Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore NNFE-255834-สค03134แบบเรียน

NNFE-255834-สค03134แบบเรียน

Description: NNFE-255834-สค03134แบบเรียน

Search

Read the Text Version

       หนงั สอื ประกอบการเรียน รายวิชาเลือก การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย รหัส สค๐๓๑๓๔ สาระการพัฒนาสงั คม ระดับประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สาํ นักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สํานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ

      

    คาํ นาํ จากนโยบายและจุดเนน้ การดําเนนิ งาน กศน. ปี ๒๕๕๘ ท่ีมุ่งให้คนไทยทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย เข้าถึง โอกาสทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพ อย่างท่ัวถึง และเท่าเทียม เป็นพลเมืองดี มีศักยภาพ และมีความพร้อม ในการแข่งขันในระดับสากล ซ่ึงมีเป้าประสงค์ให้คนไทยมีความรู้ ความสามารถรอบด้านเพียงพอต่อการ ดํารงชีวิต อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข บนพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ มีศักยภาพในการผลิตทางเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ โดยหน่วยงาน สถานศึกษา กศน.เป็นหน่วยปฏิบัติการดําเนินการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในพนื้ ท่ีทกุ ภูมภิ าค สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สํานักงาน กศน.) ได้ ตระหนักและคํานึงถึงความจําเป็นในการให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจแก่บุคคลและชุมชนในเร่ืองของ การใช้สิทธิเสรีภาพ หน้าที่และความรับผิดชอบของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จึงได้มอบนโยบายให้สถาบัน กศน.ภาคเหนือ ดําเนินการพัฒนาหลักสูตรและส่ือรายวิชา เลอื ก ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให้สถานศึกษา กศน.อําเภอ/เขต ในสังกัด ได้นําไปใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถี ประชาธปิ ไตย ขอขอบคุณคณะทํางานทุกท่านท่ีได้ให้ข้อคิดเห็นท่ีสําคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหนังสือ ประกอบการเรียนการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ฉบับนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ตอ่ สถานศึกษาและผู้สนใจท่วั ไป   (นายการุณ สกลุ ประดิษฐ)์ เลขาธกิ าร กศน. การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ก การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย ก

           การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ข การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ข

    สารบัญ คํานาํ หน้า สารบญั คาํ แนะนาํ การใช้หนงั สอื เรยี น ก โครงสรา้ งรายวิชาการเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ค แบบทดสอบก่อนเรียน จ บทที่ ๑ หนา้ ท่ีของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ ๑ ๓ เรอื่ งที่ ๑ ความหมายของพลเมอื ง ๗ เรอ่ื งท่ี ๒ คุณลกั ษณะของพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย ๘ เรือ่ งที่ ๓ ความหมายของหน้าทีพ่ ลเมอื ง ๙ เรอ่ื งท่ี ๔ หนา้ ที่ของพลเมืองตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๑๑ เร่อื งท่ี ๕ ความสําคญั ของการปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย ๑๒ เรือ่ งที่ ๖ แนวทางการปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย ๑๓ ๑๔ กจิ กรรมทา้ ยบทที่ ๑ ๑๗ บทท่ี ๒ สทิ ธขิ องพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข เรอื่ งที่ ๑ ความหมายและความสาํ คัญของสทิ ธิ เสรีภาพ ๑๙ เรอ่ื งที่ ๒ สิทธิของความเปน็ พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ ๒๐ ทรงเปน็ ประมขุ เรื่องที่ ๓ ผลทไ่ี ด้รับจากการปฏบิ ตั ติ ามสิทธขิ องตนเอง ๒๑ ๒๕ กจิ กรรมท้ายบทท่ี ๒ ๒๖ บทที่ ๓ คา่ นยิ มประชาธปิ ไตย เร่อื งที่ ๑ ความหมาย ความสาํ คัญและหน้าท่ีของค่านยิ มและคา่ นยิ มประชาธปิ ไตย ๒๙ เร่อื งท่ี ๒ หลักการทางประชาธปิ ไตยท่ีสําคญั ๓๐ เร่ืองที่ ๓ พฤติกรรมของพลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย ๓๓ ๓๖ กิจกรรมทา้ ยบทที่ ๓ ๓๙ บทท่ี ๔ คุณธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มของสังคมไทยท่ีสง่ เสรมิ ประชาธิปไตย เรื่องที่ ๑ ความหมายและความสาํ คัญของคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ มของสงั คมไทย ๔๑ เร่อื งท่ี ๒ คุณธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ มของสงั คมไทยท่สี ่งเสรมิ ประชาธิปไตย ๔๒ ๔๗ กิจกรรมท้ายบทที่ ๔ ๔๘ การเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย ค การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ค

  ๔๙ ๕๐   ๕๑ ๕๕ บทที่ ๕ ความเปน็ พลเมอื งโลก เรื่องท่ี ๑ ความหมาย และความสาํ คัญของความเป็นพลเมืองโลก ๕๗ เรื่องที่ ๒ ลกั ษณะของความเป็นพลเมืองโลก เรอ่ื งที่ ๓ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องพลเมืองโลก ๕๙ กิจกรรมท้ายบทที่ ๕ ๖๓ แบบทดสอบหลงั เรยี น เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ๖๓ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น แนวตอบกิจกรรมทา้ ยบท ๖๕ บรรณานุกรม คณะผูจ้ ัดทํา ๖๙ ๗๑ การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย ง การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ง

    คําแนะนาํ การใช้หนังสือเรยี น หนังสือประกอบการเรียน รายวิชาเลือก การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถี ประชาธปิ ไตย รหัสวชิ า สค๐๓๑๓๔ สาระการพัฒนาสงั คม ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และ มัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นหนังสือที่จัดทําขึ้นสําหรับผู้เรียนที่เป็นนักศึกษาการศึกษานอกระบบ ในการศึกษาหนังสือประกอบการเรียน รายวิชาการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธิปไตย ผเู้ รียนควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๑. ศึกษาโครงสร้างรายวิชาให้เข้าใจในหัวข้อ สาระสําคัญ ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังและ ขอบข่ายเนื้อหา ๒. ทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและตรวจเฉลยทา้ ยเลม่ ๓. ศึกษารายละเอียดเน้ือหาของแต่ละบทอย่างละเอียด ซ่ึงหนังสือประกอบการเรียนเล่มนี้ มี ๕ บท คือ บทที่ ๑ หน้าท่ีของพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ บทที่ ๒ สิทธขิ องพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข บทท่ี ๓ คา่ นยิ มประชาธิปไตย บทท่ี ๔ คุณธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มของสังคมไทยทสี่ ง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตย บทที่ ๕ ความเป็นพลเมืองโลก (Gobal Citizenship) ๔. ปฏิบัติกิจกรรมท้ายบทของแต่ละบท เพื่อเป็นการสรุปความรู้ ความเข้าใจของเน้ือหา ในเรื่องน้ัน ๆ แล้วตรวจสอบกับแนวเฉลยกิจกรรมที่กําหนด ถ้าผู้เรียนตอบกิจกรรมผิดควรกลับไปศึกษา และทําความเขา้ ใจเนื้อหาน้นั ใหม่ ก่อนท่ีจะศึกษาเรอ่ื งต่อไป ๕. ทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี นและตรวจเฉลยท้ายเล่ม การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธิปไตย จ การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย จ

         การเสริมสร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ฉ การเสริมสร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ฉ

    โครงสรา้ งรายวิชา การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย รหัส สค๐๓๑๓๔ สาระสําคญั การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีแนวคิดหลักที่สําคัญ คือ หลักสิทธิเสรีภาพ หลักความ เสมอภาค หลกั นติ ธิ รรม หลักการใชเ้ หตุผล และหลักการยอมรับเสียงข้างมากท่ีต้องเคารพสิทธิของเสียงข้าง น้อย ประเทศไทยมีระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนไทยจึงต้องเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพให้ถ่องแท้ จึงจะสามารถดํารงตนเป็นพลเมืองดีในระบอบ ประชาธิปไตยได้ ซ่ึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กําหนดให้นักเรียน ทกุ คนมคี วามสมบรู ณท์ ้ังทางด้านร่างกาย ความรู้คุณธรรม มีจิตสํานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลเมือง โลก ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีความจําเป็นท่ี จะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ และตระหนักในหน้าที่และสิทธิของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ค่านิยมประชาธิปไตย คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมของสังคมไทย ที่ส่งเสริมประชาธิปไตย และความเป็นพลเมืองโลก เพ่ือการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถี ประชาธิปไตย ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ๑. รู้ เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ๒. รู้ เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตนตามสิทธิของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ๓. รู้ เข้าใจ และปฏิบัติตนตามคา่ นิยมประชาธปิ ไตย ๔. รู้ เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตนตามคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมของสังคมไทยที่ส่งเสริม ประชาธิปไตย ๕. รู้ เขา้ ใจ และสามารถปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองโลกท่ีดี ขอบขา่ ยเนอ้ื หา บทที่ ๑ หน้าทขี่ องพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ บทท่ี ๒ สทิ ธขิ องพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ บทท่ี ๓ ค่านิยมประชาธิปไตย บทที่ ๔ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยมของสังคมไทยทส่ี ง่ เสริมประชาธิปไตย บทท่ี ๕ ความเป็นพลเมอื งโลก (Gobal Citizenship) การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถีประชาธิปไตย 1 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๑

       การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 2๒

    แบบทดสอบก่อนเรียน คาํ ชีแ้ จง ใหเ้ ลอื กคาํ ตอบท่ถี กู ทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว ๑. ใครปฏิบัตติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามหลกั ประชาธปิ ไตย โดยยึดหลักสิทธิและเสรภี าพ ก. แปง้ โมโหนอ้ งจึงจับไปขังไวใ้ นห้องมดื ข. กอ้ ยยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของเพื่อนในกลุม่ ค. นดิ เปดิ เพลงเสียงดงั เพ่อื ให้เพื่อนบ้านได้ฟังดว้ ย ง. น้อยเดินเข้าไปหยบิ น้าํ ตาลทรายในบา้ นนกเนอื่ งจากทบ่ี า้ นหมด ๒. ใครมสี ่วนรว่ มในการตรวจสอบการใชอ้ าํ นาจรฐั ก. ตุย้ ใชส้ ิทธเิ ลือกตัง้ ข. เอกเป็นหัวคะแนนใหพ้ รรคการเมอื ง ค. ตน้ ร่วมชมุ นมุ เรียกรอ้ งใหร้ ัฐบาลประกันราคาขา้ ว ง. ปอยรว่ มลงช่อื เพอื่ เสนอให้ถอดถอนนกั การเมืองที่ทุจริตออกจากตาํ แหน่ง ๓. เราควรรว่ มกจิ กรรมทางการเมอื งการปกครองในข้อใด ก. ใหผ้ อู้ ื่นไปใชส้ ิทธิเลือกตัง้ แทนตนเอง ข. ชุมนุมกดดนั รัฐบาลโดยการปิดล้อมสถานท่รี าชการ ค. วิจารณร์ ัฐบาลในทางเสยี หาย แม้จะไม่มขี ้อมลู มายนื ยนั กต็ าม ง. ติดตามข่าวสารทางการเมอื งการปกครองจากหนังสือพิมพ์ทุกวนั ๔. ประชาชนมีส่วนรว่ มในการตดั สินใจทางการเมอื งได้อยา่ งไร ก. การลงประชามติ ข. การร่วมรบั ฟงั การประชุมสภาท้องถน่ิ ค. ชมการถา่ ยทอดการประชมุ รัฐสภาทางโทรทศั น์ ง. การบริจาคเงนิ เขา้ กองทนุ พฒั นาพรรคการเมอื ง ๕. ข้อใดให้ความหมายของคาํ ว่า “สทิ ธขิ องประชาชนตามระบอบประชาธปิ ไตย” ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ก. หนา้ ทขี่ องประชาชนที่จะตอ้ งปฏิบัติตามกฎหมาย ข. อาํ นาจอสิ ระของประชาชนในการตดั สนิ การกระทําใดๆ ค. การไดร้ บั ความสะดวกในการดาํ เนนิ ชวี ิตภายใต้กฎหมาย ง. อํานาจอันชอบธรรมของบคุ คลที่ได้รบั การคุ้มครองตามกฎหมาย ๖. การใชเ้ สรีภาพของบุคคลในขอ้ ใดทถ่ี ือวา่ ถูกต้องตามกฎหมาย ก. สนั ตดิ ูหมนิ่ เสรตี ่อหนา้ สาธารณชน ข. สินเปดิ บอ่ นการพนนั ในบา้ นของตนเอง ค. แสงพกอาวธุ เขา้ ไปในสถานที่สาธารณะ ง. ชาตไิ ปรว่ มชุมนมุ ต่อต้านรฐั บาลโดยสงบปราศจากอาวธุ ๗. หากไม่อยากใหผ้ ูอ้ ่นื ละเมดิ สทิ ธแิ ละเสรีภาพของเรา จะต้องทาํ อยา่ งไร ก. ละเมดิ สิทธิและเสรภี าพของผูอ้ น่ื ข. เคารพในสทิ ธิและเสรภี าพของผูอ้ ่นื ค ข่มขใู่ ห้ผ้อู ื่นมคี วามเกรงกลัวตนเอง ง. ต่อว่าผู้ทล่ี ะเมิดสทิ ธแิ ละเสรีภาพของตนเอง กากรเาสรรเสิมรสิมรส้างรคา้ งวคามวาเปมน็เปพ็นลพเมลอืเมงดอื งี ตดาี ตมาวมิถวปี ิถรีปะชระาชธิปาธไตปิ ยไตย ๓ 3

    ๘. หลักการและเจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญในขอ้ ใดมเี จตนารมณเ์ พอื่ ไมใ่ ห้มีการเลอื กปฏิบตั ริ ะหว่าง ประชาชน ก. หลักสิทธิมนษุ ยชน ข. หลักความเสมอภาค ค. หลักประเพณกี ารปกครอง ง. หลกั พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ของประเทศ ๙. ขอ้ ความทกี่ ลา่ ววา่ \"ประชาชนผู้มีสิทธเิ ลอื กต้งั จะมีสิทธิลงคะแนนเสยี งเลือกตง้ั คนละหนง่ึ เสียงโดย เท่าเทียมกัน\" สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะสําคญั ของสงั คมประชาธิปไตยในข้อใด ก. หลกั นติ ธิ รรม ข. หลกั ความเสมอภาค ค. หลักการเคารพเหตผุ ล ง. หลักอาํ นาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชน ๑๐. กํานนั บญุ มานัดประชุมชาวบา้ นเพ่ือตกลงกันเกย่ี วกับการตดั ถนนเข้าหมู่บา้ นซ่ึงทําให้ทด่ี ินของ ชาวบ้านหลายคนถกู ถนนตัดผ่าน การกระทาํ ของกาํ นันบญุ มาสอดคลอ้ งกับขอ้ ใด ก. การเคารพเหตุผล ข. การประนีประนอม ค. การตดั สนิ ใจของคนสว่ นใหญ่ ง. ความเสมอภาคของประชาชน ๑๑. บรษิ ทั สยามกลกิจรับคนพกิ ารทาํ งานโดยให้คา่ จ้างเทา่ กบั คนท่รี ่างกายสมบรู ณ์ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. การมคี ณุ ธรรม ข. การเคารพเหตผุ ล ค. การปฏิบัตติ ามกฎหมายแรงงาน ง. การเคารพศักดิศ์ รีความเป็นมนุษย์ ๑๒. เอกภพปราศรัยหาคะแนนเสยี งเพอื่ สมัครรับเลือกตง้ั เปน็ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร การกระทาํ ของ เอกภพสอดคล้องกบั ขอ้ ใด ก. สิทธิ ค. หน้าท่ี ข. เสรภี าพ ง. บทบาท ๑๓. ขอ้ ใดคอื ความหมายที่ถกู ต้องทส่ี ุดของคณุ ธรรมตามบทบัญญตั ขิ องพจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๓ ก. ภาระรบั ผิดชอบของบคุ คลท่จี ะต้องปฏบิ ตั ิ ข. ความพร้อมเพรยี งกัน ความปรองดองกลมเกลยี วกัน ค. สภาพคุณงามความดีซึ่งเป็นสภาพคุณงามความดีทางความประพฤติและจิตใจ ง. ลักษณะของบคุ คลทีแ่ สดงออกถึงความเอาใจใส่ ตงั้ ใจ มงุ่ มั่นในหนา้ ท่กี ารงาน การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 4 การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๔

    ๑๔. ข้อใดต่อไปนี้แสดงให้เหน็ ถงึ ความซื่อสตั ย์ ก. วารุณีไปรับเงินทีย่ ืมจากเพอ่ื นในวันท่ีนดั หมาย ข. สําอางค์ให้เพ่ือนลอกการบา้ นเพ่อื ให้เพ่ือนทันสง่ ตามวันที่ครกู าํ หนด ค. วนิ ยั ซอ้ื กระเปา๋ แบรนดเ์ นมให้แฟนตามที่ให้สัญญาไว้ก่อนสาํ เรจ็ การศึกษา ง. สมหวงั นาํ กระเปา๋ สตางคท์ ่ีผโู้ ดยสารลืมไว้ในรถแทก็ ซี่ใหก้ บั สถานีวทิ ยุ จส.๑๐๐ เพ่ือตามหาเจา้ ของ ๑๕. บคุ คลในขอ้ ใดปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ทีข่ องนกั ศึกษาของ กศน. ก. อเนกรว่ มกับครูวางแผนการเรยี น ข. ดาราเขา้ พบกลมุ่ ทุกครงั้ ตามท่ีครนู ัดหมาย ค. วทิ วัสหารายไดเ้ สริมเพ่ือช่วยเหลอื ค่าใช้จ่ายของครอบครวั ง. สมพงษ์สมัครเป็นหัวหน้าทมี แข่งวอลเลย์บอลใหก้ ับศูนยก์ ารเรียน ๑๖. ทา่ นคดิ วา่ กิจกรรมในขอ้ ใดท่ีแสดงถึงการนาํ คุณธรรม จรยิ ธรรมมาสนับสนุน สง่ เสริมการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตย ก. นกั ศกึ ษาออกเยีย่ มและเชญิ ชวนคนในชุมชนไปเลอื กต้งั อยา่ งนอ้ ย ๑๐ คน ข. ผู้ใหญ่บา้ นกําหนดใหช้ าวบา้ นไปใช้สิทธ์ิเลอื กตั้งตามเป้าหมายทไ่ี ดร้ บั จัดสรร ค. ครูระดมนกั ศกึ ษาให้ประชาสัมพนั ธ์การเลอื กตัง้ ตามเปา้ หมายที่กาํ หนดไว้ในกจิ กรรม กพช. ง. ผู้สมัครรบั เลอื กต้งั ให้สัญญากับชาวบา้ นวา่ จะจดั สรรเงินใหห้ มบู่ า้ นหลังจากไดร้ ับการเลอื กตง้ั ๑๗. ข้อใดไมใ่ ชค่ วามสาํ คัญของความเปน็ พลเมืองโลก ก. มสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง ข. สมาชิกในสงั คมโลกอยรู่ ่วมกันอยา่ งมคี วามสขุ ค. ทําใหเ้ กดิ ความรกั ใคร่และความสามคั คีในหมู่คณะ ง. ทาํ ให้สงั คมและประเทศชาติพัฒนาไปไดอ้ ย่างมั่นคง ๑๘. บุคคลในข้อใดท่ีมคี ณุ ลกั ษณะพลเมอื งท่ดี ีของประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก ก. น้อยพ่ึงพาอาศัยเพ่อื นบา้ น ข. องอาจปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายเลอื กต้งั ค. สมชายรบั ราชการดว้ ยความซ่ือสตั ย์สุจริต ง. ยอดชายยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบุคคล ๑๙. การเชอ่ื หรือไม่เช่อื ขา่ วสารท่ีไดร้ บั จากเพ่ือน โดยเลอื กใช้เหตผุ ลอยา่ งเหมาะสม เป็นคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ของพลโลกในขอ้ ใด ก. นักคิด ข. มีวุฒภิ าวะ ค. กลา้ ตัดสนิ ใจ ง. มีวจิ ารณญาณ ๒๐. ขอ้ ใดเป็นคณุ ลักษณะสําคญั ในการพัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เน่อื งเพอื่ ให้เกดิ องค์ความรู้และความก้าวหนา้ ก. ใฝ่เรียนใฝ่รแู้ ละมวี ินยั ข. การส่ือสารและใจกว้าง ค. มีวินยั และกล้าตัดสินใจ ง. มวี ิจารณญาณและมีวฒุ ภิ าวะ การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 5 การเสริมสร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย ๕

       การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 6๖

    บทท่ี ๑ หน้าทขี่ องพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ สาระสาํ คญั สังคมไทยจะมีความสงบสุขและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้น้ัน คนไทยทุกคนจะต้องตระหนัก ถึงบทบาทหน้าท่ีของตนด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่และสอดคล้องกับหลักธรรมวัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนหน้าท่ีพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเป็นพลเมือง ท่ีเคารพกฎหมายเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืนมีความรับผิดชอบต่อตนเองต่อสังคมและกระตือรือร้นท่ีจะ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของชุมชนและสังคม มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นหลักในการดําเนินชีวิต รวมทั้งรู้ถึงบทบาททางสังคมที่ตนดํารงอยู่ ซ่ึงปัจจุบันนี้สังคมประชาธิปไตยของไทยมีการเรียกร้อง สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเพื่อความเท่าเทียมกันมากเกินไปจนลืมหน้าที่ของตน หน้าที่เป็นภารกิจ ที่ทุกคนต้องกระทาํ เพื่อสร้างคุณค่าของความเป็นมนุษย์เมื่อเกิดมาเป็นคน ค่าของคนอยู่ท่ีการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีความรับผิดชอบเป็นหัวใจสําคัญและต้องสอดคล้องกับบทบาททางสังคมท่ีแต่ละบุคคลดํารงอยู่ เพ่ือให้ชีวิตดํารงอยู่อย่างมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งอาจเป็นหน้าที่ตามหลักกฎหมาย หลัก ศีลธรรมวัฒนธรรมประเพณี และเมื่อทุกคนปฏิบัติได้เช่นน้ีแล้ว สังคมไทยก็จะเป็นสังคมพลเมืองท่ีมี ความเข้มแข็งเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ทั้งน้ี สมาชิกทุกคนในสังคมย่อมต้องมีบทบาทหน้าที่ตามสถานภาพของแต่ละคนแตกต่างกัน หากสมาชิกทุกคน ในสังคมได้ปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องแล้วจะได้ช่ือว่าเป็น “พลเมืองที่ดีของสังคมและ ของประเทศชาต”ิ ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั ๑. บอกความหมายของพลเมืองได้ ๒. อธิบายคณุ ลักษณะของพลเมอื งตามระบอบประชาธปิ ไตยได้ ๓. บอกความหมายของหนา้ ทีพ่ ลเมืองได้ ๔. อธิบายหนา้ ทีข่ องพลเมืองตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยได้ ๕. อธบิ ายความสําคัญของการปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยได้ ๖. ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธปิ ไตยได้ ๗. จดั กิจกรรมส่งเสริมบทบาท หน้าท่ีการเป็นพลเมอื งดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ขอบขา่ ยเน้อื หา เรือ่ งท่ี ๑ ความหมายของพลเมอื ง เร่อื งที่ ๓ ความหมายของหนา้ ท่ีพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย เร่อื งที่ ๔ หน้าที่ของพลเมอื งตามวิถีประชาธปิ ไตย เร่ืองที่ ๕ ความสําคญั ของการปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย เรือ่ งที่ ๖ แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 7 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๗

    เรื่องท่ี ๑ ความหมายของพลเมือง คาํ วา่ “พลเมอื ง” อาจจะเปน็ คาํ ท่ไี ม่คุ้นหูมากนักสาํ หรับคนสว่ นใหญซ่ ึง่ ต่างจากคําว่า “ประชาชน” และ“ราษฎร” ที่มักจะใช้หรือได้ยินกันโดยท่ัวไปซ่ึงในความเป็นจริงแล้วคําว่าพลเมืองใช้เพื่อส่ือให้เห็นถึง คนที่มีสํานึกไปกว่าการเป็นเพียงประชาชนผู้รอรับประโยชน์จากภาครัฐเท่านั้นก่อนอ่ืนเราคงจะต้องมาทํา ความเข้าใจความหมายท่ีแท้จริงของคําว่า “ราษฎร” “ประชาชน” และ“พลเมือง” ว่ามีความหมาย แตกตา่ งกันอยา่ งไร ราษฎร แปลว่า คนของรัฐ ความหมายเดิม หมายถึง สามัญชนคือคนที่ไม่ใช่ขุนนางโดยในสมัย รชั กาลท่ี ๕ สังคมไทยโบราณนั้นประชาชนเป็นไพร่หรือทาสเกือบท้ังหมดพอมาถึงช่วงรัชกาลท่ี ๕ ได้มีการ เปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดินครั้งใหญ่มีการเลิกทาสทําให้ประชาชนกลายเป็นราษฎรที่ไม่ต้อง รับใช้เจ้าขุนมูลนายและมีสถานะทางกฎหมายเทียบเท่ากันในความหมาย คือ ผู้ที่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐและ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมืองเช่นเดียวเหมือนกันหมด “ราษฎร” จึงหมายถึงคนธรรมดาหมู่คนท่ี มใิ ชข่ ้าราชการหรือทหารตาํ รวจมคี วามหมายคลา้ ยกับคําวา่ “ประชาชน” แต่มคี วามหมายเป็นทางการน้อย กวา่ คําวา่ ประชาชนเช่น เราเปน็ ราษฎรธรรมดาแต่ถ้าผู้บริหารประเทศคิดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงเราก็ต้องไป คัดค้านคําวา่ ราษฎรอาจหมายถงึ คนท่ัวไปของอําเภอหรือจังหวัดก็ได้ เช่นท่ีจังหวัดน้ีราษฎรทําเกษตรกรรม จงั หวดั ของเราได้ชื่อวา่ เปน็ จังหวดั ท่ีราษฎรยากจนท่สี ดุ ประชาชน หมายถึง คนทั่วไป คนของประเทศ เช่น เราเป็นประชาชนคนธรรมดาไม่มีอภิสิทธิ์ใด ๆ ประชาชนทกุ คนมีหน้าทตี่ ้องรู้กฎหมาย ใครจะปฏเิ สธวา่ ไมร่ ไู้ มไ่ ด้ พลเมือง หมายถึง หมู่คนท่ีเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง เช่น ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพลเมือง ๖๐ ล้านคน คําว่าพลเมือง แปลว่า กําลังของเมืองหมายถึงคนทั้งหมดซ่ึงเป็นกําลังของประเทศทั้งในทาง เศรษฐกิจการทหารและอํานาจต่อรองกับประเทศอ่ืน โดยความหมายของคําว่าพลเมืองจึง หมายถึง คนท่ี สนับสนุนเป็นกําลังอํานาจของผู้ปกครอง เป็นคนท่ีอยู่ในการควบคุมดูแลของผู้ปกครอง เช่น รัฐบาลมี หน้าทบ่ี รหิ ารประเทศเพือ่ ให้พลเมอื งมีความอยดู่ กี ินดี กล่าวโดยสรุปคําว่า “พลเมือง” มีความแตกต่างจากคําว่า “ประชาชน” และ “ราษฎร” ตรง ที่วา่ พลเมืองจะแสดงออกถึงความกระตอื รืนรน้ ในการรักษาสทิ ธติ า่ ง ๆ ของตนรวมถงึ การมีสว่ นรว่ มทางการ เมืองโดยการแสดงออกซ่ึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นความเป็นพลเมือง (Citizen) มีความหมาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทหน้าท่ีและความรับผิดชอบของสมาชิกทางสังคมท่ีมีต่อรัฐต่างจากคําว่า ประชาชน ที่กลายเป็นผู้รับคําส่ังทําตามผู้อื่น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงท่ีสําคัญจึงอยู่ท่ีการเปลี่ยนให้ ประชาชนคนธรรมดาได้กลายเปน็ พลเมอื งทมี่ สี ทิ ธกิ ําหนดทิศทางของประเทศได้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคําว่า “พลเมือง” “วิถี” และ “ประชาธิปไตย” ไว้ ดงั น้ี “พลเมอื ง” หมายถงึ ประชาชนราษฎรชาวประเทศ “วถิ ี” หมายถงึ สายแนวถนนทาง “ประชาธปิ ไตย” หมายถงึ ระบอบการปกครองทีถ่ ือมติปวงชนเปน็ ใหญ่ ดังน้ัน คําว่า “พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย” จึงหมายถึงพลเมือง ท่ีมีคุณลักษณะท่ีสําคัญ คือ เป็น ผู้ท่ียึดมั่นในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทางประชาธิปไตยในการดํารงชีวิต ปฏิบัติตน ตามกฎหมาย ดํารงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วยเหลือเก้ือกูลกันอันจะก่อให้เกิดการพัฒนา สังคมและประเทศชาติให้เป็นสังคมและเป็นประเทศประชาธิปไตยอย่างแท้จริงตามหลักการทาง ประชาธิปไตย การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย 8 การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๘

    เรอ่ื งท่ี ๒ คุณลักษณะของพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย การเป็นพลเมืองจะมีลักษณะอย่างไรน้ัน สังคมจะเป็นผู้กําหนดลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพื่อท่ีจะได้ พลเมืองท่ีดี โดยท่ัวไป การเป็นพลเมืองท่ีดีจะต้องมี คุณสมบัติพื้นฐาน คือ คุณสมบัติท่ัวไปของการเป็น พลเมืองดี เชน่ ขยนั อดทน ซื่อสตั ย์ ประหยัด รับผิดชอบ มีเหตุผล โอบอ้อมอารี มีเมตตา เห็นความสําคัญของ ประโยชน์สว่ นรวม และควรมี คุณสมบัติเฉพาะ คือ คุณสมบัติเฉพาะอย่างท่ีสังคมต้องการให้บุคคล พึงปฏิบัติ เช่น ต้องการบุคคลท่ีมีคุณธรรมนําความรู้ ต้องการให้คนในสังคมไทยหันมาสนใจพัฒนาวิจัยในงานอาชีพด้าน การเกษตรให้มากเพราะเปน็ พื้นฐานของสังคมไทย การปกครองในระบอบ “ประชาธิปไตย” เป็นการปกครองท่ีประชาชนเป็นเจ้าของอํานาจสูงสุด ภายใต้รัฐธรรมนูญซ่ึงเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่การปกครองระบอบประชาธิปไตยจะประสบ ความสาํ เรจ็ ได้นนั้ จะตอ้ งสรา้ ง “พลเมือง” ใหส้ ามารถปกครองตนเองได้ ไม่ใช่เพยี งแต่มรี ัฐธรรมนญู ทีด่ ีเทา่ นน้ั ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ได้อธิบายว่า “พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย” ประกอบด้วยลักษณะ ๖ ประการ คือ ๑. รับผิดชอบตนเองและพึ่งตนเองได้ ระบอบประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองท่ีประชาชน เป็นเจ้าของอํานาจสูงสุดในประเทศ ประชาชนในประเทศจึงมีฐานะเป็นเจ้าของประเทศ เม่ือประชาชน เป็นเจ้าของประเทศ ประชาชนจึงเป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิเสรีภาพในประเทศของตนเอง ทํานองเดียวกับ เจ้าของบ้านมีสิทธิเสรีภาพในบ้านของตน ระบอบประชาธิปไตยจึงทําให้เกิดหลักสิทธิเสรีภาพ และทําให้ ประชาชนมีอิสรภาพ คือ เป็นเจ้าของชีวิตตนเอง “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นไท คือ เป็น อิสระชนที่พ่ึงตนเองและสามารถรับผิดชอบได้ และไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอํานาจหรือภายใต้ “ระบบ อุปถมั ภ”์ ของผู้ใด เด็กจะเป็น “ผู้ใหญ่” และเป็น “พลเมือง” หรือสมาชิกคนหน่ึงของสังคมได้อย่างแท้จริงเม่ือ สามารถรับผิดชอบตนเองได้ ๒. เคารพหลักความเสมอภาคประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่อํานาจสูงสุดในประเทศ เป็นของประชาชน ดังน้ัน ในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าประชาชนจะแตกต่าง หรือสูงต่ํากันอย่างไร ไม่ว่าจะ ร่ํารวยหรือยากจน จะจบปริญญาเอกหรือจบ ป.๔ จะมีอาชีพอะไร จะเป็นเจ้านายหรือเป็นลูกน้อง ทุกคน ล้วนแต่เท่าเทียมกันในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ “พลเมือง” จึงต้องเคารพหลักความเสมอภาค และจะต้อง เห็นคนเท่าเทียมกัน คือ เห็นคนในแนวระนาบ (horizontal) เห็นตนเท่าเทียมกับคนอ่ืน และเห็นคนอื่นเท่า เทียมกับตน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนล้วนมีศักด์ิศรีของความเป็นเจ้าของประเทศอย่าง เสมอกัน ถึงแม้จะมี การพ่ึงพาอาศัย แต่จะเป็นไปอย่างเท่าเทียมซึ่งจะแตกต่างอย่างส้ินเชิง จากสังคมแบบอํานาจนิยมในระบอบ เผด็จการหรือสังคมระบบอุปถัมภ์ ซ่ึงโครงสร้างสังคมจะเป็นแนวด่ิง (vertical) ที่ประชาชนไม่เสมอภาค ไม่เท่า เทียมไม่ใช่อิสระชน และมองเห็นคนเป็นแนวดิ่ง มีคนที่อยู่สูงกว่าและมีคนที่อยู่ต่ํากว่า โดยจะยอมคนท่ีอยู่สูง กว่า แต่จะเหยยี ดคนที่อยตู่ ํา่ กว่าซึ่งมใิ ช่ลักษณะของ “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธิปไตย ๓. เคารพความแตกต่าง เม่ือประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ ประชาชนจึงมีเสรีภาพในประเทศ ของตนเอง ระบอบประชาธิปไตยจึงให้เสรีภาพ และยอมรับความหลากหลายของประชาชน ประชาชนจึง แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการเลือกอาชีพ วิถีชีวิตความเชื่อทางศาสนา หรือความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น เพื่อมิให้ความแตกต่างนํามาซ่ึงความแตกแยกในสังคม “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงต้อง ยอมรบั และเคารพความแตกต่างของกนั และกัน เพ่ือใหส้ ามารถอยรู่ ่วมกันได้ ถึงแม้จะแตกตา่ งกันและจะต้อง การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย 9 การเสริมสร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๙

    ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่เห็นแตกต่างไปจากตนเอง ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยแต่จะต้องยอมรับว่า คนอ่ืนมสี ทิ ธทิ ี่จะแตกต่าง หรือมีความคดิ เห็นทแ่ี ตกต่างไปจากเราได้ และต้องยอมรับโดยไม่จําเป็นที่จะต้อง เข้าใจว่า ทําไมเขาถึงเชื่อหรือเห็นแตกต่างไปจากเรา “พลเมือง” จึงคุยเรื่องการเมืองกันในบ้านได้ ถึงแม้จะ เลือกพรรคการเมืองคนละพรรค หรอื มีความคดิ เหน็ ทางการเมืองคนละขา้ งกัน ๔. เคารพสิทธิผู้อ่ืนในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ แต่ถ้าทุกคนใช้สิทธิ โดยคํานึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง หรือเอาแต่ความคิดของตนเองเป็นท่ีตั้ง โดยไม่ คํานึงถึงสิทธิผู้อื่น หรือไม่สนใจว่าจะเกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใด ย่อมจะทําให้เกิดการใช้สิทธิ ท่ีกระทบกระท่ังกัน จนไม่อาจจะอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกต่อไปได้ ประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นอนาธิปไตย เพราะทุกคนเอาแต่สิทธิของตนเองเป็นใหญ่ สุดท้ายประเทศชาติย่อมจะไปไม่รอด สิทธิในระบอบ ประชาธิปไตยจึงจําเป็นต้องมีขอบเขต คือ มีสิทธิและใช้สิทธิได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อ่ืน “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยจงึ ตอ้ งเคารพสิทธผิ อู้ นื่ และจะต้องไม่ใชส้ ิทธิเสรภี าพของตนไปละเมดิ สิทธขิ องผู้อ่ืน ๕. เคารพกติกา ประชาธิปไตยต้องใช้กติกา หรือกฎหมายในการปกครอง ไม่ใช่ตามอําเภอใจ หรือใช้กําลังโดยทุกคนต้องเสมอภาคกันภายใต้กติกาน้ัน แต่ถึงแม้จะมีกฎหมายหรือมีกติกา แต่หากว่า ประชาชนไม่เคารพหรือไม่ปฏิบัติตามกติกาก็หามีประโยชน์อันใดไม่ ระบอบประชาธิปไตยจึงจะประสบ ความสําเร็จได้ ต่อเม่ือมี “พลเมือง” ท่ีเคารพกติกาและยอมรับผลของการละเมิดกติกา “พลเมือง” จึงต้อง เคารพ “กติกา” ถ้ามีปัญหา หรือมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็ต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตยและใช้กติกา ในการ แก้ไข ไม่เล่นนอกกติกาและไมใ่ ช้กําลังหรอื ความรนุ แรง ๖. รับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ประชาธิปไตยมิใช่ระบอบการปกครองตามอําเภอใจ หรือ ใครอยากจะทําอะไรก็ทํา  โดยไม่คํานงึ ถึงส่วนรวม ดงั นน้ั นอกจากจะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืน และ รับผดิ ชอบตอ่ ผอู้ นื่ แล้ว “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธิปไตยยงั จะตอ้ งใช้สทิ ธิเสรีภาพของตน โดยรับผิดชอบ ต่อสังคมด้วย โดยเหตุท่ีสงั คมหรือประเทศชาติมิได้ดีขึ้นหรือแย่ลงโดยตัวเอง หากสังคมจะดีข้ึนได้ก็ด้วยการ กระทําของคนในสังคม และที่สังคมแย่ลงไปก็เป็นเพราะการกระทําของคนในสังคม “พลเมือง” จึงต้อง ตระหนักว่า ตนเองเป็นสมาชิกคนหน่ึงของสังคมและรับผิดชอบต่อการกระทําของตน “พลเมือง” จึงไม่ใช่ คนที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามอําเภอใจ แล้วทําให้สังคมเส่ือมลงหรือเลวร้ายลงไปหากเป็นผู้ท่ีใช้สิทธิเสรีภาพ โดยต้องตระหนักอยู่เสมอว่า การกระทําใด ๆ ของตนเองย่อมมีผลต่อสังคมและส่วนรวม “พลเมือง”ต้อง รับผิดชอบต่อสังคม และมองตนเองเช่ือมโยงกับสังคม เห็นตนเองเป็นส่วนหน่ึงของปัญหา และมีส่วนร่วม ในการแก้ไขปัญหานั้น โดยเร่ิมต้นท่ีตนเอง หรือร่วมแก้ปัญหาด้วยการไม่ก่อปัญหา และลงมือทําด้วยตนเอง ไมใ่ ชเ่ อาแตเ่ รยี กร้องคนอ่ืน หรอื เรยี กรอ้ งแตร่ ัฐบาลใหแ้ กป้ ัญหาแล้วตนเองกก็ ่อปัญหาน้ันตอ่ ไป รบั ผิดชอบตนเอง พลเมือง รับผดิ ชอบต่อสงั คม และพึง่ ตนเองได้ และสว่ นรวม เคารพหลัก เคารพกตกิ า ความเสมอภาค เคารพความแตกต่าง เคารพสทิ ธิผอู้ ่ืน กกาารรเเสสรรมิมิ สสรรา้า้ งงคคววาามมเเปป็น็นพพลลเเมมือืองงดดีี ตตาามมววถิิถีปปี รระะชชาาธธิปปิ ไไตตยย ๑1๐0

    เรอื่ งที่ ๓ ความหมายของหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง “หน้าท่ี” หมายถึง กิจท่ีต้องทํา เป็นส่ิงท่ีกําหนดให้ทํา หรือห้ามมิให้กระทํา ถ้าทําก็จะก่อให้เกิด ผลดี เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรือสังคมส่วนรวมแล้วแต่กรณี ถ้าไม่ทําหรือไม่ละเว้นการกระทํา ตามท่ีกําหนดจะได้รับผลเสียโดยตรง คือ ได้รับโทษ หรือถูกบังคับ เช่น ปรับ จําคุก หรือประหารชีวิต เปน็ ตน้ โดยทวั่ ไปสิง่ ทีร่ ะบุกจิ ที่ตอ้ งทํา ไดแ้ ก่ กฎหมาย เปน็ ตน้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคําว่า “หน้าท่ี” และ “พลเมือง” ไว้ดังน้ี “หน้าที”่ หมายถงึ กิจที่จะต้องทําดว้ ยความรับผดิ ชอบ “พลเมือง” หมายถึง ประชาชน ราษฎร ชาวประเทศ จากคําว่า “หน้าท่ี” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ หมายถึง กิจที่จะ ต้องทําด้วยความรับผิดชอบ แต่เม่ือนําคําว่า “หน้าท่ี” รวมกับคําว่า “ชนชาวไทย” เป็น “หน้าที่ของชน ชาวไทย” ดังที่ปรากฏในหมวด ๔ ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คณิน บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ใน หนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า คือ ภาระและความรับผิดชอบ ท่ีรัฐธรรมนูญกําหนด บังคับให้บุคคลซึ่งเป็นชนชาวไทยต้องปฏิบัติ หรือกระทําให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย เม่ือรัฐธรรมนูญกําหนดว่า การกระทําใดเป็นหน้าท่ีพลเมืองแล้ว ถ้าหากผู้ใดไม่ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติ ถือว่า ฝ่าฝืนกฎหมายและจะถูกลงโทษ อย่างไรก็ตาม หน้าท่ีของชนชาวไทย ถือว่าเป็น ภาระและความรับผดิ ชอบของประชาชนชาวไทยทกุ คนท่ตี ้องยดึ ถือปฏิบัติ   การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย 11 การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ๑๑

    เรอื่ งท่ี ๔ หน้าที่ของพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย หนา้ ที่ของพลเมอื งดีตามหลกั ธรรม การปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมอื งดตี ามหลักธรรมประกอบดว้ ย จรยิ ธรรม คุณธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติ ที่ไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อน เสียหาย หลักการของ กิรยิ าทคี่ วรประพฤติ ทําให้สงั คมอย่รู ว่ มกันโดยสงบ คุณธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติ ท่ีสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น หลักการท่ีดี มปี ระโยชน์ทสี่ งั คมเหน็ วา่ เป็นความดคี วามงาม ศีลธรรม หมายถึง หลักในการประพฤติปฏิบัติ ท่ีไม่ทําให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหาย พร้อมกันน้ัน ก็สร้างประโยชนใ์ ห้แกผ่ ู้อน่ื ด้วยรักษากาย วาจา ใจ ใหเ้ ปน็ ปกติ ไมท่ ําชั่วเบียดเบยี นผอู้ ่นื การเป็นพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย หมายถึง การท่ีพลเมืองมีหลักการดําเนินชีวิต ที่มี คุณธรรม จริยธรรม และมีบทบาทในการกระทํา ที่มีคุณลักษณะทางประชาธิปไตยเป็นองค์ประกอบ ทส่ี าํ คญั ในการดาํ เนินชวี ติ โดยคณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองดใี นสังคมประชาธิปไตย มีดงั นี้ ๑. ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หมายถึง การที่บุคคลมีความสํานึกถึง ความสําคัญของความเป็นคนไทย มีจิตใจฝักใฝ่ศาสนา และตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของ พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่สังคมไทย ตลอดไป ๒. การยึดม่ันในหลักธรรมของศาสนาที่ตนเองนับถือ ทุกศาสนามีหลักศีลธรรมที่ช่วยสร้างจิตใจ ของคนให้กระทําดี ไม่เบียดเบียนกัน มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กัน สมาชิกในสังคมสมควรศรัทธาในศาสนา ท่ตี นนับถอื แล้วปฏิบัตติ ามหลักศลี ธรรมของศาสนาทตี่ นนบั ถอื อยา่ งสม่าํ เสมอ ๓. ความซ่ือสัตย์ หมายถึง การกระทําที่ถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่ยึดเอาส่ิงของผู้อ่ืนมาเป็นของตน บุคคลควรซื่อสัตย์ต่อตนเอง คือ กระทําตนให้เป็นคนดีและบุคคลควรซื่อสัตย์ต่อบุคคลอื่น ๆ หมายถึง กระทาํ ดแี ละถกู ต้องตามหน้าทต่ี ่อผูอ้ น่ื ๔. ความเสียสละ หมายถึง การคํานึงถึงประโยชน์ของสังคมส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน และยอมเสียสละประโยชนส์ ่วนตนเพ่ือประโยชน์แก่ผอู้ ื่นและส่วนรวม ๕. ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมรับการกระทําของตนเอง หรือการทํางานตามหน้าท่ี ที่ได้ รบั มอบหมายใหส้ าํ เรจ็ ลุล่วง ๖. การมีระเบยี บวินัย หมายถงึ การกระทําทถ่ี ูกต้องตามกฎเกณฑ์ทส่ี ังคมกําหนดไว้ ๗. การตรงต่อเวลา หมายถึง การทํางานหรือทําหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย ให้สําเร็จลุล่วง ทันตรง ตามเวลาที่กาํ หนด โดยใช้เวลาอยา่ งคมุ้ ค่า ๘. ความกล้าหาญทางจริยธรรม หมายถึง การกระทําท่ีแสดงออกในทางท่ีถูก ท่ีควร โดยไม่ เกรงกลัวอทิ ธพิ ลใด ๆ ความกล้านี้ไมใ่ ชก่ ารอวดดี แต่เปน็ การแสดงออกอย่างมเี หตุผลเพ่ือความถูกตอ้ ง การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 1๑2๒

    เร่ืองที่ ๕ ความสําคัญของการปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย สมาชิกในสังคมประชาธิปไตย รู้จักปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ย่อมเกิดผลดี ตอ่ สังคมและประเทศ ดังนี้ ๑. ทําให้สังคมและประเทศชาติมีการพัฒนาไปอย่างมั่นคง เพราะการท่ีทุกคนมีส่วนร่วมในการ แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย และมีเหตุผลในงานหรือโครงการต่าง ๆ ทั้งในระดับชุมชน ถึงระดับประเทศ ตลอดจนเปิดโอกาสให้คนท่ีมีความรู้ ความสามารถ ได้ร่วมกันทํางาน ย่อมส่งผลให้ การทํางานและผลงานน้ันมีประสิทธิภาพ ๒. เกิดความรักและความสามัคคีในหมู่คณะ เม่ือมีการทํากิจกรรมร่วมกัน ย่อมมีความผูกพัน ร่วมแรงร่วมใจในการทาํ งานทั้งปวง ให้บรรลเุ ปา้ หมายได้ ๓. สังคมมีความเป็นระเบียบสงบเรียบร้อย เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามระเบียบ กติกาของสังคม ซ่งึ เปน็ กฎเกณฑ์ทท่ี กุ คนยอมรบั ๔. สังคมมคี วามเป็นธรรม สมาชกิ ทุกคนไดร้ บั สทิ ธิหน้าที่ เสรีภาพ ความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย ทําให้สมาชกิ ทกุ คนได้รบั การปฏิบตั อิ ยา่ งยตุ ธิ รรม กอ่ ให้เกดิ ความเปน็ ธรรมในสังคม ๕. สมาชิกในสังคมมีความเอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่และมีนํ้าใจต่อกัน โดยยึดหลักศีลธรรมเป็นพื้นฐาน ในการปฏบิ ตั ิต่อกันตามวิถีประชาธิปไตย   การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย 13 การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๑๓

    เรอ่ื งที่ ๖ แนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย การปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดีตามกฎหมาย บุคคลมีหน้าท่ีปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้กว้าง ๆ แต่มีความหมายครอบคลุม กฎหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเอกชน มหาชน หรือกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎหมาย ระดับต่าง ๆ เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เป็นต้น เมื่อเราต้องเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์ กับกฎหมายใด ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายน้ัน ๆ อย่างเคร่งครัดเพราะกฎหมายแต่ละฉบับนั้น ได้มีการร่าง และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน จึงเป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน ท่ีจะต้อง ศกึ ษาและทําความเขา้ ใจเรือ่ งกฎหมาย เพอ่ื ไม่ใหเ้ สยี เปรียบ หรือได้รับโทษโดยรเู้ ท่าไมถ่ ึงการณ์ การปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมอื งดตี ามวฒั นธรรมไทย วัฒนธรรมเป็นส่งิ ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขึน้ และเปน็ ลักษณะเฉพาะของแต่ละสังคม ในการดําเนินชีวิตของคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่แสดงออกถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวความก้าวหน้า คนส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นส่ิงดีงาม โดยสร้างเป็นกฎเกณฑ์ แบบแผน เพ่ือนําไปปฏิบัติให้เป็นไปตามรูปแบบ เดียวกัน ถือเป็น “มรดกแห่งสังคม” เพราะวัฒนธรรมเป็นส่ิงท่ีมนุษย์ได้รับมาจาก บรรพบุรุษ หรือถ่ายทอด ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง จนเป็นวิถีของสังคม เป็นวัฒนธรรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้ เช่น กริยา ท่าทางการพูด การเขียน การแต่งกาย มารยาทต่าง ๆ เปน็ ตน้ การปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดตี ามประเพณไี ทย ขนบธรรมเนียมประเพณี คือ สิ่งท่ีปฏิบัติสืบทอดกันมาและถือว่าเป็นสิ่งท่ีดีงาม สิ่งท่ีดีงามของแต่ ละสังคมอาจเหมือนกัน คล้ายกัน หรือแตกต่างกันก็ได้ และสิ่งที่ดีงามของสังคมหนึ่ง เม่ือเวลาผ่านไป สังคมน้ันอาจเห็นเป็นสิ่งไม่ดีงามก็ได้ วัฒนธรรมและประเพณีไทยเป็นกิจกรรมที่สืบทอดมายาวนาน และ สังคมยอมรับว่าเป็นส่ิงดีควรอนุรักษ์ไว้ เช่น ประเพณีการบวช การแต่งงาน การเผาศพ การทอดกฐิน การเข้าพรรษา รวมถึงประเพณีท้องถิ่น ที่นิยมปฏิบัติกันในแต่ละท้องถ่ิน เช่น ภาคกลางมีประเพณีวิ่งควาย อุ้มพระดําน้ํา ทําขวัญข้าว ภาคใต้มีประเพณีชักพระ แห่ผ้าข้ึนพระธาตุ ภาคเหนือมีประเพณีรดนํ้าดําหัว ปอยส่างลอง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประเพณีไหลเรือไฟ บุญบั้งไฟ แห่เทียนเข้าพรรษา แห่ผีตาโขน เป็นตน้ การปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตยในสังคมไทย ส่ิงหนึ่งที่จะช่วยให้สังคมไทยมีความสงบสุข และอยู่ร่วมกันโดยสันติสุข คือ คนไทยทุกคนต้องปฏิบัติ ตนเป็นพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย ซ่ึงการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมอื งดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย ในสงั คมไทยมีดงั น้ี ๑. การปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองดีในครอบครัว ครอบครัวประกอบด้วยบุคคลหลัก ๆ คือ บิดา มารดา และบุตรธิดา การที่ครอบครัวจะมีความสุข สมาชิกภายในครอบครัวต้องปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ทําดี ต่อกัน คือ บิดา มารดา ควรปฏิบัติต่อบุตรโดยเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน ให้ทําสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม ไม่ให้ ประพฤติชั่ว ส่งเสียให้เล่าเรียน สอนมารยาทที่ดีงามในสังคม ไม่ลงโทษโดยใช้ความรุนแรง เป็นต้น ในขณะเดียวกัน บุตรพึงปฏิบัติต่อบิดา มารดา โดยมีความกตัญญูกตเวที เลี้ยงดูบิดา มารดา ช่วยกิจการ ของครอบครัว ประพฤติตนเป็นคนดี เป็นต้น นอกจากนี้ สามีและภรรยา ควรปฏิบัติตนให้เหมาะสมต่อกัน โดยยกย่องให้เกียรติซ่ึงกันและกัน เคารพและซื่อสัตย์ ไม่นอกใจ รู้จักขยัน ใช้จ่ายอย่างประหยัด มีเหตุผล และมคี วามเข้าใจกนั การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย 14 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๑๔

    ๒. การปฏิบตั ติ วั เปน็ พลเมืองดใี นโรงเรยี น สมาชิกในโรงเรยี นประกอบด้วย ครู ลูกศิษย์ เพ่ือนๆ เป็นต้น ซ่ึงสมาชิกท่ีดีต้องปฏิบัติตนต่อกัน โดยครูมีหน้าท่ีอบรมส่ังสอนวิชาความรู้ กิริยามารยาทต่าง ๆ ให้แก่ศิษย์ ให้เป็นคนเก่ง คนดี นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีมีเมตตา มีความยุติธรรม ปฏิบัติตนต่อลูกศิษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนลูกศิษย์ควรปฏิบัติต่อครู โดยประพฤติตนเป็นคนว่านอน สอนง่าย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ขยันตั้งใจเรียน มีความกตัญญูกตเวที ไม่ลบหลู่ดูหม่ิน นอกจากน้ี นักเรยี นทุกคนควรปฏบิ ตั ิต่อกนั ในฐานะเพอ่ื น โดยมนี ้ําใจเผื่อแผ่ชว่ ยเหลือกนั มีความรกั ใคร่สามคั คี ซ่ือสัตย์ ตอ่ กนั ๓. การปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองดีในท้องถ่ิน การปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองดีในท้องถิ่น เช่น ให้ ความร่วมมอื ในการรักษาความสะอาด และพัฒนาชุมชนใหน้ ่าอยู่ เสียภาษใี หแ้ ก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ติดตามดูแล และตรวจสอบการให้บริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ช่วยกันอนุรักษ์ หรือ ฟน้ื ฟจู ารตี ประเพณี ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ และรว่ มกนั ป้องกันอาชญากรรม ภัยจากสารเสพตดิ เป็นตน้ ๔. การปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองดีของประเทศ การปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองดีของประเทศ เช่น ไม่ปฏิบัติตนอันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลอื่น ไม่รวมตัวกันในทางที่ขัดต่อความสงบ เรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ธํารงรักษาไว้ซ่ึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ การปกครองระบอบประชาธิปไตยไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เสียภาษีอากร และมีส่วนร่วมในหน่วยราชการ หรือการป้องกันประเทศ เปน็ ตน้ การปฏิบัติตนตามหลักประชาธิปไตย ในการดาํ รงชวี ติ ในสังคม หลักประชาธปิ ไตยทีส่ ําคัญท่ใี ช้เปน็ แนวทางปฏิบัติ มดี งั น้ี ๑. หลักเหตผุ ล ในวถิ ชี วี ติ ของสังคมประชาธิปไตย ผู้คนต้องรจู้ ักรับฟังเหตุผลของผู้อน่ื ไม่ดื้อดึง ในความคดิ เหน็ ของตน จนคนอนื่ มองเราเป็นคนมีมิจฉาทฐิ ิ (ความเหน็ ผดิ จากทาํ นองคลองธรรม) ๒. หลักความเสมอภาค ในสังคมประชาธิปไตยแม้คนจะแตกต่างกันเร่ืองเพศ ผิวพรรณ ชนชั้น ถ่ินที่อยู่อาศัย ศาสนาหรืออุดมการณ์ทางการเมือง แต่ทุกคนควรจะมีความเท่าเทียมกัน โดยกฎหมาย โดยเฉพาะในเรอื่ งต่อไปนี้ ๑) ความเสมอภาคทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วน ตามกฎหมาย และทุกคนมสี ิทธิลงคะแนนเสียงเลอื กตงั้ ไดอ้ ย่างเท่าเทยี มกัน ๒) ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน สีผิวใด มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือไม่ ตอ้ งไม่ถกู กีดกนั ในการประกอบอาชีพการงาน ๓) ความเสมอภาคทางโอกาส คอื ทกุ คนมีโอกาสได้รับการศึกษา การรักษาพยาบาลและ การรบั การบรกิ ารจากรฐั อย่างเท่าเทยี มกัน ๓.หลกั สทิ ธแิ ละเสรีภาพ ๑) สทิ ธิ คือ ประโยชนท์ บี่ คุ คลพึงได้รบั ตามกฎหมาย เชน่ บุคคลมีสทิ ธิได้รบั การศกึ ษาการ รกั ษาพยาบาล มสี ิทธใิ นทรพั ยส์ ินของตน ๒) เสรภี าพ คือ ทุกคนมีอิสระในการทําอะไรก็ได้ตามที่ตนต้องการ แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และไม่กระทบต่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เช่น เสรีภาพ ในการพดู การเขยี น การพิมพ์ การโฆษณา การจดั ต้ังพรรคการเมอื ง เป็นตน้ การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 15 การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๑๕

    ๔. หลักการยึดเสียงข้างมาก คือ การปฏิบัติตามความคิดเห็น หรือตามความยินยอมของคน ส่วนใหญ่ แต่ให้เกียรติโดยการไม่ละเมิดสิทธิ หรือเอารัดเอาเปรียบเสียงส่วนน้อย หากมีปัญหาก็สามารถ ตัดสินปัญหาโดยใช้มติเสียงข้างมาก แต่ในขณะเดียวกันเสียงส่วนน้อยก็ได้รับความคุ้มครอง เพื่อการ ดํารงชีวติ อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ุขในสงั คมประชาธิปไตย ๕. หลักภราดรภาพ คือ การท่ีมนุษย์มีความรัก ความผูกพันกันฉันท์พี่น้อง ไม่แบ่งแยกภูมิภาค ถ่ินท่ีอยู่อาศัย ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ชนช้ัน เพศ ผิวพรรณ เอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจกัน ไม่เอารัด เอาเปรียบกนั   การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 16 การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย ๑๖

    กจิ กรรมท้ายบทท่ี ๑ กจิ กรรมที่ ๑ ให้ตอบคําถาม แล้วจดั ทําเป็นปา้ ยนเิ ทศประกอบภาพ ๑. ให้ประเมินตนเองว่า ทา่ นปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยอย่างไร ……………………………………………...……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………..….……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………..….………………………………………………………………………………………… ๒. จงอธิบายประโยชน์ของการปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม โดยวิเคราะห์ถึงประโยชน์ ของตนเอง ……………………………………………...……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………..….……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………..….………………………………………………………………………………………… กิจกรรมท่ี ๒ ให้ตอบคําถาม แล้วจดั ทําเป็นผงั ความคดิ (Mind Mapping) ๑. ถ้าคนในชุมชนของเราไม่ปฏิบัติตามหน้าท่ีของตนอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ท่านคิดว่าจะเกิด ปัญหาในชุมชนอย่างไรบ้าง จงอธิบายและยกตัวอยา่ งประกอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………..….……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………..….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ให้ยกตัวอย่างบุคคลผู้เป็นแบบอย่างในการเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยมา ๑ คน พร้อม อธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจเลือกบุคคลดังกล่าวมาอย่างละเอียด และวิเคราะห์ว่าสามารถนํา แบบอยา่ งทด่ี ีน้นั ไปใช้ในการพัฒนาความเป็นพลเมืองดขี องตนเองใหด้ ีขน้ึ อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………..….…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธิปไตย 17 การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๑๗

      การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 1๑8๘

    บทที่ ๒ สิทธขิ องพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ สาระสาํ คญั ประเทศไทยแต่เดิมน้ันอํานาจในการปกครองแผ่นดินเป็นสิทธิขาดของพระมหากษัตริย์ แต่พระองค์เดียว หรือท่ีเรียกว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๗ ได้มีกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า “คณะราษฎร” ทําการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่น้ันมารัฐธรรมนูญกลายเป็นหลักสําคัญในการปกครองประเทศแม้จะมีการยกเลิกหรือแก้ไข เปล่ียนแปลงรัฐธรรมนูญหลายครั้งตามสภาวการณ์ของบ้านเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ นบั เป็นรัฐธรรมนญู ฉบับท่ี ๑๘ ของไทยที่ใชอ้ ยปู่ ัจจุบัน รัฐธรรมนูญได้กําหนดรูปแบบให้ประเทศไทยเป็นรัฐเด่ียว ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อํานาจอธิปไตยอันเป็นอํานาจสูงสุดของรัฐ แบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ อํานาจ นิติบัญญัติ อํานาจบริหาร และอํานาจตุลาการ อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อํานาจอธิปไตย กล่าวคือ ทรงใช้อํานาจนิติบัญญัติผ่านทางรัฐสภา อํานาจ บริหารผ่านคณะรัฐมนตรี และอํานาจตุลาการผ่านทางศาล นอกจากน้ี รัฐธรรมนูญยังมีบทบัญญัติที่ให้ ความคุม้ ครองสทิ ธิ เสรีภาพของประชาชนอย่างเสมอภาคกัน ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวงั ๑. อธบิ ายความหมายและความสาํ คญั ของสทิ ธิและเสรภี าพได้ ๒. ปฏิบัตติ นตามสทิ ธิ เสรีภาพของตนเองตามระบอบประชาธปิ ไตยได้ ๓. อธบิ ายผลจากการปฏบิ ตั ิตนตามสิทธแิ ละหนา้ ทีต่ ามระบอบประชาธิปไตยได้ ๔. จดั กิจกรรมสง่ เสริมการใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพของพลเมอื งในระบบประชาธิปไตย ขอบขา่ ยเนอ้ื หา ๑. ความหมายและความสาํ คญั ของสิทธิ เสรภี าพ ๒. สิทธขิ องความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ๓. ผลท่ไี ด้รับจากการปฏิบตั ิตามสทิ ธขิ องตนเอง การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 19 การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๑๙

    เร่ืองท่ี ๑ ความหมายและความสาํ คัญของสทิ ธิ เสรีภาพ สิทธิ หมายถึง อํานาจหรอื ผลประโยชนข์ องบุคคลทีก่ ฎหมายให้ความคมุ้ ครอง ประโยชน์ท่ีกฎหมายรับรองและคุ้มครองให้ ซึ่งหมายความว่า เป็นประโยชน์ที่กฎหมาย “รับรอง” วา่ มีอยู่และเป็นประโยชน์ท่ีกฎหมาย “คุ้มครอง” คือ คุ้มครองมิให้มีการละเมิดสิทธิ รวมท้ังบังคับให้เป็นไป ตามสิทธิในกรณีท่ีมีการละเมิดด้วย เช่น สิทธิเลือกต้ัง กฎหมายกําหนดให้บุคคลที่มีอายุ ๑๘ ปีบริบูรณ์ มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิทธิในครอบครัว สิทธิความ เป็นอยสู่ ่วนตวั สทิ ธิในทรัพย์สนิ เป็นตน้ เสรีภาพ หมายถึง อํานาจความมีอิสระของคนเราท่ีจะตัดสินใจด้วยตนเองที่จะกระทําการหรือไม่ กระทําการสง่ิ หนงึ่ สิ่งใดอันไมเ่ ป็นการฝ่าฝนื ต่อกฎหมาย อํานาจตัดสินใจด้วยตนเองของมนุษย์ที่จะเลือกดําเนินพฤติกรรมของตนเอง โดยไม่มีบุคคลอ่ืนใด อ้างหรือใชอ้ ํานาจสอดแทรกเขา้ มาเกยี่ วข้องการตัดสินใจน้นั ซง่ึ กเ็ ป็นความหมายของเสรีภาพในทางปรัชญา เท่าน้ัน แต่แท้จริงแล้วการท่ีมนุษย์ดํารงชีวิตอยู่ในสังคมแล้ว แต่ละคนจะตัดสินใจกระทําการหรือไม่กระทํา การสิ่งใด ย่อมตอ้ งคาํ นงึ ถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสงั คม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎเกณฑ์ของสังคมท่ีเปน็ กฎหมาย อกี ดว้ ย เช่น เสรีภาพในการพดู การเขยี น เปน็ ต้น   การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 20 การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ๒๐

    เรื่องท่ี ๒ สทิ ธิของความเป็นพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ ประมุข รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้กําหนดสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนชาวไทย ไวด้ งั น้ี ๑. สทิ ธิของปวงชนชาวไทย ๑) สิทธิในครอบครัวและความเป็นอยู่ส่วนตัว ชาวไทยทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครอง เกียรตยิ ศ ชอื่ เสยี ง และความเปน็ อยู่สว่ นตวั ๒) สิทธิอนุรักษ์ฟื้นฟูจารีตประเพณี บุคคลในท้องถ่ินและชุมชนต้องช่วยกันอนุรักษ์ฟ้ืนฟู จารีตประเพณี วฒั นธรรมอนั ดีงาม ภูมิปัญญาท้องถ่นิ เพอ่ื รักษาไวใ้ ห้คงอย่ตู ลอดไป ๓) สิทธิในทรัพย์สิน บุคคลจะได้รับการคุ้มครองสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินของตน และการสบื ทอดมรดก ๔) สิทธิในการรับการศึกษาอบรม บุคคลย่อมมีความเสมอภาคในการเข้ารับการศึกษา ข้นั พื้นฐาน ๑๒ ปี อยา่ งมคี ณุ ภาพและทัว่ ถงึ โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จ่าย ๕) สิทธิในการรับบริการทางด้านสาธารณสุขอย่างเสมอภาคและได้มาตรฐาน สําหรับ ผยู้ ากไร้จะไดร้ ับสทิ ธิในการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสขุ ของรัฐ โดยไมเ่ สียค่าใช้จา่ ย ๖) สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในสังคมที่ได้รับ การปฏิบัตอิ ย่างรุนแรงและไมเ่ ปน็ ธรรมจะได้รบั การคมุ้ ครองโดยรัฐ ๗) สิทธิท่ีจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ เช่น บุคคลที่มีอายุเกินหกสิบปี และรายได้ไม่พอ ต่อการยงั ชีพ รฐั จะให้ความชว่ ยเหลอื เป็นตน้ ๘) สิทธิที่จะได้ส่ิงอํานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ โดยรัฐจะให้ความช่วยเหลือและ อํานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะแก่บุคคลในสังคม ๙) สิทธิของบุคคลท่ีจะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการบํารุงรักษาและการได้ประโยชน์ จากทรพั ยากรธรรมชาติ ๑๐) สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วน ท้องถิ่นอย่างเปิดเผย เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลน้ันจะมีผลต่อความม่ันคงของรัฐหรือความปลอดภัยของ ประชาชนสว่ นรวม หรือเปน็ ส่วนไดส้ ว่ นเสยี ของบคุ คลซง่ึ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ความคมุ้ ครอง ๑๑) สิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์โดยได้รับแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันควร ตามบทบัญญตั ขิ องกฎหมาย ๑๒) สิทธิที่บุคคลสามารถฟ้องร้องหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถ่ิน หรือองค์กรของรัฐท่ีเป็นนิติบุคคลให้รับผิดชอบการกระทําหรือละเว้นการกระทํา ตามกฎหมายของ เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐภายในหนว่ ยงานน้นั ๒. เสรีภาพของปวงชนชาวไทย ๑) เสรีภาพในเคหสถาน ชาวไทยทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครองในการอาศัยและ ครอบครองเคหสถานโดยปกติสุข การเข้าไปในเคหสถานของผู้อ่ืนโดยปราศจากการยินยอม ของผู้ครอบครอง หรือการเขา้ ไปตรวจค้นเคหสถานโดยไม่มหี มายคน้ จากศาลยอ่ มทําไมไ่ ด้ ๒) เสรีภาพในการเดินทางและการเลือกถ่ินท่ีอยู่ การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออก นอกราชอาณาจกั รหรอื ห้ามมใิ หบ้ ุคคลผมู้ ี สญั ชาตไิ ทยเขา้ มาในราชอาณาจกั รจะกระทาํ มไิ ด้ กากรเาสรรเสมิ รสิมรส้างรคา้ วงคามวาเปมน็เปพ็นลพเมลอืเมงดอื ีงตดาี ตมาวมถิ วปี ถิ รีปะชระาชธปิาธไติปยไตย ๒๑21

    ๓) เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านการพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและ การส่ือความหมายโดยวิธีอ่ืน จะจํากัดแก่บุคคลชาวไทยมิได้ เว้นแต่อาศัยอํานาจตามบทบัญญัติ แหง่ กฎหมายเฉพาะเพ่อื ความม่ันคงของรฐั เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน ๔) เสรีภาพในการส่ือสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย การตรวจ การกัก หรือ การเปิดเผยข้อมูลสว่ นบุคคล รวมท้งั การกระทําตา่ ง ๆ เพ่อื เผยแพรข่ ้อมลู นั้นจะกระทํามไิ ด้ ๕) เสรีภาพในการนับถือศาสนา นิกาย ลัทธิ ความเช่ือทางศาสนา และเสรีภาพในการ ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของตน โดยไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าท่ีของพลเมือง และไม่ขัดต่อ ความสงบ เรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน ยอ่ มเป็นเสรีภาพของประชาชน ๖) เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจํากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทํา ไม่ได้ เวน้ แตอ่ าศัยอํานาจตามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนท่ีจะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษา ความสงบเรียบร้อยเมื่อประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศ ใช้กฎอยั การศึก ๗) เสรีภาพในการรวมตัวกันเป็นสมาคม สหพันธ์ สหองค์กร องค์กรเอกชน หรือหมู่คณะอื่น การจํากัดเสรีภาพต่าง ๆ เหล่านี้จะกระทํามิได้ เว้นแต่อาศัยอํานาจกฎหมายเฉพาะเพื่อคุ้มครองประโยชน์ ส่วนรวมของประชาชน การรักษาความสงบเรียบร้อยหรอื ป้องกันการผูกขาดในทางเศรษฐกจิ ๘) เสรีภาพในการรวมตัวจัดต้ังพรรคการเมือง เพ่ือดําเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามวิถี ประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ๙) เสรีภาพในการประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม การจํากัดเสรีภาพ ดังกล่าวจะทําได้ โดยอาศัยกฎหมายเพ่ือประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ และเพ่ือปอ้ งกันการผูกขาดหรือขจดั ความไมเ่ ป็นธรรมในการแข่งขนั ทางการคา้ ขอบเขตจํากัดแหง่ สิทธเิ สรภี าพ ๑. ในยามท่ีบา้ นเมอื งเป็นปกติ การใชส้ ทิ ธเิ สรภี าพจะตอ้ งอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ๒. ในยามสงครามหรือภาวะคบั ขนั รฐั บาลอาจจะใช้อํานาจพเิ ศษบางอย่างเพือ่ จํากดั สทิ ธเิ สรภี าพ ของประชาชนบางประการเป็นการช่ัวคราว สทิ ธิและเสรีภาพสาํ หรับบคุ คลบางจําพวก ๑. ส่ือมวลชน รัฐธรรมนูญป้องกันการลิดรอนเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของส่ือมวลชน จึงห้ามสั่งปิดโรงพิมพ์ สถานีวิทยุ หรือสถานีโทรทัศน์ และห้ามการเซ็นเซอร์ข่าว หรือการส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจข่าว ก่อนเผยแพร่ เว้นแต่กระทําในระหว่างประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือการรบและต้องอาศยั อํานาจของกฎหมายพนักงาน หรือลูกจ้างในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ท้ังภาครัฐและเอกชนมีเสรีภาพ ในการเสนอข่าวและแสดง ความคิดเห็น โดยไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของหน่วยงานภาครัฐหรือเจ้าของกิจการ แต่ต้องไม่ขัดกับจรรยาบรรณ แหง่ การประกอบวชิ าชพี นอกจากนี้รัฐธรรมนูญถือว่า“คลื่นความถี่” ที่ใช้ในการส่งวิทยุ โทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ เพ่ือประโยชน์สาธารณะ จึงกําหนดให้มีองค์กรอิสระในการจัดสรร คลนื่ ความถี่ และกํากบั ดแู ลการประกอบกจิ การวิทยุ โทรทศั น์ โทรคมนาคม กกาารรเเสสรรมิิมสสรรา้้างงคคววาามมเเปปน็็นพพลลเเมมอืืองงดดีี ตตาามมววิถถิ ีปปี รระะชชาาธธิปปิ ไไตตยย 2๒๒2

    ๒. เดก็ เยาวชน และบคุ คลในครอบครวั รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว ให้พ้นจากการใช้ ความรุนแรง และการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม เช่น การท่ีสามีใช้กําลังทุบทําร้ายภรรยาและบุตร หรือบิดา มารดา ล่ามโซ่บุตรทีว่ ิกลจริต สําหรับเดก็ และเยาวชน ซ่งึ ไมม่ ีผูด้ ูแล มสี ิทธไิ ดร้ ับการเลย้ี งดแู ละการศกึ ษาจากรฐั ๓. บคุ คลสงู อายุ บคุ คลซึ่งอายุเกิน ๖๐ ปีบรบิ รู ณ์ และไม่มีรายไดเ้ พียงพอแกก่ ารยังชีพ มสี ิทธไิ ด้รับความช่วยเหลือ จากรฐั ๔. ผูพ้ กิ าร คนพิการ หรือทุพพลภาพ ถือเป็นผู้ด้อยโอกาส รัฐธรรมนูญกําหนดให้มีสิทธิได้รับสิ่งอํานวย ความสะดวกอันเปน็ สาธารณะและความช่วยเหลอื อ่นื จากรฐั ๕. เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ทหาร ตํารวจ ขา้ ราชการ เจ้าหน้าท่ีอื่นของรัฐ พนักงานส่วนท้องถ่ิน และพนักงานหรือลูกจ้าง ขององค์การของรัฐ มีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคลท่ัวไป เว้นแต่ถูกจํากัดโดยกฎหมายเฉพาะ ในเรือ่ งท่ีเกย่ี วกับการเมอื ง สมรรถภาพ วินยั หรือจรรยาบรรณ ๖. บคุ คลทเี่ ก่ียวข้องในคดอี าญา บุคคลท่ีเกี่ยวข้องในคดีอาญา มีท้ังผู้เสียหาย ผู้ต้องหา จําเลย ผู้ต้องหาท่ีถูกนําตัวฟ้องศาลแล้ว พยานทไี่ ปใหก้ ารตอ่ ศาลและถกู คมุ ขัง สิทธิทกี่ ฎหมายค้มุ ครอง รฐั ธรรมนูญไดบ้ ญั ญตั คิ ุ้มครองสทิ ธิของประชาชนไวห้ ลายประการ ดงั นี้ ๑. สทิ ธทิ ่ีจะได้รบั การคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทยี มกัน ๒. สิทธทิ างการเมอื ง ๓. สิทธใิ นทรัพยส์ ิน ๔. สทิ ธทิ ่ีจะได้รับการพจิ ารณาโทษอย่างเป็นธรรม ๕. สทิ ธทิ จ่ี ะเสนอเร่อื งราวรอ้ งทกุ ข์ ๖. สทิ ธทิ ีจ่ ะฟ้องหน่วยงานราชการ ๗. สทิ ธใิ นครอบครัว ๘. สทิ ธไิ ด้รบั การบริการทางสาธารณสุข ๙. สิทธิได้รบั ทราบขอ้ มลู ข่าวสารสาธารณะ ๑๐. สทิ ธไิ ด้รับความค้มุ ครองในฐานะผบู้ ริโภค การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย 23 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ๒๓

    การคมุ้ ครองปกป้องตนเอง และผอู้ ืน่ ตามหลกั สิทธิมนษุ ยชน สิทธิมนุษยชน หมายถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ที่ไดร้ บั การคมุ้ ครองตามรัฐธรรมนูญ หรอื ตามสนธิสัญญาทป่ี ระเทศไทยมพี ันธกรณีท่ีตอ้ งปฏิบตั ติ าม สิทธิมนษุ ยชนเป็นสทิ ธขิ ้ันพื้นฐานของความเป็นคน ประกอบไปด้วยสทิ ธิในชีวิต สิทธิในการยอมรับ นับถือ สิทธิในการดําเนินชีวิต และพัฒนาตนเองตามแนวทางที่ชอบธรรม การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเป็น การคมุ้ ครองสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบคุ คลตามท่กี าํ หนดไวใ้ นรัฐธรรมนูญ และปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ การปกป้องคุ้มครองตนเองและผู้อื่นตามหลักสิทธิมนุษยชน สามารถกระทาํ ได้ ดงั น้ี ๑. เคารพในสิทธิเสรีภาพของกันและกันตามท่ีกําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และตระหนัก ในความสาํ คญั ของสิทธิมนษุ ยชน มีการปฏิบัติตอ่ กันในฐานะเพ่อื นมนษุ ย์ดว้ ยกนั อย่างเท่าเทยี มกัน ๒. ใช้เสรภี าพของตนเองภายในกรอบของกฎหมาย และไม่ละเมดิ สทิ ธิเสรีภาพของผ้อู น่ื ๓. จัดตั้งองค์กรควบคมุ ดูแลให้การคุ้มครองสทิ ธมิ นุษยชน เพ่ือทําหน้าท่ีตรวจสอบและรายงานการ กระทําหรือการละเลยการกระทําอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่าง ประเทศ เก่ียวกับสิทธิมนุษยชนท่ีประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ที่มีพันธกิจที่ต้อง ปฏบิ ัตติ ามปฏญิ ญาสากลว่าด้วยสทิ ธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ ๔. ให้ความร่วมมือในการช่วยกันสอดส่องผู้ท่ีทําการละเมิดสิทธิผู้อ่ืน และร่วมกันหาแนวทาง แกป้ ัญหาดา้ นมนษุ ยชนตอ่ ไป ประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้การรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ ซ่ึงเป็นองค์กรระหว่างประเทศ และได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนไว้ใน รัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกเพศ ศาสนา ฐานะ เพ่อื การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทย และสงั คมโลกอย่างมคี วามสขุ การเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย 24 การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๒๔

    เรื่องท่ี ๓ ผลทไ่ี ด้รับจากการปฏบิ ัตติ ามสทิ ธขิ องตนเอง ๑. ผลท่ีเกิดกับประเทศชาติ หากประชาชนมีความสมัครสมานรักใคร่สามัคคี ไม่มีความแตกแยก ไม่แบ่งเป็นพวกเป็นเหล่า บ้านเมืองก็จะสงบสุขเกิดสวัสดิภาพ บรรยากาศโดยรวมก็จะสดใส ปราศจาก การระแวงต่อกัน การดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ สามารถดําเนินไปอย่างราบร่ืน นักลงทุน นักท่องเท่ียวก็จะ เดนิ ทางมาเยอื นประเทศของเราด้วยความมั่นใจ ๒. ผลที่เกิดขึ้นกับชุมชนหรือสังคม เม่ือประชาชนในสังคมรู้จักสิทธิของตนเอง และของคนอ่ืน ก็จะนําพาให้ชุมชนหรือสังคมเกิดการพัฒนา เมื่อสังคมมั่นคงเข้มแข็งก็จะมีส่วนทําให้ประเทศชาติเข้มแข็ง เพราะชุมชนหรอื สังคมเป็นสว่ นหน่ึงของประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวม ๓. ผลที่เกิดข้ึนกับครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันแรกของสังคม เมื่อครอบครัวเข้มแข็ง และ อบรมส่งั สอนให้สมาชกิ ในครอบครวั ทุกคนรู้บทบาท สิทธิ เสรภี าพของตนเองและปฏิบตั ิตามทีก่ ฎหมายและ รัฐธรรมนูญได้ให้ความคุ้มครองได้อย่างเคร่งครัด โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของสมาชิกอื่นในสังคม ก็จะ นาํ พาให้สงั คมและประเทศชาตเิ ข้มแขง็ ตามไปด้วย แนวทางการปฏิบัติตนในการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น การปฏิบัติตนตามสิทธิของตนเอง และผู้อ่นื ๑. เคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สามารถแสดงออกได้ หลายประการ เช่น การแสดงความคดิ เหน็ การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อืน่ เปน็ ต้น ๒. รู้จกั ใช้สิทธิของตนเองและแนะนาํ ให้ผู้อน่ื รู้จักใชส้ ิทธิของตนเอง ๓. เรียนรู้และทําความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสิทธิ เสรีภาพตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิ เสรีภาพของความเป็นมนษุ ย์ สิทธิเสรภี าพในเคหสถาน เปน็ ต้น ๔. ปฏิบัติตามหน้าที่ของชาวไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น การออกไปใช้สิทธิ์เลือกต้ัง การเสียภาษใี หร้ ัฐเพอ่ื นาํ เงนิ มาพฒั นาประเทศ เป็นตน้ การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 25 การเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๒๕

    กจิ กรรมทา้ ยบทที่ ๒ กจิ กรรมที่ ๑ ให้ดภู าพแลว้ ตอบคาํ ถามวา่ กจิ กรรมดงั กลา่ วสอ่ื ความหมายถึงการใช้สทิ ธิ หรอื เสรีภาพ สอื่ ความหมายถงึ ………………………………………………..……………………… สื่อความหมายถงึ ………………………………………………..……………………… สื่อความหมายถึง ………………………………………………..……………………… สื่อความหมายถึง ………………………………………………..……………………… ส่ือความหมายถึง ………………………………………………..……………………… สอ่ื ความหมายถงึ ………………………………………………..……………………… การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 2๒๖6

    กิจกรรมท่ี ๒ ให้บอกองค์ประกอบของสิทธิขั้นพ้ืนฐานที่แต่ละบุคคลได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ประกอบด้วยเรื่องอะไรบ้าง และแตล่ ะเร่อื งมีขอบเขตอย่างไร ให้อธิบายมาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………….……………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………….……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. การเสรมิ สร้างความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 27 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๒๗

           การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย 2๒๘8

    บทท่ี ๓ คา่ นยิ มประชาธปิ ไตย สาระสาํ คญั สังคมประชาธิปไตยเป็นสังคมของคนหมู่มาก มีความแตกต่าง หลากหลายท้ังปัญหาความต้องการ วิถีชีวิต แนวคิด ความเห็น การแสดงออกท่ีแตกต่างกัน รวมทั้งมีการใช้สิทธิเสรีภาพต่าง ๆ โดยเสรี ไม่ต้องการให้มีกฎ กติกามาบังคับตน การท่ีจะพัฒนาประเทศตามวิถีประชาธิปไตยจึงต้องทําให้ทุกคน ทุกฝ่ายในสังคมเข้าใจกติกา เง่ือนไขท่ีจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ โดยไม่ใช้สิทธิเสรีภาพตามใจตนเองแล้ว ไปละเมิดสทิ ธผิ ู้อน่ื ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั ๑. บอกความหมายและความสาํ คัญของค่านยิ มประชาธิปไตยได้ ๒. อธิบายหลักการทางประชาธิปไตยทีส่ ําคัญได้ ๓. ปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธิปไตยได้ ๔. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ค่านิยมประชาธปิ ไตย ขอบขา่ ยเนือ้ หา เรอ่ื งที่ ๑ ความหมาย ความสําคญั และหนา้ ท่ขี องค่านยิ ม และค่านยิ มประชาธปิ ไตย เรื่องที่ ๒ หลักการทางประชาธปิ ไตยที่สําคัญ เรอ่ื งท่ี ๓ พฤตกิ รรมของพลเมอื งดตี ามวิถีของประชาธิปไตย การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 29 การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๒๙

    เรื่องท่ี ๑ ความหมาย ความสําคัญและหนา้ ทข่ี องคา่ นิยม และคา่ นิยมประชาธิปไตย นักการศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้กําหนดความหมายของคําว่า “ค่านิยม” (value) ไว้ต่าง ๆ กัน หลายท่านได้ให้ความหมายของค่านิยมไว้ว่า ค่านิยม คือ รูปแบบของความเช่ือ (belief) ท่ีแต่ละคนยึดถือว่า แต่ละคนควรจะปฏิบัติตนอย่างไรหรือส่ิงใดท่ีมีคุณค่า ไม่มีคุณค่า ค่านิยมจะสัมพันธ์กับทุกสิ่งโดยท่ัวไปและ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคล ค่านิยมเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจว่าส่ิงใดเลวหรือดี และใช้ในการ ตัดสินพฤติกรรมของแต่ละบุคคลด้วย หรือสมาน ชาลีเครือ ได้ให้ข้อคิดเก่ียวกับค่านิยมไว้ว่า สังคมมนุษย์ น้ัน เรามีความเชื่อว่าค่านิยมมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการกําหนดพฤติกรรมของบุคคล เพราะค่านิยมจะเป็น เครื่องตัดสิน กําหนดหรือผลักดันให้บุคคลแสดงพฤติกรรมไปทางใดทางหน่ึง ดังนั้นค่านิยมจึงเป็นพลังท่ี ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้พฤติกรรมทางสังคมส่วนใหญ่ของมนุษย์ (สมาน ชาลีเครือ, ๒๕๒๓) โดยปกติแล้วบุคคลมัก จะมีค่านิยมในเรื่องเดียวกันหรือส่ิงเดียวกัน แตกต่างกันไป ท้ังนี้เพราะแต่ละบุคคลมีความรู้ประสบการณ์ และส่ิงแวดล้อมไม่เหมือนกัน แต่บุคคลก็อาจจะมีค่านิยมในบางเรื่องตรงกันได้ เรียกว่า ค่านิยมร่วม (shared values) ซ่ึงส่วนมาก มักได้มาจากอิทธิพลของศาสนา ดังน้ันมนุษย์เรามักจะชอบคบหาสมาคมกับบุคคลที่ยึด ถือค่านิยมอย่างเดียวกัน และในปัจจุบันค่านิยมบางอย่างได้กลายมาเป็นกฎหมาย เช่น ค่านิยมในเร่ืองเสรีภาพ ก่อให้เกิดกฎหมายเกี่ยวกับเสรีภาพส่วนบุคคล แต่ทั้งน้ี ค่านิยมย่อม เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กล่าวคือ ค่านยิ มบางอยา่ งอาจเสื่อมความนิยมไป หรืออาจมีค่านิยมใหม่บางอย่างเกิดข้ึนมา เช่น ค่านิยมของกุลสตรีไทย แบบผ้าพับไว้ ปัจจุบันสังคมไทยเร่ิมเปลี่ยนเป็นนิยมหญิงไทยที่มีลักษณะคล่องแคล่วว่องไว เหมาะสมกับสภาพ ของสังคมและเศรษฐกิจท่ีเปล่ียนแปลงไป เป็นต้น นอกจากนี้ ค่านิยมของคนและค่านิยมของสังคม จะ กําหนดการตัดสินใจในการเลือกของบุคคล ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ค่านิยมของสังคมเป็นแนวความคิด ความ เช่ือ เป็นอดุ มการณ์ เป็นความตอ้ งการของกลุ่มคนในสังคม ซ่ึงได้ถูกยอมรับว่าเป็นส่ิงที่ดี มีคุณค่า ควรแก่การ นําไปปฏิบัติเป็นกรอบในการดําเนินชีวิตเพ่ือประโยชน์ของตนเองและสังคม เพราะว่าค่านิยม ส่งผลต่อ คุณภาพของสงั คมทบี่ คุ คลเปน็ สมาชิกอยู่ ความสาํ คญั ของค่านยิ ม ค่านิยม เป็นสิ่งท่ีสําคัญอย่างมาก เน่ืองจากว่าค่านิยมท่ีมนุษย์เรามีอยู่น้ันทําหน้าที่มากมายหลาย อยา่ งทเี่ กี่ยวกับชีวิตของเราที่สาํ คญั คอื ๑. ค่านิยมทําหน้าที่เป็นบรรทัดฐานหรือมาตรฐานของพฤติกรรมท้ังหลายของเรา กล่าวคือ ค่านิยมจะเป็นตัวกําหนดการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมของเราว่า เราควรจะทําหรือไม่ ควรจะทําใน สิ่งใด ค่านิยมจะช่วยกําหนดจุดยืนในเร่ืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ และค่านิยม จะช่วยทาํ หน้าที่ประเมนิ การปฏิบตั กิ ารต่าง ๆ ท้ังของตวั เราเองและของผ้อู ่ืน ๒. ค่านิยมทําหน้าท่ีเป็นแบบแผนสําหรับการตัดสินใจ การแก้ไขข้อขัดแย้งต่าง ๆ ใน บางกรณีบุคคลต้องเผชิญกับสถานการณ์บางอย่างท่ีขัดแย้งกัน ทําให้เขาต้องเลือกทางใดทางหน่ึง เช่น การ ปฏิบัติตามคําส่ังของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด กับความเป็นตัวของตนเอง หรือการรักษาความเป็น อสิ รเสรขี องตน การปฏบิ ัติงานด้วยความชอื่ สตั ย์ สุจริตแต่ยากจน กบั การปฏิบัติงานในทางที่ไม่สุจริต แต่ทําให้ รํา่ รวย บคุ คลจะเลือกเดินทางไหนน้ัน คา่ นยิ ม หรือระบบคา่ นิยมที่บคุ คลมีอยจู่ ะช่วยกําหนดทางเลอื กใหเ้ ขา ๓. ค่านิยมทําหน้าท่ีเป็นแรงจูงใจ หรือผลักดันของบุคคล เช่น บุคคลท่ีมีค่านิยมชมชอบ ในการมีอายุนาน หรือสุขภาพดี ก็จะมีแรงผลักดันให้อยากออกกําลังกายอยู่สม่ําเสมอ ตลอดจน การเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 30 การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธิปไตย ๓๐

    มีความรอบคอบในการบริโภคอาหาร บุคคลท่ีมีค่านิยมเกี่ยวกับวัตถุนิยมสูง ก็มักจะมีความขยันขันแข็ง และเพียรพยายามในการทํางานเพือ่ ใหม้ าซ่ึงเงินทองและสิ่งท่ีตนพึงปรารถนาเหลา่ น้ี เปน็ ตน้ หนา้ ที่ของคา่ นยิ ม หน้าท่ีของค่านยิ มน้นั จาํ แนกได้ ๓ ประการ คอื ประการแรก ค่านิยมทําหน้าที่เป็นเกณฑ์ (Criteria) หรือมาตรฐาน (Standards) ท่ีใช้นํา การกระทํา พฤติกรรมการปฏิบัติหลายทาง คือ ๑. คา่ นิยมชักจูงบุคคลใหแ้ สดงจุดยนื ของเขาในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เก่ียวกับสงั คม ๒. ค่านิยม เป็นตัวช่วยกําหนดให้บุคคลเลือกอุดมการณ์ทางการเมือง บางอุดมการณ์ มากกวา่ อดุ มการณอ์ ่ืน ๆ ๓. ค่านิยม เป็นปทัสถาน (แบบแผนสําหรับยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ) ที่ช่วยนําการ กระทําใหบ้ คุ คลประพฤตแิ ละแสดงตัวต่อผ้อู นื่ ตามที่ประพฤติเปน็ ปกตอิ ยูท่ ุกวนั ๔. ค่านิยม เป็นปทัสถาน ท่ีใช้ในการประเมิน ตัดสิน ช่ืนชม ยกย่องหรือตําหนิติเตียน ตัวเอง หรอื การกระทําของคนอนื่ ๕. ค่านิยม เป็นจุดศูนย์กลางของการศึกษากระบวนการเปรียบเทียบ คือ ใช้ค่านิยมเป็น ปทสั ถานในการเปรยี บเทียบว่า บคุ คลมคี า่ นิยม ความสามารถเทา่ กบั ผอู้ ่นื มากน้อยแคไ่ หน ๖. ค่านิยม เป็นปทัสถานที่ถูกใช้เป็นฐานสําหรับกระบวนการให้เหตุผลต่อความนึกคิด และการกระทาํ ของตน เพอ่ื ธาํ รงไว้ซ่ึงศักดศิ์ รีของตน ประการที่ ๒ ค่านิยม ทําหน้าท่ี เป็นท่ีรวมของหลักการและเกณฑ์ ต่าง ๆ ท่ีเรียนรู้มา เพื่อ ช่วยให้ตัดสินใจเลือกระหวา่ งทางเลือกตา่ ง ๆ และเปน็ การช่วยแก้ปัญหาความขดั แย้งทเ่ี กิดขึน้ ประการท่ี ๓ ค่านิยม ทําหน้าที่ เป็นตัวบ่งช้ีความต้องการของมนุษย์ โดยถือว่าค่านิยมเป็น องค์ประกอบของแรงจูงใจในตัวเช่นเดียวกับองค์ประกอบทางด้านความรู้สึก อารมณ์และพฤติกรรม ค่านิยม “วิถีปฏิบัติ”เป็นแรงจูงใจ ก็เพราะวิถีปฏิบัติท่ีคิดว่าดีท่ีสุด (idealized) เป็นวิถีทางหรือเป็นเครื่องมือท่ีช่วย นาํ ไปสู่เป้าหมายปลายทางท่ีปรารถนาในทาง “คา่ นยิ มจุดหมายปลายทาง” ส่วนค่านิยมจุดหมายปลายทางเป็น แรงจูงใจทเี่ ปน็ เป้าหมายที่เหนอื กวา่ (Super goal) เปา้ หมายเร่งดว่ นเฉพาะหนา้ (Urgent Immediate goal) คา่ นิยมประชาธปิ ไตย รากฐานของหลักค่านิยมประชาธิปไตยสมัยใหม่ มีจุดกําเนิดแบบคู่ขนานจากสองแหล่ง คือ การ ปฏิวัติในประเทศอังกฤษและฝร่ังเศส กรณีประเทศอังกฤษ สิ่งที่การปฏิวัติมีส่วนต่อการสร้างประชาธิปไตย คือ การสร้างหลักการของอิสรภาพสําหรับเสียงส่วนน้อย (principle of freedom for minorities) และ การสร้างระบบรฐั ธรรมนูญเพอ่ื ปกปอ้ งเสรภี าพของปจั เจกชนจากการคกุ คามของรัฐ ระบบรัฐธรรมนูญทําให้รัฐไม่สามารถกระทําเร่ืองราวต่าง ๆ ได้ตามอําเภอใจ แต่กําหนดให้การ กระทําใด ๆ ของรัฐจะต้องใช้กฎหมายเป็นกลไกท่ีระบุว่าเรื่องใดบ้างที่รัฐทําได้ และการกระทําน้ันไม่ สามารถอยู่เหนือผลประโยชน์ของพลเมืองได้ ด้วยเหตุน้ีในระบอบประชาธิปไตย ผู้ท่ีเข้ามาเป็นรัฐบาลและ บริหารรัฐ จึงต้องยึดถือ “ค่านิยมเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนท้ังปวง” เป็นหลักและใช้เป็นแนวทาง ปฏิบัติในการบริหารประเทศ ค่านิยมเสรีภาพ เป็นค่านิยมท่ีประเทศประชาธิปไตยตะวันตกให้ความสําคัญมาก และอีกมิติหน่ึง ของค่านิยมเสรีภาพนอกเหนือจากความต้องการมิให้รัฐคุกคามปัจเจกชน คือ การเน้นความต้องการของ กากรเาสรรเสมิ รสมิรสา้ งรคา้ วงคามวาเปม็นเปพ็นลพเมลอืเมงดอื ีงตดาี ตมาวมิถวปี ิถรีปะชระาชธิปาธไตปิ ยไตย ๓๑31

    ปัจเจกบุคคลหรือสนองตอบผลประโยชน์ส่วนบุคคล ระยะหลังแนวโน้มปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนในหลาย ประเทศ คือ การกลายพันธ์ุของค่านิยมเสรีภาพ โดยประชาชนจํานวนมากใช้เสรีภาพไปในทางการบริโภค นิยม การสร้างความพึงพอใจส่วนบุคคล การเน้นให้ความสําคัญกับความสุขและความสําเร็จส่วนบุคคล จนละเลยผลประโยชน์ของสาธารณะและคณุ ธรรมแหง่ สังคม จากการศึกษาของนักวิชาการหลายคนในประเทศตะวันตก พบว่า ค่านิยมเสรีภาพส่วนบุคคล มีส่วนสําคัญท่ีก่อให้มีการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม ความเฉื่อยชาทางการเมือง การขาดความรับผิดชอบ ลทั ธิเสพสุขนยิ ม และความเสอื่ มทรามทางคุณธรรม ค่านิยมเสรีภาพในสังคมไทยก็มีสภาพไม่แตกต่างจากท่ีนักวิชาการตะวันตกได้สรุปเอาไว้ เพราะ ท้ังประชาชนธรรมดาและผู้ที่มีบทบาททางการเมือง มีการใช้เสรีภาพในทางท่ีสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคม อย่างมากมายในชีวิตประจําวัน เช่น เยาวชนใช้เสรีภาพทางเพศจนเกินขอบเขต ก่อให้เกิดปัญหาการทําแท้ง และการมีบุตรโดยไม่ทราบว่าใครคือบิดาเป็นจํานวนมาก หรือในทางการการเมือง มีบุคคลบางกลุ่มใช้เสรีภาพ ในการบดิ เบอื นและเผยแพรข่ ้อมลู เทจ็ เพ่อื โจมตีและทําลายชื่อเสยี งของบคุ คลและสถาบนั หลกั ของสังคม ด้านค่านิยมเก่ียวกับการใช้ระบบรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพ่ือประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่นั้น ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย นักการเมืองผู้ใช้อํานาจ มิได้ยึดค่านิยมเหล่านี้เป็นสรณะแต่ประการใด แต่มีการใช้อํานาจเพ่ือประโยชน์ของตนเอง ครอบครัวและพวกพ้องเป็นหลัก เช่น การใช้ระเบียบแต่งต้ังคน ใกล้ชดิ หรอื คนในครอบครัวดาํ รงตําแหนง่ สาํ คัญในรัฐบาล ศาลรัฐธรรมนูญหรือรัฐสภา หรือการทุจริต ประพฤติ มิชอบท่ีเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย การบริหารและการปฏิบัติที่มีรากฐานจากค่านิยมเหล่านี้ย่อมเป็นอันตรายต่อ ระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น การสร้างค่านิยมเร่ืองน้ีให้เหมาะสมย่ิงขึ้น จึงจําเป็นต้องเน้นมิติ “การใช้อํานาจ รฐั ธรรมนูญ กฎหมายและระเบยี บเพือ่ ประโยชนข์ องสงั คมและคนส่วนใหญ่ใหม้ ากข้ึน” สําหรับกรณีการปฏิวัติฝรั่งเศสได้ให้ความสําคัญกับค่านิยมความเสมอภาคและอํานาจอธิปไตยของ ปวงชน (popular sovereignty) ซึ่งเน้นความเสมอภาคในอํานาจการปกครองตนเองของประชาชน และ การใช้อํานาจอธิปไตยจักต้องดําเนินการในนามของประชาชน ค่านิยมความเสมอภาคในภายหลัง ได้มีการ พัฒนาและขยายความเป็นเร่ืองหลักสองเรื่อง คือ ความเสมอภาคในโอกาส (equality of opportunity) และ ความเสมอภาคของเงื่อนไข (equality of condition) ความเสมอภาคในโอกาสเป็นค่านิยมที่ให้ความสําคัญ กับความเท่าเทียมของปัจเจกชนแต่ละคนท่ีเป็นพลเมืองพึงได้รับโอกาสในการบริหารรัฐ การใช้ทรัพยากรของ รัฐ และการได้รบั บรกิ ารจากรัฐ อย่างไรก็ตาม ในสังคมมีสถานการณ์ซับซ้อนซ่ึงมีข้อเท็จจริงหลายประการ ท่ีแสดงว่าโอกาสของ บุคคลหรือกลุ่มคนไม่เท่าเทียมกัน เพราะมีความไม่เท่าเทียมทั้งแต่เร่ิมต้น บางคนเกิดมาอยู่ในตระกูลร่ํารวย และมีทรัพย์สิน ย่อมมีโอกาสในการกู้เงินจากธนาคารมากกว่าคนไร้ทรัพย์สิน หรือคนท่ีเป็นเครือญาติ นักการเมืองย่อมมีโอกาสได้รับสัมปทานในการใช้ทรัพยากรของรัฐมากกว่าบุคคลทั่วไป และย่อมมีโอกาสใน การได้รับการแต่งต้ังเป็นที่ปรึกษา ผู้ชํานาญการ และเลขานุการประจํากรรมาธิการของรัฐสภามากกว่า ประชาชนทั่วไป สิ่งท่ีน่าประหลาดใจ คือ บุคคลสําคัญในสังคมไทยระดับประธานรัฐสภาตีความไม่เสมอภาค วา่ เปน็ “ความอิจฉาริษยา ไมอ่ ยากให้ใครได้ดี” การเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธิปไตย 32 การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย ๓๒

    เร่ืองที่ ๒ หลักการทางประชาธิปไตยทสี่ ําคัญ คุณค่าหลกั ของประชาธปิ ไตย สามารถจาํ แนกได้ ดงั นี้ ๑. ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่สมาชิกทุกคนในสังคมมีส่วนกําหนดทิศทางของ สงั คมร่วมกนั ๒. ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และผลประโยชน์ ของคนในสงั คม ๓. ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่มีเสถียรภาพในการสืบทอด หรือถ่ายโอน อํานาจทางการเมอื งที่ดีที่สดุ การพิจารณาว่าคนในสังคมใดเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ดูได้จากคนในสังคมน้ันมีพฤติกรรม ดังต่อไปนหี้ รือไม่ ๑. เคารพและปฏิบตั ติ ามกฎหมาย คนในสังคมประชาธิปไตยจะเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนกฎ กติกา ของสังคม หากทําผิดก็ต้องยอมรับผลตามท่ีบัญญัติไว้ในกฎ กติกานั้น จะอ้างว่าไม่รู้ ไม่ยอมรับไม่ได้ หาก เห็นว่า กฎ กติกาที่ใช้บังคับนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ก็ต้องผลักดันให้มีการแก้ไข หรือเรียกร้องความเป็น ธรรมตามวถิ ที ี่ถูกตอ้ ง ตราบใดที่กฎหมายน้นั ยังใชบ้ ังคับอยูจ่ ะตอ้ งปฏบิ ัติตาม ๒. มวี นิ ัยและความรับผิดชอบ เม่ือมีสิทธิต้องมีหน้าท่ี มีเสรีภาพต้องมีความรับผิดชอบ โดยในการใช้เสรีภาพ ด้านต่าง ๆ นั้น ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อ่ืน ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ขัดต่อศีลธรรม ทุกคนจึงต้องมีวินัยควบคุม ตนเองให้มีความรับผิดชอบในหน้าท่ีหรือบทบาทท่ีตนได้รับ หรือรับผิดชอบในการกระทําของตนไม่ปัด ความรับผิดชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือสังคม รวมทั้งไม่เพิกเฉยดูดายเมื่อเห็นความไม่ถูกต้อง ไม่เป็น ธรรมเกิดขึน้ เพราะความไมถ่ กู ต้องนั้นอาจจะเกิดความเสยี หายต่อส่วนรวมไดใ้ นอนาคต ๓. เคารพความแตกต่างและใช้เหตุผล ในสังคมประชาธิปไตย นอกจากการรับผิดชอบตัวเองแล้ว ยังต้องดํารงตนอยู่อย่างมี เหตุผล แสวงหาข้อมูล ไม่ใช้อารมณ์หรือจินตนาการ หรือความชอบ ไม่ชอบส่วนตัว และต้องเข้าใจว่าบุคคล แต่ละคนมีความแตกต่างกันท้ังด้านความคิด และพฤติกรรมต่าง ๆ ตามกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ตามภูมิหลังของแต่ละคน แต่ตราบใดที่ใครไม่ละเมิดสิทธิ ชีวิต ความสงบสุข หรือผลประโยชน์ของผู้อื่น ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ทุกคนจะมีความคิดเห็น มีพฤติกรรม หรือวิถีชีวิตท่ีแตกต่างจากคนอื่นได้ โดยไม่ไป ระรานผทู้ แ่ี ตกต่าง ไม่ว่าจะดว้ ยทางกาย วาจา ใจ เม่ือมีความเห็นท่ีแตกต่างเกิดขึ้น จะใช้เหตุใช้ผลในการตัดสินใจ โดยไม่ใช้อารมณ์หรือ อํานาจมาตัดสิน ในการตัดสินใจใช้หลักเสียงข้างมาก โดยต้องรับฟังเสียงข้างน้อยด้วย หากเสียงข้างน้อย มีเหตุผลดีกว่า เสียงข้างมากก็อาจจะคล้อยตามได้ โดยไม่ใช้เสียงข้างมากลากไปหรือเห็นว่าเสียงข้างมาก ทาํ อะไรกถ็ กู ต้องหมดทกุ กรณีโดยไม่มเี หตุผล ๔. ประชาชนมสี ว่ นร่วม สังคมประชาธิปไตย ต้องเคารพสิทธิ ชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน เคารพวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมอันดี ภูมิปัญญาของท้องถ่ิน หากรัฐจะทําหรืออนุญาตให้ผู้ใดดําเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่ อาจจะมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 33 การเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย ๓๓

    ประชาชนหรือชุมชน การวางแผนพัฒนาชุมชน การกําหนดนโยบาย หรือการออกกฎท่ีกระทบต่อประชาชน กต็ ้องใหป้ ระชาชนมสี ่วนร่วมแสดงความคดิ เห็น รวมทง้ั มีสว่ นร่วมในการบรหิ ารราชการด้วย รัฐต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐทุกระดับ ท้ังต้องส่งเสริมให้ การศึกษาแก่ประชาชนเก่ียวกับการพัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องตระหนักในคุณค่าของตนในฐานะเจ้าของ อํานาจอธิปไตย โดยไม่เพิกเฉย ปล่อยปละละเลยให้มีความไม่ถูกต้องเกิดข้ึน รวมท้ังต้องกล้าสนับสนุน ช่วยเหลอื เพ่อื ใหเ้ กิดความถกู ต้องขนึ้ ดว้ ยการเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มทางการเมือง ทางการพัฒนาและอนื่ ๆ ๕. ตรวจสอบการใชอ้ าํ นาจรฐั ทกุ รูปแบบ ในสังคมประชาธิปไตย ถือว่านักการเมืองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐเป็นผู้ใช้อํานาจรัฐ แทนประชาชนผู้เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตย โดยการใช้อํานาจดังกล่าวไม่มีหลักประกันว่าจะเป็นไปตามที่ ประชาชนต้องการหรือเป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรม บางคร้ังอาจะมีความผิดพลาดบกพร่อง รวมท้ังสร้าง ความเสียหายเดือดร้อนกับประชาชนและสังคม ประเทศชาติได้ ดังน้ัน จึงมีความจําเป็นที่ประชาชนจะต้อง ติดตาม ตรวจสอบการทํางานว่า เป็นไปเพ่ือประโยชน์ของประชาชนหรือไม่เพียงใด โดยร่วมกับบุคลหรือ องค์กรอิสระต่าง ๆ เพื่อให้รัฐใช้อํานาจชอบธรรม ใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสเพื่อให้เกิดประโยชน์ กับประชาชน โดยใช้กลไกท่ีมีอยู่ในสังคม เช่น การฟ้องร้อง การร้องเรียน รวมถึงมาตรการ กลไกพิเศษ เช่น การเข้าช่ือถอดถอนนักการเมืองทุกระดับ หรือข้าราชการระดับสูงที่ทําผิดกฎหมาย หรือทําให้เกิด ความเสยี หายตอ่ ประชาชน ดังนั้น การพิจารณาว่าสังคมใดจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ มิใช่พิจารณาเพียงว่า สังคมน้ัน มีการเลือกต้ัง มีรัฐบาล มีรัฐสภาแล้วหรือไม่ ฯลฯ ต้องพิจารณาท่ีพฤติกรรม หรือการกระทําของนักการเมือง ข้าราชการ รวมทั้งประชาชนด้วยว่าได้ทําอะไร หรือเรียกร้องส่ิงใดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน คนส่วนใหญ่ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือเพื่อประโยชน์ของคนบางคน บางกลุ่มท่ีได้เปรียบในสังคมอยู่แล้ว หรือมีพฤติกรรมละเลยเงื่อนไขสําคัญของสังคมประชาธิปไตย แล้วใช้อํานาจหน้าท่ีหรือสิทธิเสรีภาพ ที่กฎหมายเปิดช่องให้สร้างความเสียหายให้สังคม หรืออาศัยความนิยมจากประชาชนเป็นเครื่องมือเรียกร้อง สิทธใิ ห้แกต่ นเอง หลกั การพน้ื ฐานของความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย ประกอบดว้ ย ๑. การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์ ๒. การเคารพสทิ ธิ เสรภี าพและกฎกตกิ าของสังคม ๓. ความรับผิดชอบตอ่ ผูอ้ ื่นและสังคม หลักการท่ี ๑ การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้แก่ การยอมรับในเกียรติภูมิของแต่ละ บุคคล โดยไมค่ ํานงึ ถงึ สถานภาพทางสงั คม หลักการนีม้ อี งคป์ ระกอบย่อย ดงั นี้ ๑) สํานกึ รู้คณุ ค่าศกั ดิ์ศรคี วามเป็นมนุษย์ ๒) ตระหนักในความเสมอภาคของความเป็นมนษุ ย์ ๓) เคารพในความหลากหลายทางสงั คมวฒั นธรรม ๔) ยดึ หลกั ขนั ติธรรม การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 34 การเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๓๔

    หลักการที่ ๒ การเคารพสิทธิ เสรีภาพและกฎกติกาของสังคม ได้แก่ การให้ความสําคัญ ตอ่ สิทธิ เสรภี าพ กฎกติกาของสังคมทท่ี กุ คนมสี ่วนกําหนดขึ้น หลกั การนีม้ ีองคป์ ระกอบยอ่ ย ดังนี้ ๑) รู้จักสิทธิ และเสรีภาพของตนเอง โดยรู้ว่าตนเองเป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตย และเปน็ สมาชกิ คนหน่ึงของสังคม ๒) เคารพและปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตนเอง ของผู้อื่น และของชุมชน โดย ไมใ่ ห้ผใู้ ดล่วงละเมิดอนั ขัดต่อกฎหมาย ๓) เคารพกฎกติกาสังคม โดยกฎกติกาน้ันต้องต้ังอยู่บนความยุติธรรมและ ความชอบธรรม หากยังมีกติกาใดไม่ยุติธรรมและไม่ชอบธรรมก็ย่อมสามารถปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิก ตาม ครรลองหรอื เงอ่ื นไขท่ีกําหนดไวใ้ นกฎหมาย มิใชใ่ ชว้ ิธีการอ่ืนใดที่ไมถ่ กู ต้องตามกฎหมาย ๔) ยึดหลักนิติรัฐ คือ การปกครองโดยยึดหลักกฎหมาย และนิติธรรม (Rule of Law) คือการที่กฎหมายออกมาต้องบังคับใช้อย่างเสมอภาคและมีความเป็นธรรม โดยมีหลักการพ้ืนฐาน ใน การคมุ้ ครองสทิ ธิและเสรภี าพของประชาชน มิให้ถูกล่วงละเมดิ โดยบคุ คล กลมุ่ คน หรือรฐั หลักการที่ ๓ ความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อผู้อ่ืน และต่อสังคม ได้แก่ การตระหนักใน บทบาทหนา้ ที่ และพันธกิจของการเป็นพลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย หลักการนม้ี ีองค์ประกอบยอ่ ย ดงั น้ี ๑) ทําหน้าท่ขี องตนเองในฐานะสมาชิกของสังคม ๒) ร่วมกําหนดทศิ ทางของสังคม เพ่อื นําไปสู่สงั คมที่เปน็ ธรรมและสนั ตสิ ุข ๓) ใช้หลักการประชาธิปไตยในการมีส่วนร่วมทางการเมอื งและแก้ปัญหาสังคม ๔) ยอมรับหลักการเสียงข้างมาก และการเคารพสิทธขิ องเสยี งข้างนอ้ ย หลกั การทางประชาธิปไตย หลกั การทางประชาธปิ ไตยทีส่ าํ คัญ ไดแ้ ก่ ๑. หลักอํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน หมายถึง ประชาชนเป็นเจ้าของ อํานาจสูงสุด ในการปกครองรัฐ ๒. หลักความเสมอภาค หมายถึง ความเท่าเทียมกันในสังคมประชาธิปไตย ถือว่าทุกคน ท่ี เกิดมาจะมีความเท่าเทียมกัน ในฐานะการเป็นประชากรของรัฐ ได้แก่ มีสิทธิเสรีภาพ มีหน้าท่ีเสมอภาคกัน ไม่ มีการแบ่งชนช้ันหรือการเลือกปฏิบัติ ควรดํารงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอหรือยาก จนกวา่ ๓. หลักนิติธรรม หมายถึง การใช้หลักกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกัน เพื่อความสงบ สขุ ของสังคม ๔. หลักเหตุผล หมายถึง การใช้เหตุผลที่ถกู ต้องในการตดั สนิ หรอื ยุตปิ ัญหาในสังคม ๕. หลักการถือเสียงข้างมาก หมายถึง การลงมติโดยยอมรับเสียงส่วนใหญ่ในสังคม ประชาธิปไตย ครอบครัวประชาธิปไตยจึงใช้หลักการถือเสียงข้างมากเพ่ือลงมติในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างสันติ วิธี ๖. หลักประนีประนอม หมายถึง การลดความขัดแย้งโดยการผ่อนหนักผ่อนเบาให้ กนั ร่วมมือกันเพอ่ื เหน็ แก่ประโยชนข์ องส่วนรวมเป็นสาํ คัญ ดังน้ัน หลักการทางประชาธิปไตยจึงเป็นหลักการสําคัญท่ีนํามาใช้ในการดําเนินชีวิตใน สงั คม เพื่อก่อใหเ้ กิดความสงบสุขในสังคมได้ กากรเาสรรเสิมรสมิรส้างรค้าวงคามวาเปม็นเปพน็ ลพเมลอืเมงดอื ีงตดาี ตมาวมถิ วปี ิถรปีะชระาชธปิาธไติปยไตย ๓๕35

    เรื่องที่ ๓ พฤตกิ รรมของพลเมืองดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย วิถีชีวิตและคุณลักษณะของบุคคลท่ีเป็นประชาธิปไตย หมายถึง พฤติกรรมหรือการกระทําใด ถ้าเป็นไปเพ่ือประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หรือเพ่ือความเป็นธรรมในสังคมก็นับว่าเป็นประชาธิปไตย การกระทําใดแม้จะมีประชาชนเข้าร่วมจํานวนมาก แต่หากเป็นไปเพ่ือประโยชน์ส่วนตัวของคนบางกลุ่ม หรือทําให้ส่วนรวมเสียหาย หรือเสียประโยชน์ หรือมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น หรือเกิดความแตกแยก ขัดแย้งจนนํามาสู่ความรุนแรง ก็ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย ดังท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า “ประชาธิปไตย คือ ประโยชน์ประชาชนเปน็ ใหญ่ ไม่ใชป่ ระชาชนเปน็ ใหญ่” มีนักวิชาการและหน่วยงานต่าง ๆ ได้กล่าวถึง วิถีชีวิตและคุณลักษณะของบุคคลท่ีเป็น ประชาธิปไตยไว้ ดังนี้ สํานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๐, หน้า ๒๕ - ๒๘) ได้ กล่าวถงึ วิถชี วี ติ ประชาธิปไตยและระบบประชาธิปไตยว่า ควรประกอบดว้ ยพฤตกิ รรม ดงั ต่อไปน้ี ๑. คารวธรรม พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตยควรมพี ฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก ดังนี้ ๑) เคารพในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้แก่ การแสดงความเคารพ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกโอกาส การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจัดเพ่ือแสดงความจงรักภักดีต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ในโอกาสวันสําคัญต่าง ๆ การไปรับเสด็จเมื่อพระมหากษัตริย์หรือพระบรม วงศานุวงศ์เสด็จไปในถิ่นที่อยู่หรือบริเวณใกล้เคียง การปฏิบัติต่อสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ธงชาติ พระบรมฉายาลักษณ์ เพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นต้น ด้วยความเคารพเม่ือได้ยินหรือเห็นบุคคล ใดแสดงกิริยาวาจา หรือมีการกระทําอันไม่สมควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องว่ากล่าวตักเตือนและห้าม ปฏิบัติเช่นนั้นอีก เคารพในหลักปฏิบตั ขิ องศาสนาท่ีตนนบั ถือ และไมล่ บหลศู่ าสนาอ่ืน ๒) เคารพซ่ึงกันและกันทางกาย ได้แก่ การแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน เช่น การทักทาย การให้เกียรติแก่ผู้อ่ืน การแสดงความเคารพแก่บุคคลซึ่งอาวุโสกว่า การให้การต้อนรับแก่บุคคล และการแสดงความเอือ้ เฟ้ือซึ่งกนั และกัน ๓) เคารพกันทางวาจา ได้แก่ การรู้จักพูดจาให้เหมาะสมกับกาลเทศะ ใช้คําพูด เหมาะสมตามฐานะของบุคคล พูดจาสุภาพ ไม่ก้าวร้าวส่อเสียด ไม่พูดในส่ิงที่จะทําให้ผู้อื่นเกิดความเดือน ร้อน ไม่นําความลับของบคุ คลอ่นื ไปเปดิ เผย และไมพ่ ูดนนิ ทาหรือโกหกหลอกลวง ๔) เคารพในสิทธิของผู้อื่น ได้แก่ การไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อ่ืนท้ังทางกายหรือ วาจา รู้จักเคารพในสิทธิของคนที่มาก่อนหลัง เคารพในความเป็นเจ้าของส่ิงของ เคร่ืองใช้และต้องรู้จัก ขออนญุ าตเมอื่ ล่วงลํ้าเข้าไปในทีอ่ ยูอ่ าศยั ของบคุ คลอ่ืน ๕) เคารพในความคิดเห็นของผู้อ่ืน ได้แก่ การยอมรับฟัง ความคิดเห็นของบุคคล อ่ืน เม่ือมีผู้พูดเสนอความคิดเห็นควรฟังด้วยความต้ังใจ และใคร่ครวญด้วยวิจารณญาณ หากเห็นว่าเป็นการ เสนอแนวคิดทีด่ ี มปี ระโยชน์มากกวา่ ความคิดเห็นของตนเอง ควรยอมรับและปฏิบตั ติ าม ๖) เคารพในกฎระเบียบของสังคม ได้แก่ การยึดมั่นในกรอบระเบียบของสังคม เชน่ วัฒนธรรมประเพณี กฎเกณฑท์ างสงั คม และกฎหมายของประเทศ ๗) มเี สรภี าพและใช้เสรีภาพในขอบเขตของกฎหมายและขนบธรรมเนยี มประเพณี กกาารรเเสสรรมิิมสสรร้า้างงคคววาามมเเปปน็น็ พพลลเเมมือืองงดดีี ตตาามมววถิิถปีปี รระะชชาาธธิปปิ ไไตตยย 3๓๖6

    ๒. สามคั คีธรรม พลเมอื งดีตามวิถปี ระชาธิปไตยมพี ฤติกรรมที่แสดงออก ดงั นี้ ๑) การรู้จักประสานประโยชน์โดยถือประโยชน์ของส่วนรวมหรือของชาติเป็นที่ต้ัง ได้แก่ การทํางานร่วมกันอย่างสันติวิธี รู้จักการประนีประนอมโดยคํานึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ส่วนรวม เปน็ ใหญ่ มกี ารเสยี สละความสขุ สว่ นตนหรอื หมคู่ ณะเพอื่ ประโยชน์ของส่วนรวมหรือของชาติ ๒) ร่วมมือในการทํางานหรือทํากิจกรรมอย่างใดอย่างหน่ึงร่วมกันโดยมีบุคคล ผู้ร่วมงานต้ังแต่ ๒ คนข้ึนไป ในการร่วมกันทํางานน้ี จะต้องมีการวางแผนในการทํางานร่วมกัน คิดร่วมกัน และทําร่วมกัน เม่ือถึงขั้นตอนของการทํางานก็ช่วยเหลือกันอย่างตั้งใจจริง ไม่หลีกเลี่ยงหรือเอาเปรียบผู้อ่ืนเห็น แก่ประโยชน์ส่วนรวมถือว่างานส่วนรวมเป็นงานของตนเอง รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จากส่วนรวมและหน้าที่ต่อสังคม ความเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันของคนในกลุ่มในหน่วยงานและในสังคม รักหมคู่ ณะ มใี จหวังดแี ละชว่ ยเหลอื เก้อื กลู ซึง่ กนั และกัน ๓. ปญั ญาธรรม พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตยมพี ฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก ดังน้ี ๑) การไม่ถือตนเป็นใหญ่ คือ การรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน การยอมรับฟัง และปฏิบัตติ ามมติของเสยี งสว่ นมากในที่ประชมุ หรอื ในการทาํ งานตา่ ง ๆ และการรู้จักเปน็ ผนู้ าํ และผตู้ ามทด่ี ี ๒) เน้นการใช้ปัญญา ใช้เหตุผลและความถูกต้องในการตัดสินปัญหาทั้งปวง ไม่ใช้ เสียงขา้ งมากในการตัดสินปญั หาเสมอไป ๓) เมื่อมีปัญหาใดเกิดข้ึนหรือเมื่อมีเร่ืองที่จะต้องตัดสินใจ ทุกคนต้องร่วมกันคิดและ ช่วยกันตดั สินใจโดยใช้เหตผุ ล ๔) ในกรณีท่ีมีปัญหาโต้แย้งในหมู่คณะจะต้องพยายามอภิปรายจนกระทั่งสามารถ ชักจูงให้ทุกคนเห็นคล้อยตาม เม่ือเกิดกรณีท่ีต่างก็มีเหตุผลที่ดีด้วยกันและไม่อาจชักจูงให้กลุ่มหันไปทางใด ทางหนงึ่ เท่านนั้ จงึ จะใช้วธิ กี ารออกเสยี ง ๕) เม่ือได้รับข้อมูลข่าวสารแล้วสามารถวิเคราะห์และประมวลเหตุการณ์ต่าง ๆ ดว้ ยสติปญั ญา แนวทางการปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมืองดตี ามวิถีชีวิตประชาธปิ ไตย นอกจากนี้ ยงั ได้มีผูก้ ําหนดแนวทางการปฏบิ ัติตนเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ชี ีวิตประชาธิปไตย ไว้ ๓ ดา้ นใหญ่ ๆ ดังน้ี ๑. ดา้ นสังคม ได้แก่ ๑) การแสดงความคิดอย่างมเี หตุผล ๒) การรบั ฟังข้อคดิ เห็นของผู้อน่ื ๓) การยอมรับเมอื่ ผอู้ ่ืนมเี หตุผลที่ดีกวา่ ๔) การตดั สินใจโดยใชเ้ หตุผลมากกว่าอารมณ์ ๕) การเคารพระเบียบของสงั คม ๖) การมจี ิตสาธารณะ คอื เห็นแกป่ ระโยชน์ของสว่ นรวมและรกั ษาสาธารณสมบตั ิ ๒. ด้านเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ ๑) การประหยัดและอดออมในครอบครัว ๒) การซ่ือสตั ย์สจุ รติ ต่ออาชพี ทท่ี ํา ๓) การพัฒนางานอาชีพใหก้ ้าวหนา้ กากรเาสรรเสิมรสิมรส้างรค้าวงคามวาเปมน็เปพ็นลพเมลือเมงดือีงตดาี ตมาวมิถวีปิถรีปะชระาชธปิาธไติปยไตย ๓๗37

    ๔) การใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ๕) การสร้างงานและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อสงั คมไทยและสังคมโลก ๖) การเป็นผผู้ ลิตและผ้บู รโิ ภคท่ดี ี มคี วามซอ่ื สัตย์ ยึดมั่นในอุดมการณท์ ดี่ ีต่อชาติ เปน็ สําคญั ๓. ดา้ นการเมอื งการปกครอง ได้แก่ ๑) การเคารพกฎหมาย ๒) การรบั ฟงั ข้อคิดเหน็ ของทุกคนโดยอดทนตอ่ ความขัดแย้งท่ีเกิดขน้ึ ๓) การยอมรบั ในเหตุผลทด่ี กี ว่า ๔) การซือ่ สัตยต์ ่อหน้าที่โดยไม่เห็นแกป่ ระโยชน์ส่วนตน ๕) การกล้าเสนอความคดิ เหน็ ตอ่ ส่วนรวม กล้าเสนอตนเองในการทาํ หนา้ ท่ี สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรหรือสมาชิกวฒุ ิสภา ๖) การทาํ งานอย่างเตม็ ความสามารถ เตม็ เวลา   การเสรมิ สรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย 38 การเสรมิ สรา้ งความเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๓๘

    กิจกรรมทา้ ยบทท่ี ๓ กิจกรรม ให้อธบิ ายถึงหลกั การทีค่ วรปลูกฝงั คา่ นิยมในสงั คมไทย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย 39 การเสรมิ สร้างความเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย ๓๙

    การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๔4๐0

    บทที่ ๔ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมของสงั คมไทยทสี่ ่งเสริมประชาธปิ ไตย สาระสาํ คญั คนเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ แต่ละคนต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ช่วยเหลือเก้ือกูล มคี วามรกั ความสามคั คี นํา้ ใจท่ีดีต่อกัน รู้จักให้อภัยซ่ึงกันและกัน ซ่ึงก็หมายถึง คนเราต้องเป็นผู้มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และยึดมนั่ ในค่านยิ มของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมประชาธิปไตย ทุกคนต้องรู้จักเคารพ ให้เกยี รติ เหน็ แก่ประโยชนส์ ่วนรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตน จึงจะทาํ ใหส้ งั คมไทยอยอู่ ยา่ งสงบร่มเยน็ ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั ๑. บอกความหมายและความสําคญั ของคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ มของสงั คมไทยได้ ๒. อธิบายคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยมของสงั คมไทยทส่ี ่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยได้ ๓. ปฏิบัตติ นตามคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ มของสงั คมไทยทส่ี ่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยได้ ๔. จดั กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มของสงั คมไทยทส่ี ่งเสรมิ ประชาธิปไตย ขอบขา่ ยเนอื้ หา เรือ่ งท่ี ๑ ความหมายและความสําคัญของคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มของสังคมไทย เรื่องท่ี ๒ คณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ มของสงั คมไทยทีส่ ง่ เสรมิ ประชาธิปไตย การเสริมสรา้ งความเปน็ พลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 41 การเสริมสร้างความเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๔๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook