Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือหลักเกณฑ์การเเปลบาลีประโยค1-2เเละป.ธ.3

คู่มือหลักเกณฑ์การเเปลบาลีประโยค1-2เเละป.ธ.3

Description: คู่มือหลักเกณฑ์การเเปลบาลีประโยค1-2เเละป.ธ.3

Search

Read the Text Version

ถู่มีอนร้กเกณฑการแปรบๅร ๒. อเนกัตถประโยค (compound sentence) คือประโยค ที่เป็นประโยคใหญ่ หรือประโยคเล็กมีนิบาตเชี่อม ๓. สังกรประโยค (compiex sentence) คือมีตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป เป็นประโยค ที่เป็นประธานประโยคหนึ่ง แล้วมีประโยคน้อยทำหน้าที่เป็นประโยคคุณ วิธีแปลเอกัตถประโยค ๑. ปฐมาวิภัตติไนเวลาแปลโดยอรรถให้ตัดคำว่า อันว่าออกเสีย เช่น ปุริโส บุรุษ,อิตฺสี หญ่ง,วตฺถุ สิงของ ถ้าเป็นพหุวจนะ ห้ามไซ้ตัวย่อว่า ท.ไห้ไซ้ตัวเต็มเช่น ปุริสา ชายหลายคน หรือ บุรุษทั้งหลาย อิตฺถิโย หญิงหลายคน หรือ หญิงทั้งหลาย วตฺถูนิ สิงทั้งหลาย หรือ ของหลายสิ่ง ถ้าเป็นนามที่เป็นพหุวจนะ แล้วมี วิเสสนสัพพนาม หรือปกติสังขยา บอกจำนวน นามที่เป็นพหุวจนะไม่ต้องใส่คำว่า ทั้งหลายไต้ วิเสสนสัพพนาม เช่น อิเม ปุริสา บุรุษเหล่านี้ สพฺเพ ปุริสา บุรุษทุกคน,บุรุษทั้งหมด,หรือพวกบุรุษ ตา อิตฺสีโย หญิงเหล่านั้น สพฺพา อิตฺถิโย หญิงทุกคน อิมานิ วตถนิ สิ่งของเหล่านี้ มีปกติสังขยาบอกจำนวน เช่น เทฺว ชนา คน๒ คน ปณฺจ อิตฺถิโย หญิง ๕ คน เหล่านี้ เป็นต้น ๒. ทุติยาวิภัตติ เป็นต้น แปลไต้ความแล้วตัดสำเนียงอายตนิบาตไต้บ้าง อุ. ปุรืโส กมฺม่ กโรติ.บุรุษทำการงานฯถ้าแปลได้ความไฝชัดเจนก็ไม่ต้องตัดออกเช่น ยาเนน คใ4ตุวา ไปยาน อย่างนี้ ไม่ชัดเจน ต้องแปลว่าไปด้วยยาน ๓. นามที่รู้จำนวนแน่นอนบ่งบอกแทนสังขยา ไห้เขียนเป็นเลขไทยไต้ เช่น จฦชุนิ นัยน์ตาทั้ง ๒,หตุลา มีอทั้ง ๒,กณฺณา หูทั้ง ๒ ข้าง เป็นต้น ๙. กิริยามี ภู, หุ, อส ธาตุ ที่สามารถริบวิกติภัตตา เวลาแปลโดยพยัญชนะ แต่ เวลาแปลโดยอรรถไม่ต้องเติม สา ตุฎฺจมานสา หุตุวา ฯเปฯ (๓/๑๕) นางเป็นผู้ยินดีแล้ว. นา/เป็นผู้พอไจแล้ว ถ้าเป็นกิริยาคุมพากย์ไห้แปลสำเนียงบอกกาลมา อุ.ไส(สามเณโร) สีลวิปตุตึ ปตุโต ภวิสฺสติ, (๑/๑๕) เธอจักถึงสิลวิบ้ติเสียแน่แล้ว ฯ สา กุหึ นิพฺพตุตาสิ. นางเป็นผู้บังเกิดแล้ว ณ ที่ไหน ฯ เถโร ตุณฺห้ อโหสิ.(๑/๙)พระเถระไต้นึ่งเสียแล้ว ฯ ๕. บทสัมปทานะ (แก่) ก็ดี ตัวส-ามีสัมพันธะ (ของ) ก็ดี มีกิริยาว่ามีว่าเป็น นิยมไซ้ เป็นประธานได้ อุ. อถสฺส เอตทโหสิ \"มม ธีตุ คาโว ทสฺสามีติ.(๓/๕๖) มหาเศรษฐีได้มี ความคิดอย่างนี้ว่า เราจักไห้โค แก่ธิดาของเรา ฯ อุ.ตสฺส หตฺถปาทา จ อกฺฃีนิ จ กณฺณา จ www.kalyanamitra.org

พระมหาสนคิด จไ4ตามใย ๙ นาสา จ มุฃฌฺจ น ยถาฎจาเน อเหสุ่.(๓/๑๒๑!ทารกนั้น ได้มีมีอ เท้า นัยนตา หู จมูก และปาก ไม่ตั้งอยู่ในที่ตามปกติ ฯ ๖. บทที่ม่ จ ด้พท์ควบอยู่หลายบท หรือบทที่เป็นทว้นทวสมาสไท้แปล จ ศัพท์ตัว สุดท้ายที่ควบว่า และ อุ. เตน สทฺธึ ปณฺจสตา ภิฤขู จ ภิฤขุนัโย จ อุปาสิกาโย จ นิกุฃมึสุ. ภิกใฬุระมาณ ๕๐๐ ภิกใ^ณีประมาณ ๕๐๐ อุบาสกประมาณ ๕๐๐และอุบาสิกาประมาณ ๕๐๐ ออกไปกับอุบาสกนั้น ฯ การแปลรูปประโยค ๑. ประโยคกัมมวาจก โดยมากแปลตัวอนภิหิตกัดตา ขึ้นก่อน อุ. ภตวตา \"มูลคนฺโธ สารคนุโธ สุปฺผคนฺโธติ ตโย อุตฺตมดนุธา ๅตฺตา. (๓/๗๗) พระผู้มีพระภาคตรัสกลนสูงสุด ๓ อย่าง คือ กลิ่นเกิดแต่แก่น กลิ่นเกิดแต่ราก กลิ่นเกิดแต่ดอก ฯ ๒. ประโยค ตุ่ ปัจจัยที่เป็นตัวประธาน แปลได้ ๒ อย่างคือ ๒.๑ แปลขึ้นที่ ตุ่ ปัจจัย ที่ไม่มีตัว อนภิหิตกัตตา ใช้สำนวนว่า การ อุ.อานนฺท น เอว่ กาต่ วฏฏติ.(๗/๑๓๖)การทำอย่างนั้น ไม่ควร อานนท์ฯ ถ้า ต์ ปัจจัยมีตัว อนภิหิตกัตตา ไท้ใช้สำนวนว่า การที่ อุ. มยา อิมิสฺสา อวสฺสเยน ภวิตุ่ วฎฺฎติ. การที่เราเป็นที่พึ่งของ หญิงนี้ควร ฯ ๒.๒ แปลขึ้นที่กิริยา ในประโยค ตุ้ ปัจจัยเป็นประธานไม่มีตัวอนภิหิตกัตตา ใช้สำนวนว่า ควร อุ. อานนทนเอวํ กาตุ่ วฎฺฎติ.(๗/๑๓๖)ไม่ควรทำอย่างนั้น อานนท์ใน ประโยค ต่ ปัจจัยที่มีตัวอนภิหิตกัตตา ใช้สำนวนว่า ควรที่ อุ. มยา อิมีสฺสา อวสุสเยน ภริตุ่ วฎฺฎติ. ควรที่เราเป็นที่พึ่งของหญิงนี้ฯ www.kalyanamitra.org

ถู่รอหสัทเกณร!การแปลบาลิ วิธีแปลอฌกัฅถประโยค อเนกัตถประโยค ใช้นิบาต หิ, จ, ปน, สเจ, ยทิ. กิฌุจาปิ, วา ปน,อถวา เป็นต้น เชื่อมความตั้งแต่ ๒ ประโยคเป็นต้นไป ใช้สำนวนแปลดังนี้ ๑. กล่าวถึงฝ่ายหนึ่ง ใช้ หิ, จ,ปน ต้วใดต้วหนึ่ง ใช้เชื่อมประโยคแปลว่า ฝ่าย หรือ ส่วน อุ. ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมํตฺเตเนว สพฺพทา,ธีโร จ สุฃสํวาโส ฌาตีนิว สมาคโม. {๖/๑๓๖) การอยู่รวมกับพวกคนพาล เป็นทุกข์ ในกาลทุกเมื่อ เหมือนอยู่กับดัตรู ส่วน น้กปราชณ์มืการอยู่ร่วมกันเป็นสุขเหมือนสมาคมแห่งญาติทั้งหลาย. ๒. ในประโยคต้นอนุญาตใหใป หรือใช้ให้ไป ประโยคหลังยังมืช้อแม้อยู่ หรือจะสั่ง ให้ทำอย่างหนึ่ง ใช้ จ ปน เชื่อมประโยค แปลว่า ก็แล อุ. เตนห้ คจฺฉ, คนฺตฺวา จ ปน นิมนุเตตฺวา ■'อมุหาก่ เคหํ อสุกฎจาเน วา อสุกวีถิยํ วา อสุกมคเคน วา คนุตพฺพนุติ มา อาจิกฺขิ.(๓/๓๙) ถ้าอย่างนั้นท่านจงไปเถิด ก็แล ครั้แไปแล้ว จงนิมนต์ (แต่) อย่าบอกว่า \"พระองค์พึงเสด็จไปเรือนของช้าพระองค์ในที่โน้น หรือ หนทางโน้น\" ฯ ๓. สเจ ใช้เชื่อมประโยคที่มีฃ้อแม้อยู่ แปลว่า ถ้า อุ. เอว่ ตุมุหากิ อุปฎฺจาเกน มยฺห่ กถิตํ, สเจ สพุฟ่ ตุมุเห ชานาถ, มยฺหํ เคห่ มา ปวีสถ,(๓/®๒) อุปัฏฐากของพวกท่าน บอกแก่ข้าพเจ้าอย่าวนี้ ถ้าพวกท่านรู้เหตุทั้งหมด อย่าเช้าไปส่เรือนของข้าพเจ้า www.kalyanamitra.org

>พะมนาสม จิบุคามใย ๙๗ วิธีแปลสังกรประโยค สังกรประโยค คีอ เอกัตถประโยค ตั้งแต่ ๒ ประโยคเป็นต้นไป ประโยคหนึ่ง เป็นนาม ประโยคหนึ่งเป็นคุณนาม บางที่เป็นประธานทั้ง ๒ ประโยค มีคุณนามประโยคเดียว หรือเป็นประธานประโยคเดียวเป็นคุณนาม ๒ ประโยค หรือไต้แก่ประโยค ย,ต, นั่นเอง ซึ่ง ย,ต, นี้ มีวิภ้ตดีตั้งแต่ปฐมาวิภัตติจนถึงสัตตมีวิภ้ตติ และนิบาต เช่น ยถา, ตถา เป็นต้น ประโยค ย เป็นคุณ ประโยค ต เป็นนาม แปลไต้ ๒ แบบอย่าง คอ แปลตัดกันอย่างหนึ่ง แปลไม'ตัดกันอย่างหนึ่ง แปลไม่ต้ดก็เหมือนกับที่แปลมาแล้ว ในเอกัตถประโยค และอเนกัตถประโยค การแปลไม่ตัดนั้นแปลประโยค ย จบแล้ว จึงแปลประโยค ต บางครั้งแปลตัดกันไม่ไต้ความ ก็ไม่ควรตัด ส่วนการแปลตัดกันนั้น ก็ให้แปลประโยค ต เชื่อมคำกับประโยค ย ซึ่งให้คำ เชื่อมกันดังต่อไปนี้ ๑. ย,ตที่ประกอบต้วย ปฐมารืภัตติ แปลว่า ฟืด,ผู้นั้น,สิงใด.สิงนั้น,อันได,อันนั้น เป็นต้น แปลโดยอรรถใช้คำเชื่อมว่า ผู้,ที่,ซึ่ง,อัน,มี อุ.โย กโรติ, อิทนฺนาม (ใส)อาปชฺชติ. (๕/๔๔) ภิก!^ ผู้ท่าต้องอาบัติชื่อนี้ฯ ๒. ย,ต ที่ประกอบด้วย ทุติยาวิภัตติ, เว้นตติยาวิภัตติที่แปลว่าด้วย จตุตถีวิภัตติ, ปัญจมีวิภัตติ และฉ้ฏฐีวิภัตติ ใช้คำเชื่อมว่า ผู้, ที่, ซึ่ง เป็นต้น หมายถึง ย,ต ตัวใดตัวหนึ่งนี้ ประกอบวิภัตติดังกล่าวแล้ว อุ.ย่นฌายติ,ติทุคฺคเรน ปห'ณฺโตฯเปฯ.(๓/๑๑กเ)(ภักทุนั้น) ต่อยสงซึ่งไฟไม่ไหม้ด้วยฆ้อนฯลฯ. ๓. ย,ต ที่ประกอบด้วยตติยาวิภัตติ แปลว่า ด้วย ใช้คำเชื่อมว่า เป็นเครื่อง, หรือ เป็นเหตุ อุ. อห่ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การก่ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต,เยน ณาเณน โส ทฎฐํ , ดสฺส โพธิฌาณสฺสตฺถาย ท่ปงกรปาทมูเล กตาภินิหาโร ฯเปฯ.(๕/๑๑๖) เราเมื่อแสวงหา นายช่างคือตัณหาผู้ท่าซึ่งเรือน กล่าวคืออัตภาพนี้มีอภินิหารท่าไว้แล้วแทบ บาทมูลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกรเพื่อประโยชน์แก่พระโพธิญาณ อันเป็น เครื่องอาจเห็นนายช่างนั้นได้ฯลฯ.ที่แปลว่าเป็นเหตุ อุ. ยาย ปน ปณฺฌาย วิจาเรตฺวา อคาร่ กเรยฺย่,สา เมปฌฺฌานตฺถิ.(๓/๑๑๘)จริงอย่างนั้นปัญญาเป็นเหตุพิจารณาสร้างเรือนของเรา ย่อมไม่มี ฯ www.kalyanamitra.org

ถู่รอพฉ้กเกณรโการนปรบาร ๔. ย, ต คือตัว ย ประกอบด้วยสัตตมีวิภัตติ (ยตฺถ) ประโยค ต ประกอบด้วย ปฐมาวิภัตติเรนต้น แปลเชื่อมกันว่า เป็นที่ อุ. ยดฺท ใส ชายติ, ธีโร คํ กุล่ สุขเมธติ, (๖/๑๑๒) ตระภูลที่เป็นที่เกิดนักปราชญ์ย่อมถึงสุข ฯ การแปลประโยค ย,ต ที่เป็นนิบาต ประโยค ย, ต ที่เป็นนิบาต ใช้คำเชื่อมระหว่าง ย,ต ต่างกันตังนี้ ๑. ยถา,ตถา ที่แปลว่า ฉ้นใด,ฉันนั้น ใช้คำเชื่อมว่า เหมือนฉะนั้น. อุ. ยถา นาม รทเฌา อตฺตโน 3^ขปุปมาณํ กพุฟ้ วฑฺเฒตุวา ปุตฺตสฺส อุปนิเต กุมาโร อตฺตโน มุขปุปมาเนแนว คfHหาติ,เอวเมว สตฺถารา อุปรมคฺควเสน ธมุเม เทสิเตปี อุปาสโก อตฺตโน อุปนิสฺสยพเลน เหฎ^ โสตาปตฺติผล่ ปตุวา อิมิสฺสา อนุโมทนาย อวสาเน อนาคามิผลํ ปตฺโต.(๗/๖) อุบาสก เมื่อพระศาสดา แม้ทรงแสดงธรรม ด้วยสามารถแห่งมรรคชั้นสูง ก็บรรลุโสตาปัตติผลเบื้องตํ่า แล้วบรรลุอนาคามิผล ในเวลาจบอนุโมทนานิ ตามกำล้งอุปนิสัยของตน เหมือน เมื่อพระ ราชา ทรงปันพระกระยาหารขนาดเท่าพระโอฏฐฃองพระองค์ แล้วทรงนำเช้าไปแก่พระโอรส พระกุมารทรงรับโดยประมาณพระโอฎฐ์ฃองพระองค์ เท่านั้น ฉะนั้นฯ ๒. ยถา,ตถา แปลว่า โดยประการใด, โดยประการนั้น ใช้คำเชื่อมว่า โดยประการที่ อุ.ยถาสฺส ปติฏฺดูานํ น ปสฺสามิ.ตถา นํ ฉฑฺเฑสฺสามิ. (๒/๑๓of)เราจะทิ้งจอบนั้น โดยประการที่ เราจักไม่เห็นที่มันตกไปฯ ๓. ยาว. ตาว แปลว่า เพียงใด, เพียงนั้น ใช้คำเชื่อมว่า จนกว่า, คราบเท่าที่, ตลอดเวลาที่ เป็นต้น อุ. ตาว ปาโปปี ปสุสติ ภทรํ, ยาว ปาป่ น ปชุชุติ.(๕/๑๓ คๅลา) แม้คนชั่ว เห็นกรรมชั่วว่าเป็นกรรมดี จนกว่า กรรมชั่วยังไม่ให้ผล ๆ ๔. ยทา,ตทา แปลว่า ในกาลใด,ในกาลนัน ใช้ค่าเชื่อมว่า ในเมื่อ,ต่อเมื่อ เป็นต้น อุ. ยทา จ ปจฺจติ ปาปี. อถ (ปาโป) ปาปานิ ปสฺสติ.(๕/๑๓ คาถา) คนชั่วเห็นกรรมชั่วว่า เป็นกรรมชั่ว ต่อเมื่อกรรมชั่วให้ผลฯ ๕. ย, ต ในประโยคกิริยาปรามาส แปลเชื่อมกัน ใช้สำนวนว่า ข้อที่ อุ. อนจฺฉริย่ ภิกฺฃเว,ยํ มม เอตรหิ พทฺธภูตสุส องฺคไรราสิโต ปทุมานิ อุฏฺจิตานิ.(๓/๙๙) ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ ดอกบัวผุดฃื้นแต่กองถ่านเพลิง เพื่อเราผู้เป็นพระพทธเจ้า ในกาลนั้นนี้ไม่น่าอัศจรรย์ ฯ www.kalyanamitra.org

พะมหา*เมคิด จิบุตามใย ๙๙ ๖. ยสฺมา, ตสฺมา แปลว่า เหตุใด เพราะเหตุนั้น ใช้สำนวนเชื่อมเข้ากันว่า เพราะ ก่อนแล้วแปลประโยค ย ไปจนจบแล้วแปลฉะนั้น แล้วแปลประโยค ต ไปจนจบ อุ. ยสุมา เต มรนฺตาปี บุสาวาทํ น ภณนฺติ, ตสฺมา ติณํ ฑํสิตวา จิตา ■■โน สาโก ติณนฺติ วทนฺติ (๓/๒๒) เพราะเจ้าศากยะเหล่านั้น แม้จะตายก็ไม่พูดคำเท็จ ฉะนั้น พวกที่ยืนถึอไม้อ้อ ก็ กล่าวว่า ไม่ใช่เจ้าศากยะ ไม้อ้อ ฯ ใช้ค่าเชื่อมว่า เพราะเหตุที่ ก็ได้ ถ้าแปล เพราะเหตุที่ แปลแต่ประโยค ย ไปจนจบประโยค ต ดังอุทาหรณ์แรกว่า เพราะเหตุที่เจ้าศากยะ เหล่านั้น แม้จะตาย ก็ไม่พูดคำเท็จ พวกที่ยืนคาบหญ้าอยู่แล้ว จ้งกล่าวว่าไม่ใช่เจ้าศากยะ หญ้า ฯ การแปลอรรถกถา การแปลแก้อรรถโดยอรรถ ให้แปลดังนี้ ๑. บท นิทฺธารณ (ถ้ามี) แปลนิทฺธารณ ก่อน โดยใช้สำนวนว่า บรรดาบทเหล่านั้น แล้วแปล บทนิทฺธารณีย (แห่ง) ใช้สำนวนดังนี้ (ก) บทตั้งบทเดียว แปลว่า บทว่า อุ. ตตฺถ \"อกฺโกจฺฉีติ อฤโกสิ.(๑/๔๑) บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺโกจฺฉิ คือ ด่าแล้ว ฯ (ข) บทตั้ง ๒ บท แปลว่า สองบทว่า อุ.\"ณล ขิตฺโตติ หดฺเถน วา ปาเทน วา ชาลาทีนํ วา อญฌตเรน ถเล ฉฑฺฑิโต.{๒/๑๑๗) สองบทว่า ถเล ข้ตฺโต ได้แก่ อัน พรานเบ็ดซัดไปบนบก ด้วยมือหรือด้วยเท้า หรือด้วยเคชื่องดัก มีตาข่าย เป็นต้น อย่างใด อย่างหนึ่ง ฯ (ค) บทตั้งหลายบท แปลว่า หลายบทว่า อุ. \"โว วทาม้ติ เตน การเณน อหิ ตุมฺเห วทามี.(๙๗)หลายบทว่า ติ โว วทามิ คือเพราะเหตุนั้น เราขอกล่าวกะท่าน ทั้งหลาย ฯ. {ง) บทตั้งเป็นบาทคาถา แปลว่า บาทพระคาถาว่า อุ.\"มา กามรติสนฺถวนุติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ รติสงฺขาตํ ตณุหาสนฺถวํปี มา อนุยุณฺเซถ ฯเปฯ.(๒/®'๐) บาทคาถาว่า มา กามรติสนฺถว* ความว่า อย่าตามประกอบ ซึ่งควา^เชยชิดด้วยอำนาจแห่งตัณหา กล่าวคือความยินดีในวัตถุกามและกิเลสกาม ฯ www.kalyanamitra.org

® oo ภู่มิอหสักเกณฑ์การแปรบาร ๒. แปล อตฺโถ ใช้สำนวนว่า (ก) บทแก้บทเดียว แปลว่า คือ อุ.\"นรสฺสาติ สตฺตสฺส.(๕/๓๑)บทว่า นรสฺส คือ สัตว์ฯ (ข) บทแก้มี ๒-๓บท แปลว่า ได้แก่ อุ. \"มจฺชุโนติ มรณสฺสาปิ ภายนฺติเยว. (๕/๔๙) บทว่า มจฺชุโน ได้แก' ย่อมกสัวแม้ต่อความตาย ฯ . {ค) บทแก้ ๔ บทขึ้นไป แปลว่า ความว่า อุ. วิเชสุสตีติ อตุตโน ฌาเณน วิชานิสฺสติ ปฎิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ.(๓/๒) บทว่า วิเชสุสติ ความว่า ใคร จักรู้ช้ด คือจักแทงตลอด ได้แก่ จักทาไห้แจ้งด้วยญาณของตน ฯ (ง) บทตั้งเป็นกิริยาอาขยาต บทอธิบายเป็นกิริยาอาขยาต นิยมใช้สำนวนว่า แปลว่า อุ. \"กยิราติ กเรยฺย. บทว่า กยิรา แปลว่า พึงกระทำ ฯ การแปลบทไข บทไข คือไขสัพท์ที่มาในคาถาไปหาศ้พท์ที่ไม่ได้มาในคๅถๅ ซื่งเป็นไวพจน์ของกัน และก้น ไห้แปลไขครังแรก ว่า คือ ครังที ๒ แปลว่า ได้แก่ ไขต่อไปไห้แปลไปตามปรกติ อุ.เอวเมว อิม่ สุกถิติ สุนิทฺทีฎฺจ่ โพธิปกฺฃิยธมุมปทํปี ปฌฺฌาย ปเจสุสติ วิจินิสุสติ อุปปริกุฃิสุสติ ปฎิวิชฺฌิสุสติ สจฺฉิกริสุสติ.(๓/๒) พระเสขะ จักเลือก คือสัด ได้แก่ พิจารณา แทงตลอด ทำ ไห้แจ้ง แม้บทแห่ง โพธปักขิยธรรมนี้ ที่เรากล่าวดีแล้ว คือแสดงดีแล้วด้วยปัญญาฉันนั้นนั่นแล ฯ จบหลักการแปลโดยอรรถเพียงIท่ๆนี้ www.kalyanamitra.org

พระมหาสมคิด จํโJตามใย ๑๐๑ สำ นวนการแปลโดยอรรถที่สามารถแปลได้ (เผด็จ) ขึ้นอยูกับเนื้อความ อถ สำ นวนแปล ทีนั้น, ต่อมา, สำ ดับนั้น วิย เหมือน, อุปมา อิว เหมือน, อุปมา ยถา เหมือน, อุปมา (ที่แปลเป็นอุปมา) กิร นัยว่า, ดังได้สดับมา, เล่ากันว่า นาม ธรรมดา, ขึ้นชื่อว่า, ชื่อ อาม เอว คร้บ,ขอรับ อถโข นั่นแหละ, ทั้งนั้น อโห ทีแท้ หิ ปน แหม เตนหิ ความพิสดาร (อยู่ต้นเรื่อง) วา แท้จริง. จริงอยู่, ความว่า เสฺว อิทานิ ฝายว่า. ล่วนว่า ใJนทิวเส ถ้ากระนั้น ปจุลูเส ใJwพณฺหกาเล ก็ดี (ควบบท) สายณฺหสมเย พรุ่งนั้ อปรภาเค เดี๋ยวนี้. บัดนี้ เทสนาปริโยสาเน น จิรสเสว รุ่งขึ้น, วันรุ่งขึ้น ในเวลาใกล้รุ่ง ในเวลาเช้า ในเวลาเย็น ในกาลต่อมา ในเวลาจบเทศนา จำ เนิยรกาลไม่นาน www.kalyanamitra.org

๑๐๒ ดู่มีอพล้กเกณฑ์การแปรบาร อเถกทิวสํ อยู่มาวันหนึ่ง, ภายหลังวันหนึ่ง อถ ภาเว สนฺเต เมื่อเป็นเซ่นนั้น ตั้งแต่นั้นมา ตโต ปฎุ?ไย ก็ท่านเล่า ตุมฺเห ปน สาธุ ดีละ สงุฃาต กล่าวคอ (เป็นได้ ๓ ลิงค์) เอวรูป เห็นปานนี้(เป็นได้ ๓ ลิงค์) รวบถอน บรรดา, จำ นวน (รวบกันอยู่แยกออก) ประธานประโยค ลักขณ, อนาทร สำ นวนแปลโดยอรรถว่า เมื่อ ๅตฺตมฺปิ เจต่ สมจริงด้งคำที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ด้งนี้ ภิกฺชุ] ธมุมสภายํ กถ์ สมุฎจาเปสํ-ภิกชุตั้งหลายสนทนากันในโรงธรรม ต่ฃฌฺเท]ว ทันทีนั่นเอง จ มากกว่า ๒ ด้พทีให้แปล จ ศัพท์หลังด้พท์เดียวว่า และ ข้อควรจำในการแปลภาษามคธ ๑. ในประโยคที่มี สเจ, เจ ยทิ ซึ่งเป็นนิบาตต้นข้อความอยู่ให้เพิ่มคำไทย ต่อทัายประโยคว่าไชรั ๒. กิริยากิตก์ที่เข้าสมาสกัน ใช้เป็นกิริยาคุมพากย์ของประโยคอนาทร และประโยค ลักขณะไม่ได้ ต้องเพิ่มกิริยาอื่นมารับ ๓. ตัววิกติกัตตา ที่เป็นคุณนามต้องเพิ่มคำว่า เป็นผู้ เป็นสภาพ เป็นธรรมชาติ ...เป็นคุณซาต ถ้าเป็นบทนามนามโดยตรง แต่ใช้เป็นบทริกติกัตตา เพิ่มคำว่า เป็น คำ เดียวเท่านั้น เซ่น เถโร เป็นพระเถระ,ภิกฺฃุ เป็น กิกษ,สามเณโร เป็นสามเณร ตังนี้เป็นต้น ๔. ประโยคที่ควรแปลรับกัน คีอ ย กับ ต.ยถา กับ เอวํ หรึอ ตถา. ยสฺมา กับ ตสฺมา. ยาว กับ ตาว,ยาวตา กับ ตาวตา, ยตฺตกา กับ ตตฺตกา ฯลฯ ๕. กิริยาอาขยาต ต้องขึ้นประธาน ให้ตรงกับบุรุษของกิริยา ๖. กิริยาที่ใช้คุมพากย์ได้ คือ กิริยาอาฃยาต กิริยากิตก์ รวมตั้ง ลพุภา, อลํ. สฤกา ที่ใช้เป็นกิริยาบทภาววาจก กิริยาบทกัมมวาจก และ ตวา ปัจจัยเป็นกิริยาปธานนัย www.kalyanamitra.org

พะนพาสมคํ?เ จ็บุตามใย ®0๓ ฃ้อที่ต้องห้ามแปล ๑. ห้ามมิให้แปลสำเนียงว่า ■■ทั้งหลาย\" บทวิกติกัตตา, วิกติก้มมะ, วิเสสนะ, สังขยา ที่ทัาหน้าที่คุณนามและท่ามกลางบทสมาสโดยเด็ดขาด (ยกเว้นก้พท์สนธิ) ๒. ห้ามมิให้แปลประโยค อนาทร และลักขณะ โดยไม่มีกิริยาคุมในตอนห้าย ของ ประโยคนั้น ๓. ห้ามมิให้แปลประโยค ย ไว้ลอยๆ โดยไม่มีประโยค ต มารับเพราะจะเสีย เนื้อความไป a. อย่าแปลประโยคกรรมโดยขาดตัว อนภิหิตกัดตา ถึงไม่มีอยู่ก็ตัองเพิ่มเข้ามา รวบรวมพิเศษ ประโยคแบบอย่างรวม ๒๗ ชนิด ๑. เอว่ โหตุ. ๒/๒รโ' ๒. อท่ ๅตุตํ โหติ. ๒/๑๕๗ ๓. ตุมเห ปน สามิ. ๑/๖ ๔. ต่ สนธาเยตํ ๅตฺติ. ๔/๙๕ ๕. ตตฺรายํ อนุ!Jพฺพีกถา. ๗๕ ๖. เอถ ภิกฺฃโว. ๑/๑๐๔ ๗. เอหิ กิฤขุ. ๓/๑๕๔ ๘. เตนาห ภควา. ๓/๑๘๗ ๔. อถโข มหาลิ ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อุปสงุกมิตฺวา ภควนฺติ อกิวาเทต,วา เอกมนุติ นิสีทิ. ๒/๔๔ .๑๐ สยมาโน น คจฺฉามิ, นตฺถิ พาเส สหายตา. ๑/๑๖ ๑๑. ติ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต. ๑/๑๔๑ ๑๒. มม !]ตฺตสฺส มหากสฺสปสฺส ขมนิย่. ๓/๑๒๓ ๑๓. กุมุภกาโร \"สา^ติ สมฺปป็จุฉิ. ๒/๑๘ ๑๔. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. ๑/๑๓๐ www.kalyanamitra.org

® o Cfc ถู่มewสัทเกณๆ(การaปรบาร ๑๕. กาโล อาวุโส. ๑/๑๒ ๑๖. อย่ วณสฺส โมจนเวลา. ๙/๕๗ ๑๗. เอตทคฺค์ ภิฤขเว มม สาวิกานิ อุปาสิกานิ, ยทิทํ ขุชฺชุตุตรา. ๒/๕๐ ๑๘. น วเส วตุตนุติ, กิมงฺค่ ปน ฌาตกา. ๑/๗ ๑®'. จตูสุ ปน ทีเปสุ จฤกวตฺติสิรี ทาตุ่ สมตุถา มาตาปีตโร นาม ปุตุตานิ นตุถิ ปเคว ทิพุพสมฺปตุตึ วา ปจมซฺฌานาทิสมฺปตุตึ วา. ๒/๑๖๙ ๒๐. เถโร ฯเปฯ \"ตว ปมาณํ น ชานาสีติ อจฺฉรํ ปหริ. ๕/๘ ๒๑. สตุถา อาคนุตุวา \"กาย นุตุถ ภิกฺขเว เอตรหิ กถาย สนุนิสินุนาติ ปุจฺฉิตุวา \"อิมาย นามาติ วุตุเต •■เนื้อความเลขใน\" อาห. ๒๒. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏจาเปสํ. ๑/๑๒๑ ๒๓. อถสุส เอตทโหสิ ■'โก มยฺห่ พนุธมิเค โมเจนุโต วิจรตีติ. ๕/๒๕ ๒๙. วุตุตมฺปีเจตํ. ๕/๒๙ ๒๕. โส วาณิโช ปฌฺจสกฎสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตุวา ภิกฺขูนิ อาโรจาเปสิ, ๕/๒๐ ๒๖. ภนุเต อยฺยานิ เม ทสฺสนิ ทุฤลภํ ภวิสฺสติ. ๑/๑๒๖ ๒๗. ภนุเต อชฺช ธมฺมสฺสวนทิวโส. ๓/๑๙๐ ประโยคตัวอย่างรวม ๖ ประเภทเฉพาะทึ่มีรูปแปลกกว่าประโยคธรรมดา ตังนื้ ประ๓ทที่ ๑ สัมปทาใ^เข้ากับนาม ๑. กึ เม ฆราวาเสน. ๑/๖ ๒. กึ เม โจเรหิ. ๕/๒๑ ประเภทที่ ๒ สัมปทานะเข้ากับนาม (อตุโถ) ตังนื้ ๑. อตุโถ เม กิร กุฤกุเฏหิ. ๒/๕๓ ๒. อลคเทน กิร เม อตุโถ. ๒/๕๕ ๓. น เม เอตาย ทินุนภติยา อตุโถ. ๑/๒๑ ๙. กิตุตเกห ปน เต ภํฤชุห อตุโถ. ๕/๑๗ ประเภทที่ ๓ สกฺกา ในรูปประโยคธรรมดา ตังนื้ ๑. น สกฺกา วิหาริ ตุจฺฉํ กาติ. ๙/๕๙ ๒. น สฤกา เอเตน สทฺธ เอกโต ภวิตุ้. ๑/๑๒๙ ๓. โกสลรฌฺฌาปี สทฺธึ น สฤกา เอกโต ภวิติ. ๑/®๒๙ www.kalyanamitra.org

พรรมนารมร?! ตามใย ®0(i ๙. ปาริเลยฺยก อิโต ปฎ^าย ตยา คนุตุ่ ส'ไกา. ® ประ๓ทที่ ๔ สฤกา มีลิงคัตถะแทรกอยู่ ดังน ๑. พทฺธา จ นาม น สฤกา สเ^น อาราเธตุ่. ๑/๘ ๒, กมฺมริปาโก นาม น สฤกา เกนจิ ปฎิพาหิตุ่- ๑/®๒๓ ๓. สมณธมฺโม นาม สริเร ยาเปนฺเต สฤกา กาตุ่- ๏/®0 ๔. น สฤกา โส อคารมชฺเฌ ปูเรตุ๋. ๑/๖ ประเภทที่ ๕ กต่ เป็นกริยาคุมพากย์ ดังน ๑, อโห มยา ภาริยํ กมฺม่ กตํ. ๕/๒๕ ๒. ภนฺเต มยา อนุโตนคเร เอกสฺส มนุสุสสฺส เภสช^ กต่. ร^/๕๖ ๓. ภทฺทกนุเต กตํ ต์ ฉฑุเฑนุติยา. ๓/๑๕๕ ๔. ตาตา นานุจฺฉริก่ รพฺโบา กต เอวรูป สาสนํ สุตฺวา ตุมฺหากํ สตสหสฺสํ ททมาเนน. ๔/®๘ ประเภทที่ ๖ ประโยค ย,ต ที่แปลรับกันได้และไม่ได้ ดังนี ๑, สตฺตปิ ชนา ธนุนิ อากฑฺฒิตฺวา พุทฺธานุภาเวน,ยถา เนสํ ปิตา ริโต,ตเถว อฏริสุ. ๕/๒๕ ๒. ยถา นํ อหํ น ปสุสามี, เอวํ วาลุกกุฎ่ คีวาย่ พนุธิตฺวา สมุทฺเท ชิปถ- ๕/๓๗ ๓, ยสฺลิมานิ ปฌฺจ วตฺถูนิ ขมนุติ โส สสากํ คณฺทาตุ- ๑/๑๓๙ ๔, เย อยฺยา ตํ รานํ คนุตุกามา, นิฤฃมนุตุ. ๕/๒๐ (จบรวบรวมพิ1ศษ1ท่านี้) www.kalyanamitra.org

คู่มอนสักเทณฑ์กา?แปลบ-เส พิเศษหลักสัมพันธ์ ปฐมาวิภัคติใฟ้นอรรถ ๔ อย่าง คือ ๑. เป็นประธานในประโยคที่ไม่มีกิริยาคุมพากย์ เริยกาๅ ลิงฺคตฺถ ๒ เป็นประธานในประโยคที่เป็นก้ตตุวาจก เรียกว่า สยกตฺตา ๓. เป็นประธานในประโยคที่เป็นเหตุก้ตตุวาจก เรียกว่า เหตุกตฺตา cr เป็นประธานในประโยคที่เป็นกัมมวาจก และเหตุกัมมวาจก เรียกว่า วุตุตกมฺม ทุติยาวิภัตติใช้ในอรรถ ๖ อย่างเช้ากับกิริยาอย่างเคียว ๑. แปลว่า ซึ่ง เรียกซึ่อว่า อๅตฺตกมุม ๒ แปลว่า สู่ - สมุปาปณิยกมุม ๓- แปลว่า ยัง s กไริตกมุม ๙. แปลว่า สิน-ตลอด \" อจฺจนฺตสํโยค ๕. แปลว่า กะ-เฉพาะ - อกกิตกมุม ๖. แปลไม่ออกสำเนียงอายตนิบาตอยู่หน้ากิริยา - กิริยาวิเสสน ตติยาวิภัตติใช้ในอรรถ ๖ อย่างเช้ากับ นามาว้าง กิริยา!ว้าง อัพยยศัพท์บ้าง ๑. แปลว่า ด้วย เรียกซึ่อว่า กรณ ๒. แปลว่า โดย, ตาม, ข้าง ตติยาวิเสสน ๓. แปลว่า อัน อนภิหิตกตฺตา ๙. แปลว่า เพราะ เหตุ ๕. แปลว่า มี,ด้วยทั้ง อิตุถมุภูต ๖. แปลว่า กับ สหตฺถตติยา จตุตถีวิภัตติใช้ในอรรถ 0) อย่างเช้ากับกิริยาอย่างเดียว ๑-๒-๓ แปลว่า แก่, เพื่อ, ต่อ เรียกซึ่อว่า สมุปทาน ชญจรวิภัตติใช้ในอรรถ ๔ อย่างเช้ากับกิริยาอย่างเคียว ๑-๒-๓ แปลว่า แต่, จาก. กว่า เรียกชื่อว่า อปาทาน ๙ แปลว่า เหตุ, เพราะ เรียกชื่อว่า เหตุ ฉ้ฎเวิภัตติใช้ในอรรถ ๖ อย่างเช้ากับนามอย่างเคียว ๑. แปลว่า แห่ง (เนื่องอยู่ในหภู่) เรียกชื่อว่า สมุหสมุพนุธ www.kalyanamitra.org

พะมหาสมคด จํใ4ตามใย ๑0๗ ๒. แปลว่า แห่ง {เนื่องด้วยเป็นเจ้าของกิริยาอาการ) เรียก4อว่า ภาวาทิส3Jพนฺธ ๓. แปลว่า แห่ง,ของ {เป็นเจ้าของ) เรียกชื่อว่า สามีสมฺพนุธ ๙. แปลว่า เมื่อ เรียกชื่อว่า อนาทร ๕. แปลว่า แห่ง-หนา (เป็นจำนวนที่รวมก้นอยู่ชื่งจะต้องถอนออก) เรียกชื่อว่า นิทฺธารณ {มีนิทฺธารณีย รับ) ๖. แปลว่า ซึ่ง {หักฉัฏฐีวิก้ตติ เป็นทุติยาวิก้ตติ) เรียกชื่อว่า ฉฎรีกมฺม สัตตมืวิภัตติใฃ?ในอรรถ ๙ อย่างเข้ากับ นาม, กิริยา ๑. แปลว่า ใน (เป็นที่กำบังโดยปกติ) เรียกชื่อว่า ปฎิจฺฉนฺนาธาร ๒. แปลว่า ใน (เป็นที่ซึมชาบหรีอเจือปนอยู่} เรียกชื่อว่า พฺยาปิกาธาร ๓. แปลว่า ใน (เป็นที่อาด้ยอยู่) เรียกชื่อว่า วิสยาธาร ๔. แปลว่า ใกล้, ณ เรียกชื่อว่า สมีปาธาร ๕. แปลว่า เหนือ, บน,ที่ เรียกชื่อว่า อุปสิเรสิกาธาร ๖. แปลว่า ใน, ณ(เป็นกาล) เรียกชื่อว่า กาลสตุตมี ๗. แปลว่า ในเพราะ เรียกชื่อว่า นิมิตฺตสตฺตมี ๙. แปลว่า ครั้นเมื่อ เรียกชื่อว่า ลกฺขณวนฺต ๙. แปลว่า ใน-หนา (เป็นจำนวนรวมก้นอยู่ซึ่งจะต้องถอนออก) เรียกชื่อว่า นิทุธารณ ที่แปลว่า ใน หากไม่สามารถเข้ากฎ ๙ ข้อนี้ได้ มีหลักอยู่ว่า ถ้าเข้าก้บนาม เรียกชื่อว่า ภินฺนาธาร ถ้าเข้าก้บกิริยา เรียกชื่อว่า อาธาร ทั้งสิน ฟ้จจัยกิรยากิคก์ ๑. ประกอบด้วย อนุต, มาน, ปัจจัย มีลิงค์ วจนะ วิก้ตติ เสมอก้บต้วประธาน อยู่หน้าประธาน เรียกชื่อว่า วิเสสน(ห่าหน้าที่เป็นวิเสสนะ) (ของ) อยู่หลังประธาน เรียกชื่อว่า อพฺภนุตรกิริยา (ห่าหน้าที่กิริยาในระหว่าง)(ของ){ใน) ๒. ประกอบด้วย ต ปัจจัย มีลิงค์ วจนะ วิก้ตติ เสมอก้บต้วประธาน อยู่หน้ากิตามอยู่หลังก็ตาม เรียกชื่อว่า วิเสสน อย่างหนึ่ง ถ้าแปลว่า เป็น เรียกชื่อว่า วิกติกตตา อย่างหนึ่ง www.kalyanamitra.org

6)0ฝ ดู่มธพักเกโนซ'กา:แปรบาสิ ๓. อนุต, มาน,ต,ปัจจัยใช้ ประกอบตั้งแต่ ทุติยไวิภัตติ จนถึงสัตตมีวิภัตติ ท่าหน้าที่เป็น วิเสสนะ เรียกซื่อว่า วิเสสน ๔. อนุต, มาน,ต ปัจจัยใช้ เป็นกิริยาคุมพากย์ แห่งประโยค อนาทร เรียกซื่อว่า อนาทรกิริยา แห่งประโยค สักขณะ เรียกซื่อว่า ลกฺขณกิริยา ๕. อนีย, ตพฺพ. ต ปัจจัยใช้เป็นกิริยาคุมพากย์ เรียกซื่อตามวาจก เป็นกิริยาคุมพากย์ในประโยค ภัตตุวาจก เรียกซื่อว่า กิตบทกตฺตุวาจก กัมมวาจก \" กิตบทกมมวาจก ภาววาจก \" กิตบทภาววาจก เหตุภัตตุวาจก \" กิตบทเหตุกตฺตุวาจก เหตุภัมมวาจก \" กิตบทเหตุกมุมวาจก หมายเหตุ อนีย,ตพฺพ ปัจจัย เป็นได้ กัมมวาจก, ภาววาจก และเหตุกัมมวาจก เท่านั้น ส่วน ต ปัจจัยเป็นได้ ๕ วาจก คูนาทิฟ้จจัย ๑. แปลตามลำดับกิริยา แปลว่า แล้ว เรียกซื่อว่า ใJviพกาลกิริยา (ใน) ๒. แปลตามลำดับกิริยา (แปลไฝออกลำเนียงปัจจัย) เรียกซื่อว่า สมานกาลกิริยา(ใน) ๓. ท่าเสร็จแล้ว แปลว่า ครั้น แล้ว เรียกซื่อว่า ปริโยสานกาลกิริยา (ใน) ๔. แปลหลังกิริยาคุมพากย์ แปลว่า แล้ว เรียกซื่อว่า อปรกาลกิริยา {ใน) ๕. แปลหลังกิริยาคุมพากย์ แปลว่า เพราะ เรียกซื่อว่า เหตุ (ใน) ๖. แปลหลังกิริยาคุมพากย์ (แปลไม่ออกลำเนียงปัจจัย) เรียกซื่อว่า กิริยาวิเสสน(ใน) ๗. แปลหลังนาม (ไม่มีสำเนียงปัจจัย) เช้ากับนาม - เรียกซื่อว่า วิเสสน (ของ) www.kalyanamitra.org

พระมหา««^ คามโย ๑0๙ หิ ศัพท์มีหลักดังนี้ หิ แปลว่า ดังจะกล่าวโดยย่อ เรียกชื่อว่า สงฺเขปโซตก (ปล่อย) หิ แปลว่า ดังจะกล่าวโดยพิสดาร เรียกชื่อว่า วิตฺถารโซตก (ปล่อย) หิ, จ,ปน,ตุ แปลว่า ก็,แล, ก็แล เรียกชื่อว่า วากยารมฺภโชตก (ปล่อย) หิ,จ,ปน,ตุ แปลว่า เหตุว่า, เพราะว่า เรียกชื่อว่า เหตุโซดก หรีอ กรณโซตก หิ,จ,ปน,ตุ แปลว่า ด้วยว่า เรียกชื่อว่า ผลโซตก (ปล่อย) หิ,จ,ปน,ตุ แปลว่า แต่ว่า, ก็แต่ว่า เรียกชื่อว่า วิเสสโซตก (ปล่อย) หิ,จ,ปน,ตุ แปลว่า เหมือนอย่างว่า เรียกชื่อว่า ตปฺปาฐกรณโชตก (ปล่อย) หิ,จ แปลว่า จริงอยู่, แท้จริง เรียกชื่อว่า ทฬฺหีกรณโซตก (ปล่อย) หิ,จ,ปน, แปลว่า ฝ่ายว่า, ส่วนว่า เรียกชื่อว่า ปโไขนุตรโชตก (ปล่อย) อิติ ศัพท์ใชในอรรถ ๙ อย์าง คือ รติ แปลว่า ว่า..ดังนี้ (เข้ากับกิริยา) เรียกชื่อว่า อาการ (ใน) รติ แปลว่า ว่า....ดังนี้(เข้ากับนาม) เรียกชื่อว่า สรูป (ใน) รติ แปลว่า มืคำ ว่า....ดังนี้เป็นด้น (เข้ากับนาม) เรียกชื่อว่า อาทยตฺถ (ใน) รติ แปลว่า ชื่อว่า (เข้ากับดัพท์ภายใน รติ) เรียกชื่อว่า สญโบาโชตก (เข้ากับ) รติ แปลว่า ด้วยประการดังนี้ เรียกชื่อว่า ปการตฺถ(ปล่อย) รติ แปลว่า เพราะเหตุนั้น(ในรูปวิเคราะห์) เรียกซอว่า เหตวตฺถ(ปล่อย) รติ แปลว่า เพราะเหตุนี้ เรียกชื่อว่า นิทสฺสน {ปล่อย) รติ แปลว่า ดังนี้แล (สรุปข้อความจบเชื่อง) เรียกชื่อว่า สมาปนุน, ปริสมาปนุน รติ แปลว่า คือ (ไขความเข้ากับดัพห์หลัง รติ) เรียกชื่อว่า สรูป (ใน) www.kalyanamitra.org

®® o ijCeนสักเกณฑ์กา?แปรบาร สคุกา ใชในอรรถ ๓ อยางคือ สกฺกา แปลว่า อ.อัน อาจ{ประธาน) เรียกชื่อว่า สยกตุตา(เข้ากับกิริยาคุมพากย์) สกกา แปลว่า เป็น (แปลเป็นริกติกัตตา) เรียกชื่อว่า ริกติกตฺตา (เข้ากับธาตุ ร้บริกติกัตตา) (ใน) สกฺกา แปลว่า อาจ (เป็นกิริยาคุมพากย์) ถ้าเป็น กัมมวาจก เรียกชื่อว่า กิริยาบทกมฺมวาจก ถ้าเป็น ภาววาจก เรียกซือว่า กิริยาบทภาววาจก เอวํ ใช้!นอรรถ ๕ อย่าง คือ เอว่ แปลว่า อ.อย่างนัน (แปลเป็นประธาน) เรียกชื่อว่า สจฺจวาจกลิงฺคตุถ (ปล่อย) เอวํ แปลว่า อย่างนี้ (แปลเป็นริเสสนะ) เรียกชื่อว่า ริเสสน (ของ) เอวํ แปลว่า อย่างนี้ (แปลเข้ากับกิริยา) เรียกชื่อว่า กิริยาริเสสน (ใน) เอว่ แปลว่า ด้วยประการฉะนี้ เรียกชื่อว่า ปการตุถ (ปล่อย) เอว่ แปลว่า ฉันนั้น เรียกชื่อว่า อุปเมยฺยโซตก (ปล่อย) ตุ ฟ้จจัย ใช้!นอรรถ ๒ อย่าง คือ ตุ่ แปลว่า อ.อัน (แปลเป็นประธาน) เรียกชื่อว่า ตุมตฺถกตฺตา (ใน) ตุ่ แปลว่า เพืออัน (แปลเป็นจตุตถีริภัตติ) เรียกชื่อว่า ตุมตฺถสมฺปทาน (ใน) ตถา ใช้!นอรรถ ๕ อย่าง คือ ตถา แปลว่า อ. เหมือนอย่างนั้น สัมพันธ์ว่า ลิงุคตุถ (ปล่อย) ตถา แปลว่า เหมือนอย่างนั้น (เข้ากับกิริยา) สัมพันธ์ว่า กิริยาริเสสน {ใน) ตถา แปลว่า ด้วยประการนั้น สัมพันธ์ว่า ปการตฺถ (ปล่อย) ตถา แปลว่า อนึ่ง สัมพันธ์ว่า สมฺปีณุฑนตฺถ (ปล่อย) ตถา แปลว่า ฉันฉัน สัมพันธ์ว่า อุปเมยฺยโซตก (ปล่อย) www.kalyanamitra.org

ท;rมฬาflum จไ^ทามใน (ร)<ร) อลํ ศัพท์ไชในอรรถ ๔ อย่าง คือ อสํ แปลว่า อ.พอละ, อ.อย่าเลย (ประธาน} สัมพันธ์ว่า ปฏิเสธลิงฺคตฺถ (ปล่อย) อล่ แปลว่า พอละ (แปลเป็นวิเสสน) สัมพันธ์ว่า วิเสสน (ของ) อส์ แปลว่า เป็น (แปลเป็นวิกตกัตตา) สัมพันธ์ว่า วิกติกตฺตา (ใน) อสํ แปลว่า ควร (คุมพากย์) ถ้าเป็นกัมมวาจก สัมพันธ์ว่า กริยาบทกมฺมวาจก ถ้าเป็นภาววาจก สัมพันธ์ว่า กริยาบทภาววาจก สาธุ ใชไนอรรถ ๒ อยาง คือ สาธุ แปลว่า อ.ดีละ (แปลเป็นประธาน) เรียกซื่อว่า ลิงฺคตุถ (ปล่อย) สาธุ แปลว่า ดังข้าพระองค์ขอวโรกาส เรียกซื่อว่า อายาจนตฺถ (ปล่อย) กิริยาอาขยาด กิริยาอาขยาตใช้คุมพากย์ เรียกซื่อตามวาจกทั้ง ๕'ดังนี้ ๑. กตฺตุวาจก เรียกซื่อว่า อาขฺยาตบทกตฺตุวาจก ๒. กมมฺมวาจก \" อาฃฺยาตบทกมุมว่าจก ๓. ภาววาจก \" อาขฺยาตบทภาววาจก ๙. เหตุกตุตุวาจก \" อาฃฺยาตบทเหตุกตุตุวาจก ๕. เหตุกมุมวาจก \" อาขฺยาตบทเหตุกมุมวาจก ชื่อสัมพันธ์พิเศษ จ แปลว่า ด้วย (ควบพากย์) เรียกซื่อว่า วากุยสมุจุจยตฺถ (เข้ากับ) จ ด้วย (ควบบท) \" ปทสมุจฺจยตฺถ (เข้ากับ) วา หริอ.หรีอว่า (ควบพากย์) วากุยวิกปุปตฺถ (เข้ากับ) วา \" . หรือ,หรือว่า (ควบบท) \" ปทากปฺปตฺถ (เข้ากับ) www.kalyanamitra.org

๑๑๒ ดู่รฉนสัทเกณฑ์การแปลบาร เตนหิ ถ้าอย่างนั้น วิภตุติปฎิรูปก (ปล่อย) ปจุฉา ในกาลภายหลัง กาลสตุตมี (ใน) อถโข (ใน) ครั้งนั้นแล กาลสตุตมี อถ.โข,วา ปทคู่รณ (ปล่อย) อยู่ใน คาถา (ปล่อย) จ,ปน (ปล่อย) ตถา!! แม้ถงอย่างนั้น อรุจิสูจนตุถ (ปล่อย) (ปล่อย) จ , ปน (คู่กัน) \" แม้ถ้งอย่างนั้น อรูจิสูจนตุถ {ปล่อย) {ปล่อย) อโห ก็แล นิปาตสมุห (ปล่อย) อโห (เข้ากับ) โอ (แสดงความดีใจ) อจฺฉริยตุถ จ,อถ (ของ) โอ (แสดงความเศร้าใจ) สํเวคตุถ อถวา,อปิจ.วา \" {ใน) นาม สัพท์ อนึ่ง สมฺปีณฺฑนตุถ (ใน) ไม่ มีนาม กัพท์ \" สห,สทฺธึ อีกอย่างหนึ่ง อปรนยุ (เข้ากับ) {เข้ากับ) สห,สทฺธึ ซื่อว่า สฌฺฌาโซตก (ปล่อย) (ปล่อย) il,a!l ซื่อว่า เซ่น คิสฺโส เถโร สฌฺฌาวิเสสน (เข้ากับ) ว,เอว,หิ (ใน) กามํ,กามฌฺจ กับ,พร้อม, เข้ากับนาม ทพฺพสมวาย (ปล่อย) (ใน) ยทิปี,อญถJทตฺฤ s กับ,พร้อม, เข้ากับกิริยา กิริยาสมวาย (ใน) มฌฺเญ บ้าง,แม้บ้าง อเปกฺขตุถ (ใน) ยญเจ เสยฺโย \" เทียว,นั่นเทียว,แล อวธารณ {ใน) ยํ, หิ. ยสฺมา โดยแท้ อนุคุคหตุถ {ของ) ทิวเส,มาเส อซฺช,ตทา.อิทานิ\" แม้โดยแท้ อนุคุคหตุถ นามนาม เห็นจะ สํสยตุถ กิริยาวเสสน ตุวา จะประเสริฐอะไรเล่า กิริยาปรามาส ใด,เหตุใด สัมภาวนะ กาลสตุตมี เกี่ยวกับกาลเวลาทั้งหมด ไขความ แปลเป็นประธาน สตุตมีปจฺจตุต สัตตมีริภัตติแปลเป็นประธาน\" สตุตมีปจฺจตุต กิริยาปธานนยุ ใช้เป็นกิริยาคุมพากย์ ว่าเป็น สมุภาวน คือ (หนุนความ)มีริภัตติเสมอกัน \" ริเสสลาภี www.kalyanamitra.org

พะมหาสมรด จํนฺตามใย ©©ดา ไขความ \" คือ(หนุนความ)มีวิภัตติต้างก้น '■ สรูป (ไน) บทไขความ อยู่ในแก้อรรถ แปลว่า ว่า ศ้พท์หน้า เรียกซือว่า สฌฺฌี (ปล่อย) ศัพท์หลัง ■\" สโฃุผา (ปล่อย) บทไขความอยู่ในแก้อรรถ แปลว่า คือ ศัพท์หน้า \" วิรริย (ใน) ศัพท์หลัง '■ วิวรณ (ปล่อย) วิเสสนะของนามนามที่ต่างลิงค์ก้น เรียกซือว่า วิเสสนลิงฺควิปลฺลาส (ของ) แปลหักวิภัตตินอกจาก ฉฎฺรีกมุม ใหับอกซื่อวิภัตติของตัวเอง แล้วเรียกซื่อสัมพันธ์ ที่แปลหัก เช่น ปาปสฺส ยู่เรติ ย่อมเต็มตัวยบาป ปาปสฺส ฉฎุรีกรณ ใน ยู่เรติ ตังนีเป็นตันฯ นิบาตที่ใช้สัมพันธ์ นิบาตบอกอาลปนะ ยคฺเฆ (ขอเดชะ) ภนฺเต, ภทนฺเต (ข้าแต่ท่านผู้เจริญ) ภเณ (แน่ะพนาย) อมุโภ (แน่ะท่านผู้เจริญ) อาวุโส (ดูก่อนท่านผู้มีอายุ) เร, อเร,(เว้ย,โว้ย) เห (เอ้ย) เซ (แม่) อาลปนะนิบาตทั้ง ๑๐ ตัวนี้ ถ้าแปลเป็นอาลปนะ สัมพันธ์ว่า \"อาลปน\" ถ้าแปลเป็น วิเสสนะ สัมพันธ์ว่า \"วิเสสน\" ที่สัมพันธ์เป็น วิเสสน เช่น อาวุโส ภารทุวาช แปลว่า ดูก่อนพราหมณ์ภารทวาชะ ผู้มอายุ สัมพันธ์ว่า อาวุโส วิเสสน ของภารทุวาซๆ อาลปน ฯ นิบาตบอกกาล อถ แปลว่า ครั้งนั้น หิยฺโย แปลว่า วันวาน ปาโต เช้า เสฺว วันพรุ่งนี้ ทิวา วัน สมุปติ บัดเดี๋ยวนี้ สายํ เย็น อายตึ ต่อไป สุเว ในวัน นิบาตบอกกาลทั้งหมดสัมพันธ์ว่า \"กาลสตฺดมี\" ทังสิน (ใน) www.kalyanamitra.org

๑๑๔ ดู่นอพสักเกณฑ์การแปลบาริ นิบาตบอกที่ อุทฺธํ แปลว่า เบื้องบน อ'นตรา แปลว่า ระหว่าง อุปริ เบื้องบน อนุโต ติโร ภายใน ภายนอก โอรํ ฝืงใน พหิ ภายนอก ปารํ ฝืงนอก พหิทฺธา ภายนอก หุร่ โลกอื่น พหิรา ภายนอก สมฺนุขา ต่อหน้า อโธ สับหสัง เบื้องตํ่า ปรมุขา เหฎ?า ที่สับ ภายใต้ รโห นิบาตบอกที่ทั้งหมดสัมพันธ์ว่า \"อาธาร\" ทั้งสิ้น (ใน) นิบาตบอกปรจเฉท กีว แปลว่า เพียงไร ยาวตา แปลว่า มีประมาณเพียงใด ยาว '■ เพียงใด ตาวตา มีประมาณเพียงนั้น ตาว \" ยาวเทว \" เพียงนั้น กิตุตาวตา มีประมาณเท่าใด ตาวเทว \" เพียงใดนั่นเทียว เอตฺตาวตา มีประมาณเท่านั้น เพียงนั้นนั่นเทียว สมนตา โดยรอบ นิบาตบอกปริเฉททั้งหมดสัมพันธ์ว่า \"กิริยาวิเสสน\" (ใน) นิบาตบอกอุปมาอุปมัย วิย แปลว่า ราวกะ (เข้ากับ) ยถา แปลว่า ฉันใด (ปล่อย) อิว แปลว่า เพียงดัง (เข้ากับ) เสยฺยถา แปลว่า ฉันใด (ปล่อย) ทางสัมs พันธ์เtรียกว่า \"อุปมาโชตก\" ตถา แปลว่า ฉันฉัน เอว่ แปลว่า ฉันฉัน {ปล่อย) ทางสัมพันธ์เรียกว่า \"อุปเมยยโชตก\" www.kalyanamitra.org

ฬ}ะมนาflนRA จิใ4ทามใย ๑^(£ นิบาตบอกประการ เอว่ แปลว่า ด้วยประการนั้น กถํ แปลว่า ด้วยประการไร ตถา \" ด้วยประการนั้น ทางสัมพันธ์เรียกว่า \"ปการตฺถ\" ทั้งสิ้น (ปล่อย) นิบาตปฏิเสธ น แปลว่า ไม่ มา แปลว่า อย่า โน - ไม่ ทางสัมพันธ์เรียกว่า '■ปฏิเสธ\" บ้าง\"ปฏิเสธนตุถ\" บ้าง (ใน) (ปล่อย) นิบาตบอกความไดยนคำเล่าลือ กิร แปลว่า ได้ยินว่า สุทํ แปลว่า ได้ยินว่า ขลฺ แปลว่า ได้ยินว่า ' ทางสัมพันธ์รเ'ร«ียกว่า \"อนุสุสวนตุถ\" ทะังสaิน (ปล.่อย) นิบาตบอกปริกัป เจ แปลว่า หากว่า อถ แปลว่า ถ้าว่า ยทิ \" ผิว่า อปฺเปว นาม \" ซื่อแม้ไฉน สเจ \" ถ้าว่า ยใ4นูน \" กระไรหนอ,ไฉนหนอ ทางสัมพันธ์เรียกว่า \"ปริกปฺปตุถ\" ทั้งสิ้น (ปล่อย) www.kalyanamitra.org

ภู่รอหริโกเกณฑ์กา*แป®บาft นิบาตบอกคำถาม กึ แปลว่า หรือ, อะไร นนุ แปลว่า มิใซ่หรือ กถํ \" อย่างไร อุทาหุ \" หรือว่า กจุจิ s แลหรือ อาพู \" หรือว่า นุ \" หนอ เสยุยถีทํ \" อย่างไรนี้ ทางสัมพันธ์เรืยกว่า \"ใเจฉนตฺถ\" ทั้งสิน (ปล่อย) นิบาตบอกความรับ อาม แปลว่า เออ อามนฺตา แปลว่า เออ ทางสัมพันธ์เรืยกว่า \"สมฺปฎิจ,ฉนตฺถ\" ทังสิน (ปล่อย) นิบาตบอกคำเตือน อิงฺฆ แปลว่า เชิญเถิด หนุท แปลว่า เอาเถิด ตคฺฆ \" เอาเถิด ทางสัมพันธ์เรียกว่า \"อุยฺโยชนตฺถ\" ทังสิน (ปล่อย) นิบาตสักวาเป็นเครื่องฟ้าบทให้เต็ม นุ แปลว่า หนอ โข แปลว่า แล สุ \" สิ วต \" หนอ เๆ \" เว้ย หเว \" เว้ย โว '■ โว้ย นิบาตหมวดนี้ถ้าอยู่ในคาถาสัมพันธ์ว่า ■■ปทปูรณ\" (ปล่อย) นิบาตหมวดนี้ถ้าอยู่นอกคาถาสัมพันธ์ว่า \"วจนาลงุการ\" (ปล่อย) www.kalyanamitra.org

พระมหาสมคํค ๑๑๗ นิบาตมีเนื้อความต่างๆ อทธา แปลว่า แน่แท้ แน่แท้ อวสุสํ ไกล แจ้ง อารา อาวี 1^น แน่ กจฺจิ แลหรอ มิจฺฉา ผด มธา เปล่า jjm เท็จ นานา ต่างๆ ปฏฺราย จ่าเดิม ปภูติ จ่าเดิม ไ]น อีก ใJนปุใJU ภิยฺโย ปอยๆ ภยฺโยโส ยิ่ง โดยยิ่ง สกึ คราวเดิยว ร้อยคราว สตทฃตุตุ่ ค่อยๆ สณิก่ สยํ เอง สามํ เอง นิบาตเหล่านี้ทั้งหมดสัมพันธ์ว่า ■'กิริยาวิเสสน\" ท้งสิน จบหลักสัมพันธ์แต่เพียงเท่านี้ www.kalyanamitra.org

๑๑^ ภู่มอนสักเกณทการแปลบาร บุรพภาค (ตัวอย่าง) ประกาศแม่กองบาลีสนไมหลวง เรื่อง ให้นักเรียนมีหนังสือสทธิไปแสดงในเวลาสอบบาลีสนามหลวง ด้วยปรากฎว่า ปัจจุบันนิ้ มีนักเรียนสมัครเข้าสอบความรู้ประโยคบาลีสนามหลวงฟ้น จำ นวนมาก บางสำนักเรียน เจ้าสำนักเรียนที่นำนักเรียนไปสอบ ไม่สามารถจำนักเรียนของตนได้ ทุกรูป ฯลฯ เพราะไม่มีระเบียบวางไวไห้ปฏิบัติ ฉะนั้น เพื่อแสดงความบรีสุทธี้ของผู้สอบ และเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหนัาที่ ของกรรมการผู้กำกับห้องสอบ แม่กองบาลีสนามหลวง โดยความเห็นชอบของ มหาเถรสมาคม จึง ประกาศให้นักเรียนผู้เข้าสอบความรู้ประโยคบาลีสนามหลวง และกรรมการผู้กำกับห้องสอบ ปฏิบัติ ในเวลาสอบบาลีสนามหลวง ตั้งแต่ปีสอบ ๒cf๒๔ เป็นต้นไป ด้งนี้ ๑, ให้นักเรียนผู้เข้าสอบความรู้ประโยคบาลีสนามหลวงทุกชั้น มีหนังสือสุทธิไปแสดง ในเวลาเข้าห้องสอบทุกรูป โดยวางไว้ที่โต๊ะสอบของตนด้านขวามีอ ๒. หนังสือสุทธินั้น ต้องมีรูปถ่ายและประทับตราเจ้าคณะตลอดจนมีรายการ แสดง สังกัดที่ชัดเจน ๓. เมื่อนักเรียนเข้าห้องสอบแล้ว ให้กรรมการผู้กำกับ ๒ รูป นำ บัญชีเรียกชื่อไป ตรวจสอบกับหนังสือสุทธิของนักเรียนว่าตรงกับบัญชีหรือไม่ ถ้ามีนักเรีEmมาก จะตรวจสอบใน ระหว่างที่นักเรียนท่าการสอบก็ได้ ๔. นักเรียนรูปใดไม่มีหนังสือสุทธิไปแสดง ฝอนผันให้นำไปแสดงในว้นที่ ๒ แห่งการ สอบได้ ถ้าไม่นำไปแสดง ถือว่าไม่มีสิทธิในการสอบ ๕. หนังสือสุทธิของนักเรียนรูปใดมีพิรุธ น่าสงสัยว่า ผู้ถือหนังสือสุทธินั้นจะไม่ใช่ คนเดียวกันกับผู้มีชื่อในบัญชี ให้กรรมการผู้กำกับห้องสอบ นำ หนังสือสุทธินั้นเสนอประธานกรรมการ ณ สถานที่สอบนั้นสอบสวน เมื่อสอบเสร็จประจำวัน แล้วรายงานแม่กองบาสืสนามหลวงทราบ พร้อมกับหนังสือสุทธิฉบับนั้นด้วย ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ เดีอน รันวาคม พุทธด้กราช ๒๕๓๙ สมเดีฉพระพุทธโฆษใจไรย์ (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) แม่กองบาลีสนามหลวง www.kalyanamitra.org

พ}ะมฬๆflมค91 จํV(nๆมใย ๑๑0^ ข้อควรกำหนด ©. ประกาศ ๒. เรื่อง ๓. ทุทธศักราช (ถ้ามี) ๔. เนื่อความ ๕. ประกาศ ณ วันที่ เดือน ทุทธศักราช ๖. ชื่อ (ลายเซ็น) ๗. ชื่อ (ภายในวงเสิบ) ๘. ตำ แหน่ง ต'วอยาง (๑)ประกาศ (๒) เรื่อง (๓)พุทธสักราช (๔) เ4]ความ (๕) ประกาศ ณ วันที่ เดือน พุทธสักราช (๖) (๗) (๘) ตำ แหน่ง www.kalyanamitra.org

ถู่มพสัทเกณท'การแปลบาร (ตัวอย่าง) ด่วนมาก กรมการศาสนา Y1 ศธ. 0๙0๔/๖00 ๒๐ มกราคม ๒๕๑๙ เรื่อง การสอบบาลีสนามหลวงประจำปี ๒๕๑๙ นมัสการ เจ้าคณะภาคทุกภาค (ทั้งสองนิกาย) สิงทิ่ส่งมาด้วย กำ หนดการสอบและสถานที่สอบประโยคบาลีสนามหลวง ประจำปี ๒๕๑๙ ด้วยแม่กองบาลีสนามหลวงแจ้งว่า การสอบบาลีสนามหลวง ประจำปี ๒๕๑๙ ได้กำหนดการสอบเป็น ๓ ครั้ง เซ่นเดียวกับศกที่แล้ว คอ ครั้งที่ ๑ เปิดสอบประโยค ป.ธ.๖,๗,๘,๙. ในว้นที่ ๒-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ เรื่มสอบเวลา ๑๒.๓๐ น. ทุกกัน ณ สนามสอบในกรุงเทพมหานคร รวม ๓ แห่ง ครั้งที่ ๒ เปิดสอบเปรียญตรี หมวดสามัญสืกษา และประโยค ๑-๒ กับ ป.ธ. ๓,๔,๕ในกันที่ ๒๕-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ เริ่มสอบเวลา ๑๒.๓๐น. ทุกกันเซ่นเดียวกัน โดยเปิดสนามสอบทั้งส่วนกลางและส่วนภูมภาค ๖๒ แห่ง เฉพาะประโยค ป.ธ.๕คณะจังหวัด ในส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดให้ไปรวมสอบ ณ กัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ส่วนครั้งที่ ๓ จะเปิดสอบเปรียญตรี ปีที่ ๑-๒ และปีที่ ๓ หมวดสามัญศึกษา สำ หรับผู้ที่สอบหมวดบาลีศึกษาได้แล้ว ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๙ ซึ่งแม่กองบาลี สนามหลวงจะได้แจงกำหนดกันและสถานที่สอบในภายหลัง ในการสอบบาลีสนามหลวง ประจำปี ๒๕๑๙ สำ หรับครั้งที่ ๒ ซึ่งเปิดสอบประโยค ๑-๒ และ ป.ธ. ๓.๔ ส่วนภูมิภาคนั้น แม่กองบาลีสนามหลวงได้มอบให้เจ้าคณะจังหวัดที่ เปิดสนามสอบจัดดำเนินการสอบให้เป็นไปตามกฎและระเบียบ•ชองสนามหลวง ส่วนจ้อ สอบจะได้มอบให้เจ้าคณะภาครับภาระจัดพระกรรมการนำจ้อสอบ และดำเนินการสอบในเขต ภาคของตนด้วย สำ หรับกำหนดการสอบและสถานที่สอบได้แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดต่างๆ ได้ ทราบแล้ว www.kalyanamitra.org

พระมหาสมคิด จินฺดามใย ๑๒๑ จึงนมัสการมาเพื่อทราบ ขอนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง กองศาสนสืกษา ป. คำ บุญรัตน์ โทร. ๒๘๑๐๔๙๒ (นายประจวบ คำ บุญรัตน์) รองอธิบดี รักษาราชการแทน เลขาธิการมหาเถรสมาคม www.kalyanamitra.org

๑๒๒ ภู่รอนรักเก[นฑการแปรบาล ข้อควรกำหนดหนั่งสือราชการ ๑. ด่วionก (ถ้าผี) ๗. อ้างถึง (ถ้าผี) ๒, ที่ / ๘. สิ่งที่ส่งมาด้วย (ถ้าผี) ๓. สถานที่ออกหนังสือ ar, เนอความใหญ่ - ย่อย (£. วันที่ เดือน พ,ศ. ๑๐. ชื่อ (ลายเซ็น) ๕. เรื่อง ๑๑. ชื่อ (ภายโนวงเล็บ) ๖. เรียน ๑๒. ตำ แหน่ง ๑๓ เจ้าของเรื่อง และโทรด้พท์ (ถ้าผี) (๑) ด่วนมาก (ตัวอย่าง) (๓)... (๔) วันที่ เดือน. (๒) ที่.../... . พ.ศ. (๕) เรื่อง (๖) เรียน (๗) อ้างถึง (๘) สิ่งที่ส่งมาด้วย (๘) เนื้อควา เนื้อความย่อย (ถ้าผี). ฯลฯ www.kalyanamitra.org

พะมหาสมคิด จมดามโย {คำลงท้าย) ๑ไรฺว๓ (๑๓) (๑๐) ) (๑๑)t โทร. (๑๒)ตำ แหน่ง www.kalyanamitra.org

๑la๔ ภู่นอพร้กเกญฑ'การนปลบาร (ตัวอย่าง) คำ สั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษสามเณรเที่ยวเฅรดเตร่และพักค้างแรม ตามห้านเรือน พ.ศ. ๒๕๒a อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ร,๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มหาเถรสมาคมออกคำสืงมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คำ สั่งมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า \"คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิก!^ สามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบัานเรือน พ.ศ.๒๕๒๑\" ข้อ ๒ คำ สั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังดับตั้งแต่วันถัดจากว้นประกาศในแถลง การณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกคำสั่งหรือประกาศคณะสงฆ์อันเกี่ยวดับการห้ามภิกษุสามเณร เที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน ซึ่งได้กำหนดไว้แล้วในคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ หรือซึ่งขัดแย้งดับคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ข้อ ๙ ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่ไปในที่ต่างๆ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ข้อ ๕ ห้ามภิกษุสามเณรพักค้างแรมตามบ้านเรือนต่อต่อดันเกินสมควร โดยไม่ จำ เป็น ข้อ ๖ ภิกษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ (๑) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นมีหนังสือสุทธิโดยถูกต้อง ให้เจ้าอาวาสหรือเว้า คณะเจ้าของท้องที่แล้วแต่กรณี แนะน่าภิกษุสามเณรรูปนั้นให้กลับสำนักเดิมพร้อมดับรายงาน เจ้าอาวาสเจ้าลังดัดทราบโดยผ่านเจ้าคณะภาคเจ้าลังดัดของภิกษุสามเณรรูปนั้น (๒) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้น เมื่อสอบสวนแล้ว ปรากฏว่ามีหนังสือสุทธิ ปลอมให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่ดำเนินการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นสละสมณเพศ แล้วมอบตัวให้ฝ่ายบ้านเมีองดำเนินการตามกฎหมายพร้อมดับรายงานเจ้าคณะตามล่าดับจนถึง มหาเถรสมาคม www.kalyanamitra.org

มหาสมคิค จินฺตามโย ๑๒Cfc ข้อ ๗ พระสังฆาธิการรูปใดฝ่าฝืนคำสังมหาเถรสมาคมนี ไห้ถือว่าละเมิดจริยา พระสังฆธิการอย่างร้ายแรง สัง ณ วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒® สมIดีจพระอริยวงศไคดญาณ (สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ) สมเด็จพระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม www.kalyanamitra.org

ภู่รอพสักเกณฑ'กา:แปลบาร ข้อควรกำหนด \"คำสั่ง\" ๑- ค์าสัง ๕. สัง ณ วันทื่ เดือน พ.ศ. ๒- เรือง ๖. ชื่อ (ลายเซ็น) ๓. พุ.ศ. ๗. ชื่อ {ภายในวงเล็บ) ๔. เนีอความ ๘, ตำ แหไฬ่ (ตำแหน่ง) (๑) คำสั่ง (๒) เรี่อง {๓)พทธสักราช (๙) เนื้อความ^ (๕) ประกาศ ณ วันที เดือน พุทธสักราช (๖) _ (๗) (_ (๙) ตำ แหน่ง www.kalyanamitra.org

msuนาflunn จิliทามใน (ตัวอยาง) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๔ แก!ขเพิ่มเติม (พ.ศ. ๒๕๒๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ อาสัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะ สงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ ด้งต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้เรียกว่า \"กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๙ แก!ขเพิ่ม เติม (พ.ศ. ๒๕๒๑} ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ไห!ข้บังคับตั้งแต่ว้นถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์ เป็นด้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ วรรค ๑ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที ร: (พ.ศ. ๒๕๐๕) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ ๑๐ ในเมื่อไม่มีเจ้าคณะภาคหรีอเจ้าคณะภาคไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้เจ้า คณะใหญ่แต่งตั้งรองเจ้าคณะภาครักษาการแทนเจ้าคณะภาค ถ้าไม่มีรองเจ้าคณะภาคหรีอรอง เจ้าคณะภาคไม่อาจจะไปปฏิบัติหน้าที่ได้ให้แต่งตั้งพระภิกชุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรรักษาการ แทนเจ้าคณะภาค แถ้วรายงานให้มหาเถรสมาคมทราบ ข้อ ๑๑ ให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งเจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ต่อไปนี้ (๑) เจ้าคณะนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและรองเจ้าคณะนครหลวงกรุงเทพธนบุรี เป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และรองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร (๒) เจ้าคณะอำ๓อและรองเจ้าคณะอำ๓อในกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าคณะเขต และรองเจ้าคณะเขต (๓) เจ้าคณะตำบลและรองเจ้าคณะตำบลในกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าคณะแชวง และรองเจ้าคณะแขวง www.kalyanamitra.org

©loci 15ร6«8ก1กณร(กบนปflบาร ในกรณีที่มีข้อความกล่าวถึงเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล ที่ปรากฎอยู่ในกฎมหาเถรสมาคมนี้ หรือ กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับมหาเถรสมาคม ระเบียบมหาเถรสมาคม ตำ สั่งมหาเถรสมาคม อื่น ๆ สำ หรับนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ให้หมายถึงเจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ในกรุง เทพมหานครที่เปลี่ยนชื่อใหม่ตามความในวรรคต้นแล้วแต่กรณี. ตราไว้ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๑ สมเด็จพระอริยวงศาคฅญาณ (สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ) สมเด็จพระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม www.kalyanamitra.org

พระมหา!เมคค ๑ใช๙ (ตัวอย์าง) ) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ (พ.ศ. ว่าด้วย (เนื้อความ) ตราไว้ ณ ว้นที่ เดือน พ.ศ ซอ ซื่อ { ตำ แหน่ง www.kalyanamitra.org

บรรณานุกรม ธมุมปทฏรกถา ๘ ภ. กรุงเทพฯ มหามคุฎราชวิทยาลัย ๒๕©๒ - ๒๕๒๐ อุภัยพากย์ปริรัตน์ สมเด็จพระมหาสมณเรัา กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มหามกุฎราชวิทยาลัย ๒๕/๒๕๑๕ พระธมุมปทฏฺรกถา แปลโดยพยัญชนะ สมเณร อุทิศ ศิริวรรณ ๘ ภาค. กรุงเทพ โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ๒๕๓๐ - ๒๕๓๑ หลักสัมพันธ์ไทย - มคธ ป.ธ. ๓-๔ บุญมี พิมพ์โพธ ป.ธ.๘ สำ นักงาน ส. ธรรมภักด็ พ.ศ. ๒๔๙๖ คู่มือการเรียนบาลีไวยากรณ์ พระมหาฉลาด ปริณุณาโณ ป.ธ.๙ โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง www.kalyanamitra.org

พระมหาสมคิด จินฺตามโย (แซ่จง) วัค เทวส์'งฆาราม (วัดเหนือ) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผลงานด้านการสืกษๆ - คู่มือหลักเกณฑ์การแปลบาลี ประโยค ๑-๒ และ ป.ธ.๓ - คู่มือบาลีไวยากรฝประยุกต์ - คู่มือเคล็ดลับการแปลบาลี ประโยค ๑-๒ - เป็นครูสอนปริย้ตธรรมวัดเทวลังฆาราม จ.กาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๒๒-๒เรไอ๔ - เป็นอาจารย่ใหญ่บาลีส์านักเรียนวัดเขาโบสถ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ค. ๒๕๓อ-๒๕๓๒ - เป็นครูสอนบาลีประโยค ๑-๒ และ ป.ธ.๓ ล็านักเรียนวัดคลองเรียน จ.สงขลา พ.ศ. ๒๕๓๓ - เป็นครูสอนบาลี'#นไวยากรณ์และประโยค ๑-๒ ส์านักเรียนวัดหงษ์ประดิษฐาราม จ.สงขลา พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๓! - เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวงส่วนกลาง กทม. พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙ - เป็นกรรมการคุมสอบธรรมสนามหลวง •/ - เป็นครูสอนประย้ตธรรมแผนกบาลีของกรมการศาสนา / * 11สักเกผทกา1แป8บาสิฯ ' ISBN 97<»704S12S www.kalyanamitra.org 9 789747 045123 ราคา 70 บาท