง” “สามหนา้ ” “ไฟไหม้ปา่ ” และ “ดินนำ้ ลมไฟ” ในการจดั งานศลิ ปกรรมแหง่ ชาติ ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานภาพจิตรกรรมฝพี ระหตั ถม์ าจดั แสดงร่วมกบั ศิลปนิ และจิตรกรอน่ื ๆ นบั เปน็ พระมหา กรณุ าธคิ ณุ แกพ่ สกนกิ รผไู้ ดช้ มเปน็ ลน้ พน้ กบั ทงั้ ทรงพระมหากรณุ าเสดจ็ พระราชดำเนนิ มาทรงเปดิ งานแสดงศลิ ปกรรม แหง่ ชาติ และพระราชทานรางวลั แกศ่ ลิ ปนิ ตา่ ง ๆ ดว้ ยพระองคเ์ อง หากมไิ ดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ จะทรงพระกรณุ า โ ป รดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผูแ้ ทนพระองค์มาปฏบิ ตั ิพระราชกรณียกิจนแี้ ทน ในดา้ นภาพถ่าย ทรงสนพระราชหฤทยั มาต้งั แต่ทรงพระเยาว์ ทรงเรม่ิ ต้นจากภาพถ่ายทีใ่ ช้กลอ้ งขนาดเล็ก ทรงบันทึกภาพธรรมชาติโดยตัดสินพระราชหฤทัยอย่างฉับพลัน ต่อมาได้ทรงพัฒนาในเรื่องศิลปะการถ่ายภาพ เทคนิคของการถ่ายภาพ และกล้องถา่ ยรปู ท่ที รงใช้มาโดยลำดบั ภาพถา่ ยฝพี ระหัตถ์ทกุ ภาพมีความงดงามพรอ้ ม ดว้ ยองค์ประกอบทางศิลปะ ไม่วา่ จะเปน็ เรือ่ งของการจัดภาพ แสงเงา และเนอื้ หาทีเ่ ตม็ เปยี่ มไปดว้ ยสนุ ทรียภาพ อ ย า่ งครบถ้วน ในด้านนฤมิตศิลป์ ซึ่งเป็นงานศิลปะท่ีอาศัยความริเร่ิมสร้างสรรค์ ประกอบกับฝีมือช่าง ทรงแสดงความ สนพระราชหฤทัยมาต้ังแต่ทรงพระเยาว์ ทรงปฏิบัติฝึกฝนด้วยพระองค์เอง จนสามารถออกแบบและประดิษฐ์ งานช่างที่ทรงค้นคิดด้วยพระองค์เองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยพระราชศรัทธาที่ทรงมีอยู่อย่างม่ันคง ในพระพทุ ธศาสนา ไดท้ รงพระราชดำรแิ ละออกแบบสรา้ งพระสมเดจ็ จติ รลดา เปน็ พระพมิ พท์ ม่ี พี ทุ ธลกั ษณะงดงาม ประดษิ ฐส์ ร้างข้นึ ด้วยดินและผงศักด์ิสิทธจ์ิ ากปชู นยี สถานตา่ ง ๆ ท่วั ประเทศ กับทั้งของเคร่อื งมงคลส่วนพระองค์
พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ป่นิ สยาม ๑๗๓ สำหรบั พระราชทานตามพระราชอธั ยาศยั ดว้ ยพระราชหฤทยั ทจี่ ะผดงุ งานหตั ถศลิ ปอ์ นั ลอื ชอื่ ของชาวไทยใหป้ รากฏ ส ื บ ไปในกาลภายหน้า ในด้านดุริยางคศิลป์ ทรงพระปรีชาในวิชาการด้านดนตรีเป็นท่ีประจักษ์ชัด ทรงเร่ิมสนพระราชหฤทัย ในงานศิลปะแขนงนี้มาตงั้ แต่ครัง้ ดำรงพระอสิ รยิ ยศเปน็ สมเดจ็ พระอนุชาธิราช ทรงเริม่ ตน้ ฝกึ ดนตรีสากลประเภท เครอื่ งเปา่ ตามแบบฉบบั ของการศกึ ษาวชิ าดนตรอี ยา่ งแทจ้ รงิ ตอ่ มาไดท้ รงพระราชนพิ นธเ์ พลง “แสงเทยี น” ขน้ึ เปน็ เพลงแรก เม่อื พทุ ธศักราช ๒๔๘๙ และไดท้ รงพระราชนิพนธ์เพลงอนื่ ๆ พระราชทานแกป่ ระชาชนชาวไทยมาโดย ลำดับ ทรงเห็นความสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมดนตรีไทยสืบทอดจากคนรุ่นปัจจุบันไปสู่ลูกหลาน ในอนาคต พระปรีชาสามารถทางดา้ นดุรยิ างคศิลปเ์ ป็นทแ่ี ซ่ซอ้ งไปในนานาประเทศ สถาบนั การดนตรีและศิลปะ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย จึงได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมาชิกภาพสมาชิกกิตติมศักด์ิของสถาบัน เพ ื่อเฉลิมพระเกียรติคุณ ในฐานะที่ทรงเป็นสื่อสัมพันธ์อันดียิ่งระหว่างดนตรีของตะวันออกกับตะวันตก ในด้านนาฏศิลป์ ทรงพระราชนิพนธ์เพลงชุด “มโนราห์” สำหรับประกอบการแสดงระบำปลายเท้า เป็นเรื่องยาวตามเค้าที่มีมาในบทละครไทยแต่อดีตสมัย และที่สำคัญย่ิงเหนือสิ่งอื่นใด คือได้พระราชทาน พระบรมราชูปถัมภ์แก่วงการนาฏศิลป์ไทยมาโดยสม่ำเสมอ มีพระบรมราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ให้จัดพระราชพิธีครอบครูผู้รำเพลงพระพิราพ พระราชทานแก่ศิลปินของกรมศิลปากร ณ โรงละครพระท่ีนั่ง อัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เม่ือพุทธศักราช ๒๕๐๖ คราวหน่ึง และที่ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เม่ือ พ ุท ธศักราช ๒๕๒๘ อีกคราวหนึ่ง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ท่ีอยู่ในวงการนาฏศิลป์ไทยเป็นล้นพ้น โดยเหตุท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงเปน็ อัครศลิ ปนิ ในทุกสาขา ทรงพระราชวิรยิ ะอุตสาหะ แรงกล้าทจ่ี ะใหง้ านศิลปะทุกแขนง ดำรงอยู่เป็นศรีสง่าและเป็นศลิ ปสมบัตขิ องประเทศชาติและประชาชน ชาวไทย พระราชกรณียกิจในศิลปกรรมทุกด้านท่ีทรงบำเพ็ญปฏิบัติ ล้วนสนับสนุนส่งเสริมศิลปะของชาติ ใหเ้ จริญก้าวหน้า และเป็นกำลงั ใจอนั สงู สง่ ตอ่ บรรดาศิลปิน ทำใหเ้ กิดความมานะบากบั่น พยายามศกึ ษา และสรา้ งงานศลิ ปะของตนใหเ้ จรญิ ยง่ิ ๆ ขน้ึ ไป สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ในคราวประชมุ ครง้ั ท่ี ๙/๒๕๔๘ เม่ือวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ปริญญาศิลปดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือเป็นการ เฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ใหเ้ ปน็ ทป่ี ระจกั ษโ์ ดยทว่ั กนั และเพอื่ เปน็ สริ มิ งคลและเกยี รตอิ นั สงู สง่ แกม่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่และวงวิชาการสาขาศลิ ปกรรมสืบไป
๑๗๔ พระบารมอี งคภ์ ูมินทร์ ป่ินสยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจท่ีบังเกิดผลดีต่อการพัฒนาสภาพความ เปน็ อยขู่ องอาณาประชาราษฎรอ์ ยา่ งทว่ั ถงึ เสมอมา โดยเฉพาะพระราชกรณยี กจิ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การพฒั นาสงั คมนนั้ เปน็ ท่ปี ระจกั ษไ์ ปทว่ั ทศิ านุทศิ จนได้รับการเทิดพระเกยี รติวา่ “กษตั ริยน์ กั พัฒนา” ทรงพระปรีชาสามารถยง่ิ ในการ ใชห้ ลกั วชิ าการพฒั นาสงั คมในเชงิ สหวทิ ยาการ นบั ตง้ั แตก่ ารวางยทุ ธศาสตรใ์ นการพฒั นาอยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ ง กับสภาพของชุมชน ท้ังชุมชนเมืองและชุมชนชนบท โดยการรวบรวม ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูล เพ่ือให้ ทราบถึงพลวตั ของชมุ ชนอย่างครบถว้ นทุกแง่มุม ทงั้ สภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม การใช้ทรัพยากร การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อม นอกจากน้ี ยังทรงรอบรู้ในด้านการบริหารจัดการโครงการ พ ัฒ นาอยา่ งยิ่งอีกดว้ ย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ความรู้ในทุกสาขาวิชาการที่เก่ียวข้องกับงานพัฒนาสังคมมาประยุกต์ ใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชนให้ได้ผลสัมฤทธ์ิอย่างสูง การจัดตั้งศูนย์ศึกษา การพัฒนาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำรติ า่ ง ๆ ทวั่ ประเทศ เป็นตวั อย่างของโครงการพัฒนาสงั คม เพอื่ การพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ของชมุ ชนชนบททน่ี ำหลกั วชิ าการพฒั นาสงั คมมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งไดผ้ ลและครบถว้ น แสดงใหเ้ หน็ ถงึ พ ร ะ ปรีชาสามารถในเรือ่ งน้อี ย่างชดั เจน นอกจากนี้ ในการดำเนินโครงการเพ่อื การพัฒนา ทรงเน้นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนใน พืน้ ที่เปน็ เบ้อื งตน้ จึงต้องดำเนนิ การจูงใจและปลกุ จติ สำนกึ ให้ประชาชนเหน็ ความสำคัญของการแกไ้ ขปัญหาด้วย ตนเอง ทรงตระหนักถึงการพฒั นาคนกอ่ นการพฒั นาและการแกไ้ ขปญั หาทงั้ ปวง อีกทงั้ มพี ระราชดำริใหโ้ ครงการ ต่าง ๆ นน้ั ต้องสามารถแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ที่ราษฎรกำลงั ประสบอยูอ่ ยา่ งรีบด่วนและมผี ลในระยะยาว โดยที่ การพัฒนานั้น ต้องเป็นไปตามลำดับข้ันตอนตามความจำเป็นและประหยัด พระราชดำริดังกล่าว มีความสำคัญ ท ่ีจ ะ ต ้องดำเนินการให้เกิดข้ึนในแต่ละศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของพสกนิกร พร้อมกับพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ทีจ่ ะทรงดำเนนิ พระราชกรณียกจิ เพ่อื ประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม พสกนกิ รทุกหมูเ่ หล่า ท้ังในชุมชนชนบท และชมุ ชนเมือง จึงไดร้ บั ประโยชน์เป็นอเนกอนันตต์ ลอดมาจากโครงการพัฒนาสังคมอนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ มากกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทาน โครงการพัฒนาส่ิงแวดล้อม โครงการพัฒนาการเกษตร โครงการพฒั นาสงเคราะห์และสง่ เสรมิ อาชพี โครงการพฒั นาสวสั ดิการสังคม โครงการ พัฒนาการคมนาคมและการสอ่ื สาร โครงการพัฒนาการสาธารณสขุ โครงการพัฒนาการศึกษาและการวิจัย และ โ ค ร ง ก ารต่าง ๆ ของศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรทิ ง้ั หลาย เป็นตน้ บรรดาโครงการตามพระราชดำริทั้งหลายทั้งปวง ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดต้ังขึ้น สบื เนอื่ งจากพระบรมราชวนิ จิ ฉยั ปญั หา ทไ่ี ดท้ รงทราบหลงั จากทไ่ี ดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ เยย่ี มเยยี นราษฎรในทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ โครงการเหล่าน้นั หาใช่เพยี งเพ่อื การสงเคราะห์แก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ เท่าน้นั แตไ่ ดจ้ ัดตั้งบนรากฐานการ
พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม ๑๗๕ วางแผนระยะยาว เพอื่ พฒั นาทอ้ งถน่ิ อยา่ งเหมาะสมและสมบรู ณแ์ บบ โดยผสมผสานการพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ มท่ีเสอื่ มโทรม และการพฒั นาทักษะความรู้ความสามารถ การใช้เวลาว่างและความขยนั หมั่นเพียร ของตัวบุคคลบนพื้นฐานของการพัฒนาชุมชนในท้องถิ่น อันเป็นการปลูกฝังค่านิยมการช่วยตนเอง โดยทำงาน ร่วมกัน ช่วยเหลือกันและกัน โครงการตามพระราชดำริทุกโครงการ จึงได้จัดตั้งขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูล และ ความเป็นจริงด้านภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของท้องถิ่น ประมวลเข้ากับพระปรีชาทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ลึกซ้ึง จึงได้พระราชทานวิธีการปฏิบัติและแนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนการแก้ปัญหา เ พ ื่อ ป ระโยชน์แก่ผู้ดำเนินงานที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จลุล่วงตามพระราชประสงค์ ขอบข่ายงานโครงการตามพระราชดำริ ได้ส่งผลเป็นการชี้แนะบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้บริหารงานพัฒนา ทั้งของภาครัฐและเอกชน ให้ตระหนักทราบและเร่งรัดแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศชาติ นับต้ังแต่ปัญหาความ เสอ่ื มโทรมของสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ ความยากไรข้ องคนในชนบท กรรมวธิ กี ระบวนการผลติ ทลี่ า้ หลงั การตลาดท่ตี อ้ งปรับให้เขา้ กบั กลไกเศรษฐกจิ ในสงั คมปจั จบุ นั การบำบัดความเจบ็ ไข้ของราษฎรในท้องถิ่นกนั ดาร ตลอดจนปัญหาความแตกต่างของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมท้องถ่ิน เนื่องจากภูมิหลังทางเผ่าพันธ์ุ ปญั หาเหลา่ นเี้ กย่ี วขอ้ งตอ่ เนอื่ งกนั และมผี ลกระทบตอ่ เสถยี รภาพและความมน่ั คงของชาติ โดยผลแหง่ พระราชดำริ ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโครงการเหล่าน้ัน ได้ทรงนำพาประเทศชาติผ่านพ้น ว ิก ฤ ต การณ์ และเกิดความร่มเย็นเป็นสุข เจริญก้าวหน้าจนทุกวันนี้ ดว้ ยพระปรชี าสามารถและพระราชดำรเิ กยี่ วกบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน รฐั บาลจงึ ได้ น้อมนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผลท่ีปรากฏก็คือ ความสำเร็จ นานัปการในการพัฒนางานด้านต่าง ๆ เป็นท่ีประจักษ์ท้ังในประเทศและนานาอารยประเทศ ด้วยความ สำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณ สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ในคราวประชุมคร้ังท่ี ๙/๒๕๔๘ เมอ่ื วันที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๘ จงึ มมี ติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทลู กระหมอ่ มถวายปริญญาศลิ ปศาสตร ดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแ์ิ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เพอื่ เปน็ การเฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ใหเ้ ปน็ ทป่ี ระจกั ษโ์ ดยทวั่ กนั และเพอ่ื เปน็ สริ มิ งคลและเกยี รตอิ นั สงู สง่ แกม่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมแ่ ละวงวชิ าการ สาขาศลิ ปศาสตรส์ ืบไป
๑๗๖ พระบารมีองค์ภมู ินทร์ ปิน่ สยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกียรติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสมเด็จพระบรมธรรมิกราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น แก่ประชาชาติไทย พระราชกรณียกิจและพระราชจริยาวัตรทั้งปวงเป่ียมไปด้วยพระเมตตาคุณ พระปัญญาคุณ และพระบรสิ ทุ ธคิ ณุ ทรงเป็นแบบอย่างทุกดา้ น โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในด้านการศึกษา ซงึ่ เป็นไปเพอ่ื ประโยชน์สขุ แกอ่ าณาประชาราษฎร์ ทรงสนบั สนนุ ดา้ นการศกึ ษา โดยพระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภน์ านาประการ พระราชทาน “ความรู้” ในศาสตร์และศิลป์ทั้งปวง เพื่อประโยชน์อันย่ังยืนแก่พสกนิกร ด้วยทรงเห็นประโยชน์และทรงใฝ่ พระราชหฤทัยในเร่ืองการศึกษามาช้านาน ดังที่มีพระราชดำริว่า “การศึกษาเป็นปัจจัยในการสร้างและพัฒนา ความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบคุ คล ถ้าสังคมและบ้านเมอื งไดใ้ หก้ ารศกึ ษาที่ดีแก่เยาวชน ไดอ้ ยา่ งครบถว้ นพอเหมาะกนั ทกุ ๆ ด้าน สังคมและบ้านเมอื งนนั้ ก็มพี ลเมืองทีม่ คี ณุ ภาพ ซง่ึ สามารถดำรงรกั ษา ค ว า มเจรญิ มน่ั คงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้กา้ วหน้าต่อไปได้ตลอด” มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมไ่ ดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ งหาทสี่ ดุ มไิ ด้ ทไ่ี ดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ มาทรงประกอบ พธิ ีเปิดมหาวทิ ยาลัยเชียงใหมอ่ ยา่ งเป็นทางการ เม่อื วันที่ ๒๔ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๐๘ และมีพระราชดำรสั เปดิ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ความตอนหนง่ึ วา่ “... เวลานเ้ี รากำลงั ตอ้ งการคนดี มปี ญั ญา และมคี วามรใู้ นดา้ นตา่ ง ๆ มาเป็นกำลงั ทะนบุ ำรงุ บ้านเมืองเป็นจำนวนมาก และยงั จะต้องการเพ่ิมมากขึน้ อีกเป็นลำดบั ในวันขา้ งหน้า เพราะ เราจำเป็นต้องทำความเจริญให้แก่ประเทศชาติและประชาชนให้ท่ัวถึง เพื่อจะได้อยู่ในโลกอย่างผาสุกและม่ันคง ปลอดภัยต่อไป งานนเ้ี ป็นงานใหญ่ กต็ ้องอาศยั ความรว่ มมอื อย่างแทจ้ ริงของทกุ คน และต้องอาศัยสติปัญญา ความสามารถของผู้มีการศึกษาชั้นสูงเป็นสำคัญในงานทุกประเภทด้วย เมื่อมีมหาวิทยาลัยซ่ึงเป็นแหล่งอบรม คนช้ันนำของชาติเกิดขึน้ อกี เชน่ นี้ จงึ เปน็ ที่ควรยินดีทว่ั กนั และเม่อื มหาวิทยาลยั เชียงใหมไ่ ด้เริม่ ตน้ ดีแล้ว ขอให้ พยายามดำเนนิ กิจการใหก้ ้าวหนา้ ต่อไป ให้ไดผ้ ลสมกบั ความเพยี รพยายามทจ่ี ะกอ่ ตงั้ และสมกับความปรารถนา ท ไ่ี ด ต้ ้ังไว้ ...” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้ที่สำเร็จการศึกษา จากมหาวทิ ยาลัยเชยี งใหมเ่ ป็นประจำทกุ ปี และตอ่ มาทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหส้ มเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ พระราชดำเนนิ แทนพระองคม์ าทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ นี้ และทกุ ครง้ั นอกจากการพระราชทานปรญิ ญาบัตรแลว้ ยงั ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทอนั มคี ่า เพื่อเป็นขอ้ คิดแกบ่ ณั ฑิต ท ุก ค นในการไปประกอบอาชพี เพอ่ื สร้างสรรคป์ ระโยชน์แก่สงั คมต่อไปด้วย ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการศึกษาแก่ นักการศึกษา สถาบันการศึกษา ส่วนราชการ ภาคเอกชน ตลอดจนกลุ่มบุคคลต่าง ๆ อย่างกว้างขวางและ สม่ำเสมอ และได้พระราชทานแนวพระราชดำริเกี่ยวกับความหมายของการศึกษาเม่ือวันท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐ ไว้วา่ “การศกึ ษาเป็นเคร่อื งมอื อนั สำคัญในการพฒั นาความรู้ ความคดิ ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านยิ ม และ คณุ ภาพของบคุ คล เพอื่ ใหเ้ ปน็ พลเมอื งดมี คี ณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพ การพฒั นาประเทศกย็ อ่ มทำไดส้ ะดวกราบรนื่ ใช้ได้ผลท่ีแน่นอนและรวดเร็ว” แนวพระราชดำริดังกล่าวมีความสอดคล้องกับโครงการต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับ
พระบารมีองค์ภูมินทร์ ป่นิ สยาม ๑๗๗ การศึกษาท่ีพระราชทาน เช่น การจัดสร้างโรงเรียนจิตรลดาสำหรับการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย การจัดตั้งโรงเรียนราชวินิต โรงเรียนราชประชาสมาสัย สำหรับบุตรธิดาของผู้ป่วย โรคเรือ้ น โรงเรียนประชานุเคราะห์ สำหรับเดก็ ที่ขาดผู้อุปการะ เน่อื งจากประสบมหาวาตภัยภาคใต้ พระราชทาน ทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดสร้างโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ เพื่อให้เด็กชาวไทยภูเขาได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ภาษาไทยและวิชาอ่ืน ๆ ตามหลักสูตรในระดับประถมศึกษา จัดต้ัง “มูลนิธิอานันทมหิดล” ก่อตั้งโครงการ พระดาบส จัดสรา้ งโรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์ จัดต้งั โครงการสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน พระราชทานทุนและ ท่ีดิน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดสร้างโรงเรียนการบริหาร โรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรขี ันธ์ เพอื่ เปิดสอนโครงการศลิ ปาชีพพเิ ศษ และเปน็ ทฝี่ ึกงานในชว่ั โมงวิชาพ้นื ฐานอาชีพ นอกจากน้ี ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดต้ังสถานีโทรทัศน์เพ่ือการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมขึ้นท่ีโรงเรียน วังไกลกังวล พร้อมทัง้ พระราชทานทนุ ดำเนนิ การในขัน้ แรก ๕๐ ล้านบาท เป็นการนำเทคโนโลยที ่ที ันสมัยมาใช้ พัฒนาการเรียนการสอนให้ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพ เป็นการช่วยเหลือโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลและที่ขาดแคลน ครสู อนสาขาวิชาต่าง ๆ ทำให้นักเรียนในเมืองรวมทั้งประชาชนผ้สู นใจสามารถใฝ่หาความรูเ้ พม่ิ เตมิ ได้ นับเป็นการ พัฒนาการบริหารงานวิชาการในด้านการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา การขยาย โ อ ก าสทางการศกึ ษา และการอาชวี ศกึ ษาทก่ี วา้ งไกล และยงั ประโยชนแ์ กพ่ สกนิกรทุกหมู่เหลา่ ในมหามงคลวโรกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ๕๐ ปี เม่ือพุทธศักราช ๒๕๓๙ ได้มกี ารกอ่ ต้ังมูลนิธกิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเพือ่ เฉลิมพระเกยี รติ และจดั ให้มกี ารเรียนการสอน ทางไกลผ่านดาวเทยี ม หลกั สูตรชัน้ มธั ยมศึกษาให้แกโ่ รงเรียนในสงั กัดกรมสามัญศกึ ษาและสังกดั หน่วยงานอน่ื ๆ จำนวน ๓,๐๐๐ โรงเรยี นทว่ั ประเทศ ทางสถานโี ทรทัศน์ชอ่ ง ๑๑-๑๖ (UBC) โดยกองทพั บก องคก์ ารโทรศัพท์ แห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกัน โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานการศึกษาไปสู่ปวงชน และเม่อื วันที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ ไดม้ ีพิธีเปิดโครงการการเรยี นการสอนทางไกลผา่ นดาวเทียม DFL e-learning โรงเรยี นวังไกลกังวล จงั หวัดประจวบคีรขี ันธ์ อย่างเป็นทางการ โดยประธานมลู นิธิการศกึ ษา ท า ง ไกลผ่านดาวเทียมและรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ โดยเหตทุ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระปรชี าสามารถในดา้ นการศกึ ษาเปน็ อยา่ งยงิ่ ทรงเปน็ ท่ีพ่ึงพิงและเป็นหลักชัยในวงการศึกษาของชาติ ทรงเชี่ยวชาญในการอบรมส่ังสอนความรู้แก่ประชาชน ให้ดำเนินตามในทางที่ถูกท่ีควร พระราชจริยาวัตรและพระราชดำริ ล้วนแต่เป็นคุณประโยชน์แก่อาณา ประชาราษฎร์ พระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ประกอบอาชีพครู ทรงกระตุ้นเตือนและบำรุงขวัญ ให้รู้สึกภาคภูมิใจในเกียรติและหน้าที่ ก่อให้เกิดขวัญกำลังใจปฏิบัติหน้าที่อย่างรับผิดชอบเป็นผลดีต่อ การศึกษาของชาติ ดว้ ยความสำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณเปน็ ลน้ พ้น สภามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ในคราว ประชมุ คร้งั ท่ี ๙/๒๕๔๘ เมอื่ วันที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๘ จึงมมี ติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการเฉลมิ พระเกยี รติคุณใหเ้ ปน็ ที่ประจกั ษโ์ ดยทัว่ กนั และเพ่อื เปน็ สริ ิมงคล และเกยี รตอิ นั สูงสง่ แก่มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่และวงวิชาการสาขาศกึ ษาศาสตรส์ บื ไป
๑๗๘ พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม คำประกาศราชสดุดีเฉลมิ พระเกียรตคิ ุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระบรมราชาธิราชผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงเอ้ืออาทรต่อ ประชาราษฎร์ ด้วยมุ่งหวังท่ีจะให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ท่ีดี และสามารถพึ่งตนเองได้ โครงการพัฒนาต่าง ๆ จึง เกิดข้ึนนับพันโครงการ กระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหนในผืนแผ่นดินไทย ซ่ึงแต่ละโครงการน้ัน ล้วนทรงใช้พระปรีชา สามารถในด้านความรู้วิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ มาประยุกต์ นำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม นับได้ว่าเป็นการประกาศพระเกียรติคุณในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้ย่ิงใหญ่อย่างแท้จริง ทรงเป็นแบบอย่างให้ เยาวชนของชาติตระหนักถึงความสำคญั ของวิทยาศาสตรต์ ่อการพฒั นาประเทศ พระปรีชาสามารถดังกลา่ ว สรปุ โ ด ย ส ังเขป ได้ดังนี้ ด้านฟิสิกส์ ทรงนำมาประยุกต์ในโครงการสร้างเข่ือนเก็บน้ำ โครงการแก้มลิง และการแก้ปัญหาเรื่อง ด ิน ท รุด ตลอดจนทรงนำความรู้ด้านแสงและสีไปใช้ในการถ่ายภาพ และการวาดภาพ เป็นต้น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทรงเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศประยุกต์เข้ากับการดำเนินงาน ตามโครงการพระราชดำริต่างๆ อย่างเหมาะสม เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศในการบันทึกและถ่ายทอดข้อมูล ขา่ วสาร เทคโนโลยภี าพถ่าย เทคโนโลยกี ารส่ือสารโทรคมนาคมด้วยวิทยุและดาวเทียม เครอื ขา่ ยสื่อสารข้อมูล และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยทรงนำมาประยุกตเ์ ข้ากบั การปฏบิ ตั งิ านในโครงการตา่ ง ๆ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ดังเช่นที่ทรงใช้ในโครงการฝนหลวง ด้วยพระปัญญาอันสุขุมคัมภีรภาพในการวางแผน และการกำหนดกรรมวิธี ในการทำฝนหลวง ทรงประมวลวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยเมอ่ื วนั ท่ี ๑๙ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ ทรงวางแผนสาธติ การทำฝนหลวงลงอา่ งเก็บนำ้ เข่ือนแกง่ กระจาน จังหวดั เพชรบุรี ใหผ้ ้แู ทนจากประเทศสิงคโปรช์ มได้อยา่ งแม่นยำ ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถทางเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ดังน้ัน เพ่ือจารึกไว้เป็น ประวัติศาสตรข์ องชาตไิ ทย รัฐบาลจงึ ได้กำหนดให้วันท่ี ๑๙ ตุลาคมของทกุ ปเี ปน็ “วนั เทคโนโลยีของไทย” และ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” ในด้านการ ส่อื สารอิเลก็ ทรอนิกส์ ทรงเร่ิมใช้วทิ ยุ เพือ่ ใหป้ ระชาชนไดร้ ับความรู้ในลักษณะของวิทยศุ กึ ษา รายการธรรมะหรอื การพัฒนาเยาวชน อันเป็นจุดเร่ิมต้นของการศึกษาทางไกลในปัจจุบัน ทรงใช้คอมพิวเตอร์ในพระราชกรณียกิจ ตา่ ง ๆ เช่น ทรงพระราชนพิ นธโ์ นต้ ดนตรจี ากโปรแกรมพน้ื ฐาน โดยไมใ่ ช้โปรแกรมดนตรีสำเรจ็ รปู ทรงประดิษฐ์ ตวั อกั ษรไทยหลายแบบ รวมทงั้ ตวั อกั ษรเทวนาครซี ง่ึ พฒั นายาก เนอ่ื งจากเปน็ ตวั อกั ษรรปู แบบไมค่ งท่ี ทรงสนบั สนนุ การพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์เพอ่ื การศกึ ษาพระไตรปฎิ กและอรรถกถา ทรงใชค้ อมพิวเตอรใ์ นงานพระราชนพิ นธ์ รวมทง้ั การวาดภาพโดยใชโ้ ปรแกรมพนื้ ฐานดว้ ยพระองคเ์ อง เชน่ พระราชดำรสั ตา่ งๆ พระราชนพิ นธ์ เรอื่ งพระมหาชนก แ ล ะ บัตรพระราชทานพรในโอกาสวันข้ึนปีใหม่ ด้านการประดิษฐ์คิดค้น ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักประดิษฐ์ ทรงประดิษฐ์คิดค้น “เครื่องกลเติม อากาศทผ่ี วิ นำ้ หมุนช้าแบบท่นุ ลอย” หรือ “กงั หนั น้ำชยั พัฒนา” นบั เป็นผลงานท่ีโดดเดน่ และเป็นประโยชน์ต่อ ประเทศอย่างน่าชืน่ ชม ไดร้ ับการทลู เกลา้ ทลู กระหม่อมถวายรางวลั รางวัลท่ี ๑ จากสภาวิจยั แหง่ ชาติ ประจำปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๖ และไดร้ ับการจดสิทธบิ ัตรที่เป็นประดิษฐกรรมชิ้นที่ ๙ ของโลก และถือวา่ เปน็ ประวัติศาสตร์
พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ป่ินสยาม ๑๗๙ ของการออกสิทธิบัตรแก่สิ่งประดิษฐ์ของไทย ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในด้านน้ีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ “โครงการพระราชดำริฝนหลวง” ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นด้านส่ิงประดิษฐ์ท่ีเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณชน และเหรียญทองและประกาศนียบัตรเชิดชูพระเกียรติคุณ จากการประกวดส่ิงประดิษฐ์ค้นคว้าทาง เท ค โ นโลยี “BRUSSELS EUREKA ๒๐๐๑” ท่ีกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเย่ียม เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ในการพฒั นากจิ กรรมตา่ งๆ ตามโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ทรงยดึ หลกั วชิ าภมู ศิ าสตรส์ าขาตา่ งๆ เช่น ภูมิศาสตร์กายภาพ ภูมิศาสตร์การเมือง ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์การตั้งถิ่นฐาน ภูมิศาสตร์เมือง ภูมิศาสตร์ชนบท ภูมิศาสตร์ประชากร ภูมิศาสตร์เกษตร ภูมิอากาศวิทยา อุตุนิยมวิทยา และการจัดทำระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ ทรงให้ความสำคัญอย่างมากต่อเทคนิคทางวิชาการด้านการวางแผน ซึ่งเก่ียวข้องกับวิชา ภ ูม ิศ าสตร์ อนั ได้แก่ การแปลภาพถา่ ยทางอากาศ การสำรวจที่ดนิ และการวางแผนโดยใชแ้ ผนท่ปี ระกอบ เปน็ ตน้ ด้านแผนท่ี ทรงเช่ียวชาญการใชแ้ ผนท่ีอยา่ งแท้จริง ทรงพระปรชี าสามารถในการอา่ นแผนทอี่ ย่างยากท่ี จะหาผเู้ สมอเหมือนได้ แผนท่ีทท่ี รงใช้นนั้ เป็นแผนท่ขี นาดใหญ่พเิ ศษ ซึง่ ทรงจัดต่อด้วยพระองค์เองถึง ๙ ระวาง เพอ่ื ประโยชนท์ จ่ี ะทรงพจิ ารณาขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง เมอื่ จะเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปเยยี่ มราษฎรยงั พนื้ ทใ่ี ด กจ็ ะ ทรงศกึ ษาขอ้ มลู จากแผนท่ี เพอ่ื ใหท้ รงทราบถงึ สภาพในทอ้ งถน่ิ นนั้ กอ่ น เมอื่ เสดจ็ พระราชดำเนนิ ถงึ พนื้ ทน่ี น้ั ๆ แลว้ จะทรงหาข้อมูลรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพ่ือให้ได้ข้อเท็จจริงท่ีชัดเจน ทรงซักถามราษฎรถึงการประกอบอาชีพ สภาพหมูบ่ ้าน ภมู ปิ ระเทศ แหล่งน้ำ ดินฟ้าอากาศ ทรงตรวจสอบเทียบเคียงข้อมูลจากแผนทกี่ ับข้อมูลทแี่ ทจ้ รงิ จะทรงบนั ทกึ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ไวใ้ นแผนทเี่ สมอ ทรงใชแ้ ผนทใี่ หเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นการสำรวจพนื้ ทป่ี ระกอบการพจิ ารณา ขอ้ มลู อื่นๆ ท้งั ยังสนพระราชหฤทยั และใชป้ ระโยชน์จากภาพถา่ ยทางอากาศ ภาพถา่ ยดาวเทียมสำรวจทรัพยากร และดาวเทียมอุตุนิยม ทั้งนี้เพื่อให้ได้รายละเอียดอันถูกต้อง สำหรับการวางแผนและกำหนดรูปแบบโครงการ พ ัฒ น าตา่ งๆ ตามแนวพระราชดำริท่ีใหผ้ ลสัมฤทธ์ิอย่างคมุ้ ค่า ดว้ ยพระปรชี าสามารถในงานดา้ นวทิ ยาศาสตรท์ กุ สาขา และดว้ ยนำ้ พระราชหฤทยั อนั เปย่ี มไปดว้ ย พระมหากรณุ าธคิ ุณอนั ประเสรฐิ ย่งิ ทีท่ รงมุง่ ม่นั ในการขจดั ทกุ ข์ของคนไทย และพัฒนาประชาราษฎร์ให้ อยดู่ มี ีสุขโดยทวั่ กนั สภามหาวิทยาลยั เชียงใหม่ในคราวประชมุ ครั้งที่ ๙/๒๕๔๘ เมื่อวนั ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จงึ มมี ติเปน็ เอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปริญญาวิทยาศาสตรดษุ ฎบี ัณฑิต กติ ตมิ ศักดิ์แดพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช เพื่อเปน็ การเฉลิมพระเกียรติคุณใหเ้ ป็น ที่ประจักษ์โดยท่ัวกัน และเพื่อเป็นสิริมงคลและเกียรติอันสูงส่งแก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และวงวิชาการ สาขาวทิ ยาศาสตรส์ ืบไป
๑๘๐ พระบารมีองคภ์ ูมินทร์ ปิ่นสยาม คำประกาศราชสดดุ ีเฉลมิ พระเกียรตคิ ุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาสถาปตั ยกรรมศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ นับต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จข้ึนเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นต้นมา ทรงพระราชอุตสาหะ ในการปฏบิ ัตพิ ระราชกรณยี กิจใหญน่ ้อย เพ่อื ความเจริญรงุ่ เรอื งของประเทศชาติ และความสขุ สมบรู ณข์ องอาณา ประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่าอย่างไม่ว่างเว้น ทรงเก้ือหนุนยกย่องผู้มีคุณธรรมความรู้ ยังความปลื้มปีติโสมนัสแก่ ผู้ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณโดยใกล้ชิดเบ้ืองพระยุคลบาท ทรงเป่ียมด้วยพระปรีชาสามารถและประสบการณ์ ด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ด้วยทรงสนพระราชหฤทัยในการวางแผนและวางผัง การออกแบบและตกแต่ง การอนุรักษ์และสร้างสรรค์ การจัดการก่อสร้าง และการบริหารทรัพยากรกายภาพ อันเป็นผลจากพระราชจริยาวัตรที่ทรงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง อีกท้ังพระราชทานพระราชดำริให้บุคคลและ หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องไปประยุกต์ใช้ ก่อให้เกิดคุณประโยชน์เป็นอเนกประการแก่วงวิชาการและวิชาชีพทางด้าน ส ถ า ปัตยกรรมตลอดมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสำคัญของงานสถาปัตยกรรมและศิลปะไทย จึงทรง พระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ รา้ งเรอื นไทยขนึ้ ในทปี่ ระทบั สวนจติ รลดา เพอื่ รกั ษาแบบฉบบั สถาปตั ยกรรม ไว้ให้ย่ังยืน และยังทรงใช้สถานท่ีน้ีเผยแพร่ศิลปะ สถาปัตยกรรมไปยังนานาประเทศ โดยทรงใช้เป็นท่ีรับรอง พระราชอาคันตุกะ ส่วนด้านสถาปัตยกรรม ทรงรอบรู้การออกแบบก่อสร้าง เช่น พระราชทานพระบรมราช วินิจฉัยในการก่อสร้างวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เป น็ ต้น ในส่วนของการรวมศิลปวิทยาการด้านฝีมือช่างไทยหลายแขนง เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรม ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดเป็นจำนวนมากทั่ว พระราชอาณาจักร เช่น ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหม้ ีการบูรณะปฏสิ งั ขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงนับเป็นการบูรณะปฏิสังขรณ์คร้ังใหญ่อีกครั้งหน่ึง เพ่ือให้ทันงานฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๕ โดยใช้เวลาดำเนนิ การ ๖ ปี จงึ แล้วเสรจ็ การดังกลา่ วน้ี โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปน็ ประธานกรรมการอำนวยการบูรณะปฏิสงั ขรณ์ ซ่ึงการบรู ณะ ปฏิสังขรณ์ในคร้ังนี้ มีความสมบูรณ์ด้านศิลปะการช่างทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านวิจิตรศิลป์หรือสถาปัตยกรรม และยงั ทรงไวซ้ งึ่ รปู แบบการกอ่ สรา้ งแบบไทยทด่ี ยี งิ่ เปน็ ทป่ี ระทบั ใจแกผ่ พู้ บเหน็ ทง้ั ชาวไทยและชาวตา่ งชาติ นบั เปน็ ศ ร ีส ง่าของบ้านเมอื ง ดังปรากฏเปน็ ท่ีประจกั ษแ์ กส่ ายตาของทุกคนในปจั จุบนั พระปรีชาสามารถทางสถาปัตยกรรมด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอนุรักษ์ รักษาเอกลักษณข์ องชาติ ท้งั ทางดา้ นประวัตศิ าสตร์ โบราณคดี ศิลปกรรม และวฒั นธรรมของชาติ ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสท่ีพระราชทานเมื่อคร้ังเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จงั หวัดสุโขทยั เมอื่ วันที่ ๒๕ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๗ ความตอนหนง่ึ วา่ “ชาติไทยเรานนั้ ได้มี เอกราช มีภาษา มีศลิ ปะ และขนบธรรมเนยี มประเพณเี ป็นของตนเองมาจำนวนหลายศตวรรษแล้ว ทั้งนีเ้ พราะ
พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปน่ิ สยาม ๑๘๑ บรรพบุรุษของเราได้เสียสละอุทิศชีวิตกำลังทั้งกายและใจ สะสมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้คงทนถาวร ตกเป็นของอนุชน รุ่นหลังต่อไป ข้าพเจ้าเห็นว่าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุท้ังหลายน้ันเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช้ีให้เห็นถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ของ ชาติไทยเรา เปน็ ประโยชนแ์ ก่การศึกษาทั้งในทางประวตั ิศาสตร์ ศลิ ปโบราณคดี สถาปัตยกรรม และวฒั นธรรม จ ึง ค วรทุกฝา่ ยจะได้ช่วยกันทะนถุ นอมบำรงุ รักษาอยา่ ใหส้ ูญสลายไป” พระปรชี าสามารถทางสถาปตั ยกรรมในดา้ นอน่ื ๆ มปี รากฏใหเ้ หน็ เปน็ จำนวนมาก เชน่ งานประตมิ ากรรม งานตอ่ เรอื ทท่ี รงใชส้ ำหรบั การแขง่ ขนั งานตอ่ ประกอบเรอื รบจำลอง ผลงานเหลา่ นมี้ ใิ ชเ่ ปน็ เพยี งงานสถาปตั ยกรรม อันทรงคุณค่าย่ิงเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่าง และแนวทางท่ีทรงค่าแก่ผู้สนใจสร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรม ไดอ้ ยา่ งดอี ีกดว้ ย นอกจากนี้ ทรงสง่ เสริมสนบั สนนุ กจิ กรรมของสถาปนกิ โดยไดพ้ ระราชทานขอ้ แนะนำแกบ่ รรดา สถาปนิกนานัปการ และได้ทรงรับสมาคมสถาปนิกไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซ่ึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อ ั น ใหญ่หลวง ด้วยพระราชกรณียกิจและพระปรีชาสามารถทางด้านสถาปัตยกรรมมากมายหลายสาขา ดังได้ พรรณนาโดยสังเขปน้ี ย่อมเป็นประจกั ษพ์ ยาน และแสดงให้เหน็ ว่าพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงเปน็ แบบอยา่ งการสรา้ งสรรคส์ ถาปตั ยกรรมอนั ทรงคณุ คา่ ยง่ิ ของประเทศชาติ ดว้ ยความสำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวประชุมคร้ังที่ ๙/๒๕๔๘ เมื่อวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมี มติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือเป็นการเฉลิมพระเกียรติคุณให้เป็น ที่ประจักษ์โดยทั่วกัน และเพื่อเป็นสิริมงคลและเกียรติอันสูงส่งแก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และวงวิชาการ สาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์สืบไป
๑๘๒ พระบารมีองค์ภมู ินทร์ ปน่ิ สยาม คำประกาศราชสดดุ ีเฉลิมพระเกียรติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาพยาบาลศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงเป็นพระมหากษตั รยิ ์ท่ีเปยี่ มดว้ ยพระปรีชาสามารถนานัปการ ทรงพระ เมตตาพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยไม่คำนึงว่าเป็นศาสนิกชนในศาสนาใด เช้ือชาติ อาชีพ หรืออาศัยอยู่ถ่ินฐานใด พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ด้านสุขภาพอนามัย การรักษาพยาบาลแก่ ผู้เจ็บป่วยอย่างไม่ว่างเว้น ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอเนกอนันต์ ก่อให้เกิดความสุขและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แ ก ่ร าษฎรโดยถ้วนท่ัว พระราชกรณียกิจด้านการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนที่ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอดด้วยความเอ้ืออาทร ห่วงใยน้ัน มีท้ังด้านการรักษาพยาบาลทางร่างกายและจิตใจ มีการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาล อยา่ งถกู ตอ้ ง แมแ้ ตพ่ ระราชจรยิ าวตั รสว่ นพระองค์ เมอื่ ครงั้ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนที รงพระประชวร พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงอทุ ศิ พระองคเ์ ฝา้ อภบิ าลอยา่ งใกลช้ ดิ พระราชกรณยี กจิ และพระราชจรยิ าวตั ร เห ล า่ นส้ี อดคลอ้ งกบั การปฏิบตั ิพยาบาลวชิ าชีพอยา่ งแทจ้ รงิ ในส่วนของการพยาบาลสาธารณสุขมูลฐาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จพระราชดำเนิน พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในการตรวจเยยี่ มโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ทีห่ มูบ่ ้านโรงววั ตำบลแมส่ อย อำเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่เมือ่ วันท่ี ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศกั ราช ๒๕๒๗ มพี ระราชดำรัสกบั คณาจารย์ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพ่อื ขอใหจ้ ัดโครงการตรวจสขุ ภาพ และอนามยั แกป่ ระชาชนในทอ้ งทท่ี มี่ ปี ญั หาทางสขุ ภาพ เพอ่ื เปน็ การรกั ษาพยาบาลเบอ้ื งตน้ ใหป้ ระชาชนไดม้ สี ขุ ภาพ อนามยั ท่ีดขี ้ึน ในการน้ี เพื่อเป็นการสนองพระราชดำรขิ องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ก่อต้ังโครงการพยาบาลสาธารณสุขมูลฐานในโครงการเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเน่ืองมาจากพระราชดำรขิ ึน้ ตั้งแตป่ พี ทุ ธศักราช ๒๕๒๗ เป็นต้นมา โดยเร่ิมจากหมูบ่ า้ นโรงววั หมู่ ๕ หมู่บ้าน ใหมส่ ารภี หมู่ ๔ หมบู่ า้ นหว้ ยมว่ งฝั่งซา้ ย หมู่ ๖ หมบู่ ้านห้วยสะแพด และหมูบ่ า้ นห้วยส้ม หมู่ ๙ อำเภอจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่ ตอ่ มาในปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๗ ภาควชิ าการพยาบาลสาธารณสขุ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ได้ทำการสำรวจพ้ืนท่ีการปฏิบัติงานของโครงการสาธารณสุขมูลฐานเพิ่มเติม โดยเลือกหมู่บ้านท่ีเป็น ตวั แทนชาวไทยภเู ขาเผ่าตา่ ง ๆ จำนวน ๖ หมบู่ า้ น ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ หมูบ่ า้ นหนองหอยเก่า อำเภอ แมร่ ิม (เผา่ ม้ง) หมู่บ้านแกน้อย อำเภอเชียงดาว (เผา่ มูเซอร์แดง) หมูบ่ ้านขุนแจ๋ อำเภอพรา้ ว (เผ่าลีซอ) และ หมบู่ า้ นขนุ แปะ อำเภอจอมทอง (เผา่ กะเหรยี่ ง) และจงั หวดั เชยี งราย ไดแ้ ก่ หมบู่ า้ นหว้ ยนำ้ รนิ อำเภอเวยี งปา่ เปา้ ( เ ผ า่ มูเซอรด์ ำ) และหมู่บา้ นสะโงะ๊ อำเภอเชยี งแสน (เผา่ อาข่า) สืบเนื่องจากโครงการสาธารณสุขมูลฐาน ทำให้เกิดโครงการย่อย เช่น โครงการบริการตรวจรักษา พยาบาลโรคเบ้ืองต้น ซ่ึงพบว่าโรคระบบทางเดินหายใจเป็นโรคที่พบมากท่ีสุด รองลงมาคือโรคระบบกล้ามเนื้อ และกระดกู และระบบทางเดินอาหารและโรคผวิ หนงั โครงการส่งเสริมภาวะโภชนาการเดก็ เนน้ พัฒนาคณุ ภาพ ชวี ิตเด็กอายุระหว่างแรกเกิดถงึ ๔ ปี และโครงการปรบั ปรงุ คุณภาพชวี ิตชาวไทยภูเขา จดั ใหม้ ีการฝึกอบรมความรู้ แ ก ่อ าสาสมคั รหมบู่ า้ นและผ้ใู หญบ่ ้าน เพื่อใหเ้ ปน็ แบบอย่างแก่สมาชิกของหมบู่ า้ นต่อไป
พระบารมอี งค์ภูมินทร์ ปิ่นสยาม ๑๘๓ นอกจากน้ี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวง โดยการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จัดบริการอนามัย เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต ประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติงานโครงการหลวง ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการให้บริการตรวจรักษาพยาบาลโรคเบ้ืองต้น และกิจกรรมเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณพ้ืนที่ปฏิบัติงานใน โ ค ร งการหลวง โดยไดด้ ำเนินการมาตัง้ แต่ปีพุทธศกั ราช ๒๕๓๗ จวบจนกระท่งั ปจั จุบนั กองทุนราชสมาทร เป็นกองทุนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแก่โรงพยาบาลมหาราช นครเชยี งใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ เมอ่ื ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๐๗ เป็นตน้ มา โดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื นำดอกผลของกองทนุ เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยแกผ่ ปู้ ว่ ยในพระบรมราชานเุ คราะห์ และผปู้ ว่ ยยากจนทเ่ี ขา้ มารบั การรกั ษา ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังได้นำไปใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย ที่แพทย์เห็นสมควร ให้การรักษาพยาบาล และเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนในการรักษาพยาบาลและป้องกันโรคต่าง ๆ ตลอดจน จ ัด ซ ้ืออุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสียสละประโยชน์สุขส่วนพระองค์บำเพ็ญพระราช กรณยี กจิ ทเี่ กยี่ วเนอื่ งกบั งานการพยาบาลอนั เปน็ คณุ ประโยชนต์ อ่ ปวงชนและประเทศชาตอิ ยา่ งอเนกอนนั ต์ ด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ ทรงห่วงใยทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ พระราชทานทั้งพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ และแนวพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรและหน่วยงานต่าง ๆ ดังเป็นท่ีประจักษ์ ด้วย ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคณุ สภามหาวทิ ยาลัยเชยี งใหมใ่ นคราวประชมุ ครง้ั ท่ี ๙/๒๕๔๘ เม่อื วนั ท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญา พยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือเป็น การเฉลิมพระเกียรติคุณให้เป็นที่ประจักษ์โดยท่ัวกัน และเพ่ือเป็นสิริมงคลและเกียรติอันสูงส่งแก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และวงวิชาการสาขาพยาบาลศาสตร์สืบไป
๑๘๔ พระบารมีองคภ์ ูมินทร์ ปิน่ สยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลมิ พระเกยี รติคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาแพทยศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงม่ันอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างครบถ้วนสมบูรณ์มาโดยตลอด ทรงพระราชอุตสาหะในพระราชกิจน้อยใหญ่ เพ่อื ความเจรญิ ของประเทศชาตแิ ละความสุขของประชาชน จนเป็น ท่ีประจักษ์ชัดเจนแก่ประชาชนท้ังในประเทศและต่างประเทศ ทรงห่วงใยเอ้ืออาทรในสุขและทุกข์ของประชาชน ทกุ หมเู่ หลา่ โดยเฉพาะผทู้ เ่ี จบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย ไดท้ รงตงั้ หนว่ ยแพทยห์ ลวง หนว่ ยแพทยพ์ ระราชทาน และหนว่ ยทนั ตกรรม พระราชทาน ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มจดั ใหม้ แี พทยต์ ามขบวนเสดจ็ พระราชดำเนนิ เพอ่ื ตรวจรกั ษา ผปู้ ว่ ยในการเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชกรณียกจิ หรอื การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไป ป ร ะ ทบั แรมเพื่อทรงเยยี่ มราษฎรในภาคตา่ ง ๆ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงสนพระราชหฤทยั ในการศึกษา การคน้ คว้าวจิ ัย เพือ่ การพัฒนาในทาง วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์การแพทย์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ทรงใฝ่รู้และทรงศึกษาในวิชาที่สน พระราชหฤทัยโดยลกึ ซง้ึ เปน็ ท่ยี อมรับในหมู่นกั วชิ าการทั้งหลายว่า ทรงเป็นนักวิชาการโดยแทจ้ รงิ ได้ทรงศึกษา วชิ าแพทยศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ ทั้งโดยพระองคเ์ องและจากแพทย์ โดยเฉพาะในวิชาทเี่ กี่ยวกบั กายวภิ าคศาสตร์ สรรี วทิ ยา และเภสชั วทิ ยา ในขอบเขตทส่ี ามารถจะพระราชทานความคดิ เหน็ ในทางปฏบิ ตั ทิ เี่ ปน็ ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งดี ด งั เ ป น็ ทท่ี ราบกนั ดใี นหมู่แพทยท์ ่ีถวายงานสนองพระมหากรุณาธิคุณตลอดมา ในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั แพทยศาสตรศ์ กึ ษา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ คณะแพทยศาสตร์ ขนึ้ ในสว่ นภมู ภิ าค และไดพ้ ระราชทานพระบรมราชานเุ คราะหน์ านาประการ ทงั้ ดา้ นการศกึ ษา การบรกิ าร และการ คน้ คว้าวจิ ัยแก่โรงเรยี นแพทยต์ ่างๆ มาโดยตลอด ในบางกรณีกเ็ ปน็ พระราชดำรสิ ว่ นพระองค์ เชน่ พระราชทาน ทุนเร่ิมแรกในการก่อสร้างอาคารหอพักผู้ป่วยมะเร็ง เพ่ือการรักษาและการค้นคว้าวิจัยแก่คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ พระราชทานพระราชดำริแก่รฐั บาล ขอให้ขยายโรงพยาบาลของจังหวดั ในภาคต่าง ๆ เป็นโรงพยาบาลหลัก โดยมีโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และโรงพยาบาลชุมชนเป็น โรงพยาบาลบริวาร เพื่อให้เกิดการขยายการศึกษาแพทยศาสตร์ต่อไปในอนาคต พระราชดำริในเร่ืองการก่อต้ัง “มูลนิธิอานันทมหิดล” เพ่ือพระราชทานทุนแก่อาจารย์แพทย์ไปศึกษาวิจัยต่อ ณ ต่างประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ เป็นต้นมา บังเกิดคุณประโยชน์มหาศาลแก่การแพทยศาสตร์ศึกษาของประเทศไทยอยู่ใน ข ณ ะ นี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ แบบอยา่ งแหง่ “การเสยี สละ” แกบ่ รรดาแพทยท์ ง้ั หลาย ในการเสดจ็ พระราชดำเนนิ ทรงเยยี่ มราษฎรทกุ ครง้ั ทรงพระเมตตาใหแ้ พทย์ ทนั ตแพทย์ เภสชั กร และพยาบาล ตามโรงพยาบาล ตา่ ง ๆ ในส่วนภูมิภาคไดเ้ ข้ามาปฏิบัตงิ านใกลช้ ดิ เบ้อื งพระยุคลบาทในการตรวจรักษาผปู้ ว่ ย นอกจากนี้ยงั มีแพทย์ เป็นจำนวนมากทั้งจากโรงเรียนแพทย์ทุกแห่งและจากโรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆ ได้แสดงความจงรักภักดี ได้รับ ความไว้วางพระราชหฤทยั ไปปฏบิ ัติราชการในพระองค์ ตามขบวนเสด็จพระราชดำเนนิ ในหน้าทีต่ ่างๆ ทำใหแ้ พทย์ เหล่านี้เกิดความประทับใจ เม่ือได้พบเห็นและเรียนรู้ถึงพระราชกรณียกิจและพระราชจริยาวัตรที่ทรงปฏิบัติเป็น
พระบารมอี งค์ภูมินทร์ ปน่ิ สยาม ๑๘๕ ประโยชนต์ อ่ ประเทศชาตแิ ละตอ่ ประชาชน ทง้ั ยงั ไดต้ ระหนกั ถงึ พระราชอตุ สาหะวริ ยิ ะตรากตรำในการทรงเสยี สละ เพื่อสังคม ทรงชักชวนนักวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ ท้ังภาครัฐและภาคเอกชน ออกไปทำงานร่วมกันด้วยความ ส ม คั รสมานสามัคคี เพอ่ื ใหบ้ รรลพุ ระราชปณิธานบังเกดิ ประโยชน์สุขแก่ประชาชน นอกจากนี้พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ยงั ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานทนุ ทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งบริษัทบ้านบึงเวชกิจ จำกัด เพ่ือบริหารงานคลินิกขึ้น และพระราชทานนามว่า “ศูนย์แพทย์พัฒนา” พร้อมทั้งพระราชทานเคร่ืองมือแพทย์อันทันสมัย และ “รูปกากบาทสามมิติ” ให้เป็น สัญลักษณ์ของศูนย์แพทย์แห่งนี้ ศูนย์ดังกล่าวเป็นโครงการหนึ่งท่ีจัดต้ังขึ้นตามแนวพระราชดำริ และเสด็จ พระราชดำเนนิ เปน็ การสว่ นพระองค์ เพอ่ื ทรงเจมิ แผน่ ศิลาดวงอาคารศูนย์ ฯ เมื่อวันท่ี ๒๙ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๔๑ ศูนย์แพทย์พัฒนาเป็นคลินกิ ขนาดใหญ่ (Super Clinic) มคี วามพร้อมในด้านการชว่ ยชีวติ ผ้ปู ่วยทีม่ ีเหตุ ฉุกเฉินไดร้ ะดบั หนึง่ เปน็ ศนู ยร์ วมแพทย์และทนั ตแพทย์ มีผู้เชยี่ วชาญในการวนิ ิจฉัยและรักษาโรคทุกระบบ เชน่ แผนกศลั ยกรรม แผนกอายรุ กรรม แผนกตา หู คอ จมกู แผนกจิตเวช แผนกกมุ ารเวช แผนกสตู นิ ารีเวช แผนก ทันตกรรม แผนกไตเทียม เอกซเ์ รย์ และแผนกเวชศาสตรฟ์ ้นื ฟู เปน็ ต้น มีห้องผ่าตัดสำหรับผ่าตดั ตา มีเครื่องมอื ต ร ว จ วินิจฉยั เลือด อลั ตร้าซาวด์ มเี คร่ืองตรวจสมรรถภาพหวั ใจ และมเี ครอื่ งลา้ งไตอันทนั สมัยพรอ้ มใหบ้ รกิ าร โดยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยเอื้ออาทรในทุกข์สุขความเจ็บไข้ได้ป่วยของ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ต่อการแพทย์และ วงการศกึ ษาดา้ นแพทยศาสตร์ ทรงเปน็ แบบอยา่ งแหง่ การเสยี สละใหแ้ กบ่ คุ ลากรแพทยท์ งั้ ปวง โดยเฉพาะ แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา ท่ีจะได้น้อมนำไปปฏิบัติเพื่อเจริญรอยตามเบื้อง พระยุคลบาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๔๘ เม่อื วนั ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จงึ มมี ติเป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหมอ่ ม ถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเปน็ การเฉลิมพระเกยี รติคณุ ให้เปน็ ทป่ี ระจักษ์โดยทั่วกนั และเพอื่ เป็นสริ ิมงคลและเกยี รตอิ นั สงู สง่ แก่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมแ่ ละวงวิชาการสาขาแพทยศาสตรส์ บื ไป
๑๘๖ พระบารมอี งค์ภูมนิ ทร์ ปิน่ สยาม คำประกาศราชสดดุ ีเฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาเภสชั ศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ เพ่ือความ ร่มเยน็ เป็นสุขของปวงพสกนกิ ร โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจที่เกยี่ วกบั การแพทย์ สาธารณสุข พยาบาล และ เภสชั กรรม ทรงสนพระราชหฤทยั และเอือ้ อาทรในความเป็นอย่ขู องราษฎรอยา่ งไม่วา่ งเว้น ไดเ้ สด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเย่ียมราษฎรในภมู ภิ าคตา่ งๆ ท่ัวพระราชอาณาเขต ได้ทอดพระเนตรเหน็ ผู้เจบ็ ป่วยทกุ ขร์ อ้ น ทรงตระหนกั ว่าราษฎรในถ่ินทุรกันดารที่อยู่ห่างไกลแพทย์ต้องประสบกับความยากลำบาก ทรงปรารถนาที่จะให้ประชาชนได้ อยู่ดีมีสุข ปราศจากโรคาพยาธิเบียดเบียน ด้วยทรงเล็งเห็นการณ์ไกลว่า หากราษฎรมีสุขภาพเส่ือมโทรมแล้ว ก า ร พ ัฒนาความเป็นอยู่ด้านอื่นๆ ก็จะสัมฤทธิผลได้ยาก เม่ือเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ ทใ่ี ด ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม ใหห้ น่วยแพทยห์ ลวงท่โี ดยเสด็จทำการตรวจรักษาราษฎรผู้เจ็บปว่ ย ท้งั ในเขตพระราชฐานท่ปี ระทบั แรม และตาม หมบู่ า้ นทเี่ สด็จพระราชดำเนินเย่ยี ม ในบางโอกาสทรงเขียนฉลากยาและทรงอธิบายวิธีรบั ประทานยาพระราชทาน แกผ่ ปู้ ่วย ด้วยมพี ระราชประสงค์จะให้ผูป้ ่วยไดเ้ ข้าใจวิธกี ารใชย้ าอยา่ งถกู ต้อง ส่วนผปู้ ว่ ยท่อี าการหนักตอ้ งอาศยั แพทย์ที่เชี่ยวชาญหรืออุปกรณ์การรักษาท่ีสำคัญ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับไว้เป็นคนไข้ใน พระบรมราชานเุ คราะห์ สง่ ไปรบั การรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ ในตา่ งจงั หวดั หรอื ในกรงุ เทพมหานคร ตามความเหมาะสม พระเมตตาคณุ ทไี่ ดท้ รงงานดงั กลา่ วขา้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ พระปรชี าสามารถทางดา้ นเภสชั กรรม ท ีไ่ ด พ้ ระราชทานบริการแกป่ ระชาชน ยงั ความปล้ืมปตี ิและซาบซึง้ แกร่ าษฎรผูเ้ จ็บป่วยอย่างหาท่สี ดุ มไิ ด้ นอกจากน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ยังทรงสนพระราชหฤทยั เป็นพเิ ศษในเร่อื ง “สมนุ ไพร” อันเป็น ภมู ิปัญญาไทย ทรงเป็นหลกั ชยั ในการรเิ รม่ิ การพัฒนาเรอ่ื งสมนุ ไพร ทรงสนับสนุนใหม้ กี ารค้นควา้ การวจิ ัย และ การขยายการทำสวนสมุนไพร พระราชทานพระราชดำริในการอนุรักษ์พืชพรรณที่กำลังสูญหายไปอย่างรวดเร็ว ตามกาลเวลา และการแสวงหาผลประโยชนท์ งั้ ภายในประเทศและจากตา่ งประเทศ จงึ นำไปสโู่ ครงการนำสมนุ ไพร ไปปลูกไว้ในท่ีปลอดภัย เช่น โครงการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ “ห้วยฮ่องไคร้” ซ่ึงอยู่ในศูนย์การศึกษาการพัฒนา หว้ ยฮอ่ งไครอ้ นั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ ในเขตตำบลปา่ เมยี่ ง และตำบลแมโ่ ปง่ อำเภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชยี งใหม่ และโครงการสวนพฤกษศาสตร์ จังหวดั เชยี งใหม่ พระมหากรุณาธคิ ณุ ทั้งปวงนี้ ล้วนเปน็ คุณประโยชน์ทางวชิ าการ ด ้า น เภสัชกรรม การแพทย์ เศรษฐกจิ และการศึกษาอย่างหาทสี่ ดุ มไิ ด้ ในส่วนท่ีเก่ียวกับเวชภัณฑ์ยา ซึ่งใช้ในโครงการแพทย์อาสาตามพระราชดำริ โครงการแพทย์เคลื่อนที่ และในราชการของกองแพทย์หลวง พระบรมมหาราชวัง กองแพทยห์ ลวง สวนจิตรลดานนั้ มกี ารใช้เวชภัณฑ์ยา หลากหลายชนิดเป็นมูลค่าสูงมากในแต่ละปี เพื่อพระราชทานในการรักษาผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ปีละ นับแสนราย ยาและเวชภัณฑ์บางสว่ นมกี ารหมดอายุ เนื่องจากมีคณุ ภาพที่แตกตา่ งกนั การส่งั ซือ้ การเกบ็ รกั ษา ก า ร เ ลอื กยาหมดอายอุ อก ลว้ นเปน็ พระราชกรณยี กิจทพ่ี ระราชทานเพ่ือประชาชนท่เี จบ็ ป่วยท้ังสนิ้
พระบารมีองคภ์ ูมนิ ทร์ ป่นิ สยาม ๑๘๗ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจท่ีเก่ยี วเน่อื งกับการเภสัชศาสตร์อันกอ่ ใหเ้ กิดคณุ ประโยชน์นานัปการแก่ทวยราษฎร์ ใหม้ ี ความผาสุกร่มเย็นตลอดมา สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๔๘ เมื่อวันท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๘ จงึ มมี ตเิ ปน็ เอกฉนั ท์ ขอพระราชทานทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปรญิ ญาเภสชั ศาสตร ดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแิ์ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เพอ่ื เปน็ การเฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ใหเ้ ปน็ ทปี่ ระจกั ษโ์ ดยทว่ั กนั และเพอ่ื เปน็ สริ มิ งคลและเกยี รตอิ นั สงู สง่ แกม่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมแ่ ละวงวชิ าการ สาขาเภสัชศาสตร์สืบไป
๑๘๘ พระบารมอี งคภ์ มู ินทร์ ปน่ิ สยาม คำประกาศราชสดดุ เี ฉลิมพระเกียรติคณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาสตั วแพทยศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ์ิ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงปฏิบตั พิ ระราชกรณยี กจิ หลากหลาย เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทั่วทุกแหง่ ในแผ่นดินไทย เพ่ือทรงเยี่ยมเยียนศึกษาปัญหาต่างๆ ท่ีราษฎรประสบอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านการ สัตวแพทย์ ทรงส่งเสริมและสนับสนุนวิชาชีพและการศึกษาสาขาสัตวแพทยศาสตร์ การสัตวแพทย์สาธารณสุข การปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ การเล้ียงโคนมอย่างครบวงจร และการเตรียมพื้นท่ีป่ารองรับสัตว์ป่าคืนถ่ินตาม พระราชดำริ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อจัดสร้างโรงโคนมสวนจิตรลดาขึ้นภายในบริเวณเขต พระราชฐานสวนจติ รลดา เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๕ ทรงใชห้ ลักวิชาการดูแลสุขภาพสตั ว์ เพ่อื เพ่ิมผลผลิตจากสัตว์ ทีโ่ รงโคนมส่วนพระองค์ ทำให้ได้ผลผลิตน้ำนมจำนวนมาก สามารถนำมาแปรรูปเปน็ อาหารที่มีคณุ ค่าจำหนา่ ยแก่ ข้าราชบริพาร และประชาชนท่ัวไปก็สามารถหาซ้ือมาบริโภคได้ ปัจจุบันกิจการเก่ียวกับโคนมได้ขยายตัวจนมีทั้ง โ ร ง โ ค นมสวนจติ รลดา โรงนมผงสวนดสุ ติ ศนู ยร์ วมนมสวนจติ รลดา โรงนมเม็ด และโรงเนยแข็ง เป็นตน้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหก้ จิ การทง้ั หลายดงั กลา่ วเปน็ แหลง่ ตัวอย่าง เพื่อการศึกษาของนักวิชาการและประชาชน ให้ศูนย์รวมนมน้ีรับน้ำนมจากเกษตรกรของสหกรณ์โคนม อยุธยาและหนองโพมาผลิต โดยผ่านกรรมวิธีที่ทันสมัย ผลิตนมสดพาสเจอร์ไรส์และนมปรุงแต่ง ส่งจำหน่าย ในสถานที่ต่างๆ นับเป็นพระปรีชาสามารถท่ีตระหนักถึงหลักการสุขาภิบาลอาหารที่ปลอดภัยเพื่อการบริโภค ซึ่งเป็นงานส่วนหนึ่งของวิชาชีพสัตวแพทย์ที่มีจุดมุ่งหมายไม่แต่เฉพาะด้านการรักษาสัตว์เท่าน้ัน แท้จริงแล้ว สัตวแพทย์ยังมีหน้าที่พัฒนาการเล้ียงสัตว์ การดูแลสัตว์ให้มีสุขภาพดี และดูแลผลผลิตจากสัตว์ เพ่ือเป็นแหล่ง อาหารโปรตีนท่ีมีคุณค่าต่อคนในประเทศอีกด้วย พระราชกรณียกิจในด้านนี้ จึงเป็นแบบอย่างท่ีมีค่ายิ่งของงาน ด ้า น สัตวแพทย์สาธารณสุข และการดูแลสุขภาพสัตว์ ด้วยพระราชประสงค์ในการจัดตั้งโครงการหลวง เพื่อพัฒนาอาชีพชาวไทยภูเขา เพื่อให้ชาวไทยภูเขายุติ การตัดไม้ทำลายป่า มีที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง มีอาชีพสุจริตแทนการปลูกฝิ่น จึงได้พระราชทานพันธ์ุสุกร แกะ ม้า ล่อ ห่าน เป็ด ไก่ และปลา เพ่ือให้ชาวไทยภูเขาทดลองเล้ียง ทรงแนะนำวิธีการเล้ียงง่ายๆ แบบธรรมชาติ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ใหม้ ีอาหารโปรตีนไวบ้ ริโภคตลอดปี ไมต่ ้องล่าสัตวม์ าบรโิ ภค เปน็ การลดการทำลายทรัพยากร ธรรมชาติ ได้พระราชทานพระราชดำริระบบเกษตรแบบสมบูรณ์แบบในศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามพระราชดำริ ทุกศูนย์ท่ีได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักงาน กปร. ประสานงานจัดตั้งในภาคต่างๆ เพ่ือให้เป็นศูนย์รวม การศึกษาการพัฒนาสาขาต่างๆ ท่ีเหมาะสมกับท้องถิ่น รวมทั้งกิจกรรมการเล้ียงสัตว์ท้ังหมด เพ่ือให้เกษตรกร ใ ช ้เ ป ็นแหล่งศึกษาและเลือกนำเทคโนโลยีท่ีประสบความสำเร็จไปใช้ประกอบอาชีพได้ ในการเลี้ยงสัตว์ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตาสงสารเอ้ืออาทรต่อชีวิตของสัตว์ท้ังปวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เล้ียงสัตว์ที่มีผู้ถวาย หรือสัตว์ที่ถูกทอดท้ิงซึ่งทรงพบเห็นไว้ในเขต พระราชฐาน นบั ตัง้ แต่ ชา้ งตน้ ลิง นกพริ าบ นกกา และสนุ ขั ดงั ไดท้ รงเลา่ พระราชทานแก่คณะบคุ คลทเี่ ขา้ เฝ้า ทูลละอองธุลีพระบาทในโอกาสต่างๆ และทรงแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาในการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีความรักและ
พระบารมอี งค์ภมู ินทร์ ป่ินสยาม ๑๘๙ ซ่อื สัตยต์ ่อผเู้ ลี้ยง ทรงใหส้ งั เกตอากปั กริ ยิ า ดวงตา และพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก ใหเ้ ขา้ ใจความหมาย ทรงมีความ ผูกพันกบั สัตวเ์ ลย้ี งตา่ ง ๆ ที่ทรงเลยี้ งไว้ โดยเฉพาะสุนขั คณุ ทองแดงสนุ ขั ทท่ี รงเลยี้ งและครอบครวั เป็นตวั อยา่ งนี้ ได้อย่างดี ด้วยความซ่ือสัตย์ ฉลาด น่ารัก และแสนรู้ จึงโปรดและทรงพระเมตตาพระราชทานนามสกุลว่า “สวุ รรณชาด” พระมหากรณุ าธคิ ณุ ทท่ี รงมตี อ่ คณุ ทองแดงและครอบครวั ประจกั ษแ์ จง้ เมอื่ ครง้ั ทพ่ี สกนกิ รมโี อกาส ชมภาพขา่ วครงั้ ทท่ี รงหายจากพระอาการประชวร เสดจ็ พระราชดำเนนิ ออกจากโรงพยาบาลศริ ริ าช ทรงฉลองพระองค์ เส้ือยืดคอปกสีขาวรูปคุณทองแดงและครอบครัว พระบรมฉายาลักษณ์ท่ีทรงฉายกับสุนัขท่ีทรงเลี้ยงอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเร่ืองราวที่ปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์เร่ืองทองแดง ถ่ายทอดความเป็นมาและความสามารถพิเศษของ สนุ ขั ทที่ รงเลยี้ งนไ้ี ดอ้ ยา่ งชดั เจน ไดพ้ ระราชทานเงนิ รายไดจ้ ากการจำหนา่ ยเสอื้ คณุ ทองแดงจำนวน ๒,๑๓๑,๓๕๑ บาท สร้างสระว่ายน้ำสำหรับสุนัขขึ้น โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตรด์ ำเนนิ การ เพอื่ ฟนื้ ฟสู ภาพรา่ งกายสนุ ขั ทป่ี ว่ ยดว้ ยโรคทางกระดกู และขอ้ รวมทง้ั โรคทางระบบประสาท เนอ่ื งจากทรงสนพระราชหฤทยั ในการรกั ษาสตั ว์ โดยเฉพาะสนุ ขั ทปี่ ว่ ยเปน็ โรคกระดกู ซงึ่ ปจั จบุ นั พบวา่ มอี ยจู่ ำนวนมาก ขณะท่ีสระว่ายน้ำสำหรับสัตว์ป่วยยังไม่เป็นที่แพร่หลาย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานคำแนะนำในการก่อสร้างสระว่ายน้ำเพ่ือฟื้นฟูสัตว์ป่วยให้ถูกต้องตามหลัก วชิ าการ อาศยั หลักธาราบำบัด ซงึ่ เป็นศาสตรห์ นงึ่ ของการรกั ษาโรคในกลุ่มเวชศาสตรฟ์ นื้ ฟู ใช้นำ้ ชว่ ยพยงุ ตัวสตั ว์ ระหวา่ งวา่ ยนำ้ เพอ่ื ใหก้ ระดกู กลา้ มเนอ้ื ขอ้ ตอ่ เคลอ่ื นไหวอสิ ระ สมำ่ เสมอ ทงั้ แรงกดของนำ้ ชว่ ยบบี นวดกลา้ มเนอื้ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดการบวมของเน้ือเยื่อ โดยนำสระว่ายน้ำสุนัขทรงเล้ียงท่ีพระราชวังไกลกังวล มาเป็นตน้ แบบ และไดเ้ สด็จพระราชดำเนนิ พรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรง เปิดสระว่ายน้ำสำหรับสนุ ขั ดงั กล่าวน้ี เมือ่ วนั ที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๕๔๘ โดยโปรดใหค้ ณุ ทองแดงสุนขั ท ร ง เ ล้ยี งโดยเสดจ็ ในการนี้ด้วย นอกจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างสระน้ำน้ีแล้ว ยังมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานรายได้จากการจำหน่ายเสอื้ คุณทองแดงให้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ อกี หลายโครงการ เช่น โครงการ ตรวจหาเคร่ืองหมายดีเอ็นเอของสุนัขสายพันธ์ุไทย โครงการเฝ้าระวังและการพัฒนาวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซิส โครงการเฝา้ ระวงั โรคระบาดในสตั วป์ กี โครงการพฒั นานำ้ เชอื้ แชแ่ ขง็ สนุ ขั ซงึ่ แตล่ ะโครงการนอกจากจะมคี วามสำคญั เพมิ่ พนู ความรู้ความสามารถใหแ้ ก่การตรวจวินิจฉยั และการรักษาโรคสัตวข์ องประเทศไทยแลว้ โครงการทีเ่ กดิ ข้นึ ย งั ก อ่ ให้เกิดการพึง่ พาตนเองอกี ด้วย ด้วยพระปรีชาสามารถและพระราชหฤทัยอันเต็มเป่ียมด้วยพระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงห่วงใยต่อ การเล้ยี งสัตว์และสัตวเ์ ลยี้ ง อนั โยงใยมาสคู่ วามเป็นอยูข่ องประชาราษฎร์ ดังไดท้ รงศกึ ษาพจิ ารณาปัญหา ของเกษตรกรในการทจ่ี ะเลยี้ งสตั วไ์ วใ้ ชแ้ รงงานและบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์ ทรงศกึ ษาพจิ ารณาสตั วเ์ ลย้ี งซง่ึ ใกลช้ ดิ กับเจ้าของด้วยความละเอียดอ่อน ตลอดจนทรงแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างประหยัด เรียบง่าย ราษฎรสามารถนำไปปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งถกู ต้องตามหลักวชิ าการทางสาขาสัตวแพทยศาสตร์ สภามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ในคราวประชุมคร้ังที่ ๙/๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอ พระราชทานทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปรญิ ญาสตั วแพทยศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดแิ์ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช เพ่ือเป็นการเฉลิมพระเกยี รตคิ ณุ ให้เป็นท่ปี ระจกั ษ์โดยทว่ั กัน และเพ่ือ เป็นสริ ิมงคลและเกียรตอิ นั สูงสง่ แก่มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ และวงวิชาการสาขาสัตวแพทยศาสตร์สืบไป
๑๙๐ พระบารมอี งคภ์ มู นิ ทร์ ปิ่นสยาม คำประกาศราชสดุดเี ฉลมิ พระเกียรติคณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในโอกาสทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมท่ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย ปรญิ ญาสาธารณสขุ ศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด ิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระประมุขท่ีสมบูรณ์ด้วยทศพิธราชธรรม ทรงพระเมตตาอาทร ต่อพสกนิกรผู้อยู่ในพระบรมโพธิสมภารทั่วทุกภาคพ้ืนของประเทศไทยอย่างท่ัวถึง นับแต่ทรงครองสิริราชสมบัติ ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เยี่ยมเยียนประชาชนทุกหมู่เหล่าในท้องถิ่นไทยทุกภาคพื้นมิได้ขาด เพ่ือบำบัดทุกข์บำรุงสุข ของเหล่าประชาราษฎร์ โดยมิได้ทรงย่อท้อและทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทัยใดๆ เม่ือทรง พบเห็นพสกนิกรภาคพ้ืนใดประสบความทุกข์ยากขาดแคลน เหตุเพราะอาชีพความเป็นอยู่ขัดสนหรือเภทภัย ทรงพระราชดำริวางแผนช่วยเหลือ เป็นเหตุให้เกิดโครงการต่างๆ อันเน่ืองมาจากพระราชดำริบรรเทาทุกข์ร้อน ข อ ง ราษฎรได้สัมฤทธผิ์ ล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างย่ิง ทรงหว่ งใยสขุ ภาพอนามยั ของพสกนกิ รมาโดยตลอด ในคราวเกดิ การระบาดของโรคโปลโิ อ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ และอหิวาตกโรคเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๑ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ในการจดั ซอื้ วคั ซีนปอ้ งกนั รักษาพยาบาล ผู้ป่วย ทรงส่งเสริมให้แพทย์และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขค้นคว้าหาวิธีการบำบัดรักษา และกำจัดโรคเรื้อนไม่ให้ หลงเหลอื อยใู่ นประเทศไทย โดยทรงกอ่ ตงั้ มลู นธิ ริ าชประชาสมาสยั เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ควบคมุ โรคเรอื้ น ทรงชว่ ยเหลอื สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนมีอาชีพโดยไม่เป็นภาระต่อสังคม อันเป็นการยกระดับชีวิตและให้โอกาสแก่บุคคล เหลา่ น้ี ทรงสนับสนนุ ให้สภากาชาดขยายงานการบรกิ ารผเู้ จ็บไข้ ทรงหว่ งใยพสกนกิ รทัง้ ในกรุงเทพมหานครและ ตา่ งจงั หวดั ทตี่ อ้ งเผชญิ กบั สภาพมลพษิ ทางดา้ นตา่ งๆ ซง่ึ จะสง่ ผลตอ่ สขุ ภาพอนามยั ของคน พชื พนั ธุ์ และสตั วต์ า่ งๆ ทรงสงั เกต เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู รเิ รม่ิ ทดลอง และตดิ ตามประเมนิ ผลแกไ้ ขมลพษิ ทางสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งหลากหลาย ดว้ ยวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทางธรรมชาติ ทำใหเ้ กดิ สมั ฤทธผิ ลและอำนวยประโยชนแ์ กพ่ สกนกิ รอยา่ งกวา้ งขวาง เ ช ่น โครงการกำจดั นำ้ เสยี ดว้ ยผกั ตบชวา และการประดษิ ฐเ์ คร่อื งเตมิ อากาศในน้ำแบบกงั หันน้ำชยั พฒั นา เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ยงั ไดพ้ ระราชทานพระบรมราชานเุ คราะหใ์ นการจดั สรา้ งอาคารรกั ษาพยาบาลผปู้ ว่ ยหลายแหง่ ใ น โ รงพยาบาลตา่ งๆ นับเป็นพระมหากรุณาธคิ ุณแก่พสกนิกรและการแพทย์ การสาธารณสขุ ไทยเป็นล้นพ้น โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านการสาธารณสุขท่ีเป็น คุณประโยชน์อเนกอนันต์ บนั ดาลให้เกดิ ศุภผลและสวัสดิภาพแก่ประชาชนทกุ หมเู่ หล่า โดยมิได้ทรงเลือก เชือ้ ชาติ ศาสนา ดว้ ยความสำนกึ ในพระมหากรุณาธิคณุ สภามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ในคราวประชมุ ครง้ั ที่ ๙/๒๕๔๘ เมื่อวนั ท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๘ จงึ มีมตเิ ป็นเอกฉันท์ ขอพระราชทานทูลเกล้าทลู กระหมอ่ ม ถวายปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุ ยเดช เพ่ือเปน็ การเฉลิมพระเกยี รตคิ ุณใหเ้ ป็นท่ปี ระจักษ์โดยท่ัวกนั และเพือ่ เป็นสริ มิ งคลและเกียรติ อนั สูงส่งแก่มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ และวงวิชาการสาขาสาธารณสุขศาสตรส์ ืบไป
พระบารมอี งคภ์ ูมินทร์ ปิ่นสยาม ๑๗๙ รายนามคณะกรรมการจดั ทำหนังสือเทดิ พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวกบั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัตคิ รบ ๖๐ ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา ทีป่ รกึ ษา ศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ศักด์ิ อังกสทิ ธ์ิ อธกิ ารบด ี รองศาสตราจารย์ นายแพทยว์ ชั ระ รจุ เิ วชพงศธร รองอธกิ ารบดีฝ่ายบรหิ าร ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พงษอ์ ินทร์ รักอริยะธรรม รองอธิการบดฝี ่ายวชิ าการ รองศาสตราจารยธ์ รี ะ วิสทิ ธ์ิพานิช รองอธกิ ารบดีฝา่ ยนกั ศกึ ษาเกา่ สัมพนั ธ ์ และมวลชนสัมพนั ธ ์ รองศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ วริ ิยจาร ี รองอธิการบดีฝ่ายแผนและพฒั นา ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์อาคม ตนั ตระกูล ผู้ช่วยอธกิ ารบดีฝา่ ยประชาสมั พันธ ์ และกิจการมวลชนสัมพันธ์ นางสาวศรนี ติ ย์ บญุ ทอง ทีป่ รกึ ษาด้านการพัฒนา สำนกั งาน คณะกรรมการพิเศษเพอ่ื ประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) คณะกรรมการดำเนินงาน นางเพญ็ สุวรรณ นาคะปรีชา ประธานกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.ประภา สขุ เกษม รองประธานกรรมการ ผู้ช่วยศาสตราจารยเ์ หรียญ หลอ่ วมิ งคล กรรมการ รองศาสตราจารยเ์ รณู วชิ าศลิ ป ์ กรรมการ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งอรุณ ทฆี ชุณหเถยี ร กรรมการ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นฤมล ธรี วฒั น ์ กรรมการ นางคทั ลยี า ปรชิ านิ กรรมการ นายเฉิดฉาน สาธวุ งษ ์ กรรมการ นางนงเยาว์ พุทธคำ กรรมการ นางสาวพรพศิ เดชาวัฒน์ กรรมการ นางภณดิ า สวสั ดิวงษพ์ ร กรรมการ นายมงคล ลายคำ กรรมการ นางสาววรารกั ษ์ พัฒนเกยี รติพงศ ์ กรรมการ นายวสุ ละอองศร ี กรรมการ นายวโิ รจน์ วงศ์อาษา กรรมการ นางสนิ ีนาฏ สมบรู ณเ์ อนก กรรมการ นางสกุ ญั ญา ธรี พงศภ์ ักดี กรรมการและเลขานกุ าร
ISBN 978-974-672-295-7 พมิ พค์ ร้งั ที:่ ๑ / ๒๕๕๑ จำนวนพมิ พ์: ๑,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์: มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม ่ ข้อมลู ทางบรรณานกุ รม พระบารมีองคภ์ มู นิ ทร์ ปิ่นสยาม / คณะกรรมการจัดทำหนังสือเทดิ พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั กบั มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ในวโรกาสทรงครองสริ ิราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา. ๑๙๒ หน้า. ภาพประกอบ. ๑. ภูมพิ ลอดลุ ยเดช, พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว, ๒๔๗๐- . ๒. มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่. ๓. มลู นธิ โิ ครงการหลวง. I. มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ คณะกรรมการจดั ทำหนงั สอื เทดิ พระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กับมหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา. ๙๒๓.๑๕๙๓ ศิลปกรรมและรปู เลม่ : บริษทั คลั เลอร์ ปารต์ ้ี ออบเจค็ ท์ จำกดั โทรศพั ท์ ๐-๒๓๐๐-๕๑๒๔ พิมพ:์ พงษ์พาณชิ ยเ์ จรญิ ผล จำกัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196