Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore aแนวทางป้องกันโรคติดต่อ

aแนวทางป้องกันโรคติดต่อ

Description: aแนวทางป้องกันโรคติดต่อ

Search

Read the Text Version

แนวทางการปอ้ งกนั ควบคุมโรคตดิ ต่อ ในศูนยเ์ ด็กเลก็ (สำหรับครูผู้ดแู ลเด็ก) สำนกั โรคตดิ ต่อทว่ั ไป กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ

ศนู ยเ์ ด็กเลก็ เป็นสถานทที่ ีเ่ ดก็ อยรู่ วมกนั เป็นจำนวนมาก ทำให้โรคสามารถแพรก่ ระจายเชื้อ และติดต่อระหว่างกันได้ง่ายเม่ือเด็กเจ็บป่วย เด็กเล็กเป็นช่วงอายุที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของ รา่ งกาย จิตใจ และสมอง นอกจากน้ียังเปน็ ช่วงท่ีร่างกายมภี มู ิตา้ นทานโรคตำ่ สง่ ผลให้เด็กเจ็บปว่ ยได้งา่ ย และพบได้บ่อยๆ โดยเฉพาะโรคหวัด อุจจาระร่วง มือ เท้า ปาก คางทูม อีสุกอีใส และหัด ซึ่งการ เเเเIทศ พแ(พจSรจสกสำนนูมมิิ่ีสBิ่ม็บีิยดำนวยพพNำตหปคเวทค์เจค์ท์ ้นร่นาด่ว็ัาบญร ี่บัใอยก็ ง้ังชปคใใาเกท้จลนน่วจราี่ก่าก็ชยูแก2ท รยรไ่ว ลยปาำมดใงรัะงใอ้น้ คนหสผทงกวี้อ่ง้กู้ดมโ2ี่กจารบผา0าแูีนนัะรงจคลร,ลาชพคร0สเุมกคเัก่วว0จิมด่งรโมย0ษบ็บพรผก็ะลคคาปส์ล2)เทลพด มุำ5่ตวบ่มนเแ5โยย่อปรต 4ักลามพค็น่อ งบะีอัฒตาหผแาานิดู้ปนนลกกพตา่วก้าไอ่รขกดยรคะใปาหงังรนพรานัญอรศนแทุ ้ัืนองูนหลธททภกศยะาี่รี่ตาาก์เาสับรวด้อสุขาปผะ็กงนรภแิด้หอเเาลาทจชงยแพก็ก็บอรุหด โักนบปง่งดซชคาใ่วยนน้าอวยรตกบนเจวพิ าทคมา่ือรกุมขี่รปใุนโอโหร้อรงแ้กคคงเรดกาตทงร็กันิดถี่มดคึงตีปูถแเว่อรส้าลบทะียไเคมสด่ีพชุม่ไิท็กีวบดโิตธรไ้รทิภไดคับดำา้บใก้ใพห่อาหน้ปรย้ขอจรดขากึงะูแอดเจชลปงราารเ็นากชดักยเนน็กษคไี้เทดภรามื่้อตุกาื่อแงยั้งเเพมแลดในศตือะ็ก่ ทุกวัยมีสุขภาพดี โดยเฉพาะเด็กท่ีเป็นอนาคตของชาติ จึงได้จัดทำแนวทางการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก โดยได้รับแนวคิดจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคท่ี 12 สงขลา และหวังว่าแนวทางเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานของศูนย์เด็กเล็ก ท้ังเจา้ หนา้ ทีส่ าธารณสุข เจา้ หน้าทท่ี อ้ งถ่ิน และผทู้ ีส่ นใจ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ครูผู้ดแู ลเดก็ ท่ีตอ้ งปฏิบตั ิงาน ได้รับความรู้และแนวทางการดำเนินงานท่ีถูกต้องเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ส่งผลให้

คำนำ ศูนย์เด็กเลก็ เป็นสถานทที่ ่ีเด็กอยู่รวมกนั เปน็ จำนวนมาก ทำใหเ้ ช้ือโรคสามารถแพรก่ ระจาย และติดต่อระหว่างกันได้ง่ายเม่ือเด็กเจ็บป่วย เด็กเล็กเป็นช่วงอายุที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของ รา่ งกาย จติ ใจ และสมอง นอกจากน้ยี งั เปน็ ช่วงท่ีร่างกายมภี ูมติ า้ นทานโรคตำ่ ส่งผลให้เด็กเจ็บป่วยไดง้ า่ ย และพบได้บ่อย โดยเฉพาะโรคหวัด อุจจาระร่วง มือ เท้า ปาก คางทูม อีสุกอีใส และหัด ซึ่งการ เจ็บป่วยในวัยนี้อาจส่งผลต่อพัฒนาการและสุขภาพโดยรวมของเด็ก ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ เร่ิมป่วยอาจทำให้การเจ็บป่วยมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงเสียชีวิตได้ นอกจากน้ีเม่ือเด็ก เกิดเจ็บป่วยยังส่งผลกระทบต่อผู้ปกครองที่ต้องหยุดงานเพ่ือให้การดูแลเด็ก ทำให้ขาดรายได้ และ เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ดังน้ันการป้องกันควบคุมโรคท่ีมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเครื่องมือ ท่ีสำคัญในการที่จะช่วยลดและแก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคติดต่อท่ีพบได้บ่อยของเด็กภายใน ศนู ยเ์ ด็กเลก็ ได ้ กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการป้องกันควบคุมโรคให้ประชาชนทุกเพศ ทุกวัยมีสุขภาพดี โดยเฉพาะเด็กท่ีเป็นอนาคตของชาติ จึงได้จัดทำแนวทางการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก โดยได้รับแนวคิดจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคท่ี 12 สงขลา และหวังว่าแนวทางเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในการดำเนินงานของศูนย์เด็กเล็ก ท้ังเจา้ หน้าท่ีสาธารณสขุ เจ้าหน้าทท่ี อ้ งถน่ิ และผทู้ ส่ี นใจ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงครูผูด้ แู ลเดก็ ทตี่ อ้ งปฏิบตั งิ าน ได้รับความรู้และแนวทางการดำเนินงานท่ีถูกต้องเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ส่งผลให้ เด็กมีสุขอนามัยและสุขภาพที่ดี มีพัฒนาการสมวัย และมีภูมิต้านทานโรคท่ีดี มีการเจ็บป่วยลดลง และไม่มีการระบาดของโรคติดต่อเกิดขึ้นภายในศูนย์เด็กเล็ก หรือหากเกิดการระบาดก็สามารถ ควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ียังเป็นการส่งเสริมให้บิดามารดาและ ผู้ปกครองตระหนักถึงการป้องกันควบคุมโรคในครอบครัวและชุมชนได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งเป็น การสรา้ งความเชอื่ ม่นั ใหก้ ับผปู้ กครองและชมุ ชนไปพร้อมกนั ภายใตโ้ ครงการ “ศูนยเ์ ด็กเล็กปลอดโรค” (นายมานติ ธีระตนั ติกานนท)์ อธบิ ดีกรมควบคมุ โรค กุมภาพันธ์ 2554 3

สารบัญ หนา้ คำนำ 3 บทนำ 5 นโยบายของกรมควบคมุ โรคสศู่ นู ยเ์ ด็กเล็กปลอดโรค 7 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานสศู่ นู ยเ์ ด็กเลก็ ปลอดโรค 8 หลกั การป้องกนั ควบคุมโรคตดิ ต่อ 9 0 ปัจจัยของการเกิดโรคติดเชื้อ 0 ธรรมชาติการเกิดโรค 0 การปอ้ งกันควบคมุ โรค กจิ กรรมการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคติดต่อในศนู ยเ์ ด็กเล็ก 15 การดูแลเดก็ ปว่ ยเบอ้ื งต้นและการป้องกนั การแพร่กระจายเช้อื 17 10 มาตรการศูนยเ์ ด็กเลก็ ปลอดโรค 19 ความรู้ทว่ั ไป เรอื่ ง โรคตดิ ตอ่ ที่พบบ่อย 21 0 โรคหวดั 22 0 โรคไข้หวดั ใหญ่ตามฤดูกาล 25 0 โรคไขห้ วัดใหญส่ ายพันธใ์ุ หม่ 2009 28 0 โรคมอื เทา้ ปาก 29 0 โรคอุจจาระรว่ ง 32 0 โรคอสี กุ อใี ส 34 0 โรคคางทูม 36 0 โรคตาแดงหรอื เยอื่ บุตาอักเสบ 38 0 โรคพิษสนุ ขั บ้าหรอื โรคกลัวน้ำ 40 0 โรคไขเ้ ลือดออก 42 0 โรคผวิ หนงั อกั เสบจากเชอื้ แบคทีเรยี 44 การสรา้ งเสรมิ ภมู ิค้มุ กนั โรค 45 การลา้ งมืออย่างถกู วิธี 7 ขน้ั ตอน 48 คำแนะนำการใชห้ นา้ กากอนามยั 50 แบบบนั ทึกสขุ ภาพ 57 0 แบบบันทึกประวัติการได้รับวคั ซีน 58 0 แบบคดั กรองอาการปว่ ยรายหอ้ งเรียน 59 0 แบบบันทึกปญั หาสขุ ภาพและการดแู ลเบ้อื งตน้ 60 4

บทนำ ท่มี ีอายุต่ำกปวรา่ ะเ5ทปศีไจทำยนใวนนแเกตอื่ลบะป4ีมลีเดา้ น็กคเกนิดใในหจมำ่ นปวรนะนม้ีมาีเดณก็ อ7า0ย0ุร,ะ0ห0ว0า่ งก2ว่า12ค -น5 มีเด็กก่อนวัยเรียน ปี รอ้ ยละ 50 หรือ ประมาณเกือบ 2 ล้านคน จากสภาพสงั คมและเศรษฐกจิ ในปัจจบุ นั ทเ่ี ปล่ยี นแปลงไปทำให้ผปู้ กครอง ส่วนใหญ่ไม่มีเวลาที่จะเล้ียงดูบุตรหลานด้วยตนเอง จึงนิยมนำบุตรหลานไปฝากเล้ียงท่ีศูนย์เด็กเล็ก (Nursery) เพ่ือเตรยี มความพร้อมกอ่ นเขา้ โรงเรยี น ดังนนั้ ศนู ยเ์ ดก็ เล็ก จึงเปน็ สถานที่ทีเ่ ดก็ อยู่รวมกนั เป็นจำนวนมาก เม่ือเจ็บป่วยจะแพร่เชื้อโรคสู่เด็กอื่นได้ง่าย เน่ืองจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันต่ำ จงึ มโี อกาสปว่ ยไดบ้ ่อย โดยเฉพาะโรคตดิ ต่อทสี่ ำคญั และพบบอ่ ย ไดแ้ ก่ โรคติดเชือ้ ระบบทางเดนิ หายใจ โรคมอื เท้า ปาก โรคอุจจาระรว่ ง เป็นตน้ โรคหวัด เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดนิ หายใจทพี่ บบอ่ ยในเด็ก โดยพบวา่ เด็กในเขตเมอื ง หรือเขตเทศบาลป่วยเป็นหวัด เฉลี่ยประมาณ 5 – 8 คร้ังต่อปี และเด็กในเขตชนบทป่วย ประมาณ 3 – 5 คร้ังตอ่ ปี และโรคแทรกซ้อนของโรคหวดั ทพ่ี บบอ่ ย ได้แก่ หลอดลมอกั เสบ หูอักเสบ หนู ำ้ หนวก ไซนัสอกั เสบ และท่สี ำคัญ คือ โรคปอดบวมซึง่ อาจมีอนั ตรายถึงชีวิตได ้ โรคมือ เท้า ปาก เป็นอีกโรคที่พบบ่อยในเด็ก บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง ทำให้เกิดความพิการและเสียชีวิตได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาต กล้ามเนื้อ อ่อนแรง หากเกิดการระบาดของโรคน้ีอาจต้องปิดโรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งส่งผลให้ผู้ปกครอง ต้องหยดุ งานเพอ่ื ดแู ลเด็กท่บี ้าน ทำให้ขาดรายได้ และเสียค่าใชจ้ ่ายในการรกั ษาพยาบาล โรคอุจจาระร่วง เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ หากไม่ได้รับ การดแู ลรักษาท่ีถูกตอ้ งและเหมาะสมตัง้ แตร่ ะยะแรก อาจเกิดภาวะขาดน้ำและมอี ันตรายถงึ ชวี ิตได้ นอกจากน้ียังมีโรคติดเชื้อท่ีสำคัญอ่ืนๆ ซ่ึงสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น หัด หัดเยอรมัน คางทูม คอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก เป็นต้น โดยจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและ พฒั นาการโดยรวมของเด็ก การดำเนินงานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคในศูนยเ์ ด็กเล็กใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพจงึ เปน็ ส่ิงที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างย่ิง ในการช่วยลดการเกิดและแพร่กระจายของโรคติดต่อดังกล่าว โดยครูผู้ดูแลเด็กเป็นบุคลากรท่ีมีความสำคัญอย่างย่ิงท่ีจะพัฒนาให้ศูนย์เด็กเล็กปลอดภัยจากโรคต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กมากท่ีสุดในช่วงท่ีเด็กอยู่ในศูนย์เด็กเล็ก อีกทั้งเป็นผู้มีอิทธิพล ตอ่ การดแู ลและปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ และสง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ของเด็กมากทสี่ ดุ 5

กรมควบคุมโรค ตระหนักถึงความสำคัญต่อการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้ปลอดโรค จึงได ้ จัดทำแนวทางการป้องกันควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก สำหรับครูผู้ดูแลเด็ก เพ่ือให้ครูผู้ดูแลเด็ก ได้มีความรู้ความเข้าใจตลอดจนทักษะท่ีจำเป็นในการปฏิบัติงาน และนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ ป้องกันควบคุมโรคในศูนย์เด็กเล็กได้อย่างถูกต้อง สามารถควบคุมการแพร่กระจายโรคไม่ให้เกิด การระบาดภายในศูนย์เด็กเล็ก นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับการระบาด ของโรคติดต่อใหม่ๆและโรคที่เป็นปัญหาในพ้ืนที่ ซ่ึงอาจเกิดข้ึนได้ในอนาคตอีกด้วย โดยกรมควบคุมโรค จะให้การรบั รองผลการดำเนนิ งานเปน็ “ศนู ยเ์ ด็กเล็กปลอดโรค” แก่ศนู ยเ์ ดก็ เลก็ ทส่ี ามารถดำเนินงาน ได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนด เพื่อยืนยันประสิทธิภาพการดำเนินงานของศูนย์เด็กเล็กในการดูแล ป้องกันควบคุมโรคติดต่อ และสร้างความเช่ือมั่นให้กับผู้ปกครองท่ีนำบุตรหลานมาฝากไว้ให ้ ศนู ย์เดก็ เลก็ ดแู ลตอ่ ไป 6

นโยบายของกรมควบคมุ โรคสศู่ ูนยเ์ ดก็ เล็กปลอดโรค “เด็กวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า” และ “เด็ก คือ อนาคตของชาติ” เป็นความจริง ที่ทุกท่านทราบ เด็กเป็นบุคลากรทส่ี ำคัญและเป็นกำลังของชาติ หากเด็กในวันนี้มีปญั หาด้านสุขภาพ เจ็บป่วยบ่อย อนาคตของชาติก็จะอ่อนแอและมีปัญหาตามมาได้ ดังน้ันการทำให้เด็กมีสุขภาพดี ร่างกาย จิตใจ และสมองได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม โดยการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันควบคุม โรคภัยต่างๆ ทอ่ี าจเกิดขึน้ จงึ เปน็ สง่ิ สำคญั อย่างย่ิง ศนู ยเ์ ด็กเลก็ เปน็ สถานที่ท่เี ดก็ อยู่รวมกนั เปน็ จำนวนมาก ทำให้เชอื้ โรคสามารถแพรก่ ระจาย และติดต่อระหว่างกันได้ง่ายเม่ือเด็กเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคหวัด อุจจาระร่วง มือ เท้า ปาก คางทูม อีสุกอีใส และหัด เน่ืองจากเด็กเล็กเป็นช่วงอายุท่ีร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ทำให้เด็กเจ็บป่วย ได้ง่าย การเจ็บป่วยในวัยน้ีอาจส่งผลต่อพัฒนาการและสุขภาพโดยรวมของเด็ก หากไม่ได้รับการดูแล รักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เร่ิมป่วยอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ นอกจากน้ียังส่งผลกระทบต่อผู้ปกครองท่ีต้องหยุดงานเพื่อดูแลเด็กทำให้ขาดรายได้และเสียค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาล ดังนั้นการป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นเคร่ืองมือท่ีสำคัญในการลด และแกไ้ ขปัญหาการเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคตดิ ตอ่ ทพี่ บไดบ้ ่อยในศูนยเ์ ดก็ เล็ก กรมควบคุมโรค เล็งเห็นความสำคัญของผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนด แนวทางดำเนินการป้องกันควบคุมโรคติดต่อท่ีพบบ่อยในศูนย์เด็กเล็ก เพื่อให้เด็กท่ีอยู่ในศูนย์เด็กเล็ก มีสุขภาพที่ดี มีพัฒนาการสมวัย ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อท่ีสามารถป้องกันได้ โดยใช้ยุทธศาสตร ์ ในการดำเนินงาน 3 ประการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายท่ีกำหนดให้ศูนย์เด็กเล็กทุกแห่งทั่วประเทศเป็น “ศนู ยเ์ ดก็ เล็กปลอดโรค” ดังนี:้ - 1. ครผู ดู้ ูแลเด็กมีสุขภาพและความรดู้ ี 2. บรหิ ารจดั การดี 3. สภาพแวดลอ้ มดี 7

ยทุ ธศาสตร์ในการดำเนินงานส่ศู นู ยเ์ ดก็ เลก็ ปลอดโรค 1. ครูผู้ดูแลเด็กมีสุขภาพและความรู้ดี ศูนย์เด็กเล็กมีครูผู้ดูแลเด็กที่มีสุขภาพและความรู้ดี โดยปัจจัยสำคัญอันดับแรก คือ ครูผู้ดูแลเด็กต้องเป็นแบบอย่างในเร่ืองสุขภาพ ต้องมีสุขภาพท่ีแข็งแรง ไม่ป่วยเป็นโรคที่สามารถติดต่อมาสู่เด็กท่ีอยู่ภายในศูนย์เด็กเล็กได้ ครูผู้ดูแลเด็กจึงต้องมีการตรวจ สุขภาพเป็นประจำทุกปี และต้องเป็นผู้ท่ีมีความรู้ความสามารถในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อที่อาจเกิดข้ึนภายในศูนย์เด็กเล็ก ดังนั้นครูผู้ดูแลเด็กจึงต้องได้รับการอบรมความรู้ อย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในเรื่องโรคติดต่อท่ีพบบ่อยในเด็ก การป้องกันควบคุมโรคในศูนย์เด็กเล็ก และวิธใี ห้การดูแลรักษาพยาบาลเดก็ ป่วยเบ้ืองตน้ 2. บริหารจัดการดี ศูนย์เด็กเล็กมีการบริหารจัดการท่ีดี ผู้บริหารระดับต่างๆ ของศูนย ์ เดก็ เลก็ ต้องมีนโยบายท่ีส่งเสริมหรอื เอื้อตอ่ การพฒั นาสุขภาพ ร่างกาย จติ ใจ และสมองของเดก็ ที่อยู่ ในศูนย์เด็กเล็ก มีแนวทางในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่ถูกต้องเหมาะสม มีจำนวนคร ู ผู้ดูแลเด็กเพียงพอในสัดส่วนที่เหมาะสม มีการตรวจสุขภาพเด็กและคัดแยกเด็กป่วยออกจากเด็ก ปกติ มีการดูแลทำความสะอาดวสั ดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งใช้ ของเลน่ เดก็ และบริเวณที่เรียน ทนี่ อน และ ที่จัดกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์เด็กเล็ก รวมท้ังมีกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมสุขภาพและ การป้องกันควบคุมโรคให้แก่เด็กและผู้ปกครองเด็ก ซ่ึงสรุปโดยย่อเป็น 10 มาตรการท่ีสำคัญ ในการดำเนนิ งานสู่ศูนยเ์ ด็กเลก็ ปลอดโรค 3. สภาพแวดล้อมดี ศูนย์เด็กเล็กมีสภาพแวดล้อมดี โดยอาคารสถานท่ีของศูนย์เด็กเล็ก ต้องมีบริเวณเพียงพอต่อปริมาณเด็ก ไม่แออัด มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน บริเวณ อาคารสถานท่ีทั้งภายนอกและภายในต้องสะอาด เป็นระเบียบ ปลอดภัย และไม่มีแหล่งแพร่พันธ์ุ ของสัตว์หรือแมลงที่เป็นพาหะนำโรค รวมท้งั มีแสงสว่างเพียงพอและแสงแดดสอ่ งถึง 8

หลักการป้องกันควบคมุ โรคติดตอ่ ส่ิงสำคัญในการป้องกันควบคุมโรค คือ การทำความเข้าใจถึงปัจจัยของการเกิดโรคติดเช้ือ ธรรมชาติการเกิดโรค แนวทางป้องกันควบคุมโรค เพ่ือให้ดำเนินงานได้อย่างตรงจุด และ มปี ระสิทธภิ าพมากยิ่งข้ึน ปจั จยั ของการเกิดโรคตดิ เช้ือ เม่ือเช้ือโรคเข้าสู่ร่างกาย บางคนอาจเกิดโรคและแสดงอาการอย่างรวดเร็ว ขณะท่ีบางคน ไม่แสดงอาการใดๆ ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับ (1) คุณสมบัติของเชื้อ เช่น ความสามารถในการก่อโรคของเชื้อ ความรุนแรงของเช้ือ ระยะฟักตัวของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย และปริมาณของเชื้อท่ีได้รับ (2) สภาพ ร่างกายผู้รับเชื้อโรค โดยเฉพาะคนชรา ทารก และเด็กเล็ก ที่มีระดับภูมิต้านทานโรคของร่างกาย ไม่ดีพอ ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย และมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอายุอ่ืน สำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานของร่างกายดี เมื่อได้รับเชื้ออาจไม่เกิดโรค หรือหากเกิดโรคก็อาจแสดงอาการไม่รุนแรง และ (3) สิง่ แวดลอ้ ม ซึ่งมผี ลตอ่ การแพรก่ ระจายของโรคและการเกิดโรคได้ เช่น ถ้าอากาศหนาวเยน็ เช้อื ไวรสั หวดั จะสามารถอยใู่ นส่ิงแวดลอ้ มได้นานขน้ึ โอกาสที่คนจะได้รบั เช้อื และเป็นโรคหวัดจึงมากขึ้น ในขณะท่ีเช้ือแบคทีเรียบางชนิดสามารถเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนได้ดีในอุณหภูมิท่ีสูงข้ึน เช่น เชื้ออหิวาตกโรค ซงึ่ มกั ระบาดในชว่ งฤดรู ้อน เปน็ ต้น ธรรมชาติการเกิดโรค การดำเนินของโรคติดเช้อื ตามธรรมชาตมิ ี 4 ระยะ ไดแ้ ก่ ระยะที่ 1 ระยะกอ่ นไดร้ บั เช้อื เปน็ ระยะท่รี ่างกายยงั ไมไ่ ด้รบั เชือ้ เขา้ ส่รู า่ งกาย แตม่ ีปจั จัยเสย่ี ง หรือองค์ประกอบต่างๆ ท่ีส่งเสริมหรือเอ้ือต่อการเกิดโรค ได้แก่ ความรุนแรงของเชื้อก่อโรค สภาพร่างกายของผู้ได้รับเชื้อไม่สมบูรณ์และไม่แข็งแรง และสิ่งแวดล้อมท่ีมีการปนเปื้อนและเอื้อต่อ การแพรก่ ระจายเช้อื โรค ระยะที่ 2 ระยะก่อนมีอาการ (ระยะฟกั ตวั ) เมอ่ื เชอื้ โรคเข้าสรู่ า่ งกาย ร่างกายจะพยายาม ทำลายและกำจัดเช้ือ ถ้าร่างกายไม่สามารถกำจัดเช้ือน้ันได้จะทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งในระยะนยี้ ังไม่ปรากฏอาการของโรคให้เหน็ ระยะท่ี 3 ระยะแสดงอาการของโรค เม่ือร่างกายไม่สามารถทำลายหรือกำจัดเชื้อโรคได้ จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้น โดยอาการแสดงและความรุนแรงของโรคข้ึนอยู่กับชนิดของเชื้อที่ได้รับ ดังน้นั การตรวจสขุ ภาพเปน็ ประจำ การค้นหาและแยกผู้ป่วยที่ตดิ เช้ือต้งั แต่ระยะต้นๆ ของการเจ็บป่วย จะเป็นการตัดวงจรการแพร่เช้ือโรค สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและทันเวลา ทำให้สามารถลดความรุนแรง ภาวะแทรกซอ้ นของโรค ป้องกันการเกิดความพิการและเสียชวี ติ ได้ 9

ระยะท่ี 4 ระยะฟื้นตัวของโรค เป็นระยะหลังจากร่างกายเกิดโรค โดยผู้ป่วยอาจได้รับ การรักษาหรือไม่ก็ตาม ซ่ึงส่วนใหญ่หายเป็นปกติ แต่บางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อน พิการ หรือ รุนแรงถึงเสียชีวิต ดังน้ันการตรวจพบสาเหตุการเกิดโรคและให้การรักษาผู้ป่วยต้ังแต่ระยะแรกๆ จงึ เป็นมาตรการทีส่ ำคัญอยา่ งย่งิ ในการช่วยลดความพกิ ารและการเสยี ชีวิตได้ (แผนภมู ิท่ี 1) แผนภมู ิท่ี 1 ธรรมชาตกิ ารเกิดโรค วินจิ ฉัยโรคตง้ั แตเ ริม่ มีอาการ ไดร บั เชื้อ กอ นมีอาการ มีอาการ ระยะ หายเปน ปกติ แตเ ร่มิ มี ปรากฎ ฟน ตัว พยาธิสภาพ ชดั เจน หาย ภาวะแทรกซอ น พิการ เสียชวี ิต คนปกติ อาการนอ ย ปานกลาง ระยะฟกตัว (ไดรบั เช้ือจนถงึ แสดงอาการ) รนุ แรง ระยะแพรก ระจายเชื้อไปสูค นอน่ื ได การปอ้ งกนั ควบคุมโรค การป้องกันโรคท่ีได้ผลดีและคุ้มค่าท่ีสุด คือ การป้องกันในระยะก่อนได้รับเชื้อ ได้แก ่ การสง่ เสริมสขุ ภาพ การสร้างเสริมภูมคิ ุ้มกันโรค โดยเดก็ ต้องได้รับวคั ซนี ปอ้ งกันโรคครบตามเกณฑ์ท่ี กระทรวงสาธารณสขุ กำหนด ไดร้ บั ประทานอาหารทีม่ ปี ระโยชนค์ รบ 5 หมู่ ทัง้ 3 มื้อ มีนำ้ ดื่มและน้ำใช้ ที่สะอาดเพยี งพอ ไดร้ ับการดูแลเรือ่ งสขุ อนามยั สว่ นบุคคล เน้นความสะอาดของท่อี ย่อู าศยั เครอ่ื งใช้ ส่วนตัว สิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ไม่แออัด อากาศถ่ายเทสะดวกและมีแสงแดดส่องถึง องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ เหมาะสมตามวัย เมอ่ื เกิดโรคขนึ้ ต้องปอ้ งกันไมใ่ ห้มกี ารแพรก่ ระจายของโรค นอกจากน้ียงั สามารถลด ความรุนแรงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตได้ โดยการตรวจคัดกรอง แยกเด็กป่วย วนิ ิจฉัยและรักษาอยา่ งรวดเร็ว 10

1. การคดั กรองและแยกเด็กปว่ ย ครูและผู้ดูแลเด็กควรคัดกรองเด็กป่วย โดยการตรวจและบันทึกสุขภาพเด็กทุกคน ทุกวัน เพือ่ คน้ หาเดก็ ปว่ ยที่มอี าการไข้ ไอ น้ำมูกไหล แผลในปาก อจุ จาระรว่ ง และอาการผิดปกตอิ ่ืนๆ เชน่ ตาแดง คางทูม ผิวหนังบวมแดงอักเสบ ตุ่มน้ำพอง ตุ่มหนอง หรือบาดแผลตามร่างกาย เป็นต้น เม่ือพบเด็กป่วยต้องป้องกันควบคุมโรค เพ่ือไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่เด็กอ่ืนๆ โดยการแยกเด็กป่วยไม่ให้ คลกุ คลแี ละใชส้ ่งิ ของรว่ มกับเด็กปกติ เช่น จัดให้อยู่ในห้องแยก แยกของเลน่ และของใชส้ ่วนตวั เป็นตน้ โรคหวัด สามารถติดต่อกันโดยการหายใจเอาละอองฝอยท่ีมีเชื้อไวรัสหวัด ซึ่งฟุ้งกระจาย อยู่ในอากาศเข้าไป โดยการไอ จามรดกนั หรือจากการสัมผสั เช้อื โรคทางมือ แล้วเขา้ ส่ทู างเดนิ หายใจ โดยการเอามือที่มีเชื้อโรคขยี้จมูก หรือตาของตนเอง ดังนั้นการแยกเด็กป่วยเป็นสิ่งจำเป็นใน การปอ้ งกนั การแพร่กระจายเชื้อ หากเปน็ ไปไดค้ วรให้เดก็ ป่วยหยุดอยบู่ ้านจนกว่าจะหาย โดยเฉพาะใน 1-5 วันแรกเพราะเป็นระยะแพร่กระจายเช้ือ นอกจากนี้ควรสอนให้เด็กทุกคนล้างมือบ่อยๆ และ ปดิ ปากปดิ จมูก เวลาไอ จามทกุ ครัง้ หรือสวมหนา้ กากอนามัย เพอ่ื ปอ้ งกนั การแพร่กระจายเชอ้ื โรคมือ เท้า ปาก สามารถติดต่อกันโดยการรับเช้ือไวรัสทางช่องปาก ซึ่งติดมากับมือท ี่ ปนเปอ้ื นอุจจาระ นำ้ ลาย น้ำมูก นำ้ จากตุ่มพอง หรอื แผลของผปู้ ว่ ย การตรวจคัดกรอง การแยกเดก็ ปว่ ย รวมถึงการทำความสะอาดห้องกิจกรรมต่างๆ ของเด็กจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันการแพร่ กระจายเชื้อ หากมีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก มากกว่า 2 รายใน 1 สัปดาห์ ภายในห้องเรียน เดียวกนั ต้องปิดหอ้ งเรยี นทีม่ เี ด็กปว่ ย หากมีเด็กปว่ ยหลายห้องเรียน ตอ้ งปิดโรงเรียน ประมาณ 5 วนั โรคอุจจาระร่วง ติดต่อกันได้โดยการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเช้ือโรค เช่น อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารท่เี กบ็ ไวไ้ มถ่ กู สขุ ลักษณะซึง่ เปน็ แหล่งเพาะเชื้อได้ดี เม่ือเชอ้ื เขา้ สรู่ า่ งกายแล้ว จะถูกขับออกทางอุจจาระ หากกำจัดอุจจาระไม่ถูกต้องและทำความสะอาดไม่ดีพอ จะทำให้เกิด การปนเป้ือนและแพร่กระจายเช้ือได้ง่าย เมื่อเด็กป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงควรแยกเด็กป่วย และ ให้หยดุ รักษาตัวจนกว่าจะหาย รวมทัง้ สอนให้เดก็ ลา้ งมือทกุ คร้งั กอ่ นรบั ประทานอาหาร หลงั ขบั ถา่ ยและ เล่นของเลน่ โรคติดเชือ้ อน่ื ๆ หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ต่มุ หนอง ผ่ืนตามผวิ หนงั ตาแดง เปน็ ตน้ ควรแยกเดก็ ป่วย แจ้งผปู้ กครอง และสง่ ต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 2. การทำความสะอาดและการทำลายเช้ือ การทำความสะอาดสามารถช่วยป้องกันและลดการแพร่กระจายเช้ือ เน่ืองจากเชื้อโรค ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และมีชีวิตอยู่ในส่ิงแวดล้อมได้นานหลายช่ัวโมง บางชนิดอาจอยู่ได้นาน หลายวันหรือเป็นสัปดาห์ ทำให้มีโอกาสสัมผัสเช้ือมากขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็ก เด็กส่วนใหญ่ ชอบนั่ง นอน เล่น คลุกคลกี ับเครื่องเลน่ พน้ื ผนังห้องเปน็ ประจำ ดงั น้ันการทำความสะอาดพื้น ผนงั เพดาน ทั้งในและนอกอาคาร รวมท้ังของเล่น ของใช้ส่วนตัวเด็กเป็นส่ิงจำเป็น ในการป้องกัน การตดิ เชอ้ื และการแพรก่ ระจายเชือ้ 11

ในศูนย์เด็กเล็ก การทำความสะอาดเป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเช้ือที่ง่าย สะดวก และทกุ คนสามารถทำได้ โดยมุง่ เน้นความถแี่ ละความสมำ่ เสมอในการทำความสะอาด ด้วยนำ้ ยาทใ่ี ช้ ทำความสะอาดทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า หรือน้ำยา ทำความสะอาดสุขภัณฑ์ในครัวเรือน ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีราคาแพงและอาจหาได้ยาก แต่ควรเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครื่องใช้ และอาคารสถานท่กี ส็ ามารถทำลาย เช้ือโรคท่ีปนเป้ือนได้ นอกจากน้ียังมีปัจจัยทางธรรมชาติอ่ืนๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำลาย และลดปริมาณเชื้อโรคได้ เช่น แสงแดด ความร้อน ความแห้ง ลม และอากาศท่ีถ่ายเทได้สะดวก เป็นตน้ ตารางท่ี 1 การทำความสะอาดสง่ิ ของ เคร่อื งใช้ และของเลน่ สำหรับเด็ก/อาคารสถานท ี่ เครอื่ งใชแ้ ละของเลน่ เด็ก/ การทำความสะอาด ความถ่ี อาคารสถานท่ี แก้วน้ำดื่ม ผ้าเช็ดมือ ควรมี l ทำความสะอาดแก้วน้ำส่วนตัวด้วยน้ำยา l ทกุ วนั ใชส้ ่วนตวั ทำความสะอาด เชน่ นำ้ ยาล้างจาน l ทำความสะอาดแก้วน้ำส่วนรวมที่ศูนย์จัดให้ l ทุกครัง้ หลงั ใช้ ใช้เฉพาะคนเฉพาะครั้งด้วยน้ำยาทำความ สะอาด เชน่ น้ำยาลา้ งจาน l ผ้าเช็ดมือส่วนตัว ควรซักทำความสะอาด l ทุกวัน ดว้ ยผงซกั ฟอกและตากแดดให้แหง้ ทีน่ อน ผา้ ปูท่ีนอน ปลอกหมอน l ซักทำความสะอาดด้วยผงซกั ฟอก และนำไป l ทุกสัปดาห ์ ผ้าห่ม ควรมใี ชส้ ่วนตวั ตากแดดใหแ้ หง้ ของเลน่ เดก็ l ไม้ พลาสติก ควรล้างด้วยน้ำยาทำความ l อย่างน้อย สะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ สปั ดาหล์ ะ 1 ครั้ง หรือ น้ำยาฆา่ เชอื้ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง (กรณีของเลน่ l กระดาษ ควรปัดฝุ่นและนำไปตากแดด เด็กเล็กทน่ี ำเขา้ ปาก ผ้า ตุ๊กตา ควรซกั และนำตากแดดให้แห้ง แนะนำใหท้ ำความ สะอาดทุกวนั ) 12

เครื่องใชแ้ ละของเลน่ เด็ก/ การทำความสะอาด ความถี ่ อาคารสถานท่ี อาคารสถานที*่ ภายในอาคาร l พื้นและผนังห้องนอน ห้องเล่น ห้องเรียน l อย่างนอ้ ย วันละ ทำความสะอาดดว้ ยน้ำยาทำความสะอาด หรอื 1 - 2 คร้งั น้ำยาฆา่ เช้อื โรค (เพดาน แนะนำให้ ทำความสะอาด อยา่ งนอ้ ย เดือนละ 1 คร้งั ) ภายนอกอาคาร l บริเวณรอบอาคาร สถานที่ ห้องนำ้ ห้องส้วม l อยา่ งนอ้ ย วนั ละ หอ้ งครัว โรงอาหาร บรเิ วณท่ีเดก็ เล่นในอาคาร 1 ครง้ั ทำความสะอาด ผงซกั ฟอก หรอื นำ้ ยาฆา่ เชอื้ หมายเหตุ * กรณีเกิดโรคระบาด ควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที และบ่อยครั้งมากข้ึน รวมทงั้ แจง้ เจ้าหน้าทส่ี าธารณสขุ ในพนื้ ที่ทราบทันที 3. เสรมิ สรา้ งใหเ้ ด็กมสี ขุ ภาพดี การส่งเสริมสุขภาพเด็ก ต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เช่น ดูแลให้เด็กได้รับวัคซีน ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ให้เด็กรับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ ให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณ เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกาย แนะนำให้สวมใสเ่ สือ้ ผา้ ใหเ้ หมาะสมตามฤดูกาล ออกกำลังกาย อยา่ งสมำ่ เสมอ และพกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ 4. เสรมิ สรา้ งพฤตกิ รรมอนามัย พฤติกรรมอนามัยเป็นเร่ืองสำคัญมากท่ีสุดในการป้องกันควบคุมโรค พฤติกรรมอนามัย ท่ีเหมาะสม ไดแ้ ก ่ _ ล้างมือด้วยสบหู่ รือเจลลา้ งมือบอ่ ยๆ โดยเฉพาะกอ่ นรับประทานอาหารและหลงั ขบั ถ่าย หรอื สัมผสั ส่ิงสกปรกทุกครง้ั จะชว่ ยลดการติดเชือ้ และการแพร่กระจายเชื้อไดเ้ ปน็ อย่างดี _ ปดิ ปาก ปิดจมกู ดว้ ยผา้ หรอื กระดาษทิชชู เวลาไอ จาม แล้วทง้ิ ลงถงั ขยะท่ีมีฝาปิด และ ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยเวลาเจ็บป่วยด้วยโรค ทางเดินหายใจ จะชว่ ยลดการแพร่กระจายเชอ้ื ใหผ้ ูอ้ ืน่ _ ขับถา่ ยในห้องส้วมทถี่ กู สขุ ลกั ษณะ 13

_ ทงิ้ ขยะในถงั ทม่ี ีฝาปดิ _ หลีกเล่ียงการอยู่และหลับนอนในทแ่ี ออัด _ ไม่ไปแหล่งท่ีเสี่ยงต่อการติดเช้ือได้ง่าย เช่น ชุมชนแออัด จะช่วยลดการติดเช้ือทางเดิน หายใจได ้ ตารางที่ 2 บทบาทหน้าที่ของครูผู้ดแู ลเด็กในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรค บทบาทหน้าทีข่ องครูผ้ดู แู ลเด็ก บทบาทหนา้ ทข่ี องครผู ดู้ แู ลเด็ก เม่อื เด็กมีสุขภาพด ี เมอ่ื เดก็ ปว่ ย สง่ เสริมพฤตกิ รรมสขุ ภาพของเดก็ ส่งเสริมพฤติกรรมของเด็กเพื่อป้องกัน l เด็กทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนตาม ควบคมุ โรค เกณฑท์ กี่ ำหนด l ไมใ่ ชข้ องใช้รว่ มกนั เชน่ แก้วนำ้ ผา้ เชด็ หนา้ l รับประทานอาหารครบถ้วนท้ัง 5 หมู่ และ แปรงสีฟนั ปริมาณเพียงพอเหมาะสมตามวยั l ใช้ ผา้ หรือ กระดาษทชิ ชู ปดิ ปากและ l ออกกำลังกายสมำ่ เสมอและเหมาะสมตามวัย จมกู ทุกครงั้ เวลาไอ จาม l ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายรวมท้ังสอน l ล้างมือทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร เร่ืองการลา้ งมอื ทถ่ี กู ตอ้ ง หลงั การขบั ถา่ ย และการเล่น l นอนหลับพกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ l รับประทานอาหารสุกใหม ่ สง่ เสรมิ พฤติกรรมของเด็กเพอื่ ป้องกันควบคมุ โรค ควบคุมการแพรก่ ระจายของเชอื้ โรค l ตรวจคดั กรองเดก็ กอ่ นเขา้ เรียน l ตรวจคัดกรองเด็กปว่ ย l ไม่ใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า l แยกเด็กป่วยไม่ให้เช้ือแพร่กระจายและ แปรงสีฟนั ให้การดแู ลเบือ้ งตน้ l ใช้ ผ้า หรือ กระดาษทิชชู ปิดปากและ จมูก l หากมอี าการนอ้ ยสามารถดูแลท่ีบา้ นได้ ทุกครงั้ เวลาไอ จาม l หากมีอาการมากควรส่งต่อไปสถาน l ล้างมือทุกคร้ัง ก่อนรับประทานอาหาร หลังการ บริการสาธารณสขุ ขับถ่าย และการเล่น การดูแลรักษาเบอื้ งต้นท่ีเหมาะสม l รบั ประทานอาหารสกุ ใหม ่ l เช็ดตัว ใหย้ าลดไขแ้ ก้ปวด จดั กระบวนการเรียนรทู้ เ่ี กีย่ วข้องกับการสง่ เสรมิ l ดแู ลทำความสะอาดร่างกาย บาดแผล สขุ ภาพและอนามัยสง่ิ แวดล้อม l ให้ดืม่ นำ้ เกลือแรโ่ ออารเ์ อส l จัดกจิ กรรมการล้างมอื การใชห้ น้ากากอนามยั l ส่งต่อให้เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข l จัดกิจกรรมการแยกส่ิงของสกปรกออกจาก สง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ ส่ี ะอาด l จดั กิจกรรมทำความสะอาดของเล่น เคร่อื งใชส้ ว่ นตัว โตะ๊ เก้าอ้ี พ้นื และผนังหอ้ งต่างๆ 14

บทบาทหน้าท่ขี องครผู ูด้ แู ลเด็ก บทบาทหน้าท่ีของครผู ู้ดแู ลเด็ก เม่ือเด็กมีสขุ ภาพดี เมือ่ เด็กปว่ ย l จัดกิจกรรมเล่านิทาน การแสดง การละเล่น เรื่องการส่งเสรมิ สขุ ภาพและการป้องกนั โรค เช่น สขุ บญั ญตั ิ 10 ประการ เปน็ ต้น จัดสิง่ แวดล้อมถูกสขุ ลักษณะ l การบริหารจัดการของผู้บรหิ าร l สถานทีไ่ ม่แออัด l อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก l แสงแดดสอ่ งถงึ l ของเล่น ของใช้สะอาด กจิ กรรมการป้องกันควบคมุ โรคติดตอ่ ในศนู ยเ์ ด็กเล็ก การเกิดโรคข้ึนกับองค์ประกอบท่ีสำคัญ 3 ประการ คือ สุขภาพร่างกายของผู้รับเช้ือโรค เชื้อก่อโรค และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการจัดกิจกรรมในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก จึงต้องคำนึงถึงกิจกรรมที่จะสามารถเสริมสร้างความเข้าใจและส่งผลให้เกิดพฤติกรรมในการป้องกัน ควบคมุ โรค และสามารถปฏิบัตไิ ด้ในศูนยเ์ ด็กเล็กจากการถา่ ยทอดความรู้ ดงั นี้ ตารางท่ี 3 กิจกรรมการป้องกันควบคุมโรคตดิ ตอ่ ในศนู ยเ์ ด็กเล็กและความถใ่ี นการดำเนนิ งาน กจิ กรรมสำหรับครูผู้ดแู ลเดก็ ความถ่ี 1. คควรูบผู้คดุูมแโลรเคดต็กิดทตุก่อคทนี่พผบ่าบน่อกยาใรนอศบูนรยม์เด็กเเรล่ือ็กง เชก่นารโปร้อคหงกวัันด อย่างนอ้ ยปลี ะ 1 ครั้ง โรคอจุ จาระรว่ ง โรคมือ เท้า ปาก และโรคพษิ สุนขั บา้ เป็นตน้ 2 . ตครรวูผจู้ดภูแาลพเรดัง็กสทีปุกอคดนตาไมด้ครับวากมาเรหตมราวะจสสมุข ภาพประจำปี และ ขออ้ยบ่าง่งนช้อ้ี ยทุก 1-2 ปี หรือเมื่อมี 3. ครูผู้ดูแลเด็กทุกคนมีสุขภาพดี ถ้าเจ็บป่วยควรหยุดอยู่กับบ้าน ทกุ คร้งั ตจน้อกงปว่า้อจงะกหนั ากยารหแาพกครเ่รชูแ้ือลโะดผย้ดู แู ลเด็กปว่ ยแตจ่ ำเปน็ ต้องดแู ลเด็ก 3.1 ลน้ำ้ามงมูกือนด้ำ้วลยายสบกู่ท่อนุก-คหรลั้งังกรับ่อปนระ–ทาหนลอังาดหูแาลรเแดล็กะหหลลังขังสบั ัมถา่ผยัส 3.2 ใอนนกามรัยณตีทล่ีตอิดดเเวชลื้อาทปาฏงบิ เัตดงิินาหนา ยใจ ควรสวมหน้ากาก 15

กิจกรรมสำหรบั ครูผู้ดูแลเด็ก ความถ ่ี 4. ครูผู้ดูแลเด็กให้ความรู้กับเด็กในเร่ืองการป้องกันควบคุม อย่างน้อยสัปดาหล์ ะ1 คร้งั โรคตดิ ต่อ เช่น การลา้ งมือ 7 ข้ันตอน 5. ครูผู้ดูแลเด็กจัดให้มีกิจกรรมการล้างมือด้วยสบู่ให้กับเด็ก ทุกวนั ก่อน – หลงั รบั ประทานอาหาร หลงั ขบั ถา่ ย และหลังเลน่ ของเลน่ 6. ครูผู้ดูแลเด็กตรวจคัดกรองและบันทึกอาการป่วยของ ทกุ วัน เด็กทกุ คน (ควรบนั ทกึ ตามแบบคัคกรองอาการป่วยรายห้องเรยี น หนา้ 59) 7. ครูผู้ดูแลเด็กแยกเด็กป่วย และมีการป้องกันการแพร่ ทกุ ครง้ั ทพี่ บเดก็ ปว่ ย กระจายเชื้ออย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม 8. ครูผู้ดูแลเด็กให้การดูแลเบื้องต้นเม่ือเด็กไม่สบาย เช่น ทกุ ครง้ั เช็ดตัวลดไข้ และแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ ในกรณีรีบด่วนให้ ส่งต่อเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข (ควรบันทึกในแบบบันทึกปัญหา สขุ ภาพและการดูแลเบอ้ื งต้น หน้า60) 9. ครูผู้ดูแลเด็กฝึกให้เด็กทุกคนมีพฤติกรรมในเร่ืองการป้องกัน ทุกครั้ง การแพร่กระจายเช้ือ เช่น เม่ือไอ จาม ปิดปากปิดจมูก ดว้ ยกระดาษทชิ ชู หรือผา้ เชด็ หนา้ แลว้ ลา้ งมอื ใหส้ ะอาด 10. ครูผู้ดูแลเด็กจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง เรื่อง อย่างนอ้ ยปลี ะ1 คร้งั โรคตดิ ต่อทีพ่ บบ่อยในเดก็ โดยเจ้าหน้าท่สี าธารณสุข 11. ครูผู้ดูแลเด็กมีการถ่ายทอดความรู้และวิธีปฏิบัติ เรื่อง ทกุ คร้งั ทม่ี ารบั เด็กปว่ ยกลับบ้าน การป้องกนั ควบคมุ โรค ขณะเด็กป่วยกับผู้ปกครอง 12. ครูผู้ดูแลเด็กมีการตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีนของเด็ก ทุกภาคเรียน ทกุ คน 13. ครูผู้ดูแลเด็กควรส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ เช่น ส่วนสูง ตามมาตรฐานของกรมส่งเสริม และน้ำหนกั เหมาะสมตามเกณฑ์ รับประทานอาหารครบถว้ น การปกครองส่วนท้องถิ่นและ ท้งั 5 หมู่ และปริมาณเพยี งพอ ออกกำลังกายเหมาะสมตามวยั โครงการศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่ของ กรมอนามยั 14. ครผู ้ดู ูแลเดก็ ควรรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มให้ถูกสขุ ลกั ษณะ ตามมาตรฐานของกรมส่งเสริม การปกครองส่วนท้องถิ่นและ โครงการศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่ของ กรมอนามยั 16

การดูแลเด็กปว่ ยเบอื้ งต้นและการปอ้ งกันการแพรก่ ระจายเช้อื ในกรณีท่ีพบเด็กมีอาการผิดปกติ ครูผู้ดูแลเด็กควรรีบดำเนินการแยกเด็กออกจาก เด็กปกติ และดำเนินการตามแนวทางการแยกเดก็ ป่วยและการป้องกันการแพร่กระจายเช้ือ ดังน้ี ตารางที่ 4 การดแู ลเดก็ ป่วยเบ้ืองต้นและการปอ้ งกนั การแพร่กระจายเชอื้ อาการ การดแู ลเดก็ ปว่ ยเบอ้ื งตน้ การป้องกนั การแพร่กระจายเชอ้ื มีไข้ต่ำๆ น้ำมูกไหล l แจ้งผู้ปกครองให้มารับกลับบ้าน ครผู ูด้ ูแลเดก็ คดั จมกู ไอ จาม ควรหยุดพกั รกั ษาตวั ทบี่ ้าน อย่างนอ้ ย l ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือทุกคร้ัง 2-3 วนั หรือจนกวา่ จะหายปกต ิ ก่อน-หลังดูแลเด็กปว่ ย l 2-3 วนั แรกไมค่ วรใหค้ ลกุ คลกี ับเดก็ l สอนให้เด็กเช็ดน้ำมูกด้วยกระดาษ อ่ืนๆ ควรจัดให้อยู่ในห้องแยก กรณี ทิชชูและทิ้งลงขยะ หรอื ใช้ผ้าเช็ดหนา้ ไม่มีห้องแยกใช้ผ้าม่านหรือฉากก้ัน ส่วนตัวเด็ก (ควรคล้องติดตัวเด็ก) เป็นสัดส่วน และแยกห่างจากเด็กอ่ืน สำหรับเช็ดน้ำมูก แล้วล้างมือด้วยสบู่ อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร หรือเจลลา้ งมอื ทกุ ครงั้ l แยกของเล่น และของใช้ต่างๆ จาก l ปิดปาก ปดิ จมกู เวลา ไอ จาม แลว้ เด็กอื่น เพ่ือลดการแพร่กระจายเช้ือ ล้างมือด้วยสบ่ทู กุ ครง้ั และง่ายตอ่ การทำความสะอาด l แนะนำผู้ปกครองไม่ควรพาเด็กไป ในสถานท่ีแออัด เช่น สนามเด็กเล่น ตลาด และห้างสรรพสนิ คา้ l ทำความสะอาดของเลน่ และของใช้ ต่างๆ ที่เดก็ ป่วยสมั ผสั ทันที อจุ จาระรว่ ง l ใหโ้ ออาร์เอส 1/2 - 1 แก้ว/ ถา่ ย 1 ครูผู้ดูแลเดก็ (ถ่ายอุจจาระเหลว คร้ัง พร้อมแจ้งผู้ปกครองให้มารับ l ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือทุก ต้ังแต่ 3 คร้งั ตอ่ วัน กลบั บ้าน และควรหยดุ เรยี น พักอยู่ท่ี ครัง้ กอ่ น-หลังดแู ลเดก็ ป่วย หรือถ่ายมีมูกเลือด บ้านจนกว่าจะหายเปน็ ปกต ิ l กำจัดอจุ จาระลงในส้วมที่ถูกสุขลกั ษณะ อย่างน้อย 1 คร้ัง l จัดให้นอนในห้องแยก กรณีไม่มี l แยกทำความสะอาดผ้าปูท่ีนอน ห รื อ ถ่ า ย เ ป็ น น้ ำ ห้องแยกใช้ผ้าม่านหรือฉากก้ันเป็น เส้ือผ้าที่เป้ือนอุจจาระ เพื่อป้องกัน จำนวนมากตั้งแต่ สัดส่วน และแยกห่างจากเด็กอื่น การแพร่กระจายเชื้อ 1 คร้ัง ข้ึนไปใน อย่างน้อย 1 เมตร l สอนเด็กให้ล้างมือก่อน-หลังรับ 1 วนั ) l แยกของเล่น และของใช้ต่างๆ จาก ประทานอาหาร หลังขับถ่าย และ เดก็ อืน่ หลังการเลน่ ทกุ คร้ัง 17

อาการ การดแู ลเดก็ ปว่ ยเบอื้ งต้น การปอ้ งกันการแพรก่ ระจายเช้ือ ผนื่ แดงอกั เสบท่ีลิ้น l แจ้งผู้ปกครองให้มารับ และพาไป กรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมือ เหงอื ก กระพงุ้ แกม้ พบแพทย ์ เท้า ปาก ควรปฏบิ ตั ิดังน ี้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า l ขณะรอผู้ปกครองมารับควรแยก l การทำความสะอาดห้องเรยี น พืน้ หอ้ ง (สงสัยว่าปว่ ยเป็น เด็กจากเดก็ คนอ่ืนๆ ใหอ้ ยู่ในห้องแยก ผนังห้องให้เช็ดถูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค มอื เท้า ปาก) กรณีไม่มีห้องแยกใช้ผ้าม่านหรือฉาก และควรแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใน กั้นเป็นสัดส่วน และแยกห่างจากเด็ก พน้ื ทร่ี ับผดิ ชอบทราบ อนื่ อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร l ถ้ามีเด็กป่วยมากกว่า 2 ราย l แยกของเล่น และของใช้ต่างๆ จาก ในห้องเรียนเดียวกัน ภายในเวลา เด็กคนอื่นๆ 1 สัปดาห์ ต้องดำเนนิ การปดิ ห้องเรยี น l ควรให้เด็กหยุดรักษาตัวท่ีบ้าน ทม่ี ีเด็กป่วย ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่า l หากพบเด็กปว่ ยหลายหอ้ งเรยี นอาจ จะหายเป็นปกติ ต้องปิดท้งั โรงเรียน ประมาณ 5 วัน อาการผดิ ปกตอิ ่นื ๆ l แจ้งผู้ปกครองให้มารับ และพาไป ครผู ดู้ ูแลเดก็ เช่น ไขอ้ อกผ่ืน พบแพทย ์ l ล้างมอื ดว้ ยสบหู่ รอื เจลล้างมือ ตาแดง แผลที่ l ขณะรอผู้ปกครองมารับควรแยก ทกุ ครั้งกอ่ น-หลังดแู ลเดก็ ปว่ ย ผวิ หนัง เดก็ จากเดก็ คนอ่นื ๆ ใหอ้ ยูใ่ นหอ้ งแยก l คัดกรองเด็กจากการตรวจสขุ ภาพ กรณีไม่มีห้องแยกใช้ผ้าม่านหรือ ทกุ เช้าก่อนเขา้ ห้องเรียน ฉากกั้นเป็นสัดส่วน และแยกห่างจาก เดก็ อืน่ อย่างนอ้ ย 1 เมตร l ถ้าจำเป็นต้องอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กควร แยกเด็กนอนและเล่น ห่างจากเด็ก ปกติ เพ่ือลดการแพรก่ ระจายเชอ้ื l แยกของเล่น และของใช้ต่างๆ จาก เดก็ คนอืน่ l ควรให้เด็กหยุดรักษาตัวท่ีบ้าน จนกวา่ จะหายเปน็ ปกต ิ 18

10 มาตรการศูนย์เด็กเลก็ ปลอดโรค มาตรการที่ 1 ครผู ูด้ แู ลเด็กทกุ คนตอ้ งได้รบั การอบรม เร่อื ง การป้องกันควบคมุ โรคตดิ เชอื้ ท่ีพบบ่อยในเดก็ เลก็ อย่างนอ้ ยปลี ะ 1 ครง้ั มาตรการท่ี 2 มีการตรวจสอบประวตั กิ ารไดร้ ับวัคซนี ทกุ ภาคเรยี น มาตรการที่ 3 มีการตรวจสขุ ภาพร่างกายและบันทึกอาการปว่ ยของเดก็ ทุกคน ทกุ วนั มาตรการท่ี 4 มาตรการเบื้องต้นในการป้องกันควบคุมโรค - การแยกเด็กป่วยอยา่ งถกู วิธี - การป้องกนั การแพร่กระจายเชื้อ - การทำความสะอาดและการทำลายเช้ืออยา่ งถกู ต้อง มาตรการท่ี 5 ครูผู้ดแู ลเด็กทกุ คนควรไดร้ ับการตรวจสขุ ภาพประจำปี หรือตรวจ x-ray ปอดอย่างนอ้ ย ทกุ 1-2 ป ี มาตรการท่ี 6 ครูผู้ดูแลเด็กทุกคน มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อ ถ้าเจ็บป่วย ควรหยุดอยู่ท่ีบ้านจนกว่าจะหาย หากจำเป็นต้องดูแลเด็กต้องป้องกันการแพร่เชื้อ อย่างถกู วิธี มาตรการที่ 7 ครผู ู้ดแู ลเดก็ สอนให้ความรกู้ ับเด็กในเรือ่ งการป้องกันควบคุมโรคอยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะครง้ั มาตรการที่ 8 ครผู ู้ดูแลเดก็ จดั ใหม้ กี ิจกรรมการลา้ งมือทุกวัน มาตรการท่ี 9 ครูผดู้ ูแลเดก็ ดแู ลเด็กปว่ ยเบอื้ งตน้ และส่งตอ่ เจา้ หน้าที่สาธารณสุข มาตรการท่ี 10 ครูผู้ดูแลเดก็ จัดกจิ กรรมให้ความรผู้ ปู้ กครอง เรื่องโรคติดต่อที่พบบอ่ ยในเดก็ อยา่ งน้อย ปลี ะ 1 ครง้ั โดยเจ้าหนา้ ท่สี าธารณสุข 19

20 แผนภูมทิ ่ี 2 แแผนนวภทมู าทิ ง่ี ๒กาแรนควทัดากงรกอารงคแัดลกะรอดงแู แลละเดดูแ็กลปเด่ว็กยปใวนยศในนู ศยูน์เยดเ ดก็ ก็ เเลลก็ก็ เดก็ ปว ย เด็กไมป ว ย เรียนตามปกติ ไขต ำ่ ๆ มนี ้ำมกู คดั จมกู ไอ จาม ไข มจี ุดหรือตมุ แดงอกั เสบท่ลี ิ้น เหงอื ก กระพงุ แกม อจุ จาระรว ง อาการผิดปกตอิ ื่นๆ (ผืน่ ตาแดง ฯลฯ) มีตมุ หรือผ่ืนนนู สแี ดงเล็กๆ ที่ฝามือฝา เทา แยกเดก็ * แยกเดก็ * แยกเด็ก* แยกเดก็ * ● ดม่ื โอ อาร เอส (ORS) ● ใหน ม/อาหารออ นตามปกติ - สอนใหเ ดก็ ใชผา เชด็ หนา/ทิชชูเชด็ น้ำมกู และ ทง้ิ ลงถังขยะท่ีมฝี าปด ไขส ูง (ใหยาลดไข เชด็ ตัว) - ปด ปาก ปด จมูก เวลาไอ จาม - แจง ผูปกครอง/รอรบั กลบั บาน - ดแู ลใหเ ด็กลางมอื ดวยสบหู รอื เจลลา งมอื บอยๆ - แนะนำใหเ ดก็ หยดุ พกั อยทู ่ี ไขสงู (ใหย าลดไข เชด็ ตัว) บา นและใหก ารบรบิ าลเบ้อื งตน** - แจงผปู กครอง/รอรบั กลับบาน - แจงผูป กครอง/รอรบั กลบั บา น - แจง ผปู กครอง/รอรับกลบั บา น - แจงเจา หนาท่สี าธารณสุขเม่ือมีเดก็ - แนะนำใหเ ด็กหยุดพกั อยทู ี่ - แนะนำใหเดก็ หยดุ พกั อยูที่ เปนโรค บานและใหการบรบิ าลเบ้อื งตน ** บา นและใหการบริบาลเบือ้ งตน ** - แนะนำใหเด็กหยุดพกั อยทู ี่ กระหายนำ้ ออนเพลยี อาเจยี น กินอาหารไมได - แจงเจา หนาท่ีสาธารณสุขเมอ่ื มเี ด็ก บานและใหการบรบิ าลเบือ้ งตน** ถา ยเปนจำนวนมาก หรือถา ยเปนมูกเลอื ด เปนโรค ไขสงู ซึม ไมร ับประทานอาหาร ● หากเดก็ ไขส งู เกิน 3 วนั หรือมีอาการชบี้ งอันตราย ไดแ ก สงโรงพยาบาลหรือสงตอ เจา หนาทีส่ าธารณสขุ ไมก นิ นำ้ /นม หายใจเร็วหรอื หอบหายใจลำบากตองออกแรง จนชายโครงบุมหรอื อาการปวยมากขน้ึ * แยกเดก็ หมายถึง แยกเดก็ ทปี่ ว ยใหทำกิจกรรมประจำวันออกจากเดก็ ทีไ่ มป ว ย เชน การแยกนอน การแยกของเลน หรอื กจิ กรรมอ่ืนๆ ทส่ี งผลตอ การตดิ ตอ ของโรค ** ดูตารางที่ 4 หนา 17-18

ความรู้ทัว่ ไป เร่ือง โรคตดิ ตอ่ ทพี่ บบอ่ ย

โรคหวัด (Common cold) โรคหวัด : เป็นโรคติดเช้ือระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก เป็นการอักเสบของ เยื่อบุจมกู และเยือ่ บุลำคอ สาเหต ุ : เกดิ จากเชื้อไวรสั หลายชนิด ในการติดเชื้อแตล่ ะครงั้ ไม่มีภูมิคมุ้ กันถาวรเกิดข้นึ ทำให้ มโี อกาสตดิ เช้อื เป็นหวัดซ้ำไดห้ ลายคร้ังจากเช้ือเดมิ หรือเช้อื ชนดิ ใหม่ ระยะฟกั ตัว : แตกตา่ งกนั ไปตามชนดิ ของเช้ือ ระยะฟักตัวของไรโนไวรัส (Rhinovirus) ประมาณ 10-12 ช่วั โมง สว่ นอนิ ฟลเู อนซาไวรสั (Influenza virus) ใชเ้ วลาประมาณ 1-7 วนั โดยทั่วไปมักเกิด อาการมากทส่ี ดุ ภายหลังรบั เชอ้ื 1-3 วนั การตดิ ต่อ : สามารถติดต่อทางตรงโดยการหายใจเอาเชื้อหวัด ที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเข้าไป โดยการไอ หรือจามรดกัน และติดต่อทางอ้อม โดยการใช้ของร่วมกันหรือมือไปสัมผัสกับละออง น้ำมกู น้ำลายท่ีมเี ช้ือไปขยต้ี าหรือจมกู อาการ : เม่ือได้รับเชื้อเข้าไปประมาณ 1 - 4 วัน จะเริ่มมีอาการคัดจมูก จาม อาจมีไข้ต่ำๆ (<38.3องศาเซลเซียส) ต่อมามีน้ำมูกไหล อาจเจ็บคอเล็กน้อย มีอาการไอตามมา อาการเหล่านี้จะ เป็นมากใน 1-2 วนั แรก แล้วคอ่ ยๆ ดีข้นึ น้ำมกู ขน้ ข้นึ อาจมสี ีเหลืองปนเขยี ว อาการต่างๆ มักหายไป ใน 1 สปั ดาห์ บางรายอาจมีอาการนาน 2-3 สัปดาห์ได้ โรคแทรกซอ้ น : เช่น หูช้ันกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบได้ หากได้รับ การดแู ลทไ่ี ม่เหมาะสม นอกจากนีย้ ังเป็นตัวกระตนุ้ ใหโ้ รคหดื กำเรบิ ในเด็กทมี่ ีภาวะหลอดลมไวเกิน การป้องกันโรค 1. หลกี เลี่ยงการสัมผสั และลดการแพร่กระจายเชอ้ื โรค โดย _ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ดว้ ยน้ำและสบู่ หรือเจลล้างมอื _ ไม่ใชข้ องส่วนตัวร่วมกับผู้อนื่ เชน่ ผ้าเช็ดหนา้ ผา้ เชด็ ตัว แก้วนำ้ _ ไม่คลกุ คลกี ับผปู้ ่วย _ ไม่พาเดก็ เล็กไปสถานที่แออัด เชน่ หา้ งสรรพสนิ ค้า โรงภาพยนตร ์ _ เด็กกอ่ นวยั เรยี นเม่ือเป็นโรคหวัด ควรพกั ทบ่ี า้ นอย่างนอ้ ย 2-3 วนั หรือจนกวา่ จะหาย _ เวลาไอ หรือจาม ควรปิดปาก ปิดจมูก ด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู ทุกคร้ัง หรือ สวม หนา้ กากอนามยั เม่อื เป็นโรคหวัด เพ่ือปอ้ งกันการแพร่กระจายเชอื้ ให้กับผู้อ่ืน 2. หลกี เลย่ี งการสัมผัสสงิ่ แวดลอ้ มทีเ่ สยี่ งต่อการเกดิ โรค _ มลพิษ เช่น ควันบุหร่ี ควนั ไฟในบ้าน ควันท่อไอเสยี รถ _ รักษาร่างกายให้อบอุ่นและไม่อับช้ืน โดยเฉพาะฤดูฝน ฤดูหนาว หรือช่วงที่มีอากาศ เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ 22

3. เสริมสร้างสขุ ภาพและภูมิตา้ นทานโรคให้แข็งแรง _ เดก็ ทารก ได้รบั นมแม่อยา่ งนอ้ ย 6 เดอื น _ ไดร้ ับอาหารครบ 5 หมู่ ในปรมิ าณเพยี งพอ _ ไดร้ ับวคั ซีนป้องกนั โรคใหค้ รบตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด _ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งให้เคล่ือนไหวกล้ามเนื้อ ทีเ่ หมาะสมกับวัย _ พักผ่อนและนอนหลับให้เพียงพอ การรักษา 1. การดแู ลทั่วไป เด็กเลก็ ท่ดี ูดนมแมเ่ วลาคดั จมูกจะดดู นมลำบาก เพราะทารกอายตุ ำ่ กวา่ 6 เดอื น ยงั หายใจ ทางปากไม่เป็น ควรเช็ดหรือดูดน้ำมูกออก หากน้ำมูกข้นเหนียวแห้งกรังให้หยอดน้ำเกลือ 0.9% แล้วดูดหรือซบั ออก เพือ่ ให้ทางเดินหายใจโลง่ กอ่ นให้เด็กดดู นม สำหรบั เดก็ ทีร่ ับประทานอาหารไดค้ วรให้ อาหารออ่ นยอ่ ยงา่ ย ไมค่ วรลดปริมาณอาหารแตไ่ ม่บงั คับให้เดก็ รับประทาน และควรให้ดืม่ นำ้ บอ่ ยๆ 2. การรกั ษาอาการไข้ ในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน ให้ดูดนมแมบ่ ่อยๆ เดก็ โตควรใหด้ ่ืมนำ้ มากๆ หากมไี ข้ควรเชด็ ตวั ด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส (วดั อุณหภมู ทิ างรักแร้) โดยให้หา่ งกันอย่างน้อย 4 ชวั่ โมง ไม่รบั ประทานตดิ ตอ่ กนั เกิน 7 วัน เม่ือไขล้ ดลง ควรงดยา ไม่แนะนำให้รับประทานแอสไพรินโดยเฉพาะเด็กอายุ 3-12 ปี ซ่ึงอาจทำให้เกิดภาวะ แทรกซ้อนที่รุนแรงได้ 3. การรกั ษาอาการไอ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ หรือใช้น้ำผึ้งผสมมะนาวชงกับน้ำอุ่นให้เด็กกิน ถ้าไอมากอาจให้ยา ขบั เสมหะสำหรบั เดก็ (Guaifenesin / Guaiacolate) ไม่ควรใช้ยาลดอาการไอ ยาละลายเสมหะและยาแก้ไอหวัดสูตรผสมเพราะจะไปกดสมอง ทำให้เด็กซมึ ได้ 4. การลดอาการน้ำมกู คัดจมูก ใชล้ กู ยางแดง เบอร์ 1 สำหรบั ดดู น้ำมกู หรือใช้ผ้านมุ่ ๆ พันเป็นแทง่ ปลายแหลมสอดเข้าไป ซับนำ้ มูกจนแห้ง หากนำ้ มกู ข้นเหนยี วแห้งกรงั ให้หยอดน้ำเกลอื 0.9 % แล้วดูดหรอื ซับออก ไม่ควรให้ยาลดน้ำมูกแก่เด็ก โดยเฉพาะทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เพราะทำให้น้ำมูกและ เสมหะเหนียวข้น ไอไม่ออก ยาลดน้ำมูกบางชนิดอาจทำให้เด็กซึม และบางชนิดอาจกระตุ้นสมอง ทำให้เดก็ เกดิ อาการชกั เกร็งได้ จงึ ไม่ควรใชย้ าลดนำ้ มูกดงั กล่าวในทารก 23

5. ยาปฏชิ วี นะ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากโรคหวัดเกิดจากเช้ือไวรัส ไม่ใช่เช้ือแบคทีเรีย การใช้ยาเกินความจำเป็น มีข้อเสีย คือ ทำให้ส้ินเปลือง อาจแพ้ยา หรือทำให้เชื้อโรคดื้อยา อีกท้ัง ไม่สามารถปอ้ งกันโรคแทรกซ้อนและไม่ทำให้หวัดหายเรว็ ขนึ้ 6. อาการผิดปกตทิ ต่ี อ้ งพาไปโรงพยาบาล _ หายใจผิดปกติ ได้แก่ หายใจเรว็ หอบ หายใจแรงจนชายโครงบ๋มุ หายใจเสยี งดงั _ ไข้สูงเกนิ 3 วนั _ ไม่กินนม หรอื นำ้ _ ซมึ ลง หรือกระสับกระสา่ ย _ อาการป่วยมากข้นึ กว่าเดมิ 24

โรคไข้หวัดใหญต่ ามฤดูกาล (Seasonal flu) โรคไข้หวัดใหญต่ ามฤดกู าล : เป็นโรคติดเช้ือของระบบทางเดินหายใจ มีการระบาดเป็นครั้งคราว เกิดได้ทุกเพศทุกวัย ท้ังเด็กและผู้ใหญ่ โรคน้ีมักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และมีโอกาสเกิด อาการแทรกซ้อนได้มากกวา่ สาเหตุ : เกดิ จากเชอ้ื ไวรัสไขห้ วดั ใหญ่ (Influenza virus) ซง่ึ อยใู่ นน้ำมูกและเสมหะของผปู้ ่วย ระยะฟกั ตัว : ประมาณ 1-3 วัน การติดตอ่ : การติดต่อเกิดข้ึนได้ง่าย ระหว่างผู้ใกล้ชิดที่อยู่ในสถานท่ีแออัด อากาศถ่ายเท ไม่สะดวก เชน่ โรงมหรสพ ห้างสรรพสนิ คา้ สวนสนุก รถโดยสาร และอาคารบา้ นเรือนทีม่ ีอากาศถ่ายเท ไม่สะดวก ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากคนหน่ึงไปสู่อีกคนหน่ึงโดยตรงจากการหายใจเอาเชื้อไวรัสในฝอย ละอองน้ำมูก น้ำลาย ท่ีฟุ้งกระจายในอากาศจากการไอ จามรดกัน เข้าสู่ร่างกายทางเย่ือบุจมูกและ ปาก หรือติดต่อทางอ้อมโดยเชื้อไวรัสอาจติดมากับมือ ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ฯลฯ ที่ปนเป้ือน น้ำมูก นำ้ ลาย เสมหะของผู้ป่วยแล้วสัมผสั ถูกตาหรอื จมกู ไขห้ วดั ใหญ่สามารถแพรเ่ ชื้อจากคนหนงึ่ ส่คู นหน่งึ ไดม้ ากชว่ ง 3 – 7 วนั หลังจากเร่ิมมอี าการ อาการ : หลงั จากไดร้ บั เชื้อไวรสั ไข้หวดั ใหญเ่ ขา้ สู่รา่ งกายประมาณ 1 – 3 วนั ผู้ป่วยจะเริ่ม มีไขส้ ูงเฉยี บพลนั (โดยท่ัวไปประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส) หนาวส่นั ปวดศรี ษะ ปวดเม่อื ยกลา้ ม เนอ้ื อ่อนเพลียมาก ไอแหง้ ๆ คอแห้ง เจ็บคอ อาจมีอาการคัดจมกู น้ำมูกไหล จาม หรอื มีเสมหะมาก และตาแดง ตาแฉะตามมา โดยทั่วไปผู้ป่วยเด็กมักมีไข้สูงกว่าผู้ใหญ่ อาจพบอาการคล่ืนไส้ อาเจียน และอุจจาระร่วงได้ ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนมากมีอาการรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยท่วั ไป มักมอี าการดีขึน้ ภายใน 5 วันหลงั ปว่ ย และหายเป็นปกติภายใน 7 – 10 วนั โรคแทรกซ้อน : ผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเร้ือรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ ได้มากกว่าคนอื่นๆ และอาจมี อาการรนุ แรงถงึ ขั้นเสยี ชวี ิตได ้ การป้องกันโรค 1. ดแู ลสุขภาพให้แขง็ แรง โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพกั ผอ่ นใหเ้ พียงพอ 2. อยใู่ นส่ิงแวดลอ้ มท่ดี มี ีอากาศถา่ ยเทสะดวก 3. หลีกเลยี่ งมลพิษ บหุ รี่ สุรา ยาเสพตดิ และความเครียด 4. ดูแลรักษาร่างกายให้อบอ่นุ ในชว่ งอากาศหนาวเยน็ หรืออากาศเปลย่ี นแปลง 25

5. รับประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ ผกั และผลไม้ เพ่อื ใหร้ า่ งกายไดร้ ับสารอาหารและวติ ามนิ พอเพยี ง 6. หลีกเล่ียงการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน และช่วงอากาศเย็น มักมีการแพร่กระจาย โรคได้มากขนึ้ โดย _ ไม่คลุกคลใี กลช้ ิดกับผปู้ ่วย _ ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ ของเล่นร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะส่งิ ของ ของผปู้ ่วย _ ใชช้ อ้ นกลางทุกครง้ั เมือ่ รบั ประทานอาหารร่วมกับผอู้ ื่น _ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลล้างมือ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจาย และการติดเชื้อ _ หลีกเลี่ยงสถานทแ่ี ออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น หา้ งสรรพสนิ ค้า สวนสนกุ เป็นตน้ 7. ผปู้ ่วยโรคไขห้ วดั ใหญ่ ตอ้ งระมัดระวังและปอ้ งการแพรเ่ ช้ือใหแ้ ก่ผอู้ ืน่ โดย _ หากเปน็ ไปไดผ้ ้ปู ว่ ยต้องหยดุ อยู่บา้ นเป็นเวลา 3 – 7 วัน หรอื จนกวา่ จะหาย _ สวมหน้ากากอนามัยทกุ ครั้งเมือ่ ตอ้ งปฏบิ ัติงานและคลุกคลกี ับผ้อู ่นื _ ใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูกทุกคร้ังเวลาไอจาม และหม่ันล้างมือ บอ่ ยๆ ดว้ ยนำ้ และสบู่ หรอื เจลล้างมอื 8. ฉดี วัคซีนป้องกนั ไขห้ วดั ใหญ่ _ ปัจจุบันยังไม่มีนโยบายให้ประชาชนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกคน แต่พิจารณาให้เฉพาะ เป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ในเด็กเล็กหรือเด็กท่ีป่วยเป็นโรคเร้ือรัง เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ ภาวะภมู คิ ้มุ กนั บกพรอ่ ง ผู้สงู อายุ และผ้ปู ว่ ยโรคเรื้อรงั เช่น โรคปอด โรคหัวใจ ผู้ทีจ่ ะเดินทางไปประกอบ พิธีฮัจย์ หรือจะไปอยู่ในประเทศเขตหนาวเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน ไขห้ วัดใหญ่ล่วงหนา้ 26

การรกั ษา สว่ นใหญร่ ักษาตามอาการ สำหรับการดแู ลในเบ้ืองต้น มดี งั น้ี _ พักผ่อนใหม้ ากๆ ในทท่ี ีม่ ีอากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก อากาศอบอุ่นไมช่ ้ืนเกินไป _ ดม่ื นำ้ อุ่นมากๆ งดดื่มน้ำเยน็ _ รบั ประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย และปรุงสุกใหมๆ่ ให้ครบทุกมือ้ _ รับประทานผลไม้ หรอื ด่มื น้ำผลไมม้ ากๆ เช่น นำ้ ฝรัง่ น้ำสม้ ซงึ่ ใหว้ ติ ามนิ ซสี ูง _ หากมีไข้สูง ให้ลดไข้ด้วยการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา และรับประทานยาลดไข้ พาราเซตามอล เมื่อไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซยี ส และอาจใหซ้ ำ้ ได้เม่อื ไขไ้ ม่ลด ทกุ 4 – 6 ชัว่ โมง หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วนั ควรรีบไปพบแพทย์ 27

โรคไข้หวดั ใหญ่สายพันธใ์ุ หม่ 2009 (Influenza A/H1N1) โรคไขห้ วัดใหญส่ ายพนั ธใุ์ หม่ 2009 (A/H1N1) _ เป็นโรคติดต่อระหว่างคนสู่คน พบที่ประเทศเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกาแล้วแพร่ไปยัง หลายประเทศ _ เกดิ จากเช้อื ไวรสั ไขห้ วดั ใหญ่ ชนิดเอ เอช1 เอน็ 1 (A/H1N1) ซงึ่ เป็นเช้อื ตัวใหม่ทไ่ี มเ่ คย พบมาก่อน ทำให้สามารถติดต่อกันได้ง่าย และอาจมีอาการที่รุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จากการทค่ี นยังไม่เคยมีภมู ิต้านทานตอ่ เช้ือดงั กลา่ ว _ สามารถติดต่อกันได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจึงมีวิธีป้องกันการติดเช้ือและ การปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ ช้ือแพร่กระจายเช่นเดียวกนั _ ผู้ป่วยสว่ นใหญ่มอี าการใกลเ้ คยี งกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดกู าล เช่น มไี ข้ ปวดศรี ษะ ปวดเมอื่ ย กล้ามเน้ือ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ เป็นต้น ซึ่งส่วนมากมีอาการไม่รุนแรง สามารถหายเองได ้ โดยไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวมรุนแรง ทำให้ หายใจหอบเหน่อื ย ซ่ึงหากไม่ได้รบั การรกั ษาอาจเสยี ชีวิตได ้ _ การรักษาคงเปน็ การประคับประคองและรักษาตามอาการ แต่หากอาการไม่ทเุ ลาใน 2 วัน หลังเรม่ิ ป่วย หรือมอี าการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย ์ _ ขณะนี้มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น1 (A/H1N1) รวมอยู่ด้วยแต่ในปัจจุบันยังไม่มีนโยบายให้ประชาชนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกคน พจิ ารณาให้เฉพาะเปา้ หมายทเี่ ป็นกลุม่ เส่ียง ไดแ้ ก่ 1. บุคคลากรสาธารณสขุ ที่มีความเส่ียงตอ่ การสมั ผัสโรคและผ้ทู ำลายสัตว์ปีก 2. บุคคลอายมุ ากกว่า 6 เดอื นขึ้นไปทีม่ ีโรคเร้ือรงั เช่น โรคปอดอุดกั้น หอบหดื หวั ใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งอยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย และ ภูมคิ ุ้มกันบกพร่อง 3. บคุ คลอายมุ ากกว่า 65 ปขี ึ้นไปทกุ คน 4. เด็กอายุ 6 เดอื น ถงึ 2 ปี ทุกคน 5. หญงิ มคี รรภ์ทม่ี อี ายุครรภ์มากกวา่ 7 เดือนข้นึ ไป 6. บุคคลโรคอ้วนทม่ี นี ้ำหนกั มากกวา่ 100 กโิ ลกรมั หรือ BMI มากกวา่ 35 กโิ ลกรมั ต่อตารางเมตร 7. ผู้พิการทางสมองทช่ี ว่ ยเหลือตนเองไม่ได้ 28

โรคมอื เท้า ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease) โรคมอื เทา้ ปาก : โรคน้ีพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก ในเขตร้อนชื้นพบโรคประปรายตลอดปี ไม่มีฤดกู าลที่ชัดเจน และมกั เกดิ บอ่ ยข้นึ ในชว่ งอากาศเยน็ และชืน้ ในเขตหนาวพบมากในช่วงฤดูร้อน และต้นฤดูใบไม้ร่วง ในประเทศไทยไม่พบลักษณะการระบาดตามฤดูกาลท่ีชัดเจน แต่สังเกตว่าพบ ผู้ป่วยมากข้ึนต้ังแต่ต้นฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว โดยเริ่มพบผู้ป่วยมากตั้งแต่เดือนมิถุนายนและมีแนวโน้ม เพ่ิมข้ึนสูงสุดในเดือนธันวาคม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง และแทบไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ในประเทศไทย สาเหต ุ : เกดิ จากเชือ้ เอนเทอโรไวรัส หลายชนิด (Enterovirus) ทพ่ี บบอ่ ย คอื ไวรัสคอคแซกกี เอ 16 (Coxsackieviruses A16) ไวรัสคอคแซกกี เอ สายพันธ์ุอ่ืน ไวรัสเอคโค (Echovirus) และ ไวรัสเอนเทอโร 71 (EV 71) เปน็ ต้น ระยะฟักตัว : ประมาณ 3-6 วัน หลงั ได้รบั เช้อื การตดิ ตอ่ : เช้ือไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางปากจากการท่ีเช้ือติดอยู่บนมือที่ปนเปื้อนอุจจาระ น้ำลาย น้ำมูกน้ำในตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วย ผ่านทางเยื่อบุของคอหอย และลำไส้ และจะขยาย เพิ่มจำนวนท่ีบริเวณคอหอยและต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง ต่อมาจะเพิ่มจำนวนในลำไส้ จากนั้น เช้ือจะเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่ีเย่ือบุในปาก ผิวหนังที่มือและเท้า เชื้อจะ ถูกขับออกมากับอุจจาระ อาจพบเช้ือในอุจจาระได้นานถึง 6-8 สัปดาห์ ส่วนการติดต่อทางน้ำหรือ อาหารมโี อกาสเกิดไดน้ อ้ ย อาการ : เริ่มด้วยไข้ เบ่ืออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมาอีก 1 –2 วัน มีอาการเจ็บปาก และ เบือ่ อาหาร เนือ่ งจากมแี ผลอกั เสบที่ล้ิน เหงือกและกระพุ้งแกม้ ตอ่ มาจะเกดิ ผื่นแดง ซึ่งมักไม่คนั ท่ีฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้น หรือหัวเข่าได้ ผ่ืนนี้จะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆ แดง และแตกออกเป็น หลมุ ต้ืนๆ โรคแทรกซ้อน : ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง พบผู้ป่วยน้อยรายที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น สมองอักเสบ อมั พาตกลา้ มเนือ้ อ่อนปวกเปยี ก เปน็ ตน้ การปอ้ งกนั โรค _ การดแู ลสุขอนามยั สว่ นบุคคลท่ดี ี เชน่ การลา้ งมือด้วยสบูห่ รอื เจลลา้ งมอื ทุกครัง้ ก่อน - หลัง การรบั ประทานอาหาร หลังขับถา่ ย และการเล่นของเลน่ หมนั่ ลา้ งมือบ่อยๆ ตัดเลบ็ ใหส้ ้ัน ซง่ึ เป็นวธิ ี ปอ้ งกนั การติดเชอ้ื และการแพร่เชอื้ ไดด้ ี 29

_ การดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น กำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลที่ถูกต้อง ดูแลรักษาและ ทำความสะอาดอาคาร สถานท่ี อุปกรณ์ เครื่องมือเคร่ืองใช้ และของเล่นต่างๆ เป็นประจำและ สม่ำเสมอ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรอื น้ำยาฆ่าเช้ือโรค _ ไม่ควรนำเดก็ เลก็ ไปในท่ชี ุมชนในช่วงท่มี กี ารระบาด เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สระวา่ ยนำ้ ควรอยู่ในทีม่ อี ากาศถ่ายเทไดด้ ี _ เด็กท่ีป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ จนกว่าจะหายเป็นปกติ เพอ่ื ปอ้ งกันการแพรเ่ ชื้อให้เด็กอ่นื ๆ 30

การรักษา โรคนสี้ ่วนใหญอ่ าการไมร่ ุนแรง มกั ป่วยนานประมาณ 7-10 วนั และหายเองได้ _ ไม่มียาต้านไวรัสชนิดน้ีโดยเฉพาะ จึงใช้การรักษาเพ่ือบรรเทาอาการต่างๆ เช่น การใช้ ยาลดไขร้ ว่ มกับการเช็ดตัวลดไข้ ให้ยาแกป้ วด เป็นต้น _ ให้ผ้ปู ว่ ยรับประทานอาหารอ่อน ๆ รสไมจ่ ัด ดม่ื นำ้ นม นำ้ หวาน นำ้ ผึง้ ไอศกรีม _ นอนหลบั พักผอ่ นใหเ้ พยี งพอ _ เฝ้าระวัง โรคมือ เท้า ปาก ชนิดท่ีรุนแรงซึ่งพบมากในกลุ่มเด็กเล็กหรือผู้มีภาวะ ภูมคิ ุม้ กันบกพร่อง ผปู้ ว่ ยอาจมไี ข้สงู ซึม อาเจียน อาการทางระบบประสาท หอบเหนอื่ ย ควรรีบพา ไปพบแพทย ์ _ ในศูนย์เด็กเล็ก หรือโรงเรียนท่ีมีเด็กป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าท่ี สาธารณสขุ ในพ้นื ที่รับผิดชอบทราบ เพ่อื ควบคุมปอ้ งกันการแพร่กระจายของเชอื้ _ หากมีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ภายในห้องเรียนเดียวกันมากกว่า 2 ราย ใน 1 สปั ดาห์ ต้องปิดห้องเรยี นทมี่ ีเด็กป่วย และหากพบมีเดก็ ป่วยเปน็ โรคดงั กลา่ วหลายหอ้ งเรยี นอาจตอ้ ง ปดิ ศูนยเ์ ด็กเลก็ หรือโรงเรยี น ประมาณ 5 วัน ทำการ ในศนู ย์เด็กเลก็ หรือโรงเรียนทีม่ เี ด็กปว่ ยเป็นโรคมอื เท้า ปาก ให้แจง้ เจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสุขในพ้นื ที่ รบั ผิดชอบทราบโดยเร็ว เพอื่ ดำเนินการสอบสวน และควบคมุ ปอ้ งกันการแพร่กระจายเช้ือโรค หากมเี ด็กปว่ ยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ภายในห้องเรียนเดียวกันมากกวา่ 2 ราย ใน 1 สัปดาห ์ ตอ้ งปดิ หอ้ งเรียนทม่ี ีเด็กป่วย และทำความสะอาดห้องเรยี น หากพบว่ามีเด็กป่วยเปน็ โรคมอื เทา้ ปาก หลายหอ้ งเรียน ควรพจิ ารณาปิดศูนย์เด็กเลก็ หรอื โรงเรยี นประมาณ 5 วนั ทำการ (นับจากผปู้ ่วยรายสุดทา้ ย) เพอ่ื ทำความสะอาด และหลังเปดิ ศนู ย์ เดก็ เลก็ ควรคัดกรองอาการของเดก็ อย่างละเอยี ด ทกุ คน ทุกวนั อยา่ งน้อย 2 สปั ดาห์ 31

โรคอจุ จาระร่วง (Diarrhea) โรคอุจจาระรว่ ง : คอื กลุ่มอาการทีม่ กี ารถ่ายอุจจาระเหลวตั้งแต่ 3 คร้งั ขน้ึ ไป หรือถ่ายมมี กู ปนเลือด อยา่ งน้อย 1 ครัง้ หรอื ถ่ายเปน็ นำ้ จำนวนมาก ตง้ั แต่ 1 คร้ังข้นึ ไป ใน 1 วัน อาจมอี าการอาเจยี นหรอื เป็นไขร้ ่วมดว้ ย สาเหต ุ : เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ เช้ืออหวิ าตกโรค เช่น เชอ้ื อหวิ าตกโรค (cholerae) เชื้อบิด (Shigella) ซาลโมเนลลา (Salmonella) อีโคไล (E.coli) ฯลฯ เชื้อปรสิตในลำไส้ เช่น ไจอาเดีย (Giardia), อะมีบา (Amoeba) หรือจากเชอ้ื ไวรัส เชน่ ไวรัสโรตา้ (Rotavirus) หดั (Measles) ฯลฯ นอกจากน้ีโรคติดเชื้ออ่ืนๆ เช่น มาลาเรีย (Malaria) หนอนพยาธิบางชนิด หรือสารเคมีบางอย่าง ทำให้เกิดอจุ จาระร่วงได้ ระยะฟกั ตวั : แตกตา่ งกนั ไปตามสาเหตุ ในกรณที ีเ่ กดิ จากการตดิ เชือ้ มักมีระยะฟกั ตัว 6-8 ช่ัวโมงขึ้นไป การตดิ ตอ่ : โดยการรับประทานอาหารและนำ้ ท่ปี นเป้อื น โดยทางตรงหรือทางอ้อมเข้าสู่ปาก อาการ : ถ่ายอุจจาระเหลวต้ังแต่ 3 คร้ังข้ึนไป หรือถ่ายมีมูกปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง หรือ ถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก ตัง้ แต่ 1 ครง้ั ขนึ้ ไป ใน 1 วนั โดยท่วั ไปสามารถบอกสาเหตุของโรคอจุ จาระร่วง ไดค้ รา่ วๆ โดยอาศยั การตรวจดลู กั ษณะอุจจาระ อายุ และฤดูกาล เชน่ เชือ้ ไวรัส : ท่ีพบบ่อยได้แก่ไวรัสโรต้า อุจจาระมีลักษณะเป็นฟองกล่ินเหม็นเปร้ียว หรือ กลิ่นกรด พบบอ่ ยในเดก็ ท่รี บั ประทานนม และเมอ่ื ถา่ ยบอ่ ยจะระคายผวิ หนังเป็นผ่นื แดงบริเวณรอบๆ ทวารหนัก โรตาไวรัส พบในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี และพบบ่อยในช่วงที่มีอากาศเย็นลง เดือนตุลาคมถึงเดือนกมุ ภาพันธ์ เช้ือแบคทีเรยี _ อี โคไล อุจจาระมลี กั ษณะเปน็ นำ้ ใสเหมือนปัสสาวะ มกี ล่ินเหม็นคาว พบได้ตลอดป ี _ ซลั โมเนลลา อาจมไี ขห้ รือไม่มไี ขก้ ็ได้ ถา่ ยอุจจาระเป็นน้ำสเี ขยี วในชว่ งแรก 2-3 คร้งั ต่อมาอาจถ่ายเหลวมมี ูกและเลือดปน พบไดบ้ อ่ ยในชว่ งตน้ ฤดฝู น _ ชิกเกลลา ในเด็กมักมีไข้สูง อาจพบมีชักร่วมด้วย ช่วงแรกอาจถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ ต่อมาถ่ายกะปริกะปรอยมีมูกเลือดปน มีอาการปวดท้องเหมือนถ่ายไม่สุด พบในเด็กอายุมากกว่า 6 เดอื นขน้ึ ไป _ อหิวาต์ ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำครั้งละมากๆ ในรายที่เป็นรุนแรงอุจจาระมักมีสีขาว เหมือนน้ำซาวข้าว มีกลิ่นคาวและฝาดเหมือนกลิ่นน้ำดีท่ีย่อยอาหาร พบได้ในทุกอายุและมักพบ ในชว่ งฤดูแล้งหรือมีอบุ ัตภิ ยั 32

การป้องกันโรค _ รบั ประทานอาหารท่ปี รุงสกุ ใหมๆ่ ไมม่ แี มลงวนั ตอม _ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ให้สะอาดทุกคร้ัง ก่อน - หลังรับประทานอาหาร หลังขับถ่าย และสมั ผสั สิง่ ปฏกิ ลู _ อยา่ ใช้มือสัมผสั อาหารท่ีปรงุ สุกแล้วโดยตรง ควรใชช้ อ้ นกลาง/ทพั พ ี _ ทำความสะอาดภาชนะท่ีใชใ้ นการกนิ และดมื่ อย่างถูกวิธ ี _ ควรเพ่ิมความระมัดระวังในการเตรียมอาหาร และนมสำหรับเด็ก กรณีชงนมผสมควร ใช้น้ำต้มสุกสะอาด ควรล้างขวดนม จุกนม และฝาปิดขวดนมให้สะอาด และนำไปต้มในน้ำร้อนนาน ประมาณ 10 นาที และทิ้งใหแ้ หง้ ก่อนชงนม _ กำจดั อจุ จาระอยา่ งถกู วธิ ี _ แยกเด็กท่ีป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง แยกของเล่นของใช้ และทำความสะอาดทันที เพือ่ ป้องกนั การแพรก่ ระจายเชอื้ และควรใหห้ ยุดรักษาตัวทบี่ า้ นจนกวา่ จะหาย การรักษา _ แนะนำพ่อแม่ ใหส้ ารน้ำเกลือแรท่ างปากแก่ลูก 1/2 - 1 แกว้ / ถ่าย 1 ครง้ั เม่อื เริม่ มี อาการอจุ จาระรว่ ง _ รักษาภาวะขาดน้ำด้วยสารละลายเกลือแร่ เช่น โออาร์เอส ในกรณีที่มีภาวะขาดน้ำ อย่างมาก กินไม่ได้ ซึมลง หรอื มอี าการมากขน้ึ ควรไปพบแพทย์ เพ่ือพิจารณาใหส้ ารนำ้ ทางหลอดเลอื ด และยาปฎิชวี นะทเี่ หมาะสมต่อไป _ สามารถกินนมแม่ได้ตามปกติ ไมค่ วรงดนมหรืออาหาร แนะนำใหร้ ับประทาน อาหารอ่อนย่อยงา่ ย เช่น น้ำขา้ ว ข้าวตม้ โจ๊ก เป็นต้น กรณีเด็กกินนมแม่ต้องล้างมือให้ สะอาดก่อนให้นมลูกทุกครั้ง หลังหนึ่งสัปดาห์ ไปแล้วหากคงมีอุจจาระร่วงควรให้เด็กกินนม สตู รไม่มนี ำ้ ตาลแลกโตสแทนนมเดมิ 33

โรคอีสุกอีใส (Chickenpox) โรคอสี ุกอใี ส : เป็นโรคติดเช้ือท่ีพบเสมอในเด็ก ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชนิดเดียวกับชนิดที่ทำให้เกิดงูสวัด สามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยการหายใจเอาละอองอากาศท่ีมีเชื้อ ปนอยเู่ ขา้ ไป (Airborne transmission) ซ่งึ อาจฟุ้งกระจายออกมากบั การหายใจ หรือการไอจามของ ผู้ป่วย หรือติดต่อโดยการสัมผัส ตลอดจนใช้ของร่วมกันกับผู้ป่วย โรคนี้มักพบในเด็กอายุระหว่าง 5 – 12 ปี รองลงมาจะเปน็ กลุ่มเด็กอายุ 1 – 4 ปี กลมุ่ วัยร่นุ และวยั หนุม่ สาวตามลำดบั โดยท่วั ไป โรคอสี ุกอีใสมกั จะระบาดในชว่ งปลายฤดหู นาว ถงึ ตน้ ฤดูร้อน แต่สามารถพบไดป้ ระปรายตลอดทงั้ ป ี สาเหตุ : เกดิ จากเชือ้ ไวรัสวารเิ ซลลาซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus) ระยะฟกั ตัว : ประมาณ 10-21 วัน การตดิ ตอ่ : เช้ือเข้าสู่ร่างกายทางระบบทางเดินหายใจ เยื่อบุตา โดยจะเข้าไปเพิ่มจำนวน ในตำแหนง่ ทผ่ี า่ นไป เชน่ เย่อื บุตา ตอ่ มนำ้ เหลอื ง และแพร่กระจายไปยงั ลำคอ และผิวหนัง การติดต่อ สามารถแบง่ ได้เปน็ 2 วิธี คอื _ การหายใจเอาละอองอากาศที่มีเช้อื ปนอยเู่ ขา้ ไป (Airborne transmission) ซงึ่ อาจ ฟุ้งกระจายออกมากับการหายใจ หรือการไอจามของผู้ป่วย ซ่ึงสามารถแพร่เช้ือได้ต้ังแต่ 2 วัน กอ่ นผน่ื ข้นึ จนกระท่ังต่มุ ผิวหนงั แห้งหมด และไมม่ ีขนึ้ ใหม่ โดยทัว่ ไปนานประมาณ 10 วนั _ โดยการสมั ผัสกับผนื่ ทผ่ี วิ หนังของผ้ปู ว่ ย อาการ : มีผ่ืนข้ึนพร้อมกับไข้ ในระยะแรกท่ีเป็นผื่นแดง ต่อมานูนขึ้น และกลายเป็นตุ่มน้ำ พองใสตรงกลางเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ผน่ื จะขนึ้ มากบรเิ วณลำตัวมากกว่าแขนขา ผน่ื ในกลุ่มเดยี วกันมหี ลายระยะปนกัน ตุ่มทีเ่ กิดข้นึ จะมีรอยบมุ๋ ตรงกลางแล้วคอ่ ยๆ แห้งไป ในบางราย อาจมีแผลในปากร่วมด้วย แผลที่เกิดจากโรคอีสุกอีใส จะไม่เป็นแผลเป็นถ้าไม่แกะสะเก็ด ยกเว้น ในกรณีท่ีมีการติดเชื้อท่ีผิวหนังแทรกซ้อน ผู้ใหญ่ท่ีเป็นโรคน้ีมักมีอาการรุนแรงมากกว่าเด็ก เช่น มีไข้ สงู และผนื่ ขึ้นเปน็ จำนวนมาก โรคแทรกซอ้ น : ที่พบบ่อยๆ ไดแ้ ก่ การตดิ เชื้อแบคทีเรยี ท่ีผวิ หนังซำ้ ซอ้ น ปอดอักเสบ ความผิดปกติ ของระบบประสาท เชน่ สมองอกั เสบ ภาวะเกร็ดเลอื ดต่ำ การปอ้ งกันโรค _ เน่ืองจากติดต่อทางการหายใจเอาละอองอากาศท่ีมีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป ซึ่งเชื้อสามารถ ฟุ้งกระจายแพร่เช้ือในอากาศได้มากกว่าเชื้อหวัด และไข้หวัดใหญ่ การแยกผู้ป่วยออกจากเด็กอ่ืน จำเป็นต้องแยกเด็กให้อยู่ห่างกันมากกว่าปกติ ดังนั้นวีธีท่ีดีท่ีสุดคือ ให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน ในระหวา่ งรอกลับบา้ นควรให้อยู่หอ้ งแยก 34

_ ถ้าเด็กป่วยเป็นอีสุกอีใส ควรให้เด็กหยุดเรียน และแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีกับผู้อื่น จนกวา่ แผลจะแหง้ _ ห้ามใชส้ ง่ิ ของและภาชนะรว่ มกบั ผู้ป่วย _ ฉดี วคั ซนี ป้องกนั โรคอีสกุ อีใส การรกั ษา ให้การรกั ษาตามอาการ เชน่ _ ถา้ มีไข้สูง ให้เช็ดตวั ลดไขร้ ่วมกบั ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลเปน็ ครั้งคราว หา้ ม !! ให้ยาลดไข้แอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพราะอาจเกิดภาวะ แทรกซ้อนที่รุนแรงได ้ _ ถา้ มอี าการคนั ให้ยาแก้แพ้ แก้คัน _ ถ้ามกี ารตดิ เชื้อของผิวหนงั ให้รับประทานยาฆา่ เชอื้ และอาบนำ้ ทำความสะอาด _ หากมีอาการอ่อนเพลยี มาก กนิ ไมไ่ ด้ ซมึ หายใจหอบเหน่ือย ควรรบี ไปพบแพทย์ 35

โรคคางทมู (Mumps) โรคคางทมู : เปน็ โรคตดิ เช้ือของตอ่ มน้ำลาย ทำให้เกิดต่อมน้ำลายมีอาการบวมและอกั เสบ สาเหต ุ : เกดิ จากเชือ้ ไวรัสคางทมู (Mumps virus, Genus Rubulavirus) ระยะฟกั ตัว : ประมาณ 16-18 วนั การติดต่อ : สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ตั้งแต่ 2 วันก่อนแสดงอาการถึงวันที่ 5 หลัง ตอ่ มนำ้ ลายโต ซงึ่ มวี ธิ ีการตดิ ตอ่ ดงั น ี้ _ โดยการหายใจเอาละอองฝอยท่ีมีเช้ือของผู้ป่วยซึ่งอยู่ในลำคอ ปาก น้ำลายปน ออกมาโดยผา่ นการไอหรอื จามของผู้ปว่ ย _ สมั ผัสโดยตรงกบั น้ำลายของผ้ตู ดิ เชื้อ อาการ : มีไข้ ปวดและบวมที่ต่อมน้ำลาย อย่างน้อย 1 ต่อมหรือมากกว่า โดยปกติแล้ว มักพบท่ีต่อมน้ำลายหน้าหู บางทีพบที่ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น หรือต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร อาจเกิด ลูกอัณฑะอักเสบ และมักเป็นข้างเดียว พบได้ประมาณ ร้อยละ 20-30 ในผู้ชายท่ีเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ซง่ึ ทำให้ลูกอัณฑะฝ่อ ในผ้หู ญงิ อาจมกี ารอกั เสบของรังไข่ ประมาณ ร้อยละ 5 โรคแทรกซ้อน : ท่สี ำคัญ ไดแ้ ก่ เยือ่ หมุ้ สมองอกั เสบ สมองอักเสบ หหู นวก เสน้ ประสาทหูอักเสบ ซึง่ อาจกอ่ ใหเ้ กิดความพิการได้แก่ อมั พาต ชกั สมองโต และเสียชีวิตได้ การปอ้ งกันโรค _ ฉดี วัคซีนป้องกันโรคคางทมู _ ควรให้หยุดพักรักษาท่บี ้านอยา่ งนอ้ ย 5 วนั หลังตอ่ มน้ำลายโต หรอื จนกว่าจะหาย _ ควรแยกผปู้ ว่ ยจากคนปกติ และแยกส่ิงของเครื่องใชจ้ ากผอู้ ืน่ _ หม่ันลา้ งมือด้วยนำ้ และสบหู่ รือเจลล้างมือให้สะอาด 36

การรกั ษา ให้การรักษาตามอาการ เชน่ _ ถ้ามีไข้ ควรเช็ดตัวลดไข้ร่วมกับให้ยาลดไข้พาราเซตามอล ทุก 4-6 ชั่วโมง ซึ่ง ยาดังกลา่ วสามารถชว่ ยลดอาการปวดไดด้ ้วย _ หากมอี าการทางระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ ระดับความรสู้ ึกตัวเปลยี่ นแปลง หรอื อาการไมด่ ีขน้ึ ควรปรึกษาแพทย์ 37

โรคตาแดงหรือเยือ่ บุตาอักเสบ (Conjunctivitis) โรคตาแดง : เป็นโรคตาทพี่ บได้บ่อย เปน็ การอักเสบของเยือ่ บุตา (conjuntiva) บรเิ วณตาบน และล่างรวมเย่ือบุตาบรเิ วณตาขาว เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลนั หรือเรื้อรัง สาเหตุ : อาจเกิดจากเช้ือแบคทีเรีย ไวรัส คลามายเดีย (Chlamydia) ภูมิแพ้ หรือ สัมผสั สารท่เี ปน็ พษิ ตอ่ ตา สาเหตสุ ว่ นใหญ่เกดิ จากเช้ือแบคทเี รยี และเช้อื ไวรสั โดยพบว่า _ ฤดหู นาว มีสาเหตุสว่ นใหญ่จากเช้อื ไวรัส _ ฤดูร้อน มีสาเหตุมาจากเชื้อ แบคทีเรีย โรคตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็น ตาแดงเร้ือรงั มีการอกั เสบของหนังตา ตาแห้ง ระยะฟกั ตวั : ขึน้ อย่กู ับชนิดของเช้อื ที่เปน็ สาเหตุ การติดต่อ : สามารถตดิ ตอ่ โดยตรงจากมอื สัมผัสข้ีตา น้ำตาของผู้ปว่ ย แลว้ มาสมั ผัสตาตวั เอง สามารถตดิ ตอ่ ไดง้ ่าย และระบาดได้ โดยเฉพาะในเดก็ นกั เรียน อาการ : ตาแดง เคืองตา แสบตา นำ้ ตาไหล ปวดตา ตามัว ลกั ษณะของขต้ี าพอชว่ ยบอก สาเหตุของโรคตาแดงได้ เชน่ _ ขี้ตาใสเหมอื นนำ้ ตามกั จะเกดิ จากไวรัสหรือโรคภูมแิ พ้ _ ขต้ี าเปน็ เมือกขาวมกั จะเกดิ จากภมู ิแพห้ รอื ตาแหง้ _ ข้ีตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบาก สาเหตุ มกั จะเกดิ จากเช้ือแบคทเี รีย โรคแทรกซอ้ น : โดยปกติตาแดงที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตามักไม่มีผลแทรกซ้อนท่ีอันตราย อาจมีแค่ปวดตาหรือตามัวเล็กน้อยในช่วงท่ีมีการอักเสบมาก แต่ในกรณีตาแดงที่เกิดจากการอักเสบ ในลูกตา (uveitis) หรือจากแผลกระจกตา (corneal ulcer) อาจมีปัญหาแทรกซ้อนมากกว่า อาจทำให้ตาบอดได้ในรายท่รี ุนแรง การปอ้ งกัน _ หม่ันลา้ งมือดว้ ยสบ่หู รือเจลลา้ งมอื ให้สะอาด _ ไมเ่ อามือขย้ีตา _ ไม่คลุกคลีกับคนท่ีเป็นโรค ไม่ใช้ ส่งิ ของเคร่อื งใช้ส่วนตัวรว่ มกนั เชน่ ผ้าเชด็ หน้า _ หากเป็นโรคตาแดงควรหยุดงานหรือ หยุดเรียน จะไดไ้ มไ่ ปติดต่อผ้อู ื่น 38

การรกั ษา _ ควรไปพบแพทย์ เพ่ือให้การรกั ษาตามอาการ และพิจารณาใหย้ าปฏิชีวนะในกรณที เ่ี กดิ จากการติดเช้ือแบคทีเรยี 39

โรคพษิ สุนขั บ้าหรอื โรคกลัวนำ้ (Rabies) โรคพษิ สนุ ัขบ้า : โดยท่ัวไปชาวบ้านรู้จักกันตามอาการท่ีเกิดว่า โรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อจากสัตว ์ สู่คนท่ีอันตรายร้ายแรงมาก โรคน้ีไม่มียารักษา เมื่อมีอาการแล้วผู้ป่วยเสียชีวิตทุกราย เป็นได้ในสัตว์ เลีย้ งลกู ด้วยนมทกุ ชนดิ ในประเทศไทยมสี นุ ัขเป็นตัวนำโรคท่ีสำคัญ รองลงมาเปน็ แมว สาเหตุ : เชอื้ ไวรัสโรคพษิ สุนขั บ้า (Rabies virus) ระยะฟกั ตัว : ระยะเวลาต้ังแต่เชื้อเข้าร่างกายจนกระท่ังเกิดอาการ 4 วัน-หลายปี โดยเฉล่ียอยู่ ระหวา่ ง 3 สปั ดาห์ถงึ 4 เดือน ข้นึ กับลักษณะและตำแหนง่ ของบาดแผล ถ้าแผลลกึ ใหญ่ หรอื ใกล้ สมองจะอนั ตรายมาก การติดต่อ : เกิดจากถูกสุนัขบ้ากัดหรือข่วน หรือน้ำลายของสุนัขบ้าเข้าทางเยื่อเมือกในปาก จมกู หรอื รอยแผลถลอกขีดข่วน เชน่ ถกู เลยี หรอื นำ้ ลายกระเดน็ อาการ : มีไข้ ปวดเม่ือยตามเนื้อตัว คันบริเวณรอยแผลท่ีถูกสัตว์กัด ต่อมาจะหงุดหงิด ต่ืนเต้นไวต่อส่ิงเร้า (แสง เสียง ลม) ม่านตาขยาย น้ำลายไหลมาก กล้ามเน้ือคอกระตุกเกร็งขณะท่ี พยายามกลนื อาหารหรือสำลักเวลาดม่ื น้ำ ทำใหเ้ กิดอาการ ‘กลัวนำ้ ’ เพ้อคล่ังสลบั กับอาการสงบ ชกั ระยะสุดท้ายจะเกิดอาการอัมพาต แขนขาอ่อนแรง และเสียชีวิตเนื่องจากการอัมพาตของกล้ามเนื้อ ระบบทางเดินหายใจ โรคแทรกซอ้ น : ผ้ปู ่วยโรคน้จี ะเสียชวี ติ ทุกราย การป้องกันโรค ควรลดความเสีย่ งจากการถกู สนุ ขั กัด โดยปฏิบัติดังนี ้ 1. ไม่ยุ่งเก่ียวกับสุนัข แมวท่ีไม่ทราบประวัติ หรือไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ สุนัขบา้ 2. ไมใ่ ห้เดก็ เลน่ กบั สุนขั แมวตามลำพงั หรอื สุนัข แมว ทไ่ี ม่คุ้นเคย 3. การช่วยเหลือสุนัข แมวที่บาดเจ็บ หรือจะเก็บมาเล้ียงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ใหถ้ ูกกัด หรือขว่ น และควรปรึกษาสัตวแพทย์ 4. ใชค้ าถา 5 ย. ‘อยา่ แหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อยา่ หยิบ อยา่ ยุ่ง’ ย1 : อย่าแหยใ่ หส้ นุ ัขโกรธ ย2 : อยา่ เหยียบสนุ ขั ให้ตกใจ ย3 : อยา่ แยกสนุ ขั ทกี่ ัดกนั ดว้ ยมอื เปล่า ย4 : อย่าหยิบจานขณะสุนัขกำลงั กินอาหาร ย5 : อย่ายุ่งกบั สนุ ขั แมวท่ไี ม่ฉีดวัคซนี 40

สำหรับคนเลี้ยงสนุ ัข ควรปฏิบตั ิดังน ี้ 1. นำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี (ปีแรกควรฉีด 2 คร้ัง คร้ังแรกเม่ือลูก สุนัขอายุ 2-4 เดือน คร้ังที่ 2 หา่ งจากครัง้ แรก 1-3 เดือน) 2. ไม่ปลอ่ ยสนุ ัขไปเพน่ พา่ นในทีส่ าธารณะ ทุกครัง้ ทีน่ ำสุนขั ออกนอกบ้านตอ้ งอยู่ในสายจูง 3. ถา้ สนุ ัขของเราถูกสนุ ขั อื่นกัดตอ้ งรีบปรกึ ษาสัตวแพทย์ หรือเจ้าหนา้ ท่สี าธารณสขุ 4. ถ้าสุนัขของเราไปกัดคนอื่นต้องรับผิดชอบในการรักษาพยาบาลและให้ข้อมูลประวัติ โดยเฉพาะข้อมูลการฉดี วัคซีนปอ้ งกันโรคพิษสุนัขบ้า เมอ่ื ถูกสนุ ัขหรือแมว กัด ข่วน ต้องทำดังนี ้ 1. ล้างแผลใหส้ ะอาดด้วยน้ำและสบู่ เช็ดแผลให้แหง้ ใสย่ ารกั ษาแผลสด 2. จดจำสัตว์ท่ีกัดให้ได้ เพื่อสืบหาเจ้าของ หรือสอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรค พิษสุนัขบ้า และตดิ ตามดอู าการสนุ ัข แมว ที่กดั 10 วัน 3. ไปพบแพทย์ หรอื เจา้ หน้าทสี่ าธารณสขุ เพ่ือรบั การปอ้ งกันรักษาทถ่ี ูกตอ้ ง การรกั ษา โรคพิษสุนัขบ้าไม่สามารถรักษาได้ หากเป็นแล้วจะต้องเสียชีวิตทุกราย การป้องกันโรค จึงสำคญั มาก เม่อื ลกู สัตว์ท่เี ปน็ หรือสงสยั วา่ เป็นโรคพษิ สนุ ขั บ้า กัดหรือข่วนหรอื เลียแผล ตอ้ งไปรบั การฉีดวคั ซีนป้องกันโรคพษิ สุนัขบา้ ตามกำหนดนัด 41

โรคไขเ้ ลอื ดออก (Dengue hemorrhagic fever) โรคไข้เลือดออก : เป็นโรคท่ีพบได้บ่อยในประเทศท่ีอยู่ในเขตร้อน มียุงลายท่ีเป็นพาหะนำโรค ในประเทศไทยจะพบโรคไข้เลือดออกได้ประปรายตลอดท้ังปี แต่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงฤดูฝน โรคนีจ้ ะพบในเด็กไดบ้ ่อยกวา่ ผูใ้ หญ่ สาเหตุ : เกดิ จากเชอ้ื ไวรสั เดงกวิ (Dengue virus) มี 4 ชนดิ เชือ้ เขา้ สรู่ า่ งกายทางผิวหนงั โดย ถูกยงุ ทม่ี ีเชือ้ กัด เชื้อจะเขา้ ส่กู ระแสโลหิตทำให้มีไข้ เชื้อไวรสั จะอยใู่ นกระแสโลหิตตลอดระยะเวลาทีม่ ี ไข้ประมาณ 2-7 วนั เมอื่ ยุงมากัดดูดเลือดผู้ปว่ ยทม่ี ีไวรสั เชื้อไวรสั จะอยใู่ นตวั ยุงไดน้ านตลอดชวี ติ ของ ยงุ (1-2 เดือน) การติดต่อ : ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) ท่ีมีเช้ือเป็นพาหะแพร่กระจายโรค ยุงชนิดน้ีจะกัดดูด เลือดคนในเวลากลางวัน และแพร่พันธ์ุโดยวางไข่ในน้ำสะอาดตามภาชนะท่ีมีน้ำขังภายในและรอบๆ บ้าน เชน่ โอง่ นำ้ อ่างนำ้ ถังน้ำ แจกนั ดอกไม้ จานรองขาตู้กบั ข้าว จานรองกระถางตน้ ไม้ ยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง ฯลฯ การติดตอ่ เปน็ ลูกโซจ่ าก คน ยงุ คน ยุง อาการ : หลงั ไดร้ บั เชอ้ื จากยุงกัดแล้ว ผ่านระยะฟักตวั ประมาณ 4 – 7 วัน จะมอี าการ _ ไข้สูงลอย (ให้ยาลดไข้แล้วไม่ลดถึงปกติ หรือลดระยะสั้นแล้วกลับขึ้นอีก) ประมาณ 2-7 วัน อาจมีอาการปวดศรีษะ หน้าแดง เบือ่ อาหาร หรืออาเจยี น ร่วมดว้ ย _ มีอาการแสดงของเลือดออก โดยส่วนใหญ่จะพบเป็นจุดเลือดออกเล็กๆ ตามผิวหนัง ของแขนขา อาจมีเลือดกำเดา _ ตบั โต กดเจบ็ บรเิ วณชายโครงขวา _ ในระยะที่รุนแรงจะพบมีภาวการณ์ไหลเวียนของโลหิตเปล่ียนแปลง ซ่ึงส่วนใหญ ่ จะพบระยะที่ไข้เร่ิมจะลดลง ต้ังแต่วันที่ 3 ของโรค เนื่องจากมีการรั่วของส่วนน้ำเหลือง (พลาสม่า) ออกไปนอกเส้นเลอื ด ทำใหป้ รมิ าณของโลหิตทีไ่ ปเลย้ี งอวัยวะตา่ งๆ ลดลง ซง่ึ ถา้ มีการรัว่ มากจะทำให้ เกิดภาวการณ์ไหลเวยี นของโลหิตล้มเหลว มมี อื เทา้ เยน็ ชพี จรเบาเร็ว และเกดิ ภาวะท่ีเรียกว่าช็อก การป้องกนั _ หลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงลายกัด ซึ่งปกติยุงจะกัดกินเลือดคนเวลากลางวัน เช่น นอนในมุ้ง หรือม้งุ ลวดทายากันยงุ _ กรณีเด็กป่วยเป็นไข้เลือดออก แยกผู้ป่วยขณะมีไข้ไว้ในบริเวณท่ีไม่มียุงลาย แนะนำ ใหท้ ายากนั ยุงเพื่อปอ้ งกนั การแพร่เช้อื ผ้อู ่ืน 42

_ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์และกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านและบริเวณโดยรอบอย่าง สม่ำเสมอทุกสปั ดาห์ _ กำจัดยงุ เต็มวยั ในหอ้ งและและบรเิ วณโดยรอบเป็นประจำทุกสปั ดาห์ การรกั ษา _ ให้การรักษาตามอาการ ในระยะไข้สูงให้เด็กนอนพัก เช็ดตัวเพ่ือช่วยลดไข้ ร่วมกับ การให้ยาลดไข้พวกพาราเซตามอล เมื่อไข้สงู เกนิ 39 องศาเซลเซียส หลีกเลย่ี งการใชย้ าลดไขม้ ากเกินควร เพราะไข้จะยังสงู ลอยอยู่ในชว่ งท่ีมเี ชอ้ื ไวรสั ในกระแสเลือดไมก่ ลับเป็นปกต ิ หา้ ม !! ใชย้ าแอสไพรนิ หรือไอบโู พรเฟน (ibupropfen) เพราะจะมีผลตอ่ การแขง็ ตัวของเลอื ด _ ใหด้ ่ืมนำ้ น้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือท่ใี ชใ้ นผปู้ ่วยท้องเดนิ บ่อยๆ _ ถ้ามีอาการแสดงถึงสัญญาณอันตราย ได้แก่ ซึมลง ด่ืมน้ำ กินอาหารไม่ได้ กระสับ กระส่าย ปัสสาวะน้อยลง มีอาการปวดท้องเกิดขึ้น ถ่ายหรืออาเจียนเป็นเลือดต้องรีบไปพบแพทย ์ โดยดว่ น _ หากพบเด็กป่วยหรือสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในพนื้ ท่ีรบั ผิดชอบทราบทนั ที เพ่ือดำเนินการกำจัดยงุ ลายในบรเิ วณโรงเรียนและทอี่ ยูอ่ าศยั _ แนะนำไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจเพิ่มเติมตรวจ นับเม็ดเลือด เกล็ดเลือด ระดับความเข้มข้นของเลือด ซ่ึงจะช่วยในการวินิจฉัยและทำนายความ รนุ แรงของโรคได้ 43

โรคผวิ หนงั อกั เสบจากเช้ือแบคทเี รีย (Impetigo) โรคผิวหนังอักเสบจากเชอ้ื แบคทีเรีย : เป็นภาวะท่ีมีการติดเช้ือแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง ซ่ึงพบได้บ่อยในเด็กเล็กก่อนวัยเรียนและเด็กวัยเรียน สามารถติดต่อกันได้ง่ายมากโดยการสัมผัสถูกเช้ือ จากแผลของผู้ปว่ ยหรอื ใช้สิ่งของรว่ มกัน สาเหตุ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus group A) และสแตป ไฟโลคอคคสั (Staphylococcus) ทมี่ ีอยูใ่ นส่ิงแวดลอ้ ม หรือทีผ่ ิวหนัง ระยะฟกั ตัว : โดยท่ัวไปมีระยะฟักตัวประมาณ 7-10 วัน แต่อาจสั้นประมาณ 14 ช่ัวโมง ในบางกรณี เช่นมบี าดแผลมาก่อน การติดตอ่ : โดยสัมผัสถูกเชื้อจากแผลของผู้ป่วย หรือเชื้อที่มีอยู่ในส่ิงแวดล้อม หรือท่ีผิวหนัง รวมถงึ การใช้สิ่งของรว่ มกับผปู้ ่วย โดยเชอื้ ดังกล่าวจะ เขา้ สูร่ า่ งกายของผู้สมั ผสั ทางผวิ หนังท่มี ีรอยขดี ขว่ น รอยถลอก หรือการเกา อาการ : ผิวหนังมีลักษณะแดงๆ ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำและหนอง เม่ือตุ่มหนองแตก แผลจะลุกลามออกไปรอบๆ มีนำ้ เหลืองปนหนองไหลเย้มิ ต่อมาจะแหง้ มีสะเกด็ สนี ้ำตาลเกาะแน่นอยู่ บางคร้ังหลุดออกเหลอื แต่ผืน่ สแี ดง บรเิ วณท่เี ปน็ โรคบอ่ ย ไดแ้ ก่ แกม้ คาง หู จมูก แขน ขา โรคแทรกซ้อน : อาจพบการติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะไตอักเสบเฉียบพลัน ไข้สการ์เลต (Scarlet fever) ได้ การปอ้ งกนั โรค _ แยกผปู้ ่วยไม่ให้คลกุ คลีกับเดก็ ไมป่ ว่ ย จนกว่าแผลจะแหง้ _ หา้ มใชส้ ่งิ ของและภาชนะร่วมกับผู้ป่วย _ ตัดเล็บใหส้ นั้ ล้างมือใหส้ ะอาด การรกั ษา ให้การรกั ษาตามอาการ เช่น _ อาบนำ้ ฟอกสบทู่ ำความสะอาดแผล และผิวหนัง _ ถ้าไข้สูงมากให้ยาลดไข้ ร่วมกับการเชด็ ตวั _ ถา้ มอี าการคัน ใหย้ าแก้แพ้ แก้คัน ไมค่ วรเกา _ ควรไปพบแพทย์ เพื่อ พจิ ารณาให้ยาปฏิชวี นะ 44

การสร้างเสริมภมู คิ ้มุ กนั โรค การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หมายถึง การทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันหรือความต้านทาน เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้เกดิ โรค การสรา้ งภูมิคมุ้ กันใหก้ ับร่างกายมสี องวิธีที่สำคญั วธิ ีแรกคอื การใหภ้ มู คิ ุม้ กัน ชนิดสำเร็จรูป ซึ่งเมื่อให้เข้าสู่ร่างกายภูมิคุ้มกันนี้จะสามารถออกฤทธ์ิต้านทานโรคได้ทันที เช่น เซรุ่ม แก้พษิ งู เปน็ ตน้ ส่วนวธิ ที ีส่ องคือ การให้วคั ซนี เพือ่ กระตุน้ ร่างกายให้สรา้ งภูมคิ มุ้ กนั ทำหนา้ ท่ตี อ่ สู้กับ เชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเช้ือแบคทีเรีย ซ่ึงวิธีน้ีอาจใช้เวลานับสัปดาห์หรือเป็นเดือน กว่าจะมี ภมู ิคมุ้ กนั เพอ่ื ป้องกันโรคได้ แตเ่ ม่ือรา่ งกายได้รับวัคซีนแล้วก็จะมีภูมคิ มุ้ กนั โรคต่อไปได้นาน การให้วัคซีนเป็นหน่ึงในวิธีการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ท่ีมีความคุ้มค่ากว่าเม่ือต้อง ทำการรักษาหลังจากติดเชื้อหรือเป็นโรคแล้ว หลังจากท่ีมีการใช้วัคซีนกันอย่างแพร่หลายท่ัวโลก โรคตดิ ตอ่ รา้ ยแรงต่าง ๆ กค็ อ่ ย ๆ ลดลง จนบางโรคไดส้ ญู หายไปจากโลกแลว้ เช่น โรคไข้ทรพิษ และ โรคบางโรคกำลงั ใกล้จะถูกกำจัดให้หมดไปด้วยการใช้วคั ซนี เช่นกัน เชน่ โรคโปลิโอ จงึ เป็นทยี่ อมรบั กนั โดยท่วั ไปว่าวัคซีนเป็นเครอื่ งมอื ท่ีมีประสิทธภิ าพและคุ้มค่ามากท่ีสดุ ในการป้องกนั โรค ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสขุ ตระหนักถึงความสำคัญดงั กลา่ ว จึงได้บรรจวุ ัคซนี ขนั้ พ้ืนฐานไว้ในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศมาตั้งแต่ปี 2520 โดยถือเป็นสิทธิข้ันพื้นฐาน ของเดก็ ไทยทุกคนทต่ี ้องได้รบั ปจั จบุ นั มเี ด็กอายุตำ่ กว่า 3 ปี มากกว่ารอ้ ยละ 90 ได้รับวคั ซีนทีจ่ ำเปน็ ครบถ้วนตามเกณฑ์ท่ีกำหนด ส่งผลให้โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนส่วนใหญ่ลดลงเป็นอย่างมาก เช่น โรคคอตบี ไอกรน หัด ไขส้ มองอกั เสบเจอี เป็นต้น ท่ีสำคญั คอื ประเทศไทยไมพ่ บโรคโปลิโอติดต่อ กันมาเปน็ เวลากว่า 13 ปีแล้ว อยา่ งไรก็ตาม ยังมีเดก็ จำนวนหน่ึงทีไ่ มเ่ คยได้รบั วัคซีนหรอื ไดร้ ับวคั ซีน ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะในเดก็ กลมุ่ อายุ 3-5 ปี ซง่ึ เปน็ กลมุ่ ทม่ี ักอยใู่ นศนู ยเ์ ด็กเล็ก ครูผู้ดูแลเดก็ จงึ นบั เป็นบุคคลสำคัญท่ีมีส่วนช่วยเหลือเด็กเหล่าน้ีได้ โดยขอความร่วมมือจากผู้ปกครองเด็กนำสมุด บันทึกสุขภาพของเด็กมาตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีนของเด็กทุกคน หากพบว่าเด็กรายใด ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีน ไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดในตารางสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน โรคของกระทรวงสาธารณสุข (ดังตารางที่ 5) ก็ขอให้แนะนำผู้ปกครองพาเด็กไปรับวัคซีนท่ีสถาน บรกิ ารใกล้บา้ น ซ่ึงจะส่งผลให้เด็กเหล่านป้ี ลอดจากโรคทส่ี ามารถปอ้ งกนั ได้ดว้ ยวคั ซนี สขุ ภาพแขง็ แรง และมีคุณภาพชีวิตทีด่ ตี อ่ ไป 45

ตารางการให้วคั ซีนในทารกและเด็ก ตารางท่ี 5 : กำหนดการใหว้ ัคซีนแก่เด็ก ตามแผนการสร้างเสรมิ ภูมคิ ุ้มกันโรคของกระทรวง สาธารณสขุ อายุ วคั ซีนปอ้ งกันโรค ขอ้ แนะนำ แรกเกดิ l วณั โรค (บซี จี )ี l ไม่ให้ในเด็กติดเชื้อเอ็ชไอวี ท่ีมีอาการ 2 เดือน ของโรคเอดส์ 4 เดือน 6 เดือน l ไวรสั ตบั อักเสบบ*ี l ควรใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ ภายใน 24 ช่ัวโมง 9 เดือน หลงั คลอด 1 ปีครง่ึ l คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับ อกั เสบบี ครงั้ ท่ี 1 l โปลิโอ ครงั้ ท่ี 1 l คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับ อักเสบบี ครั้งที่ 2 l โปลโิ อ คร้ังที่ 2 l คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับ อกั เสบบี ครัง้ ที่ 3 l โปลิโอ ครั้งท่ี 3 l หัด หรอื หัด-คางทมู -หดั เยอรมนั l หากฉีดไม่ทันเมื่ออายุ 9 เดือน ให้รีบ ครง้ั ที่ 1 ตดิ ตามฉีดโดยเรว็ ทสี่ ุด l คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน คร้งั ท่ี 4 l โปลิโอ คร้งั ท่ี 4 l ไข้สมองอักเสบเจอีครั้งที่ 1 และ l ใหห้ า่ งกัน 4 สปั ดาห ์ คร้ังท่ี 2 2 ปีคร่ึง l ไขส้ มองอกั เสบเจอี ครงั้ ที่ 3 4 ป ี l คอตีบ-บาดทะยกั -ไอกรน ครง้ั ท่ี 5 l โปลิโอ ครั้งที่ 5 46

อาย ุ วคั ซีนป้องกนั โรค ข้อแนะนำ ป. 1 l หัด-คางทูม-หดั เยอรมนั ครงั้ ที่ 2 l ตามแผนปฏิบัติงานของกระทรวง สาธารณสขุ ให้ในนกั เรียนช้ัน ป.1 l วณั โรค (บซี ีจ)ี 1. ให้ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานว่าเคยได้รับ เมื่อแรกเกิดและไม่มีแผลเป็น (หากมี บันทึกหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนป้องกัน วัณโรคมาก่อนไม่จำเป็นต้องให้ซ้ำ แม้ไม่มี แผลเปน็ บริเวณที่ได้รบั การฉีด) 2. ไม่ให้ในเด็กติดเช้ือเอ็ชไอวี (HIV) ที่มี อาการของโรคเอดส ์ l คอตีบ-บาดทะยัก ให้เฉพาะผู้ท่ีได้รับวัคซีน คอตีบ-บาดทะยัก -ไอกรน และ โปลโิ อ ไม่ครบ 5 ครงั้ l โปลโิ อ ป. 6 l คอตบี -บาดทะยกั l ตามแผนปฏิบัติงานของกระทรวง สาธารณสุข ให้ในนักเรยี นชั้น ป.6 หมายเหต ุ l วคั ซนี ทกุ ชนดิ ถา้ ไมส่ ามารถเร่มิ ใหต้ ามกำหนดได้ ก็เร่ิมทันทที ี่พบครั้งแรก l วัคซนี ทต่ี ้องใหม้ ากกว่า 1 ครง้ั หากเด็กเคยไดร้ บั วัคซนี มาบา้ งแลว้ และไมม่ ารับคร้ังตอ่ ไป ตามกำหนดนัด ให้ฉีดวคั ซีนครั้งต่อไปนัน้ ไดท้ นั ทเี มื่อพบเดก็ โดยไมต่ ้องเร่ิมตน้ ครั้งท่ี 1 ใหม ่ * หมายถึง เด็กที่คลอดจากแม่ที่เป็นพาหะของโรคตับอักเสบบี ให้วัคซีนป้องกันไวรัส ตบั อกั เสบบีเพิ่มอกี 1 เข็ม เม่อื เด็กอายุ 1 เดอื น 47

การล้างมืออยา่ งถกู วิธี 7 ขน้ั ตอน มือของคนเราเปน็ อวัยวะท่ีสำคัญในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ ใช้มือปิดปากเวลา ไอ จาม แคะข้ีมูก สัมผัสอุจจาระเวลาเข้าห้องส้วม หยิบอาหารใส่ปาก เป็นต้น ในแต่ละวันเราใช้มือ ทำกิจกรรมตา่ งๆ มากมาย จนอาจลมื นกึ ถงึ วา่ มอื เราสะอาดแค่ไหน หากเราสามารถมองเห็นเช้ือโรค ด้วยตาเปล่า เราส่องดูมือจะเห็นว่ามือท่ีคิดว่าสะอาดแล้ว ยังมีสิ่งที่สกปรกมากมาย ติดอยู่ตามน้ิวมือ โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้ว หากเราไม่ล้างมืออาจจะนำเชื้อท่ีติดมือเข้าสู่ร่างกายทางตา จมูก ปาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยได้ โรคติดต่อท่ีสำคัญและพบบ่อยโดยมีมือเป็นพาหะนำโรค ได้แก่ ไขห้ วดั ไข้หวดั ใหญ่ อจุ จาระร่วง ตาแดงและโรคมือ เทา้ ปาก เปน็ ตน้ การล้างมือของคนท่ัวไป มักจะล้างไม่สะอาดและไม่ทั่วถึง ส่วนใหญ่มักสะอาดแค่ฝ่ามือ ส่วนปลายนิ้ว ซ่ึงเป็นส่วนท่ีนำเชื้อโรคได้ดีมักจะยังสกปรกอยู่ จึงมีวิธีการล้างมือที่ดีไว้ 7 ข้ันตอน ทกุ ขนั้ ตอน ทำ 5 ครงั้ สลบั กนั ทง้ั 2 ข้าง เพื่อใหก้ ารล้างมอื เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ คอื 1) ฝา่ มอื ถกู นั 2) ฝา่ มือถหู ลงั มอื และนวิ้ ถซู อกน้วิ 3) ฝ่ามือถูฝ่ามอื และนิว้ ถูซอกน้วิ 4) หลังนิ้วมอื ถฝู ่ามอื 5) ถนู ้วิ หวั แมม่ ือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนวิ้ ถขู วางฝ่ามือ 7) ถูรอบขอ้ มอื รวมเวลาท่ีใช้ล้างมือน้ีประมาณ 15-30 วินาที นอกจากน้ีควรล้างมือด้วยน้ำที่กำลังไหลริน จากก๊อกน้ำ และควรใช้ผ้าหรือกระดาษสะอาดเช็ดมือให้แห้ง การล้างมือนี้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยา ฆ่าเชื้อโรค เพยี งแคใ่ ช้สบกู่ บั น้ำสะอาด ล้างอยา่ งถูกวิธแี ละล้างบ่อยๆ ก็จะสามารถลดการติดเช้ือได้อยา่ ง ดีมากแล้ว (ดงั รปู ) 48

การลา้ งมือทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ 7 ข้นั ตอน 1. ฝ่ามือถกู ัน 2. ฝา่ มือถูหลังมอื และนิ้วถซู อกนวิ้ 3. ฝา่ มอื ถูฝา่ มอื และน้ิวถซู อกน้วิ 4. หลงั นว้ิ มอื ถูฝา่ มอื 5. ถูน้ิวหัวแม่มอื โดยรอบ ดว้ ยฝา่ มอื 6. ปลายน้วิ ถูขวางฝา่ มือ จากนน้ั กล็ ้างดว้ ยนำ้ เปลา่ ให้สะอาด แลว้ เช็ดให้แหง้ 7. ถูรอบข้อมือ 49

ข้อควรระวงั ในการล้างมอื ควรใช้ผ้าเช็ดมือสำหรับคนแต่ละคน ใช้ผ้าหรือกระดาษท่ีใช้ครั้งเดียว ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดมือ ชนิดใชผ้ นื เดยี วแขวนไวท้ ั้งวนั รว่ มกนั ไม่ต้องใชฟ้ องนำ้ หรอื ผ้าในการลา้ งมือ เพราะสิง่ เหลา่ นัน้ อาจจะ มีเช้ือโรคอยู่ ท่ีวางสบู่แบบก้อนควรมีที่ระบายน้ำไม่ให้ไปขังในจุดวางสบู่ หากใช้สบู่เหลวหรือสบู่ยา กต็ ้องมีการทำความสะอาดขวดท่ใี ส่ ขอ้ แนะนำสำหรับการล้างมอื ในเดก็ ฝึกเด็กให้ล้างมือจนเป็นนิสัย โดยการสอนให้เด็กเห็นวิธีการล้างมืออย่างถูกต้อง และ แนะนำให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ หลังจากเล่น หลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยง และหลังจากปดิ ปากเวลาไอหรือจาม ที่มา : http://gotoknow.org. , www.foodsafety.bangkok.go.th คำแนะนำการใชห้ น้ากากอนามยั ล้างมอื ก่อนใส่ เอาด้านสเี ข้มออกนอก สวมใหค้ ลมุ จมกู กบั ปาก และขอบลวดอยู่ด้านบนสันจมกู และผูกให้แนน่ กดขอบลวด ดึงให้คลุมถึงปลายคาง หนา้ กากทท่ี ำดว้ ยกระดาษ ให้พอดกี ับจมูก ควรเปลีย่ นทุกวัน 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook