Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 4-ทักษะและเจตคติทางวิทยาศาสตร์

4-ทักษะและเจตคติทางวิทยาศาสตร์

Published by yam-sasa, 2022-07-06 10:06:54

Description: 4-ทักษะและเจตคติทางวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

ทกั ษะและเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์

Topic  วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พ้ืนฐาน  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง  เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ข้นั ตอน 1. ข้ันกาหนดปัญหา (State Problem) ปัญหาเกิดจากการสังเกตซ่ึงเป็นข้นั ตอนท่ีสาคญั นาไปสู่ขอ้ เทจ็ จริง และทาใหเ้ กิดการระบุปัญหา Penicillium chrysogenum Alexander Fleming เช้ือแบคทีเรียStaphylococcus aureus Penicillin

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ข้นั ตอน 2. ข้ันต้งั สมมตฐิ าน (Formulation of Hypothesis) ตอ้ งเป็นสมมติฐานที่เขา้ ใจง่าย มกั นิยมใชว้ ลี \"ถา้ … ดงั น้นั \" และ เป็นสมมติฐานที่แนะลู่ทางที่จะตรวจสอบได้ เช่น ถ้าอุณภูมิของน้าสูงข้ึน ดงั น้ันจะทาใหน้ ้าระเหยเร็วข้ึน

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ข้นั ตอน 3. ข้ันตรวจสอบสมมุตฐิ าน(การทดลอง) การทดลอง การสังเกต การออกแบบการทดลอง  ตวั แปรอิสระหรือตวั แปรตน้ (Independent Variable or Manipulated Variable)  ตวั แปรตาม (Dependent Variable)  ตวั แปรที่ตอ้ งควบคุม (Control Variable) การปฏบิ ตั ิการทดลอง การบนั ทึกผลการทดลอง

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ข้นั ตอน 4. ข้ันวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data) เป็นข้นั ท่ีนาขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสังเกต การคน้ ควา้ การทดลองหรือ การรวบรวมหรือขอ้ เท็จจริงมาทาการวิเคราะห์ผลแลว้ นาไปเปรียบเทียบกบั สมมติฐานท่ีต้งั ไวว้ า่ สอดคลอ้ งกบั สมมติฐานขอ้ ใด

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 ข้นั ตอน 5. ข้ันสรุปผล (Conclusion of Result) เป็นข้นั ตอนท่ีนาเอาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากข้นั ตอนของการรวบรวมขอ้ มูลแลว้ มาสรุป พิจารณาวา่ ผลสรุปน้นั เหมือนกบั สมมติฐานท่ีต้งั ไวห้ รือไม่ ถา้ เหมือนกบั สมมติฐานท่ีต้งั ไว้ สมมติฐาน จะกลายเป็นทฤษฎี และทฤษฎีน้นั กส็ ามารถนาไปอธิบายขอ้ เทจ็ จริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง

topic  วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พ้ืนฐาน  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง  เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะ กระบวนการ ความชานาญและความสามารถ ความชานาญ ในการใช้การคิดและกระบวนการ ลาดบั การกระทาซ่ึง คิ ด เ พ่ื อ ค้น ห า ค ว า ม รู้ ร ว ม ท้ ัง ก า ร ดาเนินต่อเนื่องกนั แกป้ ัญหา ไป จนสาเร็จลงใน ระดบั หน่ึง

topic  วิธีการทางวิทยาศาสตร์  ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พืน้ ฐาน  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง  เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ทกั ษะการสังเกต (Observation) เป็นการใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้งั 5 เพ่อื หารายละเอียดของสิ่งน้นั ๆ ซ่ึงไดข้ อ้ มูลจากการสังเกต  ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ  ขอ้ มูลเชิงปริมาณ  ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การเปลี่ยนแปลง

แบบฝึ กทักษะการสังเกต จงบอกวา่ การสงั เกตต่อไปน้ีเป็นขอ้ มูลเชิงคุณภาพหรือขอ้ มูลเชิงปริมาณ และใชป้ ระสาทสัมผสั ใด ไมแ้ ท่งน้ีมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ประเภทขอ้ มูล ป.........ร......ะ.........ส......า......ตลตท......ิ้นาา...ส......มั.........ผ......ส...ั ......ท.........่ีใ......ช... ้ ดินสอยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ....ค..ุณ....ภ..า..พ......... ............ผ..วิ..ก...า.ย........... ...ป...ร..ิม...า..ณ.......... ............จ..ม...ูก.............. สม้ มีรสหวาน ...ค...ุณ...ภ...า.พ.......... .............ม..ือ................ ...ค...ุณ...ภ...า.พ.......... ............ต...า................ กระดาษแผน่ น้ีผวิ หยาบ ....ค...ุณ...ภ..า..พ......... ............ต...า................ เทียนแท่งน้ีมีกล่ินหอม ....ป..ร..ิ.ม..า..ณ.......... ............ล..ิ้น................. ดินน้ามนั กอ้ นน้ีหนกั ประมาณ 30 กรัม ...ค...ุณ...ภ...า.พ.......... ............ต..า................. เยน็ วนั น้ีเมฆลอยต่า ...เ.ป...ล...่ีย..น...แ..ป...ล..ง. ลูกโป่ งพองตวั ข้ึนเม่ือดารงเป่ าลมเขา้ ไป ...ค...ุณ...ภ...า.พ.......... มะพร้าวตน้ น้ีใหน้ ้ามีรสหวาน ....ป...ร.ิ.ม..า..ณ.......... ววั ฝงู น้ีมีประมาณ 50 ตวั

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ทกั ษะการวัด (Measurement) คือ ความสามารถในการใช้ เครื่องมือวดั หาปริมาณของสิ่งต่างๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งโดยมีหน่วย กากบั และรวมไปถึงการใชเ้ คร่ืองมืออยา่ งถูกตอ้ ง

แบบฝึ กหัดการวดั จงเติมคาตอบลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง เส้นตรง AB ยาว.............เซนติเมตร เส้นคด CD ยาว..................เซนติเมตร เคร่ืองมือที่ใชว้ ดั คือ.......ไ..ม...บ้ ..ร..ร...ท..ดั............... เคร่ืองมือที่ใชว้ ดั คือ....ไ..ม...บ้...ร..ร..ท...ดั ................. ยาว รูปสี่เหลี่ยม ABCD มีความกวา้ ง..............เซนติเมตร กวา้ ง ความยาว..............เซนติเมตร เครื่องมือท่ีใชว้ ดั คือ...ไ..ม...บ้...ร..ร..ท..ด.ั ..................

แบบฝึ กหัดการวดั ใหบ้ อกช่ือเคร่ืองมือท่ีใชว้ ดั ปริมาณของสิ่งต่อไปน้ี อุณหภูมิของน้าในแกว้ ..........................เ.ท..อ...ร..์โ..ม..ม...ิเ.ต..อ...ร..์ ................................................. ปริมาตรของน้าในแกว้ ..........................ก..ร..ะ..บ...อ..ก...ต..ว..ง..................................................... มวลของน้าในแกว้ ................................เ.ค..ร..่ือ...ง..ช..ง่ั........................................................... น้าหนกั ของผลสม้ 6 ผล........................เ.ค..ร..่ือ...ง..ช..ง่ั......................................................... ความสูงของตน้ ถวั่ ...............................ไ..ม...บ้ ..ร..ร...ท..ดั........................................................... ความยาวของหอ้ ง.................................ต...ล..บั...เ.ม..ต...ร......................................................... ความลึกของหลุมที่ขดุ ..........................ไ..ม...เ้.ม..ต...ร............................................................. ปริมาตรของเกลือในขวด......................ก..ร..ะ..บ...อ..ก...ต..ว..ง...................................................... น้าหนกั ของกระเป๋ าเส้ือผา้ ....................ต...า.ช...งั่.................................................................. อุณหภูมิร่างกายของเดก็ หญิงแดง.........ป...ร..อ..ท...ว..ดั...ไ..ข..้.....................................................

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ทกั ษะการคานวณ หรือ การใช้ตวั เลข (Using numbers) คือ ความสามารถในการบวก ลบ คูณ หาร ตวั เลขที่ แสดงคา่ ปริมาณของสิ่งใดส่ิงหน่ึง

แบบฝึ กหัดการคานวณและใช้ตัวเลข  รถจกั รยานหน่ึงคนั แล่นไดร้ ะยะทาง 150 กิโลเมตร ในเวลา 3 ชว่ั โมง จงหาวา่ รถจกั รยานคนั น้ีแลน่ ดว้ ย ความเร็วชวั่ โมงละกี่กิโลเมตร ตอบ 150 = 50 km/hr 3  ในการทดลองหาคา่ ความเร่ง เน่ืองจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก ไดท้ าการทดลอง 8 คร้ังไดค้ า่ จากการทดลอง ดงั น้ี 9.6 , 9.5, 9.9, 9.7 , 9.7 , 9.9, 10.3 และ 9.0 เมตรตอ่ วนิ าทีกาลงั สอง จงหาค่าเฉลี่ยของความเร็วเนื่องจาก แรงโนม้ ถว่ งของโลก ตอบ 9.6 + 9.5 + 9.9 + 9.7 + 9.7 + 9.9 + 10.3 + 9.0 = 9.7 m/s2 8

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ทกั ษะการจาแนกประเภท (Classification) คือ ความสามารถในการจดั จาแนกหรือเรียงลาดบั วตั ถุหรือส่ิงท่ี อยใู่ นปรากฏต่างๆ ออกเป็นหมวดหมู่โดยมีเกณฑท์ ่ีใชใ้ นการพิจารณา 3 ประการ คือ ความเหมือน ความ แตกต่าง และความสมั พนั ธ์

แบบฝึ กหัดการจดั จาแนก 5 44 5 สตั วม์ ี 2 พวก มีกระดูกสนั หลงั ไม่มีกระดูกสนั หลงั 4 45 2 1 ปลา 44 5 2 คร่ึงบกคร่ึงน้า 5 3 เล้ือยคลาน 4 สัตวป์ ี ก 4 353 5 เล้ียงลูกดว้ ยนม

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทกั ษะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปส และสเปสกบั เวลา (Space/Space relationship and Space/time relationship) คือ ความสามารถในระบุความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสิ่งต่อไปน้ี ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง 2 มิติกบั 3 มิติ สิ่งที่อยหู่ นา้ กระจกเงากบั ภาพในกระจกเป็นซา้ ยขวาของกนั และกนั อยา่ งไร ตาแหน่งท่ีอยขู่ องวตั ถุหน่ึงกบั อีกวตั ถุหน่ึง การเปล่ียนแปลงตาแหน่งท่ีอยู่ ของวตั ถุกบั เวลาหรือมิติของวตั ถุที่เปลี่ยนแปลงไปกบั เวลา มิติของวตั ถุ สเปส 1 มิติ มีความยาวและความกวา้ ง อยา่ งเดียว เช่น เส้นตรง ลวด ทองแดง สเปส 2 มิติ มีความกวา้ ง ความยาว ความหนานอ้ ยมาก (มีรูปร่าง) เช่น แผน่ กระดาษ สเปส 3 มิติ มีความกวา้ ง ความยาว ความหนา

แบบฝึ กหัดความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา 1 มิติ 2 มิติ 3 มิติ 1. ภาพคนในแผน่ ฟิ ลม์ 2. ตวั หนงั สือทาจากแผน่ โฟม 3. อนุสาวรียพ์ ระบรมรูปทรงมา้ 4. ส่วนของเส้นตรง 5. ดินสอ 6. ผา้ สาหรับตดั ผา้ 7. กระจกเงา 8. กลอ่ งกระดาษ 9. ปริซึม 10. วงกลม

แบบฝึ กหัดความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา บา้ นฉนั อยใู่ นคลองที่แยกจากแม่น้าเจา้ พระยาเขา้ ไป 1 กิโลเมตร บา้ นเพื่อนของฉนั อยรู่ ิมแม่น้าเจา้ พระยาห่างจาก ปากคลองฉนั ไป 4/3 กิโลเมตร วนั หน่ึงขณะน้านิ่งในคลอง ฉนั พายเรือจากบา้ นไปหาเพื่อนใชเ้ วลาท้งั หมดคร่ึง ชว่ั โมง โดยสังเกตเห็นวา่ ช่วงเวลาที่พายเรือจากบา้ นถึงปากคลองกบั ปากคลองถึงบา้ นเพือ่ นใชเ้ วลาเท่ากนั พอดี 1 ฉนั พายเรือกลบั จากบา้ นเพ่อื นถึงบา้ นฉนั จะใชเ้ วลาก่ีนาที 30 นาที 2 ถา้ ฉนั พายเรือทวนน้าจะไดช้ ว่ั โมงละก่ีกิโลเมตร 4.6 กิโลเมตร แม่น้าเจา้ พระยา 4/3 km ระยะทางจากบา้ นฉนั ไปบา้ นเพอ่ื น 1 + 1.3 = 2.3 กิโลเมตร บ้านเพอ่ื น แสดงวา่ ฉนั เดินทางจากบา้ นฉนั ไปบา้ นเพอ่ื นดว้ ยระยะทาง 2.3 กิโลเมตร ภายในเวลา 30 นาที 1 km แสดงวา่ พายเรือคิดเป็น 4.6 กิโลเมตร ต่อชวั่ โมง บ้านฉนั คลอง

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทกั ษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล (Organization data and communication) คือ ความสามารถ ในการนาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการสังเกต การวดั การทดลองและจากแหลง่ อ่ืนๆ มาจดั ใหม่ โดยวธิ ีการต่างๆ โดยการ นาเสนอในรูปตาราง แผนภูมิ แผนภาพ กราฟ

แบบฝึ กหัดการส่ือความหมาย ใหน้ กั เรียนส่ือความหมายของขอ้ มูลในรูปแผนภูมิแท่ง จากคาถามต่อไปน้ี ตาชมมีสวนขนาดหน่ึง ซ่ึงปลูกตน้ ไมไ้ วห้ ลายชนิด เช่น ทุเรียน 150 ตน้ มงั คุด 200 ตน้ ส้ม 100 ตน้ มะละกอ 100 ตน้ ชมพู่ 350 ตน้ 400 ต้นไม้ มะละกอ ชมพู่ 350 300 มงั คดุ ส้ม 250 ต้น 200 150 100 50 0 ทเุ รียน

แบบฝึ กหัดการส่ือความหมาย ใหน้ กั เรียนส่ือความหมายของขอ้ มูลในรูปวฏั จกั ร จากคาถามต่อไปน้ี คนและสัตวใ์ ชก้ า๊ ชออกซิเจนในกายหายใจ แลว้ คายก๊าซคาร์บอนไดออกไซดใ์ นการสังเคราะห์แสง แลว้ ไดก้ า๊ ซ ออกซิเจนออกมา คนและสตั ว์ คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน สงั เคราะห์แสง

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 7. ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) คือ ความสามารถในการนาเสนออธิบายขอ้ มูลท่ีมีอยซู่ ่ึงไดม้ า จากการสังเกต การวดั การทดลอง โดยเช่ือมโยงกบั ความรู้เดิมหรือประสบการณ์เดิม เพอ่ื สรุปความเห็น เกี่ยวกบั ขอ้ มูลน้นั ๆ

ขอ้ ความขา้ งลา่ งน้ี ขอ้ ใดเป็นการสังเกต และขอ้ ใดเป็นการลงความคิดเห็นใหข้ ีดเคร่ืองหมาย / ลงใน ( ) ที่คิด วา่ ถูกตอ้ งพร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ันๆ ประกอบคาตอบดว้ ย 1. น้ามนั ลอยน้าเพราะมีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ น้า ( ) เป็นการสงั เกต ( ) เป็นการลงความคิดเห็น เพราะ...ไ..ด..จ้..า..ก..ก..า.ร..ส..งั..เ.ก..ต..ก..า.ร..ท...ด..ล..อ..ง.แ..ล..ว้..น...า.ม..า..อ..ธ..ิบ..า..ย.โ..ด..ย..ใ..ช..ค้ ..ว..า.ม..ร..ู้เ.ด..ิม................... 2. ผชู้ ายที่สวมหมวกสีขาว ใสแวน่ ตาดา เป็นคนตาบอด ( ) เป็นการสงั เกต ( ) เป็นการลงความคิดเห็น เพราะ...ไ..ด..จ้..า..ก..ก..า.ร..ส..งั..เ.ก..ต..แ..ล..ะ..ใ.ช..ป.้ ..ร..ะ.ส...บ..ก..า..ร.ณ...์เ.ด..ิม..ใ..น..ก..า..ร.ล...ง.ค..ว..า..ม..เ.ห..็น...................... 3. มะพร้าวตน้ น้ีสูงประมาณ 1 เมตร ( ) เป็นการสงั เกต ( ) เป็นการลงความคิดเห็น เพราะ...ม...ีก..า.ร..ส..งั..เ.ก..ต..เ.ช..ิง.ป...ร.ิ.ม..า.ณ....แ..ต..่ไ..ม..่ไ..ด..ล้ ..ง.ค...ว.า..ม..เ.ห..็น...ว..า่ .ส..ูง..เ.ท..่า..ก..บั ..อ..ะ..ไ..ร..ห..ร.ื.อ..ส..ูง..ม..า.ก..ส..ูงนอ้ ย

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 8. ทักษะการพยากรณ์ (Prediction) คือ ความสามารถทานายหรือคาดคะเนส่ิงที่จะเกิดข้ึนล่วงหนา้ โดยอาศยั การสงั เกตปรากฏการณ์ซ้าๆ และนาความรู้ที่เป็นหลกั การ กฎหรือทฤษฎีในเร่ืองน้นั ๆ มาช่วยในการทานาย การทานายทาไดโ้ ดย  การพยากรณ์ในขอบเขตของขอ้ มูล (Interpolating)  การคาดคะเนปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดข้ึนจากขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการสังเกตในอดีต  การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตของขอ้ มูล (Extrapolating)  การคาดคะเนว่าการเพาะเมล็ดพืชชนิดใดชนิดหน่ึง มีอตั ราการงอกไม่ต่ากว่าร้อยละ 70 จาก ประสบการณ์การเพาะเมลด็ พชื ชนิดอื่นในอดีต

แบบฝึ กหัดการพยากรณ์ แผนกวจิ ยั ตลาดของบริษทั เฮงเฮง จากดั ตอ้ งการศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งยอดขายสินคา้ กบั คา่ ใชจ้ ่ายในการ โฆษณาของบริษทั จึงเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลในช่วง 8 ปี ท่ีผา่ นมาพบวา่ เป็นดงั น้ี ปี ท่ี 12345678 ค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณา (ลา้ นบาท) 5 6 10 12 15 14 18 20 ยอดขายสินคา้ (ลา้ นบาท) 40 45 65 75 90 85 105 115 จากขอ้ มูลขา้ งตน้ ใหน้ กั ศึกษาเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณา (ลา้ นบาท) กบั ยอดขาย สินคา้ (ลา้ นบาท) โดยใหค้ ่าใชจ้ ่ายในการโฆษณา แทนแกนนอน และยอดขายสินคา้ แทนแกนต้งั แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี

แบบฝึ กหัดการพยากรณ์ 1) เม่ือมีคา่ ใชจ้ ่ายในการโฆษณา 25 ลา้ นบาท จะมียอดขายสินคา้ ก่ีลา้ นบาท ปี ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณา (ลา้ นบาท) 5 6 10 12 15 14 18 20 25 ยอดขายสินคา้ (ลา้ นบาท) 40 45 65 75 90 85 105 115 ? ยอดขาย (ล้านบาท) คา่ ใชจ้ ่ายเพิ่มข้ึน 1 ลา้ นบาท จะทาใหย้ อดขายเพิ่มข้ึน 5 ลา้ นบาท 5 ถา้ ใชจ้ ่ายเพ่ิมข้ึน 5 ลา้ นบาท ยอดขายตอ้ งเพ่ิมข้ึน 25 ลา้ นบาท 25 160 140 115 + 25 = 140 120 100 80 2) ถา้ ตอ้ งการมียอดขายสินคา้ 130 ลา้ นบาทจะมีค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณากี่ลา้ นบาท 60 ยอดขายเปล่ียนแปลง 5 ลา้ นบาท ค่าใชจ้ ่ายเพิม่ ข้ึน 1 ลา้ นบาท 40 ถา้ ตอ้ งการยอดขายเปล่ียนแปลง 15 ลา้ นบาท ค่าใชจ้ ่ายเพิ่มข้ึน 3 ลา้ นบาท 20 0 6 10 12 15 14 18 20 25 20 ? 25 5 ยอดขาย (ล้านบาท) 115 130 140

topic  วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พ้ืนฐาน  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง  เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ทกั ษะการต้งั สมมตฐิ าน หมายถึง ความสามารถในการใหค้ าอธิบายซ่ึงเป็นคาตอบล่วงหนา้ ก่อนที่จะ ดาเนินการทดลอง เพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ ง สมมติฐานจะกล่าวในลกั ษณะที่บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ตวั แปรตน้ กบั ตวั แปรตาม มกั ข้ึนตน้ ดว้ ย “ถา้ ” ตอ่ ดว้ ยคาวา่ “ดงั น้นั ” ถา้ …………………………ดงั น้นั ………………….

แบบฝึ กหัดการต้งั สมมติฐาน จากภาพ ก ข ค และ ง เป็นภาชนะท่ีภายในบรรจุของเหลว เม่ือหยอ่ นวตั ถุต่าง ๆ ตามภาพลงในภาชนะท้งั 4 พร้อมปรากฏวา่ กอ้ นวตั ถุที่อยภู่ ายในเคลื่อนที่ลงกน้ ดว้ ยความเร็ว แตกตา่ งกนั ดงั ภาพ ปัญหา : ความเร็วของวตั ถุท่ีตกลงไปในของเหลวข้ึนอยกู่ บั อะไรบา้ ง 1. บอกลกั ษณะของวตั ถุซ่ึงอาจจะมีผลตอ่ ความเร็วของวตั ถุน้นั เม่ือตกลงไปในของเหลว 2. บอกชนิดและส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงอาจจะมีผลต่อความเร็วของวตั ถุน้นั เมื่อตกลงไปในของเหลว 3. ใหผ้ เู้ รียนต้งั สมมติฐานหลงั จากสามารถบอกชนิดของตวั แปรจากปัญหาขา้ งตน้ 2 สมมติฐาน

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ทกั ษะการกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ัตกิ าร หมายถึง ความสามารถในการกาหนดความหมายและขอบเขตของคา หรือตวั แปรต่างๆ ใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั และสามารถสงั เกต และวดั ได้

แบบฝึ กหัดการให้นิยามปฏิบตั ิการของตัวแปร 1. จงพิจารณานิยามของสิ่งต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ีวา่ นิยามขอ้ ใดเหมาะสมที่จะเป็นนิยามปฏิบตั ิการ 1.1 ก๊าซออกซิเจนเป็นก๊าซไม่มีกลิ่น แตล่ ะโมเลกลุ ประกอบดว้ ยธาตุออกซิเจน 2 อะตอม 1.2 ตวั นาไฟฟ้า คือ วตั ถุหรือสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีเมื่อนาเครื่องตรวจสอบการนาไฟฟ้ามาแตะแลว้ ไฟติด 1.3 เป็ด เป็นสตั วป์ ี กชนิดหน่ึงมี 2 ขา ไม่สามารถบินได้ 1.4 แคลลอรี่ คือ หน่วยวดั ปริมาณความร้อน 1.5 ความหนาแน่น คือ ผลท่ีไดจ้ ากการหาค่ามวลวตั ถุซ่ึงมีหน่วยเป็นกรัมต่อปริมาตร 1 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ทกั ษะกาหนดและควบคุมตวั แปร หมายถึง ความสามารถที่ช้ีบ่งไดว้ า่ ตวั แปรตวั ใดเป็นตวั แปรตน้ ตวั แปรใด เป็นตวั แปรตาม ตวั แปรใดเป็นตวั แปรควบคุมในการหาความสมั พนั ธ์ที่เกิดข้ึนระหวา่ งตวั แปรสมมติฐานหน่ึง หรือในปรากฏการณ์หน่ึง 3.1 ตวั แปรตน้ หรือตวั แปรอิสระ (Independent variable) หมายถึงสิ่งท่ีเป็นตน้ เหตุของการเปลี่ยนแปลงไม่อยใู่ น ความควบคุมของสิ่งใด ตอ้ งจดั ใหแ้ ตกต่างกนั ตามความตอ้ งการ 3.2 ตวั แปรตาม (Dependent variable) หมายถึง ส่ิงท่ีเปล่ียนแปลงไปตามการจดั เปล่ียนตวั แปรตน้ เป็นส่ิงท่ีตอ้ ง เฝ้าศึกษาติดตามในขณะทาการทดลอง 3.3 ตวั แปรที่ตอ้ งควบคุม (Controlled variable) หมายถึง สิ่งอ่ืน ๆ นอกเหนือจากตวั แปรตน้ ท่ีเป็นสาเหตุทา ใหผ้ ลการทดลองคลาดเคลื่อนไดถ้ า้ หากไม่มีการควบคุมใหเ้ หมือนกนั

แบบฝึ กหัดการกาหนดและการควบคุมตวั แปร เมื่อน้ามีอุณหภูมิสูงข้ึน ไข่ที่ตม้ จะสุกเร็วข้ึน ตวั แปรตน้ คือ .....อ...ุณ..ห...ภ..ูม..ิข..อ..ง..น..้า................................................................................................................ ตวั แปรตาม คือ .............ไ..ข..่ส..ุก.................................................................................................................... ตวั แปรท่ีตอ้ งควบคุม .......เ.ว..ล..า.ใ..น..ก..า..ร..ต..ม้...ป..ร..ิม..า..ณ..น...้า..................................................................................... ความสูงของตน้ ถว่ั ข้ึนอยกู่ บั ปริมาณของน้าท่ีตน้ ถวั่ ไดร้ ับ ตวั แปรตน้ คือ ...........ป..ร..ิม..า.ณ...ข..อ..ง..น..้า..ท..่ีต..น.้ ..ถ..ว่ั..ไ.ด...ร้ .ับ.......................................................................................... ตวั แปรตาม คือ .........ค..ว..า..ม..ส..ูง..ข..อ..ง..ต..น้ ..ถ..ว่ั...................................................................................................... ตวั แปรที่ตอ้ งควบคุม .......ป..๋ ุย...แ..ส..ง..แ..ด..ด...ค..ว..า.ม...ช.้.ืน...........................................................................................

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ทกั ษะการทดลอง หมายถึง ความสามารถในการดาเนินการตรวจสอบสมมติฐานดว้ ยการทดลอง โดยการ ทดลองแบ่งออกเป็น 3 ข้นั ตอน คือ  การออกแบบการทดลอง  การปฏิบตั ิการทดลอง  การบนั ทึกผลการทดลอง

แบบฝึ กหัดการทดลอง จงออกแบบการทดลองจากปัญหาต่อไปน้ี 1. น้าจะระเหยเร็วข้ึนหรือไม่ ถา้ พ้นื ผวิ หนา้ ของน้าถูกอากาศมากข้ึน ปัญหา ..........น..้า..ร.ะ..เ.ห..ย..เ.ร.็ว........................................................................................................................... สมมตฐิ าน...........น..้า..ร..ะ.เ.ห...ย.เ.ร..็ว..เ.ม..่ือ..พ...้ืน..ผ..วิ..ข..อ..ง.น..้.า.ถ..ูก..อ..า.ก..ศ..ม..า..ก..ข..้ึน.......................................................................................... ตวั แปรตน้ คือ ........ข..น..า..ด..ข..อ..ง.พ...้ืน..ผ..วิ..ห..น..า.้ .ท..่ีถ..ูก..อ..า..ก..า.ศ........................................................................................ ตวั แปรตาม คือ .............ก..า.ร..ร..ะ.เ.ห...ย.ข..อ..ง..ส..า..ร................................................................................................... ตวั แปรที่ตอ้ งควบคุม .......อ..ุณ..ห...ภ..ูม..ิข..อ..ง.น..้.า.แ..ล..ะ..ส..่ิง..แ..ว.ด..ล..อ้..ม................................................................................ อุปกรณ์ ………1.……ภ…าชน…ะใ…ส่น…้า…ขว…ด แ…กว้ …ถงั…น้า………………………………………………………………………………………………. ………2.……น…้า …………………………………………………………………………………………………………………… ………3.……น…าฬ…ิกาจ…บั เ…วล…า …………………………………………………………………………………………………………. ………54..……ไกม…ระบบ…รอรท…กตดั …ววงดั เ…สน้ …ผา่ …นศ…ูนย…ก์ ล…าง……………………………………………………………………………………………

แบบฝึ กหัดการทดลอง วธิ ีการทดลอง ……1…. …ตว…งน…้าใ…ส…่ใน…ภา…ชน…ะ…ที่เ…ตร…ียม…ไว…้ บ…นั …ทึก…ป…ริม…าต…รน…้าใ…น…แต…่ละ…ภา…ช…นะ………………………………………………………… ……2…. …วดั …ขน…า…ดเส…้น…ผา่…น…ศูน…ยก์…ล…างข…อ…งภ…าช…น…ะท…้งั ห…ม…ด แ…ล…ะค…าน…วณ…พ…้นื …ที่ผ…วิ ส…มั …ผสั…บ…นั …ทึก………………………………………… …………34…….. ……จเมบั ……ื่อเวค……ลราบ……1……ว……นั ว……ดั ……ปร……ิมา……ต……รน……้าท……่ีเห……ลือ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บนั ทึกผลการทดลอง ภาชนะ ปริมาตรก่อนทดลอง ปริมาตรหลงั 1 วนั ผา่ นไป พ้นื ที่ผวิ สมั ผสั ขวดน้า แกว้ น้า ถงั น้า

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป หมายถึง ความสามารถในการบอกความหมายของขอ้ มูลที่ ไดจ้ ดั กระทา และอยใู่ นรูปแบบที่ใชใ้ นการส่ือความหมาย ซ่ึงอาจจะอยใู่ นตาราง กราฟ แผนภูมิหรือรูปภาพ รวมท้งั บอก ความหมายของขอ้ มูลเชิงสถิติ ลงขอ้ สรุปโดยการนาเอาความหมายของขอ้ มูลที่ไดท้ ้งั หมด สรุป เห็นความสมั พนั ธ์ของขอ้ มูลที่เกี่ยวขอ้ งกบั ตวั แปรที่ตอ้ งการศึกษาภายในขอบเขตการทดลองน้นั ๆ

แบบฝึ กหัดการตคี วามหมายข้อมูลและลงสรุปข้อมูล ท่ีสโมสรกกุ๊ ไก่ มีแม่ไก่ 7 ตวั ช่ือ กกุ๊ ก๊ิก กา๊ บ ก๊อบ แก๊บ ก๊ดู แก๊บ กิ๊ก และโก๊ส กาลงั คุยกนั อยา่ งออกรสชาติ ใหน้ กั ศึกษาทายวา่ ไก่ตวั ไหนชื่อ ก๊าบ อะไรบา้ งจากขอ้ มูลต่อไปน้ี ก๊อบ - ก๊กุ กบั ก๊ิกชอบฟัง MP3 อยเู่ ป็นประจา ก๊กุ โก๊ส - กิ๊ก กา๊ บ และกอ๊ บ จะสวมแวน่ ตาเพราะสายตาส้ัน - แกบ๊ จะนงั่ อยรู่ ะหวา่ งกิ๊กกบั ก๊ดู - ส่วนก๊อบจะไม่เคยถอดสร้อยคอที่โกส๊ ใหเ้ ป็นของขวญั เลย ก๊ดู

topic  วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พ้ืนฐาน  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง  เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์

เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ คือ บุคคลทีมีลกั ษณะที่แสดงวา่ มีวธิ ีคิดหรือพฤติกรรมที่แสดงตอ่ หลกั วิชาการและ กิจกรรมทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชค้ วามรู้หรือหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์มาประกอบการพิจารณา องคป์ ระกอบของเจตคติ 1.ความคิด บุคคลที่มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2.ความรู้สึก 1.มีเหตุผล 3.พฤติกรรม 2.ความอยากรู้อยากเห็น 3.ใจกวา้ ง 4.ซ่ือสัตย์ 5.ความเพียรพยายาม 6.ความมีระเบียบรอบคอบ

สรุป  วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 5 ข้นั 1. ข้นั กาหนดปัญหา (State Problem) 2. ข้นั ต้งั สมมติฐาน (Formulation of Hypothesis) 3. ข้นั เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล (หรือการทดลอง) (Data Collection) 4. ข้นั วเิ คราะห์ขอ้ มูล (Analysis of Data) และ 5. ข้นั สรุปผล (Conclusion of Result)

สรุป  ทกั ษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการข้นั พ้ืนฐาน 1. การสังเกต 2. การวดั 3. การใชต้ วั เลข 4. การจาแนกประเภท 5. การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา 6. การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล 7. การลงความคิดเห็นจากขอ้ มูล 8. การพยากรณ์

สรุป  ทกั ษะกระบวนการข้นั สูง 1. การต้งั สมมติฐาน 2. การกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ 3. การกาหนดและควบคุมตวั แปร 4. การออกแบบและดาเนินการทดลอง 5. การตีความหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป

งาน คิดการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 1 การทดลอง และระบุหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี 1. ต้งั สมมติฐานของการทดลอง 2. การกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ (ถา้ มี) 3. การกาหนดและควบคุมตวั แปรของการทดลอง 4. การออกแบบและดาเนินการทดลอง 5. การตีความหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป (ถา้ มี) และออกมานาเสนอหนา้ หอ้ งในรูปแบบท่ีเหมาะสมกบั การทดลองของตนเอง

หาหวั ข้อโครงการทส่ี นใจศึกษา 1. ชอ่ื โครงการ 2. วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ 3. ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ (ใช้แก้ไขปัญหาเร่อื งอะไร) 4. มแี นวทางการศกึ ษาอย่างไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook