การจัดการเชิงกลยทุ ธ์ ในหน่วยงานภาครฐั Strategic Management in Public Sector (PUB 2207) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นทั นิชา หาสนุ ทรี
PUB 2207 #8 การกาหนดกลยทุ ธ์ 02วิธีการกาหนดกลยุทธ์ หลักเกณฑข์ องการกาหนดกลยุทธ์ 04ระดับของกลยุทธใ์ นองคก์ ร
การกาหนดกลยุทธ์ การกาหนดกลยุทธ์ เป็นการพัฒนาแผนระยะยาวบนรากฐานของโอกาส และอุปสรรค ที่ได้จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก และการ วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนที่ได้จาการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน โดย องคก์ ารจะตอ้ งกาหนดและเลอื กกลยุทธท์ ด่ี ีทีส่ ุดท่ีเหมาะสมกับองค์การที่สุด ทง้ั นีจ้ ะตอ้ งคานึงถึงระดบั ท่แี ตกต่างกนั ของกลยุทธ์ดว้ ย ซึ่งมี 3 ระดบั กลยทุ ธ์ระดับองค์การ (Corporate Strategy) เป็นกลยุทธท์ ค่ี รอบคลมุ และบ่งบอกถึงกลยทุ ธ์โดยรวม และทิศทางในการแขง่ ขนั ของ องค์การว่า องค์การจะมกี ารพัฒนาไปสทู่ ศิ ทางใด จะดาเนินงานอย่างไร และจะ จดั สรรทรัพยากรไปยังแตล่ ะหนว่ ยขององค์การอยา่ งไร กลยุทธ์ระดับธรุ กิจ (Business Strategy) เป็นการกาหนดกลยทุ ธใ์ นระดับทีย่ อ่ ยลงไป จะมงุ่ ปรับปรุงฐานะการแขง่ ขันของ องคก์ ารกับคแู่ ข่ง และระบุถึงวิธีการท่อี งค์การจะใช้ในการแข่งขัน มุ่งปรบั ปรงุ ฐานะ การแขง่ ขันของผลิตภณั ฑ์ให้สูงขึ้น กลยทุ ธร์ ะดับปฏิบตั ิการ (Operational Strategy) เปน็ การกาหนดกลยทุ ธ์ทค่ี รอบคลมุ วิธีการในการแข่งขนั แก่ผู้เกย่ี วข้องในหน่วยงาน (Function) ตา่ ง ๆ มุ่งเน้นใหแ้ ผนกงานตามหนา้ ทพ่ี ัฒนากลยทุ ธข์ ึน้ มา โดยอยภู่ ายใต้ กรอบของกลยทุ ธร์ ะดับองค์การและกลยุทธ์ระดบั ธรุ กิจ เช่น แผนการผลิต แผนการ ตลาด แผนการดาเนินงานทัว่ ไป แผนการเงิน แผนการด้านทรัพยากรบุคคล เปน็ ต้น
การจัดทายุทธศาสตร์ การจัดทายุทธศาสตร์หรือการจัดการเชิงกลยุทธ์ เป็นหลักการสาคัญที่ หรือ การจัดการเชิง ภาครัฐนามาประยุกต์ใช้ในการจัดทาแผนงานและบริหารงานโดย กลยุทธ์ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยกาหนดระเบียบ ใหม่ให้หน่วยงานภาครัฐทุกระดับมีการจัดทายุทธศาสตร์ โดยให้ ความสาคญั กับการกาหนดวสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ เป้าประสงค์ เป้าหมาย กล ยุทธ์ แผนงานโครงการขององค์กรอย่างเป็นระบบเพื่อใช้ติดตามและ ประเมินผลในการวัดความสาเร็จของงานอย่างสมา่ เสมอ การจัดการเชิงกลยุทธ์มีส่วนช่วยให้หน่วยงานภาครัฐในทุกระดับมีความ รับผิดชอบตอ่ ความสาเรจ็ และความล้มเหลวของตนเองมากขึ้น และช่วย ให้หน่วยงานได้พัฒนาตนเองให้ทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงได้อย่าง เหมาะสม การจัดการเชิงกลยุทธ์เป็นการกาหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ วัตถุประสงค์ และทิศทางการดาเนินงานของหน่วยงานอย่างเป็นระบบ เปน็ รูปกระทาสอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลง ช่วยให้การทางาน เกิดความสอดคล้องในระดบั ปฏิบัติ ทาใหเ้ กิดความเข้าใจตรงกันและเกิด ความร่วมมือ อีกทั้งช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ช่วยให้ผทู้ ีเ่ กี่ยวข้องในหน่วยงานเข้าใจภาพรวมโดยเฉพาะ เป้าหมายในการดาเนินงานทาให้สามารถจัดลาดับการดาเนินงาน ตามลาดับความสาคญั เรง่ ด่วนได้
การจัดทายทุ ธศาสตร์ หรือ การจัดการเชิงกลยทุ ธ์ มีขัน้ ตอนการดาเนินงานที่สอดคล้องกนั เปน็ ศาสตร์และศิลป์ในการดาเนินงาน 3 ส่วนที่เกีย่ วขอ้ ง 1. การวางแผนกลยทุ ธ์ 2. การนาแผนกลยุทธไ์ ปปฏิบตั ิ 3.การควบคุมและประเมินผลกลยทุ ธ์ Strategic Planning strategic implementation Strategic Control and Evaluation ขัน้ ตอนการจัดทายทุ ธศาสตร์ โ ด ย ก า ร ก า ห น ด ภ า ร กิ จ โดยการวางแผนงานโครงการ เ ป็ น ขั้ น ต อ น ข อ ง ก า ร วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ ต่างๆให้สอดคล้อง ซึ่งองค์กร ติดตาม ตรวจสอบ และ และกลยทุ ธ์ขององค์กร ซึ่ง จะต้องคัดเลือกโครงการที่ช่วย ประเมินว่าการดาเนินงาน ม า จ า ก ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ให้บรรลุวัตถุประสงค์และกล เ ป็ น ไ ป ต า ม แ น ว ท า ง ที่ สภาพแวดล้อมท้ังภายใน ยุ ท ธ์ ใ ห้ ม า ก ที่ สุ ด ภ า ย ใ ต้ ต้องการหรือไม่ และภายนอกขององค์กร ท รั พ ย า ก ร ข อ ง อ ง ค์ ก ร ที่ มี อ ยู่ อย่างจากดั
การจัดทายุทธศาสตร์ การจัดการเชิงกลยุทธ์จะประสบความสาเร็จได้นั้นไม่ได้ขึ้นกับการ หรือ การจัดการเชิง กาหนดกลยุทธ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการดาเนินกลยุทธ์ การ กลยุทธ์ ประเมินผลและการควบคุม เนื่องจากงานในแต่ละขั้นตอนมี ความสัมพันธ์กันมีผลกระทบต่อกัน โดยเฉพาะการนากลยุทธ์ไปสู่ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ผิ ่านการจดั ทาแผนงานโครงการหรือการสร้างแผนกล ยุทธ์น้ัน ซึ่งเป็นข้ันตอนสาคัญต่อความสาเร็จ หากลยุทธ์ดีแต่การนาไป ปฏิบัติไม่เกิดประโยชน์ก็อาจทาให้กลยุทธ์น้ันล้มเหลวได้และเกิดความ เสียหายตอบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังน้ันองค์กรจึงต้องเตรียมความ พร้อมของปัจจัยต่างๆได้แก่ ปัจจัยด้านบุคลากร ปัจจัยด้านงบประมาณ ปัจจัยด้านโครงสร้างขององค์กร ระบบงานต่างๆที่จาเป็น เพื่ออานวย ความสะดวกในการนาแผนกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์และลด ปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต รวมถึงต้องมีการติดตามและ ประเมินผลเพื่อส่งข้อมูลย้อนกลับให้สามารถปรับแผนกลยุทธ์ให้เข้ากับ การเปลย่ี นแปลงของสภาพแวดลอ้ มที่เกิดขึน้ อยา่ งเหมาะสม
การจัดทายุทธศาสตร์ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานมีการกาหนดกลยุทธ์ได้เหมาะสมกับ หรือ การจัดการเชิง หน่วยงานแต่ไม่สามารถวางแผนการดาเนินกลยุทธ์ (Strategic กลยุทธ์ Implementation) ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เนื่องจากขาดการพิจารณาความพร้อมของปัจจัยต่างๆที่ จาเป็น รวมถึงขาดความเข้าใจในการจัดการเชิงกลยุทธ์ทั้งระบบ ซึ่งการ จั ด ก า ร เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ ที่ ไ ด้ ผ ล นั้ น ต้ อ ง ค า นึ ง ถึ ง ก า ร ถ่ า ย ท อ ด ป ร ะ เ ด็ น ยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ต่างๆไปสู่การวางแผนปฏิบัติการหรือวางแผน งานโครงการเป็นสาคัญ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะต้องคัดเลือกโครงการที่ ช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ขององค์กรมากที่สุดภายใต้ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัดรวมถึงความเหมาะสมในการมอบหมายกล ยุทธ์แต่ละด้านให้แต่ละฝ่ายทาหน้าที่รับผิดชอบและการพิจารณาว่า สถานการณข์ ณะนั้นควรทากิจกรรมใดก่อนหลัง
การบริหารเชิงกลยทุ ธ์ เป็นการบรหิ ารอยา่ งมรี ะบบทีต่ ้องอาศยั วิสัยทศั น์ของผ้นู าองค์กร เป็นการบรหิ ารที่มีการวางแผนเป็นข้นั ตอนและ มกี ารวิเคราะหอ์ ย่างมีหลักเกณฑม์ ีนยั ยะสาคญั ของการบริหารเชงิ กลยทุ ธค์ ือ กระบวนการของการ การบรหิ ารที่เน้นการสรา้ ง ก า ร บ ริ ห า ร ที่ เ น้ น ก า ร การบริหารที่เน้นการสร้าง บรหิ ารองค์กรโดยรวม อนาคตในระยะยาว วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้ง กลยุทธ์องค์กร และกลยุทธ์ ภายนอกและภายในองค์กร เพื่อการแข่งขันให้องค์กร โดยเฉพาะสภาพแวดล้อม ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส า เ ร็ จ ไ ด้ ใ น ภายนอกจะเป็นตัวผลักดันที่ ระยะยาว สาคัญทีส่ ดุ
ตวั แบบการจดั การเชิงกลยทุ ธ์
กระบวนการบริหารเชิงกลยทุ ธ์
การกาหนดกลยุทธ์ในระดับกิจกรรม (Functional Level Strategies) การกาหนดกลยุทธร์ ะดับกิจกรรมเป็นการดาเนินการโดยพจิ ารณาจากหนา้ ทีข่ องหนว่ ยงานย่อยภายในองค์กร 5 ด้านคอื ดา้ นการปฏิบตั ิการ ดา้ นการตลาด เป็นการคิดคน้ กลยุทธ์เพื่อควบคุม เป็นการกาหนดแผนการตลาด เชน่ การกาหนดราคา การขยายตลาด Research and กระบวนการผลิต ได้แก่ การจัดการ Financial ซึ่งจะเปน็ หนา้ ที่ของฝ่ายขายหรือฝ่าย Human Resource กระบวนการผลิต ซึง่ เปน็ หนา้ ที่ของฝา่ ย Strategy Strategy การตลาด Development Strategy ผลติ ดา้ นการวจิ ยั และพัฒนา Operation ดา้ นการเงิน Marketing ด้านทรัพยากรบุคคล Strategy Strategy เป็นการค้นหาวิธีผลิตสนิ ค้าหรอื เปน็ การพิจารณาทีเ่ น้นความคุ้มค่าใน เปน็ การกาหนดแผนการบริหาร บริการใหม่ที่มคี ุณภาพดีกว่าซึง่ จะ การลงทุนก่อนที่จะตดั สินใจดาเนินงาน จัดการทรพั ยากรบุคคลเพือ่ เพิม่ ขดี การประเมนิ ผลสถานะทางการเงนิ เพือ่ ความสามารถขององค์กรในทกุ ด้าน เปน็ หนา้ ที่ของฝา่ ยวิชาการ การปรบั แผนต่อไป ซึง่ เปน็ หนา้ ทีข่ อง ซึง่ เป็นหนา้ ทีข่ องฝา่ ยบคุ คล ฝา่ ยคลังและฝา่ ยบญั ชีการเงนิ
กระบวนการวางแผนกลยุทธ์ ประกอบด้วยองค์ประกอบที่ สาคัญได้แก่ การกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ เป้าหมายขององค์กร และกาหนดกลยุทธ์ในการ ดาเนนิ งาน วิสัยทัศนท์ ี่ดี (Vision) ประกอบด้วย ➢ มีขอบเขตของการปฏิบัติงาน (Scope) ➢ มีความชดั เจนและสามารถนาไปปฏิบตั ิได้ (Implementability) ➢ เป็นภาพเชิงบวก (Positive Image) ที่ทุกคนในองค์กรมุ่งมั่นศรัทธาและ สะท้อนถงึ ความเป็นเลิศขององค์กร ➢ เป็นข้อความในเชิงบวก ปลุกเรา้ แ(Motivating) และดึงดูดใจ (Inspiring) ➢ ผู้นาและสมาชิกทุกคนในองค์กรมสี ว่ นร่วม (Participation) ➢ คานึงถึงความต้องการของผู้รับบรกิ ารเป็นสาคัญ (Customer Oriented) ➢ มีความสอดคล้องกับค่านิยม (Values) และนโยบายขององค์กร ( Policy) ➢ มีความสอดคล้องกบั แนวโน้มในอนาคต ( Future Trend)
ปจั จัยในการกาหนดวิสยั ทศั น์ ➢ ข้อมูลข่าวสารทงั้ ภายในและภายนอกองค์กร (Information) ➢ องคค์ วามรู้ของบคุ ลากรในองค์กร (Knowledge) ➢ ความคาดหวงั ของผู้มสี ่วนได้ส่วนเสยี ขององคก์ ร (Expectation) ➢ การผสมผสานด้านศกั ยภาพและความสามารถของ บคุ ลากรในลกั ษณะองคก์ รแหง่ การเรียนรู้ ( Learning Organization) ➢ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มของ องคก์ รอยา่ งเปน็ ระบบ (Systematic Approach) ➢ กาหนดทางเลือกขององคก์ รในการไปสู่อนาคตว่าควรใช้ กลยุทธ์ใด (Alternatives) ➢ รวมพลังสร้างนวัตกรรมเพื่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลงอย่าง เป็นรปู ประธรรม (Innovative)
พันธกิจ (Mission) เป็นการกาหนดขอบเขตของงานหรือ บทบาทหน้าที่ที่องคก์ รตอ้ งทา เพื่อใหบ้ รรลุวิสัยทัศน์ทีก่ าหนดไว้ ซึ่งมีรายละเอียดดงั นี้ ➢ ขอ้ ความพนั ธกจิ ( Mission statement) เป็นการแสดงแนวคิดและวิธีการดาเนินงานเพื่อบรรลุ วิสัยทัศน์ที่กาหนด ต้องพยายามทาเพื่อบรรลุ จะระบุ ขอบเขตการปฏิบัติการขององค์กรเกี่ยวกับผลผลิตและ การให้บริการ ซึ่งเป็นข้อความที่ชัดเจนและอธิบายถึง ค่านยิ มและลาดับความสาคัญตา่ งๆขององค์กร ➢ ความสาคญั ในการกาหนดพันธกจิ ใหช้ ัดเจน • เพือ่ เป็นหลักสาคญั ในการกาหนดเป้าหมาย และทิศทางองค์กร • เพื่อกาหนดหลักเกณฑม์ าตรฐานในการ จดั สรรทรัพยากรขององค์กร • เพือ่ ความสะดวกในการแปลความหมายของ เป้าประสงค์ในโครงสรา้ งการทางาน
เปา้ ประสงคห์ รือเป้าหมาย (Goal) การกาหนดสิง่ ทต่ี ้องการในอนาคตซึง่ องคก์ รตอ้ งพยายามให้ เกิดขน้ึ หรือผลลพั ธ์/ผลสาเร็จทอ่ี งค์กรตอ้ งการบรรลุ โดย จะต้องสอดคลอ้ งกบั พนั ธกิจท่ีกาหนดไว้ และหน่วยงานยอ่ ย ภายในองค์กรควรมีเปา้ ประสงคข์ องตนเองท่ีชดั เจนและ สนับสนุนซึ่งกนั และกัน ➢ เปา้ ประสงคห์ รือเป้าหมายทีด่ ี ประกอบด้วย • ขยายหลักการ สาระสาคัญท่ีระบุในวิสัยทัศน์/พันธ กิจ ให้มีความเปน็ รูปประธรรมมากขนึ้ • ระบถุ ึงกลมุ่ เป้าหมายที่องค์กรต้องการจะมอบส่ิงท่ีมี คณุ ค่าให้ • ระบุคุณค่า ผลประโยชน์ ความเปล่ียนแปลงท่ีจะ เกดิ ขนึ้ ต่อกลุ่มเป้าหมาย • ต้องเป็นรูปประธรรม สามารถแปลงเป็นกิจกรรมท่ี ง่ายตอ่ การมอบหมายและกระจายงาน • สามารถใช้ทรัพยากรและกาลังคนท่ีมีอยู่จริงใน องคก์ ร • สามารถจดั การกบั เรอ่ื งตา่ งๆในองคก์ รได้พร้อมกัน • เก่ยี วข้องกบั ความอยู่รอดขององค์กร
• Infographic Style การกาหนดกลยทุ ธ์ (Strategic formulation) กลยุทธ์ (Strategy) ➢ กลยุทธ์เป็นแนวทางหรือวิธีการทางานท่ีดีท่ีสุดเพื่อให้บรรลุผล ตามเป้าหมาย พันธกิจ และวิสัยทัศน์ท่ีกาหนดไว้ การกาหนดกล ➢ คือแนวทางหรือวิธีการทางานที่แยบยลเพื่อให้บรรลุ ยทุ ธจ์ งึ มีความสาคัญมากตอบผลลพั ธใ์ นอนาคต เป้าหมาย โดยทั่วไปกลยุทธ์ไม่ใช่วิธีการทางานตามปกติ แต่เป็นแนวทางหรือวิธีการที่มีกลวิธีสาหรับการทางาน ➢ การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกและภายในองค์กรจะนามากาหนด ภายใต้ข้อจากดั ตา่ งๆ เป็นกลยุทธ์ในระดับองค์กรโดยรวมซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักท่ี ผู้ บ ริ ห า ร ร ะ ดั บ สู ง จ ะ เ ป็ น ผู้ ตั ด สิ น ใ จ ว่ า ค ว ร น า ก ล ยุ ท ธ์ ใ ด ไ ป ➢ ได้จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์กร ได้แก่ ดาเนินการ ทงั้ นี้มีบรรทัดฐานในการตัดสินใจเลือกกลยทุ ธด์ งั นี้ จดุ แข็งและจุดออ่ น • กลยุทธ์ตอ้ งตอบสนองตอ่ สิ่งแวดล้อมภายนอก • กลยุทธ์ท่ีดีต้องคานึงถึงการรักษาเสถียรภาพและความ ➢ จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร ได้แก่ ไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั โอกาสและอปุ สรรคขององคก์ ร • กลยทุ ธ์แต่ละดา้ นต้องมีความสอดคลอ้ งกัน • กลยุทธ์ทีด่ ตี อ้ งคานึงถงึ ความยืดหยนุ่ ➢ จากน้ันนามาวิเคราะห์หาตาแหน่งขององค์กร ( Position • กลยทุ ธ์ต้องสอดคล้องกบั พันธกิจและเปา้ ประสงค์ analysis) และกาหนดกลยุทธต์ า่ งๆในลาดับถัดไป • กลยุทธท์ ี่ดตี อ้ งมีความเปน็ ไปได้ในการดาเนินงาน
การกาหนดกลยทุ ธ์หลกั ( Grand strategies) เป็นกลยุทธ์ระดบั องค์กรโดยรวมที่จะแสดงใหเ้ หน็ ถึงทศิ ทางการดาเนินงานขององคก์ ร และการสรา้ งสมรรถนะในการแข่งขัน ซึง่ มีกลยทุ ธห์ ลกั 4 ประเภทคือ กลยุทธ์พลิกฟ้นื (Turn around strategy) เป็นการปรบั ปรุง การพฒั นา การสร้างเครือข่าย เพือ่ ลดจดุ อ่อนภายในองค์กร กลยทุ ธ์รักษาเสถยี รภาพ (Stability strategy) การเลือกขยายงานเฉพาะส่วนทีย่ ังมจี ดุ แขง็ มาช่วยต้านอปุ สรรค ภายนอกองคก์ ร
การกาหนดกลยทุ ธห์ ลัก (Grand strategies) เปน็ กลยุทธร์ ะดับองค์กรโดยรวมที่จะแสดงใหเ้ หน็ ถึงทศิ ทางการดาเนินงานขององค์กร และการสร้างสมรรถนะในการแข่งขนั ซึ่งมีกลยทุ ธ์หลัก 4 ประเภทคือ กลยุทธเ์ ชิงรกุ (Aggressive strategies) เพื่อดาเนินงานที่มุ่งสร้างความเจริญเติบโตให้องค์กร มีลักษณะการบูรณาการแนวด่ิง (vertical integration) เพือ่ ขยายขอบเขตงานขององค์กร ➢ แยกเป็นการบูรณาการแนวด่ิงไปข้างหลัง (Backward) ที่สามารถควบคุมปัจจัยนาเข้าต่างๆที่ จาเปน็ ต่อการดาเนินงาน ➢ การบูรณาการแนวด่ิงไปข้างหน้า (Forward) เพื่อสามารถควบคุมการบริการ/การจาหน่าย สนิ ค้าและบรกิ าร ซึง่ สง่ ผลต่อการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) ➢ การบูรณาการในแนวนอน (Horizontal integration) เป็นการขยายขนาดของกิจการเพื่อเพิ่ม ยอดขายและการให้บริการ เป็นการเพ่ิมส่วนแบ่งทางการตลาดจากคู่แข่งที่ประกอบกิจการใน ลักษณะเดียวกนั เรียกว่าการแตกตวั (diversification) ➢ หรือเป็นลักษณะของการขยายกิจการแตกต่างไปจากบริการเดิม รวมถึงการร่วมลงทุน (Joint ventures) ➢ หรือการรวมกิจการเข้าด้วยกัน (Mergers) เพือ่ สร้างความเติบโต
การกาหนดกลยทุ ธ์หลกั (Grand strategies) เปน็ กลยุทธ์ระดบั องค์กรโดยรวมทีจ่ ะแสดงใหเ้ หน็ ถึงทศิ ทางการดาเนินงานขององคก์ ร และการสร้างสมรรถนะในการแข่งขนั ซึง่ มีกลยทุ ธ์หลัก 4 ประเภทคือ กลยุทธก์ ารตดั ทอน (Retrenchment strategies) เป็นการเลือกกลยุทธ์ท่ีพยายามรักษาองค์กรเอาไว้โดยการลดต้นทุน ด้านต่างๆ เช่น ด้านบุคลากร ด้านพัสดุครุภัณฑ์ ด้านการผลิต ด้าน การบริหาร ได้แก่ ➢ การลดขนาดองค์กร (Downsizing)โดยการขายองค์กรบางส่วนท่ีทา ประโยชน์ไดน้ ้อยออกไป ➢ การเลิกกจิ การ (Liquidation) ➢ การถอนการลงทนุ (Divestment) โดยการขายทรัพย์สินให้ผู้อื่นเพื่อ สะสางหนีส้ ินขององคก์ ร
กลยทุ ธ์ระดับหนว่ ยงาน Business Level strategies จะต้องกาหนดตามกลยุทธ์หลักขององค์กรซึ่งหน่วยงาน จาเป็นต้องแปลงกลยุทธ์หลักในระดับนโยบายให้เป็น กลวธิ ีในการบรหิ าร จะเนน้ การวิเคราะห์ปัจจัย 5 ด้านใน เชิงการแข่งขัน ( five forces model ของ Michael E. Porter)
กลยทุ ธร์ ะดับหนว่ ยงาน Business Level strategies ➢ 1. อุปสรรคกีดขวางการเข้าสอู่ ุตสาหกรรมของคู่แข่งรายใหม่ เป็น การเผชิญกับการเข้ามาของหน่วยงานใหม่ เช่นหน่วยงานที่ถูก ตงั้ ขึ้นมาใหม่แต่มีหน้าทีค่ ล้ายหรือเหมือนกัน ➢ 2. แรงผลักดันจากผู้ผลิตหรือคู่แข่งที่มีในอุตสาหกรรม เป็นการ ต่อสู้ระหว่างหน่วยงานที่มีอยู่เดิม ที่ทาหน้าที่คล้ายกันหรือมี ลกู ค้ากลมุ่ เดียวกัน ➢ 3. อานาจต่อรองของผู้ขาย หรือ การต่อรองกับผู้สนับสนุน/ผู้ให้ งบประมาณเป็นการเลือกกลยุทธ์เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนและ งบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ ➢ 4. อานาจการต่อรองของกลุ่มผู้ซื้อหรือลูกค้า เป็นการต่อรอง ราคากับผู้รับบริการ เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งให้องค์กรมีรายรับที่เพิ่มขึ้น หรือใหบ้ ริการเช่นเดิมแตต่ ้นทนุ ตา่ ลง ➢ 5. แรงผลักดนั ซึง่ เกิดจากสินค้าอื่นๆซึ่งสามารถใช้ทดแทนได้ การ เผชิญกับบริการฯที่ทดแทนได้ เป็นการเลือกกลยุทธ์เพื่อแก้ไข ปัญหาเมื่อมีสินค้าหรือบริการที่มาทดแทนของเดิม ได้แก่ การ ลดราคาสนิ คา้ หรือบริการ หรือการใชว้ ิธีใหข้ องแถม
ทฤษฎีเกีย่ วกับการวางแผน ➢ ในแต่ละปีหน่วยงานต่างๆจะมีการจัดทาแผนปฏิบัติการสาหรับ หน่วยราชการนั้นต้นปีงบประมาณเดือนตุลาคมถึงธันวาคมของ ทุกปี จะเป็นช่วงของการวางแผนและประสานแผนโดยเน้นที่การ จัดทาแผนปฏิบัตกิ ารระยะสนั้ 1ปีงบประมาณ เปน็ ส่วนใหญ่ ➢ การวางแผน (Planning) เป็นการเชื่อมโยงส่ิงที่องค์การคาดหวัง กับส่ิงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประเด็นสาคัญคือ การวางแผนน้ัน จะต้องไม่หยุดนิ่งแต่พร้อมที่จะปรับเปล่ียนได้ตลอดเวลาเพ่ือให้ เขา้ กบั สถานการณ์และความเหมาะสม โดยวธิ ีการในการวางแผน นัน้ จะมอี ยู่ 5 วิธี
วิธีการในการวางแผนนน้ั จะมีอยู่ 5 วิธี การวางแผนจากบนลงลา่ ง (Top–Down Planning) 01 การวางแผนจากลา่ งขึน้ บน (Bottom–Up Planning) 02 การวางแผนจากภายในสภู่ ายนอก (Inside-Out Planning) 03 การวางแผนจากภายนอกสู่ภายใน (Outside-In Planning) 04 การวางแผนแบบตามสถานการณ์(Contingency 05Planning)
วิธีแบบบนลงลา่ ง (Top-Down Planning) ➢ การวางแผนจากบนลงล่าง เป็นวิธีที่ผู้วางแผนกาหนด นโยบาย วัตถุประสงค์ขึ้นมาก่อนแล้วจึงให้ทาการ วางแผนตามกรอบที่กาหนดขึ้นมาน้นั ➢ การวางแผนวิธีน้ีมีข้อกาหนดต่างๆ เพราะผู้บริหาร ร ะ ดั บ สู ง จ ะ เ ป็ น ผู้ เ ริ่ ม ต้ น แ ล้ ว ก ลั่ น ก ร อ ง ล ง ม า ยั ง ผ้บู ริหารระดบั กลางแล้วลงมายงั ผู้ปฏิบัติ ➢ เป็นวิธีการวางแผนเพื่อเน้นความเป็นอย่างเดียวกัน หรือเน้นที่นโยบายเป็นใหญ่ จึงก่อให้เกิดผลเสียใน ความร่วมมือของผู้ปฏิบัติจากระดับล่าง ผู้ปฏิบัติมักจะ ไม่พอใจเพราะไม่มีส่วนร่วมในการวางแผน
วิธีแบบลา่ งขึน้ บน (Bottom-Up Planning) ➢ เป็นลกั ษณะของกระบวนการทีม่ าจากด้านล่าง คือการ เข้ามามีส่วนร่วมของระดับผู้ปฏิบัติการ หรือจาก ประชาชนมากขึ้น ➢ มีข้อดีคือ ได้แผนที่ตรงใจคนทางานหรือประชาชน มากกว่า แต่อาจเกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน หาก ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือประชาชนไม่เห็นด้วย หรือมีการ แบ่งกลุ่มทางานหรือกลุ่มของประชาชน จะทาให้เกิด ความว่นุ วายได้
วิธีแบบล่างขึน้ บน (Bottom-Up Planning) ➢ การวางแผนจากล่างขึ้นบน เป็นการวางแผนที่เริ่มต้นจาก ระดับล่างขององค์การแล้วเสนอขึ้นไปเป็นลาดับข้ันจนถึง ผ้บู ริหารระดับสูงขององค์การ ➢ เป็นแผนงานที่เกิดจากการรวบรวมกิจกรรมต่างๆ ของทุก หน่วยงานโดยไม่มีการประสานงานจากหน่วยงาน จึง ก่อให้เกิดผลเสียที่แผนขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทิศทางและเป้าหมายการดาเนินการขัดแย้งกันและไม่ สมั พนั ธ์กนั ➢ แต่มีผลดีทาให้ผู้ปฏิบัติเกิดความผูกพัน เกิดความรู้สึกมี ส่วนร่วมและความเป็นเจ้าของในแผนเพราะได้ท่าแผนเอง
การวางแผนจากภายในสูภ่ ายนอก (Inside-Out Planning) ➢ การวางแผนจากภายในสู่ภายนอก เป็นการวางแผนที่จะ เน้นการวางแผนให้ดีทีส่ ุดเท่าที่ความสามารถขององค์การที่ มีอยู่ ซึ่งความสามารถขององค์การหมายถึง ทรัพยากรที่ องค์การเปน็ เจ้าของอย่ขู ณะนั้น ➢ ก่อนวางแผนผู้วางแผนจะต้องสารวจทรัพยากรต่างๆ ที่มี อยู่แล้ววางแผนให้เหมาะสมกับทรัพยากรน้ัน แม้ว่าจะมี วิธีการที่ดีกว่าผู้วางแผนก็ทาไม่ได้เพราะไม่มีทรัพยากร เพียงพอ ➢ วิธีการวางแผนจากข้างในไปข้างนอกจึงเป็นการพิจารณา จากขีดความสามารถขององค์การแล้ววางแผนให้ดีที่สุด ตามขีดความสามารถน้นั
การวางแผนจากภายนอกสภู่ ายใน (Outside-In Planning) ➢ การวางแผนจากภายนอกสู่ภายใน ผู้วางแผนจะพิจารณา ปจั จยั ภายนอกองค์การก่อนแล้วจึงมาวางแผนขององค์การ ➢ ผู้วางแผนอาจออกไปดูงานหรือสารวจข้อมูลข้างนอกเพื่อดู ว่าองค์การอื่นหรือหน่วยงานอืน่ วางแผนกนั อย่างไร ➢ เลือกวิธีการวางแผนที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพสูงสุดและ นาเอาวิธีทีด่ ีทีส่ ุดมาใช้วางแผนขององค์การ ➢ วิธีการวางแผนวิธีน้ีจึงเป็นการน่าเอาปัจจัยภายนอกมา พิจารณาในการวางแผนแล้วปรับปัจจัยภายในองค์การให้ สอดคล้องกับข้างนอก ➢ วิธีการน้ีจะช่วยลดปัญหาการวางแผนงานให้เหลือน้อยลง และสร้างโอกาสการวางแผนให้ดีขึ้น
การวางแผนแบบตามสถานการณ์ (Contingency Planning) ➢ การวางแผนแบบตามสถานการณ์ เป็นการวางแผนที่ผู้ วางแผนได้กาหนดทางเลือกที่จะดาเนินงานไว้หลายๆ ทางเลือก ➢ หากแผนเดิมที่กาหนดไว้ไม่สามารถนาไปใช้ได้อัน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ก็สามารถน่า แผนสารองที่ได้วางแผนไว้ออกมาใช้
ลกั ษณะของแผนที่ดี ➢ เอกสารที่จะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าให้ใคร ทาอะไร ที่ไหน อย่างไร มีการประสานงานกันอย่างไร ใช้ทรัพยากรใดบ้าง เพือ่ ท่จี ะบรรลุเป้าหมายทีต่ อ้ งการ ➢ ซึ่งแผนที่ดีควรมีการกาหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ ชัดเจน เข้าใจง่าย มีความยืดหยุ่น ง่ายต่อการดัดแปลงแก้ไข ให้สามารถเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ตลอดเวลา ➢ แต่ต้องคานึงถึงเสมอว่า แผนที่ดีต้องสามารถนาไปปฏิบัติได้ จริง และมีการดาเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการปรับปรุง ให้เข้ากับยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา มีความเป็น Dynamicซึ่ง พฒั นาเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีและสถานการณ์ต่างๆ
ลกั ษณะของแผนที่ดี ➢ การวางแผนแบ่งออกเปน็ หลายระดับตามระยะเวลา เช่น การทา แผนประจาปี ซึ่งมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความก้าวหน้า และสถานการณ์ที่เปลีย่ นแปลงไป ➢ หรือกาหนดเปน็ แผน 3 ปี หรือ 5 ปี เช่น แผนการบริหารราชการ แผ่นดิน หรือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่ง บางครงั้ ตอ้ งมกี ารวางแผนในระยะยาว เชน่ 10 ปี หรือ 20 ปี อาทิ แผนการจดั หาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึง่ หากเกิดไฟฟ้าไม่พอต่อ ความตอ้ งการใชจ้ ะส่งผลกระทบต่อประเทศเปน็ อย่างมาก ➢ ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นระยะเวลานาน โดยก่อน จะทาการวางแผนจะต้องรู้ว่าวงจรของการบริหารแผน (Plan Circle)เปน็ อย่างไร จงึ จะทาใหเ้ กิดแผนทีด่ ีประสบความสาเร็จได้
การบริหารแผนที่ดี ประกอบ 3 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ การวางแผน การปฏิบตั ิตามแผน การประเมินผล
การบริหารแผนเพือ่ ทาให้เกิดแผนทีด่ ี ประกอบด้วย วัตถปุ ระสงคม์ คี วามเปน็ เอกเทศ การสื่อสาร การสร้างความพึงพอใจ การกาหนดรูปแบบการปฏิบตั ิงานตามแผน มีการสือ่ สารให้การทางานท่มี ี เปา้ หมายในการสร้างความพึงพอใจ ท่ีดี ระยะเวลาการดาเนินการตามแผน ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ให้กบั ลูกค้าหรอื ประชาชนมากท่สี ดุ ผ้รู บั ผิดชอบและผู้เกี่ยวข้อง มีความเป็นไปได้ มีความยืดหยุน่ มีสว่ นรว่ มในการวางแผน ตอ้ งมีความเป็นไปไดใ้ นทางปฏิบัติ มีความยืดหยุน่ สามารถตอบสนอง ให้บุคลากรท่ีเกี่ยวข้องกับองค์การได้ สภาวะแวดลอ้ มทม่ี ีการเปลีย่ นแปลงได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน
ประเภทของแผน แบง่ ตามระยะเวลาของแผน แบ่งตามชนิดของแผน แบง่ ตามความถี่ในการใช้แผน หรือตามระดับการบริหาร
ประเภทของแผน แบง่ ตามหนา้ ทีด่ าเนินงาน แบ่งตามวัตถุประสงคข์ องการใช้ แผน แบ่งตามลักษณะความสาคัญ ของแผน
แบง่ ตามระยะเวลาของแผน ไดแ้ ก่ แผนระยะส้ัน Short range plan แผนระยะกลาง Intermediate range plan แผนระยะยาว Long range plan
แบง่ ตามชนิดของแผนหรือตามระดับการบริหาร แผนกลยทุ ธ์ (Strategic Plan) เ ป็ น แ ผ น ร ะ ย ะ ย า ว ที่ ร ว บ ร ว ม ทิ ศ ท า ง ใ น ก า ร แผนยุทธวิธี (Tactical Plan) ปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายขององค์การที่กาหนด แผนปฏิบัติการ (Operation Plan ไว้ โดยผูบ้ ริหารระดบั สูงเปน็ ผรู้ บั ผิดชอบแผน เปน็ แผนระยะกลางทีแ่ สดงรายละเอียดทีส่ อดรบั กับแผนกลยทุ ธ์และเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้ เป็นแผนระยะสั้นที่กาหนดเฉพาะเจาะจงว่าต้อง ปฏิบัติอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร โดยใคร เพื่อให้บรรลตุ ามเปา้ หมายขององค์กร
แบ่งตามความถี่ในการใชแ้ ผน ได้แก่ แผนประจา • นโยบาย (Policy)เป็นแนวทางกว้างๆที่ใช้ในการตัดสินใจและปฏิบัติภารกิจใน (Standing Plan) องคก์ าร แผนใชค้ ร้ังเดียว • ระเบียบวิธีปฏิบัติ (Procedure) เป็นข้อกาหนดมาตรฐานของการปฏิบัติงานซึ่งไม่ (Single Use Plan) เปิดโอกาสให้ใช้ดุลพนิ ิจในการตดั สินใจ • วิธีการ (Method) มีลักษณะใกล้เคียงกับระเบียบวิธีปฏิบัติ แต่จะมีรายละเอียดที่ เจาะลึกและเฉพาะเจาะจงมากกวา่ • กฎ (Rule) เป็นคาแนะนาที่เฉพาะเจาะจง ไม่แสดงลาดับข้ันตอนของการกระทา และมักมีบทลงโทษสาหรบั ผู้ที่ไม่ปฏิบตั ิตาม • โครงการ (Programme) เพือ่ บรรลเุ ป้าหมายที่สาคญั ขององค์การเพียงครง้ั เดียว มี ระยะเวลาและระบุขอ้ มูลทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับเปา้ หมาย วธิ ีการ ผ้รู บั ผิดชอบ และการ คาดการณ์คา่ ใชจ้ า่ ย • โครงงาน (Project) เป็นสว่ นที่ย่อยของโครงการและมีระยะเวลาทส่ี น้ั กว่า • งบประมาณ (Budget) เป็นแผนซึง่ แสดงในรูปตวั เงนิ ของโครงการดาเนินงานใน ระยะเวลาหนึ่ง มีการคาดการณ์ การบริหารโครงการ คา่ ใช้จ่าย ทรพั ยากรทีจ่ าเปน็ ในการสนับสนนุ การดาเนินงาน • ตารางการทางานของโครงงาน (Project Schedule) แผนงานที่ใชก้ าหนดกิจกรรม ทีต่ ้องปฏิบตั ิในกรอบของเวลาเพือ่ ให้บรรลุตามเป้าหมายของโครงการโดยทว่ั ไป นิยมใช้ Gantt chart
การแบ่งตามหน้าที่ดาเนินงาน แผนแม่บท (Master แผนปฏิบัติงาน (Functional Plan) แผนโครงการ (Project) Plan) เป็นแผนท่ีเกิดจาก เป็นแผนย่อยที่อยใู่ นแผนแมบ่ ท เป็นแผนงานย่อยท่สี ดุ ของนโยบาย การรวมแผนทั้งหมดภายใน องค์การเข้าไว้ด้วยกัน เช่น แผนประมวลสรุป แผนกิจกรรม (Activity Plan) แ ผ น แ ม่ บ ท เ ก ษ ต ร อิ น ท รี ย์ (Comprehensive Plan) แผนแม่บทพลังงานทดแทน เ ป็ น แ ผ น ต า ร า ง ก า ร ท่ า ง า น เปน็ ต้น เป็นแผนท่ีประมวลรวมแผนปฏิบัติงานและ (Scheduling) ในความรับผิดชอบของ แผนโครงการไว้ด้วยกัน เช่น แผนสาธารณสุข หนว่ ยงานยอ่ ยในองค์การ แผนการจัดการศึกษา เปน็ ต้น
การแบง่ ตามวัตถุประสงค์ของการใชแ้ ผน 1 แผนดา้ นการเงิน 3 แผนด้านการผลิต 5 แผนด้านการบริหาร 2 แผนด้านการตลาด 4 แผนดา้ นทรพั ยากร มนษุ ย์
บคุ คลทีเ่ กี่ยวข้องกับการวางแผน ผู้บรหิ ารระดับสูง ผู้บรหิ ารระดับกลาง ผ้บู รหิ ารระดบั ตน้ พนกั งานที่เกี่ยวข้อง เจ้าของกิจการ กรรมการ ผู้ จั ด ก า ร ส า ข า ผู้ จั ด ก า ร หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่าย พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการ ผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการอาวุโส โรงงาน จะเกี่ยวข้องกับการ หัวหน้างาน จะเกี่ยวข้องกับ วางแผน ท่าหน้าที่ปฏิบัติงาน ทาหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ให้กับ วางแผนใน การวางแผนในระดับต้นหรือ ตามแผนทีไ่ ดก้ ่าหนดไว้ องค์การ จะเกี่ยวข้องกับการ ระดับกลางหรือการวางแผน การวางแผนดา่ เนินงาน วางแผนในระดับสูงหรือการ โครงการ วางแผนกลยุทธ์
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคลกับระดับการวางแผน จะเหน็ ได้วา่ บุคคลในแตล่ ะระดบั จะมีความเกีย่ วขอ้ งกบั การวางแผนที่แตกตา่ งกนั ไป
กระบวนการในการวางแผน การจัดเตรียมแผน เช่น จัดเตรียมข้อมูลประกอบการวางแผน การศึกษานโยบายและวัตถุประสงค์ การวางแผนอย่างถี่ถ้วน ศึกษาหลักวิชาการที่ใช้ประกอบการวางแผน ศึกษา สภาวะแวดล้อมตลอดจนคุณลักษณะและข้อจากัดขององค์กรทีเ่ กี่ยวข้องกับการ การกาหนดแผน วางแผน 1 เป็นการกาหนดรายละเอียดของ แผน เช่น การกาหนดขอบเขต 2 ขน้ั วางแผน ขนั้ ตอนวิธีการปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ และผู้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตาม Formulation of plan แผน งบประมาณและกาหนดการ 3 ดาเนนิ งาน การขออนุมตั แิ ผน เป็นขนั้ ตอนของการนาเสนอแผนที่ไดจ้ ัดทาให้แก่ผู้บรหิ ารเพือ่ พจิ ารณาอนมุ ตั ิกอ่ นนาแผนไปใช้จรงิ
กระบวนการในการวางแผน ขน้ั วางแผน ขน้ั ปฏิบตั ิตามแผน ขั้นการประเมินผลแผน Formulation of plan Implementation of plan Evaluation of plan เป็นข้ันตอนของการนาแผน ขั้นตอนของการวิเคราะห์ผลที่ ที่ได้จัดทาเรียบร้อยแล้วไป ได้รบั จากการนาแผนที่ได้จัดทา ใช้งานจริง ไปปฏิบัติ นักวิเคราะห์ผลใน ด้ า น ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล แ ล ะ ประสิทธิภาพจากการนาแผน ไปปฏิบตั ิ
เทคนิคและเครือ่ งมือที่ใช้ประกอบการวางแผน เทคนิคการวิเคราะห์ การพยากรณ์ การทางบประมาณ สภาวะแวดลอ้ ม (Forecasting) (Budgeting (Environmental Scanning) การจดั ตารางการทางาน การวิเคราะหจ์ ุดคมุ้ ทุน (Scheduling) (Breakeven Analysis)
เทคนิคการพิจารณาสภาวะแวดล้อม เป็นการพิจารณาสภาวะแวดล้อมของ ➢ การพิจารณาความฉลาดของคู่แข่ง (Competitor Intelligence) องค์การที่มักพิจารณาสภาพการณ์ เป็นกระบวนการในการรวบรวมข้อมูลของคู่แข่งให้ได้มากที่สุด ของคู่แข่งและองค์การอื่นที่มีความ แล้วนามากล่ันกรองวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคู่แข่งว่ามี เกี่ยวข้อง แล้วนาผลมาวิเคราะห์ ผลกระทบต่อองค์การของเราอย่างไร คู่แข่งมีแนวโน้มจะ ประกอบการวางแผนขององค์การ เปล่ยี นแปลงอย่างไรแลว้ นาขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผนรบั มือ สามารถทาในรูปแบบต่างๆดงั น้ี ➢ ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ ( Benchmarking)เ ป็ น ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ เปรียบเทียบองค์การของเรากับองค์การอื่นที่ดีที่สุด อาจเป็น องคก์ ารทีม่ ลี กั ษณะเดียวกันหรือองคก์ ารอืน่ ที่ไม่ใช่คู่แข่งขัน แลว้ นาจดุ เดน่ เหล่านนั้ มาประยกุ ต์ใชก้ บั องคก์ ารของตน ➢ การพิจารณาในระดับนานาชาติ (Global Scanning) เป็นการ รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลของสภาวะแวดล้อมในระดับ นานาชาติ
การพยากรณ์ (Forecasting) เป็นเทคนิคที่ใช้ข้อมูลในอดีตมาหาแนวโน้มเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยวิธีทางสถิติ ซึ่ง ช่วยให้องค์การสามารถคาดการณ์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยให้องค์การสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลีย่ นแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิง่ ขึ้น เทคนิคที่นิยมใช้ใน การพยากรณไ์ ดแ้ ก่ ➢ การวิเคราะหถ์ ดถอย (Regression Analysis ) ➢ การวิเคราะห์อนุกรมเวลา (Time Series Analysis) ➢ การหาค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Moving Average Method)
การทางบประมาณ (Budgeting) เป็นการจัดทาข้อมูลทางการเงินในลักษณะของการ ➢ งบประมาณรายได้ (Revenue Budgets) เป็นการ ประมาณการล่วงหน้า การทางบประมาณเป็นการแสดง ประมาณการรายได้ขององค์การไว้ล่วงหน้า โดย ศักยภาพในการใช้เงนิ ขององค์การ และเป็นการแสดงการ พิจารณาจากราคาขายกับยอดขายสินค้าหรือ จัดสรรทรพั ยากรที่มอี ยใู่ หก้ ับกิจกรรมขององค์การเพ่ือให้ บริการ บรรลุตามเป้าหมายขององค์การ การทางบประมาณจึงมี ประโยชน์ใช้ในการวางแผนและควบคุมการใช้เงินของ ➢ งบประมาณรายจ่าย (Expense Budgets) เป็นการ องค์การ ซึ่งงบประมาณชนิดตา่ งๆประกอบด้วย ป ร ะ ม า ณ ก า ร ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ข อ ง อ ง ค์ ก า ร ใ น ร อ บ ระยะเวลาหนึ่งไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีการจัดสรรเงินให้ ในแตล่ ะรายการ ➢ งบประมาณกาไร (Profit Budgets) เป็นการแสดง ยอดกาไรสุทธิโดยประมาณ ที่อาจจะเกิดขน้ึ
การจดั ตารางการทางาน (Scheduling) เป็นเคร่ืองมือที่ช่วยในการวางแผนการปฏิบัติงานรายวันให้ ➢ แผนภูมิภาระงาน Load Chart เป็นแผนภูมิที่มีการ เกิดการทางานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การจัดตารางการ ดัดแปลงมาจาก แผนภูมิของแกนต์ แทนที่จะเป็น ทางานมักแสดงรายการของกิจกรรมที่ต้องปฏิบตั ิ เชน่ แสดง การแจกแจงกิจกรรม ในแกนตง้ั ก็จะมีการแจกแจง ข้อมูลการวางแผนผู้ปฏิบัติงาน การกาหนดงาน การ เป็นหนวยงานที่ จะเปน็ ผ้ทู างานแทน กาหนดเวลาปฏิบัติงาน การกาหนดเคร่ืองมือเคร่ืองจักรที่ใช้ ในการทางาน การวางแผนการผลิตในช่วงเวลาการทางาน ➢ แผนภูมิแกนต์ Gantt Chart แผนภูมิแกนต์เป็น การจดั ตารางการทางานมักนยิ มแสดงในรปู แบบตา่ งๆ แผนภูมิทีม่ ีการระบหุ ัวข้อกิจกรรม หรือการด าเนิน งานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนึ่ง ช่วงเวลาของการ วางแผนงาน ซึ่งจะมีการแสดงระยะเวลาของแต่ละ กิจกรรมใหอ้ ยู่ในรปู ของเส้นแถบ (Bar) แนวนอน ➢ การวิเคราะห์โครงข่ายงานแบบ PERT (PERT Network Analysis) ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข่ า ย ง า น PERT/CPM
Search