❖ ธรรมเพอ่ื การปฏิบตั ิ คงประโยชนใ์ นปจั จับนั 4 ประการ o มคี วามขยนั หม่ันเพยี ร รกั การงาน มคี วามมุง่ มน่ั ในการทางาน หรอื นกั เรยี นเพยี รพยามศึกษาหาความรูต้ ลอดเวลา o ร้จู กั รักษาทรพั ย์ ประหยัดอดออม ใช้จ่ายเหมาะสมแกฐ่ านะ o คบหาเพื่อนดี เพอ่ื นแทม้ ี 4 ประการ ▪ อปุ การะซงึ่ กันและกนั ▪ รว่ มทุกข์ รว่ มสุขซ่ึงกนั ▪ เตอื นใหท้ าความดี ▪ มีนา้ ใจ ไมตรีตอ่ กนั ▪ เพอ่ื นเทียมทาตรงกนั ขา้ มกับเพือ่ นแท้ o การใช้ชวี ิตอยา่ งเหมาะสม เลี้ยงชีพได้อยา่ งพอเหมาะ ไมฝ่ ดื เคอื ง ❖ ปจั จัยทที่ าใหป้ ระสบความสาเร็จ และลม้ เหลวของการปกครอง หรอื การบริหาร องคก์ ร 3 ประการ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ❖ หลกั ธรรมเพื่อการพฒั นาชวี ติ 5 ประการ o ................................................................................................................................................................ o .......................................................................................................................................................................... o ..................................................................................................................................................................... o ................................................................................................................................................................. o ............................................................................................................................................................ ❖ ความดงี ามทค่ี วรคูแ่ กก่ ารปฏิบัติ เพ่อื ความสขุ ความเจรญิ แกม่ วลมนษุ ย์ o ▪ หา้ มปรามจากความชว่ั ▪ ปลกู ฝงั ความดี ▪ ใหก้ ารศึกษา ▪ หาคูค่ รองท่เี หมาะสม ▪ มอบทรพั ย์มรดก ▪
o ▪ สำมีสงเครำะห์ภรรยำ ยกย่อง ไมด่ หู มิน่ ไมน่ อกใจ ให้เป็นใหญใ่ นบา้ น ให้ เครอ่ื งแตง่ ตวั ▪ ภรรยำสงเครำะหส์ ำมี จดั การงานบา้ นดี สงเคราะหญ์ าติสามี ไม่นอกใจ รักษาทรัพย์ให้ ขยนั ทางาน o ▪ ไมห่ วนั่ ไหวไปในทางเส่ือมท้ังปวง มุง่ ทาแตค่ วามดี หลีกเลี่ยงความชวั่ ยึดถือ พระรตั นตรัย ละเชื่อมั่นในตนเอง o ▪ ยินดี และพอใจในสิ่งท่ตี นหามาได้ ไม่โลภ ริษยา ยับย้ังความปราถนาของ ตนเองให้อยูใ่ นขอบเขตได้ o ▪ ควบคมุ จติ ใจจากความจรงิ ทง้ั ปวงเปน็ สิง่ ท่เี ปลี่ยนแปลงตลอดเวลา o ▪ มีจใิ จบริสุทธ์ิ ผ่องใส ไม่มัวหมองด้วยกิเลสครอบงา ไม่คดิ ร้าย พยาบาท โกรธ ลบหลคู่ วามดี ริษยา ตระหนี่ มารยา โอ้อวด ดือ้ แข่งเอาแต่ชนะ ถอื ตัว ดถู ูกคนอื่น มัวเมา ประมาท o ▪ จิตใจทห่ี ลุดพ้นจากภัยต่าง ๆ ทง้ั ภยั ทางโลก เช่น การเจบ็ ปว่ ย ถูกนินทา และภยั ทางธรรม คอื หลดุ พ้นจากเิ ลส ความโลภ ความโกรธ o ▪ ละซึ่งกิเลสท้งั ปวง ด้วยการขัดเกลา และกาจัดซึ่งกเิ ลสเครื่องเศรา้ งหมองทัง้ ปวง o ▪ ปฏิบัตติ นด้วยความดงี ามทางกามอารมณ์ ตดั เยอ่ื ใยความตอ้ งการท้ังปวง เพื่อความสขุ ทางธรรม o ▪ เขา้ ใจอยา่ งแทง้ จรงิ ทะลุปรโุ ปรง่ ในความเป็นจรงิ ของอรยิ สจั 4 ประการ ปฏบิ ัตติ ามอรยิ มรรคในการดาเนนิ ชวี ิตตามแนวไตรสกิ ขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) o ▪ การตดั กิเลสไดโ้ ดยสน้ิ เชงิ ▪ สอปุ าทิเสสนพิ พาน นิพพานและขันธ์ท้งั 5 ยังคงอยู่ ▪ อนุปาทเิ สสนพิ พาน นพิ พานและดบั ขันธท์ งั้ 5 แลว้
“ต่างคนต่างมหี นา้ ที่ แตก่ ็ไม่ไดห้ มายความว่า ทาเฉพาะหน้าทนี่ ัน้ เพราะว่าถ้าคนใดทาหนา้ ท่ีเฉพาะของตัว โดยไม่มองไมแ่ ลคนอื่น งานก็ดาเนนิ ไปไม่ได้ เพราะเหตวุ ่า งานทุกงานจะต้องพาดพงิ กนั จะต้องเกย่ี วโยงกัน ฉะนัน้ แตล่ ะคนจะต้องมคี วามรถู้ ึงงานของผูอ้ น่ื แลว้ ช่วยกนั ทา” พระราชทานแก่ คณะบคุ คลต่าง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ทูลละอองธลุ ีพระบาท เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 4 ธันวาคม 2533 พระราชดารสั ข้างต้นสอดคลอ้ งกบั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเร่อื งใด ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... การทางานร่วมกันจากพระราชดารัสข้างตน้ หากไมส่ ามารถบรรลุเป้าหมายของงานร่วมกันได้ ควรแกป้ ัญหาอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... นักเรียนสามารถนาหลกั ธรรมทปี่ รากฎในพระราชดารสั น้ีมาปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................................
❖ o ไตร = สาม o ปิฎก = ตะกร้า กอง หมวด หมู่ ❖ พระไตรปฎิ ก หมายถึง คัมภีร์ 3 หมวดหมู่ หรอื คัมภีร์ 3 ตะกรา้ ท่ีเกบ็ รวบรวมคาสอน ของพระพุทธเจา้ ไม่ใหก้ ระจัดกระจาย ประกอบด้วย o พระวนิ ยั ปิฎก o พระสุตตันตปิฎก o อภิธรรมปฎิ ก ❖ เดิมพระไตรปิฎกถ่ายทอดดว้ ยการทอ่ งจา และได้รบั การจดบันทึกเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรใน พทุ ธศตวรรษท่ี 5 สมยั พระเจ้าวัฏฏคามณอี ภยั แหง่ ลงั กา ❖ พระไตรปฏิ กฉบบั ภาษาไทยได้รับการตพี มิ พค์ รัง้ แรกในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 5 ❖ สิขาบทของพระภกิ ษุ o ศลี สาคญั ของภิกษุ ภกิ ษณุ ี o สงั ฆกรรม หรอื พิธกี รรม วัตรปฏบิ ตั ิ มารยาทของพระ o คู่มือพระธรรมวินัย อธบิ ายแบบถามตอบเพ่ือความเข้าใจ ❖ พระธรรมเทศนา ของพระพุทธเจา้ ประมวลสูตรแบบจัดกลุ่มเนื้อหา ประมวลสูตรขนานยาว เช่น สัจจสังยตุ ต์ เรอื่ งราวท่ัวไปท่ีมิได้ ประมวลสตู ร รวบรวมไว้ใน 4 นกิ าย แบบกลาง ประมวลธรรมจากนอ้ ยไปหามาก
❖ ใจความสาคัญของหลักธรรมท้ังมวล ธัมม วภี งั ค์ ปคุ คล กถำวัตถุ ปฏั ฐำน สังคณี บญั ญัติ ธำตกุ ถำ ยมก คัมภรี ์ท่ี แยกข้อธรรมะ จดั ข้อธรรมะใน คมั ภรี ์ท่บี ญั ญตั ิ อธิบาย ยกธรรมขน้ึ ปจั จยั หรือ รวบรวมเป็น ในธมั มสงั คณี ขนั ธ์ ธาตุ เรยี กบคุ คล ความเหน็ เปน็ คู่ แลว้ เงือ่ นไขทาง หมวดต่าง ๆ แลว้ อธิบาย อายตนะ วา่ ตา่ ง ๆ ตาม ขอ้ ขดั แย้งกัน ธรรม 24 แลว้ อธิบาย รายละเอยี ด เข้ากันได้ คณุ ธรรมทม่ี ี โดยเน้นที่ อธบิ าย ประการ แยกออกเปน็ ความคิดของ เชน่ ว่าธรรมข้อใด หรือไมอ่ ยา่ งไร กุศลกรรมบถ- เขา้ เง่ือนไขข้อ ประเภท อกุศลกรรมบถ พระเถรวาทที่ ถกู ต้อง ❖ o สมัยแรกสบื ทอดดว้ ยการท่องจาดว้ ยความเขา้ ใจคลาดเคล่อื นในธรรมคาสอน จึงมี การทา โดยครง้ั แรกพระมหากัสสปพระอานนทเ์ ป็นองค์วสิ ชั ชนา พระอบุ าลี เปน็ องคว์ ิสชั ชนา มีพระเจ้าอชาตศตั รเู ปน็ องค์อปุ ถมั ภ์ ❖ o ครัง้ ท่ี 1 ถ้าสัตบรรณคหู า เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ตามคาปรารภของพระมหากสั สป o ครั้งที่ 2 พ.ศ. 100 ที่วาลิการาม เมอื งเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอนิ เดยี o ครงั้ ที่ 3 พ.ศ. 234 ทีอ่ โศการาม กรงุ ปาฏลบี ตุ ร แคว้นมคธ ประเทศอนิ เดยี o คร้ังที่ 4 ชาลันธร ในรัชสมยั ของพระเจ้ากนษิ กะ แต่เป็นการสังคายนา ของนกิ ายมหายาน o ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 956 ในลงั กา โดยพระพุทธโฆสะ o ครงั้ ท่ี 7 พ.ศ. 1587 ในลงั กาชาระอรรถคถา o คร้ังท่ี 8 พ.ศ. 2020 ในประเทศไทย พระเจ้าติโลกราชอปุ ถัมภ์ o คร้งั ที่ 9 พ.ศ. 2331 ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ -จุฬาโลก มหาราชอุปถมั ภ์ โดยอาราธนาพระสงฆใ์ หช้ าระพระไตรปฎิ ก ในคร้งั น้มี พี ระสงฆ์ 218 รูป กบั ราชบัณฑิตาจารย์ อบุ าสก 32 คน ชว่ ยกันชาระ พระไตรปฎิ ก แล้วจัดใหม้ ีการจารึกลงในใบลาน
❖ o การศึกษาบาลี เพือ่ อ่าน และแปลคาสอนในพระไตรปิฎกได้ o จารกึ ตพี มิ พ์ โดยการคดั ลอกและจดั สง่ ไปยงั สถานทีต่ ่าง ๆ เพ่อื ให้ประชาชนไดศ้ กึ ษา o ปฏิบัตติ ามคาสอน o ส่งั สอน หรอื บอกตอ่ กนั จากการปฏิบัติตามพระไตรปฎิ ก ❖ รวบรวมพุทธ ❖ รวบรวมพทุ ธวจนะ หรือคาสอนที่ วจนะ พระพทุ ธเจา้ ทรงเทศนาสง่ั สอนสาวก ❖ เปน็ ทส่ี ถิตของพระบรมศาสดา มาตราฐาน ❖ แหล่งขอ้ มลู ทางพระพทุ ธศาสนา และบันทกึ ตรวจสอบคาตอบ ทางประวตั ิศาสตร์ ❖ มาตราฐานตรวจสอบคาตอบ ข้อสงสยั หรือ ข้อขัดแย้งทางพระพุทธศาสนา รวมถึงแหล่ง ความรู้ทางด้านการปกครอง กฎหมาย จิตวทิ ยา ❖ หลักฐานอ้างอิงความถูกตอ้ งทาง พระพทุ ธศาสนา ❖ มาตรฐานตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ หรือหลักการ ปฏบิ ตั ิในกิจวัตรตามคาสอน หรือคัมภรี ์ ❖ ........................................................................................................................................................................ ❖ ................................................................................................................................... ❖ .................................................................................................................................................................... ❖ ...................................................................................................................................................................... ❖ ................................................................................................................. ❖ ............................................................................................................. ❖ ............................................................................................................................................................................. ❖ .................................................................................................................................................................. ❖ ......................................................................................................................................................................... ❖ .......................................................................................................................................................................... ❖ ............................................................................................................................................................................
❖ พระรำชำเป็นประมุขของประชำชน : ผู้เป็นประมุข หรอื ผนู้ า คือผู้ค้มุ ครอง บาบดั ทุกข์ บารุงสขุ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประมุขผู้ทีบ่ าบดั ทุกข์บารุงสุข เสกความแห้งแลง้ สู่ความชุ่มช้ืน เนรมิตฝนจากฟ้าให้ไทยสุขรม่ เยน็ พระองคย์ ังเป็นสัญลกั ษณ์ของความเพยี รสรา้ งไทยใหส้ ุขร่มเย็น ผ่านบทพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ...เรานั้นจะพยายามตามสติกาลงั จักทาตามทบี่ รุ ษุ ควรทา ไปให้ถึงฝ่ังแหง่ มหาสมุทร... 1. เจนถูกเพือ่ น ๆ นนิ ทาท้ัง ๆ ทเ่ี จน ไมไ่ ด้เปน็ อยา่ งนั้น 2. พระมหาชนกวา่ ย นา้ อยา่ งกลาง มหาสมทุ ร 7 วัน 7 คนื 3. ผลการเรยี นของ ป้องลดลง ไมไ่ ด้ เปน็ ไปตามที่ป้อง คาดหวังขณะทเ่ี พ่อื น คนอ่ืนเกรดสงู ขึ้น
4. ปนั้ เอาชนะความ อยากของตนเองด้วย การฝกึ สมาธิ 5. อาร์ต ตงั้ ใจอา่ น หนังสือทกุ วันก่อน สอบ จัดตาราง ทางาน และสะสาง การบ้านทุกครง้ั ดว้ ย ความพยายามจึง ประสบความสาเรจ็ ใน การเรียน ศิลปิน : บอย โกสิยพงษ์ เส้นทางทเี่ ธอเดินอยนู่ ั้น ฉนั ร้วู ่ามนั ไมไ่ ด้งา่ ย ไม่รตู้ ้องลม้ ต้องเหนื่อยลา้ ต้องพบปัญหาอกี เท่าไร จนกวา่ จะเจอจุดหมาย ที่อาจจะไกลแสนไกล และไมร่ ู้เม่ือไรถงึ จะสุดทาง วนั ท่ีเริ่มต้นจนวนั นที้ ุ่มเทชวี ติ มาเทา่ ไร ต้องเสียใจและตอ้ งผิดหวังมสี ักกีค่ รั้งทเ่ี ร่มิ ใหม่ กว่าจะเจอจุดหมาย ทอี่ าจดไู กลแสนไกล ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถงึ จะสดุ ทาง * จึงอยากจะขอสง่ เพลงนีแ้ ทนพลัง วา่ อยา่ กลบั หลังขอให้เดินต่อไป สักวนั ตอ้ งถงึ จุดหมายทเ่ี ธอต้งั ใจเอาไว้ เพ่ือใหร้ วู้ า่ เราจะชนะตวั เองไดไ้ หม * กวา่ เธอจะเดินถึงจุดนตี้ ่อสู้มาแล้วนานเท่าไร และทุกๆ คร้งั ทีผ่ า่ นพน้ ก็เพราะอดทนใชห่ รอื ไม่ กวา่ จะเจอจดุ หมาย ท่อี าจดไู กลแสนไกล และไมร่ เู้ ม่ือไรถงึ จะสุดทาง *ซา้ ** อยา่ กลัวแมว้ า่ ต้องเจอกับทางทด่ี ูมืดมน สักวนั เธอจะผ่านพน้ หนทางทีแ่ สนไกลจะยากเย็นสักเท่าไร * ซา้ ***และเพื่อใหร้ ู้ว่า ชัยชนะนั้นคืออะไร
52 ❖ การฝึกพัฒนาจิตใจให้มีสมาธิ มั่นคงทางอารมณ์ คดิ วิเคราะห์สิง่ ต่าง ๆ ได้อยา่ งรอบรู้ เข้าใจถูกต้องชดั เจน ❖ o เพ่อื การหลุดพ้นจากกิเลสอนั เป็นอุดมการณข์ องพุทธศาสนา o สุขภาพจิตดี เขม้ แข็งม่ันคงในอารมณ์ o ผอ่ นคลายความเครียดจาการใช้ชีวติ ประจาวัน ❖ พจิ ารณาวา่ ร่างกายท่เี ห็นเปน็ เพยี งกาย ไม่ควรยึดตดิ ให้เกิดทกุ ข์ ❖ รเู้ ห็นตามความเปน็ จรงิ ที่เกิดจากความร้สู ึกนกึ คดิ ❖ ส่งิ ทีเ่ ราเห็นลว้ นเป็นจิต ไม่ใช่สัตว์ คน หรอื มีตวั ตน มีเขา มีเรา ❖ ปฏิบตั ธิ รรมให้พน้ จากความทกุ ข์ ❖
❖ อารมณ์ที่ควรระลึกถงึ 53 ❖ หลักปฏบิ ตั ิต่อผู้คนท่ัวไป หรือสรรพสตั ว์ทั้งหลาย ❖ การกาหนดภาวะนามธรรมทเ่ี ปน็ จิต และเจตสิก คือ อากาศไมม่ ที ส่ี ิ้นสุด วญิ ญาณไมม่ ที ่สี นิ้ สดุ ไมม่ สี ิง่ ใดเป็นอารมณ์ ไม่มีสัญญา ❖ พิจารณาอาการที่บรโิ ภคใหถ้ ูกสุขลักษณะ เป็นประโยชนต์ ่อร่างกาย ❖ แยกแย่วนสว่ นประกอบของร่างกาย เปน็ เพยี งองค์ประกอบของธาตทุ ง้ั 4 ไม่มีสง่ิ ใดคงถาวร ❖ o การฝึกสมาธทิ าใหเ้ กิดความสมดุลของรา่ งกาย และจติ ใจ มีบคุ ลิกภาพดมี คี วามมนั่ คงทางอารมณ์ o ควบคมุ การคิด ใชส้ ติปญั ญาอย่างมเี หตุผล สง่ เสริมการคดิ และ การตัดสนิ ใจได้อย่างถกู ตอ้ ง รจู้ กั แยกแยะสิง่ ที่เปน็ ประโยชน์ และโทษ ทาให้เกิดการตัดสนิ ใจได้ง่ายข้นึ o เกิดความรู้ ความเขา้ ใจเท่าทนั ของปัญหา และความ เปลย่ี นแปลงที่เกิดขน้ึ
o มองโลกตามความเป็นจรงิ ไม่หลงไปตามโลก 54 รเู้ ท่าทันการเปล่ยี นแปลงของโลก ❖ คอื การคดิ แบบไตรลักษณ์ คอื ความคิดท่อี ยบู่ นพืน้ ฐาน ความไมเ่ ทย่ี งแท้ แนน่ อน o อนิจจงั ไม่เทย่ี งแท้แนน่ นอน o ทุกขัง ไมค่ งทนถาวร o อนตั ตา ไม่มตี ัวตน เกิดขึ้นไดย้ อ่ มสลายได้ ❖ มีสตริ ู้เท่าทนั ตอ่ สิง่ ทเ่ี กิดขึ้น หรอื การคดิ กล่ันกรองโดย ใช้ความรูเ้ พ่อื แก้ไขปญั หา วางแผนทง้ั ในปัจจุบัน และอนาคต เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มรบั มือกับ การเปลย่ี นแปลง o เช่น การอ่านคอื วธิ ีทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในอดีตจนถึง ปจั จุบันได้ เพอ่ื วางแผนอนาคต ❖ มองใหร้ ู้จักสิง่ ทง้ั หลายดว้ ยการแยกแยะ องคป์ ระกอบ ให้เห็นองคป์ ระกอบย่อย แลว้ จดั ประเภท หมวดหมู่ o เชน่ มีไข้ ไอ มนี ้ามกู บ้าง ไมร่ สู้ าเหตุ o ตรวจ สารคัดหลั่งของอาการไข้ ตรวจ โพรงจมูก ผลการวินิจฉัยเป็น COVID-19 สอบสวนโรคไปพ้ืนที่เสี่ยงสนามมวย ไปใกล้ชิด คนต่างชาติทม่ี าชมมวย มีใครตอ้ งกกั ตวั เพมิ่ เตมิ บา้ ง เพอ่ื กกั ตวั ควบคุมโรค ❖ คิดแบบแยกแยะประเด็น ในสง่ิ ทเ่ี ป็นอยู่จรงิ ไมเ่ หมารวม เช่น คนไทยติดเช้ือ Coronavirus 2019 มากกว่า 1,500 คน ไม่ได้หมายความว่าคนไทย ท้ังหมดตดิ เชื้อ หรอื พ่อของตณิ ณภพติดเช้ือ Coronavirus 2019 ไม่ได้หมายความวา่ ติณณภพ หรอื แมข่ องติณณภพติดเชอื้ และคนทตี่ ิดเชื้อก็ไม่ได้ตัง้ ใจท่ีจะตดิ เชื้อ หรืออยากป่วย แต่เกิด จากการป้องกันตัวเองไม่เพียงพอหรือไม่ หรือไม่ปฏิบัติตามคาแนะนาของรัฐหรือไม่ หรือ เขา้ ไปทางานในพื้นทเ่ี สีย่ งจนติดเชอ้ื หรือไม่ เพราะถ้าไม่ทางานก็ไม่มเี งนิ ซ้ือขา้ ว เปน็ ตน้ ❖ วิธคี ิดแบบวิภัชวาทจึงมองทีเ่ หตุ หรือปัจจัยทีท่ าให้เกิดเช่นนัน้ และจะเหมารวมปัญหาว่าเปน็ อยา่ งน้นั หรอื อยา่ งนีไ้ ม่ได้
55 ใหน้ ักเรียนวิเคราะห์อาการป่วยของ วชิรวทิ ย์ ตามหลักวิธีคิดแบบโยนิโสมนสกิ าร ❖ วชิรวทิ ย์ วัยรนุ่ อายุ 18 ปี ชอบการ เทยี่ วกลางคืน อย่างพบั บาร์ สังสรรค์ กับเพื่อน ต้นเดอื นเมษายน 2563 วชิรวทิ ย์ มีอาการปว่ ย มนี า้ มกู เลก็ นอ้ ย มอี าการไอจาม อณุ หภมู ริ ่างกายสูง 39 องศา กนิ ยาบรรเทาอาการป่วย จากร้านเภสัชมา 3 วนั อาการไมด่ ขี น้ึ จึงไปพบแพทยท์ ี่โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลการตรวจพบว่าตดิ เชื้อ Coronavirus 2019
56 ภาพ : หอศลิ ป์สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ต์ฯิ ❖ มีนามเดิมว่า “อุปติสสะ” เป็นบุตร “วังคันตพราหมณ์” และ www.queengallery.org/th/about “นางสารพี ราหมณี”ในเมืองนาลนั ทา กรุงราชคฤห์ -us ❖ เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม เล่าเรียนได้อย่างรวดเร็ว ได้เข้า ศึกษาปรชั ญาอยูใ่ นสานัก “สญั ชยั เวลัฏฐบตุ ร” เพราะความเบอื่ หนา่ ยในชีวติ พร้อมกับ “โกลติ ะ” ❖ ศึกษาจนจบความรู้ ได้รับการเช้ือเชิญให้เป็นอาจารย์สอนศิษย์ รุ่นหลัง ๆ แต่มีความรู้สึกว่าวิทยาการเหล่านนั้ ยงั ไม่ใช่แนวทาง ที่ดีที่สุดจึงพากันออกจากสานักเพื่อหาอาจารยท์ ี่สอนแนวทางที่ ดีกว่านี้ ❖ อุปตสิ สะได้พบกบั ”พระอัสสชิ” และไดฟ้ ังธรรมอนั เป็นแก่นแห่ง อริยสัจ จากพระอัสสชิจนได้ดวงตาเห็นธรรม “โสดาปัตติผล” จึงขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้นามว่า “สารีบุตร” บรรลุพระอรหันใน 14 วัน และได้รับการแต่งตั้ ง จา ก พระพุทธเจ้าให้เป็นพระอัครสาวกเบือ้ งขวา ❖ ผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เข้าใจพระธรรมคาสอนของพรพุทธเจ้าได้ อย่างลึกซ้ึง และอธิบายให้คนอื่นฟงั ได้อย่างดีย่ิง แม้เรื่องยากก็ สามารถอธบิ ายให้เขา้ ใจได้งา่ ย ❖ ผู้มีความกตัญญูกตเวที เช่น ท่านนับถือพระอัสสชิเป็นพระ อาจารย์องค์แรกของท่าน เมื่อรู้ว่าพระอัสสชิอยู่ในทิศใด เวลา จะนอนท่านจะหนั ศีรษะไปทางทศิ นนั้ ❖ ผู้มั่นคง และปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา เพราะอยากให้ พระพุทธศาสนาอยู่ได้นานจึงกราบให้พระพุทธองค์บัญญัติพระ ธรรมวนิ ัยเพ่อื ความมน่ั คงแห่พระสัทธรรม
❖ มีนามเดิมว่า “โกลิตะ” เป็นบุตรพราหมณ์หัวหน้าหมู่บ้านโกลติ 57 คาม ท่านเป็นสหายท่ีรักกันมากับอุปติสะ เที่ยวแสวงหา ความสุขความสาราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะ ร่ารวย นอกจากนี้ยังมีอุปนิสัยใจคอเหมือนกัน และยังได้ออก บวชพรอ้ มกนั ❖ ได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิจนได้ดวงตาเห็นธรรม จึงขอบวชเป็น สาวกของพระพุทธเจ้า มีนามว่า “โมคคัลลานะ” ท่านได้ปฏิบตั ิ ตามพระพุทธโอวาทจนได้บรรลุพระอรหันต์ในวันที่ 7 ของการ อปุ สมบท ❖ การบรรลุพระอรหันต์ของท่าน ยังได้ความสามารถพิเศษ คือ เป็นผูม้ ฤี ทธ์มิ าก กลา่ วคือ สามารถใช้อิทธปิ าฏิหารยิ ์ สือ่ ชักจูง คนให้คลายจากความเหน็ ผดิ ได้รับการแตง่ ต้ังจากพระพุทธเจ้า ให้เปน็ พระอัครสาวกเบอ้ื งซา้ ย ❖ เป็นผู้ท่ีมีความอดทนย่ิง กล่าวคือ เป็นผู้มีความเพียรเพื่อให้ ภาพ : หอศิลป์สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกิตตฯิ์ บรรลุธรรม แม้จะเกิดอาการง่วงก็ยังเพียร จนพระพุทธเจ้า www.queengallery.org/th/about -us ประทานวิธีแกง้ ่วง เมือ่ ปฏบิ ัติตามกเ็ อาชนะได้ และบาเพญ็ เพยี ร ภาพ : https://palungjit.org/threads ต่อจนบรรลพุ ระอรหนั ต์ ❖ เป็นผู้ท่ีมีความถ่อมตน ดั่งคาพูดท่ีว่า “ความสามารถของ ข้าพเจา้ เมื่อเปรียบเทยี บกับพระสารีบตุ รแล้ว ดจุ ก้อนเกลือเลก็ ๆ วางไว้ใกล้หม้อน้าใบใหญฉ่ ะนัน้ ” ❖ ผมู้ ีความใฝร่ ้อู ย่างยง่ิ คือ ผู้ชวนอุปตสิ สะไปศกึ ษากับอาจารยส์ ญั ชัยเวลัฏฐบุตร และชวนไปหาความรู้ท่ีล้ากว่าด้วยการไปหา อาจารย์ จนเจอพระอสั สะชิ จนไดบ้ วชในพระพทุ ธศาสนา ❖ พระอัสสชิเป็นผชู้ ักจูงให้ “อุปติสสะ” (พระสารีบุตร) และ “โกลิ ตะ” (พระโมคคลั ลานะ) สองนกั บวชปริพาชก บวชเปน็ พระสงฆ์ สาวกในพระพุทธศาสนาซง่ึ ตอ่ มาทา่ นทัง้ สองไดร้ บั ความไว้วางใจ จากพระพุทธเจ้าให้ทาหน้าที่เป็นอัครสาวกเบื้องขวาและเบ้ือง ซ้าย ตามลาดับ ❖ มีความออ่ นนอ้ มถ่อมตนแม้จะบรรลุแล้วก็ยังถ่อมตน (สมถะ) ❖ เป็นครทู ดี่ ี (นาคาสอนท่ีลกึ ซ้ึงมายอ่ ได้อย่างกะทัดรดั ) ❖ เป็นผู้เคารพในพระพทุ ธเจา้ ❖ ยดึ มั่นในหลกั การ ไม่ชอบเทศนาแบบพสิ ดารเนน้ แก่น
❖ เป็นผู้จาธรรมได้มาก ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็น 58 พ หู สู ต เ พ ร า ะ ท่ า น ทู ล ข อ พ ร จ า ก พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ก่ อ น ภาพ : เข้ารับตาแหนง่ พทุ ธอปุ ฏั ฐาก มีข้อหนึง่ ความวา่ ถา้ พระองค์ทรง https://krukrai.wordpress.com/2009 แสดงธรรมเร่ืองในในที่ลับข้าพระองค์ ขอให้พระองค์ได้โปรด แสดงธรรมเร่ืองน้ันแก่ข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ซ่ึงแสดงให้เห็น ภาพจาก : วัดสาโรงใหญ่ จ. ศรีสะเกษ ถงึ ความเป็นผู้เอาใจใสข่ วนขวายในการศึกษา และจาได้ดี ❖ ผูช้ ว่ ยระงบั ความแตกร้าวในพทุ ธจักร คราวที่พระชาวเมอื งโกสัม พี เ กิ ด ท ะ เ ล า ะ วิ ว า ท พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ท ร ง ตั ก เ ตื อ น ก็ ไม่สามารถคลายทิฏฐิมานะพระเหล่านัน้ ลงได้ พระองค์จึงเสด็จ ไปจาพรรษาในป่าปาลิเลยยกะ หรือ ป่าเลไลย์ ต่อมาพระ เหล่านั้นเกิดสานึกผิดละอายใจ จึงเข้าไปหาพระอานนท์ พร้อม ขอร้องใหท้ ่านพาไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพ่อื ทูลขอขมา พระอานนไ์ ด้ ทาตามจนสามารถระงับความแตกร้าวใหก้ ลบั คืนสภาวะปกติได้ ❖ เจ้าชายอนุรุทธะรู้ว่าการงานของผู้ครองเรือนย่ิงลาบาก จึง ตัดสินพระทัยออกบวช ไปทูลขออนุญาตจากพระมารดา พระ มารดาไมป่ ระสงค์จะให้ออกบวช จงึ บ่ายเบยี่ งใหเ้ จ้าชายอนุรุทธะ ไปชวนเจ้าชายภัททิยะ เมื่อเจ้าชายภัททิยะตกลง พระทัยท่ีจะ ออกบวช ทาให้เจ้าชายที่เป็นพระสหายที่เหลือก็ไดต้ กลงพระทยั ออกบวชตาม ❖ รักสันโดษในปัจจัย 4 และมีเอตทัคคะในด้านทิพพจักขุญาณ (ตาทิพย์) โดยพจิ ารณาบุคคลทส่ี มควรสง่ั สอนธรรม ❖ องคุลิมาล นั้นมาจากคาว่า องคุลี (น้ิวมือ) + มาล (สร้อยคอ สาย หรอื แถว) แปลวา่ สร้อยคอทีท่ าจากนว้ิ มอื ❖ เดิมช่ือ อหิงสกะ ถูกอาจารย์ยยุ งวา่ ถ้าต้องการสาเร็จวิชาใหต้ ดั นว้ิ 1,000 นิ้ว องคลุ ิมาลทาจนครบจนครบ 999 คน เม่อื มา พบพระพุทธเจ้าจึงตรัสส่ังสอนจนขอบวชเป็นพุทธสาวก เม่ือ บิณฑบาตท้ังในและนอกเมืองสาวัตถี มักถูกญาติพี่น้องของ ผู้ตายใช้ก้อนหินขว้างปาทาร้ายให้ได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ จึงได้ ชื่อว่าเป็นผู้มีความอดทนอดกล้ันเป็นคนขยันรักการศึกษาเล่า เรียน และเป็นคนมกั น้อย สนั โดษ ❖ เป็นผใู้ ฝ่รู้วา่ นอนสอนง่าย
❖ ปฏบิ ัติตนเปน็ สะใภ้และภรรยาที่ดี มีความเคารพนบนอบตอ่ สามี 59 และบดิ าของสามีและเม่อื บวชเป็นภกิ ษณุ แี ลว้ กม็ ีความเคารพต่อ ภาพ : ดนยั ไชยโยธา และคณะ (2560). ภิกษุและภกิ ษณุ ี พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 อกั ษรเจรญิ ทัศน์ (หน้า 105) ❖ ประสบการณ์ในชีวิต ของ พระกีสาโคตมีเถรีนามาประยุกต์ใน การให้คาปรึกษาแก่สตรีที่ตกอยู่กับความทุกข์ จึงทาให้สตรี มักจะไปหาทา่ นเพื่อฟังธรรมอยเู่ สมอ ❖ ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะในทางครองจีวร เศร้าหมอง เพราะประหยัด สันโดษในปัจจัยส่ี เป็นผู้ถือธุดงค วตั รเครง่ ครัด มีความเปน็ อยเู่ รยี บง่าย ❖ สามีได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า และได้สาเร็จมรรค ผลขั้นอนาคามี ไม่ยินดีในกามกิเลสรูป รส กลิ่น เสียง และ สัมผัส และอธิบายความสุขในรสพระธรรมให้ภรรยาฟังจนนาง ธัมมทินนาเถรเี กิดศรัทธาประสงค์จะบวชเป็นภิกษณุ ี ❖ ได้รับยกยอ่ งเอตทัคคะด้านธรรมกถกึ (ผ้แู สดงธรรมฝ่ายภิกษุณี) ภาพ : ดนยั ไชยโยธา และคณะ (2560). ❖ สามี บุตร และบิดามารดา เสียชีวิตท้ังหมดทาให้นางสติฟ่ัน พระพทุ ธศาสนา ม.4-ม.6 อกั ษรเจริญทศั น์ เฟอื น เมือ่ นางไดฟ้ งั ธรรมจากพระพุทธเจ้าจึงขอบวชเป็นภิกษุณี (หนา้ 106) เปน็ ยอดแห่งพระวินยั คอื จาพระวินัยได้มาก ภาพ : ❖ มีความเสียใจเน่ืองจากสูญเสียสามี ลูก พ่อแม่ แล้วมาพบ https://commons.wikimedia.org/wiki/File: พระพุทธเจ้าซึ่งทรงสอนนางเกี่ยวกับวัฏสงสาร นางสามารถ Patachara.jpg รับรู้ได้ และมีกาลังใจดารงชีวิต อยู่ต่อไป รวมท้ังยังมีความ ศรัทธาในคาสอนของพระพุทธเจ้า ในที่สุดนางก็สามารถบรรลุ โสดาบัน ❖ เป็นตัวอย่างผู้ปฏิบัติอัปปมาทธรรม มีความต้ังใจพากเพียรจน บรรลุอรหันต์ และสามารถจาพระวินัยท่ีพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ จนสาเรจ็ ❖ เอตทัคคะดา้ นผู้เป็นเลิศในฝา่ ยผูท้ รงวินยั
❖ แม่เปน็ โสเภณี 60 ❖ เป็นหมอหลวงในราชสานักของพระเจ้าพิมพิสาร ถวายการ ภาพ : https://iammonkcom.wordpress.com/201 รกั ษาอาการปว่ ยโรค “ภคันทลาพาธ” (รดิ สีดวงทวาร) 7/04/19/ ❖ ถวายสวนมะม่วงของตนให้เป็นท่ีประทับของพระพุทธเจ้าและ พระสงฆส์ าวก (ชวี กัมพวัน) เปน็ วดั ในพระพุทธศาสนาแห่งที่ 2 ของเมอื งราชคฤห์ ❖ กราบทลู ใหพ้ ระพทุ ธเจ้าทรงบัญญตั ิพระวินยั เพม่ิ เติม ❖ อนญุ าตให้พระภกิ ษรุ บั ผา้ จวี รที่ชาวบ้านนามาถวายได้ ❖ ห้ามมใิ หค้ นป่วยดว้ ยโรคตดิ ต่อร้ายแรงมาบวชเป็นพระภกิ ษุ ❖ เอตทัคคะผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งปวงด้านเป็นท่ีรักของปวงชน และบรมครูแห่งการแพทยแ์ ผนโบราณ ❖ พบพระมหานามะ (หนึ่งในปัญจวัคคีย์) เห็นท่านสงบสารวมน่า เลอื่ มใสมาก จึงมีความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา ❖ สร้างท่ีพานักแก่พระมหานามะเพ่ือเทศนา ชื่อสวน อัมพาฏกา ราม ❖ จิตตคหบดีกล่าวว่า “ศรัทธาความเช่ือท่ีไม่คลอนแคลนในพระ พุทธ พระธรรม และพระสงฆป์ ระเสรฐิ กว่าส่ิงใดทั้งหมด” แสดง วา่ เป็นผ้ศู รัทธาตง้ั มน่ั ในพระรตั นตรัย ❖ ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นอุบาสกตัวอย่าง เป็นอัคร อบุ าสก ❖ เอตทคั คะดา้ นด้านธรรมกถกึ (การแสดงธรรมฝา่ ยอบุ าสก) ภาพ : https://www.facebook.com/permalink.php ?story_fbid ❖ เปน็ ผ้เู ก็บดอกมะลิถวายพระเจ้าพมิ พสิ าร แต่วันหนง่ึ นาดอกมะลิ ไปถวายพระพุทธเจ้า พระเจ้าพิมพิสารเกิดความยกย่องเพราะ เหน็ ว่ากระทาดีแล้ว ❖ เม่ือพระพุทธเจ้าทราบว่านายสุมนมาลาการศรัทธาในพระองค์ จึงเสด็จมาตรัสว่า ภิกษุท้ังหลาย บุคคลทากรรมใดแล้วไม่ เดือดร้อน ในภายหลัง เป็นผู้เอิบอิ่ม มีความสุขใจ นั่นแหละ เรียกวา่ กรรมดี
ภาพ : ดนัย ไชยโยธา และคณะ (2560). ❖ เป็นแบบอย่างที่ดีด้านความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเสียสละ 61 พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 อักษรเจริญทัศน์ ชีวิตเพ่ือบูชา พระพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าเขาอาจจะต้องถูกลงโทษถงึ (หน้า 111) ขั้นประหารชีวิตหรือถูกขับไล่ออกจากเมืองเพราะไม่มี ดอกมะลิ ไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร ❖ กล้าหาญในการทาสิ่งที่ถูก นาดอกไม้ไปบูชาพระพุทธเจ้า แต่ ไม่ได้นาไปถวายพระเจา้ พิมพิสาร เขาก็บอกความจรงิ แกภ่ รรยา โดยไม่ปดิ บงั - เป็นสตรีที่มีความงามแบบเบญจกัลยาณี (ผมงาม เน้ืองาม กระดกู งาม ผิวงาม และวยั งาม) - พันธุละเสนาบดีซ่ึงเป็นสามีของพระนางถูกใส่ร้ายว่าคิดก่อการ กบฏ ทา ให้พระเจ้าปเสนทิโกศลวางแผนลอบสังหารพันธุละ เสนาบดี พร้อมท้ังบุตรชายท่ีเป็นทหารจนหมด คร้ันเม่ือทราบข่าว ร้าย พระนางมัลลิกาสามารถควบคุมอารมณ์โศกเศร้าไว้ได้และ อบรมใหล้ กู สะใภ้ให้อภัยในความผิดพลาดของพระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ ผูกพยาบาท ซ่ึงแสดงให้เห็นว่านางเป็น ผู้มีขันติธรรม รู้จักให้ อภัย ภาพ : ดนัย ไชยโยธา และคณะ (2560). ❖ เป็นธิดาของเศรษฐี ชื่อว่า อนาถบิณฑกิ เศรษฐีเมื่อนางแตง่ งาน พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 อักษรเจริญทัศน์ ไปอยูบ่ ้านของสามี พอ่ สามีชือ่ อุคคเศรษฐี ไดเ้ ชิญพวกชีเปลือย (หนา้ 112) มา นางไม่กราบไหว้และช้ีให้ทางบ้านของสามีศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนา ภาพ : ดนัย ไชยโยธา และคณะ (2560). พระพทุ ธศาสนา ม.4-ม.6 ❖ กตัญญูกตเวที คราวที่นางจะได้กลับไปยังเรือนของสามี บิดา อักษรเจรญิ ทัศน์ (หนา้ 113) ของนางได้ให้โอวาท 10 ประการแก่นางและนาง ก็ได้ ปฏิบัติตามโอวาททั้ง 10 ประการนั้น จนเป็นที่พอใจของ ครอบครวั สามเี ปน็ อยา่ งยง่ิ ❖ มั่งคงต่อพระรัตนตรัย พระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าจะได้แต่งงาน และกลับไปอยู่ยังเรือนของสามี แต่ก็มีความศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนา และแนะนาบดิ าของสามตี ลอดถึงบุคคลในบ้าน ให้เล่ือมใส นับถือพระพุทธศาสนาด้วย และปฏิบัติตามหลักคา สอนของพระพุทธศาสนา
❖ มีเหตุ มีผล รู้จักใช้เหตุผลในการโต้ตอบกับบิดาของสามี เช่น 62 เม่ือบิดาของสามีไลน่ าง ออกจากบ้าน นางกไ็ ม่ยอมไปเพราะถือ ว่าไมผ่ ดิ และใหพ้ ราหมณท์ ง้ั 8 เป็นผแู้ ก้ขอ้ กลา่ วหา ❖ รู้จักวิธีการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมจนได้รับผลดจี น นาไปสู่การแนะนาการปฏิบตั ิตอ่ บคุ คลในครอบครวั ❖ พระนาคเสนเถระ มีสติปัญญาหลักแหลม ปฏิภาณไหวพริบดี และตอบปัญหาข้อซักถามทางธรรมของพระยามิลินท์ได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ ❖ เกดิ เป็นมลิ ินทปัญหาระหว่าง พระนาคเสน และ พระยามลิ ินท์ ❖ เป็นผู้รักการศึกษาเล่าเรียน แสวงหาความรู้ที่เรียกว่า “ธัมม กามตา” ❖ พระยามิลินท์ หรือเมนันเดอร์ (Menandra) เป็นกษัตริย์เช้ือ ภาพ : สายกรีกปกครองอนิ เดีย https://th.wikipedia.org/King_Milinda_ask_ques ❖ ทรงให้ทาเหรียญเป็นรูปตราธรรมจักร (เคร่ืองหมายของ tions.jpg พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ) เ พ่ื อ เ ผ ย แ ผ่ แ ล ะ ข ย า ย อ า ณ า เ ข ต พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไป ❖ เป็นผู้มีความเพียรพยายาม สามารถสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้เมอ่ื อายุยงั นอ้ ย ❖ เปน็ ผเู้ ครง่ ครัดในพระธรรมวินัย ❖ เป็นผู้ที่เข้มงวดกวดขันเร่ืองการทาวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น ของ พ ร ะ ภิ ก ษุ เ ป็ น ผู้ บุ ก เ บิ ก ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ค ณ ะ ส ง ฆ์ ฝ่ า ย มหานิกาย ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษด์ิ ท่าพระจันทร์ กรงุ เทพมหานคร
❖ เป็นพระป่าหรือพระนักปฏิบัติ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน 63 ชอบธดุ งคต์ ามป่า ดารงชีวติ อยา่ งเรยี บง่ายถือสนั โดษ ❖ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตได้เดินธุดงค์ไปที่ต่างๆท่ัวภาคอีสาน ของไทยและลาว ❖ เป็นแบบอย่างท่ีดีในการเพียรพยายาม การฝึกวิปัสสนา กรรมฐาน ❖ เปน็ พระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ❖ ผู้รเิ รม่ิ สรา้ งวดั หนองป่าพง จังหวดั อุบลราชธานี เน้น กลมกลนื ธรรมชาติ ❖ สามารถสอนชาวต่างประเทศได้ แมจ้ ะไม่ร้ภู าษาองั กฤษ ❖ ผู้แสดงธรรมให้เข้าใจง่าย แต่ได้ใจความลึกซ้ึง มีชาว ตา่ งประเทศมาศึกษาและปฏิบัตธิ รรมกับท่านจานวนมาก ❖ จดั ตั้งวัดป่านานาชาตขิ น้ึ ที่จังหวัดอบุ ลราชธานี ❖ เด่นด้านการปกป้องคุ้มครองพระศาสนา เมื่อเกิดความสับสน ในการตีความพระวินยั ท่านช่วยแก้ไข ❖ ได้รับรางวัล การศึกษาเพ่ือสันติภาพ จากยูเนสโก จากงาน ประพนั ธม์ ากกว่า 100 เร่อื ง เช่น พทุ ธธรรม และพจนานุกรม พุทธศาสน์ พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ เจ้าของคาคม ชาว พุทธต้องเลิกเป็นผู้มองแคบ คิดใกล้ ใฝ่ต่า ต้องเป็น ผู้มอง กวา้ ง คดิ ไกล ใฝ่สงู
❖ จดั ตั้งสานกั สงฆ์ “สวนโมกขพลาราม” บรเิ วณวัดธารน้าไหล ที่ 64 สุราษฎร์ธานี ❖ นักคิดที่ย่ิงใหญ่ เพื่อนาไปสอน จนผู้ฟังเข้าใจเน้ือหาได้อย่าง ลึกซ้ึงท้ังแบบอย่างของพระภิกษุ ชาวพุทธทุกคนในการศึกษา ค้นคว้าหลักธรรมะให้เข้าใจอย่างแท้จริง จนสามารถเทศนาสั่ง สอนพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าใจ ธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องชัดเจน และสามารถนาไป เป็นแนวปฏิบตั ิได้ ❖ ผลงานเด่น คอื การเผยแผธ่ รรมะ เช่น คมู่ ือมนุษย์ ตวั กขู องกู แกน่ พุทธศาสน์ ธรรมโฆษณ์ พระพทุ ธเจ้าสอนอะไร เป็นตน้ ❖ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเสมือนเสนาบดีแห่งกองทัพธรรมในยคุ กง่ึ พุทธกาล ❖ ไม่ว่าศาสนาใดก็ปรารถนาความพ้นทุกข์ จึงต้องการให้เกิด ความเข้าใจระหวา่ งศาสนา ดึงคนออกจากวตั ถุนิยม ❖ พระพรหมมงั คลาจารย์ (ปญั ญานนั ทะภกิ ขุ) เป็นพระญาตธิ รรม กับท่านพุทธทาสภิกขุ จึงมีบุคลิกลักษณะเช่นเดียวกับท่านพุทธ ทาสภิกขุ ท่านจึงมีคุณธรรมที่เป็นแบบอย่างคล้ายกันกับท่าน พทุ ธทาสภกิ ขุ ❖ เป็นเลศิ ในการถา่ ยทอดธรรม มีวาทะศิลป์ในการบรรยายธรรม จงู ใจให้ผคู้ นศรัทธา และเขา้ ใจหลักธรรม ❖ พระดี เผยแผพ่ ระธรรมมาอยา่ งยาวนาน ❖ ได้รับรางวัล “สังข์เงิน” จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่ง ประเทศไทย ❖ เปน็ พระนกั เทศน์ ❖ เปดิ โรงเรยี นพุทธศาสนาวนั อาทติ ย์ ❖ จัดคา่ ยตา่ งๆ เช่น ค่ายพทุ ธบตุ ร ❖ ฟืน้ ฟปู ระเพณีต่างๆ ให้ถูกตอ้ ง เช่น การบวชอยา่ งเรียบงา่ ย ❖ อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดชลประทานรังสฤษฎ์ จังหวัด นนทบรุ ี
❖ ราชทูตจากฝรัง่ เศสได้เข้ามาเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในไทย โดย 65 ให้สมเด็จพระนารายณ์หันมานับถือศาสนาคริสต์ แต่พระองค์ สามารถตอบโต้ด้วยวิธีการที่น่มุ นวล คือ “ถ้าคริสต์ศาสนาเป็น ศาสนาทม่ี ีหลักการดแี ล้ว สักวันหนึ่งพระองคค์ งจะเข้ารีตนับถือ ศาสนาคริสต์ก็ได้” ❖ ทรงให้เสรีภาพในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์แก่บาทหลวงชาว ฝร่ังเศส และยินยอมให้ราษฎรชาวไทยเข้ารับนับถือได้ตาม ศรทั ธา ❖ ทรงทานุบารุงกิจการของพระพุทธศาสนา เช่น ทรงบูรณะวัด พระศรีรตั นมหาธาตุ เป็นตน้ ❖ การชาระและการพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นอักษรไทย ซึ่งเสร็จทัน การฉลองรัชดาภิเษก (ครองราชยค์ รบ 25 ป)ี ❖ การสร้างวัดข้ึนใหม่หลายวดั คือ วัดราชบพิธ วัดเทพศิรินทรา วาส วัดเบญจมบพิตร วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ และทรง ปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุ โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ให้วัด มหาธาตุ จึงมีสร้อยนามในเวลาต่อมาว่า “วัดมหาธาตุยุวราช รงั สฤษฎ”์ิ ❖ สร้างวิทยาลัยสงฆ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหานิกาย และ มหามกฎุ ราชวทิ ยาลัย ธรรมยตุ ิ ❖ ทรงตราพระราชบัญญัติเพ่ือเป็นแนวในการบริหารคณะสงฆ์ ปี ร.ศ. 121 นบั เปน็ กฎหมายของพระสงฆ์ไทย ❖ เกิดในวรรณะศูทร ต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของคนวรรณะศูทร และจณั ฑาล ❖ เอ็มเบดการ์ โดนเหยียดหยามจากการดูถูกของเพื่อนต่าง วรรณะ ต่อมาครูได้ช่วยเหลือและได้รับทุนจนเรียนจบปริญญา เอก ❖ เม่ือ พ.ศ. 2467 โดยใช้วิธีต่อสู้แบบอหิงสา คือ สงบและสันติ ตลอดจนต่อสู้ให้กับสตรีที่ถูกกดขี่และไม่ได้รับการยอมรับใน ความเสมอภาคเทา่ เทยี มกบั ชาย
❖ พยายามล่มระบบวรรณะและผลักดันใช้หลักธรรมปกครอง 66 อินเดีย ❖ ประกาศตนเลิกนับถือ ศา สน าพร า หมณ์ หันมานับถือ พระพทุ ธศาสนา ❖ ได้รับสมญานามว่า มนุษย์กระดูกเหล็ก ฝีปากกล้า และ อภิชาตบตุ รของชาวหรจิ ันทร์ (ชาวศทู ร) ❖ เปรยี บเสมอื นเป็นพระพุทธเจา้ ของชาวศูทร ❖ เปน็ นกั ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา ❖ จดั ทานติ ยสารธรรมจักษุ ❖ ร่วมก่อตั้งองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ณ ประเทศศรลี งั กา ❖ ก่อต้ังโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในประเทศไทย และยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย สนับสนุนการจัดต้ัง มหาวิทยาลัยสงฆ์ โดยเสนอให้ยกฐานะสภาการศึกษาของมหา มกุฎราชวิทยาลัย (วัดบวรนิเวศน์ฯ) เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ (ฝา่ ยธรรมยุต) ❖ เปน็ คนศรีลงั กา เดมิ ช่ือ ดอน เดวดิ ❖ พัฒนาปา่ อสิ ิปตนมฤคทายวัน ให้เป็นพุทธสถานสาคญั ❖ เรียกร้องใหพ้ ทุ ธคยา กลบั มาอยู่ในความดแู ลของชาวพทุ ธ ❖ บรู ณะสงั เวชนยี สถาน ❖ รัฐบาลอินเดีย ยังได้นาสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ได้แก่ หัวสิงห์ส่ีหัวของพระเจ้าอโศก กลายเป็นสัญลักษณ์ประจาชาติ ของอินเดยี ธรรมจกั รทฐี่ านก็ปรากฏอยูใ่ นธงชาตขิ องอินเดยี อีก ดว้ ย
67 ผ้จู าธรรมไดม้ าก บรรลุพระอรหนั แพทยป์ ระจา ได้รบั การยกยอ่ ง ใน 14 วัน พระองคพ์ ระพุทธเจ้า วา่ เปน็ พหูสูต เลิศกวา่ ผอู้ ่ืน ชักจงู ให้ “อุปติสสะ” ปฏบิ ตั ิตามโอวาท 10 ในทางปญั ญา และ “โกลติ ะ” บวช ประการจนเปน็ ทพ่ี อใจ “ผมู้ ฤี ทธมิ์ าก” ของครอบครัวสามี ทาเหรยี ญเป็นรูป นาดอกมะลไิ ปถวาย ได้รับยกย่องจาก ตราธรรมจักร พระพุทธเจา้ พระพุทธเจ้าวา่ เป็นอุบาสกตวั อยา่ ง เบญจกลั ยาณี เป็นตวั อยา่ งผปู้ ฏิบตั ิ เอตทคั คะในทาง ผมู้ ขี นั ตธิ รรม อปั ปมาทธรรม ครองจวี รเศร้าหมอง เอตทคั คะในดา้ น ได้รับยกย่อง ผ้ใู ฝร่ ู้ว่านอนสอนง่าย ทพิ พจักขุญาณ เอตทัคคะดา้ นธรรม- กถกึ (ฝ่ายภิกษณุ )ี
68 ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ❖ o ▪ ทา พดู คดิ ตอ้ นรับ อปุ ถัมภ์ดว้ ยความเมตตา o ▪ ห้ามปรามการทาความช่ัว ▪ อนเุ คราะหด์ ว้ ยความปราถนาดี ▪ ใหฟ้ ังในส่ิงทีไ่ ม่เคยฟัง ▪ ฟงั แลว้ อธบิ ายให้เขา้ ใจ ▪ สอนในทางทีถ่ กู ทีค่ วรทา ทางแหง่ ความสุขความเจริญ
❖ 69 o ▪ ให้งานตามความรู้ ความสามารถ ใหส้ วสั ดิการ ใหค้ า่ จ้าง ให้วันหยุดตาม สมควร o ▪ มาทางานกอ่ นนาย เลิกงานหลัง ถอื เอาที่นายให้ ทาการงานให้เรยี บรอ้ ย นาเกยี รตคิ ุณไปเผยแพร่ ❖ เวน้ จากการฆ่าสตั ว์ ตัดชวี ติ ❖ เว้นจากการขโมย ลักทรัย์ ยักยอก ❖ เว้นจากการประพฤตผิ ิดในกามอารณ์ ❖ เว้นจากการพดู ปด หลอกลวง หยามเหยียด เพ้อเจ้อ ส่อเสียด ยงุ ยงสร้ างความแตกร้าว ❖ เว้นจากการเสพของมนึ เมา สงิ่ เสพตดิ ❖ เว้นจากการบริโภคอาหารยามวิกาล ❖ เว้นการดูการระเริง เต้นรา ร้องเพลง เล่นดนตรีหรอื ความสนุกสนาน เขา้ จงั หวะบันเทิง ❖ เว้นจากการนอนในท่หี รู ใช้ของฟมุ่ เฟือย ❖ ผปู้ ระกาศตนว่าเปน็ ผนู้ ับถือพระพุทธเจ้าเกดิ ข้ึนตง้ั แตส่ มยั พทุ ธกาล ❖ ยสกุมารเศรษฐผี ูบ้ าเรอตน และบรวิ าร ❖ ยสกุมารเห็นความวุน่ วายของบรวิ ารของตน จงึ เกดิ ความเบ่ือยหนา่ ย จงึ ออกเดินทางไปยัง ปา่ อิสิปตนมฤคทายวัน ❖ พระพุทธเจา้ เหน็ ยสกมุ ารเดนิ มาแตไ่ กล ยสกุมารเปล่งอุทานวา่ “ทา่ นผเู้ จริญ ทนี่ วี่ นุ่ วาย หนอ ทนี่ ขี่ ัดขอ้ งหนอ” ❖ พระผู้มีพระภาคตรสั กลับว่า “ยสะที่นีไ่ ม่วนุ่ วายหนอ ที่นไ่ี ม่ขัดขอ้ งหนอ มาเถิดยสะจงน่ังลง” ❖ พระพทุ ธเจ้าได้ตรัสธรรม “อนุปุพพิกถา” ยสกมุ ารไดด้ วงตาเห็นธรรมและขออุปสมบท ❖ คหบดเี ศรษฐีผ้เู ปน็ บดิ าให้บรวิ ารออกตามหา ยสกมุ าร จนกระท่ังไปยังปา่ อสิ ิปตน มฤคทายวันพบพระพุทธเจ้า คหบดีเศรษฐี เฝ้าพระพุทธเจา้ แต่มิเหน็ ยสกมุ าร พระพทุ ธเจา้ จงึ แสดงธรรม คหบดเี ศรษฐไี ด้ดวงตาเห็นธรรม และ “ขอถงึ พระผมู้ ีพระภาคเจ้า พระธรรม และพระสงฆเ์ ป็นสรณะตั้งแตว่ ันนเี้ ปน็ ตน้ ไปตลอดชวี ติ ” ❖ อุบาสก อุบาสิกา (เศรษฐีคหบดี ภรรยาและสะใภ)้ ไดเ้ ปลง่ วาจาขอถงึ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ พระธรรมและพระสงฆเ์ ป็นสรณะตงั้ แต่วนั นีเ้ ป็นตน้ ไปตลอดชวี ติ เป็นทีม่ าของการแสดงตน เปน็ พุทธมามกะ และเกดิ เปน็ อบุ าสิกาค่แู รกของโลก
❖ 70 กาหนดวัน เวลา เตรียมสถานที่ เตรยี มเคร่อื ง นิมนต์พระ ดาเนินพธิ ี สถานท่ี หรอื ภตั ตาหาร สกั การะ พาน 7 หรือ 9 5 เตรยี มภตั าหาร ธปู เทียน และ เครือ่ งสักการะ พานดอกไม้ รปู 1 เครอ่ื งไทยทาน 3 4 เครอื่ งไทย ธรรม 2 นั่งประจาที่ ตวั แทน 2 คนนาพาน พระเถระให้โอวาท กรวดนา้ เมอื่ ถึงเวลากราบ ธูป เทียน พานดอกไม้ เมอื่ พระสงฆใ์ ห้ รบั พทุ ธมามกะบตั ร แบบเบญจางค- ถวายพระเถระ แล้ว โอวาทเสร็จถวาย หรือกราบลาพระ รัตนตรัยเปน็ อนั ประดษิ ฐ์ กลา่ วนมัสการ จตปุ ัจจัย พระพทุ ธเจา้ แล้วกลา่ ว เสร็จพธิ ี ปฏญิ าณตนเปน็ พทุ ธ ❖ มามกะ เอเต มะยงั ภนั เต, สจุ ริ ะปะรินพิ พุตมั ปิ, ตงั ภะคะวันตัง สะระณัง คจั ฉามะ, ธัมมญั จะ สังฆญั จะ, พุทธะมามะกาติ โน,สังโฆ ธาเรตุ. ข้าแตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจ้าท้ังหลาย ขอถึงผมู้ ีพระภาค เจา้ พระองค์น้นั แมเ้ สด็จปรนิ พิ พานแลว้ ท้งั พระธรรม และ พระสงฆ์เปน็ สรณะทรี่ ะลึกนบั ถอื ขอพระสงฆจ์ งจาขา้ พเจา้ ทงั้ หลายไว้วา่ เปน็ พทุ ธมามกะ เป็นผ้รู ับเอาพระพทุ ธเจ้าเป็น ของตน คือผนู้ ับถือพระพทุ ธเจา้ ถ้าปฏิญาณคนเดียว ให้เปลยี่ นคาปฏญิ าณ ดงั นี้ เอเต มะยัง เปน็ เอสาหงั , คจั ฉามะ เป็น คัจฉาม,ิ พทุ ธะมามะกาติ ชายเปล่ยี นเป็น พทุ ธะมามะโกติ หญิงเปลยี่ นเปน็ พุทธะมามกิ าติ, โน เป็น มัง, แปลว่า ข้าพเจา้ ทง้ั หลายเปน็ พุทธมามกะ
71 ❖ เช่น เข้าร่วมยุวพุทธิสมาคมแห่งประเทศไทย สมาคมชาวพุทธ ชุมนุมท่ีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของสถาบันต่าง ๆ เพื่อหาโอกาสเข้าร่วม กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา หรือกิจกรรมในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา หรือเพื่อสืบ ทาดพระศาสนา เช่นการบรรพชาสามเณรถวายเป็นพระราชกุศล แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของโรงเรียนรัตนโกสินทรส์ มโภชบางขนุ เทียน ❖ รู้คุณของพระรัตนตรยั ซ่ึงเป็นเครื่องยึดเหนย่ี ว จิตใจของพทุ ธศาสนิกชน พร้อมกบั การปฏบิ ัตติ นไปในทางที่ถกู ทค่ี วร ทางพระพทุ ธศาสนา ❖ เขา้ ร่วมพธิ กี รรมทางพระพุทธศาสนาท่ีวัด หรอื องค์กร ตา่ ง ๆ จดั ขึน้ เช่น พิธีเวียนเทยี นเน่ืองในวันสาคญั ตา่ ง ๆ ทางพระพทุ ธศาสนา รักษาอุโบสถ ศีล พิธีเข้าพรรษา หรือตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นต้น สาหรับการเข้าร่วมกิจกรรมต้องมี ความพรอ้ งทางกาย วาจา ใจ มุ่งประโยชนแ์ ก่พระพทุ ธศาสนา ❖ o สงฆ์บวชแล้วจะได้รบั การฝึกอบรม 3 ด้าน o ศีล ควบคุมกาย วาจา ใจ ให้เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยถอื ศีลปาฏิโมกขห์ รือศลี 227 ข้อ o สมาธิ ฝึกจติ ใจด้วยการสมาธิวปิ ัสนา o ปญั ญา ศึกษาอบรมตนใหเ้ ป็นผู้รู้ ผมู้ วี ชิ าความรูต้ ิดตวั ❖ o พระสงฆ์บวชแลว้ จะศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม 2 แผนการเรยี น o แผนธรรม วินัยสงฆ์ พุทธประวัติ ความเรยี งธรรมะ พ.ร.บ.วินยั สงฆ์ ต้งั แต่นกั ธรรม ตรี-นกั ธรรมเอก o แผนบาลี เรียนไวยกรณบ์ าลี แปลภาษาบาลี แต่งบาลี ตั้งแตป่ ระโยค 1-3 และเปรยี ญ 3-9 ประโยค ❖ ❖ หน้าที่สาคัญของนกั บวช คือ การเผยแผพ่ ระศาสนาตามคาสงั่ สอนของพระบรมศาสดา ❖ ปฏบิ ัติหน้าที่ตามพทุ ธบญั ญตั ิ และประเพณที างพระศาสนา เช่น การบิณฑบิ าตร การลงอโุ บสถ การเจรญิ พุทธมนต์ การรบั กฐิน ผา้ ป่า เผยแผ่พระธรรมคาสอน ❖ ❖ .......................................................................................................................................................................................... ❖ ............................................................................................................................. .............................................................
❖ 72 ............................................................................................................................. ............................................................. ❖ .......................................................................................................................................................................................... ❖ .......................................................................................................................................................................................... ❖ ............................................................................................................................. ............................................................. ❖ อุบาสก อุบาสกิ า มีหนา้ ทตี่ ่อสังคมไทยในปจั จุบัน 3 ประการ o ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ปฏิบติ ใชห้ ลักธรรมในชีวิตจรงิ เพื่อ ประพฤติตนเป็นคนดีท้ังกาย วาจา ใจ o เข้ารว่ มกิจกรรม พิธรกรรมทางพระพทุ ธศาสนา o เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ทงั้ ความรู้ ความเข้าใจต่อบุคคลอ่ืน หรือการปฏบิ ตั ิตนเปน็ คนดี ตามแนวทางพระพุทธศาสนา ❖ o ปฏบิ ัตติ นตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา o ถา่ ยทอดความรู้ทางพระพทุ ธศาสนาแก่พทุ ธศาสนกิ ชนทกุ เพศ ทกุ วยั o ปกป้องมใิ หผ้ ูใ้ ดมาทาลายพระพทุ ธศาสนา ทั้งศาสนสถาน ศาสนวตั ถุ และการทาลาย ภาพลักษณ์ต่อคณะสงฆ์ o ธารงรักษาพระพุทธศาสนาดว้ ยการใสใ่ จปฏิบัติ ภาพ : https://www.coolzaa.com/knowing-buddha/
❖ 73 ชาวพทุ ธทกุ คนควรปฏบิ ัติตนตอ่ พระภิกษใุ ห้เหมาะสมทง้ั ทาง กาย วาจา และใจ ดงั นี้ 1) ทางกาย รจู้ กั แสดงความเคารพที่เหมาะสมแก่โอกาส เชน่ ลุกขึน้ ตอ้ นรับด้วย ฟงั ธรรม ดว้ ยอาการสงบ ปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมคาสอน 2) ทางวาจา มีความปรารถนาดีท้ังต่อหน้าและลับหลัง พูดจากับพระสงฆ์ด้วยคาพูดที่ ไพเราะ ใช้คาพูดที่ถูกต้องเหมาะสม ควรประนมมอื พดู กับท่าน ใหค้ าสรรพนามให้ถกู ต้อง 3) ทางใจ ควรคิดถึงท่านด้วยเมตตาจิต คือ แผ่ความรักความปรารถนาดีต่อท่าน คิดหา โอกาสทจี่ ะสนับสนุนบารุงทา่ นดว้ ยความเต็มใจ ❖ หมายถงึ การตอ้ นรบั ในโอกาสต่างๆ ควรปฏบิ ตั ดิ ังน้ี o การลกุ ข้ึนตอ้ นรบั – ถ้าเรานั่งเกา้ ออ้ี ยู่ พระสงฆเ์ ดินมา ควร ............................................................................................................................................................................ ถา้ เรานง่ั พื้นอยู่ พระสงฆ์เดนิ มา ควร ............................................................................................................................................................................ o การให้ท่ีน่ังพระภกิ ษุ – ในงานพธิ ีพระสงฆ์ควรน่งั ............................................................................................................................................................................ - ถ้าน่ังแถวเดยี วกบั พระสงฆ์ใหน้ ัง่ ด้าน.............................................ของพระสงฆ์ - ถ้าเป็นผหู้ ญงิ นัง่ แถวเดียวกับพระสงฆ์ ควรให้ ............................................................................................................................................................................ o การรับรองพระภกิ ษุ – เมอื่ พระสงฆม์ าถึงบ้านหรือพธิ ี ควรตอ้ นรับทา่ นด้วย ............................................................................................................................................................................ o การตามสง่ พระภกิ ษุ – เมือ่ พระสงฆ์จะเดินทางกลบั เจา้ ภาพควร .................................................................................................................................................................................... หลกั ปฏิสันถาร 2 ประกอบดว้ ย o อามิสปฏิสนั ถาร การปฏสิ ันถารด้วยสง่ิ ของตา่ งๆ เชน่ อาหาร เครอื่ งดืม่ ดอกไม้ ท่พี ัก เสือ้ ผา้ o ธรรมปฏิสันถาร การปฏิสนั ถารด้วยการกล่าวธรรม หรอื การแนะนาในทางธรรม ด้วยคาพูดทน่ี ่าฟัง ฟงั แล้วเกดิ ความสบายใจคลายทกุ ข์
74 ❖ Religion มาจากภาษาละติน ReligioReligio แปลวา่ สมั พันธ์ ผูกพัน ศาสนา คานม้ี าจากภาษาสนั กฤต แปลวา่ คาสง่ั สอน หรอื ข้อห้ามทาความชั่ว คาแนะนาทาความดี คือ ความผกู พนั ธ์ หรอื สมั พันธ์ทางจิตวญิ ญาณ ระหวา่ งมนษุ ยกบั ความเชอ่ื หรือมนษุ ยก์ บั ผเู้ ปน็ เจา้ หรอื เทพเจา้ ❖ o ความไม่รใู้ นปรากฏการณ์ธรรมชาติ o ความกลวั o ความตอ้ งการที่พึ่งทางใจ o ความต้องการความสงบสุขของสังคม เป็นเคร่อื งขัดเกลาจิตใจ ไม่มี พระพทุ ธเจา้ พระเยซู นบีมูฮาหมัด พระเวท พระไตรปฎิ ก ไบเบลิ อลั กุรอาน พราหมณ์ พระสงฆ์ บาทหลวง - เทวาลัย เทวสถาน วัด โบสถ์ มัสยิด พิธีศราทธ์ ,สังสการ ทาบญุ ตกั บาตร มสิ ซา ละหมาด ฮจั ญ์ ทกุ ศาสนาสอนให้ทาดี เว้นช่วั เป็นส่งิ ท่ีศาสนกิ ชนบชู าใครจะละเมิดมิได้
75 เชอ่ื ในพระเจา้ พระเจ้าเป็นผสู้ ร้าง ไมเ่ ช่อื ในพระเจ้า ไม่เชื่อวา่ พระเจา้ ควบคมุ สิ่งต่าง ๆ สร้างโลก หรอื ควบคุมสง่ิ ตา่ ง ๆ ทกุ สิ่งลว้ นเกิดข้นึ และเปล่ยี นแปลงไป เช่อื ในพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอิสลาม ตามกระบวนการธรรมชาติ เช่น ศาสนาพทุ ธ ศาสนายดู าย เช่ือในพระเจา้ หลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ❖ เป็นที่พ่งึ ยึดเหนยี่ ว และยกระดับจติ ใจมนษุ ย์ใหป้ ระพฤตปิ ฏิบัติในสิ่งทถี่ ูกท่ีควร ❖ สร้างจติ สานกึ คณุ ค่าของความเป็นมนษุ ย์ท่มี ีคุณธรรม ❖ บ่อเกดิ แห่งศิลปะวิทยาการ และวัฒนธรรม ประเพณีอันทรงคณุ คา่ ทสี่ ร้างสรรค์สงั คมและ เป็นมรดกของสังคม ❖ สร้างพลงั ความกล้าหาญให้กลา้ กระทาในสง่ิ ดี สิ่งท่ีควรปฏบิ ตั ิ ❖ ศาสนาชว่ ยให้มนยู ม์ ีความสมั พันธ์อนั ดรี ว่ มกนั ผา่ นกจิ กรรม หรือศาสนพธิ ที างศาสนา
76 ❖ เข้าใจหลักการ และหลักธรรม ของแตล่ ะศาสนาความเชือ่ ลว้ นแตกตา่ งกนั จงึ ควรยอมรบั และเคารพในความแตกต่าง ❖ อยู่ในศาสนสถานของศาสนาใด ควรปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บ หรอื วิธปี ฏิบัตขิ องศาสนานั้น ❖ แต่งกายถูกต้องเหมาะสมของศาสนพธิ ีของแตล่ ะศาสนาใช้ถอ้ ยคาสภุ าพ ให้เกียรติซ่ึงกนั และกนั ❖ ไม่ควรนารปู หรอื ส่ิงสกั การะ หรือสักษลกั ษณ์ทางศาสนาใด ๆ มาหมน่ิ เหยียด หรือลบ หลซู่ ึ่งความเชือ่ ของแตล่ ะศาสนา ศาสนา ......................................................... ประเภท............................................. พิธีกรรม ........................................................................................................................ เพ่อื ................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ศาสนา ......................................................... ประเภท............................................. พธิ ีกรรม ........................................................................................................................ เพอื่ ................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ศาสนา ......................................................... ประเภท............................................. พิธกี รรม ........................................................................................................................ เพื่อ ................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ศาสนา ......................................................... ประเภท............................................. พธิ ีกรรม ........................................................................................................................ เพ่อื ................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ศาสนา ......................................................... ประเภท............................................. พิธกี รรม ........................................................................................................................ เพอ่ื ................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................
77 ❖ ศาสนาที่มีผู้นับถือมากท่ีสุดในโลก ถือกาเนิดใน ดินแดนปาเลสไตน์ ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มี วิวัฒนาการมาจากศาสนายูดาห์ เปน็ ศาสนาประเภทเอก เทวนิยม มีพระเจ้าสูงสุดองค์เดียว คือ พระยาห์เวห์ มี พระเยซูครสิ ตเ์ ป็นศาสดา ❖ : พระเยซูคริสต์ ประสูติท่ีเมืองนาซาเร็ธ อาณาจักรกาลิลี เมื่อ พ.ศ. ๕๔๓ มีบิดาช่ือ โยเซฟ และ มมี ารดาชือ่ มารยี ์ ❖ เป็นสาวกในศาสนายูดาห์ ทรงอดอาหาร บาเพ็ญ ศีลภาวนาระลึกถึงพระเยห์วาห์ และตริตรองธรรมะแล้ว จึงออกไปเผยแพรห่ นทางสกู่ ารหลุดพน้ ที่แท้จริง ❖ คาสอนของพระเยซูแตกต่างไปจากคาสอนด้ังเดิม ของศาสนายูดาห์ ❖ ชาวยิวไม่พอใจในคาสอนของพระเยซู กล่าวหา พระองค์ว่าอ้างตนเป็นบุตรพระเจ้าคิดก่อกบฏตั้งตนเป็น กษตั ริย์ ศาลพจิ ารณาวา่ ไม่มีความผดิ ❖ ด้วยเสียงข้างมากของประชาชนทาให้พระองค์ทรง ถกู ตรงึ ไม้กางเขน และสิน้ พระชนม์ ❖ คมั ภีร์ไบเบิล พัฒนามาจาก คมั ภีรใ์ นศาสนายูดาห์พนั ธ ไบเบิล หรอื พนั ธสัญญาใหม่ คมั ภรี ์ในศาสนายูดาห์ แต่มี สัญญาเดมิ กล่าวถงึ ความ เป็นคัมภรี ์ของศาสนาคริสตโ์ ดย เนอื้ หาประวตั ิ ความสัมพนั ธ์ เปน็ มาของจักรวาล แทจ้ รงิ กลา่ วถงึ ประวตั ิศาสตร์ ระหวา่ งพระเจ้ากบั มนษุ ย์ มนษุ ยชาติ ประวตั ิชน เช่ือวา่ คัมภีร์ไบเบลิ เปน็ พระวจนะ ชาตยิ ิว ศาสนพิธี เปน็ ต้น คาสอน และสงั คมของชาว ของพระเปน็ เจา้ เปน็ บอ่ เกิดแห่ง ครสิ ต์ นบั ตัง้ แตพ่ ระเยซคู ริสต์ สัจธรรม อันจะนามนษุ ยไ์ ปสู่ ถกู ตรึงบนไม้กางเขน ความหลุดพน้ จากบาป และนามนษุ ยไ์ ปหาพระเจา้
❖ 78 นิกายดัง้ เดมิ ยดึ ม่นั ในหลกั คา แยกออกมาจากนิกาย นิกายท่ีคดั ค้านความเช่ือ สอนของพระเยซคู ริสต์ เช่ือใน โรมนั คาทอลิกด้วยเหตผุ ลทาง และการปฏิบตั แิ บบโรมนั คาทอลกิ บรรดานักบญุ ต่างๆ มีสมเด็จ การเมอื งและวฒั นธรรม มีมุข เชื่อว่าศรทั ธาของแตล่ ะคนท่มี ตี ่อ พระสนั ตะปาปาเปน็ ประมุข. พระเจ้าสาคัญกวา่ พธิ กี รรม แยก นายกมิซซงั (เดมิ เรียกว่า ย่อยออกเป็นหลายนกิ าย จากมี “สังฆราช”) เปน็ ประมุข ความเหน็ แตกตา่ งกนั เกีย่ วกับ คัมภรี ์ และการปฏบิ ตั ิในพธิ ีกรรม ไมม่ นี กั บวช มีเพียงไมก้ างเขนเป็น เคร่ืองหมายเท่านน้ั เชน่ นิกายลูเทอร์ นิกายแองกลคิ ัน ❖ เชื่อวา่ มพี ระเปน็ เจ้าองคเ์ ดยี ว แต่มี 3 สถานภาพ ผทู้ รงสร้างโลกมนษุ ย์ และสรรพสงิ่ หรอื พระเยซู ผู้ทรงเกิดมาเปน็ มนษุ ยเ์ พอ่ื ไถม่ นษุ ย์ จากบาป จิตวญิ ญาณของมนษุ ยเ์ พื่อเกอ้ื หนนุ ใหม้ นุษยม์ ี คณุ ธรรม และเพ่อื ชว่ ยนาทางมนษุ ยไ์ ป ส่พู ระเป็นเจา้ คาสอนทว่ี ่าด้วยความรัก ความเมตตากรณุ า จดุ ม่งุ หมายสูงสุดของครสิ ต์ศาสนิกชน ความเสยี สละ และการใหอ้ ภัย เนื่องด้วย คือ การเขา้ ไป สูอ่ าณาจักรพระเจา้ ด้วยศรทั ธา มนษุ ย์ทกุ คนลว้ นเปน็ บุตรของพระเปน็ เจา้ จึง ในพระเจา้ และพระเยซมู จี ติ ใจบริสุทธ์ิ รกั ควรรกั กนั เสมือนพน่ี อ้ ง และควรใหค้ วามรกั แก่ และเมตตาเพื่อนมนษุ ย์ และปฏบิ ัตติ ามบัญญตั ิ 10 ประการ ซึ่งเปน็ หลกั ธรรมเพือ่ อบรมสงั่ สอน ทุกคนแม้กระทัง่ ศัตรู ให้มนยุ ์ ประพฤตดิ ีปฏบิ ัตชิ อบ
❖ 79 o สาหรับผเู้ รมิ่ นับถอื ศาสนาคริสต์ เหตุท่ตี อ้ งทาพิธีล้างบาปเพราะเชื่อ วา่ มนุษย์ทกุ คนมีบาปตดิ ตวั มาต้ังแตก่ าเนดิ o สรา้ งกาลงั ใจเกดิ พลงั ในการปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาได้ดีขึ้น o เพื่อแสดงถึงน้าพระทัยของ พระเจา้ วา่ พระองค์พรอ้ มใหอ้ ภยั เสมอ หากมนุษยส์ านึกในความผิดพลาด o ระลกึ ถงึ การรบั ประทานอาหารคร้งั สดุ ท้ายของพระเยซูและสาวก 12 คนก่อนตรงึ ไมก้ างเขน และระลึกเสมอวา่ พระเยซูจะกลบั มา o เพอ่ื ให้คนไขร้ ะลกึ ถงึ พระเจา้ และใหก้ าลงั ใจในการต่อส้จู ากภัย เจ็บป่วย o พธิ ีแตง่ งานโดยบาทหลวงประกอบพธิ เี พอื่ แสดงวา่ คู่บา่ วสาวจะเปน็ สามี ภรรยากนั อยา่ งถกู ต้องตามกฎหมาย o พิธีแตง่ ตั้งบคุ คลใหม้ ีตาแหน่งหน้าทใี่ นครสิ ตจกั ร ❖ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม นับ ถืออัลลอฮ์เป็นพระเจ้าองค์เดียว มีมูฮัมมัดเป็นศาสดา เคาะลฟี ะฮ์ หรือกาหลิบ หรือ สลุ ต่าน คือศาสนทายาท ท่ีได้ทาหน้าท่ีเผยแผ่ศาสนาเพราะศาสนาอิสลามไม่มี นกั บวช ❖ : ศาสดามุฮัมมัด ประสูติที่นครมักกะฮ์ (เมกกะ) เมอื่ พ.ศ. 1113 ประเทศซาอดุ ีอาระเบีย ❖ เป็นบตุ รของนายอับดลุ ลอฮ์ และนางอามีนะฮ์ ❖ เม่ือบิดามารดาถึงแก่กรรมจึงอยู่ในความอุปการะ ของนายอบูฎอลิบ ผู้เป็นลุง ทั้งติดตามลุงไปค้าขายใน ดินแดนต่าง ๆ ทาให้ท่านไดร้ ับประสบการณ์ชวี ิตตา่ ง ๆ มากมาย และได้แตง่ งานกบั คอดียะฮ์ ❖ “อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของ พระองค์” ผ่านโองการที่ญิบรีลมอบให้ ท่านจึงทรงเร่ิม ประกาศศาสนา ❖ ท่านเร่ิมประกาศศาสนาผ่านญาติ และคนรู้จัก และชาวเมอื งในเวลาตอ่ มา เพราะขณะนัน้ ชาวเมอื งมีการนบั ถอื เทพเจ้าหลายองค์ ❖ ท่านทรงนาชาวมุสลิมไปทาพิธีฮัจญ์ท่ีนครมักกะฮ์ และแสดงธรรมคร้ังสุดท้ายท่ียอดภูเขา อาราฟะ
❖ 80 o บทบญั ญตั ิดว้ ยทฤษฎี และภาคปฏบิ ัติ มุสลิมทุกคนต้องเรยี นรู้ และปฏบิ ตั ิตามคาสอนทเี่ นน้ เรือ่ ง การดาเนินชีวิต การประกอบอาชพี และเปน็ แหล่งรวมหลกั ธรรม กฎหมาย ฯลฯ ไว้อยา่ งครบถว้ น o หรอื ซนุ นะฮ์ บันทกึ คาสง่ั สอน และแบบอยา่ ง การดาเนินชวี ิตของศาสดา ขยายความ เข้าใจให้ชาวมสุ ลมิ เข้าใจการปฏบิ ัติตนมากยิง่ ขึน้ ❖ o นับถือและปฏิบัติตามแนวทางของศาสดามุฮัมมัด และตามคัมภีร์อัลกุรอาน อยา่ งเครง่ ครดั โดยใช้หมวกสีขาวหรือ ฮิญาบเป็นสัญลกั ษณ์ o กลุ่มท่ีแยกตัวออกมา เพราะความขัดแย้งในหมู่ผู้นา เมื่อกาหลิบอาลี ถูกลอบสังหารจากฝา่ ยตรงข้าม แลว้ ตัง้ นิกายชีอะฮข์ ึน้ ใชห้ มวกสีแดงเปน็ สญั ลกั ษณ์ o เน้นความบริสุทธ์ิของศาสนา โดยยึดถือคัมภีร์อัลกุรอานและคาสอนของ ศาสดามุฮัมมัดเท่านนั้ o นิกายน้ีจะนุ่งผา้ ท่ีทาด้วยขนแกะชนิดหยาบและประพฤติตนคล้ายนักบวช เน้น สอนเร่ืองการชาระวิญญาณใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ สละความฟงุ้ เฟ้อ และบาเพ็ญพรต ❖ หลัก หลัก ศรทั ธ หลกั ธรรม ปฏิบัติ า หลกั ศรทั ธา 6 ประการ หลกั ปฏบิ ตั ิ 5 ประการ ❖ ศรทั ธาในอัลลอฮเ์ ป็นพระเจา้ องคเ์ ดยี ว ❖ การปฏญิ าณตน ❖ ศรัทธาในเทวทูตของอลั ลอฮ์ ❖ การละหมาดวนั ละ 5 เวลา ❖ ศรัทธาในคมั ภรี ์อลั กรุ อาน ❖ การถอื ศีลอด ❖ ศรัทธาตอ่ ศาสนทูต ❖ การบรจิ ากซะกาต ❖ ศรทั ธาต่อวันสิน้ โลก ❖ ศรัทธาในการกาหนดสภาวะของอัลลอฮ์ (บรจิ าคทรพั ย์ตามศาสนบญั ญตั )ิ ❖ การประกอบพธิ ีฮจั ญ์ ณ นครเมกะ ซาอฯุ
❖ 81 การประกอบพธิ ฮี จั ญ์ หรอื การ นมาซ คือ การขอพรตอ่ อลั ลอฮ์ แสวงบญุ ณ นครเมกะฮ์ ประเทศ เปน็ การปฏิบัตติ ามศาสดามี ซาอุดิอาระเบีย มสุ ลมิ ผมู้ ีศรัทธา จุดประสงค์สาคญั ในการชาระจิตใจ มีทรพั ย์เพยี งพอ ประกอบพิธี ให้บรสิ ุทธ์ิ มุสลมิ ท่บี รรลุนิติภาวะ ละหมาด ถอื ศีลอดครบถว้ นแล้ว ทางกายแล้วจะละหมาดวันละ 5 จงึ จะเดินทางไปประกอบพธิ ฮี ัจญ์ เวลา คอื รงุ่ สาง บ่าย เย็น พลบ ค่า และกลางคนื ❖ เป็นศาสนาท่ีเก่าแก่มากที่สุด ไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่ามีอายุไมน่ อ้ ย กว่า 4 พันปี ไม่มีศาสดา การขยายตัวของศาสนา และนาแนวคิดจากนักปราชญ์ เป็น หลกั การของศาสนา จึงมวี ัฒนาการ และเรือ่ งราว ซบั ซอ้ นกว่าศาสนาอ่นื ❖ สนาตนธรรม หมายถึง ศาสนาอันเปน็ ของเก่า หรือนิรันดร์ เป็นศาสนาด้ังเดิมของชนเผ่า อารยัน นาความเช่ือของพวกตนมาผสมผสานกับวัฒนธรรมของพวกทราวิฑเดียน แล้วตั้ง เปน็ ศาสนาประจาชาติ เรียกว่า ศาสนาพราหมณ์ ❖ ศาสนาพราหมณ์มีการปฏิรูปคาใหม่ เรียกว่า ฮินดูธรรม แปลว่า ธรรมท่ีสอนลัทธิอหิงสา จึงมชี ่ือเรยี กอีกอยา่ งวา่ ศาสนาฮนิ ดู ❖ เป็นศาสนาประเภทเทวนิยม คือ เอกเทวนิยม นับถือ พรหมัน จากน้ันจึงวิวัฒนาการเป็น พหเุ ทวนยิ ม นบั ถอื เทพเจ้าหลายองค์
❖ 82 การอวตารรวมของพระเปน็ เจา้ สงู สดุ ทั้งสามองคใ์ นศาสนา ฮนิ ดู อันได้แก่ พระพรหม (พระผู้สรา้ ง) พระวษิ ณุ (ผปู้ กปอ้ งรักษา) และ พระศิวะ (ผทู้ าลาย) หรือ พระอิศวร นงุ่ หม่ หนงั เสือเหมอื นฤๅษี มสี ังวาลย์เปน็ ลูกประคาหรือกะโหลกมนุษย์ มงี เู ห่าคล้องพระศอ ไว้พระ เกศายาว ซึ่งจะมว้ นเปน็ จุฑา (มวยผม) มพี ระจันทร์เปน็ ปิน่ และแม่คงคาอยู่บนยอดจุฑา มตี าทีส่ ามกลางพระนลาฏ ซงึ่ โดยปกตจิ ะปิดอยูเ่ สมอ เช่ือวา่ หากเปดิ ข้นึ เม่ือไหร่จะบันดาล ให้ไฟบรรลัยกลั ปเ์ ผาผลาญลา้ งโลก เป็นการส้ินสุดกปั หนึง่ ก่อนท่ีพระพรหมจะสรา้ งโลกข้นึ มาใหม่ หรือพระนารายณ์ มีหนา้ ทีค่ ุ้มครองดูแลรกั ษาท้ังสามโลก มี พระวรกายเปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองคด์ ง่ั กษัตริย์ มี มงกฎุ ทอง อาภรณส์ เี หลือง มี 4 กร ถอื สงั ข์ จกั รสุทรรศน์ คทาเกาโมทกี หรือถอื จกั ร์ สังข์ คทา ดอกบัว หรอื ไมถ่ อื อะไรเลยบ้าง อย่ใู นลักษณะประทานพร เปน็ เทพเจ้าแหง่ การสรา้ งสรรค์ ความเมตตา เปน็ พระผู้สรา้ ง โลกและใหก้ าเนิดส่งิ ตา่ ง ๆ ในจักรวาล รวมทั้งคัมภรี ์พระเวท พระพรหมมีสพ่ี กั ตร์ พระศอสวมลูกประคา พระหัตถ์แต่ละ ข้างถือดอกบัว, คมั ภีร์ และหม้อนา้ มีพาหนะเปน็ หงส์หรือห่าน พระชายาคือพระสรุ สั วดี เทพแี ห่งศลิ ปะวิทยาการและความ รอบรู้
❖ 83 o มันตระต่าง ๆ เพอ่ื ขบั กล่อม ออ้ นวอน สดุดีพระเจา้ ▪ คมั ภรี ์ฤคเวท บทคาฉนั ท์อ้อนวอน สรรเสรญิ พระเจา้ ▪ คัมภีรย์ ชุรเวท ร้อยแก้คู่มอื พธิ กี รรม การประกอบพธิ ีของพราหมณ์ ▪ คัมภีรส์ ามเวท รวมบทสวดมนต์จากฤคเวท ใช้สาหรบั พธิ ีถวายน้าโสม และ ขับกล่อมพระเจ้า ▪ คมั ภรี อ์ าถรรพเวท อาคม มนต์ขลังศักดิส์ ิทธ์ิขับไล่สงิ่ อัปมงคล นาส่ิงชัว่ ร้ายสู่ ศตั รู o อธิบายการประกอบพธิ ีกรรมตา่ ง ๆ o ตาราคมู่ อื ของพราหมณ์ ในการปฏิบตั ติ นเป็นวานปรัสถ์ หรอื ผูอ้ ยปู่ า่ o ปรชั ญา แนวคิดท่ีเนน้ อาตมนั เทพเจ้า และโลกมนุษย์ ❖ 3 นกิ ายหลัก o เชื่อวา่ พระพรหมเปน็ ใหญก่ ว่าเทพเจ้าอ่ืน ๆ o เช่อื ว่าพระวิษณเุ ป็นเทพเจ้าสูงสุด หรือรู้จักในช่อื ลัทธอิ วตาร เพราะเชื่อ ว่าโลกมนษุ ย์เกิดยคุ เขญ็ องค์นารายณ์จะอวตารลงมาปราบยคุ เขญ็ (ยงั เปน็ ความเชอื่ สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ไทย) o เชื่อว่าพระศิวะเปน็ เทพเจ้าสูงสุด มุ่งสู่หนทาง “โมกษะ” หรือการหลุดพน้ จาก ทุกข์ แยกออกเป็น 2 นิกาย ▪ นิกายลิงคายัต นับถือรปู ศิวลงึ ค์ ▪ นกิ ายกาศมีรไศวะ นับถอื พระศิวะองค์เดยี ว ❖ o อายุ 8-25 ปี วัยศึกษาเล่าเรียน ไมย่ งุ่ เรื่องเพศ ตอ้ งทาพิธีเกศนสนั สกา (โกนผม) และพิธคี รุ ุทักษิณา (ไหวค้ รู) อายุ 26-50 ปี วัยทางาน หาเล้ยี งครอบครวั มีครอบครัว มบี ตุ รชายสืบสกุล และสะสมทรพั ยไ์ ว้ตามหลักครองเรอื น อายุ 51-75 ปี มอบทรพั ย์ให้แกบ่ ุตร ธิดา บาเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือส่วน-รวม เขา้ ป่าฝกึ จิตให้บรสิ ุทธิ์ (อาจทาเป็นคร้งั คราวก็ได)้ อายุ 76 เปน็ ตน้ ไป เขา้ สอู่ าศรมหรือสนั ยายี หรือเข้าสู่ผูต้ ้องการบรรลุโมกษะ ออกบวชถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต o ปลายทางสงู สุดของชวี ิต 4 ประการ อรรถะ สร้าวฐานะทางเศรษฐกจิ กามะ ความสุขทางโลก ธรรมะ ความสุขทางธรรม
โมกษะ หลุดพ้นจากการเวยี นว่าย ตาย เกดิ 84 ❖ o การกาหนดอาชพี การกินอาหาร ท่อี ยู่ การแต่งงานที่ห้ามปะปนกนั o ▪ ชาตกรรม พธิ ที าตัดสายสะดอื เด็กทารก ▪ นามกรณะ ตัง้ ชื่อเด็กเมือ่เกิดได้ 10-12 วนั ▪ อันนปราศนะ ถวายเคร่ืองสังเวยเทพเจา้ ในโอกาสที่เด็กสามารถกนิ ข้าวได้แล้ว หรอื อาหารแขง็ ▪ อุปนยนะ ผูกด้าย และสอนเวทมนต์แก่เด็ก ▪ สมาวรรตนะ พธิ ที ่ีเด็กหนุ่มสาเร็จการศึกษา ▪ วิวาหะ จดั ขนึ้ เม่อื เด็กหนุ่มเข้าสู่ วัยอาศรมคฤหัสถ์ ▪ เปรตกรรม พิธศี พเพ่อื อทุ ิศใหแ้ ก่คนตาย o ทาบญุ อทุ ศิ ใหแ้ กบ่ ิดา มารดา หรือบรรพบรุ ุษที่ล่วงลับไปแล้ว o สวดมนต์ บูชาเทพเจ้า ถือศีล นมสั การเทพเจา้ ณ เทวสถาน ซ่ึงกระทา พธิ ไี ปต่างกันแต่ละวรรณะ ❖ ศาสนาสขิ เกิดขน้ึ จาก การบีบบังคับขเู่ ขญ็ ทาง การเมือง ศาสนานจี้ ึง เป็นศาสนาของความ กล้าหาญของผเู้ สียสละ ศาสนานี้มีพระเจ้าองค์ เดยี ว ❖ ศาสดาองค์แรกมีนาม เดิมว่า นานัก หรอื ครุ ุ นานกั และคนสุดทา้ ย คุรโุ ควนิ ทสิงห์ ❖ ครุ ุนานกั ได้เหน็ กายทิพย์ของพระเจ้ามีความเชอื่ ในการบูชาพระเจ้า ผเู้ ป็นปฐมพรหม ทา่ นสละทาน และมอบทรพั ย์สมบตั ิแก่คนยากจน แล้วถือเพศเป็นนกั บวช ❖ ประกาศหลักคาสอนใหม่ในนามแห่ง อกาลปรุ ุษะ จนกระทงั่ วาระสุดท้ายแห่งชีวิต และละสังขารของ ตนไปเมอ่ื พ.ศ. 2082
❖ 85 ครนั ถสาหพิ แปลวา่ คมั ภรี ์แรก มีบทนพิ นธ์ ทสมครันถ์ แปลวา่ คมั ภีรศ์ ักดสิ์ ทิ ธ์ิ มกี าร ของคุรุ ตั้งแตอ่ งคท์ ่ี 1- คัมภีร์ของศาสดาองค์ท่ี 5 และมีบทประพนั ธ์ 10 ทคี่ รุ ุโควินทสิงห์ บรรจบุ ทสวดมนต์ ของนักบญุ ผมู้ ชี อื่ เสียง สรรเสริญพระเจา้ แหง่ ศาสนาฮนิ ดู และ รวบรวมไว้ แบง่ เป็น 2 คัมภรี ์ ศาสนาอิสลามผนวกอยู่ ด้วย ❖ หรอื นกิ ายสงิ ห์ หรือนกิ ายนานาปันถี นยิ มไวผ้ ม นิกายท่โี กนหนวด และไวห้ นวดยาว โกนเครา ❖ เชอ่ื ว่าพระเจ้าสร้างโลกนข้ี ้นึ มาเพ่อื เปน็ สถานท่ใี นการทาความดี โดย ปฏิบตั ิตามคาสอนใหเ้ ปน็ กิจวตั ร 11 ประการ o ลกุ ขึ้นแต่เชา้ ตรู่ o ทาจิตใหเ้ ต็มไปดว้ ยความรกั ในพระเจ้า o ใหท้ านเสมอ o พดู คาสุภาพออ่ นโยน o จงถอ่ มตน
o ทาดตี อ่ คนอน่ื 86 o อย่ากนิ หรือนอนมากเกินไป o ใช้จ่ายเฉพาะส่วนที่หามาได้ด้วยมือของตัวเอง o พยายามอยู่กับคนดที ัง้ กลางวนั และกลางคืน o ร่วมกับคนดสี วดบทสรรเสริญของคุรุ o ละเวน้ การพนัน สิ่งเสพติด และการประพฤตผิ ดิ ในกาม ❖ ชาวสขิ ทุกคนพึงทา คอื พธิ ปี าหุล หรือพธิ ีลา้ งบาป เมือ่ เสร็จพิธีแล้ว กร็ ับเอา “ก” ทง้ั 5 ประการ เมอื่ กระทาพธิ ีปาหุลแล้วกจ็ ะได้ชื่อว่าสิงห์ต่อท้ายชอ่ื ของตนเอง กาไลเหล็ก เครื่องเตือนใจ ไม่ตดั ผม ไวผ้ มยาวสาหรับ ทหารให้แขง็ แกรง่ อดทน ป้องกันศรีษะ กางเกงขาสั้น เพือ่ ความ หวีไมข้ นาดเลก็ เสยี บไวใ้ นผม ลอ่ งแคล่วในการทางาน เพ่อื ความเรียบร้อย เดนิ ทาง หรอื สรู้ บ ดาบสะพายขา้ ง สญั ลกั ษณข์ องความ กล้าหาญ พร้อมปกปอ้ งตนเองและผอู้ ่นื
87 ❖ ความรกั เพอื่ นมนุษย์ แมก้ ระท่งั ศตั รู และการให้อภัย “...จงรักศัตรู และ อวยพรแก่ผทู้ แี่ ชง่ ดา่ ทา่ น จงทาคุณแก่ผเู้ กลยี ดชงั ทา่ น จงอวยพรใหแ้ กผ่ ู้ ประทุษร้าย เพ่อื ท่านท้ังหลายจะได้เปน็ บตุ รของพระบิดา...” “...ถ้าผ้ใู ดตบ แก้มขวาของทา่ น ก็จงหันแก้มซ้ายใหเ้ ขาดว้ ย...” ❖ ประหยัดและความซ่ือสตั ย์ “จงเก็บรักษาเหรยี ญสลึงไว้ให้ดี แลว้ เหรยี ญ บาทจะรกั ษาตัวมนั เอง” ❖ มใี จเมตตา ออ่ นน้อมถ่อมตน และอดทน ❖ รกั ความยตุ ธิ รรม และเป็นเรอ่ื งสาคัญทต่ี อ้ งรกั ษาไว้ ❖ ศักดศ์ิ รีความเป็นมนษุ ยเ์ ทา่ เทียมกนั ❖ ความสามคั คสี ามารถทาให้มนษุ ย์อยูร่ ่วมกันไดใ้ นสังคมอย่างสงบสขุ ❖ ความยตุ ิธรรม เป็นเรอื่ งสาคัญที่สุด ต้องใหค้ วามยตุ ธิ รรมแกท่ กุ คน แม้ การไดร้ ับความยตุ ธิ รรมนน้ั ตนเอง ญาตพิ ีน่ อ้ งได้รับผลกระทบก็ตาม ❖ ความเสมอภาค ทกุ คนมีความเทา่ เทียมกัน แต่ตา่ งกนั ที่การฏบิ ัติดี ❖ เสรภี าพในศาสนา พระเจ้าประทานเสรภี าพแก่มนษุ ยท์ ่จี ะเลือกนบั ถือ อะไรก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับผลการตัดสนิ ใจของตน ❖ ความประนีประนอมกับมนุษยด์ ว้ ยกนั เป็นความต้องการของอลั ลอฮ์ ❖ ไมล่ ะเมดิ ขม่ เหงผ้อู ืน่ ❖ ทาหนา้ ที่จนลืมตนเองเป็นการทาหนา้ ทีท่ ่ีสงู ส่ง ซง่ึ เป็นหลกั ปฏิบัตติ อ่ บุคคลในสงั คม ❖ การมสี จั จะ พดู ความจรงิ และทาตามคาทีเ่ คยพดู ไว้ ไม่มีความอยากได้ ของผู้อน่ื มาเปน็ ของตัวเองการอยูร่ ว่ มในสังคมจะไมเ่ สียหาย ❖ ควรตอ้ นรับด้วยความเต็มใจ เอ้อื อารี แมจ้ ะเปน็ ศัตรู เรากค็ วรตอ้ นรับ ดว้ ยกิรยิ า วาจาท่สี ุภาพ ❖ เมตตากรุณา ช่วยเหลือผอู้ น่ื โดยไม่คดิ ถึงผล ประโยชนข์ องตนเอง ❖ ไม่ทาใหผ้ อู้ นื่ เจ็บท้ังทางใจ ทางกาย และทางวาจา จงทาจิตของทา่ นใหเ้ ต็มไปด้วยความรกั จงให้ทา่ นเสมอ จงพูดจาดว้ ยถอ้ ยคา สภุ าพตอ่ กัน จงออ่ นนอ้ มถอ่ มตน จงทาดีตอ่ ผู้อน่ื จงพยายามอย่กู บั คนดีทง้ั กลางวันและกลางคนื จงละเวน้ การพนนั สง่ิ เสพตดิ ทุกชนดิ และ ไม่ ประพฤติผดิ ในกาม
88 ศาสดา ........................................................................... ศาสดา ........................................................................... คมั ภีร์ ................................................................................. คมั ภีร์ ................................................................................. คาสอนสาคญั ................................................................ คาสอนสาคญั ................................................................ ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ศาสดา ........................................................................... ศาสดา ........................................................................... คมั ภีร์ ................................................................................. คัมภีร์ ................................................................................. คาสอนสาคัญ ................................................................ คาสอนสาคญั ................................................................ ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ศาสดา ................................................................................................................................................................. คมั ภรี ์ ............................................................................................................................................................................... คาสอนสาคัญ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................... ...
89 สานกั งานทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (O-Net สงั คมศึกษา 1 กุมภาพนั ธ์ 2557) 1. “ลทั ธอิ วตาร” เกยี่ วขอ้ งกบั นกิ ายใด ของศาสนาพราหมณ์ 1. นิกายพรหม 2. นกิ ายไศวะ 3. นิกายศกั ติ 4. นิกายไวษณพ 2. เหตกุ ารณส์ าคญั ในประวตั ขิ องพระเยซูเมื่อมพี ระชนม์ 30 พรรษา คอื ขอ้ ใด 1. ได้รับศีลจ่มุ จากจอหน์ ทแ่ี มน่ํา้ จอรแ์ ดน 2. ได้ฟงั ธรรมจากพระชาวยิวท่ีวหิ าร 3. ไดศ้ กึ ษาประวตั ิศาสนาและกฎหมายของฮิบรู 4. ได้ศึกษาด้านการแพทย์ 3. นกิ ายใดในศาสนาอิสลามท่ปี ฏิบตั ติ ามคัมภีร์อลั กรุ อานอย่างเครง่ ครดั 1. นกิ ายชอี ะฮ์ 2. นกิ ายซนุ นยี ์ 3. นิกายวาฮาบี 4. นกิ ายซฟู ี 4. หลังจากตรสั รูใ้ นวนั เพ็ญเดอื น 6 แลว้ พระพทุ ธเจ้าประทับจาพรรษาแรก ณ สถานทใี่ ด 1. ป่าอิสปิ ตนมฤคทายวัน 2. สวนลุมพินวี ัน 3. พระเชตวันวิหาร 4. วัดเวฬวนั 5. คาพงั เพยขอ้ ใดไมส่ อดคล้องกับ ความหมายของ วริ ิยะ 1. กอ่ รา่ งสร้างตัว 2. ตัวเปน็ เกลียว 3. ตนี ถีบปากกัด 4. พลกิ หน้ามือเปน็ หลงั มอื 6. ปัญจวัคคยี ์ ทา่ นใดไดช้ ่อื วา่ เป็นครูของพระสารบี ตุ ร 1. พระโกณฑญั ญะ 2. พระวปั ปะ 3. พระอสั สชิ 4. พระมหานามะ 7. ทา่ นสามารถฟังเร่ืองราวของ พระเวสสนั ดรไดจ้ ากประเพณใี ด 1. การสวดธมั มจกั กปั ปวัตนสตู ร 2. การเทศนม์ หาชาติ 3. การกวนขา้ วทพิ ย์ 4. การหล่อพระประธาน 8. ในการทาบุญงานมงคล เมื่อพระสงฆ์เดนิ ทางมาถึงแลว้ กอ่ นเรมิ่ พธิ ีจะตอ้ งเรม่ิ ปฏบิ ตั ิ อย่างไร 1. พระสงฆเ์ จิมประตทู างเขา้ บา้ น 2. เจ้าภาพจุดธูปเทียนท่โี ตะ๊ บชู า 3. อาราธนาศีล 4. อาราธนาพระปรติ ร 9. ขอ้ ใดชื่อว่าเป็น “บญุ ” ที่สูงสุด 1. การรกั ษาศลี 2. การให้อามสิ ทาน 3. การให้ธรรมทาน 4. การภาวนา
10. ผทู้ ม่ี ีสติต้งั มัน่ อยกู่ ับการทางาน จะได้ผลในข้อใดมากท่สี ดุ 90 1. ทางานไดท้ ุกอย่างในเวลาเดยี วกัน 2. ทางานได้โดยปราศจากอปุ สรรค 3. ทางานโดยไมผ่ ดิ พลาด 4. ทางานร่วมกบั ผูอ้ นื่ ได้ (7 วชิ าสามัญ สังคมศึกษา 17 มกราคม 2558) 11. ข้อใดกล่าวถงึ สังคมชมพูทวปี ได้ถูกต้องที่สุด 1. สงั คมชมพูทวีปเชือ่ วา่ ชวี ติ นีต้ ายแลว้ สูญ เรยี กว่าพวกสสั ตทิฐิ 2. สังคมชมพทู วีปมีการแบง่ ระบบวรรณะอยา่ งชัดเจน คนขายเส้อื ผา้ จัดอยู่ใน วรรณะศูทร 3. แคว้นอวนั ทเ่ี ป็นหน่งึ ในมหาชนบท 16 แคว้น มเี มืองหลวงคือเมอื งสาวัตถี 4. ในชมพูทวปี มรี ะบอบการปกครองแตกต่างกนั เชน่ การปกครองแบบสามคั คธี รรม ของแคว้นวชั ชี การปกครองแบบราชาธิปไตยของแคว้นมคธ 5. ศาสนาพราหมณ์เปรยี บเทยี บวรรณะท้ัง 4 ไว้ว่า กษัตรยิ ์เกิดจากปากของพระพรหม พราหมณเ์ กดิ จากแขนของพระพรหม แพศยเ์ กดิ จากขาของพระพรหม และศูทร เกิดจาก เท้าของพระพรหม 12. พระพุทธเจา้ เป็นบคุ คลผฝู้ ึกตนได้อยา่ งยอดเยี่ยมเพราะคุณสมบัติในขอ้ ใด 1. มีความตงั้ ใจอนั เด็ดเดย่ี วในการอทุ ศิ ตนอยา่ งยอดเยยี่ มที่จะบรรลโุ พธิญาณ 2. เชือ่ ตามคาสอนของครูแลว้ ปฏิบัตติ ามคาสอนจนประสบผลสาเรจ็ 3. มีอานาจส่ิงอศั จรรยต์ ่างๆ ดลบนั ดาลใหท้ รงค้นพบสจั ธรรมสูงสดุ 4. มีความสันโดษ ไมย่ ุ่งเก่ียวกับผูใ้ ดตลอดเวลา 5. มีพระกรุณาอันย่งิ ใหญ่ตอ่ สตั วโ์ ลกท้งั ปวง 13. บุคคลในข้อใดปฏิบัติตนตามหลักสมั มากัมมนั ตะในมรรคมอี งค์ 8 ไดถ้ ูกต้องที่สุด 1. เพชรฉายไม่คิดเบยี ดเบียนใครใหเ้ ดอื ดรอ้ น และคิดทีจ่ ะชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ทกุ เมอ่ื 2. นฤมลได้สมาทานศลี แปดและเจริญภาวนาอยูท่ ่วี ดั ทกุ วนั พระ 3. ปราโมทย์ตั้งใจทางานอยา่ งสุจรติ เพ่อื สรา้ งอนาคตท่มี น่ั คง 4. เกษมพจิ ารณาส่งิ ท่ีเห็นตามสภาพความเป็นจรงิ อยูเ่ สมอ 5. สมชายมีความพยายามทาในสิ่งทีเ่ ป็นบุญกศุ ลทุก ๆ วนั 14. สมรกั ษเ์ ป็นหวั หนา้ บริษัทจาหน่ายอปุ กรณก์ ารแพทย์ มีพนกั งานท่อี ยู่ใน ความรับผดิ ชอบ จานวนมาก สมรักษ์ควรยึดถอื หลักปฏิบตั ิตน ข้อใดในการปกครองพนกั งานทง้ั หมด 1. หลักอัตตาธปิ ไตย 2. หลกั ธรรมาธิปไตย 3. หลักโลกาธปิ ไตย 4. หลกั กามปุ าทาน 5. หลกั อัตตวาทปุ าทาน
15. หลักธรรมในข้อใดสามารถนามาใช้ในการดารงชวี ิตแบบพอเพยี งไดด้ ที ่สี ดุ 91 1. หลกั สงั คหวตั ถุ 4 2. หลักพรหมวิหาร 4 3. หลักสติปฏั ฐาน 4 4. หลักโภควภิ าค 4 5. หลักอริยสัจ 4 16. มนษุ ยเ์ ปน็ สัตวป์ ระเสรฐิ เพราะการศึกษา หมายความวา่ อย่างไร 1. การศกึ ษาทาใหม้ นษุ ยร์ ูจ้ กั วธิ สี ร้างรายไดอ้ ย่างมหาศาล 2. การศึกษาทาใหม้ นุษย์มคี วามตระหนักในศกั ยภาพของตน 3. การศกึ ษาทาใหม้ นษุ ย์สามารถเอาตวั รอดไดใ้ นทกุ สถานการณ์ 4. การศกึ ษาทาให้มนุษยเ์ ปน็ ศนู ยก์ ลางของโลกและควบคมุ ธรรมชาติได้ 5. การศึกษาทาให้มนษุ ยร์ ู้จักคดิ วเิ คราะห์ พัฒนาความรคู้ วามเข้าใจตอ่ ส่งิ ต่างๆ 17. อปริหานิยธรรม 7 คอื หลกั ธรรมไมเ่ ป็นที่ตัง้ แหง่ ความเสื่อม นามาใชใ้ นการปกครอง หม่คู ณะ เพ่อื ความสุขความเจรญิ ข้อใดไมน่ ับอยใู่ นหลักอปรหิ านยิ ธรรม 7 1. ไมล่ กั ขโมยของผอู้ ่นื 2. เคารพบชู าสกั การะเจดยี ์ 3. พร้อมเพรยี งในการประชมุ 4. ไมบ่ ัญญัติส่งิ ทไ่ี มค่ วรบัญญัติ 5. ให้การอารกั ขาพระภิกษสุ งฆห์ รอื ผทู้ รงศีล 18. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ระเบียบพธิ ขี องการถวายผ้าอาบนํา้ ฝนท่ีถกู ตอ้ ง 1. วันทนี่ ยิ มกาหนดถวายผา้ อาบนํา้ ฝนให้พระภกิ ษุสามเณรคอื วนั อาสาฬหบชู า 2. คาถวายผา้ อาบนํา้ ฝนในกรณที ี่ไมม่ ีเครอ่ื งบริวารไม่ตอ้ งกล่าวคาว่า สปรวิ ารานิ 3. หลังจากประเคนของถวายพระแล้ว พระสงฆ์อนโุ มทนา ชาวบ้านรบั พร แสดงว่าเสรจ็ พิธี 4. ให้เจา้ ของผา้ เขียนชอ่ื พระใส่ลงในบาตรแลว้ จบั สลาก เจ้าของผา้ จับได้รายชอ่ื พระ - รูป ใดกถ็ วายผา้ อาบนํา้ ฝนแดพ่ ระรูปนั้น 5. ก่อนจะมีพธิ ถี วายผา้ อาบนํา้ ฝน พระสงฆจ์ ะแสดงธรรม 1 กัณฑเ์ กยี่ วกบั ประวัติ และ อานสิ งส์ของการถวายผา้ อาบนํา้ ฝน 19. สวุ ทิ ย์เกดิ ความประทบั ใจ ดร. เอม็ เบดการ์ ในการเป็นชาวพทุ ธตน้ แบบ เขาจงึ ปฏิญาณตน เปน็ พทุ ธศาสนิกชนตามอย่าง ดร. เอ็มเบดการ์ คาปฏญิ าณตนที่ สุวทิ ย์ยดึ ถอื นน้ั ข้อใดกล่าวผิด จากความเปน็ จริง 1. ข้าพเจา้ จะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจาพวก 2. ข้าพเจ้าจะเชือ่ ศาสนาพทุ ธเทา่ นน้ั ทเี่ ป็นศาสนาทีแ่ ทจ้ รงิ 3. ข้าพเจ้าจะไมเ่ ชิญพราหมณ์มาทาพิธกี รรมทกุ อย่างอีกตอ่ ไป 4. ขา้ พเจ้าจะถงึ พระพทุ ธเจา้ แม้ปรนิ พิ พานไปนานแลว้ เปน็ สรณะทีร่ ะลึกนับถือ 5. ข้าพเจา้ จะไม่เชื่อว่าพระพุทธเจา้ คืออวตารของพระวษิ ณุ แตพ่ ระวิษณุคืออวตาร ของพระพทุ ธเจา้
20. สมศักดิ์ศกึ ษาธรรมจนเข้าใจชัดวา่ ทกุ สงิ่ ต้องเปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา สง่ิ มชี วี ิต เมื่อเกดิ 92 แล้วก็เปลยี่ นแปลงไปตามวยั และตายไปในที่สุด เขาจึงตง้ั ใจท่จี ะประพฤตดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจตามหลักสุจรติ 3 หลักธรรมดงั กล่าว เก่ียวเนื่องกบั วนั สาคัญทางศาสนาวันใด 1. วนั มาฆบชู า 2. วนั วิสาขบชู า 3. วนั อัฏฐมบี ชู า 4. วันเข้าพรรษา 5. วันอาสาฬหบูชา (O-Net สังคมศึกษา 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2559) 21. ในสงั คมชมพทู วปี วรรณะใดเป็นคนพ้นื ถิ่นด้ังเดิม ไมใ่ ชช่ าวอารยนั 1. ศทู ร 2. แพศย์ 3. กษัตริย์ 4. จัณฑาล 5. พราหมณ์ 22. การท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงมอบหมายพระสารบี ุตรซ่ึงมคี วามเปน็ เลิศทางปัญญาให้ รบั ผดิ ชอบงานด้านขยายเนื้อความธรรมภาษติ นบั ว่าพระองค์ทรงเปน็ แบบอย่าง ในดา้ นใด 1. การปกครองคน 2. การบริหารงานบคุ คล 3. การบริหารสงั ฆมณฑล 4. การบริหารจดั วางระบบ 5. การเปน็ นักประชาธปิ ไตย 23. นายสมศักดมิ์ ีความประพฤติถกู ต้องตามหลกั กายสุจรติ 3 สว่ นนางดวงกมลมีความคิด ท่ียดึ ถือความถูกตอ้ งตามหลกั มโนสุจรติ 3 แบบอย่างของคนทั้งสองสอดคล้องกบั หลกั ธรรมใดใน มรรคมอี งค์แปด 1. สมั มากมั มนั ตะ กับ สัมมาสงั กัปปะ 2. สัมมาวายามะ กบั สมั มาสงั กัปปะ 3. สมั มาอาชวี ะ กบั สมั มากัมมนั ตะ 4. สมั มาทิฏฐิ กบั สัมมากัมมนั ตะ 5. สัมมาสงั กัปปะ กับ สัมมาทิฏฐิ
24. เมอื่ ต้องการให้เกดิ ความระลกึ ถงึ กนั มีความสามคั คีและอยู่รว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข 93 สงั คมควรเลอื กใช้หลักธรรมข้อใดในการดาเนนิ ชวี ติ 1. อธิปไตย 3 2. อทิ ธิบาท 4 3. อนิ ทรีย์ 5 4. อริยวัฑฒิ 5 5. สาราณียธรรม 6 25. ทศชาติชาดกคือเร่อื งเก่ยี วกับการบาเพ็ญบารมีของพระพทุ ธเจ้าในอดีตชาติ ถา้ เราสนใจศกึ ษาแนวคิดเรือ่ งปญั ญาบารมจี ะตอ้ งศกึ ษาชาดกเรือ่ งใด 1. สวุ ณั ณสามชาดก 2. เวสสนั ดรชาดก 3. มหาชนกชาดก 4. มโหสถชาดก 5. เตมยี ชาดก 26. อธิบายกระบวนการศกึ ษาแบบสัมมาทิฏฐไิ ด้ชดั เจนที่สดุ 1. ความคดิ เห็นทชี่ อบดว้ ยหลกั เหตุผลในวชิ าความรู้ต่างๆ 2. ความรคู้ วามเข้าใจตามสภาพความเปน็ จริง คือ รเู้ ทา่ ทันโลกและชีวิต 3. ความเห็นชอบทถี่ ูกต้องดงี ามเกี่ยวกับความเช่ือ คา่ นิยม และทศั นคติ 4. ความเชอื่ ทย่ี ึดถือวา่ ส่ิงที่รับรูเ้ ข้าใจ เปน็ ส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ชอบด้วยเหตผุ ล 5. ความคิดเห็นท่ีสนบั สนุนระเบียบวินยั ความประพฤติท่ดี ีงามทางสงั คม 27. หลกั ทฏิ ฐธมั มิกตั ถประโยชน์ มีลกั ษณะคาสอนทส่ี อดคลอ้ งกับข้อใด 1. สอนใหม้ ีความซ่อื สัตยส์ จุ ริต ฝกึ ฝนตน มคี วามอดทน และเสยี สละ 2. สอนใหม้ คี วามรักใคร่ มีความสงสาร มคี วามยนิ ดี และรจู้ กั วางใจเปน็ กลาง 3. สอนใหม้ คี วามพอใจในสง่ิ ทที่ า มีความเพียร เอาจติ ฝักใฝ่ และใช้ปญั ญาไตรต่ รอง 4. สอนให้รูจ้ ักการให้ การพูดจาไพเราะ การชว่ ยเหลือกนั และการเปน็ ผมู้ ีความสมํา่ เสมอ 5. สอนใหข้ ยันหมน่ั เพยี ร รู้จักเก็บรกั ษาทรพั ยท์ ีห่ ามาไดใ้ ห้คบคนดี และอยู่อยา่ งพอเพียง 28. นิวรณ์ 5 เปน็ สิง่ ทีก่ ดี ขวางจิตไมใ่ ห้บรรลคุ วามดี การทจี่ ติ ของมนุษย์มีความเช่ืองซมึ แสดงวา่ ถกู นวิ รณ์ ขอ้ ใดครอบงา 1. กามฉนั ทะ 2. ถีนมิทธะ 3. พยาบาท 4. วิจกิ ิจฉา 5. อุทธจั จกกุ กุจจะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120