Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดับ ว่างสงบ เย็น

ดับ ว่างสงบ เย็น

Description: ดับ ว่างสงบ เย็น

Search

Read the Text Version

ดบั ว่าง สงบ เย็น ถึงพื้นหรือไม่ถึงพ้ืน ท่านก็จะหย่อนเท้าลงไปในน้�ำ แล้วก็แกว่งดู ท่าน พูดอย่างน้ัน อาตมาคิดอยู่อย่างน้ันแหละตอนท่ีลงไปในมหาสมุทร ทีน้ีพอลงไปในมหาสมุทร ก็ อ้าว! นี่หรือ ท่ีพระพุทธโฆษาจารย์ บอกวา่ ลกึ นกั ทำ� ไมพอเราลงไป มนั แคค่ รงึ่ แขง้ เอง แคน่ น้ั เอง และกเ็ ปน็ ทรายนมิ่ ๆ สว่ นบา้ นสขี าวคอื บา้ นไมม่ คี น เปน็ บา้ นทวี่ า่ งจากคน กค็ อื วา่ ง จากตวั จากตน จากเรา จากเขานัน่ แหละ ทีนี้เรามาดูเร่อื งของปฏิจจสมปุ บาท เร่ืองนีเ้ ราจะร้ไู ด้ ต้องปฏิบตั ิ ต้องศึกษาตามอริยมรรคมีองค์แปดก่อน สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สมั มาวาจา สมั มากมั มันโต สัมมาอาชโี ว สมั มาวายาโม สมั มาสติ สัมมา สมาธิ มีคำ� แปลอยดู่ ้วย ฉะน้ัน ทา่ นควรทจ่ี ะสวดบอ่ ยๆ เรอื่ งอริยมรรค มอี งคแ์ ปด พอสวดไปกป็ ฏบิ ตั ไิ ปทกุ วนั สวดไปปฏบิ ตั ไิ ป สวดไปปฏบิ ตั ิ ไป แลว้ กค็ อ่ ยๆ เข้าใจ เมอื่ คนื พดู แลว้ ในเรอ่ื งอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด ในขอ้ หนง่ึ คอื สมั มา ทิฏฐิ มีความเหน็ อนั ถูกต้อง คอื เหน็ อริยสจั ส่ี เห็นขนั ธห์ ้า เห็นปฏิจจ- สมุปบาท การเหน็ นีต้ ้องปฏิบตั ิ ถ้าไมป่ ฏิบัตกิ ็จะไมเ่ หน็ ทนี ก้ี ารทจี่ ะเห็น ไมใ่ ชเ่ หน็ ดว้ ยตาเนอ้ื ตอ้ งเหน็ ดว้ ยตาปญั ญา เมอ่ื เราปฏบิ ตั แิ ลว้ กจ็ ะเกดิ ตาปัญญาข้ึนมา เกิดดวงตา เกิดปัญญา เกิดญาณ เกิดวิชชา เกิดแสง สว่าง ทีน้ีเมื่อใครปฏิบัติกจ็ ะเห็นขอ้ แรกคือเห็นอริยสัจสกี่ อ่ น จะไปเห็น ปฏิจสมุปบาททีเดียวไม่ได้หรอก เพราะปฏิจจสมุปบาททั้งหมดก็คือ อรยิ สัจส่ี ตอ้ งเหน็ อรยิ สจั ส่กี ่อน 89

หลวงพ่อเอ้ียน  วิโนทโก อรยิ สัจสี่ เร่อื งอริยสจั สี่ก็พูดไปแลว้ มันก็มอี ยู่ ๒ ตอน ตอนหนง่ึ ก็คือฝ่าย เกิดทุกข์ อีกตอนหนึ่งก็คือฝ่ายดับทุกข์ ท้ังหมดก็คือเร่ืองของเหตุผล น่ันแหละ ฝ่ายเกิดก็คือเกิดทุกข์ ฝ่ายดับก็คือดับทุกข์ ปฏิจจสมุปบาท ก็คือการขยายอริยสัจสี่ให้กว้างออกไป กว้างออกไป อริยสัจสี่ก็มีผล แล้วกม็ เี หตุ มีผล แล้วก็มเี หตุ ทุกข์เป็นผล สมุทัยเปน็ เหตุ นิโรธเปน็ ผล อริยมรรคมอี งคแ์ ปดเปน็ เหตุ น่ันคอื ผล-เหตุ ผล-เหตุ ทีนมี้ นั ยังยอ่ เกนิ ไป ทเี่ ราปฏบิ ตั อิ รยิ มรรคมอี งค์แปด ท่หี ลวงพอ่ บอกวา่ ขอ้ ท่ี ๑ กบั ขอ้ ที่ ๒ สมั มาทฏิ ฐิ ความเหน็ อนั ถกู ตอ้ ง สมั มาสงั กปั โป ความด�ำริหรือความคิดอันถูกต้อง ๒ ข้อน้ีเป็นตัวปัญญา เมื่อเป็นตัว ปญั ญา การทีจ่ ะเห็นกบ็ อกแล้วว่าไมใ่ ชเ่ หน็ ดว้ ยตาเน้ือ ตอ้ งเห็นด้วยตา ปญั ญา เมอ่ื เราปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด กจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ จกั ขงุ อทุ ะ ปาทิ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตรสั จกั ษเุ กดิ ขนึ้ แลว้ แกเ่ รา นค่ี อื ในธมั มจกั กปั ป- วัตตนสูตร ใหท้ ่านไปสวด แล้วท่านจะรจู้ ะเห็น จกั ขงุ อทุ ะปาทิดวงตาเกดิ ขนึ้ แลว้ แกเ่ ราญาณงั อทุ ะปาทิญาณงั คอื ตัวรู้ ญาณังอทุ ะปาทิ ญาณเกิดขน้ึ แลว้ แกเ่ รา ปัญญาอุทะปาทิ ปญั ญา เกิดข้ึนแล้วแก่เรา วิชชาอุทะปาทิ วิชชาเกิดข้ึนแล้วแก่เรา วิชชาก็คือ ตัวปราบอวิชชาให้สิ้นไป อาโลโกอุทะปาทิ แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ไมใ่ ช่แสงสว่างแหง่ ดวงอาทติ ย์ หรอื ไฟฟา้ แต่เป็นแสงสวา่ งแห่งปัญญา 90

ดับ ว่าง สงบ เย็น แห่งวิชชา ท่ีส่องออกไปข้างหน้า พอส่องออกไปแล้วก็เห็น นั่นแหละ เกิดจักขุงอุทะปาทิ ญาณังอุทะปาทิ ปัญญาอุทะปาทิ วิชชาอุทะปาทิ อาโลโกอุทะปาทิ พอเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องใช้ นี่เป็นปัญญาแล้ว ปัญญาที่ ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด พอเกิดปัญญาขึ้นมาแล้ว สัมมาทิฏฐิ มคี วามเหน็ อนั ถกู ต้อง เห็นอะไร เห็นอรยิ สัจส่ี พอเกิดปัญญาขึ้นมาแล้ว ก็เท่ากับว่าเกิดจากตัวอริยมรรค เกิด ปญั ญาข้นึ มาแล้ว ปญั ญานัน้ ก็สรุปว่าเปน็ นิโรธ ปญั ญาน้นั เป็นนิโรธ คือ ไว้ส�ำหรับท�ำอะไร นิโรธมีไว้ส�ำหรับดับ นิโรธคือดับ ดับอะไร ก็คือดับ อวิชชาน่ันแหละ อวิชชาเป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์คือสมุทัย นิโรธที่ เราได้ผลมาจากการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด เม่ือเกิดนิโรธขึ้น มาแล้ว นิโรธน้ันก็เอาไปดับที่สมุทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์ ไปดับที่เหตุ ให้เกิดทุกข์ ไอ้ตัวเหตุที่ให้เกิดทุกข์น่ีแหละ มันป้อนอาหารคือ ราคะ โทสะ โมหะ ป้อนให้อวิชชา อวิชชามันเลยไม่ตาย อยู่ได้มาจนทุกวันนี้ แหละ อวิชชาตัวน้ีมันครอบง�ำมนุษย์ทั่วโลกเลย นอกจากพระอริยเจ้า หรอื ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทย่ี งั ไมไ่ ดบ้ วชแตจ่ ติ ใจภายในเขาสามารถดบั ได้ดงั นน้ั เม่ือเราได้นโิ รธมาแลว้ กต็ อ้ งดับทีเ่ หตุให้เกดิ ทุกข์ เม่ือดับเหตใุ ห้เกิด ทุกข์แล้ว ทุกข์มันก็ต้ังอยู่ไม่ได้ ตัวทุกข์ในท่ีน้ีก็คือตัวอวิชชา อวิชชา คอื ตวั ทกุ ข์ ราคะ โทสะ โมหะ คอื ตวั เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ข์ นโิ รธคอื ตวั ดบั ทกุ ข์ อริยมรรคคือตัวทีเ่ ราจะต้องปฏิบตั ใิ ห้จริงจงั 91

หลวงพอ่ เอี้ยน  วโิ นทโก ทนี หี้ ลวงพอ่ พดู แลว้ พดู อกี มนั จำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งพดู ทบี่ อกวา่ ไมใ่ ช่ กู ไมใ่ ชก่ นู น่ั แหละ ใหภ้ าวนากนั วา่ ไมใ่ ชก่ ู ปกตเิ ราไมไ่ ดภ้ าวนาคำ� วา่ กกู นั หรอก แตม่ ันเป็นอยแู่ ล้ว ตาก็กู หูก็กู จมกู กก็ ู ลนิ้ กาย ใจ กูหมด แล้ว ก็มขี องกหู มด มันกเ็ ลยมีแตก่ ู กบั ของกู พอกูทหี นึ่ง อวิชชาเกิดทหี นงึ่ กทู ีหน่ึง อวิชชาเกดิ ทีหนึ่ง มันก็เลยใหญม่ โหฬารเท่ากบั ภูเขา อวิชชามัน ใหญโ่ ตจรงิ ๆ พอใหญโ่ ตแล้ว มันครอบง�ำ มีลกู น้องอยูเ่ ป็นแถว สังขาร วญิ ญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปะรเิ ทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส เป็นลูกนอ้ งอยู่ใตอ้ ำ� นาจ ของอวชิ ชาหมด เรากเ็ ลยมคี วามทกุ ขก์ นั แตล่ ะวนั แตล่ ะคนื กอ็ ยกู่ นั อยา่ ง นั้น มันกเ็ ลยมีความทุกขต์ ลอดไป ทกุ ข์โดยรู้สกึ ตัวบา้ ง ไมร่ สู้ กึ ตวั บา้ ง เราไมร่ สู้ กึ วา่ มคี วามทกุ ข์ เพราะชนิ กบั ความทกุ ข์ เวน้ แตจ่ ะมที กุ ข์ ทม่ี นั แรงขนึ้ มา เชน่ ทกุ ขจ์ ากเกดิ แผน่ ดนิ ไหวจนเอาชวี ติ ไมร่ อด นนั่ เปน็ ทุกข์หนกั หรือทกุ ข์คนทรี่ กั ตายไป นั่นก็ทุกข์ หรือทกุ ขต์ ัวเองจะตายข้ึน มา มะเรง็ ขน้ั ทส่ี ามแลว้ หมอบอกอยไู่ ดส้ ามเดอื น ยงิ่ ทกุ ขเ์ ขา้ ไปใหญเ่ ลย ทนี ี้ เพราะมนั กลวั ตาย ทกุ ขก์ ลวั ตายน่ี มกี นั ทกุ คน ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ธิ รรมให้ ถงึ ขัน้ จะมีทกุ ขก์ ลวั ตาย ทุกข์กลัวตายก็ยังไมพ่ อ มันยงั มที กุ ข์กลัวเจบ็ ทกุ ขก์ ลวั แก่ ไมใ่ ชม่ นั สคู้ วามแก่ แตม่ นั ไปกลวั ความแก่ มนั โงห่ รอื วา่ มนั ฉลาดน่ี ไปทกุ ขก์ ลวั แก่ ทีน้ีทุกขก์ ลวั หนมุ่ กลวั สาวมันก็ทกุ ขเ์ หมือนกัน แตเ่ ขาไมเ่ รยี กวา่ ทกุ ข์ เขาเรยี กวา่ สขุ เวทนา คนหนมุ่ คนสาวถา้ ใครทหี่ ลอ่ 92

ดบั วา่ ง สงบ เย็น ทสี่ วย เกดิ สขุ เวทนาหลงตวั เอง นน่ั กท็ กุ ขเ์ หมอื นกนั สขุ เวทนากเ็ ปน็ ทกุ ข์ เหมอื นท่วี า่ มาโดยละเอยี ดแล้วเมอื่ คืน สุขเวทนาก็คอื ทกุ ข์ ทุกขเวทนากค็ อื ทุกข์ อทกุ ขมสุขเวทนาก็คอื ทกุ ข์ คอื ตวั อวชิ ชา ตวั เจา้ ของทกุ ข์ อวชิ ชาเปน็ เจา้ ของทกุ ขท์ กุ ตวั ทกุ ขท์ ี่ เกดิ เพราะอยใู่ ตอ้ ำ� นาจของอวชิ ชา ทนี เ้ี รากเ็ ลยตอ้ งอาศยั การปฏบิ ตั ติ าม อรยิ มรรคมอี งค์แปด ทำ� ให้เกดิ จกั ขงุ อุทะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชาอุทะปาทิ อาโลโกอุทะปาทิ แล้วเราก็ได้พลังปัญญามา เรียกว่านิโรธ คอื ผลของการปฏิบัติตามอริยมรรคมอี งค์แปด ปจั จัยให้เกิดทุกข์ – อธบิ ายจากปฏจิ จสมุปบาท เม่อื ก่อน ตอนยงั ไมม่ นี โิ รธ ทกุ ข์มนั เกดิ อย่างไร เหตุใหเ้ กดิ ทกุ ข์ นน่ั แหละ เหตใุ หเ้ กดิ ความโกรธ เหตใุ ห้เกิดความโลภ เหตุใหเ้ กิดความ หลง เหตุมันเกิดยังไง มันเกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันเกิดอยู่ ทุกวันๆ แล้วอวิชชามันก็ได้อาหาร อวิชชาเป็นปัจจัยท�ำให้เกิดสังขาร สงั ขารเปน็ ปจั จยั ทำ� ใหเ้ กดิ วญิ ญาณ วญิ ญาณเปน็ ปจั จยั ทำ� ใหเ้ กดิ นามรปู นามรูปเป็นปัจจัยท�ำให้เกิดสฬายตนะ สฬายตนะเป็นปัจจัยท�ำให้เกิด ผสั สะ ผสั สะเปน็ ปจั จยั ทำ� ใหเ้ กดิ เวทนา เวทนาเปน็ ปจั จยั ทำ� ใหเ้ กดิ ตณั หา ตณั หาเปน็ ปัจจยั ทำ� ให้เกดิ ใหเ้ กดิ อปุ าทาน อุปาทานเปน็ ปจั จยั ท�ำให้เกิด ภพ ภพเป็นปัจจัยท�ำให้เกิดชาติ ชาติเป็นปัจจัยท�ำให้เกิดชรา มรณะ 93

หลวงพอ่ เอีย้ น  วิโนทโก โสกะ ปะริเทวะ ทุกขะ โทมนสั อุปายาส นา่ เบื่อ ฟงั แล้วน่าเบือ่ เพราะฟัง ไม่ถกู มันเป็นภาษาของชาวอินเดีย แต่เราก็จะตอ้ งเอาภาษาตน้ ฉบบั เอา ไว้ นน่ั คอื ปจั จยั ทำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ข์ เกดิ ทกุ ข์ เกดิ ทยอยกนั ไปอยา่ งนน้ั คอื ตวั อวิชชาเปน็ ตน้ เหตุ ทีนีถ้ ้าเราปฏบิ ตั ติ ามทางทพี่ ระพุทธองคป์ ฏบิ ัติมาแลว้ แลว้ กเ็ ป็น พระพุทธเจา้ ทีพ่ ระองคเ์ ป็นพระพุทธเจา้ พระองค์ก็จะต้องรูเ้ รอื่ งนี้ และ รโู้ ดยละเอยี ดดว้ ย แตเ่ ราไมต่ อ้ งรลู้ ะเอยี ดเกนิ ไป เพยี งแตส่ กดั กนั้ ความ ทุกข์ให้มันผอมลง ผอมลงก็ใช้ได้ ความทุกข์เกิด ก็เพราะเหตุให้เกิด ทกุ ข์ จะใหท้ กุ ขด์ บั กต็ อ้ งดบั ทเี่ หตมุ นั กอ่ น คอื ตวั สมทุ ยั พอดบั ตวั เหตุ ให้เกดิ ทุกข์ อวิชชามันก็ดับ ตัวอวชิ ชานน้ั คอื การทีเ่ ราเอาความรสู้ ึก มาเปน็ ตวั กู เอาจติ มาเปน็ ตวั กู พอเอาจิตมาเป็นตวั กู จติ นัน้ ก็เลยถูก ครอบคลมุ ดว้ ยอวิชชาทันที คือ ด้วยอำ� นาจของความโงท่ นั ที อรยิ สัจ – ปฏิจจสมปุ บาท เหตุให้เกิดอวิชชานั้น คืออะไร ก็เพราะมันไม่รู้อริยสัจส่ี คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค น่ันแหละ เพราะมันไม่รู้อริยสัจสี่จึงเรียกว่า จิตอวิชชา จิตอวิชชาแปลว่า ทั้งมืด และบอด เท่ากับทั้งหูหนวก ท้ัง ตาบอด มันมาจากเหตุคือ จิตตัวนั้นไม่รู้อริยสัจสี่ เมื่อเราปฏิบัติตาม อริยมรรคมีองค์แปด เราก็ได้ผลเป็นนิโรธ นิโรธคือตัวปัญญาสูงสุด 94

ดับ วา่ ง สงบ เยน็ แล้วเราก็เอาไปปราบ เอาไปแก้ตัวสมุทัย ให้ตัวที่เป็นเหตุมันรู้ขึ้นมา วา่ อรยิ สจั เปน็ อยา่ งนี้ อยา่ งน้ี เมอื่ กอ่ นมนั โง่ พอทำ� ตวั เหตใุ หม้ นั ฉลาด ข้นึ มา ความโงม่ ันกห็ ายไป เม่ือกอ่ นตัวน้นั มนั น�ำความมืดมา ท�ำใหจ้ ิต ท่ีประกอบด้วยอวิชชามันมืด เม่ือเราปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด เราก็ไดไ้ ม้ขีดมาแลว้ หรือร้แู ล้ววา่ มสี วิตชอ์ ยู่ตรงนี้ เหมือนเราเข้าไปใน ห้องมดื ๆ เราก็รู้แล้วสวติ ชม์ นั อยู่ตรงน้ี พอเปดิ มัน ความมืดก็หาย มดื จะอยู่ได้อย่างไร หนีหมด แต่เราจะต้องเรียนรู้มาก่อนว่ามีสวิตช์ไฟอยู่ ไฟฟ้าเขาท�ำมาแล้วอย่างน้ันๆ ทีน้ีเราก็เรียนรู้ เหมือนปฏิบัติอริยมรรค มอี งค์แปดอย่างน้นั พอเรียนร้แู ลว้ พอเราเข้าไปในห้อง เรากเ็ ปิดสวติ ช์ พอเปิด ความมืดมันก็หายไป น่ันคือตัวอวิชชาหายไป แต่เขาไม่เรียก อวชิ ชาหาย เขาเรียกอวิชชาดับ เม่ือกฝี้ ่ายเกดิ แลว้ กม็ ีฝ่ายดบั คือ พออวิชชาดับ สังขารดับ พอ สงั ขารดบั วญิ ญาณดบั วญิ ญาณดบั นามรปู ดบั นามรปู ดบั สฬายตนะดบั สฬายตนะดับ ผัสสะดับ ผัสสะดับ เวทนาดับ เวทนาดับ ตัณหาดับ ตัณหาดับ อุปาทานดับ อุปาทานดับ ภพดับ ภพดับ ชาติดับ ชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปะริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสดับ ดับเพราะ อะไร ดับเพราะเรามีของดีนั่นแหละ คือ เราผลิตอริยมรรคมีองค์แปด ให้เข้มแข็งขึ้นมา อริยมรรคมีองค์แปดมีหน้าท่ีผลิตปัญญาออกมา ถ้า ใครปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปดก็จะผลิตปัญญาออกมา เมื่อผลิต 95

หลวงพ่อเอีย้ น  วโิ นทโก ปญั ญาออกมาแลว้ คอื ผลิตดวงตาขน้ึ มา ผลติ ญาณขนึ้ มา ผลิตวชิ ชา ขน้ึ มา ก็ในเรือ่ ง จักขุงอทุ ะปาทิ ญาณงั อุทะปาทิ ปญั ญาอทุ ะปาทิ วชิ ชา อทุ ะปาทิทนี ก้ี เ็ อามาใสใ่ นคปู่ รบั คอื ตวั มดื นนั้ แหละพอเอามาใสใ่ นตวั มดื อันนม้ี ันไม่มดื มันมีตัวสวา่ ง ปญั ญามันสว่าง เรยี กว่า อาโลโกอทุ ะปาทิ คอื ความสวา่ งแห่งปัญญาพรอ้ มพลงั เหมือนท่ีหลวงพ่อพูดเมื่อคืนว่า นักวิทยาศาสตร์เห็นกับกล้องดู ดาว แตผ่ ปู้ ฏบิ ตั เิ หน็ กบั กลอ้ งคอื ปญั ญา เหน็ วา่ ดาวทกุ ดวงเกดิ -ดบั เกดิ - ดบั แตน่ กั วทิ ยาศาสตรต์ อ้ งสอ่ งกลอ้ งถงึ จะเหน็ ได้ คนหนงึ่ เหน็ จากวตั ถุ คอื กลอ้ ง คนหนึง่ เห็นจากญาณ คือ เหน็ จากปญั ญาภายใน ทุกอย่างมีแต่เร่ืองเกิด-ดับ ไม่มีอะไร เกิดในที่นี้ หมายถึง เกิด ทกุ ข์ เพราะว่ามันเกดิ คอื เกิดตัวกู อวิชชาคือเกดิ ตัวกู เมอ่ื มันเกดิ ตัวกู ขึ้นมา อวชิ ชาเปน็ จิตกู และเมื่อเปน็ จิตกูขนึ้ มา การกระทำ� ทางกาย ทาง วาจา ทางใจ เปน็ กหู มด อะไรกเ็ ปน็ กหู มด เปน็ กทู กุ ครงั้ เปน็ ทกุ ขท์ กุ ครงั้ ตวั ทกุ ขต์ อ้ งดบั มนั ไมด่ บั ไมไ่ ด้ ไมอ่ ยา่ งนน้ั กท็ นทรมานมนั จนตาย มนั มแี ตค่ วามทกุ ข์ไดม้ ากเ็ ปน็ ทกุ ข์ดงู า่ ยๆวา่ เราน่ีเปน็ อยขู่ นาดน้ีเงนิ เดอื น ๔-๕ หมน่ื แสนสองแสนอย่างนี้ เปน็ ยงั ไง เม่ือกอ่ นท่ีเรามีเงนิ เพยี งหมื่น กวา่ บาทตอนเรมิ่ งาน หรอื มเี งนิ ๒ หมน่ื ๓ หมน่ื กอ็ ยไู่ ด้ ทนี พ้ี อมากขน้ึ มา ความทุกขก์ เ็ พิ่ม เพม่ิ ตามตวั เงนิ อีกแลว้ เพราะเขา้ ไปยึดถอื ทุกขก์ ็เลย 96

ดบั ว่าง สงบ เยน็ เพ่ิมข้ึนตามตัวเงิน ทุกข์ก็เลยเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ฉะน้ัน คนที่มีเงิน ทอง ทรัพย์สมบัติมาก ก็ย่ิงเข้าไปยึดถือ ก็ยิ่งทุกข์มาก เพราะฉะนั้นพวกที่ เปน็ มหาเศรษฐกี เ็ ลยปฏบิ ตั ธิ รรมไมไ่ ด้ เพราะมันเปน็ ห่วง น่ังอยอู่ ยา่ งนี้ ไม่ได้หรอก พวกมหาเศรษฐีเวลาเขาเป็นเงินเป็นทองหมด หาลูกเดียว คดิ เรอ่ื งไดล้ กู เดยี ว เรอื่ งเสยี ไมม่ ี สรปุ วา่ กท็ กุ ขท์ ง้ั นนั้ ทกุ ขม์ นั เกดิ เพราะ จิตมันโง่น่ันแหละ พอจิตโง่จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ และแล้วก็เกิดเป็น ทุกข์ขึ้นมาทนั ที พอถึงสายดับ อวิชชายะ เตววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระ นโิ รโธ สงั ขาระนโิ รธา วิญญาณะนโิ รโธ วญิ ญาณะนโิ รธา .... มันกด็ บั ไป ดบั ไป ดับไป ดบั ไป แตว่ า่ พระพุทธเจ้าพระองคต์ รสั เป็นข้ันตอน เพราะ จะดบั ทเี ดยี ว ปญั ญาของเรายงั ไมพ่ อ แตถ่ งึ ยงั ไงเราจะตอ้ งเหน็ อรยิ สจั ส่ี เสียก่อน ทกุ ข์ สมทุ ัย นิโรธ มรรค เหน็ แลว้ ก็เขา้ ใจ เขา้ ใจแลว้ ก็เห็นแจง้ เหน็ แจง้ แลว้ เอามาจบั จบั ตวั ไหน กจ็ บั มาจากตวั ขา้ งลา่ ง ชรา มรณะ โสกะ ปะริเทวะ ทกุ ขะ โทมนสั อปุ ายาส ความแกเ่ ป็นทุกข์ ความเจบ็ เปน็ ทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ส่ิงน้ันนั่นก็เป็นทุกข์ จนถึง ..ว่าโดยย่อ อุปาทานขนั ธ์ทง้ั หา้ เป็นทุกข์ คือ การเข้าไปยึดมัน่ ในรปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ว่าเป็นตัวกู เป็นทกุ ขห์ มด 97

หลวงพ่อเอยี้ น  วโิ นทโก ทุกข์ – เหตุใหเ้ กิดทกุ ขค์ ือ ชาติ เราต้ังโจทย์ข้ึนมา คือ ชรา มรณะ โสกะปะริเทวะทุกขะโทมนัส อุปายาสเป็นตัวทุกข์ ทนี เ้ี ราตอ้ งการหาอรยิ สัจส่ี ตวั ทกุ ขค์ ือ ชรา มรณะ โสกะปะรเิ ทวะทุกขะโทมนัสอปุ ายาส แล้วเหตใุ ห้เกิดทุกขค์ ืออะไร เหตุ ใหเ้ กดิ ทุกขก์ ค็ ือชาติ เปดิ ดูสิตำ� รานัน่ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขค์ อื ชาติ ชา-ติ คอื ความเกดิ แตอ่ ยา่ ไปเขา้ ใจวา่ เกดิ จากทอ้ งแม่ ชาตคิ อื ความรสู้ กึ วา่ เกดิ ตวั กขู น้ึ มา เกดิ ตวั กทู หี นงึ่ เกดิ ชาตทิ ี หนง่ึ ตวั กทู หี นงึ่ เกดิ ชาตทิ หี นงึ่ แลว้ เมอ่ื คนื หลวงพอ่ กบ็ อกวา่ ชาตนิ แี่ หละ ความรสู้ กึ วา่ ตวั กนู แี่ หละ มนั จะฝงั ตวั เขา้ ไปในชรา พอเกดิ ชาติ เกดิ ความ รู้สึกว่าเป็นตัวกูข้ึนมาแล้ว ชราก็เป็นตัวกู คือ ความแก่ก็เป็นกู ความ เจบ็ กเ็ ป็นกู ความตายก็เปน็ กู เปน็ กหู มด มันเข้าไปฝงั ตัวอยูใ่ นน้ันหมด ฉะนั้นหน่ึง คือ ความทุกข์ สอง เหตใุ ห้เกิดทุกข์ เหตุให้เกิดทกุ ข์ คือชาติ การดับทุกข์ดับที่ตรงไหน จะดับทุกข์ก็คือต้องดับชาติ คือ ดับความรู้สึกว่าตัวกูที่อยู่ข้างหน้าน่ันแหละ ทีน้ีหนทางการปฏิบัติที่จะ ดับชาตินนั้ ตอ้ งปฏิบัตติ ามอริยมรรคมอี งคแ์ ปด คอื สมั มาทฏิ ฐิ สัมมา สังกัปปะ สมั มาวาจา สัมมากมั มนั โต สัมมาอาชโี ว สัมมาวายาโม สัมมา สติ สมั มาสมาธิ นเ่ี ราจะได้แลว้ จะไดอ้ รยิ สจั สแี่ ลว้ 98

ดับ ว่าง สงบ เย็น ชาตเิ ป็นตัวทกุ ข์ เหตุให้เกิดทกุ ข์คือภพ ต่อไป เรากต็ งั้ โจทย์ขึน้ มาอกี ว่า ชาตเิ ปน็ ตัวทุกข์ ชาตเิ ป็นตัวทกุ ข์ เหตใุ ห้เกดิ ชาติ คือ ภพ ภพกม็ ีกามภพ รปู ภพ อรูปภพ ภพนไ่ี ม่ค่อยมี รายละเอียด แต่ถ้าคนที่ได้อภิญญาจะเห็นรูปภพ อรูปภพ มันจะเป็น พวกเทพ ถา้ เปน็ ในเมอื งมนษุ ยก์ เ็ รยี กพวกหลงในรปู นรี่ ปู ภพ อรปู ภพก็ ไมไ่ ด้หลงในรูป หลงในสงิ่ เหล่าอ่ืน เชน่ เล้ียงนกเขาอย่างนี้ มนั ก็หลงทงั้ นน้ั พวกหลงทงั้ นน้ั หลงในเสยี ง ในเพชรนลิ จนิ ดา หลงในความสวยงาม นน่ั คอื ภพของมนษุ ย์ แตภ่ พทเี่ ปน็ เทพแตล่ ะชน้ั แตล่ ะชนั้ นน่ั เปน็ แตล่ ะ มติ ิ มิติ ทมี่ นั ซอ้ นกนั ไม่ใช่มันอยู่บนกลางอวกาศ มันอยู่นแ่ี หละ อยใู่ น โลกทใ่ี กลๆ้ เราทตี่ รงนแี้ หละ ถา้ เราจติ ละเอียดกจ็ ะเหน็ นนั่ คอื เรอ่ื งของ ภพ กามภพ รปู ภพ อรูปภพ ทกี่ ลา่ ววา่ ชาตคิ อื ตวั ทกุ ข์ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขค์ อื ภพ เพราะเราไปหลง ภพ เชน่ พอท�ำบุญกข็ อให้เกิดเปน็ เทพ เป็นเทวดา เป็นคนสวย คนรวย ไปกอ่ มันท�ำไมเล่า ก็ขยันเขา้ สิ ขยนั ในการหาลู่ทางทำ� มาหากิน ขยนั ใน การประหยดั มนั ก็รวยสถิ า้ อย่างน้นั แต่ไม่ขยนั มวั ไปไหวพ้ ระ ๗ วดั ๙ วัด ต่อใหไ้ ปไหว้ซกั ๑๐๐ วัด กไ็ ม่มอี ะไรเกิดขนึ้ หรอก มีแต่เสยี เงินคา่ รถกันไม่ไหว ๙ วัดมนั นอ้ ยไป เอาซกั ๑๐๐ วัด ๑๐๐๐ วดั สถิ ้าอย่างนน้ั นคี่ อื มนั ไปถอื ในสงิ่ ทไ่ี มม่ ปี ระโยชน์ แลว้ มนั กไ็ ปบญั ญตั กิ นั เอาเองทงั้ นน้ั ไม่ตามพระพทุ ธเจา้ ท่ีท่านชี้แนะ 99

หลวงพอ่ เอี้ยน  วโิ นทโก ชาติ เหตุให้เกิดชาติคือภพ การดับชาติ ต้องดับท่ีภพ ดับท่ีภพ กต็ ้องปฏิบัติตามอรยิ มรรคมีองคแ์ ปดอีก พอปฏิบัตกิ ท็ �ำให้เกิดปญั ญา ขึ้นมา เกิดจักขุงอุทะปาทิ ญาณังอุทะปาทิ ปัญญาอุทะปาทิ วิชชา อทุ ะปาทิ อาโลโกอทุ ะปาทิ มนั กเ็ ลยดบั ภพได้ เพราะภพมนั เปน็ เหตแุ ลว้ ตอนนี้ พอดบั ภพได้ ชาตมิ นั ก็เลยดบั ไอ้ตวั กูมันก็เลยดบั ชาตมิ ันเปน็ ตัวกู เปน็ ตัวทุกข์ อปุ าทานเป็นตวั ทุกข์ ต่อข้ึนไปข้างบนอีก เราต้ังเป็นโจทย์ขึ้นมาใหม่ จากภพก็เป็น อุปาทาน อุปาทานก็คือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพัตตุปาทาน อตั ตวาทุปาทาน ภาษาบาลีทงั้ น้นั เลย กามุปาทานคือ การยึดมั่นถือม่ันในกาม ในวัตถุต่างๆ เป็นบ้าน ชอ่ ง รถยนต์ อะไรกท็ ง้ั นนั้ เรยี กวา่ วตั ถกุ าม ทนี เ้ี รอื่ งระหวา่ งเพศ กเ็ รยี ก ว่ากิเลสกาม กามุปาทานคอื ความยึดมัน่ ถือมัน่ ในกาม ทิฏฐุปาทาน ยึดม่ันถือมั่นในความคิดความเห็นของตัวเอง น่ัง เถยี งกนั จนหนา้ เขยี วหนา้ แดงกนั มนั ทฏิ ฐปุ าทานทง้ั นน้ั ไอค้ นนนั้ กบ็ อก ของกถู กู คนนี้กว็ า่ ของกถู ูก น่ันคือทิฏฐุปาทาน ทม่ี เี หตุผลกนั ไปคนละ อยา่ งสองอยา่ ง สลี พั พตั ตปุ าทาน ยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในศลี พรต พวกนสี้ วดมนตท์ ำ� วตั ร 100

ดับ วา่ ง สงบ เยน็ แปลไม่ได้ แปลแล้วจะไม่ได้บุญ ไม่ขลัง น่ันพวกสีลัพพัตตุปาทาน เราสวดกันสมัยก่อน ต้ังแต่หลวงพ่อเป็นเณร ก่อนจะห่มจีวรนะ ต้อง ยะถาปจั จะยงั ฯ ก่อน ยะถาปัจจะยงั ปะวตั ตะมานงั ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทังจีวะรัง ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล ธาตุมัตตะโก นิสสัตโต นชิ ชโี ว สญุ โญ ฯ อะไรไม่รู้ แปลไมอ่ อกสักตวั เดียว กว็ า่ กนั อย่อู ยา่ งนั้น เพราะพระท่ีอยูก่ อ่ นทา่ นบอกให้ว่า เราก็ว่าตาม ไม่รอู้ ะไรสกั ตัวหนง่ึ ทนี ป้ี ฏจิ จสมปุ บาทนเี่ ขามไี วท้ ำ� ไม อวชิ ชาปจั จะยา สงั ขารา สงั ขาระ ปจั จะยา วญิ ญานงั ฯ เมอื่ กอ่ นเขาไวส้ วดศพ ไดม้ าทลี ะ ๑๐ บาท ไวข้ าย ไว้ ทำ� ธรุ กจิ ไมไ่ ดไ้ วป้ ฏบิ ตั ิ อาตมากเ็ ลยจำ� มาตงั้ แตเ่ ปน็ สามเณรอายุ ๑๕-๑๖ ปโี นน่ ไมร่ เู้ รอื่ งเลย ถา้ หากวา่ พระเดชพระคณุ ทา่ นพทุ ธทาสไมแ่ ปลออก มา เรากย็ งั ดกั ดานอยอู่ ยา่ งนน้ั แหละ ทนี ค้ี นทยี่ งั ดกั ดานในสมยั นี้ มนั ยงั มเี ยอะเหลอื เกิน พอทำ� วตั รแปลของสวนโมกขข์ ยายออกไป บางวัดกว็ ่า อยา่ สวดเลย ไมต่ อ้ งแปล แปลแล้วมันไมศ่ ักดิ์สิทธ์ิ มันจะเอาศักด์ิสิทธิ์ โน่น ไมไ่ ด้ไปเกิดบนสวรรค์หรอกพวกนัน้ มนั จะเอาศกั ด์สิ ิทธ์ิ โนน่ ให้ มนั ดักดานอยู่อย่างน้ันละ่ พวกนัน้ ทีน้ีเราได้รู้ขึ้นมา มีพระรูปไหนบ้างล่ะท่ีให้แปล มีพระรูป ไหนบ้างท่ีไปคัดพระไตรปิฎกออกมาต้ัง ๔๕ เล่ม ท่านอาจารย์ท่าน พุทธทาสท่านท�ำได้ เล่าความก่อนเกิด ตอนที่ท่านอาจารย์พุทธทาส จะคลอดออกมา คือท่านอยู่ที่พุมเรียง มีพระสูงอายุท่านหน่ึงแถว 101

หลวงพ่อเอยี้ น  วโิ นทโก พุมเรียงน่ันแหละ ในคืนนั้น ท่านก็นิมิตว่า มีช้างตัวหนึ่ง เอางามาแทง ตู้พระไตรปิฎกที่ต้ังอยู่บนหัวนอนท่านพังหมดเลย พอตอนเช้าท่าน ก็ไปบิณฑบาต ท่านถามว่าลูกใครเกิดบ้างเมื่อคืน เขาว่าเกิด ๒ คน คนหนง่ึ ก็เรยี นไดเ้ ป็นทนายความ อีกคนหนึ่งก็คือพระเดชพระคณุ ทา่ น อาจารย์พทุ ธทาส คือ เดก็ ชายเงื้อม เขากเ็ ลยพงุ่ ไปทีโ่ น้น เหมอื นกับว่า ธรรมชาติเขาปดิ ไว้ ไมใ่ ห้เห็น ทีน้ีคนโน้น เอ่ยชื่อเขาคงไม่เป็นไร เขาก็ตายแล้ว ชื่อนายปิ๋ว นายปว๋ิ เขากเ็ รยี นไปๆ ไดเ้ ปน็ ทนายความ สว่ นทา่ นอาจารยพ์ ทุ ธทาสทา่ น กเ็ ปน็ เดก็ วัด พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย บรรพบรุ ษุ ก็หนักแนน่ ในพระพทุ ธ ศาสนา เพราะฉะนั้น เด็กชายเงื้อมนั่นแหละ ก็คือท่านอาจารย์ท่าน พุทธทาส แล้วท่านก็เป็นช้างท่ีมาแทงตู้พระไตรปิฎกพังหมดเลย เห็น ไหม ชีวติ ของทา่ นท่ีได้รางวัล UNESCO นนั่ ก็สมควรแล้ว นไ่ี มใ่ ช่จะ เชียร์อาจารย์เอง ก็คนอนื่ ไมเ่ ห็นถึงขนาดนนั้ เลย แล้วก็ท�ำใหท้ า่ นแปลๆ ออกมาจนเราอา่ นไมท่ นั เราอา่ นกนั ไมห่ มด สงสัยถ้าใครตายไป เกิดมา มาอ่านต่ออีก เพราะมันเยอะแยะไปหมด แต่ตอนที่หลวงพ่อไปอยู่ที่ สวนโมกข์หลวงพอ่ กผ็ า่ นผา่ นดว้ ยการฟงั แลว้ เอามาปฏบิ ตั ิแลว้ กท็ บทวน ไปว่าท่ีปฏิบัตินี้ถูกหรือไม่ เป็นไปตามท�ำนองท่ีท่านแปลมาไหม น่ีคือ ไมใ่ ชส่ วดแลว้ ใหม้ นั ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ สวดแลว้ ตอ้ งใหร้ เู้ รอ่ื ง แลว้ เอามาปฏบิ ตั ไิ ด้ ท่ีตง้ั หัวขอ้ ไว้ว่าอปุ าทาน กามุปาทาน ทฏิ ฐุปาทาน คอื ยึดถอื ทฏิ ฐิ 102

ดับ ว่าง สงบ เยน็ ตัวเอง สีลพั พัตตปุ าทาน คอื ยึดม่ันถอื มนั่ ในเรือ่ งศลี พรต มารบั ศลี เพื่อ ไปสวรรคก์ ัน ไม่ใช่เพือ่ ขดั เกลากายวาจา น่นั เรยี กว่า สลี พั พตั ตุปาทาน ตวั ทสี่ ี่ อตั ตวาทปุ าทาน กค็ อื อตั ตา แลว้ กอ็ ปุ าทาน เอามาเชอ่ื มกนั คือเข้าไปยึดม่ันถือม่นั วา่ ตวั ตน วา่ ตวั กู และของกูกต็ ามมา เรากต็ ง้ั โจทยข์ นึ้ มาวา่ อปุ าทานสน่ี น้ั เปน็ ตวั ทกุ ข์ เหตเุ กดิ อปุ าทาน เหตเุ กดิ ทกุ ขน์ น้ั กค็ อื ตวั ตณั หา เหตเุ กดิ ของอปุ าทานคอื ตณั หา ความดบั ของอปุ าทานตอ้ งดบั ทต่ี ณั หา การดบั ตณั หาตอ้ งดบั ดว้ ยอรยิ มรรคมอี งค์ แปดตามเคย เมื่อปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด ตัณหาก็จะดับ พอ ตณั หาดับ อุปาทานมนั จะอยกู่ บั ใครล่ะ อปุ าทานมันกด็ ับ เพราะเหตุมัน ดับ ผลมนั ก็ดับ ตัณหาเป็นตัวทุกข์ ต่อไปเราก็ตั้งโจทย์ข้ึนมาอีก มันต้องเข้าใจเข้าสักคร้ังแหละ ๑๑ ครั้ง ๑๒ ครงั้ น้ี ถา้ ใครเข้าใจซักครัง้ ก็จะเขา้ ใจหมด เราตั้งโจทย์ ตัวทุกข์ ก็คอื ตัวตณั หา ตณั หาแปลว่าความอยาก • กามตณั หา ตณั หาในกาม ความอยากมี • ภวตณั หา ความอยากเปน็ กอู ยากจะเปน็ ผแู้ ทน เปน็ รฐั มนตรี เปน็ นายก คอื ความอยากทง้ั น้นั ถา้ อยากก็เป็นตณั หา แตถ่ า้ ท�ำไปด้วยอ�ำนาจของสติปัญญา ไม่ใช่อ�ำนาจของความอยาก ไมช่ ่อื วา่ ตณั หา มนั กไ็ ม่ต้องทกุ ข์ 103

หลวงพอ่ เอยี้ น  วิโนทโก • วิภวตัณหา มันอยากมีก็ไม่มี อยากเป็นก็ไม่ได้เป็น มันก็มา อยากตัวทีส่ าม อยากตาย มนั กเ็ ลยได้ตายกันทกุ วนั เห็นไหม เดี๋ยวก็ยิงตัวตาย กระโดดสะพานตาย มีวิธีต่างๆ นี่พวกหา เร่ืองตายทั้งนั้น มันขาดอะไร ก็ขาดปัญญาน่ันแหละ แหม ท�ำนาเพล้ียลง ไปผูกคอตาย เฮ้อ หมดปัญญาเลย เห็นไหม ไม่มปี ัญญาเลย กม็ ันมวี ธิ กี �ำจดั เพลย้ี แต่ทำ� ไมไปผูกคอตาย เม่ือวานเอง ที่สพุ รรณบุรี ไปดขู ้าวเพลีย้ ลงหมด มันหมดกท็ �ำ ใหม่สิ แล้วมนั เรือ่ งอะไรไปตายท�ำไม มคี นหนงึ่ มาหาหลวงพอ่ ตอนทพ่ี ายลุ งหนกั อยแู่ ถวปากพยนู ผม หมดท่าแลว้ สวนยาง ๒๐ ไร่ลม้ หมด อา้ ว ก็ให้มนั ลม้ ไปสิ มันโดนพายุ แล้วจิตคุณยังมีไหม คุณท�ำจิตอย่าให้มันล้มสิ จิตยังมีอยู่ แล้วก็หาวิธี ต้นไหนยังไม่ล้มถึงดิน ก็จัดการดึงมันข้ึนไป แล้วขุดหลุมให้มัน ปลูก มันใหม่ ท�ำใหไ้ ด้ เราท�ำมัน อยา่ ให้มนั ท�ำเรา ฉะนั้น เสียอะไรก็แล้วแต่ อย่าให้เสียใจ ถ้าใจเสียไปแล้ว หมด ไม่มีอะไรเหลือ ฉะนั้น จิตใจอย่าเสีย สติปัญญาอย่าเสีย ไม่ต้องกลัว ทกุ อย่างมีทางออกท้งั นั้น อย่าไปผกู คอตายเพราะเพลี้ยลงในนา มนั ลม้ ละลายก็ใหม้ นั เสียไป เขาเสยี เงนิ กนั เป็นล้านๆ เปน็ สิบล้าน กเ็ ม่อื กอ่ นที่ ไมม่ อี ะไร ทำ� ไมมนั อยไู่ ด้ พอมอี ะไรขน้ึ มาแลว้ ทำ� ไมอยากตายขนึ้ มาพอ ลม้ ละลาย ไมต่ อ้ งกลวั ไมเ่ ปน็ ไร ทำ� จติ ใหเ้ ขม้ แขง็ ไว้ การทจี่ ติ จะเขม้ แขง็ 104

ดับ วา่ ง สงบ เย็น ได้ ตอ้ งอาศัยปัญญา มปี ญั ญาหาวิธแี กป้ ัญหาให้ได้ ถา้ ใจไมเ่ สยี แล้วไม่ เปน็ อะไร ไมม่ ปี ัญหาท้ังน้ัน แก้ไปตามความสามารถท่ที �ำได้ ทห่ี ลวงพอ่ มาอยทู่ นี่ ่ี เรอ่ื งตา่ งๆ นานา มนั เยอะแยะไปหมด ไมก่ ลวั อะไรกไ็ ม่กลัว พูดคำ� เดียววา่ ไมก่ ลัว เราจะต้องทำ� ได้ มนั ยากลำ� บากเทา่ ไหร่ เราจะตอ้ งทำ� ได้ อปุ สรรคตา่ งๆ เรอื่ งคน เรอื่ งมาตง้ั วดั อยกู่ ลางเมอื ง ศาลากลางอยู่ตรงนั้น ท่ีว่าการอ�ำเภออะไรก็อยู่ตรงน้ัน หลวงพ่อมาอยู่ ตรงนี้ ลองคิดดูสิท�ำไมถึงท�ำได้ ต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม มเี หตมุ ีผลท้ังนัน้ เลย มนั หลายเรอ่ื งอปุ สรรคมากมาย กว่าจะเป็นอย่าง นไ้ี ดม้ นั ยากมาก เม่อื ก่อนน้มี พี ระเยอะ ตอนทีก่ ่อสร้างมพี ระ ๑๐ รปู ๑๕ รปู ตอน ที่ก่อสร้างมันสนุก พอเข้าปฏิบัติเท่าน้ันแหละ พระค่อยหดลงไปทีละ นิดๆ หดจนเหลือองค์เดียวแล้วตอนน้ี เห็นไหม องค์เดียวหลวงพ่อ ก็ไม่กลัว ให้หลวงพ่อมีโอกาสบรรยายธรรมให้ญาติโยม ให้โยมได้มา ท่ีตรงนี้ ได้มาปฏิบัติธรรม และมีโอกาสท่ีจะไปต่างจังหวัดที่ไหนๆ ไม่ เป็นไร เพราะฉะนั้น ไมก่ ลัว เรอ่ื งนไ้ี ม่กลวั เลย เพราะชวี ิตของหลวงพ่อ กร็ แู้ ลว้ วา่ แค่ ๘๐ หรือมากกว่า ๘๐ กค็ งไม่เทา่ ไหร่ แตช่ ีวิตทีเ่ หลอื นัน้ หลวงพอ่ มอบให้ญาติโยมทุกคนแหละ ชีวติ ทน่ี ั่งอยตู่ รงน้ี มนั ไม่ใช่ของ หลวงพ่อแลว้ เปน็ ของญาตโิ ยมแล้ว ฉะนั้น หลวงพ่อต้องทำ� ประโยชน์ ทำ� ประโยชนอ์ ย่างเดียว 105

หลวงพอ่ เอีย้ น  วิโนทโก ตอ้ งทำ� เรอ่ื งน้ี อยนู่ ง่ิ เฉยไมไ่ ด้ หลวงพอ่ กค็ ดิ วา่ ทำ� ไมพระพทุ ธเจา้ ทา่ นไมห่ ยดุ เลย ตอ้ งเดนิ ไปโปรดคนนนั้ ทต่ี รงนี้ ตอ้ งเดนิ ไปโปรดเขาอยู่ เรื่อยๆ ไม่ไดห้ ยดุ ก็เพราะพลังมันเหลือ พลังทเ่ี ราภาวนาเกดิ สตปิ ญั ญา ขนึ้ มานี่ พลงั เหลอื น้ันแหละท่ีตอ้ งใหค้ นอืน่ เขา พลังท่ีเหลือน้ีก็เคยพูดที่สวนโมกข์กรุงเทพว่า พระอรหันต์หรือ พระพุทธเจ้าท่านมีพลังเหลือ ร่างกายของท่านดับแล้ว แต่พลังท่ีเหลือ อยู่คือพลังแห่งสติปัญญา พลังแห่งธรรมะยังเหลืออยู่ ได้ช่วยพวกเรา ให้มีพลังข้ึนมา ถ้าเราก่อนหลับก่อนนอนก็สวดมนต์ แล้วก็ขอพลังต่อ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระธรรม พระอรหันต์นั่นแหละ ให้พลังนั้นมา เข้าท่ีจิตใจของเรา ให้เรามีพลังท่ีเข้มแข็งขึ้น ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า momentum คือพลังทีเ่ หลือ เหมอื นกบั รถ ว่งิ เสรจ็ แลว้ เราไม่เบรก มัน ก็ยังว่งิ ได้ นัน่ แหละคอื พลงั เหลอื ฉะน้นั คอื พลังตวั นี้ พระพทุ ธเจา้ เลย ไม่ได้หยุดเลย หลวงพอ่ เวลาพดู ธรรมะไมเ่ คยเหนอ่ื ยเลย สบาย แลว้ กส็ นกุ ดว้ ย โยมเขาฟงั แลว้ ไดเ้ อาไปปฏบิ ตั ิ เหมอื นเราไดจ้ ติ วญิ ญาณเขา แลว้ เขาไป จดั การกนั เอง หลวงพอ่ ตายไปกไ็ มม่ ปี ญั หาแลว้ ไดฝ้ ากไดฝ้ งั กนั ไวแ้ ลว้ แล้วเราก็ปฏิบัติกันต่อไปๆ มันก็ไม่สูญหายสิ ธรรมะนี้ก็ไม่หายไปไหน มันก็ยังอยู่ในเมืองมนุษย์น้ี พอเราปฏิบัติแล้วรู้แล้ว ต่อไปเราก็ฝากให้ คนอน่ื อีก ให้ลกู ให้หลาน ให้เพ่ือนมนุษยด์ ้วยกันน่ี พลังนัน้ ก็ไม่ไดห้ าย ไปไหน กย็ งั อย่ตู อ่ ต่อ ต่อ กันไป น่ีมันเป็นอยา่ งนี้ 106

ดบั วา่ ง สงบ เย็น กลับมา พออุปาทานดับไป ตัวตัณหามันก็เป็นตัวทุกข์อีก ทุกข์ ไหมลองคิดดูสิ พอมันเกิดอยากขึ้นมาแล้วมันทุกข์ไหม แหม...รถมัน มีอยแู่ ล้ว ไมใ่ ช่ไม่มี แตม่ นั ๓ ปแี ล้ว ๓ ปีลอ้ มันกย็ งั หมุนอยไู่ ม่ใชเ่ หรอ ไปเหน็ ท่ีมนั ออกมาใหมโ่ น่น รถมันออกทกุ วนั มนั เปลย่ี นแปลงกระจก บ้าง อนั นนั้ บา้ ง อันน้บี า้ ง มันกค็ รือกันน่นั แหละ แต่เสร็จแลว้ อยาก โอย๊ คันนี้ไม่ดีแล้ว เอาไปเทิร์นเถอะ แล้วก็เอาเงินเดือนเงินดาวน์น่ันแหละ โปะลงไปอีก นใ่ี คร กต็ ัวตัณหานัน่ แหละ ตวั ตณั หาเปน็ ตัวอยาก อยา่ ง คนท่มี เี มยี หลายคน มนั กเ็ หมือนกนั แหละคนไหน คนไหน เหมอื นกนั ทง้ั นน้ั แตว่ ่ามนั อยาก เหน็ ไหม เรยี กกามตณั หา ภวตณั หา วภิ วตัณหา คือ ความอยาก ตัณหาน้ี ตั้งเปน็ ตัวทุกข์ จะไดเ้ ขา้ ใจง่ายๆ ตัณหาเป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ก็คือเวทนา สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ตวั เวทนาคอื ตัวเหตุใหเ้ กดิ ตัณหา ฉะนัน้ การท่ีจะดับตัณหา ต้องไปดับท่ีเหตุมัน คือ ดับที่เวทนา จะดับเวทนา ก็ต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด พอปฏิบัติแล้ว ได้ปัญญาคือ จกั ขุงอุทะปาทิ ญาณังอุทะปาทิ ปัญญาอุทะปาทิ วชิ ชาอุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ได้ปัญญามาแล้วก็เห็น อ้อ ไอ้ตัวเวทนา สุขเวทนามันก็คือ ทุกข์ ทุกขเวทนามันกค็ อื ทกุ ข์ อทกุ ขมสุขเวทนามันก็คอื ไอ้ตวั โง่ ทีน้ี ทง้ั สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา อทกุ ขมสขุ เวทนานนั้ เหมอื นกนั เหมอื นทหี่ ลวงพอ่ พูดเมื่อคืน เหมือนกันเพราะเกิด-ดับเหมือนกัน สุขเวทนาก็เกิด-ดับ ทุกขเวทนาก็เกิด-ดบั อทกุ ขมสขุ เวทนาก็เกิด-ดบั มันกเ็ ลยเหมอื นกัน 107

หลวงพ่อเอ้ียน  วิโนทโก การจะดับตณั หา ต้องดบั ทเ่ี หตุ เหตกุ ค็ อื เวทนา จะดับตัณหาจงึ ตอ้ งดบั ทเี่ วทนา การจะดบั เวทนากต็ อ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด แล้วก็เอามาดับทีต่ ัวเวทนา พอตัวเวทนามันดับ ตัณหามันก็ดับ นี่หน่ึง ตณั หา สองเหตุเกิดของตณั หา สามความดบั ของตัณหา ส่หี นทางให้ถึง ความดับของตัณหา ถ้าเราให้แจ่มแจ้งเข้าไปอีก หนึ่ง ตัณหาเป็นตัวทุกข์ สองเหตุให้ เกิดทกุ ข์ คือ เวทนา สาม การดบั ทกุ ข์มันคือการดบั ทีต่ วั เหตคุ อื เวทนา สีห่ นทางแห่งความดบั ทกุ ขก์ ็ตอ้ งปฏิบัติตามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด แล้ว ก็ได้ปัญญามาตามท่ีต้องการ แล้วตัณหามันก็ดับ ไปสังเกตดูสิ ตัวน้ี แหละชดั เจนทส่ี ดุ เพราะตณั หานน่ั มที กุ คนเลย ไมเ่ รอื่ งลกู กเ็ รอื่ งเมยี ไม่ เรื่องเมยี กเ็ รอื่ งบ้าน ไมเ่ รือ่ งบา้ นก็เรอ่ื งรถ เร่อื งเครื่องซกั ผา้ เรอ่ื งตู้เย็น ทง้ั นั้นแหละ เครอื่ งเสยี ง อะไรต่างๆ ทงั้ น้ันเลย กลอ้ งถา่ ยรปู เหมือนกนั ทง้ั นน้ั เดยี๋ วรนุ่ ใหมม่ นั กอ็ อกมา ออกมา หลวงพอ่ เลกิ เลน่ เลย พอ ไมเ่ อา แลว้ ไม่ตามใจมนั แล้ว ดีแค่ไหนก็ไม่ตามใจมันเสียอย่าง พอ ไม่เป็นไร ถอื คาถาว่า พอ พอ น่ีตัณหาต่างๆ มันมที ัง้ น้นั เลย มนั ขนึ้ อยกู่ บั ว่าอยากกบั อะไร ถ้า อยากกบั สตปิ ญั ญา ไมเ่ รยี กวา่ ตณั หา แตถ่ า้ อยากดว้ ยความอยากเพยี วๆ นั่นแหละ มันตัณหา ถ้าอยากแล้วมันเป็นทุกข์ ไม่ต้องอย่างอ่ืนหรอก เข้าไปในรา้ นเส้ือผา้ นี่ ลืมหมดเสอื้ ผา้ ที่อยทู่ ี่บา้ น ลืมหมดเลย นับไม่ถูก 108

ดบั ว่าง สงบ เย็น แลว้ พอไปเหน็ แหม อนั นม้ี นั ดอกสวย นา่ จะเอาไปใสต่ อนสงกรานต์ มา แลว้ มาแลว้ ตณั หาทงั้ นนั้ มนั ไมจ่ บ ตณั หานม่ี นั ไมจ่ บ มนั ไมอ่ มิ่ ตณั หาน่ี โยมรู้ไหว่ามนั เป็นยงั ไง มนั ไมม่ หี รู ดู พอเขา้ ก็ออกโพลง่ ไป ไมม่ ีหูรดู แต่ ถา้ มหี รู ดู คอื สตปิ ญั ญา มนั รทู้ รี่ ทู้ างวา่ จะไปถา่ ยทไี่ หน ฉท่ี ไ่ี หน เพราะมนั มีหรู ดู แตต่ ัณหามันไม่มหี ูรดู น่ีจ�ำงา่ ยๆ ตัณหานล่ี ำ� ไส้มันตรง ทีน้ีตัณหาเป็นตัวทุกข์ เหตุเกิดของตัณหาก็คือเวทนา ความดับ ของตัณหาก็คือต้องดับเวทนา หนทางให้ถึงความดับตัณหาก็คือ การ ปฏบิ ตั ิตามอรยิ มรรคมอี งค์แปดเหมือนเดิม เวทนาเปน็ ตัวทุกข์ - เหตใุ หเ้ กดิ เวทนาคอื ผัสสะ ทนี เี้ รากต็ ง้ั โจทยอ์ กี ตวั เวทนานี้ เปน็ ตวั ทกุ ข์ สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา อทกุ ขมสขุ เวทนาเปน็ ตวั ทกุ ข์ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขก์ ค็ อื ตวั ผสั สะ ตวั ผสั สะคอื อะไร คอื ตวั กระทบ ตากระทบรปู หกู ระทบกบั เสยี ง จมกู กระทบกบั กลน่ิ ลิ้นกระทบกับรส ผัสสะทั้งนั้น จนใจถึงกับธรรมารมณ์ เขาเรียกผัสสะ ทนี ้ี หนง่ึ เวทนา สองเหตเุ กดิ ของเวทนาคอื ผสั สะ สามความดบั ของเวทนา ตอ้ งดบั ทผ่ี สั สะ สวี่ ธิ ปี ฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหเ้ วทนาดบั ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมี องคแ์ ปด เมอ่ื ปฏบิ ตั ติ าม มนั กเ็ กดิ ตวั นนั้ ขนึ้ มาอกี จกั ขงุ อทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทิฯ น่นั แหละ พอเกิดตวั นนั้ ขน้ึ มา กเ็ อามาดบั ท่ีตัวผสั สะ ที่ตัวผัสสะน้ี พอตาเห็น ก็สักแต่ว่าเห็น ไม่ต้องไปรักไปเกลียด 109

หลวงพอ่ เอ้ียน  วิโนทโก มนั หูได้ยนิ ก็สกั แตว่ า่ ได้ยิน ไอ้ “สกั แต่ว่า” นั่นแหละ มันคอื ตวั ปัญญา เหน็ ดอกไมส้ วย กส็ กั แตว่ า่ สวย แตพ่ อมนั พน้ เวลานไี้ ปแลว้ มนั กไ็ มส่ วย แล้ว นน่ั เราใช้ปญั ญาแลว้ คอื ใช้หลักอนิจจงั อนตั ตามาคุมทุกๆ เรือ่ ง ถา้ เราดวู า่ มนั สวย ดวู า่ มนั หลอ่ ดใู นปจั จบุ นั นส่ี ิ เลง็ ลงไปเลย สวย ทตี่ รงไหน ผูห้ ญงิ สวยทต่ี รงไหน ผชู้ ายหล่อทตี่ รงไหน หลอ่ ทีจ่ มูก ก็ใช้ มีด ใช้ปัญญา เฉือนเอาจมูกมันออกมา เอามาวางไว้บนกระดาษขาวๆ เอ้า ค้ิวมันสวย ลอกคิ้วมันออกมาวางไว้ ลูกตาของผู้หญิงคนน้ันสวย ทจ่ี รงิ มนั ใสต่ าปลอมทงั้ นน้ั ควกั ลกู ตาออกมาวางไว้ เปลอื กปากมนั สวย เอามีดไปเฉือนเปลือกปากมาเลย สวยที่ตรงไหน ใช้ปัญญาในปัจจุบัน น่ีแหละ ให้เราหาจุดให้พบว่าสวยที่ตรงไหน หล่อท่ีตรงไหน หาจุดพบ แล้ว เฉือนออกมาเลยด้วยจิตที่ประกอบด้วยปัญญา น่ันแหละจักขุง อุทะปาทิ ญาณงั อุทะปาทิฯ ท่ีเหยียดออกไปอีก ใชใ้ นปจั จบุ ันเลย อย่าง นัน้ แนน่ อนที่สุด แต่ข้อสำ� คญั คือต้องเอาสัมมาสติ บอกแลว้ ที่ส�ำคัญใน อริยมรรคคือต้องสติ ถ้าขาดสติขาดหมด แกงไม่ถึงเกลือ ไม่มีน้�ำปลา ก็เลยจดื ชดื ฉะนน้ั ต้องมีสตดิ ึงปัญญามา พอจะเกดิ ผัสสะข้ึนมา มีสติ แล้วก็มีปัญญามาผ่าตัดเลย พอผ่าตัดเสร็จจบ ไม่ติดอกติดใจแล้วทีน้ี หมดความติดอกติดใจ น่ี ตงั้ โจทยข์ น้ึ มาวา่ เวทนาคอื ตวั ทกุ ข์ เหตใุ หเ้ กดิ เวทนาคอื ผสั สะ ผัสสะทางตา ผัสสะทางหู ผัสสะทาจมูก ผัสสะทางล้ิน ผัสสะทางกาย 110

ดับ วา่ ง สงบ เย็น ผัสสะทางใจ สกั แตว่ า่ ค�ำวา่ สักแต่ว่า คอื ปัญญา สำ� เร็จรูปมาจากการ ปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด พอเหน็ กเ็ ลยสกั แตว่ า่ เหน็ มนั กเ็ ลยจบ เออ ถา้ มนั ตายแลว้ มันเป็นยงั ไง ถา้ ไปโดนสนึ ามิทญ่ี ีป่ ่นุ แล้วมนั ไมก่ อง กนั เหรอทีนี้ มนั ก็หมดสวย หมดงาม หมดหล่อกนั ทง้ั นัน้ หลวงพอ่ นะ อยากเหน็ คนทตี่ ายมากๆ เปน็ กองอยา่ งนน้ั อยากเหน็ ไอน้ แ่ี ขนขาด ไอน้ ี่ ขาขาด ไอน้ ค่ี อขาด ไอน้ ไ่ี สท้ ะลกั ออกมา ชอบ ชอบเลยอยา่ งนนั้ เราจะได้ ปลง เราไปเหน็ คนสวยเขา้ เอาภาพนนั้ มาทาบปบ๊ั เขา้ ไป ไดท้ เ่ี ลยทนี ้ี เหน็ คนหล่อ กเ็ อาภาพนนั้ มาทาบ จบเลยไมต่ ้องใช้เวลานาน ชว่ั เส้ียววินาที เดียว จบ หนังนนั้ ม้วนไม่ยาว ส้นั นิดเดียว ตอั งใชป้ ญั ญา เพราะฉะน้ัน ผัสสะคือการกระทบ พอกระทบก็ “สักแต่ว่า” พอสวยก็ “สกั แต่วา่ ” หลอ่ ก็ “สักแต่วา่ ” พอ “สักแต่วา่ ” มันกจ็ ะดบั ทนั ที น่ันคือเราปฏบิ ัติตามอริยมรรคมีองคแ์ ปด พอปฏิบัตแิ ล้วก็ท�ำให้ผสั สะ ดบั พอผสั สะดบั เวทนากอ็ ยู่ไม่ได้ สุขเวทนาทีเ่ ราเขา้ ไปพอใจมนั ก็เลย เลกิ ความพอใจมนั พอทาบแลว้ มนั หมดสทิ ธแิ์ ลว้ หมดทา่ แลว้ สขุ เวทนา กต็ งั้ อยไู่ มไ่ ด้ ทกุ ขเวทนากต็ งั้ อยไู่ มไ่ ด้ อทกุ ขมสขุ เวทนากต็ งั้ อยไู่ มไ่ ด้ เขา เรยี กวา่ ไมม่ นี นั ทิ นนั ทแิ ปลวา่ ความพอใจ พอนนั ทไิ มเ่ กดิ มนั กจ็ บ ถงึ วา่ เพราะผสั สะดับ เวทนาจงึ ดับ 111

หลวงพอ่ เอย้ี น  วิโนทโก ผัสสะเปน็ ตัวทกุ ข์ - เหตุใหเ้ กิดทุกข์คือสฬายตนะ ทนี เี้ รากม็ าตง้ั โจทยอ์ กี ตง้ั โจทยท์ ผ่ี สั สะ ผสั สะเปน็ ตวั ทกุ ข์ ผสั สะ ทง้ั หกนัน่ แหละ ผสั สะทางตา ทางหู จมกู ล้ิน กาย ใจ ผสั สะเปน็ ตัวทกุ ข์ เหตใุ ห้เกิดทุกข์คอื สฬายตนะ สฬายตนะกค็ ือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หกทาง นัน่ คือประตูหนา้ ตา่ ง ๖ บาน พอตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ ท�ำหนา้ ที่ ตามหี น้าท่ดี ู หูมหี น้าท่ีฟัง มันทำ� หน้าท่ีตามธรรมชาตขิ องมนั ผัสสะเป็นตวั ทุกข์ เหตุใหเ้ กิดทุกข์คอื สฬายตนะ คือ ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ฉะนนั้ การจะดับผัสสะ ต้องดบั ท่ีสฬายตนะ คอื ดบั ที่ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ วธิ ดี บั ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรค มอี งคแ์ ปด พอปฏิบตั แิ ลว้ สฬายตนะคอื ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจดบั เมื่อ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจดบั ผสั สะมนั ก็ดบั เลกิ ยดึ มั่นถือมัน่ มนั แตห่ ลวงพอ่ ใชว้ ธิ อี ยา่ งนี้ ตาไมใ่ ชก่ ู หไู มใ่ ชก่ ู จมกู ไมใ่ ชก่ ู ลนิ้ ไมใ่ ช่ กู กายไม่ใช่กู ใจไมใ่ ชก่ ู เรยี นลดั กันอย่างน้นั เลย แต่ถ้าตากู หกู ู อวิชชา มันเกดิ แลว้ ท่ตี า หฯู นน่ั แหละ หลวงพ่อก็เลยทอ่ งๆๆ เดินท่องอยอู่ ย่าง น้ันแหละ ตาไมใ่ ช่กู หูไม่ใชก่ ู มนั กด็ ับ ถา้ ตาไม่ใชก่ ู หูไม่ใช่กู ผสั สะมนั กด็ บั สฬายตนะเปน็ ตวั ทุกข์ – เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ข์คอื นามรปู เมอ่ื ผสั สะดบั เพราะสฬายตนะดบั เรากต็ งั้ สฬายตนะเปน็ ตวั ทกุ ข์ 112

ดบั ว่าง สงบ เยน็ ข้นึ มาอกี สฬายตนะคอื ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจเป็นตัวทุกข์ เหตใุ ห้เกดิ ทุกข์คือ นามรูป นามรูปกค็ ือ กาย กับ ใจ นั่นแหละ การดบั ทุกข์ต้อง ดับนามรูป ถ้าไม่ดับนามรูป สฬายตนะก็จะไม่ดับ สฬายตนะมันเป็น ประตหู นา้ ตา่ ง มนั ตดิ อยกู่ บั กายนแี่ หละ ตากต็ ดิ อยกู่ บั กาย หู จมกู ลน้ิ ฯ ท้งั นน้ั แหละ เม่ือสฬายตนะเปน็ ตัวทุกข์ เหตใุ ห้เกดิ ทุกข์คอื นามรูป การจะดับ สฬายตนะ กต็ อ้ งดบั ทน่ี ามรปู ไมใ่ ชม่ าดบั ทตี่ วั สฬายตนะ การจะดบั นาม รปู กต็ อ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปดเหมอื นเดมิ แลว้ กไ็ ดส้ ำ� เรจ็ รปู มาดว้ ยปญั ญา จกั ขงุ อทุ ะปาทิ ญาณงั อทุ ะปาทฯิ นนั่ แหละ พอไดป้ ญั ญา มาแล้ว ก็เอามาดบั ท่ีนามรูป คือ กาย กบั ใจ หลวงพ่อก็ท�ำอยา่ งนัน้ อีก กายไมใ่ ช่กู ใจไม่ใชก่ ู เรียนลัด แตก่ อ่ นก็ปฏบิ ัตอิ ยอู่ ยา่ งนัน้ เดินเวียน รอบหอระฆัง ไปโน่น บางทีเดนิ ๓ รอบเลย กายไมใ่ ชก่ ู ใจไม่ใชก่ ู กาย ไมใ่ ชก่ ู ใจไมใ่ ชก่ ู เดนิ เวยี นอยอู่ ยา่ งนนั้ ตอ่ ไปมนั กแ็ ตกฉานเอง มนั กร็ เู้ อง เสรจ็ แลว้ สฬายตนะมนั กด็ บั เราทำ� ใหม้ นั ซำ�้ ซำ้� ดบั ใหม้ นั ซำ�้ ซำ้� ตอ่ ไปมนั ก็ดบั เอง มันก็รู้ทนั เอง เพราะเราใชส้ ติในอริยมรรคมีองค์แปดนัน่ แหละ นามรูปเปน็ ตัวทกุ ข์ – เหตใุ ห้เกิดทกุ ขค์ ือวิญญาณ พอเสร็จแล้ว เราจะดับนามรูป เราก็ต้ังอีก นามรูปเป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ก็วิญญาณ วิญญาณคือตัวรู้ แต่เมื่อก่อนมันรู้โง่ๆ ไอ้รู้ 113

หลวงพ่อเอ้ียน  วโิ นทโก นี่คือกูรู้ ทีส่ อนรู้ๆ กันน่ันแหละ พอกรู ู้ กายใจก็เป็นของกู สฬายตนะก็ เป็นของกู ผสั สะก็เป็นของกู เวทนาก็เปน็ กู รูน้ ัน้ ก็เลยเป็นกหู มด เพราะ อะไร เพราะวญิ ญาณตวั นน้ั มนั ถกู ควบคมุ โดยอวชิ ชา มนั กเ็ ลยกลายเปน็ กูรูข้ ้ึนมา ไปไหนมนั กแ็ บกรู้ไปด้วย ไม่เบ่ือ ไม่รู้วา่ หนัก เมอื่ นามรปู เปน็ ตวั ทกุ ข์ เหตเุ กดิ ทกุ ขก์ ค็ อื วญิ ญาณ การดบั นามรปู ตอ้ งดบั ทตี่ วั วญิ ญาณ ดบั วญิ ญาณตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด เมื่อปฏิบัติ เราก็ได้ปัญญาส�ำเร็จรูปมา คือ จักขุงอุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิฯ นัน่ แหละ แล้วก็ดับวญิ ญาณ พอดับวญิ ญาณ นามรูปกด็ บั คือดับเหตมุ นั ตอ้ งดบั ทีเ่ หตมุ ันเสมอ พระอัสสชิท่านบอกกับสารีบุตรว่า ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดน เกดิ พระตถาคตตรสั เหตแุ หง่ ธรรมนนั้ และความดบั แหง่ ธรรมนน้ั เพราะ ฉะนั้น ทุกตัวนัน่ แหละ มนั มที ้งั ทุกข์ มที ้งั เหตุ ในนั้นมีท้งั ตวั ทกุ ข์ มเี หตุ ใหเ้ กดิ ทุกข์ มนั เปน็ อย่างนั้นตลอดไปนัน่ แหละ ทีนพี้ อเราเอาอริยมรรค มีองคแ์ ปดมาปฏบิ ัติ แลว้ กด็ ับตวั วิญญาณ ตัวนามรูปมนั กด็ ับ วิญญาณเป็นตัวทกุ ข์ เหตุใหเ้ กดิ ทกุ ข์ คือสงั ขาร ต่อไปเราก็ต้ังโจทย์อีก วิญญาณเป็นตัวทุกข์ วิญญาณนี้ไม่ใช่ วญิ ญาณผีนะ วิญญาณทรี่ ้นู ัน่ วญิ ญาณท่รี ทู้ างตา ทางหู ทางจมูก ทาง ล้ิน ทางกาย ทางใจ ตัวรนู้ น่ั เขาเรยี กวิญญาณ วิญญาณท่ีเปน็ ผีทต่ี ายไป 114

ดับ ว่าง สงบ เย็น แลว้ โนน้ อยา่ ไปยงุ่ กบั มนั ตดั ตวั วญิ ญาณนแ้ี หละ ถา้ ดบั ตวั วญิ ญาณนไ้ี ด้ แลว้ กไ็ มต่ อ้ งไปเปน็ วญิ ญาณโนน้ แลว้ ทนี ถ้ี า้ สมมตผิ มี าหลอกเรา เรากร็ ู้ จากวญิ ญาณนแ้ี หละวา่ ตาเหน็ กร็ กู้ บั วญิ ญาณทเี่ กดิ ทางตานนั่ แหละ ถา้ ได้ยินเสียง ก็ด้วยวิญญาณทางหู เรียกโสตวิญญาณ วิญญาณน้หี มาย ถึงวญิ ญาณหก คอื วญิ ญาณทางตา วญิ ญาณทางหู วญิ ญาณทางจมกู วิญญาณทางล้นิ วญิ ญาณทางกาย วิญญาณทางใจ วิญญาณเป็นตัวทุกข์ เหตุใหเ้ กดิ ทุกข์ ก็คอื สงั ขาร ความดบั ทุกข์ ก็ต้องดับท่ีสังขาร ท่ีเหตุมัน ไม่ใช่มาดับที่ตัววิญญาณ ต้องดับที่ตัว สงั ขาร กายสงั ขาร วจสี งั ขาร มโนสงั ขาร ดบั ทตี่ วั สงั ขารกต็ อ้ งปฏบิ ตั ติ าม อริยมรรคมีองค์แปด ให้มีพลัง พอมีพลังพอได้ปัญญามา ก็ดับสังขาร แล้ววิญญาณมันก็อยู่ไม่ได้ วิญญาณมันก็ดับ น่ันคือดับท่ีตัวเหตุ ตัว เหตมุ นั ทง้ั นน้ั ธรรมเหลา่ ใดมเี หตเุ ปน็ แดนเกดิ พระตถาคตตรสั เหตแุ หง่ ธรรมนั้น และความดับแหง่ ธรรมน้นั พระองคม์ ีปกตติ รัสอย่างนน้ั เป็น ธรรมดา นเี่ ปน็ เรือ่ งธรรมดา พระองคต์ ้องตรสั อยา่ งน้ีอยู่เร่ือยๆ สังขารเปน็ ตัวทุกข์ เหตใุ ห้เกิดทุกข์คืออวชิ ชา ทนี ีย้ ังเหลอื อีก ๒ ตวั สงั ขาร กายสังขาร สงั ขารทางกาย สงั ขาร แปลว่ากระท�ำ กายสังขาร การกระท�ำทางกาย วจีสังขารก็คือการพูด มโนสังขารกค็ ือตวั คดิ เรยี กว่าใจ ใจคิด สงั ขารเป็นตัวทุกข์ เหตใุ หเ้ กิด 115

หลวงพ่อเอย้ี น  วโิ นทโก ทกุ ขก์ ค็ อื อวชิ ชานนั่ แหละ การทจ่ี ะดบั สงั ขาร ตอ้ งดบั ทต่ี วั อวชิ ชา อวชิ ชา จะดบั อย่างไร กต็ อ้ งปฏิบัตติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด เห็นไหม ขนึ้ ไปถึง ตวั ตน้ มนั แลว้ ดบั อวชิ ชาตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด พอปฏบิ ตั ิ ก็เกิดจักขุงอุทะปาทิ ญาณังอุทะปาทิ ปัญญาอุทะปาทิ วิชชาอุทะปาทิ อาโลโกอทุ ะปาทิ เกดิ นโิ รธขนึ้ มา เรยี กวา่ เกดิ ปญั ญาขน้ึ มา พอเกดิ ปญั ญา ข้ึนมาแลว้ ก็มาดับที่ตวั อวิชชา พอดับอวิชชา สังขารมันก็ดบั อวิชชาเปน็ ตวั ทุกข์ อวชิ ชาเปน็ ตวั ทกุ ข์ ตวั นมี้ นั สำ� คญั ตวั ตน้ มนั สำ� คญั หลวงพอ่ ตอ้ ง คดิ คดิ คิด คดิ วจิ ัย วิจยั เขาไม่ได้วา่ ไวอ้ ยา่ งละเอียด เรากเ็ ลยต้องใช้ สมองกันนานเหมือนกัน อวชิ ชาคอื ตวั ทกุ ข์ ทเี่ อาจติ โงม่ าเปน็ ตวั กู ของกนู นั่ แหละเปน็ ตวั ทกุ ข์ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขเ์ พราะมนั โง่ เพราะอวชิ ชาตวั นน้ั มนั โง่ เพราะมนั ไมร่ ู้ อรยิ สจั สนี่ น่ั แหละ นนั่ กค็ อื เหตขุ องอวชิ ชา หนง่ึ อวชิ ชา สองเหตเุ กดิ ของ อวชิ ชา กค็ อื สมทุ ยั สามความดบั อวชิ ชา สจี่ ะดบั อวชิ ชาตอ้ งดบั ทเ่ี หตุ เรา ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมีองคแ์ ปด พอปฏบิ ตั ิ เราได้นิโรธมาแลว้ คือ เห็นแจ่มแจ้งมาแล้ว ได้ตัวปัญญา ตัววิชชามาแล้ว เราก็เอามาดับที่ตัว สมทุ ัย คือ ตัวเหตุใหเ้ กดิ ทกุ ข์ พอดับทตี่ ัวสมทุ ยั อวิชชาก็ดบั เหน็ ไหม ตวั นีแ้ หละทีย่ าก 116

ดับ ว่าง สงบ เยน็ อวชิ ชา เหตเุ กดิ ของอวชิ ชา ความดบั อวชิ ชา หนทางใหถ้ งึ ความดบั ของอวิชชา ต้องท�ำอย่างนน้ั ถึงจะได้ แลว้ เปน็ ไงทีนี้ อวิชชาดับสงั ขารดบั สงั ขารดบั วญิ ญาณดบั วญิ ญาณดบั นามรปู ดบั นามรปู ดบั สฬายตนะดบั สฬายตนะดบั ผสั สะดบั ผสั สะดบั เวทนาดบั เวทนาดบั ตณั หาดบั ตณั หา ดับอุปาทานดับ อปุ าทานดับภพดับ ภพดบั ชาติดับ ชาติดับ ชรา มรณะ โสกะปะรเิ ทวะทกุ ขะโทมะนัสอปุ ายาสดับ เอามาจากขา้ งลา่ งบา้ ง ชรา มรณะ โสกะปะรเิ ทวะทกุ ขะโทมะนสั อุ ปายาสดบั กเ็ พราะชาตดิ บั ชาตดิ บั กเ็ พราะภพดบั ภพดบั กเ็ พราะอปุ าทาน ดบั อปุ าทานดบั กเ็ พราะตณั หาดบั ตณั หาดบั กเ็ พราะเวทนาดบั เวทนาดบั กเ็ พราะผสั สะดบั ผสั สะดบั กเ็ พราะสฬายตนะดบั สฬายตนะดบั กเ็ พราะ นามรปู ดับ นามรปู ดับกเ็ พราะวิญญาณดับ วญิ ญาณดับกเ็ พราะสังขาร ดบั สงั ขารดบั กเ็ พราะอวชิ ชาดบั อวชิ ชาดบั กเ็ พราะเหตใุ หเ้ กดิ อวชิ ชามนั ดบั เหน็ ไหม พออวชิ ชาดบั สงั ขารดบั ฯ เวยี นขน้ึ เวยี นลงอยา่ งนนั้ เอาขนึ้ ลง ขึ้นลง เราจะเข้าใจ แลว้ จะเหน็ แจ้ง กอ่ นอนื่ เราตอ้ งจำ� และปฏบิ ตั อิ รยิ มรรคมอี งคแ์ ปด ตอ่ ไปอรยิ สจั สี่ จ�ำไม่ยาก แต่ต้องเข้าใจ ต้องรู้ ทีนี้ปฏิจจสมุปบาท ตัวละครแต่ละตัว ต้องจ�ำให้ได้ สามอย่างนี้มันเกี่ยวโยงกัน อริยสัจสี่ก็ ทุกข์ เหตุให้เกิด ทุกข์ ความดบั ทกุ ข์ หนทางใหถ้ ึงความดบั ทุกข์ พระพทุ ธเจ้าพระองค์รู้ อรยิ สัจส่ี พระองคก์ เ็ ลยท�ำอย่างนี้ ไม่ใช่ดีดน้�ำมนต์ 117

หลวงพ่อเอย้ี น  วิโนทโก • หนึ่ง ทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ ทุกข์เป็นส่ิงท่ีเราควรก�ำหนดรู้ เรา กำ� หนดรู้ได้แล้ว • สอง เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขเ์ ปน็ อยา่ งนๆ้ี เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขเ์ ปน็ สงิ่ ทเี่ รา ควรละ เหตใุ หเ้ กิดทกุ ข์เราละไดแ้ ลว้ • สาม นิโรธ นิโรธคอื ความดับทุกข์ ความดบั ทุกขเ์ ป็นอยา่ งน้ีๆ ความดบั ทุกข์เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราควรทำ� ใหแ้ จ้ง ความดบั ทกุ ขเ์ ปน็ สง่ิ ท่เี ราท�ำใหแ้ จง้ ไดแ้ ล้ว • สี่ หนทางใหถ้ งึ ความดบั ทกุ ข์ กค็ อื อรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด กค็ อื สัมมาทิฎฐิ สัมมาสังกัปโปฯ เป็นอย่างน้ีๆ อริยมรรคมีองค์ แปดเปน็ สงิ่ ทเ่ี ราควรปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ มี อรยิ มรรคมอี งคแ์ ปดเรา ทำ� ให้เกดิ มีได้แล้ว นี่อย่างละสาม เรียกว่าปริวัฏฏ์สาม ทีนี้ปริวัฏฏ์สามมันเวียนไป เวียนมา เรียกวา่ อาการสิบสอง อาการสิบสองไม่ใชท่ วตั ติงสาในโน้นนะ ทวัตติงสาน่ัน เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจฯ อันน้ันมันอาการสามสิบ สอง อันนี้มันอาการสิบสอง สาม.ส่ี สิบสอง ในอริยสัจทั้งส่ีนั่นแหละ ถ้าพระองค์ยังไม่ช�ำนาญในเร่ืองนี้ พระองค์ก็ยังไม่ปฏิญญาว่าเป็น พระพทุ ธเจา้ แตเ่ มอื่ พระองคช์ ำ� นาญเรอื่ งการเกดิ การเหน็ อรยิ สจั ส่ี เรอ่ื ง การเหน็ ขนั ธห์ า้ เรอื่ งการเหน็ ปฏจิ จสมปุ บาท หรอื อรยิ สจั สท่ี อ่ี ยใู่ นปฏจิ จ- สมปุ บาททุกๆ ตวั ตวั ละสีๆ่ นั่นคือให้เห็นอรยิ สัจส่ี 118

ดับ วา่ ง สงบ เยน็ ทา่ นอาจารยพ์ ระเดชพระคณุ ทา่ นพทุ ธทาสทา่ นจงึ บอกวา่ อรยิ สจั สี่ คอื ทกุ ข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค เปน็ อรยิ สจั เลก็ สว่ นอรยิ สจั ใหญค่ อื ปฏจิ จ- สมุปบาท เพราะแต่ละตวั มันมีสที่ ัง้ นั้นเลย เหมือนเราทำ� สรอ้ ยคอ หรือ สร้อยข้อมือ ท�ำเป็นห่วงๆ แล้วเอามาคล้องกันเป็นสิบเอ็ดหรือสิบสอง ห่วง จงึ เรียก ปฏจิ จสมปุ บาท แปลวา่ อาศัยกัน แล้วเกดิ ข้นึ ๆ ถ้าเราเอา ตวั เดียว เชน่ เอาชรา มรณะ โสกะปะรเิ ทวะทุกขะโทมนัสอปุ ายาสเป็น ทุกข์ ตัวเหตุให้เกิดทุกข์ ตัวความดับทุกข์ ตัวหนทางให้ความดับทุกข์ เอาไปทลี ะตวั ๆ อยา่ งนนั้ กไ็ ด้ แตถ่ า้ ทำ� อยา่ งทห่ี ลวงพอ่ วา่ นี่ เรากจ็ ะเขา้ ใจ ไดง้ ่ายกว่า ปฏิจจสมุปบาทมหี ลายแง่หลายมุม เราไมต่ อ้ งเอาทกุ มุม แค่ ให้เราปฏิบัตแิ ลว้ ความทุกขม์ นั ดับ กใ็ ชไ้ ด้แลว้ การปฏิบัติ ความทกุ ขด์ บั มาจากอวชิ ชา น่เี ห็นยากหน่อย ถา้ ปัญญาเราไม่ถงึ เอาดับที่เวทนาก่อน ให้ตั้งต้นท่ีผัสสะ แล้วให้ตั้งท่ีเหตุคือสฬายตนะ ก็คือ ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ ตาไมใ่ ช่กู หไู มใ่ ช่กู จมกู ไม่ใช่กู ล้นิ กาย ใจ ไมใ่ ชก่ ู ตาเหน็ กไ็ มใ่ ชก่ เู หน็ กค็ อื รปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์ ตามันกท็ �ำหนา้ ท่ีอย่างน้ัน แต่อย่าให้กูมันไปท�ำหนา้ ที่ ให้ตามันท�ำหน้าที่ ไปตามธรรมชาติ พอมนั เกดิ ผสั สะขน้ึ มา เกดิ เวทนาขนึ้ มา สตกิ ด็ งึ ปญั ญา มา พอดึงปญั ญามาแล้ว ก็เห็นเวทนาตวั ไหนๆ เราก็เข้าใจแลว้ ว่า อยา่ ง 119

หลวงพอ่ เอย้ี น  วิโนทโก น้ีเรียกว่าสุขเวทนา อย่างน้ีเรียกว่าทุกขเวทนา อย่างน้ีเรียกอทุกขมสุข เวทนา พอเกิดเวทนาขึ้นมา เราก็เตรียมพร้อม ดึงปัญญามา เหมือนท่ี ทเ่ี ราปฏบิ ัตินนั่ แหละ ปัญญาเอามาจากไหนล่ะ ก็เอามาจากอริยมรรคมี องคแ์ ปดนนั่ แหละ พอไดป้ ญั ญานน้ั กเ็ อามาดบั ดบั ทเ่ี วทนาไมท่ นั กด็ บั ท่ตี ัณหากไ็ ด้ รู้ว่าตัณหาเปน็ ยงั ไง ดบั ที่ตณั หาเสียก็ยังทันอยู่ แคถ่ ้าเลย ตัณหาไป ดบั ไม่ทันแลว้ มนั เลยไปเปน็ อปุ าทาน เป็นภพ เปน็ ชาติ เป็น ชรา มรณะฯ ไปถึงโน่นแล้ว มนั กท็ ุกขเ์ ต็มเปยี่ มแลว้ ท้ังอริยมรรคมีองค์แปด อริยสัจสี่ แล้วก็ปฏิจจสมุปบาท ต้อง เข้าใจเรื่องนี้ ถ้าไม่เข้าใจ มันก็ยังเว้าๆ แหว่งๆ มันก็ยังไม่อะไร ฉะน้ัน ขอให้ทกุ คนชว่ ยกันขยนั หนอ่ ย อยา่ งนอ้ ยตอนแรกกเ็ ขา้ ใจท่ีสวด สวด แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจ ซึมไปทีละนิดๆ แล้วพอปฏิบัติ มันก็จะซึมลึกทีน้ี ซมึ ลกึ เขา้ ไปอกี รเู้ องทนี ี้ รเู้ อง รอู้ ยา่ งทห่ี ลวงพอ่ สอนมนั เปน็ สตุ มยปญั ญา พอเอาไปคิดเองกเ็ ปน็ จนิ ตามยปญั ญา ถา้ เรารูด้ ว้ ยการปฏิบัติ ดว้ ยการ ภาวนา ตาไม่ใช่กู หูไมใ่ ช่กู จมูก ล้นิ กาย ใจ ไมใ่ ชก่ ู พอภาวนาไป มนั รู้ ข้ึนมาจริง น่ันแหละ เรยี กภาวนามยปญั ญา เกดิ ปญั ญาขึ้นมา ปัญญาท่ีเกิดจากการภาวนา จากการปฏิบัติตามอริยมรรคมี องค์แปด คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสงั กปั โปฯ น่นั แหละ มันจะไปรวมตวั กัน ก็จะเห็นอริยสัจส่ี พอเห็นอริยสัจสี่ก็สบาย สบายมากทีน้ี มันก็ดับ เรยี กวา่ ดบั ดบั ดบั มนั กว็ า่ งทนี ี้ใครทเ่ี จรญิ วา่ งมนั กว็ า่ งจากตวั กนู น่ั แหละ 120

ดับ วา่ ง สงบ เย็น ดบั พอกเิ ลสมนั ดบั พอจิตมนั ดบั จิตท่ีมันเปน็ ๆ ไม่ใช่ดบั ท่ีหอ้ งดับจิต ดับตอนทีเ่ รายังเป็นๆ ยงั ลมื ตา ยงั หายใจน่ีแหละ ดับวา่ มันไม่ใชก่ ู จิต มนั ไมใ่ ช่กู พอจิตไมใ่ ชก่ ูดับ จิตมันก็ว่าง ก็คอื วา่ งจากกู ถา้ จิตวา่ งจากกู การกระท�ำก็ดี ความคิดก็ดี ค�ำพูดก็ว่างจากกู วิญญาณตัวรู้ก็ไม่ใช่กูรู้ นามรปู กาย-ใจกไ็ มใ่ ชก่ ู ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ กไ็ มใ่ ช่กู ผสั สะ การ กระทบกไ็ มใ่ ชก่ ู เวทนากไ็ มใ่ ชก่ ู แลว้ ตณั หามนั จะเกดิ ยงั ไงทนี ้ี น่ี มนั หมด กู เพราะกูคือกิเลสมนั ตาย ฉะน้ัน การปฏิบัติ หน่ึงกู สองเหตุให้เกิดตัวกู สาม ความดับ ตวั กู สหี่ นทางใหถ้ งึ ตวั กู มนั กอ็ รยิ สจั สอ่ี กี นนั่ แหละ ไมพ่ น้ ไปจากนห้ี รอก ฉะนัน้ ให้เราปฏิบตั ิใหเ้ กดิ ปญั ญาข้ึนมา ใหแ้ จ่มแจ้ง พอแจม่ แจง้ ข้ึนมา มันกส็ ามารถท่ีจะเปล้ืองความทุกข์ ลอกออกไป ลอกออกไป ถูออกไป ถูออกไป มันก็หมดเอง การฟังน้ีเพ่ือให้เข้าใจ เข้าใจแล้วก็ให้เอาไป ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั แิ ลว้ ผลของการปฏบิ ตั กิ ค็ อื ไมม่ คี วามทกุ ข์ หมดความทกุ ข์ ฉะน้ัน หนึง่ ดับ สอง วา่ งจากตัวกู สาม สงบ ก็จติ มันไม่เอาอะไร แลว้ มนั กอ็ ยกู่ บั ความสงบสทิ นี ้ี มนั ไมเ่ อาอะไร มนั จะอยกู่ บั อะไร รา่ งกาย นก้ี ็ไมใ่ ชข่ องกแู ลว้ จติ ก็ไมใ่ ชข่ องกูแลว้ ตา หู ฯ ก็ไมใ่ ช่ของกู ไม่ใชต่ วั กู แล้ว อยู่กบั ความสงบดีกวา่ คอื มันไมเ่ ข้าไปยึดม่นั ถือมนั่ อะไรแล้ว มนั ก็สงบ จติ มันกเ็ ลยได้สรา้ งบา้ นใหมข่ ้ึนมา บ้านทเ่ี ราอยกู่ ัน คอื บ้านของ ร่างกาย แตน่ ่เี ปน็ บ้านของจติ เป็นบ้านของปญั ญา บา้ นโนน้ มนั เปน็ บ้าน 121

หลวงพ่อเอย้ี น  วิโนทโก ของกาย ทีนี้ บ้านของกายทย่ี งั ยดึ มนั่ ถอื มน่ั กันนั้น มันเปน็ บา้ นของใคร ของอวิชชาแหละ จิตเป็นของอวิชชาหมด แต่บ้านใหม่นี้ เป็นบ้านของ วชิ ชา เปน็ บ้านของปัญญา ฉะนน้ั ดบั วา่ ง แลว้ กส็ งบ บา้ นทสี่ งบเพราะมปี ญั ญา มวี ชิ ชา พอมี วชิ ชา มปี ญั ญาไมเ่ ขา้ ไปยดึ มน่ั ถอื มนั่ อะไร เพราะอะไร เพราะกเิ ลสมนั ดบั พอกเิ ลสมันดับหมด เพราะอวชิ ชามันดบั ไอ้ตวั ตน้ มนั ดับ ไอ้ตัวปลายๆ มันก็ดับหมดแหละ ไมม่ อี ะไรเหลือ ให้เราทำ� ไปอยา่ งน้ัน ฉะน้ัน ใหเ้ ราไปอยู่บ้านใหม่กันเถอะ สรา้ งบา้ นใหม่ มาทนี่ เ้ี พ่ือจะ หาลู่ทางในการสร้างบ้านใหม่ ให้อยู่กับความสงบ อยู่กับความสงบทั้ง กายทั้งจิตน่ันแหละ เพราะกิเลสมันดับ พอกิเลสมันดับ ก็อยู่กับความ สงบ หายใจเขา้ สงบ หายใจออกสงบ อยกู่ บั ความสงบ มันจะตายกค็ ดิ ข้ึนมา สงบ สงบ สงบ อยู่กับความสงบ แต่ต้องฝึกให้ชิน ความสงบ มนั ควบคุมตา หู ฯลฯ ควบคมุ โลก ควบคุมจกั รวาล ความสงบไมต่ าย รา่ งกายกบั กเิ ลสมนั ตาย ทนี ไ้ี อค้ วามสงบมนั จะเกดิ ขนึ้ ได้ ตอ้ งทำ� ใหว้ า่ งกอ่ น ทำ� ใหด้ บั กอ่ น แล้วท่ีสองก็คือว่าง ท่ีสามคือสงบ พอสงบแล้ว อีกหน่อยมันก็เย็นเอง พอเราสงบ สงบ สงบ ไฟทมี่ นั ลกุ โพลงๆ มนั ไมส่ งบ ไฟโลภะ โทสะ มนั ลกุ โพลงๆ พอเราดับเสร็จแล้ว เป็นยังไง มันก็ว่างจากท่ีลุกโพลงๆ นั่น แหละ พอว่างจากท่ีลกุ โพลงแล้ว มนั กส็ งบ ไฟนน้ั มนั สงบแลว้ มันไมม่ ี 122

ดบั ว่าง สงบ เย็น ออกซเิ จน ไมม่ อี ากาศมาหลอ่ เลยี้ งมนั แลว้ ทนี ี้ มนั กย็ งั อนุ่ ๆ อยู่ พอเราใช้ เวลาไป เราภาวนาอยกู่ บั ความสงบ สงบ ตอ่ ไปมนั กค็ อ่ ยเยน็ ลง เยน็ จนถงึ ท่สี ดุ ทนี ี้ ดบั ว่าง สงบ เย็น นค่ี ือสโลแกนทต่ี ้ังเอาไวต้ ง้ั แตข่ า้ งตน้ โน้น เอาละ ขอให้ทุกคน มีการปฏิบัติที่ก้าวหน้า แล้วก็ให้เจริญย่ิงๆ ขนึ้ ไปในชวี ติ ของตวั เอง เราเขา้ ใจอะไรทลี่ กึ ซงึ้ ทเ่ี ราจะสามารถชว่ ยเหลอื เพ่ือนได้ เรากช็ ่วยเหลือเพอ่ื นในตอนท่เี รายังมชี ีวติ นแี่ หละ ไมใ่ ช่ปฏบิ ตั ิ จนถงึ ที่สุด แล้วคอ่ ยช่วยเพือ่ น ปฏิบตั ไิ ป ได้เท่าไหร่ก็ชว่ ยเพื่อนเทา่ นนั้ ย่ิงชว่ ยยิง่ ได้ ไมห่ มดหรอก ย่ิงเราช่วย เรายิ่งได้ หลวงพ่อชว่ ยเท่าไหรๆ่ มันไม่หมดซักที ฉะน้ัน ตอนนี้เราท�ำเพื่อตัวเอง ต่อไปก็ท�ำท้ังเพ่ือตัว เอง เพื่อผอู้ นื่ พองานของตัวเองเสร็จแล้ว กเ็ หลอื อย่างเดียว เหมือนท่ี พระพทุ ธเจ้าท่านจบกิจของพระองคแ์ ลว้ ตอนพระชนมายุ ๓๕ หลงั จาก นนั้ อกี ๔๕ ปี เปน็ งานของคนอืน่ หมดเหน็ ไหม ฉะน้ัน เราต้องเดนิ ตาม พระพทุ ธเจา้ เรากจ็ ะไมเ่ สยี ทที เี่ ราเกดิ มาเปน็ คน ยกระดบั จติ ใหถ้ งึ ความ เป็นมนุษย์ แล้วเราก็จะไดธ้ รรมะทีเ่ ราปฏบิ ัติ ขอใหค้ วามเจรญิ ในธรรมจงเกิดมีแกท่ ่านทกุ ๆ คนเทอญ 123



โอวาทปิดของ หลวงพ่อเอ้ยี น ท่ีเราท�ำมาต้ังแต่วันที่ ๑๒ ถึงวันนี้คือ วันที่ ๑๕ นี่คือ ความ ปรารถนาของหลวงพอ่ ท่ตี ้ังไวใ้ นชีวติ เพราะว่ากอ่ นทีจ่ ะเกิดมาในโลกน้ี โยมแม่ได้นิมิตเร่อื งของดอกบัว ๒ ดอก คือ นิมิตวา่ ไดด้ อกบวั ๒ ดอก ก่อนทที่ า่ นจะมีครรภ์ของหลวงพอ่ แต่หลวงพ่อรแู้ ล้วก็แก้ไม่ได้ ตอนน้ี แก้ไดแ้ ล้ว คอื ดอกบวั ดอกทีห่ น่ึง ก็คอื ตัวหลวงพอ่ เอง ดอกบัวดอกที่ สอง กค็ อื ญาตโิ ยมทกุ ๆ ทา่ นทไ่ี ดม้ ารบั ฟงั แลว้ เอาไปปฏบิ ตั ิ ทำ� ใหธ้ รรมะ เบิกบานขึ้นมาในดวงใจของทุกๆ ท่าน ฉะนั้น ขอให้ท่านเอาไปปฏิบัติ ตามท่ีหลวงพ่อชี้แนะ นี่คือความปรารถนาในชีวิตหลวงพ่อ ให้ดอกบัว คือปัญญามันบานถึงท่ีสุด ความทุกข์มันก็จะตายไปโดยไม่เหลือ และ ตอ่ ไป ความสงบเย็นก็จะเข้ามาแทนที่ หลวงพอ่ เกดิ มาเพอ่ื ทจ่ี ะทำ� อยา่ งนี้ หลวงพอ่ ไมม่ ภี รรยาแตห่ ลวง พ่อก็มีลูกได้เยอะแยะไปหมด ความปรารถนาน้ีจะสมปรารถนา ก็อยู่

หลวงพ่อเอี้ยน  วิโนทโก ที่พวกเราทุกคนศกึ ษาจริง ปฏบิ ัตจิ รงิ สุดทา้ ยกค็ อื ไดผ้ ลจรงิ อย่างน้ัน ชีวิตหลวงพ่อก็ไม่เป็นหมันแล้ว ชีวิตท่ีเป็นหมัน ก็คือชีวิตท่ีไม่มีลูก สืบทอดในวงศต์ ระกลู แต่นี้ หลวงพ่อได้สบื ทอดแล้ว วงศต์ ระกลู กค็ ือ ตระกลู ของพระพุทธเจา้ ไม่ใช่ตระกลู ในทางโลกแบบภาษาคน พระพุทธเจ้าเป็นพ่อของเราทุกคน พระธรรมเป็นแม่ คือ ท่าน คลอดสรรพสงิ่ ทง้ั หลายทง้ั ปวงในโลก ในจกั รวาล ทกุ ๆ จกั รวาล สรรพสงิ่ ทั้งหลายคลอดออกมาจากพระธรรม พระพุทธเจ้าเป็นพ่อ พระธรรม เป็นแม่ ส่วนพระอริยสงฆ์สาวกท่ีเป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเป็นพี่ ของพวกเรา ฉะน้ัน เราจะต้องเดนิ ตามพอ่ เราตอ้ งเช่ือฟงั แม่ แล้วเราก็ เอาพระธรรม คือ ต้นฉบับของความว่างที่สงบเย็นมาปฏิบัติ แล้วเราก็ อยู่ในครอบครวั เดียวกัน ในทนี่ ี้ ใหถ้ อื วา่ เปน็ โรงเรยี นสองภาษา ไมใ่ ชภ่ าษาจนี ภาษาองั กฤษ ภาษาเยอรมนั ไมใ่ ช่ สองภาษาของพวกเรากค็ อื ภาษาโลกยี ะ จะเปน็ ภาษา ไหนกไ็ ด้ในโลกน้ี เรียกวา่ โลกียะ อกี ภาษาหนงึ่ ก็คือ ภาษาโลกุตระท่เี รา บางคนฟังไม่ถูก เพราะไมไ่ ด้ศึกษาพื้นฐานมา โลกตุ ระก็คือเหนอื โลก ไม่ใช่ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศ แต่เหนอื โลกใน ภาษาทเ่ี ราเรยี นเราศกึ ษากนั อยนู่ ี้ ทเี่ รยี กวา่ เหนอื โลก กค็ อื เหนอื ตา เหนอื หู เหนือจมูก เหนือล้นิ เหนือกาย เหนือใจ เหนอื สง่ิ สมมตติ ่างๆ ไมย่ ดึ ติดในอะไรท้งั นนั้ นเ้ี รียกว่าเราเรยี นภาษาโลกุตระ ภาษาทอี่ ยเู่ หนอื โลก 126

ดับ วา่ ง สงบ เยน็ เม่ือเราเรียนภาษาเหนอื โลกนน้ั แล้ว เราก็เอามาปฏิบัติดว้ ยองคป์ ฏบิ ัติที่ สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเราทา่ นไดป้ ทู างไวใ้ หพ้ วกเราแลว้ กค็ อื อริยมรรคมีองคแ์ ปด นั่นคอื ทางเดนิ ทท่ี า่ นช้ีแนะไวใ้ หพ้ วกเรา อริยสัจส่ี คอื ผลแหง่ การปฏิบตั ิ ตอ่ ไปกค็ อื ปฏจิ จสมปุ บาท ทง้ั ฝา่ ยเกดิ ทงั้ ฝา่ ยดบั ทมี่ นั อยทู่ จ่ี ติ ใจ ของพวกเราน่ี ไม่ใช่ส่ิงภายนอก เรื่องปฏิจจสมุปบาทเป็นเร่ืองที่ลึกซึ้ง เป็นเรื่องท่ีอยู่ภายใน เป็นเร่ืองทุกข์ และเรื่องดับทุกข์โดยเฉพาะของ แต่ละคน ฉะนั้น เราอย่าให้เสียเวลาท่ีเราเกิดมานี้ อย่าให้เสียเวลาของ ตวั เอง อย่าใหเ้ สียเวลาของคนอื่น ของคนอ่นื กต็ ้องชว่ ย ตัวเองเราก็ตอ้ ง ช่วย เราจะต้องช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน เราต้องช่วยเหลือเพ่ือนมนุษย์ น่คี อื หนา้ ที่ หน้าท่ขี องเราทุกคนทตี่ ้องปฏิบตั ิ ฉะนนั้ หลวงพอ่ กท็ ำ� หนา้ ที่ ทา่ นทกุ คนกท็ ำ� หนา้ ที่ เราอยา่ ทำ� หนา้ ท่ี เฉพาะแต่ประกอบวิชาชีพ ที่ได้เงินมาแล้วเอามาเล้ียงปากเลี้ยงท้อง เล้ียงครอบครัวเท่านั้น แต่อาชีพของเรานี้ คืออาชีพภายใน ถ้าเราไม่มี อาชีพภายใน ไม่มีทางเดินที่ถูกต้องแล้ว เราท�ำอาชีพภายนอก ก็ท�ำให้ เรามีความทกุ ข์ทุกกระเบียดนิ้ว ไดม้ าเราก็เป็นทุกข์ ไมไ่ ด้สมปรารถนา เราก็เป็นทุกข์ มันจะมีแต่ความทุกข์เท่านั้น มันจะรุมมาท�ำร้ายเรา แต่ ละวนั ๆ ฉะน้ัน วิชาป้องกนั ไมใ่ ห้มีความทกุ ข์ ก็คือวชิ าน้ี คือวิชาในการ ปฏบิ ัติ ในเรือ่ งกาย วาจา ในเร่ืองของจติ ในเรื่องของการท�ำใหก้ เิ ลสมัน 127

หลวงพ่อเอย้ี น  วโิ นทโก ระงับลงไป แล้วเราก็จะเป็นอิสระ เราจะไม่ติดคุก เราจะไม่ติดตะราง แหง่ อวชิ ชาอีกต่อไป ส่วนพวกเราท่ีไม่ได้ปฏิบัติ ไม่รู้อะไรบางส่ิงบางอย่างในเรื่อง โลกุตรธรรมน้ี เหมือนกับว่าเขาเอาเชือกมามัดเท้าของเรา เขาไม่ได้มัด แน่นๆ เขามดั หลวมๆ มดั ทั้งสองขา้ ง ไม่ได้มดั ใหต้ ิดกนั มัดให้เราเดิน ได้ เรากเ็ ดนิ ได้ ทำ� อะไรไดท้ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง แตเ่ ราไมร่ วู้ า่ เรามนั โดนมดั เมอื่ ไม่รทู้ ำ� ยงั ไง ก็ท�ำใหม้ นั รู้ขนึ้ มา คอื เชือกนน้ั เปน็ เชอื กของอวชิ ชา อวชิ ชา มนั มามัดพวกเราไว้ มดั เมื่อไหร่เรากไ็ ม่รู้ แต่วา่ เราจะรู้ทุกครั้งว่าถกู มดั ถ้ามันเกดิ ความทุกขข์ นึ้ มาเพราะเราถูกมดั ทีน้ีเราก็จะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด ให้เกิดจักษุ ให้เกิดญาณ ให้เกิดปัญญา ให้เกิดวิชชา ให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา พอเกิดแสงสว่างแห่งปัญญาข้ึนมา เราก็ดูเน้ือตัวของเรา ดูเท้าของเรา อ้าว เรานี่มันถูกมัดนี่ เชือกมันมัดอยู่หลวมๆ เราก็เลยหาวิธีในการแก้ เชือก คือเชือกแห่งอวิชชาน้ัน คือเชือกที่เขามัดไว้ที่เท้าน่ันแหละ น่ีเรา ต้องแก้ทุกคน ของใครใครก็แก้เอง แต่ว่าเราไม่สามารถท่ีจะเห็นได้ถ้า เราไมป่ ฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด แลว้ ไมเ่ กดิ จกั ขงุ อทุ ะปาทิ ญานงั อทุ ะปาทิ ปญั ญาอทุ ะปาทิ วชิ ชาอุทะปาทิ อาโลโกอุทะปาทิ เพราะถา้ ไม่ เกิด เหน็ อริยสจั ส่ี เราก็แก้มดั ไม่ได้ ฉะนั้น เราเกิดมาเพื่ออะไร เราเกิดมาไม่ใช่เพ่ือท�ำมาหากินให้ 128

ดบั วา่ ง สงบ เยน็ ร่�ำรวยอย่างเดียว เรายังมีงานที่จะต้องท�ำ งานส่วนตัวก็คือเพ่ือที่จะแก้ มดั แก้ท่เี ขาผูกเชอื กมัดเทา้ ของเราเอาไว้ น่ีเราจะเห็นเมอ่ื เราปฏิบตั ิตาม อรยิ มรรคมอี งคแ์ ปด แลว้ กเ็ กดิ จักขงุ อุทะปาทิ ญานงั อทุ ะปาทิ เป็นต้น ข้นึ เทา่ น้ัน เมอื่ เราเหน็ แล้ว เราก็แกม้ ดั ท่ีเท้าของเรา เอาเชือกนั้นท้งิ ออก ไป กค็ ือ กเิ ลสตณั หาตาย แต่ร่างกายคอื เปลอื กนอกยงั อยู่ ทีนเ้ี ราก็ดไู ปยงั ผอู้ ื่น เม่อื สอดส่องไปยงั ผูอ้ ืน่ คือ เพอ่ื นฝงู ญาติ พี่น้องของเรา ก็ให้ถือว่าทุกคนเป็นญาติพ่ีน้องของเราท้ังน้ันในโลกน้ี แต่ว่าญาติพ่นี ้องท่เี ปน็ สายโลหิตก็เหมือนกบั ญาติพี่นอ้ งท่อี ยหู่ ่างๆ กัน ทีน้ีท่านทุกคนท่ีมาน่ังปฏิบัติกันอยู่ท่ีตรงนี้ อาตมาถือว่านี่เป็นญาติทาง ธรรม ญาติทางจิตที่ใกล้ชิดกันโดยเฉพาะ นี่ทุกคนเป็นญาติกันยิ่งกว่า ญาตสิ ายโลหติ เสยี อีก แตถ่ ้าหากญาตสิ ายโลหติ มาปฏิบตั ิธรรม คนนั้น กเ็ ปน็ ญาติเชน่ เดยี วกนั เรยี กว่าเปน็ ญาตธิ รรมเชน่ เดยี วกนั ฉะนั้น เราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าพระองค์จะดึงเสด็จพ่อของ พระองคใ์ ห้เป็นญาตกิ ัน พระองคจ์ ะดงึ ราหลุ ให้เปน็ ญาติกนั ดงึ ใครๆ ท่ี อยู่ในพระราชวงั ของพระองคใ์ หม้ าเป็นญาตกิ ัน เพราะว่าญาติภายนอก มันหา่ งกนั เหลอื เกนิ พอเป็นญาติกนั แลว้ กต็ ้องทำ� หนา้ ท่ีร่วมกัน คือทำ� หนา้ ท่ีที่จะแกเ้ ชือกของตวั เองแตล่ ะคนๆ แก้เชอื กออก แลว้ ก็ช่วยผูอ้ ื่น คือ ช่วยชแี้ นะผูอ้ ื่นว่า นี่มนั มีเชือกอยู่นะ ทเ่ี ขาเอามามัดไว้ที่เทา้ ท้งั สอง ขา้ ง มันมีเชอื กอยู่ ถึงเขามดั ไว้หลวมๆ ใหเ้ ราเดินได้ แต่แลว้ เราก็ไม่รถู้ า้ 129

หลวงพอ่ เอีย้ น  วิโนทโก เราไมป่ ฏบิ ตั ติ ามองคแ์ หง่ มรรคทพี่ ระพทุ ธเจา้ ชแี้ นะเอาไว้ ฉะนนั้ เราทกุ คนจงอยา่ ได้ประมาท ในการทจ่ี ะเรียนรู้ ในการปฏบิ ตั ิให้เกิดสติปัญญา ขึ้นมา เม่ือเกิดสติปัญญาขึน้ มาแลว้ เราก็จะได้แกเ้ ชือกทมี่ ดั อันน้นั เม่ือ แกเ้ ชือกของตวั เองแล้ว กช็ ่วยผู้อ่ืนเหมอื นท่ีบอกให้ฟังนีแ้ หละ ฉะนั้น ทงั้ หมดนีค้ อื ความสบายใจของหลวงพ่อ หลวงพ่อกเ็ ลย ตอ้ งทำ� หนา้ ท่อี ย่างน้ตี ลอดไป จะกี่เดอื นกปี่ ี อนั นนั้ สุดแลว้ แตธ่ รรมชาติ ทม่ี อบให้ ฉะนนั้ หนา้ ทอ่ี นั นเี้ ปน็ ทงั้ หนา้ ทข่ี องหลวงพอ่ แลว้ เปน็ ทงั้ หนา้ ท่ี ของทา่ นทกุ ๆ คนทจี่ ะตอ้ งท�ำกนั อย่างน้ี หน้าท่ภี ายนอก คือ การประกอบอาชีพเพ่อื ปากเพ่ือทอ้ ง อนั นัน้ เรากท็ ำ� กันไป แตห่ น้าทภ่ี ายใน คอื ภาษาโลกุตระ เราก็ตอ้ งศึกษา เราก็ ต้องเรียนรู้ เอามาปฏิบัติ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เรือ่ งอริยมรรคมีองคแ์ ปด ในเร่ืองอรยิ สจั ส่ี ในเร่อื งปฏจิ จสมปุ บาท โดยละเอยี ด ถา้ เราศึกษาโดย ละเอียดโดยตัวเองแล้ว เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว เราก็ช�ำนาญในการแก้ เชือกอันน้ัน แล้วเราก็แก้เชือกของตัวเองขว้างท้ิงไปเสียได้ เราก็เลย บอกคนอืน่ เชอื กนนั้ เราจะเหน็ ไดอ้ ยา่ งไร ถา้ เราปฏบิ ตั แิ ลว้ เกดิ จกั ขงุ อทุ ะปาทิ คอื ดวงตาภายใน เกดิ ญาณขนึ้ มา เกดิ ปญั ญาขน้ึ มา เกดิ วชิ ชาขน้ึ มา เกดิ แสงสวา่ งแหง่ ปญั ญาขนึ้ มา เรากเ็ หน็ ภายใน เหน็ แลว้ เรากแ็ กเ้ ชอื กนน้ั ทง้ิ ไปเสยี ภาระของเรากจ็ ะหมดไปในเร่ืองของตัวเอง 130

ดับ ว่าง สงบ เยน็ ทนี ี้ยงั เหลือภาระในการชว่ ยเหลอื ผู้อืน่ เรื่องนี้ทงั้ หมด หลวงพ่อ ปรารถนามาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าเราทกุ คนที่มาน่งั อยูต่ รงนี้ เรามีอปุ นสิ ัย แหง่ การปฏบิ ตั ธิ รรม ในการแสวงหาธรรม เพราะฉะนนั้ ทที่ า่ นเขา้ มาทาง นกี้ ถ็ กู ตอ้ งแลว้ ไมใ่ ชว่ า่ อาตมาจะโฆษณาตวั เอง ทา่ นจะไปทอี่ าจารยไ์ หน กไ็ ด้ มาทน่ี ก้ี ็ได้ แต่ทา่ นจะต้องปฏบิ ัตเิ พ่ือจะใหไ้ ดว้ ชิ ชา คอื การแก้เชอื ก อันนัน้ แตท่ ่ไี หนๆ กไ็ ม่เท่ากับทต่ี วั เอง คือ ทีต่ วั เองนี่แหละ พอรับฟังมา แล้วกเ็ รียนรู้ดว้ ยตวั เอง ปฏบิ ตั ดิ ้วยตวั เอง เหน็ ได้ด้วยตวั เอง นเี่ รียกวา่ สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมนน้ั ใด เป็นสง่ิ ท่ีผศู้ กึ ษาและปฏิบตั ิ พงึ เหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง นมี่ นั ตอ้ งเหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง ไมใ่ ชม่ คี วามรรู้ อบตวั เอาหวั ไมร่ อด มนั กย็ งั เปน็ ทกุ ขอ์ ยู่ ถา้ ยงั เปน็ ทกุ ขอ์ ยกู่ ย็ งั ใชไ้ มไ่ ด้ ตอ้ งให้ ทุกขม์ ันนอ้ ยลง นอ้ ยลง จนหมดส้ิน ทีนี้เราก็มีอาจารย์หลายองค์หลายท่าน เม่ือเรารับฟังมาแล้ว เรา กเ็ อามาปฏิบตั ิ ด้วยการเอามาใสด่ ูในหอ้ งแล็บของเรานีแ่ หละ ถ้าปฏิบัติ แล้ว มันดับทุกข์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเอา เอาท่ีปฏิบัติแล้วมันดับทุกข์ได้ นี่ตอ้ งเปน็ อยา่ งนี้ เพราะฉะนนั้ เมอ่ื เรากนิ เขา้ ไปแลว้ ดมื่ เขา้ ไปแลว้ ถา้ มนั หายหวิ ก็ เรยี กว่าใช้ได้ ทีนีเ้ ราดม่ื น�้ำ คอื พระธรรมนี้ พอด่มื เขา้ ไปแล้วมนั รสู้ กึ ว่า ช่มุ ฉ�ำ่ เยน็ แลว้ กไ็ ม่หวิ อีกต่อไป คือพอด่มื เข้าไปแล้ว มนั อ่ิม คิดทีไหน ก็อม่ิ ทีนั้น แลว้ มันก็อม่ิ อยู่ตลอดเวลา ถา้ อย่างนนั้ ก็เรยี กวา่ ถกู ต้องแลว้ 131

หลวงพอ่ เอ้ยี น  วิโนทโก อาจารยใ์ นประเทศไทยนี้ มีเยอะแยะเต็มไปหมด น่เี ปน็ บญุ ของ ประเทศไทย ถ้าหลวงพ่อท�ำคนเดียวก็ท�ำไม่ได้ มีอาจารย์ท่านอ่ืนๆ พระองค์อนื่ ๆ วดั อนื่ ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด มใี หท้ ่านเลอื ก เหมือนกบั เราไปในตลาดสดท่ีเขาขายของนัน่ แหละ ทีน้เี ราต้องมีตา ถ้าไมม่ ีตาก็ไป ได้มะม่วงเนา่ มา ได้ของปลอมมา เราต้องมีตาทั้งภายนอกภายใน นี่คือภาคแห่งการปฏิบัติ ฉะน้ัน ขอให้ทุกๆ ท่าน จงอย่าได้ ประมาท จงอย่าได้ประมาท จงอย่าได้ประมาทกับชีวิตของเราเลย ท�ำ ชีวติ ของเราอยา่ ให้มนั เป็นหมัน เม่ือไม่เปน็ หมนั แล้ว เราก็จะมีลูกมเี ต้า มากกวา่ ลกู ทเ่ี รามที างโลกยี ์ ๒ คน ๓ คน ๕ หา้ คนน่ี เราจะมลี กู เยอะแยะ เต็มไปหมด อย่างน้ีศาสนาน้ีจะไม่หายไปจากโลกน้ี เพราะฉะน้ัน ให้ มันคุ้มค่าที่เราเกิดมาในโลกนี้แล้ว มาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ทีน้ีพบ พระพทุ ธศาสนาแลว้ ยงั ไม่พบพระพุทธเจ้า ฉะนัน้ เราจะต้องปฏิบตั ิให้ พบกับพระพุทธเจา้ คือภายในทส่ี งบเย็น พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ ดกู อ่ นวกั กลิ ผใู้ ดเหน็ ธรรม ผนู้ น้ั ชอื่ วา่ เหน็ เรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้น้ันช่ือว่าเห็นธรรม ทีนี้ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็น ปฏิจจสมุปบาท ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นช่ือว่าเห็นเรา ฉะนั้น พระพุทธเจ้าก็คือพระธรรมน่ันแหละ พระธรรมที่สูงสุด พระธรรมท่ี เราศึกษาเพื่อที่จะเห็น ก็คือ ปฏิจจสมุปบาท การเห็นปฏิจจสมุปบาท เราต้องปฏิบัติตามองค์อริยมรรค เมื่อปฏิบัติแล้วก็เกิด เกิดอะไร เกิด 132

ดับ ว่าง สงบ เย็น เห็นอริยสัจ พอเห็นอริยสัจน่ันก็คือเห็นปฏิจจสมุปบาท อย่าไปแยกว่า อรยิ สจั กบั ปฏจิ จสมปุ บาทเปน็ คนละเรอ่ื ง ทกุ ข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค กค็ อื ปฏิจจสมุปบาทวงเล็ก คือ ตัวอย่าง พอเห็นตัวอย่างอย่างนั้นแล้วก็ไป ท�ำการบ้าน ไปท�ำการบ้านปฏิจจสมุปบาทวงใหญ่ ท่ีต้ังต้นด้วย อวิชชา สงั ขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกะปะริเทวะทกุ ขะโทมะนัสอปุ ายาส ทีนี้พอเราเห็นปฏิจจสมุปบาทแล้ว เราก็ต้องดูว่าช่วงไหนเป็น ยงั ไง เห็นแล้วก็ปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิแลว้ กส็ ลัดความทุกข์ทิง้ ไป เช่นว่า เมอ่ื เรา เหน็ ทกุ ข์ สมุทัย นโิ รธ มรรค คอื เห็น อวิชชา เหตเุ กิดของอวชิ ชา ความ ดับของอวชิ ชา หนทางให้ถึงความดับของอวชิ ชา เสร็จแลว้ ก็เอาอริยสัจ นั้นแหละไปทาบ แล้วก็เอาไปดับอวิชชาตัวน้ัน เมื่อดับอวิชชา สังขาร วญิ ญาณฯ มนั กด็ บั ตามกนั ไปหมด พอดบั ตามกนั ไปหมดแลว้ เรากเ็ รม่ิ จะเหน็ พระพุทธเจา้ ลางๆ แล้ว พอเราเหน็ พระพทุ ธเจา้ แลว้ เรากน็ ้อมน�ำ พระพทุ ธเจา้ คอื ความสงบเยน็ นนั้ น�ำมาไวท้ ก่ี าย ท่ีวาจา ท่ีจติ ของเรา แล้วเราก็อยู่กับพระพุทธเจ้าตลอดชีวิตน้ี อยู่กับความดับ ความว่าง ความสงบ แล้วมันกเ็ ย็น นนั่ พระพทุ ธเจ้าอยู่ทีต่ รงนน้ั ถ้าเราดูภาพปฏิจจสมุปบาท พระพุทธเจ้าจะช้ีไปที่วงว่าง คือ สุญญตา คือความไม่ยึดม่ันถือม่ันสิ่งท้ังปวง เป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง เปน็ อนตั ตา เข้าไปยึดม่ันถอื มั่นไม่ได้ 133

หลวงพ่อเอย้ี น  วิโนทโก เมื่อภิกษุรูปหนึ่งไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าเอาอย่างย่อๆ ไดไ้ หมในธรรมะในพระพุทธศาสนาของเรานี้ พระพทุ ธเจา้ ก็ตรสั วา่ ได้ เอาย่อๆ กไ็ ด้ ให้เธอจำ� ไวใ้ หด้ ี สพั เพ ธมั มานาลงั อะภนิ เิ วสายะ สิง่ ทั้ง ปวง (สิ่งท้งั ปวงน้กี ็คือ ทงั้ หมด ท่พี ระองคส์ อนทงั้ หมดในพระไตรปิฎก ๔๕ เลม่ นน่ั แหละ แตส่ มยั กอ่ น ๘๐ เลม่ ทนี มี้ นั มากไปกวา่ นนั้ สงิ่ ทงั้ ปวง กค็ อื ทง้ั โลก ทั้งจักรวาลน่ันแหละ ทีต่ าเหน็ หูไดย้ ิน จมูกได้กล่นิ ล้ินล้ิม รส กายสัมผัส จิตรู้ธรรมารมณ์ นั่นแหละคือสิ่งทั้งปวง) ส่ิงท้ังปวงอัน ใครๆ (ก็คือพวกเรานแี่ หละ) ไม่ควรเข้าไปยดึ ม่ันถือม่นั ดกี ็ไม่เขา้ ไปยึด มั่นถือม่ัน ช่วั ก็ไม่เข้าไปยดึ ม่นั ถือมนั่ สวยกไ็ ม่เข้าไปยดึ ม่ันถือมัน่ รวย ก็ไมเ่ ขา้ ไปยดึ มั่นถอื มั่น สามภี รรยา ทรพั ย์สมบัตอิ ะไรก็ไม่เขา้ ไปยึดม่ัน ถือม่ัน น่ีสิ่งท้ังปวงอันใครๆ ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวกู ว่าเป็นของกู เพราะไอ้ตัวกูมันไม่มี พอปฏิบัติตามปฏิจจสมุปบาทแล้ว ตวั กมู ันไมม่ ี ตวั กมู ันหายไป เม่อื ตวั กูหายไป ก็ไมต่ ้องเขา้ ยดึ มน่ั ถอื มัน่ แล้ว เมอ่ื เรายงั มตี ัวกูอยู่ มนั กเ็ ขา้ ไปยดึ ถอื ในตวั กู พอไปแยกตัวกอู อก หมด อา้ ว ตวั กมู นั ไมม่ นี ี่ เมอ่ื ตวั กมู นั ไมม่ ี จะเขา้ ไปยดึ มนั่ ถอื มน่ั อะไรละ่ ตัวกูไมม่ ี ของกูกไ็ มม่ ี ฉะนนั้ อย่าเขา้ ไปยดึ มน่ั ถือมนั่ ให้จ�ำไว้แม่นๆ ทุกคนต้องจ�ำคาถาน้ี สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิ เวสายะ สิง่ ทั้งปวงอันใครๆ ไม่ควรเขา้ ไปยดึ ม่นั ถือมน่ั วา่ เปน็ ตวั ตน วา่ เป็นของตน อวชิ ชาเกดิ ก็เพราะเข้าไปยดึ มนั่ ถอื มัน่ จิต สงั ขาร คือ กาย 134

ดับ วา่ ง สงบ เยน็ สังขาร วจสี ังขาร มโนสงั ขาร เกิดเป็นทุกข์ขึน้ มาก็เพราะเข้าไปยึดมั่นถือ มน่ั วญิ ญาณ ตวั รกู้ ถ็ กู เขา้ ไปยดึ มนั่ ถอื มน่ั นามรปู อายตนะ ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน เปน็ ต้น เกิดขึ้นมาไดค้ ือความทกุ ขใ์ นวงจรน้ัน กเ็ พราะ เหตแุ หง่ ความยดึ มน่ั ถือม่ัน ทีนี้ถ้าเราท�ำความยึดม่ันถือมั่นให้มันดับไปเสีย อวิชชามันก็ดับ สังขารมันก็ดับ วิญญาณมันก็ดับ ก็ดับหมด ความทุกข์มันก็ดับหมด ทนี เ้ี ราจะอยกู่ บั อะไร กอ็ ยกู่ บั ความสงบเยน็ อยกู่ บั ความดบั ทกุ ข์ อยกู่ บั ความวา่ ง อยกู่ บั ความสงบ อยกู่ บั ความเยน็ นนั่ คอื ชวี ติ จรงิ เปน็ อยา่ งนนั้ ฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงปฏิบัติเพื่อจะได้รู้ว่าชีวิตจริงที่ถูกปลด ออกจากโซ่ตรวน ปลดออกจากเชือกเป็นยังไง มันสงบยังไง มันอิสระ ยังไง เราก็รู้ด้วยตัวของเราเอง ฉะนั้น ในวันสุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทุกท่าน จงอย่าได้ประมาท อย่าได้ประมาท อย่าได้ประมาท ให้มีธรรมะเกิด ขึ้นในดวงจิตของท่าน ให้มีแสงสว่างคือปัญญาเกิดข้ึนในจิตของท่าน จงทุกๆ ทา่ น เทอญ 135



บทส่งท้าย นเ่ี ปน็ ชว่ งสดุ ทา้ ยทเ่ี รามาเขา้ คอรส์ ในการปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ทางภายนอก เขาสนกุ สนานกนั เขาสาดน�้ำกนั อะไรกนั เขาดม่ื กนั เทยี่ วกนั แตเ่ รากไ็ ด้ ทำ� อยา่ งนน้ั เหมอื นกนั เรามาทน่ี ้ี เรากไ็ ดร้ บั นำ้� ทำ� ใหจ้ ติ ใจของเราไดร้ บั นำ�้ คอื พระธรรมของพระพทุ ธเจา้ หรอื ของโลก เรากไ็ ดม้ คี วามเยน็ ขึ้นมาใน จิตใจได้ เราก็เอาไปใชใ้ นชวี ิตประจ�ำวนั ได้ด้วย อันนี้คือ การสงกรานต์ อกี ค�ำหนงึ่ ทห่ี ลวงพอ่ พูด คือ วา่ ง ว่าง กอ็ ยากให้ทกุ คนทแ่ี ตง่ งาน แล้ว มีครอบครัวแล้ว แล้วคนท่ียังไม่ได้แต่งงานในทางโลก ก็ให้ทุก คนทั้งสองพวกนี้แหละ ไม่ใช่เลิกกันกับสามีหรือภรรยา แต่ให้แต่งงาน กันใหม่ แต่งงานกับนางสาวสุญญตา นางสาวสุญญาตาคือความว่าง ความว่างไม่ใช่ผู้หญิง ความวา่ งไม่ใชผ่ ชู้ าย ความว่างไม่ใชก่ ระเทย แต่ เราไมม่ ีคำ� ทจี่ ะเรียก กเ็ ลยอยากให้ทุกท่านแตง่ งานกับนางสาวสุญญตา คือความวา่ งจากตัวกู

หลวงพ่อเอ้ยี น  วโิ นทโก เพราะอวชิ ชาดับ คือจิตโงด่ บั พอจติ โงด่ บั แลว้ ตวั ทีส่ องก็คือว่าง ฉะนัน้ เราต้องแต่งงานกบั นางสาวสญุ ญตาคอื ความว่าง ไมว่ า่ เด็ก ไมว่ า่ ผ้ใู หญ่ ผ้สู งู อายุ ไปแตง่ งานกบั ความว่างเสีย วา่ งจาก ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ แล้วเรากจ็ ะมีจติ ท่สี งบเยน็ ต่อไป ครอบครัวของเรา คนหน่ึงก็ครอบครัวหน่ึง ครอบครัวหน่ึง ครอบครัวของเราคอื ชวี ติ ของตัวเราเอง จะได้พบกบั ความสงบ ลองคิด ดู ถ้ามนั วา่ งหมด มันจะเป็นยังไง มนั ก็สงบ เมือ่ กเิ ลสวา่ งหมด กเิ ลสท่ี เกิดขนึ้ ทางกาย ทางวาจา เราก็ก�ำชบั มนั ได้ กเิ ลสทเ่ี กดิ ขน้ึ ทางจติ เราก็ บังคับมนั ได้ กิเลสท่เี กิดขึ้นจากทาง ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ เรากบ็ งั คบั มันได้ เมื่อเราบังคับมันได้ก็จะท�ำให้อวิชชาดับ เพราะเราปฏิบัติตาม องค์มรรค แล้วกไ็ ด้ปัญญาทีว่ ิเศษมา แลว้ อวิชชามันกด็ บั ไป ทำ� ใหเ้ กดิ ความเยน็ เข้ามาแทนท่ี เมอ่ื อวชิ ชาดบั ตวั ความโงด่ บั เรากเ็ รมิ่ ทจ่ี ะหมนั้ แลว้ หมนั้ กบั นาง สาวสญุ ญตา หมน้ั เสรจ็ แลว้ กแ็ ตง่ แตง่ งานกบั นางสาวสญุ ญตา เรากเ็ ลย ไดอ้ ยกู่ บั ความวา่ ง ไดอ้ ยกู่ บั นางสาวสญุ ญตาตลอดไป ถา้ เราอยกู่ บั สามี ภรรยา เรากไ็ มไ่ ดค้ ดิ ถงึ กนั ตลอดเวลา แตว่ า่ เราอยกู่ บั ความวา่ ง แตง่ งาน กบั ความวา่ งน่ี เราอยูต่ ลอดเวลา เราเดนิ ก็ไม่ได้คิดถงึ ภรรยาเรา ไมไ่ ด้ คิดถึงสามีเรา ไม่ได้คิดถึงลูกของเรา แต่ว่าเราเดินกับภรรยาใหม่ เดิน กับนางสาวสุญญตา เดินกับความว่าง น่ังหายใจก็หายใจกับความว่าง 138


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook