Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โกรธทำไม

โกรธทำไม

Description: โกรธทำไม

Search

Read the Text Version

พมิ พ์แจกเป็นธรรมบรรณาการดว้ ยศรทั ธาของญาตโิ ยม หากท่านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากหนังสอื น้ีแล้ว โปรดมอบให้กับผอู้ ื่นท่จี ะไดใ้ ช้ จะเป็นบญุ เป็นกศุ ลอยา่ งยง่ิ

​โ​ กรธทำ�ไม? ชยสาโร ภิกขุ สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก ตัดตอน หรอื นำ�ไปพมิ พจ์ �ำ หนา่ ย หากทา่ นใดประสงคจ์ ะพมิ พ์แจกเป็นธรรมทาน โปรดตดิ ตอ่ มลู นิธปิ ญั ญาประทีป หรือ โรงเรียนทอสี ​๑๐๒๓/๔๗ ซอยปรดี พี นมยงค์ ๔๑ สุขมุ วทิ ๗๑ เขตวฒั นา กทม. ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๒๗๑๓-๓๖๗๔ www.thawsischool.com, www.panyaprateep.org ขอขอบคุณและอนโุ มทนา ผถู้ อดเทปและพมิ พต์ น้ ฉบบั สภุ าวดี จนั ทรทตั ณ อยธุ ยา ผตู้ รวจตน้ ฉบบั คชั พล จลุ ชาต, นยั ฤดี สวุ รรณาภนิ นั ท,์ วรรณวนชั ฤกษล์ ภั นะนนท์ ภาพปกและภาพวาดประกอบ พรี พัฒน์ ตติยบุญสงู (ครูยง้ ) ทีป่ รึกษาศิลปกรรม ตุลย์ หงษ์ววิ ฒั น์ จัด​ทำ�​โดย​ มูลนธิ ิปัญญาประทีป พ​ ิมพค์​ รงั้ ท​ ​่ี ๑​ ​​ ตุลาคม ๒๕๕๔ จ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม พมิ พค​์ รัง้ ​ที่​๒ มกราคม ๒๕๕๕ จ�ำ นวน ๖,๐๐๐ เลม่ ศลิ ปกรรม ปรญิ ญา ปฐวนิ ทรานนท์, วชิ ชุ เสรมิ สวัสด์ศิ รี ดำ�เนนิ การพมิ พ์ บรษิ ัท คิว พรน้ิ ท์ แมเนจเมน้ ท์ จำ�กดั โทรศพั ท์ ๐-๒๘๐๐-๒๒๙๒

โกรธทำ�ไม? พระอาจารย์ชยสาโรเมตตาต้ังชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า  “โกรธ ท�ำ ไม ?” ซึง่ เป็นการรวบรวมธรรมเทศนา ๕ เรื่องแสดงในทต่ี ่างๆ ในระยะหลายปีท่ีผ่านมา  ได้แก่เรื่อง  ความโกรธไม่สมควรแก่เรา จิตที่แค้นน้ตี อ้ งช�ำ ระ บุพเพชอบวิวาท โกรธไดถ้ า้ เป็นเทวดา และ ไม่มีผู้พายเรือ  คณะผู้จัดทำ�ได้คัดเลือกตัดตอนธรรมเทศนาส่วน ทวี่ ่าดว้ ยความโกรธเปน็ หลกั เพื่อไม่ใหห้ นังสอื มีความยาวเกินไป การจัดทำ�หนังสือเก่ียวกับเรื่องความโกรธน้ีมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ หน่งึ หลงั จากอา่ นหนังสอื นี้ด้วยความพินจิ พิเคราะห์ เช่ือและหวังว่าผู้อ่านจะรู้จักความโกรธและสามารถจัดการกับ ความโกรธได้ดีขึน้ สอง มัน่ ใจวา่ ผู้อา่ นจะมีพลังและกำ�ลงั ใจมาก ขึ้นในการท่ีจะลุกขึ้นมาขัดเกลาตนเองให้ห่างไกลจากความโกรธ และรู้สึกว่าเป็นเร่ืองที่ไม่ยากเกินกำ�ลัง  สาม  เช่ือม่ันว่าผู้อ่านจะ



เขา้ ใจรากเหง้าของความโกรธ และเข้าใจตัวเองมากขนึ้ จดั การกับ ชวี ิตตนเองได้ดีข้ึน อีกท้ังเขา้ ใจคนรอบข้างมากขน้ึ ซงึ่ ลว้ นเปน็ การ สร้างบรรยากาศของชุมชนและสังคมแห่งกัลยาณมิตรอันจะช่วย ให้สังคมของเรามีความขัดแย้งน้อยลง  มีความสงบสุขร่มเย็นและ ปลอดภัยมากขน้ึ คณะศิษย์ขอกราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ ชยสาโรทีเ่ มตตาอนุญาตให้จดั พมิ พ์ “โกรธทำ�ไม ?” เพ่ือแจกเป็น ธรรมทานในโอกาสท่ีคณะผู้บริหารครูผู้ปกครองและเด็กนักเรียน โรงเรียนทอสีและโรงเรียนปัญญาประทีปและมูลนิธิปัญญา ประทีป ร่วมเป็นเจ้าภาพในการทอดกฐนิ สามัคคีท่วี ดั ปา่ นานาชาติ บ้านบุ่งหวาย จงั หวดั อุบลราชธานี ในวันที่ ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๕๔ ด้วยเดชแห่งบุญที่ได้บำ�เพ็ญ  และด้วยอำ�นาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงเป็นพลวปัจจัยอำ�นวยพรให้ทุกๆ ท่านที่มีส่วนในธรรมทานนี้ จงมีแตค่ วามสุขและเจรญิ ย่งิ ๆ ขึน้ ไปทง้ั ทางโลกและทางธรรม คณะศิษยานศุ ิษย์

“I Teach Kindnees” Dalai Lama

สารบญั จติ ทีแ่ คน้ น้ตี ้องชำ�ระ..........๑ ความโกรธไมส่ มควรแกเ่ รา..........๒๗ โกรธไดถ้ ้าเป็นเทวดา...........๔๔ บพุ เพชอบวิวาท..........๖๑ ไม่มีผูพ้ ายเรอื ..........๗๘



จติ ทแ่ี คน้ นต้ี อ้ งชำ�ระ พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่าคนที่ขาดการศึกษา  โดยเฉพาะ การศึกษาเรื่องชีวติ ของตน จะมองสิ่งท่มี ีแกน่ สารสาระว่าไมม่ แี กน่ สารสาระ และมองสงิ่ ทีไ่ รส้ าระว่าเป็นส่งิ ทมี่ สี าระ นกั ปราชญ์เป็น ผู้ที่รู้ว่าส่ิงไหนมีสาระสิ่งใดไม่มีสาระถูกต้องตามความเป็นจริง สิ่งท่มี สี าระประโยชน์ต่อชวี ิตทช่ี ดั เจนก็มีทไ่ี มช่ ดั เจนก็มี ในยุคปัจจุบัน  การแยกแยะระหว่างสิ่งท่ีมีสาระไม่มีสาระ สิ่งที่มปี ระโยชน์ไมม่ ีประโยชนเ์ ป็นเรอ่ื งยากมาก สงั คมปัจจบุ นั จะ ชวนใหเ้ ราเหน็ ทกุ สิ่งทุกอยา่ งเปน็ สนิ คา้ หมด แม้กระทั่งวฒั นธรรม ก็ยังเอาเป็นสินค้าเพ่ือส่งเสริมประเทศชาติของตน  ในบางกรณี วฒั นธรรมเกา่ แกท่ ไ่ี มม่ ใี ครสนใจหลายสบิ ปี กม็ กี ารฟน้ื ฟขู น้ึ มา  ผทู้ ่ี : 1​

น�ำ เสนอไมใ่ ชช่ าวบา้ นแตเ่ ปน็ นกั แสดงซง่ึ แสดงเปน็ ชาวบา้ น  คนดกู ็ ไมใ่ ชช่ าวบา้ นแตเ่ ปน็ นกั ทอ่ งเทย่ี ว  วฒั นธรรมเดมิ ชาวบา้ นท�ำ เพราะ เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านเอง  แต่นักแสดงทำ�เพ่อื นักท่องเท่ยี วเพ่อื หาเงนิ นเ่ี ปน็ ตวั อยา่ งทว่ี า่ แมแ้ ตว่ ฒั นธรรมกก็ ลายเปน็ สนิ คา้ ได้ นอกจากการมองทุกส่ิงทุกอย่างว่าเป็นสินค้า  ยังต้องคิด เป็นตัวเงินและเน้นการมีมาตรฐานที่วัดได้คิดเป็นตัวเลขได้  กลายเป็นว่าส่ิงที่วัดเป็นตัวเลขไม่ได้เป็นส่ิงท่ีไม่มีสาระ  คนไม่ ยอมรับบอกว่าจะเช่ือถือได้อย่างไร  แต่เราต้องถามว่าใครจะ พิสจู นว์ ่าเคร่อื งวัดเป็นเครอ่ื งวัดท่ีดี ณ จดุ ใดจดุ หน่ึงก็ต้องมคี วาม เช่ืออยดู่ ี อยา่ งน้อยกต็ อ้ งเชอ่ื ว่าเคร่ืองวดั ของตนเปน็ เครือ่ งวดั ท่วี ัด สง่ิ ทม่ี ีจริง  แต่ชวี ติ ของคนเราจะคดิ เป็นตวั เลขทัง้ หมดไดห้ รือ อาตมาเคยไปท่ีเมืองโบพาล ประเทศอนิ เดยี ๒๐-๓๐ ปีท่ี แล้วโรงงานยูเนียนคาร์ไบด์ของอเมริกาประมาทปล่อยแก๊สพิษ ลอยเข้าไปในเมือง  คนตายเป็นหม่ืน  คร้ังนั้นก็มีการฟ้องร้อง 2​ : จิตท่แี คน้ น้ตี อ้ งชำ�ระ

บริษัทยูเนียนคาร์ไบด์  เขาก็ ใช้เทคนิคต่างๆ  เพ่ือจะเล่ียง ความรบั ผดิ ชอบ ในทส่ี ดุ ตกลง จ่ายคนละไม่ก่ีบาท  เพราะ เขาถือว่าค่าของคนอินเดียไม่ แพงเหมอื นคา่ ของคนอเมรกิ นั   เขาคดิ เปน็ ตวั เลขได้ แต่สิ่งที่มีประโยชน์ส่ิง ที่มีความหมายมากท่ีสุดใน ชีวิตกลายเป็นสิ่งที่เราวัดไม่ได้  ความรักเราวัดได้ไหม  ราคาเท่า ไหร่ อารมณท์ ง้ั หลายซ่ึงเป็นความจรงิ ทางจิตใจ  เป็นสิง่ ทีไ่ มม่ ใี คร หามาตรวดั ได้ แตไ่ มไ่ ด้หมายความวา่ ส่ิงเหล่านีไ้ ม่มี วิทยาศาสตร์ เป็นวิธีแสวงหาความจริงวิธีหน่ึง  เป็นวิธีแสวงหาความจริงที่มี ขอบเขตมขี อ้ จำ�กดั วิทยาศาสตร์ต้องเช่อื วา่ ธรรมชาตภิ ายในจิตใจ ของนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องสำ�คัญหรือจำ�เป็นที่จะต้องกำ�หนดรู้  : 3​

เรารู้ธรรมชาตินอกตัวได้  โดยที่ไม่ต้องรู้ธรรมชาติภายในของ ผู้แสวงหา นคี่ อื ความเช่ืออย่างหนึ่งซึง่ พสิ ูจนไ์ มไ่ ด้ พุทธศาสนาไม่ได้เอาเงินเอาทองเอาช่ือเสียงเอาอำ�นาจ ไม่ได้เอาค่านิยมของสังคมเป็นเคร่ืองวัด  แต่เอาธรรมชาติของ มนุษย์เป็นเคร่ืองวัด  เราถือว่าสิ่งสูงสุดคือจิตใจท่ีปราศจากความ โลภความโกรธความหลง  จิตใจท่ีถึงพร้อมด้วยปัญญาและความ กรุณา  ในการดำ�เนินชีวิตต้องรู้สึกว่ากิเลสในจิตใจของเราลด น้อยลง ปญั ญาและความกรณุ ามีเพ่ิมมากขน้ึ ถ้าเราเอาแตป่ ัญญา อย่างเดยี ว มนั กไ็ ม่ใช่เหมือนกนั   ความส�ำ คญั ของความกรุณาเรา ดูตัวอย่างจากปฏิปทาของพระทิเบตรูปหนึ่ง  ท่านเข้าเงียบอยู่ใน ถำ�้ ถึง ๗ ปี อยอู่ งคเ์ ดียว มคี นส่งอาหารทุกวนั ๆ การภาวนาของ ท่านแทนที่จะดีขึ้นทุกวันมีขึ้นมีลง ไม่คอ่ ยจะประสบความส�ำ เรจ็ คดิ วา่ จะบรรลธุ รรมกไ็ มไ่ ดบ้ รรลสุ กั ที  สดุ ทา้ ยตดั สนิ ใจออกจากถำ�้ ท้อแท้ใจเดินกลับวัด  ท่านเดินผ่านหมาข้ีเร้ือนตัวหน่ึง  นอนข้าง ทางเป็นแผลอักเสบมีหนอนกำ�ลังไชอยู่ในแผล  ท่านเห็นแล้ว 4​ : จิตท่แี ค้นนี้ตอ้ งชำ�ระ

เกิดสงสารหมาอยากจะช่วยสงเคราะห์  ท่านต้อง ทำ�ความสะอาดแผลให้หมา  กำ�ลังคิดจะ ช่ ว ย ห ม า ก็ เ กิ ด ค ว า ม คิ ด ข้ึ น ม า ว่ า ชี วิ ต ของหนอนก็มีความหมายเหมือนกัน  ถ้าเราช่วยชีวิตหมาแต่ฆ่าหนอน ก็เหมือนกับว่าเราถือว่าชีวิตหมา มีค่ามากกว่าชีวิตหนอน  จะทำ� อย่างไรดี ทา่ นนกึ ได้จงึ นงั่ ลง แลบล้นิ เข่ียเอาหนอนออกจากแผล อักเสบของหมา  ต้ังใจใช้ล้ินของท่านเขี่ยหนอนทีละตัว  พอล้ิน ของท่านสัมผัสหนอนตัวแรก  ท่านบรรลุธรรม  นี่ต้องขนาดนี้นะ  ใครอยากบรรลธุ รรมไม่ใช่เรื่องงา่ ย ในการปฏิบัติธรรมต้องใช้คุณธรรมหลายอย่าง  ไม่ใช่ อย่างใดอย่างหน่ึง  ต้องรู้จักปรับตัวให้พอดีกับปัญหาต่างๆ หลวงพ่อแบนท่านเคยสอนไว้ว่าการปฏิบัติคือการแก้ปัญหา  นักปฏิบัติคือผู้ท่ีถือว่าตัวเองเป็นนักแก้ปัญหา  นักแก้ปัญหาชีวิต  : 5​

ทำ�ให้ชีวิตเราเลิศ  ชีวิตเราประเสริฐ  ท้ังๆ  ท่ีอยู่ในร่างกายท่ีไม่ เลิศไมป่ ระเสริฐ จติ ใจของเราเข้าถึงความเลศิ ไดด้ ้วยคุณธรรม อุบายที่จะเข้าถึงธรรม  ถึงแม้เราจะอยู่ในสังคมท่ีวุ่นวายคือ ต้องคิดเป็น  คนเราอาจจะถือว่าเราคิดเป็นแล้ว  เรียนหนังสือถึง ข้ันปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เรียกวา่ คดิ เปน็ แล้ว แต่ ตามหลกั พทุ ธศาสนาบอกวา่ ยงั ไมใ่ ช่  คดิ เปน็ ในทางพทุ ธศาสนาคอื รจู้ ักกาลเทศะทคี่ วร เวลาไม่ควรคิดไมจ่ �ำ เป็นต้องคดิ สามารถอยู่ มีสติรู้ตัวอยู่ในปัจจุบันโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย  รู้เท่าทันความคิด ไม่หลงความคดิ ของตัวเอง   อีกข้อหน่ึงท่ีสำ�คัญคือรู้จักคิดในทางท่ีทำ�ให้จิตใจเราสดช่ืน เบกิ บาน  ไมค่ ดิ ในทางทท่ี �ำ ใหจ้ ติ ใจของตนเศรา้ หมอง  พระพทุ ธองค์ ตรสั ไวว้ า่ การทเ่ี ราจะอยทู่ ไ่ี หนจะใหพ้ บแตส่ ง่ิ ทเ่ี ราชอบ เจอแตค่ นท่ี เราชอบเปน็ ไปไมไ่ ด้ ถงึ จะไปอยใู่ นวดั ในวากย็ งั ตอ้ งเจอบางสง่ิ บาง อย่างท่เี ราไมช่ อบ  เจอบางคนท่เี ราไมช่ อบ  ถา้ คดิ ไมเ่ ป็น  จติ ใจก็ จะไปจบั เกาะอยทู่ ส่ี ว่ นทเ่ี ราไมช่ อบ และจะคดิ ปรงุ แตง่ ในเรอ่ื งนน้ั 6​ : จิตทแี่ ค้นน้ตี อ้ งชำ�ระ

แต่เม่ือเราคิดในทางไหนมันจะเกิดเป็นร่องของสมองร่อง ของความคิด  นี่คือกฎแห่งกรรมในชีวิตประจำ�วัน  กฎแห่งกรรม ท่ีเห็นได้ง่ายคือถ้าเราชอบคิดเรื่องอะไรคิดเรื่องน้ันบ่อย  มีอะไร มากระตนุ้ นิดหนอ่ ย  มันจะตกรอ่ งไปเลย  ทกุ ครัง้ ที่เราท�ำ ทกุ ครง้ั ทเ่ี ราพดู   ทกุ ครง้ั ทเ่ี ราตง้ั ใจคดิ   ลว้ นเปน็ การสรา้ งความเคยชนิ ทจ่ี ะ คิดอย่างนั้นต่อ  แล้วจะทำ�ให้ความคิดในทางตรงข้ามเป็นไปได้ ยากข้ึน  นี่คือกฎแหง่ กรรมทีเ่ ราพสิ ูจน์ได้ในชีวิตประจำ�วนั ในระดบั ศลี ธรรม คนทไ่ี มโ่ ปรง่ ใส ไมซ่ อ่ื สตั ย์ พดู โกหกบอ่ ยๆ โทษข้อหนงึ่ คือไม่คอ่ ยมีใครเช่ือ คำ�พูดไม่มีน�ำ้ หนัก แตข่ อ้ ทีส่ องคือ ตวั ผชู้ อบโกหกจะไม่ค่อยเชอ่ื คนอื่นดว้ ย เพราะวา่ ทกุ ครั้งทเี่ ราเกิด ความสงสัยในคำ�พดู ของคนอนื่ จะนึกไดว้ ่าถา้ เป็นเรากค็ งโกหกแน่ เมื่อเราพดู ถึงเรอื่ งภพภมู ิการเวยี นว่ายตายเกดิ เรอื่ งสวรรค์ นรก อาตมาเชอ่ื วา่ มี แตว่ า่ ภพภมู ใิ นชวี ติ ประจ�ำ วนั กม็ เี ชน่ กนั ภพภมู ิ คอื ทเี่ ราชอบไปอยู่ เชน่ ถา้ เราเป็นคนทไี่ มค่ อ่ ยพูดความจริงเรา จะรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในโลกของคนท่ีไม่จริงใจ  ถ้าเป็นคนก้าวร้าว : 7​

จะต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวง  ถ้าตัวเองมีความคิดพยาบาท บ่อยๆ  มักจะสรุปว่าคนอื่นก็คงจะมีความคิดอย่างน้ันเหมือนกัน  ก็จะไปอยใู่ นโลกแหง่ ความกา้ วร้าวโลกแห่งความหวาดระแวง ถ้าเราหมกมุ่นแต่ปัญหาของตัวเองชอบครุ่นคิดในปัญหา ของตัวเอง  ปัญหาน้นั จะใหญ่ข้นึ ทุกวัน  ท้งั ๆ  ท่รี อบตัวไม่มีอะไร เปล่ียนแปลง  แต่จะรู้สึกว่าหนักข้ึนทุกวันด้วยความคิดปรุงแต่ง อยา่ งนเ้ี รยี กวา่ คดิ ไมเ่ ปน็ คนท่ีเก่ง  ฉลาด  เรียนหนังสือเก่ง  ประสบความสำ�เร็จใน การเรยี น แต่คิดในทางเสยี ในทางผดิ จนเกดิ เปน็ อาการซมึ เศรา้ ก็ มเี ยอะ เรียกวา่ คดิ เป็นในบางเร่ือง แตใ่ นเร่อื งทีม่ สี าระอย่างแท้จริง กลบั คิดไมเ่ ป็น ถา้ คิดให้ตัวเองเป็นทุกขเ์ รยี กว่าคดิ ไม่เป็น เพราะ ฉะนน้ั เรากต็ อ้ งพฒั นาความคดิ ของตวั เอง  ไมใ่ ชเ่ ฉพาะในเรอ่ื งการ ทอ่ งจ�ำ หรอื การวจิ ยั วชิ าตา่ งๆ  ทเ่ี ราเชย่ี วชาญ  แตเ่ ราตอ้ งเอาเรอ่ื ง กศุ ลอกศุ ลเรอ่ื งความสวา่ งเรอ่ื งความมดื อยใู่ นใจ  แลว้ มคี วามฉลาด ท่จี ะคิดว่าจะมีผลต่อจิตใจเราอย่างไร  ส่งิ ท่เี ราก�ำ ลังสรรเสริญด้วย 8​ : จติ ท่แี คน้ นีต้ ้องชำ�ระ

ความคดิ ปรงุ แตง่   เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งการไหม  เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราหวงั วา่ จะ อยกู่ บั เราตลอดชวี ติ ไหม เราตอ้ งฝกึ ใหร้ จู้ กั ปลอ่ ยวาง เมื่อสิ่งท่ีไม่ดีเกิดขึ้นในจิตใจของเรา  ขอให้สังเกตว่าการ พยายามไล่ส่ิงนี้ออกจากจิตใจจะไม่ได้ผล  การพยายามไล่ส่ิง ท่ีไม่ดีออกจากจิตใจจะกลับทำ�ให้สิ่งน้ันกำ�เริบ  เป็นการสำ�คัญ ม่นั หมายในส่งิ น้นั ซ่งึ จะทำ�ให้ส่งิ น้นั มีกำ�ลังมากข้นึ   พระพุทธองค์ จึงให้เรากำ�หนดรู้ตัวปัญหา  แต่ให้เราละด้วยการปล่อยวาง ตวั สาเหตุ  นีค่ อื ความฉลาดในความคดิ   ถ้าเอาหลักเดิมว่าสิ่งสูงสุดที่เราต้องการในชีวิตคือ  จิตใจ ที่ปราศจากความโลภความโกรธความหลง  ปราศจากความทุกข์ มีจิตใจที่ผ่องใสสดช่ืนเบิกบาน  มีแต่ปัญญา และความกรุณาเป็นแรงดลบันดาล ใจในชีวิตประจำ�วัน  เป็นอุดมการณ์ สูงมาก  แต่อย่างน้อยเราก็ตั้งเข็มทิศ เอาไว้  เมื่อเรามีส่ิงสูงสุดชัดเจนแล้ว  : 9​

แนวทางก็จะชัดเจนตาม  เราจะคิดเราจะพิจารณาความคิดของ ตัวเองว่าตรงตามเป้าหมายชีวิตของตนหรือไม ่ หรือมันขัดกับเป้า หมายน้ัน ทีน้ีเรารสู้ กึ สบายใจวา่ เรามีแนวทางทชี่ ัดเจนแลว้ ผิดพลาด บ้างเป็นธรรมดา แต่เราเป็นตุ๊กตาล้มลุก เราล้ม ๕ ครั้งต้องลุก กี่ครั้ง ให้ลุก ๖ ครั้ง ล้ม ๑๐ ครั้ง ให้ลุก ๑๑ ไม่เบื่อ ล้มเท่าไหร่ กต็ อ้ งลกุ เทา่ นัน้ บวกหนึง่ ความเบื่อเป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง  ถ้าเรารู้ว่าเป็นแค่นั้นเรา ก็ไม่ต้องกลัว  ไม่ต้องไปตกเป็นเหยื่อของมัน  ความเบื่อเป็นแค่ สง่ิ หนง่ึ ทเ่ี กดิ ขน้ึ และดบั ไปในจติ ใจ  ความเบอ่ื ไมใ่ ชเ่ ราไมใ่ ชข่ องเรา อันน้ีเป็นส่ิงท่ีเราต้องพยายามเห็นพยายามคิด  เพราะฉะน้ัน  วิชาท่ีต้องใช้ในชีวิตประจำ�วัน  เพ่ือจิตใจของเราจะไม่เป็นทุกข์  เพ่ือจิตใจของเราจะมคี ณุ ค่าคือต้องคิดเปน็ นอกจากคิดเป็น  อีกข้อคือเป็นผู้สำ�รวมและสังวร  สำ�รวม ตาหูจมูกลิ้นกายใจ  ถ้าเราปล่อยให้ตาดูทุกส่ิงทุกอย่างที่ตาอยาก 10​ : จติ ทแ่ี คน้ น้ตี อ้ งชำ�ระ

เห็น  ฟังทุกส่ิงทุกอย่างท่ีหูอยากฟัง  ชีวิตของเรามันจะกระเจิง ไปเลย  กำ�ลังจิตกำ�ลังใจของเราจะร่ัวไหลออกไปมากเกินไปจน เหน็ดเหน่ือย  ทุกวันน้ีคนเหนื่อยมากเพราะยอมให้ข้อมูลข่าวสาร ต่างๆ  เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิต  เรารับสิ่งที่มากระทบทางตาหู จมูกลิ้นกายใจมากเกินไปก็เหน็ดเหนื่อยไม่มีกำ�ลัง  เราจึงต้อง พยายามเลือกเฟ้นวา่ จะดอู ะไรเพอื่ อะไร ความบันเทิงความสนกุ เปน็ เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แตไ่ มใ่ ช่เปน็ ตวั หลกั ในชีวิตประจำ�วันเราเป็นผู้รับผิดชอบตาหูจมูกล้ินกายใจ ของตน  ถ้าเรารักษาไม่ได้เราก็กลายเป็นคนติดยา  เสพติดกับ รูปเสียงกล่ินรสสัมผัสหรือธรรมารมณ์  ติดรสอาหารก็กินสิ่งท่ี แสลง กนิ เกนิ ท่คี วรจะกินและไมม่ ีคณุ ค่าต่อรา่ งกาย อยูเ่ พื่อกิน พระพทุ ธองคบ์ อกว่า กนิ เพื่ออยู่ดีกว่า ให้รู้จักสำ�รวม ในความ ส�ำ รวมกม็ ีสงั วรดว้ ย มีตวั ปัญญาประกอบด้วย สมัยก่อนมีพระผู้ใหญ่มาเยี่ยมวัดป่าพงท่านมีพรรษา มากกว่าหลวงพ่อชา  ท่านอยากจะให้พระในวัดเห็นว่าท่านเป็น : 11​

นักปฏบิ ตั ทิ า่ นกส็ �ำ รวมเหมอื นกนั   หลวงพอ่ ชาชวนไปบณิ ฑบาตใน หมบู่ า้ นดว้ ยกนั พระผใู้ หญต่ อ้ งเดนิ น�ำ เพราะทา่ นพรรษามากกวา่ หลวงพอ่ ชา ทา่ นพยายามเดนิ ส�ำ รวม หลวงพอ่ ชากจ็ ะคอยกระซบิ วา่ ซา้ ยวา่ ขวาเวลาทเ่ี ดนิ เขา้ ไปในหมบู่ า้ น ทา่ นส�ำ รวมเสยี จนไมค่ อ่ ย ได้สงั เกตวา่ จะเดินไปทางไหน  และไม่ได้ฟงั หลวงพอ่ ชา  ท่านเดนิ สำ�รวมดูน่าเล่ือมใสมาก  เดินอย่าง ส ง บ อ ย่ า ง สุ ขุ ม อย่างสง่าผ่าเผย  ป รา กฏ ว่า เดิน ตรงเข้าคอกหมู ของชาวบ้านโดย ไมร่ ตู้ วั ทา่ นส�ำ รวมอยู่ ในคอกหมูสักพักหน่ึงก็เดินกลับ ออกมา  ความสำ�รวมเป็นส่ิงท่ีดีแต่ว่าต้องมีปัญญาต้องรู้ตัวด้วย ไมอ่ ยา่ งนน้ั กห็ ลงทางได้ 12​ : จติ ทแ่ี ค้นนต้ี อ้ งชำ�ระ

ท่านบอกว่า  เราต้องยอมรับว่าบางสิ่งบางอย่างมันเกิน กำ�ลังใจของเรา  เรารู้ว่าถ้าเราเห็นสิ่งนั้นเราไปฟังสิ่งนั้นสติเรา เอาไม่อยู่  เราจะเผลออย่างน่าอันตราย  อารมณ์บางอย่าง  เช่น อารมณ์ทางเพศมันรุนแรงมาก  ถึงแม้ตอนต้นเราจะรู้สึกว่ามีสติ แต่เราต้องระวัง  ต้องสำ�รวมให้มาก  อารมณ์จะครอบงำ�จิตได้ง่าย  ท่านบอกว่า  ระมัดระวังอย่าเป็นทาสของตาหูจมูกล้ินกายใจ ระมัดระวงั ควบคมุ อารมณ์ส�ำ รวมได้กเ็ ป็นวิชาป้องกันตัว มีบางส่ิงบางอย่างที่เราจำ�เป็นต้องเก่ียวข้องทุกวัน  อย่าง เรื่องการแต่งตัวต้องมีเสือ้ ผา้ ไมม่ ไี มไ่ ดผ้ ดิ กฎหมาย  ต้องมีอาหาร การกิน ต้องมที อ่ี ยู่อาศัย มียารักษาโรค  สิ่งเหล่านเี้ ราตอ้ งฉลาด ฉลาดเรอ่ื งการใชส้ อยส่งิ ต่างๆ ทพ่ี ระทา่ นเรยี กว่าปจั จยั ๔ ตอ้ ง ฉลาดในเรอ่ื งปัจจยั ๔ มปี ญั ญาในการใชป้ ัจจัย ๔ ในเมืองไทยเราไม่ค่อยจะเคร่งเครียดเหมือนในบางประเทศ  เราแต่งตัวตามสบาย  ผู้หญิงอยากจะแต่งตัวโป๊ไม่มีใครว่าอะไร  : 13​

แต่การแต่งตัวของตัวเองก็เป็นกรรมอย่างหน่ึง  แต่งตัวเป็นกรรม เพราะว่าคนอ่ืนต้องเห็น  แล้วต้องกระตุ้นความรู้สึกในจิตใจของ ผู้เห็น  ถ้าแต่งตัวโป๊ก็เป็นไปได้ว่าจะกระตุ้นความรู้สึกอยากเห็น ของผู้ชาย  ก็ต้องถามว่าเราต้องการให้ผู้ชายดูเราไหม  ต้องการ เพ่ืออะไร  แต่งตัวโป๊ๆ  เพ่ืออะไร  พระพุทธเจ้าไม่ห้ามหรอก ใครจะแตง่ ตัวอยา่ งไร แต่วา่ ใหร้ ู้จุดประสงค์ แตง่ ตวั อยา่ งไรกร็ ูว้ ่า ท�ำ ไมเราจงึ ชอบแตง่ ตัวอยา่ งนี้ อนั น้ีเรียกวา่ รบั ผดิ ชอบ พระพุทธองค์บอกว่า  ถ้าเราให้ความสำ�คัญกับสายตา คนอ่ืน  เราก็ไม่มีความสงบ  กลายเป็นว่าตัวเราไปอยู่ในสายตา คนอ่ืน บางคนเดนิ ไปในตลาด ที่ไหนทมี่ กี ระจกเงาตอ้ งดู เข้าไป ในลฟิ ท์มีกระจกกต็ อ้ งการจะดตู วั เอง ไมเ่ บอ่ื เลย ท่ีไหนมีกระจก ทีพ่ อจะเห็นเงาตวั เองได้กด็  ู สวยไหม  หลอ่ ไหม อุดมการณ์ความสวยงามมันสูงมาก  ไม่มีใครจะไปถึงได้ ทำ�ให้คนอยู่ด้วยความไม่พอใจสังขารตัวเองตลอดเวลา  ร้าน 14​ : จิตทแ่ี คน้ นีต้ อ้ งชำ�ระ

เสริมสวยจึงเกิดขึ้นมากมาย  น่าจะเปล่ียนช่ือเป็นร้านซ่อมเสื่อม ดีกว่าไม่ใช่เสริมสวย  คนท่ียังไม่เสื่อมก็ยังไปผ่าตัดเสริมตรงนั้น ตัดตรงนี้ ท้งั ๆ ทส่ี วยอยู่ แล้วในสา ยตาคนอื่น  เพราะว่าสวยเท่าไหร่ก็ยัง ไม่ใช่ เป็นเรือ่ งไมม่ จี ุดจบ  นี่ก็เป็นการเบียดเบียน ตัวเอง มีผู้หญิงฝร่ังคนหน่ึงเขียนบทความช่ือว่า  The  day  I became  invisible.  เธอเล่าวา่ ปกตเิ ธอเชือ่ ว่าเธอมีหนา้ ตาและ หนุ่ ดชี วนมอง หลงั จากทอ่ี ายเุ ข้าสูว่ ยั ๔๐ กว่า วนั หนึง่ เธออยู่ กรุงลอนดอนเดินตามถนนรู้สึกแปลกๆ  รู้สึกหนาวๆ  ข้ึนมา เอ๊ะเป็นอะไรทำ�ไมรู้สึกอย่างนี้  เธอสวนทางกับผู้ชาย  ๕-๖  คน แต่ไม่มีใครเหลือบมองดูเธอสักคนเดียว  เหมือนกับว่าเธอกลาย เป็นมนุษย์ล่องหนไม่มีใครมองเห็น  รู้สึกเหมือนหายจากโลกน้ีไป : 15​

เหมือนกับเป็นผี  เธอบอกว่าทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสนใจให้ ผู้ชายมองดูตลอดเวลา  แต่พอไม่มีใครเหลียวดูมันรู้สึกพลัดพราก จากส่ิงสำ�คัญในชีวิต  เหมือนกับตัวเองไม่มีความหมายเสียแล้ว เหมอื นเป็นผีไมม่ ีใครสนใจ เรื่องแบบน้ีเป็นเรื่องท่ีปลูกฝังในจิตใจต้ังแต่เด็ก  อาตมาว่า เป็นกรรมของผใู้ หญ่ที่ชอบชมเด็กผู้หญงิ ตลอดเวลาว่าสวย อาตมา ว่าเด็กผู้หญิงพอถึงอายุ  ๑๕  ปีคงจะถูกชมว่าสวยนับครั้งไม่ถ้วน  เป็นการล้างสมองเด็ก  ทำ�ให้เป็นเร่ืองใหญ่ว่าต้องสวย  ถ้าไม่สวย อยากตาย  ประกวดนางงามมีแต่สาวๆ  แต่ประกวดยายแก่งาม ระดบั จกั รวาลคงไมม่  ี อาตมาเหน็ วา่ ไมส่ วยไมน่ า่ เปน็ ไร  แตว่ า่ งาม 16​ : จติ ที่แค้นน้ีตอ้ งชำ�ระ

ดกี วา่   บางคนปฏบิ ตั ธิ รรม เป็นผู้มีความอดทนมี เมตตามคี ณุ ธรรมอยใู่ นใจ  ถึงไม่สวยบ้างแต่ว่างาม  เราเคยสังเกตความแตก ต่างระหว่างความสวย กับงาม  บางคนอาจจะ สวยแต่ไม่งาม  สวย เฉพาะเวลาหนา้ นง่ิ เวลาถา่ ยรปู   แตพ่ อพดู พอแสดงอารมณอ์ อกมา ไม่งามเลย กลายเปน็ คนเจ้าอารมณ์ข้ีอจิ ฉาพยาบาท ถ้าเราเอาความงามเป็นหลักเสียจะดีกว่า  อายุ  ๗๐  ปียัง งามได้ ๘๐ ปกี ย็ งั งามได้ ไมใ่ ช่งามด้วยสังขารร่างกาย ไม่ใช่งาม ด้วยผิวหนัง  แต่งามด้วยความเบิกบานอยู่ในใจ  ซึ่งแผ่ออกมา เป็นรัศมี อันนเ้ี ทคโนโลยสี มัยใหมย่ ังไม่มตี วั เสรมิ รศั มีและวัดไมไ่ ด้ ดว้ ย แตม่ จี ริงเป็นรศั มที เ่ี กิดจากคณุ ธรรม : 17​

บางคนอาจจะเคยอ่านประวัติศาสตร์ของอเมริกาตอนท่ี คนผิวขาวไปอเมริกา  ปแี รกหน้าหนาวเกอื บตายกันหมดเพราะว่า อากาศหนาวมาก  ปลูกอะไรก็ไม่ข้ึน  ยังทำ�ไม่เป็น  พวกน้ีรอดชีวิต ได้เพราะพวกอินเดียนแดงมาช่วยสอนวิธีปลูกมันฝรั่งผักต่างๆ  จะอย่อู ย่างไรให้พ้นหน้าหนาวได ้ พอพ้นหน้าหนาวปลอดภัยแล้ว  คนผิวขาวก็ไม่เห็นบุญคุณของอินเดียนแดง  กลับไปยึดที่ทำ�กิน ของเขา  ไปเบียดเบียนด้วยวิธีต่างๆ พวกอนิ เดยี นแดงเขาจะงงมากกบั ความคดิ ของชาวตะวนั ตก ท่ี ถอื วา่ ผนื แผน่ ดนิ จากจดุ หนง่ึ จดุ ใดสามารถก�ำ หนดไดว้ า่ เปน็ ของฉนั 18​ : จติ ที่แคน้ นีต้ ้องชำ�ระ

อนิ เดยี นแดงมองวา่ ทด่ี นิ จะเปน็ ของมนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งไร มนั ไมม่ เี จา้ ของ มันเป็นของธรรมชาติ  และจะเป็นของมนุษย์คนใดคนหนึ่งได้ อยา่ งไร  ทกุ หยอ่ มหญา้ มเี จา้ ของจรงิ หรอื   ตน้ ไมม้ เี จา้ ของจรงิ หรือ  ก็เป็นการสมมติเอา  ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราถือว่าเป็นของเรา ทรัพย์สมบัติของเรา  เงินทองของเรา  บ้านช่องของเรา  รถยนต์ ของเรา  อันน้ีเราต้องทบทวนบ่อยๆ  ไม่ใช่ของเราโดยแท้  มันเป็น ของธรรมชาติของโลก  เรายืมธรรมชาติมาใช้ชั่วคราวเท่านั้นเอง นกี่ ็คอื รจู้ ักใช้สิง่ แวดลอ้ ม  ใช้สง่ิ ท่เี ราสมมติกันวา่ เรา  คือปญั ญา ข้อต่อไปคือความอดทนอดกล้นั   อาตมาว่าไม่มีความเจริญ ไม่ว่าทางโลกทางธรรมสำ�หรับคนอ่อนแอคนไม่อดทน  เราต้อง อดทนตอ่ สง่ิ ใดบา้ ง  ตอ้ งอดทนตอ่ ความร้อนความหนาว  ความหิว ความกระหาย  อดทนต่อธรรมชาติและต่อส่ิงแวดล้อมท่ีเราแก้ ไม่ได้  อดทนต่อคำ�พูดของคนอ่นื และอดทนต่อกิเลสในจิตใจของ เรา แตไ่ มใ่ ชว่ า่ เราจะตอ้ งอดทนทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง บางสง่ิ บางอยา่ งตอ้ ง แกไ้ ข ไมใ่ ชว่ า่ ใหอ้ ดทนโดยไมท่ �ำ อะไร นน่ั จะเปน็ อดทนแบบงมงาย : 19​

ตอ้ งก�ำ หนดดเู สยี กอ่ นวา่ ควรจะอดทนในเรอ่ื งนไ้ี หม  และถา้ รสู้ กึ วา่ สมควรจะอดทน เรากอ็ ดทนไป แตบ่ างเรอ่ื งไมค่ วรจะทน เช่นพดู ถงึ ชวี ติ แตง่ งาน ถ้าฝ่ายสามีเครยี ดจากงานกลับบา้ น ตเี มยี เมยี ควรจะอดทนไหม กไ็ ม่ควรเพราะถอื เปน็ ความผดิ ระดับ ปาราชกิ เราต้องมหี ลกั การของเรา คูค่ รองจะมีปญั หาไมใ่ ชเ่ พราะ ไม่รักกัน  แต่จะมีปัญหาเพราะไม่เป็นเพ่ือนกัน  รักกันโดยไม่ เป็นเพื่อนกันได้  รักกันตีกันได้ด่ากันได้  แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่ดีจะ ทำ�ไม่ได้  คนรักกันอย่าไปคิดว่ารักกันแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะต้อง happy  ending  ต้องเป็นเพื่อนที่ดีต้องมีคุณธรรมของเพื่อน ถา้ เปน็ เพอ่ื นทีห่ วงั ดีต่อกันไม่มีทางท่จี ะทำ�รา้ ยรา่ งกายกันได้ ขอให้ ยืนหยดั ในหลกั การ โดยเฉพาะในเรอื่ งการเบียดเบยี นทางรา่ งกาย ไม่ใหม้ ีเลย เปน็ สงิ่ ที่ไม่ควรอดทน แต่เรื่องความร้อนความเย็นเร่ืองของธรรมชาติต้องอดทน ทนได้ไม่เป็นไร  ถ้าคิดไม่เป็น  ร้องแต่ว่าไม่ไหวๆ  ถ้าบอกตัวเอง อย่างน้ีก็แน่นอนคงไม่ไหวแน่  สองคนอยู่ด้วยกันคนหนึ่งก็ไม่ไหว 20​ : จติ ทีแ่ คน้ น้ีตอ้ งชำ�ระ

อีกคนหนึ่งก็ไหวๆ  ก็พยากรณ์ไม่ยากใช่ไหม  คนท่ีบอกตัวเอง ว่าไม่ไหวไมน่ านกห็ นีไปเลย แตค่ นทส่ี องไหวๆ เรากเ็ ชอ่ื ความคดิ ตัวเองมากเกินไปใช่ไหม  อดทนในสิ่งที่ควรอดทน  ใช้ปัญญา กำ�หนดรู้  บางสิ่งบางอย่างอย่าเข้าใกล้เลย  ส่ิงไหนท่ีเป็นอันตราย อย่าเข้าใกล้เหมือนเหว  หน้าผา  เราก็ห่างออกมาจะได้ไม่พลาด สิง่ ใดทีม่ ันอันตรายมากๆ อยา่ เข้าใกล้ ยกตัวอย่างจากวินัยสงฆ์มีหลายระดับ  ระดับหนักสุด ปาราชิก  ๔ ขอ้ สมมตวิ ่าพระถ้ามเี พศสมั พนั ธก์ ับผ้หู ญิงต้องตก จากความเป็นพระทันที  แต่ก็ยังมีวินัยที่อ่อนลงมา  เช่นห้าม พระพูดกับผู้หญิงสองต่อสอง  ถ้าพระรักษาข้อน้ีไม่ต้องเป็นห่วง เร่ืองปาราชิกไม่มีทางเกิด  แค่อย่าไปพูดสองต่อสอง  แล้วเรื่อง ที่หนักกว่านั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร  ฉะนั้นบางทีศีลประเพณี ธรรมเนียมดูจุกจิกจู้จี้แต่ว่าเพราะเรามีส่ิงท่ีจุกจิกจู้จ้ีเป็นกำ�แพง  เราจะไม่เข้าใกลส้ ่งิ ทนี่ ่ากลวั มนั จึงมีประโยชน์อยา่ งนน้ั ฉลาดใน การอยูห่ า่ งไกลจากสิ่งทเี่ ป็นอันตราย : 21​

บางสิ่งบางอย่างเป็นพิษเป็นภัยต่อจิตใจ  ให้เราเพียร พยายามระงับโดยเร็ว  โดยเฉพาะความคิดในทางที่จะเอาของ ของคนอื่นแย่งของคนอื่น  ความอยากได้อยากมีอยากเป็นที่ เกินขอบเขตที่จะทำ�ให้ผิดศีล  อย่าไปยินดีกับความคิดเหล่าน้ัน  ความคิดโกรธโมโหคิดในทางปองร้าย อนั น้นั กเ็ ป็นพษิ เป็นภัยเปน็ มะเรง็ อย่ใู นจติ ใจ  เป็นความคิดท่ีจะแก้แคน้ ทจ่ี ะทำ�รา้ ยคนอน่ื จะเล่าให้ฟังว่าครั้งหน่ึงประมาณ  ๒๐  ปีที่แล้ว  อาตมา ไปเทศน์แห่งใดแห่งหน่ึงเป็นกระทรวงอะไรก็จ�ำ ไม่ได้  เทศน์เร่ือง การแก้แค้น  อาตมาบอกว่าเราไม่ควรจะเอาบทเรียนของหนังจีน ว่าแค้นนี้ต้องชำ�ระ  อาตมาว่าเราต้องเอาจิตใจที่แค้นนี้ไปชำ�ระ เปน็ หลกั   ช�ำ ระจติ ทแ่ี คน้   ไมใ่ ชช่ �ำ ระแคน้   อาตมากเ็ ทศนเ์ รอ่ื งนไ้ี ป  ก็มีคนน่ังฟัง  เขาก็จดหัวข้อเทศน์ไปจากนั้นก็มีลงในหนังสือพิมพ์ สักประมาณ๕ปตี อ่ มาอาตมากร็ บั จดหมายจากโยมทไ่ี ม่ร้จู ักสง่ ถงึ อาจารย์ชยสาโร  วดั ป่านานาชาติ อุบลฯ เปน็ จดหมายจากผู้หญงิ คนหนึ่ง  เขาขอบคุณที่ท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตเขา  เราก็ไม่รู้จักกัน 22​ : จิตที่แคน้ น้ตี อ้ งชำ�ระ

จะไปช่วยชีวิตเขาได้อย่างไร  เขาเล่าว่าเขา แต่งงานเมื่อปีสองปีก่อนหน้าน้ัน แล้วก็มีความสุขมาก  แต่ หลังจากมีลูกไม่กี่ เดือนปรากฏว่า สามีมีเมียน้อย สามีทิ้งเขาไปอยู่กับเมียน้อย เขาก็อยู่ ๒ คนกับ ทารกที่เพิ่งเกิด  อยู่ลำ�บากเหลือเกิน  ทุกข์มาก  เขาคิดแค้นใจ แฟนเกา่ มากจนถึงกับคดิ ว่าจะไปฆ่าเขา วันหนึ่งเขาไปตลาดไปซื้อผัก  สมัยนั้นการห่อผักไม่ใช้ถุง พลาสติกคนขายจะเอาหนังสือพิมพ์เก่าๆ  ไปพับห่อให้  พอกลับ จากตลาดจิตใจกำ�ลังโกรธอยู่มาก เขาเอาผักออกจากห่อกระดาษ หนงั สอื พมิ พ์ ตาเหลอื บไปเหน็ เอะ๊ เรอ่ื งอะไรนา่ สนใจ  “ช�ำ ระจติ   หรือ  ชำ�ระแค้น”  เป็นสรุปเทศน์ของ : 23​

พระอาจารย์ชยสาโร  พออ่านจบก็เข้าใจว่าต้องชำ�ระท่ีจิตใจไม่ใช่ ช�ำ ระทค่ี วามแคน้   อา่ นแลว้ เขากป็ ลอ่ ยวางได ้ เขาเลา่ วา่ เขามพี น้ื ฐาน มาก่อนเคยเข้าวัดต้ังแต่เด็ก  แต่ช่วงท่ีแต่งงานชีวิตวุ่นๆ  เขาก็ไม่ได้ ปฏิบัติ  แต่โดยบังเอิญมีอะไรที่มันผุดขึ้นมาช่วยชีวิตไม่อย่างน้ัน ไปฆา่ อดีตสามี ตอนน้ีกต็ ิดคุกเสยี แล้ว ความคดิ เรื่องการแก้แคน้ เปน็ ความคดิ ท่ีไม่ฉลาด ยุทธวิธีข้อสุดท้าย  มีสติรู้ตัวมีสติอยู่ในปัจจุบันไม่ปล่อยให้ จติ คดิ ในเรอื่ งไรแ้ ก่นสารสาระ เร่อื งอดีตอนาคตเร่ืองท่ที �ำ ให้จติ ใจ เราเศร้าหมอง  อยู่ในปัจจุบันแล้วจิตใจก็มีโอกาสที่จะเลือกเฟ้น ธรรมะ  พอจิตใจอยู่ในปัจจุบันไม่ฟุ้งซ่านไม่วุ่นวายเราก็สามารถ คิดว่าอะไรควรอะไรไม่ควร  อะไรถูกอะไรผิดได้  จิตใจฟุ้งซ่าน จะคิดไม่เป็นคิดไม่ทัน  พอเราคิดเลือกเฟ้นว่าอะไรควรอะไรไม่ควร มันจะเกิดเป็นความเพียรท่ีจะเลิกทำ�ส่ิงที่ไม่ควรและทำ�สิ่งที่ควร  ถ้าเราเพียรพยายามทำ�สิ่งที่ดีเลิกสิ่งท่ีไม่ดีบ่อยๆ  ต่อเนื่องจะเกิด ปีติความปลาบปลื้ม  ปีติน้ันถ้าเรารักษาไว้จะเกิดเป็นความสุข 24​ : จิตทแี่ ค้นนต้ี อ้ งชำ�ระ

เยือกเย็นภายใน  จิตใจท่ีสุขเยือกเย็นภายในจะรวมเป็นสมาธิได้  และสมาธินั้นจะมีอุเบกขาความเป็นกลางพร้อมที่จะเกิดปัญญา แก้ปัญหาชีวิตได้ทุกอย่าง  โพชฌงค์เป็นสิ่งที่เราค่อยๆ  ปฏิบัติ ค่อยเป็นคอ่ ยไป เป็นอันว่าได้ให้ยุทธวิธียุทธศาสตร์ที่เป็นประโยชน์ในชีวิต ประจำ�วัน  ข้อท่ี  ๑  รู้จักคิด  คิดเป็นรู้จักรู้เท่าทันความคิด พัฒนาความคิดในทางท่ีจะสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต  ทำ�ให้ จิตใจเราสะอาดผ่องใสข้ึน  รู้จักปล่อยวางความคิดท่ีทำ�ให้จิตใจ เราเศร้าหมอง  เป็นผู้ที่รู้จักสำ�รวมควบคุมตาหูจมูกลิ้นกายใจ  เป็นผู้ที่รู้จักใช้สอยสิ่งต่างๆ  ที่เป็นปัจจัย ๔ ด้วยปัญญา เป็นผู้ ที่มีความอดทน  เป็นผู้ท่ีรู้จักหลีกเล่ียงสิ่งท่ีเป็นอันตรายต่อกาย และใจ  เป็นผู้ที่รู้จักระงับความคิดท่ีเป็นพิษเป็นภัยอยู่ในใจ  โดย เฉพาะความคดิ ที่ประกอบดว้ ยความเหน็ แกต่ วั อย่างแรง อยากได้ อยากมีอยากเป็น  พร้อมที่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่น  เพ่ือจะได้ สิ่งที่ตัวเองอยากได้ส่ิงที่เป็นของคนอื่น  ความคิดในทางอาฆาต : 25​

พยาบาทความคิดที่จะเบียดเบียนคนอื่นเป็นความคิดที่เราต้อง รีบแก้ไข ข้อสุดท้ายก็คือเจริญสติให้เกิดเป็นโพชฌงค์  ความ พากเพียรพยายามในทางสร้างสรรค์  จนเกิดปีติเกิดความสุข อันละเอียดอ่อนภายในเกิดสมาธิเกิดอุเบกขาเป็นส่วนประกอบ ของจิตที่มีบารมี  มีวุฒิภาวะพอจะบรรลุธรรมได้  โดยที่ไม่ต้อง เอาหนอนออกจากแผลอักเสบของสุนัขเช่นในกรณีพระทิเบต... 26​ : จิตทีแ่ คน้ นี้ต้องชำ�ระ

ความโกรธไมส่ มควรแก่เรา ...ในเรื่องความโกรธ  ถ้าเรามีศรัทธาในคำ�สั่งสอนของ พระพุทธเจ้า เป็นอันว่าไม่มีเหตุการณ์ใดไม่มีสถานการณ์ใดที่ ควรแก่ความโกรธ ศรัทธาในจุดนี้จะทำ�ให้เรื่องง่ายขึ้น ไม่ต้องไป คิดมาก เรื่องที่ว่าเขาทำ�อย่างนั้น เขาพูดอย่างนั้น มันน่าเกลียด อย่างนั้น น่าเกลียดอย่างนี้ ถ้าเราเริ่มต้นด้วยจุดที่ว่า ความโกรธ ไม่สมควรแก่เราโดยประการทั้งปวง  เรื่องมันจะง่ายจะใสขึ้น เราต้องรู้จักแยกแยะระหว่างอารมณ์ความรู้สึกกับการ กระทำ� เราเหน็ ใครท�ำ อะไรไมด่ ี จุดแรกกค็ ือไม่โกรธ คิดอย่างไร พิจารณาอย่างไร  วางใจอย่างไร  เราจึงจะไม่โกรธ  อันน้ีคืองาน  : 27​

คือหน้าที่  แต่เม่ือหลังจากเราทำ�ให้จิตใจเราปกติวางเฉยได้แล้ว เราควรพิจารณาต่อไปวา่ เราจะท�ำ อย่างไรกับปญั หาน้ี การปล่อยวางความโกรธไม่ใช่จุดจบของเรื่อง  มันเป็น ข้นั ตอนในการจัดการกับเร่อื ง  ก่อนท่เี ราจะท�ำ อะไรให้สร้างสรรค์ ก่อนที่เราจะแก้ปัญหาเราต้องวางจิตใจให้ปกติเสียก่อน  ถ้าจิตใจ ยังโกรธยังหงุดหงิดรำ�คาญ  จิตใจยังไม่อยู่ในภาวะที่เหมาะแก่ การทำ�งานไม่ควรแก่งาน  เราจึงต้องฉลาดในการทำ�จิตใจของ เราใหค้ วรแกง่ าน ... เรามีศรัทธา  เรามีความเช่ือว่า  กิเลสเป็นส่ิงท่ีเราชนะได้ กิเลสเป็นส่ิงท่ีควรชนะ  ถ้าไม่พยายามชนะกิเลส  ถึงแม้ว่าเราจะ ประสบความส�ำ เรจ็ ในทางโลกระดับใดก็ตาม มันก็กลายเปน็ หมนั ท้ังน้ัน  เหมือนกับคนเป็นบิดมีเชื้อโรคอยู่ในท้อง  ได้อาหารอร่อย ทสี่ ดุ ในโลก แพงทีส่ ุดในโลก  ไดท้ านในภัตตาคารหรูท่ีสดุ ในโลก ทานลงไปแลว้ อาหารนน้ั กลายเปน็ มกู เปน็ เลอื ด เพราะเรามเี ชอ้ื โรค 28​ : ความโกรธไมส่ มควรแกเ่ รา

อยใู่ นทอ้ ง คนเรามกี ิเลสก็เหมอื นมเี ชือ้ โรค ได้ลาภไดส้ รรเสริญได้ ยศได้สุข  ได้มาแล้วทุกอย่างกลายเป็นเลือดกลายเป็นมูกเป็นของ สกปรกไปหมด ไมไ่ ดอ้ ะไรเลย เราต้องแกใ้ หต้ รงจุด แก้ที่เชอ้ื โรค ไมต่ ้องไปแก้ทอ่ี ่นื ไกล เราเป็นชาวพุทธ  เราเช่ืออะไร  เราเชื่อว่าตราบใดท่ีเรายัง มีกิเลส  ความเจริญความสำ�เร็จในส่วนอ่ืนของชีวิตไม่สามารถจะ นำ�เราไปสู่ความสขุ ทแ่ี ทจ้ ริงได้ ผู้ที่รูเ้ ทา่ ทัน ผู้ทีฉ่ ลาดพอทีจ่ ะเห็น โทษของกิเลส เหน็ กเิ ลสตามความเป็นจรงิ มจี ติ ใจเขม้ แขง็ พอท่ีจะ ปลอ่ ยวาง เสียสละกิเลสได้ น่แี หละเปน็ ผู้ทม่ี ีสทิ ธมิ์ โี อกาสทจี่ ะไดร้ ู้ ความหมายของค�ำ วา่ สขุ รูค้ วามหมายของคำ�ว่าอิสระ : 29​

เราตอ้ งถอื ว่ากเิ ลสแมแ้ ต่นดิ เดียวกไ็ ม่ได้ เปรยี บเทยี บว่าใน ห้องผ่าตัดเชื้อโรคแม้แต่ตัวเดียวก็ไม่ได้  จะไปหาว่าหมอเขาจุกจิก จู้จ้ีไม่ได้  ในห้องผ่าตัดต้องสะอาดที่สุด  จิตใจของเราต้องสะอาด อย่างน้ันเหมือนกัน  ไม่ใช่ว่าเราปฏิบัติเพ่ือจะละกิเลสบางตัว  แต่ วา่ จะหวงแหนกิเลสบางตวั อย่างนไ้ี ม่ได้ มนั ไมส่ มำ�่ เสมอ เราตอ้ ง ไม่ดึงธรรมะเข้ามารับใช้อัตตาตัวตน  แต่ต้องน้อมใจเข้าหาธรรมะ ให้มาชว่ ยละลายอัตตาตวั ตน 30​ : ความโกรธไมส่ มควรแกเ่ รา

เราจะทำ�อะไรก็แล้วแต่ในชีวิตประจำ�วัน  เราต้องเอาความ โลภ ความโกรธ ความหลง  ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไมห่ ลงเปน็ เครอ่ื งตัดสนิ การปฏบิ ัตธิ รรมของเราก้าวหนา้ ไหมก็อยู่ตรงนี้ ถ้า ปฏิบัติถูกทางก็ต้องมีความเมตตากรุณาเพ่ิมมากขึ้น  ถ้าใครเข้า วัดบ่อยๆ  แต่ทิ้งภรรยาดูแลลูกคนเดียว  ไม่สนใจทำ�หน้าที่ต่อ ครอบครัว แสดงวา่ ยังปฏบิ ตั ไิ ม่ถูกเพราะไมม่ สี ัมปชญั ญะ ไม่สำ�นกึ ในหน้าท่ขี องตน เราจะดูแตว่ ่านั่งสมาธิวนั ละกีน่ าทีกช่ี ั่วโมง มนั ไมใ่ ชป่ ระเดน็ มันตอ้ งอยทู่ ่ชี ีวิตทั้งชวี ิตว่าทำ�อะไรอยู่ ถ้าเราปฏิบัติถูกทางเราต้องเห็นความทุกข์  คือความทุกข์ ท่ีเป็นของสาธารณะของส่ิงมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง  ถ้ายังอยู่ใน ระดับท่ีว่า  “ผมทุกข์เหลือเกิน  ผมทุกข์เร่ืองนั้น  ผมทุกข์เร่ืองน้ี”  อยา่ งนไ้ี มเ่ รียกวา่ ก�ำ หนดรู้ความทกุ ข์ เพราะยังเป็นทุกข์ทีม่ เี จา้ ของ นี่ไม่ใช่กำ�หนดรู้ทุกข์  แต่ยังเป็นความหลง  พอเราเห็นความทุกข์ ตามความเป็นจริงแล้วเราจะกลัว  เราจะเบื่อหน่าย  เราจะมีความ รู้สึกทันทีว่าทนไม่ได้ที่จะทำ�ให้ใครเป็นทุกข์  เรากลัวที่สุดที่จะ เบียดเบียนคนอ่ืน เพราะเราเห็นตัวทุกข์แลว้ ไม่อยากให้ใครเปน็ : 31​

ถ้าคนปฏิบัติถูกต้องแล้วต้องทบทวนชีวิตตัวเองทบทวน การกระท�ำ ดวู า่ เรามกี ารเบียดเบียนใครบา้ งไหม เอารดั เอาเปรยี บ ใครบ้างไหม  เราจะไม่อยากทำ�อย่างน้ันอีกแล้ว  เพราะเราเห็น ว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ  เราก็ไม่ต้องการ  เขาก็ไม่ ตอ้ งการ เราเป็นอย่างไรเขาก็เปน็ อย่างนั้น นค่ี อื ปัญญาทเี่ กดิ จาก การปฏิบตั ิ เพราะเราเหน็ ว่าตวั เองไมต่ ้องการความทกุ ข์ ปัญญาที่ เกดิ ขึ้นก็คือคนอ่นื กค็ ิดเหมอื นกนั เรอ่ื งนเี้ ขา้ ใจไม่ยาก ถ้ามใี ครถามว่าจะให้ฟรๆี จะใหค้ วาม สุข ให้นดิ เดียว ไม่มาก แตจ่ ะใหฟ้ รี ทกุ คนเอาหมด แต่ถา้ บอกวา่ 32​ : ความโกรธไม่สมควรแกเ่ รา

จะใหค้ วามทุกข์ ฟรี ไมค่ ดิ สตางค์ จะให้ความทกุ ข์ เอาไปไดเ้ ลย นดิ เดยี ว ความทกุ ขน์ ดิ เดียวเอาไหม ไมม่ ีใครเอา รับรองได้เลยไม่ ว่าประเทศไหนไมว่ ่าศาสนาไหน ใหท้ ุกข์ฟรๆี ไมม่ ีใครเอา แตใ่ ห้ สุขฟรีๆ เอาท้ังน้ัน ถ้าเราปฏิบัติธรรมถูกต้อง  เราควรจะได้ความรู้ความเข้าใจ ในธรรมชาติของมนุษย์  และควรจะประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำ�วัน ของเรา เราคิดว่าเข้าใจเรื่องความทกุ ข์เข้าใจเรือ่ งความสุข แต่เรา สามารถเอาความเขา้ ใจนั้นไปใชใ้ นชวี ิตเราไดห้ รือยงั เราปฏิบัติธรรม  เราพยายามให้จิตใจของเราอยู่กับลม หายใจเข้า  ลมหายใจออก  พยายามมีสติ  เราเห็นว่ามันยาก คนอื่นก็ยากเหมือนกัน  เราเห็นกิเลสเกิดขึ้นไม่รู้มันมาจากไหน ไม่ได้ชวนมันมาเลย  ที่จริงก็อยากจะทิ้งมันไว้ที่บ้าน  ไม่อยาก ให้ตามมาที่บ้านพอ  แต่มันก็ตามมาจนได้ไม่รู้จะห้ามอย่างไร พยายามแล้วมันก็ยังมารบกวนจนได้ กิเลสมันไม่เชื่อฟังเราเลย : 33​

เราไม่ต้องการมีกิเลสไม่อยากเป็นผู้มีกิเลส  แต่ทำ�ไมมัน เกิดทุกวัน  เราอยากให้มันสงบแน่วแน่อยากให้มีปีติมีสุขมีสมาธิ อยากใหเ้ หมือนในบททสี่ วด แต่ทำ�ไมมันไม่เหมอื น ท�ำ ไมกเิ ลสมนั ชอบมากอ่ กวนจิตใจอยเู่ รือ่ ย พอเราเห็นลกั ษณะการเกิดของกเิ ลส เกิดแล้วก่อนจะหายไปบางทีใช้เวลานานมาก  เราไม่ยินดีต้อนรับ แต่มันก็ยงั ไม่คอ่ ยจะยอมลาไป นีเ่ ราเห็นจติ ใจของเราเป็นอย่างไร คนอืน่ ก็เป็นอย่างนนั้ ในการภาวนา  เม่ือเราเห็นกิเลสเกิดขึ้นครอบงำ�จิตใจแล้ว ดบั ไป ปัญญาก็เกิดข้นึ เราไมต่ งั้ ใจใหม้ ันเกดิ มันกเ็ กดิ ถา้ เราเปน็ ผ้มู ปี ัญญา ขั้นต่อไปก็ต้องถามตัวเองว่ามีความคิดอยา่ งไร ก็ต้อง คดิ ใหอ้ ภยั ตวั เอง  ปจั จบุ นั ทเ่ี ราเปน็ อยา่ งน ้ี และในอดตี ทเ่ี ราเคยท�ำ สง่ิ 34​ : ความโกรธไม่สมควรแกเ่ รา

ทโ่ี งๆ่ สง่ิ ทไ่ี มค่ วรท�ำ สง่ิ ทน่ี า่ เกลยี ดนา่ ละอายทเ่ี ราเคยพดู สง่ิ ทน่ี กึ ถงึ เมื่อไรต้องหน้าแดงว่าเราพูดได้อย่างไร  เม่ือเราคิดถึงความโง่ คิดถึงความไม่ดีทัง้ หลายในอดตี   ถา้ เราเปน็ ผมู้ ปี ญั ญา เราตอ้ งให้ อภัยตัวเอง ถา้ ยงั ใหอ้ ภัยตวั เองไมไ่ ด้ แสดงวา่ ยงั ไมม่ ปี ญั ญา การให้อภัยตัวเองเป็นผลของปัญญาที่เห็นความเกิดขึ้น ดับไปของอารมณ์  ความเกิดข้ึนดับไปของกุศลธรรมอกุศลธรรม ท่ีอยู่ในใจ  เมื่อเราเห็นอกุศลธรรมมันเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย  เราน่ังสมาธสิ ติของเราดอี ยู่ ความคิดไมด่ ีมันผดุ ข้ึนมา และเราร้วู า่ ถ้าเราไม่ตั้งสติให้ดีก็คงจะหลงเชื่อความคิดไม่ดีน้ันไปแล้ว  ถ้าไม่ ได้อยู่ในศาลาน่ังขัดสมาธิหลับตารักษาสติ  ถ้าอยู่ในสังคมท่ัวไป เราอาจจะทำ�อะไรสักอย่าง  พูดอะไรสักอย่างตามอำ�นาจของ ความคิดน้ีเรียบร้อยไปแล้ว  โชคดีที่เหตุการณ์น้ันไม่เกิด  แต่ใน อดีตก็มีหลายครัง้ หลายหนที่ความคิดชั่วแวบเกิดข้นึ โดยท่สี ติของ เรายังไม่เข้มแข็งพอที่จะป้องกันอันตรายได้ ทำ�ให้เราตัดสินผิด ท�ำ สง่ิ ทไ่ี มค่ วรทำ� พูดส่งิ ทไ่ี ม่ควรพูด : 35​

เม่ือเราเห็นอย่างนี้ว่า  ชีวิตของผู้ที่ไม่มีธรรมะเป็นที่พ่ึงล่อ แหลมต่ออันตรายอยู่ตลอดเวลา  เม่ือเราเห็นตามความเป็นจริง เช่นน้ีเราต้องให้อภัยตัวเอง  เราจะโกรธตัวเองไม่ลง  เรานึกถึง สมยั ท่เี ราเคยทำ�อะไรไมด่ ี สติปญั ญาตอนนน้ั ก็แค่น้ัน คุณธรรมใน ใจของเรากแ็ คน่ นั้ วชิ าความรมู้ ีนดิ เดยี ว อวชิ ชามากมาย ถ้าเราคิดทบทวนใหม่เราเห็นว่ามันมีเหตุปัจจัยให้เป็น อยา่ งนน้ั เพราะว่าในปีน้นั เวลานัน้ เรามีความคิดอยา่ งนั้น คา่ นิยมของเราก็แค่น้ัน  ความคิดพิจารณาเรื่องชีวิตเร่ืองเป้าหมาย ชีวิต  เร่ืองบาปบุญกุศลอกุศลเราไม่เคยคิด  เม่ือเราในตอนน้ี เข้าใจเรื่องเหตุปัจจัยดีขึ้น  เราคิดว่าเม่ือเหตุปัจจัยเป็นอย่างนั้น ในตอนน้ันแล้วจะให้มันมีผลเป็นอย่างอ่ืนได้อย่างไร  ในสมัยนั้น เราเคยมพี ฤตกิ รรมอยา่ งน้ัน ชอบเทีย่ วอย่างน้นั ชอบคิดชอบท�ำ อย่างน้ัน  สิ่งท่ีเกิดขึ้นก็ถูกต้องตามเหตุตามปัจจัยในปีนั้นใน เวลานนั้ เราก็ตอ้ งท�ำ ความเข้าใจและปลงอยู่ตรงจุดนี้ 36​ : ความโกรธไมส่ มควรแก่เรา

การคิดหาวิธีการให้อภัยตัวเองเราอาจใช้การภาวนาช่วย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ  เอาเรื่องน้ีมาภาวนาได้  อย่างเช่น นึกถึงภาพตัวเองในปัจจุบัน  ให้อภัยตัวเอง  อโหสิกรรมตัวเอง เราเป็นคนท่ีมีนิสัยใจคอบางอย่างท่ีไม่เรียบร้อยไม่ดี  เราก็ให้อภัย ตัวเอง  ถ้าเคยมีเรื่องในอดีตที่เราเคยทำ�ท่ีเรารู้สึกไม่ดี  ก็นึกถึง ภาพตัวเองในสมัยน้ัน ๑๐ ปที แ่ี ล้ว ๒๐ ปที ่ีแลว้ นกึ ภาพตวั เอง และนึกภาพตัวเราในปัจจุบัน  เดินเข้าไปกอดเขาไว้  บอกว่า ไม่เป็นไร  ขอให้อภัย  ขอให้เป็นเพื่อน กับตัวเองในอดีต  ถือว่าตัวเองในปัจจุบัน เป็นพี่  ตัวเองในอดีตเป็นน้อง  น้องเคย ผดิ พลาด  พก่ี ใ็ หอ้ ภยั   พต่ี อนนก้ี ม็ คี วามรู้ มากขน้ึ ปญั ญามากขน้ึ ก็อยากจะให้อภยั น้องที่เคยโง่ในอดีต  เราใช้จินตนาการ ของเราเพอ่ื ท�ำ ใหเ้ กิดความรสู้ ึกท่ีเป็นกศุ ล  มกี ารปลอ่ ยวาง จติ ใจกเ็ บาสบาย จะน้อม : 37​

ไปดูลมหายใจเขา้ ออกต่อไป มนั ก็งา่ ย ถ้าเรามีอะไรอยทู่ ย่ี งั ไมใ่ ห้ อภยั ตวั เอง หรอื มเี ร่อื งทจ่ี ะไมใ่ ห้อภัยคนอ่ืน มันกม็ อี ะไรคา้ งคาอยู่ ท�ำ ให้สงบยาก ในเรื่องการผูกโกรธ  มีอะไรไหมท่ีน่าสงสารเท่าคนท่ีผูก โกรธไว้เป็นปีเป็นเดือน  เรื่องผูกโกรธน่ีเป็นอกาลิโกเหมือนกัน บางคนเก็บความโกรธไว้เปน็ ปี จ�ำ ไดแ้ มน่ เร่อื งท่ีเคยโกรธ ๒๕ ปี ท่ีแล้วเหมือนกับเกิดข้ึนเมื่อวานน้ี  น่ีคือพลังของกิเลส  เราคิด อะไรบอ่ ยๆ มันกก็ ลายเปน็ นิสยั คดิ อะไรซำ้�ๆ แลว้ กไ็ มอ่ ยากจะ พลัดพรากจากความคิดน้ันง่ายๆ  มันกลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิต ไปเลย แม้ในหมู่นักปฏิบัติก็ยังมีโกรธกัน  ถามว่าโกรธเร่ืองอะไร ต้องขอใหพ้ ูดใหม่ ท�ำ ไมตอ้ งพูดใหม่ เพราะเราไมเ่ ชอ่ื วา่ คนปฏบิ ตั ิ ธรรมจะโกรธกันด้วยเร่อื งแค่น้ี  บางทีอาจารย์ก็เสียศรัทธาลูกศิษย์ เหมือนกัน ฉะนัน้ พวกเราตอ้ งพยายามเป็นตวั อยา่ ง เปน็ ผู้น�ำ ใน การปล่อยวาง  เรื่องเล็กเรื่องน้อย  เร่ืองความคิดเห็นไม่ตรงกัน 38​ : ความโกรธไมส่ มควรแก่เรา

เร่ืองน้อยใจกัน  อย่าไปยุ่งกับมันเลยพวกน้ี  มันเป็นพิษเป็นภัย เราเปน็ นักปฏิบัติเปน็ คนที่ปลอ่ ยวางเก่ง คนทโ่ี กรธยากมาก และ ถ้าโกรธก็โกรธน้อยมากเพราะกลัว  กลัวความโกรธกลัวตกนรก เมื่อเราปฏิบัติธรรมปัญญาจะเกิด  เกิดปัญญาแล้วเราก็จะกลัว บาปละอายต่อบาป  ผู้ปฏิบัติธรรมถึงข้ันสูงเป็นผู้มีอริยทรัพย์  อริยทรัพย์มีอะไรบ้าง  มีความละอายต่อบาปความเกรงกลัวต่อ บาปเป็นส�ำ คญั   ไม่กล้าท�ำ ไมก่ ลา้ โกรธใคร  มีเมตตาต่อกนั   มนั มี อะไรท่ไี หนท่นี ่าช่นื ใจน่าช่นื ชมเท่าผ้ทู ่ใี ห้อภัยคนท่เี คยล่วงละเมิด เขาได ้ มนั งามมากจรงิ ๆ  บางทเี ราเหน็ คนใหอ้ ภยั คนอน่ื ทเ่ี คยลว่ ง เกนิ เขา เราน�ำ้ ตาไหลดว้ ยความซาบซง้ึ ตวั อยา่ งเรอ่ื งแบบนม้ี ไี มน่ อ้ ย อาตมาเคยเล่าเรื่องพระทิเบตที่อยู่ในคุกของจีน  ถ้าเป็น พระนเี่ ขาจะเอาหนกั ทสี่ ดุ ทรมานดว้ ยวธิ ตี ่างๆ ตีเสียจนกระดูก หักก็มี  ใช้ไฟฟ้าทรมานก็มี  ไม่ใช่คร้ังสองครั้งแต่นานเป็นปี พระองค์หนึ่งเป็นหมอประจำ�ตัวขององค์ดาไลลามะ  สุดท้าย พระองค์น้ีออกมาได้  มาอยู่ที่ประเทศอินเดีย  องค์ดาไลลามะ : 39​

ถามท่านวา่ เคยกลวั ไหม ถกู เขา ทรมานอย่างนี้  อยู่ในคุก เหมอื นนรกตง้ั ๒๕ ป ี เคยกลัวไหม  ท่าน ตอบน่าประทับใจ มาก  ท่านบอกว่า  “ผมก็กลัวเหมือน กนั ครับ กลวั ผมจะ เสียพรหมวิหาร  กลัวความเมตตาผมจะหาย  กลัวความสงสาร พวกเขาจะหาย” นคี่ อื คนท่มี คี ุณธรรม ไม่กลวั เจ็บไม่กลวั ทรมาน แต่กลัวพลัดพรากจากคุณธรรม  กลัวพลัดพรากจากความเมตตา  ความเมตตาเห็นที่ไหนมันก็น่าชม  ไม่ว่าเป็นคนชาติไหนศาสนา ไหน เห็นคนเมตตา เราก็รสู้ กึ ว่าน่ารัก ความเมตตาเป็นเรื่องอัศจรรย์เป็นเรื่องมีพลังมาก  ถ้าเรา เปรียบเทียบระหว่างโกรธเขากับเมตตาเขา  แค้นใจกับให้อภัย 40​ : ความโกรธไม่สมควรแก่เรา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook