51 ไปท�ำมนั ขนึ้ มากท็ รมาน ทกุ อย่างควรเปน็ ไปตามสภาวะ มนั ปวด มันเจ็บ มัน เมอ่ื ย มันชา แตบ่ างคนนง่ั แล้วกไ็ มเ่ จบ็ ไม่ปวด ไมเ่ มือ่ ย ไม่ชา ไม่เปน็ เหน็บ น่ังแล้วสบาย สขุ เวทนา ก็ท�ำไป อารมณ์ไหนชดั เจนเราก็กำ� หนดรู้ แต่อย่าไป สรา้ งมนั ข้นึ มา ปรุง่ แตง่ มนั ข้นึ มา มอี ยู่สมัยหน่ึงเหมือนกนั แต่พระสตู รเหล่าน้ี ไมค่ ่อยมีใครนำ� มาเลา่ หรืออธิบาย เพราะว่าเปน็ เร่ืองของพระ จูๆ่ พระกเ็ กดิ อะไรข้ึนมาก็ไม่รู้ ในช่วงปลงผมก็เอามีดเชือดคอตัวเอง ส�ำเร็จอรหันต์ หรือ วา่ จา้ งโจรมาฆ่าตวั เอง บางคนอา่ นหรอื ฟังมาอย่างผวิ เผินไม่แยบคายก็คดิ วา่ พระพุทธศาสนาสอนใหค้ นฆา่ ตัวตาย ดงั น้นั จงึ ไมค่ ่อยมใี ครพดู ถงึ เคยมพี ระ เถระรูปหน่ึง ท�ำอัตวนิ บิ าต พระเถระหลายรปู ไปปลอบโยน ไปใหก้ รรมฐาน ท่าน สุดท้ายท่านก็ท�ำ ก่อนท�ำท่านเจริญสติ พอใจขาดก็เหมือนกิเลสก็ขาด ดว้ ย อันนี้เปน็ กรณยี กเวน้ หา้ มไปทำ� เดด็ ขาด ขยันหมั่นเพียรในการเจรญิ สติ ไปเร่ือยๆ เม่ือเหตุปัจจัยบริบูรณ์สมบูรณ์การบรรลุธรรมก็สามารถเกิดขึ้นได้ ตลอดเวลา การบรรลุธรรมของแต่จะท่านอาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวิบาก กรรมของแต่ละท่านด้วย อันนั้นเป็นวิบากท่ีติดตามมาหลายภพ หลายชาติ ชว่ งนน้ั อาจจะตอ้ งทำ� แบบนจี้ งึ จะสำ� เรจ็ เหมอื นบางคนเคยฆา่ ตวั เอง หลายภพ หลายชาติ ชาตนิ เี้ ปน็ ชาตสิ ดุ ทา้ ยอาจจะบรรลธุ รรม มนั มอี ะไรซบั ซอ้ นเปน็ เรอื่ ง ของกรรม บางเรอ่ื งบางอย่าง คิดแล้วปวดหัว บางคนใชส้ มองคิด คิดแลว้ คิด
52 อกี หาเหตผุ ลคดิ ย่ิงคดิ ย่งิ เยอะ บางคร้งั เราปฏบิ ัตกิ ็ไมต่ ้องคดิ หรือคิดก็ไมไ่ ด้ หา้ ม คิดแลว้ กำ� หนดรู้ คดิ หนอ คิดหนอ บางคร้งั ชา่ งหัวมนั ซะบ้าง บางครงั้ คิด แล้วไม่พออยากจะใหม้ นั หยดุ คดิ อกี เราบงั คบั บญั ชาไม่ได้ บางครงั้ เรามีสตอิ ยู่ กบั ความรสู้ กึ คดิ ตา่ งๆ มนั ชว่ ยทำ� ใหเ้ ราเขา้ ใจตวั เองมากขนึ้ บางคนไมเ่ ขา้ ใจตวั เอง พอคิดแลว้ จะวงิ่ หนี ถา้ เราดดู ีๆ กจ็ ะเขา้ ใจตวั เอง ไดข้ ้อคิดได้คติธรรมจาก สง่ิ ทเี่ ราคดิ นแี่ หละ่ เราจะละ จะวางได้ กต็ อ้ งเขา้ ใจสภาวะธรรมตามความเปน็ จรงิ มนั วางไมไ่ ดห้ รอกมนั ยดึ อยู่ ความรสู้ กึ นกึ คดิ มนั กย็ งั เขา้ มาเสยี ดแทงจติ ใจ อยตู่ ลอดเวลา หรอื ความรสู้ กึ นกึ คิดทีด่ ี เราก็ยงั ปลื้ม เมอื่ มองให้เปน็ บวกจติ ก็ เปน็ กุศล คือ มองในด้านดี คือให้จดจ�ำส่ิงดีๆ ไว้ พอมสี ง่ิ ดๆี นกึ ถึงกท็ ำ� ให้เกดิ บุญ ท�ำให้กศุ ลเจรญิ ขน้ึ ท�ำใจใหเ้ จริญ แต่พอเรานึกถึงสิ่งท่เี ป็นอกศุ ล อกศุ ล มันกเ็ จรญิ ขน้ึ อกี อยา่ งบางคนพอนัง่ พองหนอ ยบุ หนอ บางคนพองหนอยบุ หนอไม่มี น่ังหนอ ถกู หนอ จิตไมค่ ่อยจบั อารมณ์อาการก็แว๊บไปนึกถงึ คนนน้ั เคยดา่ เราไว้ คนนีเ้ คยทะเลาะกับเรา บางครั้งก็เกลยี ดขนึ้ มา อาฆาตขน้ึ มา ตวั กร็ อ้ น ใจกร็ อ้ น บางคนกส็ น่ั ไปทง้ั ตวั แดงไปทง้ั ตวั สภาวะมนั ชดั เจนกม็ บี างคน บางคร้ังก็คิดอาฆาตพยาบาท จองเวรผูกเวรไว้ก็มี พอคิดอกุศลมันก็ยิ่งเจริญ ไปเรอ่ื ย ถา้ เราไมแ่ ยบคายมนั ก็ไปเร่อื ย บางคร้ังเราจ�ำกดั มนั เรากำ� หนดตอน แรกๆ ยงิ่ ก�ำหนดยิ่งชดั ยงิ่ คดิ ยิง่ ชดั พอกำ� หนดนานไปกอ็ ่อนลง อกศุ ลกห็ มด กำ� ลงั แต่กศุ ลมันมกี ำ� ลังแล้วทนี ้ี กศุ ลอะไรคอื สตทิ ี่เรากำ� หนดแล้วก�ำหนดอีก
53 มนั เร่มิ มกี ำ� ลงั ระลกึ แลว้ ระลึกอกี แยบคายแล้วแยบคายอีก ไปมามันดบั ไป แลว้ แตค่ นเราอดทนไมพ่ อ อดทนไมถ่ ึงที่ ความดที ี่เรากำ� ลังทำ� อยู่มันกเ็ ลยไม่ ปรากฏ แตจ่ ริงๆ มันปรากฏทุกขณะแตเ่ ราอดทนรอมนั ไม่ได้ รอไม่ได้ ความ สงบความเยน็ เลยไมต่ ามมา มนั ยงั ไมถ่ งึ เวลาของมนั ฉะนน้ั กอ็ ดทน บางคนฝกึ อยู่ปฏบิ ตั อิ ยู่ บางครง้ั อยู่บ้านอยเู่ รือนกฝ็ กึ ปฏบิ ัตกิ ันบ้าง บางคนก็มญี าตโิ ยม ส่วนใหญก่ เ็ คยมาปฏบิ ัติ ผเู้ คยมาปฏิบตั ิ ฉะนน้ั ช่วงเทศกาลกม็ า มีกจิ กรรมก็ มารว่ มกนั กม็ โี อกาสกเ็ รยี กวา่ จะใหท้ านทงั้ ทกี ร็ กั ษาศลี ภาวนาดว้ ย ถอื วา่ ทำ� ครบบรบิ ูรณ์สมบรู ณ์ บางครัง้ เราภาวนาก่อนมศี ีลด้วย แล้วไปทำ� ทานมนั กด็ ี กวา่ เพราะจิตเรานนั้ จิตเราบรสิ ทุ ธ์ิ กายวาจาบริสุทธิ์ เจตนาก็เป็นบญุ เวลา ทำ� กเ็ ปน็ บุญเพราะท�ำดว้ ยสติ รจู้ ักประคองรักษาจิต มกี ารระลึกไปในบญุ ใน กศุ ลมแี ตเ่ พมิ่ แตค่ นทท่ี ำ� ทานอยา่ งเดยี ว บางครง้ั กไ็ มม่ สี ตปิ ญั ญา บางครง้ั พอ ศรทั ธาตอนแรก มเี จตนาที่ดใี นตอนตน้ ๆ แตต่ อนทำ� ศรทั ธามนั ตกได้ พบนูน่ น่ี เหน็ นนั่ นี่ ก็ทำ� ไปแลว้ เกิดเสยี ดาย เกดิ อาลยั อาวรณ์ ทุกข์กบั สง่ิ ทใี่ ห้ก็มี คน มสี ติปัญญาจะไม่มสี ่งิ นม้ี ารบกวน ไมม่ ีมารบกวนจิตใจผ่องใสนึกถึงทไี รกป็ ลื้ม ทกุ ทที ที่ ำ� ใหจ้ ติ ใจมพี ลงั เวลาทเ่ี ราภาวนากค็ อื ใหเ้ รามสี ตปิ ญั ญา ไมไ่ ดม้ งุ่ เนน้ ไป ที่นัง่ หลบั ตาอยา่ งเดยี ว ใหเ้ รารู้ตนื่ เบิกบาน ไม่ใชอ่ ยนู่ ง่ิ ๆ เฉยๆ เหมอื นไม่มีสติ ปัญญา แบบนน้ั ตอบโจทยไ์ ดอ้ ย่างเดยี วคือจติ ตง้ั ม่ัน ปัญญาไมเ่ จรญิ กล็ ำ� บาก ต้องเจรญิ ทั้ง ศีล สมาธิ ปญั ญา ถึงจะขัดเกลาให้เราประณตี แล้วสูงขนึ้ ไปได้
54 เวลาท่เี ราภาวนากค็ อื ใหเ้ รามสี ตปิ ญั ญา ไม่ไดม้ ุง่ เน้นไปท่นี ง่ั หลับตาอย่างเดียว ให้เรารู้ตน่ื เบิกบาน ไมใ่ ชอ่ ย่นู ิ่งๆ เฉยๆ เหมอื นไมม่ สี ติปัญญา
55 ถ้าเราไม่มีสติปัญญานั้นเราก็ท�ำได้เท่าท่ีเราท�ำ บางคนอย่างช่วงที่มีก่อสร้าง อาตมากด็ วู า่ ชา่ งแตล่ ะคนกต็ า่ งกนั บางคนฝมี อื แคน่ น้ั ใหท้ ำ� แลว้ ทำ� อกี กไ็ ดแ้ ค่ นนั้ แตช่ า่ งบางคนกม็ ีฝมี ือดที �ำออกมาก็ประณีต ดีกวา่ อีก ทัง้ ๆ ท่ที ำ� เหมอื น กนั น่ันแหละ่ ดูแค่ตดั กระเบ้ืองก็รู้ บางคนใชเ้ วลาสน้ั ตดั เปน็ ตดั กระเบ้อื งไม่ เคยแตกรา้ ว ใสว่ างพอดกี นั บางคนใส่ปนู มานอ้ ย เคาะแลว้ เคาะอกี แตกแลว้ แตกอกี อนั นแ้ี คช่ า่ ง มนั แตกตา่ งกนั งานฝมี อื งานจติ รกรรม ศลิ ปะตา่ งๆ บาง คนถา้ ไมม่ ีฝมี ือ ความรู้ ดูไมอ่ อก บอกไม่ได้เลยมนั เปน็ การยาก Designed by v.ivash / Freepik
56
57 เรยี นรูใ้ ห้มาก ถึงแม้ลำ�บากตอ้ งอดทน ถา้ เราเรยี นรกู้ นั มากขน้ึ กจ็ ะบอกวา่ เรารไู้ มเ่ ทา่ กนั แตพ่ ฒั นาได้ ถา้ เรา เปดิ ใจใหก้ ว้าง แล้วรับที่จะเรียนรู้ ขดั เกลา อยทู่ สี่ ติปัญญา ถา้ สติปัญญาตรง น้ีเราไม่เปิดกว้าง โอกาสในการเรียนรู้เพ่ิมทักษะต่างๆ ก็จะรู้แค่น้ัน เหมือน เรายึดม่นั ถอื มั่นถ้ามีอุปาทานกบั ส่งิ น้ัน ก็ไมม่ โี อกาสได้ผดุ ได้เกดิ คนทลี่ ะวาง ยึดม่ันถือม่ันได้ มีอิสระท่ีจะเรียนรู้ต่อ ไม่มีสิ่งใดขัดขวาง เหมือนคนท่ีจมอยู่ กับอกุศล คิดทีไรจิตมันก็ต่�ำลงทุกที อยู่กับอกุศลแต่ในทางตรงข้ามกัน คน ที่จมอยู่กับกุศลท่ีเป็นวัฏฏกุศลก็ยังวนอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ดี ถ้า ขาดความแยบคายในกุศลนั้นๆ เมื่อไม่ได้เจริญสติปัญญา บางคร้ังมองไม่ ออกเหมือนกัน บางครั้งกุศลไหนที่ท�ำให้เราเวียนว่ายตายเกิด เม่ือเกิดก็ต้อง มแี กเ่ จบ็ ตาย พระพทุ ธเจา้ เราน้ัน ท่านบำ� เพญ็ บารมีมาตั้ง ๔ อสงไขย กับอีก แสนกปั นานมาก กวา่ จะไดต้ รสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ เกดิ ตาย เกดิ ตาย พอตรสั รู้ แล้วท่านรู้เลยว่าตัณหาท�ำให้พระองค์ท่องเท่ียวไปในภพน้อย ภพใหญ่ แต่ ตอนน้ีพระองค์พบแล้ว นายช่างที่สร้างเรือนคือตัณหา จัดการกับนายช่างน้ี เรยี บรอ้ ยแลว้ นายชา่ งไมส่ ามารถสรา้ งเรอื นใหพ้ ระองคไ์ ดแ้ ลว้ นน่ั คอื นพิ พาน ถ้าเรายงั มอี ยกู่ ็ต้องเวียนไป เป็นคนดีกไ็ ดเ้ ปน็ เทวดาเปน็ พรหม เวียนลงมาอกี เปน็ มนษุ ย์ เผลอทำ� ชว่ั ไปเกดิ ในนรก ไปเกดิ เปน็ เปรต ไปเกดิ เปน็ สตั วเ์ ดรจั ฉาน อสรู กายกม็ ี ประมาทมวั เมา เผลอไป แตถ่ า้ เราถงึ ที่สดุ แห่งทุกขแ์ ลว้ กไ็ มต่ อ้ ง ระวังอะไร เม่อื ขันธ์ ๕ แตกดบั ก็นิพพาน ไม่เกดิ อกี แล้ว เพราะไม่มีเหตุปจั จัย
58 ทำ� ทานรักษาศลี มีโอกาสก็เจรญิ วปิ ัสสนากรรมฐานไปด้วยจะไดเ้ พิม่ พูนกศุ ล ถึงแม้เราจะยังไม่ถึงท่ีสุดแต่เหตุมันมี ยังไงจิตมันก็ไม่ตกต่�ำอาจจะได้ภาวนา ตลอด ตลอดเส้นทางวัฏฏะ บางคร้ังถ้าเรามีสติปัญญามันมีวิธีในการเอาตัว รอดจากปัญหาอุปสรรค จากข้อขัดข้องต่างๆ แต่ถ้าเราขาดสติปัญญา บาง คร้งั ถงึ แม้เราจะมอี ะไรตอ่ มิอะไร แต่เราไม่สามารถเอาตวั รอดจากสิ่งเหลา่ น้นั ได้เรากท็ ุกข์อีกเหมอื นกัน พยายามท�ำกุศลให้ครบ ทานก็ได้ให้ ศลี กไ็ ด้รักษา ภาวนาก็ได้เจรญิ เป็นบญุ กศุ ล เป็นก�ำไรใหช้ ีวติ ดว้ ย
59 บางคร้ังถา้ เรามีสตปิ ญั ญา มนั มี วิธใี นการเอาตัวรอดจากปญั หา อปุ สรรค จากขอ้ ขดั ขอ้ งต่างๆ แต่ถา้ เราขาดสติปัญญา บางครง้ั ถึงแมเ้ รา จะมีอะไรต่อมอิ ะไร แตเ่ ราไมส่ ามารถ เอาตวั รอดจากสง่ิ เหล่าน้นั ได้ เราก็ทกุ ข์อีกเหมอื นกัน Designed by bearfotos / Freepik
60
61 อาสาชว่ ยงานวัดไป อย่าลมื ฝึกหัด ขัดเกลาใจตนเองด้วย ชว่ งทเี่ รามาอยปู่ ฏบิ ตั กิ ต็ งั้ ใจ บางคนตง้ั ใจมาชว่ ยงานใหเ้ ราเจรญิ สตไิ ป ดว้ ย เวลา หยบิ จบั เชด็ ถู มสี ติ พยายาม ระลกึ รบู้ อ่ ยๆ อยา่ งนอ้ ยกส็ งั เกตจติ ใจ เราเองเวลากระท�ำลงไป เวลาถกู กระทบ ใจเยน็ หรือวูบวาบ เวลาไดอ้ ย่างใจดี ใจมัย๊ ต้องดูให้ออก บอกจติ ตวั เองใหไ้ ด้ หรอื บางครง้ั เวลาไม่ถกู ใจเครยี ดมนั เกลียด โกรธ กต็ ้องดูให้ออก หรอื มันไมย่ ินดียินร้าย จิตมันมอี สิ ระ ไม่ไปผกู ยึด กบั ความชอบชงั นอกหอ้ งกรรมฐานในห้องกรรมฐาน เวลาสบายๆ เราก็ต้อง สังเกตจิตถา้ เราสังเกตบ่อยๆ ก็เหมอื นเราเรียนรเู้ พือ่ อา่ นใจเราใหอ้ อก บอกใจ ใหไ้ ด้ เพอื่ ใชจ้ ติ ใจเราใหเ้ ปน็ พอใชเ้ ปน็ จติ ใจจะอยเู่ หนอื ความเปน็ ตวั ตน อสิ ระ จากความเป็นตัวตน เพราะเราเขา้ ใจเหตุปจั จยั อยา่ งถ่องแท้ คำ� วา่ ถอ่ งแท้คอื เขา้ ใจตามความเปน็ จรงิ เมอ่ื ไมห่ ลงทกุ อยา่ งรเู้ หน็ ถกู แนน่ อนกไ็ ปในทๆ่ี ถกู คอื สพู่ ระนพิ พาน เราตอ้ งพยายาม พยายามฝกึ ปฏบิ ตั ไิ ปดว้ ยบางครงั้ เรามาวดั มา วา มาวดั จติ ใจหรอื บางครงั้ มาลดละในบางเรอื่ งบางอยา่ ง บางคนสงสยั วา่ ลดท่ี วดั อยา่ งเดยี วเหรอทบ่ี า้ นลดไมไ่ ดห้ รอื ทบี่ า้ นกล็ ดไดถ้ า้ แยบคายเปน็ จรงิ ๆแลว้ กส็ ามารถลดละไดท้ กุ ทข่ี อใหม้ สี ตปิ ญั ญา แตบ่ างครง้ั เวลาทเี่ ราอยบู่ า้ น หรอื ที่ ทำ� งาน จดุ ม่งุ หมายกันคนละอย่าง แตเ่ วลามาวดั จดุ มุ่งหมายคือมาเจริญกุศล ไม่ใช่ว่าเราไม่มีกุศลนะ มีแต่เราท�ำให้มันเจริญข้ึน ท�ำให้เจริญขึ้น มาฝึกหัด ขดั เกลาเพราะสภาพแวดลอ้ มอาจจะเออ้ื แตข่ า้ งนอกอารมณม์ นั เยอะ บางครง้ั
62 ไม่ทัน เหมอื นบางคนบอกวา่ เหมือนมาชารจ์ แบตเตอรี่ เหมอื นชวี ิตประจ�ำวัน เรามนั ชารจ์ ไป ใชไ้ ป บางครง้ั กม็ ขี า่ ววา่ มนั ระเบดิ เรอ่ื ย มนั รอ้ นไมท่ นั ใจมนษุ ย์ ทงั้ ไลน์ เฟส โทรศัพทม์ ันกเ็ ลยระเบดิ มนั ตอบสนองไมท่ ันเพราะสมองมนษุ ย์ เยอะกว่าหน่วยความจ�ำในเครือ่ ง มันเลยไม่ทันมันเลยระเบดิ ฉะนนั้ ชารจ์ ไป ใชไ้ ปมนั เสย่ี ง บางครงั้ กไ็ มร่ อ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ แตม่ าวดั เหมอื นกบั ปดิ ทกุ อยา่ ง ปดิ เครื่อง ปดิ โทรศพั ท์แลว้ ก็ชารจ์ ให้เตม็ แล้วคอ่ ยเอาไปใช้เต็มท่เี หมือนเราปดิ หู ซ้ายขวา ปดิ ปาก จะได้สบาย คตขิ องผู้ปฏิบตั ธิ รรมคือกินใหน้ อ้ ย นอนใหน้ ้อย ปฏบิ ตั ใิ หเ้ ยอะ ฉะนนั้ เวลามาฝกึ ปฏบิ ตั แิ ลว้ สบาย ถา้ เราวางใจใหถ้ กู เราจะรสู้ กึ ว่า กลับไปแล้วเบา จิตใจผอ่ งใส
63 พอใช้เปน็ จติ ใจจะอยูเ่ หนอื ความ เป็นตัวตน อิสระจากความเป็นตวั ตน เพราะเราเข้าใจเหตุปจั จยั อยา่ ง ถอ่ งแท้ คำ�ว่าถอ่ งแท้คือเข้าใจตาม ความเปน็ จริง เมื่อไม่หลงทุกอยา่ งรู้ เห็นถกู แน่นอนก็ไปในทีๆ่ ถกู คอื สพู่ ระนพิ พาน
64
65 อยา่ คดิ แตจ่ ะเอา จงรเู้ ท่าทันกเิ ลส ถา้ เราคิดวา่ จะมาเอานู่นนี่ บางครัง้ เครยี ดถ้าท�ำไมไ่ ด้ ถ้าเราคิดว่ามา ให้ มาฝึกหัดขดั เกลาถงึ แม้ว่าเดนิ ได้แค่ ๑ ก้าว มสี ติแค่ ๑ ก้าว เรากก็ ำ� หนด หนอ โทสะ โมหะ ไดแ้ ล้ว กถ็ อื ว่าได้แล้ว อีกหลายร้อยกา้ วไมไ่ ด้กช็ า่ งมันอันนี้ กถ็ ือว่าได้ ถา้ เราคิดวา่ จะเอานั่นเอานีเ่ ทา่ นน้ั เท่าน่ี ถ้าไมไ่ ดก้ ็ทกุ ข์ ถ้าเรารู้แล้ว วางจติ ใจให้ถกู ต้องแลว้ เราจะสบาย สขุ กายสบายจติ รู้จติ เบิกบาน ในช่วงต่อ ไปนก้ี น็ ่งั สมาธติ อ่ ไปท่อี ารมณห์ ลกั อารมณ์เดมิ บางคนไมม่ ีกำ� หนดพองยุบ ไม่ได้ หรือบางคนน่งั แล้วปวดอยกู่ ็กำ� หนดนะ ปวดหนอ ปวดหนอ มนั หายม๊ยั ไมห่ ายกท็ น ทนไดเ้ ทา่ ทที่ นไหว นกึ ถงึ พระเถระทที่ า่ นทบุ หวั เขา่ เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั ใหก้ บั โจร หรอื บางคนคดิ สารพดั คดิ อยากคดิ ใหม้ นั คดิ ไป คดิ หนอตาม ไปเรื่อยๆ ทกุ อย่างจะดีเอง
66 ๓ กฏเกณฑ์ของธรรมดา
67 พระโยคาวจร แมช่ ผี เู้ ข้าปฏิบตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน ช่วงต่อไป เปน็ ช่วง ฟังธรรม เป็นช่วงปฏิบัติธรรมร่วมกันให้พวกเรานั่งสมาธิแล้วก็ถือโอกาส ฟัง ธรรมะบรรยายไปด้วย วันน้กี เ็ ป็น วันพฤหัสบดที ี่ ๒๔ พฤศจิกายน ตรงกับปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ วนั นก้ี ถ็ อื วา่ เปน็ วนั คลา้ ยวนั ครบรอบวนั มรณภาพ พระเดช พระคณุ หลวงพ่อ ดร. ภทั ทนั ตะ อาสภมหาเถระ ธัมมาจริยะ อัคคมหากัมมฏั ฐานาจรยิ ะ อดตี ประธานสงฆ์ พระอาจารยใ์ หญฝ่ า่ ยวปิ สั สนากรรมฐานของวดั ภัททนั ตะอาสภาราม ซึง่ ทา่ นได้ละสังขารไปวนั นี้ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ที่ ผ่านมารวมระยะเวลา ๖ ปพี อดี จะอย่างไรก็ตามคุณงามความดีหรือคำ� สอน ในเรอ่ื งของการประพฤตปิ ฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานกย็ งั อยปู่ กติ คนไหนหยบิ จบั ขนึ้ มา ใชใ้ นการประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ หมอื นกบั วา่ ประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ มอ่ื ไรกไ็ ดผ้ ลเมอ่ื นั้น หรือท�ำเม่ือไรกท็ �ำให้มสี ตเิ ม่ือนั้น ฉะน้ันสง่ิ เหลา่ นก้ี ค็ ือท่านดำ� เนินตามคำ� สอนของพระบรมศาสดาสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ของเรา กอ่ นทจ่ี ะดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน ท่านตรัสถึงความไม่เท่ียง ท่านตรัสถึงว่าสังขารมีความเส่ือมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฉะน้ันครูบาอาจารย์ใน สายวปิ ัสสนาวงศ์ ทา่ นจะเนน้ ไปท่คี วามไม่ประมาทเปน็ หลักในการสอนหรอื บอก หรอื แนะว่าทำ� ยงั ไง จะท�ำใหโ้ ยคีคอื ผทู้ ีเ่ จริญวิปสั สนากรรมฐาน จะไม่ ตกไปสู่ความประมาท จะต้ังอยู่ในความไม่ประมาท คือสอนให้มีสติในขณะ ยนื เดนิ นงั่ นอน แลว้ กส็ อนใหม้ สี ตใิ นขณะทเี่ ราอยใู่ นอริ ยิ าบทยอ่ ย อยา่ งเชน่
68 เวลาขณะทเี่ ราก้มก็ดี ขณะท่ีเงยก็ดี ขณะท่ีเหลยี วซา้ ยแลขวา หรือขณะทเ่ี รา เคย้ี ว กลืน เราด่มื เดินไปขา้ งหน้า ถอยกลับหลังก็ได้ หรอื น่งิ อยกู่ ต็ าม กส็ อน ใหท้ กุ คนอยดู่ ว้ ยความไมป่ ระมาทคอื มสี ติ ตงั้ แตต่ น่ื จนกระทง่ั หลบั เพราะเหตุ วา่ สงิ่ ทงั้ หลายมคี วามเสอ่ื มไปเปน็ ธรรมดา ถา้ เรามวั แตผ่ ลดั วนั ประกนั พรงุ่ อยู่ ชวี ติ ทเ่ี หลอื อยกู่ ล็ ว่ งไปเรอื่ ยๆ พอกาลเวลาลว่ งไปไมไ่ ดล้ ว่ งไปเปลา่ ๆมนั กก็ ลนื กนิ อายุ กลนื กนิ ความหนมุ่ สาวตา่ งๆใหห้ ายไปดว้ ย ความแกก่ ค็ บื คลานเขา้ มา เยอื น สุดท้ายความตายก็เป็นสงิ่ ทท่ี ุกคนเล่ียงไมไ่ ด้
69
70
71 ในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เหมือนกบั วา่ ประพฤตปิ ฏบิ ัติ เม่อื ไรก็ไดผ้ ลเมื่อนน้ั หรือท�ำ { }เมอ่ื ไรก็ทำ� ให้มสี ติเมอ่ื นน้ั
72 อาการพอง-ยบุ ประกอบไปดว้ ยธาตุ ๔ ในช่วงเช้าๆ เราก็มีกิจกรรมกนั นมิ นตพ์ ระสงฆท์ า่ นมาสวดพระพุทธ มนต์ ท่านสวดพระพุทธมนต์บทธรรมนิยามสูตร กล่าวถึงกฎของธรรมชาติ เรียกวา่ ธรรมมฐติ ิ พดู ถึงอนจิ จงั ทุกขัง อนัตตา ถา้ เรายงั อยู่ในโลกนสี้ ง่ิ เหลา่ นีก้ ็จะยงั คงมีอยู่ ไมไ่ ด้ไปไหน ถ้าเราไม่เขา้ นพิ พาน ถ้าเราไปนึกถึงคำ� ๆ หนึ่งที่ เปน็ ปรศิ นาธรรมทพ่ี ดู ถงึ สว่ นใหญพ่ ดู ถงึ ยามทค่ี นตายไปแลว้ คอื ชว่ งงานศพ พูดถึงเวลาเทศนง์ านศพ ๔ คนหาม ๓ คนแห่ ๑ คนนัง่ แคร่ ๒ คนพาไป ๔ คน หามคอื อะไร รปู ของเรากป็ ระกอบไปดว้ ย ดิน นำ้� ลม ไฟ ธาตุทงั้ ๔ ในขณะ ที่เราก�ำหนด กรรมฐานอยูใ่ นพองในยบุ ก็มที ั้ง ธาตุ ดิน นำ้� ลม ไฟ ไม่ไดม้ ีเลย พองยุบก็เป็นเพียงสมมุติที่เรารู้ เราเห็น เพียงแค่อาการของรูปท่ีเคลื่อนไหว อาการของใจท่ีรู้ทุกอย่างจริงๆ มันว่างเปล่า แต่เรารู้จริงแค่ด้านเดียว เราก็ เลยยึด ยึดวา่ ตัวเรา จรงิ ๆ กค็ ือ ธาตทุ ้ัง ๔ ดิน น�้ำ ไฟ ลม เทา่ น้นั เอง
73 สามคนแห่ หมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง เปล่ียนแปลง ตอนเกิดมาใหม่ๆ ก็เปรียบเหมือนกับโตข้ึน พอโตเต็มที่แล้วก็ ความเสื่อมก็ปรากฏแต่จริงๆ แล้วคือเสื่อม จริงแล้วพอเกิดก็เส่ือมไปเร่ือยๆ แตเ่ ราไปมองความเจรญิ เพราะมนั ไปปดิ บงั ไว้ แตพ่ อไมถ่ กู ปดิ กเ็ ปดิ กเ็ หน็ ความ เสอ่ื มปรากฏ พออายมุ ากขน้ึ เรย่ื วแรง ทกุ อยา่ งกเ็ รม่ิ ปรากฏ ผม เนอ้ื หนงั อะไร ตา่ งๆกเ็ รมิ่ เหย่ี วยน่ ฟนั ฟางกเ็ รมิ่ ผุ เรมิ่ กรอ่ น เรม่ิ หกั แลว้ จะเหน็ ความเสอ่ื มมนั มีให้เหน็ ชัดขึ้น ชัดขนึ้ เรอ่ื ยๆ สดุ ทา้ ยก็คือ มรณะ คอื ความตายกม็ าเยอื นอยู่ดี สิ่งเหล่าน้ีคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือทนอยู่สภาพแบบนั้นไม่ได้ แล้วอนัตตา กค็ ือความไมใ่ ชต่ ัวตน หรอื บังคับบญั ชาไมไ่ ด้ ถ้าเราบังคับได้ เรากบ็ ังคับกไ็ ม่ ใหม้ ันแก่ ไมใ่ ห้เจ็บ ได้ แต่นบ่ี ังคับไมไ่ ด้ สุดท้ายกต็ อ้ งยอมรับถงึ แมไ้ ม่ยอมรับ สภาพเหล่าน้นั ก็บงั คับใหอ้ ยูก่ ับเราตลอดไปไมไ่ ด้ นค่ี ือ ๔ คนหาม ๓ คนแห่
74
75 พูดถงึ อนิจจงั ทุกขัง อนตั ตา ถ้าเรายงั อยใู่ นโลกน้ี สง่ิ เหล่าน้ี { }กจ็ ะยังคงมอี ยู่ ไม่ได้ไปไหน
76 กำ� เนิด ๔ มีอีกนยั หน่งึ ๔ คนหาม อาจจะหมายถงึ กำ� เนิดท้งั ๔ คนเราเกิดมามี กำ� เนดิ ทั้ง ๔ ก�ำเนดิ แรกคือ ก�ำเนดิ เรยี กว่า โยนิ หรือ โยนี ถ้านยั ดูเหมอื นกับ ว่าเป็นฐานรองรับศิวลึงค์ โยนีก็เหมือนเป็นตัวแทนอวัยวะเพศหญิง ศิวลึงค์ เป็นตัวแทนของอวัยะเพศชาย ซ่ึงปรากฏอยู่ท่ัวไปตามเทวสถานของศาสนา ฮนิ ดคู นทีม่ ีความเชื่อก็จะบูชาเพราะถอื วา่ เป็นที่เกดิ ของคนและสตั วท์ ง้ั หลาย เกดิ ในก�ำเนดิ ท้งั ๔ ก็ตอ้ งมสี ิง่ น้ี เป็นก�ำเนิด อยา่ งเชน่ ก�ำเนดิ ที่ ๑ คอื ชลาพชุ ะ ท่ีเราสวดเวลาที่เรากรวดน้�ำตอนเช้าๆ ชลาพุชะก็คือเกิดมาเป็นตัวใครบ้างท่ี เกิดเปน็ ตวั อยา่ งมนุษย์ สตั ว์บางประเภทเกิดมาเปน็ ตัว เรยี กว่า ชลาพชุ ะทีนี้ กำ� เนิดท่ี ๒ เรยี กวา่ อัณฑชะ เกิดเป็นไข่ อยา่ งพวกท่เี กิดเป็นไข่ เช่น ไก่ เปด็ ที่เราเห็น จระเขห้ รอื วา่ งู เกิดเป็นไข่ หรือ นกก็ได้ อนั นเี้ กิดในกำ� เนดิ ท่ีเรยี ก ว่าเติบโตในไข่ก่อน แล้วค่อยกระเทาะเปลือกไข่ออกมาเป็นตัว ก�ำเนิดท่ี ๓ สงั เสทชะ คอื อาจจะเกดิ ในเถา้ ไคล หรอื ของสกปรก อาศยั สงิ่ สกปรก สง่ิ เหลา่ นี้เกิดขึ้นมา อกี กำ� เนิดหนงึ่ เป็นกำ� เนิดที่ ๔ คือ โอปปาตกิ ะ ก�ำเนดิ น้ีอาจจะ ไม่ต้องอาศัยพ่ออาศัยแม่เกิด แต่เกิดด้วยอ�ำนาจของบุญหรือบาป อย่างเช่น เมือ่ ทำ� เหตดุ มี า พอตายกไ็ ปเกิดเป็นเทวดา เปน็ พรหม ไปอบุ ตั ใิ นภพภูมนิ นั้ ๆ ทนั ที ไม่ตอ้ งรอระยะเวลา กเี่ ดือน กี่ปี พอเกดิ ก็โตทันที ถ้าเปน็ บาปกไ็ ปผดุ ขน้ึ ในนรกทนั ที ทา่ นอปุ มาอปุ ไมยเหมอื นกบั ความคดิ ของคนเรา เวลามนั โผล่ มาไม่ไดอ้ าศยั พอ่ แม่ โผลม่ าเลย คิดไม่ดีคิดเปน็ อกศุ ล หรอื คดิ ดกี ส็ ร้างวมิ าน
77 ในอากาศอาศยั อารมณ์ดที ันที ถ้ารา่ งกายกต็ ้องอาศัยพ่อแม่ กวา่ จะเกิด กวา่ จะเลี้ยงด้วยข้าว โภชนาอาหารเสียไปหลายล้านบาท กว่าจะโตขนาดน้ี กิน ไมร่ เู้ ท่าไหร่ เสอ้ื ผ้าท่สี วมใส่ ของใช้ไม้สอยท่ีอยู่อาศัย กว่าเราจะโตขนาดนก้ี ็ หมดไปเยอะเหมือนกัน ผ้ทู ่ีถอื ก�ำเนดิ ที่ ๔ โอปปาตกิ ะกำ� เนิดจรงิ ๆ เกดิ ดว้ ย บญุ หรอื บาป ถา้ ดกี เ็ กิดด้วยอ�ำนาจของบุญ ถา้ ไมด่ กี ็เกดิ ดว้ ยอำ� นาจของบาป ที่ทำ� ไว้ เราสั่งสมไว้ กเ็ หมอื นกบั สะสมไว้เรอื่ ยๆ ก็เหมือนกับถา้ เปน็ ชีวติ ก็กิน เน้อื หนงั สะสม เร่ยี วแรงก�ำลงั อาหาร กไ็ ปหลอ่ เล้ยี งชวี ติ เซลส์ต่างๆ ตราบ เท่ากับอายุขัยของแต่ละคนก็เหมือนกับหมดภพน้ีชาตินี้ ตายไปแล้วยังต้อง เกดิ ใหม่ แต่ยงั กำ� เนิดประเภทไหนกอ็ ีกเรื่องหนง่ึ อยทู่ ี่บุญบาป ฉะนน้ั เวลาที่ เราถือก�ำเนิดมา เหมือนเห็นภาพ ๒ ด้าน บุญกุศลเป็นนามธรรม มันจะผุดขึ้น เทียบเคียงกับส่ิงท่ีมันผุดข้ึนในใจเรา เราจะละอัตภาพน้ีไปก็เหมือนกับแบบ นี้ บางครง้ั ก็เหมือนคนหลบั ไป หลบั ฝันแลว้ ไปตื่นขึน้ ในสวรรค์ ในนรก ไดร้ ับ ความทรมาน พอตน่ื จากฝนั ก็หายทรมาน หรือเวลาจะไปไหนมาไหนเหมือน กับ ไม่ได้ลำ� บากในการไป ไปในภพภมู เิ หล่าน้ี คแู้ ขนเหยยี ดแขน จิตเราน้อม ไป แป๊บเดยี วตรงไหนก็ถึงหมด ระยะทางในจกั รวาลเท่ากนั หมด ไม่มเี ท่านัน้ เทา่ นี้ ถ้าคนถึงสภาพตรงนี้แล้วเหมอื นระยะทางเทา่ กัน จะไปเมือ่ ไหร่กไ็ ปได้ ด้วยอ�ำนาจของบญุ และบาป แต่ระยะเวลาในสวรรค์หรือนรก หรอื ช้ันพรหม ตา่ งกนั แตเ่ วลาไปละอตั ภาพ ไปไมไ่ ดย้ ากนะ เหมอื นความคดิ ของคนไมไ่ ดย้ าก
78 ไมไ่ ดอ้ าศยั ยานอวกาศ ตอ้ งทอ่ งอยใู่ นอวกาศหลายเดอื น หลายปี กวา่ จะไปถงึ ดาวเคราะห์ ดวงนั้นดวงนี้ ใกล้หนอ่ ย ถ้าเปน็ ล้านก็ไกลไปเรือ่ ยๆ แลว้ อยา่ งน้ี เป็นตน้ ฉะนนั้ ก็อุปมาอปุ ไมย ๔ คนหาม หมายถงึ ก�ำเนิดทั้ง ๔ หรือหมายถงึ ธาตุทง้ั ๔ สามคนแห่ คือ อนจิ จงั ทุกขงั อนัตตา
79 ความคิดของคนเรา เวลามนั โผล่มา ไม่ไดอ้ าศยั พ่อแม่ โผลม่ าเลยคดิ ไมด่ ีคิดเป็นอกุศล หรอื คดิ ดกี ็สร้าง { }วิมานในอากาศอาศัยอารมณด์ ีทนั ที
80 ภพภูมทิ ีส่ ตั ว์ท่องเทย่ี วอยู่ บางทา่ นกลา่ ววา่ ๓ คนแห่ น่าจะหมายถงึ ภพภมู ทิ ่ีเรายังทอ่ งเทย่ี ว ในสังสารวฏั ในภูมทิ งั้ ๓ ก็ได้ อย่างนรก หรอื สวรรค์ กย็ ังจดั อยู่ในกามาวจร รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ส่วนสวรรค์ก็จัดอยู่ในช้ันท่ีเรียกว่า ที่มีรูป เสียง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ สมบูรณแ์ ต่กย็ งั อยใู่ นชน้ั กามาวจร สวรรค์ ๖ ช้ัน มรี ูป ไม่มรี ูป ยงั มีรปู ไม่มีรปู อีก สว่ นพระอรหันต์ ไม่มี เป็นผูไ้ มม่ ีภพ ไมม่ ีภมู ิ เพราะ กิเลสหมดแล้ว นิพพาน ถ้ายังมีน่ันน่ีก็ยังแก้อีก เจ็บอีก ตายอีก ฉะนั้นบาง คนจึงไมอ่ ยากไปนิพพาน เพราะว่าเหมือนวา่ ไมม่ ปี ราสาท หรอื ความสะดวก สบายรองรับ บางที่บางแห่งถึงบอกว่านิพพาน เหมือนกับเป็นเมือง บางคน ปรารถนาจึงอธิษฐานไปเมือง นฤพาน คือพระนิพพาน เหมอื นนิพพานเป็นท่ี
81 อยู่ที่อาศัย คนอยู่ในเมอื งนพิ พานจะไม่เกดิ ไมแ่ ก่ไมเ่ จ็บไม่ตาย เป็นอตั ตา แต่ ในทางพระพทุ ธศาสนา นพิ พานเปน็ เพยี งสภาพธรรมเทา่ นน้ั เอง สภาพทา่ นนน้ั เรียกวา่ อสงั ขตธรรมไม่มอี ะไรไปปรุง พอไปปรงุ ไมไ่ ด้ก็ไม่แปรปรวนไป ถ้าจะ บอกวา่ ไมแ่ ก่ กไ็ มแ่ กไ่ มม่ ปี จั จยั ไปปรงุ ไมเ่ จบ็ กไ็ มม่ ปี จั จยั ไปทำ� ใหเ้ จบ็ ถา้ บอก ไมต่ ายกไ็ มม่ ปี จั จยั ไปทำ� ใหต้ าย เพราะไมม่ อี ะไรคอื ชาตคิ อื ความเกดิ แลว้ ไมม่ ี เหตุ เพราะเหตุไม่มีส่ิงน้ันก็ไม่มี แต่ถ้าเรายังมีมีกิเลสอยู่ก็ยังเวียนไปเวียนมา เมือ่ ยังมสี ค่ี นหามสามคนแห่กแ็ หก่ ันไป
82
83 { }ถ้าเรายงั มีกิเลสอยู่ กย็ งั เวียนไปเวียนมา เมอ่ื ยงั มสี ีค่ นหาม สามคนแหก่ ็แหก่ ันไป
84 โทสะ ท�ำใหส้ ตั ว์ผเู้ วียนว่ายตายเกดิ ไปตกนรก ทีนี้หน่ึงคนนั่งแคร่คือจิตใจของคนเรานั่นเอง สองคนพาไปคือตราบ ใดที่เรายังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏจะมีบุญกับบาป มีกุศลหรืออกุศลพาไป พอเราตายไป ถ้าเป็นบาปๆก็พาไปสู่อบายภูมิไปนรก ไปอบายภูมิทั้ง ๔ มี นรก มีเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน การไปสู่นรกจะเทียบเคียงให้ฟังง่ายๆ คอื เหมือนกับใจเราเวลาโกรธ เกลยี ดใคร โทสะความประทษุ รา้ ยมนั เกดิ ใจ จะรอ้ นดจุ ดงั ไฟ โทสคั คิ ถ้าจะหาไฟนรกหาไม่ยาก อยทู่ ่ใี จของเรานเี่ อง สว่ น ระยะเวลาในนรกไม่จ�ำกัด บางคนผูกโกรธเอาไว้นาน ผ่านไปหลายปีก็ยังอยู่ บางคนมไี ฟแห่งความพยาบาท ไฟทกี่ ล่าวนี้มนั ยงั เผาลนจติ ใจได้อยตู่ ลอด จน ไหม้ จนเกรียม จนอยไู่ มเ่ ป็นสขุ ไม่มีความสุข มนั ร้อนไปหมดทกุ อย่าง เปน็ คนหงุดหงิดข้ีร�ำคาญ ร่างกายจิตใจรวนไปหมด คนมักโกรธสามารถพบนรก ในปัจจบุ ันได้ เหมอื นสวรรคอ์ ยูใ่ นอก นรกอยูใ่ นใจ นรกอยูไ่ ม่ไกลอยู่ในใจเรา
85 เอง สวรรคน์ รกใกลๆ้ เทยี บเคียงพอเขา้ ใจ อปุ มาอปุ ไมย ถา้ คนเรายังมีความ โกรธ ถา้ ละจากอตั ภาพน้ีกำ� ลังแหง่ อกุศลคือความโกรธกจ็ ะพาไปนรก เวลา จะไป โกรธใครเขาอยู่ อาฆาตใครเขาอยู่ อยกู่ บั พอง กบั ยบุ กอ็ าจจะไมไ่ ดโ้ กรธ ใคร ไมไ่ ดไ้ ปเกลียดใครตอนน้นั อาจจะไปดี ไปส่คู ติ แต่ถา้ ตอนนัน้ พยาบาท โผลข่ นึ้ มา มนั อาฆาต บางคนกโ็ กรธ เกลยี ด คนในครอบครวั ตวั เองกม็ ี อยา่ งน้ี เปน็ ตน้ จติ ทส่ี ง่ั สมเอาไว้ ตงั้ แตเ่ ลก็ จนโต ถกู กระทำ� เดก็ บางคนกห็ าวา่ พอ่ แม่ ไมร่ กั บา้ ง มนั กม็ ี ออกมาตอนใกลต้ าย บางคนรอดตายแลว้ กเ็ ปลยี่ นพฤตกิ รรม ใหม่ หันมาทำ� ดี มันลบเลือนได้ยาก นี้คืออำ� นาจของโทสะ กิเลสพาไปนรก ไป เกดิ เปน็ สตั ว์นรกได้ อนั น้ีเทียบเคยี งให้ฟัง สองคนพาไป ถา้ เป็นบาปกไ็ ปเกดิ ในอบายภมู ทิ ้งั ๔
86
87 บางคนมีไฟแห่งความพยาบาท ไฟที่ กล่าวน้ีมนั ยงั เผาลนจติ ใจได้อยู่ตลอด จนไหม้ จนเกรยี ม จนอยไู่ มเ่ ป็นสขุ { }ไมม่ ีความสขุ มนั ร้อนไปหมดทุกอย่าง
88 โลภะ ท�ำให้คนไปเกิดเป็นเปรต บุคคลบางคนในโลกน้ีไปเกิดเป็นเปรต ไปยังไง ไปด้วยอ�ำนาจของ โลภะ ความโลภ ทำ� ใหค้ นไปเกดิ เปน็ เปรต หว่ งลกู หลาน ทรพั ย์สิน บางคร้งั ก็ เปน็ ผีเฝ้า ตรงน้ัน ตรงนี้ พวกเปรต พอตายป๊บุ ก็ไปเลย ไมต่ ้องมีพ่อแม่ กำ� เนิด นเี้ รยี กวา่ โอปปาตกิ ะ ไปเกดิ ในนรก ในเปรต ดว้ ยอำ� นาจของบญุ ของบาป อาจ จะตัวใหญ่ แต่ท่ีเค้าเขียนไว้อาจจะไม่ถูก อุปมาเฉยๆเหมือนกับคนเราความ โลภ ปากเล็ก แต่จะกินทีเยอะๆ ปากเท่ารูเข็ม กินอะไรก็กินไม่ได้ พอโลภ มาคนเรากินไดห้ มด บางคนบอกว่า ในพระสูตรเคยกลา่ วไว้ว่า แม้แต่เนรมติ ภเู ขาให้เป็นทองค�ำ กย็ ังอยากจะได้มากกว่าน้ันอกี ฉะน้ันคนที่มคี วามโลภ มี โลภะ กจ็ ะไปกำ� เนดิ ในกำ� เนดิ แหง่ เปรต เปรตมหี ลายประเภท เปรตทม่ี าคอย รับบุญรับกุศล เปรตพวกนี้มีหน้าท่ีขออย่างเดียว ถ้าคนไหนไปเจอขอทาน อินเดียก็จะนึกออก เป็นพวกขอ ขอส่วนบุญ รอคนอุทิศให้ บางคนก็อุทิศ เจาะจง ตัวเองก็ไมไ่ ด้ เพราะเคา้ ได้ให้ญาตเิ คา้ แตถ่ ้ามีบางคนทำ� บุญใหเ้ ปรต ก็พลอยได้กนิ ไปดว้ ย ฉะน้นั ในบางคร้ังกน็ ึกถึง บุญเดือน ๑๐ อทุ ศิ ใหพ้ วกนี้ หรอื ถา้ เปน็ บญุ ฝรง่ั กว็ นั พรงุ่ นี้ วนั ท่ี ๒๕ ฉะนนั้ กเ็ หมอื นกบั คนไปเกดิ เปน็ เปรต กม็ ีทั้งชั้นตำ�่ ชัน้ สงู เปรตบางพวกกม็ ฤี ทธ์ิ หลวงพอ่ อาสภะ บอกว่า เปรตทมี่ ี ฤทธ์ิ เข้ยี วงอกแล้วจะเป็นยกั ษ์ กำ� เนิด จะไปเปน็ เปรต ด้วยอำ� นาจของโลภะ
89 เวลาทเี่ รากำ� หนด ดว้ ยโลภะ โทสะ ปดิ หนทางทจี่ ะไปเปน็ นรก เปน็ เปรต มสี ติ เหมือนปดิ ประตูอบายภูมไิ ปเรื่อยๆไม่ธรรมดา อยา่ ไปคิดว่าท�ำแคน่ ้ี ไมห่ รอก พอตอนใกล้ตายรู้ คนเราพอใกล้ตายจะรู้ อย่างบางคนพอใกล้ตายพอส�ำนึก ได้ พอรู้ว่าจะตายกอ็ ้อนวอน ถา้ ลูกชา้ งรอดชีวติ คราวน้ี ลกู ช้างจะเอาน่ันนีใ่ ห้ เอาหมด บางคนกจ็ ะบวชให้ บางคนบอกวา่ จะใหท้ �ำอะไรก็ท�ำ ขอให้รอดชวี ติ ทำ� หมดทกุ อย่าง พอจะตายจรงิ กเ็ กิดความกลัว กลวั ข้นึ มา พอจะไปจรงิ ๆ ก็ ออ้ นวอนขอใหอ้ ยู่ ตอ่ รองกบั มจั จรุ าช ฉะนนั้ ถา้ เรามสี ตอิ ยเู่ นอื งๆ คำ� สอนของ พ่อแม่ครบู าอาจารย์ใช้ได้ตลอด ทา่ นสืบทอดคำ� สอนมาจากพระพุทธเจ้า เรา นำ� มากำ� หนด ประพฤติ เมอื่ เราไมป่ ระมาท แตล่ ะขณะทเ่ี รากำ� หนดเหมอื นปดิ ประตอู บาย ไมเ่ ปดิ ปดิ ไว้ ปดิ โอกาสทจ่ี ะไปเกดิ เปน็ เปรตเปน็ สตั วน์ รก ในขณะ ทเ่ี รารเู้ ทา่ ทนั ขณะ ปจั จบุ นั อารมณ์ โลภะ โทสะ ไมเ่ กดิ ทนี ไี้ ปเกดิ เปน็ อสรู กาย บางพวกมีวมิ านอยู่ เป็นผีเปน็ เปรต หรือว่ามรี ่างกายผิดปกติ กลางวันอาจจะ ซอ่ นตัว แตก่ ลางคืนอาจจะออกไป หาล่าเหยื่อ หรือกลางคนื เปน็ สาวสวยเลย แต่พอกลางวนั หนา้ ตานา่ เกลยี ดกม็ ี หลายแบบ อนั น้พี วกอสรู กาย หรือบาง คนบอกวา่ พวกนี้เทยี บเคียงกับพวกไม่ยอมหลบั ยอมนอน คอยลักขโมยของ ชาวบา้ นเขานแี หละพวกอสรู กาย เพราะอำ� นาจโลภะท�ำใหเ้ ปน็ เปรตอสรุ กาย
90
91 เมอื่ เราไมป่ ระมาท แต่ละขณะ ท่ีเรากำ� หนด เหมือนปิดประตู อบาย ไม่เปดิ ปดิ ไว้ ปดิ โอกาสท่ี { }จะไปเกิดเปน็ เปรตเปน็ สัตวน์ รก
92 โมหะ เป็นเหตุให้ไปเกิดเปน็ สตั วเ์ ดรจั ฉาน ทีน้ีโมหะความหลงท�ำให้ไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางคนก็ไปเกิดเป็น สุนัขก็ดีหน่อย ตัวอย่างสุนัขท่ีวัดภัททันตะอาสภาราม มีแม่ชี โยคีท่ีใจดี ให้ อาหาร นำ้� ใหน้ นู่ นี่ รกั สนุ ขั เหลอื เกนิ เลย้ี งจนอว้ น ถา้ มนั ไปเกดิ ทอ่ี นื่ กแ็ นน่ อน เหมือนกันวา่ จะโดนทง้ั ไม้ ท้ังแข้งหรอื เปล่า ดูแล้วมันตา่ งกัน บางทีบ่ างแห่ง กเ็ ล้ยี งมันดี ฉีดยาให้ ทเ่ี ราสมั ผสั ได้ ท่อี ยูใ่ กลช้ ิดกับเรา แค่สุนขั ก็มหี ลายพนั ธุ์ เพราะอำ� นาจของโมหะเหมือนเคยมเี ศรษฐีที่นอ้ ยใจลูก เหมอื นลกู ดูแลหมาดี กว่าตนเอง กเ็ ลยนอ้ ยใจ พอ่ แท้ๆ ยังไมด่ ู ไปรักหมามากกวา่ กู เกดิ ตายไปก็ ไปเกิดเป็นหมา ก็ไมแ่ น่ไม่นอน เกิดโมหะ เคา้ ดูแลหมาแล้วเกิดอจิ ฉา ก็เลย ไปเกดิ เปน็ หมา โมหะความหลง หรือไปเกดิ เป็นเดรจั ฉานอน่ื ๆ มอี ายตุ า่ งกนั อยดู่ ว้ ยวบิ ากกรรม สตั วบ์ างประเภทกนิ หญา้ สตั วบ์ างประเภทกนิ อาหารหรอื เล้ียงชีพใหอ้ ยู่ ให้หมดไป กเิ ลสมนั ยังไมห่ มด มนั ก็อาจจะออกลกู มาเป็นหมา อกี แลว้ มนั กม็ คี วามพเิ ศษทำ� ใหค้ นหลงรกั มนั ถา้ เกลยี ดมนั เมอ่ื ไหรจ่ ะถกู ฆา่ ก็ จะมลี กั ษณะพเิ ศษทดี่ งึ ดดู ผอู้ น่ื ใหร้ สู้ กึ รกั และเอน็ ดู พอมนั โตขน้ึ ไมร่ จู้ กั พอ่ แม่ แล้ว เปน็ ไปตามอ�ำนาจของกรรมเหมอื นกัน ฉะนน้ั แตถ่ า้ เราก�ำหนดไปเรือ่ ยๆ ก็เท่ากบั พยายามปดิ อบายภมู ิไปด้วย เพราะโลภะ โทสะ โมหะกเิ ลส ถา้ เรา ประมาทมันกเ็ กิดได้อีก ฉะน้นั อย่าข้เี กยี จปฏิบัติ อย่าขเ้ี กยี จระลึกรู้ พยายาม ท�ำ ประพฤติปฏิบัติ ติดต่อต่อเน่ือง ฝึกดูจิตใจเรา จะได้ระงับยับย้ังจิตใจได้ จะทำ� บญุ ท�ำทานรกั ษาศลี ทานทเ่ี ราให้ ศีลทเ่ี รารกั ษา ภาวนาทเี่ ราเจริญกจ็ ะ
93 เกอื้ กลู อดุ หนุนกนั ไปมา ท�ำใหเ้ ราเจรญิ ในทานกศุ ล ศีลกศุ ล ภาวนากุศล เปน็ ความฉลาดในการใหท้ าน รกั ษาศลี เจริญภาวนา ไมใ่ ชห่ ลับหหู ลบั ตาเพียง อย่างเดียว ทุกๆขณะท่ีก�ำหนดเท่ากับปิดประตูอบายภูมิไปด้วย เห็นมั๊ยเมื่อ เราคดิ ถกู พดู ถูก ท�ำถกู ทางที่จะไปขา้ งหน้าปลอดภยั วันนี้พวกเรามาระลึกนึกถึงวันคล้ายวันที่ หลวงพ่อพระภัททันตะ อาสภะทา่ นได้ละสังขารจากศิษยานศุ ษิ ย์ ถงึ ท่านจะเป็นคนพมา่ แต่ท่านก็อยู่ เมืองไทยต้ังแต่อายุ ๔๒ปี เรียกได้ว่าชีวิตส่วนใหญ่ของท่านอยู่เพ่ือบอกสอน วิปัสสนากรรมฐานแก่สานุศิษย์มากมาย เม่ือวันน้ีมาถึงท่านก็ต้องจากไป เหลอื ไวแ้ ตท่ รัพย์ภายในอันเปน็ คำ� สงั่ สอนของท่านที่เป็นมรดกธรรมตกทอด มาถงึ พวกเราจนทกุ วนั น้ี ชลบรุ สี ยาดอ เปน็ คำ� ทท่ี า่ นมหาสสี ยาดอ เรยี กหลวง พอ่ อาสภะ พำ� นกั ทีว่ ิเวกอาศรม จงั หวดั ชลบุรี ประเทศไทย เพอื่ ยกยอ่ งทา่ น ในฐานะท่ีมาท�ำหน้าที่พระธรรมทูตสายประเทศพม่า เพื่อเผยแผ่วิปัสสนา กรรมฐานในประเทศไทย ตัง้ แต่ปี พ.ศ.๒๔๙๖ – ๒๕๕๓ ทา่ นสละธาตุขนั ธ์ ท้ิงไว้บนพื้นแผ่นดินไทยแห่งน้ี จึงขอให้ท่านท้ังหลายน้อมจิตระลึกรู้คุณและ ตอบแทนคณุ การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน ตามแนวสตปิ ฏั ฐาน ๔ ทพี่ ระสมั มา สัมพุทธเจา้ ท่านตรัสไว้ในมหาสติปฏั ฐาน ๔ ว่า ทางน้ีเปน็ เพียงทางเดียวที่จะ ท�ำใหผ้ ้ปู ฏบิ ัติตามเข้าถงึ พระนพิ พานได้
94
95 เพราะโลภะ โทสะ โมหะกเิ ลส ถ้าเราประมาทมันกเ็ กดิ ไดอ้ ีก ฉะนนั้ อยา่ ข้เี กยี จปฏบิ ตั ิ { }อยา่ ขี้เกยี จระลกึ รู้
96 ขน้ึ ชอ่ื วา่ สงั ขารลว้ นตอ้ งแตกดบั เปน็ ธรรมดา เมอ่ื มกี ารเรม่ิ ตน้ กต็ อ้ งมสี น้ิ สดุ เปน็ ธรรมดา เมอ่ื ยงั มสี งั ขารหรอื ยงั มรี ปู มนี ามสดุ ทา้ ยตอ้ งมกี ารแตกดบั เปน็ ธรรมดา อปุ าทนิ นกสงั ขาร ไดแ้ กส่ งั ขารที่ มจี ติ ใจครอง ทต่ี กอยใู่ นธรรมนยิ าม อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ชดั ตกอยใู่ นกฎอนั น้ี หนไี ม่พน้ แตอ่ นปุ าทินนก เหมือนศาลาทีไ่ มม่ ใี จครอง มนั กเ็ สอื่ มไปเรอื่ ยๆ เดี๋ยวสีทาใหม่ก็ซีดอีกแล้ว หลังคาไม่ทันไรร่ัวอีกแล้ว ร่ัวบ่อยๆ ฝ้าทะลุแล้ว อยา่ งนี้เปน็ ต้น ปาร์เกก้ ็เก่าแล้วต้องขดั ใหม่ ซ่อมนนู่ ซอ่ มนี่ กจ็ ะเหน็ วา่ พวก ตน้ ไม้ พวกรถ เรือน ไมม่ ีจิตวญิ ญาณครอง ก็ตกอยู่ในภาวะที่เรยี กวา่ ธรรม- นิยาม อนจิ จงั ความไม่เท่ยี ง ทกุ ขงั ความทุกข์กายทกุ ข์ใจ อนัตตา ความไมใ่ ช่ ตวั ตนบงั คบั บญั ชาไมไ่ ด้ เมอ่ื มเี กดิ ขน้ึ ในเบอื้ งตน้ เมอ่ื ตงั้ อยกู่ ม็ คี วามแปรปรวน ปรากฏ สุดก็แตกสลายไปเปน็ ธรรมดา ส่วนพระนิพพานเป็นน่นั เปน็ อสงั ขต- ธรรม ธรรมทไ่ี มม่ ปี ัจจยั ปรุง เมื่อต้งั อยคู่ วามแปรปรวนย่อมไม่ปรากฏ เพราะ นพิ พานไมม่ อี ะไรไปปรงุ ดงั นน้ั เราตอ้ งไมป่ ระมาท หมน่ั เตอื นตนดว้ ยสตปิ ญั ญา อยเู่ สมอๆ และพยายามระลกึ รกู้ ำ� หนดดสู ภาพธรรม อนั เปน็ ปจั จบุ นั อยา่ งเทา่ ทนั โลกและชวี ติ ตามเปน็ จรงิ
97
98 ๔ ปฏบิ ัติธรรมนำ�กิเลสออก
99 พระโยคาวจร แม่ชี โยคผี ู้เข้าปฏิบตั ิวปิ สั สนากรรมฐาน ชว่ งต่อไปเปน็ ช่วงฟังธรรม เป็นช่วงปฏิบัติธรรมร่วมกัน ให้พวกเรานั่งสมาธิ ถือโอกาสฟัง ธรรมะบรรยายไปด้วย จะนัง่ แบบธรรมดากค็ อื ขัดสมาธิ เอาขาซา้ ยเขา้ ขา้ งใน ขาขวาออกขา้ งนอกกไ็ ด้ หรอื บางทเ่ี รยี กวา่ นง่ั เรยี งขา แตก่ ายทอ่ นบนกต็ ง้ั ตรง กายท่อนล่างก็คู้งอธรรมดา คือไมม่ ขี วาทับซา้ ยหรือซ้ายทบั ขวา เปน็ นัง่ สมาธิ ช้นั เดยี ว น่งั อีกแบบหนงึ่ จะนั่งแบบ ขวาทบั ซา้ ยกไ็ ด้ หรอื ซ้ายทับขวากไ็ ม่ผิด แตไ่ มน่ ยิ ม ทำ� กนั เทา่ นน้ั เอง แตจ่ ะเอาขาซา้ ยทบั ขาขวา กไ็ มผ่ ดิ กตกิ า กายทอ่ น บนก็ตั้งตรงเหมือนกนั ทีน้ีแบบที่ ๓ คอื น่งั แบบขาขัดกนั เรยี กว่านัง่ ขัดสมาธิ เพชร คนไมเ่ คยนงั่ กป็ วด แล้วก็ทรมานเหมอื นกนั สบายทส่ี ดุ คือนั่งแบบเรยี ง ขา แตข่ ้อดีของขัดสมาธิเพชร ท�ำใหก้ ายทอ่ นบนตรงดี คนไหนง่วงเหงาบาง ครั้งก็น่งั ขัดสมาธิเพชรกไ็ ม่คอ่ ยงว่ ง อดทน อันน้คี อื นงั่ แบบ ๓ แบบ ส่วนแบบ ที่ ๔ คือตามแต่ถนัด คำ� วา่ ตามแต่ถนดั บางคนนงั่ พับเพยี บน่งั ได้ทนเหลือเกิน น่ังท่าไหนท่าน้ัน แต่ถ้าน่ังท่าอ่ืนไม่ค่อยทน แต่เวลาเราน่ังพับเพียบ หลังมัน จะบดิ ๆหนอ่ ยหน่งึ แตถ่ า้ เราน่งั ขัดสมาธิ สว่ นใหญ่กระดูกสันหลงั ตรง กเ็ ลอื ก น่งั เอา ทีนว้ี ิธนี ั่งนะ วิธีวางมือ ก็เปน็ เทคนิคของแตล่ ะที่ แต่ละแหง่ อาจจะไม่ เหมอื นกนั แต่ส่วนใหญ่ท่นี ยิ ม คือวางมือขวา ทบั มอื ซา้ ย คอื อยู่บนมือซ้าย ท่ี นยิ มสว่ นหวั แมม่ อื บางทกี่ บ็ อกวา่ ชนกนั บางทก่ี ไ็ มช่ นกนั ชนกนั ถามวา่ ผดิ มยั๊ ก็ ไมไ่ ดผ้ ดิ หรอื ถา้ ไมช่ นกนั เปน็ อะไรมยั๊ บางครงั้ กไ็ มเ่ ปน็ ไรเปน็ ไร เปน็ ความรสู้ กึ
100 ของแตล่ ะคนเทา่ นนั้ เอง ซงึ่ มขี อ้ จำ� กดั แตกตา่ งกนั ไป ยงั ไงเสยี สง่ิ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรัสไว้กค็ อื นัง่ คู้บัลลงั ก์ ต้งั กายตรง ด�ำรงสติให้มั่น ทเี่ ราชอบพูดกัน คือกาย ทอ่ นลา่ งคงู้ อ กายทอ่ นบนเหมอื นกบั ตง้ั ตรง กายทอ่ นลา่ งคงู้ อ สว่ นการวางมอื ก็ไมไ่ ดบ้ อกวา่ มือขวาทบั มือซ้ายเราจะเห็นวา่ วางทห่ี ัวเขา่ ๒ ข้างกม็ ีหรือบาง คนก็วางที่หัวเข่า คว�่ำมือบ้างหงายมือบ้าง บางคนก็จีบมือบ้าง ก็แล้วแต่ว่า กันไป เป็นเทคนคิ วธิ แี ตล่ ะคน ไมเ่ หมอื นกัน เรากต็ ้องดคู วามเหมาะสม มัน อยตู่ รงไหนอยา่ งบางครัง้ เรารอ้ นๆถ้าเรานัง่ มือซ้อนกนั ก็จะทำ� ให้มือรอ้ น เรา สงั เกต แตบ่ างครง้ั เราวางมอื ทหี่ วั เขา่ ไมค่ อ่ ยรอ้ น แตถ่ า้ หนาวเราตอ้ งการใหอ้ นุ่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152