Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการเรียนศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ม.2

เอกสารประกอบการเรียนศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ม.2

Published by BURINTHORNVORAVITAR, 2021-06-04 14:05:25

Description: เอกสารประกอบการเรียนสังคมศึกษา 3 ส22101 สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ของนักเรียน โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน สพม.กท.1 เท่านั้น

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียนสาระพระพุทธศาสนา ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2 น้ีเป็นของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 เกดิ ขนึ้ จากความม่งุ มน่ั ตง้ั ใจ เพือ่ เพิ่มพนู ประสบการณ์ใหม้ นั่ คงถาวร แก่ผู้เรยี น ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ กิดการเรียนรูต้ ามความสามารถ และพัฒนา ตนเองตามศักยภาพตลอดเวลา ทั้งยังสอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ตามมาตรฐานการ เรยี นรู้ และตัวชว้ี ัด (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) เปน็ กรอบทิศทางใน การกาหนดเนื้อหา ทักษะ กระบวนการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียน การสอน ประกอบด้วย 9 หน่วยการเรียนรู้ คือ (1) ประวัติและ ความสาคัญของพระพุทธศาสนา (2) พุทธประวัติ พระสาวก (3) ศาสนิกชนตัวอย่าง และชาดก (4) หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (5) พระไตรปิฎก และพุทธศาสนสุภาษิต (6) หน้าที่ และมารยาท ชาวพุทธ (7) วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา และศาสนพธิ ี (8) การ บริหารจิต และการเจริญปัญญา (9) การปฏิบัติตนตามหลักธรรม โดยเน้ือหาได้อธิบายรายละเอียดในคาอธิบายรายวิชา และ โครงสรา้ งการเรยี นในหน้า ค เปน็ ตน้ ไป อย่างไรก็ตามขอบข่ายของเน้ือหาสาระมีความกว้างมาก และต้องเป็นปัจจุบัน การจะศึกษาวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรมใหป้ ระสบความสาเร็จนน้ั จึงควรศึกษาเพิ่มเตมิ จากแหล่ง เรียนรู้รอบตัว ข้อมูลจากเว็ปไชต์ สารสนเทศต่าง ๆ ก็จะสามารถ เพ่ิมพูนประสบการณก์ ารเรยี นรู้ให้เกดิ ศักยภาพตามความสมารถของ แต่ละบคุ คลได้ ผู้ เ รี ย บ เ รี ย ง ห วั ง เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ว่ า เ อ ก ส า ร จ ะ ป ร ะ ก อ บ ก า ร พฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ ที่จะช่วยอานวยความสะดวกในการจัดทักษะ การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ตลอดจนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานกาหนดไว้เปน็ อยา่ งดี ผู้เรียบเรียงขอขอบพระคุณผู้เช่ียวชาญ ผู้เขียนตารา วชิ าการต่าง ๆ ตามทีไ่ ด้บนั ทึกไว้ในบรรณานุกรม รวมถึงแหล่งภาพ และกราฟิกต่าง ๆ ตามท่ไี ด้อ้างอิงตามภาพท่ีปรากฎในเลม่ บุรนิ ทรวรวิทย์ พ่วนอยุ๋ , นางสาวสายผล พทุ ธรักษา และนายสมชาย ย่ิงเจริญ ครปู ระจำรำยวิชำ

หน้ำ คำนำ ก สำรบัญ ข กำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรียน ค มำตรฐำนตวั ช้วี ัด ค หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 พทุ ธประวตั ิ พระสาวก ศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง และชาดก 7 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 13 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 พระไตรปิฎก และพุทธศาสนสภุ าษติ 20 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 10 หนา้ ท่ี และมารยาทชาวพทุ ธ 24 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 11 วนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา และศาสนพิธี 11 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 12 การบริหารจติ และการเจรญิ ปัญญา 39 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 13 การปฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรม ทางพระพทุ ธศาสนา 41 บรรณำนกุ รม 44

รหสั วิชา ส22101 รายวิชาสงั คมศึกษำ 3 ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา ชัว่ โมง 60 จานวน 1.5 หนว่ ยกติ ศึกษา วิเคราะห์ การใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ สารวจ สืบค้น มาตราส่วน ทิศ และสัญลักษณ์ ลักษณะทางกายภาพ ทาเลที่ต้ัง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงปัจจัยทางกายภาพ ปัจจัยทางสังคมทมี่ ี ผลต่อทาเลท่ีตั้งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมใน ทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา สาเหตุการเกิดภัยพิบัติ ประเด็นปัญหาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพกับมนุษย์ แนวทางกา รจัดการภัยพิบัติ การจดั การทางทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อมในทวีปยุโรป และทวปี แอฟรกิ า ศกึ ษา วิเคราะห์ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาส่ปู ระเทศเพือ่ นบ้าน ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาที่ช่วย เสริมสรา้ งความเขา้ ใจอันดีกับประเทศเพ่ือนบ้านท่ีเป็นรากฐานของวฒั นธรรม เอกลักษณข์ องชาติ และมรดกของ ชาติ การพัฒนาชุมชนและการจัดระเบียบทางสังคม พุทธประวัติ ตอนผจญมาร การตรัสรู้ การส่ังสอน ประวัติ พระสารีบุตร พระโมคคลั ลานะ นางขชุ ชุตตรา พระเจ้าพมิ พสิ าร มิตตวินทกุ ชาดก ราโชวาทชาดก พระมหาธรรม ราชาลไิ ทย สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส โครงสร้างและสาระสังเขปของพระวนิ ยั ปิฎก พระ สุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก อธิบายและปฏิบัติตนตามธรรมคุณ และปฏิบัติตนตามข้อธรรมสาคัญใน กรอบอริยสัจ 4 อริยสัจ 6 ในเรื่อง ธรรมคุณ 4ทุกข์ (ธรรมท่ีควรรู้) ในเรื่อง ขันธ์ (อายตนะ) สมุทัย 5 4 (ธรรมท่ีควรละ) ในเร่ืองหลักกรรม (สมบัติวิบัติ 10 อกุศลกรรมบถ (4อบายมุข นิโรธ (ธรรมที่ควร 6 (สามสิ นิรามิส) มรรค (ธรรมท่ีควรเจริญ) ในเรือ่ ง บพุ พนิมติ ของมัชฌมิ าปฏิปทา ดรณุ 2 บรรลุ) ในเรอื่ ง สขุ 6 ธรรรม กุลจิรัฏฐิติธรรม ในเรื่อง ประพฤติธรรม เว้นจาก 38 มงคล 4 สติปัฏฐาน 10 กุศลกรรมบถ 4 ความช่ัว เว้นจากการดื่มน้าเมา พุทธศาสนสุภาษิต กมฺมุนา วตฺตติ โลโก กลฺยาณการี กลฺยาณ ปาปการี จ ปาปก สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย ปูชโก ลภเต ปูช วนฺทโก ปฏิวนฺทน ศึกษาการพัฒนาจิตเพ่ือการเรียนรู้และ ดาเนินชีวิตด้วยวิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม และวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ สวดมนต์แปล แผ่เมตตา บริหารจติ และเจรญิ ปัญญาด้วยหลกั อานาปานสติ มรรยาทของความเปน็ ศาสนิกชนที่ดี การปฏบิ ัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และหลกั คาสอนท่ีเกยี่ วเนือ่ งกบั วนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาท่ตี นนบั ถอื โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการสืบค้น กระบวนการคิดวิเคราะห์ สรุปข้อมูลตามกระบวนการทาง ภูมิศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ด้านการสังเกต การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ การคิดเชิงพ้ืนที่ การคิดแบบองค์รวม การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคนิค และเคร่ืองมอื ทางภมู ศิ าสตร์ การคิดเชิงภูมิสัมพันธ์ การใช้สถิติพื้นฐาน รวมทั้งทักษะด้านการส่ือสาร กระบวนการสืบค้นข้อมลู กระบวนการ ทางสังคม กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละการแก้ปัญหา เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความสามารถทางภูมิศาสตร์ กระบวนการทางภูมิศาสตร์ ทักษะทาง ภูมศิ าสตร์ และมีทกั ษะในศตวรรษท่ี ดา้ นการสอื่ สาร การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ความสามารถในการคิด 21 และแก้ปัญหา มีคณุ ลักษณะดา้ นจติ สาธารณะ มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน มสี ่วนรว่ มในการจดั การภัย พิบัติและการอนรุ ักษส์ ิง่ แวดลอ้ ม สามารถดาเนนิ ชีวิตอยู่รว่ มกันได้อย่างสนั ตสิ ุข เพ่ือให้เกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สามารถทางานอย่างมรี ะบบระเบียบ รอบคอบ รับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความเชื่อม่ันในตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย มีจิต สาธารณะ สามารถปฏบิ ัติตนได้ตามแนวทางหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพ ภูมศิ าสตรร์ อบตวั และอนรุ กั ษ์สง่ิ แวดล้อมได้อย่างยง่ั ยนื

ตวั ชวี้ ดั ส 1.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, ม.2/7, ม.2/8, ม.2/9, ม.2/10, ม.2/11 ส 1.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5 ส 5.1 ม.2./1, ม.2/2, ม.2/3 ส 5.2 ม.2./1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4 รวมทงั้ หมด 23 ตวั ชว้ี ดั รหัสวิชา ส22101 รายวชิ า สังคมศึกษำ 2 ชนั้ มัธยมศึกษำปีที่ 2 จานวน 3 คาบ/สปั ดาห์ หน่วยกติ 1.5 หน่วยกติ หน่วย ช่ือหนว่ ย มำตรฐำน สำระสำคัญ/ ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนกั (ชั่วโมง) (คะแนน) ท่ี กำรเรยี นรู้ กำรเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั 10 1 แผนทแี่ ละ ส 5.1 ม.2/2 มาตราส่วน ทิศ และสัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบ 5 10 องคป์ ระกอบ ของแผนท่ีที่ทาให้เราทราบตาแน่ง ระยะทางและ ของแผนท่ี ทิศทางของส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีปรากฎบนผวิ โลก 5 2 ภูมิศาสตร์ ส 5.1 ม.2/1 1. เคร่ืองมืทางภูมิศาสตร์สามารถนาไปใช้ในการ 9 ภูมภิ าคทวปี ส 5.2 ม.2/1 สื บ ค้ น ข้ อ มู ล เ พื่ อ วิ เ ค ร า ะ ห์ ลั ก ษ ณ ะ ภู มิ ป ร ะ เ ท ศ 3 ยโุ รป ม.2/2 ภูมิอากาศและทรัพยากรทางธรรมชาติของทวีป ยุโรป 3 ภัยพิบตั ิ และ ส 5.1 ม.2/3 2. ทาเลที่ต้ังของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ในทวีปยุโรปที่มีความสัมพันธ์กั บลักษณะภูมิ การจดั การ ส 5.2 ม.2/3 ประเทศ ภมู อิ ากาศ และทรพั ยากรทางธรรมชาติ ม.2/4 3. ปัจจัยทางกายภาพ และปัจจัยทางสังคมที่มผี ล ทรพั ยากรทาง ต่อการเปลี่ยนแปลงประชากร เศรษฐกิจ สังคม ธรรมชาติ และวฒั นธรรมในทวปี ยุโรป และ 1. ลักษณะทางกายภาพของทวีปยุโรปที่ส่งผลต่อ สิง่ แวดล้อมใน การเกดิ ภยั ภบิ ัติ และผลกระทบทแี่ ตกตา่ งกนั 2. ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพทม่ี ีอิทธิพลต่อกิจกรรม ทวีปยโุ รป ของมนุษย์ส่งผลต่อส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ และ ก่อให้เกิดปัญหาการทาลายส่ิงแวดล้อมในทวีป ยุโรป 3. การจัดการภัยพิบัติ และการจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรป ที่ช่วยให้มนุษย์อาศัยอยู่ ร่วมกบั ธรรมชาติได้อยา่ งยัง่ ยนื

หน่วย ช่ือหนว่ ย มำตรฐำน สำระสำคญั / ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนกั (ช่วั โมง) (คะแนน) ท่ี กำรเรียนรู้ กำรเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั 9 10 4 ภูมิศาสตร์ ส 5.1 ม.2/1 1. เครื่องมืทางภูมิศาสตร์สามารถนาไปใช้ในการ สื บ ค้ น ข้ อ มู ล เ พ่ื อ วิ เ ค ร า ะ ห์ ลั ก ษ ณ ะ ภู มิ ป ร ะ เ ท ศ 3 5 ภมู ิภาคทวีป ส 5.2 ม.2/1 ภูมิอากาศและทรัพยากรทางธรรมชาติของทวีป แอฟรกิ า 1 10 แอฟริกา ม.2/2 2. ทาเลที่ต้ังของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม 3 2 ในทวีปแอฟริกาที่มีความสัมพันธ์กับลักษณะภูมิ ประเทศ ภมู ิอากาศ และทรพั ยากรทางธรรมชาติ 4 5 3. ปัจจัยทางกายภาพ และปัจจัยทางสังคมที่มีผล 8 10 3 2 ต่อการเปล่ียนแปลงประชากร เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมในทวปี แอฟรกิ า 5 ภัยพิบัติ และ ส 5.1 ม.2/3 1. ลักษณะทางกายภาพของทวีปแอฟริกาที่ส่งผล ต่อการเกดิ ภยั ภบิ ัติ และผลกระทบทีแ่ ตกต่างกนั การจัดการ ส 5.2 ม.2/3 2. สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่มอี ิทธิพลต่อกิจกรรม ของมนุษย์ส่งผลต่อส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ และ ทรพั ยากรทาง ม.2/4 ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาการทาลายส่ิงแวดล้อมในทวีปแอฟ รกิ ธรรมชาติ 3. การจัดการภัยพิบัติ และการจัดการทรัพยากร และ สิ่งแวดลอ้ มในทวปี แอฟรกิ ที่ชว่ ยให้มนุษยอ์ าศัยอยู่ ส่งิ แวดลอ้ มใน ทวปี แอฟรกิ า รว่ มกับธรรมชาตไิ ด้อย่างย่งั ยนื สอบกลำงภำค 6 ประวัตแิ ละ ส 1.1 ม.2/1 พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลต่อการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่าง ความสาคัญ ม.2/2 ประเทศเพื่อนบ้าน และยังเป็นรากฐานของ ของ ม.2/3 วัฒนธรรม เอกลักษณ์ของชาติ และมรดกของชาติ พระพุทธศาส ม.2/4 นา ไทย มีส่วนในการพัฒนาชุมชนและการจัดระเบียบ สังคม 7 พุทธประวตั ิ ส 1.1 ม.2/5 การวิเคราะห์พุทธประวัติ ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกา ศาสนิกชนตัวอย่าง และชาดก ย่อมทาให้ พระสาวก ม.2/6 ได้ข้อคิดและคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของท่าน เพื่อนาไปประยกุ ต์ปฏิบตั ิ ศาสนานกิ ชน ในการดาเนินชีวิตอย่างถูกตอ้ ง ตวั อยา่ งและ ชาดก 8 หลกั ธรรมทาง ส 1.1 ม.2/8 ข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ ประกอบด้วย 4 พระพทุ ธศาส ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นหลักสาคัญใน นา การดาเนินชีวิตที่นาไปสู่ความพ้นทุกข์ หรือหมด ปัญหา ซึ่งทุกคนควรมีจิตสานึกในพระธรรมคุณ 9 พระไตรปฎิ ก ส 1.1 ม.2/7 และพทุ ธศาสน ส 1.1 ม.2/8 และปฏิบัติตามหลักธรรม สุภาษติ พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุหลักธรรมคาสอน ของพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย พระวินัยปิฎก พระสตุ ตนั ตปิฎก และพระอภิธรรม-ปฎิ ก สว่ นพุทธ

หน่วย ชอื่ หน่วย มำตรฐำน สำระสำคญั / ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนกั (ชั่วโมง) (คะแนน) ท่ี กำรเรยี นรู้ กำรเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั 3 3 ศาสนสุภาษิตนั้น เป็นส่วนหน่ึงของหลักธรรม ซ่ึง ชาวพุทธทุกคนพึงนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ 2 2 ตน 3 3 10 หนา้ ที่ชาว ส 1.2 ม. 2/1 ชาวพุทธทุกคนควรปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อ พทุ ธ และ ม. 2/2 บคุ คลต่างๆ ตามหลกั มรรยาทของชาวพทุ ธ 3 3 มารยาทชาว 1 20 60 100 พทุ ธ 11 วันสาคญั ทาง ส 1.2 ม. 2/3 วันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา มีคาสอนท่ีสาคัญท่ี เป็นประโยชน์ต่อศาสนิกชนทุกคน ซ่ึงชาวพุทธทุก พระพทุ ธ ม. 2/4 คนพึงเข้าร่วมในพิธีกรรม ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งในการ ศาสนา ม. 2/5 ปฏิบตั ิตนในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา และศาสนพธิ ี 12 การบริหารจิต ส 1.1 ม. 9/2 การสวดมนต์ แผ่เมตตา บริหารจิตและเจริญ และการเจริญ ม. 10/2 ปัญญาดว้ ยอานาปานสติ และวิธีคิดแบบอบุ ายปลุก ปัญญา ม. 2/11 เร้าคุณธรรม และวิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ เป็นส่วนสาคัญของการพัฒนาจิต เพ่ือการดาเนิน ชวี ิตอยา่ งถูกต้อง 13 การปฏิบตั ติ น ส 1.1 ม. 2/11 การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระ-พุทธศาสนา ตามหลกั ธรรม ย่อมส่งผลดีต่อความสงบเรียบรอ้ ยของสงั คม และ ทาง สง่ ผลต่อการอย่รู ่วมกนั อยา่ งสันตสิ ขุ พระพทุ ธศานา สอบปลำยภำค รวม

เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน สาวกของ นั บ ถื อ นิ ก า ย เ ถ ร ว า ท พระองค์ได้สืบทอดพระพุทธศาสนา ช่วยกัน ชาระจิตใจ คติธรรม คาสอน หรือกฎพระธรรม มกี ารเผยแผ่เขา้ มาทางเมอื งสุธรรมวดีหรอื สะเทิม ให้บริสุทธ์ิถูกต้องเป็นแบบแผนเดียวกัน เรียกว่า ท่ีเคยเป็นเมืองหลวงของชาวมอญ จากน้ันจึง “สังคำยนำพระธรรมวินัย” ซึ่งได้กระทาเป็น ค่อย ๆ แผ่ขยายไปทางตอนกลาง และตอนเหนือ จานวน 3 ครั้ง ในช่วง 3 ศตวรรษ การทา ของเมียนมา พระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปทั่ว สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งท่ี 3 พระเจ้ำอโศก อาณาจักรพม่า เพราะพระเจ้าอนุรุทธมหาราชมี มหำรำช ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ได้ส่งสมณทูตไป ความเล่ือมใสเป็อยา่ งมาก ทรงส่งพระราชสาสน์ เผยแผ่พระพุทธศำสนำยังดินแดนต่าง ๆ โดย ทู ล ข อ พ ร ะ ไ ต ร ปิ ฎ ก จ า น ว น ห น่ึ ง ไ ป ยั ง พุ ก า ม กำรสนับสนุนจำกพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ พระเจ้ามนูหะผู้ครองเมืองสุธรรมวดีไม่ยินยอม ประธานสังคายนาครง้ั น้ี พระเจ้าอโศกได้ส่งพระ จนเกดิ เปน็ สงคราม พระเจา้ อนุรุทธมหาราชเป็น มหินทเถระพร้อมคณะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ฝ่ายชนะจึงส่ังให้ทาลายเมืองสุธรามวดี และนา ยั ง ป ร ะ เ ท ศ ศ รี ลั ง ก ำ ต่ อ ม ำไ ด้ก ลำย เป็น พระสงฆ์พร้อมพระไตรปิฎกไปยังพุกาม ลังกามี ศูนย์กลำงในกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำแทน การทาสังคายนาพระธรรมวินัยคร้ังท่ี 6 พระ อินเดีย มีการเดินทางไปศีลังกาเพื่อแปลอรรถ เจ้านรปติสิทธุ จึงให้คณะสมณทูตเดินทางไปสืบ กถาของพระไตรปิฎก จากภาษาสิงหลเป็นภาษา พระพุทธศาสนา โดยมพระอตุ ราชีวะเป็นหัวหน้า บาลี ของพระเจา้ มหานามะ พระพุทธโฆษาจารย์ สมณฑูต และนาลัทธิลังกาวงศ์เข้ามาเผยแผ่ใน ของชาวอินเดีย มีการแต่งหนังสือวิสุทธิมรรค พุกามประเทศ ชาวมอญหมดอานาจอย่าง เพ่ือสรุปคาสอนท่ีสาคัญของพระพุทธศาสนา เด็ดขาดจาการทาสงครามระหว่างพม่า จากน้ัน พระสงฆ์ต่างประเทศเดินทางไป ขอรับการ พระพุทธศาสนาในเมียนมาได้รับการทานุบารุง อุ ป ส ม บ ท ใ ห ม่ เ ป็ น นิ ก า ย ลั ง ก า ว ง ศ์ จนรุ่งเรืองอีกคร้ัง การทาสังคายนาพระธรรม ในดินแดนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตม้ พี ระโสณเถระ วินัย ครั้งที่ 5 ท่ีเมืองมัณฑะเลย์ โดยพระเจ้ามิ และพระอุตตรเถระ เป็นผู้เดินทางเข้ามาเผยแผ่ นดง (2395-2420) ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ทรง พระพุทธศาสนา จนฝังรากลึกและกลายเป็น โปรดฯ ให้จารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินอ่อน ศ า ส น า ส า คั ญ ข อ ง ห ล า ย ป ร ะ เ ท ศ ม า จ ว บ จ น แล้วสร้างสถูป 450 องค์ ครอบพระไตรปิฎกไว้ ปัจจุบันจากเหตุน้ีเอง ทาให้พระพุทธศาสนาแผ่ ปี พ.ศ. 2367 เมียนมาตกเป็นเมืองข้ึนแก่ ขยายไปยังประเทศเพ่ือนบ้านของไทยในกาล อังกฤษ สถาบันกษัตริย์ถูกโค่นในเวลาต่อมา ตอ่ มา แต่ประชาชนยังเล่ือมใสศรัทธา พยายามประคับ ประครองพุทธศาสนา จึงทาให้พระพุทธศาสนา ธารงอย่ไู ด้

เม่ือไดร้ ับเอกราชจากอังกฤษในปี 2491 รัฐบาล พระพทุ ธศาสนา ยกใหศ้ าสนาอสิ ลามเป็นศาสนา โ ด ย ก า ร น า ข อ ง น า ย อู นุ พ ย า ย า ม ฟ้ื น ฟู ประจาชาติ มีอทิ ธิพลแผข่ ยายไปยงั เกาะตา่ ง ๆ พระพุทธศาสนามีการทาสังคายนาพระไตรปิฎก และกลายเปน็ ศาสนาที่มผี ้คู นในอนิ โดนีเซียนับถือ คร้ังที่ 6 (ฉัฏฐมสังคายนา) โดยนิมนต์พระสงฆ์ มากทสี่ ุด จวบปจั จบุ ัน ไทย ศรีลังกา ลาว กัมพูชา หน่ึงในนั้นคือ พระ ธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) แสดงธรรม นั ก ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ พิเศษ “ลักษณะท่ีน่าอัศจรรย์บางประการของ พระพุทธศาสนาเถรวาท” สันนิษฐานว่าพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามาสู่ ประเทศมาเลเซีย ราวพุทธศตวรรษที่ 3 โดย พระพุทธศาสนาได้ ระยะแรกเป็นนิกายเถรวาท แต่มีผู้นับถือไม่มาก พุทธศตวรรษท่ี 12 อาณาจักรศรีวิชัยเรือง เผยแผ่เข้ามาสู่ดินแดนอินโดนีเซียคราวเดียวกับ อานาจบริเวณ แห ลมม ลายู จึงตกอยู่ภ ายใ ต้ ก าร พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระโสณเถระกับพระ ปกครอง และไดร้ บั อิทธิพลทางศาสนาในแถบนี้ อตุ ตรเถระ เดนิ ทางมาเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาใน แถบน้รี าวพุทธศตวรรษที่ 3 แตป่ รากฏหลักฐาน พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแผ่ขยาย ชัดเจนในอินโดนีเซียช่วงพุทธศตวรรษท่ี 12 จ า ก สุ โ ข ทั ย ร า ว ปี 1 8 3 7 เ พ ร า ะ พ่ อ ขุ น เพราะได้เกิดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพล รามคาแหงมหาราช แห่งอาณาจักรสุโขทัยแผ่ ครอบคลุมตั้งแต่ ภา คใต้ ข องปร ะ เท ศ ไ ท ย ขยายพระราชอาณาเขตลงมาทางใต้ เข้าสูแ่ หลม ม า เ ล เ ซี ย แ ล ะ อิ น โ ด นี เ ซี ย ทั้ ง ห ม ด คื อ มลายูด้วย แต่ไม่ค่อยมีอิทธิพล เพราะประชาชน “อำณำจกั รศรีวิชัย” มีหลักฐานทางโบราณวตั ถุ บ นแ ห ล ม ม ล า ยู นั บ ถื อพ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส นา นิ ก า ย เป็นจานวนมาก อาทิ พระพิมพ์ดินดิบ รูปพระ มหายานมานานหลายร้อยปี และในเวลาต่อมา โพธิสัตว์ซ่ึงสร้างข้ึนตามคติความเช่ือของผู้ท่ีนับ เ กิ ด ก า ร ล ะ ท้ิ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ขึ้ น ใ น ม ะ ล ะ ก า ถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จึงเป็น หลังจากที่พระเจ้าปรเมศวรหันไปนับถือศาสนา ข้ อ สั ง เ ก ต ว่ า อ า ณ า จั ก ร ศ รี วิ ชั ย นั บ ถื อ อิสลาม แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังนับถือศาสนา พระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน และแพร่หลายใน พุทธนิกายมหายานอยู่ ทาให้เกิดการทาลาย แถบนี้ ในสมัยราชวงศ์ไศเลนทร์เข้มแข็งในราว ศ า ส น ส ถ า น พ ร ะ พุ ท ธ รู ป เ ท ว รู ป ท้ั ง กลางพุทธศตวรรษที่ 13 มีอานาจปกครอง พระพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์จนหมด อาณาจักรศรีวิชัย ศูนย์กลางอยู่บนเกาะชวา ตอนกลาง ราวพุทธศตวรรษท่ี 15 ราชวงศ์ สมัยสุลต่านมัลโมชาห์ ประกาศให้ ไศเลนทร์ มีการติดต่อสัมพันธ์กับราชวงศ์ปาละ ราษฎรหนั มานบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม และกลายเป็น แคว้นเบงกอล ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ศาสนาประจาชาติมาเลเซีย แต่ในสมัยท่ีชาว วั ฒ น ธ ร ร ม เ ช่ น พ ร ะ ภิ ก ษุ ไ ป ศึ ก ษ า จีนอพยบเข้าสู่มาเลเซียก็ได้นาพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยนาลันทา กษัติย์ นิกายมหายานเข้ามาเผยแผ่ด้วยซ่ึงเป็นช่วงคาบ แห่งแคว้นเบงกอลได้อุปถัมภ์เป็นอย่างดี แต่ใน เก่ียวขณะเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่ก็ไม่ ราวพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรศรีวิชัยเส่ือม ประสบความสาเร็จ แต่ในปี 2500 มาเลเซีย ลง แทนที่ด้วยอาณาจักรมัชปาหิต กษัตริย์ ได้รับเอกราชจากอังกฤษได้มีคณะสมณทูตจาก ระเด่นปาทา เรืองอานาจ และศรัทธาในศาสนา ประเทศไทย ศรัลังกา พม่า เดินทางเข้าไปเผย อสิ ลาม มีการประกาศหา้ มเผยแผ่ แ ผ่ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า นิ ก า ย เ ถ ร ว า ท ท า ใ ห้ พระพุทธศาสนาไดร้ บั การฟื้นฟใู นมาเลเซีย

จุ ด เ ร่ิ ม ต้ น ค ล้ า ย เงิน ทองคา) “พระบาง” พร้อมพระไตรปิฎก มาเลเซีย เพราะอดีตเคยเป็นประเทศมาเลเซีย แก่ล้านช้าง พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญรุ่งเรือง ในปี 2508 หลังได้เอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์ ต้ังแต่นั้นมา ในสมัยของพระเจ้าโพธิสาร ทรงมี แยกตัวออกเป็นประเทศอิสระ พระราชโองการหา้ มประกอบพธิ ีทรงเจ้าเขา้ ผี สมัยพระเจ้ำไชยเชษฐำธิรำช พุทธสถานส่วน การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้ามายัง ใหญ่ถูกสร้างข้ึน เพราะพระองค์เอาพระทัยใส่ สิงคโปร์จึงมีลักษณะเช่นเดียวกับมาเลเซีย คือ ทานุบารุงพระพุทธศาสนา จึงมีความรุ่งเรืองถึง เกิดขึ้นจากชาวจีนอพยพเข้ามาต้ังถิ่นฐานใน ขีดสุด พศ. 2436 ฝร่ังเศสยึดลาวเป็นอาณา สิงคโปร์จานวนมาก และมีความเจริญรุ่งเรือง นิคมจากไทย พระพุทธศาสนาเริ่มเส่ือมลง แต่ก็ อย่างม่ันคงในสิงคโปร์ มีการจัดต้ังสมาคมชาว ยังเป็นศาสนาประจาชาติลาว ใน พ.ศ.2518 พุทธประมาณ 2,000 สมาคม มีวัดทาง ลาวถูกปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมี พระพุทธศาสนาประมาณ 150 วัด เกือบ การพยายามลดบทบาทของพระพุทธศาสนาทุก ท้งั หมดเป็นวัดนกิ ายมหายาน วิถีทาง แต่พระพุทธศาสนามีอิทธิพลฝังรากลึก อยู่ในสังคมลาวนานหลายร้อยปีทาใหช้ าวลาวไม่ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสิงคโปร์ เลิกนับถือพระพุทธศาสนา และมีความพยายาม กระทากนั อย่างจริงจังมาก มีการแปลคัมภีร์ทาง ฟื้นฟเู รอ่ื ยมาจนถึงปจั จุบนั พระพุทธศาสนาในหลายภาษา มีการจัดต้ัง โรงเรียนเพ่ืออบรมศาสนจารย์ โรงเรียนสอน พระพุทธศาสนานกิ าย พระพุทธศาสนา “มหาโพธิ์” พุทธสมาคมของ ชาวจีนยังช่วยทานุบารุง สงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้ มหายานได้เผยแผ่เข้าสู่กัมพูชาราวพุทธศตวรรษ ท้ังอาหาร ยารักษาโรค ให้ทุนการศึกษา เด็ก ท่ี 8 อั น เ ป็ น ช่ ว ง ท่ี อา ณ า จั ก ร ฟู นั น ก า ลั ง กาพรา้ คนชรา มอี งคก์ รยวุ พุทธสมาคม เพอื่ จดั เจริญรงุ่ เรืองในทางใต้ ซึ่งเกดิ จากอทิ ธิพลของจีน อบรมทั้งภาคภาษาอังกฤษ จีนกลาง สอนสวด และอินเดีย ท่ีมีสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรฟูนัน มนต์ น่ังสมาธแิ ก่พุทธศาสนกิ กันทวั่ หน้า กัมพูชาเข้าสู่ความเรืองอานาจในช่วงอาณาจักร เจนละเขา้ มามอี ทิ ธพิ ลแทนอาณาจกั รฟูนัน พระพุทธศาสนาเกิดข้ึนในสมัย ส มั ย ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า ชั ย ว ร มั น ท่ี 7 เจ้าฟ้างุ้ม ราว พ.ศ. 1896-1914 ผ่าน พระพุทธศาสนานิกายมหายาน และนิกายเถร อาณาจักรล้านช้าง ซึ่งชาวลาวยกย่องเจ้าฟ้างุ้ม วาทได้รับการทานุบารุงเอาใจใส่อย่างดี และ ว่าทรงเป็นมหาราชองค์แรกของชาติ โปรดฯ ให้สรา้ ง “ปรำสำทบำยน” มกี ารสง่ พระ ราชโอรสเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาท่ี การนับถือผีสาง เป็นมูลเหตุสาคัญที่ทา ลังกา และได้นาเอาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกา ให้พระนางแก้วยอดฟ้า มเหสีของเจ้าฟ้างุ้มไม่ วงศเ์ ขา้ มาเผยแผ่ในอาณาจักรกัมพูชา และมีการ สบายพระทัย พระนางแก้ยอดฟ้ากราบทูลเจ้าฟ้า ย้ายเมืองหลวงของกัมพูชา มาที่พนมเปญ งุ้ ม แ ต่ ง ต้ั ง ค ณ ะ ทู ต ไ ป อ า ร า ธ น า พ ร ะ ส ง ฆ์ ม า ในระยะนั้นเกิดสงครามตลอดเวลา ราชวงศ์ของ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาจากพระเจ้าศรีจุล กัมพูชามีการสู้รบแย่งชิงราชส มบัติกันเอง ราช ผู้เป็นพระราชบิดา และพระเจ้าศรีจุลราช พระพุทธศาสนาจึงเส่ือมถอย โปรดฯ ให้พระมหาปาสมันตเถระ และพระ มหาเทพลังกา นาพระสงฆ์ 20 รูป เดินทางไป พระพทุ ธศาสนาถกู ฟื้นฟอู ีกครง้ั จากภิกษุ เ ผ ย แ ผ่ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ที่ ล้ า น ช้ า ง ท ร ง ท่ี ม า ศึ ก ษ า พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ใ น ก รุ ง เ ท พ ฯ พระราชทานพระพทุ ธรปู ปจั โลหะ (พระพุทธรูปที่ สมัยพระเจา้ หรริ ักษร์ ามาธบิ ดีวัดหลายแห่งถูกร้ือ หลอ่ ขน้ึ จากโลหะ 5 ชนิด ดบี ุก ปรอด ทองแดง ทาลาย ประกาศหา้ มไมใ่ ห้ประชาชนใสบ่ าตร

ทาบุญ และไม่ให้เข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทาง ข้าราชการจีนก็ขัดขวางการเผยแผ่ เพราะจีนได้ ศาสนา อนั เนอ่ื งจากกองทพั เขมรแดงทนี่ ิยมลัทธิ สนับสนนุ ใหม้ ีการเผยแผล่ ทั ธขิ งจือ๊ และลัทธิเต๋า คอมมวิ นิสต์ได้รบั ชยั ชนะจากสงครามภายใน แทนพระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนามกี ารฟน้ื ฟู พระพุทธศาสนาในกัมพูชาได้รับการฟ้ืนฟอู ีกคร้งั ขึ้นในสมัยราชวงศ์เล (ตอนปลาย) ในสมัยพระเจ้าหริรักษ์ (นักองด้วง) ประชาชน ได้รับการศึกษาพระพุทธศาสนา จัดตั้งโรงเรียน สมัยราชวงศ์ตรินห์แห่งเวียดนามเหนือ พระปริยัติธรรมเพ่ือศึกษาชั้นสูง และยังได้รับ แ ล ะ ร า ช ว ง ศ์ เ ห งี ย น แ ห่ ง เ วี ย ด น า ม ใ ต้ แ ย่ ง ชิ ง อทิ ธิพลของนกิ ายธรรมยตุ จากไทย อานาจกัน มีการสนับสนุนพระพุทธศาสนาที่ ประกอบไปด้วยเวทมนต์ อภนิ หิ าร เพราะหวังจะ มคี วามสัมพันธ์กับจีน ดึงชาวพุทธเข้ากับฝ่ายตนให้มาก และเพื่อรักษา ตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งยังเป็นเมืองขึ้นอยู่หลาย ฐานกาลังของตนเอง แต่เม่ือตกเป็นอาณานิคม ร้อยปี จีนนับถือศาสนาใด ศาสนาก็มีอิทธิพลใน ของฝร่ังเศส พระพุทธศาสนาก็ได้รับผลกระทบ เวียดนาม อิทธิพลของลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื๊อก็ กระเทือนอย่างหนัก เพราะลัทธิชาตินิยมทา ได้เผยแผ่เข้าสู่เวียดนาม ใน พ.ศ. 732 มีคณะ สงครามกองโจรรบกับฝร่ังเศสเพื่อปลดปล่อย ธ ร ร ม ทู ต จ า ก จี น เ ดิ น ท า ง เ ข้ า ม า เ ผ ย แ ผ่ เวียดนาม ฝร่ังเศสจึงคุกคามพระพุทธศาสนา พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า นิ ก า ย ม ห า ย า น ใ น เ วี ย ด น า ม ยึดคัมภรี ์ หนงั สือทางพระพทุ ธศาสนาทาลายเสีย พระพุทธศาสนาในช่วงสมัยแรกยังไม่เป็นท่ีนิยม สิ้น ชาวเวียดนามท่ีจะทางานกับรัฐบาลฝร่ังเศส มากนัก แต่ใน พ.ศ.1512 ราชวงศ์ดินห์ และ ต้องนับถอื คริสตศ์ าสนานิกายคาทอลิค ราชวงศ์ลี ขึ้นมามีอานาจปกครองเวียดนาม พระพุทธศาสนานิกายมหายานจงึ ไดร้ บั การเอาใจ หลงั สงครามยตุ ลิ งพระพทุ ธศาสนาอยู่ใน ใส่ฟ้ืนฟู และนับถือกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น สถานะเส่ือมโทรมอย่างมาก และถูกซ้าเติมด้วย และพระพุทธศาสนาได้เส่ือมลง ในสมัยราชวงศ์ ระบบคอมมิวนิสต์ เพราะประชาชนถูกจากัดสิทธิ ตรนั เพราะเวียดนามตกเปน็ เมอื งข้ึนของจนี เสรีภาพทางศาสนา ใหน้ บั ถือท่านผู้นา พระสงฆ์ และชาวพุทธบางส่วนจึงไดล้ ้ีภัยออกนอกประเทศ ให้นักเรียนพจิ รณำตัวเลขแลว้ มำเตมิ ในชอ่ งว่ำง 1. มีการจัดตั้งวัดพุทธนิกายเถรวาทหลายแห่ง 6. พระเจ้าอนุรทุ ธมหาราชทรงรบชนะพวกมอญจึงนา ตั้งโรงเรยี นสอนพระพทุ ธศาสนาชอื่ ว่า “มหาโพธ์ิ” พระสงฆ์มอญและพระไตรปฎิ กไปยังเมอื งพกุ าม 2. พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาในช่วงอาณาจักร 7. พระพุทธศาสนาไดเ้ จริญร่งุ เรืองในสมัยพระเจ้า ฟูนันปกครอง ไชยเชษฐาธริ าช 3. พระเจ้ามินดงทรงอุปถัมภกในการทาสังคายนา 8. พระเจา้ ชัยวรมันท่ี 7 โปรดใหส้ ร้างวหิ าร พระธรรมวนิ ัยคร้ังที่ 5 ทางพระพุทธศาสนาเรียกวา่ “ปราสาทบายน” 4. พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาในสมยั พระเจ้าฟา้ งมุ้ 9. เคยเปน็ เมืองขนึ้ ของจีน จงึ มรี ากฐานการนบั ถอื แหง่ ลา้ นชา้ ง พระพทุ ธศาสนา ลทั ธิเต๋า และขงจ้อื 5. ประชากรบนแหลมมลายูได้รับการนับถอื 10. อาณาจกั รศรีวิชยั ส่งพระภกิ ษุไปศึกษาพระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาจากอาณาจกั รสุโขทัย ทอ่ี นิ เดยี

------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- -------------------- -------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- -------------------- -------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- ------------------------------------------- -------------------- -------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแหง่ สันติ โดยผู้ปกครองประเทศควรมีคุณธรรมบรหิ ารประเทศอยา่ งสงบสุข สร้างไมตรี แก่เพื่อนรอบ ข้าง ช่วยเหลือ เผื่อแผ่ซ่ึงกัน อย่าง พระเจ้าอโศกมหาราช ให้เสรีภาพเผยแผ่พระศาสนา โดยไม่ดู หมน่ิ ศาสนาอืน่ เออ้ื เฟื้อแก่ลทั ธิ ศาสนาอืน่ สร้างความปรอดงดองระหว่างกนั ละเวน้ ขอ้ พิพาท หรอื ทาสงคราม หากแตจ่ าตอ้ งแขง่ ขันเอาชนะกนั ก็ควรเอาชนะด้วย “ธรรมวชิ ยั ” เมตตากายกรรม : ....................................................................... เมตตาวจกี รรม : ........................................................... เมตตามโนกรรม : ....................................................................... สาธารณโภคี : ................................................................ สลี สามญั ญตา : ............................................................................ ทฏิ ฐสิ ามญั ญตา : ..........................................................

ใหน้ กั เรยี นวิเครำะห์ควำมสำคญั ของพระพทุ ธศำสนำในประเด็นดงั ต่อไปนี้ พระพทุ ธศาสนาสร้างมรดก หรือ เม่ือมีคนบอกว่า “วถิ ีไทย คือ วิถพี ุทธ” เอกลักษณข์ องชาติอย่างไร นกั เรยี นมีความคดิ เหน็ อยา่ งไร ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------ พระพทุ ธศาสนาในแง่การ ในความคิดของนักเรยี น พฒั นา สร้างสังคม พระพทุ ธศาสนาจัดระเบยี บ อยา่ งไร สงั คมอย่างไร ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------

พญำมำรและเสนำมำร กำรผจญมำร พระแม่ธรณี ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ----------------------------------------- ................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................

ปฏิบัติ “อำฬำรดำบส” และ“อทุ กดำบส” โยคะ _____________________________________________________________ _____________________________________________________________ แสวงหำ สิทธถิ ตั ถโคตมะ _____________________________________________________________ _____________________________________________________________ บำเพ็ญตบะ ทรมำนตนเองใหล้ ำบำก _____________________________________________________________ ไมพ่ บ _____________________________________________________________ ทำง ทรมำนตนเองไม่สำเร็จ _____________________________________________________________ _____________________________________________________________ ขั้นสุดท้ำย บำเพญ็ ทกุ กรกริ ิยำ ของตปวธิ ี _____________________________________________________________ _____________________________________________________________ พระพทุ ธรปู ปางบาเพญ็ ทกุ กรกิรยิ า มชั ฌมิ าปฏิปทา คืออะไร _________________________________ _________________________________ _________________________________ _________________________________ _________________________________ _________________________________ _________________________________ _________________________________

หลังจากทรงพิจารณาไตร่ตรองแล้ว พระพุทธองค์พบว่าการบาเพ็ญทุกกรกิริยานั้น มิใช่หนทางดับทุกข์ที่แท้จริง พระองค์จึงทรงเลิกกระทา แล้วทรงยึดทางสายกลางในการบาเพ็ญ เพียร จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในวันขึ้น 15 ค่า เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ส่ิงท่ีพระองค์ ตรัสรู้ คือ “อริยสัจ 4” ควำมจริงอันประเสริฐ 4 ประกำร ความแจ่งแจ้งปรากฎชัดเจน ปราศจากความสงสัย พร้อมกับการเกิดความร้ดู ้านกิเลส สิ่งท่ีพระองค์สงสัยล้วนกระจ่างแจ้งหมด ทุกส่ิง และพระองค์ได้ฌานตามลาดับคือ ยามต้น ระลึกชาติของพระองค์ได้ ยามสอง ได้ตาทิพย์ เห็นการเกดิ การตายของสรรพสัตว์ตามผลของกรรม ยามสาม เกิดความรู้แจ้งทาลายกิเลสหมดสิ้นไป หลังจากตรัสรู้แล้วได้จัดสัตว์โลกที่พึงจะสอนเปรียบดั่งดอกบัว 3 เหล่า พระอรรถกถาจารย์ได้เพ่ิมอีก 1 เหล่า รวมเป็น 4 เหล่าเสด็จไปทรงสอนปัญจวัคคีย์ เพราะเป็นผู้มีปัญญาอยู่กอ่ น แล้ว และเพื่อให้ปัญจวัคคีเป็นอีกหนึ่งแรงในการประกาศพระ ศาสนา “ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร” ธรรมแรกทส่ี อนปัญจวัคคีย์ ธรรมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ว่าด้วยอริยสัจ 4 ประการ ส่งผลให้ “โกณฑัญญะ” ได้ดวงตาเหน็ ธรรมเปน็ คน แรก ทันทีท่ีฟังจบจึงทูลขอบวช พระพุทธเจ้าจึงบวชให้เป็น “เอหิภิกขุ” รูปแรกในพระพุทธศาสนา จากน้ันจึงทรงธรรม เทศนาใหอ้ กี 4 ทา่ นต่อ จนไดด้ วงตาเหน็ ธรรม และทลู ขอบวช เป็นภิกษุ แล้วแสดงธรรม “อนตั ตลกั ขณสูตร” จนปัญจวัคคยี ์ บรรลุพระอรหันตผล หลังจากน้ันทรงอปุ สมบทใหก้ ับยสกุมาร และสหายอีก 54 คน จนมีพระอรหันตสาวก 60 รูป ก็ทรงให้แยกย้ายไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนายังทิศต่าง ๆ ส่วนพระพุทธเจ้าโปรดธรรม เทศนาแก่ชฎลิ สามพนี่ อ้ ง โดยทรงแสดง “อาทิตตปริยายสูตร” จนชฎิลสามพ่ีนอ้ ง และบริวารบวชเป็นพระสาวก พระเจ้าพิม พิสาร และชาวมคธท่ีนับถือชฎิลสามพ่ีน้อง ต่างพากันเล่ือมใสในพระพุทธศาสนา และสร้าง “วัดพระเวฬุวนั ” ถวายเป็นวดั ในพระพทุ ธศาสนาแห่งแรกของโลก “อุปติสสมำณพ และโกลิตมำณพ” ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ได้ขอบวชเป็นพระสาวก ซึ่งต่อมาคือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอัครสาวก พระสารีบุตร เป็นอคั รสาวกเบอื้ งขวาเปน็ เลิศทางปญั ญา พระโมคลานะเป็นอัครสาวกเบอื้ งซา้ ยผ้มู ฤี ทธมิ์ าก อนาถบิณฑิกเศรษฐี ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดชาวเมืองสาวัตถี และสร้าง “วัดพระเชตะวนั มหาวิหาร” ถวาย หลังจากเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังแควน้ ตา่ ง ๆ เปน็ เวลา 45 ปี พระพทุ ธองค์กเ็ สด็จดับขนั ธปรนิ พิ พานในวันเพญ็ เดือนวิสาขะ สิริพระชนมายไุ ด้ 80 พรรษา

ให้นกั เรียนวิเครำะหเ์ ก่ียวกับพทุ ธสำวก พทุ ธสำวกิ ำในประเด็นท่ีกำหนด พทุ ธสำวก พทุ ธสำวกิ ำ คุณธรรมทคี่ วรถอื เปน็ กำรนำไปใช้ แบบอย่ำง 1. พระสำรบี ุตร ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- 2. พระโมคคลั ลำนะ ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- 3. นำงขุชชตุ ตรำ ------------------------------------- ------------------------------------- 4. พระเจ้ำพิมพสิ ำร ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ------------------------------------- ภาพ : วทิ ย์ วิศทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. (มปป.).พระพทุ ธศาสนา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2. ศึกษาเนอ้ื หาเพ่ิมเตมิ กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจริญทศั น.์ https://1th.me/oMkyp

ให้นกั เรยี นวิเครำะห์เกยี่ วกบั ศำสนิกชนตวั อย่ำงต่อไปน้ี ประวัตโิ ดยสังเขป -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- ประวัติโดยสังเขป คณุ ธรรมท่ีควรถอื เป็แบบอย่ำง -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- คุณธรรมท่คี วรถอื เปแ็ บบอยำ่ ง คณุ ธรรมที่ควรนำไปประยกุ ต์ใช้ -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- คุณธรรมท่คี วรนำไปประยุกต์ใช้ ศกึ ษาเน้ือหาเพิม่ เตมิ https://1th.me/1WFoD -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------

ใหน้ ักเรียนศึกษำชำดกแลว้ ตอบคำถำมต่อไปน้ี (ดูการต์ ูนชาดก และเนอื้ หา https://1th.me/1WFoD) สำเหตทุ ีต่ รัสชำดก ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ชำดกโดยย่อ สำเหตทุ ่ีตรัสชำดก ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- คติเตอื นใจ ชำดกโดยย่อ ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- คตเิ ตือนใจ ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------- ภาพ : วิทย์ วิศทเวทย์ และเสฐียรพงษ์ วรรณปก. (มปป.).พระพุทธศาสนา ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทศั น์.

พระบรมศาสดา : ___________________ __________________________________ __________________________________ พระธรรม : ________________________ __________________________________ __________________________________ พระสงฆ์ : _________________________ __________________________________ __________________________________ บทสวดพระธรรมคุณ คำแปล สะวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม ------------------------------------------------------------------------------- สนั ทฏิ ฐิโก ------------------------------------------------------------------------------- อะกาลิโก ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- เอหปิ ัสสโิ ก ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- โอปะนะยิโก ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------------

บทสวดพระธรรมคณุ คำแปล ปจั จตั ตงั เวทิตพั โพ วิญญูหีติฯ ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------- 1. เพราะเหตุใดจงึ กลา่ ววา่ “พระรตั นตรัยเปน็ แกนกลางของพระพทุ ธศาสนา” .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. เราสามารถเข้าถงึ พระรตั นตรยั อยา่ งแทจ้ รงิ ได้อย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. อรยิ สจั คอื ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ อนั เปน็ หลกั คาสอนสาคัญของ พระพทุ ธศาสนา ทุกข์ (ธรรมท่คี วรรู้) • .......................................................................................................................... ขันธ์ 5 คอื องคป์ ระกอบของชวี ิตมี 5 ประการดงั น้ี รปู • ............................................................................................................................... เวทนำ • ............................................................................................................................... สัญญำ • ............................................................................................................................... สังขำร • ............................................................................................................................... วิญญำณ • ...............................................................................................................................

อำยตนะ คือ จุดเช่อื มต่อระหวา่ งขันธ์ ๕ กบั สงิ่ ทีอ่ ยูภ่ ายนอกตัวเรา อายตนะจดั เปน็ องค์ประกอบของวญิ ญาณ คือ การรบั รู้ แบ่งเป็นอายตนะภายในและอายตนะภายนอก อำยตนะภำยใน อำยตนะภำยนอก ตำ เรยี กวา่ ................................................. รูป สง่ิ ท่เี หน็ ด้วยตา หู เรยี กวา่ ................................................... เสยี ง สงิ่ ท่ีได้ยินดว้ ยหู จมกู เรยี กวา่ .............................................. กลิ่น สิง่ ท่ีสดู ดมไดด้ ว้ ยจมูก ลนิ้ เรยี กว่า ................................................ รส ส่งิ ทล่ี ิม้ รสไดด้ ว้ ยลน้ิ ใจ หมายถึง ................................................ อำรมณ์ เรอื่ งท่ีคิดขึน้ ดว้ ยใจ (ธรรมท่ีควรละ) คือ ความจริงว่าด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์ เพราะความทุกข์ที่ เกดิ ขึน้ นัน้ ต้องมสี าเหตุ ไม่ได้มีข้นึ ลอยๆ ในทนี่ จี้ ะพูดถงึ หลักธรรมทค่ี วรละ อย่าง เพ่อื ไมใ่ หเ้ กิด ทกุ ข์ ได้แก่ หลักกรรม (สมบตั ิ 4 วิบตั ิ 4) อกศุ ลกรรมบถ 10 และอบายมขุ 6 หรือกฎแห่งกรรม เป็นคาสอนท่สี าคญั ของพระพทุ ธศาสนา ผลของกรรมมี ท้ังผลช้ันในและผลช้ันนอก ส่ิงสนับสนุนให้กรรมดีให้ผล เรียกว่า สมบัติ สิ่งสนับสนุนให้กรรมชั่ว ให้ผล เรียกว่า วบิ ตั ิ

สมบตั ิ 4 วิบัติ 4 คตสิ มบตั ิ คอื .................................................. คติวิบัติ คอื ....................................................... อุปธสิ มบตั ิ คือ ................................................ อปุ ธิวบิ ัติ คือ .................................................... กาลสมบัติ คอื ................................................ กาลวบิ ตั ิ คอื ..................................................... ปโยคสมบัติ คือ .............................................. ปโยควิบัติ คือ .................................................. คือ ทางแห่งอกศุ ลกรรม หรือทางแหง่ ความชว่ั แบง่ ได้ ดงั น้ี กรรมช่วั ทางกาย กรรมชัว่ ทางวาจา กรรมชวั่ ทางใจ • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. • ............................................. คือ ทางแหง่ ความเสือ่ ม มี 6 ประการ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... . ..................................................................................................................................................... . ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................

คณุ ประโยชนข์ องการละเวน้ อบายมขุ ไมเ่ สียทรพั ย์ไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่หมกม่นุ ในส่งิ ทีห่ าสาระไมไ่ ด้ ประกอบหน้าท่ีการงานได้เต็มที่ ชวี ติ ไม่ตกตา่ เป็นท่รี กั ใคร่และเป็นท่ีไว้ใจของผู้อนื่ มพี ลานามัยสมบรู ณ์ สตปิ ญั ญาไมเ่ ส่อื มถอย สามารถประกอบหนา้ ที่ได้ดว้ ยความสุจรติ (ธรรมท่ีควรบรรลุ) คือ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์ เมื่อความทุกข์เกิดจาก สาเหตุ ถ้าเราดับสาเหตุเสีย ความทุกข์น้ันก็ย่อมดับไปด้วย ณ ท่ีนี้จะพูดถึงหลักธรรมบางข้อที่ เราควรบรรลุ เพื่อเป็นทางดับทุกขต์ ามหลักอริยสัจ 4 จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ “นพิ พาน” กเ็ ป็นความสุข และเป็นบรมสุข คอื สุขสงู สุด สำมสิ สุข คอื ควำมสุขทำงวตั ถุ หรอื ควำมสขุ ทำงเน้อื หนงั กำรเสพสำ มิสสุขเปน็ ธรรมดำของคนทั่วไป พระพุทธศำสนำสอนเรือ่ ง “คหิ ิสุข” คือ ควำมสุขของชำวบำ้ น ไดแ้ ก่ • ................................................................................................................................. • ................................................................................................................................. • ................................................................................................................................. • ................................................................................................................................. นิรำมิสสขุ • คอื ............................................................................................................................. • ................................................................................................................................. • ................................................................................................................................. • .................................................................................................................................

(ธรรมท่คี วรเจริญ) คอื ความจริงวา่ ด้วยวธิ ีการดบั ทกุ ข์ หากปฏิบัตติ ามก็จะลด ความทกุ ข์ หรือปญั หาได้ ณ ท่ีนีจ้ ะพดู ถึงหลักธรรมบางขอ้ ที่เราควรปฏบิ ตั ิ เพื่อเป็นทางทน่ี าไปสู่ ความดบั ทกุ ข์ ดังน้ี มัชฌิมำปฏิปทำ คือ ทางสายกลาง บุพพนิมิต คือ สิ่งที่เป็นเครื่องหมาย หรือส่ิงบอกล่วงหน้า ดั่งดารัสเปรียบของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ก่อนท่ีดวง อำทิตย์จะข้ึนย่อมมีแสงเงินแสงทองปรำกฏให้เห็นก่อนฉันใด ในทำนองเดียวกันก่อนท่ี อริยมรรคหรือมัชฌิมำปฏิปทำจะเกิดขึ้นก็มีธรรมบำงประกำรปรำกฏข้ึนก่อน เสมือนแสงเงิน แสงทองฉนั นั้น” กอ่ นจะเกดิ ปัญญา หรือแกไ้ ขปัญหา ความทุกขน์ ้ันได้ ย่อมมปี ัจจัย 2 อย่างเปน็ เครอ่ื งช่วย คือ กัลยำณมติ ร และโยนโิ สมนสิกำร กลั ยาณมิตร • ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. คุณสมบตั ขิ องกลั ยาณมิตร • ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. โยนิโสมนสกิ าร • ................................................................................. ................................................................................. ................................................................................. คือ ทางท่ีนาไปส่คู วามเจริญก้าวหน้าของเยาวชนมี 6 ประการ ดังนี้ .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ...................................... ...................................... ...................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ...................................... ...................................... ...................................... คอื ธรรมทเี่ ป็นเหตทุ าให้ม่ังคัง่ มัน่ คงต้งั อยู่ได้นาน มดี งั น้ี 1. สิ่งของ ท่ีเป็นความต้องการหรือจาเป็นต้องเตรยี มเอาไว้ เช่น ดินสอใช้มานานไส้ดนิ สอ จะหมดต้องเตรยี มดนิ สอด้ามสารองเอาไว้เผ่ือหมด หรอื เผอ่ื หาย 2. ซ่อมแซมสิ่งของท่ีพอจะใช้ได้ ให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน หรือดูแลสิ่งมิให้เสียหาย ชารุดอยู่ตลอดเวลา

3. รู้จักประมาณตนเอง หรือเดินบนทางสายกลางในการใช้ชีวิต ไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุรา่ ย หรือเกนิ ตัว 4. รู้จักช่วยเหลืองานบ้าน สร้างความรัก ความสามัคคีแก่บุคคลในบ้าน รักษาความเป็น ครอบครัวใหม้ น่ั คงบนพืน้ ฐานคุณธรรม จริยธรรมอันดงี าม คือ ทางแห่งการกระทาของผู้ฉลาดหรือคนดี มีดังน้ี ควำมประพฤตดิ ที ำงกำย ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ควำมประพฤตดิ ที ำงวำจำ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ควำมประพฤตดิ ีทำงใจ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ คือ ทต่ี ง้ั ของสติ เป็นองค์มรรคข้อหน่ึงในอรยิ มรรคมมี ี 4 ประการ ดังนี้ พิจารณาเหน็ ภายในกาย ............................................................................................................................. พิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนา .................................................................................................................. พิจารณาเห็นในจติ ......................................................................................................................................... พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม ....................................................................................................................... คอื ส่งิ ทที่ าให้เกดิ ความดีงาม เปน็ ธรรมท่ีนามาซ่ึงความสุข มที ั้งหมด 38 ประการในท่ีน้ีจะกล่าวถึง 3 ข้อ ดงั นี้ ดารงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงามโดยยึดเบญจศีล (ไม่หมายร้ายเอาชีวติ ไม่ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ไม่ผิดในกาม ไม่พูดปด ส่อเสียด ไม่เสพส่ิงเสพติด) เบญจธรรม (มีเมตตา กรุณา มีความสุจรติ มีกามสังวรสขุ ทางกายพอประมาณ รกั ษาคาพดู มีสติรตู้ วั อยูเ่ สมอ ) เวน้ จากอกุศลมูล คอื โลภะ : ความอยากได้มาโดยมชิ อบ โทสะ : ความโกรธแคน้ พยาบาท โมหะ : ความล่มุ หลง ไมอ่ ยูเ่ หตุผล หมายรวมถงึ ของเสพตดิ ท่ีมอมเมาชีวิต ทาให้ขาดสติ เสียทรพั ย์ เสยี เพ่อื น สรา้ งความเลวร้ายแก่ชวี ติ

ไตร = สาม ปฎิ ก = ตะกร้า กอง หมวด หมู่ พระไตรปิฎก หมายถึง คัมภีร์ ตะกร้าที่เก็บรวบรวมคาสอน 3 หมวดหมู่ หรือคัมภีร์ 3 ของพระพุทธเจ้าไม่ให้กระจัดกระจาย ประกอบด้วย พระวนิ ยั ปิฎก พระสุตตันตปิฎก และอภธิ รรมปิฎก เดิมพระไตรปิฎกถ่ายทอดด้วยการท่องจา และได้รับการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในพุทธ ศตวรรษที่ 5 สมัยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย แห่งลังกาพระไตรปิฏกฉบับภาษาไทยได้รับ การตพี มิ พ์ครงั้ แรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ 5 o สิขาบทของพระภิกษุ o สุตตวิภังค์ ศลี สาคัญของภกิ ษุ ภกิ ษุณี o ขันธกะ สงั ฆกรรม หรอื พิธกี รรมของพระสงฆ์ วตั รปฏบิ ัติ มารยาทของพระ o ปรวิ ำร คู่มือพระธรรมวนิ ัย อธบิ ายแบบถามตอบเพ่อื ความเข้าใจ o พระธรรมเทศนา ของพระพุทธเจา้ ประมวลสูตรแบบจดั กลุ่มเน้ือหา ประมวลสูตรขนานยาว เช่น สจั จสงั ยตุ ต์ เรอ่ื งราวท่วั ไปที่มิได้ ประมวลสตู ร รวบรวมไวใ้ น 4 นกิ าย แบบกลาง ประมวลธรรมจากนอ้ ยไปหามาก

o ใจความสาคัญของหลักธรรมท้งั มวล ธัมม วีภงั ค์ ปคุ คล กถำวตั ถุ ปฏั ฐำน สงั คณี บัญญัติ ธำตกุ ถำ ยมก คมั ภีรท์ ี่ แยกข้อธรรมะ จัดข้อธรรมะใน คมั ภรี ท์ ่ีบัญญตั ิ อธบิ าย ยกธรรมขึน้ ปัจจยั หรอื รวบรวมเปน็ ในธัมมสงั คณี ขนั ธ์ ธาตุ เรยี กบคุ คล ความเห็น เปน็ คู่ แลว้ เง่อื นไขทาง หมวดต่าง ๆ แล้วอธิบาย อายตนะ ตา่ ง ๆ ตาม ขอ้ ขดั แยง้ กนั ธรรม 24 แลว้ อธบิ าย รายละเอียด ว่าเขา้ กนั ได้ คณุ ธรรมที่มี โดยเนน้ ที่ อธิบาย ประการ แยกออกเป็น ความคิดของ เชน่ วา่ ธรรมข้อใด หรอื ไมอ่ ยา่ งไร กศุ ลกรรมบถ- เขา้ เงอื่ นไขข้อ ประเภท อกศุ ลกรรมบถ พระเถรวาทท่ี ถกู ต้อง o o สมยั แรกสืบทอดด้วยการท่องจาดว้ ยความเขา้ ใจคลาดเคล่ือนในธรรมคาสอน จงึ มี การทา โดยคร้ังแรกพระมหากสั สปพระอานนทเ์ ป็นองคว์ สิ ัชชนา พระอบุ าลี เปน็ องค์วิสชั ชนา มีพระเจ้าอชาตศตั รูเป็นองค์อุปถัมภ์ o o คร้ังท่ี 1 ถ้าสัตบรรณคหู า เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ตามคาปรารภของพระมหากสั สป o ครง้ั ท่ี 2 พ.ศ. 100 ทีว่ าลกิ าราม เมอื งเวสาลี แคว้นวชั ชี ประเทศอนิ เดยี o ครง้ั ที่ 3 พ.ศ. 234 ทอ่ี โศการาม กรุงปาฏลีบุตร แควน้ มคธ ประเทศอินเดีย o คร้ังที่ 4 ชาลันธร ในรชั สมยั ของพระเจา้ กนษิ กะ แตเ่ ปน็ การสังคายนา ของนกิ ายมหายาน o ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 956 ในลงั กา โดยพระพทุ ธโฆสะ o คร้งั ท่ี 7 พ.ศ. 1587 ในลังกาชาระอรรถคถา o ครง้ั ที่ 8 พ.ศ. 2020 ในประเทศไทย พระเจ้าตโิ ลกราชอุปถมั ภ์

o ครั้งท่ี 9 พ.ศ. 2331 ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชอุปถัมภ์ โดยอาราธนาพระสงฆ์ให้ชาระพระไตรปิฎกในครั้งนี้มีพระสงฆ์ 218 รปู กับราชบณั ฑติ าจารย์ อบุ าสก 32 คน ชว่ ยกันชาระพระไตรปฎิ ก แล้วจัด ให้มีการจารึกลงในใบลาน o o การศกึ ษาบาลี เพอ่ื อา่ น และแปลคาสอนในพระไตรปฎิ กได้ o จารึก ตพี มิ พ์ โดยการคัดลอกและจัดสง่ ไปยังสถานทต่ี ่าง ๆ เพอื่ ใหป้ ระชาชนไดศ้ ึกษา o ปฏบิ ัติตามคาสอน o ส่ังสอน หรอื บอกต่อกนั จากการปฏิบตั ิตามพระไตรปฎิ ก o รวบรวมพทุ ธ o ร ว บ ร ว ม พุ ท ธ ว จ น ะ ห รื อ ค า ส อ น ที่ วจนะ พระพุทธเจ้าทรงเทศนาส่งั สอนสาวก o เปน็ ท่สี ถติ ของพระบรมศาสดา มาตราฐาน o แหล่งข้อมูลทางพระพทุ ธศาสนา และบนั ทึก ตรวจสอบคาตอบ ทางประวัติศาสตร์ o มาตราฐานตรวจสอบคาตอบ ข้อสงสัย หรือ ข้อขัดแย้งทางพระพุทธศาสนา รวมถึงแหล่ง ความร้ทู างด้านการปกครอง กฎหมาย จติ วทิ ยา o ห ลั ก ฐ า น อ้ า ง อิ ง ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง ท า ง พระพทุ ธศาสนา o มาตรฐานตรวจสอบการปฏิบัติ หรือหลักการ ปฏบิ ัติในกจิ วัตรตามคาสอน หรือคัมภรี ์ กมมฺ ุนำ วตฺตตี โลโก : สตั วโลกย่อมเป็นไปตำมกรรม ความหมาย กลฺยำณกำรี กลฺยำณ ปำปกำรี จ ปำปก : ทำดีได้ดี ทำชัว่ ไดช้ ั่ว ความหมาย

ปชู โก ลภเต ปชู วนฺทโก ปฏิวนฺทน : ผบู้ ูชำย่อมไดร้ ับกำรบชู ำตอบ ผู้ไหวย้ อ่ มไดร้ บั กำรไหวต้ อบ ความหมาย บุญ คอื ความดีงาม หรือการสัง่ สมความดีดว้ ยการทาบุญ 10 วธิ ี เรียกว่า บุญกิริยาวตั ถุ 10 1. 6. 2. 7. 3. 8. 4. 9. 5. 10. โดยทว่ั ไปคนมักให้ความสาคัญกับ 3 ข้อแรก คอื การใหท้ าน การรกั ษาศลี และการเจริญ ภาวนา เรียกว่า บุญกริ ยิ าวัตถุ 3 ปา้ งให้อาหารแมว และ ........................................................................... ........................................................................... สุขนัขจรจัดใน ........................................................................... ........................................................................... สวนสาธารณะ ........................................................................... ........................................................................... หมตู ุ๋นทาข้อสอบ GAT ........................................................................... ........................................................................... ไม่ได้ เพราะม่งุ มนั่ ในการ ........................................................................... ........................................................................... ทาคลปิ Tiktok มิ ........................................................................... ........................................................................... ทบทวนตารา ปกปอ้ งช่วยเหลอื ........................................................................... ........................................................................... บุคลากรทางการแพทย์ ........................................................................... ........................................................................... ระดมทรัพย์ชว่ ยซอื้ ........................................................................... ........................................................................... หนา้ กากอนามัยป้องกนั COVID ........................................................................... ........................................................................... ........................................................................... ........................................................................... บาสค้ายาเสพติด ........................................................................... ........................................................................... ตารวจลอ่ จับตดิ คดุ หัว โต

หน้าที่สาคัญของ พระภิกษุ คือ การเผยแผ่หลักธรรม คาสอนของพระพุทธศาสนา ให้ศาสนิกชนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ปาฐกถาธรรม และการปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่าง คือวธิ ีการหนง่ึ ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา - ปฐกถาธรรม หรือแสดงธรรม หรอื เทศนา - เป็นวธิ ที ดี่ ที ี่สดุ ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ธรรมเปน็ แบบอย่างของการเผยแผ่คาสอนของ ให้เกดิ ความเล่ือมใส พระพุทธศาสนามาต้งั แต่สมยั โบราณ - ผ้ทู ่ีจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้นน้ั จะต้องเปน็ - การแสดงธรรมมีระเบยี บวิธปี ฏิบัติเป็นการเฉพาะ พุทธศาสนกิ ชนท่ดี ี รู้ และเขา้ ใจหลักธรรม คือ มีการอาราธนาศีล อาราธนาธรรม ผู้รับฟัง พร้อมปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมอยา่ งเคร่งครดั ต้องประนมมือ หรือนง่ั อย่างสงบเรียบร้อย - ภกิ ษุเองต้องตดั ความโลภ โกรธ หลง เปน็ - พระสงฆ์ผู้แสดงธรรมมีหน้าทสี่ รา้ งความรู้ใหผ้ ฟู้ ัง เน้อื นาบุญอยู่บนความไม่ฟุ่มเฟอื ย จงึ จะดารง เ ข้ า ใ จ อ ย่ า ง ถู ก ต้ อ ง เ กิ ด ค ว า ม เ ล่ื อ ม ใ ส ใ น ตนเปน็ ผูเ้ ผยแผ่พระพุทธศาสนาไดอ้ ยา่ งมน่ั คง พระพทุ ธศาสนา นักเรียน บุคคลทั่วไปมี หน้าท่ีในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามกาลังความสามารถ เช่น สืบสานพระธรรมด้วยการฟัง ธรรมเทศนาเม่ือมีเวลาก็ควรหาโอกาสรับฟังธรรมบ้าง หรือนาคาสอนนั้นมาปฏิบัติ หรือ จัดนทิ รรศการตา่ ง ๆ เช่น วนั สาคัญในพระพทุ ธศาสนา ข้อปฏบิ ัติ หรือคาสอนต่าง ๆ ท่ีได้รบั การ สร้างสรรค์ผ่านความคิดของนักเรยี นในรูปของปา้ ยนิเทศ หลกั ปฏบิ ตทิ ิศ 6 ทศิ เบือ้ งหน้า คือ บุพการี หรือบิดา มารดา ผูม้ พี ระคณุ กลา่ วคอื บดิ า มารดาปฏิบัติต่อบุตร ในการห้ามปรามทาความชั่ว อบรมให้เป็นคนดี ให้การศึกษา หาคู่ครอง หรือดูว่าเหมาะสมกับลูกของตนหรือไม่ และมอบทรัพย์สมบัติเมื่อถึงโอกาส ทั้งนี้เม่ือถึงเวลา บุตร ธิดา ต้องปฏิบัติต่อบุพการี หรือเล้ียงดูท่านตอบ เช่น ช่วยทาธุระ รักษาวงศ์ตระกูล ปฏิบัติตัวให้ เหมาะสม เมือ่ ท่านลว่ งลับไปแล้วทาบุญอุทิศสว่ นกุศลให้ นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิเพ่ือเป็นลกู ท่ดี ตี ามหลกั ทิศ 6 ได้อย่างไร ....................................................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................................

คือ การประกาศตนของผู้แสดงตนว่าเป็นผู้นับถือ พระพทุ ธศาสนา คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสิ่งสูงสุดและเปน็ ทพ่ี ่งึ ทรี่ ะลึกของตน พิธีพุทธมามกะเกิดขึ้นหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศคาสอนของพระองค์แก่ประชาชน และมีผู้ท่ีได้รับฟังคาสอนแล้วเกิดศรัทธาเล่ือมใสปฏิบัติตามคาสอนน้ัน จนได้รับผลจากการปฏิบัติ ตามสมควรแล้วจึงยอมรับว่า พระพุทธศาสนาซึ่งประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เ ป็ น สิ่ ง ท่ี มี คุ ณ ค่ า ย่ิ ง ต่ อ ชี วิ ต ต น จึ ง ไ ด้ ป ร ะ ก า ศ ต น เ ป็ น พุ ท ธ ม า ม ก ะ ซ่ึ ง บ า ง ค น ก็ อ อ ก บ ว ช ใ น พระพุทธศาสนา บางคนก็เป็นคฤหสั ถ์ แตไ่ ม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด สาหรับผู้ทีเ่ ป็น “พทุ ธมามกะ” แล้ว กค็ อื ผู้ทีย่ ึดมั่นในหลกั ธรรมคาสอนในพระพทุ ธศาสนาอย่างมัน่ คงตลอดไป - เพอ่ื ใหเ้ ดก็ และเยาวชนสบื ความเป็นชาวพุทธตามวงศ์ตระกลู ตอ่ ไป - เพ่อื ใหเ้ ดก็ และเยาวชนได้ราลกึ อยเู่ สมอวา่ ตนเปน็ พุทธศาสนิกชน - เพ่ือปลูกฝงั นสิ ยั เด็กและเยาวชนให้ม่นั คงในพระพุทธศาสนา เมื่อมบี คุ คลต่างศาสนาเกดิ ความเลอ่ื มใสในพระพุทธศาสนา ต้องการจะประกาศตนเป็นชาว พุทธ ก็ประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เพ่ือประกาศว่านับแต่นี้ไปตนได้ยอมรับนับถือ พระพุทธศาสนาแล้ว การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะกระทาซา้ บอ่ ย ๆ ก็ได้ไมจ่ ากัดคร้งั เพราะเป็นการ แสดงความมนั่ คงในการนับถือพระพุทธศาสนา จะตอ้ งแสดงตอ่ หน้าพระสงฆ์ หรือในที่ ประชมุ สงฆ์ โดยมีส่งิ จาเปน็ ต้องใช้ คือ โตะ๊ หมบู่ ชู า พระพุทธรูป ดอกไมธ้ ูปเทียน พุทธมามกะบัตร เพอื่ มอบให้แก่ผแู้ สดงตน และเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขั้นตอนท่ี 1 เม่อื จดั สถานท่ีหอประชุม และทน่ี ัง่ พระสงฆ์เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ นมิ นต์พระสงฆ์เข้า สู่บริเวณพธิ ี ขนั้ ตอนท่ี 2 ผ้แู ทนนกั เรียนเขา้ ไปน่ังคกุ เขา่ หน้าโต๊ะหมู่บูชา จุดธปู เทียนและวางดอกไม้บูชา ส่วนผู้เข้าร่วมพิธีนั่งคุกเข่าและประนมมือ สงบจิตใจระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เม่ือผู้แทน นักเรียนนากล่าวคาบูชาพระรัตนตรัย ให้ทุกคนว่าตามพร้อม ๆ กัน เม่ือจบแล้วให้กราบแบบ เบญจางคประดษิ ฐ์ และบชู าพระรัตนตรัยตามลาดบั ขัน้ ตอนที่ 3 ผแู้ ทนถวายพานเคร่อื งสักการะ พร้อมกับรายช่อื นักเรียนท่ีเขา้ ร่วมพธิ ีทั้งหมด แดพ่ ระสงฆ์ ส่วนผูเ้ ข้าร่วมพธิ ีนงั่ คุกเข่า ประนมมือแลว้ กราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์พรอ้ มกัน ข้ันตอนท่ี 4 กล่าวคานมัสการพระพทุ ธเจ้าและคาขอแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะพร้อมกันคอื นมัสการพระพุทธเจ้า กลา่ วคาขอแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ ข้ันตอนท่ี 5 เมื่อกล่าวจบแล้ว พระสงฆ์ประนมมือรับ “สาธุ” ผู้เข้าร่วมพิธีนั่งพับเพียบ ประนมมอื ฟังโอวาทจากประธานสงฆ์ ขน้ั ตอนท่ี 6 เม่ือจบโอวาทแล้ว ให้ผูเ้ ข้าร่วมพิธรี ับ “สาธุ” แล้วนัง่ คุกเขา่ ประนมมอื ผู้แทน นากลา่ วคาอาราธนาศีล 5

ขน้ั ตอนท่ี 5 พระสงฆ์เปน็ ผู้บอกคาสมาทานศีล 7 ผเู้ ข้าร่วมพิธีวา่ ตามเป็นตอน ๆ หลังจาก น้ันพระสงฆ์จะกล่าวสรุปหลังจากการสมาทานศีล 1 เพียง 5 คร้ังและผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวตาม 3 อิมานิ ปัญจะ สกิ ขาปะทานิ สะมาทิยามิ ขน้ั ตอนท่ี 5 พระสงฆ์บอกอานสิ งส์ของศีล ซงึ่ ผ้เู ข้าร่วมพิธีไม่ตอ้ งกลา่ วตาม หลังจากนน้ั ผู้เขา้ รว่ มพิธีหรอื ผู้แทนนักเรียนรับพุทธมามกะบัตร และถวายเครอื่ งไทยธรรม แด่พระสงฆ์ เม่ือพระสงฆ์อนุโมทนาผู้แสดงตนเป็นพุทธมามกะกรวดน้า รับพร เสร็จแล้วคุกเข่า กราบพระสงฆ์ 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี หรือหลังจากเสร็จพิธีอาจมีการทาบุญถวายภัตตาหารแด่ พระสงฆ์ ให้นกั เรยี นเรยี งลาดับพธิ ีปฏบิ ัตใิ นการแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะโดยนาตัวเลข 10-1 ใสห่ น้าขอ้ ความต่อไปน้ี พระเถระให้โอวาท ขณะใหโ้ อวาททุกคนพนมมือ จบแลว้ ยกมือข้นึ จบกลางหนา้ ผาก พรอ้ มกบั กลา่ วว่า “สาธุ” และเปลีย่ นท่านั่งเป็นท่าเทพบุตรและเทพธิดา และอาราธนาศีลพร้อมกนั ดังน้ี มะยัง ภนั เต วิสุง วิสงุ รกั ขะนตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ ทตุ ิยมั ปิ มะยงั ภันเต วิสุง วิสงุ รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ ตะติยมั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ งุ วิสุง รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ (เมอ่ื พระให้ศีลและรบั ศลี จบแล้ว กราบ (ครั้ง 3 กล่าวคาปฏญิ าณตนเป็นพทุ ธมามกะ ดงั นี้ (ผชู้ าย) เอเต มย (ผหู้ ญิง) เอตา มะยงั ภันเต สจุ ริ ะปรนิ ิพุตมั ปิ ตัง ภะคะวนั ตงั สะระณงั คจั ฉามะ ธัมมญั จะ สังฆญั จะ พทุ ธมามกาติ (ชาย) พทุ ธมามิกาติ (หญงิ ) โน สงั โฆ ธาเรตุ (กราบเบญจางคประ ดิษฐ์ (ครัง้ แล้วนงั่ พับเพียบ 3 ตัวแทนผ้ทู ่จี ะแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะจุดธปู เทียนบูชาพระ กราบเบญจางคประดษิ ฐ์ ๓ คร้งั แล้วนาสวดมนต์ ดงั นี้ อิมินา สักกาเรนะ พทุ ธัง ปเู ชมะ ข้าพเจา้ ขอบูชาพระพทุ ธเจา้ ด้วยเคร่อื งสกั การะ (กราบ) อิมนิ า สกั กาเรนะ ธัมมัง ปูเชมะ ข้าพเจ้าขอบชู าพระธรรมด้วยเคร่อื งสกั การะน้ี (กราบ) อมิ ินา สกั กาเรนะ สังฆัง ปูเชมะ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆด์ ว้ ยเครอ่ื งสกั การะน้ี (กราบ) เม่อื พระสวด... สพพฺ ตี โิ ย... รินน้าลงภาชนะใหห้ มด แล้วพนมมือรับพรจากพระ จบแล้ว กราบ เบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง รับพุทธมามกบัตรจากพระเถระ ตัวแทนผแู้ สดงตน คลานเข้าถวายเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธปู แพเทยี นแพ แกพ่ ระเถระ แลว้ กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ คร้งั (คนอืน่ ๆ เปลยี่ นท่านงั่ เป็นท่าพรหม หรือทา่ เทพธิดา ตามเพศและกราบ ๓ คร้ัง พร้อมตัวแทน) ทุกคนกล่าวนมัสการพระพุทธเจา้ ๓ ครง้ั ดังนี้ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัม พทุ ธัสสะ (ซ้า ๓ คร้ัง) ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแดพ่ ระสงฆ์ เมื่อพระสวด... ยถา วริวหา... ตัวแทนกรวดนา้ อุทิศสว่ นกุศล ก่อนเวลากาหนด นาที ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมน่ังประจาที่ เพอื่ รอพระเถระและคณะสงฆ์ 15

- มาฆบูชา มาจากคาวา่ มาฆบรู ณมบี ชู า หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 3 หรอื ขึ้น 15 คา่ เดอื น 3 - หากปใี ดตรงกับปอี ธิกมาส คอื เดือน 8สองครั้งกจ็ ะตรงกบั วนั เพญ็ เดอื น 4 - วันที่พุทธศาสนิกชนแสดงความเคารพต่อพระธรรม - นิยมเรียกวนั น้ีว่าจตรุ งคสันนบิ าต - พระอรหนั ตสาวก 1,250 รปู - มาประชุมกนั โดยมิไดน้ ัดหมาย ณ เวฬุวนั มหาวหิ าร กรงุ ราชคฤห์ - พระอรหนั ล้วนเปน็ เอหภิ กิ ขุอุปสัมปทา - พระพทุ ธองคแ์ สดงโอวทปาฏโิ มกข์ คาสอนอันเปน็ หัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพทุ ธพจน์ 3 คาถากึ่งคือ - การไม่ทาความช่วั ท้งั ปวง - การบาเพญ็ แตค่ วามดี - การทาจิตของตนให้ผ่องใส - วันมาฆบชู าจึงเปน็ วนั พระธรรมดว้ ยคาสอนในวันน้เี ปน็ หัวใจของพระพุทธศาสนา ขน้ึ 15 คา่ เดอื น 3

ภาพ1 พุทธประวัติ วันวิสาขบูชาเป็นวันสาคัญสากลที่สหประชาชาติ ประกาศ ถือเป็นวันสาคัญท่ีสุดทางพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ (ก่อนพุทธศักราช 80 ปี) ตรัสรู้ (ก่อนพุทธศักราช 45 ปี) และปรินิพพาน (ก่อนพุทธศักราช 1 ปี หรือพุทธศักราชที่ 1 ตามการนับพุทธศกั ราชของ เมยี นมาร์ ศรีลงั กา) ของพระพุทธเจา้ - ทุกข์ (ปัญหา ความเดือนร้อน) สมุทัย (สาเหตุของปัญหา) นิโรธ (เป้าหมาย หรือการ แก้ปญั หา) มรรค (วิธีปฏบิ ติ ลงมอื ทาเพือ่ ใหแ้ กป้ ญั หา) การตรสั รู้ของพระพทุ ธเจ้าเป็นการอนุเคราะหส์ รรพสตั ว์ใหเ้ ข้าใจความเปน็ จริง ความเป็นไป ในเหตุ และผล เพ่ือทาใหม้ นุษย์รจู้ ักวิธีแก้ไขปญั หา หรือการดับทุข์ 1 ธีร์ ธีร์ธรรม ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6

- วนั คล้ายวนั ถวายพระเพลงิ พทุ ธสรรี ะ - แรม 8 ค่า เดือน 6 หรอื เดือน 7 เมอ่ื ปนี ้ันตรงกับปีอธิกมาส - พทุ ธศาสนกิ ชนควรระลึกถงึ พระพุทธเจา้ วา่ แมท้ รงเพรยี บพรอ้ มทกุ อยา่ งกย็ งั เสด็จดับขนั ธปริ นพิ พาน - ทกุ สรรพสิง่ ในโลกและจักรวาลล้วนเป็นอนจิ จัง ไมม่ ีความแน่นอน ทกุ คนควรสร้างบญุ กศุ ล ตามครรลองธรรม “อัปปมาทะ” หรอื ความไม่ประมาท - การบชู า 2 ประการ คอื การบูชาดว้ ยสิง่ ของ และการบชู าด้วยการปฏิบตั ิ - “เธอทงั้ หลายพงึ ยังประโยชน์ตนและประโยชนท์ า่ นด้วยความไมป่ ระมาทเถดิ ” แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ภาพ 2 ถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะและแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ภาพ 3 พระพระพุทธไสยาสน์ 2 ภาพถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระและแบง่ พระบรมสารีรกิ ธาตุ พระท่ีนง่ั พทุ ไธสวรรค์ วงั หน้า กรุงเทพมหานคร 3 ภาพพระพุทธรปู ปางปรนิ ิพพาน (ปางไสยาสน)์ ศิลปะสุโขทยั ประดษิ ฐาน ณ วิหารพระศรศี าสดา วดั บวรนิเวศวิหารราชวรวหิ าร

- อาสาฬหบูชา มาจากคาวา่ อาสาฬหบูรณมีบชู า หมายถึงการบูชาในวนั เพ็ญเดอื น 8 - หากปีใดตรงกับปอี ธิกมาสก็จะตรงกับวนั เพ็ญเดอื น 8 หนท่ี 2 - เป็นวนั ที่พระรตั นตรยั ครบองค์ 3 - โกณฑัญญะ ขอบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา - วันแรกของการประกาศพระพุทธศาสนา - เกดิ พระสงฆร์ ปู แรกในพระพุทธศาสนาจึงเปรียบเสมอื นเปน็ วันพระสงฆ์ - ไม่สดุ ขว้ั ท้งั 2 ทาง คอื กามสุขัลลกิ าโยค (ความสขุ ทางเน้ือหนัง) และ อตั ตกลิ มถานุโยค (ทรมานตนจนลาบาก) ให้ยดึ ทางสายกลาง - เทศนาอริยมรรค และรู้หนา้ ที่แหง่ อริยสัจ สรปุ ไดเ้ ป็นไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปญั ญา - เทศนาอนตั ตลักขณสตู ร ขนั ธท์ ง้ั 5 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8

- วนั สาหรับพุทธศาสนิกชนฟงั ธรรม รกั ษาศีล เจริญภาวนา - เรียกกนั ทั่วไปวา่ “วันพระ” - วันพระเล็ก วันขึ้น และวนั แรม 8 ค่า - วันพระใหญ่ วนั ขนึ้ 15 คา่ และวันแรม 14 ค่า (ในเดอื นขาด) หรอื 15 ค่า ในเดอื น เตม็ (เดอื นย่ี เดือน 4 เดือน 6 เดอื น 8 เดอื น 10 เดอื น 12) - เป็นการถืออโุ บสถศลี ของอุบาสก อบุ าสิกา - ฟังธรรมเทศนา - วนั เข้าพรรษาเปน็ วนั ที่พระภิกษสุ งฆอ์ ธษิ ฐานวา่ จะอยปู่ ระจาอาวาสใดอาวาสหนึ่งเปน็ ระ เวลา 3 เดอื น ไมจ่ ารกิ ไปคา้ งคนื ที่อ่นื แม้แตค่ นื เดียว - เข้าพรรษามี 2 วนั คอื - วนั แรม 1 คา่ เดือน 8 “ปุรมิ พรรษา” หรอื พรรษาต้น ออกพรรษาข้ึน 15 คา่ เดอื น 11 - วนั แรม 1 ค่า เดอื น 9 “ปัจฉมิ พรรษา” หรือพรรษาหลงั ออกพรรษาในวนั ขึน้ 15 ค่าเดอื น 12 - ช่วงวันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านจะประกอบอาชีพทาไร่ทานา ดังนั้น การกาหนดให้ภิกษุสงฆ์หยุดการเดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้ต้นกล้าของพันธุ์พืช ตลอดจนสตั วเ์ ล็กสตั วน์ ้อยไม่ไดร้ บั ความเสียหายจากการเดินธุดงค์ - เพ่ือให้พระสงฆ์ได้หยุดพักจากการจาริกเผยแผพ่ ระศาสนายงั สถานที่ต่าง ๆ ท่ีเป็นไปด้วย ความยากลาบากในช่วงฤดฝู น - เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ทที่ รงความรู้ - พุทธศาสนิกชน และมีอายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ เพ่ืออยู่จาพรรษาตลอดทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อ จาพรรษาตลอดพรรษากาลว่า บวชเอาพรรษา

แรม 15 คา่ เดือน 11 ภาพ4 พระพุทธเจา้ เสด็จลงจากดาวดงึ ส์ วันออกพรรษำ คอื วันสิน้ สดุ ระยะการจา พรรษา หรอื ออกจากการอยู่ประจาที่ในฤดู ฝนซึ่งตรงกับวันขนึ้ 15 ค่า เดอื น 11 - วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอยา่ งหนง่ึ วา่ \"วนั มหาปวารณา“ และจะมพี ิธีปาวรณา - คาว่า \"ปวารณา\" แปลวา่ \"อนุญาต\" หรอื \"ยอมให้\" คือ เปน็ วนั ทีเ่ ปดิ โอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ ด้วยกันว่ากล่าวตักเตอื นกันได้ ในข้อทผ่ี ิดพลง้ั ลว่ งเกนิ ระหวา่ งทีจ่ าพรรษาอย่ดู ้วยกนั - ในวันออกพรรษาชาวบ้านมักจะกระทาคอื การบาเพ็ญกุศล เช่น ทาบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธปู เทียน ไปบชู าพระท่วี ดั และฟงั พระธรรมเทศนา - ของที่ชาวพุทธนยิ มนาไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้มมัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วม กุศลกรรมการ \"ตักบาตรเทโว\" คาว่า \"เทโว\" ย่อมาจาก “เทโวโรหน\" แปลว่าการเสด็จจาก เทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธ มารดาในเทวโลก - การถวายผ้าอาบน้าฝนแด่พระสงฆ์ตลอดเข้าพรรษา เริ่มถวายต้ังแต่แรม 1 ค่า เดือน 7 ไปจนถึงขึ้น 15 ค่า เดือน 8 พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตนุ่งหุ่มได้ตั้งแต่ แรม 1 ค่าเดือน 8 ไป และหา้ มมิให้พระภิกษุสงฆแ์ สวงหาผ้านงุ่ หม่ จากทรงอนญุ าตไว้ การถวายผ้าอาบนา้ ฝนนิยมถวายใน วันขึ้น 15 ค่าเดือน 8 เน่ืองจากเป็นที่อาสาฬหบูชา ท่ีพุทธศาสนิกชนไปวัดทาบุญใหญ่ก่อน เข้าพรรษา 1 วัน 4 พระพทุ ธเจา้ เสด็จลงจากดาวดึงส์ หอศลิ ป์สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถนนราชดาเนนิ กรุงเทพมหานคร

ทาบญุ ตักบาตร เวยี นเทยี น ฟงั ธรรมเทศนา ถวายสังฆทาน พระสงฆ์ปวารนาออกพรรษา ถืออโุ บสถศลี ถวำยผ้ำอำบน้ำฝน ถวายเทยี นพรรษา งดอบายมขุ ตอนท่ี 1 ทบทวน 6. เปน็ วนั คลา้ ยวันถวายพระเพลงิ พระพทุ ธ 1. เปน็ วนั ท่ีมีพระรตั นตรัยครบองคส์ าม ไดแ้ ก่ สรีรของพระพทุ ธเจ้า ก. วนั วสิ าขบูชา ข. วันมาฆบชู า ก. วนั วิสาขบชู า ข. วันมาฆบชู า ค. วันอาสาฬหบูชา ง. วนั อฐั มบี ชู า ค. วันอาสาฬหบชู า ง. วนั อฐั มีบูชา 2. เป็นวันที่พระพุทธเจา้ แสดง ธัมจกั กปั วตั นสตู ร 7. เปน็ วนั ที่พระสงฆส์ ามารถว่ากลา่ วตกั เตือน ก. วนั วสิ าขบูชา ข. วนั มาฆบชู า กันได้ ค. วนั อาสาฬหบชู า ง.วันอฐั มีบชู า ก. วันวสิ าขบชู า ข. วนั มาฆบชู า 3. วันใดเปน็ วันที่พระพทุ ธเจา้ แสดงโอวาทปาติโมกข์ ค. วันเขา้ พรรษา ง. วนั ออกพรรษา ก. วนั วสิ าขบชู า ข. วันมาฆบชู า 8. เป็นวันท่นี ิยมเรยี กกนั วา่ เปน็ วนั ค. วันอาสาฬหบูชา ง. วนั อฐั มบี ูชา พระพทุ ธเจ้า ไดแ้ ก่ 4. ความสาคัญของโอวาทปาตโิ มกข์คือข้อใด ก. วนั วสิ าขบชู า ข. วนั มาฆบชู า ก. การไม่ทาบาป ค. วันอาสาฬหบชู า ง. วันอฐั มีบชู า ข. การทาความดี 9. เปน็ วันทน่ี ิยมตกั บาตเทโว ค. การไม่มที กุ ข์ ก. วนั วิสาขบูชา ข. วนั มาฆบูชา ง. การทาดี ละชว่ั ทาจติ ใจให้บรสิ ุทธิ์ ค. วันเข้าพรรษา ง. วันออกพรรษา 5. หลกั ธรรมทีพ่ ระพทุ ธเจ้าทรงแสดงแก่ ปัญจวคั คีย์ 10. การทอดกฐนิ นิยมทอดหลังวนั ใดภายใน คือขอ้ ใด ระยะเวลา 1 เดือน ก. อิทธิบาท 4 ข. อริยสัจ 4 ก. วันวิสาขบชู า ข. วนั มาฆบชู า ค. พรหมวิหาร 4 ง. กุศลกรรม ค. วันเข้าพรรษา ง. วันออกพรรษา

ตอนท่ี 2 เติมขอ้ ควำมปริศนำใหถ้ กู ตอ้ ง 1. 2. 3. 4. 5. 10. 6. 7. 8. 9. แนวนอน 1. หลกั ธรรมทก่ี ล่าวถึงทางสายกลาง เกีย่ วข้องในวนั อาสาฬหบูชา 3. หลักธรรมท่ีพระพุทธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนาแกป่ ัญจวคั คยี ์ 5. เหตกุ ารณ์สาคัญทีเ่ กิดขึน้ พร้อมกนั 4 ประการในวันเดียวกัน 6. วนั ทม่ี ีพระรตั นตรยั ครบองค์ 3 7. วันทพี่ ระพุทธเจา้ เสด็จไปแสดงธรรมแก่พระพทุ ธมารดาบนสวรรค์ชน้ั ดาวดงึ ส์ 8. การตกั บาตรที่จดั ขึ้นเน่อื งในวันออกพรรษา 9. การบชู าดว้ ยส่งิ ของ 10. ถวายวตั ถทุ าน แนวตง้ั 2. พิธีท่เี ปดิ โอกาสใหพ้ ระสงฆส์ ามารถวา่ กล่าวตักเตอื นกันได้ 4. วนั ทพ่ี ระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์ 6. วันทพี่ ระพุทธเจ้าเปดิ โลกท้ังสาม

พิธีต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับพระพุทธศาสนา เฉพาะตวั บุคคล แบง่ เป็น 2 ประเภท - พธิ ีกรรมทพี่ ุทธบริษทั ควรปฏิบตั ิ เชน่ พธิ ีแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ เวยี นเทียนใน วันสาคัญ รกั ษาอโุ บสถศีล - พิธีกรรมทีส่ งฆค์ วรปฏบิ ตั ิ เช่น เข้าพรรษา อุโบสถกรรม ออกพรรษา พธิ ีกรรม ในวนั ธรรมสวนะ พธิ ีทาบุญ หรอื ความดีงาม ท่ีเก่ียวเนื่องกับชีวติ และครอบครัว แบ่งเป็น 2 ประเภท คอื - งานมงคล เช่น ทาบญุ เนอ่ื งในโอกาสต่าง ๆ - งานอวมงคล คอื การทาบญุ ทเ่ี ก่ยี วเน่อื งกับผูล้ ว่ งลบั เชน่ งานศพ งานทาบุญอฐั ิ พธิ ถี วายทานแด่พระสงฆ์ หรือ ถวายวตั ถทุ าน มี 2 ประการ คอื - ปาฏิบคุ ลิกทาน = ถวายโดยเจาะจงภิกษุรูปใดรปู หนึ่ง - สงั ฆทาน = ถวายโดยไม่เจาะจงภกิ ษุ พธิ ีทาบญุ เนอื่ งในเทศกาลตา่ ง ๆ เชน่ ทาบุญเนือ่ งในวันฉัตรมงคง วันเฉลมิ พระชนมพรรษา วันปีใหม่ วนั สงกรานต์ - พุทธบริษัทพร้อมบรเิ วณพธิ ี โดยเรยี นจากพระภกิ ษุ สามเณร อบุ าสก อุบาสิกา - ประธานสงฆก์ ระทาพธิ ีบชู าพระรตั นตรัย - ประธานสงฆเ์ ดินเวียนประทักษิณ (เวยี นขวา) 3 รอบ - รอบที่ 1 ระลึกถึงพระพทุ ธคณุ บทสวดอติ ปิ โส... - รอบท่ี 2 ระลึกถึงพระธรรมคุณ บทสวด สวากขาโต... - รอบท่ี 3 ระลกึ ถงึ พระสังฆคุณ บทสวด สปุ ฏปิ นั โน... - ครบ 3 รอบแลว้ นาเครอ่ื งบูชาไปปกั บชู า แลว้ ประชุมพรอ้ มกัน ณ ปรัมพิธี สวดมนต์ ทาวัตร แล้วฟังธรรมเทศนาเปน็ อนั เสร็จพิธี

- สังฆทาน คือ ทานทถี่ วายพระสงฆ์ทัว่ ไป มไิ ดเ้ จาะจงว่าเป็นภกิ ษุรูปใดรปู หนง่ึ - ไทยทาน คอื ของสาหรบั ทาทาน - ไทยธรรม คือ ของสาหรับทาบุญ - แตก่ ห็ มายถึง ส่งิ ของทถี่ วายเปน็ ทานเรียกว่า เครอื่ งไทยธรรม ประกอบดว้ ย ภัตตาหาร น้า ผา้ หรอื เครอ่ื งนุง่ ห่ม พาหนะหรอื ปัจจยั ค่าพาหนะ มาลัย หรอื ดอกไม้ ธปู เทียน เคร่อื งชาระ ลา้ งรา่ งกาย เครอ่ื งนอน เสนาสนะประกอบท่ีอยู่อาศัย หรือ โตะ๊ เก้าอ้ี เครอ่ื งให้แสงสว่าง - มวี ตั ถปุ ระสงฆ์เพื่อสบื ต่อระเบียบประเพณีทางพระพทุ ธศาสนา สร้างอานิสงสแ์ กต่ นเอง และชว่ ยฝึกจิตใจในเกดิ การเสยี สละ - ในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุใช้ผ้าได้เพียงสามผืน และคร้ังหนึ่งนาง วิสาขาไดท้ ูลเชิญพระพทุ ธองค์ และพระสาวกรับภัตตาหารที่บ้านตน ในรุ่งเช้าไดว้ านใหน้ างนาง ทาสีไปกราบอารธนา และขณะข้ันเป็นช่วงที่ฝนตกพระสงฆ์จึงได้อาบน้าฝน เมื่อนางทาสีไปถึง วัดเชตวนั ไดพ้ บกบั ภกิ ษุเปลอื กกายกลางแจ้งเข้าใจวา่ เป็นพวกชีวก จึงเข้าใจว่าไม่มีพระสงฆ์ จึงได้ กลับไปบอกนางวสิ าขา - นางวิสาขาภิจารณาด้วยปัญญาจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นพระสงฆ์ท่ีกาลังอาบน้า คร้ังฝนหยุด ตนจึงได้ให้นางทางสีไปกราบอาราธนาอีกคร้ังและก็พบพระสงฆ์เต็มลานวัด นางวิสาขาได้ กราบทลู พระพทุ ธเจา้ ให้พระสงฆ์สามารถรับผ้าอาบนา้ ฝนได้อกี ผืนหนึ่ง อุปถัมภ์พระศำสนำ ผำ้ อำบนำ้ ฝน วัตถุประสงค์ ชว่ งเวลำถวำย ควำมนยิ ม เพ่อื ทาบญุ และ แรม 1 ค่าเดือน 7 ถงึ พุทธศาสนิกชนนยิ มถวาย อปุ ถัมภพ์ ระภกิ ษุสงฆ์ ขน้ึ 15 คา่ เดือน 8 ในวันพระ บางวัดถวาย วันวนั เขา้ พรรษา

- กฐิน แปลวา่ ไมส้ ะดึง สมยั กอ่ นการตัดเยบ็ จวี รตอ้ งใชไ้ ม้สะดึงในการตัดเย็บ - เมื่อตัดเย็บผ้ากฐินแล้วจึงนาไปถวายพระภิกษุสงฆ์ ผู้จาพรรษาตลอด 3 เดือน เรียกว่า ทอดกฐนิ - ทอดกฐิน คือ การนาผ้ากฐนิ ไปวางไว้หน้าพระสงฆ์อยา่ งน้อย 5 รูป โดยมิได้ต้ังใจถวาย แคพ่ ระสงฆร์ ูปใดรปู หนึง่ - พระสงฆ์จะทาการมอบด้วยกจิ ของทา่ นเอง - วัตถุประสงค์ เป็นการทาบุญสร้างอานิสงส์ อุปถัมภ์พระสงฆ์ สืบต่อพระพุทธศาสนา เปิดโอกาสให้มีการสร้างบญุ สรา้ งกุศล - ระยะเวลาทอดกฐินต้ังแต่ แรม 1 ค่า เดือน 11 ถึง ขึ้น 15 ค่าเดือน 12 จะทอก่อน หรอื หลังไม่ได้ ทอดไดป้ ลี ะ 1 ครั้งตอ่ วัด - วดั ทที่ อดกฐนิ ไดต้ ้องมภี กิ ษจุ าพรรษาอย่างนอ้ ย 5 รปู การบรรพชา คอื การบวชสามเณร ทม่ี อี ายไุ ม่ต่ากวา่ 7 ปี แตไ่ มถ่ งึ 20 ปบี รบิ รู ณ์ คุณสมบัติสามเณร เป็นชาย ไม่ต่ากว่า 7 ปี ไม่เป็นโรคติดต่อ อวัยวะครบ 32 ประการ ไม่มขี อ้ หา้ มตามพระธรรมวนิ ัย การอุปสมบท คือ การบวชเป็นพระด้วยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปทา หรือบวชโดยสงฆ์ สวดประกาศ หรือบวชในท่ีประชุมสงฆ์ คุณสมบัติของผู้อุปสมบท ชายอายุ 20 ขึ้นไป ไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ไม่เป็นโรคติดต่อ ไม่ต้องโทษ ได้รอั นญุ าติจากบดิ า มารดา ขา้ ราชการต้องได้รับอนญุ าติจากสงั กัด กศุ ลพิธี บุญพิธี ทานพิธี ปกณิ กพิธี .............................การกรวดนา้ .............................พธิ ีทอดกฐนิ .............................งานทาบุญวนั ครบวนั ตาย 100 วัน ...........................การถวายสังฆทาน .............................การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ .............................การเวียนเทยี นในวันสาคัญ .............................การทาบญุ อัฐิ .............................พธิ ขี นึ้ บา้ นใหม่ ...............................การประเคนของถวายพระสงฆ์ .............................งานมงคลสมรส

กำรถวำยสังฆทำน กลา่ วคาถวายสงั ฆทาน เตรียมเครอ่ื งสงั ฆทาน โดยคานงึ ถึงความเหมาะสม บชู าพระรตั นตรัย อาราธนาศีล สมาทานศลี กลา่ วนะโม นมิ นต์พระสงฆโ์ ดยไมเ่ จาะจง ถวายสงั ฆทาน หลงั จากนน้ั กรวดนา้ และรบั พร กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝน บชู าพระรัตนตรัย อาราธนาศลี สมาทานศีล กล่าวนะโม เตรยี มเครอ่ื งอาบน้าฝนใหเ้ รียบรอ้ ย ถวายผ้าอาบนา้ ฝน หลังจากนนั้ กรวดน้าและรับพร กล่าวคาถวายผ้าอาบนา้ ฝน พิธีทอดกฐนิ ข้ันทอดกฐนิ : นาผา้ ไตรจวี รใส่พานแวน่ ฟา้ และบริวารกฐนิ วางตอ่ หนา้ พระสงฆ์ ขน้ั การจดั เตรียมเครือ่ งกฐนิ : โดยเฉพาะผ้าไตรจีวร กล่าวคาถวายกฐิน จากนนั้ ถวายผ้ากฐนิ แดป่ ระธานสงฆ์ และบริวาร กฐินแดพ่ ระสงฆ์ จากน้ันรบั พร ขนั้ จองกฐิน : แจง้ ให้เจา้ อาวาสของวัดทราบ บูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศลี สมาทานศลี กลา่ วนะโม “บรรพชำ” และ “อปุ สมบท” มีควำมหมำยแตกตำ่ งกันอย่ำงไร ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................................

: การฝกึ อบรมจิตให้มีสมาธิ นุ่มนวล ม่นั คง ผ่อนคลายอย่างมคี วามสงบสุข : การพฒั นาใหร้ ู้จักคดิ อยา่ งมสี ติตามหลกั ความเป็นจริง การบริหารจิต และการเจริญปัญญา สามารถกระทาได้โดย การเลือกสถานที่ ที่เงียบสงบ มีเวลาในการปฏิบัติ หรอื การสวนมนต์ แผเ่ มตตา เป็นตน้ - เพื่อการหลุดพน้ จากกิเลสอันเป็นอุดมการณข์ องพุทธศาสนา - สุขภาพจิตดี เขม้ แข็งมน่ั คงในอารมณ์ - ผ่อนคลายความเครียดจาการใชช้ ีวิตประจาวัน คือ การทาสมาธิโดยกาหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นจังหวะ มีความต่ืนรู้ว่ากาลังทาสิ่งใด และ แนว่ แน่ในสงิ่ น้ันโดยมิกงั วลสง่ิ ใด การทาสมาธทิ าได้ในหลายรูปแบบทัง้ ยนื นอน เดิน น่ังแบบสมาธิ เพชร หรือนง่ั สมาธแิ บบปกติ คือ วิธีการคิดโดยใช้เหตุผล ใช้อุบายเพ่ือให้เกิดการ กระทาในส่ิงท่ีดีงาม หรือสร้างสรรค์ เช่น ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ชีวิตไม่จีรังย่ังยืน เมื่อคิด เช่นน้แี ลว้ กเ็ กิดความทอ้ ถอย ปลอ่ ยชวี ิตไมท่ าอะไร ความคิดจึงไมเ่ กิดการสร้างสรรค์ หรอื ทาให้ชีวิต ดีขึ้น หากแต่คิดว่าชีวิตนี้มีไม่นาน ไม่ถึงร้อยปีก็ตาย ขณะที่เรามีชีวิตอยกู่ ็ควรส่ังสมคุณงามความดี ให้มาก ๆ เพราะตายไปแลว้ ไมม่ ีโอกาสได้ทา เช่น การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นสิ ติ แพทย์ศกึ ษาเล่าเรยี น ก็เพราะร่างกายเม่ือตายไปแล้วก็ไมส่ ามารถใช้ประโยชนอ์ นื่ ใดได้ เมื่อมีโอกาส บรจิ าคร่างกาย ก็บรจิ าค เพอ่ื สร้างประโยชนต์ ่อเพอื่ มนษุ ย์ต่อไป คือ วิธีการคิดให้สัมพันธ์กับความมุ่งหมาย หรือ สอดคล้องกับเป้าหมายเพ่ือนาไปสู่ความสาเร็จ เช่น การสละโลกียวิสัย มาบาเพ็ญสมณกิจเพ่ือ ฝึกอบรมตนตามหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) ฉะน้ันการบวชเรียนหรือการบวชฝึกตน คือ การบวชเพือ่ สละจากความเคยชนิ สารวมกิรยิ ามารยาท

ให้นกั เรียนวิเครำะหอ์ ำกำรป่วยของ วชิรวิทย์ ตำมหลักวธิ ีคิดแบบโยนโิ ส มนสิกำร วชิรวิทย์ วัยรุ่นอายุ 18 ปีชอบการเที่ยว กลางคืน อย่างผับบาร์ สังสรรค์กับเพอื่ น ต้นเดือนเมษายน 2563 วชิรวิทย์ มี อาการป่วย มีน้ามูกเล็กน้อย มีอาการไอ จาม อุณหภูมิร่างกายสูง 39 องศา กิน ยาบรรเทาอาการป่วยจากร้านเภสัชมา 3 วั น อ า กา ร ไม่ดี ขึ้ น จึง ไปพ บแ พ ทย์ท่ี โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลการตรวจพบว่า ตดิ เชื้อ Coronavirus 2019 -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- -------------------------------------------------- --------------------------------------------------

กำรปรบั เปล่ียนตนเองตอ้ งอยู่บนทำงสำยกลำง การเปล่ียนแปลงของโลกมีอยูต่ ลอดเวลา ฉะน้ันการดารงอยู่ในสังคมต้องรู้เท่าทันสถานการณ์อย่างมีสติสัมปชัญญะบนพื้นฐาน “ทางสาย กลาง” หรือ “มัชฌิมาปฏปิ ทา” ไม่ปฏเิ สธกำรเปล่ยี นแปลง พุทธศาสนาไม่ปฏิเสธการเปลย่ี นแปลงหากแตส่ อนให้รูอ้ ยู่เสมอ ว่าวนั หนึง่ มนั กเ็ ปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอกี และก็มไิ ดส้ อนใหจ้ มปลกั กบั กับส่งิ เดิมท่ีไม่พัฒนา ไม่ได้สอนให้สันโดษอย่ำงเดียว พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสันโดษ แต่มิได้แปลว่า มกั นอ้ ยอยา่ งทเี่ ขา้ ใจ แตส่ อนใหย้ นิ ดใี นสง่ิ ทีต่ นได้อยา่ งชอบธรรมมากกวา่ สอนให้เปล่ียนแปลงบนฐำนควำมรู้ควำมดีงำม พระพุทธศาสนาสอนให้แข่งขันกัน เร่ือง การทาความดี ไม่เอาเปรียบ ไม่โกง ไม่ทุจริต พัฒนาเปล่ียนแปลงตนเองอยู่เสมออย่างเข้าใจ ร้เู ทา่ ทนั ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ ก ร ะ แ ส ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง สั ง ค ม ใ น ยุ ค โ ล ก า ภิ วั ต น์ ตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาคือ อริยทรัพย์ หมายถึง ส่ิงมีค่าอันประเสริฐเป็นส่ิงท่ีอยภู่ ายใน จิตใจของผู้คนมี 7 ประการ ศรัทธำ • ................................................................................................. ศีล • ................................................................................................. หิริ • ................................................................................................. โอตตัปปะ • ................................................................................................. พำหุสจั จะ • ................................................................................................. จำคะ • ................................................................................................. ปญั ญำ • .................................................................................................

การอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความรุนแรง มีความเห็นต่างกันได้ แต่ไม่คิดทาร้ายกัน ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ (ไมค่ ิดพยาบาท) สถานท่ีใดก็ตามท่ีไม่มีความยุติธรรมมักมีความรุนแรง เกิดข้ึน บางทีคนเราก็มีความเห็นต่างกันว่าอย่างน้ียุติธรรมหรือไม่ นามาซึ่งความลาเอียง อันเป็นท่ีมา แห่งความไม่ยตุ ธิ รรม หรือท่ีเรียกวา่ อคติ 4 อคติ 4 ฉนั ทำคติ โทสำคติ โมหำคติ ภยำคติ ............................................. ............................................. ............................................. ............................................. ........................................... ........................................... ........................................... .......................................... ควำมรนุ แรงกบั ควำมไม่รู้ เกิดขน้ึ เพราะความไม่ร้หู รือความเข้าใจผิด ชาวพทุ ธท่ดี ีจึงต้องหมน่ั แสวงหาความร้เู พือ่ ปอ้ งกันมิให้เกดิ ความรนุ แรง โดยปฏบิ ตั ติ ามหลกั วฑุ ฒิธรรม 4 สัปปุรสิ สงั เสวะ สทั ธัมมสั สวนะ โยนิโสมนสิกำร ธัมมำนุธัมม ปฏปิ ัตติ • .............................. • .............................. • .............................. • .............................. .............................. .............................. .............................. ............................. พรหมวิหาร 4 คือ ธรรมประจาใจอันประเสริฐ เป็นหลักธรรม ชว่ ยให้คนเราอยูร่ ่วมกันได้อย่างสงบสุข มีความรกั ความเอ้ืออาทรต่อกนั ประกอบดว้ ย เมตตา ..................................................................................................................................................................................... กรุณา ..................................................................................................................................................................................... มฒุ ิตา .................................................................................................................................................................................... อเุ บกขา ................................................................................................................................................................................. ผู้มีอานาจในการตัดสินใจจะทาอะไรลงไปนั้น อาจยึดถือหลัก อธปิ ไตย 3 หมายถงึ ความเปน็ ใหญท่ ีไ่ ม่สร้างผลกระทบต่อผคู้ นส่วนใหญ่ หรือยึดหลักธรรมความถูกต้อง เปน็ ใหญ่ อตั ตาธิปไตย .................................................................................................................................................................... โลกาธิปไตย ..................................................................................................................................................................... ธัมมาธปิ ไตย ...................................................................................................................................................................

การนึกคิดในทางที่ดีงาม บนหลักการของเหตผุ ล รอบคอบ ไม่นาพาไปในทางเสื่อมเสีย ผ้ทู น่ี ึกในสิ่งท่ีดีงามจะชว่ ยให้สังคมลดความรนุ แรงลงได้ เนกขัมวติ ก .................................................................................................................................................................... อพยาบาทวิตก ............................................................................................................................................................ อวิหงิ สาวติ ก ................................................................................................................................................................ วธิ ีปฏิบตั เิ พอ่ื ยึดเหน่ยี วนา้ ใจคนอ่นื หรอื วธิ ผี ูกใจคน ทาน .............................................................................................................................................................................. ปยิ วาจา ........................................................................................................................................................................ อตั ถจริยา .................................................................................................................................................................... สมานัตตตา ................................................................................................................................................................ ส่งิ ท่ีเป็นเหตุใหร้ ะลึกถงึ กนั มจี ุดหมายเพ่ือต้องการ สอนใหค้ นสมัครสมานสามัคคกี นั เมตตำกำยกรรม • ............................................................................................................... เมตตำวจีกรรม • ............................................................................................................... เมตตำมโนกรรม • ............................................................................................................... สำธำรณโภคี • ............................................................................................................... สีลสำมัญญต • ............................................................................................................... ทิฏฐิสำมญั ญตำ • ...............................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook