เพาะปญญา พิมพแ จกเปนธรรมบรรณาการดวยศรัทธาของญาตโิ ยม หากทานไมไดใ ชประโยชนจ ากหนงั สือน้ีแลว โปรดมอบใหกับผอู ่นื ทจี่ ะไดใ ช จะเปนบญุ เปนกุศลอยางย่ิง
เพาะปญญา ชยสาโร ภิกขุ ISBN 978-974-8097-72-5 พิมพแจกเปน ธรรมทาน สงวนลิขสิทธ์ิ หามคดั ลอก ตัดตอน หรอื นำไปพมิ พจำหนาย หากทานใดประสงคจะพมิ พแจกเปน ธรรมทาน โปรดติดตอ กองทนุ ส่ือธรรมะทอสี และมูลนธิ ิปญ ญาประทีป ๑๐๒๓/๔๖ ซอยปรีดีพนมยงค ๔๑ สุขุมวทิ ๗๑ เขตวฒั นา กทม. ๑๐๑๑๐ โทรศพั ท ๐-๒๗๑๓-๓๖๗๔ www.thawsischool.com, www.panyaprateep.com พมิ พค ร้ังที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ จำนวน ๖,๐๐๐ เลม ศลิ ปกรรม วิชชุ เสรมิ สวัสดิศ์ รี ขอขอบคณุ และอนโุ มทนาผถู อดเทป คณุ สภุ าวดี จนั ทรทตั ณ อยธุ ยา จดั ทำโดย กองทุนส่อื ธรรมะทอสี และมูลนิธปิ ญญาประทีป ดำเนนิ การพิมพโ ดย บริษัท คิว พรนิ้ ท แมเนจเมน ท จำกดั โทรศพั ท ๐-๒๘๐๐-๒๒๙๒, ๐๘๔-๙๑๓-๘๖๐๐ โทรสาร ๐-๒๘๐๐-๓๖๔๙
คำนำ หนังสือ เพาะปญญา เปนหนังสือที่รวมธรรมเทศนา ของพระอาจารยชยสาโร วาดวยการศึกษาวิถีพุทธ ซึ่งเปนงาน ทีพ่ ระอาจารยใ หค วามสำคญั ในระดบั สงู เปน พเิ ศษ พระอาจารย เนน เสมอวา ศาสนาพทุ ธเปน ศาสนาแหง ปญ ญา และคนไทยควร จะไดเรียนรู และไดรับประโยชนจากหลักคำสอนเพื่อพัฒนา ชีวิตของตนเอง สูความเปนผูรู ผูตื่น และผูมีความเบิกบาน เปน ผูที่สุขงายและทุกขยาก สามารถพึ่งตนเองและเปนผูมีเมตตา เปน ทพ่ี ง่ึ ของผอู น่ื ได นอกจากเปน ศาสนาแหง ปญ ญา พทุ ธศาสนา ยังเปนศาสนาแหงการศึกษาและแหงความเพียร การศึกษา ในความหมายของพุทธศาสนาจึงหมายถึงการฝกหัดขัดเกลา ตนเองสูความเปนมนษุ ยท ่สี มบรู ณม ากขน้ึ ๆ พุทธศาสนกิ ชนทุก คนจึงควรชวยกันพัฒนาการศึกษาท่ีมีหลักธรรมคำสอนของ พทุ ธศาสนาเปน แกนนำ เพอ่ื ประโยชนแ ละความสขุ ของทกุ ฝา ย
ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารยชยสาโร ในความ เมตตาไมมีท่ีสุดไมมีประมาณ ที่ไดอบรมส่ังสอนลูกศิษยและ ญาติโยมท่ัวไป และท่ีไดอนุญาตใหพิมพหนังสือ ขออนุโมทนา บุญผูมีสวนในการจัดทำและเผยแผหนังสือน้ีเปนธรรมทาน ขอใหมีแตความสุขความเจรญิ ยิง่ ๆขน้ึ ไป คณะศิษยานศุ ิษย
สารบญั ๑ ๑๙ ปญ ญาทอแสงสี ๔๗ เพาะปญ ญาแนวพทุ ธ ปญ ญาประทปี ๔๘ ๕๑ ๐๑ ดี ดีมาก ดจี ริงๆ ๕๕ ๐๒ เอาธรรมชาติ ไมเอาเช้ือชาติ ๕๙ ๐๓ เสวนาธรรม “ซับเหงอ่ื โลก” ๖๔ ๐๔ งานเสวนาธรรมเปด ตัวโรงเรียน ๐๕ ถาม-ตอบ ในงานเสวนาธรรม
ปญญาทอแสงสี* กอ นอนื่ อาตมาขอแสดงความยนิ ดี ดใี จทไ่ี ดม โี อกาสมา รว มพธิ เี ปด โรงเรยี นทอสภี าคประถมศกึ ษาในวนั น้ี ทจี่ รงิ แลว การ กลา วอยา งน้ถี ือวาเปน ธรรมเนยี ม ไมพ ดู ไมได แตวา อาตมาขอ ยนื ยนั วา พดู ดว ยความจรงิ ใจเพราะอาตมาไดม คี วามสมั พนั ธก บั โรงเรยี นแหง นี้ตง้ั แตเ ร่ิมเปด อาตมามีความสขุ ในการสนับสนนุ การใหกำลังใจ และการใหความคิดแกคณะครูของเรา และ ผูป กครองตลอดมา ในฐานะทอ่ี าตมาเปน ผยู นิ ดใี นบุญ อาตมา จึงเห็นวาโรงเรียนนี้ก็มีบุญคุณตออาตมา เพราะวาเปดโอกาส ใหอาตมาทำความดีในวงกวางหนอย คืออยูที่วัดท่ัวไปผูเขา สวนมากเปนผูมีอายุ ถา เทียบกับไมส วนมากกเ็ ปนไมเ กา ไมชัก จะผุแลวสวนใหญ ไมออนมีนอย เด็กนักเรียนมาวัดนอยนอก จากวา ครพู ามา เรากเ็ ทศนใ หเ ดก็ นกั เรยี นบา งเหมอื นกนั แตไ มม ี ความตอเนื่อง อาตมาจึงดีใจที่ไดมีโอกาสมาชวยเปนที่ปรึกษา ของโรงเรยี นทอสี * ธรรมเทศนาวนั เปด โรงเรียนทอสี ระดบั ประถมศกึ ษา ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
2 : ปญญาทอแสงสี ชาตนิ ีอ้ าตมาไมมลี กู เปนของตวั เอง ไมมคี รอบครวั และ ยอมรบั วา ไมค ดิ จะอยากมดี ว ย พอใจและภมู ใิ จในการประพฤติ พรหมจรรย แตในขณะเดียวกันอายุมากขึ้นก็มีความรูสึกอยาก จะมีสว นในการหลอ หลอมเดก็ หรอื คนรนุ ใหมใ หไดร บั ประโยชน จากพระพุทธศาสนาบาง เพราะวาอาตมาก็รูดีวาตัวเองไดดี อะไร ไดความสุขอะไรในชีวิต ก็เกิดจากการที่ไดรับการศึกษา และปฏิบัติธรรม มาอยูเมืองไทยนานแลว มากกวาครึ่งหนึ่ง ของชวี ติ ตั้งใจม่นั วาจะใชช วี ติ ในผา เหลอื งจนวนั ตาย และตัง้ ใจ ดวยวาอยากจะทำหนาที่ อยากสรางประโยชนและความสุข ทั้งแกตัวเองและคนอื่นในเมืองไทย พิจารณาอยูเสมอวาทำ อยางไรเราจึงจะไดสรางประโยชนไดมากที่สุด ในชีวิตของ ชาวพุทธเราสองสิง่ นคี้ ือประโยชนและความสขุ เปนสิ่งที่เราควร ใหความสนใจเปนพิเศษ เพราะจะใหท ิศทางทถ่ี กู ตอ งแกชีวติ ตั้งแตมาอยูเมืองไทยคร้ังแรก ๆ รูสึกท้ังแปลกใจ ทั้ง เสียใจวาทำไมวัดวาอารามที่น่ีมีเปนหมื่น พระสงฆมีเปนแสน แตห ลกั การของพระพุทธศาสนาเขา ไปมอี ทิ ธิพลตอคานิยมของ สังคมนอยแคนี้ ทำไมหลักการสำคัญ ๆ ทางพระพุทธศาสนา ซ่ึงเรามั่นใจอยางย่ิงวานาจะเปนพ้ืนฐานของสังคมท่ียอดเยี่ยม ไมค อ ยเหน็ ปรากฏทม่ี อี ยา งชดั เจนและนา ชนื่ ใจคอื ความใจกวา ง และความมีน้ำใจของคนไทย ซ่ึงเปนที่ยอมรับของคนท่ัวโลก แตบางครั้งดูเหมือนกับวาสังคมไทยชอบเถลไถลไปในทางตรง กนั ขามกบั คำสง่ั สอนของพระพทุ ธเจา โดยไมคอยรตู ัว
ชยสาโร ภกิ ขุ : 3 ในสายตาของอาตมา เอกลักษณของชาวพุทธขอ หนึ่งคือความรับผิดชอบชีวิตของตน การพยายามเปนที่พึ่ง ของตน แตในสงั คมทกุ วนั น้ีมีการวพิ ากษว ิจารณก นั มากวา คน ไทยไมค อ ยรบั ผดิ ชอบตวั เองเทา ทคี่ วรยนิ ดพี งึ่ พลงั จากภายนอก อยูเ ร่ือย ในศาสนาที่สอนใหเ ราศกึ ษาใหหาความพอดี รสู ึกวา มองทางไหนมีแตของเกินของขาด สิ่งที่พอดีมีนอยมาก และผู ที่ตั้งใจแสวงหาความพอดีในชีวิตก็หายาก อาตมาเคยอานคำ วจิ ารณข องคนตา งชาติ หรอื แมแ ตค นไทยเอง ซง่ึ มองเหน็ ปญ หา สังคมเกิดจากอิทธิพลของพระพุทธศาสนา อาตมารูสึกคัดคาน และไมสบายใจเพราะวาเห็นปญหาตาง ๆ มีเหตุสำคัญในทาง ตรงกันขาม คือการที่เราขาดการศึกษาในหลักธรรม ทำใหไม ศรทั ธาไมจ รงิ ใจ และขาดความสามารถในการนำคำสงั่ สอนของ พระพุทธเจามาประยกุ ตใชในชีวติ ประจำวัน เอาแตบ น วา ในคำสอนของพระพุทธเจาทานใหหลักการในการแก ปญหาอยางหน่ึงวา ใหเรากำหนดตัวปญหาใหชัดเจนกอนเมื่อ กำหนดปญ หาไดแ ลว ใหแ สวงหาเหตปุ จ จยั ของปญ หานนั้ เพราะ ถา จะแกต องแกท ี่เหตุ ทป่ี จ จัย ไมต องเสียเวลาแกท ่ีอาการของ ปญหา อาตมาลองวิเคราะหเหตุปจจัยของปญหาตาง ๆ ของ สังคมไทย ก็ไดความคิดอยางหนึ่งวา สังคมขาดธรรมะเพราะ ชนชั้นนำของเมืองไทยสวนมากมีความรูทางพุทธศาสนานอย เหตุผลสำคัญก็นาจะอยูที่วาในหลายสิบปที่ผานมาเด็กของ ตระกลู ชน้ั นำนสี้ ว นใหญเ ขา โรงเรยี นครสิ ตเขา โรงเรยี นครสิ ตแ ลว
4 : ปญญาทอแสงสี ถงึ แมว าไมไ ดถ กู ลา งสมองหรอื ไมไ ดช วนใหเ ปลย่ี นศาสนา และ ถงึ แมว า ไดร บั การอบรมในการเปน คนดี แตก ข็ าดการศกึ ษาขาด การอบรมในหลกั พระพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะในหลกั ทศี่ าสนาอน่ื ไมมี คือดา นการพัฒนาจติ และปญ ญา เมื่อจบจากโรงเรียนคริสตแลว สวนมากครอบครัวที่ สามารถสงลูกไปเรียนตอท่ีเมืองนอกตองสงไปอยูเมืองนอก เด็กก็ย่ิงหางไกลศาสนาและวัฒนธรรมของตน ยิ่งซึมซับของ ตะวันตก พอกลับมาถึงเมืองไทยแลวก็ทำงาน สุดทายก็กลาย เปนผูมีบทบาทนำในสังคม เมื่อเขาขาดความรูทางพระพุทธ ศาสนา ก็เปนเร่ืองธรรมดาท่ีเขาไมสามารถนำหลักธรรมไปใช ใหเ กดิ ประโยชนใ นสถาบนั หรอื ในวงการทเี่ ขาทำงานอยู และคง ไมสนใจที่จะทำอยางนั้นดวย ดูแผนการพัฒนาในอดีต ดูการ พัฒนาประเทศชาตใิ นเกอื บทุกดาน แทบจะมองไมเหน็ อทิ ธิพล ของพระพุทธศาสนาเลย เพ่งิ จะมีเร็วๆน้ี หลังจากเศรษฐกจิ เสีย หายแลวพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ไดทรงปรารภ ทรง ใหขอคิดในเรื่องเศรษฐกจิ พอเพยี ง ภาวะวิกฤตเกดิ แลว คนจึง ยอมทบทวน กอ นหนา นน้ั ไมม ใี ครสนใจ ประมาทเลนิ เลอ เหมอื น กับไมเคยไดยินคำวาอนิจจัง ในเมื่อศาสนาประจำชาติย้ำนัก ย้ำหนาเรื่องความไมประมาทตลอดแปดเการอยกวาป เปนสิ่ง ที่นา เศรา อาตมาเคยถามญาติโยมหลายคน โรงเรียนคริสตเยอะ แยะ โรงเรียนพุทธไมมีบางเหรอ เอ...ไมเคยไดยิน รูสึกจะไมมี
ชยสาโร ภกิ ขุ : 5 กระมัง อาตมาก็งง เมืองไทยเมืองพุทธ เปนพทุ ธมากกวา ๙๐% โรงเรยี นเอกชนเยอะแยะ โรงเรียนทค่ี ดิ ทจ่ี ะนำหลกั พทุ ธศาสนา มาใชไมม เี ลยเหรอนา จะมนี ะผปู กครองจำนวนไมน อ ยทจี่ ะสนใจ มแี ตบ อกวา ไมท ราบ รสู กึ จะไมม ี เพราะฉะนนั้ เมอ่ื อาตมาไดร จู กั กับคณะผูบริหารของโรงเรียนทอสี จึงพอใจวาเรามีโอกาสชวย สนับสนุนใหพระพุทธศาสนามีบทบาทในการกำหนดแนวทาง เปล่ียนแปลงของสังคมมากขึ้น อาตมามองเหมือนกับวาสังคม ในปจ จบุ นั ถา อปุ มาเปน ภาพเปรยี บเทยี บเหมอื นกบั คนผอม คน ไมส บาย นงั่ อยบู นกลอ งขา วสาร บน แตห วิ ๆ หวิ เหลอื เกนิ ... ทกุ ข เหลอื เกนิ ... โดยไมร วู า สง่ิ ทอ่ี ยรู อบตวั คอื ขา วสาร ไมร วู า ขา วสาร คอื อะไร ถามวา ขา วสารคอื อะไร ไมท ราบ รสู กึ จะเคยไดย นิ ชอ่ื อยู รสู ึกจะเคยเรียนตอนอยูชั้น ม.๒ – ม.๓ เมื่อไมนานมานี้คุยกับเด็กจบ MIT คนหนึ่ง ในสายตา ของโลกคงตองนับวาฉลาดมาก อาตมาถามเขาวาอริยมรรค มีองค ๘ คืออะไร เขาบอกวา เดี๋ยว ๆ รูสึกจะเคยเรียนในชั้น ม.๒ – ม.๓ นไ่ี มใชเ รอื่ งตลกนะ หรอื ถา ตลกกต็ ลกรา ย เปนสิ่งที่ นาเปน หว งมากกวา ถาเดก็ ทีเ่ รยี นถึงระดับนี้ ยังไมรูวามรรค ๘ คืออะไร แลวสังคมเราจะไปรอดหรือ จะเปนสังคมพุทธแตชื่อ ใชไหม การรับอิทธิพลจากตางประเทศทนี่ ากลวั ท่สี ดุ ไมใ ชว ัตถุ ตางๆ หรือวาวัฒนธรรมที่ตามองเห็น เชน พวกรานฟาสทฟูด ตางๆ พวกวัฒนธรรมบริโภคนิยมท่ีเห็นดวยตาเน้ือ ยิ่งกวานั้น คือแนวความคิดท่ีเปนปฏิปกษตอการดำเนินชีวิตที่ดีงามก็ไหล
6 : ปญ ญาทอแสงสี เขามาอยูเรื่อย และเม่ือเราไมรูจักของดีของตัวเองที่เราตอง ทะนุถนอมและรักษาไว เราก็ไมมีหลักตัดสินวาจะรับอะไรบาง จะรับอยางไรบาง เพราะการท่ีจะกลั่นกรองส่ิงแปลกใหมที่ จะเขามาไดน นั้ ตอ งมีหลกั ตอ งมีจดุ ยนื ของตวั เอง ตอนนคี้ นสว นมากไมม จี ดุ ยนื และไมม เี ปา หมายทช่ี ดั เจน ประเทศชาติไมมีเปาหมายชัดเจน เม่ือเราไมมีเปาหมายการ ตดั สนิ การเลอื กวา อยา งไรถกู อยา งไรผดิ กจ็ ะยากลำบาก เปรยี บ เทยี บงา ยๆวา มคี นกรงุ เทพฯตอ งการเดนิ ทางไปอบุ ลฯ ไมเ คยไป มากอ น ถา เขาถามวา อยากไปอบุ ลฯ ออกไปทางวภิ าวดรี งั สติ ถูกไหม เราตอบทันทีวาถูก ถาหากวาลงไปทางหัวหนิ ไปอุบลฯ ไดไหม ไปไมได ถาไปทางหัวหินผิด เม่ือเราตั้งเปาหมาย คืออุบลฯ คำวาถูก คำวาผิด มีขึ้นทันที พูดไดเลย ออกจาก กรุงเทพฯ ไปทางวิภาวดีถกู ไปทางหวั หนิ ผิด แตถ าสมมุตคิ น น้ันไมมีเปาหมาย ไมมีจุดหมายปลายทาง อยากจะขับรถไป เร่ือย ๆ ไปทางวิภาวดีรังสิตถูกไหม ไปทางหัวหินถูกไหม ตอบ ไมไ ด แลว แตไ ปทางเหนอื กไ็ ด ไปทางใตก ไ็ ด ทางเหนอื กม็ แี หลง ทอ งเทย่ี วเยอะไปทางใตก ม็ สี ถานทที่ อ งเทยี่ วเยอะแลว แตจ ะชอบ ตอบเรอ่ื งผิดเรอื่ งถูกไมไ ด ในระบบการศึกษาในสมัยนี้รูสึกวากำลังขาดส่ิงสำคัญ หลายอยา ง เราตองถามวาการศกึ ษามเี พอื่ อะไร เราตอ งการ ระบบการศึกษาเพียงเพ่ือใหไดแขงขันไดดี หรือเพียงเพ่ือให ฉลาดแบบเดิม แบบไอคิวสูงอยางเดียว หรือเราตองการให
ชยสาโร ภกิ ขุ : 7 สงิ่ ทส่ี มบรู ณก วา นน้ั อาตมาเหน็ วา การศกึ ษาควรจะใหม ากกวา นั้น ความฉลาดไมไดจบอยูที่ไอคิว น่ันเปนแคความฉลาด ชนิดหนึ่ง เปนส่ิงที่จำเปน แตปญหาอยูท่ีวาแนวความรูท่ีเรา เคยยำ้ และเคยเนน หนกั นน้ั มกั จะไมม ผี ลตอ คณุ ธรรมของคนได เราจะถอื วา พฤติกรรมเปน เรอื่ งเล็กไมไ ด เม่อื เราเห็นความ ลม เหลวของเศรษฐกจิ หรอื ปญ หาตา งๆทเี่ กดิ ขน้ึ คอรปั ชน่ั ทเ่ี หน็ ไดช ดั ในเกอื บทกุ วงการ สงิ่ ทสี่ งั เกตไดไ มย ากคอื ผทู มี่ พี ฤตกิ รรม ท่มี ีโทษตอสังคม มผี จู บปรญิ ญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก รวมดวยจำนวนไมนอย ซ่ึงเปนบทพิสูจนวา ความรูสึกผิด ชอบชั่วดี ความคิดสรางสรรค ความคิดที่เชิดชูความถูก ตองท่ีมากกวาส่ิงถูกใจไมจำเปนท่ีจะเกิดข้ึนโดยอัตโนมัติ พรอ มกับปริญญาบตั ร พอแมท่ีมีลูกท่ีจบอุดมศึกษาท่ีติดยาเสพติด หรือวามี พฤติกรรมเหลวไหลมีมาก ถาหากวาเรากำลังเปนทุกขกำลัง รองไหกับลูกท่ีจบการศึกษาช้ันสูงที่กำลังมีปญหา เราเอา ใบปริญญาบัตรมาเช็ดน้ำตาเราไดไหม อาตมาวาไมมีความ หมายอะไรเลย ฉะน้ันอาตมาเห็นวาโรงเรียนทอสีมีอุดมการณ ท่ีถูกตองในการที่จะสรางเด็กท่ีมีวุฒิภาวะ สรางเด็กท่ีฉลาด ในวงกวาง มีความฉลาดรอบตัว โดยไมไดถือวาคุณธรรม จรยิ ธรรมหรอื ศาสนาธรรมเปน ของประดบั หรอื เปน เรอื่ งเลก็ นอ ย แตถือวาเปนแกนแทของชีวิต หลวงพอชาซึ่งเปนครูบาอาจารย ของอาตมาเคยปรารภวา ถาไดเขาถึงพุทธศาสตรแลว การเรียน
8 : ปญ ญาทอแสงสี ศาสตรอ่ืนจะเปน ไปในทางทถ่ี ูกตองและนำไปสูประโยชน คุณธรรมเปน ส่ิงที่เราตอ งใหความสำคญั การสรา ง เดก็ และสรา งชวี ติ ใหม คี ณุ ธรรมนน้ั เราตอ งชว ยกนั เราตอ ง มีอดุ มการณร ว ม หมายถึงวา ผูปกครองตองสนบั สนนุ ในดา น น้ีดวย ถาหากวาครูสอนอยางหน่ึง แตผูปกครองชักนำเด็ก ไปทางหน่ึงก็จะมีความขัดแยง และคงจะไมเกิดประโยชน เทา ทีค่ วร การเรยี นรูของคนเรามนั จะเกิดข้นึ ไดในหลาย ๆ ทาง เชน เด็กเห็นพอแมมีเรอื่ งไมถ ูกใจกนั ทะเลาะกนั เด็กกเ็ รยี นรู น่ีคือการศึกษาของเด็กดวย ไมใชวาเด็กเรียนเฉพาะเวลาอยู โรงเรียน ส่ิงท่ีเด็กจะศึกษาในกรณีที่พอแมกำลังไมพอใจกัน คือวาผูใหญแกปญหาที่เกิดขึ้นระหวางกันอยางไร เขามี พฤติกรรมอยางไร ถาหากวาเห็นพอแมใชคำพูดหยาบคาย หรือมีการกระทำท่ีรุนแรงตอกัน น่ีคือการศึกษาของเด็กท่ี เกิดข้ึนนอกโรงเรียน ศึกษาวาเวลาไมพอใจตองทำอยางนี้ เพราะถือวาพอแมเปนครู เด็กก็จะเรียนรูจากพอแมอยูตลอด เวลา เมอ่ื พอแมม ีเรือ่ งผดิ หวัง เขาทำใจอยา งไร เวลาพอ แมเปน ทกุ ขเขาทำใจอยา งไรเขาจะเรยี นรตู ลอดไมใ ชเ รยี นรเู ฉพาะเวลา ดูหนงั สือ หรือเวลาอยทู ่โี รงเรยี น สมมุติวาลูกสังเกตวาทุกคร้ังท่ีคุณพอมีเรื่องไมสบายใจ ทานกินเหลา นี่คือการเรียนรูของเด็กวาการกินเหลาคือการแก ปญ หาของผูใ หญ พอ อาจจะสง่ั สอนวาเหลาเปนสิง่ ที่ไมด ีนะลูก เดก็ โตแลว อยา ไปกนิ นะแตค ำพดู นไี้ มม นี ำ้ หนกั สงิ่ ทมี่ นี ำ้ หนกั
ชยสาโร ภิกขุ : 9 คือพฤติกรรมท่ีเด็กเห็น เด็กเรียนรูอยูตลอดเวลา บางทีเรา ไมไดส งั เกต เดก็ ก็ตาโตอยูต ลอดเวลา เรยี นรูอ ยตู ลอดเวลา เรา ตอ งเปนครูอยูใ นบา นดว ย และครูโรงเรียนก็เชนเดยี วกนั สิง่ ทเี่ ราสอนเดก็ ไมไ ดจ บอยทู ว่ี ชิ าความรู แตเ ราสอนทางจติ ใจ และ สอนโดยทาทีดวย เราตองรักษาอารมณของตัวเองไวอยางดี มีส่ิงทาทายอยตู ลอดเวลา ส่ิงหน่ึงที่ตองการใหเด็กไดรับ และเปนส่ิงท่ีทุกวันน้ีไม คอยมีใครกลา วถึงเทาทีค่ วร น่ันคือความอดทน พระพุทธองค สอนวา ความอดทนเปนเคร่ืองเผากิเลสอยางยิ่ง พูดอีก นัยหนึ่ง ความอดทนเปนคุณธรรมท่ีมีประโยชนสูงสุดในการ เขาถึงความสขุ ท่ีแทจ รงิ สงั คมทีบ่ ูชาวัตถหุ รอื ถือวา ความเจรญิ วัดไดดวยย่ีหอรถยนตท่ีขับเส้ือผาท่ีสวมใส หรือความใหญ โตมโหฬารของบาน ในสังคมท่ีวิปริตเชนนี้ คนมักมีความ คิดผิดวาเอกลักษณอยางหนึ่งของความเจริญคือวิถีชีวิต ท่ีพนจากความอดทนตอส่ิงท่ีไมนาปรารถนา สามารถ จัดแจงชีวิตใหสะดวกสบาย ไมมีอะไรยากลำบาก เรียก วา สบาย เจริญ แตชวี ติ ท่ไี มตองอดทน หรือรังเกยี จท่ี จะตองอดทน รังเกียจสิ่งที่ไมถูกใจ เปนชีวิตท่ีขาดแคลน เปนชวี ิตท่อี อนแอและชวี ติ ทีอ่ นั ตราย ไมว า เราจะจดั แจงชวี ติ อยา งไรกต็ าม เราจะตอ งมโี อกาส ผิดหวังได และในการวิจัยไมนานมาน้ี ปรากฏวาคุณธรรมขอ หน่ึงที่มีความสำคัญอยางย่ิงคือทาทีตอปญหาที่เกิดขึ้น ผูท่ี
10 : ปญ ญาทอแสงสี ประสบความสำเร็จในขัน้ สูง ไมใ ชว า เขาจดั การทุกส่ิงทกุ อยา ง ไปในทางที่ราบรื่นไมมีอุปสรรคไมมีปญหา แตเปนผูท่ีมีจิตใจ เขมแข็งและเมื่อเกิดอุปสรรคก็ถือวาเปนเร่ืองสนุก เปนเร่ือง ทาทาย มีความสุขในการแกปญหา ไมไดเกิดความกลัดกลุม ซมึ เศรา นอ ยอกนอ ยใจ วา ทำไมเรอื่ งนต้ี อ งเกดิ ขน้ึ กบั ฉนั มองคน อนื่ กำลงั เจรญิ กา วหนา อจิ ฉา เอ...ทำไมมปี ญ หาแตเ ราคนเดยี ว ทำไมเพอ่ื นไมเห็นจะเปนอยางนซ้ี ักที นค่ี ือความคดิ ผดิ ทเี่ กดิ ขึ้น กบั ผทู ่ไี มมีความอดทน จติ ใจออ นแอ อาตมาขอเปรียบเทียบวาความฉลาดแบบไอคิวมัน เหมือนกับเปนทรัพยากรอยางหน่ึง แตอารมณความรูสึกและ คุณธรรมตางๆน้ันเปนสิ่งที่ชวยใหเราไดใชทรัพยากรน้ันให เกิดประโยชน สมมุติวาเรามีเหมืองแรอยูในที่กันดาร แรนั้น มีมาก ตอนนี้แรขายไดในราคาดี แตเสนทางออกจากเหมือง แรไปสูตลาดขาดเสียหายเพราะฝนตก ทรัพยากรแรน้ันก็ไม เกดิ ประโยชน จะวารวยกร็ วย แตความรวยนัน้ ไมม คี วามหมาย เพราะเราไมส ามารถทจ่ี ะใชป ระโยชนไ ด ไมส ามารถทจี่ ะเปลยี่ น แรเปนเงินตราได ความฉลาดของคนเราไมใชวามันอยูกับเรา ตลอดเวลา หยบิ ขนึ้ มาใชเ มอ่ื ไหรก ไ็ ด ถา ในโอกาสทเ่ี ราเกดิ ความ โกรธ ความฉลาดก็ดับหายไปทันที คนเราฉลาดเฉพาะเวลาที่ ไมม ีอารมณค รอบงำจิต ในขณะที่มอี ารมณครอบงำจิต ในขณะ ทีม่ คี วามโลภความอยากไดม คี วามอจิ ฉาพยาบาทความเกลียด ชงั ในขณะนน้ั เราโง ฉะนั้นถาเรียกคนนนั้ วาฉลาดมาก เปน การ
ชยสาโร ภกิ ขุ : 11 พูดตามสำนวนทั่วไป แทท่ีจริงแลว ความฉลาดเกิดดับเกิดดับ ความโงก ็เกดิ ดับเกดิ ดบั เราตองการจัดระบบการศึกษาทีฝ่ กใหเ ด็กสามารถ ปกปองความฉลาด ไมใหความโงครอบงำจิต ตองการ ใหเ ดก็ อยใู นภาวะทใ่ี ชเ หตผุ ลไดอ ยเู สมอ และเปน ผทู มี่ สี ติ อยูในปจจุบัน สามารถปรับตัวใหเหมาะสมกับสิ่งท่ีตองเผชิญ อยเู สมอไมใ ชว า สงิ่ ใดทช่ี อบ สง่ิ ใดทส่ี งบ สง่ิ ใดทสี่ บายกว็ งิ่ แลน ตามทันที สง่ิ ใดทไ่ี มชอบ สง่ิ ใดท่ไี มถ ูกใจ ไมเอา อยา งน้เี รียก วายงั เปน เดก็ เล็กอยู ถา ว่ิงตามความชอบใจ ความไมช อบใจก็ อนั ตรายมากเพราะสงิ่ ทชี่ อบใจ สงิ่ ทก่ี ระตนุ กเิ ลสเรา แตไ รแ กน สารสาระหรือส่ิงที่เปนอันตรายในระยะยาวมีมาก และส่ิงที่ไม ถูกเราใจแตม ปี ระโยชนมีจำนวนมากเชน เดียวกัน ความรูสึกที่ เกดิ ขนึ้ เปน ปฏกิ ริ ยิ าตอ การกระตนุ จากภายนอก เปน สงิ่ ท่ี เราตอ งรจู กั และรเู ทา ทนั เราตอ งสามารถถอนออกมาจาก ความรสู กึ น้นั มากลัน่ กรองอกี ทวี าถกู หรอื ผิด ตอ งมคี วาม อดทนตอ ความรสู ึกของตัวเอง เพ่อื เราจะสามารถทำส่งิ ที่ถูก ตอง เพราะฉะน้ันปญญาที่เปนความรูความเขาใจในหลักการ ตางๆ กเ็ ปนสว นหน่ึงของชีวิตที่สมบรู ณ แตปญ ญาที่สูงกวานน้ั คือปญญาทเ่ี กิดจากจิตใจท่ปี กติ จิตใจท่ีสงบ เราจะคิดได คิดในทางที่สรางสรรค เราตองรูจักพัก จากความคิดบาง รูจักเปนอิสระจากความคิดบาง เชน ถาเรา สรางบาน แลวปดมิดชิดเราก็หายใจไมออก รอนดวย อึดอัด
12 : ปญญาทอแสงสี หายใจไมออก เราตองเปดชองใหอากาศถายเท ถามองในแง วัตถุ ทำไมเปด ไวอยางน้ัน ไมมอี ะไรมนั เสยี ท่เี ปลา ๆ ไมมอี ะไร ท่ีตามองไมเห็น แตถาหากไมมีชองวาง สิ่งที่มีอยูก็ไมสามารถ จะเกิดประโยชนเทาที่ควร ความคิดเปนส่ิงท่ีเปนประโยชนตอ ชีวิตเรามาก แตถาหากเราคิดแบบเรื่อยเปอย คิดอยางไมมี ระเบยี บความคดิ นน้ั ไมส ามารถทจี่ ะเกดิ ประโยชนต อ ชวี ติ เราเทา ที่ควร ในแงน้ีแหละที่ระบบการศึกษาของตะวันตกจะไมกลาว ถงึ เลย ไมเขา ใจเลย สมาธิภาวนาจึงเปนสวนสำคญั มีบทบาท สำคัญในการพัฒนาความคิด เพราะถาเราวิเคราะหความคิด ของตัวเอง จะเห็นวา เปนเรอ่ื งเหลวไหลถงึ ๘๐-๙๐ % วกวน วกเวียนอยูในเร่ืองเกา ไมสรางสรรค ไมเกิดประโยชน ไมเปน การแกปญหาแตอยางใด ทำใหรูสึกเหน่ือยจำเจซ้ำซากอีก ตางหาก ถาเรามีจิตใจที่สามารถปลอยวางความคิดที่ไมเกิด ประโยชน เราจะรูสึกปลอดโปรงผองใสไมเครียด มีความสุข และเปน การเปด ชอ งใหค วามคดิ ทเี่ หมาะสม ความคดิ ทตี่ รงตาม ความเปนจริง หรือความคิดใหม ความคิดท่ีไมเคยปรากฏมา กอ นจะเกดิ ขึ้นมาได ในการพัฒนาชีวิตของเด็ก เร่ืองนามธรรมสำคัญ อยา งยง่ิ นอกจากเราตอ งการใหเ ดก็ คดิ เปน เรายงั ตอ งการ ใหเด็กสามารถทำจิตใจสงบ เพ่อื เปนพ้นื ฐานของปญญา ดวย ในสมัยปจจุบันทุกส่ิงทุกอยางเปล่ียนแปลงอยางรวดเร็ว อตั ราการเปลย่ี นแปลงเรว็ ขน้ึ ๆ ทกุ ป แค ๓๐ ปท แ่ี ลว ๕๐ ป
ชยสาโร ภกิ ขุ : 13 ทแ่ี ลว เราสามารถเรยี นหนงั สอื ถงึ ระดบั ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท ไดวิชาที่สามารถพึ่งไดตลอดชีวิต ปจจุบันไมเปนอยางน้ันแลว เพราะวิชาการตางๆ และส่ิงแวดลอมตางๆ เปล่ียนแปลงอยู ตลอดเวลา ทกุ วนั นเี้ ชย่ี วชาญในดา นไหนกแ็ ลว แต จะตอ งมกี าร ปรบั ปรงุ แกไ ขอยตู ลอดเวลา บางทวี ชิ าทเ่ี รยี นอยเู มอื่ ๒๐ ปท แี่ ลว ตองทง้ิ หมดเลยก็มี เพราะฉะนนั้ คุณธรรมทตี่ อ งการทกุ วันน้ี คอื ตอ งการเดก็ ทฉี่ ลาดในเรอ่ื งความเปลย่ี นแปลง หรอื ทาง ภาษาพระเรยี กวา ฉลาดในเรอื่ งอนจิ จงั ถา หากวา ยดึ มนั่ ถอื มนั่ ในสง่ิ ใดสงิ่ หนงึ่ หรอื วา แนวความคดิ อยา งหนง่ึ จะทำให ไมท นั เขาแลว แตคนท่มี คี วามยดื หยุน ท่ีไมยอ หยอน ความยืด หยนุ ทส่ี ามารถมองของเกา ความคดิ เกา มองดว ยจติ ใจเปน กลาง ไมยึดตดิ วา เพราะเกา แลวตองดี การทเ่ี ราสามารถมองสง่ิ ตา ง ๆ ตามเหตปุ จ จยั จงึ ทำให เกดิ ความรวู า สว นไหนท่เี ราตอ งยอมรบั ท่เี ราแกไมได สว นไหน ท่ีเราแกไดหรือสวนไหนท่ีเราพัฒนาได น่ีคือความฉลาดท่ีเรา ตอ งการ ถา เราไมฉลาดในเรอ่ื งน้ี บางสง่ิ บางอยา งท่คี วรจะแก เรากไ็ มแ ก โดยคดิ วา อยา งไรเสยี คงจะตอ งเปน อยา งนต้ี ลอดไป ตอ งยอมรบั เลยยอมรบั ในสง่ิ ทไ่ี มค วรยอมรบั แตส ง่ิ ทค่ี วรยอมรบั สง่ิ ทอ่ี ยเู หลอื วสิ ยั ทจ่ี ะแก กท็ มุ เทพยายามทกุ วถิ ที างทจ่ี ะแกอ ยู ในจดุ นน้ั และเมอ่ื ไมไ ดผ ลกเ็ กดิ ความทอ แทห มดกำลงั ใจ บางที ก็นอ ยใจวา ทำดีไมไดดี ไมใ ชวา ทำดีไมไดดีหรอก แตทำดีไมถกู จดุ ของมนั ตา งหาก ผลจงึ ไมดีเทา ท่คี วร ครบู าอาจารยเคยบอก
14 : ปญ ญาทอแสงสี เหมอื นกบั คนตกปลาในหนองทไ่ี มม ปี ลาเขาจะขยนั หมน่ั เพยี รเทา ไหร กไ็ มม วี นั ทจ่ี ะไดก นิ ปลาซกั ที เราตอ งฉลาด อยากทานนำ้ อยา พงึ ไปหาในทะเลทราย ใหเ รากำหนดจดุ ใหเ รารคู วามเปน ไปได ในเรอ่ื งนน้ั ไมเ ปน ไปตามความหวงั อยา เอาความหวงั มาพดู เร่ืองหน่ึงท่ีตองการความฉลาด คือในการระงับความ คดิ ปรุงแตง เพราะเม่อื เราคดิ ปรงุ แตงดว ยความอยากหรอื ดวย ความไมอยาก จะทำใหจิตใจปนปวนเปนทุกข แลวมองไม เห็นสง่ิ ตางๆ ตามความเปนจรงิ สมมตุ วิ า เกิดกลวั กลัววาอะไร สกั อยา งจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต แลว ปลอ ยใหจ ติ คดิ ดว ยความกลวั ในเร่ืองท่ีอยูในวิสัยท่ีจะเกิดขึ้นไดแตคงไมเกิด ดวยพลังของ ความคดิ ซำ้ ซากวกวนเรอื่ ยๆ ความเปน ไปไดข องสง่ิ นัน้ ดเู หมอื น จะเพ่ิมขึ้นๆ แทท่ีจริงไมเพ่ิมหรอก เพ่ิมข้ึนเฉพาะในความรูสึก เทาน้ัน เพ่ิมขึ้นเพราะอะไร ไมใชเพราะขอมูลมากข้ึน แตเพิ่ม ขน้ึ เพราะความคิดปรุงแตงนน่ั เอง เร่อื งที่อาจจะเกิดขึน้ มโี อกาส หนึ่งในรอย ก็เลยกลายเปนสิ่งที่คงจะเกิดขึ้นเจ็ดสิบในรอย ผลสุดทายแลวเปนเร่ืองที่จะเกิดข้ึนแนๆ จึงวิตกกังวลเปนทุกข ดว ยความปรุงแตง อาตมายกตัวอยางใหเห็นวา พระพุทธศาสนามีจุด เดนอยูที่วิธีการปฏิบัติ วิธีการพัฒนาชีวิตซ่ึงในภาษาพระเรา เรียกวาสิกขาหรือศึกษา ชาวตะวันตกในสมัยนี้มีจำนวนมากที่ หันมาสนใจพระพุทธศาสนา เพราะประทบั ใจวามคี ำส่งั สอนใน ขน้ั ปฏบิ ตั ทิ ส่ี ามารถเอาไปใชใ นชวี ติ จรงิ ได เทยี บกบั ศาสนาบาง
ชยสาโร ภกิ ขุ : 15 ศาสนาท่ีมีคำสอนในระดับอุดมการณวาคนท่ีดีเปนอยางไร แต ขาดคำสอนในภาคปฏิบัติ เม่ือใครดูชีวิตของตัวเองมักจะรูสึก วามีชองวางที่กวางไกลระหวางส่ิงท่ีศาสนาสอนวาเราควรจะ เปน และท่ีเราเปนอยูจริง ทุกวันนี้คนสวนใหญจึงมองตัวเอง ในแงรายวาเปนศาสนิกชนที่แย ไมสามารถเปนอยางท่ีพระ ศาสดาตอ งการ บางคนคน คัมภรี หรือเขา ไปหาผสู อน เพือ่ จะได อบุ ายชว ยแกป ญ หา ปรากฏวา ไมไ ดร บั คำตอบทพ่ี อใจ หลายคน บอกวารูส ึกวา ทางทเี่ ขาเดินตนั เสียแลว ตองหาทางใหม ผูหันมาสนใจในพุทธศาสนาหลายคนประทับใจวา ศาสนาเราชัดเจนมาก มีขอวัตรปฏิบัติที่มีเหตุผลและไมเหลือ วิสัย มีการวิเคราะหปญหา ชี้ใหเห็นเหตุปจจัย แลวก็บอกวิธี ปฏิบัติ ถาในระหวางการแกปญหาอยางน้ีหรือการพัฒนา อยา งนี้ เกิดปรากฏการณอยา งน้ี กใ็ ชว ธิ ีอยา งนแี้ ก ถาตองการ ใหพัฒนาในดานนี้ใหทำอยางน้ี ตองการคุณธรรมอยางน้ีตอง สรางเหตุปจจัยอยางนี้ๆ มันละเอียดออนมาก มีทุกสิ่งทุกอยาง ท่ีเราตองการ พุทธศาสนาเปนศาสนาที่มีคำสอนที่ทุกคน สามารถนำไปประยุกตใชในชีวิตประจำวันได เพ่ือบรรลุ ถึงชีวิตที่เยือกเย็น และชีวิตที่นำโดยสติปญญา ไมเปน ไปตามอารมณหรือเพ่ืออารมณชั่วแวบ ธรรมะทำใหชีวิต มนษุ ยม แี กนสารและทำให เราสามารถสรางความสุขและ ประโยชนทั้งแกตัวเอง แกคนอื่นและสังคมและแกสรรพ สัตวทั้งหลายได
16 : ปญ ญาทอแสงสี ฉะนั้นอาตมาเห็นวาวันนี้ ท่ีเราทั้งหลายไดมารวมกันใน พธิ เี ปด โรงเรยี นทอสีระดบั ประถมศกึ ษาเปน โอกาสอนั เปน มงคล และเปนนิมิตรหมายท่ีดีสำหรับสังคมเรา เพราะหวังวาตอไปน้ี โรงเรยี นทอสจี ะมสี ว นในการฟน ฟพู ระพทุ ธศาสนาภาคปฏบิ ตั ใิ น ระบบการศกึ ษาของไทยโรงเรยี นทม่ี อี ดุ มการณอ ยา งนหี้ าไดย าก อาตมาคดิ วา เราทกุ คนทม่ี สี ว นเกยี่ วขอ งไมว า ในฐานะเปน คณุ ครู หรอื ในฐานะเปน ผปู กครอง กก็ ำลงั จะเขา มาในโครงการทน่ี า ชนื่ ใจและนา ภมู ใิ จยงิ่ เราทง้ั หลายมโี อกาสสรา งเดก็ สรา งลกู หลาน ของเราใหเ ปนผูท่ฉี ลาดดว ย มคี วามสขุ ดว ย มีคณุ ธรรมทสี่ ังคม ไทยเชดิ ชตู ง้ั แตโ บราณ เชน ความกตญั กู ตเวที ความออ นนอ ม ถอ มตน ความออ นโยน พรอ มดว ยความรู ทางวชิ าการสมยั ใหม ประสานกันเปนอันหนึ่งอันเดียวกลมกลืนกันอยางงดงาม โดย มีหลักพระพุทธศาสนาเปนพื้นฐาน ซ่ึงจะเปนประโยชนแกเด็ก ตลอดชีวิตของเขา อาตมาจึงขออนุโมทนาคณะผูบริหารคณะ คณุ ครแู ละผปู กครองทกุ คนทไ่ี ดม าสนบั สนนุ กจิ กรรมของโรงเรยี น ทอสี อาตมาตั้งใจวาจะพยายามเปนที่พ่ึงและเปนกัลยาณมิตร ของโรงเรยี นทอสตี ลอดไป
17
เพาะปญญาแนวพทุ ธ* วันนี้ถือวาเปนวันสิริมงคล วันที่เราไดประกอบพิธีเปด “อาคารเพาะปญญา” ชื่อของอาคารก็บงช้ีโดยตรงถึงจุดมุง หมายหรือจุดประสงคของการศึกษาวิถพี ุทธ คำวา พุทธะ แปล วา ผรู ู ผูต นื่ ผเู บิกบาน หรอื ความรู ความตน่ื ความเบิก บาน สงิ่ แรกทพี่ วกเราทง้ั หลายตอ งสำนกึ และพยายามจะเขา ใจ อยูเ สมอกค็ ือ พทุ ธศาสนาคอื ศาสนาแหง ปญญา มปี ญ ญาเปน คุณธรรมสงู สุดในชีวิตของมนุษย พระพุทธศาสนามีเอกลกั ษณ และมีความแตกตางจากศาสนาอื่นๆ ตรงจุดน้ี ตรงจุดท่ีเรา เอามนุษยเปนศูนยกลางของศาสนา เปนจุดที่ต้ังของศาสนา โดยถอื วามนุษยเราจะเจริญหรอื จะเส่ือมอยทู ม่ี นษุ ยเราเอง เราไมเชื่อวามีพระผูเปนเจาที่ไหนที่จะดลบันดาลใหเรา เปนอยางนั้นอยา งน้ี เราไมเ ชอ่ื เรอ่ื งการออนวอนใหไ ดผลอยา ง นั้นอยางน้ี เพราะมนุษยเรามีความเชื่อมั่นมีศรัทธาในความ * ธรรมเทศนาโดย พระอาจารยช ยสาโร เนอ่ื งในงานเปด อาคารประถม ( เพาะปญญา ) โรงเรียนทอสี วันที่ ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๖
20 : เพาะปญ ญาแนวพุทธ สามารถ และ ในสตปิ ญ ญาของมนษุ ยเ ราเองทจี่ ะดำเนนิ ชวี ติ ใน ทางทด่ี งี าม พระพุทธศาสนาถือวาผูท ีไ่ ดพ ัฒนาตัวเองถึงจุดสุดยอด แลวถือวาสูงสุดในจักรวาล แมเ ทวดา แมพ ระพรหม แมพ ระเจา ทั้งหลาย ตองมากราบมาไหว นี่คือความประเสริฐที่ฝงลึก อยูในจิตใจของมนุษย ความเชื่ออยางนี้ ความมั่นใจอยางนี้ เปนจุดเริ่มตนของชีวิตของชาวพุทธ ซึ่งตรงกับชีวิตแหงการ เรียนรู ถามองศาสนาท้ังหลายในโลก เราพอจะแบงออกเปน ๒ กลุมใหญๆ แตถามองเปนระบบจะขอใชคำภาษาอังกฤษ ศาสนาสว นมากโดยเฉพาะศาสนาทบ่ี งั เกดิ ขน้ึ ในตะวนั ออกกลาง เปน Belief system สว นศาสนาทีเ่ กดิ ขนึ้ ท่ีอนิ เดีย เปนคนละ กลุมคนละประเภท เปนศาสนาคนละอยา ง ซ่งึ ทำใหนักวิชาการ ตะวนั ตกยงั ไมค อ ยจะยอมรบั วา พทุ ธศาสนาเปน ศาสนา เพราะ วาชาวตะวันตกเปนผูใหคำจำกัดความของศาสนา และถือวา ตอ งมีความเชอื่ ในสิง่ สงู สุดจึงจะเปน ศาสนาได แตข องพุทธ เรายนื ยันวา เราเปนศาสนาแตไ มใ ชศาสนา ตามความเขาใจของนักวิชาการตะวันตก เราถือวามีศาสนา อีกประเภทหน่ึงซึ่งไมใช Belief system แตเปน Education system ฉะนั้นขอใหเขาใจในจุดนี้ จุดน้ีสำคัญมาก ไมอยาง น้ันจะกลายเปนวา ทุกศาสนาเหมือนกันหมดสอนใหเปนคนดี ซง่ึ เปน ความคดิ สำเรจ็ รูปทเี่ กิดจากความไมส นใจศึกษา
ชยสาโร ภกิ ขุ : 21 การทเ่ี ราจะไดส ำนกึ ในความแตกตา งของศาสนา ไมใช เพ่ือยกตนขมทาน เพื่อที่จะวาเราดีกวา แตเพื่อใหเราเขาใจ ศาสนาของตนใหถูกตองและเพ่ือจะไดประโยชนจากศาสนา ของตวั เองใหม ากทส่ี ดุ พทุ ธศาสนาคอื Education system หรอื ระบบการศกึ ษา ดจู ากคำวา ไตรสกิ ขา ซงึ่ เปน คำสรปุ คำสงั่ สอน ของพระพทุ ธเจา ซงึ่ ไมใ ชเ รอื่ งความเชอื่ แตว า เปน เรอ่ื งการเรยี น การปฏบิ ตั ิ โดยเนน ในทางปฏบิ ตั มิ ากทส่ี ดุ เปน ระบบการพฒั นา มนุษย พทุ ธศาสนาเปน ศาสนาทเ่ี หมาะสมอยา งยงิ่ ทจ่ี ะเปน หลกั ของการศึกษาของลูกหลานเรา ย่ิงในเม่ือเราอยูในประเทศไทย ซงึ่ ถอื วา เปน เมอื งพทุ ธมานานหลายรอ ยป หรอื เปน พนั กวา ปแ ลว แลวแตจะนับ ซึง่ เบ้ืองหลงั วฒั นธรรม หลายสิ่งหลายอยา งชวย ใหเรามีพื้นฐาน มีสัมมาทิฏฐิในระดับพ้ืนๆ พอท่ีจะใชในการ พัฒนาตัวเองตอไป หรือท่ีจะใหลูกหลานเราไดพัฒนาหรือได ศึกษาตอ ไป อาตมาจึงมีความเชอื่ อยเู สมอวา ปญหาในสังคมเมอื ง ไทยหลายอยา ง ซึง่ อาจจะเคยมผี ูตำหนิวาเปนผลจากการ เปนเมืองพุทธ แทท่ีจริงแลวปญหาเกิดจากการที่ยังเขา ไมถึงพุทธ ไมใชวาเพราะเปนพุทธมากเกินไป แตเปน เพราะเปนพุทธนอยเกินไป เม่ือเราพูดถึงศาสนาพุทธ เรา จะเห็นชดั วา มี ๒ ระดบั มีระดบั สจั ธรรมความจรงิ และมรี ะดบั วฒั นธรรม
22 : เพาะปญ ญาแนวพุทธ สัจธรรมความจริงเราถือวาไมเปล่ียนแปลง เปนความ จรงิ ของธรรมชาตทิ กุ ยคุ ทกุ สมยั แตก ารทเี่ ราจะเอาหลกั สจั ธรรม มาประยุกตใชในชีวิตของบุคคลหรือในชีวิตของสังคม อันน้ันก็ จะมีความแตกตา ง อยางเชน ในโลกพุทธฝายเถรวาท ระหวาง การเปนพุทธไทย พุทธลาว พุทธศรีลังกา พุทธพมา มันก็ยัง มีความแตกตางกันอยูบาง แตละประเทศไมใชวาจะเปน พุทธลวน เพราะวาคนไทยอยูในโลกไมรูกี่พันก่ีหม่ืนปแลว แต เพิง่ จะเปนพทุ ธไมก่รี อยป ถาเปนพุทธเถรวาทท่ีสืบมาจากศรีลังกาตั้งแตสมัย สโุ ขทยั กย็ งั ไมถ งึ พนั ป ฉะนนั้ เปน เรอื่ งธรรมดาในเมอ่ื พทุ ธศาสนา ไมใ ชศ าสนาเดด็ ขาดทม่ี องศาสนาอนื่ วา เปน ศตั รทู จี่ ะตอ งขจดั ที่ จะตอ งทำลาย หรอื ตอ งพยายามใหผ นู บั ถอื ศาสนาอนื่ หนั มาเปน พุทธหมด กใ็ ชว ิธีเผยแผทเี่ รียกวา สันตวิ ธิ ี ศาสนาพุทธมาเจอกับศาสนาผีศาสนาพราหมณก็ไมได มองเปน ศตั รู พยายามเปน กลั ยาณมติ ร พยายามทจี่ ะเขา กนั ได สวนท่ีไมขัดแยง โดยตรงก็ปลอยไป มคี วามเคารพในผูท ี่มีความ คิดเห็นไมตรงกับตัวเอง อันน้ีก็เปนเอกลักษณของพุทธอยาง หน่ึง ฉะนั้นถาเมืองไทยเปนเมืองพุทธ ก็จะตองมีลักษณะเปน พุทธผสม มศี าสนาพราหมณผสมอยู และความเชอื่ เรอ่ื งผผี สม อยูบ า ง ตอนหลังก็มีแนวความคิดจากตะวันตกเขามาผสม แต ผสมอยางเปดเผยบาง อยางซอนเรนบาง เพราะวาหลายคน
ชยสาโร ภิกขุ : 23 ยังอาจจะเขาใจวาเราสามารถจะเอาวิถีชีวิตบางอยาง หรือ เทคโนโลยี หรืออะไรจากตะวันตกมา โดยไมมีผลกระทบตอ ความเชอ่ื ถอื หรอื ศาสนาของตวั เอง ซง่ึ อาตมาถอื วา ถา ไมเ ขา ใจ หลักการของศาสนาของตัวเองอยางชัดเจน ไมเขาใจแนว ความคิด ปรัชญาความยึดมั่นถือม่ันตางๆ ท่ีอยูเบื้องหลังสิ่งท่ี เราไดย มื มาหรอื เอามาใช ของเราก็อาจจะเส่ือมโดยเราไมรูส ึก ตวั ซง่ึ อยา งนเ้ี รากเ็ หน็ ไมยากในสงั คมปจ จบุ ัน ในการดำเนินการศึกษาวิถีพุทธ เราถือวาเราตอง พยายามเอาทั้งสองอยาง คือ หนึ่ง เราตองการเขาถึงหลักแท ของพระศาสนา และ สอง คือ ตองการพุทธศาสนาในระดับ วฒั นธรรมท่ดี งี าม ที่สอดคลอ งกับหลักแท ถาเราเจอส่ิงใดเปน ส่ิงท่ียอมรับท่ัวๆ ไป แตดูแลววาเปนความเสื่อมจากหลักเดิม หรือเขากับหลักเดิมไมได ไมใชวาจะตองรักษาเพียงเพราะวา เปน ของเกาแก เราไมใชอนุรักษนิยมในทำนองวาอะไรเปนของเกาก็ดี หมด แตก็ไมใชว าปฏเิ สธของเกาหมด ตองทนั สมัยมันจึงดี ทุก วนั นคี้ นงมงายในคำวา ทนั สมยั กลายเปน วา ทนั สมยั แปลวา ดี คือเราเอาความยึดมั่นถือม่ันเขามาหลายอยาง มาสิงสูอยูใน สมองโดยไมร ตู ัว อยา งเชน ยง่ิ เรว็ ยง่ิ ดี เราอาจจะไมคอ ยคดิ แต วาหลายสิ่งหลายอยางทพ่ี ฒั นา เพื่ออะไร เพอื่ ใหเรว็ ข้นึ โดยไม ไดพ ิจารณาวา เรว็ ข้ึนดีจริงหรอื เราตองมีหลักตายตัว ตองมีหลักการบางอยางเพื่อ
24 : เพาะปญ ญาแนวพุทธ กลั่นกรองเลือกเฟนวาจะเอาอะไรอยางไร ถาเราไมมีหลักการ ที่ชัดเจน เราจะสับสน แลวจะคอยๆเพี้ยนไปจากส่ิงที่ดีงาม อยูเรื่อย ในการพัฒนาการศึกษาวิถีพุทธ เราตองการการ ศึกษาเหมือนในโรงเรียนทั่วๆ ไป วิชาการ วิชาชีพตางๆ เราก็เอาใจใสแนนอน แตวาตองการใหอยูในกรอบของ การพฒั นา ทต่ี รงตามหลกั พทุ ธศาสนา ซงึ่ ในเรอ่ื งนเ้ี ราเอา หมวดธรรม เรื่องการภาวนา เปนหลัก การภาวนาไมไ ดห มายถงึ การนง่ั หลบั ตาอยา งทค่ี นเขา ใจ กนั เปน สว นใหญ แตห มายถงึ การพฒั นาหรอื ทำใหส ง่ิ ทมี่ คี ณุ คา เกดิ ขน้ึ ในชวี ติ ทางพทุ ธศาสนาของเราถอื วา การพฒั นานน้ั มสี อง ดาน ดานนอก และ ดา นใน การพัฒนาดานนอกท่ีตองการ คือ การพัฒนาความ สมั พนั ธก บั สงิ่ แวดลอ ม หนง่ึ ทางดา นวตั ถุ สอง ในดา นสงั คม ใหเปนไปในทางทดี่ งี าม เกิดประโยชน เกิดความสุข ท้งั แกตวั เอง แกคนรอบขาง และแกสังคมทัว่ ไป สว น ดา นใน ตอ งการใหป ฏบิ ตั ติ อความจรงิ ของจติ ใจ ของเราในทางทถี่ กู ตองดงี าม ซึ่งเราแบงเปนสองดาน ดานหน่งึ คือ Emotion ดา นความรูสึก อารมณ อีกดานหนง่ึ ซง่ึ เรายก เปน อกี ดา นหนงึ่ โดยเฉพาะ เพราะเปน สงิ่ ทสี่ ำคญั ทส่ี ดุ คอื ดา น ปญ ญาทง้ั หมด เปน เรอ่ื งภายใน แตว า เราแยกปญ ญาออกเปน พิเศษเพราะถือวาเปนหัวใจ หรือ เปนแกนแทของการภาวนา หรอื การพัฒนาของมนษุ ยทุกดาน
ชยสาโร ภิกขุ : 25 ในระบบการศึกษาท่ัวไป การพัฒนาดานในจะไมคอย เปนระบบ ถึงแมทุกโรงเรียนหรือผูบริหาร ผูปกครองทุกคนจะ ยอมรบั วา ถา เดก็ มีความอดทน เปนคนดี มีความกตญั ู เดก็ เปนอยางนั้นอยางน้ีก็ดี แตวิธีท่ีจะปลูกฝงใหส่ิงท่ีดีงามเหลา น้ันเกิดมีขึ้นในจิตใจของเด็ก ไมคอยจะชัดเจน มันกระทอน กระแทน ข้ึนอยูกับคุณภาพของครูบาง ข้ึนอยูกับส่ิงแวดลอม บา ง มันไมเปนระบบ พุทธศาสนามีการพัฒนาท่ีเปนระบบท่ีชัดเจนท่ีสุด และเราถือวาผูตั้งระบบน้ีคือองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ผูที่มีปญญายอดเย่ียมท่ีสุดในประวัติศาสตรของมนุษย และ พระพุทธองคไมไดสอนพระสาวกปสองปสามป พระพุทธองค สอนถึง ๔๕ ป พระพุทธองคไดทรงยืนยันวา กอนที่ทานจะปรินิพาน ทานจะสอนใหหมดทุกสิ่งทุกอยางท่ีจำเปนตอการพัฒนา ตอ การเจรญิ ในสงิ่ ทด่ี งี ามของพระสาวก เพราะฉะนนั้ เรามนั่ ใจได วา ระบบของเราสมบรู ณ บางคนอาจจะมคี วามรูสึกวาสมบูรณ เกินไปก็ได เรารวยคำสอน เพราะวามากเหลือเกิน จนกระท่ัง มีปญหาวาจะจับประเด็นไหนมาใช หรือวามาเนน แตพอเรามี กรอบของการพฒั นา ๔ ดา นมนั จะเรม่ิ ชดั เจนขนึ้ เพราะวา เปน ก รอบใหญ กรอบนีเ้ ราเรยี กวา ภาวนา ๔ ไดแก กายภาวนา สีล ภาวนา จิตตภาวนา และ ปญ ญาภาวนา การพัฒนาความสัมพันธตอโลกทางวัตถุเร่ิมตนจาก
26 : เพาะปญ ญาแนวพทุ ธ รา งกายของตวั เอง เพราะถอื วา เปน วตั ถทุ ใี่ กลช ดิ ทสี่ ดุ ของตวั เรา กับ จิตใจของเรา คือ ตองการใหเด็กฉลาด ตองการใหปฏบิ ัติ ใหถูกตองตอ สขุ ภาพรางกาย อันนก้ี ็เกย่ี วกับการออกกำลงั กาย การรูจักประมาณในการทานอาหาร ิทานอาหารท่ีมีคุณคาตอ รา งกาย ไมไดห ลงใหลแตใ นรสอรอยของอาหาร ความฉลาดพ้ืนฐานของชีวิต จำเปนไหมที่จะตองเนน ในเรอ่ื งน้ี จำเปน มากใชไ หม เพราะวา เปน สง่ิ ทน่ี า คดิ อยมู ากวา ทั้ง ๆ ท่ีโลกเราพัฒนา ในประเทศที่กำลังพัฒนาตามหลักของ ตะวนั ตกมากทส่ี ดุ อยา งเชน อเมรกิ า จะมปี ญ หาเพราะนสิ ยั การ กินมากเหลือเกิน ตอนนี้คนอเมริกันเปนโรคอวนตั้งกวารอยละ ๕๐ และมีโรคอะไรตออะไรเกิดขึ้น เปนปญหาตอชีวิตคน ตอ ความสขุ ของประชาชน และตอ เศรษฐกจิ ประเทศชาตอิ ยา งมาก ทุกวันนี้วัยรุนกำลังจะเปนเบาหวานกันมาก เบาหวาน แตกอน ๔๐ ๕๐ ๖๐ ป คนถึงจะเปนกนั เดีย๋ วน้ีวยั รุนเปน แลว เพราะนิสัยการกิน ฉะน้ันในเมื่อเดิมที เรามีธรรมชาติ ทจ่ี ะหลงใหลอยแู ลว อยา งทห่ี ลวงพอ ชาทา นบอกวา จติ ใจของ คนท่ยี ังไมไ ดอ บรมเหมือนกบั นำ้ ท่ีจะไหลไปสทู ต่ี ำ่ เมือ่ เรา มีนิสัยเดิมอยางน้ันอยูแลว ย่ิงมีผูโฆษณามีนักธุรกิจหรือวา บรษิ ทั ตา งๆมาบอกใหค นเขา ใจวา อาหารไมม คี ณุ คา เปน อาหาร ทนี่ า กนิ ที่สุด กม็ ปี ญหามาก ถา เด็กไมม ีสตปิ ญ ญาเขาใจในเร่อื งน้ี ชีวิตของตวั เอง ก็เสียเสียแลว เพราะสขุ ภาพไมด ี ดานอ่นื ๆ ของชวี ติ จะพฒั นา
ชยสาโร ภิกขุ :27 ไดยาก นี่คือตองการใหศึกษาใหรูจักพัฒนาความสัมพันธ ตอส่ิงแวดลอมทางวัตถุ ทุกอยางท่ีเกี่ยวกับสิ่งท่ีเราถือวาเปน ของเรารวมถึงเส้ือผา ที่อยูอาศัย ยารักษาโรค ท่ีทางภาษา พระเรียกวา ปจ จยั ๔ ตอ งการใหเดก็ ฉลาดในการปฏิบตั ติ อ ส่ิง เหลา น้ี ใหรจู ักความพอดี รูจักมีความสขุ ในโลกวัตถุ โดยท่ี ไมอาศัยความทุกขของคนอื่น ที่ไมอาศัยการเบียดเบียน ไม วาเบียดเบียนตน ไมวาเบียดเบียนคนอื่น เบียดเบียนใคร ตองการใหเด็กฉลาดในเรื่องสื่อ ใหรูเทาทันการโฆษณา รูเทา ทนั เทคโนโลยีตา งๆ ทุกวันน้ีเราอยูในโลกแหงเทคโนโลยี ส่ิงท่ียั่วยุจิตใจ ของคนเพ่ิมมากข้ึน เปนเรื่องสำคัญมากท่ีเราจะสอนเด็กใหรู เทาทนั ใหรจู กั เหน็ คณุ คา เห็นคณุ เห็นโทษ รจู กั วธิ ปี ฏบิ ตั ติ อสงิ่ เหลาน้ีโดยไมมีโทษ ใหเกิดแตประโยชน ธรรมชาติส่ิงแวดลอม กเ็ ปนอีกสว นหน่ึงทสี่ ำคัญมาก เรารวู า ใน ๒๐๐-๓๐๐ ป ตง้ั แต ปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมทเ่ี กดิ ทอี่ งั กฤษ และทต่ี ะวนั ตก การทำลายสงิ่ แวดลอ มเปน ไปอยางรวดเร็ว จนกระท่ังทุกวันนี้กย็ ังไมแนใ จวา อีก ๑๐๐ ป โลกของเราจะยงั อยูหรอื เปลา สิ่งแวดลอมเส่ือมเสียเพราะคนขาดความสัมพันธที่ดี งามกบั สงิ่ แวดลอ ม ขาดความรสู กึ วา เปน สว นหนง่ึ ของธรรมชาติ ขาดความรักความหว งใยตอธรรมชาติ แตเอาคานยิ มอยางอื่น เรอื่ งการใชส อยอยา งสะดวกสบาย โดยไมส นใจผลกระทบตอ สงิ่ แวดลอ ม ผลกระทบตอ ความเปน อยูในประเทศอนื่ หรอื ความ
28 : เพาะปญญาแนวพุทธ เปน อยขู องคนทย่ี ังไมเกิดในประเทศของตัวเอง หลกั ธรรมะทเี่ ราจะใชใ นการพฒั นาในเรอ่ื งนี้ กค็ อื ความ รูสึกรับผิดชอบ และการเขาใจเร่ืองความสัมพันธ เร่ืองการ อาศัยกันของสงิ่ มีชีวติ และ ระหวางสง่ิ มชี วี ิตกบั วตั ถุ เมือ่ เราได กรอบอยา งนี้ เราจะสอนเรอื่ งภมู ศิ าสตร เรอื่ งนเิ วศวทิ ยา เรอ่ื ง ศาสตรตา งๆ ที่เกีย่ วกบั โลกวัตถไุ ดหมด เพราะอยูในกรอบการ พัฒนาท่ชี ดั เจน สังคมตองการใหคนอยูในสังคมอยางไมเบียดเบียน ศีลนั้นก็ไมไดหมายถึงศีลหาอยางเดียว ซึ่งจะแคบเกินไป หมายถึง การแสดงออก การกระทำทุกอยา ง ตอ งการใหเ ปนไป ในทางที่สรางสรรค ทางที่ไมเบียดเบียนตน ไมเบียดเบียนผูอ่ืน ไมใชวาเราตองการระบบการศึกษาใหเปนเพียงการเตรียมเด็ก เพ่ือจะไปอยูในสังคมไมวาสังคมกำลังมุงไปในทิศไหน โดย ยอมรับหรือยอมแพว า เด็กตอ งปรับตัวใหเขา กบั สังคม เราตองการเด็กท่ีมีความสามารถท่ีจะชวยปรับสังคม ใหเ ปน ไปในทางทด่ี ขี น้ึ ไมใ ชว า เราจะตอ งเปน เหยอื่ คา นยิ มผดิ ๆ เราสรา งคนมคี ณุ ภาพใหม คี ณุ ภาพมกี ำลงั มากขนึ้ เรากส็ ามารถ เขาไปในกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมใหเปนไปในทางที่ ตรงกับหลักความดีงามมากข้ึน กลายเปนอุดมการณที่สำคัญ ของเรา การพัฒนาในดานศีล เราจะใหความสำคัญกับการ
ชยสาโร ภิกขุ : 29 สอื่ สารการแสดงออกในทางทดี่ ี การรจู กั พดู รจู กั สอ่ื ความหมาย ทีอ่ ยูใ นใจใหค นอื่นฟง ได และใหฉ ลาดในการฟง ในการเขา ใจ คนอน่ื อนั นก้ี เ็ ปนเรื่องทีส่ ำคญั มากเหมอื นกัน ทุกวันนีเ้ ร่ืองการ แสดงออกเปน เรอื่ งทพี่ ดู กนั มากวา คนไทยนไี่ มก ลา แสดงออก สู ฝร่ังไมไ ด ผใู หญก เ็ ลยปลอ ยปละละเลย เด็กอยากแสดงอะไรก็ แสดงไดห มด เลอะเทอะไปหมด ทางพุทธศาสนาสอนอยางไร พุทธศาสนาเราก็มีหลัก คือตองการใหเด็กพูดตามหลักท่ีเรียกวา สุภาษิต สุภาษิต คืออะไร คือการแสดงออกโดยใหส่ิงท่ีแสดงออกเปน ความจรงิ ใหเ ปน สง่ิ ทเ่ี ปน ประโยชน รจู กั กาลเทศะในการ แสดงออก รจู กั แสดงออกดว ยจติ ใจทห่ี วงั ดตี อ ผทู ต่ี อ งฟง หรอื ทจ่ี ะฟง และพดู อยา งสภุ าพออ นโยน อันนี้เรามาพูดถึงเร่ืองวัฒนธรรม ในวัฒนธรรมไทย มารยาทที่สุภาพออนโยน ความออนชอย ความนาดูนาชมของ คนไทยซ่ึงเปนท่ีประทับใจของคนท่ัวโลก เด๋ียวน้ีก็จะปลอยท้ิง แลว ไมร เู พราะไมท นั สมยั หรอื เปน เพราะอะไร แตส ง่ิ ทด่ี งี ามทจี่ ะ วา ไปแลว เปนเรอื่ งพื้นๆ ไมใชเรื่องลกึ ซ้ึง แตเ ปนสงิ่ ท่ที ำใหเรา มีความสบายใจ และ ทำใหเ รามคี วามรสู ึกที่ดีตอ กนั ฉะนนั้ ก็ เปน เรอื่ งทเ่ี ราตอ งการรกั ษาเอาไว รกั ษาวฒั นธรรมสว นทดี่ งี าม และกำหนดส่งิ ทีเ่ ราถือวา ดี ส่งิ ที่เราอยากจะรกั ษาไว อยางท่ีอาตมาเคยพูดบอย ๆ คือ พูดถึงความประทับ ใจ ของ ชาว ตะวัน ตก ซ่ึง เติบโต ใน สังคม หรือ วัฒนธรรม ท่ี มี
30 : เพาะปญญาแนวพุทธ ปญหาตลอดทั้ง ๒๐๐๐ กวาป เรื่องความสัมพันธระหวาง คนที่มีความคิดเห็นทางศาสนาไมตรงกัน เชน ความรังเกียจ ความดูถูกดูหมิ่นกันระหวางศาสนา ระหวางคนที่มีความเชื่อ ถือไมเหมือนกัน นี่ก็เปนปญหาหนักหนวงของโลกตะวันตก ตลอดมา พอมารูจักกับชาวพุทธ รูจักกับเมืองไทย ก็ปรากฏวา มีวัฒนธรรมในโลกที่ไมเคยมีปญหาเพราะความคิดเห็นทาง ศาสนาไมตรงกัน การที่คนไทยถือวา เราก็เชื่ออยางน้ี คนอ่ืน ก็เชื่ออยางน้ัน ตางคนตางเชื่อตามความสบายของตน ถือวา ธรรมดาที่สุดของคนไทย แตมันไมธรรมดาท่ีสุดสำหรับโลก ท่ัวไป หาไดยากมาก แมระหวางในศาสนาคริสต ๒ นิกาย โปรเตสแตนต และคาทอลิก เปนศัตรูกัน โกรธกัน เกลียดกัน ตัง้ แตโ ปรเตสแตนตเพ่ิงเกิด ตั้งแต ๔๐๐-๕๐๐ ปท แี่ ลว การท่ี จะสรางความสามัคครี ะหวางนกิ ายตางๆ ของศาสนาเปนเร่ือง ทยี่ ากมาก แตเมืองไทยนี้ไมมีปญหา นี่คือวัฒนธรรมอันหนึ่งที่ เราตองการรักษาไว เรื่องการแสดงออก กลาแสดงออกใน เวลา ในสถานที่ที่ควรแสดง สามารถควบคุมอารมณไมใชวิ่ง ตามอารมณ เปนทาสเปนเหยื่อของอารมณ อยางนี้เราถือวา ไมเปนไปเพื่อการพัฒนา เราจะเห็นวาสังคมไหนที่คนมีความ เชื่องมงายในอารมณชั่วแวบของตัวเอง จะมีปญหามากเรื่อง ความรุนแรง
ชยสาโร ภิกขุ : 31 พูดถึงความสรางสรรค อาตมาขอใหค วามคิดอยา งหน่ึง คอื อาตมาวา ในโลกตะวนั ตกความสรา งสรรคน นั้ มนั อยใู นกรอบ ท่ีคับแคบมาก ดูศิลปะสมัยใหม อาตมาจะขอวิจารณ ใชสรุป ไมใชรอยเปอรเซ็นต แตส กั เกา สบิ เปอรเ ซน็ ตข องศลิ ปะสมยั ใหม วาสิ่งที่ศิลปนอยากจะพูดกับผูชมคือ “Look at me!” อันน้ี คือศลิ ปะสมยั ใหม ไมเหมือนศลิ ปะเกาแกของเรา ซ่ึงเราไมร ูวา ใครเปน ศลิ ปน ไมต อ งมชี อื่ เลย ไมม ใี ครสนใจทจ่ี ะใหร วู า ใครเปน คนวาดเปน คนแตง ไมสำคญั ทำเพอ่ื ศลิ ปะโดยตรง ซง่ึ น่กี ็เปน วฒั นธรรมอนั หนง่ึ ทเ่ี ราตอ งรกั ษาไวใ นระดบั ใดระดบั หนง่ึ สมมุติวา การเรียนเปยโนก็ตองฝกหัดเสียกอน ตองหัด นานดวยความลำบาก พอไดหลักแลวจะสามารถ Improvise เหมือน “เลนสดๆ” คิดไปเลนไป จะเลนเพลง Jazz จะเลน เพลงอะไรกไ็ ด แตต องมีหลกั ทด่ี ีเสยี กอ นจึงจะทำเชนนไี้ ด ถา เอาเด็กที่ไมเ คยหัดเปย โนมาเลน ปลอ ยใหเลนตามสบาย แบบ สรา งสรรคไ ปเลย มันก็คงไมได เรื่องการปฏิบัติตอสังคมก็เชนเดียวกัน ตองมีหลัก เรา ตองมีสติรูเทาทันอารมณ อันน้ีก็เปนการเขามาสูการปฏิบัติ ภายใน ดา นใน ซง่ึ จะเปนจุดสำคัญ จดุ พิเศษของการศกึ ษาวถิ ี พุทธ ตองการใหเ ดก็ มสี ติ ตองการใหเดก็ รูเทาทนั อารมณ ให เด็กรูวากำลังมีอารมณอะไรอยู และมีความอดทนตออารมณ ท่ีเปนบาปเปนอกุศล หรือสรางความทุกขความเดือดรอนแก คนอน่ื ตอ งการใหเด็กไดฝก ในคณุ ธรรมตางๆ ซ่ึงเรามีวิธอี บรม
32 : เพาะปญ ญาแนวพทุ ธ วิธีพฒั นาทเี่ ปนระบบทช่ี ัดเจนมาก เรารูวาตองการใหเด็กมีความกตัญู ความละอายตอ บาป ความเกรงกลัวตอบาป ส่ิงเหลานี้เกิดอยางไร เกิดจาก ปญ ญา ความละอายเกดิ ขนึ้ อยา งไร เกดิ จากปญ ญาทร่ี วู า อะไร เหมาะสม อะไรเปน ส่ิงท่เี หมาะในฐานะท่เี ปนมนุษย ในฐานะ ท่ีเราเปน ชาวพุทธ ในฐานะทเี่ ราเปนลูก พิจารณาในเรอื่ งความ รับผิดชอบใหเห็นวา พอเราจะทำอะไร จะพูดอะไรท่ีขัดแยงกับ สิ่งท่ีเรายอมรับวาดีวางาม เราจะมีความรูสึกอยางหน่ึงเกิดข้ึน อนั น้กี ็คอื ความละอาย มันเกดิ จากการพฒั นา เกิดจากความ รูความเขาใจในกฎแหงกรรม ในความเหมาะสม ในหนาที่ของ แตล ะคน ปจจัยท่ีจะหนุนใหการพัฒนาทางจิตใจกาวหนาดี ทส่ี ดุ คอื สติ เดก็ ท่รี ูต วั อยูในปจจบุ ันและเด็กทีส่ ามารถ ระงับ ความคดิ ฟุงซานวุน วายอยใู นจติ ใจ เดก็ ทสี่ ามารถ นิ่งได อันนี้ก็เปนความสำคัญของการฝกสติอยางเปน ทางการ อยางเชน การทำสมาธิ กค็ อื การฝกสตนิ ่นั เอง ฝก ให อยูกับปจ จบุ ันอยา งเปน ผรู ู ผตู ่นื ผูเ บิกบาน ไมต อ งคดิ ฟุงซาน วนุ วายเรื่องนั้นเรื่องนี้อยูตลอดเวลา ไมตองอยูในอดีต ไมตอง อยูในอนาคต พอเด็กฝกจิตใหไดสัมผัสความสงบ ในระดับใดระดับ หนึ่ง จะเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมาก เด็กจะรูสึกมีที่พึ่ง คือ คนเราจะเจริญไมว าในดานไหนก็ตาม ไมว าดานการเรียนการ
ชยสาโร ภกิ ขุ : 33 ศึกษา หรือดานใดก็ตาม จะตองฉลาดในการปฏิบัติตออารมณ ตัวเอง เด็กทฉี่ ลาดทางดาน IQ ความจำดี อะไรกด็ ี แตว าข้ี กงั วลจนเปน ปญ หาทกุ ครง้ั ทจี่ ะตอ งสอบ กงั วลมากทอ งเสยี หรอื ไมส บาย เราจะแยกอาการเหลา นอ้ี อกจากระบบการเรยี นไมไ ด อิทธพิ ลของอารมณต างๆ ความกังวล ความกลัว ความอยาก ไดอ ยากมี ความรสู กึ ตางๆ อารมณต า งๆ อันนเี้ ปนสวนสำคญั ของชวี ิตมนุษย ถาเราไมทำการศึกษาเรื่องอารมณ ไมเขาใจวา อารมณตางๆ มันเกิดอยางไร มันดับอยางไร เราก็จะเปนคนท่ี Immature (ขาดวฒุ ภิ าวะทางอารมณ) ตลอดไป อนั นอี้ าตมา เรียกวาเปนจุดออน อาตมาจะรูจักสังคมไทยมากกวาสังคม เมอื งนอก เพราะอยทู ีน่ น่ี าน แตถ าจะพดู ถึงจุดสำคัญ จดุ ออน ไมวาคนระดับไหน ถึงระดับดอกเตอร ระดับนักวิชาการ คือ Emotional Immaturity หรือความบกพรองในสมรรถนะที่จะ บรหิ าร และควบคุมอารมณต นเอง คนขาดวุฒิภาวะทางอารมณมาก เพราะไมรูจักตัวเอง ไมรูจักวิธีปฏิบัติตอความผิดหวัง ไมรูจักวางตัวเม่ือใครตำหนิ ติเตียนในส่ิงที่ไมเปนจริง ไมสามารถปฏิบัติในทางท่ีฉลาด ตอ ความผิดหวัง ตอความไมไดส่ิงที่ตัวเองอยากได ส่ิงท่ีเปนเรื่อง ธรรมดาของคนทุกคน นี่ก็เปนส่ิงที่เราตองศึกษาดวยถาเรา จะกาวหนา หากเราดูจากประสบการณของโยมในท่ีทำงาน
34 : เพาะปญญาแนวพุทธ ปญหาท่ีเกิดเพราะอารมณของคนเพราะความนอยใจ ความ อจิ ฉาความเกลยี ดชงั และความรสู กึ อนื่ ๆอกี มากมายถา เรามนี กั เศรษฐศาสตรทเี่ กง ๆ สามารถจะคดิ คำนวณเปน ตวั เงนิ แตล ะ ปเ ศรษฐกจิ คงจะเสยี หายเพราะการไมร เู ทา ทนั อารมณไ มร กู พี่ นั ลาน การตดั สนิ ผดิ เกดิ ความผดิ พลาดหลายอยา งเกดิ เพราะคน ควบคมุ อารมณไมไ ด ไมร จู ักอารมณ ไมมวี ธิ ที ่ีจะระงับอารมณ วง่ิ ตามอารมณอ ยเู รอื่ ย ยง่ิ มอี ำนาจกย็ ง่ิ สามารถตามอารมณไ ด งายขึน้ การทมี่ ีสติรตู วั มวี ิธีระงบั อารมณทเ่ี ปน พษิ เปนภยั ตอ ตัว เองและคนอืน่ ชว ยไดมากในการศึกษา ถา เดก็ นักเรยี นมจี ิตใจ ทม่ี คี ณุ ธรรมมากขน้ึ ตอ งการจะเปน ผมู คี วามอดทน มคี ณุ ธรรม ตาง ๆ กท็ ำใหบรรยากาศในหองเรียนดีข้ึน ทำใหเ ด็กมีสมาธิใน การเรยี นงา ยขนึ้ ทำใหค รไู มต อ งเครยี ดกบั การควบคมุ พฤตกิ รรม ของเด็ก ครูก็มีกำลังใจท่ีจะใหสิ่งดีๆ แกเด็กมากข้ึน มันเน่ือง อาศยั กนั หมด ขอกลับไปพูดถึงวิธีสอนของพระพุทธเจา พระพุทธเจา ทานเปนบรมครู ทานจะใหนักศึกษาหรือพระสาวกมีสวนรวม ในการศกึ ษาอยเู สมอ อยา งเชน พระพทุ ธองคจ ะถามอยตู ลอด เวลาวา สง่ิ ทง้ั หลายเทย่ี งหรอื ไมเ ทย่ี ง สง่ิ ทไ่ี มเ ทย่ี งทกุ ขห รอื สขุ คอื จะมกี ารถาม จะใหผ ศู กึ ษารสู กึ วา มสี ว นรว มอยตู ลอดเวลา เรื่องเด็กนักเรียนกเ็ หมอื นกนั ถงึ จะมีอายนุ อ ยเราก็ตอง ใหเ ขารสู กึ มสี ว นรว ม ใหม เี ปา หมายทช่ี ดั เจน เพอื่ เขาจะตง้ั ความ
ชยสาโร ภิกขุ : 35 หวงั เพอ่ื เขาอยากจะเปน คนแบบนนั้ คอื ไมใ ชจ ะเอาฉลาดอยา ง เดียว ใหเรียนรูบอกไดอยางเดียว คือ ต้ังอุดมการณท่ีชัดเจน เปนเปา หมายของการเรียนหนังสือวา ตองการใหเ ปน คนใฝรูใ ฝ ดี เรยี กวา มีฉันทะ เม่ือเขามีสติ เขาเรียนรู และเขามีครูเปนทั้งผูใหความรู ดว ย และเปน กลั ยาณมติ รผสู ง เสรมิ สง่ิ ดงี ามในเดก็ ดว ย ครกู ค็ อย ช้ีใหเห็นวา เห็นไหม เม่ือเรามีความต้ังใจทำงาน ไมตองการ อะไร นอกจากทำส่ิงท่ีตัวเองกำลังทำอยูอยางดี อยากจะรู ความจริง อยากจะเขาใจ มันสนุกดีนะ มีความสุข พอมีใคร เตอื นเดก็ เออ! ใช ไมต อ งไปเสพบรโิ ภคสงิ่ นน้ั สง่ิ นี้ การแสวงหา ความจรงิ ในเรอื่ งการศกึ ษา การทำงานในหนา ทขี่ องตนเองใหด ี มนั มีความสุขอยใู นจุดนั้นมากเหมอื นกนั ถาเด็กเห็นความจริงอยางนี้ ฉันทะจะเพ่ิมข้ึน จะลด อำนาจของตณั หาใหน อ ยลง อนั นก้ี เ็ ปน สงิ่ ทก่ี ารศกึ ษาแนวพทุ ธ ตอ งการใหเกดิ มขี ้ึน ใหมีฉนั ทะ อยากรคู วามจรงิ อยากดอี ยาก เจรญิ อยากชว ยสรา งความเจรญิ เพม่ิ มากขนึ้ ทดแทนพลงั ของ ตณั หาทนี ไ้ี มใ ชว า เราจะไปบงั คบั ใหใ ครมฉี นั ทะเพราะวา คณุ ธรรม ทเ่ี ราตอ งการปลกู ฝง ในเดก็ ทกุ อยา งเกดิ ขน้ึ จากการเรยี นรู จาก ประสบการณ เพราะมนั ตรงกับความจรงิ ถาเราเห็นความจริงแลว คุณธรรมตางๆ เกิดขึ้นเม่ือเรา เหน็ วา ตวั เองไมต อ งการเปน ทกุ ขต วั เองตอ งการความสขุ ปญ ญา กเ็ กิดขนึ้ วา คนอ่ืน เพ่อื นๆ ก็คงเหมือนกัน เขาก็ไมต องการเปน
36 : เพาะปญญาแนวพทุ ธ ทุกขแมแ ตน ดิ เดยี วเหมอื นกับเรา เขาก็ตองการความสขุ เหมอื น กบั เรา เรากเ็ หมือนกัน ก็เปนเพ่ือนกันดวยธรรมชาตอิ นั เดียวกนั การประพฤตกิ ารปฏบิ ตั ติ อ คนรอบขา งในดา นศลี กเ็ กดิ ขน้ึ จากการรตู อ ความจรงิ ของมนษุ ย เกดิ จากการดภู ายใน เกดิ จาก การดอู ารมณดวยความรสู กึ ถาคนพูดหยาบคายกับเรามันรสู ึก อยางไร เปนทุกขใชไหม ถาอยางนั้นเราก็ควรมีหลักการวา เรากจ็ ะไมพ ดู หยาบคายกบั ใคร เพราะเรารแู ลว วา มนั ทกุ ขข นาด ไหน เรียนรคู วามจริงภายใน อันน้ีกพ็ ฒั นาอารมณ พัฒนาใน ดา นคณุ ธรรม มคี วามเมตตากรณุ า มคี วามกตญั ู มีความ พอใจกบั สงิ่ ท่ีตัวเองไดด ว ยความถกู ตอง เปนตน ทางดานสมรรถภาพ มีความเขมแข็ง มีความม่ันคงใน หลักการของตัวเอง มีความอดทนถามีความอดทนตอ อารมณ มีความอดทนตอสิ่งแวดลอม การพัฒนาทุกอยางก็กาวหนา ขาดความอดทนขอ เดยี วนยี้ าก ความอดทนเปน เปา หมาย หน่ึง คอื ตองการใหเ รามคี วามเปนคนอดทน ตองการให เดก็ มคี วามภมู ใิ จในความอดทนของตวั เอง เพราะเปน สง่ิ ท่ี จะเปน ประโยชนต ลอดชีวติ เราในฐานะเปนครู เปน ผูปกครอง เรากเ็ ปนตวั อยางทดี่ ี อยางเชน พระเจาอยูหัวฯ ทานมีความอดทนอยางยิ่งในการ ทำหนาที่ของทาน อันนี้ก็เปนตัวอยางท่ีชัดเจนมาก หรือจาก ครูบาอาจารย เพราะเราเห็นส่ิงที่ดีงาม แทนท่ีเราจะบนวา สังคมเราแย อนั นกี้ ็แย อนั นัน้ กแ็ ย เราก็ดึงเอาสิง่ ทดี่ ี และเหน็
ชยสาโร ภกิ ขุ :37 วา คนนัน้ เขางามนะ เขาอดทนมากนะ เราเหน็ สง่ิ ทดี่ งี าม เรากช็ ใี้ หเ ดก็ เหน็ เราเปน กลั ยาณมติ ร ตอลูกศิษย กัลยาณมิตรตอลูกหลานอยูตลอดเวลา น่ีก็เปน ความสมั พนั ธทเ่ี ราตอ งการ เดก็ ตอ งการอะไร ตองการความรกั ตอ งการความเมตตาทส่ี มำ่ เสมอ และไมม เี งอ่ื นไข ไมใ ชว า ตอ ง อยางน้ีนะเราจึงจะรกั ถา ทำใหพอ แมผิดหวงั หรือ ไมท ำตามท่ี ครสู อนจะไมร กั อยา งนจี้ ติ ใจเดก็ จะเสยี หาย เขาตอ งการความ รักท่ีไมม ีเงอ่ื นไข ในขณะเดียวกันเราก็จะตองมีขอบเขตหรือ Boundary ที่ชัดเจนและตายตัว เด็กจึงจะรูสึกปลอดภัย ถาหากการให รางวัล หรือ การลงโทษ ขึ้นกับอารมณของผูใหญ เด็กก็จะเกิด กังวล เครียด paranoid เพราะไมรูจะทำไดมากนอยแคไหน เพราะบางวันทำแลวไดร ับชม บางวันถูกดวุ า ตองมขี อบเขตที่ ชัดเจน สองอยางนี้ ไมวาครูไมวาผูปกครองตองใหกับเด็ก คือ ใหความรักไมมีเงื่อนไขอยาง สม่ำเสมอ และตองมีขอบเขต ที่ชัดเจน เดก็ ตอ งรวู า อะไรถกู อะไรผดิ เปน การตกลงในครอบครวั ของเรา เปนการตกลงในโรงเรียนวาทำอยางนี้ไมได ถาจะอยู ดวยกันตองยอมรับในขอตกลง และถาหากเลยเถิดไปก็ตอง จดั การอยา งใดอยา งหนงึ่ ทเี่ ราเหน็ วา เหมาะสม อยา งนเี้ ดก็ จะมี ความมนั่ คง มคี วามเชื่อมนั่ ในตัวเอง และ มีการมองโลกในแง ดี มีความสำเร็จในการเรยี น มคี ุณธรรมทางจติ อีกขอหนึง่ คือ
38 : เพาะปญญาแนวพุทธ ความเชอ่ื มน่ั ในความสามารถของตวั เองทจี่ ะผา นพน อปุ สรรค มี ความเชอ่ื มั่นวาตวั เองทำได ตวั เองจะตอ งพยายามทำ และตอง เชอื่ ในสตปิ ญ ญาของตวั เอง เชอื่ วา ถา เปน ทกุ ข มนั เปน เพราะเรา คิดผิด เพราะมีตัณหา ตองรจู กั ดตู ัวเอง นีเ่ ปน เรือ่ งปญญา ปญ ญาเรมิ่ ตน จากเรยี นรวู ชิ าการ วชิ าชพี ความสามารถ ตางๆ อันนี้ก็ระดับหนึ่ง อีกระดับหนึ่งก็ตองการฝกใหคิดเปน อันนี้ตามหลักพระ เรียกวา โยนิโสมนสิการ อันนี้ก็เปนเพชรน้ำ หนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ถูกฝงไวอยูในดินมานานหลายรอย ป เมื่อวานนี้ทานเจาคุณพระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) ทาน พูด (ปจจุบันคือพระพรหมคุณาภรณ) เปนส่ิงท่ีฟงแลวก็ตกใจ เหมือนกันวา ในเมื่อพุทธศาสนาเปนศาสนาแหงปญญา ตัว ศาสนา คือ ระบบการพัฒนาปญญาของมนุษย เพ่ือเปนที่พึ่ง ของตน เพื่อสรางประโยชนแกตนเองและผูอ่ืน ส่ิงท่ีเปนหัวใจ แทของพระศาสนา แกน แทของพระศาสนา คอื ตัวปญ ญา แต วิธีพัฒนาปญญากลายเปนสวนท่ีเราใหความสำคัญนอยท่ีสุด เราใหค วามสำคญั เรอ่ื งการใหท านมากทสี่ ดุ ซงึ่ กเ็ ปน สง่ิ ทด่ี ี และ ควรจะรกั ษานไี้ วด ว ย แตว า เรามองศาสนาเราแคบเกนิ ไป ยดึ อยู เพยี งแคก ารใหท าน และขาดการใชป ระโยชนจ ากปญ ญาอนั ลกึ ซงึ้ ของพระพทุ ธศาสนา เพือ่ พัฒนาชวี ิตตวั เอง พัฒนาครอบครวั พฒั นาสังคมในทางที่สอดคลอ งกับหลักพุทธ อาตมาเหน็ วา เรอื่ งปญ ญาน้ี เราไมจ ำเปน ตอ งไปเอาของ ฝรั่งซ่ึงก็มีดีบางเสียบาง แตจะบอกวาระบบตางๆ ปรัชญา
ชยสาโร ภกิ ขุ : 39 ตา งๆ ทง้ั หมดของตะวนั ตก ขอใหจ ำไวใ หด วี า เปน ปรชั ญา เปนแนวความคิดของปุถุชน ไมใชปญญาท่ีเกิดขึ้นกับ พระพทุ ธเจา คอื ผทู ่ีรูโลกและชวี ิตตามความเปนจรงิ จะเห็นวาระบบความคิดที่ถือวาเฉียบแหลมที่สุดของ ฝร่งั อยา งเชน ของคารลมารกซ ของฟรอยด เปนตน ไมกส่ี บิ ป ก็ท้ิงทั้งหมด ของพระพุทธเจาเกือบท้ังหมด ๒๕๐๐ กวาป ยัง ไมมีนักวิทยาศาสตรท่ีไหน ท่ีสามารถพิสูจนวา คำสอนของ พระพทุ ธเจา ผดิ แมแ ตข อ เดยี ว ๘๔๐๐๐พระธรรมขนั ธ มขี อ ไหน ท่ีผิด นี่คือความล้ำคาของคำสอนของพระพุทธเจา ซึ่งเปน ทรพั ยากรของเราทอ่ี ยใู นเมอื งไทยมโี อกาสมากทส่ี ดุ เรามคี วาม ไดเ ปรยี บมากทส่ี ดุ ในการประยกุ ตใ ชก บั ชวี ติ ของตวั เอง และ การ พัฒนาสงั คม ถาเราสามารถพัฒนาการศึกษาวิถีพุทธได เมื่อวาน นี้อาตมาก็พูดวา เปนไปไดภายในไมกี่สิบป คนทั่วโลกจะมา ศึกษาท่ีน่ีได เพราะวาระบบการศึกษาในทุกประเทศมีปญหา มาก การศกึ ษาของอังกฤษกม็ ปี ญ หามาก เปลี่ยนไปเปล่ยี นมา คอื มนั ไมเ หมอื นความกา วหนาทางเทคโนโลยี มันเปนเรอื่ งของ ทฏิ ฐิ ความคิดเห็น ซึ่งมนั กก็ ลบั ไปกลบั มา ไมม ที ตี่ กลง ไมม ี ขอ ยุติสกั ที สิ่งที่เราทำที่โรงเรียนนี้ เราเปนรุนบุกเบิก ไมวารุนครู รนุ ผูป กครอง รนุ นกั เรยี น อยใู นยคุ ประวตั ิศาสตรก ็วา ได เรามี โอกาสอยางมากที่จะสรางสิ่งท่ีดีงาม ซึ่งเราจะไดประโยชน
40 : เพาะปญญาแนวพทุ ธ ไมใชเฉพาะพวกเรา แตคนในอนาคตและอาจจะเปนคนทั่ว โลกตอ ไป อันนไ้ี มใ ชคยุ โออ วด คุยเกินความจริง เปนเรอ่ื งที่ เปนไปได เพราะวาเรามีระบบการศึกษาที่เกิดจากองคสมเด็จ พระสัมมาสมั พุทธเจา ไมใ ชจากนักคิด ไมใชน กั ปรัชญาท่วั ไป เพียงแตว าเราตอ งฉลาดในการเลอื กมาใช โยนิโสมนสิการ หลักการคิด ทานก็สอนหมด สอนวิธี แยกแยะ วธิ ีวิเคราะห สอนใหห มด นกั วทิ ยาศาสตรเขาพฒั นา วิธกี ารทางวิทยาศาสตร กเ็ ห็นวา พระพทุ ธเจา ทา นสอนมานาน แลว ไมใ ชว า สอนทฤษฎลี า สดุ ของวทิ ยาศาสตร ถา จะหาความ สมั พนั ธร ะหวา งพทุ ธศาสนากบั วทิ ยาศาสตรใ นทฤษฎไี มไ ด แต ดูที่วิธีการเขาก็พยายามท่ีจะเอาวิธีการแนวพุทธโดยไมคอยจะ รตู วั วิธีการของเราก็ดูวาส่ิงนี้มันคืออะไร มันเกิดอยางไร มนั มเี หตปุ จ จัยอะไรจงึ เกิดข้นึ ได ถา เปนสิ่งทีด่ ี ทำอยา งไรเรา จงึ จะรกั ษา จะบำรงุ เหตปุ จ จยั ทที่ ำใหส งิ่ นเี้ กดิ ขนึ้ ทำอยา งไรจงึ จะปอ งกนั ไมใหเ หตปุ จจัยนน้ั เสือ่ มไป ถา เปน สงิ่ ทไ่ี มด ี เราก็ไม ตองตกใจมาก เพราะวาเปนสงั ขาร เปน สง่ิ ปรุงแตง ทนี ีต้ อ ง ฉลาดและดูวา สวนไหนที่จะแกไ ดท ันที สวนไหนทจี่ ะคอ ยๆ แก สง่ิ ใดท่เี ปนปฏปิ ก ษและตองขมไว คอื ตอ งฉลาดในเรือ่ งนี้ เริม่ จากงา ยๆ ในการสอนเดก็ เจอสง่ิ ทีไ่ มช อบ ใหมาคดิ พยายามฝกใหคดิ หาสิ่งที่ดีในสง่ิ ที่ไมชอบสกั สามขอ เจอสิง่ ท่ี ชอบกำลังจะหลงใหล ใหหยุด ใหเด็กพยายามคิดหาส่ิงท่ีไมดี
ชยสาโร ภิกขุ : 41 ในส่ิงท่ชี อบสามขอ คอื ไมวงิ่ ตามอารมณ ความยนิ ดี ความยนิ รา ย ความชอบความไมชอบ ความชอบความไมชอบเปน สว น หน่งึ ของชวี ิต เราไมไ ดป ระณาม เราไมไ ดว า อะไร แตวา ถา เรา เช่ือความชอบความไมชอบมากเกินไปจะทำใหชีวิตถูกกำหนด ดว ยอารมณช่ัวแวบ เราจงึ ขาดความเปนอิสระ พทุ ธศาสนาสอนวาการฝกปญญา หนง่ึ เพ่อื ฉลาดใน การศึกษาเลาเรียน การทำงาน การพัฒนาชีวิตของตัวเอง ใน ดา นพนื้ ฐาน สอง เพอื่ ใหฉ ลาดในการพฒั นาพฤตกิ รรมทไ่ี รโ ทษ พฤตกิ รรมทดี่ งี าม และพฒั นาอารมณต า งๆทดี่ งี าม และสดุ ทา ย ตองการปญญาในการท่ีจะรูเทาทันความจริงของโลกและชีวิต เพ่ือปลอยวางความยึดม่ันถือม่ัน กลายเปนผูท่ีไดสัมผัสความ เปนอิสระ เราถือวาความเปนอิสระจากความยึดม่ันถือมั่นจาก ความเชื่องมงายจากการบีบคั้นของกิเลสของอารมณท้ังหลาย เปน เปา หมายสงู สดุ ซง่ึ เราคอ ยๆ ปฏบิ ตั ไิ ป มนั สอดคลอ งกนั หมด อยา งเชน การไหวพ ระเปน ระดบั ไหน เปน การพฒั นาอยา งไร ถา หากไมมีความรูความเขาใจก็เปนระดับวัฒนธรรม ก็ดีเหมือน กนั มนี สิ ยั การไหวพ ระตงั้ แตเ ดก็ เปน การปลกู ฝง ความรสู กึ บาง อยา งทีอ่ าจจะเปน จดุ ทีจ่ ะพฒั นาตอไปก็ได แตถา จะใหดีย่งิ ขน้ึ ก็อยากจะใหอธิบายวา พระคอื อะไร พระพทุ ธรปู คอื อะไร ทำไมจงึ ใหเ รากราบพระพทุ ธรปู เรากราบ อะไร ตอบวา กราบพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ แลว พระพทุ ธ
42 : เพาะปญ ญาแนวพุทธ พระธรรม พระสงฆ คอื อะไร พระพทุ ธเจา คอื สญั ลกั ษณแ หง ความรูความตน่ื ความเบกิ บาน ธรรมะ กค็ อื ความจรงิ และความ ดี สงฆ กค็ อื การปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบ เพอ่ื เขา ถงึ สง่ิ สงู สดุ เมื่อเรากราบพระ ถาเรากราบถูก จะมีความหมายวา ขอใหขาพเจา เปน ผูเจริญ ผูรู ผูต่ืน ผูเ บกิ บาน เปน การยนื ยัน เพ่ือเปนการเชิดชู เพอ่ื เปนการยืนยนั วาความเปน พุทธะเปน สิ่ง สูงสุดของชวี ติ มนุษย สง่ิ สูงสุดทีจ่ ะหวงั จากชีวิตมนษุ ย คนเรา เปน พทุ ธะได เรยี กวา สาวกพทุ ธะ พทุ ธะระดบั สาวก เปน พทุ ธะ ระดบั ผปู ฏบิ ตั ติ ามคำสอนพระพทุ ธเจา ของเรา ทา นกย็ งั ใหช อื่ วา พทุ ธะ ไดเ หมอื นกนั แตอ ยา งไรกต็ าม เรากราบเปน การเตอื นสติ เปน การยืนยัน เราถอื วา ความรู ความตื่น ความเบกิ บาน การ ถึงพรอมดว ยปญญา ความเมตตากรุณา ความบรสิ ทุ ธิ์ ความ อสิ ระ เปนสิ่งสูงสุดในชวี ิตของขาพเจา เรากราบครั้งท่ีสอง กราบพระธรรม ถือวาขาพเจาบูชา ความจริง ตองการเขาถึงความจริงของโลกและชีวิต ตองการ ความดขี องธรรมะมาบำรุงชวี ติ ของตน ชวี ิตของครอบครัว ชีวติ ของสังคม ชีวิตของโลกที่ขาพเจาอยูอาศัย ครั้งที่สาม กราบ พระสงฆ คอื กราบการปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบ คอื เปน การยนื ยนั วาจะพยายามพฒั นาตวั เองท้ังกาย ท้ังศีล ท้ังจติ ท้งั ปญ ญา ให เขา ในกระแสของธรรมใหมากทสี่ ุด ถาเราเขาใจอยางน้ี การไหวพระก็เปนการสืบสาน วฒั นธรรมอนั ดงี ามของบรรพบรุ ษุ ดว ยเปน สว นหนง่ึ ของการฏบิ ตั ิ
Search